Tuesday, November 10, 2009

ซินยุนบก - เรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ - ซินยุนบก ตอนที่11-15

ซินยุนบก 11

ใต้ เท้าชางนิ่งคิดเพียงลำพังว่า "ฝ่าบาททรงโปรดปรานเจ้าทังวอนนัก ถ้างานเขียนพระรูปเสร็จเมื่อไหร่ จะทรงมีปูนบำเหน็จให้อย่างงาม หวังว่า คงไม่ใช่ให้เขาเป็นหัวหน้าศูนย์ศิลปะแทนข้าหรอกนะ หรือไม่ก็ให้มันอยู่เมืองหลวงตลอดไป"

ช่างเขียนเข้ามาหา "ใต้เท้าครับ"

"มาแล้วหรือ งานเป็นไงบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า"

"ครับใต้เท้า เรียบร้อยไม่มีปัญหา"

" อ้อ ดีมาก ถ้าเป็นไปตามที่คิด อีกไม่นานจะมีการเลือกช่างเขียนส่วนพระองค์คนใหม่ ถึงตอนนั้นข้าจะสนับสนุนเจ้า ให้ไปเขียนพระรูปของฝ่าบาทแทน เฮ่อๆๆ ใครที่มีโอกาส ได้ทำงานใหญ่ขนาดนี้ จะถูกจารึกไปชั่วลูกชั่วหลาน รู้มั้ย"

"ข้าก็หวังพึ่งท่านนี่แหละครับ"

"อึม เอาเถอะ ข้ารู้ๆ เฮ่อๆๆ ถึงวันนี้ ข้าค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย"

คิมฮงโดและซินยุนบกยังคงทำหน้าที่เขียนพระรูปของพระเจ้าจองโจอย่างตั้งใจ ระหว่างทำหน้าที่ด้วยกัน คิมฮงโดก็สังเกตซินยุนบกและถามว่า

"เจ้าคงไม่ใช่ เจ้าเป็นผู้ชายจริงหรือเปล่า" ซินยุนบกเงียบไป "ทำไมไม่ตอบคำถามของอาจารย์ล่ะ"

"นั่นเป็นเพราะ สิ่งที่ท่านถามมันไร้สาระ ไม่จำเป็นต้องตอบ"

"แต่ทำไมเงาของเจ้า ดูคล้ายผู้หญิงมากกว่า"

"ภาพเงาสะท้อน เห็นเค้าว่า มันเป็นภาพลวงตา ไม่ใช่หรือครับ ข้าก็เห็นเงาของอาจารย์ เหมือนคางคกยังไงก็ไม่รู้"

"เงาคือสิ่งสะท้อนความเป็นจริงต่างหาก หรือเจ้าว่าไม่ใช่? ต้องมีวัตถุจริง ถึงมีเงาให้เห็น"

"แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ หรือเงาสะท้อนของวัตถุนั้นๆ ไม่แน่ว่า มันอาจไม่ใช่ของจริงเสมอไป"

"แล้วความจริงคืออะไร มันจะอยู่ตรงไหน"

"ความจริงหรือ คงมีแต่อยู่ในใจ"

พอถึงขั้นตอนการลงสี โดยไม่คาดฝันกลับปรากฎว่า สีแดงซึ่งเป็นส่วนสำคัญกลับกลายเป็นสีดำ ทำให้ไม่สามารถใช้ระบายได้

" อาจารย์ ทำไมเปลี่ยนเป็นสีดำล่ะครับ เมื่อคืนเราไปตรวจดู มันยังเป็นสีแดงอยู่ไม่ใช่หรือ โถนี้ ข้าจำได้ว่าเป็นสีแดงนี่นา หา ทำไงดีล่ะครับ เราจะทำไงดี"

"อย่าเพิ่งลน ใจเย็นไว้"

"หึ อาจารย์"

คิมฮงโดตรวจดู "นี่คือ"

"อะไรหรือครับอาจารย์"

"มันเป็นผงเงิน"

"อะไรคือผงเงินน่ะ"

"ชาดที่รวมกับผงเงิน ผ่านไปหนึ่งวันจะกลายเป็นสีดำ"

"หา แล้ว เราจะทำไงดีครับ เราจะระบายสียังไงดี หึ อาจารย์ครับ"

"เงียบก่อน ใครนะที่ทำแบบนี้ ข้าจะไม่ยอมถูกแกล้งง่ายๆ หรอก"

"เอ่อ ท่านจะไปไหนครับ"

"หาสีอื่นมาแทน ดีกว่านั่งเฉยๆ น่ะสิ"

"ถ้าไปหาข้างนอกตอนนี้จะทันหรือ ระหว่างที่เขียนพระรูป เราห้ามออกไปไหน ท่านก็รู้"

"เจ้าฟังข้าให้ดี เจ้าอยู่นี่ ห้ามไปไหนทั้งนั้น"

และซินยุนบกก็นึกถึงพี่ชาย รีบบอกคิมฮงโดว่ามีทางหาสีได้

"เจ้าจะมีวิธีอะไร"

"ใช้สีของพี่ข้าแทนมั้ยล่ะ"

"อะไรนะ"

"ท่านเคยเห็นสีพวกนั้นแล้วนี่ สีแดงที่ใช้สำหรับฉลองพระองค์ของฝ่าบาท เป็นสีที่พี่ข้าคิดเองน่ะครับ"

"เจ้าเสียสติแล้วหรือไง การใช้สีจากข้างนอก จะมีความผิดยิ่งกว่าใช้สีแดงที่กลายเป็นสีดำซะอีก"

"ไม่งั้นงานเราก็ต้องหยุดไปนานนะครับ อาจารย์"

ว่าแล้วซินยุนบกก็มาหาซินยอนบก ซินยุนบกขอความช่วยเหลือจากซินยอนบก ให้ผลิตสีเฉพาะขึ้นมา

ขณะที่คิมฮงโดก็กระวนกระวายใจ คอยถามซินยุนบกว่าเมื่อไหร่ซินยอนบกจะมาเสียที

"เอ่อ เห็นว่าจะรีบมาน่ะครับ"

"เพราะเจ้าคนเดียว ทำให้ข้ามีเรื่องให้ห่วงอยู่เรื่อย ตั้งแต่รู้จักเจ้า ไม่เคยมีวันไหนที่ข้าจะอยู่อย่างสงบ เฮ่ย"

"ขอโทษด้วยครับอาจารย์ เฮ่อ แล้วจะทำไงดี ขืนไม่มาอีก เราจะไม่ทันแล้ว"

"เขาบอกหรือเปล่าว่า จะผสมสีเสร็จเมื่อไหร่"

"เอ่อ บอกแต่ว่าเสร็จเมื่อไหร่ จะรีบส่งมาให้น่ะครับ"

"ไปตามหน่อยซิ"

ทัน ใดนั้นราชเลขาก็มาบอกว่าพระราชาจองโจจะเสด็จมาทอดพระเนตร ประจวงเหมาะกับที่ซินยอนบกนำสีมาให้ทันเวลาพอดี ซินยุนบกขอบคุณพี่ชายเขาอย่างมาก

"ขอบคุณท่านมาก หึ ข้าจะใช้อย่างดี ขอบคุณนะ หึ"

พระราชาจองโจเสด็จมาก ทรงชื่นชม

"ไม่น่าเชื่อว่าแค่ลายเส้น ก็ทำให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาได้แล้ว หึๆ ทังวอน"

"พะยะค่ะฝ่าบาท"

" หลังจากลงสีเรียบร้อยก็ถึงคราวแสดงผลงาน ยังไม่รู้ว่าพวกขุนนางจะหาข้อติเตียนอะไรบ้าง ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่า ไม่เพียงข้าคนเดียว แม้แต่ท่านกับลูกศิษย์ ก็อาจมีปัญหาตามมาได้ ถึงตอนนั้น ท่านยังจะเชื่อข้า ทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงหรือเปล่า"

" ฝ่าบาท ผู้ที่เป็นช่างเขียน มีแต่เชื่อมั่นฝีมือตัวเอง เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องคิด และไม่อยากคิดด้วยพะยะค่ะ พระรูปองค์นี้ จะแสดงถึงพระจิตวิญญาณได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่พวกเรา ต้องคำนึงมากกว่า"

"งั้นขอถามช่างเขียนหนุ่มคนนี้หน่อย จะรับความกดดันไหวมั้ย"

"พะยะค่ะ หม่อมฉัน มีหน้าที่แค่ตามอาจารย์เท่านั้น" ซินยุนบกทูลตอบ

"สีนี้สดกว่าแดงทั่วไป แต่ก็ดูไม่แสบตามาก เป็นสีที่สว่าง แต่ไม่ฉูดฉาดเกินไป ไปเอามาจากไหนน่ะ"

"พะยะค่ะ มาจากพี่ชายหม่อมฉัน ที่คราวก่อนถูกลงโทษ ให้ไปอยู่โรงผลิตสี ทรงจำได้ไหมพะยะค่ะ"

"ข้าจำเขาได้"

"พี่ชายหม่อมฉัน ทำงานที่นั่น ใช้สีจากดอกไม้ สกัดเป็นสีที่มีเฉพาะในโชซอนเท่านั้น"

"เป็นสีเฉพาะหรือ ตอนนี้ ถึงเวลาที่ต้องลงสีให้เสร็จแล้วสิ"

ขณะ ที่ใต้เท้าชางรู้ว่าพวกคิมฮงโดเริ่มลงสีแล้วก็ตกใจและโกรธมากว่าใครเอาสีไป ให้ เขารีบไปสืบว่ามีใครมาเบิกสีไปให้คิมฮงโด ทำให้รู้ว่าไม่มีใครมาเบิกสี

"แสดงว่า มีการใช้สีจากที่อื่น ไประบายในส่วนของฉลองพระองค์แน่นอน" ใต้เท้าชางกล่าวกับเหล่าขุนนาง

" ถ้าอย่างงั้น ก็ตรงกับที่พระอัยยิการับสั่ง ทันทีที่การเขียนพระรูปเสร็จสิ้น ความผิดของพวกเขา ก็จะถูกเผยออกมาโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย"

"ถูกต้อง"

"การเขียนพระรูปคราวนี้ เราต้องขวางไม่ให้เจ้าทังวอน ทำงานสำเร็จตามที่คิด"

"ถ้าไง ข้าจะไปคุยกับขุนนางที่มีส่วนในการพิจารณาพระรูปให้พวกเขาเข้าใจ"

"เราต้องแสดงบางอย่าง ให้ฝ่าบาทที่ชอบเข้าข้างคนผิดได้รู้บ้างว่า อย่าทรงมองข้ามพวกเรามากนัก"

"แน่นอน เราต้องสั่งสอนอยู่แล้ว ให้รู้ว่าฝ่าบาทก็ทำตามพระทัยไม่ได้ วิธีนี้ จะทำให้ฝ่าบาททรงรู้ว่า อำนาจก็มีขอบเขต จริงหรือเปล่า"

"ใช่ครับท่าน"

ซินยอนบกมาพบซินยุนบกและถามว่าเริ่มลงสีแล้วหรือ

"อึม ว่าแต่ หน้าท่านเป็นไรไป"

"อ้อ ทำไมหรือ เลอะสีใช่ไหม"

"รู้สึกจะหน้าซีดไปหน่อย"

"หึ อาจเพราะหลายวันนี้ทำงานหนักมั้ง พักผ่อนก็คงหาย เจ้าก็เหมือนกัน อย่าห่วงแต่ทำงาน ต้องกินข้าวบ้าง รู้หรือเปล่า"

"อึม ขอบคุณมากนะ พี่ใหญ่ อีกไม่นาน เมื่อข้าเขียนรูปเสร็จแล้ว จะให้ท่านกลับไปศูนย์ศิลปะอีกครั้ง รอข้าหน่อยนะ"

"เจ้าต้อง ตั้งใจทำงานให้ดีล่ะ ไปเร็วเข้า"

ซินยุนบกรับคำ "อึม"

เพราะความเร่งรีบในการผลิตสี ทำให้ซินยอนบกได้รับสารพิษจากสีเข้าไปในปริมาณมาก สุดท้ายก็เสียชีวิต

ขณะที่ หลังจากซินยุนบกทำงานสำเร็จ เธอก็สลบไปด้วยความเหนื่อยล้า ก็ได้ฝันว่าพี่ชายมาหา และบอกลานางไป

"ท่านจะไปไหน"

"นอนต่อเถอะนะ"

"ข้าไปด้วยคนสิ"

"เจ้าน่ะหรือ ตามมาไม่ได้หรอก"

"แล้วท่านจะไปไหน"

"ลาก่อนนะ"

"พี่ใหญ่"

จบ 11

ซินยุนบก 12

พระราชาจองโจทรงมีรับสั่งกับคิมฮงโดว่า

" นี่เป็นพู่กัน ที่ข้าเคยใช้เขียนรุปตอนหัดใหม่ๆ เสด็จปู่ประทานให้ข้าต่อหน้าขุนนาง ทั้งที่ตอนนั้นข้ากลัวจนขาสั่น แต่ก็รับไว้ เสด็จพ่อก็เลย ทรงตั้งชื่อให้ว่าพู่กันไม่ต้องกลัว ถือมันไว้แล้ว ถึงเจอขุนนางก็ไม่กลัวอีก แม้ว่าตอนเด็กจะเคยถูกพวกเขาสบประมาท ข้าก็ไม่เคยกลัว แม้ว่า หลังจากนั้นจะมีใครตั้งคำถามที่ลึกซึ้งมาลองภูมิข้า แต่ข้ามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว เลยไม่เคยกลัวใคร เสด็จพ่อสอนข้ามาอย่างงั้น เพราะฉะนั้น วันนี้ข้าขอส่งต่อพู่กันให้ท่านบ้าง ถือไว้แล้วพรุ่งนี้เช้า ไม่ว่าใครจะตั้งคำถามกดดันยังไง ก็ให้คิดว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างจะต้องผ่านไป ขอเป็นกำลังใจ ให้ท่านผ่านพ้นด้วยดี"

คิมฮงโดน้อมรับ "ขอบพระทัยพะยะค่ะ"

แม้ ทุกคนจะช่วยกันปิดบัง ไม่ให้ซินยุนบกรู้ว่าพี่ชายเสียชีวิต แต่นางก็รู้เข้าจนได้ และรู้สึกเสียใจจนแทบหมดอาลัยตายอยากกลับมาบ้าน อิกแจดุ

"กลับไปเดี๋ยวนี้ ไปทำงานต่อซะ จนกว่าการเขียนพระรูปจะเสร็จสิ้น ห้ามเจ้ามาเหยียบบ้านแม้แต่ก้าวเดียว เข้าใจหรือเปล่า"

"ฮือๆๆ พี่ใหญ่ตายแล้ว ฮือ การเขียนพระรูป จะมีความหมายอะไรอีก ฮือ ไม่มีความหมายอีกแล้ว ฮือๆๆ"

"แล้วพี่ชายเจ้า เขาตายเพราะใครรู้หรือเปล่า เขาตายเพราะใคร"

"ท่านพ่อ"

"ไปเดี๋ยวนี้ เจ้าต้องไป ทำหน้าที่เกี่ยวกับพระรูปให้เสร็จก่อน มีแต่ทางนี้เท่านั้น ถึงเป็นการตอบแทนพี่เจ้าอย่างแท้จริง"

