Wednesday, November 18, 2009

ซินยุนบก - เรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ - ซินยุนบก ตอนที่16-20

ซินยุนบก 16
ซินยุนบกรีบเข้ามาดูคิมฮงโด "อาจารย์ หึ ท่านเป็นไรหรือเปล่า"
"บอกว่าอย่าออกมาไงล่ะ"
"แต่มือท่านจะถูกทำลายอีกครั้ง ข้าจะนิ่งดูดายได้ยังไง"
"แต่เราจะทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวัง งานก็ไม่ได้คืบหน้าไปอีก"
"น่าจะยังมีทางอื่นบ้าง"
ใต้เท้าชางนำภาพกลับมาและบอกเสนาขวาว่า
"เหมือนที่เห็นอยู่ เราสามารถเอาคืนมาได้หมด"
"อึม ลำบากท่านจริงๆ ไม่เข้าใจว่ารูปพวกนี้ จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขานักหนา"
"ในเมื่อคิมฮงโดเริ่มสืบเรื่องในอดีตอย่างเปิดเผย ก็แสดงว่าฝ่าบาทก็ทรงคิดเหมือนกัน แต่ยังไงก็ช่าง กุญแจดอกสำคัญมาอยู่ในมือเรา ฝ่าบาทจะไม่มีวันได้รู้ความจริงเด็ดขาด"
"อึม แน่นอน ตอนนี้เจ้าทังวอนก็คงหมดทาง ได้แต่ยอมรามือ ต่อเรื่องที่ฝ่าบาทมีรับสั่ง"
"งานนี้ท่านทำดีมาก ขอชมเชย"
"งั้นตอนนี้ ใต้เท้าคงวางใจแล้วสิ"
ด้านซินยุนบกรวบรวมข้อมูลมาให้คิมฮงโด
"คงจะได้แค่นี้"
"อึม พอแล้ว"
"มีทางจะได้มากกว่านี้มั้ย"
"ในเมื่อเบาะแสถูกตัดขาด เราก็คงจนปัญญา ถ้าไงไปพักผ่อนเถอะ"
"ครับ ถ้าอย่างงั้น เรื่องพระรูป ไว้พรุ่งนี้เรามาเจอที่นี่ แล้วค่อยไปเข้าเฝ้าด้วยกัน"
"เอาตามนี้แหละ ไม่ ไม่เป็นไร ใส่กลับบ้านไปด้วย"
"อย่าเลยครับ" ซินยุนบกปฏิเสธ
"เอ่อ น่าแปลกจริงๆ ดู ดูเหมือนเรา เอ่อ จะเหมือน สามี ภรรยา ยังไงก็ไม่รู้"
"ถ้าตอนนี้ข้า เป็นผู้หญิงจริง ท่านจะทำยังไง"
"ข้า" คิมฮงโดอึ้งไป
ซินยุนบกหัวเราะ "หึ"
"ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิงจริง"
จองซูมาพบคิมฮงโด
"อ้อ เจ้าเองหรือจองซู"
"พี่ทังวอน วันนี้ท่าน ไปไหนมาหรือคะ จริงสิ แล้วมือท่านเป็นไงบ้าง"
"อ้อ เอ่อ ไม่เป็นไรจ้ะไม่เป็นไร"
"หึๆ ถ้าอย่างงั้น คงต้องเปลี่ยนผ้าใหม่ ข้าไปเอามาให้นะคะ"
"ไม่ต้อง ไม่เป็นไรหรอก ผ้าพันแผลนี่ หลังๆ ข้าเปลี่ยนเองได้แล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะนะ"
"หึ ท่านอย่าเกรงใจข้ามากได้ไหม"
"เอ่อ ข้ามีเรื่องต้องคิดหลายอย่าง ถ้าไงเจ้าไปนอนก่อนเถอะ"
"เอ่อ ค่ะ ก็ได้ งั้นราตรีสวัสดิ์นะคะ"
"อึม เอ่อ จองซู"
"คะ?"
"ถ้าหาก มีใครที่เหมาะกับเจ้าจริงๆ ก็แต่งงานไปเถอะนะ"
"อ้อ คะ คือ เรื่องนี้ พูดอะไรก็ไม่รู้ ข้ายังไม่คิดซักหน่อย หึ"
ชอนเฮียงรู้ว่าคิมโจนึนตามหาซินยุนบกอยู่ จึงให้สาวใช้ไปดักรอซินยุนบก พอเจอตัวชอนเฮียง ซินยุนบกก็แปลกใจ
"หึ ชอนเฮียง"
"ทำไมกลับมาซะดึกล่ะ" ซินยุนบกอึกอัก
"รีบเขียนภาพให้เสร็จเร็วเข้า"
ซินยุนบกยังงง "เขียนภาพ?"
"ไม่มีใครเห็นเจ้าออกไปข้างนอกแล้วจะอธิบายยังไง ถ้ามีรูปของข้าติดมือ อย่างน้อยก็เป็นข้ออ้าง ว่าเขียนรูปอยู่ในห้องข้าตลอดเวลา"
"อ้อ ขอบใจมาก อีกอย่าง ขอโทษด้วย"
"งั้นก็อย่ารอช้า เอารูปลักษณ์ของข้า ไปใส่ในผลงานของเจ้าอีกครั้งเร็วๆ จะให้ข้าทำอะไรบ้างล่ะ"
"ข้าอยากเห็นเจ้า ในสภาพที่เราเจอครั้งแรก"
"ที่เราเจอครั้งแรก? หมายถึงตอนอยู่ในร้านขายผ้า แล้วเราพบกันน่ะหรือ"
"สำหรับเจ้าแล้ว นั่นอาจเป็นครั้งแรกก็จริง แต่ข้าไม่ใช่"
"ก่อนหน้านั้นเจ้าก็เคยเห็นข้ามาก่อนหรือ"
"อึม ข้าเคยเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่ชุดสีเหลืองและใส่หมวก ข้ามสะพานไปพร้อมกับเพื่อนๆ"
"เห็นภาพนี้แล้ว บอกว่าเจ้านั่งเขียนทั้งวัน เขาก็คงเชื่อ"
"แล้วเจ้าล่ะชอบมั้ย"
"ไม่เพียงแต่ชอบเท่านั้น ทุกวันนี้ ขอเพียงมีเจ้าอยู่ใกล้ๆ ข้ามักเห็นภาพตัวเองสมัยที่ยังเด็กอยู่ แม้ว่าชีวิตจริง ข้าจะถูกขายให้มาอยู่นี่ก็ตาม แต่ความจริงใจที่มีต่อเจ้านั้น ไม่ว่านานแค่ไหนก็ไม่เคยเปลี่ยน"
"ชอนเฮียง คืนพรุ่งนี้ เจ้าไปพบข้าหน่อยได้ไหม ข้ามีเรื่องบางอย่าง อยากบอกให้รู้"
"เรื่องอะไรหรือคะ"
"พรุ่งนี้เที่ยงคืน ไปพบข้าที่ประตูตะวันออกละกัน"
คิมโจนึนพบหน้ากับซินยุนบกก็ถามทันที
"อ้อ เจ้าไปไหนมาทั้งวันน่ะ"
"ครับ ท่านเคยบอกให้ข้าเขียนภาพคนๆ หนึ่ง ข้าเลยทำตามที่สั่งน่ะครับ"
"อ้อ ที่แท้ก็ไปเขียนรูป"
สาวใช้ช่วยพูด "หลังเที่ยงก็ไปที่เรือน เขียนถึงป่านนี้น่ะค่ะ"
"ไหนดูซิ เชิญท่านดูก่อน" คิมโจนึกนำภาพชอนเฮียงให้ขุนนางดู
"เฮ่อๆๆ นางโลมที่ใส่หมวก แถมยังถลกกระโปรงขึ้น ท่าทางรีบร้อนจะไปไหนกัน เฮ่อๆๆ"
"ภาพแบบนี้ ถูกใจท่านหรือเปล่า"
"ถูกใจซี่ มีหรือจะไม่ถูกใจ อิริยาบถแบบนี้ข้าล่ะชอบนักเชียว เฮ่อๆๆ"
"การลงสีก็ทำได้อย่างกลมกลืน ขอบใจมากนะ"
พอมีโอกาสซินยุนบกก็รีบมาพบคิมฮงโดทันที
"มาแล้วหรือ"
"ครับ"
"งั้นก็ไปเถอะ"
"ครับ เอ่อ อาจารย์ คือ วันนี้เมื่อเราทำงานเสร็จแล้ว ข้ามีเรื่องบางอย่างจะบอกท่านให้รู้"
"เรื่องอะไร"
"หึ ไปเถอะครับ หึ"
คิมฮงโดกับซินยุนบกพากันมาเข้าเฝ้าพระราชาจองโจ
"ให้ทังวอนพูดก่อน ท่านได้ไปหาภาพ ที่สิบปีก่อนช่างเขียนคังโซฮัง เขียนไว้หรือยัง"
"พะยะค่ะฝ่าบาท สิบปีก่อน ก่อนที่ช่างเขียนคังจะเสียชีวิต ได้เขียนภาพ เหมือนให้สมาชิก 5 คน ของสมาคมห้าไผ่พะยะค่ะ หลังจากที่หม่อมฉันดูภาพของพวกเขาแล้ว พบว่าหูตาจมูกปาก ล้วนต่างจากเจ้าของภาพตัวจริง"
"ด้วยเหตุนี้ อาจารย์และหม่อมฉัน จึงเอาจุดที่แตกต่างมาเขียนเป็นรูปใหม่ เห็นชัดว่าช่างเขียนคัง เกรงว่าการเขียนพระรูปองค์ชายซาโตจะไม่ปลอดภัย จึงแบ่งส่วนต่างๆ ของใบหน้าอยู่ใน 5 ภาพนั้นพะยะค่ะ" ซินยุนบกทูลต่อ
"หึ ถ้าอย่างงั้น เอาภาพให้ข้าดูหน่อยซิ"
"พะยะค่ะ"
พระราชาจองโจทรงทอดพระเนตรแล้วถึงกับทรงร้องไห้
"เสด็จพ่อ ฮือๆๆ ฮือๆๆ เสด็จพ่อ ฮือๆๆ"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า ภาพนี้ยังมีส่วนหนึ่งที่ไม่ได้เขียนให้เรียบร้อย"
"เพราะส่วนสุดท้ายนั้น เราหามาไม่ได้พะยะค่ะ ฝ่าบาท"
"ฮือ หามาไม่ได้หรือ ฮือ ถ้าอย่างงั้น จะทำไงดีล่ะ ฮือ"
"ฝ่าบาท ถ้าจะใช้ความทรงจำของพระองค์เขียนภาพนี้ให้เสร็จ จะได้ไหมพะยะค่ะ"
"ขอเพียงทรงอธิบายเฉพาะ พระหะนุขององค์ชายซาโต ก็พอแล้วพะยะค่ะ"
"หึ นี่แปลว่า จะเขียนจากบรรยายหรือ"
จากนั้นคิมฮงโดกับซินยุนบกก็เขียนภาพจากการบรรยายของพระราชาจองโจ
"ฝีมือของพวกเจ้า เหมือนทำให้เสด็จพ่อข้าได้เกิดใหม่ ทังวอน แฮวอน พวกเจ้าทำดีมาก"
"ขอบพระทัยที่ทรงชมพะยะค่ะ"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันมีของจะให้ทอดพระเนตรอีกอย่าง"
"นั่นคืออะไร"
"สิบปีก่อน ช่างเขียนที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์หม่อมฉันและถูกปองร้ายเช่นกัน เขาเป็นเพื่อนสนิท และได้ฝากผลงานชิ้นสุดท้ายไว้ที่หม่อมฉัน แต่ว่า หม่อมฉันเห็นว่าภาพนี้ มีข้อข้องใจหลายประเด็น"
"เช่นอะไรบ้าง"
"เป็นภาพเหมือนที่ ไม่มีใบหน้าพะยะค่ะ หม่อมฉันเชื่อว่าภาพนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับการเขียนพระรูป และมีคนคิดปองร้ายอาจารย์กับเพื่อนสนิทหม่อมฉัน จึงได้เก็บมาจนทุกวันนี้พะยะค่ะ"
"มาให้ข้าดูซิ"
ซินยุนบกมองภาพนั้นและคิดในใจ "นั่นเป็นภาพ ที่ท่านพ่อ เคยเขียนไว้ ไม่ใช่หรือ"
"ฝ่าบาท เพื่อนหม่อมฉันคนนี้ เชี่ยวชาญการเขียนรูปเหมือนที่สุด ได้โปรด ทรงช่วยไขปริศนาของภาพนี้ เพื่อให้วิญญาณอาจารย์และเพื่อนหม่อมฉันได้ไปสู่สุขคติด้วยเถอะ"
"รีบไปหาเขาเร็ว คนๆ นี้ไม่แน่ว่า อาจเป็นศัตรูตัวฉกาจของข้าด้วย"
000000000000000
เสนาขวารีบไปทูลพระอัยยิกาว่าตอนนี้คิมฮงโดกับซินยุนบกเข้าเฝ้าพระราชาจองโจอยู่
"ช่างเขียนสองคนนั้น กำลังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่หรือ"
"พะยะค่ะพระอัยยิกา"
"จริงๆ แล้ว มีคนหนึ่งเป็นช่างเขียนที่ถูกไล่ออกจากศูนย์ศิลปะด้วยซ้ำ"
"พวกเขาอยู่ข้างนอก เที่ยวตามหาภาพเหมือนของบุคคลหลายคน เชื่อว่า น่าจะมีเหตุผลตามที่หม่อมฉันสันนิษฐานไว้"
"เหตุผลอะไร"
"ข้อหนึ่งคือ หารูปครบหมดแล้ว จนสามารถเขียนรูปองค์ชายซาโตออกมาได้ หรือไม่ก็คือ ยังหารูปไม่ครบ จึงไม่อาจปะติดปะต่อ เป็นพระพักตร์องค์ชายซาโต"
"แต่ว่ารูปทั้งหมดตอนนี้อยู่กับใต้เท้าชางแล้ว หม่อมฉันคิดว่าอาจเป็นข้อสองมากกว่า"
"หึ มันก็ไม่แน่นัก ข้าจะไปถามด้วยตัวเอง"
พระอัยยิกาเสด็จเข้าเฝ้าพระราชาจองโจ
"เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือใจ พักก่อนเพิ่งจะหน้าร้อน ไม่ทันไรลมหนาวก็เริ่มโชยมาอีกแล้ว"
"ลมหนาวพัดมา พระอัยยิกาต้องดูแลสุขภาพ อย่าให้ประชวรได้ล่ะ"
"มีฝ่าบาทคอยเป็นห่วง หมั่นมาถามไถ่ ข้าจะกล้าให้ตัวเองล้มป่วยได้ยังไง สมัยก่อนองค์ชายซาโตโปรดปรานลูกพลับที่สุด ทุกครั้งที่เห็นลูกพลับสุก ข้ามักปวดใจต่อการเสียชีวิตของเขาเสมอ"
"คนเราจากไปเหลือแต่ความทรงจำ ที่เคยสุขก็ทำให้อาวรณ์ ที่เคยเศร้า ก็มักทำให้ปวดใจจริงมั้ยพะยะค่ะ"
"ทุกครั้งที่คิดถึงเขา ข้ามักรู้สึกอึดอัดใจ บางคนที่ชอบสร้างความวุ่นวาย อาจทำให้ฝ่าบาทเข้าใจผิดบางอย่าง เพราะเรื่องของเสด็จพ่อ ทำให้เห็นเหล่าขุนนางเป็นศัตรูมาจนทุกวันนี้ นึกว่าใครไปทำอะไรต่อเขา แต่ฝ่าบาทคงไม่คิดอย่างงั้นหรอก ข้าจึงต้องคอยปรามพวกขุนนางไว้ จริงหรือเปล่าฝ่าบาท คงไม่เสียเวลาไปยึดกับอดีต จนลืมหน้าที่สำคัญของตัวเองหรอกนะ"
"ในฐานะเป็นลูก จำเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อแม่ตัวเองไว้ ถือเป็นความดีที่น่ายกย่อง และเป็นความกตัญญูด้วย"
"เก็บไว้สิ เก็บไว้เป็นความทรงจำที่งดงามดีกว่า"
พอพระอัยยิกาเสด็จออกมาซังกุงรีบทูลถาม
"พระอัยยิกา เป็นไงบ้างเพคะ พวกเขาจะหาอะไรพบหรือเปล่า"
"คิดว่าคงไม่พบหรอก ถ้าเจออะไรเข้าจริง ป่านนี้คงลงมือทำอะไรบางอย่างแล้ว แต่นี่ฝ่าบาทกลับทำเหมือนปกติ หึ"
เวลานั้นพระราชาจองโจทรงปรับทุกข์กับราชเลขาฮงกุกยอง
"ข้าต้องอดทน กับความเลวร้ายของพวกเขาไปถึงเมื่อไหร่กัน"
"พระอัยยิการับสั่งว่าไงพะยะค่ะ ในเมื่อเจอพระรูปองค์ชายซาโตแล้ว ตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่จะกวาดล้าง คนที่เคยปองร้าย ใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็อย่าละเว้น"
"ยังไม่ถึงเวลา ช่างเขียนสองคนนั้น กำลังไปแกะรอยคนที่สังหารช่างเขียนคังโซฮังและถ้าเจอเมื่อไหร่ ข้าจะพลิกคดีเมื่อ 10 ปีก่อน เอาผิดกับทุกคนที่เกี่ยว ข้องโดยไม่เว้นและจะไม่ยอม ให้คนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว จนไปเอาชีวิตคนอื่นง่ายๆ ตามแต่ใจ ให้มันลอยนวลอีก"
คิมฮงโดเห็นซินยุนบกนั่งเหม่อก็เข้ามาถามว่ามีเรื่องอะไรจะบอกเขา
"เอ่อ ข้าลืมไปแล้ว ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ แต่ว่า ข้าอยากให้ท่าน เล่าเรื่องของเพื่อนสนิทคนนั้น ให้ข้าฟังอย่างละเอียดได้ไหมครับ"
"หมายถึงซอจินน่ะหรือ"
"ครับ ซอจิน"
"หึๆ เขาเป็นเพื่อนสนิทของข้า เป็นคนพูดน้อย แต่มีความจริงใจ จิตใจกว้างขวาง เหมือนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ หรือไม่ก็มหาสมุทร นี่คือนิสัยของเขา"
"แล้วท่านกับเขา อายุเท่ากันหรือเปล่า"
"ทำไมหรือ อายุสำคัญหรือไง"
"ไม่สำคัญ"
"หึๆ เขาแก่กว่าข้า 8 ปีได้ บางทีก็ว่าเป็นเพื่อนต่างวัย แต่เขามีน้ำใจกับทุกคนอยู่แล้ว"
"แล้ว ภาพเหมือนที่เพื่อนของท่านเหลือไว้ ให้ท่าน ขอข้าดูอีกทีได้ไหม"
"ได้สิ ดูชุดที่เขาใส่อยู่ แทบจะเก็บรายละเอียดทั้งหมด เราแทบไม่ต้องเติมอะไรอีกแล้ว"
"ปกติภาพเหมือน ถ้าจะเริ่มเขียน จะเริ่มที่ใบหน้า ทำไมไม่มีหน้าเขานะนี่"
"ถ้าคิดว่า จะเขียนเสื้อผ้าก่อนค่อยเขียนหน้าตา เขาคงไม่เน้นรายละเอียดของเสื้อผ้าขนาดนี้"
"ก็แปลว่า"
"เขาเขียนรูปหน้าเสร็จก่อนอยู่แล้ว"
"เขียนรูปหน้า เสร็จก่อนแล้วหรือ"
"ภาพของใบหน้า ก็อาจซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง"
"เหมือนภาพ 5 คนนั่น ที่แยกเขียนหรือครับ"
"อึม ใช่ ว่าแต่ เราจะเริ่มต้นจากไหนดีล่ะ"
"จะไปหาที่ไหนนะ"
"เจ้าเห็นรอยแถวนี้มั้ย ข้าไม่เคยเห็นกระดาษที่เนื้อหนาแบบนี้มาก่อน ถ้าตรวจสอบได้ว่า กระดาษชนิดนี้ผลิตจากที่ไหน ไม่แน่อาจเป็นเบาะแสทางหนึ่ง ให้เราคลี่คลายความลับก็ได้"
"กระดาษ โรงงานกระดาษหรือ? ต้นฟง ใบฟง"
"บ่นอะไรอีก บอกข้าหน่อยซิ"
"เอ่อ ข้าเห็น ใบฟงอยู่ทางโน้น"
"แล้วทำไม เห็นใบฟงแล้วมีอะไร หา"
"สมัยก่อน ข้ากับพ่อเคยไปที่ๆ หนึ่ง จำได้ว่าเป็นโรงงานกระดาษ แต่มีวิธีผลิตกระดาษที่ไม่เหมือนที่อื่น ไม่รู้พอจะช่วยได้ไหม"
"แล้วมันอยู่ไหน"
"เอ่อ เหมือนจะอยู่ด้านหลัง "พีมากุก" คงอยู่แถวนั้นมังครับ"
"พีมากุกหรือ ถ้าเป็นแถวพีมากุก เป็นไรอีกล่ะนี่"
"เอ่อ นึกได้ว่า ข้าต้องกลับบ้านอีกแล้ว"
"หึ เอาเถอะ ถ้างั้น พรุ่งนี้ค่อยไป หาโรงงานกระดาษที่ว่าละกัน"
"ครับ อาจารย์ พรุ่งนี้ข้าจะมาหาท่านใหม่ เอ่อ มือท่าน ยังต้องคอยใส่ยาตรงเวลานะ"
0000000000000
ถึงเวลานัด ชอนเฮียงมาตามนัด ซินยุนบกพาชอนเฮียงเดินเล่น
"เรามีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง แถมยังออกมาเดินเล่นด้วยกัน ช่างเหลือเชื่อจริงๆ" ชอนเฮียงปลื้ม
"ข้าก็คิดอย่างงั้น"
"เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะพูด คืออะไรคะ"
"สำหรับข้าแล้ว เจ้าคือคนพิเศษในชีวิต"
"หึ คุณชายเอง ก็เป็นคนพิเศษสำหรับข้าเหมือนกัน"
"ชองเฮียง ข้ามี ความลับจะบอกให้เจ้ารู้"
"คืออะไรคะ"
"เพราะข้า รักการเขียนรูปเป็นชีวิตจิตใจ"
"ผลงานของเจ้าทุกชิ้น ล้วนแต่ประทับใจข้านัก"
"เมื่อเข้าศูนย์ศิลปะ ก็ต้องเป็นช่างเขียนในวังให้ได้"
"เจ้าก็สามารถทำได้แล้วนี่"
"ฉะนั้น ข้าเลยต้องเลือกทางนี้ ด้วยความจำเป็น"
"หมายถึง เรื่องอะไรคะ"
"ขอโทษด้วย ข้ารู้สึก ผิดต่อเจ้ามาก"
"หึ เจ้าขอโทษ เรื่องอะไรน่ะ นี่มันหมายความว่าไง"
"เจ้าจะยกโทษ ให้ข้าได้ไหม"
"หึ ไม่จริงหรอก เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่อย่างงั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้"
"ขอโทษด้วย"
"ฮือ โปรดอย่าทำแบบนี้ ไม่ต้องทำอย่างงั้นหรอก ฮือ หึ"
"เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ในใจข้ากลับมีเจ้า แถมยังปล่อยให้เจ้า เข้าใจผิดอยู่ตั้งนาน เจ้าจะให้อภัยข้าได้ไหม"
"ฮือ แล้วต่อไปข้า จะอยู่เพื่ออะไรอีก ฮือ นับแต่นี้ ฮือ ข้าจะทำไงกับเจ้าดี ฮือๆๆ"
"ขอโทษด้วย ฮือ ข้าต้องขอโทษจริงๆ นี่ก็ยามสามแล้ว อีกไม่นาน ก็คงจะถึงเช้า"
"ทันทีที่เข้าประตูไป ทุกอย่างจะถือว่าสิ้นสุด แล้วเจ้า ยังจะสามารถ ฮือ ทำตัวเป็นคุณชายซิน สำหรับข้าเหมือนเดิมได้ไหม"
"ขอโทษด้วย"
"ฮือ ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ"
"อีกหน่อยเจ้าจะเจอผู้ชายที่ คู่ควรและรักเจ้าอย่างแท้จริง ที่สำคัญ จะไม่มีวันทำให้เจ้าร้องไห้ เป็นคนที่พร้อมจะให้เจ้าได้ทุกอย่าง"
"ข้าไม่ต้องการ คำปลอบใจแบบนี้"
"ต่อให้หลับตาลง ข้าก็สามารถมองเห็นเจ้า ได้อย่างชัดเจน ไม่มีอะไรดีกว่าคำขอโทษ สำหรับ ผู้หญิงที่งดงามที่สุด"
คิมฮงโดนำกระดาษไปสอบถามที่โรงงานผลิตกระดาษ
"เอ่อ มีเรื่องจะขอถามหน่อยน่ะครับ ไม่ทราบว่า กระดาษแบบนี้ผลิตจากที่นี่ใช่ไหม"
ชายแก่รับมาพิจารณา "หือ"
"เอ่อ เครื่องจักรตัวนี้มาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะครับ รู้มั้ยว่าใครเป็นคนผลิตขึ้น"
"ทำไม เจ้าเคยเห็นเรอะ"
"ท่านรู้หรือว่า ใครเป็นคนผลิตเครื่องจักรตัวนี้น่ะ"
"รู้จักคนชื่อซอจินมั้ยล่ะ"
"หมายความว่า เมื่อก่อนเขาเคยมาที่นี่บ่อยหรือครับ"
"ไม่เพียงแต่มาบ่อย ก็เหมือนที่ท่านรู้ เจ้าเครื่องนี้ เขาเป็นคนผลิตเอง สมัย ก่อนยังให้ลูกขี่คอ เข้าออกที่นี่บ่อยๆ กระโดดโลดเต้นอยู่เรื่อยล่ะ เฮ่อๆๆ"
ด้านใต้เท้าชางก็สอบถามช่างเขียนที่ให้คอยสะกดรอยตามคิมฮงโดว่า
"ว่าไง หมู่นี้ทังวอนทำอะไรบ้าง"
"ไปหาโรงงานผลิตกระดาษครับ"
"ผลิตกระดาษหรือ"
"ใช่ครับ ผลิตกระดาษ เป็นโรงงานด้วย ทุกแห่งในเมืองหลวง เขาแทบจะไปคุยหมดทุกที่"
"หาโรงงานผลิตกระดาษทำไมกัน เฮ่ย จะทำอะไรของเค้าอีกนะนี่ เฮ่ย ช่างเถอะ ไปดูไว้ละกัน"
"ครับ"
คิมโจนึกเชิญใต้เท้าคิมพยองยุนมา ซึ่งมีซินยุนบกรอเขียนภาพอยู่
"อึม ไหนว่าเชิญข้ามาดูเขียนภาพ แล้วทำไมไม่มีแขกอื่นเลย อึม เจ้าเองหรือ ดีมาก ข้าจะรอดูผลงาน เฮ่อๆๆ เฮ่อๆ"
"นักดนตรี เชิญบรรเลงได้แล้ว คราวก่อนที่ใต้เท้าให้เกียรติ มาเยือนบ้านข้านั้น เคยรับปากว่าจะให้ร้านเราจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ไปส่งในวังยังจำได้หรือเปล่าครับ"
"ร้านไหนๆ ก็มีโอกาส จัดหาสิ่งของอุปโภคบริโภค ไปส่งในวังได้อย่างเท่าเทียมทั้งนั้น"
"ถ้าอย่างงั้น แสดงว่าข้าก็ไม่ต่างกับพ่อค้ารายอื่น ไม่มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนอื่นเลยหรือครับ"
"ไหนๆ มางานเลี้ยงก็คุยแต่เรื่องสนุกเถอะ อย่าพูดเรื่องงานให้ปวดหัวเลย"
"อ้อ ได้ครับ"
ซินยุนบกน้อมตัว "ขออนุญาตไปเอาสีมานะครับ"
คิมโจนึกรีบพูดเรื่องงานกับคิมพยองยุน "ถ้าอย่างงั้น เรื่องจัดหา ท่านจะมอบให้ร้านไหนดีล่ะครับ"
"ตอนนี้ ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกซักแห่ง"
"งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าให้ร้านค้าเล็กๆ รับผิดชอบงานแบบนี้ อาจทำให้งานในวังไม่ได้รับความสะดวก มีปัญหาติดขัดไปหมดก็ได้ ท่านว่าจริงหรือเปล่า"
"ข้าบอกแล้วว่าเรื่องในวังอย่าเอ่ยถึงอีกไง"
"ขอโทษด้วยครับใต้เท้า"
ซินยุนบกกลับมาเขียนสักพักก็ขอไปเปลี่ยนน้ำ จนใต้เท้าคิมพยองยุนเอ่ยถาม
"เฮ่ย ทำไมไม่รีบเขียนให้เสร็จล่ะพ่อหนุ่ม"
"ของบางอย่างต้องไปตามขั้นตอน เร่งรีบไม่ได้หรอกครับ ได้ยินว่า สกุล "กวาน" ที่ส่งของเข้าวังตั้งแต่หลายปีก่อน ยังจะทำงานนี้ต่ออีก แต่ไม่รู้มีข้อเสนออะไรให้พวกท่านบ้าง" คิมโจนึนว่า
"พูดแบบนี้ แสดงว่าเมื่อข้ายังไม่ตัดสินใจเลือกร้านไหน ก็จะมาต่อรองใช่ไหม"
"ใครจะกล้าอย่างงั้น ข้าเพียงแต่ สนใจอยากรู้ก็เท่านั้น เฮ่อๆๆ"
"ไม่ต้องมาอ้อมค้อมนักหรอก ยังไงพ่อค้าก็คือพ่อค้าอยู่ดี เฮอะ ข้ายอมแพ้ก็ได้ พรุ่งนี้เช้า เมื่อถึงเวลาเข้าเฝ้า ข้าจะจัดการเรื่องส่งของให้เสร็จๆ ไปซะที ตอนนี้ ไปบอกให้เขา รีบเขียนรูปเร็วเข้า"
"ขอบคุณใต้เท้ามากครับ"
"อึม ต้องอย่างงี้ซี่ ค่อยน่าดูหน่อย เฮ่อๆๆ"
หลังใต้เท้าคิมพยองยุนกลับไปแล้ว คิมโจนึนชื่นชมซินยุนบกว่าทำดีมาก และให้เขาไปพักผ่อนได้
จบ 16

ซินยุนบก 17
ดึกคืนต่อมาคิมฮงโดก็พาซินยุนบกมาที่โรงงานกระดาษอีกครั้ง
"พ่อหนุ่มที่มาเมื่อวานใช่ไหมนั่น"
"คือ ขอโทษที่มารบกวนกลางดึก"
ชายแก่ถาม "มีธุระอะไร"
"คือ ข้ามี ของบางอย่างจะให้ท่านช่วยดูหน่อยน่ะครับ"
"หือ อืมม์ กระดาษที่เราผลิต ส่วนใหญ่จะมีเนื้อกระดาษหนากว่าปกติประมาณ 3 เท่า แต่แผ่นนี้ รู้สึกจะหนามาก ไม่เหมือนที่เราเคยผลิตน่ะนะ"
"แล้ว เป็นไปได้ไหมว่า เป็นกระดาษชนิดพิเศษเพิ่มความหนาไปอีกน่ะครับ"
"เฮ้ย เนื้อกระดาษที่แห้งแล้วจะเพิ่มความหนาไปอีกได้ไง เป็นไปไม่ได้หรอก เจ้าก็พูดเป็นเล่นไปได้ ที่สำคัญ เอาไปเขียนรูปก็ยิ่งไม่มีทางจะใช้ได้ เพราะเนื้อกระดาษจะไม่เก็บน้ำหมึกไว้"
ซินยุนบกนึกถึงคำพูดของซอจินว่า "ถ้าใช้เครื่องรีดน้ำตัวนี้ จะทำให้เนื้อกระดาษเกาะติดมากขึ้น แต่ก็แยกเนื้อกระดาษได้เหมือนกัน"
ว่าแล้วซินยุนบกก็ลงมือทำทันที คิมฮงโดตกใจ
"เจ้าทำอะไร เสียสติแล้วหรือไง"
"อาจารย์ ถ้าเราแยกเนื้อกระดาษออกจากกัน ไม่แน่ข้างในอาจมีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้ ที่สำคัญ หมึกที่ใช้เขียนรูป ก็เป็นสีที่ผสมน้ำมันมากกว่าปกติ ต่อให้ไปแช่ในน้ำ หมึกก็ไม่ละลายง่ายๆ หรอกครับ"
ชายแก่เห็นด้วย "อ้อ มันก็จริงนะ ถ้าอย่างงั้นละก้อ"
"ท่าน ทำอะไรหรือครับ"
"ดูนะ นี่คือน้ำเยื่อที่เราใช้กัน ในนี้ แหะ มันจะผสมสารบางอย่างไว้ จะช่วยลดการเกาะตัวของเนื้อกระดาษลง ไม่ให้หนาเกินไปรู้มั้ย อ้าว เจ้าหนุ่ม ยืนเฉยทำไมล่ะ เอากระดาษมาเร็วเข้า"
"อ้อ ครับ ได้" ซินยุนบกรีบทำตาม
"อึ๊บ พอเราทำให้เยื่อกระดาษกระจายตัว มันก็จะแยกออกเป็นชั้นๆ ได้ ง่ายขึ้น"
จู่ๆ ซินยุนบกก็นิ่งไป จนคิมฮงโดแปลกใจ "ทำไมหรือ"
"ข้าทำไม่ได้อีกแล้ว"
ซินยุนบกร้องไห้และเป็นลม เธอฝันถึงตอนที่พ่อซอจินของเธอบอกให้แม่พาเธอหนีไปเมื่อสิบปีก่อน เพราะซอจินกำลังถูกตรวจค้นเพื่อเอารูปใบหน้าทั้งหมดไปเผาทิ้ง แต่เขาไม่ยอมบอกที่ซ่อนของรูปสำคัญที่ทุกคนตามหา ซินยุนบกสะดุ้งตื่น หอบ
หมอถาม "เอาละ ตื่นแล้วเห็นมั้ย"
"เจ้าเป็นไงบ้าง" คิมฮงโดเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรมากหรอก นอนพักเยอะๆ ก็หายเอง" หมอตอบ
"ไม่เป็นไรใช่ไหม"
"ครับ ข้าไม่เป็นไร"
"เกิดอะไรขึ้นน่ะ จำไม่ได้แล้วหรือ เราไปโรงงานกระดาษ เอาภาพนั้นแช่ในน้ำไง"
"เอ่อ อาจารย์ ข้าต้องขอตัวกลับก่อน หึ"
"ยังไม่หายดีนัก จะรีบไปไหน"
"ข้าต้องไปอีกที่หนึ่ง ขอบคุณมาก"
หมอมองคิมฮงโดและบอกว่า "ดูแลคนรักเจ้าดีๆ ล่ะ แหะๆ"
"หา ท่านเพ้อเจ้ออะไรน่ะ"
"แหม จนป่านนี้ยังจะแกล้งเซ่อ ถึงข้าจะไม่ใช่หมอเก่ง แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าใครเป็นผู้ชายผู้หญิง ไม่โง่เหมือนเจ้าหรอก แหะๆๆ"
คิมฮงโดตามซินยุนบกไป แล้วเขาก็รู้ความจริงว่าซินยุนบกเป็นหญิง แถมเป็นลูกสาวของเพื่อนรักที่ตามหามานาน คือยุนยี
"ใช่เจ้าจริงหรือ"
"ฮือ อาจารย์พูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ"
"เจ้าคือลูกสาวของซอจินใช่ไหม ฮือ เจ้าก็คือยุนยีหรอกหรือ ฮือ ฮือๆๆ ฮือๆๆ" ร้องไห้ทั้งคู่
"อาจารย์เคยบอกว่า ตามหาผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อ 10 ปีก่อน ก็คือข้าหรือ"
"ฮือ เฮ่อ ขอโทษด้วยนะ ขอโทษจริงๆ ข้าผิดต่อเจ้านัก ฮือๆๆ เรื่องพวกนี้ทำไมไม่บอกให้ข้ารู้ก่อน"
"ท่านรู้ความจริงตั้งแต่เมื่อไหร่ ว่าข้า แท้จริงแล้ว เป็นผู้หญิง"
"ที่จริงน่าจะดูออกแต่แรกด้วยซ้ำ ตั้งแต่เห็นผลงานชิ้นแรกของเจ้า มันแฝงด้วยความคิดของผู้หญิงอยู่ ความรู้สึกของหญิงที่รอคอยความรัก ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ ผลงานของเจ้ามักเหมือนกระจกสะท้อน ถึงส่วนลึกในใจของผู้หญิง ตอนเจ้าไปเขียนภาพที่ลำธาร เขียนภาพในร้านเหล้า ล้วนสื่อถึงจิตใจของผู้หญิงทั้งนั้น หญิงที่ถูกปิดกั้นตลอดทั้งปี มีเพียงวันเดียวที่ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจของผู้ชาย จะเล่นหรือปลดปล่อยยังไงก็ได้ นั่นคือความคิดของผู้หญิงจริงๆ ในขณะที่คนอื่น มักจะเขียนภาพในวงเหล้าซึ่งมีแต่ผู้ชายที่ดื่มกินอย่างสนุก สนาน เจ้ากลับมองไปที่ผู้หญิงมากกว่า เฮ่อ ข้าน่าจะดูออกแต่แรกด้วยซ้ำ"
ในวังหลวงพระราชาจองโจทรงตรัสถามราชเลขาว่า
"คิมฮงโดเป็นไงบ้าง ยังไม่มีข่าวอีกหรือ"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
"รอให้พวกเขา คลี่คลายความลับที่ช่างเขียน 2 คนถูกสังหารอย่างมีเงื่อนงำในอดีตซะก่อน นั่นจะเป็นอาวุธให้ข้าได้หันไปเล่นงานพวกขุนนางชั่วบ้าง"
"ใช่แล้วพะยะค่ะ และหลังจากนั้น เราก็จะได้ล้างมลทินให้อดีตรัชทายาทซาโตซะทีนะพะยะค่ะ"
"แต่ก่อนถึงวันนั้น เราต้องทำเหมือนปกติ เพราะตอนนี้ ยังมีอีกเรื่องที่ต้องทำ"
"พะยะค่ะ ไม่ทราบเป็นเรื่องอะไร"
เวลาเดียวกันพระอัยยิกาก็ทรงตรัสกับขุนนางว่า
"ทุกวันนี้ฝ่าบาทแทบไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร เห็นแล้วน่ากลุ้มจริงๆ"
"คงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับพระรูปอีกแล้ว ถ้ามีจริง ป่านนี้ในวัง คงวุ่นวายโกลาหลไปมากกว่านี้"
"ข้าไม่เชื่อหรอก ยังต้องมีอะไรบางอย่าง ยิ่งฝ่าบาททำเหมือนปกติเท่าไหร่ก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น ถ้าเรื่องเมื่อสิบปีก่อนมีช่องให้จับผิดได้ละก้อ เราจะพากันตายหมด ฉะนั้นจึงต้องระวังไว้"
"เสนาขวา พะยะค่ะพระอัยยิกา"
จากนั้นขุนนางท่านนี้ เสนาขวาก็ไปปรึกษากับใต้เท้าชาง
"ท่านบอกว่าภาพที่ไม่มีใบหน้าหรือ"
"ไม่มีใบหน้า แล้วมันหมายความว่าไง"
ใต้เท้าชางเองก็แปลกใจ "นั่นสิครับ ความคิดของเจ้าทังวอนนี่มันช่างเดายากแท้ๆ แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง ไหนๆ ภาพเขียนทั้งหมดของคังโซฮังก็ถูกเราเอากลับมาหมดแล้ว มันจะทำอะไรได้อีก"
"พวกเขาคงไม่เจอเบาะแสอื่นเพิ่มหรอกนะ โดยเฉพาะ เบาะแสที่เกี่ยวกับเรื่องสมัยก่อน เราจะปล่อยให้มันสืบสาวต่อไปไม่ได้"
"หึๆ ยังไงเรื่องก็ผ่านไปตั้ง 10 ปี จะมีหลักฐานอะไรเหลืออีก พวกเขามีแต่เสียแรงเปล่าทั้งเพ"
"ไม่หรอก คงไม่ใช่อย่างงั้น ไม่แน่ว่าเรื่องในอดีต อาจมีอะไรเหลืออยู่ก็ได้"
"โอ ไม่มีทาง จะเป็นไปได้ไงครับ"
"ยังไงก็ช่าง คงต้องให้คิมโจนึนมาช่วยเราออกความคิดอีกแรงดีกว่า"
"อึม งั้นก็รีบไปติดต่อเขาซะ"
"ครับ"
เวลานั้นคิมโจนึนก็ถามหาซินยุนบก แต่พวกช่างเขียนด้วยกันไม่มีใครเห็น และบอกคิมโจนึนว่าซินยุนบกออกไปข้างนอกทุกคืน คิมโจนึนจึงไปหาชอนเฮียงและเห็นนางไม่สบาย
"ไม่สบายตั้งแต่เมื่อไหร่ ให้คนไปตามหมอเดี๋ยวนี้"
"หึ ข้าไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ตัวร้อนนิดหน่อย ตอนนี้คิดแต่จะพักผ่อน ถ้าไง ท่านเชิญออกไปก่อนเถอะ"
"ปรนนิบัติคุณหนูดีๆ ล่ะ" คิมโจนึนสั่งสาวใช้
ด้านคิมฮงโดมาหาอิกแจและถามเขาเรื่องซินยุนบกว่า
"ทำไมถึงให้เด็กคนนี้ปลอมตัว อยู่ในคราบผู้ชายตลอดเวลา ข้าถามท่าน ทำไมไม่ตอบล่ะ"
"ข้า ต้องการใช้พรสวรรค์ของนาง ส่วนนาง ก็ต้องการความคุ้มครอง ต่อพรสวรรค์ที่ตัวเองมี"
"หมายความว่า เพราะเห็นแก่พรสวรรค์ที่นางมี ท่านเลยสังหารซอจินงั้นหรือ"
"พูดอะไรน่ะทังวอน เรื่องไม่ใช่อย่างงั้น"
"แล้วทำไมเป็นแบบนี้"
"เรื่องของเรื่อง คือเมื่อสิบปีก่อน ข้าได้รู้ข่าวว่าซอจินถูกปองร้าย แต่ที่น่าแปลกคือ ไม่มีใครพูดถึงลูกของเขาเลย ที่ข้าได้ยินมา มีแต่ซอจินกับเมียที่ถูกสังหารโดยไม่รู้สาเหตุ ด้วยเหตุนี้ก็เลย"
อิกแจไปชวนยุนยีมาอยู่ด้วย และบอกว่าจะพาไปอยู่กับพี่ชาย ยุนยีก็งุนงงที่จู่ๆ ต้องมาเป็นน้องชายของซินยอนบก
"ตอนนั้น นางตกใจจนเสียขวัญ ถึงขนาดลืมชื่อพ่อตัวเองไปเลย สิบปีมานี้ก็มีบางครั้ง ที่จู่ๆ นึกถึงพ่อแม่บังเกิดเกล้าบ้าง แต่ว่า รู้สึกเหมือนจะเลือนลางเต็มที ไม่ค่อยเด่นชัดนัก จนทุกวันนี้ สิ่งเดียวที่นางสืบทอดจากพ่อให้รู้ว่าเป็นลูกซอจิน ก็คงเป็น ความสามารถในการเขียนรูป ที่ดูแล้ว ไม่ต่างจากพ่อกระมัง"
"ท่านก็เลยจับจุดตรงนี้ หลอกใช้ให้นางพาวงศ์ตระกูลไปสู่ความรุ่งเรืองหรือ"
"จะว่างั้นก็ไม่ถูก เพราะข้าก็รักนางมาก ทุกครั้งที่นางจับพู่กัน จะทำให้ภาพ เขียนมีชีวิตขึ้นมาทันที ข้าจึงอยากให้นางได้พัฒนาความสามารถถึงขีดสุด โดยการเป็นช่างเขียนในวัง เพราะข้าชื่นชมความสามารถของนางนัก"
"ข้าว่าทั้งหมดที่พูดมาเป็นแค่คำแก้ตัวของท่านทั้งนั้น"
"อะไรนะ"
"แล้วตอนนี้จะทำไง ให้นางอยู่อย่างงี้ ในสภาพครึ่งชายครึ่งหญิง สับสนกับฐานะแท้จริงของตัวเองหรือไง"
"เอ่อ" อิกแจอึ้งไป
"จริงอยู่อาจไม่เกี่ยวกับความสามารถในการเขียนรูปของนาง แต่นางจะเป็นเมียใครไม่ได้ และเป็นสามีใครก็ไม่ได้ ค้างคาอยู่อย่างงี้ แล้วท่านจะรับผิด ชอบยังไง ให้ไปอยู่บ้านคนอื่น เอาแถบผ้ารัดอกตัวเองไว้ อยู่อย่างอิหลัก อิเหลื่อชั่วชีวิตหรือไง"
"แต่เด็กคนนี้ ตั้งแต่เล็กมาแล้ว ขอเพียงมีกระดาษกับพู่กัน นางไม่เคยสนใจเรื่องอื่นซักนิด"
"ท่านเลิกพูดได้แล้ว"
"หึ ยังไงก็ตาม ข้าคิดว่า ตัวเองได้ทำดีที่สุดแล้ว"
"อย่าเอาความทะเยอทะยานของท่าน ไปหลอกใช้เด็กคนนี้อีก ถ้าท่านยังไม่รามือ ข้าจะไม่ให้อภัยท่าน นับแต่นี้ชีวิตของยุนบก ไม่ใช่ ชีวิตของยุนยี จะเป็นของนางเอง ไม่ใช่ของท่าน หลายปีนี้ สิ่งที่ท่านทำไว้กับยุนยี แล้วไม่กลัววิญญาณของซอจินซึ่งรักลูกราวกับแก้วตา จะมาหักคอท่านบ้างหรือ" คิมฮงโดขู่
เวลาเดียวกันนี้ซินยุนบกกำลังอธิบายภาพของเธอให้คิมโจนึนกับใต้เท้าคิมพยองยุนฟัง
ใต้เท้าคิมพยองยุนชื่นชม "ภาพเขียนทุกภาพของแฮวอน มักแฝงด้วยเรื่องราวเสมอ สมแล้วที่เป็นช่างเขียนเลื่องชื่อแห่งโชซอน ใครก็ทาบไม่ติด เฮ่อๆๆ ทังวอนและแฮวอน ล้วนเป็นช่างเขียนที่ถนัดเขียนภาพผู้คน แต่มีวิธีการสื่อที่แตกต่าง อีกหน่อยวงการศิลปะของเรา คงได้มีสีสันมากกว่าเดิมแน่ เฮ่อๆๆ" ทุกคนหัวเราะตาม
และขณะที่คิมโจนึนกำลังส่งแขกอยู่ ชอนเฮียงก็เดินมาหา
"บอกว่าไม่สบายก็ไม่ต้องออกมา ทำไมดื้อนัก ไม่ยอมฟังซะที"
"ส่วนใหญ่แขกของท่าน ชอบฟังข้าดีดพิณไม่ใช่หรือคะ"
"เห็นเจ้าไม่สบายอย่างงี้ นึกว่าข้ายังมีแก่ใจสนุกอีกหรือ"
"งั้นข้าขอตัวไปพักก่อน"
"ไปเถอะ เดี๋ยวก่อน บ่าวไพร่ดูแลยังไง ทำให้รองเท้าเจ้าสกปรกขนาดนี้"
"นายท่านช่างดีต่อข้าเหลือเกิน ข้าไปนะคะ"
"ไปเถอะ ผู้หญิงคนนี้นี่แปลก นานๆ จะมีรอยยิ้มซักครั้ง"
คิมโจนึนจึงไปหาหญิงที่มอบชอนเฮียงให้เขาที่หอนางโลม
"ได้ยินว่าพ่อของชอนเฮียง สมัยก่อนเป็นพวกนักวิชาการหัวรุนแรง แต่นางกำพร้าแม่แต่เล็ก ใช้ชีวิตเร่ร่อน ลำบากอยู่หลายปีกว่าจะไปอยู่หอนางโลมน่ะค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้น พวกเจ้ารู้มั้ยว่านางชอบอะไรบ้าง"
"สิ่งที่นางชอบหรือคะ ถ้าท่านรู้ รับรองจะทำให้ตกใจแน่ หึๆๆ"
"จริงหรือ บอกข้าซิว่าคืออะไรน่ะ"
"ได้ยินว่า ทุกปีพอวันเกิด พ่อของนางจะส่งของโปรดมาให้น่ะค่ะ"
"พอที เลิกมาโยกโย้กับข้าได้แล้ว นางชอบอะไรกันแน่"
"สิ่งที่นางชอบ นั่นก็คือ"
แล้วคิมโจนึนก็นำข้าวอบเครื่องเทศไปให้สาวใช้เพื่อนำมาให้ชอนเฮียงทาน
"นายท่านรู้ได้ไงคะ ว่าคุณหนูชอบทานข้าวอบเครื่องเทศแบบนี้น่ะค่ะ"
"เจ้าไปบอกเขาใช่ไหม"
"ข้าหรือคะ เปล่านะ ข้าไม่ได้บอกเลย อะไรที่ท่านไม่ให้พูด ข้าจะปิดปากสนิททุกอย่าง คุณหนูต้องทานเยอะๆ นะคะ จะได้หายป่วยไวๆ น่ะค่ะ"
"เจ้าเอาไปกินเถอะ" ชอนเฮียงหันไปนอน
"เฮ่ย คุณหนูคะ อย่าทำแบบนี้ได้ไหม ท่านไม่ได้กินข้าวตั้งหลายวันแล้ว เฮ่ย ตรอมใจเพราะคุณชายซินใช่ไหมคะ คืนวันก่อน เขาไปพูดอะไรกับท่านก็ไม่รู้"
"ไม่ได้พูดอะไรเลย"
"หรือว่า เขามีคนที่หมายปองอยู่แล้วใช่ไหมคะ"
"ไม่ใช่อย่างงั้น"
"ต้องใช่แน่ ใช่มั้ยคะคุณหนู คุณหนู ถ้าไงลืมช่างเขียนคนนี้เถอะนะ"
"เกลียดนัก ฮือ เกลียดสะพานที่พาให้เราได้พบกันครั้งแรก เกลียดคนที่ถือวิสาสะมาจับมือข้า และยิ่งเกลียดตัวเองอย่างที่สุด ที่ลืมเขาไม่ลง"
"คุณหนูคะ ท่านยังมี นายท่านที่เฝ้ารอ รักเดียวใจเดียวต่อท่านอยู่ ทำไมถึงไม่มองเขาบ้างล่ะคะ"
"หึ เฮ่อ เพราะเขาเขียนรูปไม่เป็น เขาไม่ใช่"
"คุณหนูคะ" ชอนเฮียงสะอื้น
0000000000000000
ซินยุนบกถามคิมฮงโดถึงพ่อของเธอ
"ท่านรู้มั้ยว่าพ่อข้า เมื่อก่อนเป็นคนยังไงน่ะครับ"
"พ่อของเจ้า เป็นคนที่ไม่เหมือนใคร ถ้าเขามีเวลาว่าง ก็จะมาหาข้า แล้วเราก็นั่งคุยไปเรื่อย โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องจักรกลต่างๆ พัฒนาการใช้วงล้อในการผลิตรถเข็นช่วยในการบรรทุกสิ่งของ วิธีชักรอกเพื่อการผ่อนแรงในการก่อสร้าง เครื่องสูบน้ำไว้ใช้กับการเพาะปลูก และนี่ก็คือ เครื่องรีดกระดาษที่เจ้าเห็นในโรงงานแห่งนั้น"
"ข้าพอนึกออกแล้ว ห้องเขียนรูปของท่านพ่อ เหมือนเป็นห้องทดลองเครื่อง ใช้หลายอย่าง โครมครามๆ เป็นเสียงของเครื่องจักร และรูปอีกสารพัดมากมาย ที่ดูไม่ออกว่าเขียนอะไรบ้าง ทำไมพ่อข้า ถึงเขียนรูปพวกนี้ออกมาเยอะล่ะครับ"
"หึ ข้าก็เคยแปลกใจเหมือนเจ้า และเคยถามเขาด้วย นี่ ถามหน่อยเถอะ เจ้าเขียนรูปพวกนี้ไปทำอะไร"
ซอจินเคยบอกคิมฮงโดว่า "แหะ แต่ไหนแต่ไรข้าไม่คิดอยากรวยหรือเป็นขุนนาง ไม่งั้นแค่ตวัดพู่กันหน่อย ก็บอกว่าเป็นภาพเขียน ขายได้เงินแต่ไม่มีความหมาย สู้เขียนภาพเครื่องจักรที่เราคิดค้นได้ ยังมีประโยชน์ต่อชาวบ้านเยอะเลย"
"พ่อของเจ้า เขามีความรอบรู้ที่จะเปลี่ยนโลกนี้ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งคบกันนาน ข้าก็ยิ่งนับถือความคิดเขา เขาเป็นคนดีมาก ฮือ ขอโทษด้วยนะ ต้องขอโทษเจ้าจริงๆ" คิมฮงโดรู้สึกผิด
"ข้าจะหาคนที่ฆ่าท่านพ่อ ให้รู้ว่าเป็นใคร และจะแก้แค้นแทนพ่อให้ได้"
"ใช่ ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่เรื่องนี้เราจะรีบร้อนไม่ได้"
"สมัยก่อนท่านพ่อเคยมีคำพูด บอกข้าไว้ก่อนเขาจะเสีย"
"ว่าไงบ้าง"
"มันจะเกี่ยวข้องกับ ภาพเขียนบางภาพ"
"เจ้าว่าอยู่ไหนนะ"
"ปีพยองจิน แถวที่หนึ่ง ภาพที่สี่ ภาพที่สี่"
"นี่หรือ แล้วไงอีก"
"ปีบูจา ภาพที่สอง"
"นี่ เขาพูดแค่นี้เองหรือ"
"ข้าจำได้ก็มีแค่นี้"
"ไปเถอะ"
"ครับ"
คิมโจนึนนำภาพของซินยุนบกออกมาให้คนประมูล และใต้เท้าคิมพยองยุนก็ประมูลไปในราคาที่สูง ในค่ำวันนั้นสาวใช้ของชอนเฮียงก็มาขอร้องให้คิมโจนึนไปดูชอนเฮียงให้ทานอาหาร เพราะว่านางตรอมใจจากคนรัก คิมโจนึนจึงจับได้ว่าซินยุนบกคือคนที่ชอนเฮียงหลงรัก และทำให้นางตรอมใจจนล้มป่วย ก็เกิดความเจ็บแค้นอย่างมาก
ซินยุนบกยังคงอยู่กับคิมฮงโด และอดบ่นไม่ได้
"ท่านเดินไปเดินมา คิดอะไรหรือครับ"
"รูปพวกนี้ เก็บอยู่ในศูนย์ศิลปะ ทั้งที่ไม่มีความพิเศษตรงไหน หึ แต่บาง ครั้ง ภาพเขียนอาจไม่ใช่แค่ภาพอย่างเดียว มันจะเป็นสื่อแทนบางอย่างด้วย"
"เป็นสื่อแทน บางอย่างหรือ"
"ดูนี่สิ ลายเส้นแบบนี้ไม่ใช่การเขียนใบไม้ ตรงนี้มีใบที่เป็นรูปกากบาทอยู่เป็นจำนวนมาก ดูผิวเผินก็เหมือนกับ เป็นรูปใบไม้จริงๆ ลงมาข้างล่างด้วย แถวลำต้นเห็นมั้ย หนึ่งจุด"
"ถ้าอย่างงั้น ถัดไปข้างๆ จะหมายถึงโต๊ะเล็กหรือเปล่าครับ"
"แต่มีโต๊ะสองตัวนี่นา คำว่า ตู เป็นคำว่า ฆ่า"
"ดวงอาทิตย์ กระเรียน ต้นสน อาจารย์ครับ นี่มัน เป็นภาพอวยพรความ สุขปีใหม่ ที่คนชอบมอบให้แก่กันไม่ใช่หรือ"
"หึ เฮ่อ นี่ ต้องคิดดีๆ กระเรียน ๆ นก กระเรียน คลื่นลม ในทะเล ยามเช้า"
"พระอาทิตย์ขึ้น"
"ปี ปีใหม่หรือ"
"ปีใหม่ก็คือ วันใหม่"
"ปีใหม่อ่านว่า "นึน" ใช่ไหม"
คิมฮงโดกับซินยุนบอกหันมามองหน้ากัน "โจนึน"
"ฆ่า"
"โจนึนฆ่า ถูกโจนึนสังหารหรือ"
จบ 17

ซินยุนบก 18 //
"หมายความว่า ตลอดเวลาที่ผ่าน ข้าอยู่ในบ้านฆาตกรที่สังหารพ่อข้างั้นหรือ แถมยังทำงาน เขียนรูปตามที่เขาสั่งอีกด้วย หึ ฮือ เขาเป็นคนฆ่าพ่อข้า ฮือ ต่อไปข้าจะไม่ยอมอยู่เฉยอีก ฮือ" ซินยุนบกร้องไห้ออกมา
"เดี๋ยว ยุนบก ใจเย็นก่อนได้ไหม"
ซินยุนบกร้องไห้ "ฮือ เราจะปล่อยให้เขาลอยนวลหรือครับ คนๆ นี้ เขาเป็นคนฆ่าพ่อข้าแท้ๆ แต่กลับอยู่สบายตลอด 10 ปีที่ผ่าน ข้าจะไม่ยอมละเว้นเขาอีก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้"
"ยุนบก สงบสติฟังข้าพูดก่อน เฮ่อ อย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าก็แทบอยากไปบ้านเขาเดี๋ยวนี้เพื่อฆ่าเขาให้ตายซะ เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ แต่เจ้าไม่เข้าใจความคิดที่แท้จริงของพ่อเจ้าหรือ ถ้าสมัยก่อนบอกให้รู้ชื่อคิมโจนึนตรงๆ แทนที่จะอ้อมค้อมแบบนี้ เฮ่อ เจ้าก็จะหุนหันพลันแล่นไปแก้แค้น หรือแม้แต่ข้าก็จะวู่วามจนนำภัยมาสู่ตัวเอง เฮ่อ เฮ่อ ความคิดของพ่อเจ้า จนวันนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือ"
"ฮือ แล้วจะให้ข้ามองดู คนอย่างงั้นอยู่อย่างสบายได้ยังไง"
"ข้ารู้ ข้าเข้าใจ แต่มันเป็นคนเจ้าเล่ห์ แถมเป็นพ่อค้าที่มีอิทธิพล เราต้องมีวิธีรับมือเขา โดยไม่ให้มันตั้งตัวติด ถูกเล่นงานโดยไม่มีทางตอบโต้เข้าใจมั้ย"
ซินยุนบกกลับมาก็พบคิมโจนึนดักรอเธออยู่
"เจ้าไปไหนมาทั้งคืน"
"นี่ยังเช้าอยู่มาก ท่านมีธุระอะไรหรือครับ"
"หึ หายไปทั้งคืน ไปแอบดูความรักของหนุ่มสาวคู่ไหนมาอีก บอกหน่อยซิ เมื่อคืนไปดูอะไรมาบ้าง"
"ข้าไปดู เรื่องที่น่าสนุก เหนือความคาดหมายอย่างมาก"
"งั้นก็มีภาพใหม่อีกแล้วสิ"
"ก่อนเย็นวันนี้ ข้าจะเขียนให้ท่าน"
ด้านคิมฮงโดก็ไปเข้าเฝ้าพระราชาจองโจ
"แววตาที่เห็น เต็มไปด้วยความดุร้าย"
"หม่อมฉันเห็นว่าการตายของซอจิน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทหม่อมฉันนั้น เพราะเขาเกิดความสงสัย ต่อการตายของอาจารย์จึงเป็นเหตุให้มีภัยถึงตัวพะยะค่ะ ภาพใบนี้ น่าจะเป็นโฉมหน้าฆาตกรที่สังหารอาจารย์กับเพื่อนหม่อมฉันแน่พะยะค่ะ"
"คนๆ นี้สังหารท่านคังโซฮัง แถมยังฆ่าช่างเขียนที่สงสัยต่อการเสียชีวิตของเขา ช่างเป็นฆาตกรที่โหดร้ายนัก"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันยังได้เบาะแสสำคัญกว่านี้พะยะค่ะ"
"สองภาพนี้หมายถึงอะไร"
"ซอจินฝากเบาะแสไว้ให้ลูกสาว เกี่ยวกับการตายของเขา เบื้องหลังภาพนี้ มีชื่อคนที่สังหารเขาและอาจารย์พะยะค่ะ"
"คนๆ นี้เป็นใคร"
"พ่อค้าใหญ่ในเมืองหลวง ชื่อคิมโจนึนพะยะค่ะ"
"พ่อค้าใหญ่คิมโจนึนหรือ"
"จากเบาะแสที่เราแกะรอยได้ เชื่อว่าคงเพราะคิมโจนึนไปจ้างนักฆ่า สังหารอาจารย์หม่อมฉันและซอจินแน่นอน"
"งั้นข้าจะให้กรมอาญาไต่สวนและจับตัวคนๆ นี้ไว้ เพื่อสังเวยให้แก่วิญญาณผู้ตาย และสาวไปถึงคนที่ขัดขวางไม่ให้มีการเขียนรูปเสด็จพ่อข้า เอามาลง โทษให้หมด"
"แต่ว่า ถ้าให้กรมอาญาเริ่มการไต่สวน หลายคนรู้เรื่องเข้าก็อาจให้นักฆ่าไปกบดาน หรือไม่ก็ฆ่าปิดปากเพื่อตัดตอนคดีนี้ไป อีกอย่าง ตอนนี้เราแค่สงสัย ยังไม่หลักฐานยืนยันแน่ชัด ต่อให้จับคิมโจนึนมา แต่เขาไม่ยอมสารภาพซะอย่าง เราก็เท่ากับเสียแรงเปล่า
"ส่วนใหญ่คนที่กล้าทำผิดอย่างอุกฉกรรจ์ มักจะปากแข็ง ที่สำคัญ เรื่องแบบนี้ ยิ่งต้องปิดปากสนิทด้วย เพราะไม่ใช่เขาคนเดียวจะทำได้"
"ถูกแล้วพะยะค่ะฝ่าบาท เบื้องหลังเรื่องนี้ อาจมีขุนนางหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หรือแม้แต่คนในศูนย์ศิลปะก็ไม่เว้น ถ้าไงให้หม่อมฉันไปสืบต่อ รวบรวมหลักฐานให้มากที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเรา ขอฝ่าบาททรงรออีกนิดเถอะพะยะค่ะ"
"แต่ฝ่ายตรงข้าม เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา นึกจะฆ่าก็ฆ่า แล้วท่านไม่กลัวอันตรายหรือ"
"หม่อมฉันเอาตัวรอดได้พะยะค่ะ"
"อึม ท่านเป็นคนใจกล้าจริงๆ หึ แล้วคิดจะทำไงต่อไป"
"ถ้าพูดถึงความเจ็บแค้น แผ่นดินนี้คงไม่มีใครเกินกว่าหม่อมฉันแน่ แต่ว่า หม่อมฉันจะใช้วิธีของช่างเขียนเล่นงานพวกเขา ขอทรงอนุญาตด้วย"
"หึ ทังวอน ถ้างานนี้ติดขัดตรงไหนก็รีบมาปรึกษาข้าก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยตัวเองเด็ดขาด เข้าใจที่พูดใช่ไหม"
"เข้าใจพะยะค่ะ"
และในเย็นวันนั้นคิมโจนึนก็ทวงภาพจากซินยุนบก
"นั่งลง ภาพของเจ้าเขียนเสร็จหรือยัง"
"เสร็จแล้วครับ"
"เอามาให้ดูหน่อยซิ นึกแล้ว ที่เจ้าออกไปข้างนอกทุกคืน เพราะมีสิ่งดีๆ ให้เห็นนี่เอง เป็นไงบ้าง เจ้าชอบหรือเปล่า" คิมโจนึนถามชอนเฮียง
"ขอเพียงนายท่านพอใจ ก็เป็นสิ่งที่ข้าพอใจเหมือนกัน"
"หึ ข้าดูภาพนี้แล้ว เหมือนมีนัยยะสองอย่าง อย่างที่หนึ่งคือ ชายหญิงคู่นี้แอบไปนัดพบโดยลำพัง อย่างที่สอง มีช่างเขียนไปแอบดู เห็นภาพนั้นอยู่ในสายตา"
"เพื่อให้คนที่ดูภาพ ได้เห็นความตึงเครียดของบุคคล 3 คนที่อยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน ข้าจึงใช้วิธีแอบอยู่ข้างกำแพงเพื่อดูพวกเขา แล้วนายท่านคิดว่า ทั้งสามคนนี้มีความสัมพันธ์ยังไงบ้าง"
"อึม สองคนที่กอดกันแนบแน่นคงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแน่นอน ส่วนหญิงที่แอบอยู่ข้างกำแพงอาจเป็นภรรยาของชายคนนี้ ทำให้สถานการณ์ของทั้งสามคน เกิดความตึงเครียดมากขึ้น นางอาจคิดว่าจะลงโทษสามีที่นอกใจไปมีหญิงอื่นยังไงดี ทำให้ภาพโดยรวม เกิดความตื่นเต้นขึ้นในทันที และมันจะน่าสนุกขึ้น ถ้าหญิงอีกคนมีพันธะ เป็นหญิงที่มีสามีแล้วเหมือนกัน อาจทำให้ คนที่แอบดูยิ่งลุ้นจนหายใจไม่ออก ว่าจะถูกจับได้ หรือไม่มีใครล่วงรู้ และถ้าเรื่องนี้ถูกจับได้ สิ่งที่พวกเขามีก็จะหมดสิ้นทันที มิยิ่งน่าสนุกกว่าที่คิดหรอกหรือ"
"หึ ถ้าไม่ดูดีๆ ก็อาจจะคิดเหมือนท่าน" ซินยุนบกว่า
คิมโจนึนอึ้งไป "ไม่ดูดีๆ หรือ"
"ครับ เพราะว่า ท่านใช้มุมมองของผู้ชายที่หลงผู้หญิงมาตัดสินภาพนี้ ลองคิดถึงจิตใจผู้หญิงคนนี้ดู หญิงคนนี้ แม้จะอยู่ในอ้อมกอดชายอื่น คล้ายกับแอบนัดพบก็จริง แต่นางมีท่าทีขัดขืนอย่างเห็นได้ชัด การที่ไม่เห็นจิตใจของผู้หญิงซึ่งไม่ยินดีต่อรสสัมผัสนั้น เพราะท่านเป็นผู้ชาย จึงมองภาพนี้ด้วยสายตาของคนทั่วไป"
"อธิบายแบบนี้ข้าไม่เห็นด้วย"
"แล้วต้องเป็นยังไงบ้าง"
"แล้วผู้หญิงคนนี้จะว่าไง ถ้าไม่ใช่ภรรยาที่กำลังหึงหวง แล้วนางจะอยู่ในฐานะไหน"
"ผู้หญิงกับผู้หญิง มักมีความหึงหวงเพื่อจะแย่งผู้ชายนั้น เป็นความคิดของคนทั่วไป ท่านดูรองเท้าที่นางใส่สิ สองขาแยกออกแนบชิดกำแพง แสดงว่ากลัวใครมาเห็นและมีความกระวนกระวาย ถึงจะไม่รู้ว่านางเป็นใคร แต่นางคงรู้ว่าชายในภาพซึ่งเป็นทหารชอบใช้กำลังข่มขู่ จึงมองผู้หญิงอีกคน ด้วยความเห็นใจและสงสารนางมากกว่า"
คิมโจนึนมองและคิด "คนที่ใช้กำลังครอบครองผู้หญิงก็คือข้า ส่วนหญิงที่ถูกกอดด้วยความจำใจก็คือชอนเฮียง นี่เขาเขียนภาพมาด่าข้าทางอ้อม ช่างใจกล้าจริงๆ เฮ่อๆๆ อธิบายแบบนี้ก็น่าสนใจ แต่ว่า การวิเคราะห์ของเจ้าออกจะเกินเลยไปนิด หึ อำนาจของชายคนนี้ เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้"
ซินยุนบกยังกล่าวอีกว่า "ความแค้นของผู้หญิงคนนี้ ก็ละเลยไม่ได้เหมือนกัน"
"เจ้าหนุ่มสามหาว บังอาจ มาท้าทายข้าเชียวหรือ"
"นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น คนที่ฆ่าพ่อข้า แม่ข้า และทำลายชีวิตข้าอย่างย่อยยับนั้น หึ ยังต้องรับกรรมมากกว่านี้อีก" ซินยุนบกแค้นมาก
แล้วคิมโจนึนก็เชิญชายหลายคนมาประมูลภาพ
"ดูนะครับ กระดองปูเรียกว่า "ขับ" "ขับ" แปลว่าที่หนึ่ง หรือก็คือขอให้สอบติดจอหงวน ในภาพนี้มีปูอยู่สองตัว นั่นก็แปลว่า ให้สอบติดจอหงวน 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก"
"อ้อ อย่างงั้นหรอกหรือ"
"ฉะนั้นภาพนี้ น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังจะเข้าสอบขุนนาง เพื่อความเป็นสิริมงคล เอาล่ะ เราจะเริ่มการประมูลภาพเดี๋ยวนี้ดีมั้ยครับ"
คิมโจนึนกระแอม "แล้วตกลงภาพนี้ ท่านจะขายราคาเท่าไหร่"
"อ้าว นั่นทังวอนนี่นา มาทำไม นั่นสิ"
"ท่านทังวอนมาด้วยหรือนี่" คิมโจนึนเพิ่งเห็นเช่นกัน
คิมฮงโดกระแอม "จะขายภาพให้ได้ราคาสูง ตามหลักก็ต้องพูดมั่วซั่วไว้ก่อนใช่ไหม อะไรกันนี่ มีของกินด้วยหรือ แหม เฮ่อๆๆ หึๆๆ หึๆๆ ในความคิดของข้า ภาพนี้มีความหมายว่าไงรู้มั้ย ดูนะ นี่คืออะไร ปูใช่ไหม ปูมีกี่ตัว 1 ตัว แล้วนี่อะไรอีก ปูเหมือนกัน ฉะนั้นมีปูทั้งหมดกี่ตัว ก็คือ 2 ตัว แล้วมันจะหมายความว่าไง ขอถามหน่อยว่าปูเดินยังไง ก็คือเดินขวางแบบนี้ เฮ่อๆๆ"
ชายหลายคนหัวเราะ คิมฮงโดกล่าวอีกว่า
"แล้วมันจะสื่อถึงอะไรบ้าง ก็คือมั่นใจอยากเดินทางไหนก็เดินไปเถอะ ต่อให้ข้างหน้ามีพญามังกรมาขวาง ปูน้อยก็จงเดินเข้าไป แสดงว่าปูเป็นสัตว์ที่มีความคิดของตัวเอง จะสอบติดจอหงวนหรือไม่ก็ช่าง เราก็อย่าให้เสียจุดยืน เป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ เป็นพ่อค้าก็ขายของไป อย่าสะเออะทำเป็นผู้เชี่ยว ชาญด้านศิลปะ ไม่งั้นจะกลายเป็นพวก 18 มงกุฎ ทุกท่านเห็นด้วยมั้ยครับ ฮ่าๆๆ"
"ดื่มอะไรหน่อยมั้ย"
"อ้าว ขอบคุณๆ"
"ทุกท่านโปรดรอซักครู่ เชิญเขาไปที่ห้อง" คิมโจนึนกล่าว
"ข้าแค่มา แสดงความเห็นนิดหน่อย แค่นี้ก็เกือบตายแล้ว ฮ่าๆๆ"
คิมโจนึนถามตามตรง "ทำแบบนี้ต้องการอะไร"
"อาจจะแค่ร้อนวิชาก็เลยพลั้งปากไปหน่อย ยังไงก็ขอโทษละกัน"
"จู่ๆ มานี่ต้องมีสาเหตุแน่ เพราะข้าซื้อตัวลูกศิษย์คนโปรดของท่าน เลยไม่พอใจใช่ไหม"
"ได้ยินว่าท่านเลี้ยงดูช่างเขียนอย่างดี ข้าก็กำลังคิดว่าจะไปอยู่กับศูนย์ศิลปะเอกชนที่มันดูดีหน่อย เดิมทีว่าจะมาพึ่งท่าน แต่ดูแล้วเหมือนหนักไปทางการค้า"
"ระวังคำพูดหน่อยนะแสดงว่า ท่านไม่ชอบเงินหรือไง ต่อให้เป็นจิตรกรฝีมือล้ำเลิศ แต่ไม่มีใครซื้อผลงาน ภาพที่ออกมาก็ไม่ต่างกับเศษกระดาษ"
"แม้จะเป็นแค่ภาพในกระดาษ แต่มันสามารถแทนคำพูดและสื่อความหมายได้กว้างไกล ข้ายังนึกว่าท่าน จะรู้ว่าภาพเขียนเป็นสิ่งที่ให้คุณให้โทษได้ เอาเข้าจริงกลับไม่ใช่อย่างงั้น"
"การซื้อขายภาพที่มีราคา คือสมบัติล้ำค่าของคนที่เสพงานศิลป์ พวกเขาจะดีใจเมื่อได้เป็นเจ้าของภาพ"
"หึๆๆ พูดไปพูดมาก็คือความคิดของพ่อค้าอยู่ดี เอาเถอะ โบราณว่าพ่อค้าหายใจเข้าออกเป็นเงินทองทั้งนั้น แต่ยังไง ข้าจะรอดูว่าปลายทางของท่าน เงินจะช่วยอะไรได้บ้าง ท่านว่าปู ชอบเดินไปข้างหน้า หรือว่าเดินไปข้างๆ" คิมฮงโดกล่าวจบก็เดินจากไป
ชอนเฮียงไปพบซินยุนบกเรื่องภาพ สร้างความแปลกใจให้กับซินยุนบก
"เจ้ามานี่ได้ไง"
"ข้าอยากรู้ว่าทำไมเขียนรูปแบบนั้นให้เขาดู เกิดโชคร้าย นายท่านสังเกต เห็นอะไรเข้าละก้อ รู้มั้ยว่าภาพนั้นจะมีผลยังไงต่อเจ้าบ้าง" ชอนเฮียงว่า
"ไม่ว่าเขาจะเห็นอะไรก็ตาม ข้าจะไม่ให้เจ้าเดือดร้อนด้วย"
"หึ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ บอกข้าได้ไหม หมู่นี้ รู้สึกสีหน้าเจ้าไม่สู้ดี แววตาก็เหมือนจะดุขึ้นด้วย"
"ข้า มีความแค้นบางอย่างที่ต้องสะสาง ยังไงก็ต้องจัดการ"
"หึ ถึงข้าจะไม่รู้เรื่องราว แต่ก็อยากให้วางมือซะ เพราะเขาเป็นคนที่น่ากลัวมาก"
"แต่ข้าต้องทำให้ได้"
"ข้าไม่อยากให้เจ้าถูกทำร้าย ข้าเป็นห่วงเจ้า ฮือ เพราะเจ้า ยังคงเป็นคุณชายซินของข้าเสมอ"
"ข้าก็เหมือนกัน กลัวว่าเจ้าจะถูกปองร้าย รู้สึกกลัวมาก"
"ฮือ ถ้ายังไง เราสองคนหนีไป อยู่ในที่ๆ ไม่มีใครรู้จักดีมั้ย ฮือ เจ้าว่าเป็นไปได้มั้ย"
"ชอนเฮียง"
"ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น"
ซินยุนบกอึ้งไป "ข้าจะทำไงกับเจ้าดีนะ"
คิมฮงโดไปพบใต้เท้าชางที่บ้าน
"ใต้เท้าชางอยู่หรือเปล่าครับ"
"เฮ่ย อ้าว นึกว่าใครซะอีก ทำลายงานวันเกิดของข้าแถมยังขโมยรูปข้าไปจากบ้าน ไม่นึกว่ายังมีหน้าโผล่มาอีกหรือ"
คิมฮงโดกระแอมนิด "แหม ห้องนี้ตกแต่งได้ไม่เลวทีเดียวนะนี่ เฮ่ย ข้ามีเรื่องแปลกใจบางอย่าง สิบปีก่อนจู่ๆ ท่านก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าศูนย์ศิลปะ มีความดีความชอบอะไรบ้าง"
"อยู่ดีๆ มาถามเรื่องนี้ทำไม"
"เปล่า คนช่างสงสัยต้องมีเหตุผลด้วยหรือ สมัยก่อน อาจารย์ข้าซึ่งเป็นหัวหน้าศูนย์ฯ จู่ๆ ก็เสียชีวิต หลังจากนั้นไม่กี่วัน ท่านก็ได้เลื่อนตำแหน่งแทนที่เขา จากนั้นข้าก็ถูกไล่ไปอยู่เมืองเปียงยาง ซึ่งระหว่างนั้นก็พยายามหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้"
"งั้นหรือ แล้วได้คำตอบหรือยัง"
"หึๆๆ ทำไมมาย้อนถามข้าล่ะ คำตอบของเรื่องนี้ ท่านน่าจะรู้ดีกว่าข้าไม่ใช่หรือ เดิมที ข้าก็แค่เดาเล่นๆ แต่น่าแปลก สิ่งที่ข้าเดาไว้ ทำไมมันกลายเป็นจริงซะหมดก็ไม่รู้นะนี่"
"ว่างมากหรือไง มาเพ้อเจ้ออยู่ได้"
"หึๆๆ เฮ่ย นั่งก็เมื่อย ยืนก็เมื่อย นี่มันเดรัจฉานอะไร สิงโตนี่นา หึๆๆ ถ้าวันไหนข้ามาหาท่านอีก บอกได้เลยว่าจะเป็นวันสุดท้ายที่ท่านอยู่ในตำแหน่งนี้ หนอย นั่งทำงานสบายเชียวนะ เฮอะ"
ใต้เท้าชางแค้นมาก "ทังวอน เจ้าคนเสียสตินี่ บ้าชะมัด"
ใต้เท้าชางเรียกคิมโจนึนมาพบ
"วันนี้ว่างหรือครับ ทำไมชวนข้ามาที่แบบนี้ล่ะ"
"ข้าให้เจ้ามาพบไม่ใช่เพราะว่างมากหรอกนะ"
"ไม่ทราบมีปัญหาอะไรอีก"
"เจ้าทังวอนน่ะสิ เมื่อวานหมอนี่ ไปหาข้าที่ห้องทำงาน"
"เขาพูดอะไรบ้าง"
"พูดถึงเรื่องเมื่อสิบปีก่อน เพ้อเจ้ออะไรก็ไม่รู้ เจ้าหมอนี่ มันช่างมีสายตาและเขี้ยวเล็บที่ร้ายกาจยิ่งกว่าเสือซะอีก เราคงต้องทำอะไรบางอย่าง ไม่แน่ว่า เขาอาจรู้เบื้องหลังเรื่องนั้นแล้วก็ได้"
"ท่านเป็นห่วงหรือไง"
"ไม่ว่ายังไง มันก็เกิดจากฝีมือข้า เรื่องของท่านคังโซฮังน่ะ"
"ท่านหมายถึงเรื่องสี ที่ให้ข้าจัดหาใช่ไหม"
"ขอเพียงไม่ผสมสารพิษมากนัก การตายของคังโซฮัง ก็จะไม่มีใครสงสัยว่าตายเพราะถูกฆาตกรรม เราต้องหยุดยั้งทังวอนไว้ ในสองวันนี้ ทำไงก็ได้ กำจัดมันไปซะ"
"ใจเย็นก่อนเถอะใต้เท้าชาง"
"ถึงขั้นนี้แล้วใครจะใจเย็นได้ มันใส่หน้ากากมาวุ่นวายในงานวันเกิดข้า แถมยังขโมยรูปไปอีก นับวันจะยิ่งไม่เห็นเราอยู่ในสายตา เฮอะ ซินยุนบกยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดแต่งเป็นนางโลมมาหลอกข้าด้วยซ้ำ น่าโมโหนัก"
"หมายถึงแฮวอนน่ะหรือ"
ใต้เท้าชางพยักหน้า "อึม"
"เฮ่อๆๆ จะเป็นไปได้ไง เฮ่อๆๆ"
"ไม่เพียงข้าคนเดียว ขุนนางหลายคน ก็ถูกเจ้าหมอนี่ตบตา เจ้าไม่เห็นกับตาตัวเอง ไม่เชื่อก็ไม่แปลกหรอก"
"เฮ่อๆๆ เป็นไปไม่ได้หรอก ต่อให้ เขาชอบทำอะไรแผลงๆ คงไม่กล้า พิเรนทร์ถึงขนาดนั้น"
"เจ้านี่ยังไงนะ จัดการทังวอนละกัน"
"ท่านก็อย่าวู่วามมากนัก ปล่อยเป็นหน้าที่ข้า การจะจับหนูที่ฉลาด เราต้องทำบ่วง ที่เหมาะกับตัวเขาจริงๆ"
"เจ้ามีแผนแล้วใช่ไหม"
"ยังไงก็เป็นช่างเขียนเลื่องชื่อคนหนึ่ง ข้าไม่อยากให้จากโลกนี้ไปโดยไม่ทิ้งอะไรไว้เลย"
"อย่าปล่อยเสือเข้าป่า เหมือนอย่างลูกสาวซอจินในสมัยก่อนอีกล่ะ ถ้าขืนใจอ่อน เราจะพากันตายหมด"
"ใต้เท้าชาง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เอะอะก็ใช้กำลังห้ำหั่น ท่านจงอยู่เฉยไว้ รอฟังข่าวดีจากข้าเถอะ อีกอย่าง เรื่องลูกสาวซอจิน ไม่ว่ายังไง ขอให้ท่านเลิกเอ่ยถึงซะที รู้จักสงบปากสงบคำไว้บ้าง เพราะตอนนี้คนที่รู้ความจริงก็มีแต่ท่านคนเดียวเท่านั้น ท่านว่าจริงหรือเปล่า"
"เฮ่ย ปวดหัวจริงๆ"
00000000000000
คิมฮงโดบอกซินยุนบกเรื่องใต้เท้าชางน่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของซอจิน
"ใต้เท้าชางก็เกี่ยวด้วยหรือ เฮ่อ เป็นความจริงหรือเปล่า"
"หึ เหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน มีคนเกี่ยวข้องมากกว่าที่เราคิดไว้หลายเท่า ถ้าเรายังสืบต่อไปเรื่อยๆ ข้าเชื่อว่าจะได้หลักฐานบางอย่างจากพวกเขาแน่นอน แต่เจ้าคงต้องรีบออกจากบ้านนั้นมาซะ เพราะตอนนี้เริ่มมีคนรู้ว่าเราร่วมมือกัน แล้วเจ้าจะมีอันตราย"
"อาจารย์ ถ้าคิมโจนึน รู้ว่าเราสองคนร่วมมือกันทำงาน ตอนนี้ไม่ว่ายังไง เขาคงไม่ปล่อยข้าเป็นอิสระแน่ ถ้าไงให้ข้าอยู่ต่อ เผื่อจะช่วยท่านหาเบาะแสอีกทางดีมั้ย"
"เจ้าไปอยู่ในที่ๆ อันตรายอย่างงั้นจะให้ข้าวางใจได้ยังไง คนพวกนั้นต้องหาทางเล่นงานเราอยู่แล้ว"
คิมโจนึนนึกถึงคำพูดของใต้เท้าชางเกี่ยวกับซินยุนบกที่แต่งเป็นนางโลมมาหลอกเขา เขาจึงเรียกซินยุนบกมาพบ
"เจ้าเป็นผู้ชายหรือเปล่า ดูจากลักษณะที่บอบบางอ้อนแอ้น มองยังไงก็ไม่เหมือนชายแท้" คิมโจนึนถาม
"ที่ตามข้ามาเพื่อจะพูดเรื่องนี้หรือครับ"
"เฮ่อๆ ใครบอกว่าแค่นี้ วันนี้ที่ให้เจ้ามาพบ เพราะมีข้อเสนออย่างหนึ่งจะคุยด้วย"
"ข้อเสนออะไร"
"มนุษย์เรานี่นะ โดยนิสัยจะไม่ชอบใครคนหนึ่งนานๆ โดยไม่เปลี่ยน แต่มักหวังให้มีคนเก่งอีกคนมาโค่นล้มคนเก่าซะ เมื่อตอนนี้เจ้าเป็นช่างเขียนของข้า ก็คือเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น ฉะนั้น ข้าอยากให้เจ้าลงแข่งเขียนรูป"
"แต่ท่านเคยบอกว่า การแข่งแบบนี้เป็นวิธีที่โหดร้าย"
"แต่ว่า ถ้าเป็นช่างเขียนแถวหน้า มันจะไม่เหมือนกัน ระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ หรืออาจารย์มองลูกศิษย์ มักมีจุดที่ไม่กล้าข้ามผ่าน"
"ข้าไม่เข้าใจที่พูด"
"ทังวอนคิมฮงโดไง"
"ความหมายของท่านคือ จะให้ข้าแข่งกับอาจารย์เป็นศิษย์ล้างครูงั้นหรือ"
"ใช่แล้ว"
"ข้าไม่แข่งด้วย ไม่ว่าจะยังไง ข้าก็ไม่ทำเรื่องแบบนี้"
"ถ้าเจ้าไม่ยอมแข่งขัน ข้าจะทำลายของรักของหวงซึ่งเจ้าฝากไว้กับข้ามานาน ถ้าข้าส่งชอนเฮียง ไปขายให้เป็นเมียพวกใช้แรงงาน เจ้าจะว่าไง"
"นางกับข้า ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องซักนิด ผู้หญิงคนนี้ เป็นอนุฯ ที่ท่านรักไม่ใช่หรือ"
"อนุฯ หรือ หญิงที่นอกใจสามีอย่างนาง จะคู่ควรให้ข้ารักได้ยังไง ปกติถ้าถูกจับได้ ก็คือขายต่อให้ผู้ชายอื่น ทางเลือกของเจ้า จะเป็นตัวชี้ชะตาชอนเฮียง ถ้างานนี้เจ้าเป็นฝ่ายชนะ ข้าก็จะปล่อยชอนเฮียงไป ให้นาง มีอิสระอย่างเต็มตัว"
"ท่านบอกว่า จะปล่อยนางเป็นอิสระ ถ้าข้ายอมแข่งขัน จริงหรือเปล่าครับ"
"ไหนว่าไม่อยากเป็นศิษย์เนรคุณ แข่งกับอาจารย์ไง ทำไมพอเอ่ยถึงนางก็เปลี่ยนใจซะแล้ว หรือว่า พอลับหลังข้า เจ้ากับนางมีความสัมพันธ์พิเศษต่อกันใช่ไหม แล้วยังไง ตกลงจะรับข้อเสนอมั้ย"
"อาจารย์ของข้า เขาไม่มีทาง ยอมรับข้อเสนอแบบนี้แน่"
"ข้ามีปัญญากล่อมเขาได้ นึกว่ามีแต่ผู้ชายที่ถือคุณธรรม ผู้หญิงก็มีน้ำใจได้เหมือนกัน ดูจากสีหน้าเจ้า แสดงว่าข้าเดาไม่ผิด หึ" คิมโจนึนเดินไป
คิมโจนึนไปพบคิมฮงโดเรื่องเขียนภาพแข่งขัน
"หึ การแข่งแบบนี้ ข้าไม่เล่นด้วยอยู่แล้ว เชิญกลับเถอะ" คิมฮงโดไล่
"ท่านกลัวหรือไง ช่างเขียนอันดับหนึ่งคิมฮงโด กลัวลูกศิษย์ที่ตัวเองเคยสอน หนำซ้ำ ยังเป็นช่างเขียนที่ถูกไล่ออกจากศูนย์ศิลปะ ถึงขนาดไม่กล้าแข่งด้วย"
"พูดยังไงก็ยุข้าไม่ขึ้นหรอก เชิญกลับไปซะ"
"ถ้าจะปฏิเสธการแข่งคราวนี้ ข้าก็ไม่ฝืนใจท่าน แต่ว่า ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ข่าวลือที่มีในวงการมานาน เกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง คงไม่ได้ยุติซะทีน่ะนะ"
"ข่าวลืออะไรกัน"
"คนที่ชอบงานศิลป์ มักจะบอกว่าแฮวอน ถนัดเขียนภาพผู้หญิงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะลายเส้นที่อ้อนช้อย บวกกับ หน้าตาที่หล่อเหลาของเขา เลยลือกันว่าอาจไม่ใช่ผู้ชายจริง ถึงขนาดมีคนพูดเล่นว่า อยากจับเขามาถอดเสื้อ พิสูจน์ให้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย ช่างทะลึ่งจริงๆ เรื่องนี้ข้าพยายามขัด ขวางมาตลอด แต่ก็ไม่รู้จะปกป้องได้ถึงเมื่อไหร่"
"หึ จะพูดยังไงก็ช่าง ที่นี่ไม่ใช่ตลาดประมูลภาพเขียนที่ท่านจะชี้เป็นชี้ตายได้ เชิญกลับไปดีกว่า"
"หึ อยากให้ข้าจับซินยุนบกแก้ผ้าเพื่อพิสูจน์ ตัวตนที่แท้ของเขาหรือเปล่า แล้วแต่ท่านจะตัดสินใจ ให้เวลา 10 วัน"
จากนั้นคิมโจนึนก็ไปพบเหล่าขุนนาง เสนาขวารีบถาม
"สองคนนั้น เป็นศิษย์อาจารย์ที่ผูกพันกันนัก ไม่กลัวว่าลับหลังจะแอบไป ตกลงบางอย่างหรือไง"
"หึ ท่านเสนาคงไม่รู้จักพวกศิลปินดีนัก โดยเฉพาะช่างเขียนที่ถือตัวว่าเป็นหนึ่งด้วยแล้ว ต่อให้คิดแต่แรกว่าจะยอมแพ้ แต่พอเริ่มจับพู่กัน สิ่งที่ออกมาก็คือผลงานที่ดีที่สุด นี่คือ ชะตาของพวกเขาอยู่แล้ว"
"แล้วเจ้าเกลี้ยกล่อมพวกเขาได้ไง"
"เรื่องแบบนี้จะให้พูดคงยืดยาวนัก ถ้าไง วันหลังข้าค่อยอธิบายดีกว่า ตอนนี้ก็ขอให้ทุกท่านอดใจรอชม การแข่งขันที่น่าสนุกเถอะ"
"เราต้องไปดูด้วยหรือ"
"การแข่งเขียนภาพระหว่างทังวอนและแฮวอน ถือเป็นงานใหญ่ของโชซอนก็ว่าได้ แต่ว่า ถ้าไม่มีขุนนางให้ความสนใจ มันจะลดทอนความสำคัญของงานลงไปทันที แต่ถ้ามีคนชนชั้นสูงไปร่วมชมด้วย รับรองว่างานนี้ จะเป็นที่ฮือฮาทั่วเมืองหลวงอย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อน"
"เราทำให้การเขียนรูปกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วจากนั้นจะเป็นไงต่ออีก"
"พอการแข่งขันจบลง ไม่ว่าฝ่ายไหนแพ้เท่ากับอนาคตจบสิ้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ที่ทำลายลูกศิษย์ หรือศิษย์คิดล้างครูก็ช่าง ต่อไปจะไม่ได้เป็นช่างเขียนในโชซอนอีก สำหรับพวกเขา มันก็คือการเสียศักดิ์ศรี ซึ่งเท่ากับทำให้ตายทั้งเป็น อีกอย่าง ไม่ว่าผลจะออกมายังไง สำหรับพวกเขาแล้ว นี่คือการเป็นช่างเขียนครั้งสุดท้าย"
"ทำไมเป็นอย่างงั้นได้ล่ะ"
"รอดูไปก็รู้"
แล้วในที่สุดคิมฮงโดก็ตัดสินใจไปบอกคิมโจนึนว่า
"ข้าตกลงแล้วว่า จะลงแข่งเขียนภาพ แต่ว่า ถ้าข้าชนะ ท่านจะให้อะไรบ้าง"
"หึ ท่านอยากได้อะไรล่ะ"
"มอบตัวแฮวอนให้ข้า นับแต่นี้ท่านต้องปล่อยเด็กคนนี้ซะ"
"มอบตัวแฮวอนให้ท่านหรือ เขามีอะไรดีนักหนา ถึงทำให้ท่านทังวอนให้ความสำคัญขนาดนี้ หรือว่า ท่านมีอะไรกับเขาใช่ไหม"
"หุบปากเน่าๆ ของท่านซะ นึกว่าที่พูดนั่นเป็นภาษาคนหรือเปล่า"
"หึๆๆ เอาเถอะ ข้ายอมรับเงื่อนไขนี้ ตอนนี้ ห้ามมีการเปลี่ยนใจอีกล่ะ"
"ยังไงข้าจะช่วยให้เด็กคนนี้ พ้นจากเงื้อมมือพ่อค้าหน้าเลือด"
"ฮ่าๆๆ น่าสนุกดี น่าสนุก อาจารย์อุตส่าห์ทำเพื่อลูกศิษย์ขนาดนี้ แต่ลูกศิษย์ กลับยอมแข่งเพื่อผู้หญิงที่เขารัก หึๆๆ เขาบอกว่า ถ้าเป็นฝ่ายชนะ จะขอแลกกับอิสรภาพของชอนเฮียง หึๆๆ"
"ข้ายังมีเงื่อนไขอีกข้อ"
"อะไรอีก"
"ถ้าข้าเป็นฝ่ายชนะจริง"
"แล้วยังไง"
"ขอส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง จากเดิมพันที่ท่านได้"
"หึ อะไรนะ"
"เพราะถ้าข้าเลือกที่จะแข่งขัน ชาตินี้จะไม่ได้ทำงานในศูนย์ศิลปะอีก เลยอยากมีเงินซักก้อน ไว้เป็นทุนสำหรับเปิดร้านของตัวเอง"
"ก็ได้"
และข่าวที่คิมฮงโดยอมลงแข่งเขียนภาพกับซินยุนบกก็กลายเป็นข่าวใหญ่ไปในชั่วข้ามคืน
ด้านพระราชาจองโจทรงตรัสถามราชเลขาว่า
"พ่อค้าที่ชื่อคิมโจนึน ไปสืบประวัติหรือยัง"
"สืบแล้วพะยะค่ะ อดีตเป็นเด็กกำพร้า ฐานะต่ำต้อยถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง อาศัยความมุมานะ บวกกับมีวาทศิลป์ ขายสินค้าได้อย่างชำนาญ ในที่สุดก็สร้างตัวได้"
"งั้นหรือ แล้วทำไมกลายเป็นพ่อค้าที่รวยขนาดนี้"
"พะยะค่ะ พอเริ่มมีเงินก็เริ่มจับกิจการหลายอย่างและคบหากับคนรวย เพราะสินค้าที่ผ่านมือเขาล้วนแต่ขายดี จนทุกวันนี้ถือเป็นพ่อค้าใหญ่ที่สามารถคุมกลไกทางการตลาด และเร็วๆ นี้ ก็เริ่มให้การอุปถัมภ์ชนชั้นสูงที่ตกยาก เพื่อขยายอิทธิพล เลื่อนฐานะเป็นชนชั้นสูงบ้าง"
"แล้วรู้มั้ยว่าเบื้องหลังเขา ยังมีใครสนับสนุนอีกบ้าง"
"ได้ยินว่าทุกครั้งที่ร้านค้าของเขามีปัญหา หรือเกิดจลาจล ทางการจะส่งทหารไปดูอย่างรวดเร็ว ใครๆ ก็ว่า ผู้ว่าเมืองหลวง "คิมคีจู" อยู่เบื้องหลังพ่อค้าคนนี้ และมีส่วนได้ส่วนเสีย ในผลประโยชน์ของเขาด้วยพะยะค่ะ"
"ถ้าเป็นผู้ว่าเมืองหลวงละก้อ คิมคีจู เป็นพี่ชายของพระอัยยิกาไม่ใช่หรือ"
"พะยะค่ะ"
"ไปสืบอีกว่า ยังมีพวกไหนที่เกี่ยวข้องกับเขาอีก และมีส่วนพัวพันไปถึงเรื่องเมื่อ 10 ปีที่แล้วหรือเปล่า รีบไปสืบมาให้ข้าเดี๋ยวนี้"
"พะยะค่ะ ฝ่าบาท"
คิมโจนึนมาถามลูกน้องของเขาว่า
"ดูเหมือนหลายฝ่ายจะให้ความสนใจ คนส่วนใหญ่ มาเดิมพันกับเราใช่ไหม"
"ครับ"
"เล่นข้างทังวอนหรือว่าแฮวอน"
"ถึงตอนนี้ คนที่อยู่ในวงการ 37 คน มี 18 คนที่เล่นข้างทังวอน และ 19 คนเล่นข้างแฮวอนน่ะครับ"
"อย่างงั้นหรือ เดี๋ยวก่อน เจ้าบอกว่า 37 คนหรือ ทำไมแค่ 37 คน ไม่ใช่ 38 ล่ะ"
"ครับ มีช่างเขียนมาจากเมืองเปียงยาง 7 คน ตันยาง 3 คน "ปักซานพง" 6 คน จากสมาคมช่างเขียน 7 คน พ่อค้าใหญ่ 6 คน และสมาคมห้าไผ่อีก 4 คน รวมถึงขุนนางในวัง"
"สมาคม 5 ไผ่ มี 4 คนหรือ"
"เอ่อ ครับ"
"มีใครบ้างที่ไม่มาลงชื่อ"
"ใต้เท้าคิมพยองยุนน่ะครับ"
"เจ้าแก่หัวดื้อคนนี้ มันกล้า"
คิมโจนึนไปพบใต้เท้าคิมพยองยุน
"ทำไมไม่มาร่วมสนุกด้วยล่ะครับ ข้ายังหวังว่าการแข่งคราวนี้ จะได้รับการเสนอหัวข้อจากใต้เท้า ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะ แต่ท่านกลับไม่มา ทำให้ข้าผิดหวังนัก"
ใต้เท้าคิมพยองยุนว่า "หึ เจ้าคงจะ ข้องใจเต็มทีว่าทำไมข้าถึงไม่สนับสนุนงานนี้ใช่ไหม"
"ใช่ครับใต้เท้า"
"มีกี่คนที่เดิมพันข้างทังวอน และกี่คนที่เล่นข้างแฮวอน"
"ข้างทังวอนมี 18 คน ส่วนแฮวอน 19 คน เป็นตัวเลขที่ก้ำกึ่งน่าตื่นเต้นไม่น้อยน่ะครับ"
"ถ้าอย่างงั้น ข้าคงต้องเล่นข้างทังวอนถึงจะทำให้เท่าเทียมใช่ไหม"
"เล่นฝ่ายไหนก็ได้ครับท่าน"
"ความคิดของข้า มักจะสวนทางกับคนอื่นประจำ"
คิมโจนึนไปเอ่ยถึงเรื่องการแข่งขันให้ชอนเฮียงฟัง
"พรุ่งนี้ จะมีการแข่งขันเขียนภาพ เจ้า อยากให้ใครเป็นฝ่ายชนะดี ทังวอนหรือว่าแฮวอน"
"ใครจะชนะก็ช่าง ไม่เห็นเกี่ยวกับข้านี่คะ"
"แต่ข้าก็พอรู้ ว่าในใจเจ้า อยากให้ฝ่ายไหนชนะ"
"เป็นใครหรือคะ"
"ก็ต้องเป็นแฮวอนอยู่แล้ว"
"ทำไมนายท่านถึงคิดอย่างงั้นล่ะ"
"เทียบกับคนที่เจ้าไม่คุ้นเคย ไม่สู้หวังให้แฮวอน เป็นฝ่ายชนะยังดีกว่า"
"ก็อาจเป็นอย่างงั้นก็ได้"
"ว่าแต่ แฮวอนมีเงื่อนไขที่แปลก เขาบอกว่าถ้างานนี้เป็นฝ่ายชนะ ให้ข้าปล่อยตัวเจ้าซะ เฮ่อ ทำไมแฮวอน ถึงมีความคิดแบบนี้"
"แล้วท่านตอบว่าไงคะ"
"ข้าก็ต้องรับปากอยู่แล้ว เพราะไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ"
"ทำไมถึงยอมฟังเขาล่ะคะ เพราะข้าไม่มีความสำคัญ ให้ท่านรั้งไว้บ้างหรือ"
"นั่นเป็นเพราะ แฮวอนไม่มีทางเป็นผู้ชนะ เพราะภาพเขียนของเขา ส่วนใหญ่มักมีเจ้าอยู่ในนั้น เริ่มตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน จนเป็นช่างเขียนอย่างทุกวันนี้ ทุกภาพล้วนแต่มีเจ้า ด้วยเหตุที่ว่า เจ้าคือผู้หญิงที่เขารัก เจ้าก็รู้อยู่ไม่ใช่หรือ จริงๆ แล้ว เขาเป็นผู้หญิง"
"พูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ"
"รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นหญิง เจ้ายังจะรักเขาอีกหรือ ข้าอยากฟังคำตอบจากเจ้า จริงๆ แล้ว แฮวอนคือคนที่เจ้ารัก หรือว่า ซินยุกบกที่เป็นผู้หญิงคือคนที่เจ้ารักกันแน่"
"ท่านไม่มีวันจะรู้ ความในใจของข้าได้หรอก เพราะสิ่งที่ศิลปินมองเห็น ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเข้าใจ สิ่งที่เรารับรู้ ที่เราสัมผัสด้วยจิตใจ ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะเข้าใจได้"
"หึ ถ้าไม่มีเจ้า แฮวอนจะไม่มีทางสร้างสรรค์ผลงานชิ้นไหนๆ ที่เหนือกว่าอาจารย์ของเขาได้เลย และสุดท้ายก็จะพ่ายแพ้หมดรูป พรุ่งนี้ เจ้าจะได้เห็นภาพนั้น"
"ท่านทำแบบนี้เพื่ออะไรกันคะ"
"ใครก็ตามที่มาแย่งของรักจากข้า ข้าจะให้มันรู้ว่า ของสิ่งนั้นไม่ใช่ของเขา ข้าเคยบอกแล้วใช่ไหม การจะทำลายคนๆ หนึ่ง เราต้องเหยียบให้มันจมดินเพื่อไม่ให้ลุกขึ้นอีก พักผ่อนได้แล้ว"
ชอนเฮียงรีบไปหาซินยุนบก
"มีธุระอะไรหรือ"
"ข้ายินดีจะช่วยเจ้า ข้าจะให้ตัวเอง ไปอยู่ในภาพของเจ้าอีกครั้ง"
"ข้าไม่อยากให้เจ้า มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอีก น้ำใจที่มีให้ ข้าขอขอบใจ"
"แต่ข้ายินดีจริงๆ โปรดให้ข้า มีตัวตน อยู่ในผลงานของเจ้า ชั่วชีวิตได้ไหม"
ซินยุนบกไปพบคิมฮงโด ด้วยความแปลกใจที่คิมฮงโดรับปากเรื่องเขียนภาพแข่งขัน
"หึ พรุ่งนี้แล้วสินะ"
"แต่อาจารย์ครับ แข่งเขียนภาพคราวนี้ ทำไมท่านรับปากล่ะ"
"เห็นว่าเจ้าเป็นฝ่ายตกลงก่อนไม่ใช่หรือ"
"ข้า ได้ยินว่าท่านเป็นฝ่ายตกลงก่อน"
"หึๆ เล่ห์กลของพ่อค้าช่างน่ากลัวนัก หึ ทำให้เราสองคนถูกหลอกจนได้"
"ถ้าหาก ข้าเป็นฝ่ายแพ้ หลังจากนั้นจะเป็นไงบ้าง"
"ไม่เพียงชาตินี้จะถูกห้ามไม่ให้เขียนรูปอีก เจ้าจะไม่อาจสู้หน้า วิญญาณของพ่อซึ่งคาดหวังต่อเจ้านัก"
"แล้วถ้าอาจารย์ เป็นฝ่ายแพ้ข้าล่ะครับ"
คิมฮงโดถอนใจ "ไม่ว่าข้าจะแพ้หรือชนะ หน้าที่การงานที่อยู่ในศูนย์ศิลปะ ก็ถือว่าจบไปแล้ว แล้วเจ้าคิดว่า มีทางชนะข้าได้มั้ย"
"แต่ว่า มือของท่าน มันยังไม่"
"หึ มือข้าไม่เป็นไรหรอก ไม่ไหวจริงๆ ใช้เท้าเขียนก็ได้ เจ้าไม่ต้องห่วง ยุนยี หึ เจ้าฟังข้าให้ดีนะ อาจารย์ที่ดี จะต้องสอนลูกศิษย์ให้ยิ่งเก่ง ลูกศิษย์ที่ดี คือคนที่เข้าใจความคิดของอาจารย์ และศิษย์ที่หายาก คือความสามารถเหนือกว่าอาจารย์อีก ฉะนั้นการแข่งในวันพรุ่งนี้ เจ้าต้องชนะข้าให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมรับเจ้าเป็นศิษย์ ข้อนี้เจ้าต้องจำไว้ด้วย มีแต่ชนะข้าเท่านั้น ถึงเป็นทางรอดของเจ้า"
"ท่านบอกว่า มีแต่ต้องชนะท่าน ถึงเป็นทางรอดของข้างั้นหรือ"
"ต้องชนะข้าให้ได้ ส่วนข้า ก็จะพยายามเต็มที่เหมือนกัน คำพูดของข้า เจ้าต้องจำใส่ใจให้ดีล่ะ"
"ครับ"
จบ 18

ซินยุนบก 19 // พระราชาจองโจตรัสถามราชเลขาว่า
"วันนี้ใช่ไหม ที่ทังวอนกับแฮวอนจะแข่งขันกัน"
"ใช่แล้วพะยะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคิมฮงโดหรือซินยุนบก ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชนะ คนที่เหลือจะประสบชะตากรรมที่ลำบาก"
และหลังจบการแข่งขัน ก็ไม่รู้จะเกิดเหตุร้ายกับพวกเขาหรือเปล่า ส่งทหาร ไปดูแลความปลอดภัยของพวกเขาด้วย"
"ขอทรงวางพระทัย"
เวลาเดียวกันพระอัยยิกาทรงมีรับสั่งกับขุนนางว่า
"ภาพเขียนที่ไม่มีใบหน้า เก็บอยู่ตั้งนาน คิดแล้วก็รู้สึกแปลกนัก"
"แปลกยังไงหรือพะยะค่ะ"
"ท่านบอกว่าตอนนี้ในเมือง เรื่องที่ผู้คนสนใจคือการแข่งระหว่างทังวอนและแฮวอน แต่วิธีการทำงานของเจ้าคิมโจนึน ข้าไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่"
"แต่ทุกคนต่างเห็นว่า ถ้าเป็นการวางแผน ไม่มีใครเทียบเขาได้"
"หอกข้างแคร่มักทำให้เราเจ็บตัว ข้ากลัวว่าบางอย่างที่มองข้าม อาจมีปัญหาตามมาก็ได้"
"ทรงวางพระทัย คนๆ นี้ ร้ายกาจยิ่งกว่างูพิษซะอีก"
"หึ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด เราก็ต้องป้องกันไว้บ้าง"
"พะยะค่ะ พระอัยยิกา"
คิมโจนึนคุยกับชอนเฮียงว่า
"วันนี้ รู้สึกหน้าตาแจ่มใสดีจริง เป็นไงบ้าง การแข่งขันระหว่างแฮวอนกับทังวอน เจ้าคิดว่าใครจะชนะ"
"การให้ลูกศิษย์กับอาจารย์ ชิงดีชิงเด่นเพื่อให้อีกฝ่ายย่อยยับ ท่านเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนุกหรือคะ"
"ชีวิตคนเราก็เหมือนการละเล่นอย่างหนึ่ง บ่อยครั้งที่ต้องตัดสินใจอย่างหนักในวาระต่างๆ ซ้ำยังอาจต้อง เดิมพันสิ่งมีค่าลงไปด้วย เจ้าไม่คิดว่ามันเป็นสีสันหรอกหรือ มาลองดูมั้ยล่ะ วัดกับดวงตัวเอง ระหว่างทังวอนและแฮวอน ใครจะเป็นฝ่ายชนะ หรือว่า เจ้าได้ทุ่มสุดตัว ให้แฮวอนฝ่ายเดียวโดยไม่ต้องคิดมาก"
"นายท่านคะ ในเมื่อท่าน ชอบวางเดิมพันกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ แล้วทำไมไม่ลองเปลี่ยนความคิด ซื้อความจริงใจจากคนอื่นดูบ้างล่ะคะ ภาษิตว่าถ้าได้ใจคน ก็เหมือนได้ครองแผ่นดินด้วยซ้ำ"
"ข้าอาจไม่รู้ใจคนอื่นมากนัก แต่ยังไม่เคยแพ้ใครมาก่อน"
เวลานั้นคิมฮงโดมองพู่กันให้ซินยุนบก
"อ้า ด้ามนี้ให้เจ้า"
"เอ่อ อย่าเลยครับ อาจารย์เอาไปใช้ดีกว่า"
"หึๆ ขนพู่กันที่แข็งหน่อย เหมาะสำหรับคนที่เน้นลายเส้นละเอียดอ่อน เจ้าคงใช้ดีกว่าข้า เร็ว ถือไว้ หึ"
"จนถึงวันนี้ ข้ายังรู้สึกงงๆ อยู่ ทำไมอาจารย์ ต้องตอบรับการแข่งขันแบบนี้ และทำไมต้องเป็นฝ่ายชนะ ถึงมีทางอยู่รอดได้ครับ"
"หึ ยุนยี เจ้าเชื่อข้าหรือเปล่า หึ ถ้าเชื่อก็ต้องชนะข้าให้ได้ มันจะเป็นอีกทางหนึ่ง ที่จะได้แก้แค้นให้พ่อของเจ้า หึ"
ใต้เท้าชางคุยกับเสนาขวา
"เฮ่อๆๆ เป็นไงบ้างครับ ตกลงท่านเสนาขวา จะสนับสนุนฝ่ายไหน ระหว่างทังวอนกับแฮวอนน่ะครับ"
"ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าพวกเขารู้ตื้นลึกหนาบาง เกี่ยวกับเรื่องอดีตแค่ไหน แล้วท่านยังมีหน้ามาหัวเราะอีกหรือ"
"ท่านน้า ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คิมโจนึนบอกว่า ขอให้เราเชื่อเขาแล้วจะไม่ผิดหวัง เพราะฉะนั้น เราก็วางใจ ดูศิษย์อาจารย์คู่นี้เขียนรูป โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันดีกว่า"
ใต้เท้าชางเห็นด้วย "อึม"
"แล้วยังไง เจ้าคิดว่าฝ่ายไหนจะชนะล่ะ"
"ข้าเชื่อว่าแฮวอนน่าจะเหนือกว่า เพราะคนอย่างคิมโจนึน ไม่ว่าจะเหลี่ยมจัดแค่ไหน ก็ต้องให้คนของตัวเองชนะไว้ก่อน ท่านว่าจริงหรือเปล่า"
"หึๆๆ เรื่องนี้มันแน่อยู่แล้ว ถ้าวันนี้คิมฮงโดเป็นฝ่ายแพ้ละก้อ เขาก็ถือว่าจบ ชาตินี้จะไม่ได้เขียนรูปอีก เฮ่อๆๆ"
ก่อนเริ่มการแข่งขันคิมโจนึนก็ประกาศว่า
"นี่คือช่างเขียนสองคนที่จะแข่งในวันนี้ จิตรกรเอกแห่งศูนย์ศิลปะ ช่างเขียนที่พระราชาโปรดปราน เชี่ยวชาญการเขียนภาพธรรมชาติและภาพผู้คน จนอาจกล่าวได้ว่าไม่มีอะไรที่เขาเขียนไม่ได้ จนได้รับฉายาว่าช่างเขียนมือทองอันดับหนึ่งแห่งโชซอน นั่นก็คือทังวอน คิมฮงโด"
"นั่นแหละ ใช่เลย แนะนำไม่ผิดหรอก"
"ส่วนอีกคนนั้น เป็นศิษย์เอกที่ท่านทังวอนสอนมากับมือ ช่างเขียนรุ่นใหม่ที่แหวกประเพณี เขียนรูปได้อย่างอาจหาญ เชี่ยวชาญการใช้สีสัน เน้นจิตใจของผู้หญิง สื่ออารมณ์ได้อย่างเก่งกาจ แฮวอน ซินยุนบก"
"คนนี้นี่เอง ได้ยินชื่อมานาน เขียนรูปได้เก่งนัก"
"ลำดับต่อไป ขอแนะนำกรรมการซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะตัวยง ท่านแรก คือเชื้อพระวงศ์ที่นิยมงานศิลป์ ใต้เท้า "ชองแผ่กเฮ" หรือว่าท่าน "โพวอนกุน" เจ้ากรมพิธีการ ผู้ชำนาญงานศิลป์ กำกับดูแลศูนย์ศิลปะอีกที ใต้เท้า "คิมโซอุน" ตัวแทนศูนย์ศิลปะแห่งเปียงยาง อดีตช่างเขียนชื่อดัง ใต้เท้า "อุนยินวอน" ถัดมาก็คือตัวแทนจากสมาคม "ซำพง" แห่ง "ตันยาง" ใต้เท้า "คิมซินยาง" ถัดมาอีกท่าน คือตัวแทนจากสมาคมการค้า ท่านยีมูนจิก คนสุดท้ายที่จะแนะนำ คือเสาหลักแห่งวงการศิลปะ ตัวแทนจากสมาคมห้าไผ่ เจ้ากรมปกครอง ขุนนางอาวุโส ใต้เท้าคิมพยองยุน เมื่อพร้อมแล้ว ก็จะเริ่มการเขียนภาพ หัวข้อในวันนี้ ได้จากข้อสรุปของกรรมการทุกท่าน เชิญเอามาได้ หัวข้อในวันนี้ ปรากฎว่าเหมาะแก่การแข่งขันเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือ คำว่าต่อสู้ ลำดับต่อไป เราจะบอกถึงวิธีการเขียนภาพ และหลักการตัดสิน ขอเชิญท่านโพวอนกุนช่วยอธิบายต่อ"
"ในเมื่อเป็นการแข่งระหว่างช่างเขียนมือหนึ่งทั้งสองคน หัวข้อที่ให้ก็นับว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง ขอให้ทั้งสอง ใช้ความคิดและฝีมือตัวเอง ตีความว่าจะเขียนออกมายังไง กำหนดเวลา คือพรุ่งนี้เที่ยงเป็นอันสิ้นสุด หลังจากนั้นก็ให้กรรมการทั้งหลาย ช่วยกันพิจารณาผลงานที่ออกมา และก่อนตะวันตกดินก็จะมีข้อสรุปว่างานของใครดีที่สุด"
"ถ้าอย่างงั้น เชิญช่างเขียนทั้งสองเริ่มการเขียนรูปได้แล้ว เชิญได้"
พระอัยยิกาตรัสกับพระราชาจองโจว่า
"ผลงานของแฮวอน ดูแล้วชวนให้ติดตาตรึงใจนัก ข้าว่าเขาน่าจะเป็นฝ่ายชนะ"
"หนุ่มคนนี้เขียนภาพได้น่าทึ่งก็จริง แต่หม่อมฉัน ยังไงก็ชอบงานของทังวอนมากกว่า พระอัยยิกาไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวา บ่งบอกถึงความในใจของคนในภาพบ้างหรือพะยะค่ะ จะทรงเดิมพันกับหม่อมฉันหน่อยมั้ยพะยะค่ะ ถ้าเป็นการเดิมพัน มีโอกาสได้เสียเท่ากัน หม่อมฉันคิดว่าคงจะน่าสนุก"
"งั้นก็ได้ ถ้าฝ่ายไหนแพ้ ก็ต้องออกจากวังหลวงดีหรือเปล่า"
"ฟังดู เหมือนจะน่าสนใจนะพะยะค่ะ"
"หึ ข้าหยอกเจ้าเล่นต่างหาก เมื่อไหร่จะรู้ผลแพ้ชนะล่ะนี่"
การแข่งขันครั้งนี้ อยู่ท่ามกลางความสนใจของชาวบ้านและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คิมโจนึนให้คิมฮงโดกับซินยุนบกพักผ่อนก่อนจะมาฟังคำตัดสิน
คิมฮงโดถามซินยุนบก "เขียนได้อะไรบ้าง เขียนอย่างสุดฝีมือหรือเปล่า"
"ครับ แล้วอาจารย์ล่ะ"
"ก็อย่างที่เจ้าเห็น มือยังใช้การไม่ค่อยดี หึ เลยใช้เท้าเขียนแทน"
คิมโจนึนประกาศว่า "เมื่อพร้อมแล้ว ก็ให้ทุกท่านค่อยๆ พิจารณารูปภาพเพื่อประกอบคำตัดสินเหมือนที่เคยบอกไว้ คำตัดสิน จะออกมาก่อนตะวันตกดินวันนี้ และสุดท้าย จะให้ท่านโพวอนกุนเป็นผู้ชี้ขาด ว่าภาพของใครสมควรเป็นผู้ชนะมากกว่า เมื่อเข้าใจแล้ว ก็เชิญทุกท่านค่อยๆ ดูได้"
กรรมการคนแรกกล่าวว่า "เฮ่อๆๆ ช่างเขียนได้ราวกับเป็นชีวิตจริง"
"ท่านว่าภาพของทังวอน สามารถมองได้ 2 รูปแบบหรือเปล่า"
"จริงของท่าน แบบที่หนึ่ง คือมองตรงๆ เป็นการแข่งมวยปล้ำ ผู้ชายสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ เฮ่อๆๆ เพราะไม่อาจสื่อถึงการใช้พลังและแรงเหวี่ยงของทั้งสองฝ่าย คนเขียนรูปเลยไปผสมโรงนั่งดูกะเค้าด้วย การนั่งดูมวยปล้ำจะยิ่งเห็นถึงความรุนแรง มากกว่ามองห่างๆ แล้วเขียนแค่ภาพรวม ด้วยเหตุนี้ ภาพของนักมวยปล้ำจึงใหญ่ว่าคนที่นั่งดู และทำให้ภาพนี้ดูมีพลังมากขึ้นด้วยจริงหรือเปล่าล่ะท่าน เฮ่อๆๆ"
"ใช่เลย ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนว่าได้นั่งดูมวยปล้ำด้วยตัวเอง และกำลังลุ้นว่าฝ่ายไหนจะล้มก่อนจริงมั้ย"
"ท่านอื่นๆ เห็นว่าไงบ้าง"
"ก่อนอื่น ข้าจะบอกว่าจุดเด่นของภาพนี้ คือความอ่อนช้อยของรูปร่างที่สม จริง ดูสิครับ เหมือนมาร่ายรำอยู่เบื้องหน้าก็ไม่ปาน หญิงสองคนนี้ ได้ใส่กระโปรงอีกชั้นนอกเหนือจากเครื่องแต่งกายปกติ ทำให้หมุนตัวได้อย่างสวยงาม บวกกับลีลาและท่วงท่าในการรำกระบี่ ใช้ชายกระโปรงเป็นจังหวะในการรับส่งได้อย่างสอดคล้อง ยังมีหมวกและพู่ที่ห้อยระย้า สะบัดตามแรงเคลื่อนไหว ทำให้ความสง่าของหญิงสองคนนี้เผยออกมาอย่างเด่นชัด"
"ถ้าอย่างงั้น เชิญพิจารณาภาพของทังวอนต่อ"
คนที่อยู่ในภาพของทังวอน ไม่ว่ามองยังไง ลักษณะก็เหมือนมีชีวิตชีวาแทบจะออกมาโลดแล่นได้ เฮ่อๆๆ นั่นก็แปลว่า ช่างเขียนต้องพินิจสีหน้าของแต่ละคนอย่างใกล้ชิด แล้วค่อยเอาอากัปกิริยาของพวกเขามาเขียนเป็นรูปลงในกระดาษอย่างละเอียด ดูสิครับ แต่ละคนล้วนมีสีหน้าแตกต่างไม่ซ้ำกัน และออกอาการลุ้นไปคนละแบบเพื่อให้ผู้แข่ง ขันชนะเร็วๆ พลอยให้เรานึกภาพตามไปด้วย"
ทุกคนเห็นด้วย เจ้ากรมกล่าวว่า "ถ้าภาพของทังวอนสามารถมองดูใน 2 แง่ เพื่อจะสื่อถึงการเล่นกีฬามวยปล้ำ งั้นภาพของแฮวอน ก็พอจะเห็นมุมมอง 2 แบบเหมือนกัน เพื่อเป็นการสะกดสายตาคนที่เฝ้าดู ภาพที่มีหลายคนนั่งรายล้อมเป็นวงกว้าง จึงให้หญิง 2 คนที่รำกระบี่ จัดวางอยู่ในตำแหน่งตรงกลาง ให้คนดูซึ่งแม้จะเป็นชนชั้นสูงก็ไปอยู่ด้านข้าง ส่วนหัวใจของภาพกลับเป็นผู้หญิงแทน สมแล้ว ที่เป็นช่างเขียนรุ่นใหม่ ความคิดไม่เหมือนใครจริงๆ"
"ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะช่างเขียนคนนี้ ถนัดอ่านใจผู้หญิงและสื่ออารมณ์ได้ดีอยู่แล้ว สรุปว่าผ่านใช่ไหม"
"โดยรวมของภาพใช้เป็นลักษณะวงกลม คนดูก็นั่งล้อมวง ตั้งหน้าตั้งตาดูการแข่งมวยปล้ำ ช่างเขียนจงใจเว้นช่องว่างให้พอเหมาะ เผื่อสำหรับการล้ม และทุกคนจะเพ่งมองที่ศูนย์กลาง ให้ดูแล้วเป็นภาพที่สบายตา"
"ภาพนี้ที่น่าสนใจ ก็คือให้ข้างบนมี 7 คน แถวล่างก็มี 7 เป็นการจัดวางตำแหน่งที่พอเหมาะพอดี หญิงสองคนที่ร่ายรำกระบี่ จึงกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยายจริงมั้ยครับ"
"ตอนนี้ น่าจะถึงเวลาแห่งการตัดสินภาพแล้ว หรือทุกท่านว่ายังไง"
"มันก็สมควรน่ะนะ"
"ในเมื่อหัวข้อคือคำว่าต่อสู้ งั้นการตัดสิน ก็ขึ้นกับผลแพ้ชนะของบุคคลในภาพ เป็นการชี้ขาดดีมั้ยครับ"
"ให้คนในภาพตัดสินหรือ เฮ่อๆๆ ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกัน ทุกท่านเห็นว่าไง"
"ถ้าอย่างงั้น ก็เริ่มจากภาพของทังวอนก่อนละกันดีมั้ย"
"ก็ดีๆ"
"พวกท่านว่าสองคนนี้ คนไหนน่าจะชนะ"
"เฮ่อๆๆ ถ้าให้ข้าดู คนที่ถูกยกขึ้นน่าจะชนะแน่นอน เฮ่อๆๆ"
"อะไรนะ ท่านบอกว่า คนที่ถูกยกกลับเป็นฝ่ายชนะงั้นหรือ เขาถูกยกจนเสียหลักแล้วนี่นา"
"เฮ่อๆๆ ถ้าดูเผินๆ คนถูกยกเหมือนเสียหลักก็จริง แต่อาจไม่ใช่อย่างงั้น ท่านดูคนที่อยู่ทางขวาสิ แม้ว่าสองขาจะเหยียบพื้นแน่น แต่หลังเริ่มเอียงเหมือนจะล้มได้ทุกเมื่อ เฮ่อๆๆ เพราะมัวแต่ทุ่มกำลังยกอีกฝ่าย แต่สุดท้ายคนที่จะหงายก็คือตัวเขาเองเห็นหรือเปล่า"
พวกชาวบ้านเชียร์มวยปล้ำ "เฮ่อๆๆ ใช่หรือเปล่าทังวอน"
คิมฮงโดกระแอมนิด "ผู้ชนะมวยปล้ำครั้งนี้ คือคนๆ นี้"
"อ้าว เฮ่อๆๆ"
"มีอะไรอ้างอิงได้บ้าง ถ้าอธิบายไม่สมเหตุผลก็เท่ากับ เจ้ากำลังลบหลู่ ผู้ใหญ่ในวงการเชียวนะ" คิมโจนึนว่า
"หึๆๆ ถ้าข้าจะอธิบาย ก็ต้องมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว"
"หมายความว่า เจ้ายังมีคำตอบอื่นงั้นหรือ"
"คำตอบก็คือ ในภาพนี้ สองคนที่อยู่ทางมุมขวา คือจุดเปลี่ยนของการแข่งขัน ทุกท่านดูสีหน้าสองคนนี้ให้ดีซะก่อน ทำตาโตอ้าปากค้างเหมือนเจอเรื่องน่าตกใจใช่ไหม แถมยังเอนตัวไปด้านหลัง อีกคนก็เริ่มขยับถอยหลังไป สิ่งที่พวกเขามองเห็นก็คือ หลังจากคนๆ นี้ ยกตัวคู่ต่อสู้ขึ้นแล้ว จับเขาทุ่มไปทางด้านขวาอย่างแรงจนเกือบชนกับคนดูเข้า"
"อ้อ สมแล้ว ที่เป็นทังวอน เฮ่อๆๆ"
"แพ้ชนะ แค่นี้ก็รู้ผลแล้วล่ะ"
"แสดงว่าแฮวอน ท่าจะตกเป็นรองซะแล้ว" พวกศิษย์คุยกัน
"นี่ เดี๋ยวๆๆ ขอถามก่อน ผลเป็นไงบ้าง หา"
"อ้อ เห็นว่าอาจารย์ทังวอนเป็นต่ออยู่หนึ่งคะแนน"
"เฮ่อๆๆ เห็นมั้ย บอกแล้วก็ไม่ฟัง ยุนบกจะสู้อาจารย์ทังวอนได้ไง ไม่มีทางซะล่ะ มือคนละชั้น"
"พูดมากจริง มันยังไม่แน่ซักหน่อย"
"ก็ถึงว่า ยังไม่ตัดสินนะ เฮ่ย"
คิมโจนึนกล่าวว่า "ผู้หญิงรำกระบี่ เป็นการแสดงมากกว่าต่อสู้ แต่ดูจากภาพนี้ ยังเห็นถึงบรรยากาศของการต่อสู้และความตื่นเต้นอยู่ดี แฮวอน ภาพนี้มีผลแพ้ชนะหรือเปล่า"
"คนเรา มักจะเอาศักดิ์ศรีของศิลปิน ไปเปรียบกับการต่อสู้โดยใช้กำลังห้ำหั่น บีบให้รู้ผลแพ้ชนะให้ได้ แพ้ชนะของภาพนี้ ซ่อนอยู่ใต้ชายกระโปรงของสองฝ่าย ถ้าดูจากลักษณะของกระโปรง หญิงคนนี้พลิ้วไหวในลีลาเชื่องช้า ในขณะที่คนนี้ สะบัดชายแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่า โปรดดู พู่ที่อยู่บนหมวก หันไปในทางเดียวกับกระโปรง หญิงที่สวมกระโปรงชุดแดง เคลื่อนไหวชายกระโปรงและหมวกไปในทิศทางเดียวกัน คือจากซ้ายไปขวาโดยปกติ พอมาดูคนนี้บ้าง เราจะเห็นว่าใบหน้าและหมวกไปคนละทางเคลื่อนจากขวาไปซ้ายแทนแบบนี้ ที่สำคัญ การทรงตัวของร่างกายและศีรษะค่อนข้างจะเซจนคล้ายกับยืนไม่อยู่ ฉะนั้นผู้แพ้ในภาพนี้ ก็คือหญิงที่ใส่กระโปรงน้ำเงินคนนี้"
"ดูจากชายกระโปรงเพื่อตัดสินแพ้ชนะ เฮ่อๆๆ ข้อนี้ แทบไม่ด้อยกว่าทังวอนเลยนะนี่ เฮ่อๆๆ ทังวอน แล้วเจ้าจะว่าไง"
"หึ ข้ายอมรับว่าผลงานเขา มีความน่าสนใจอย่างมาก"
"หึ แปลว่าให้ผ่านใช่ไหมครับ"
"ให้ผ่านได้"
"ข้าก็ผ่านเหมือนกัน"
"ข้าก็ให้ผ่าน"
"ข้าก็ให้ผ่าน"
ศิษย์คนหนึ่งเข้ามาถาม "นี่ เป็นไง ไปถึงไหนแล้ว"
"อาจารย์ทังวอนกับแฮวอนต่างก็ได้คะแนนเพิ่มทั้งคู่"
"หา แล้วยังไงกัน แปลว่าเสมอกันเรอะ แล้วจะทำไงต่อ"
"เป็นไปไม่ได้หรอก โลกนี้ ไม่มีการแข่งขันที่ผลออกมาเสมอ ยังไงก็ต้องทำให้รู้ผลให้ได้"
"นั่นสิ เสมอไม่ได้หรอก"
พระราชาจองโจเองก็ทรงรอผลการตัดสินใจอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน ทรงคอยตรัสถามจากราชเลขา
ขุนนางกับเสนาขวาซึ่งอยู่กับพระอัยยิกาก็ทูลว่า
"คิดว่า หลังจบการแข่งขันไปแล้ว ชื่อของคิมฮงโด รวมทั้งผลงานของเขา คงจะหายไปจากวงการนี้"
"ใช่แล้วพะยะค่ะ เพราะนี่เป็น เดิมพันที่สูงเท่ากับชีวิตเลยทีเดียว"
"หึ ต้องรอให้ผลออกมาถึงจะรู้ ตราบใดยังไม่ถึงขั้นสุดท้าย เราก็ต้องเตรียมแผนสองไว้รอบรับ" พระอัยยิกาตรัส
"แผนสองหรือ"
"ถ้าคิมโจนึนไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้อีก อย่าลืมว่าเรื่องจะมาถึงพวกเรา ให้พลอยเดือดร้อนตามไปด้วย"
พวกคณะกรรมการต่างพินิจพิจารณาภาพของคิมฮงโดกับซินยุนบกอย่างไม่วางตา
"ขืนดูกันแบบนี้ ถึงพรุ่งนี้ยังไม่รู้ผลเลย"
"การแข่งขันที่มีเดิมพันสูง เราจะไม่ให้รู้ผลได้ยังไง เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่อย่างงั้น คนที่รอฟังอยู่ข้างนอกมิต้องอาละวาดใหญ่หรอกหรือ"
"เฮ่อ แล้วจะทำไงดีล่ะนี่"
คิมโจนึนเสนอ "ข้ามีวิธี จะตัดสินแพ้ชนะได้"
"วิธีอะไร"
"ให้ช่างเขียนทั้งสอง ผลัดกันวิจารณ์ผลงานของอีกฝ่าย เพื่อทำการชี้ขาด"
คิมฮงโดเริ่ม "ผลงานของแฮวอน ถือเป็นจิตรกรรมชั้นเยี่ยม แทบไม่มีอะไรให้ติได้"
ซินยุนบกเองก็กล่าวว่า "ผลงานของท่านทังวอนก็เหมือนกัน"
แล้วซินยุนบกก็นึกถึงคำพูดของคิมฮงโดว่า
"มีข้อหนึ่งที่เจ้าต้องจำไว้ มีแต่ชนะข้าเท่านั้น ถึงเป็นทางรอดของเจ้า"
"ท่านบอกว่า มีแต่ต้องชนะท่าน ถึงเป็นทางรอดของข้างั้นหรือ"
"ต้องชนะข้าให้ได้ ส่วนข้า ก็จะพยายามเต็มที่เหมือนกัน"
ซินยุนบกกล่าวกับทุกคนที่กำลังจะตัดสินว่า
"เป็นภาพที่สมบูรณ์ แทบไม่มีที่ติ"
"ข้าเห็นภาพของทังวอน มีข้อผิดพลาดที่ไม่ควรให้อภัย" คิมฮงโดกล่าว
"ว่าไงนะ ข้อผิดพลาดอยู่ตรงไหน" กรรมการถาม
"ข้อผิดพลาดก็คือ มือของคนนี้ มือของเขา ที่จริงเป็นมือขวา แต่เขียนเป็นมือซ้ายแทน"
"ทังวอน ยอมรับมั้ยว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าน่ะ"
"เอ่อ แต่ว่า เราน่าจะให้โอกาสเขาได้อธิบายบ้างนะ เอ่อ ทังวอน เจ้าเป็นช่างเขียนที่มีประสบการณ์ ทำไมในการแข่งขันที่สำคัญแบบนี้ กลับทำเรื่องผิดพลาดที่ไม่น่าจะเกิด เพราะอะไรถึงได้เป็นแบบนี้น่ะ"
"ข้ายอมรับว่า ตัวเองสะเพร่า" คิมฮงโดยอมรับ
"ถ้าอย่างงั้น เราคงไม่ต้องพิจารณาต่ออีกแล้ว ตอนนี้ รู้ว่าใครชนะแล้วสิ"
"ท่านทังวอน ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองหรือเปล่า"
"ข้าว่าเรื่องของแพ้ชนะ ยังต้องใช้เวลาในการตัดสินอีก"
ทุกคนแปลกใจ "หือ"
"ทังวอน จะเล่นตลกอีกแล้วใช่ไหม ไหนๆ ก็รู้ผลขนาดนี้แล้ว ทังวอน จงยอมรับคำตัดสินซะดีๆ"
ขณะที่ด้านนอกชายหลายคนพากันบ่น "ทำไมยังไม่ออกมาอีก เย็นแล้วนะนี่ นั่นสิ ตะวันจะตกดินแล้วด้วย"
คิมฮงโดได้ไปขอร้องใต้เท้าคิมพยองยุนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
"ถือว่าข้าขอร้องล่ะ"
"หมายความว่า จะให้ข้าเดิมพันกับการแข่งขันที่เจ้าตั้งใจจะให้ออกมาเสมอกันอย่างงั้นนะหรือ"
"ข้าเห็นว่า นี่เป็นทางเดียวที่จะเล่นงานพ่อค้าเจ้าเล่ห์คนนั้น ไม่ให้มาเหิมเกริมอีก ได้โปรดช่วยหน่อยเถอะครับ"
"เรื่องนี้คงไม่ได้ ระหว่างที่มีการพิจารณา เจ้าคิดว่ากรรมการคนอื่น จะวิจารณ์ตามที่เจ้าคิดหรือ เห็นทีคงต้องเสียใจด้วย"
ขณะที่พระราชาจองโจก็ทรงตรัสกับราชเลขาว่า
"ไม่เกินคืนนี้ ปริศนาทั้งหมดจะต้องคลี่คลาย"
"ฝ่าบาท ทรงตัดสินพระทัยแน่แล้วหรือ"
กรรมการเรียกให้เพื่อนกรรมการดูบางอย่าง
"เฮ้ย นั่น เป็นไปได้ไงน่ะ"
"ช่างเป็นผลงานที่น่าอัศจรรย์ที่สุด เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น"
"อะไรกันนี่ แทบไม่น่าเชื่อ ข้าคงไม่ได้ตาฝาดหรอกนะ"
"สีที่ข้าใช้ เป็นสีเนื้อทราย ซึ่งไม่เพียงแสดงถึงพื้นสนามของมวยปล้ำเท่านั้น หลังจากได้รับแสงในยามอาทิตย์อัสดง มันจะทำให้ฉากหลัง เพิ่มความสมจริง แสดงถึงความดุเดือดมากขึ้น ใครแพ้ใครชนะ ทุกคนเห็นแล้วจะลุ้นด้วยความตื่นเต้นพอกัน" คิมฮงโดกล่าว
"กะเวลาแม้กระทั่งต้องเป็นยามเย็น ถึงจะเห็นภาพนี้ในมุมมองที่สมจริงที่สุด โห" กรรมการตื่นตา
"เพราะฉะนั้น ไอ้ข้อบกพร่องเล็กๆ เมื่อตะกี้ จะมีความหมายอะไรอีกจริงมั้ย ข้าว่าตอนนี้ น่าจะลบกากบาททิ้งซะ แล้วให้เขาผ่านเหมือนเดิมดีกว่า เฮ่อๆๆ"
"เอ่อ ถ้าเอาเวลามาร่วมตัดสินด้วย งั้นผลงานของแฮวอนก็น่าจะมีสิทธิ์"
"ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตอนนี้พระอาทิตย์ก็ตกดิน เราจะสรุปผลแค่นี้แหละ" กรรมการตัดบท
จบ 19

ซินยุนบก 20 จบ
พระราชาจองโจตรัสกับราชเลขาว่า "ไม่เกินคืนนี้ ปริศนาทั้งหมดจะต้องคลี่คลาย"
"ฝ่าบาท ทรงตัดสินพระทัยแน่แล้วหรือ"
พวกที่เฝ้ารอผลแพ้ชนะ เพื่อหวังเงินรางวัลต่างกระวนกระวายใจใคร่อยากรู้ผลเต็มที่ จนกรรมการพากันอึ้งเมื่อได้ยินเสียง
"ท่านได้ยินเสียงข้างนอกหรือเปล่า"
"อีกไม่นาน พวกเขาจะอาละวาดหนักกว่านี้อีก"
คิมโจนึนถาม "แล้วจะให้ข้า ทำไงดีล่ะครับ"
"ในเมื่อเกิดปัญหาไม่คาดฝันแบบนี้ ก็ต้องให้คนต้นคิดที่จัดงานนี้ขึ้นมา เป็นคนรับมืออยู่แล้ว"
"แต่ว่า"
"ลืมแล้วหรือว่า นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับข้าน่ะ หา" ใต้เท้าคิมพยองยุนเตือน
เพราะตอนคิมโจนึนไปชวนมาเห็นกรรมการ ได้ถามว่า
"ใต้เท้าคิดว่า ฝ่ายไหนน่าจะชนะครับ"
"ข้าหรือ คิดว่า สองฝ่ายไม่มีการแพ้ชนะ แล้วอย่างงี้ ยังจะให้เป็นกรรมการอีกมั้ย"
"ท่านเชื่อว่า พวกเขาจะเสมองั้นหรือ"
"ข้าน่ะ เพียงแต่ไม่มั่นใจว่า พวกเขาเป็นศิษย์อาจารย์จะกล้าแข่งกันจริง กลัวว่าเบื้องหลังจะมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ก็เลยเผื่อไว้ก่อนเท่านั้น
"เฮ่อๆๆ เรื่องเสมอกัน คงเป็นไปไม่ได้แน่ ถ้าไง ข้าจะทำสัญญากับท่านไว้"
"เฮ่อๆๆ อย่าเพิ่งมั่นใจนัก โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะจะบอกให้ก่อน หึๆๆ"
คิมโจนึนคิดแค้นในใจ "เจ้าแก่เหลี่ยมจัดคนนี้" แต่เขาก็พูดกับทุกคนว่า "งานนี้ถึงข้าจะหมดตัว ก็ขอรับผิดชอบเอง"
"อะไรนะ นี่แปลว่าเจ้าคนเดียวจะแบกรับ เดิมพันทั้งหมดงั้นหรือ"
"ถ้าจำเป็นจริงๆ ต่อให้จ่ายเงินทั้งสองฝ่าย ข้าก็จะรับภาระนี้เอง"
ซินยุนบกถามคิมฮงโดว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ คิมฮงโดตอบว่า
"ในขณะที่เจ้าแก้แค้นให้พ่อ ข้าก็มีความแค้นบางอย่างต้องสะสางเหมือนกัน"
"หมายความว่า จะให้ข้าเดิมพันกับการแข่งขันที่เจ้าตั้งใจจะให้ออกมาเสมอกัน อย่างงั้นน่ะหรือ"
คิมฮงโดเล่าว่าเขาไปพบใต้เท้าคิมพยองยุนและบอกกล่าวว่า
"ข้าเห็นว่า นี่เป็นทางเดียวที่จะเล่นงานพ่อค้าเจ้าเล่ห์คนนั้น ไม่ให้มาเหิมเกริมอีก ได้โปรดช่วยหน่อยเถอะครับ"
"เรื่องนี้คงไม่ได้ ระหว่างที่มีการพิจารณา เจ้าคิดว่ากรรมการคนอื่น จะวิจารณ์ตามที่เจ้าคิดหรือ เห็นทีคงต้องเสียใจด้วย เฮ่ย"
และเขาก็เห็นเด็กชายเขียนภาพ เขาชื่นชมว่าฝีมือดี ใต้เท้าคิมพยองยุนเห็นก็มาขอดู
"ไหน โอ ดูซิเนี่ย เฮ่อๆๆ ช่างเก่งจริงๆ เฮ่อๆๆ"
"ดูเหมือนจะเก่งกว่าข้าซะอีก เฮ่อๆ อนาคตคงได้เป็นช่างเขียนแน่ เฮ่อๆๆ เอ่อ คือ ข้ารู้ว่า เป็นคำขอที่เกินเลยไปหน่อย งั้นขอตัวก่อน"
"เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป นั่งลงก่อน เอาเถอะ ข้าจะทำตามที่เจ้าว่า เดิมพันว่างานนี้เสมอกัน"
คิมฮงโดเล่าให้ซินยุนบกฟังต่อว่า "ถ้าไม่มีเด็กคนนั้นมาเป็นสื่อกลาง เชื่อว่าใต้เท้าคิมพยองยุน คงไม่ทำตามข้อเสนอของข้าแน่"
"แต่ว่า ทำไมก่อนจะแข่งขัน ท่านไม่บอกให้ข้ารู้ล่ะครับ"
"เพราะข้ารู้จักเจ้าดี เป็นคนที่เสแสร้งไม่เป็น ชอบหรือไม่ชอบจะแสดงออกให้ทุกคนรู้หมด แต่ก็ขอบใจ ที่เจ้ายังเชื่อข้า"
"ก็ท่านเคยบอกว่า ให้ข้าเชื่อมั่นในตัวท่านไม่ใช่หรือ"
"หึ อีกอย่าง เพื่อเห็นแก่ผู้หญิงของเจ้า ข้าได้หาวิธีที่จะช่วยให้นางปลอดภัย"
คิมฮงโดใช้การเขียนรูปตลบหลังจนคิมโจนึนสิ้นเนื้อประดาตัว เท่ากับได้แก้แค้นให้อาจารย์ของตนพร้อมทั้งแก้แค้นให้ซินยุนบกด้วย ส่วนชอนเฮียงก็ได้เป็นอิสระ ซินยุนบกรีบไปหาชอนเฮียง
"ให้ข้ารีบไปจากที่นี่ ทำไมต้องรีบไปด้วยล่ะ"
"สำหรับเจ้าแล้ว นี่คือทางที่ปลอดภัย รีบเก็บของเร็วเข้า จะได้รีบไปซะ"
"ข้าเคยรู้สึกน้อยใจเจ้า ไม่ยอมเชื่อว่าเจ้าเป็นผู้หญิงจริง และรู้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ยังมาข้องแวะกับชีวิตข้าอีก เหมือนหลอกให้ข้าดีใจ"
"ข้าเอง ก็ไม่อยากคิดว่าจริงๆ แล้วตัวเองเป็นผู้หญิง แต่มีอีกเรื่องที่ข้าเพิ่งจะรู้ไม่นาน เพราะข้าเป็นผู้หญิง ถึงกล้าใกล้ชิดกับเจ้าเป็นพิเศษ ขอโทษด้วยนะ ข้าเหมือนคนที่เห็นแก่ตัว ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกเจ้าบ้าง แม้ว่าจำใจให้เจ้าลาจาก แต่ชั่วชีวิตนี้ เจ้าคือหญิงที่งามที่สุดในใจข้า"
"เจ้าเองก็เหมือนกัน เป็นคนดีที่สุดในใจข้า เจ้าทำให้ข้าได้รู้ ว่าตัวเองก็มีความสำคัญสำหรับคนบางคน ไม่ใช่มีเพียงค่าตัวให้ซื้อได้ แต่ว่า ข้ายังไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะถ้าข้าไปตอนนี้ เจ้าจะมีอันตรายทันที"
"ไม่หรอก เจ้าต้องหนีไปก่อน มีแต่ให้เจ้าปลอดภัยจากที่นี่ซะ ระหว่างข้ากับคิมโจนึนถึงจะสะสางปัญหาได้"
"วาสนาของเรา มีเพียงแค่นี้เองหรือ ชาตินี้ ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเลย"
"ข้าก็เหมือนกัน จะไม่มีวันลืมเจ้า ต่อไป ขอให้โชคดีนะ"
ด้านคิมโจนึนก็กล่าวกับลูกน้องหญิงคนสนิทว่า
"แม้ว่า ข้าอาจต้องขายทรัพย์สินทุกอย่าง แต่ก็สามารถสร้างใหม่ได้ เพราะยังมีไพ่ตายอยู่อีกหนึ่งใบ"
"ไพ่ตายของท่าน คืออะไรคะ"
"จดหมายนี่ คือความลับของแฮวอน แต่ว่า ยังมีหมอนั่น เจ้าคิมฮงโด ซึ่งข้าจะไม่ปล่อยมันเอาไว้ หึ"
พระราชาจองโจทรงเสด็จไปเฝ้าพระอัยยิกา
"ฝ่าบาทมาแล้วหรือ"
"เชิญประทับ หม่อมฉันมีของมาถวายให้พระอัยยิกา"
"ทุกวันนี้ก็มีแต่ฝ่าบาทที่ยังนึกถึงข้าอยู่ เป็นภาพดอกไม้ที่งามมาก"
"หม่อมฉันเป็นคนวาดเอง พร้อมกับคิดถึงพระอัยยิกา"
"เจ้าบอกว่าคิดถึงข้าหรือ"
"ดอกไม้ต่อให้งามแค่ไหน แต่ถ้าปลูกในที่ๆ ไม่เหมาะกับมัน ความงามก็จะกลายเป็นพิษร้ายในทันที ดอกเก๊กฮวยที่เห็น ถ้าไม่ไปอยู่บนเนินหิน หาก แต่ปลูกในดินที่อุดมสมบูรณ์ คงจะงามกว่านี้หลายเท่า"
"พูดแบบนี้หมายความว่าไง"
"เพราะทรงอยู่ในฐานะที่จะให้คุณให้โทษแก่คนอื่นได้ หม่อมฉันจึงมาทูลเตือนด้วยความหวังดี"
ด้านคิมโจนึนรู้ว่าซินยุนบกปล่อยให้ชอนเฮียงหนีไปก็โมโหมาก
"เจ้ากล้าปล่อยนกไปหรือ ตอนนี้ชอนเฮียงอยู่ไหน"
"ไปอยู่ที่ๆ ไกลมาก ท่านจะไม่ได้พบนางอีก"
"เจ้าเอานางไปซ่อนไว้ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ"
"นึกว่าหนีไปก็จะหมดเรื่องหรือ สิ่งที่ท่านเคยทำไว้ จะถือว่าแล้วไปหรือไง สิบปีก่อน ช่างเขียนคังโซฮัง ถูกสังหารอย่างมีเงื่อนงำขณะเขียนพระรูป เพราะฝีมือใคร"
"เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ไง เจ้าเป็นใครแน่"
"ข้าก็คือลูกสาว ของช่างเขียนซึ่งเป็นผู้ช่วย สมัยก่อนถูกท่านสังหารเหมือน กัน เขาชื่อว่าซอจิน"
"หา ทำไมเจ้ายังอยู่หรือนี่"
"เห็นคนที่ท่านรัก จากไปต่อหน้าต่อตารู้สึกยังไงบ้าง บอกหน่อยได้ไหม"
"นังตัวดี เจ้าน่าจะตายตั้งแต่วันนั้น ตายซะเถอะ"
คิมฮงโดเข้ามา "ย้าก ปล่อย ถึงขั้นนี้ยังไม่สำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำอีกหรือ อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่ข้าก็แทบอยากหักคอเจ้าให้ตายตามอาจารย์ข้าไปด้วย"
"หุบปาก เจ้าสองคนรวมหัว มาทำร้ายข้าเพื่ออะไรกัน"
"ก่อนจะกล่าวหาคนอื่น ไปใช้ความคิดในเรือนจำให้ดีเถอะ ว่าสมัยก่อนทำความชั่วอะไรไว้บ้าง ฆ่าคนไปเท่าไหร่ เจ้าคนที่น่าสมเพช"
นายกองเข้ามา "นักโทษคิมโจนึนรับราชโองการ"
"อย่านึกว่า พวกเจ้าจะปลอดภัยได้ รู้จักข้าน้อยไปซะแล้ว เฮ่อ ๆๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ" คิมโจนึนสู้
"ยุนบก" ซินยุนบกหอบ "เป็นไรหรือเปล่า เฮ่ย มา ลุกขึ้น อึ๊บ"
พระราชาจองโจทรงชื่นชมคิมฮงโดกับซินยุนบก
"ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของพวกเจ้า"
"ขอบพระทัยพะยะค่ะ"
"ตอนนี้คิมโจนึนถูกจับ ก็จะสืบได้ว่าใครคือฆาตกรที่สังหารอาจารย์หม่อมฉัน รวมทั้งรู้ว่าเบื้องหลังยังมีขุนนางคนไหนที่สมรู้ร่วมคิดพะยะค่ะ"
"ให้พวกเจ้ากลับไปทำงานที่ศูนย์ศิลปะ ต่อไปก็ช่วยเขียนรูปเหมือนเดิม"
"หมายความว่า ทรงอภัยให้แฮวอนแล้วหรือพะยะค่ะ ขอบพระทัย"
"เป็นพระกรุณายิ่งแล้ว"
"ใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารคังโซฮังและซอจิน ไปจับตัวมาให้หมด ข้าจะไต่สวนด้วยตัวเอง ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังปองร้ายเสด็จพ่อข้า จะไม่ปล่อยมันไว้"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
พระอัยยิกาทรงทราบเรื่องจากเสนาขวาและขุนนางก็ไม่พอพระทัย
"คืนยศให้คนที่ตายแล้ว ฝ่าบาทคิดทำอะไรแผลงๆ อีกล่ะ"
"พระอัยยิกา อย่าทรงกริ้วมากเลยพะยะค่ะ ตอนนี้คนของเราถูกจับ จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้"
"แต่ว่า เมื่อฝ่าบาทมีพระดำริเช่นนี้ ที่จะคืนยศให้เสด็จพ่อ งั้นสมัยก่อนที่องค์ชายซาโตถูกปองร้าย ก็อาจโยงใยมาถึงพวกเราก็ได้"
"ข้ายอมไม่ได้เด็ดขาด คืนยศให้คนตายได้ยังไง ตราบใดที่ข้ายังอยู่ตรงนี้ จะไม่ให้ฝ่าบาททำตามใจ ยังไงก็ไม่ยอม หึ"
คิมโจนึนแอบมาพบเสนาขวา
"นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังมาหาข้าอีกทำไม"
"จะขอให้ท่านเสนา ให้ความช่วยเหลือข้าหน่อยน่ะครับ"
"ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าเป็นนักโทษอาญา แล้วจะให้ข้าช่วยได้ยังไง"
"ท่านบอกว่า ข้าเป็นนักโทษอาญาหรือ"
"ทางการก็ออกหมายจับแล้วนี่"
"ท่านจะทิ้งข้าใช่ไหม เพราะข้าหมดประโยชน์ให้ใช้สอยอีก แต่ถ้าข้าเป็นอะไรจริง นึกหรือว่าท่าน จะได้อยู่ต่ออย่างสบาย"
"หือ นี่แปลว่ามาขู่ข้างั้นหรือ"
"จดหมายฉบับนี้ เมื่อสิบปีก่อน ท่านเคยสั่งให้ข้ากำจัดช่างเขียนสองคน"
"จดหมายนี่ ทำไมเจ้ายังเก็บไว้อีกหรือ"
"หึ อยากให้ท่านเสนา ไปทูลให้พระอัยยิกาทรงทราบ ให้พระนาง ทรงหาทางช่วยให้ข้าพ้นความผิด"
"ตอนนี้ ฝ่าบาทกำลังจะทรงคืนยศให้อดีตรัชทายาทซาโต แล้วใครจะกล้า"
"ที่สำคัญ ข้ายังมีความลับสำคัญอีกเรื่อง ที่จะทูลต่อพระอัยยิกา"
"ความลับหรือ คืออะไร"
"หึ เป็นเรื่องที่ เกี่ยวกับแฮวอน และเป็นประโยชน์ต่อพระอัยยิกา"
00000000000
คิมฮงโดมาเยี่ยมซินยุนบก และถามนางว่า
"ยุนยี สภาพจิตใจตอนนี้เป็นไงบ้าง ปมที่อยู่ในใจมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้พอคลี่คลายบ้างหรือยัง"
"ฮือ เฮ่อ ทุกอย่างที่เกิด รู้สึกเหมือนฝันร้ายที่น่ากลัวมาก"
"อึม เอาเถอะ หึ ลำบากเจ้านัก ช่างลำบากเจ้าจริงๆ"
"ฮือ เฮ่อ"
"เป็นไงเพื่อนรัก เห็นลูกสาวของเจ้าหรือยัง หึ ข้าทำแบบนี้ถูกหรือเปล่า เขาบอกว่าเราทำถูก หึ เมื่อก่อนมีคนบอกว่า ข้ากับพ่อเจ้ามีส่วนคล้ายหลายอย่าง"
"ใครเป็นคนพูดอย่างงั้น"
"ก็คือพ่อของเจ้า แต่หลายคนก็บอกว่า ข้ากับพ่อเจ้านิสัยคล้ายกันจริงๆ หึ เจ้าว่าจริงหรือเปล่า ดูให้ดีสิ หน้าตาข้าแบบนี้ เจ้าว่า มีส่วนคล้ายพ่อของเจ้าหรือเปล่า"
"หึ ไม่คล้าย หึ"
"ไม่คล้ายหรือ ไม่มีอะไรเหมือนเลยหรือ"
"ใช่ ไม่มีอะไรเหมือนกันซักนิด"
"หึ เจ้าก็ไม่เหมือนลูกของเพื่อนข้า ไม่งั้นแต่แรกมา ทำไมข้าถึงจำเจ้าไม่ได้ แทบไม่มีเค้าตอนเด็กเลย เดี๋ยวนี้เจ้าคงไม่ต้องเป็น ลูกศิษย์ของข้า และเราก็ไม่ใช่ศิษย์อาจารย์อีก ข้าก็ไม่อยากเป็นแค่ เพื่อนของพ่อเจ้าเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเป็นลูกของเพื่อนข้าด้วย นับแต่นี้ไป เจ้าก็คือเจ้า หึ ไม่น่าเชื่อว่ามือผู้หญิงแบบนี้ จะเขียนรูปดีกว่าผู้ชายอีก จนข้าไม่ทันคิดว่าเป็นผู้หญิง ทำไมมือเลอะล่ะ ก็บอกให้ล้างมือบ่อยๆ ไง หือ"
"หึๆๆ แล้วมือท่านตอนนี้ ถือว่าหายดีแล้วใช่ไหม"
"แน่นอน หายดีแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บซักนิด"
"อาจารย์ ข้าไม่อยากกลับไปทำงาน ที่ศูนย์ศิลปะอีกแล้วได้ไหม"
พระราชาจองโจประกอบพิธีเซ่นไหว้
"หม่อมฉัน จะถวายการเซ่นไหว้ต่อเสด็จพ่อ ให้สมพระเกียรติอีกครั้ง เพราะสมัยก่อนเสด็จปู่เคยมีพระบัญชา ให้ช่างเขียนที่ศูนย์ศิลปะ เขียนพระรูปของเสด็จพ่อออกมาให้ทอดพระเนตร นั่นแสดงว่าทรงยอมรับฐานะของเสด็จพ่ออย่างเป็นทางการ จริงมั้ยพะยะค่ะ หม่อมฉัน จะทำตามพระประสงค์ของเสด็จปู่ นำพระรูปของเสด็จพ่อกลับไปบูชาที่ศาลบรรพชนตามเดิม เพื่อแสดงถึงเกียรติของราชสำนัก ให้เป็นที่ประจักษ์ แก่ชาวโชซอนตลอดไป"
พระอัยยิกาตรัสบ้างว่า "ความคิดของข้าก็ไม่ต่างกับฝ่าบาท ถ้าเป็นความประสงค์ของอดีตพระราชาจริง ข้าก็ยินดีสนับสนุนความคิดของเจ้า แล้วเจ้าได้เห็นรูปของเสด็จพ่อแล้วหรือยัง"
"พะยะค่ะ พระพักตร์เหมือนสมัยก่อนที่หม่อมฉันเคยเห็น ไม่มีผิดเพี้ยน"
"เพราะทังวอนกับแฮวอนช่วยกันต่อรูปภาพให้เหมือนเดิมใช่ไหม"
"ใช่แล้วพะยะค่ะ"
"เมื่อเป็นฝีมือช่างเขียนอันดับหนึ่งแห่งโชซอน ข้าก็อยากเห็นผลงานเหมือนกัน"
"แล้วหม่อมฉัน จะนำมาให้ทอดพระเนตรเอง"
"ว่าแต่ฝ่าบาท รู้มั้ยว่าแท้จริงแล้วแฮวอนเป็นผู้หญิงน่ะ"
"หึๆ หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง"
"แปลว่าเจ้าไม่รู้หรอกหรือ ให้ผู้หญิงเขียนรูปของเชื้อพระวงศ์สำคัญแล้วจะให้ผู้คนศรัทธาต่อราชสำนักได้ยังไง มันเป็นความอัปยศของเราด้วยซ้ำ ไม่เข้า ใจเลยว่าเจ้าตาบอดหรือยังไง ช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ หึ รูปนี้จะไปอยู่ในศาลบรรพชนไม่ได้เด็ดขาด และต่อไปก็ห้ามพูดถึงอีกด้วย"
ซินยุนบกเก็บห้องให้คิมฮงโด เขาเข้ามาเห็นก็แปลกใจ
"ดูซิ ห้องดูโล่งขึ้นเยอะเลย ที่แท้เจ้า ทำงานบ้านเป็นด้วยหรือ"
"เป็นสิครับ"
"หึๆ หมู่นี้รู้สึกหน้าตาแจ่มใสขึ้นนะ"
"หึ ท่านจะล้อข้าอีกล่ะสิ"
"หึๆๆ ได้ยินว่า มีคนอยากให้เราไปเป็นกรรมการตัดสินเขียนรูป สนใจหรือเปล่า ทีนี้ก็ไม่ต้องไปไหน นั่งดูภาพเขียนทุกวันให้เบื่อไปเลย"
"หึ งานแบบนี้ขอไม่รับได้ไหม"
"ข้าก็ไม่รับ หึๆๆ"
ซินยุนบกขำ "หึๆๆ"
"ชักรู้สึกหิวแล้วสิ ไปหาอะไรกินดีกว่า"
"ครับ"
ราชเลขาเข้ามาตามทั้งคู่ไปเข้าเฝ้าพระราชาจองโจ
"แฮวอน มีคนบอกว่าเจ้าเป็นผู้หญิง จริงหรือเปล่า ทำไมไม่ตอบคำถามข้าล่ะ"
"ฝ่าบาท แฮวอน"
"ข้าไม่ได้ถามท่าน ข้าถามแฮวอนต่างหาก จริงหรือเปล่า ที่ว่าเจ้าจงใจปิดบังฐานะตัวเอง เพื่อมาหลอกข้า และคิดจะหลบหลู่ราชสำนักด้วย ว่าไงล่ะ ตอบมาเดี๋ยวนี้"
"ฝ่าบาท หม่อมฉัน เป็นผู้หญิงจริงๆ พะยะค่ะ"
"ข้า ไว้ใจพวกเจ้าถึงขนาดนี้ แต่พวกเจ้ากลับปิดบังข้า เพราะอะไร ทำไมถึงทำแบบนี้ แล้วจะให้ข้าทำไง ช่วยบอกซิว่าทำไงดี"
"หม่อมฉันบังอาจหลอกลวงเบื้องสูง คงไม่กล้าหวังให้ทรงอภัยโทษ ทรงประหารหม่อมฉันเถอะพะยะค่ะ"
"ฝ่าบาท ที่นางต้องปลอมเป็นชายและหลอกลวงเบื้องสูง ถึงขนาดเขียนพระรูปให้ฝ่าบาท ถือเป็นความผิดใหญ่หลวงก็จริง แต่นางเป็นลูกแท้ๆ ของช่างเขียนซอจินพะยะค่ะ เนื่องจากกำพร้าพ่อแต่เล็ก เป็นผู้หญิงแต่ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างผู้หญิงได้ ขอทรงเห็นพระทัยความอาภัพของนางด้วยเถอะ ใช่ว่านางคิดจะหลอกลวงเบื้องสูง แต่เพราะถูกชะตากลั่นแกล้ง ทำให้ไร้ญาติขาดมิตร ขอทรงเห็นพระทัย ความจำเป็นของนางด้วย" คิมฮงโดช่วยทูล
จากนั้นพระราชาจองโจทรงเสด็จไปเฝ้าพระอัยยิกา
"ฝ่าบาท เรื่องแฮวอนเป็นไงบ้าง ได้ข้อสรุปหรือยัง พิสูจน์หรือยังว่าช่างเขียนคนนี้ ตกลงเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง"
"พิสูจน์แล้วพะยะค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้นเจ้าจะทำไงกับเขาต่อไป ที่ข้าพูดคงไม่ผิดใช่ไหม"
"แฮวอน เป็นชายแท้แน่นอนพะยะค่ะ"
"ฝ่าบาท เจ้าบอกว่าไงนะ"
"ไม่รู้ว่าใครช่างปากพล่อยปล่อยข่าวนี้ออกมา ฟังแล้วช่างน่าขำจริงๆ"
"แต่ละคนทำงานประสาอะไร ไปจับซินยุนบกมาพบข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะดูด้วยตัวเอง ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่"
"พะยะค่ะ แล้ว จะทำยังไงกับคิมฮงโด"
"คิมฮงโดหรือ ถ้ายุ่งนักก็เก็บเขาไปเลย ทั้งศิษย์และอาจารย์ตัดรากถอนโคนให้หมด จะได้ปิดปากคนที่รู้เรื่องของเราซะ และทำลายหลักฐานทั้งหมดด้วย ใครที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่าให้มันอยู่รอดได้อีก"
"เสนาขวา พะยะค่ะ พระอัยยิกา"
พระราชาจองโจทรงตรัสกับคิมฮงโดว่า
"ข้า มีวิธีจะช่วยให้แฮวอนปลอดภัยได้ คือห้ามเปิดเผยฐานะ ชาตินี้ห้ามบอกใครว่าเจ้าเป็นผู้หญิง ต้องปิดไว้ ปิดเป็นความลับจนกว่าจะตาย"
"หมายความว่า นับแต่นี้จะให้นาง เป็นผู้ชายไปชั่วชีวิตหรือพะยะค่ะ"
"แล้วข้าจะมีคำสั่ง ไม่ให้ใครเอ่ยถึงเรื่องฐานะแท้จริงของนาง แต่นางก็ต้องแลกด้วยการออกจากศูนย์ศิลปะ พร้อมทั้งไปจากความสนใจของผู้คนด้วย ส่วนทังวอนก็อยู่ที่นี่ต่อไป ข้าจะให้เป็นหัวหน้าศูนย์ศิลปะ แต่ต้องตัดขาดกับนางซะ แล้วให้นางไปจากโชซอน ไปทำงานที่ต่างเมืองด้วยคำสั่งของข้า"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า หม่อมฉันไม่อาจปล่อยให้ทายาทของเพื่อน ถูกเนรเทศไปต่างเมืองโดยไม่มีใครดูแลได้"
"หมายความว่าเพื่อนางแล้ว ท่านยอมสละทุกอย่างที่มีงั้นหรือ"
"ใช่แล้วพะยะค่ะ"
"ถ้าท่านคิดไปกับนางจริง นับแต่นี้ไป ท่านจะไม่ได้รับการยกย่องเป็นจิตรกรอีก ถึงขนาดนี้ก็ยอมหรือ"
"ยอมพะยะค่ะ"
คิมฮงโดยอมออกนอกเมืองไปกับซินยุนบก
"วันนี้อากาศดีนะนี่"
"อาจารย์ ท่านต้องสูญเสียทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเขียนรูป แล้วไม่เสียดายหรือครับ"
"หึๆๆ ถึงให้ข้าไปทำไร่ไถนาชั่วชีวิต อดมื้อกินมื้อ ลำบากแค่ไหนก็ไม่มีคำว่าเสียดายซักนิด เมื่อก่อนทำเรื่องไร้สาระมามากพอแล้ว ต่อไปไม่อยากฝืนใจตัวเองอีก"
"แต่ว่า"
"แต่ว่าอะไร นับแต่นี้ไปเราจะเอาความงามของโลกนี้มาใส่ในกระดาษ แล้วจะเสียดายอะไรอีก คนอื่นมีแต่อิจฉาเราสองคนด้วยซ้ำ ไปเร็วเข้า"
และระหว่างทางทั้งคู่ถูกปองร้ายจากคนสนิทของคิมโจนึน แต่ทั้งสองก็หนีไปจนได้
"คืนนี้เราคงต้องค้างที่นี่ซักคืน"
"อาจารย์ ข้าคิดว่าเราคงจำเป็น ต้องแยกทางซะแล้ว"
"เจ้าพูดอะไร"
"ศัตรูคงไม่ยอมปล่อยข้าง่ายๆ ถ้าท่านอยู่กับข้า ไม่แน่ว่าท่าน ก็อาจมีอันตรายด้วย"
"ยุนยี"
"มีหลายคน ที่ต้องประสบเคราะห์กรรมเพื่อจะช่วยข้าไว้ อย่างเช่นสมัยก่อน พ่อแม่ข้าที่เสียไป และยังมีพี่ใหญ่ ชอนเฮียง แต่ละคนล้วนเดือดร้อนเพราะข้าทั้งนั้น ฮือ ฝ่าบาททรงมีเมตตา หาทางออกให้ข้าไปซะก็ดี แต่ไม่นึกว่าอาจารย์จะติดมาด้วยอีก ข้าไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ข้าเป็นห่วงท่าน ไม่อยากให้ท่านถูกใครปองร้ายอีก"
"ข้าเชื่อว่าต่อไป จะไม่มีใครทำร้ายเราได้อีก ที่สำคัญ ถ้าเจ้าหนีไปคนเดียว แล้ววันหน้าจะอยู่ได้ยังไง ถ้าไม่มีเจ้า ถึงข้ามีชีวิตอยู่ต่อ เขียนรูปก็เขียนคนเดียวเงียบๆ แล้วมันจะมีความหมายได้ยังไง ไม่ว่าสุดหล้าฟ้าเขียว เราก็จะไปด้วยกัน"
"สำหรับท่านแล้ว เห็นข้าเป็นอะไรกันแน่"
"เจ้าเป็นลูกศิษย์ข้า เป็นเพื่อนของข้า และเป็นลูกสาวของเพื่อนรัก ที่สนิทที่สุด"
"มีแค่นี้เองหรือ"
"นอกจากเป็นลูกของเพื่อนแล้ว เจ้าเหมือนเป็นญาติข้า เป็นคนเดียวที่ข้าต้องดูแลปกป้อง ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็ตาม ฉะนั้นไม่ต้องคิดอะไรมากอีก"
ซินยุนบกฟังแล้วร้องไห้ออกมาอย่างซาบซึ้งใจ "ฮือ ฮือ"
"ยุนยีๆ"
"หา ครับ"
"เรามีหวังรอดแล้ว หึ ข้าจะไปที่ๆ หนึ่งก่อน"
"ท่านจะไปไหนครับ"
"หึ เจ้าไปรอที่บ้านก่อน พรุ่งนี้เช้า ข้าจะไปหา เจ้ารออยู่นั่นละกัน"
"อาจารย์"
"อึ๊บ เฮ่ย อย่าทำอะไรโดยไม่ปรึกษาข้าก่อนรู้มั้ย หึ"
"อาจารย์"
คิมฮงโดรีบไปเข้าเฝ้าบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระราชาจองโจ
"กล้าทำร้ายคนที่รับคำสั่งข้าให้ออกจากเมืองหลวงหรือ หึ รีบส่งทหารไปคุ้มครองทังวอนกับแฮวอนเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าใครก็ตาม ห้ามแตะต้องพวกเขาเด็ดขาด"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
"ขอบพระทัยพะยะค่ะ"
"แล้วนั่นคืออะไร"
"จดหมายเกี่ยวกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ ขององค์ชายซาโตพะยะค่ะ"
"ข้า เป็นลูกขององค์ชายซาโต วันนี้ ข้าจะขอล้างมลทินให้อดีตรัชทายาท องค์ชายซาโต หรือก็คือเสด็จพ่อข้า ให้พ้นจากความผิดทั้งมวล และแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท "ชางวอน" ด้วย ให้ขุนนางใหญ่น้อยและชาวโชซอนทั้งหลาย ทำตามคำสั่งข้า ยกย่องให้เกียรติ เสด็จพ่อข้าเหมือนเดิม"
เหล่าขุนนางน้อมรับ "รับด้วยเกล้าพะยะค่ะฝ่าบาท"
พระอัยยิการีบบอกเสนาขวา
"ท่านเสนาขวา เชิญออกจากวังไปเถอะ"
"หือ พระอัยยิกา ทำไมถึง"
"พี่ใหญ่ก็ลาออกจากราชการ ไปจากเมืองหลวงซักพัก"
"เอ่อ พระอัยยิกา ทำไมอย่างงั้นล่ะพะยะค่ะ"
"แต่ว่า ถ้าเรายอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ อีกหน่อยจะกลับมา เห็นทีจะยากนะพะยะค่ะ"
"ทุกอย่างมันจบไปแล้ว ฝ่าบาทมีหลักฐานว่าเราคิดปองร้ายอดีตรัชทายาทซาโตอยู่ในมือ แล้วพวกท่านยังจะสู้อีกหรือ ถ้าไม่อยากตายตอนนี้ เราก็ต้องลดฐานะตัวเองลงไปก่อน" พระอัยยิกาตรัส
ซินยุนบกจึงตัดสินใจจากไปคนเดียว ทิ้งความเสียใจให้แก่คิมฮงโดซึ่งอยู่เบื้องหลัง
"มือของอาจารย์ ฮือ ช่างอบอุ่นเหลือเกิน"
"มีคนๆ หนึ่ง ที่ข้าต้องการจะกล่าวถึง คนที่ทำให้ข้า ทั้งปิติยินดี แฝงด้วยความปวดร้าว ดีใจที่ได้นึกถึง แต่ก็เสียใจที่ต้องสูญเสียนางไป นางเป็นทั้งลูกศิษย์ของข้า เป็นครูของข้า เป็นเพื่อนที่แสนดี และรวมถึง เป็นคนที่ข้ารัก การเขียนรูป คืออะไร"
"การเขียนรูป คือสิ่งแทนความคิดถึง"
จบ

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : ไทยรัฐ

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี ละครช่อง3

Related Posts



3 comments:

Anonymous said...

จบแล้ว สั้นจัง ขอบคุณคุณlilyมากค่ะ

Anonymous said...

ขอบคุณมากคะ แต่ทำไมจบแบบง่าย ๆ แบบนี้อ่ะ เสียดายจัง นึกว่านางเอกกับพระเอกจะได้คู่กันซะอีก

Anonymous said...

ชอบมากๆเลยต่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ♥ ☺

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal