มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 7
พระราชายูริรับสั่งให้คูชูจับตาดูความเคลื่อนไหวของแฮเมียงทุกฝีก้าว อย่าให้พวกหัวหน้าเผ่ารู้ว่าเขากลับมาเมืองหลวงแล้ว
ขณะที่พระราชาเทซูทรงตรัสถามทังดนว่าทางโกคูรยอยังไม่มีข่าวมาอีกหรือ
"ตอนนี้เราจับเชลยโกคูรยอมาทั้งหมดกี่คนแล้ว"
"300 คนพะยะค่ะ"
"ลากไปตัดหัวให้หมด"
ทังโนอึ้ง ยอนทูลว่า "ฝ่าบาท คนที่ถูกจับมา นอกจากทหารแล้วยังมีราษฎร จะทรงประหารพวกเขาด้วยหรือเพคะ"
"อย่าทำเป็นใจอ่อนนักเลย เราอยู่ในถิ่นของศัตรู พวกเขาก็คือศัตรูหมด"
" ฝ่าบาท ทุกวันนี้มีประมุขแคว้นอื่นๆ ที่เฝ้ามองเราอยู่ โปรดทรงเมตตาซักครั้ง อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์เลยเพคะ แค่ยึดครองโกคูรยอและเผ่าต่างๆ สร้างความผาสุกให้เกิดขึ้น แค่นี้ราษฎรก็ยอมสวามิภักดิ์แล้ว"
"เสียดาย เจ้าไม่น่าเกิดเป็นผู้หญิงเลย ถ้าเป็นผู้ชายก็คงดี ทำตามที่นางบอกก็ได้"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
แชบูพบกับโทจิน เขาเรียก
"องค์ชาย"
โทจินย้อนว่า "จนเดี๋ยวนี้ยังเรียกข้าว่าองค์ชายหรือ นึกว่าในสายตาท่าน เห็นข้าเป็นลูกกบฎซะอีก"
"ยังไม่หายโกรธข้าอีกหรือนี่"
" ตอนข้าอายุ 12 ปี ถูกส่งไปเข้าค่ายนักรบทมิฬ รู้มั้ยว่าหลายปีที่ผ่าน ทำให้ข้าได้เรียนรู้อะไรบ้าง นั่นคือข้าไม่มีความสำคัญใดๆ นอกจากทำตามพระบัญชาของฝ่าบาท ส่วนเรื่องความแค้นส่วนตัวนั้น ไม่มีความหมายแล้ว ข้าจะไม่มีวันขัดพระบัญชา และทำในสิ่งที่ตัวเองพอใจ ส่วนฐานะท่านในตอนนี้ คือขุนนางของฝ่าบาท และเป็นผู้บังคับบัญชาที่ข้าควรให้ความเคารพ"
"เฮ่อๆๆ เจ้าพูดถึงขนาดนี้ ทำให้ข้าโต้เถียงไม่ออก" แชบูสั่งลูกน้อง "จับตาดูหมอนี่ให้ดี"
"ทุกวันนี้มันไม่มียศศักดิ์แล้ว ยังจะกลัวอะไรอีกครับ"
"ถ้าไม่ยอมสวามิภักดิ์ให้ข้า มันก็อยู่ไม่ได้"
พระ เจ้าเทโซทรงแห่งแคว้นพูยอทรงยกทัพโจมตีแคว้นโกคูรยอ ทำให้ชาวแคว้นโกคูรยอต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แทชองรีบนำความขึ้นทูลพระราชายูริ
"อ๋องเทโซ เริ่มทำการสังหารชาวบ้านและทหารที่ถูกจับเป็นจำนวนมากพะยะค่ะ แม่น้ำอัมนก กลายเป็นสีแดงฉานเพราะเปื้อนเลือดของผู้คน"
"หึ ท่านคูชู"
"พะยะค่ะ"
"ข้าจะนำทัพด้วยตัวเอง ไปสู้ศึกที่เมือง "พยองชอง" บอกพวกหัวหน้าเผ่าให้รู้ด้วย"
คูชูอึกอักไม่อยากทำตามพระประสงค์ เขารีบไปทูลองค์ชายแฮเมียง
"ท่านบอกว่าไงนะ ฝ่าบาทจะออกศึกจริงหรือ"
"เป็นเพราะฝ่าบาท ทรงตัดสินพระทัยไม่ทำตามข้อเรียกร้องของอ๋องเทโซ จึงจำเป็นต้องออกศึก เห็นทีคงหลีกเลี่ยงสงครามไม่ได้แล้ว"
"ท่านคูชู ทุกอย่างข้าจะรับผิดชอบเอง แต่ท่านช่วยยับยั้งฝ่าบาทได้ไหม"
"ทรงตัดสินพระทัยแล้ว ใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้"
ซังกาเข้าเฝ้าพระราชายูริ และทูลถามว่า
"ได้ยินว่าฝ่าบาทจะนำทัพด้วยองค์เองจริงหรือพะยะค่ะ"
"ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมข้าอีก"
"ฝ่าบาททรงคิดยังไงแน่ รู้อยู่ว่าแทบไม่มีหวังชนะได้เลย"
"ตอนนี้ที่เมือง "พยองชอง" มีทหารและชาวบ้านถูกทยอยสังหารไม่เว้นแต่ละวัน แล้วจะให้ข้านิ่งเฉยได้ยังไง"
"มีวิธีระงับเหตุการณ์ไม่ให้บานปลายไม่ใช่หรือพะยะค่ะ ขอเพียงองค์ชายแฮเมียงออกมารับผิดชอบในสิ่งที่เกิด ไฟสงคราม ก็จะมอดลงทันที"
"ท่านซังกา จะเอาลูกข้าเป็นเครื่องสังเวยอีกครั้งแล้วใช่ไหม"
"ฝ่าบาท ถือว่าหม่อมฉันขอร้องซักครั้ง รับปากเงื่อนไขของอ๋องเทโซ ปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ไว้บ้างเถอะ"
"ข้าก็อยากขอร้องท่านเหมือนกัน ไปพูดกับพวกหัวหน้าเผ่า ส่งทหารมาช่วยข้า"
"นี่แปลว่า เพื่อเห็นแก่องค์ชาย ฝ่าบาทจะเอาชีวิตราษฎรเข้าแลกหรือพะยะค่ะ"
" ท่านซังกา ถ้าทุกเผ่ายอมสนับสนุนข้า เราก็มีหวังชนะ อีกแค่เดือนเดียวจะเข้าสู่หน้าหนาว มีพายุหิมะลงมาอย่างหนัก ต่อให้ทหารพูยอเก่งกาจแค่ไหน ก็ต้านความโหดร้ายของธรรมชาติไม่ได้หรอกนะ"
"ทหารพูยอมาถึงเมืองพยองชองแล้ว เราจะเอาอะไรไปต้านพวกเขาได้"
"ข้าถึงจะไปเอง บอกว่าข้าจะไปเองไม่ได้ยินหรือ"
พักโซไปสืบข่าวองค์ชายแฮเมียงมาให้ มูยุลเห็นก็รีบถามว่ายังไง
"องค์ชายเก็บตัวอยู่ในวัง"
"แล้ว เราจะทำไงต่อดี" มาโนถามต่อ
พัก โซบอกว่า "ขนาดฝ่าบาทยังจนปัญญา ถูกพวกหัวหน้าเผ่ากดดัน ส่วนทหารพูยอก็มีท่าทีจะบุกเข้าเมืองหลวงอีก นอกจากส่งตัวองค์ชายออกไปแล้ว"
"หึ รู้อยู่ว่าไปตาย หึ ใครจะให้ลูกตัวเองไปได้"
"นี่ๆ ใจเย็นก่อนน่า อย่าทะเลาะกันได้ไหม"
มูยุลไปปรึกษากับเฮยาและแม่ทัพขององค์ชายแฮเมียง
แม่ ทัพกล่าวว่า "สภาพการณ์ตอนนี้ ถ้าเราเข้าเมืองหลวงก็เท่ากับไปตาย ถึงทำอย่างเจ้าว่า แอบไปพบองค์ชายในวัง ก็ไม่รู้จะยอมไปกับพวกเราหรือเปล่า เมื่อทรงเลือกที่จะกลับไป คงไม่มีทางออกมาอยู่กับพวกเราอีก"
"นั่นเป็นสิ่งที่ตัดสินพระทัยเอง แต่ข้ายอมไม่ได้ ที่จะให้องค์ชายไปตาย" มูยุลว่า
เฮยาเห็นด้วย "มูยุลพูดถูกแล้ว ต่อให้แลกด้วยชีวิต เราก็ต้องช่วยองค์ชายไว้"
"ท่านแม่ทัพ ข้ามาโนครับ"
องค์หญิงเซยูเข้ามา "หึ เจ้าพี่ไม่ยอมให้ข้าเข้าพบ แต่ไม่ว่าเราจะใช้วิธีไหน ก็ต้องช่วยเขาออกมาให้ได้"
องค์ หญิงเซยูและมูยุลตัดสินใจบุกเข้าไปสู้กับทหาร เพื่อพาตัวองค์ชายแฮเมียงออกมา แต่ทหารบอกว่าองค์ชายแฮเมียง เดินทางไปค่ายทหารพูยอแล้ว
คูชูเข้ามาทูลพระราชายูริว่า "ฝ่าบาท ได้ยินว่าองค์ชาย เสด็จไปค่ายทหารของพูยอพะยะค่ะ"
องค์ชายแฮเมียงทรงระลึกถึงพระราชายูริว่า
" เสด็จพ่อ ต่อให้เอาเลือดในตัวหม่อมฉัน ทาทั่วแผ่นดินนี้ เพื่อตอบแทนบุญคุณบ้านเกิด หม่อมฉัน ก็จะไม่ทิ้งโกคูรยอ และขออยู่เคียงข้างเสด็จพ่อ"
พระราชายูริทรงมีรับสั่งว่า "สั่งปิดทางสัญจรทุกด้าน ยังไงก็ต้องขวางองค์ชายไว้ ไม่ให้ไปไหน"
"พะยะค่ะ"
องค์ชายแฮเมียงเสด็จมาเมืองโชบุน แพกึยรีบออกมาพบ
"องค์ชาย"
"ข้าจะไปค่ายทหารพูยอ ช่วยเปิดทางหน่อย ไม่ได้ยินที่สั่งหรือไง ข้าไปค่ายทหารพูยอ ไม่ได้สมใจท่านหรอกหรือ"
"ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้"
"บอกให้เปิดทางเร็วๆ"
"ถ้าอย่างงั้น ให้หม่อมฉัน ร่วมทางไปกับองค์ชายด้วย"
แล้วแพกึยก็สั่งผู้ช่วยว่า "อาจมีคนขององค์ชายตามหลังมาอีก ถ้าใครจะมาช่วยละก้อ สังหารให้หมด เข้าใจมั้ย"
พักโซกับมูยุลตามมาและเห็นองค์ชายแฮเมียงอยู่กับเจ้าเมืองโชบุน มูยุลตัดสินใจบุกเข้าไปแต่ถูกธนูของทหารจนสลบไป
ที่ค่ายทหารของแคว้นพูยอ แชบูเข้ามาทูลพระราชาเทโซ
"ฝ่าบาท องค์ชายแฮเมียงมาแล้วพะยะค่ะ"
"ยูริพาเขามาใช่ไหม"
"มาพร้อมกับเจ้าเมืองโชบุน"
"หา งั้นหรือ"
พระราชาเทโซเสด็จออกมาพบกับองค์ชายแฮเมียง
" ถือว่าข้าคาดการณ์ผิดไปนิด นึกว่ายูริ จะไม่มีวันส่งตัวเจ้ามาให้ข้าแน่ ต่อให้เอาชีวิตเข้าแลก เขาก็จะไม่ส่งเจ้ามา ถ้ายอมสวามิภักดิ์ต่อแคว้นพูยอของเรา ข้าจะยอมไว้ชีวิตเด็กที่น่าสงสารอย่างเจ้า"
"หม่อมฉันไม่น่าสงสารหรอก แต่เป็นฝ่าบาทต่างหาก"
"เฮ่อๆๆ ข้าน่ะหรือน่าสงสาร"
" ถ้าฝ่าบาททรงมีลูก รู้จักคำว่าความผูกพันทางสายเลือด ก็จะรู้ว่า ถึงหม่อมฉันตายก็จะไม่มีวันตำหนิเสด็จพ่อ แต่ว่า ฝ่าบาทไม่ทรงรู้ว่าอะไรคือพ่อลูก ถึงได้คาดการณ์ผิด หม่อมฉันถึงบอกว่าน่าสงสารนัก เฮ่อๆๆ"
แชบูแค้น "เจ้ากล้าสามหาวต่อฝ่าบาทเชียวหรือ"
พระ ราชาเทโซเองก็ทรงเจ็บใจ "คำพูดเจ้า ถือว่าแทงใจดำข้าจริงๆ ใช่ ชั่วชีวิตข้าไม่มีลูกสืบสกุลซักคน ย่อมไม่รู้ว่าสายสัมพันธ์พ่อลูกมันเป็นยังไง แต่ว่าถ้าข้าเป็นพ่อเจ้า จะไม่เอาลูกเป็นเกราะกำบังเพื่อให้ตัวเองได้อยู่รอด ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ถ้าหากยอมลั่นวาจาสวามิภักดิ์ต่อแคว้นพูยอของเรา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า และยังให้เจ้าเป็นพระราชาแห่งโกคูรยอ"
"ถ้าจะลบหลู่เสด็จพ่อหม่อมฉันอีก ก็สู้ฆ่าหม่อมฉันซะดีกว่า ทรงประกาศว่าถ้าหม่อมฉันตาย จะยอมถอนทัพ งั้นคงรู้ว่าลูกผู้ชายต้องมีสัจจะ เมื่อพูดแล้วจะต้องทำได้"
"สิ่งที่ข้าได้จากการทำสงครามมาตลอดชั่วชีวิต จะถือว่าการตายของเจ้าคือรางวัลที่มีค่าที่สุด แม่ทัพแชบู"
"พะยะค่ะ"
"มอบอาวุธให้องค์ชายแฮเมียง ข้าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ถ้าเจ้ายอมตายต่อหน้าข้า จะถอนทัพทันที"
พระราชายูริเสด็จเข้ามา "หยุดก่อน หลีกไป บอกให้หลีก"
" ช่างโง่ซะจริงๆ ข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้วใช่ไหม และบอกว่าไงบ้าง ถ้าไม่รู้จักสอนลูกให้ดี จะให้เขาตายต่อหน้าเจ้าให้ดู ข้า เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นไม่เคยบิดพลิ้ว ดูให้ดีละกัน ยังรออะไรอีก ก่อนที่ข้าจะลงมือ เจ้าสู้จัดการตัวเองดีกว่า"
"อย่านะ หึ อย่าทำอย่างงั้นแฮเมียง" พระราชายูริร้องลั่น
องค์ชายแฮเมียงทรงแทงตัวเอง คูชูกับแทชองร้องลั่น "องค์ชาย"
"แฮเมียงๆๆ หึ แฮเมียง"
"เสด็จพ่อๆ"
"ข้า บอกว่าจะปกป้องเจ้าไง"
"โปรด อภัยให้หม่อมฉันด้วย โอ๊ะ"
"แฮเมียง"
"องค์ชายๆ"
"แฮเมียง"
พระราชายูริและคูชู แทชองพากันร้องไห้เสียใจที่องค์ชายแฮเมียงจากไปแล้ว
เฮยาร้องไห้ร้องเรียก "มูยุล" จนมูยุลรู้สึกตัว แต่ก็คงบาดเจ็บอยู่มาก
"รู้สึกเป็นไงบ้าง"
"หึ โอ๊ะ โอย" มูยุลหอบ
"ถ้าไม่ได้นกหวีดอันนี้ ลูกธนูคงเข้าสู่หัวใจเจ้าแล้ว" มาโนว่า
"หึ แล้ว องค์ชายล่ะ หึ องค์ชายทรงเป็นไงบ้าง"
มาโนสะอื้น "เฮ่อ องค์ชายทรง ฮือ องค์ชาย ไปปลิดชีพต่อหน้าอ๋องเทโซ หึ ให้ทหารพูยอถอนทัพไป"
เฮยากับมาโนพากันร้องไห้
" ท่านแม่ทัพ เป็นความจริงหรือครับ องค์ชายทรงทำอะไรผิดไป ฮือ สังหารประมุขของศัตรู เป็นความผิดด้วยหรือ หัวหน้า พูดอะไรหน่อยสิครับ คนเป็นพ่อ ทำไมยอมให้ลูกตัวเองไปตาย ข้าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ไม่เห็นเข้าใจเลย เกิดเป็นพ่อลูกแท้ๆ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ"
เฮยาฟังแล้วยิ่งร้องไห้หนักขึ้นอีก
" ท่านพูดอะไรหน่อยสิครับ หึ คนที่ฆ่าองค์ชาย ไม่ใช่แคว้นพูยอ แต่เป็นโกคูรยอ และคนที่ฆ่าองค์ชาย ไม่ใช่อ๋องเทโซ แต่เป็นพระราชายูริ หึ ข้าต้องแก้แค้นให้ได้ เรียกร้องความเป็นธรรมให้องค์ชาย"
พระมเหสีมียูเห็นหน้าองค์ชายยอจินก็ทรงเรียกอย่างปลื้มปิติยิ่งนัก
"มาแล้วหรือจ๊ะ ลูกรัก รัชทายาทของแม่ หึๆๆ"
องค์ชายยอจินตกใจ "เสด็จแม่"
"แค่เรียกรัชทายาท ทำไมต้องทำหน้าตกใจ"
"ตอนนี้ฝ่าบาท ยังอยู่กับเจ้าพี่ในห้องเซ่นไหว้ แล้วเสด็จแม่ กลับมาเรียกรัชทายาท หมายถึงใครงั้นหรือ"
" รู้มั้ยว่าแม่รอวันนี้มานานแค่ไหน แต่ไหนแต่ไรความหวังของแม่ มีอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือให้เจ้าเป็นรัชทายาท เป็นผู้ครองแผ่นดินโกคูรยอ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ แม่สามารถทำได้ทุกอย่าง ตอนนี้แฮเมียงได้ตายไปแล้ว ความหวังของแม่ก็ใกล้จะเป็นจริง"
"หม่อมฉัน ไม่คู่ควรเป็นรัชทายาท และยิ่งไม่คู่ควรเป็นพระราชา"
"เลิกพูดโง่ๆ ซะที ใครว่าเจ้าไม่คู่ควร ไม่มีความสามารถตรงไหน ต่อให้เป็นอย่างงั้น แม่ก็จะช่วยเจ้าเอง ขอแค่เชื่อฟังก็พอแล้ว"
เฮยาขอคุยกับแม่ทัพ เพื่อจะคุยเรื่องของมูยุล
แม่ทัพอึ้ง "เจ้าก็รู้เรื่องนี้หรือ"
"ใช่ ก่อนหน้านี้องค์ชาย ได้บอกให้ข้ารู้ ตอนนี้ เราจะเปิดเผยฐานะของมูยุล ให้ทุกคนรู้ดีมั้ย"
"มันไม่ใช่ว่าแค่เปิดเผย ก็จะคืนฐานะองค์ชายให้เขาได้ นี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะ"
"เห็นเขาโกรธแค้นฝ่าบาทนัก ข้ากลัวเขาจะทำอะไรวู่วาม"
"การปกป้ององค์ชายองค์นี้ เป็นหน้าที่ที่เราต้องตระหนักให้มาก แต่ตอนนี้ต้องออกจากเมืองหลวงก่อน" แม่ทัพกล่าว
มาวังมาพบซังกาเพื่อทวงสัญญา ซังกาถามว่าสัญญาอะไร
"ท่านลืมแล้วหรือนี่ บอกว่าถ้าได้ตัวองค์ชายแฮเมียงก็จะช่วยข้าสร้างฐานะใหม่ไงครับ"
"หมายความว่า เจ้าเป็นคนจับองค์ชายแฮเมียงงั้นหรือ"
"หึ ถึงจะไม่ได้จับด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ต่างกับข้าไปจับ เพราะข้าเป็นคนช่วยให้องค์ชายได้กลับเมืองหลวง"
"หึ หึๆๆ ฟังดูเหมือนมีผลงานใหญ่มาก เอาเถอะ ข้าจะทำตามสัญญา ให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ"
แพกึยกล่าวขึ้นว่า "แต่ก่อนจะให้ ท่านมีงานต้องทำอีก ตอนนี้เหตุการณ์ยังไม่สงบ มีบางอย่างต้องให้ท่านไปจัดการ"
"อะไรหรือครับ"
แพกึยบอกว่า "ตามหาคนสนิทของแฮเมียง เจอพวกเขาแล้วกำจัดให้หมด ท่านถึงจะได้สมหวัง"
มาวังถอนใจ "เฮ่อ"
00000000000000000
เคยูหน้าตาตื่นมาบอกแม่ทัพว่าแพกึยกำลังมาที่นี่ ส่วนพักโซก็วิ่งมาบอกมูยุลเช่นกัน
"มาทำไม จะจับพวกเราหรือ" มาโนถาม
"ดูเหมือนจะไม่ใช่ กำลังคุยกับท่านแม่ทัพอยู่ หึ"
"โอ๊ะ โอย มาโน ช่วยพยุงข้าหน่อย หึ"
"แม้ว่าองค์ชายแฮเมียงจะสิ้นพระชนม์ไปแล้วก็จริง แต่ฝ่าบาท ยังจะทรงไต่สวนพวกเจ้าอีก"
"ท่านแม่ทัพ หึ อย่าไปกับพวกเขาน่ะครับ เห็นรอยแผลนี่มั้ย เป็นเลือดของข้ากับองค์ชายแฮเมียง"
เฮยาตกใจ "มูยุล"
" เป็นเลือดที่เราร่วมฟันฝ่า ต่อสู้เพื่อปกป้องโกคูรยอ แล้วฝ่าบาททรงทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะกับองค์ชาย ที่ยอมสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดิน กลับไปทูลฝ่าบาทให้รู้ ว่านับแต่นี้ เราจะทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นให้องค์ชาย"
"ถอยไป"
"ท่านแม่ทัพ"
"ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี แต่เราจำเป็น ต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทซักครั้ง ข้ารู้แล้ว จะตามท่านเข้าวังเอง"
แพกึยกล่าวว่า "ถึงเวลาที่จะให้รู้พระประสงค์ที่แท้จริงแล้ว"
"พูดแบบนี้หมายความว่าไง โอ๊ะ"
แพ กึยกับทหารคิดจะฆ่าพวกแม่ทัพและมูยุล จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น แม่ทัพตาย เฮยาสั่งให้มาโนพามูยุลหนีไป ส่วนทางนี้นางจะจัดการเอง มูยุลจะไม่ยอมไป เฮยาได้รับบาดเจ็บและร้องสั่งให้มูยุลหนี มูยุลจำต้องหนี แพกึยสั่งทหารให้ตามไปทันที
มาโนพามูยุลหนีมาได้สักระยะ มูยุลก็หอบอย่างมาก
"ข้าขอสาบานต่อฟ้า หึ จะฆ่าพระราชายูริ หึ เพื่อแก้แค้นให้องค์ชาย หึ" มูยุลหอบ
"มูยุล ไปต่อเร็ว ฮือ" มาโนร้องเตือน "ไปเถอะ ลุกขึ้น มา ไม่เป็นไรนะ หา"
พวกทหารตามมา มาโนรีบพามูยุลหนี แต่จู่ๆ พวกทหารตายหมด มาโนตกใจ เขาถูกจับตัวพร้อมมูยุล
ด้านทังโนทูลรายงานพระราชาเทโซว่า
"ฝ่าบาท เจ้าเมืองฮวางยงพลาดพลั้ง ถูกกลุ่มกบฎรุมล้อม จนทหารใกล้จะรับมือไม่ไหวแล้วพะยะค่ะ"
"หลายปีนี้ข้าทุ่มเทแรงใจ วางรากฐานในเมืองฮวางยงตั้งเท่าไหร่ แล้วทำไม แค่กลุ่มกบฎยังไม่มีปัญญาปราบให้หมด มีอย่างที่ไหนกันไ
แช บูทูลต่อ "ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่กลุ่มโจรกระจอกนะพะยะค่ะ พวกเขามีกำลังกล้าแข็งพอจะต่อกรกับแคว้นพูยอด้วยซ้ำ แถมยังมีผู้สนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะชาวบ้าน"
"แม้จะมีชาวบ้านให้การสนับสนุน เราก็ปล่อยให้พวกกบฎมาเหิมเกริมไม่ได้ ท่านอำมาตย์"
"พะยะค่ะ"
"ทำไมทหารของเรา ถึงปราบกบฏพวกนี้ไม่ได้ซะที"
" อาจเป็นเพราะ มีคนให้การสนับสนุนด้านยุทธปัจจัย ทำให้พวกมันนับวันจะยิ่งกล้าแข็ง ฝ่าบาท โปรดให้เวลาหม่อมฉันซักนิด หม่อมฉันจะสืบให้รู้ว่าใครหนุนหลังพวกเขาอยู่"
เวลานั้นมาวังก็เข้าเฝ้าพระราชายูริ และมอบหนังสือให้
" หนังสือจากหัวหน้ากลุ่มกบฏพะยะค่ะ ตอนนี้พวกเขายึดเมืองหลวงได้แล้ว อีกไม่นานจะเข้าถึงวังหลวง เมื่อทุกฝ่ายเตรียมพร้อม หึ ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นไปตามแผน อีกไม่นาน พวกมันต้องเข้าตีเมืองพูยอแน่"
"ท่านยังต้องเหนื่อยอีกพักใหญ่นะ"
"เชิญรับสั่งมาได้"
"พวกเขาคงต้องการ เสบียงและม้าอีกหลายตัว ท่านช่วยไปจัดหาให้หน่อย ส่งให้ถึงเมืองฮวางยงเลย"
"ขอเพียงได้เงิน หม่อมฉันไม่กลัวแม้กระทั่งเข้าถ้ำเสือ ถ้าฝ่าบาททรงรักษาสัญญา หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้"
00000000000
พระราชาเทโซทรงตรัสถามทังโนว่า
"รู้หรือยังว่าใครอยู่เบื้องหลัง"
"รู้แล้วพะยะค่ะ"
"พวกไหนกัน"
"โกคูรยอ พระราชายูริ ที่น่าห่วงกว่านั้นก็คือ เขาส่งทูตไปเมือง "ชิลลา" แถมยังเจริญสัมพันธไมตรีกับพวกเขาด้วย"
"งั้นข้าจะรีบไป โกคูรยอเดี๋ยวนี้ เพื่อถามยูริให้รู้"
"ฝ่าบาท ตอนนี้ยังไม่ควรเคลื่อนย้ายทหาร สาเหตุที่โกคูรยอผูกมิตรกับแคว้นชิลลาเพื่ออะไร ก็เพื่ออาศัยกำลังของพวกเขามาเล่นงานเรา"
"ท่านอำมาตย์"
"พะยะค่ะ"
"ท่านรีบไปที่ค่ายฝึกนักรบทมิฬ บอกพวกเขา ให้ส่งนักรบทมิฬ ไปสังหารยูริ"
"พะยะค่ะ ฝ่าบาท"
มู ยุลโดนทดลองยาพิษแต่เขาก็รอดมาได้หลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายเขาหยุดหายใจ นักรบจะพาออกไป แต่มาโนร้องบอกว่ามูยุลยังหายใจอยู่ ยอนได้ยินจึงเข้ามาตรวจเอง
"เขายังไม่ตาย พาไปห้องพยาบาลเร็วเข้า"
เมื่อมาที่ห้องพยาบาล ยอนถามสาวใช้ว่า
"พวกเขาให้กินยาพิษอะไร"
"ไม่ได้กินค่ะ แต่ให้สัมผัส เห็นว่าเป็นพิษจากงู"
ยอนตกใจ "หา เส้นเลือดอุดตัน ทำให้พิษกระจายได้น้อย ไปเอาเชือกมาให้ข้าเร็ว"
โทจินเข้ามา ยอนบอกให้ช่วยจับมูยุลไว้แล้วกดแน่นๆ มูยุลเจ็บปวดอย่างมาก เมื่อจัดการมูยุลเรียบร้อย ยอนถามโทจินว่า
"นี่คืออะไร"
"น้ำผึ้งที่ได้จากในป่า"
"หึ ของแบบนี้ หึ ขอบคุณมากนะพี่โทจิน มันมีประโยชน์มาก สำหรับการช่วยฟื้นฟูกำลัง"
"ถึงข้าจะรู้นิสัยเจ้ามานาน แต่อยากบอกว่ากับพวกทาส ไม่ต้องใส่ใจขนาดนี้ก็ได้"
"หึ การใช้คนเป็น สำหรับทดลองยาต่างๆ ข้าว่ามันโหดไป"
" เจ้าคิดว่าโหดหรือ แต่สำหรับข้า การช่วยชีวิตทาสคนหนึ่ง ยิ่งโหดร้ายมากกว่า ถึงเจ้าช่วยให้เขารอดตาย ก็ต้องถูกจับกลับไปอีก และสิ่งที่รอเขาอยู่ ก็คือความทรมานอยู่ดี"
มูยุลฝันถึงองค์ชายแฮเมียงและเฮยา เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบยอน ยอนถามเขาว่า
"เจ้า ยังจำข้าได้ไหม" มูยุลหอบลุกขึ้น "เอ่อ พิษในตัวเจ้ายังมีอยู่นะ"
มูยุลเจ็บปวด สาวใช้เข้ามาบอกยอนว่า "คุณหนู ท่านอำมาตย์บอกว่าอยากพบค่ะ"
หัวหน้ากล่าวกับทังโนถึงเรื่องมูยุลว่า
"ต่อให้แข็งแรงล่ำสันยังไง น้อยคนจะทนรับยาพิษถึงสองครั้งได้ คนๆ นี้ถือว่าเข้มแข็งมาก"
"ถ้าเป็นชาวโกคูรยอ อาจเป็นสายลับที่ถูกส่งมาหาข่าวก็ได้"
"ปกติทาสที่ถูกจับมาจะอยู่ได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น หวังจะกลับไปส่งข่าวอีก คงเป็นไปไม่ได้หรอกครับ"
"ท่านพ่อ"
"อึม อาการหนุ่มคนนั้นเป็นไงบ้าง"
"ถือว่าพ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ"
"แปลว่าเขาฟื้นงั้นหรือ"
มูยุลถูกจับมา ทังโนกล่าวกับเขาว่า
"ฮึ่ม เพราะเส้นเลือดอุดตันทำให้รอดชีวิต ถือว่าเจ้าดวงแข็ง แต่วันพรุ่งนี้ เราจะให้เจ้าลองยาอีก หรือก็คือพรุ่งนี้เจ้าต้องตาย"
"หึ ข้าไม่ตายหรอก ยังไงก็ไม่มีวันตาย หึ"
"เพราะอะไรถึงไม่อยากตายตอนนี้"
"เพราะข้า ยังมีงานสำคัญ ต้องทำอีกมาก"
"งานอะไร"
"แก้แค้น ให้ผู้มีพระคุณ"
"ใครเป็นศัตรูของเจ้า พูดมาเดี๋ยวนี้"
"หึ พระราชายูริ"
"เจ้าเป็นชาวโกคูรยอ ทำไมคิดจะแก้แค้นพระราชาตัวเอง"
"เพราะยูริ สังหารคนที่เลี้ยงข้ามา และฆ่าพี่น้องของข้าด้วย เขาไม่ใช่ พระราชาที่ควรเทิดทูน"
"หึ เอาตัวออกไป"
มูยุลออกไปทั้งที่เจ็บปวดมาก ทังโนหันมาถามหัวหน้า
"เห็นเป็นไงบ้าง"
"ท่าทางไม่เหมือนเสแสร้ง"
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน จบ 7
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 8 มูยุลกลับมาหามาโน เขารีบถามว่ามูยุลเป็นไงบ้าง แต่มูยุลกลับหัวเราะ มาโนแปลกใจ
"ยังจะหัวเราะอีก ข้านึกว่าเจ้าตายแล้วจริงๆ"
"เรายังมีงานต้องทำ ใครจะยอมตายง่ายๆ"
"เจ้าไม่เป็นไรแน่นะ"
"อึม ไม่เป็นไร"
มูยุลถามสาวใช้ถึงคุณหนูยอนว่า
"เจ้าบอกว่า คุณหนูคนนั้น เป็นลูกอำมาตย์พูยอหรือ"
สาวใช้ตอบว่า "ใช่ค่ะ ที่สำคัญ ยังเป็นนัดดาคนโปรดของอ๋องเทโซด้วย"
มู ยุลให้มาโนชวนชายที่ถูกกักขังหนีด้วยกัน เพราะรู้ว่าเป็นชาวโกคูรยอ แล้วมูยุลก็แกล้งเจ็บปวดให้มาโนร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนจะพาชายคนนั้นหนีไปด้วยกัน แต่พอหนีมาได้สักระยะชายคนนั้นก็กล่าวว่า
"ข้ามเขาข้างหน้าไปก็จะเข้าเขตโกคูรยอ หึ"
"หึ เราสองคน จะไม่กลับไปโกคูรยอ"
"ทำไมอย่างงั้น เกิดพวกมันตามมา เราจะตายหมด รีบไปเร็วเข้า" ชายคนนั้นว่า
"ขอบคุณที่ช่วยเราออกมา หึ เราแยกกันตรงนี้ ไปเถอะ" มูยุลหันมาชวนมาโน
" เดี๋ยวก่อน จริงๆ แล้ว ข้าคือสายลับที่โกคูรยอส่งมา เพื่อมาสอดแนมที่นี่ ถ้าพวกเจ้ายอมกลับไปพร้อมข้า บอกเล่าเกี่ยวกับการฝึกนักรบทมิฬ ฝ่าบาทต้องมีรางวัลให้แน่ ฉะนั้นไปกับข้าเถอะ จะทำอะไร"
มูยุลกล่าวว่า "หึ พระราชายูริ ไม่ใช่คนที่ข้าเทิดทูน ก่อนที่ข้าจะฆ่าท่าน ขอให้รีบไปซะ หึ"
ชายคนนั้นไม่พอใจ "เจ้ากล้าลบหลู่ฝ่าบาทของเราเชียวหรือ ย้าก"
ชายคนนั้นต่อสู้กับมูยุล มาโนห้ามก็โดนไปด้วย มาโนเห็นว่าชายคนนั้นโดนมูยุลทำก็รีบเข้ามาห้าม
"มูยุล พอแล้ว"
"ไม่ต้องยุ่ง" มูยุลชกต่อ
พวกนักรบตามมาเจอ และจับทั้งสามกลับไป แถมให้กินข้าวอย่างดี แต่มาโนรู้ทัน
"หึ นี่ พวกนี้ เป็นมื้อสุดท้าย ก่อนจะตายใช่ไหม คราวก่อนก็อย่างงี้ บอกว่าจะขุนให้อ้วนก่อนลองยา หึ เฮ้ย มู มูยุล"
"กินเถอะ กินก่อนแล้วค่อยว่า"
มาโนกิน สาวใช้เข้ามาบอกว่า "อิ่มแล้วเชิญเปลี่ยนชุดด้วยนะคะ"
"นี่ แค่เลี้ยงข้าวก็พอแล้ว ทำไม ต้องใส่ชุดแบบนี้อีก พวกเขา จะทำอะไรน่ะ เหมือนไม่ใช่คิดจะฆ่าเรานะ"
ทังโนมองมูยุลกับมาโนใส่ชุดใหม่ และกล่าวว่า
" ชุดใส่พอดีตัวมั้ย นับแต่วันนี้ไป พวกเจ้าจะได้รับการฝึกเป็นนักรบทมิฬ และขั้นตอนการฝึกฝน จะมีความยากลำบาก ถ้าใครไม่สามารถผ่านการฝึกได้ จะถูกจับไปเป็นเหยื่อ ทดลองยาพิษของเราทันที ถ้าไม่อยากตาย ก็ต้องเป็นนักรบ"
ทางด้านองค์หญิงเซยูเข้าเฝ้าพระราชายูริ
"หึ รับสั่งให้หาหรือเพคะ"
"เซยู"
"หม่อมฉันรู้ว่าเสด็จพ่อ ให้หาเรื่องอะไร หม่อมฉันจะทำตามรับสั่งเอง"
"ขอบใจที่รู้ความคิดของพ่อ"
นางในทราบเรื่ององค์หญิงเซยูก็กังวลใจแทน
"จะทรงอภิเษกกับเผ่า "คีซาน" หรือเพคะ ชนเผ่านี้ห่างจากโกคูรยอตั้งไกล แถมยังป่าเถื่อนและล้าหลัง องค์หญิงก็ทรงทราบนี่นา"
"ข้าอยากอยู่เงียบๆ" องค์หญิงเซยูตรัสเรียบๆ
ขณะที่ซังการู้เรื่ององค์หญิงเซยูจากบ่าวคนสนิท
"จริงหรือ ที่จะให้องค์หญิงเซยูแต่งไปเผ่าคีซานน่ะ"
"ใช่ครับ เพื่อจะได้เป็นพันธมิตรกับแคว้น "ชิลลา" ฮวางยงและคีซานตลอดไป"
"อึม นับวันฝ่าบาทจะยิ่งขยายอิทธิพลมากขึ้นซะแล้ว"
แพกึยกล่าวว่า "ถ้าเป็นแบบนี้ เกิดสู้กับพูยอขึ้นมา เราอาจชนะก็ได้"
"แค่ปีเดียวเท่านั้น สามารถผนึกกำลังจนเข้มแข็งพอกับแคว้นพูยอ แสดงว่าเราประเมินความสามารถของพระราชายูริต่ำไปซะแล้ว"
" แต่ฝ่ายเรา ก็ใช่ว่าจะหมดหนทาง ให้คนของเผ่าพีรูแต่งงานกับองค์ชายยอจินจะดีหรือเปล่า เพราะอนาคต องค์ชายยอจินคงได้ครองราชย์ต่อจากเสด็จพ่อแน่ ถึงตอนนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อเรามากขึ้น"
"เจ้ามีคนที่เหมาะมั้ยล่ะ"
"มีคนหนึ่งที่เหมาะสม ถ้ายังไง ข้าจะพามาให้ท่านได้รู้จัก"
หัวหน้าเรียกโทจินและถามโทจินว่า
"ถัดจากนี้ไป นักรบทุกคนยังต้องฝึกอะไรอีกบ้าง"
" ฝึกการใช้กระบี่,เรียนรู้ภาษาต่างเผ่า โดยเฉพาะภาษาฮั่นและเผ่าซงหนู ศึกษาวัฒนธรรมของเผ่าต่างๆ แยกแยะการเจรจาว่าพูดจริงหรือพูดเท็จเพื่อไม่ให้ถูกหลอก ท้ายที่สุด คือการแปลงโฉมและปลอมตัวที่แนบเนียน,ถึงจะเป็นนักรบที่แท้จริง แถวหน้าทุกคนหันหลังไป นั่นคือพี่เลี้ยงของแต่ละคน ต่อไปจะร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่มีการแบ่งเขาแบ่งเรา ไม่มีรุ่นพี่รุ่นน้อง ชนชั้นสูงหรือไพร่ เพราะต่างก็คือนักรบเหมือนกัน เข้าใจมั้ย"
พวกนักรบรับคำ "ครับ"
รุ่งเช้าโทจินมาปลุกมูยุลให้ตื่น และพาไปออกวิ่ง จนมาโนเหนื่อยมาก นักรบบอกให้แข็งใจและไปต่อ
"นี่จะวิ่ง ไปถึงไหนน่ะ" มูยุลถาม
โทจินดุ "พูดให้น้อยหน่อย จะได้ออมแรงไว้"
ถึงที่หมาย หัวหน้ากล่าวว่า "มาถึงตรงนี้ได้ ถือว่าทุกคนเก่งมาก เอาล่ะ การฝึกที่แท้จริงจะเริ่มขึ้นแล้ว"
มูยุลหอบ หัวหน้ากล่าวว่า "ฝึกที่นี่ 2 วัน จากนั้นแล้วค่อยกลับไปที่ค่ายอีกครั้ง"
มาโนหอบ "เรายังจะ กลับไปไหวหรือครับ"
" ต้องไหวสิ ใครที่ล้าหลังกว่าคนอื่น จะถูกขับออกจากการฝึกทันที ซึ่งเจ้ากับมาโน อาจกลับไปเป็นทาสอีกครั้งจะเอามั้ยล่ะ จึงขอเตือนไว้ว่าอย่าคิดหนีเป็นอันขาด ถ้าใครกล้าหนีออกจากการฝึก คนๆ นั้น จะต้องตายทันที เอาล่ะ ไปต่อได้แล้ว"
มาโนส่ายหน้า "โอย"
นักรบสั่ง "ลุกขึ้นเร็ว ไป อึ๊บ"
โทจินบอก "ไปเถอะ"
มาโนวิ่งต่อไม่ไหวแล้วบอกให้ฆ่าเขาเลยดีกว่า แต่พอนักรบเสียงดังและทำท่าจะฆ่า มาโนก็กลัววิ่งต่อไป
ทังโนกระแอมนิดและถามหัวหน้าว่า
"ยังไม่มีใครกลับมาอีกหรือ"
"ครับ ยังครับ"
ยอนกล่าวว่า "ระยะทาง 3 วัน จะใช้แค่ 2 วันได้หรือคะ"
"หึๆ นักรบทมิฬต้องมีความสามารถแบบนี้ มีกำลังและความอดทนที่เหนือกว่าคนทั่วไป"
"มีคนกลับมาแล้วครับ"
มูยุลกับโทจินกลับมาอย่างทุลักทุเล
"โทจิน มูยุล ขอรายงานตัวครับ"
"อึม เก่งมาก ไปพักผ่อนได้"
มูยุลหอบ พวกนักรบทยอยกลับมา มาโนมาปิดท้ายพร้อมกับนักรบคนหนึ่ง โทจินกล่าวกับมูยุลว่า
"ข้าอยู่ที่นี่มาหลายปี เพิ่งเคยเห็นนักรบใหม่ที่ใจเด็ดเหมือนเจ้า หึ"
มูยุลหอบ "ฝึกแบบนี้บ่อยหรือเปล่า"
โทจินตอบว่า "หึ เดือนละ 1 ครั้ง แต่อีกหน่อยชินเอง"
มูยุลหอบ โทจินหอบเหมือนกัน
ยอนมาสอนพวกนักรบ เธอเริ่มกล่าว
" วันนี้ข้าจะมาสอนภาษาฮั่นและภาษาของเผ่าซงหนูให้รู้ ก่อนอื่น ชนชาติที่ใช้ภาษาเดียวกับแคว้นพูยอ ก็มีโกคูรยอ เผ่าอกจอ และซัมฮัน มณฑลนังนังแม้จะใช้ภาษาฮั่นเป็นทางการ แต่ชาวบ้านก็ยังใช้ภาษาของเราอยู่"
"งั้นอีกหน่อย เราก็จะพูดได้หลายภาษาสิครับ"
"จะว่างั้นก็ได้ เอาล่ะ เราจะมาเริ่มกัน คำทักทายในภาษาฮั่นเวลาเจอกัน ก็คือ หนีห่าว"
พวกนักรบกล่าวพร้อมกัน "หนีห่าว"
0000000000000
หนึ่งปีผ่านไป พระมเหสีมียูทรงมีรับสั่งกับพระราชายูริว่า
" ทรงมีรับสั่งบ้างเถอะเพคะ เพราะอะไรถึงให้ตำแหน่งรัชทายาทว่างอยู่ ฝ่าบาท การแต่งตั้งรัชทายาท เป็นความมั่นคงของบ้านเมือง จะเป็นผลดีต่อโกคูรยออย่างมากนะเพคะ แล้วทำไมฝ่าบาทถึง"
พระราชายูริทรงตรัสสั้นๆ ว่า "ไปเถอะ"
"พะยะค่ะ"
พระมเหสีมียูอึ้ง "ฝ่าบาท"
"เรื่องนี้ข้ารู้ว่าควรทำยังไง เจ้าอย่ามาเซ้าซี้นักเลย"
"หึ เฮ่อ เจ้าก็ยืนเฉยอยู่ได้ ทำไมไม่พูดอะไรกับฝ่าบาทล่ะ"
องค์ชายยอจินทูลว่า "หม่อมฉันไม่อยากพูด"
"ยอจิน"
" รู้มั้ยวันนี้เป็นวันอะไร ครบรอบวันตายของเจ้าพี่ ถึงเวลาที่เหมาะคงมีรับสั่งเอง เสด็จแม่ อย่าทรงร้อนพระทัยดีกว่า" พระมเหสีมียูทรงได้แต่ฮึดฮัด
ซังกาและแพกึยมาเฝ้าพระมเหสีมียูพร้อมนำชารสเลิศมาถวาย
"เราคงไม่ได้พบกันเพื่อจะจิบน้ำชาหรอกนะ หึ ตำแหน่งรัชทายาทว่างอยู่เป็นปี ท่านก็รู้ใช่ไหม ทำไมไม่ยอมเรียกประชุมหัวหน้าเผ่าซะที"
"ก็ควรจะเรียกอยู่"
"พระมเหสีทรงวางพระทัย เผ่าพีรูของเรา จะรับหน้าที่ทูลฝ่าบาทเอง"
"งั้นก็รบกวนหน่อยแล้ว"
"แต่ก่อนหน้านั้น ทรงมองหาคู่ครองให้องค์ชายหรือยังพะยะค่ะ"
"คู่ครองหรือ"
"อึม เมื่อเป็นรัชทายาทก็ต้องมีพระชายาด้วย"
แพกึยเสริมว่า "เผ่าพีรูได้จัดหาคนที่คู่ควรกับองค์ชายไว้ ทรงสนพระทัยหรือเปล่า"
ขณะที่พระราชายูริเสด็จออกไปศาลเจ้านอกเมือง ได้ถูกลอบทำร้าย พวกแทชองและคูชูจับตัวได้ แทชองจะให้ฆ่าทุกคน แต่พระราชายูริห้ามไว้
"หยุดก่อน ใครสั่งให้พวกเจ้ามา"
"ฝ่าบาทมีรับสั่งถาม ทำไมไม่ตอบล่ะ"
เฮยาตอบว่า "องค์ชายแฮเมียงสั่งให้เรามา"
"เจ้าคือเฮยาใช่ไหม"
"หนึ่งปีก่อนเพราะฝ่าบาท กวาดล้างคนขององค์ชายแฮเมียง ทำให้พวกเราที่เหลือ ต้องกลับมาแก้แค้น"
คูชูถามว่า "นี่แปลว่า พวกเจ้าเชื่อว่าฝ่าบาทส่งองค์ชายไปให้อ๋องเทโซหรือ"
"เพราะเราเห็นองค์ชาย เดินทางไปพร้อมกับขบวนคุ้มกันของทหารโกคูรยอ แล้วจะให้คิดยังไงล่ะ"
" ทำไมพวกเจ้าถึงไม่รู้พระทัยฝ่าบาทเอาซะเลย ฝ่าบาททรงห้ามองค์ชายอยู่ตลอดเวลา แต่คืนนั้น เพราะไม่อาจขวางองค์ชายให้ออกจากวัง ทำให้ฝ่าบาทเสียพระทัยมาถึงทุกวันนี้"
เฮยาเถียงว่า "แต่ตอนนี้องค์ชายสิ้นพระชนม์แล้ว ฝ่าบาทยังทรงอยู่ แล้วใครจะเชื่อ คำแก้ตัวของคนที่ยังมีชีวิต"
คูชูเดินมา "พวกเจ้าเป็นคนสนิทขององค์ชาย ทำไมไม่รู้ว่าองค์ชายมีความจงรักภักดี,แม้จะตายแทนฝ่าบาทและบ้านเมืองก็ทรงยินดีน่ะ"
"ต่อให้นั่นเป็นเรื่องจริง แล้วทำไมฝ่าบาท จะฆ่าเราปิดปากด้วย"
คูชูตกใจ "หา นี่เอาอะไรมาพูด ทำไมฝ่าบาทต้องทำอย่างงั้น"
เคยูพอจะเข้าใจ "ตอนนั้นเจ้าเมืองโชบุน อ้างพระบัญชาของฝ่าบาท กวาดล้างคนสนิทขององค์ชายแทบไม่เหลือซักคน เราอยากรู้ว่ามีเหตุผลอะไร"
แพกึยเข้ามา "ฝ่าบาท รับสั่งให้หาหรือพะยะค่ะ"
" ยังจำเรื่องอดีตได้ไหม ตอนแฮเมียงไปลอบสังหารอ๋องเทซู เขาไม่มีกำลังทหาร จึงพาคนสนิทไม่กี่คนและทหารรับจ้างบางส่วนไปทำงาน หลังจากนั้นรู้มั้ยว่าคนพวกนี้ไปอยู่ไหนหมด"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันได้กำจัดพวกเขาไปหมด"
"ข้าเคยสั่งให้ทำอย่างงั้นเมื่อไหร่กัน"
" ฝ่าบาท ที่องค์ชายต้องด่วนจากไป ฝ่าบาททนอัปยศถึงทุกวันนี้ สาเหตุเพราะอะไรเพราะคนที่อยู่รอบข้างองค์ชาย ไม่รู้จักทูลเตือนสติให้ทรงรอบคอบเข้าไว้ ถ้าไม่ให้อ๋องเทโซหายระแวง เกิดเอามาเป็นข้ออ้างอีก ก็จะนำภัยมาสู่โกคูรยออีกครั้ง"
"แต่ท่านสังหารคนสนิทของแฮเมียง แล้วข้ายังจะมองหน้าเขาได้หรือ"
"ฝ่าบาท ทั้งหมดนี้ หม่อมฉันทำเพื่อฝ่าบาทและโกคูรยอทั้งสิ้น ขอทรงเห็นพระทัยด้วยเถอะ"
"ที่บอกว่าเห็นแก่ข้าและโกคูรยอ แต่จริงๆ ท่านทำเพื่อเผ่าพีรูต่างหาก นึกว่าไม่รู้หรือ"
"ฝ่าบาท ทำไมทรงระแวงหม่อมฉันอย่างงั้นล่ะพะยะค่ะ"
"ออกไปซะ"
แพกึยอึ้ง "ฝ่าบาท"
"ข้าบอกให้ออกไป"
0000000000000
มูยุลกับโทจินถูกลงโทษห้อยหัว โทจินบอกมูยุลว่า
" เข้มแข็งเข้าไว้ ถ้าจะอยู่เพื่อใครซักคนหรือหน้าที่บางอย่าง เราก็ต้องเข้มแข็ง ไม่อย่างงั้น สิ่งที่เราจะได้ คือความตายและสิ้นหวัง"
ว่าแล้วตกลงมาทั้งคู่ หัวหน้าพาไปให้ยอนตรวจ ยอนกล่าวว่า
"อึม ชีพจรเต้นปกติ บาดแผลก็ไม่มี ไม่มีปัญหาค่ะ"
โทจินว่า "หึ ขนาดยาพิษร้ายแรงยังไม่กลัว แล้วลงโทษแค่นี้จะเป็นไรไป"
หัวหน้าถาม "หึ พวกเขาเป็นไงบ้าง"
"วันนี้เห็นทีจะฝึกต่อไม่ไหว ถ้าไม่พักผ่อนให้มาก อาจมีอันตรายถึงชีวิต"
โทจินถาม "เจ้าทำอะไร"
"ข้าอยากให้พวกท่านพักผ่อนซักวัน หึๆ จริงๆ แล้ว อยากให้อยู่เป็นเพื่อนข้ามากว่า ตั้งแต่มาอยู่นี่ วันๆ น่าเบื่อจะแย่"
ว่าแล้วทั้งโทจิน ยอนและมูยุลก็หัวเราะ พาหัวหน้าไปกันหมดแล้ว ยอนก็พาโทจินและมูยุลออกไปเที่ยวธรรมชาติ
"ว้าว วันนี้รู้สึกสบายใจจัง"
"ใช่ ตอนอยู่โกคูรยอ เจ้าทำอะไร"
"เป็นช่างเขียนรูป" มูยุลตอบ
"ช่างเขียนรูปหรือ รูปอะไรน่ะ เอ่อ เจ้า ช่วยเขียนให้ข้าซักรูปได้ไหม"
"ไม่ได้ครับ ยังไม่เก่งขนาดนั้น"
"ข้าอุตส่าห์เปิดโอกาสให้ได้พักผ่อน น่าจะตอบแทนบ้างนะ"
"มันก็น่าจะตอบแทนอยู่หรอก เขียนให้นางเถอะ" โทจินว่า
"ดูเหมือนว่า เจ้าจะชื่อมูยุลใช่ไหม"
"แหะ ครับ คุณหนูยอน"
"หึ เป็นชื่อที่แปลกดี ใครตั้งให้น่ะ พ่อตั้งให้หรือว่าแม่ตั้งให้"
"หึ จริงๆ แล้ว จนวันนี้ ข้ายังไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่"
พระ ราชาเทโซตรัสกับแชบูว่า "แค่เมือง "ชิลลา" เล็กๆ กล้าปฏิเสธไม่ให้ทูตของเราเข้าพบ ส่งทหารไปปราบพวกมันเดี๋ยวนี้ ให้รู้ว่าใครเป็นใครซะบ้าง อยากรู้นักว่าอ๋อง "วังมัง" มีอะไรดี เจอข้า มันต้องคุกเข่าให้แน่"
"ฝ่าบาท โปรดอย่าเพิ่งทรงกริ้ว ถ้าเราเคลื่อนพลตอนนี้ เกิดทหารโกคูรยอ"
"หมายความว่า ยูริจะมาตีเรางั้นหรือ"
" ฝ่าบาท ทุกวันนี้เราต้องประเมินสถานการณ์ให้ดีก่อน เพราะไม่เพียงเมือง ฮวางยงและชิลลา แม้แต่องค์หญิงเซยูก็ยอมแต่งงานเพื่อผูกมิตรกับเผ่าคีซาน ถ้าเรายกทัพไปตีชิลลาตอนนี้ เกิดโกคูรยอมาตลบหลัง เรามิเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำหรือพะยะค่ะ"
"แคว้นพูยอเรา ทำไมกลายเป็นเข้าตาจนซะได้ เพราะอะไร ไปสั่งการเดี๋ยวนี้ ให้ท่านอำมาตย์กลับมาเร็ว"
มี ข่าวว่าจะแต่งตั้งองค์ชายยอจินเป็นรัชทายาท มาวังถึงกับดีใจ กับโอกาสที่ดีในการทำมาค้าขาย ส่วนในวังนางในนำอาหารมาถวายองค์ชายยอจิน แต่ทรงไม่อยากกิน
"องค์ชายไม่ยอมเสวยมาแต่เช้า ขืนเป็นแบบนี้ พระมเหสีต้องทรงตำหนิแน่"
องค์ชายยอจินทรงเรียก "ยุนวา"
"เพคะองค์ชาย"
"รู้มั้ยว่าตอนนี้ ข้ารู้สึกยังไง"
"หม่อมฉันเป็นบ่าว ไหนเลยจะรู้พระทัยองค์ชาย"
" ข้ารู้สึกกลัว กลัวมากด้วย เจ้า รู้มั้ยว่ามีรัชทายาทหลายคน ล้วนแต่อายุสั้นทั้งนั้น ข้าน่ะ เกิดมาก็ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าพี่ "โตชิ" เพราะเขาตายก่อนส่วนเจ้าพี่แฮเมียง ก็สิ้นพระชนม์ไปอีก พวกเขามีแต่อายุสั้นทั้งนั้น แต่ที่ข้ากลัว ไม่ใช่ความตายหรอกนะ มันคือภาระที่หนัก ของการเป็นรัชทายาท ซึ่งข้าแบกไม่ไหว ข้าไม่อยากเกิดเป็นองค์ชาย แค่เป็นช่างฝีมือเล็กๆ ยังดีซะดีกว่า ถ้าเป็นอย่างงั้นได้ ข้ากับเจ้า จะได้ช่วยกันทำงานหาเลี้ยงชีพไปวันๆ"
"องค์ชาย"
พระมเหสีมียูทรงเข้ามาได้ยิน "เจ้าเพ้อเจ้ออะไรออกมาน่ะ หึ"
พระมเหสีมียูตบหน้านางใน "หึ นังคนแพศยา บังอาจให้ท่าองค์ชายเชียวหรือ"
องค์ชายยอจินตกพระทัย "เสด็จแม่"
" เจ้าไม่ต้องพูดมาก จงฟังให้ดี คำพูดขององค์ชายในวันนี้ ถ้าไปเที่ยว โพทนาละก้อ ข้าจะตัดหัวเจ้าซะ ออกไปได้แล้ว หึ เจ้าต้องการอะไรกันแน่ อยากให้แม่อกแตกตายถึงพอใจหรือไง หึ ในที่สุดก็ถึงวันนี้ ที่แม่รอมาหลายปีดีดัก เจ้ากลับบอกว่าไม่อยากเป็นรัชทายาท ขอเป็นช่าง ฝีมือยังดีกว่านี่เป็นคำพูด ที่องค์ชายสมควรจะพูดหรือเปล่า หึ ขอเพียงเชื่อฟังแม่เท่านั้น เจ้ามีอะไรที่ด้อยกว่าคนอื่น แม่จะชดเชยให้เอง เข้าใจหรือเปล่า"
ด้านมาวังมาเฝ้าพระราชายูริ เพื่อขอร้องให้ช่วยบางอย่าง
" ตลอดเวลาที่ผ่าน แม้หม่อมฉันจะไม่ได้ถวายงานเต็มที่ แต่ก็ภักดีต่อฝ่าบาทและโกคูรยอเสมอ หึ ถ้าไงทรงช่วยหม่อมฉันซักนิดได้ไหมพะยะค่ะ"
"ได้ยินว่าท่านได้ผลประโยชน์จากหัวหน้าเผ่าพีรูไปมากนี่"
"เอ่อ คือ หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง"
"ข้ารู้ว่าท่านทำงานให้พวกหัวหน้าเผ่า หรือก็คือใครมีเงินก็จ้างได้ทั้งนั้น"
"เอ่อ คือ ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นพ่อค้า คติของพ่อค้าก็คือเงินมาก่อนพะยะค่ะ"
"นั่นสิ ข้าอยากร่วมงานกับพ่อค้าที่มีจรรยาบรรณหน่อย ไม่ชอบนกสองหัวที่หากินสองทาง"
"งั้นทรงหมายความว่า จะตัดขาดกับหม่อมฉันหรือพะยะค่ะ"
"หึ ท่านมีความสำคัญอะไรนักถึงต้องให้ข้าตัดขาด"
มาวังอึ้ง แทชองเข้ามาทูลว่าเฮยามาแล้ว มาวังเห็นแล้วตกใจมาก พระราชายูริไล่มาวังกลับไป
"ข้ามีเรื่องจะคุยกับพวกเจ้าหน่อย เฮยา"
"เพคะฝ่าบาท"
" นับแต่แฮเมียงตายไป ข้าจะได้ผูกมิตรกับชนเผ่ารอบข้าง เพื่อเพิ่มกำลังให้แก่โกคูรยอ และการที่จะต่อกรกับแคว้นพูยอ เราจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่ทำงานอย่างลับๆ งานนี้อยากให้พวกเจ้าช่วยหน่อย พอจะได้ไหม"
ด้านมูยุลได้รับมอบหมายงานอย่างหนึ่ง โดยให้เข้าไปพบโทจิน
"หึ ให้ทำงานอะไร"
" ให้สังหารเจ้าเมือง "ยองกุก" โดยเร็ว เมืองยองกุก เป็นดินแดนที่อยู่ระหว่างโกคูรยอและพูยอ หน้าที่ของเราคือสังหารเจ้าเมืองนี้ แล้วยึดเมืองยองกุกซะไปได้ ยะ ยะ"
แล้วมูยุลก็ผ่านการทดสอบขั้นสุดท้าย หัวหน้าแสดงความยินดีด้วย และสั่งให้ตามเขาไป ทังโนกล่าวว่า
"อีกสิบวันข้างหน้า โกคูรยอจะตั้งรัชทายาทใหม่ ข้าจะให้พวกเจ้าไปที่นั่น สังหารทูตของแคว้นชิลลา กำจัดมันซะ"
ยอนบอกกับทังโนว่าจะตามพวกมูยุลไปทำงานด้วย ทังโนตกใจมาก
"เจ้าบอกว่าไงนะ"
"ข้าจะตามพวกเขาไปโกคูรยอทำงานนี้ด้วย"
"เฮ้ ลูกยอน"
"รับปากเถอะค่ะ"
"ไม่ได้ หน้าที่คราวนี้ แม้แต่นักรบที่ผ่านการฝึกฝนยังอาจต้องแลกด้วยชีวิต เจ้าไปไม่ได้"
" ทุกวันนี้แม้ท่านจะไม่พูดอะไรซักคำ แต่ข้าก็รู้ว่าท่านกำลังเผชิญกับปัญหาหนักอยู่ เพราะฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อท่านเหมือนแต่ก่อน ส่วนใต้เท้าแชบู ก็คอยปรักปรำให้ร้าย กล่าวหาท่านในทางที่ผิด"
"ถึงพ่อจะมีปัญหายังไงก็ตาม ก็ไม่อยากเสียเจ้าไปหรอกนะ"
" ท่านไม่เสียข้าไปหรอกค่ะ เพราะระหว่างที่อยู่นี่ ข้าได้ฝึกการใช้อาวุธลับและแปลงโฉม งานนี้ถ้าจะให้ลุล่วง น่าจะมีผู้หญิงซักคนคอยประสานงานนะคะ แต่ไหนแต่ไร ท่านมักเชื่อการตัดสินใจของข้าไม่ใช่หรือคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ให้ข้าไปเถอะ"
ในตัวเมือง เสียงจอแจ ทังโนบอกโทจินว่า
"เมื่อเข้าไปถึงเมืองหลวง จะมีสายลับของเราไปติดต่อ"
"เราจะแยกแยะได้ไงครับ"
"แยกแยะไม่ได้ อยู่ที่พวกเขาจะไปหาเอง" ทังโนตอบ พลางเรียก "พานโย"
พานโยกล่าวทักทาย "เดินทางมาไกลคงจะเหนื่อยมาก"
"ไม่เจอตั้งนานแน่ะ" ยอนทักหญิงสาว
"ตามข้ามา"
โทจินถาม "ทูตชิลลามาหรือยัง"
พานโยตอบว่า "แม่ทัพใหญ่แห่งโกคูรยอกำลังเดินทางไปต้อนรับอยู่ คิดว่าพรุ่งนี้คงจะมาถึงเมืองหลวง"
"งานที่สั่งไว้เป็นไงบ้าง"
"ทุกอย่างเตรียมพร้อม ไม่ต้องห่วง"
"ถ้าอยู่นาน ยอนจะมีอันตราย เราต้องรีบทำงานแล้วไปจากที่นี่ หึ เจ้าต้องระวังหน่อยนะ"
ยอนบอกอย่างมั่นใจว่า "ไม่ต้องห่วงข้าหรอก"
องค์หญิงเซยูเสด็จมาเฝ้าพระราชายูริ องค์ชายยอจินดีใจมากที่ได้พบพี่สาว
"เซยู มาใกล้ๆ พ่อซิ หัวหน้าเผ่าคีซานล้มป่วย นึกว่าเจ้าจะมาไม่ได้อีกคน"
"หม่อมฉันมาในฐานะผู้แทนเพคะ"
"งั้นหรือ หึ เป็นไงบ้าง อยู่ที่นั่นพอสบายมั้ย"
"หึ ไม่ต้องห่วงหรอกเพคะ หึ เจ้าต้องรับภาระหนักขึ้น เข้มแข็งหน่อยนะ"
"หึๆๆ ต่อไปยังต้องให้องค์หญิง คอยชี้แนะรัชทายาทให้มาก"
"อึม ได้"
แทชองเข้ามา "ฝ่าบาท ขบวนของทูลชิลลา เข้าวังมาแล้วพะยะค่ะ"
คูชูเข้ามาทูล "อนุชาแห่งพระราชาชิลลา ใต้เท้า "วังคีบุน" พะยะค่ะ"
พระราชายูริคอยต้อนรับผู้แทนที่มาร่วมงานมากมาย องค์ชายยอจินถึงกับหลบไปหาที่สงบๆ พักผ่อน คูชูก็มาตามทูลว่า
" ตัวแทนจากเมือง "ยางแม" มาแล้วพะยะค่ะ ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้องค์ชายเสด็จไปต้อนรับพวกเขาด้วยพระองค์เอง ไม่ต้องกลัวหรอกพะยะค่ะ องค์ชายต้องทำได้"
โทจินนำมูยุลและมาโนมาเข้าเฝ้าองค์ชายยอจิน มูยุลต้องเตือนมาโนให้ทำเฉยอย่าแสดงอาการตกใจ
"หม่อมฉันมาจากเมือง "ยางแม" ชื่อ "บูชอง" พะยะค่ะ" โทจินกล่าว
"ยินดีต้อนรับท่านทั้งหลาย จัดที่พักให้ท่านทูตและผู้ติดตามด้วย"
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน จบ 8
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 9
ใกล้ถึงพระราชพิธีสถาปนาองค์รัช ทายาทแคว้นโกคูรยอเข้าไปทุกที ภายในแคว้นโกคูรยอจึงเต็มไปด้วยความครึกครื้น บรรดาฑูตจากแคว้นต่างๆ ทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี
มูยุล ยอนและโทจินต่างพากันปลอมตัวเป็นคณะฑูตเข้าไปในแคว้นโกคูรยอ
ยอนก็กำชับมูยุลว่า
"แผนที่ในวังนี้ มีทหารอยู่ทุกที่ ระวังด้วยล่ะ ทำงานระวังด้วย"
แต่เมื่อมูยุลเห็นหน้าพระราชายูริก็ฮึดฮัดจะตรงเข้าไปจัดการ โทจินต้องปรามไว้
"เจ้าทำอะไร จะทำให้แผนเราเสียนะ"
"ข้ารอวันนี้มานานแล้ว อย่าขวางข้า ถ้าลงมือตอนนี้ เราจะได้สังหารพระราชายูริ ฮึ่ม"
"ฮึ่ม แต่คำสั่งที่ได้รับไม่ใช่ฆ่าเขา ถ้าทำอะไรบุ่มบ่าม เราจะตายกันหมด"
ด้านพระราชายูริถามเฮยาว่า
"สืบได้อะไรบ้าง สาส์นลับจากคนของเราที่ไปอยู่พูยอหรือ"
"เพคะ หม่อมฉันกำลังตีความสิ่งที่เขาเขียนมา"
"มีอะไรน่าสงสัยมั้ย"
"อำมาตย์แห่งแคว้นพูยอ เป็นผู้บังคับบัญชากลุ่มนักรบทมิฬเพคะ"
"ทังโนน่ะหรือ"
"เพคะ"
คูชูทูลว่า "คนๆ นี้เป็นคนโปรดของอ๋องเทโซ ให้เขาเป็นผู้บังคับบัญชา ก็แสดงว่าคนกลุ่มนี้ยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นนะพะยะค่ะ"
"แม้ว่าการฝึกนักรบทมิฬจะสำคัญ แต่ถึงขนาดส่งอำมาตย์ไป คงเป็นความคิดของเจ้าแชบูมากกว่า"
"หม่อมฉัน ก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน"
" น่าคิดว่าทังโนจะมีแผนอะไรบ้าง เพื่อให้เป็นคนโปรดของอ๋องเทโซอีกครั้ง ไม่ว่ายังไง เขาคงต้องทำอะไรบางอย่าง สั่งให้เพิ่มกำลังทหาร ดูแลผู้แทนจากแคว้นต่างๆ ที่มาร่วมงานให้ดีที่สุด"
"พะยะค่ะ"
อีก ด้านหนึ่ง มาวังได้รับรายงานจากสายลับว่านักรบทมิฬลอบเข้ามาในแคว้นโกคูรยอ หลังจากที่มาวังได้รับรายงานนี้แล้วก็รีบรายงานแพกึยทันที แต่นึกไม่ถึงว่าแพกึยกลับจงใจปกปิดเรื่องนี้เอาไว้
เฮยาเข้ามาขอเฝ้าพระราชายูริและทูลว่า
"ขอให้ทรงยกเลิกงานเลี้ยง และตรวจค้นทุกคนที่อยู่ในวังเพคะ"
"ยกเลิกงานเลี้ยงหรือ"
"มีเบาะแสพบว่า นักรบทมิฬแอบเข้าวังมาเพคะ"
พระมเหสีมียูตรัสถาม "มีหลักฐานแน่ชัดหรือเปล่า"
"มีเพคะ เราพบทหารที่เฝ้ายามถูกคนใช้เข็มพิษทำร้ายจนหมดสติ และพิษที่ใช้ ก็มาจากแคว้นพูยอเพคะ"
คูชิทูลว่า "ฝ่าบาท ให้ยุติงานเลี้ยงแล้วตรวจค้นผู้แทนจากแคว้นต่างๆ เถอะพะยะค่ะ"
"งานนี้จัดเพื่อต้อนรับคณะทูตจากต่างแคว้น จะยกเลิกไม่ได้"
"ฝ่าบาท"
"ถ้ากลัวว่าจะมีคนร้าย ก็ให้เพิ่มทหารมากขึ้น ไปกันเถอะ"
พระราชายูริทรงมีรับสั่งภายในงานเลี้ยงว่า
" ทุกท่านไม่ต้องเกรงใจนะ เชิญดื่มให้เต็มที่ ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานสถาปนารัชทายาทของเรา ข้าให้สัญญาว่าเราจะเป็นมิตรที่ดีต่อกันตลอดไป ตอนนี้เชิญทุกท่านมาดื่มก่อน"
เวลาต่อมาองค์ชายยอจินเข้าเฝ้าพระราชายูริและทูลว่า
"ฝ่าบาท หม่อมฉัน ได้เตรียมของขวัญบางอย่างสำหรับใต้เท้าวัง อยากให้ดูก่อนพะยะค่ะ"
"คืออะไรน่ะ"
"ยุนวา เป็นจอกเหล้า ที่หม่อมฉันทำเองพะยะค่ะ เพื่อมิตรภาพอันดีระหว่างโกคูรยอ และแคว้นชิลลาพะยะค่ะ"
"เฮ่อๆๆ ลูกข้าคนนี้มีฝีมือในเชิงช่าง"
"งามมากพะยะค่ะ" ทูตชื่นชม
"หึๆๆ เอาเถอะ ถ้วยเก่าเก็บไปก่อนละกัน ยืนเฉยทำไม ยังไม่รีบรินเหล้าอีก มา ดื่มให้กับมิตรภาพของพวกเรา ขอให้ยั่งยืนสืบไป"
ทูตดื่มเหล้าแล้วกระอักเลือด ทุกคนตกใจมาก
"หา ใต้เท้าวัง" ทูตกระอักเลือด
"ท่านเป็นไรไปน่ะ เอ่อ ใต้เท้าวัง ท่านเป็นอะไร ยืนเฉยทำไม รีบมาคุ้มครองใต้เท้าเร็ว" พระราชายูริตรัส
คูชูรีบสั่งต่อ "ใต้เท้าๆ ถวายอารักขาเร็วเข้า"
"เข้าไปข้างในเร็ว"
"พะยะค่ะ"
แทชองสั่งให้ทหารไปปิดประตูวังทุกด้าน อย่าให้คนนอกเข้าออกเป็นอันขาด พวกแขกร้องตกใจ เฮยาเข้ามาถามคูชู
"เกิดอะไรขึ้นหรือคะ"
"เมื่อกี้เกิดเหตุร้าย ทูตชิลลาถูกวางยาพิษ"
"หา สั่งห้ามทุกคนเข้าออกแล้วหรือยัง"
"เราปิดกั้นสถานที่ไว้หมดแล้ว"
"ใต้เท้า"
"ว่าไง ทำไมไม่อยู่ข้างในล่ะ"
"จู่ๆ เกิดมีควันพิษ ทำให้ทูตบางคนหนีออกไปน่ะครับ"
คูชูตกใจ "หา เฮ่ย"
มูยุลรีบพายอนหนี แต่ก็ต้องสู้กับทหาร
ขณะที่พระมเหสีมียูทรงรู้สึกเซ็งที่เรื่องเป็นแบบนี้
"เฮ่อ ทำไมเป็นแบบนี้ได้ ถึงขนาดเลื่อนพิธีออกไปอย่างไม่มีกำหนด"
องค์ชายยอจินตรัสปลอบ "เสด็จแม่ อย่าทรงคิดมากเลย"
"แม่รอวันนี้มานานแค่ไหนรู้มั้ย ทำไมมันถึงจบลงง่ายๆ แบบนี้"
" โกคูรยอกับชิลลาอาจจะเกิดความบาดหมาง เทียบกันแล้ว เรื่องของหม่อมฉันไม่สำคัญเลย ตอนนี้เสด็จแม่อย่าเพิ่งคิดอะไร รอฟังพระบัญชาอีกทีเถอะ"
ยอนทำแผลให้มูยุลแต่ไม่ยอมดูแลตัวเอง จนโทจินเข้ามาดุ
"ยอน ลุกขึ้นเร็ว ปกติชอบทำแผลให้คนอื่นนัก ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้าง"
"หึ ข้าไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง"
"ทีหลังไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ห้ามปิดบังข้า ไม่ว่าจะเป็นแผลที่ร่างกาย หรือแผลในใจก็ตาม"
ยอนรับคำ "ได้"
ขณะที่มูยุลถอนใจ มาโนเห็นก็ถามว่า
"คิดอะไรอยู่ เห็นเหม่อตั้งนาน นี่ เราทำงานสำเร็จแถมไม่มีใครบาดเจ็บ เจ้าไม่ดีใจหรือ"
"ไม่มีอะไรหรอก"
"ว่าแต่ เจ้าเห็นโทจิน กับคุณหนูยอนหรือเปล่า พวกเขามีอะไรกันใช่ไหม"
"หึ ใครจะไปรู้"
"นี่ หรือว่าเจ้าก็ชอบคุณหนูยอนด้วย"
มูยุลบ่ายเบี่ยง "อย่าพูดเหลวไหลน่ะ"
" ถ้าสมมุติว่าเจ้าชอบนางจริง ก็ขอให้ตัดใจดีกว่า เพราะการเป็นนักรบทมิฬก็ไม่ต่างกับเป็นทาส ถึงโทจินก็เป็นนักรบ แต่ได้ยินว่าอดีตเขาเคยเป็นเชื้อพระวงศ์มาก่อน สรุปก็คือ เราเป็นมนุษย์คนละประเภท อะไรที่ไม่มีทางลงเอย อย่าไปหวังดีกว่า" มาโนเตือนแล้วออกไป
มูยุลถอนใจ "แผลของคุณหนู ไม่เป็นไรนะครับ"
"ไม่เป็นไร อย่าห่วงเลย"
"แต่ ข้ามีเรื่องไม่เข้าใจครับ ถ้วยก็ถูกสับเปลี่ยนแล้ว ทำไมทูตชิลลายังตายได้อีก"
ยอนบอกว่า "เพื่อกันความผิดพลาด ข้าจึงป้ายยาบนขอบของถ้วยเหล้าใหม่"
ทังโนมาพบพวกโทจิน และบอกกับพวกโทจินว่า
" ไม่เป็นไร เมื่อนางไปกับพวกเจ้า ก็ต้องช่วยกันทำงานให้เสร็จ และการเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานก็ถือว่าถูกแล้ว หึๆๆ ขอบใจพวกเจ้ามาก วันนี้ให้พักซักวัน แล้วพรุ่งนี้เข้าเมืองหลวงเพื่อจะเฝ้าฝ่าบาท ถ้าทรงทราบเรื่องนี้ ข้าเชื่อว่าฝ่าบาท ต้องมีรางวัลให้แน่"
มาโนเลี่ยงมาคุยกับมูยุลว่า "ถึงขนาดได้เฝ้าอ๋องเทโซ งั้นต่อไปเราก็ไม่ต้องห่วงเรื่องตายแล้วสิ"
"แม้คราวนี้ได้รับคำชม แต่ถ้าวันไหนทำงานพลาด เราก็อาจต้องตาย" มูยุลว่า
"เป็นหรือตายแล้วแต่ดวงเถอะ"
"เรามีงานสำคัญต้องทำอีก อย่าลืมสิ"
"อึม เจ้าก็อย่าลืมเหมือนกัน นางมีศักดิ์เป็นองค์หญิงของพูยอนะ"
ยอนเข้ามาหาทั้งสอง "ยังไม่ได้ขอบใจเจ้าเลย เพราะได้เจ้าช่วย ข้าถึงออกจากโกคูรยออย่างปลอดภัย"
"หึ คำพูดนี้ ข้าควรเป็นฝ่ายพูดมากกว่า เพราะคุณหนู เคยช่วยชีวิตข้า ให้รอดตายอยู่หลายครั้ง"
"ถ้าอย่างงั้น เจ้าก็ยังติดค้างข้าน่ะสิ"
"ใช่ แม้จะไม่รู้เหตุการณ์ในอนาคต แต่ถ้าคุณหนูมีอันตราย ข้าก็พร้อมจะเสี่ยงตายช่วยคุณหนูทุกเมื่อ" มูยุลกล่าวอย่างจริงใจ
ทังโนเข้าเฝ้าพระราชาเทโซ ทรงหัวเราะชอบใจมาก
"ฮ่าๆๆ ท่านอำมาตย์ ทำดีมาก ขอบใจนะ"
"สายจากแคว้นชิลลาส่งข่าวมาว่า อ๋องวังมัง โกรธนัก จะตัดขาดกับโกคูรยอพะยะค่ะ"
แชบูทูลต่อว่า "แต่ว่าฝ่าบาท เรื่องสำคัญขนาดนี้ น่าจะรอให้มีพระบัญชาแล้วค่อยลงมือมากกว่า"
"ไม่จำเป็น เรื่องแบบนี้ ดำเนินการเงียบๆ ก็ยิ่งดีกว่า เห็นว่าเจ้าไปทำงานกับพวกเขาด้วยหรือ"
"เพคะฝ่าบาท"
"ช่างใจกล้าจริงๆ เฮ่อๆๆ"
"พวกเขาคือคนที่ไปทำงานพะยะค่ะ"
"อึม ใต้เท้าแชบู"
"พะยะค่ะ"
"ข้าจะเลี้ยงเหล้าพวกเขาหน่อย เตรียมมาให้ข้าเร็ว"
"ขอบพระทัยพะยะค่ะ หม่อมฉันขอถวายชีวิตเพื่อฝ่าบาท" นักรบทูล
"อึม ที่แล้วมามีแต่เจ้ารินเหล้าให้ข้า วันนี้เปลี่ยนเป็นข้ารินบ้างนะ"
"เป็นพระกรุณาเพคะ"
"หึๆๆ ได้ยินว่า พวกเจ้าเป็นชาวโกคูรยอหรือ" พระราชาเทโซตรัสถามมูยุล
"พะยะค่ะ"
"ชื่ออะไรกันบ้าง"
"หม่อมฉันชื่อมูยุล"
"หม่อมฉันชื่อมาโน"
"อยู่โกคูรยอทำอะไร"
"เป็นช่างเขียนรูปพะยะค่ะ"
"ช่างเขียนรูปหรือ"
"พวกเขามีความแค้นต่อพระราชายูริอย่างมากพะยะค่ะ"
" อึม งั้นหรือ ให้ข้าช่วยระบายความแค้นแทนพวกเจ้าจะดีมั้ย ทุกคนยกจอกขึ้น วันนี้ที่ข้ามอบให้ อาจจะแค่เหล้าถ้วยเดียว แต่วันหน้า สิ่งที่พวกเจ้าจะได้รับเป็นบำเหน็จ คือลาภยศสรรเสริญมากมาย มาดื่มเร็วเข้า"
ทังโนบอกให้ทุกคนไปดื่มเหล้าต่อได้ มูยุลกล่าวกับโทจินว่า
" สงสัยฝ่าบาท จะเป็นคนลืมง่าย ไม่งั้น คงไม่ลืมว่าเจ้ายังไม่ได้รินเหล้า เราไปดื่มต่อดีกว่า ถึงจะไม่ใช่เหล้าในวัง แต่ข้าจะรินให้เต็มเลย หือ"
"เพราะข้าเป็นลูกกบฏ ต่อให้สร้างผลงานยังไง ชาติกำเนิดของข้า ก็ไม่มีวันเปลี่ยนได้"
มูยุลเห็นใจ "โทจิน"
"ข้าอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ"
ขณะที่ยอนเองก็รู้สึก และกล่าวกับทังโนว่า
" เฮ่อ ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทุกวันนี้ฝ่าบาท ทรงมองพี่โทจินยังไงกันแน่ แม้ว่าสมัยก่อนพ่อเขาจะเคยคิดแข็งข้อ แต่พี่โทจินไม่รู้อะไรด้วย แถมยังมีผลงานตั้งเยอะ"
"ฝ่าบาทคงมีความคิดส่วนพระองค์ เจ้าไม่ต้องห่วงแทนหรอก"
พระราชาเทโซทรงเรียกโทจินเข้ามาเฝ้าและตรัสว่า
" นั่งลง หึ ทุกครั้งที่เห็นหน้าเจ้า ข้าก็อดคิดถึงพ่อเจ้าไม่ได้ ชั่วชีวิตข้ามีสองเรื่องที่ทำให้เสียใจ หนึ่งคือสมัยก่อนไว้ชีวิตจูมง และสองก็คือจำเป็นต้องฆ่าพ่อเจ้า แต่ถ้าตอนนี้ให้ย้อนเวลากลับได้ ข้าก็ยังต้องเอาชีวิตพ่อเจ้าอยู่ดี เพราะพ่อของเจ้า แม้จะเป็นเสาหลักของแคว้นพูยอ แต่ถ้าคิดไม่ซื่อเมื่อไหร่ ข้าก็ปล่อยไว้ไม่ได้ โกรธหรือเปล่าที่ข้าไม่รินเหล้าให้เจ้าน่ะ เจ้าเคยสร้างผลงานไว้หลายครั้งก็จริง แต่ยังไงข้าก็มีรางวัลให้ไม่ได้ เพราะความคาดหวังที่เคยมีต่อพ่อเจ้า รวมถึงการไว้ชีวิตเจ้าในอดีต เมื่อเจ้าคิดว่าเพียงพอแล้ว ข้าถึงจะรินเหล้าให้อย่างหมดห่วง แต่ก่อนถึงวันนั้น ข้าทำได้แค่แบ่งเหล้าให้เจ้าเท่านั้น ดื่มเข้าไป"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันโทจิน ตราบจนถึงวันตาย จะไม่ลืมเหตุการณ์ในวันนี้"
โทจินไปดื่มเหล้ากับพวกมูยุลอย่างสุขใจขึ้น
000000000000000
เคยูกราบทูลพระราชายูริและพระมเหสีมียูว่า
"จอกเหล้าที่องค์ชายนำมาถวาย ไม่มีปัญหาพะยะค่ะ"
"หึ ฝ่าบาท หม่อมฉันทูลแล้วเห็นมั้ยเพคะ เรื่องที่เกิด ไม่เกี่ยวกับลูกยอจินเลยซักนิด"
"ถ้าอย่างงั้น เกิดเหตุร้ายได้ยังไง"
"เหล้าที่รินออกมา ก็ไม่มียาพิษพะยะค่ะ"
คูชูถาม "ไหนว่าเจอสาเหตุแล้วไง"
เฮยาตอบว่า "ปัญหา เกิดจากขวดเหล้าเพคะ"
"เกิดจากขวดเหล้าได้ยังไง ในเมื่อข้าก็ดื่มเหมือนกัน"
" เชิญทอดพระเนตรปากขวดก่อนเพคะ จอกเหล้าที่นำมาใช้แต่แรก ได้ถูกเคลือบยาพิษไว้ แล้วพอฝ่าบาทโปรดให้เปลี่ยนถ้วยใหม่ นางในที่เป็นคนริน เหล้า ได้เคลือบยาพิษไว้ที่ปากขวด ขณะรินให้ฝ่าบาท ใช้ด้านที่ไม่ได้เคลือบยา แต่พอรินให้ใต้เท้าวัง ใช้ด้านที่เคลือบยา เมื่อฝ่าบาทเสวยไป จึงไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น วิธีนี้ ต้องเป็นผู้ชำนาญยาพิษจริงๆ คือพวกนักรบ ทมิฬเพคะ"
พระมเหสีมียูตรัสว่า "ฝ่าบาท ตอนนี้ก็ทรงทราบแล้วว่าไม่เกี่ยวกับลูกยอจิน ถ้าไงพิธีสถาปนาก็ให้จัดต่อดีมั้ยเพคะ"
พระราชายูริตรัสว่า "ตอนนี้ยังไม่เหมาะนัก"
พระมเหสีมียูไม่ค่อยพระทัย "หึ ฝ่าบาท"
" ต้องโทษข้าไม่ยอมยกเลิกงานเลี้ยงตามที่เจ้าบอก กว่าจะผูกมิตรกับแคว้นชิลลาได้ก็ต้องบาดหมางอีก เห็นทีข้าจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว เราต้องวางแผนเล่นงานอ๋องเทโซซะบ้าง"
"ทราบแล้วเพคะ"
พระมเหสีมียูทรงระบายความอึดอัดกับซังกา
"หึ รู้มั้ยว่ามันน่าโมโหจริงๆ ขืนปล่อยไว้แบบนี้ เมื่อไหร่ลูกข้าจะได้เป็นรัชทายาทซะที"
"ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ให้มีการแต่งตั้งตอนนี้ หม่อมฉันก็เห็นว่าไม่เหมาะเหมือนกัน"
"เพราะอะไร ไม่งั้นจะปล่อยให้ตำแหน่งว่างอยู่อย่างงี้หรือ"
"ถ้าพระมเหสีทรงเร่งรัด อาจทำให้องค์ชายลำบากมากกว่า"
"หมายความว่ายังไง"
แพ กึยทูลว่า "ยังไงก็ไม่มีคู่แข่ง จะทรงเร่งรีบไปทำไมกัน ทุกวันนี้การเป็นรัชทายาทไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่อยู่ที่การทำหน้าที่องค์ชายมากกว่า จากเหตุที่เกิด ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นย่ำแย่ ถ้าองค์ชายมีวิธี ไกล่เกลี่ยความบาดหมางให้โกคูรยอได้ ก็จะทำให้ฝ่าบาทพอพระทัย ถึงตอนนั้น ตำแหน่งรัชทายาทจะไปไหนเสีย"
"ท่านมีวิธีหรือ"
แพกึยรับ "ใช่"
ทังโนเรียกโทจินมาพบ และปลอบเขาว่า
" อึม มาแล้วหรือ หึๆ เฮ่ย อึม อย่าคิดว่าฝ่าบาททรงมองข้ามเจ้ามาตลอด เลยเกิดความน้อยใจล่ะ ฝ่าบาททรงรู้ว่า เจ้าได้รับความลำบากไม่น้อย จากเหตุการณ์ก่อกบฎของพ่อ แต่ซักวันหนึ่ง พระองค์ต้องทรงเข้าพระทัยเจ้า"
"ข้าเข้าใจครับ"
"ดี ถ้ามีวันนั้นจริงๆ ข้าอยากให้เจ้า ได้แต่งงานกับลูกยอน หวังว่าเจ้ากับนาง จะอยู่อย่างมีความสุข หึ"
หัวหน้าทหารเข้ามาบอกทังโนหน้าตาตื่นว่า
"ฝ่าบาทเสด็จไปล่าสัตว์ แล้วมีคนปองร้ายน่ะครับ"
ทังโนและหัวหน้าคนนั้นรีบไปเฝ้าพระราชาเทโซทันที แต่ขณะนั้นแชบูเฝ้าพระราชาเทโซ
"ฝ่าบาท หม่อมฉันแชบูพะยะค่ะ"
"เข้ามา ตกลงเป็นไงบ้าง ใครใช้ให้เขามา ยอมสารภาพหรือเปล่า เพราะยูริส่งมา หรือว่าเผ่าอื่น ส่งเจ้าหมอนี่มา"
"ไม่ใช่พะยะค่ะ"
"ไม่ใช่หรือ ถ้าไม่ใช่แล้วจะเป็น ใครหน้าไหนที่บังอาจขนาดนี้"
"ชื่อที่ออกจากปากคนร้ายคือ ท่านอำมาตย์พะยะค่ะ"
"อะไรนะ ทังโนหรือ ท่านทังโน" พระราชาเทโซทรงอึ้งไป
"นี่ก็คือ เข็มพิษที่ค้นได้จากตัวของคนร้าย และเข็มแบบนี้ มีใช้เฉพาะนักรบ ทมิฬพะยะค่ะ"
ทังโนมาถึงก็รีบถามแชบู "อ้อ ฝ่าบาททรงเป็นไงบ้าง ข้าจะเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้ ช่วยทูลด้วย"
"งั้นท่านโปรดรอซักครู่"
แชบูเข้าไปและออกมาบอกว่า "รับสั่งว่ายังไม่อยากพบใคร"
"ทำไมอย่างงั้นล่ะ แม้แต่ข้าก็ไม่ให้เฝ้าหรือ"
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน จบ 9
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 10
ราชเลขาวางแผนร้ายกำจัดทังโนด้วยการถวายคำแนะนำพระเจ้าเทโซทรงบีบคั้นโทจิน
ทังโนกลับมาคิดมากที่พระราชาเทโซไม่ให้เข้าเฝ้า ยอนจึงอาสาไปด้วยอีกครั้ง พอไปถึงแชบูก็บอกว่า
"เราก็กำลังจะไปเชิญอยู่พอดี ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าอยากพบท่าน"
"อ้อ หึ เจ้ารอพ่ออยู่นี่ก่อนนะ"
ทังโนบอกยอน ก่อนจะเข้าเฝ้าพร้อมกับแชบู
"ฝ่าบาท"
"อ้อ มาแล้วหรือ"
"ทรงเป็นไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่ไหมพะยะค่ะ"
"ปลอดภัยดี"
" หม่อมฉัน พอได้ยินว่าฝ่าบาทถูกปองร้าย ก็เป็นห่วงจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นว่าทรงปลอดภัยดี หม่อมฉันค่อยโล่งใจหน่อย แล้วนี่ เป็นฝีมือใครกันแน่ พระราชายูริหรือพะยะค่ะ"
"ไม่ใช่"
"ถ้าอย่างงั้น จะเป็นใครได้"
"อาจเป็นฝีมือแม่ทัพ "โมเป" ที่ไปทำศึกอยู่กับแคว้น "คูตา" ก็ได้"
ทังโนแปลกใจ "แน่ใจว่าเป็นเขาหรือพะยะค่ะ"
"คนร้ายที่ถูกจับ ได้เอ่ยชื่อเขาออกมา" แชบูกล่าว
"ฝ่าบาท งั้นหม่อมฉันจะไปจัดการเขาเอง"
" ไม่ต้องหรอก ทหารที่คิดกบฏ ข้าจะส่งคนไปปราบเอง ท่านอยู่เมืองหลวงคอยคุ้มครองข้าดีกว่า แต่ว่า ข้าอยากให้ทหารที่อยู่กับท่านไปช่วยปราบกบฏด้วย"
"ไม่มีปัญหาพะยะค่ะ หม่อมฉันจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้"
และเมื่อพวกมูยุลออกจากบ้านของทังโนแล้ว แชบูก็สั่งพวกมูยุลให้ไปสังหารทุกคนในครอบครัวของทังโนให้หมด
มูยุลย้อนถามว่า "ท่านแน่ใจหรือว่าเขา คิดร้ายต่อฝ่าบาทน่ะครับ"
แชบูยืนยัน "แน่ใจ"
โทจินค้าน "ยังไงข้าก็ไม่เชื่อ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้"
แชบูหันไปสั่งหัวหน้า ท่านหัวหน้า นักรบทมิฬกล้าขัดรับสั่งได้ยังไง ขอเพียงมีพระบัญชา แม้แลกด้วยชีวิตก็ต้องทำงานไม่ใช่หรือ"
"ขอโทษด้วยครับ"
"เจ้ากล้าบังอาจขัดรับสั่งเชียวหรือ"
โทจินกล่าวว่า "ข้าจะขอเฝ้าฝ่าบาทก่อน ข้าจะขอเข้าเฝ้า ทูลถามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถ้าไม่รู้ความจริง ข้าจะไม่ทำงาน"
"งั้นก็ได้ ตามข้ามา"
พระราชาเทโซถามโทจินว่ามีธุระอะไร
"หม่อมฉัน จะมาทูลถามเรื่องบางอย่างพะยะค่ะ ได้ยินว่า ท่านอำมาตย์คิดปองร้ายเป็นความจริงหรือพะยะค่ะ"
"จริง"
"เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ความจงรักภักดีของท่านอำมาตย์ เป็นที่รู้กันทั่วเมือง หม่อมฉันว่า น่าจะเป็นแผนชั่ว"
" หึ ใต้เท้าแชบู พวกนี้ คืออาวุธลับที่นักรบทมิฬใช้อยู่ คนร้ายที่ถูกจับ บอกว่าท่านอำมาตย์เป็นผู้บงการให้เขามาเอาชีวิตข้า ทีแรกข้าก็ไม่เชื่อ นึกว่าตัวเองฟังผิด แต่มีหลักฐานยืนยันต่อหน้า แล้วใครจะปฏิเสธแทนเขาได้" โทจินอึ้งไป
แชบูกล่าวต่อ "ในตัวของคนร้าย ยังมีจดหมายของท่านอำมาตย์ด้วย ซึ่งเป็นลายมือของเขาจริงๆ"
" ตอนนี้จะเชื่อหรือยัง ไปซะ ไปสังหารทังโนเดี๋ยวนี้ ข้ารู้ว่าเขา เอ็นดูเจ้ามากและถือเสมือนลูกชายคนหนึ่ง แต่ว่า ตอนนี้เขาเป็นโจรกบฎแล้ว เจ้าต้องกำจัดเขาโดยเร็ว ถือจะพิสูจน์ความภักดีได้"
มาโนถามมูยุลว่า "เจ้าคิดยังไง เชื่อว่าเป็นท่านอำมาตย์จริงหรือ"
"อ๋องเทโซเชื่อว่าอย่างงั้น เราจะทำไงได้ ถ้าไม่มีเรา คนอื่นก็ลงมือแทน และถ้าขัดคำสั่ง เราก็ต้องตาย
"แล้วคุณหนูล่ะ เจ้าจะฆ่าคุณหนูด้วยหรือ เจ้าเป็นไรไปน่ะ กลายเป็นคนเลือดเย็นตั้งแต่เมื่อไหร่"
"เราต้องไปทำงาน ถึงจะช่วยคุณหนูได้ เจ้าไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ทำตามที่สั่ง แล้วจะช่วยคุณหนูได้"
ทังโนกลับถึงบ้าน หัวหน้าคนหนึ่งก็รายงานว่า
"ฝ่าบาทกับใต้เท้าแชบู บอกว่ามีคนคิดก่อกบฎ จึงให้หัวหน้าครูฝึก และมูยุล โทจิน มาโนไปเข้าเฝ้าในวังน่ะครับ"
"เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า วันนี้ข้าก็ไปเฝ้ามา ไม่เห็นพูดเรื่องนี้เลย ถ้าจะส่งนักรบทมิฬไปด้วย ทำไมไม่มีรับสั่งถามข้าก่อน"
หัว หน้ากล่าวว่า "เพราะคนที่ฝ่าบาทและใต้เท้าแชบูเชื่อว่าก่อกบฎ ก็คือท่านนี่แหละครับ เลยจงใจโยกย้ายทหารของท่านออกไป ทั้งหมดนี้เป็นแผนที่วางไว้ทั้งนั้น"
ทังโนเรียกยอนมาพบด่วน ยอนเห็นสีหน้าของบิดาก็แปลกใจ
"ทำไมสีหน้าแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"อ้อ เปล่าลูก เฮ่อๆๆ ลูกยอน"
"คะ?"
"พ่อมีงานอยากให้เจ้าทำหน่อย"
"เชิญสั่งมาได้"
"เจ้าไปเมืองแพกัม เดี๋ยวนี้ ขอพบเจ้าเมืองที่นั่น และเอาของสิ่งนี้ มอบให้เขาด้วย นี่เป็นเรื่องสำคัญ รีบออกเดินทางเถอะ"
"มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ"
"ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น ทำตามที่พ่อสั่ง"
"ได้ค่ะ"
"พ่อบ้านเข้ามาซิ หนทางยาวไกล ดูแลคุณหนูดีๆ ล่ะ รีบไปเร็วเข้า"
"ถ้าอย่างงั้น พอกลับมาข้าจะไปค่ายฝึกทันทีนะคะ"
"ได้ ลูกยอน ระวังตัวด้วยนะ"
"หึ ค่ะท่านพ่อ"
พอพวกโทจินบุกเข้ามา มูยุลรีบบอกมาโนให้ช่วยกันหายอนก่อน ส่วนโทจินนั้นทังโนของคุยเป็นการส่วนตัว
"โทจิน"
"ใต้เท้า"
" ตอนนี้เจ้ารู้สึกยังไง ข้ารู้ดี แต่ว่า ฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อข้าอีกแล้ว เจ้าจงทำตามรับสั่งเถอะ น่าเสียดายที่ข้า ต้องจากไปทั้งที่ยังไม่ได้เห็นเจ้าได้ลืมตาอ้าปาก แต่เพื่อเห็นแก่ฝ่าบาท เห็นแก่พูยอและพ่อของเจ้า ไม่ว่ายังไงก็ตาม เจ้าต้องกอบกู้วงศ์ตระกูลให้ได้ ข้ามีเรื่องสุดท้าย จะขอร้องเจ้า คือลูกยอน ขอฝากให้เจ้าดูแล ให้นาง อยู่ต่อไป เจ้าต้องปกป้องนางไว้ อย่าให้มีอันตราย"
"ข้าจะทำตามที่สั่ง จะดูแล ปกป้องนางอย่างดีที่สุด"
"ขอบใจมาก เอาล่ะ ทำหน้าที่ของเจ้าได้แล้ว ถ้าเจ้าลงมือเอง ฝ่าบาทจะยิ่งพอพระทัย เร็วเข้า"
โทจินลำบากใจยิ่งนัก "อภัยให้ข้าด้วย"
แชบูรู้ก็ดีใจที่กำจัดทังโนได้ และสั่งให้ตามหายอนและเก็บนางทันที หัวหน้าบอกว่ามูยุลกับมาโนกำลังตามหาอยู่
ระหว่างทางยอนเห็นทางที่ไปผิดปกติผิดทาง จึงถามพ่อบ้าน พ่อบ้านจึงมอบจดหมายของทังโนให้
" ลูกยอน ขณะที่ลูกได้อ่านหนังสือนี้ พ่อคงไม่อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว พ่อเป็นคนโง่ ไม่ทันคิดว่าสิ่งที่เกิด มันเป็นแผนชั่ว ตอนนี้ฝ่าบาททรงระแวงว่า พ่อจะคิดร้ายต่อพระองค์ ลูกยอน ลูกต้องอยู่ต่อไปให้ได้ รีบออกจากพูยอซะ แล้วลืมทุกอย่างให้หมด อย่าโกรธแค้นพูยอ และยิ่งอย่าตำหนิฝ่าบาทด้วย อย่าให้ความโกรธแค้น บดบังจิตใจที่ดีงามของเจ้า ไม่ว่ายังไง เจ้าก็ต้องอยู่ต่อไป"
ยอนร้องไห้ "หา ฮือ"
"เสียดาย ที่พ่อไม่ได้อยู่กับเจ้าอีก ขอโทษด้วยนะ"
"คุณหนู รีบเดินทางต่อเถอะครับ"
"ไม่ เราไม่ควรไปแบบนี้ ฮือ ข้าจะไปเข้าเฝ้า ฮือ ทูลความจริงให้รู้"
" ไม่มีประโยชน์หรอกครับ กลับไปก็มีแต่ตายลูกเดียว ฮือ ข้าให้คนจัดเรือ มารอรับคุณหนูแล้ว ก่อนจะมีคนตามมา เราต้องลงเรือให้ได้น่ะครับ ถือว่าข้าขอร้องล่ะ ฮือๆ"
พวกทหารตามมา พ่อบ้านร้องลั่น ยอนเองก็ตกใจ มูยุลรีบเตือนสติยอน
"จะมีทหารตามมาอีก รีบไปจากที่นี่เร็ว"
"พาข้า กลับไปเมืองพูยอเดี๋ยวนี้ ข้าจะพูดกับฝ่าบาท ให้ทรงเข้าพระทัย"
"หึ ไม่ได้หรอกครับ มันสายไปแล้ว รีบไปเร็วเข้า"
มาโนกล่อม "เชื่อฟังมูยุลเถอะครับ เพราะท่านอำมาตย์ ได้เสียไปแล้ว" ยอนร้องไห้โฮ
พระราชาเทโซตรัสถามแชบูว่า เหตุการณ์เป็นไงบ้าง
"ฝ่าบาท โทจินสังหารทังโนไปแล้ว"
"เป็นฝีมือโทจินจริงหรือ"
"จริงพะยะค่ะ แต่ว่า คุณหนูยอนกลับหนีไปได้ แต่ทหารกำลังตรวจค้นอยู่ ไม่นานคงมีข่าวพะยะค่ะ"
"ไม่ต้องไปหานาง สั่งการไป ไม่ต้องตามหายอนอีก"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
000000000000000
เคยูพาเฮยาไปบ้านทังโนแล้วกลับมารายงานพระราชายูริ
พระราชายูริตรัสถาม "ใต้เท้าทังโนตายแล้วจริงหรือ"
เฮยายืนยัน "เพคะ"
คูชูสงสัย "มันน่าแปลกนะพะยะค่ะ ทังโนเป็นผู้บังคับบัญชากลุ่มนักรบทมิฬ อีกทั้งมีผลงานที่สังหารทูตชิลลาได้ด้วย"
"ไม่มีใครรู้สาเหตุเลยหรือ" พระราชายูริตรัสถาม
เฮ ยาตอบว่า "คนใกล้ชิดล้วนถูกสังหารหมด ทำให้ไม่รู้รายละเอียดเพคะ ตอนนี้อ๋องเทโซ เหลือคนสนิทเพียงคนเดียว คือใต้เท้าแชบูที่เน้นนโยบายสงคราม เชื่อว่าอีกไม่นาน ทางพูยอต้องมากดดันเราแน่เพคะ"
"ข้าก็คิดอย่างงั้น ท่านไปสั่งการให้ตรึงกำลังชายแดนไว้ ส่วนเฮยา หาวิธีป้องกันการรุกรานของพูยอ"
ทางด้านซังกากับแพกึยก็ได้รับรายงานจากบ่าว
"ไม่เพียงแค่เผ่าพีรู แม้แต่เผ่าอื่นก็ถูกจับตาความเคลื่อนไหวหมดน่ะครับ" บ่าวว่า
แพกึยคิดว่า "ข้าว่าคงเป็นความคิดของหัวหน้าหน่วยข่าวกรองคนใหม่"
ซังกาถาม "เป็นผู้หญิงที่ชื่อเฮยาใช่ไหม"
"ใช่ครับ และเคยช่วยงานองค์ชายแฮเมียงด้วย"
"เจ้าแฮเมียงตายแล้วยังมาสร้างปัญหาอีก"
"ข้าจะจัดการนางเอง"
"แต่ดูเหมือนฝ่าบาทจะไว้ใจนางมาก มีแผนอะไรหรือเปล่า"
แพกึยไปพบมาวังบอกว่าต้องการซื้อผู้หญิงที่ชื่อเฮยา มาวังถึงกับตกใจ
องค์ชายยอจินซึ่งทรงเบื่อหน่ายต่อราชกิจนั้น ทรงเสด็จออกวังหลวงโดยชวนชูพักโซไปด้วย แม้ว่านางในจะห้ามแล้วก็ไม่ทรงฟัง
พักโซทูลถาม "จะเสด็จออกข้างนอกจริงหรือพะยะค่ะ"
"ท่านก็อยากออกไปไม่ใช่หรือ"
"แต่ไปกับองค์ชายคงเป็นเรื่องใหญ่ หม่อมฉันรับผิดชอบไม่ไหว"
"อย่าห่วงเลยน่ะ ถ้าเกิดเรื่อง ข้าจะรับผิดชอบเอง"
"รับสั่งแน่หรือเปล่า"
"คำไหนคำนั้น"
พัก โซพาองค์ชายยอจินเข้าไปในตัวเมือง องค์ชายยอจินทรงตื่นตาตื่นใจมาก พักโซพาองค์ชายไปที่หอนางโลม แต่องค์ชายยอจินไม่ทรงชอบจึงเสด็จออก
"เดี๋ยว จะไปไหน นี่ ทำไม? ไม่ชอบที่แบบนี้หรือไง"
องค์ชายยอจินตรัสว่า "ไว้วันหลังค่อยมาเถอะ"
"โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็กลัวผู้หญิงนี่เอง"
องค์ชายยอจินทรงดุ "ข้าไม่ได้กลัว ถึงข้าจะไม่ถือยศถือศักดิ์ แต่ก็อย่าลามปามให้มาก"
พักโซรีบขอโทษ "ขอทรงอภัย"
กง ชอนคนของมาวังเห็นก็รีบไปรายงานมาวัง และบอกว่าคนติดตามองค์ชายยอจินคือพักโซนั้นเป็นคนของเฮยา มาวังจึงคิดวิธีจัดการกับเฮยาได้ทันที
องค์ชายยอจินเสด็จกลับมาก็เห็นพระมเหสีมียูทรงต่อว่านางใน
"ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เสด็จแม่ หม่อมฉันผิดเอง ไม่เกี่ยวกับยุนวาซักนิด" องค์ชายยอจินออกรับ
"หุบปาก ถ้าทำตัวเหลวไหลอีก แม่จะลงโทษนางเป็นคนแรก ชุงกึม"
"เพคะ"
"ไปบอกหัวหน้าองครักษ์ ให้ส่งคนมาเฝ้าองค์ชายให้มากขึ้น"
องค์หญิงเซยูให้คนมาส่งข่าวพระราชายูริว่าหัวหน้าเผ่าคีซานตายแล้ว
" ข้าให้ลูกไปแต่งงาน กับชนเผ่าที่ล้าหลังและไม่คุ้น สุดท้ายก็เป็นม่ายอีก เพราะคำว่าอำนาจ ทำให้ลูกๆ ของข้าต้องประสบเคราะห์กรรมอยู่เรื่อย"
"ฝ่าบาท" คูซูเห็นใจพระราชายูรินัก
"ท่านเป็นตัวแทนข้าเดินทางไปเผ่าคีซาน แสดงความเสียใจกับพวกเขา"
"พะยะค่ะ"
พวก โทจิน มูยุลและมาโนจับตัวนับรบคนหนึ่งได้ ว่าเป็นคนเปิดเผยความลับทำให้ทังโนต้องตาย แต่นักรบไม่ยอมบอกว่าใครอยู่เบื้องหลังแผนการนี้ แม้ว่าจะซ้อมนักรบคนนั้นแล้ว หรือพูดดีก็แล้ว
มูยุลกล่าวว่า "เฮ่อ แม้เจ้าจะทายถูก เขาอาจรู้เบื้องหลังอะไรบางอย่าง แต่ถ้าไม่ยอมพูด เราก็ไม่มีวันรู้ว่า ใครเป็นผู้บงการ"
"คนที่เขาปกป้องขนาดนี้ ข้าว่าอาจไม่ใช่คนธรรมดา ถึงได้กลัวเขานัก" มาโนว่า
โทจินแค้น "ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ต้องทำให้มันพูดให้ได้"
"ทำยังไง"
"ถ้าไม่ยอมเปิดปากอีก ข้าจะฆ่าเขา เขาต้องเกี่ยวข้องกับการตายของท่านอำมาตย์แน่ ถ้าเราสืบต่ออีกหน่อย จะรู้ตัวผู้บงการในไม่ช้า"
" ต่อให้มีหลักฐานยืนยัน แล้วคิดว่าฝ่าบาทจะเชื่อหรือ ใครจะยอมรับว่าตัวเองตัดสินใจผิด ยิ่งถ้าสืบต่อไป ฐานะเจ้าจะยิ่งมีอันตรายมากกว่า" มูยุลเตือน
"ข้าไม่สนใจ"
"โทจิน"
" ที่อยู่ทุกวันนี้ ข้าก็เหมือนตายทั้งเป็น ขณะที่ทุกคนรังเกียจข้า หาว่าเป็นลูกกบฎ มีแต่ท่านอำมาตย์ที่คอยดูแล เขามีบุญคุณต่อข้ามาก แต่แล้ว ข้ากลับต้องฆ่าเขา ถ้าพวกเจ้ากลัวก็อย่ามายุ่ง"
แชบูมาที่ห้องพักของนักรบ และกล่าวว่า
" ช่วงนี้ ข้าจะมาเป็นผู้บังคับบัญชาแทนชั่วคราว ตั้งแต่นี้ไป พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า ข้าจะให้ไปดูลาดเลาที่เมืองชิลลา และสำรวจฐานที่มั่นของนักรบทมิฬ ไปคราวนี้ อาจต้องใช้เวลาเป็นปีขึ้น"
โทจินถาม "ท่านบอกว่า ให้ไปแคว้นชิลลาหรือ"
" ใช่ ตราบใดที่ทำงานไม่สำเร็จ ห้ามกลับมาพูยอเด็ดขาด พวกเขาจะเป็นลูกน้อง ตามเจ้าไปทำงานที่แคว้นชิลลาด้วยกัน พรุ่งนี้พอฟ้าสาง ให้เดินทางทันที"
มูยุลถามโทจินว่า "ได้ยินว่าเจ้าจะไปชิลลา จริงหรือเปล่า"
โทจินบอกเสียงในลำคอ "อึม"
"ทำไมจู่ๆ ถูกส่งไปที่นั่น"
"ใต้เท้าแชบูมาเป็นหัวหน้าใหม่ของเรา เขาต้องไม่ชอบข้าแน่ เพราะแต่ไหนแต่ไรก็ระแวงว่าข้าจะคิดไม่ซื่ออยู่แล้ว"
"แล้วคิดทำไง"
" ยังไงก็ต้องไป ถึงเขาบอกว่าแค่ปีเดียว แต่คงไม่ยอม ให้ข้ากลับมาพูยอ ง่ายๆ หึ มูยุล หลักการต่อสู้ที่ข้ารวบรวม อาจมีประโยชน์ต่อเจ้า"
"อ้า เป็นสมบัติชิ้นเดียว ที่พ่อแม่ข้าเหลือไว้" มูยุลมอบของสำคัญที่สุดให้โทจิน
"ทำไมมาให้ข้า"
"เพราะว่าเจ้า เป็นเพื่อนรักของข้าไง"
และคืนนั้นโทจินก็สังหารคนที่ติดตามเขาไป แล้วหลบหนีไป มูยุลกับมาโนรู้เรื่องก็ตกใจมาก
0000000000000000
องค์หญิงเซยูเสด็จกลับมาพร้อมกับคูชู พระราชายูริแสดงความเสียพระทัย
"เป็นความผิดของพ่อเอง"
"หึ หม่อมฉันก็อยากให้เสด็จพ่อเห็นว่าหม่อมฉันมีความสุข ทรงอภัยด้วย เพคะ"
"อย่าพูดอย่างงั้น กลับมาก็ดีแล้ว"
" เพราะหัวหน้าเผ่าสิ้นใจกระทันหัน หม่อมฉันกลัวว่าความสัมพันธ์จะเหมือนเดิมหรือเปล่า โชคดีที่หัวหน้าเผ่าคนใหม่ยืนยันว่าจะจงรักภักดี รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็จะมาเข้าเฝ้าด้วยตัวเองพะยะค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ ความดีขององค์หญิงเซยู ซึ่งใครก็นึกไม่ถึง ว่าคนที่นั่นจะนับถือองค์หญิงมาก"
"ให้นางตำหนิข้าซักนิดยังจะดีกว่า ไม่อย่างงั้น นางก็ต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว"
"ฝ่าบาท"
องค์หญิงเซยูเสด็จออกมาพบกับเคยูทรงเข้าไปทัก
"หึ มาดูอะไรอยู่แถวนี้"
"คือ หม่อมฉัน หึ"
"เจ้าชื่อเคยูใช่ไหม"
"เอ่อ องค์หญิงยังจำ ชื่อหม่อมฉันได้หรือพะยะค่ะ"
"เจ้าเคยเป็นลูกน้องของเจ้าพี่แฮเมียง ข้าจะลืมได้ยังไง หึ ข้ามีเรื่องจะรบกวนหน่อย"
"เชิญรับสั่งมาได้"
"ได้ยินว่าเฮยามาอยู่ในวังแล้วใช่ไหม"
"พะยะค่ะ"
"อย่าให้ใครผิดสังเกต เจ้าไปบอกนางมาพบข้า ที่ตำหนักซักครั้ง"
เฮยารีบมาเฝ้าองค์หญิงเซยู
"รับสั่งให้หาหรือเพคะ"
"เชิญนั่ง หึ เชิญดูก่อน เป็นแผนที่ค่ายฝึกนักรบทมิฬของแคว้นพูยอ"
"แล้วทำไม มาอยู่กับองค์หญิงได้"
"คนของเผ่าคีซานไปหาความลับมาได้ เพราะมีคนของเผ่าคีซาน ร่วมฝึกอยู่ในนั้นด้วย เขาปลอมตัวแนบเนียนไม่มีใครรู้ แอบทำงานให้ข้าอยู่"
"ได้ยินว่าที่นั่นเข้มงวดมาก แล้วทำไม สามารถส่งข่าวออกมาได้ล่ะพะยะค่ะ"
"ทุก 3 เดือน เราจะนัดเจอในสถานที่ๆ หนึ่ง ข้าอยากให้พวกเจ้าได้รู้จักด้วย"
"เพคะ หม่อมฉันจะไปด้วยตัวเอง"
แล้วแชบูก็รู้ว่ามีพวกนักรบที่เป็นหน่อนบ่อนไส้ จึงทูลให้พระราชาเทโซรับทราบ
"เมื่อกี้ท่านบอกว่าไงนะ นักรบทมิฬของเรา มีหนอนบ่อนไส้งั้นหรือ"
"ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ"
"แล้วรู้มั้ยว่ามันเป็นใคร"
"พวกโกคูรยอพะยะค่ะ เราพบข่าวสารบางอย่าง ที่สายลับคนนี้เตรียมจะส่งไปให้ทางโกคูรยอ จึงเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับพวกเขา"
มูยุลกับมาโนถูกตามตัวเข้าไปพบพระราชาเทโซและแชบู
"ก่อนหน้านี้พวกเจ้าเคยมีผลงานต่อพูยอไม่น้อย ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีงานสำคัญ อยากให้พวกเจ้าไปทำอีก" พระราชาเทโซตรัส
แชบูสั่งต่อ "เดินทางไปโกคูรยอ สังหารพระราชายูริ เอาของมา"
" นี่คือ กระบี่ที่ข้ามอบให้พวกเจ้าโดยเฉพาะ จงเอากระบี่เล่มนี้ แทงเข้าสู่หัวใจของยูริซะ เมื่อทำงานสำเร็จแล้วกลับมา พวกเจ้าจะได้เป็นชนชั้นสูงของแคว้นพูยอ ได้เสพสุขอย่างไม่สิ้น ชั่วลูกชั่วหลานตลอดไป"
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน จบ 10
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
0 comments:
Post a Comment