"ไม่ได้หรอกครับท่านพ่อ ข้าทำไม่ได้อีกแล้ว"

"ต้องไปเดี๋ยวนี้ ไปซี่"

"ข้าจะอยู่กับพี่ใหญ่ไม่ไปไหน ฮือๆๆ"

"กลับไปเถอะ" คิมฮงโดตามมาด้วยความเป็นห่วง

"ข้าไม่ไป"

"ข้าสั่งให้ออกไป"

"ข้าไม่ไป ฮือ ฮือๆๆ ทำไมไม่บอกให้ข้ารู้ก่อน หึ ในเมื่อพี่ใหญ่กลายเป็นแบบนี้ ทำไมไม่มีใครบอกข้าซักคน ฮือ"

"ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้า เพราะพ่อเจ้าสั่งเอาไว้"

" ฮือ เพื่อให้พี่ใหญ่ได้กลับมาอีกครั้ง ฮือ ข้าถึงมุ่งมั่นขนาดนี้ ทั้งที่ข้าไม่รู้อะไรเลย สุดท้ายกลับเป็นเพราะข้า ฮือ ทำให้พี่ใหญ่ ต้องกลายเป็นแบบนี้"

คิมฮง โดถอนใจ "ถ้าเจ้าเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย แล้วมันจะช่วยอะไรได้บ้าง สามารถเปลี่ยนเหตุการณ์ที่เกิดได้ไหม ช่วยให้พี่เจ้าฟื้นคืนชีพได้หรือเปล่า นึกว่าการเป็นช่างเขียนเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายหรือ ดีใจก็สุขจนล้น เสียใจก็เศร้าจนหดหู่ ปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่แล้วจะเป็นช่างเขียนที่ดีได้ยังไง"

"ฮือ แล้วข้าจะทำไงดีล่ะครับ"

" เฮ่อ คิดว่าพี่เจ้าอยากให้ทำอะไรบ้าง คิดว่าพี่ชายเจ้า อยากเห็นเจ้าหมดอาลัยตายอยากอยู่นี่หรือไง ยังมีหน้ามาถาม ว่าเจ้าควรจะทำไงดีอีก หมาย ความว่า งานที่ค้างไว้จะปล่อยไปใช่ไหม ชาตินี้ไม่เขียนรูปอีกแล้วหรือ สิ่งที่พี่เจ้าอยากเห็น น่าจะให้เจ้าเขียนรูปต่อไปมากกว่า"

ซินยุนบกเอาแต่ร้องไห้เสียใจ คิมฮงโดปลอบ

ด้วย หน้าที่เขียนพระรูปยังไม่เสร็จสิ้น ซินยุนบกจำต้องตามคิมฮงโดเข้าวัง เพื่อฟังการพิจารณารูปภาพของเหล่าขุนนาง ซี่งแต่ละคนก็จ้องจับผิดอยู่แล้ว จึงเพียรหาข้อตำหนิอยู่ตลอดเวลา

ซินยุนบกฟังจนเหลือทน บวกกับเพิ่งเสียพี่ชายไปหมาดๆ จึงเดินไปฉีกพระรูปของพระราชาจองโจต่อหน้าทุกคน

" ฮือ ผลงานจากสีที่ต่ำต้อย จะคู่ควรเป็นพระรูปได้ยังไง ฮือ ข้าคิดว่า นี่ไม่ใช่พระรูปที่ทรงคุณค่า และบุคคลที่เห็นในภาพนี้ ก็ไม่ใช่พระราชาของเรา ไม่ใช่ฝ่าบาท ฮือ" ซินยุนบกฉีกรูปทิ้ง ทุกคนตกใจ

"นี่เจ้ากล้าดียังไง ดูหมิ่นข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ" พระราชาจองโจทรงโกรธ

"ฝ่าบาท ไม่มีประโยชน์หรอกพะยะค่ะ พวกเขาคิดแต่แรกว่าจะไม่ยอมรับภาพนี้อยู่แล้ว"

เสนาขวาทูล "ฝ่าบาท หนุ่มคนนี้กำลังสั่นคลอนเสถียรภาพของบ้านเมืองพะยะค่ะ"

คิมฮง โดรีบทูลช่วย "ฝ่าบาท ลูกศิษย์หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่เบื้องสูง เพียงแต่เสียใจกับการตายของพี่ชายจึงระงับอารมณ์ไม่อยู่เท่านั้นพะยะค่ะ"

"ท่านทังวอน หุบปากซะ"

"ฝ่าบาท"

เสนาขวาสั่ง "จับตัวช่างเขียน 2 คนไปขัง"

"ฝ่าบาท ขอทรงพิจารณาใหม่ด้วยเถอะพะยะค่ะ ฝ่าบาท"

เหล่าขุนนางและเสนาพากันไปทูลให้พระอัยยิกาทรงทราบ

พระอัยยิกาทรงตกพระทัย "เป็นความจริงหรือนี่ มีการฉีกพระรูปเชียวหรือ"

"ช่างเขียนซินยุนบกฉีกพระรูปด้วยตัวเองพะยะค่ะ เฮ่อๆๆ"

"เรากำลังวิจารณ์ถึงการใช้สีที่ไม่เหมาะสม แล้วเขาก็เดินไปฉีกพระรูปต่อหน้าต่อตา เฮ่อๆๆ"

"เป็นแค่ช่างเขียนกล้าฉีกพระรูปเชียวหรือ"

"เท่ากับเราได้ประโยชน์โดยไม่ต้องทำอะไรเลย"

"นั่นสิพะยะค่ะ ป่านนี้ซินยุนบกกับคิมฮงโดคงอยู่กรมอาญาถูกลงโทษจนน่วมไปแล้ว"

พระอัยยิกาทรงยิ้ม "สวรรค์เปิดทางให้เราแท้ๆ ส่วนพวกท่านก็ได้ปรามความอหังการ์ของฝ่าบาทด้วย"

"ทรงวางพระทัยได้แล้วพะยะค่ะ"

ข่าวซินยุนบกฉีกพระรูปดังไปอย่างรวดเร็ว และถึงหูของอิกแจในพริบตา ซินยุนบกกล่าวขอโทษคิมฮงโด

"ขอโทษด้วยครับ อาจารย์ เพราะข้าอีกแล้ว"

"ทำไมไม่รู้จักอดทนหน่อย" คิมฮงโดดุ

" ขอโทษครับ ข้าก็ไม่รู้ว่า ตอนนั้นตัวเองทำอะไรลงไป รู้แต่ว่าตาพร่าและหูก็อื้ออึง นอกจากหน้าของพี่ใหญ่แล้ว ข้ามองไม่เห็นใครทั้งนั้น รู้แต่ว่า คนพวกนั้น กำลังเหยียบย่ำใบหน้าของพี่ข้าอยู่ สุดท้ายก็เลยทนไม่ไหว ขอโทษด้วยครับ"

"พูดขอโทษตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรอีก ชีวิตเจ้าจะไม่เหลือแล้ว"

"ขอโทษด้วยครับอาจารย์"

"เลิกร้องไห้ซะที"

"ฮือ ครับ"

"ตอนนี้ต้องเข้มแข็งไว้ก่อน อย่าเพิ่งยอมแพ้โชคชะตา เพราะข้าก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน"

"ขอโทษด้วยครับ ฮือ" ซินยุนบกไม่รู้จะกล่าวอะไรได้อีก

พระราชาจองโจเอาเรื่องซินยุนบกฉีกพระรูปเข้าที่ประชุม

"ทุกท่านมาพบข้าวันนี้ เพียงเพราะความผิดพลาดของช่างเขียน จะเอาเรื่องเขาใช่ไหม"

" ใช่แล้วพะยะค่ะฝ่าบาท การที่ช่างเขียนฉีกพระรูป ถือเป็นความผิดอย่างมหันต์เทียบเท่าการก่อกบฎ สมควรลงโทษให้หนัก เพื่อพระเกียรติของฝ่าบาทและเสถียรภาพของบ้านเมืองด้วยพะยะค่ะ"

" นั่นสิพะยะค่ะ ทำแบบนี้เสมือนท้าทายพระอำนาจของฝ่าบาทโดยไม่เกรงกลัว ไม่แน่ว่า เบื้องหลังอาจมีแผนชั่วบางอย่าง จึงไม่ควรปล่อยไว้พะยะค่ะ"

" คนที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานกลับคิดคดทรยศ ให้ท้ายลูกศิษย์ลบหลุ่เบื้องสูง สมควรลงอาญาทั้งศิษย์และอาจารย์ ฐานคิดไม่ซื่อต่อราชบัลลังก์จึงถือว่าถูกต้อง"

"ตามความเห็นหม่อมฉัน สมควรประหารชีวิตที่สุด"

"ขอทรงพิจารณาด้วย"

ราชเลขา ทูลพระราชาจองโจว่า "ฝ่าบาท หม่อมฉัน ฮงกุกยอง มีเรื่องจะทูลพะยะค่ะ ช่างเขียนซินยุนบก ซึ่งเป็นคนทำลายพระรูป สมควรรับอาญาก็จริง แต่ช่างเขียนคิมฮงโด ไม่จำเป็นต้องรับโทษอย่างเท่าเทียม ถ้าไง ฝ่าบาททรงไตร่ตรองให้หนัก แล้วค่อยตัดสินเถอะพะยะค่ะ"

และ ไม่นานขุนนางก็ประกาศว่า "จงฟังคำตัดสิน ช่างเขียนคิมฮงโด ในฐานะผู้รับผิดชอบเขียนพระรูปในปีนี้ ตามหลักสมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างหนัก แต่ด้วยพระเมตตาของฝ่าบาท จึงทรงมีคำวินิจฉัยดังนี้ นักโทษคิมฮงโด ให้ปลดจากการเป็นช่างเขียนในศูนย์ศิลปะ ส่วนนักโทษซินยุนบก เนื่องจากทำลายพระรูปต่อหน้าพระพักตร์อย่างเหิมเกริม จึงให้รับโทษ ประหารชีวิตตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ อีก 3 วันข้างหน้า ให้รับโทษที่ประตูเมืองตะวันตก"

คิมฮง โดฟังแล้วรีบปฏิเสธ "ไม่ได้น่ะครับ โปรดลงโทษข้าแทนเถอะ เพราะข้าเป็นอาจารย์ แต่ไม่ได้สั่งสอนลูกศิษย์ให้ดี ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า"

"ฮือ พอทีเถอะอาจารย์"

" โปรดไว้ชีวิตเขาด้วย ไว้ชีวิตซินยุนบกเถอะครับ ได้โปรดอย่าประหารเขาเลย ข้าขอร้อง ไว้ชีวิตเขาเถอะ เขายังเด็กนัก ได้โปรด ได้โปรดอย่าประหารเขาเลย ฮือ ข้าจะขอเฝ้าฝ่าบาทหน่อย ได้โปรดเถอะ"

"อาจารย์" ซินยุนบกอึ้ง

"อย่าประหารเขาได้ยินมั้ย" ซินยุนบกปล่อยโฮลั่น

ด้านคิมฮงโดก็รีบมาขอเข้าเฝ้าพระราชาจองโจ ทรงตรัสกับคิมฮงโดว่า

"ข้าก็เสียดายหนุ่มนั่นเหมือนกัน"

"ฝ่าบาท"

" แต่ก็ไม่อยากพูดมาก เรื่องให้อภัยคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ลงโทษตามกฎถือว่าดีที่สุด เรื่องนี้มันเกินกว่าที่ข้าจะสั่งการได้ ท่านอย่ามาขอร้องอีกเลย"

"ตอนนี้มีคนเดียวที่จะช่วยลูกศิษย์หม่อมฉันได้ ก็คือฝ่าบาทเท่านั้น ถ้าไง ขอทรงมีเมตตาด้วยเถอะ"

" หนุ่มคนนี้ ทำลายเจตนารมณ์ที่ข้าต้องการจะให้เขียนรูป นั่นยังไม่เท่าไหร่ ยังกล้าฉีกรูปข้าทิ้งอีก ข้าสู้หวังว่าจะสร้างมาตรฐานใหม่ในการเขียนภาพ สุดท้ายทุกอย่างก็พังเพราะเขา เช่นนี้แล้ว ท่านยังขอให้ไว้ชีวิตอีกหรือ"

"ที่ฝ่าบาททรงคาดหวังกับการเขียนภาพคราวนี้ หม่อมฉันเข้าใจดีว่าทรงมีเจตนาแอบแฝงที่จะดำรงพระเกียรติให้เป็นที่เกรงขาม"

"แล้วทำไมถึงได้ ทำให้เรื่องวุ่นวายขนาดนี้"

"ฝ่าบาท ทั้งหมดเป็นความผิดของหม่อมฉัน โปรดลงอาญาหม่อมฉัน แล้วไว้ชีวิตช่างเขียนที่ยังอายุน้อย ทำผิดโดยไม่ตั้งใจด้วยเถอะ"

"คราวนี้ไม่ว่าท่านจะพูดยังไงก็ตาม ข้าจะไม่เปลี่ยนใจและไม่ฟังท่านด้วย"

"ฝ่าบาท"

"เอาตัวเขาออกไป"

อิกแจรู้เรื่องก็แทบสิ้นสติ อิกแจตรงไปหาซินยุนบกและต่อว่า

"เจ้าลูกชั่ว เจ้าเป็นบ้าแล้วหรือไง หึ"

"ท่านพ่อ"

"เจ้า ลืมแล้วหรือว่าต้องอยู่ต่อเพื่ออะไร เพื่อจะอยู่ในสภาพนี้หรือ"

"ท่านพ่อ"

"เป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ให้ได้ จากนั้นก็เลื่อนขั้นเป็นจิตรกรเอกเพื่อเชิดชูวงศ์ตระกูลของเรา ข้าเคยบอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว"

"ขอโทษด้วยครับ"

"ไม่ต้องมาบอกว่าขอโทษ ต่อไปเจ้าไม่ใช่ลูกข้าอีกแล้ว เจ้าทำลายครอบครัวเราอย่างย่อยยับ ชาตินี้ข้าไม่ขอเห็นหน้าเจ้าอีก"

"ท่านพ่อ"

" ไม่ต้องมาเรียกข้าๆ ไม่ใช่พ่อเจ้า" อิกแจร้องไห้ "เพราะอะไรๆ ฮือๆๆ ฮือๆๆ ยอนบก พ่อทำผิดไปแล้ว ฮือ ยกโทษให้พ่อด้วย ยอนบก ลูกรักของพ่อ ฮือๆๆ"

คิมฮง โดตัดสินใจว่าต้องช่วยซินยุนบกให้ได้ จึงไปนั่งคุกเข่าหน้าตำหนักของพระราชาจองโจ ทรงทราบจะราชเลขาก็ได้แต่บอกให้ดูไปเงียบๆ เพราะไม่แน่ใจว่าเหล่าขุนนางจะทำยังไง เรื่องนี้พระอัยยิกาทรงทราบก็ทรงหนักพระทัยเกรงว่าพระราชาจองโจจะทรงเปลี่ยน พระทัย

ชอนเฮียงรู้เรื่องก็เสียใจมาก และอยากจะพบซินยุนบกสักครั้ง แต่สาวใช้บอกว่ายากมาก และนางก็หาโอกาสมาพบซินยุนบกจนได้

"หึ คุณชายๆ"

"ชอนเฮียง"

"ฮือ ทำไมมาอยู่นี่ได้คะ"

"ขอโทษด้วย ขอโทษสำหรับ ทุกสิ่งทุกอย่าง"

"ฮือ ข้าเฝ้าภาวนาให้ท่านมีความสุข แล้วทำไมกลายเป็นแบบนี้ได้คะ"

"อย่าร้องไห้สิ"

"ฮือ จะลงโทษเมื่อไหร่"

"หึ อีก 2 วัน"

"แล้วข้า พอจะช่วยอะไรได้บ้าง ขอเพียงสามารถช่วยท่านได้ ให้ข้าทำอะไรก็ยินดี"

"ตอนนี้อาจารย์ทังวอน คงกำลังหาทางช่วยข้าอยู่ ข้าอาจจะรอดก็ได้"

"เป็นความจริงหรือเปล่าคะนี่"

"อึม ไม่นานคงจะได้ออกไป เจ้าเคยบอกว่าอาจารย์ เป็นที่พึ่งของข้าไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงข้าหรอกนะ"

" เฮ่อ ข้าเคยบอกตัวเองว่า ถ้าเราได้พบกันอีก ข้าจะไม่ร้องไห้ ข้าจะหาทางช่วยอีกแรง แม้ว่า ทุกวันนี้ข้าจะถูกกักอยู่ในบ้านก็ตาม หึ แต่ก็จะพยายามหาหนทาง ช่วยเจ้าพ้นผิดให้ได้"

เหล่าขุนนางและเสนาพากันมาสอบถามคิมฮงโดว่า

"เจ้ามารบกวนฝ่าบาทแบบนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ช่างไม่มีหัวคิด หน้าด้านสิ้นดี รีบลุกขึ้นแล้วกลับบ้านไปนอนซะ"

"ช่างเขียนที่ทำความผิดอย่างมหันต์ ยังคิดเอาชีวิตมาต่อรองหรือไงกันนี่"

"เฮ่อๆๆ สำหรับคนเป็นช่างเขียน มือที่ถือพู่กันมีค่ายิ่งกว่าชีวิตซะอีกจริงมั้ยท่าน เฮ่อๆๆ"

"เพื่อเห็นแก่เด็กคนนั้น เจ้ายอมแลกด้วยชีวิตเชียวหรือ เฮอะ ข้าก็เพิ่งรู้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าประทับใจจริงๆ เฮ่อๆๆ"

" อยากช่วยชีวิตเด็กนั่นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่แน่อาจเสียดายการเป็นช่างเขียนของตัวเอง เลยใช้วิธีนี้เพื่อเรียกร้องความเห็นใจก็ได้"

"อุตส่าห์วางแผนเพื่อจะเล่นงานเจ้า สุดท้ายกลับไปลงที่เด็กแทน มันน่าเจ็บใจนัก เฮ่ย"

คิมฮง โดกล่าวว่า "ทุกท่าน อยากรู้มั้ยว่าจุดประสงค์ของข้า ที่ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน พวกท่านคงไม่รู้หรอกว่าอะไรคือความจริงใจ งั้นข้าจะเสียสละ สอนให้พวกท่านรู้เอง มือของช่างเขียน สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา มือข้างนี้ ข้ายอมที่จะสูญเสีย"

"นี่เจ้า" เหล่าขุนนางตกใจ

ใน ที่สุดคิมฮงโดก็ได้ทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด คิมฮงโดทำร้ายมือตัวเอง "อ๊าก ทรงไว้ชีวิตลูกศิษย์หม่อมฉัน ปล่อยเขาด้วยเถอะพะยะค่ะ ฝ่าบาท อ๊าก"

จบ 12

ซินยุนบก 13 /

คิมฮงโดทำลายมือตัวเอง เพื่อให้พระเจ้าจองโจตระหนักถึงเบื้องหลังแผนชั่วของเหล่าขุนนาง ที่ต้องการขัดขวางการเขียนรูปในคราวนี้

"เป็นช่างเขียนกลับทำลายมือตัวเองซะได้" พระราชาจองโจตรัสถาม

"ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญบางอย่างจะทูล โปรดอย่าทรง ไล่หม่อมฉันออกไปได้ไหมพะยะค่ะ"

"มีเหตุผลอะไรถึงต้องทำขนาดนี้"

"พี่ชายของซินยุนบก ชื่อซินยอนบก คิดค้นสีใหม่สำหรับระบายฉลองพระองค์ ในระหว่างผลิตสีนั้น ได้รับสารพิษจนตัวตาย"

"นี่มันหมายความว่าไงน่ะ"

" ก่อนวันที่เราจะลงสี แม้ว่าจะมีการตรวจสอบแน่ชัด เอาเข้าจริงสีที่นำมาใช้ จากสีแดงกลายเป็นสีดำ และหม่อมฉันก็พบผงเงิน ผสมอยู่ในโถที่ใส่ผงชาด แสดงให้เห็นว่า มีใครบางคนไม่อยากให้การเขียนพระรูป สำเร็จลุล่วงตามพระประสงค์ของฝ่าบาท ในขณะที่หม่อมฉันกับซินยุนบก คิดอย่างเดียวคือต้องทำงานให้เสร็จ จึงให้พี่ชายของเขา ช่วยผลิตสีแดงชนิดใหม่มาให้ เหล่าขุนนางพบช่องโหว่ตรงจุดนี้ จึงจ้องเล่นงานโดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียของยุนบก ทำให้เขาโกรธจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้"

"แต่เหตุผลแค่นี้ ข้าก็ไม่อาจให้อภัยที่เขามาฉีกรูปอยู่ดี เพราะสำหรับข้าแล้ว ภาพเขียนนั้น มีความหมายที่แอบแฝงอยู่หลายอย่าง"

" หม่อมฉันกับซินยุนบก ทำลายพระรูปของฝ่าบาท มีโทษสมควรตายร้อยครั้งก็จริง แต่สำหรับยุนบก นั่นไม่ใช่แค่พระรูปอย่างเดียว แต่มีจิตวิญญาณของพี่ชายแฝงอยู่ จึงได้ทำลายด้วยความโศกเศร้า ขอฝ่าบาททรงมีเมตตา อภัยให้กับความวู่วามของเขาด้วย"

คิมฮงโดมาเยี่ยมซินยุนบกถามว่าอยากจะออกไปมั้ย แต่ซินยุนบกสังเกตเห็นมือเขาก่อน

"หึ นี่ มือท่าน มือท่านเป็นอะไร"

"อ้อ เปล่าหรอก"

"แล้ว ทำไมมือท่าน"

"บอกแล้วว่าไม่มีอะไร หึ"

"เป็นเพราะ ข้าเป็นต้นเหตุใช่ไหม"

"ไม่ใช่หรอก ไม่เกี่ยวกับเจ้า"

" เพราะข้าแท้ๆ ทำให้ท่านต้อง ฮือ ขอโทษด้วยครับ ฮือ เพราะข้าไม่เอาไหนเอง ขอโทษอาจารย์จริงๆ ฮือ ฮือ แต่ว่า ในเวลานี้ ท่านยังอุตส่าห์มาเยี่ยมข้า แค่นี้ข้าก็ดีใจมากแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าข้าจะเป็นยังไง ถือซะว่าแล้วแต่ชะตาเถอะ แต่เราได้พบกันวันนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่า"

"หึ ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างงั้น เจ้าอย่าคิดมากเลย"

"ในสายตาท่าน เห็นข้าเป็นอะไรกันแน่ ลูกศิษย์ที่ดี คงไม่ใช่มั้ง"

"เจ้าหรือ หึ เจ้า สำหรับข้าแล้วไม่ใช่แค่ลูกศิษย์"

"ฮือ ขอบคุณท่านมาก ฮือ ขอบคุณอาจารย์ ฮือๆๆ"

"เฮ่ย แต่ข้าก็เป็นอาจารย์ที่พอใช้นะ"

"ฮือ แต่ว่าอาจารย์ สำหรับข้าแล้ว ฮือ ฮือ ข้า มีแต่คำว่าขอบคุณ ฮือ ฮือๆๆ ขอบคุณท่านมาก ฮือๆๆ"

"เฮ่ย ข้ายังหวังว่าจะเขียนภาพกับเจ้าไปอีกนาน ฮือ ขอโทษด้วยนะ ขอโทษที่ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้อีก"

"ฮือๆๆ แค่นี้ก็พอแล้ว ฮือๆๆ ฮือๆๆ"

ด้านชอนเฮียงก็ยอมปล่อยนกในกรง ทำให้คิมโจนึนแปลกใจรีบมาหาชอนเฮียง

"แน่ใจหรือว่า เจ้าลืมคนรักเก่าที่อยู่ในใจได้หมดสิ้นแล้ว"

"เช่นเดียวกับเสียงพิณ ที่เงียบหายไปในกลางอากาศ เพราะไม่มีโอกาสได้พบเขาอีก ทำให้ข้ารู้สึกเคว้งคว้างนัก"

"ข้านึกว่า ยังต้องรออีกนานซะอีก"

"เขาเป็นรักแรกของข้า แต่นับแต่นี้ ท่านจะเป็นคนสุดท้ายที่ข้าจะรัก"

"ไม่นึกว่าเจ้าจะเปลี่ยนใจเร็ว จู่ๆ ก็ไม่เล่นตัวอีก ข้ายังนึกว่าดูผิดซะอีก"

" ท่านจะดูผิดได้ไงล่ะคะ ได้ยินว่าท่าน มีสายตาที่แหลมคม ไม่ว่าจะดูอะไรก็แม่นยำ สนใจงานศิลปะ เห็นภาพเขียนก็รู้ว่าเป็นผลงานใคร ข้าจึงเชื่อในสายตาท่านเสมอ"

"เฮ่อๆๆ ถือว่าเป็นคำชมละกัน เฮ่อๆๆ"

"จริงสิคะ มีช่างเขียนคนหนึ่ง ที่ทำงานร่วมกับท่านทังวอน ท่านรู้จักมั้ยคะ"

"อึม คนที่กำลังจะถูกประหารนั่นใช่ไหม"

"ใช่ค่ะ อายุยังน้อย ก็ได้เขียนพระรูปต่อหน้าพระพักตร์ แสดงว่ามีพรสวรรค์เหนือคน ตายก็น่าเสียดายเหมือนกัน"

"น้อยคนที่เกิดมามีพรสวรรค์ขนาดนี้ มันก็น่าเสียดายอยู่"

"ถ้าหาก ท่านให้ช่างเขียนคนนี้ มาทำงานกับท่าน ในร้านศิลปะส่วนตัว คงจะดีไม่น้อยนะคะ ข้าก็จู่ๆ มีความคิดแบบนี้ขึ้นมาน่ะค่ะ"

"งั้นหรือ ไปอยู่ในร้านของข้า?"

"แต่ตอนนี้ คงจะสายไปแล้วนะคะ"

"เฮ่อๆๆ คงต้องรอให้สวรรค์ช่วยล่ะมั้ง หึทำไม เจ้าอยากได้ผลงานของช่างเขียนคนนี้หรือไงใช่ไหม"

ใกล้ถึงเวลาประหารชีวิตซินยุนบก เหล่าขุนนางพากันมาเพื่อจะดู แต่ปรากฎภาพพระราชาจองโจก็ตกใจ

"นี่มัน อะไรกันนี่ ทำไมรูปนี้ ยังมาอยู่แถวนี้ได้"

"จะไปห้องประชุมขุนนาง ก็มีแต่ทางนี้ทางเดียวซะด้วย แล้วเราจะทำไงดีครับ"

"หึ แล้วนี่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ แม้จะเป็นพระรูปที่ฉีกขาดก็จริง แต่เราก็ไม่อาจเหยียบย่ำเพื่อจะข้ามผ่านไม่ใช่หรือครับ หึ"

"หึๆ ทุกคนระวังให้ดี นี่คือการทดสอบจากฝ่าบาท ที่จะมาลองใจพวกเราว่ามีความคิดยังไง" เสนาขวาว่า

เจ้ากรมแปลกใจ "ทดสอบอะไรกัน"

" ถ้าเราไม่กล้าเหยียบพระรูปเพื่อจะข้ามผ่านไป ก็แสดงว่ายอมรับการเขียนพระรูปนี้ หากเป็นอย่างงั้น ถึงเวลาถ้าเราจะอ้างว่ารูปนี้เขียนขึ้นอย่างไม่ถูกต้อง ก็ถือว่าไม่มีเหตุผลพอที่จะปฏิเสธ จริงหรือเปล่า"

ขุนนางคิดตาม "ใช่จริงๆ"

"เพราะฉะนั้น ข้าจะบอกวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ ให้ทุกคนได้รู้"

"ต้องทำไงหรือท่าน"

เสนาขวาเดินข้ามไปเลย เจ้ากรมก็ตกใจ

"ท่านทำอะไรน่ะ นี่ท่าน กล้าเหยียบพระรูปของฝ่าบาท"

" นี่คือการแสดงให้ฝ่าบาทได้ทรงทราบว่า เราไม่เห็นความสำคัญของภาพนี้ ไม่อย่างงั้นฝ่าบาทก็จะตรัสว่า ภาพนี้ไม่มีอะไรบกพร่องซักหน่อย แต่เพราะเราจงใจหาเรื่องเอง แล้วเราก็จะเป็นฝ่ายถูกประนามแทน ยืนเฉยทำไมล่ะ ยังไม่รีบข้ามมาอีก"

"ทำแบบนี้ มิเท่ากับเป็นปรปักษ์"

"เหตุผลที่ทำ ข้าจะทูลให้ทรงทราบเอง"

ราชเลขาฮงกุกยองไปทูลให้พระราชาจองโจทรงทราบ จากนั้นทรงตรัสถามเหล่าขุนนาง

"ใครได้ข้ามผ่านภาพเขียนของข้าบ้าง"

"ขุนนางทุกคนที่อยู่นี่ ล้วนแต่ข้ามหมดพะยะค่ะ" เสนาขวาทูล

"ถ้าอย่างงั้น มีเหตุผลอะไรถึงต้องเหยียบภาพนี้"

"ทูลฝ่าบาท ฝ่าบาทเอาพระรูปไปขวางกั้นทางเดิน เพื่อให้เหล่าขุนนางทบทวนคำตัดสินเกี่ยวกับพระรูปใช่ไหม"

"พูดต่อไปซิ"

" เหมือนที่ 4 วันก่อนพูดไว้ เหล่ากระหม่อมมีความเห็นว่า ภาพนี้หาใช่พระรูปแห่งพระราชาโชซอนซึ่งสืบต่อมายาวนาน จึงไม่ขอยอมรับ คุณค่าที่แฝงอยู่ในภาพพะยะค่ะ"

"แล้วไงอีก"

" ฝ่าบาททรงนำพระรูปไปวางไว้ทางเข้าออกของห้องประชุมขุนนาง เพื่อจะดูว่า ในเมื่อเรากล้าแสดงความเห็นแล้วจะกล้าแสดงออกด้วยการกระทำหรือไม่ พวกเราต้องการยืนกรานความคิดเดิม จึงจำต้องข้ามพระรูปด้วยเห็นว่าไร้คุณค่า ไม่เป็นที่ยอมรับพะยะค่ะ"

"แค่นี้ใช่ไหม"

"พะยะค่ะฝ่าบาท"

"ความหมายก็คือ ภาพนี้ไม่ใช่ภาพของข้า"

"ไม่ใช่พระรูปของฝ่าบาทแน่นอนพะยะค่ะ"

"ก็แปลว่าไม่ใช่รูปของพระราชา นั่นก็แปลว่า ภาพที่ช่างเขียนหนุ่มทำลายเมื่อ 4 วันก่อน ก็ไม่ใช่ภาพของข้าด้วยสิ"

"รับสั่งแบบนี้ หมายความว่าไงน่ะครับ"

" หรือไม่จริงล่ะ การที่ช่างเขียนหนุ่มคนนั้นต้องถูกประหาร ก็เพราะบังอาจทำลายภาพเขียนของข้า แต่แล้ว พวกท่านกลับบอกว่านี่ไม่ใช่ภาพของพระราชา ก็แสดงว่า ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตหนุ่มคนนั้นอีกถูกหรือเปล่า จริงหรือเปล่าท่านเสนาขวา"

"เอ่อ คือ คือว่า เรื่องนี้"

" ไหนบอกซิว่า ภาพนี้ เป็นภาพของข้า หรือว่าไม่ใช่ ถ้าคิดว่านั่นไม่ใช่ภาพเขียนของข้า ช่างเขียนหนุ่มคนนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีความผิดถึงขั้นประหารชีวิตแต่อย่างใด แต่ถ้าหาก นั่นคือภาพของข้าจริงๆ แสดงว่าคนที่สมควรรับโทษมากกว่า คือขุนนางที่ไม่เคารพภาพเขียนของข้า บังอาจลบหลู่อย่างแรง ตอบข้าหน่อยซิท่านเสนา ว่านั่นคือภาพของข้า หรือไม่ใช่กันแน่"

"เอ่อ ภาพนั้น ไม่ใช่พระรูปของฝ่าบาทพะยะค่ะ"

" งั้นท่านก็จงฟัง รีบไปลานประหารช่วยชีวิตหนุ่มคนนั้นโดยเร็ว ถ้าหาก ช่วยเขาไม่ทันมีการลงโทษไปแล้ว ใครก็ตามที่เสนอให้ประหารชีวิตช่างเขียนคนนี้ ก็ต้องตายด้วย"

เพชฌฆาตกำลังจะลงมือฆ่าซินยุนบก ก็มีราชโองการของพระราชาจองโจมาด่วน

"ด้วยพระเมตตาของฝ่าบาท จึงมีพระบัญชา ให้การประหารซินยุนบกในวันนี้ ยุติลงเพียงเท่านี้ ปล่อยตัวซินยุนบกเป็นอิสระได้"

ซินยุนบก คิมฮงโดถอนหายใจโล่ง พวกชาวบ้านที่มาดูพลอยโล่งใจไปด้วย

"ขอบพระทัยฝ่าบาท เป็นพระกรุณายิ่งแล้ว ฮือๆๆ ฮือๆๆ ขอบพระทัยฝ่าบาท ฮือๆๆ ฮือๆๆ" ซินยุนบกร้องไห้

พระอัยยิกาทรงทราบก็โมโหมาก

รอดตายคราวนี้มาได้ แต่ซินยุนบกต้องออกจากศูนย์ศิลปะ ส่วนคิมฮงโดพ้นผิดกลับไปทำงานที่ศูนย์ศิลปะตามเดิม ซินยุนบกมาลาคิมฮงโด

"เก็บของเสร็จหมดหรือยัง" คิมฮงโดถาม

"เสร็จหมดแล้วครับ"

"ข้าคงไม่มีอะไรจะสอนเจ้าอีกแล้ว"

"อย่าพูดอย่างงั้นสิครับ เพราะข้าไม่ดีเอง ต้องขอโทษด้วย"

"แล้วคิดจะไปไหน"

"คงต้องกลับบ้านน่ะครับ ลาก่อนนะครับ อาจารย์"

คิมฮงโดมองตราประทับให้ซินยุนบกเป็นที่ระลึก

"ตราประทับหรือ แฮ วอน"

" ยังจำภาพนี้ได้หรือเปล่า นี่ไง ที่ข้าไปยืนเก๊ก เฮ่อๆๆ อูย เฮ่อ แฮก็คือต้นแฮ วอนคือสวน ต้นแฮแม้จะไม่สวยงาม แต่มีกลิ่นหอมที่ขจรไปไกล จงใช้เอกลักษณ์ของเจ้า เขียนภาพให้ทุกคนประจักษ์ในความหอมและโดดเด่น"

"ขอบคุณท่านมาก อาจารย์ หึ แฮวอน ทังวอน หึ"

"ยุนบก"

"ครับ"

"ข้าเชื่อว่านี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเจ้า เจ้าจะต้อง อยู่อย่างเข้มแข็งนะ"

"อึม ขอบคุณท่านมาก ที่สำคัญ ข้าต้องขอโทษอีกครั้ง อาจารย์"

"นับแต่นี้เจ้าก็คือแฮวอน ส่วนข้าคือทังวอน ไม่ใช่เจ้าหนูอีก"

000000000000

ซินยุนบกกลับถึงบ้าน อิกแจก็กล่าวว่า

" ไม่นึกว่าตระกูลช่างเขียน 4 ชั่วคนอย่างเรา จะมาสิ้นสุดแค่นี้ เพราะถูกเจ้าทำลายทุกอย่างจนหมดสิ้น ข้าจึงบอกว่า ต่อไปไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก สิ่งที่เกิด เพราะเจ้าหาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น"

"ท่านพ่อ"

" บอกว่าอย่าเรียกข้าว่าพ่ออีกไง นี่ก็คือ ที่ๆ เจ้าต้องไปอยู่ เป็นศูนย์ศิลปะเอกชน ถ้าเจ้าคิดว่า สำนึกในความผิดที่แล้วมาจริงๆ ไม่ว่าลำบากแค่ไหนก็ให้อดทนไว้ เมื่อไปอยู่นี่แล้ว เจ้าของบอกให้เขียนรูปอะไรก็เขียนให้เขาซะ"

อิกแจขายซินยุนบกให้เป็นช่างเขียนในสังกัดของ คิมโจนึน ซินยุนบกไปพบคิมโจนึน

"ช่างเขียนซินยุนบก มาขอฝากตัวกับท่าน"

" ได้ยินว่างานทุกชิ้นของเจ้ามักมีปัญหาเรื่อย เป็นเด็กหนุ่มที่ความคิดแปลกแยก แถมหน้าตาหล่อเหลาซะด้วย งั้นขอถามหน่อยว่า เพราะอะไร เจ้าถึงชอบก่อเรื่องในศูนย์ศิลปะ ให้ผู้ใหญ่ปวดหัวเรื่อย"

"ข้าแค่เขียนรูป ตามแต่ในใจคิดไว้เท่านั้น"

"อึม ไม่เพียงเขียนภาพผู้หญิงหลากหลายรูปแบบ ยังมีบางรายถึงขนาดเปลื้องผ้า ไม่คิดหรือว่าจะทำให้เกิดการวิจารณ์น่ะ"

"ถ้าไม่ดูภาพทั้งหมด มองแต่ผู้หญิงเปลื้องผ้าแล้ววิจารณ์ ข้าว่าปัญหาเกิดจากจุดนี้มากกว่า"

" เฮ่อๆๆ เป็นความกล้าที่น่าเลื่อมใส ไม่ว่าจะเป็นเสียงติ หรือคำชื่นชมก็ตาม ขอเพียงมีคนพูดถึงงานของเจ้า นั่นคือประสบความสำเร็จแล้ว นับแต่วันนี้ ให้เจ้ามาทำงานในสังกัดของข้า ตามมาก่อน ข้ามีบางอย่างจะให้ดู"

คิมโจนึนพาซินยุนบกไปพบลูกค้าและพามาที่ห้องหนึ่ง

" นี่คือห้องพักของเจ้า เป็นไงบ้าง ตกแต่งแบบนี้ พอจะทำให้เกิดจินตนาการ แทบอยากจับพู่กันเขียนรูปหรือเปล่า ช่วยสร้างผลงานชิ้นเยี่ยมให้ข้าหน่อย แล้วข้าจะตอบแทนให้อย่างงาม"

"ท่านคิดว่า อะไรคือผลงานชิ้นเยี่ยม"

"สิ่งที่ทำให้คนยอมจ่ายเงินโดยไม่ลังเล"

"ก็คือภาพเขียนที่ใช้เงินซื้อได้หรือ"

" เจ้าไม่เห็นคุณค่าของเงินหรือ รู้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้คนเรายอมควักกระเป๋าง่ายๆ คือรสนิยม ความชอบ ที่สำคัญ สิ่งที่หาซื้อไม่ได้ก็คือจิตใจของคน ซึ่งภาพของเจ้า มีสิ่งเหล่านี้อยู่ มีพลังดึงดูดทำให้คนสนใจ นับแต่นี้ ขอให้ลืมอดีตให้หมด ข้าจะทำให้ชื่อของเจ้าโด่งดังไปทั่วโชซอน อ้อ เจ้าควรจะมีนามแฝงใช่ไหม"

"นามแฝงของข้า ชื่อว่าแฮวอน"

" แฮวอนหรือ ก็เพราะดีนี่ อ้า เอานี่ไป ป้ายนี้จะแสดงฐานะว่าเจ้าคือคนของข้า คืนนี้ ข้าจะมีงานเลี้ยงสังสรรค์ในสวนหลังบ้าน เจ้าถือป้ายนี้ ไม่ว่าจะไปไหน หรือทำอะไรก็ได้ หรือเอาป้ายนี้ ไปซื้ออุปกรณ์การเขียนรูปก็ได้"

"มีป้ายนี้จะซื้อได้ทุกอย่างหรือครับ"

"ซื้อได้ทุกอย่าง หึ"

ขณะที่ในวังหลวง พระราชาจองโจทรงตรัสกับขุนนางว่า

" วันนี้ ข้าอยากจะขอคำปรึกษาในเรื่องบางอย่างที่ขบคิดมานาน เพื่อให้ทุกท่านช่วยชี้แนะ และให้พวกท่านจงทำตัวเหมือนอาจารย์ และเพื่อนของข้า ให้คำแนะนำ ชี้ทางออกที่ดีให้แก่ข้า"

"เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพะยะค่ะ"

" คำพูดประโยคหนึ่งที่ข้าพูดในวันครองราชย์ ทุกท่านยังจำได้หรือเปล่า ข้า เป็นลูกของรัชทายาทซาโต จนวันนี้ ข้ายังอยากให้ทุกท่านจดจำความเจ็บปวด ที่เสด็จพ่อของข้าต้องสิ้นพระชนม์อยู่ในลังไม้ แต่ว่า เหล่าขุนนางก็ยังวางอำนาจไม่เลิก จนแทบไม่รู้ว่าใครเป็นจ้าว ใครเป็นบ่าวกันแน่ ฉะนั้นข้าจึงคิดว่า จะเปลี่ยนพระนามของเสด็จพ่อใหม่จากองค์ชายซาโตที่เคยเรียกมา เป็นองค์ชาย "ชาวอน" จะดีมั้ย"

" แต่ว่าฝ่าบาท ทุกวันนี้เพียงแค่ ฝ่าบาทแสดงความรำลึกต่อเสด็จพ่อแม้แต่นิดเดียว คนก็เริ่มครหาถึงความชอบธรรมในการครองราชย์แล้ว จึงต้องระวังให้มากนะพะยะค่ะ"

"การจะให้เหล่าขุนนางยอมรับ ก็ควรมีหลักฐานยืนยันพะยะค่ะ" ราชเลขาทูล

"ที่จริง สมัยก่อนเสด็จปู่เคยรับสั่ง ให้เขียนพระรูปของเสด็จพ่อไว้"

" ฝ่าบาท ถ้าอดีตพระราชาเคยรับสั่งให้เขียนพระรูปจริง ก็แสดงว่า อดีตพระราชา ทรงยอมรับว่าการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายซาโตเป็นความผิด พลาดของพระองค์ และทรงเสียพระทัยต่อเรื่องที่เกิด"

" นั่นสิพะยะค่ะ หากมีภาพนั้นจริงๆ เราก็สามารถยกย่ององค์ชายซาโตซะใหม่ รวมถึงคนที่กล่าวหาว่าองค์ชายซาโตเป็นนักโทษคิดกบฎ เราก็จะได้ปิดปากพวกเขาอย่าให้เอ่ยถึงอีก"

"ว่าแต่ภาพนั้นมีอยู่จริงหรือเปล่า" ขุนนางแปลกใจ

พระอัยยิกาทรงทูลพระราชาจองโจว่า

"ภาพที่ฝ่าบาทตั้งความหวังไว้สูง กลับถูกทำลายไป ข้ายังห่วงว่าเจ้าจะเสียใจมากกว่านี้ซะอีก"

" ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติ มักทำให้เราเห็นความจริงบางอย่างชัดเจนขึ้น ว่าสุดท้ายใครที่ยื่นมือมาช่วยหม่อมฉัน และใคร ที่พร้อมจะช่วงชิงทุกอย่างของหม่อมฉันไปหมด"

" พระราชาที่รากฐานยังง่อนแง่นอยู่ ย่อมต้องพึ่งพาบุคคลหลายฝ่าย ถ้าดีจริงย่อมจะมีคนมาสวามิภักดิ์เอง ก่อนจะรู้ว่าใครดีใครชั่ว เราควรเปิดใจให้กว้าง รับฟังความคิดเห็นอันหลากหลาย แบบนี้ถึงจะเป็นพระราชาที่น่ายกย่อง"

"คำสอนของพระอัยยิกา หม่อมฉันจะไม่มีวันลืม"

คิมโจนึนมาหาชอนเฮียงและบอกว่าเขาพาซินยุนบกมาแล้ว ชอนเฮียงถามว่าเขาพอใช้ได้มั้ย

"อึม ใช้ได้ เป็นความชอบของเจ้า ที่แนะนำคนเก่งมาให้ข้า หนุ่มคนนี้ เหมือนหยกชิ้นงามที่หายาก"

" แต่ยังไงเขาอายุยังน้อย ท่านไม่ควรตั้งความหวังไว้สูงไป ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้อะไร ความสามารถของช่างเขียน ส่วนใหญ่มักใกล้เคียงไม่ใช่หรือคะ"

" อึม ไม่หรอก ข้าดูออกว่า หนุ่มคนนี้ไม่แน่จะเก่งกว่าคิมฮงโดด้วยซ้ำ ข้าต้องไปแล้ว รอไว้พรุ่งนี้ เจ้าจะได้เห็นช่างเขียนที่คิดว่าฝีมือพอๆ กับคนอื่น เพราะเขาจะมาร่วมงานเลี้ยงที่ข้าจัดขึ้น ถึงเวลาต้องแต่งตัวให้สวยล่ะ" คิมโจนึกออกไป

พระราชาจองโจทรงมีรับสั่งให้คิมฮงโดกับซินยุนบกเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์

"แฮวอน เจ้าสบายดีหรือ" คิมฮงโดทักทายซินยุนบก

"ครับ แล้วอาจารย์ล่ะ สบายดีหรือเปล่าครับ"

"อึม มาตรงเวลาดีนี่ ไปเถอะ เจ้าหนู"

ทั้งสองไปเข้าเฝ้าพระราชาจองโจ

"รับสั่งให้หาหรือพะยะค่ะ"

"แม้ว่าพระราชาจะมีอิทธิพลล้นฟ้า แต่ไม่สามารถปกป้องช่างเขียนที่จงรักภักดีและทำงานให้เขาได้ คิดแล้วก็น่าเศร้านัก"

"ฝ่าบาท เราสองคนทำความผิดใหญ่หลวงที่ไม่อาจให้อภัย แต่ด้วยพระเมตตาของพระองค์ จึงทำให้แคล้วคลาด แค่นี้ก็พอแล้ว"

"ช่างเขียนหนุ่มล่ะเป็นไงบ้าง ได้ยินว่าถูกปลดจากศูนย์ศิลปะใช่ไหม"

"พะยะค่ะ ฝ่าบาท"

" ก็น่าอยู่หรอก หน่วยงานที่เคร่งครัดอย่างงั้น จะยอมรับผลงาน ที่สร้างสรรค์ด้วยความคิดล้ำหน้า ผ่าเหล่าผ่ากอของเจ้าได้ยังไง บางทีการออกจากสถานที่คร่ำครึอย่างงั้น อาจยิ่งเปิดโอกาส ให้เจ้าได้แสดงความ สามารถมากขึ้น"

"ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นนักโทษที่ทำลายพระรูปของพระองค์ ไม่ได้มีความ สามารถอะไรหรอกพะยะค่ะ"

" แล้วคนเป็นอาจารย์ห่วงลูกศิษย์ยิ่งกว่าชีวิตเป็นเพราะอะไรกัน ไม่ใช่เพราะความเสียดาย พรสวรรค์ที่เจ้ามีจนยอมแลกกับมือขวาของตัวเองหรอกหรือ เพราะความจริงใจของเขา ทำให้ข้าเปลี่ยนความคิดใหม่ รู้หรือเปล่า"

"มิได้พะยะค่ะฝ่าบาท"

"ความผูกพันระหว่างพวกเจ้าที่มีให้แก่กันนั้น เทียบกับภาพเขียนที่ออกมา ไม่ว่าภาพใดๆ ก็ตาม ยิ่งงามกว่าร้อยเท่า"

"ขอบพระทัยที่ทรงชมพะยะค่ะ"

" ช่างเขียนทั้งสอง มาใกล้ๆ ข้าหน่อย วันนี้ ข้ามีงานสำคัญชิ้นหนึ่งจะให้พวกเจ้าไปทำ ถึงได้ให้มาพบ ไม่ต้องกลัวข้าหรอก มานั่งใกล้ๆ เร็ว ความหมายของการเขียนพระรูป ถึงวันนี้เชื่อว่าพวกเจ้าคงรู้ดีกว่าใคร ให้พวกเจ้าไปตามหา รูปขององค์ชายซาโตที่เคยสูญหายไป"

"ฝ่าบาท เท่าที่หม่อมฉันรู้ สมัยก่อน ไม่มีการเขียนพระรูปขององค์ชายซาโต"

"ต้องมีใครบางคนเอาไปซ่อนไว้ เพราะกลัวความจริงจะเปิดเผย เพราะว่า เสด็จปู่เคยรับสั่ง ให้เขียนภาพนั้น"

จบ 13

ซินยุนบก 14

คิมฮงโดทูลว่า "ดูเหมือนเหตุการณ์ที่เกิด จะเป็นปี "พยองจิน ซึ่งคือสิบปีที่แล้ว แต่องค์ชายซาโตสิ้นพระชนม์ ในปี "ยินมู ต่างหาก เท่ากับ 14 ปีที่ผ่านนะพะยะค่ะฝ่าบาท"

พระ ราชาจองโจตรัสว่า "สิบปีก่อนเสด็จปู่ของข้า ทรงเสียพระทัยต่อเรื่องโอรสมาก จึงคิดทำอะไรบางอย่างเพื่อจะล้างมลทิน ให้เสด็จพ่อของข้า ขณะนั้นจึงมีรับสั่ง ให้จิตรกรที่เก่งที่สุดในศูนย์ศิลปะเขียนรูปเสด็จพ่อข้า หรือก็คือองค์ชายซาโตขึ้นมา เพื่อไว้เป็นที่ระลึก แต่แล้ว ก่อนที่เสด็จปู่จะได้ทอดพระเนตรเห็นภาพนั้น คนที่เขียนรูป กลับถูกปองร้ายจนเสียชีวิต ข้าจึงคิดว่า ถ้าจะเปิดโปงเบื้องหลังเรื่องนี้ คงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพวกเจ้า เพราะผ่านการเขียนรูปข้ามาแล้ว มีความสามารถในการเขียนภาพเหมือนที่ชำนาญกว่าใคร ฉะนั้น ข้าจึงขอสั่งให้เจ้าสองคน ไปช่วยสืบหาร่องรอย ภาพเขียนหนึ่งเดียวของเสด็จพ่อข้า ที่สมัยก่อนเคยเขียนไว้ ทุกวันนี้ความทรงจำเกี่ยวกับเสด็จพ่อของข้าเลือนลางเต็มที กลัวว่านานวันกว่านี้ ทุกคนจะยิ่งจำท่านไม่ได้ จึงได้แต่หวังว่า พวกเจ้าจะช่วยให้เสด็จพ่อข้า ได้กลับมาอีกครั้ง"

"พะยะค่ะ เราจะทำตามพระบัญชา" คิมฮงโดและซินยุนบกน้อมรับคำสั่ง

หลังจากออกมาคิมฮงโดกล่าวกับซินยุนบกว่า

"ปี คิมโย ปี พยองโย นับแต่นี้ข้าพูดอะไรให้เจ้าจดไว้หมด"

"หนังสือนั่น คืออะไรหรือครับ"

"บันทึกเกี่ยวกับการเสียชีวิต ของอาจารย์ข้า"

"อาจารย์ของอาจารย์ เป็นคนยังไงหรือครับ"

"หึ เป็นช่างเขียนที่เก่ง นิสัยยอมหักไม่ยอมงอ มีความรอบรู้และเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ เสมอ"

"เหมือนอย่างอาจารย์ใช่ไหม"

"หึๆ ความรู้อย่างข้าจะไปเทียบกับอาจารย์ได้ยังไง เริ่มได้แล้ว"

"ครับ"

" วันที่ 19 เดือน 5 ช่างเขียนคิมฮงโด รายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของช่างเขียน "คังโซฮัง" เช้าตรู่ของวันนั้น ช่างเขียนอาวุโสคังโซฮัง ถูกพบว่าเสียชีวิตในบ้านพักและเจ้าหน้าที่ได้ไปชันสูตรศพ จากคำให้การของเจ้าหน้าที่ สันนิษฐานจากร่างกายที่เย็นและสีหน้าซีดเผือด คาดว่าน่าจะเสียชีวิตในคืนก่อนหน้านั้น สาเหตุเพราะหักโหมบวกกับสูงอายุ จึงทำให้ขาดใจตาย ศูนย์ศิลปะได้จัดงานศพให้อย่างสมเกียรติ และยกย่องให้เป็นจิตรเอกแห่งยุคสมัย ได้รับบำนาญชั่วลูกชั่วหลาน พื้นเพของเขาเป็นชาว "จินจู" เชี่ยวชาญการเขียนภาพเหมือนที่สุด มีทายาทเพียง 2 คน ชื่อ "ยูวอน" และ "จินวอน" จดไว้หมดหรือเปล่า"

ซินยุนบกจด "ครับ"

" ลำดับต่อไป เป็นประวัติของเพื่อนรักข้าเอง วันทื่ 23 เดือน 5 ช่างเขียน "ซอจิน" ถูกคนแปลกหน้าลับลอบเข้าบ้านและสังหารโดยไม่รู้สาเหตุ มีเพื่อนสนิทคือคิมฮงโดช่วยจัดงานศพให้เขา ไม่เป็นไรใช่ไหม"

"เอ่อ ครับ ข้าไม่เป็นไร"

และระหว่างที่เข้าไปดูในห้องภาพ ซินยุนบกดึงภาพหนึ่งออกมา

"ปีพยองจิน แถวที่หนึ่ง ไหนนะ"

คิมฮงโดเห็น "นี่มันอะไรน่ะ ไปเอามาจากไหน"

"เอ่อ เมื่อกี้ ข้าก็หยิบส่งเดช ดึงมาดูเล่นน่ะครับ"

" นกกระเรียนสองตัวบนต้นไม้ แล้วภาพนี้คืออะไร มีภาพพื้นๆ แบบนี้เก็บอยู่ในห้องด้วยหรือ เชอะ ไว้วันหลังค่อยดูเถอะ ที่ให้เขียนน่ะเขียนหมดหรือยัง"

"หา อ้อ เขียนหมดแล้วครับ"

"งั้นเราไปหาลูกชายอาจารย์ข้าแล้วค่อยว่าเถอะ"

พอไปถึงลูกชายของอาจารย์ก็บอกว่าได้เผาภาพของพ่อเขาไปหมดแล้ว

"ถ้าอย่างงั้น ภาพที่เขาเขียนสมัยยังมีชีวิตเห็นว่ามีมากมาย จะไม่เหลือซักภาพ" ซินยุนบกถาม"

"เวลาท่านพ่อเขียนรูป จะไม่ให้ใครเข้าไปวุ่นวาย ข้าเลยไม่รู้ว่าเขาเคยเขียนภาพอะไรและไม่อยากสนใจด้วย"

"พูดอะไรอย่างงั้นน่ะ ผลงานชั่วชีวิตของอาจารย์จะเผาทิ้งง่ายๆ ได้ยังไง รู้มั้ยว่าตัวเองทำอะไรลงไปน่ะ" คิมฮงโดโมโหมาก

" ข้าก็รู้ แต่ว่า เพราะเห็นท่านเป็นศิษย์ของพ่อข้าถึงเปิดประตูให้หรอกนะ เป็นคนอื่นจะไม่ต้อนรับด้วยซ้ำ เด็กๆ สองคนนี้จะกลับแล้ว ช่วยส่งแขกที"

"ว่าไงนะ ผลงานของจิตรกรเอก ทำไมปล่อยให้ลูกชายมาย่ำยีขนาดนี้"

"เชิญกลับไปซะดีกว่า อย่ามาหาเรื่องแถวนี้เลย ปิดประตู"

"เจ้านี่ใครๆ ก็ว่าเกเรตั้งแต่เด็ก โตขึ้นยังไม่รุ้จักรักดี พูดแล้วอยากจะตั๊นหน้า ไปเถอะ"

"พวกเขียนรูปก็อย่างงี้ ทำอะไรไม่เคยรู้กาลเทศะ"

ซิ นยุนบกได้ยินเช่นนั้นก็เดือด "พวกเขียนรูปหรือ พูดแบบนี้คือดูถูกพวกเราใช่ไหม ขนาดพ่อท่านเสียชีวิตไปสิบปี หลายคนยังระลึกถึงเขานั่นคือพวกเขียนรูป แล้วท่านเป็นลูกแท้ๆ ไม่ทันไรก็ลืมพ่อตัวเองหมดสิ้นแล้วหรือ ในมุมมองของคนทั่วไป ตราบใดที่ภาพนั้นยังอยู่ ช่างเขียนก็ไม่มีวันตายจากโลกนี้"

"หมดเรื่องพูดแล้วใช่ไหม เชิญไปได้แล้ว เอาเกลือมาหน่อยซิ"

ซินยุนบกรีบเดินตามคิมฮงโดมา

"อาจารย์ครับ อาจารย์ เฮ่ย คุยยังไม่ทันได้เรื่อง ทำไมเดินหนีซะล่ะ"

"ไม่งั้นจะให้ทำไง คุยกับคนพรรค์นี้ถึงชาติหน้าก็ไม่รู้เรื่อง"

" เดี๋ยวก่อนท่าน อย่าเพิ่งไป รอก่อน นี่ ทำไมไม่ได้ยินที่ข้าเรียกล่ะ หา นี่คือ สิ่งที่นายข้าเหลือไว้ จะรอมอบให้ลูกศิษย์" ชายแก่คนหนึ่งวิ่งตามมาหอบ

"นี่มันอะไรอีกล่ะ"

"สมัยก่อนนายข้า รู้นิสัยลูกชายดี เลยฝากซองนี้ไว้ที่ข้า และยังมีคำพูดที่สั่งไว้แบบนี้ เขาบอกว่า เกิดวันไหนเป็นไรไป ให้มอบของในซองนี้ แก่คนๆ หนึ่ง ซึ่งเขาจะมาหาที่บ้าน เฮ่อ และทะเลาะกับลูกชายเขา สองคนคุยกันไม่รู้เรื่อง และเขาก็จะช่วยสืบหาสาเหตุการตายของนายท่าน เฮ่อ ตอนนี้ ถึงข้าตายก็หมดห่วงแล้ว หึ นายท่าน ข้าทำงานให้ท่านเสร็จแล้วนะ โอย เหนื่อย เฮ่ย"

"เอ่อ ขอบคุณมากนะ" คิมฮงโดกล่าว

ซินยุนบกยื่นหน้ามาดู "คืออะไรหรือครับ"

"ทำไมมีแค่นี้เองหรือ"

"เอ่อ อาจารย์ครับ ข้าขอตัวกลับก่อนได้ไหม" ซินยุนบกว่า

"อะไรนะ"

"เอ่อ ขอโทษจริงๆ ไว้พรุ่งนี้ข้าจะมาพบท่านใหม่"

"เดี๋ยว จะไปไหน"

"ขอโทษครับ"

จากนั้นไม่นานคิมฮงโดก็พบว่าซินยุนบกไปทำงานให้คิมโจนึน กลายเป็นช่างเขียนรูปที่เขียนตามคำสั่งเพื่อการค้า

"เรื่องเป็นมายังไง" คิมฮงโดถาม

"ตอนนี้ข้าเป็นช่างเขียนประจำให้ท่านคิมโจนึนแล้ว"

"เขาใช้เงินซื้อตัวเจ้าหรือ"

"เพราะข้ามีความสามารถ ให้เขาตีเป็นเงินได้ต่างหาก"

"ยังจะทำปากดีอีก นิสัยแบบนี้ไปฝึกมาจากไหน แล้วดูแต่งตัวเข้า ไปเปลี่ยนชุดใหม่มาเดี๋ยวนี้"

"ข้าไม่เปลี่ยน ข้าจะอยู่ที่นี่ เขียนรูปอยู่บ้านท่านคิม"

"ทำไมต้องทำแบบนี้ ถูกไล่ออกจากบ้าน กลับไปไม่ได้แล้วหรือ ไต้เท้าอิกแจตัดพ่อตัดลูกกับเจ้าหรือไง"

"ข้าไม่มีที่ไหน จะอยู่ได้อีก"

"ว่าไงนะ เขาตัดขาดกับเจ้าจริงหรือ เป็นพ่อประสาอะไรทิ้งลูกได้ลงคอน่ะ"

" มันเป็นการเลือกของข้าเอง ทุกวันนี้ ข้าไม่สามารถทนอยู่ในบ้านที่มีแต่ร่องรอยของพี่ใหญ่ได้อีก ต่อไปข้าจะพึ่งตัวเอง ใช้ความสามารถเลี้ยงดูปากท้อง ไม่หวังพึ่งศูนย์ศิลปะ หรือแม้แต่การช่วยเหลือของท่านพ่อ ข้าจะทำงานเอง เขียนภาพที่ข้าอยากเขียน"

"เจ้าพูดก็น่าฟัง แต่การไปสุมหัวในที่แบบนั้น เจ้าจะสร้างผลงานอะไรได้ ช่างเขียนที่ถูกลาภยศบังตา ทุกวันนี้มีน้อยอยู่หรอกหรือ"

"ข้า จะไม่หันหลังกลับอีกแล้ว"

ลูกชายของอาจารย์คิมฮงโดได้ไปบอกขุนนางกับเสนาขวาเรื่องที่คิมฮงโดกับซินยุนบกไปขอดูภาพที่บ้าน ทำให้ขุนนางกับเสนาขวาแปลกใจ

"คิมฮงโด นึกยังไงถึงไปดูภาพที่บ้านอาจารย์เขาน่ะครับ"

"หรือว่า เขาคิดจะ ฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรหรือเปล่า สิบปีก่อนภาพขององค์ชายซาโตที่คังโซฮังได้เขียนไว้"

"หรือไม่เขาก็อาจจะ คิดแค่ว่า รวบรวมผลงานของอาจารย์ไม่ให้สูญหายหรือเปล่า"

" แล้วทำไมตั้ง 10 ปีไม่ไปหา อยู่ดีๆ เพิ่งจะมารวบรวมเอาตอนนี้ล่ะ ไม่รู้มีสาเหตุเบื้องหลังอะไรหรือเปล่านะนี่ เอางี้ เพื่อความไม่ประมาท เจ้าส่งคนไปดูความเคลื่อนไหวของหมอนี่ไว้ดีกว่า"

"ครับ ข้าจะหาคนที่ไว้ใจได้ คอยดูว่าแต่ละวัน มันไปทำอะไรที่ไหนบ้าง"

ซินยุนบกไปเจอกระดาษเผื่อไผ่จึงซื้อมา คิมฮงโดเห็นก็ดุ

"เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่มาปรึกษาข้า เจ้ากี้เจ้าการทำเองหมายความว่าไง"

"เห็นลายไม้ชัดเลย หู"

"ส่องอะไรนักหนา"

"ข้าตั้งใจซื้อมาให้ท่านน่ะครับ"

"ข้ายังไม่ตาลาย เอาออกไปก่อน"

"ขอดูให้ชัดๆ อีกที ว้าว เห็นลายไม้ชัดแจ๋ว อ้อ อาจารย์ เป็นได้ไหมว่า มีเบาะแสบางอย่าง ซ่อนอยู่ในป่าไผ่น่ะครับ"

"จะบ้าหรือ ป่าไผ่ในโชซอนมีตั้งเป็นร้อยเป็นพันแห่ง คงไม่ใช่เห็นไผ่ปุ๊บก็เจอเบาะแสแผ่หลาอยู่ตรงหน้าซักหน่อย"

"มันก็จริงนะ"

"ว่าแต่ว่า เมื่อคืนใต้เท้าคิมพยองยุนไปที่นั่นทำไม"

"เอ่อ รู้แต่ว่าเขาเป็น เจ้ากรมปกครองที่ถือตัว ว่าฐานะสูงส่ง"

"ก็แสดงว่าพ่อค้านั่นมีการประจบประแจงขุนนางด้วย"

"อ้อ ได้ยินว่าอาจารย์ของท่าน สมัยก่อนเคยเขียนภาพเหมือนให้ใต้เท้าคนนี้ไม่ใช่หรือครับ"

"ข้าก็เคยได้ยิน สมัยก่อนอาจารย์เคยเขียนภาพให้ขุนนางหลายคน เจ้ารู้สึกมีอะไรแปลกหรือเปล่า"

"หมายถึงเรื่องอะไรครับ"

" ฝ่าบาทรับสั่งว่า อาจารย์ข้าถูกปองร้ายขณะเขียนพระรุปของรัชทายาทซาโต ก็แสดงว่าระหว่างที่อาจารย์ข้า กำลังเขียนพระรูปอยู่นั้น ได้เขียนภาพของคนอื่นพร้อมกันไปด้วยช่ไหม"

"อึม ใช่ อาจเป็นอย่างงั้น"

"เจ้ารู้มั้ยใต้เท้าคิมจะมาอีกเมื่อไหร่"

"มาเมื่อไหร่ข้าก็ไม่รู้ แต่ภาพที่เขียนเสร็จ ข้าต้องไปส่งให้เขาดูน่ะครับ"

"งั้นหรือ"

คิมฮงโดจึงไปหาใต้เท้าคิมพยองยุน ใต้เท้าคิมพยองยุนกล่าวว่า

" ภาพงานเลี้ยงเมื่อคืน เท่าที่ดูเขียนได้ละเอียดมาก ลายเส้นอ่อนช้อยงดงาม จัดวางตำแหน่งก็เหมาะสม ปกติถ้าวาดแต่คนอย่างเดียวก็จะดูจืดชืดไปนิด แต่นี่ ยังมีดอกบัวมาช่วยเสริมบรรยากาศ ให้ดูสนุกสนานมากขึ้น สมเป็นงานเลี้ยงของชนชั้นสูง ช่างเป็นผลงานที่เข้าใจสร้างสรรค์ เหนือความคาดหมายจริงๆ เฮ่อๆๆ สมแล้ว ที่เป็นลูกศิษย์ของทังวอน เฮ่อๆๆ อ้อ ว่าแต่ว่า เจ้ามาหาข้า มีธุระอะไรเรอะ"

"อ้อ ข้ามีเรื่องจะถามท่านน่ะครับ"

"เรื่องอะไร"

"เมื่อคืนท่านบอกว่า มีภาพเขียนของอาจารย์ข้าที่เขียนให้ท่านเมื่อ 10 ปีก่อน ข้าเลยอยากทราบรายละเอียดน่ะครับ"

"อ้อ ภาพเมื่อ 10 ปีก่อนน่ะหรือ แล้วยังไง ทำไมถึงอยากรู้"

"ในฐานะลูกศิษย์ ข้าอยากรวบรวมผลงานที่อาจารย์เคยเขียนไว้ ทั้งบทความและภาพเขียนเพื่อจะได้ทำชีวประวัติน่ะครับ"

" อ้อ ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวน่ะนะ สิบปีก่อนน่ะหรือ สิบปีก่อน ตอนนั้น ดูเหมือนจะเป็นเดือน 5 ท่านคังโซฮังมาเขียนภาพเหมือนให้ข้าด้วยความประณีตบรรจง หลังจากนั้นไม่กี่วัน ข้าก็ได้ยินข่าว ว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว"

"แสดงว่าภาพของท่าน อาจเป็นผลงานชิ้นสุดท้าย ที่อาจารย์ข้าทิ้งไว้ก่อนจะเสียชีวิตถูกมั้ยครับ"

"ข้าเองก็เสียดาย ไม่รู้จะทำไงกับภาพนั้นดี จะทำลายหรือก็กระไรอยู่"

"ผลงานของจิตรกรเอก ทำไมท่านคิดจะทำลายซะล่ะครับ"

"นั่นเพราะว่า เบื้องหลังภาพนี้ มีจุดบกพร่องบางอย่างที่ไม่ถูกใจข้า"

"มีจุดบกพร่องหรือ ท่านหมายถึงเรื่องอะไรน่ะครับ"

"เอ่อ ว่าแต่ เจ้านึกยังไง อยู่ดีๆ มาถามข้าเรื่องพวกนี้น่ะ"

"เอ่อ ใต้เท้า ถ้าไงขอข้าดู ภาพเขียนสุดท้ายของอาจารย์ได้ไหมครับ"

"เอ่อ เจ้าอยากดูภาพนั้นน่ะหรือ ทังวอน เจ้าคงรู้กติกาของวงการนี้ใช่ไหม"

"ข้ารู้ครับ"

"หึ งั้นข้าก็ไม่ต้องพูดมากอีก กลับไปเตรียมตัวซะ แล้วค่อยมาอีกทีละกัน"

พอซินยุนบกเห็นก็แปลกใจมากรีบถามคิมฮงโดว่า

"อาจารย์ เขาหมายถึงอะไรน่ะครับ"

"โดยมรรยาทของวงการนี้ ถ้าเราอยากดูภาพที่คนอื่นเก็บไว้ ก็ต้องเอาผลงานที่เท่าเทียมไปแลกเปลี่ยน หรือไม่ก็เขียนภาพให้เขาอีกภาพหนึ่ง"

"ถ้าอย่างงั้น ก็แปลว่าอาจารย์ จะเขียนรูปให้เขางั้นหรือครับ"

" เฮ่ย เทียบกับการเขียนรูป ข้ายิ่งห่วงว่าตาแก่นั่น จะตั้งหัวข้อให้เขียนอะไรที่พิศดารหรือเปล่า ถ้างานออกมาไม่ถูกใจเขาอีก เราก็จะไม่ได้ดูผลงานสุดท้ายของอาจารย์อยู่ดี"

"เอ่อ อาจารย์ครับ ต้องขอโทษอีกแล้ว ข้าต้องขอตัวกลับก่อน"

"กลับไปไหน ร้านเขียนรูปนั่นน่ะหรือ"

"ครับ ถ้าไงรอให้ ถึงคืนนี้ ท่านค่อยมาหาข้าอีกทีละกัน"

"เรื่องอะไร ทำไมข้าต้องไปที่อย่างงั้น"

"ก็ข้าไม่มีสิทธิ์ไปไหนมาไหนตามใจชอบนี่"

"แต่ว่า ข้าแทบไม่อยากไปเฉียดใกล้แถวนั้นด้วยซ้ำ"

"ที่นั่นมีประตูหลังที่ไม่ค่อยมีใครใช้ ถ้าท่านไปเข้าออกทางนั้น รับรองจะไม่มีใครสังเกตเห็น ข้าจะกลับไปรอท่านน่ะครับ แหะ"

คิมฮงโดเรียกไว้แต่ซินยุนบกไม่ฟังเดินไปเลย

ขุนนางรู้ว่าคิมฮงโดกับซินยุนบกไปหาใต้เท้าคิมพยองยุนจึงไปถาม ใต้เท้าคิมพยองยุนว่า

"สมัยก่อน อาจารย์ของทังวอนเคยเขียนภาพเหมือนให้ข้า ข้าเลยจะให้เขาเขียนรูปอีก"

" เฮอะ ช่างเขียนนอกคอกอย่างงั้นจะคู่ควรเขียนภาพให้ท่านได้ไง พักก่อนถึงขนาดฉีกพระรูปด้วยซ้ำ ท่านต้องคิดให้ดี อย่าไปยุ่งด้วย มันจะไม่คุ้มนะครับ"

" หึ เรื่องบางอย่างเมื่อมันจบไปแล้ว เอามาพูดอีกก็รังแต่ยืดยาวเปล่าๆ เรื่องนี้ข้าจัดการเองได้ ท่านไม่ต้องมาสอนหรอก" ใต้เท้าคิมพยองยุนตัดบท

จากนั้นขุนนางก็รีบไปทูลให้พระอัยยิกาทรงทราบ

"ตอนนี้คิมฮงโด กำลังตามหาภาพที่คังโซฮังเขียนไว้เมื่อ 10 ปีก่อนหรือ"

"หม่อมฉันกลัวว่าเบื้องหลัง จะมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า"

"คังโซฮังเป็นคนฉลาด ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง ภาพที่เขาเขียนในตอนนั้นมีแค่ภาพเดียวใช่ไหม"

"เรื่องนี้ ยังต้องสืบอีกทีพะยะค่ะ"

เสนาขวาทูลว่า "ถ้าคิมฮงโด คิดจะตามหาเบาะแสของอาจารย์ในสมัยก่อน ก็แสดงว่า จะเริ่มฟื้นฝอยหาตะเข็บเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีก"

" เราต้องเร่งมือหน่อย ก่อนที่คิมฮงโดจะเจอรูปนั้นเข้า เราต้องทำลายก่อนที่จะไปถึงมือฝ่าบาท และยุติการสืบหาของเขา ไม่ว่าจะด้วยทางไหน อย่าให้ทำอะไรมากกว่านี้"

"หม่อมฉันส่งคนที่ไว้ใจได้ไปดูเขาอยู่แล้ว"

คิมฮงโดไปพบซินยุนบกที่ที่พักของนาง

"นั่งก่อนครับอาจารย์"

"เฮ่ย เขาจัดห้องให้อย่างดีเลยนะ"

" ครับ แต่ข้า รู้สึกไม่คุ้นเท่าไหร่ ถ้าเราสมมุติเล่นๆ เกิดใต้เท้าคิมคนนั้น แค่อยากได้ภาพเขียนจากท่านเลยใช้วิธีนี้ หลอกให้เขียนภาพจะเป็นไปได้หรือเปล่า"

"หึ ข้าดูหน้าตาเขา เหมือนไม่ใช่พูดโกหก ยังไงคงต้องลองดูถึงจะรู้ เฮ่อ แต่ยังไม่รู้ว่า เขาจะให้ข้าเขียนภาพแบบไหน"

"เขียนภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านเหมือนที่เคยถวายให้ฝ่าบาทหรือเปล่า"

"คงไม่หรอก อาจจะให้เขียนภาพธรรมชาติหรือไม่ก็ "ซากุนจา" ก็เป็นได้"

"ภาพซากุนจา หมายถึงต้นสนทิวไผ่อะไรพวกนี้ใช่ไหมครับ"

"เขียนรูปไผ่น่ะหรือ เฮ่อ รูปไผ่หรือ รูปไผ่ๆ"

ซินยุนบกว่า "1 2 3 4 5 5 ปล้อง"

" ภาพเหมือนของใต้เท้าคิมกับการตายของอาจารย์ข้า จะมีอะไรเกี่ยวข้องหรือเปล่า ตรงนี้ที่น่าคิด แถมยังมีรูปไผ่อีก มันจะหมายถึงอะไรได้ เอ หรือว่า ไม่แน่ใต้เท้าคิมอาจให้ข้าเขียนรูปป่าไผ่ จะเป็นไปได้ไหม หึ ไม่หรอก คงไม่ใช่ เฮ่อ เพื่อจะได้ดูภาพของเขา พรุ่งนี้ข้าต้องเขียนภาพที่เขาพอใจให้ได้ เฮ่อ"

ซินยุนบกคิด "จะเกี่ยวกับเลข 5 หรือเปล่า"

เวลาต่อมาทั้งสองก็ไปพบใต้เท้าคิมพยองยุนแต่เช้า

"ใต้เท้า อรุณสวัสดิ์ครับ"

"หือ จะเขียนไหวหรือเปล่า มือเจ้าน่ะ"

"จะไหวมั้ย คงต้องลองเขียนถึงจะรู้ หัวข้อคืออะไรครับ"

ใต้เท้าคิมพยองยุนยิ้ม "หึ เขียนภาพอะไรก็ได้ ที่จะให้เด็กคนนี้หัวเราะออกมา"

คิมฮงโดถาม "แล้วเจ้า ชื่ออะไร"

"หน้าตาช่างเย็นชาได้ใจจริงๆ" ซินยุนบกว่า

"จะทำได้มั้ยล่ะ"

"หึ ไม่ลองก็ไม่รู้"

ซินยุนบกไปพบกับสาวใช้ของบ้านใต้เท้าคิมพยองยุน เพื่อถามว่า

"คุณชายของพวกเจ้า เป็นคนหน้าบึ้งตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ"

" เขาน่ะหรือ หน้าบึ้งตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่า ตอนเด็กเขาตามฮูหยินไปดูการแสดงตลกที่หน้าวัด พอกลับมาก็ป่วยทั้งคู่และฮูหยินก็เสียชีวิตไป ส่วนคุณชายรอดหวุดหวิดน่ะค่ะ"

"อึม ขอบคุณมากนะ"

จบ 14

ซินยุนบก 15

เสนาขวาถามขุนนางเรื่องใต้เท้าคิมพยองยุนว่า

"ภาพของเจ้ากรมปกครอง เขียนออกมายังไงบ้าง"

"เป็นที่รู้กันว่า เจ้าแก่นี่นิสัยขวางโลก ปกติใครเดินผ่านหน้าบ้านยังถูกตะเพิดแทบไม่ทัน"

"นั่นน่ะซี้ เฮ่อๆ ๆ คนแบบนี้จ้างก็ไม่ยอมรับผลงานคนอื่นง่ายๆ"

"เพราะฉะนั้น ท่านน้าหายห่วงได้ ด้วยนิสัยจุกจิกแถมยังชอบหาเรื่อง เจ้าคิมฮงโดเข้าหน้าไม่ติดแน่นอน"

"ถึงอย่างงั้น เราก็ไม่ควรประมาทเกินไป"

"ครับ ถ้าไงใน 2 วันนี้ ข้าจะให้ใต้เท้าชางมาคุยหน่อย"

ใน ที่สุดคิมฮงโดสามารถเขียนรูปได้ถูกใจใต้เท้าคิมพยองยุน เพราะภาพที่คิมฮงโดกับซินยุนบกเขียนทำให้บุตรชายของใต้เท้าคิมพยองยุ นหัวเราะได้

"เฮ่อๆ ๆ เฮ่อๆ ๆ เฮ่อๆ ๆ ข้าได้ยินเสียงบางอย่างจากในภาพนี้ เป็นเสียงดนตรีที่ไม่ได้ยินมานานแล้ว"

ใต้เท้าคิมพยองยุนถึงกับร้องไห้ออกมา "ฮือทังวอน ฮือขอบใจเจ้ามาก ฮือๆ ๆ ขอบใจพวกเจ้าเหลือเกิน ฮือ"

"ครับแหะ"

"บอกหน่อยซิเจ้าทำได้ไง"

" ครับ เมื่อวานตอนมาที่นี่ เผอิญเดินชนกับคุณชายน้อยเข้า แต่เขากลับเฉยๆ ไม่พูดไม่จาซักคำน่ะครับ เมื่อเช้าพอท่านให้หัวข้อมา ข้าว่าจะคุยกับเขาหน่อย แต่เขาก็ไม่มองหน้า ทำให้ข้ายิ่งรู้สึกแปลกใจ"

ซิ นยุนบกเล่าต่อว่า "หลังจากนั้น ข้าถามสาวใช้ 2 คนที่ซักผ้าอยู่ข้างบ่อน้ำ จนรู้มาว่า เพราะแม่ของคุณชายน้อยเสียไป ทำให้เขาไม่มีรอยยิ้ม แต่จริงๆ แล้ว อาจเพราะตอนแม่เสียชีวิต เขาเคยป่วยหนัก ทำให้กลายเป็นใบ้ไม่ยอมพูดจากับใครตั้งแต่นั้นมาน่ะครับ"

ใต้เท้าคิมพยองยุนพยักหน้า "อึม"

"เคยได้ยินว่าเด็กบางคนหลังจากป่วยหนัก จะทำให้สูญเสียการรับฟังไป"

" เราเลยคิดว่าที่เด็กไม่ยิ้ม เพราะไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง บวกกับประสาทในการรับฟังสูญเสียทำให้ไม่อาจสื่อสาร จึงเขียนภาพให้ดู เพื่อเป็นสื่อแทนความรื่นเริงน่ะครับ จุดประสงค์เพื่อหวังว่า เขาจะยังจำเสียงหัวเราะต่างๆ ได้ ตอนไปดูการแสดงตลกกับแม่ที่วัด ก่อนจะล้มป่วยน่ะครับ"

"พวกเจ้าทำดีมาก วันนี้ถือว่า ข้าได้เห็นผลงานชิ้นเยี่ยมของเจ้า จึงขอทำตามกติกา หึเอาภาพนี้ให้เจ้าดูบ้าง"

"ขอบคุณท่านมาก"

"ขอบคุณครับ"

" เชิญเปิดดูได้เป็นไงบ้าง รู้สึกว่าภาพนี้ มีอะไรแปลกๆ ใช่ไหม แม้จะเป็นผลงานของช่างเขียนที่ถนัดภาพเหมือนที่สุด แต่ข้าดูยังไง คนในภาพนี้ก็ไม่มีส่วนคล้ายข้าซักนิดพวกเจ้าไม่รู้สึกแปลกบ้างหรือ"

"ตาของคนในภาพนี้ ดูยังไงก็ไม่เหมือนตาของใต้เท้า" ซินยุนบกว่า

"ไม่เพียงข้าคนเดียว ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะอีก 4 คน พูดกับข้าแบบนี้เหมือนกัน"

"แสดงว่ามีภาพเหมือนแบบนี้ถึง 5 ภาพเชียวหรือครับ"

"ถูกต้อง สมัยก่อนท่านคังโซฮัง เขียนภาพให้สมาชิก 5 คนของสมาคม "ห้าไผ่" แบ่งไปเก็บคนละภาพ ก็คือ 4 คนนี้แหละที่พูดกับข้า"

"ห้าไผ่" คิมฮงโดกับซินยุนบกแปลกใจมาก

พอเสนาขวารู้เรื่องที่ใต้เท้าคิมพยองยุนนำภาพมาให้คิมฮงโดดูก็หัวเสียอย่างมาก

"นี่มันอะไรกัน ทำไมเจ้ากรมปกครองเอารูปให้พวกเขาดู"

"ข้าก็แปลกใจเหมือนกัน คนที่ขวางโลกขนาดนั้น ทำไมกลับอ่อนข้อได้ เฮ่ย"

"ทำไมนะ เพราะอะไร ทำไมต้องดูภาพนั้นให้ได้"

"เห็นทีเราจะอยู่เฉยไม่ได้อีก ถ้าตอนนี้ฝ่าบาท คิดจะรื้อฟื้นเรื่องนั้นขึ้นมาอีกละก้อ พวกเราจะพากันตายหมด"

"นั่นสิครับ ถ้าไงข้าจะสืบว่ามีลับลมคมในอะไรบ้าง" ใต้เท้าชางกล่าว

"เอาเถอะ รีบไปทำงานเร็วเข้า อย่าช้าล่ะ"

"ครับ ข้าจะรีบไป"

คิมฮงโอกับซินยุนบกไปพบนักเลงเพื่อถามความหมายของห้าไผ่

"ฮึ่มความหมายก็คือห้าไผ่ ใช่ไหม ก็คือคนที่เกี่ยวข้องกับวงการศิลปะ 5 คนที่รวมตัวกัน ใช่หรือเปล่า"

"เจ้านี่มัวแต่ร่ายยาวจริง สรุปแล้วหมายถึง 5 คนไหนแน่" คิมฮงโดดุ

นักเลง ดื่มเหล้าพลางตอบ "อึม อึม หึๆ ๆ คนแรกก็คือเจ้ากรมปกครอง"คิมพยองยุน" ที่ไปพบปะพูดคุยมาแล้ว คงรู้ใช่ไหม ส่วนคนที่สอง ก็คือเชื้อพระวงศ์คนสำคัญ ใต้เท้า "พงวอนกุน" ใต้เท้าคนนี้ อึมได้ยินว่าชอบสะสมเกี่ยวกับภาพทิวทัศน์เป็นพิเศษ ส่วนคนที่สามนั้น คือนักวิชาการแถวหน้า อึมเป็นอาจารย์ชื่อว่าท่าน "ยูอึน" ซึ่งท่านยูอึนคนนี้ เป็นที่นับหน้าถือตาก็จริง แต่ก็ชอบศิลปะที่แหวกแนวไม่ซ้ำใคร"

"อะไรคือแหวกแนวไม่ซ้ำใคร"

" ก็ภาพอย่างว่าไงเล่า หือที่ดูแล้วกระชุ่มกระชวยน่ะ ยังมีอีกคน เป็นคนที่สี่ ก็คือท่านอาจารย์ "แฮเมียง" ซึ่งปลดเกษียณจากราชการไปแล้ว ท่านแฮเมียงคนนี้ ดูหน้าตาเขาออกจะคล้ายกับเสือ แต่กลับชอบของสวยๆ งามๆ เช่นภาพดอกไม้ใบหญ้าซะนี่"

เสนาขวารับรู้ก็บอกเล่าให้พรรคพวกฟัง

"ได้ยินว่า พวกเขาดูไป 4 รูปแล้ว เจ้ากรมปกครอง ท่านพงวอน ยูอึน และท่านแฮเมียง"

"ไม่เข้าใจเลย พวกเขาตามดูรูปต่างๆ แล้วมันจะมีความหมายอะไรแน่ท่านก็ไม่รู้สาเหตุเลยหรือ"

ใต้เท้าชางยืนยัน "ครับ รู้แต่ว่าคิมฮงโดกับซินยุนบก ไปขอดูภาพเหมือนของสมาชิก 5 คน แห่งสมาคมห้าไผ่ในสมัยก่อน"

เสนาขวาแปลกใจ "สมาคมห้าไผ่?"

"ใช่ครับ"

"ข้าก็เคยได้ยินสมาคมนี้ เหมือนเกี่ยวข้องกับวงการศิลปะ"

"เมื่อ 10 ปีก่อน มีคน 5 คนที่ร่วมก่อตั้งสมาคมนี้ขึ้นมา"

"5 คนหรือ แสดงว่าเหลือภาพสุดท้ายแล้วสิ"

"แต่ว่า เราเพิ่งจะมาคิดได้ตอนนี้ ไม่สายไปหน่อยหรือ"

"ถึงพวกเขาจะได้ไป 4 รูปก็จริง แต่ภาพสุดท้ายของคนที่ 5 บอกได้เลยว่า พวกเขาจะไม่มีทางได้ไป หึๆๆ พวกท่านวางใจได้"

"แล้วทำไมท่านถึงมั่นใจอย่างงั้น เพราะอะไร"

ใต้เท้าชางบอกว่า ภาพสุดท้ายนั้นอยู่ที่เขาเอง ทุกคนอึ้งไปกัน

"ถ้าอย่างงั้นภาพสุดท้าย พวกเขาก็อย่าหวังได้เลย"

"แน่นอนอยู่แล้ว เฮ่อๆๆ"

คิมฮง โดไปเขียนภาพช่วยใต้เท้าชาง และได้ยินช่างเขียนแก่คุยกันเรื่องของขวัญวันเกิดที่จะหาให้ใต้เท้าชาง คิมฮงโดฟังแล้วจึงถามว่าวันไหนรึ

คิมฮงโดไปทำงานขลุกอยู่ที่ห้องของซินยุนบก พอคิมโจนึนมาเขาก็ต้องหาที่หลบ จนคิมโจนึนกลับไป

"ออกมาได้แล้วครับอาจารย์ เป็นไรหรือเปล่าครับ"

"ที่เจ้ายอมมาอยู่นี่ เป็นเพราะชอนเฮียงใช่ไหม"

"ข้าเอง ก็เพิ่งรู้ตอนมาอยู่ที่นี่แล้วบางครั้ง เรื่องของชะตา มันก็ยากที่เราจะควบคุมได้นะครับ"

คิมโจนึนออกจากห้องของซินยุนบกก็ไปพบกับชอนเฮียง

"เจ้านอนหรือยัง"

"มีธุระอะไรหรือคะ"

"ข้าขอเข้าไปได้ไหม"

"ข้ากำลังเตรียมตัวเพื่อจะเข้านอน ไม่ทราบมีอะไรจะพูดหรือเปล่า"

"หึข้าไปคุยกับซินยุนบกแล้ว อนุญาตให้เขามาเขียนรูปเจ้าได้ทุกเมื่อ เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวล ให้ความร่วมมือกับเขาละกัน"

"ในเมื่อนายท่านเห็นชอบเช่นนี้ ข้าก็จะทำตาม"

"ข้ารู้สึกว่าทุกวันนี้ยังไม่ได้หัวใจเจ้าจริงๆ ก่อนจะได้ความจริงใจจากเจ้า ข้ายังรอได้เสมอ" คิมโจนึกเดินจากไป

"คุณหนูคะ ต่อไปจะได้พบคุณชายบ่อยๆ ดีใจหรือเปล่า"

"ใจข้าก็ช่างแปลกนัก ไม่รู้ว่าดีใจ หรือกลุ้มใจกันแน่"

"แล้วทำไมต้องกลุ้มใจด้วยล่ะคะ"

"เพราะเขามาทำงาน ตามคำสั่งนายท่าน ใช่ว่าสมัครใจเอง แล้วหน้าตาของข้า ก็จะไปอยู่ในงานของเขา ไม่ใช่เขาอยากเขียนเอง หรือข้าอยากให้เขียน แต่เป็นภาพของนายท่าน เพราะฉะนั้น จะให้ข้ารู้สึกดีใจได้ยังไง"

"แต่อย่างน้อย ได้เจอเขาบ้างก็น่าจะพอใจ จริงมั้ยล่ะคะ"

"หึ เฮ่อแต่หัวใจของเขา ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเลย"

0000000000000

เวลาเดียวกันนี้ ซินยุนบกก็บ่นกับคิมฮงโดว่า

"คนสุดท้ายที่เราต้องติดต่อ กลับกลายเป็นใต้เท้าชาง แล้วเราจะได้ภาพมาหรือครับ"

"ยังไงเขาคงไม่ให้เราดูแน่ อ้อแต่พรุ่งนี้เป็นวันเกิดเขาซึ่งจะจัดงานใหญ่ เราน่าจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์นะ"

"ถ้าเขาจัดงานวันเกิด ก็จะมีคนเข้าออกในบ้านตลอดทั้งวัน"

"นี่แหละที่สำคัญ ภาษิตว่าไม่เข้าถ้ำเสือ ไหนจะได้ลูกเสือมาเชยชม ยิ่งมีคนเข้าออกเยอะเราก็จะไม่เป็นที่สังเกต ทำอะไรก็ง่ายขึ้น"

" ถึงงั้นก็เถอะ ต่อให้เราสามารถปะปนกับแขกจนเข้าไปบ้านเขาได้ แต่ภาพสำคัญขนาดนั้น เขาคงซ่อนอยู่ในที่มิดชิด แล้วเราจะหาเจอได้ไงล่ะครับ"

"เราก็ต้องหาจุดไหนที่คิดว่ามิดชิดที่สุด"

"หายังไงครับ"

"เอ่อ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ข้าจะหาวิธีเอง เจ้าไม่ต้องถามมากหรอก เดี๋ยวจะไปเสี่ยงอันตรายซะเปล่า"

"แปลว่าอาจารย์ จะทำงานนี้ด้วยตัวเองหรือครับ"

"ทำไม เจ้าไม่เชื่อมือข้าหรือไง"

"เอ่อ ไม่ใช่ ข้าไม่ได้คิดอย่างงั้น"

" งั้นก็ดีแล้ว อีกอย่าง ข้าเคยบอกหลายครั้งแล้วว่าไม่อยากมาอยู่ในที่แบบนี้ วันหลังเราไปเขียนภาพที่อื่นให้สบายดีกว่า ทำไมต้องให้ข้าหลบๆ ซ่อนๆ"

"หึ ครับ"

ซินยุนบกไปพบชอนเฮียงเพื่อของยืมชุดหญิงสาวมาแต่ง ชอนเฮียงถามว่า

"เป็นงานที่สำคัญมากหรือคะ"

" ถ้าชาติหน้ามีจริง ให้ข้าเกิดเป็นเจ้า และเจ้าเกิดเป็นข้า เข้าใจในสิ่งที่ข้าทำ ก็ขอให้รีบเอาชุดมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ เพราะนี่เป็นงานสำคัญ"

"มังกึม เจ้ารีบไปเอาเสื้อสีแดง และกระโปรงสีเทาของข้ามาเร็ว"

"ค่ะคุณหนู"

"มารบกวนเรื่องแบบนี้ ต้องขอโทษจริงๆ แต่ซักวันหนึ่ง ข้าจะตอบแทนให้เจ้า"

"เมื่อไหร่จะเริ่มเขียนภาพให้ข้าซะที"

"กลับมาเมื่อไหร่ข้าจะเริ่มเขียน ข้าจะบอกว่า ขอบใจเจ้ามาก"

"ข้าชักเบื่อเจ้าแล้วสิ ข้าส่งข่าวให้ท่านแม่รู้แล้ว นางจะพาเจ้าไปรวมกลุ่มด้วย"

"ขอบใจมาก"

"เรียบร้อยแล้ว"

"ท่านดูสวยมากนะคะคุณชาย"

"เป็นไงบ้าง ข้าดูแล้ว เหมือนผู้หญิงหรือเปล่า"

ชอนเฮียงพยักหน้า "อึม"

"ข้าคงต้องไปแล้ว เรื่องวันนี้ ข้าจะไม่ลืมเลย"

"ทำอะไร ต้องระวังไว้หน่อยนะว่าแต่ ข้ารู้สึกแปลกอย่างหนึ่ง ทำไมชุดนี้ ดูเหมาะกับเจ้า มากกว่าใส่ชุดช่างเขียนแบบผู้ชายซะอีก"

"ถือว่าเป็นคำชมละกัน หึ"

ที่บ้านใต้เท้าชาง เหล่าขุนนางพากันมาอวยพรวันเกิด

ขณะที่คิมฮงโดก็ไปซักซ้อมการแสดงกับเหล่านักเลง ด้านซินยุนบกมาพร้อมกับเหล่านางโลม บางคนเข้ามาทักเพราะรู้สึกคุ้นหน้าซินยุนบก

"นี่ทำไมเจ้าดูหน้าคุ้นๆ มาจากไหนน่ะ"

ซินยุนบกกระแอมนิด "ท่านแม่ไม่ได้บอกพวกเจ้าหรือไง"

"บอกอะไร"

"นางโลมชื่อดังแห่งเปียงยางชื่อ "ซอยี" ถูกเชิญให้มางานนี้โดยเฉพาะ"

พวกบางโลมเข้ามาอวยพรใต้เท้าชาง

"เนื่องในวันเกิดของใต้เท้าชางพยองซู ขอให้ท่านจงมีความสุขนะคะ"

"ขอให้ใต้เท้ามีความสุขค่ะ"

"ดีๆ ขอบใจๆ เฮ่อๆๆ"

ชางยอวอนถูกชะตาซินยุนบกรีบเข้ามาทัก

"เป็นไรหรือเปล่า"

"ไม่เป็นไรค่ะ"

"ทำอะไรน่ะ ขึ้นมาเร็วเข้า"

"เจ้าค่ะ"

ทันใดนั้นใต้เท้าชางก็เรียกให้ซินยุนบกไปนั่งข้างๆ ซินยุนบกจึงขอตัวไปห้องน้ำก่อน

จากนั้นซินยุนบกก็ถามบ่าวว่าจะเดินไปด้านหลังทางไหน พอรู้ทางก็รีบเลี่ยงไปพอดีชางยอวอนมาเห็นเสียก่อน

"แม่นางจะไปไหน"

"รู้สึกเบื่อน่ะค่ะ เลยออกมาเดินเล่น แต่กลับหลงทาง กลับไปไม่ถูกซะแล้ว"

"อ้องั้นหรือ เจ้าชื่ออะไรน่ะ"

"ข้าชื่อซอยีค่ะ"

"ซอยีหรือ ชื่อเหมาะกับหน้าตาเจ้าจริงๆ ข้าชื่อชางยอวอน"

"อ๋อได้ยินว่าใต้เท้าชางพยองซู เป็นหัวหน้าศูนย์ศิลปะ รับผิดชอบการเขียนรูปในวัง เป็นความจริงหรือเปล่าคะ"

"หึ ใช่ ส่วนข้าก็เป็นช่างเขียนรูปที่อายุน้อยที่สุด พูดแล้วจะหาว่าชมตัวเอง ใครๆ ก็บอกว่า ข้ามีพรสวรรค์มากที่สุดในศูนย์ศิลปะ"

"ว้าวน่าทึ่งมากเลยนะคะ ถ้าอย่างงั้นให้ข้าชมผลงานหน่อยได้ไหมคะ"

"หึ เอ่อด้วยความยินดี"

ด้านในใต้เท้าชางถามเสนาขวาว่าเป็นไงบ้าง

"ว่าแต่ ทำไมไม่เห็นคิมฮงโดมาด้วย หมอนี่ชอบทำอะไรแผลงๆ ไม่รู้ว่า ไปก่อเรื่องพิศดารอะไรอีก เฮ่ย"

"เฮ่อๆๆ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ข้าสั่งเด็กไว้แล้ว ถึงมันมาก็ไม่ให้เข้าบ้าน ให้รออยู่ข้างนอกนั่นแหละ"

"ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าเขารู้ว่าภาพเขียนอยู่ที่ท่าน ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เขาก็ต้องเอาให้ได้ เรื่องแบบนี้ วางใจไม่ได้หรอกนะ"

"ข้าก็รู้เหมือนกัน"

"สรุปก็คือทำอะไรอย่าประมาท ข้าว่า ท่านไปดูอีกครั้งให้มันวางใจเถอะ"

"นั่นสิ เจ้าคิมฮงโดยิ่งฉลาดเป็นกรดซะด้วย"

"เอาเถอะ ข้าจะสั่งบ่าวอีกที พ่อบ้าน ไปดูห้องเก็บรูปซิว่ามีใครไปมั้ย"

"ไม่ได้หรอก ข้าว่าท่านควรจะไปเอง"

"หากลัวซะจริง เอ่อ เฮ่อๆๆ ก็ได้ ข้าไปดูเอง เฮ่อๆ เฮอะเฮ่อๆๆ ยุ่งจริงๆ"

ชางยอวอนพาซินยุนบกไปที่ห้องเก็บภาพ แต่ลูกน้องไม่ยอมให้เข้าอ้างว่าใต้เท้าชางสั่งไว้

"ไม่ได้ก็ช่างเถอะค่ะ เรากลับไปก็ได้"

"เจ้ารอเดี๋ยวก่อน"

"ไม่ได้ก็อย่าฝืนเลยนะคะ อาจเพราะข้าเป็นนางโลมต่ำต้อยเลยไม่คู่ควรจะดู ถ้าไงเรากลับกันดีกว่า"

"บอกให้อยู่เฉยๆ ไง เปิดประตูเดี๋ยวนี้บอกให้เปิดประตูไม่ได้ยินหรือ" ชางยอวอนสั่ง

"ถ้าอย่างงั้น อย่าเข้าไปนานนะครับ"

"ไม่นานหรอก เข้าไปกันเถอะ"

"ข้ามารบกวนทำให้ท่านมีปัญหาหรือเปล่าก็ไม่ทราบ"

"หึ ไม่เป็นไร เชิญเข้าไปได้"

"หึขอบคุณ"

"ไปรอข้างนอกไว้ก่อน" ชางยอวอนสั่งลูกน้องและตามซินยุนบกเข้าไป

"ภาพที่เจ้าเห็นอยู่ เป็นภาพกอไผ่ที่เขียนในสมัยราชวงศ์หมิง ปกติพวกจิตรกรจะนิยมเขียนแนวนี้"

"อ้อภาพกอไผ่หรือคะ ดูแล้วช่างสวยจริงๆ"

"เจ้าชื่อซอยีใช่ไหม"

"ค่ะ เอ่อว่าแต่ว่า ในห้องนี้ ยังมีภาพแบบอื่นมั้ยคะ"

"หึๆ อยากดูภาพประเภทไหนล่ะ"

"คนที่มีตำแหน่งสูง มักนิยมเขียนรูปตัวเองเก็บไว้เป็นที่ระลึก ประเภทเห็นหน้าชัดๆ ดูแล้ว คล้ายกับตัวจริงน่ะค่ะ"

" ภาพเหมือนหรือ หมายถึงภาพเหมือนใช่ไหม ภาพชนิดนี้ จะเขียนตามลักษณะใบหน้าของคน ส่วนใหญ่คนมีฐานะจะนิยมให้ช่างมาเขียนไว้ หึเจ้าอยากดูรูปพวกนี้หรือ"

"หึ เห็นเขาว่าคนที่มียศศักดิ์ ชอบให้จิตรกรชื่อดังเขียนเก็บไว้ แต่ข้าเกิดมายังไม่เคยเห็นซักครั้งน่ะค่ะ"

"หึๆๆ งั้นเจ้ารอข้าเดี๋ยวนะ"

"ค่ะ"

ชางยอวอนนำมาให้ดู ซินยุนบกทำหน้าตาตื่นเต้น

"ว้าว เขียนเหมือนตัวจริงเป๊ะเลยนะคะ เอ่อ"

"เดี๋ยว อ้อ เอามือแตะไม่ได้"

"นึกแล้ว เพราะข้าเป็นนางโลมต่ำต้อย ขนาดจะดูรูปยังไม่ให้แตะเลย"

"เอ่อไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างงั้น"

"งั้นข้าไม่ดูแล้ว"

"เอ่อ อึมอ้า เชิญดูอีก"

"หึ ว่าแต่ แล้วงานที่ท่านวาดล่ะคะ เก็บอยู่ในนี้ด้วยหรือเปล่า"

"อ้อ ผลงานของข้าหรือ อ้อ งานชิ้นแรกที่ข้าสอบเข้าศูนย์ศิลปะ ท่านพ่อยังเก็บไว้อยู่ หึเจ้ารอเดี๋ยว ข้าจะไปหามาให้ดูนะ"

"อึม ดีค่ะ ข้าอยากดูมากเลย"

หลังจากหาภาพเจอ ทั้งคิมฮงโดที่สวมหน้ากากเข้ามาก็ถูกจับได้ เขารีบชวนซินยุนบกหนี ใต้เท้าชางรู้ก็รีบตามไปพบคิมฮงโดทันที

"หึ วันนี้เป็นวันเกิดท่าน นึกยังไงถึงมาห้องทำงานของข้าได้" คิมฮงโดถามนิ่งๆ

"ข้ามีธุระกับเจ้าหน่อย รู้สึกว่าเจ้าจะแปลงร่างได้เก่งนักนะ" คิมฮงโดกระแอมนิด

"เอาภาพของข้าคืนมา ถ้ายอมคืนให้ เรื่องที่เกิดวันนี้ ข้าจะไม่เอาเรื่อง"

"ท่านบอกว่า ภาพอะไรไม่ทราบ"

"เฮอะยังจะทำไขสืออีก อยู่ดีๆ คิดจะดูรูปพวกนั้น เพื่ออะไร"

" ช่างเขียนรูปสนใจภาพเขียนก็ไม่เห็นจะแปลก ไม่แน่ว่าภาพที่ท่านเก็บไว้ อาจช่วยไขปริศนาการตายของอาจารย์ข้า กับเพื่อนข้าที่ชื่อซอจินก็ได้ ท่านกลัวจะเดือดร้อนถึงตัวหรือไง"

"ข้าขอเตือนด้วยความหวังดีหน่อยเถอะ เลิกหาเรื่องใส่ตัวซะที พอแค่นี้จะดีกว่า"

"หึ ขอบคุณสำหรับคำเตือนของท่าน"

"ข้าก็ไม่อยากพูดมากอีก ภาพของข้าอยู่ไหน"

"อย่ามาเสียเวลากับข้าอีกเลย เชิญกลับไปซะดีกว่า"

"เฮ่อๆๆ ฮึ่ม"

"โอ๊ะโอ๊ย"

ช่างเขียนจัดการมือของคิมฮงโดอีก "มือที่ยังเจ็บอยู่ รู้สึกรำคาญมากใช่ไหม"

"หึเฮ่ยโอ๊ะ มือข้างนี้ของข้า ทนทรมานได้ทุกรูปแบบ"

"ปากดีนัก"

คิมฮงโดถูกซ้อมอีก ใต้เท้าชางว่า

"คิดว่าภาพสำคัญกว่า หรือมือสำคัญกว่า"

"เช้งๆๆ เจ้าคือเดรัจฉานประเภทไหนแน่ แพะใช่ไหม"

"หนอยจัดการ"

"โอ๊ะโอย"

ซินยุนบกเห็นก็ทนไม่ไหวปรากฏตัวขึ้น

"เอ่อหยุดเดี๋ยวนี้นะ ฮือทุกคนหยุดก่อน หึอาจารย์ ต้องการภาพเขียนใช่ไหม"

"ยุนบก" คิมฮงโดพยายามจะห้าม

"อะไรกันนี่ เจ้าคือซินยุนบกหรือ" ใต้เท้าชางประหลาดใจมาก

"อยากได้รูปพวกนี้ไม่ใช่หรือ เชิญเอาไปให้หมดเลย"

"ยุนบก"

"นี่คือสิ่งที่ต้องการไม่ใช่หรือ"

"หึๆๆ ไม่น่าเชื่อว่าแต่งเป็นหญิงจะสวยซะด้วย ทังวอน ข้าเพิ่งรู้ว่าทำไมเจ้าถึงห่วงเขานัก ไปได้" ใต้เท้าชางออกไป


จบ 15

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : ไทยรัฐ

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี ละครช่อง3

Related Posts



0 comments:

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal