Monday, May 11, 2009

ลีซาน - เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - ลีซาน (63)-(64)

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 63

ซองซงยอนตั้งใจเรียนรู้ระเบียบในวัง
พระเจ้าจองโจเสด็จมาทอดพระเนตร

"จริงหรือนี่ เพราะลืมตัวไปพูดอ่อนน้อม
เลยถูกพวกนางตักเตือนงั้นหรือ"

"ใช่แล้วเพคะ
ให้หม่อมฉันพูดเสียงแข็งกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ทำยังไงก็รู้สึกไม่ชินน่ะเพคะ"

" ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ พออยู่ไปนานๆ เจ้าจะชินเอง แต่จะว่าไปแล้ว
ข้าก็ต้องถูกพวกนางตำหนิเหมือนกัน เพราะไม่เห็นต้องสำรวมอะไร คุยกับเจ้าเหมือนปกติ"

"แสดงว่าข้าต้องเข้มงวดกับเจ้าบ้าง จะได้เป็นงานเร็วขึ้น เป็นไง พอไหวมั้ย"
"หึ ฝ่าบาท"

" เฮ่อๆๆ แย่จริง แค่วางมาดก็เหนื่อยแล้ว เฮ่อๆๆ"
พระเจ้าจองโจทรงจับมือซองซงยอน "ช่างเหมือนความฝันจริงๆ ได้มาเดินเล่นกับเจ้า
ท่ามกลางอากาศที่อบอุ่น จริงสิ หมู่นี้ทางเสด็จแม่เป็นไงบ้าง หลายวันแล้ว
ยังไม่ให้เจ้าเข้าเฝ้าอีกหรือ"

"เอ่อ ไม่ใช่หรอกเพคะ วันก่อน หม่อมฉันไปตอนเย็นก็ได้เข้าเฝ้าแล้ว"
"หึๆๆ ฝ่าบาท"

"นี่ จริงหรือเปล่าน่ะ"

ทั้งที่ความจริงพระพันปีเฮคยองไม่ทรงยอมให้ซองซงยอนเข้าเฝ้าแม้แต่ครั้งเดียว
จนยางซังกุงคนสนิทไม่อยากให้ซองซงยอนไปเฝ้าแล้ว
และครั้งนี้ก็ไปเฝ้าแต่ยางซังกุงถอนใจจนซังกุงของพระพันปีเฮคยองไม่พอใจต่อ
ว่าเสียงดัง จนพระพันปีเฮคยองต้องออกมาถาม

"มีเรื่องอะไร ถึงได้เสียงดังนัก ที่นี่เป็นวังหลวง ต่อให้โง่เง่ามาจากไหน ไม่รู้หรือว่าอยู่ในวังต้องสำรวมน่ะ"

"ทรงอภัยด้วยเพคะ เอ่อ เสด็จแม่เพคะ เสด็จแม่ หม่อมฉัน มาขอถวายบังคม"


" เจ้าเรียกข้าว่าไงนะ เสด็จแม่หรือ ใครอนุญาตให้เจ้ามาเรียกข้าแบบนี้
ข้าไม่เคยยอมรับคนอย่างเจ้าเป็นสะใภ้ ฉะนั้น ทีหลังห้ามเรียกข้าว่าเสด็จแม่อีก
เข้าใจมั้ย" พระพันปีเฮคยองเสด็จไป

ยาง ซังกุงบ่นเลย "เฮ่ย เห็นมั้ยล่ะคะ
ข้าบอกแล้วก็ไม่ฟัง มาก็ถูกลบหลู่เปล่าๆ ถ้าไง ข้าว่าเรื่องนี้ไปทูลพระมเหสีดีกว่า
พระนางเคยตรัสว่า ถ้ามีปัญหาก็ไปทูล"

"อย่าทำอย่างงั้น นี่เป็นเรื่องเล็ก
อย่าให้พระมเหสีไม่สบายพระทัยดีกว่า ฉะนั้นท่านไปบอกนางในทุกคน ให้ระวังปากคำหน่อย
เรื่องนี้อย่าบอกให้ใครฟัง รู้หรือเปล่ายางซังกุง"
"จริงเพคะ หึ"

ฮงกุกยองเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ ทรงตรัสถามว่าทุกคนเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม
ฮงกุกยองทูลว่าเรียบร้อย
"เฮ่อ เจ้าค่ะ นายหญิง"

" ดีมาก
งั้นไปเลย"เดี๋ยว พะยะค่ะ การเสด็จออกไปคราวนี้ ด้านหน้ามีพวกเทซูถวายอารักขาก็จริง
แต่รอบข้างจะมีองครักษ์แอบซ่อนอยู่ด้วย
เพราะเรื่องปลงพระชนม์คราวก่อนยังจับคนร้ายไม่ได้ เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย
ขอทรงอนุญาตให้ทำตามนี้ด้วย"

" พระ เจ้าจองโจเสด็จไป
และพบพ่อค้ารายย่อยถูกคนของพ่อค้ารายใหญ่ทำร้าย จึงสั่งให้พวกเทซู
คังซกกีและซอจังบูไปช่วย และพาพวกพ่อค้ารายย่อยมาพบพระองค์
งั้นก็ได้
ถ้าอย่างงั้นรีบไปเร็วเข้า เรามีงานต้องทำอีกมาก"

"
ยังจำข้าได้ไหม"ชายหลายคนตกใจ "ฝ่าบาท"

แล้วพระเจ้าจองโจก็ทรงบอกว่าจะยกเลิกสัมปทานการค้า พ่อค้าเหล่านั้นตกใจ

" ก็เหมือนที่บอกเมื่อกี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป
ข้าจะไม่ให้มีการผูกขาดทางการค้าอีก ใครเป็นผู้ค้ารายย่อย
ก็มีสิทธิ์ค้าขายได้อย่างเสรี"

" ฝ่าบาท"คราวนี้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
ข้าก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เพื่อยืนยันคำมั่น ข้าเลยมาด้วยตัวเอง"


"
ฝ่าบาท ทรงมีสัญญาอะไรหรือพะยะค่ะ"ท่านลืมแล้วหรือ ตอนข้ายังเป็นองค์ชายอยู่
เคยมาสัญญากับพวกท่านที่นี่ไง"

"
หา อึมๆ องค์ชาย
โปรดอย่ารับสั่งอย่างงั้น ถึงเกิดอะไรขึ้น เราก็ไม่โทษองค์ชายเลย แม้จะแค่ไม่กี่วัน
องค์ชายก็เมตตา ให้พวกเราได้ค้าขาย โดยไม่มีใครมารังแก นี่เป็น
สิ่งที่เราไม่เคยนึกฝันด้วยซ้ำ แล้วทำไม องค์ชายยังมารับสั่งแบบนี้อีก"

"

"
ฟังข้าก่อน"ต่อ ให้ ตอนนี้ต้องกลับไปเหมือนเดิม
เราก็ไม่โทษองค์ชายเลยซักนิด เพราะอย่างน้อย องค์ชายก็ทรงช่วย
ให้คนต่ำต้อยอย่างพวกเรา ได้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีบ้าง
ชาตินี้เราจะไม่ลืมพระเมตตาขององค์ชายเลย"

"
ไม่ หรอก เมตตาอะไรกัน
ไม่มีซักนิด แต่ว่าข้าขอให้สัญญากับทุกท่านไว้ อนาคตต้องมีซักวัน
ที่ฝันของพวกท่านจะได้เป็นจริง และถึงตอนนั้น จะไม่ใช่แค่ความฝันสั้นๆ
ไม่กี่วันเท่านั้น"

"
องค์ชาย"

เมื่อ
กลับเข้าวังหลวงก็มีรับสั่งให้ฮงกุกยองออกประกาศ พวกพ่อค้ารายย่อยพากันดีใจ
แต่พวกพ่อค้ารายใหญ่ต่างไม่พอใจและพากันมารวมตัวหน้าวังหลวง
พระเจ้าจองโจทรงตรัสถามฮงกุกยอง

"

"
เหตุการณ์ข้างนอกเป็นไงบ้าง"เหล่าพ่อค้าทั้งงดขายของและนำสินค้าไปเผาทิ้ง
ทหารพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะ แต่ปัญหาดูจะยิ่งลุกลามพะยะค่ะ"

และทรงตรัสถามแชจีคยอมว่า

"
ของที่จะส่งให้พ่อค้ารายย่อยแถว
ยียอง และ ฉิกแพ เป็นไงบ้าง"

"
โชคดีที่ว่า สินค้าจาก ซงพอ และ โนวาน
มาถึงตรงเวลา ไม่มีปัญหาพะยะค่ะ"

"

"
ราคาโดยรวมผันผวนมั้ย"เนื่องจากสินค้าขาดตลาด ทำให้ราคาเกลือพุ่งขึ้น 3 เท่า
ข้าวสาลีขึ้น 2 เท่าพะยะค่ะ"

"

พ่อค้ามาซื้อขายกันคึกคัก
เรื่องนี้พระหมื่นปีจองซุนทรงทราบก็กระหยิ่มในใจ
ได้
เวลาปล่อยสินค้าที่เราสำรองไว้ก่อนหน้านี้ บัณฑิตลี
คืนนี้ไปที่คลังสินค้าท่าเรือมาโพและอื่นๆ
ปล่อยสินค้าที่เราเตรียมไว้ขายให้พ่อค้ารายย่อยทั้งหมด"

"
พ่อ
ค้าเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่กุมเศรษฐกิจของบ้านเมือง ซึ่งมันจะหมายถึงอะไรบ้าง
นั่นก็แปลว่า พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ถ้าถึงคราวจำเป็นจริงๆ
อาจถึงขั้นสั่งเปลี่ยนพระราชาด้วยซ้ำ"

00000000000000000

พระมเหสีโยอึยเสด็จมาเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
และทรงได้ยินพระพันปีเฮคยองตรัสกับขุนนางเรื่องวันเลือกสนมใหม่ จึงตรัสถาม

"
เสด็จแม่เพคะ เมื่อกี้หม่อมฉันได้ยินอะไรผิดหรือเปล่า
เลือกอะไรนะเพคะ"

"
ทำไมต้องทำหน้าตกใจ ก็เลือกสนมให้ฝ่าบาทนั่นล่ะ"

"

"
เสด็จแม่"เรื่องนี้ข้าเคยพูดกับเจ้าหลายหนแล้วนี่
กำหนดคัดเลือกวันที่ 25 เดือนนี้ เจ้าจงรู้ไว้ด้วย"

"

"
แต่ตอนนี้ เราก็ได้ซงยอนมาเป็นสนมแล้ว"ซงยอนเป็นใคร แม่ไม่รับรู้
คนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกจากฝ่ายใน จะถือเป็นพระสนมได้ยังไง"

"
แต่ยังไงนางก็ได้เข้าพิธีกับฝ่าบาทแล้ว หม่อมฉันจึงอยากให้เสด็จแม่หายกริ้ว
ประทานหนังสือแต่งตั้งให้นางดีมั้ยเพคะ"

"

"

"

พระมเหสีโยอึยได้แต่ถอนพระทัย
และเสด็จไปหาซองซงยอนถามนางว่ากำลังทำอะไรอยู่
ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ยอมรับนาง"เสด็จแม่"ที่ ข้าตามเจ้ามา
ไม่ใช่เพื่อฟังความเห็นที่ไร้สาระ เพียงแต่ว่า
เรื่องนี้เจ้าควรรับรู้ไว้ก็เลยบอกให้ฟัง ตอนนี้หมดเรื่องแล้วเชิญออกไปเถอะ"

"
เห็นว่าใกล้ถึงวันประสูติของเสด็จแม่
หม่อมฉันกำลังย้อมสีด้ายปักผ้าเพคะ"

"
งานแค่นี้ให้ห้องเย็บปักทำก็ได้
ไม่เห็นต้องลงมือเองซักหน่อย"

"
หม่อมฉันอยากทำเองเพื่อแสดงถึงความกตัญญู คงไม่เป็นไรนะเพคะ"

"
หึ
ได้ยินว่าเสด็จแม่ ป่านนี้ยังไม่ยอมให้เจ้าเข้าเฝ้าอีก
เรื่องนี้ทำไมไม่เห็นบอกให้ข้ารู้ ข้าเคยสั่งไว้ มีปัญหาก็มาปรึกษาได้ไง"

"

"
ทรงอภัยด้วยเพคะ"ไม่เป็นไร ที่จริงข้าก็รู้นิสัยเจ้า
ยังบอกให้มาปรึกษาเรื่องพวกนี้อีก ว่าไปแล้ว เพราะข้าไม่ดีเอง"

"
ไม่
หรอกเพคะ หม่อมฉันฟังแล้วละอายใจนัก เรื่องของเรื่อง เพราะความไม่เอาไหนของหม่อมฉัน
เลยคิดว่า ปัญหานี้ควรแก้ด้วยตัวเองมากกว่ารบกวนพระมเหสี เพราะฉะนั้น
ไม่ต้องห่วงหม่อมฉันหรอกเพคะ อีกอย่าง
พระมเหสีอย่าเอาเรื่องนี้ไปทูลฝ่าบาทได้ไหมเพคะ เพราะทรงมีราชกิจมากมาย
หม่อมฉันไม่อยากให้ตัวเองเป็นภาระให้ฝ่าบาทอีก"

"

"

โชบีมาแอบดูซองซงยอน แต่โดนคิมซังกุงเห็นและเรียกไปสอบถาม ว่ามาทำไม
พอรู้ว่าเป็นคนสนิทกับซองซงยอนและมาแอบดูด้วยความเป็นห่วง

ด้านพ่อค้ายังคงประท้วงไม่เลิก ฮงกุกยองเองก็เกรงว่าเรื่องจะบานปลาย
พระเจ้าจองโจทรงตรัสว่า
แต่ว่าเจ้า"เรื่อง นี้ไม่ต้องทรงเป็นห่วงหรอกเพคะ
ขอเพียงหม่อมฉันมีความจริงใจ เชื่อว่าซักวันต้องทำให้เสด็จแม่
ทรงยอมรับหม่อมฉันด้วยความเต็มพระทัย หึ"

"

"
ไม่กี่วัน
สินค้าก็ขาดตลาดแล้วหรือ"พะยะค่ะฝ่าบาท ที่เราสำรองไว้ก็มีจำนวนจำกัด
ถ้าเหตุการณ์ยืดเยื้อไปซัก 10 วัน ความเดือดร้อนก็จะไปถึงราษฎรแน่นอน"

"
ไม่ สี่วันก็พอแล้ว เพื่อรับมือสถานการณ์นี้ เราจะมีสินค้าจากต้าชิง
ซึ่งพอประทังได้ 1 เดือน รอแค่เรือมาเทียบท่าเท่านั้น อ้า นี่คือแนวทางขั้นต่อไป
ไปบอกพวกพ่อค้าให้รู้ ใครที่ยอมรับนโยบายการค้าเสรี และเลิกประท้วงโดยการหยุดค้าขาย
จะได้รับการผ่อนปรนด้านภาษี เราใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งพร้อมกัน คิดว่าน่าจะได้ผล"

"

"
ทราบแล้วพะยะค่ะ"แต่ ว่า แค่นี้พวกเขาอาจจะไม่ยอมง่ายๆ
ถ้าอย่างงั้น เอานี่เป็นหลักฐานจับกุมพ่อค้ารายใหญ่ ชองแทยอง ลีจินเช และ
ปาร์คยอนอู มาซะ ถ้ารู้ว่าทางการมีหลักฐานทุจริตของพวกเขาอยู่ในมือ
ไม่นานก็จะยอมอ่อนข้อเอง"

"
เอ่อ ฝ่าบาท" แชจีคยอมจะค้าน

"

นัม ซาโชเข้ามาทูลว่าพระพันปีเฮคยอมไม่ยอมเสด็จไปร่วมงานเลี้ยงวันประสูติ
พระเจ้าจองโจจะเสด็จไปเฝ้า แต่นัมซาโชบอกว่าตอนนี้พระมเหสีโยอึยเฝ้าอยู่
แต่
ก็เป็นไปได้ว่า พวกเขาจะดื้อแพ่งถึงที่สุด แต่ว่า ข้าก็ยังมีไม้ตายอีก
ถึงตอนนั้นค่อยบอกให้รู้อีกที แต่ตอนนี้ หวังว่าคงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น"

"
เสด็จ แม่ ยังไงวันนี้ก็เป็นวันประสูตินะเพคะ
แล้วจะไม่เสด็จไปงานเลี้ยงได้ยังไง หึ โปรดทรงหายกริ้วและเสด็จไปร่วมงานเถอะเพคะ
ทุกปีฝ่าบาทต้องจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อถวายพระเกียรติแด่เสด็จแม่
โปรดทรงเห็นแก่ความกตัญญูของฝ่าบาท"

"

"

"

"

"

พวก โชบี ลีชอง ช่างเขียนตั๊ก มีซู
ต่างมาหาถามดัลโฮเพราะคิดถึงและเป็นห่วงซองซงยอนมาก แต่ดัลโฮก็ไม่เคยได้พบเธอเลย
พอดีซองซงยอนก็ปรากฏตัวเดินเข้ามา ทุกคนพากันดีใจ
แต่พอพระพันปีเฮคยองเสด็จมาและพบหน้าซองซงยอนก็ตรัสถามพระมเหสีโยอึย
เห็นแก่ความกตัญญูหรือ"เสด็จแม่"เตรียมชุดทังอีให้ข้า"ทราบแล้วเพคะ"เจ้าจงรู้ไว้ด้วย
ที่ข้ายอมไปร่วมงานเพื่อเห็นแก่ราชสำนักต่างหาก"

"
นี่มันอะไรกันน่ะชุงจอน ผู้หญิงคนนี้มาอยู่นี่ได้ไง"

"

"
เอ่อ เสด็จแม่เพคะ"ไม่ ได้ยินหรือไง ข้าถามว่าทำไมผู้หญิงคนนี้มาอยู่แถวนี้ได้
ไล่นางกลับไปตำหนักเดี๋ยวนี้ นี่ไม่ใช่ที่ๆ นางสมควรจะมา
ทำไมไม่ทำตามที่ข้าสั่งล่ะ"

"
เสด็จแม่อย่ารับสั่งแบบนี้สิเพคะ
ซองซังกุงมีสิทธิ์จะร่วมงานเลี้ยง"

"
งั้นก็ได้ ถ้านางไม่ยอมไป
งั้นข้าไปเอง"

พระเจ้าจองโจทรงเรียกไว้ "เสด็จแม่ เสด็จแม่
ทำไมต้องไล่นางกลับไปพะยะค่ะ"

"
เรื่อง นี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย
เพราะข้าจำเป็นต้องทำตามกฎของฝ่ายใน คนที่ไม่ได้รับหนังสือแต่งตั้งให้เป็นสนม
จะไปร่วมงานเลี้ยงของราชสำนักได้ยังไง"

"
เสด็จแม่"

ซอง
ซงยอนรีบทูลเตือน "ฝ่าบาท หึ เอ่อ คือ ทรงอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉัน ไม่รู้กฎในราชสำนัก
จึงได้ทำผิดใหญ่หลวง หม่อมฉันจะขอทูลลาเดี๋ยวนี้ พระพันปีอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ
ขอพระพันปี ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"

ซองซงยอนเดินออกมา เทซูก็ออกมาพบ

"
อ้อ เทซูๆ ไม่เจอตั้งนานแน่ะ ว่ามั้ย หึ เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วย
ความจริงข้าดีใจที่ได้เจอเจ้า แต่ไม่สะดวกที่จะทักทาย หึ เป็นไงบ้าง
สบายดีหรือเปล่า ท่านอากับท่านน้าล่ะ คนที่ศูนย์ศิลปะด้วย ทุกคนสบายดีใช่ไหม"

"
แล้วซองซังกุงล่ะครับ สบายดีหรือเปล่า ชีวิตในวัง พอจะอยู่ได้ไหม"

"
หึ ซังกุงอะไรกัน หึ เรียกอะไรอย่างงั้น ข้าไม่ชอบฟังเลย"

"
ไม่ ได้หรอกครับ ตอนนี้ท่านเป็นสนมของฝ่าบาทแล้ว ส่วนข้า เป็นแค่ทหารคนหนึ่ง
จึงต้องมีการแบ่งแยก ฉะนั้น ต่อไปขอให้ท่าน ก็ถือว่าข้าเป็นบ่าวไพร่คนหนึ่งดีกว่า"

"
หึ งั้นหรือ อย่างงี้นี่เอง ถึงข้าจะบอกให้ทำตัวเหมือนปกติ
เจ้าก็คงไม่สามารถ พูดคุยเล่นหัวกับข้าเหมือนเมื่อก่อนได้อีก หึ แต่ว่า ยังไงก็ช่าง
ข้าอยากให้เรา คบกันเป็นเพื่อนเหมือนแต่ก่อนได้ไหม ฮือ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้
แต่ข้าก็อยากให้เจ้า มองข้าเป็นซงยอนคนเดิมได้หรือเปล่า"

พระมเหสีโยอึยทรงตรัสกับพระเจ้าจองโจ

"
ทรงอภัยด้วยเพคะ
ทั้งหมดนี้เพราะหม่อมฉันไม่ดีเอง"

"
ไม่ หรอก สิ่งที่เกิดขึ้น
ต้องโทษความสะเพร่าของข้า ถ้าเป็นคนละเอียดอ่อนกว่านี้
คงไม่เชื่อคำพูดของนางว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ความกริ้วของเสด็จแม่
เพราะข้าเป็นต้นเหตุเอง แต่ทำให้นาง รวมถึงเจ้าอีกคน พลอยวางตัวลำบากไปด้วย
เพราะข้าผิดต่อพวกเจ้าจริงๆ"

"

ฝ่าบาท"จากนั้นพระเจ้าจองโจก็เสด็จไปหาซองซงยอน

"
อ้อ ฝ่าบาท
หึ ทำไมเสด็จมาเวลานี้ล่ะเพคะ หรือว่า วันนี้ทรงเสร็จงานเร็ว"

"

"
เจ้ากำลังเขียนรูปอยู่หรือ"หึ เพคะ นานแล้วที่ไม่ได้จับพู่กันเขียนภาพ แต่ว่า
ไม่รู้เพราะทิ้งไปนานหรือเปล่า ทำให้เขียนไม่ถนัดมือ มีความรู้สึกเหมือนว่า
เกิดมาไม่เคยเขียนรูปน่ะเพคะ"

"
เพราะความเห็นแก่ตัวของข้า
ทำให้เจ้าต้องเสียหลายอย่าง มีความสามารถทางด้านนี้ กลับไม่ได้ทำงานเต็มที่"

"

"

"
เอ่อ ฝ่าบาท"ขอโทษด้วยนะ
เรื่องเมื่อกลางวัน"เรื่องนี้ อย่าทรงกังวลไปเลยเพคะ
หม่อมฉันไม่ชอบเก็บเรื่องไม่สบายใจมาคิดมาก แล้วทำไมฝ่าบาท
ยังจะทรงรื้อฟื้นอีกล่ะเพคะ"

"

"

เมื่อซองซงยอนทูลเช่นนี้
ยิ่งทำให้พระเจ้าจองโจทรงรู้สึกไม่ดี เสด็จไปเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
ซงยอน"ไม่
ต้องรับสั่งขอโทษหรอกเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นไรจริงๆ และไม่ใช่แค่ปากพูดเท่านั้น
แม้แต่ในใจก็ไม่ได้คิดอะไรซักนิด ฝ่าบาททรงประทานความรักให้หม่อมฉันอย่างล้นเหลือ
น่าจะทรงทราบดีว่า หม่อมฉันขอเพียงได้ส่วนนี้มา เรื่องอื่น
ต่อให้ลำบากยากเข็ญกว่านี้ หม่อมฉันก็ทนได้เพคะ"

"
ดึก
ป่านนี้ยังมาพบแม่ มีธุระอะไรอีก ถ้าเป็นเพราะเรื่องเมื่อกลางวันละก้อ
ขอบอกว่าให้กลับไปซะ เพราะแม่ไม่อยากรู้ไม่อยากฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก"

"
หม่อม ฉันไม่ได้มาเพื่อทูลเรื่องนี้ แต่ที่มาเฝ้าเสด็จแม่
เพราะมีเรื่องอื่นจะทูลถาม ได้ยินว่า
วันนี้เสด็จแม่เตรียมจะให้คัดเลือกสนมใหม่จริงมั้ยพะยะค่ะ"

"
ใช่
แม่สั่งให้กรมพิธีการไปจัดการ แล้วเจ้าเห็นว่าไง จะบอกว่าไม่เห็นด้วยใช่ไหม
ถ้าใช่ละก้อ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีก กลับไปซะเดี๋ยวนี้"

"
ไม่พะยะค่ะ
เรื่องนี้ แล้วแต่เสด็จแม่จะโปรด
และหม่อมฉันก็พร้อมจะทำตามรับสั่งของเสด็จแม่ทุกอย่าง แต่ว่า
เกี่ยวกับเรื่องของซงยอน"

"

"
ฝ่าบาท"นาง
เข้าพิธีกับหม่อมฉันแล้ว ขาดแต่เพียงรับรองฐานะเท่านั้น หม่อมฉัน
พร้อมจะทำตามพระประสงค์ของเสด็จแม่ แต่ขอให้นางมีหนังสือแต่งตั้ง"

"

"

"
ไม่ได้หรอก ยังไงก็ให้ไม่ได้"เสด็จแม่"เจ้า
จะรับนางเป็นสนมก็แล้วแต่เจ้า แม่ก็จะรับของแม่เหมือนกัน ฉะนั้นเชิญกลับไปได้
อีกอย่าง ทีหลังถ้าจะมาพูดเรื่องของนางอีก เจ้าก็ไม่ต้องมาหาแม่อีกแล้วจะบอกให้"

"

เสด็จแม่ เฮ่อ"พระหมื่นปีจองซุนทรงตรัสกับแชซกจูว่า

"
พระพันปี ตั้งแง่รังเกียจสนมของฝ่าบาท เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดมาก่อน"

"
ได้ ยินว่า วันนี้พระพันปี สั่งให้มีการคัดเลือกพระสนมใหม่
ถึงอย่างงั้นก็เถอะ คนใหม่ที่รับมา แม้จะมีพระโอรสก็ไม่แน่ว่าจะเป็นที่ยอมรับ"

"
นั่นสิ แล้วฮงกุกยองมัวทำอะไรอยู่
เรื่ององค์ชายวานพงยังไม่มีคำตอบอีกหรือ"

"
พะยะค่ะ
เหมือนทางโน้นยังไม่กล้าตัดสินใจ"

"
อีก
ไม่นานจะมีการเสนอเรื่องรัชทายาท ฝ่าบาทอาจจะนึกเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
แม้จะเป็นคนฉลาด แต่กับเรื่องนี้ ทำเหมือนไม่สนใจใยดี เราคงไม่ต้องรอนานนักหรอก
บางคนอาจจะชอบหลอกตัวเอง แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้ให้กับทะเยอทะยาน"

0000000000

พระเจ้าจองโจทรงทราบจากฮงกุกยองว่ามีร้านค้าเปิดขายแล้ว

"
เป็นความจริงหรือนี่ ร้านค้าแถวถนนวุนจองยอมเปิดขายแล้วหรือ"

"
พะยะค่ะ เท่าที่ไปสำรวจ ปิดอยู่ไม่กี่ร้าน นอกนั้นที่เป็นร้านใหญ่
ล้วนเปิดหมดในวันนี้พะยะค่ะ"

"
แต่ว่า เรื่องนี้น่าแปลกนะพะยะค่ะ
เมื่อวานพวกเขายังดื้อแพ่ง ไม่ยอมเปิดร้านจนแล้วจนรอด ทำไมวันนี้จู่ๆ เปิดซะล่ะ"

"
แผนการขั้นที่สองของฝ่าบาท เรายังไม่ได้ใช้เลย"

"
หรือว่า พวกเขาจะเห็นด้วยกับทางการ ยุติการต่อต้านหรือเปล่าพะยะค่ะ"

"
ฝ่าบาท หม่อมฉันมาขอเฝ้า ฝ่าบาท มีพ่อค้าชื่อคิมซอนวา มาขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ"

"

"
อะไรนะ พ่อค้าน่ะหรือ"พวกเขายืนกราน
จะขอเฝ้าให้ได้พะยะค่ะ"

แชจีคยอมออกไปพาคิมซอนวาเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ

"
ท่านจะมาพูดเรื่องอะไรกับข้าอีก อยากให้ไปเจรจากับพ่อค้าหรือ
หมายความว่า อยากให้ข้าร่วมงานเสวนากับเหล่าพ่อค้าหรือไง"

"
ถูก
แล้วพะยะค่ะ ในฐานะประธานกลุ่มการค้า หม่อมฉันสู้เกลี้ยกล่อมจนทุกคนยุติการประท้วง
แต่นี่ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง จึงอยากทูลเชิญฝ่าบาทให้เสด็จไปถนนวุนจอง
รับฟังปัญหาจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะความจำเป็นของพ่อค้าที่ได้รับสัมปทานด้วยเถอะพะยะค่ะ
แม้เราจะเป็นแค่พ่อค้าวานิชย์ แต่ก็ไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย หาความสงบไม่ได้
จึงได้จัดงานนี้ขึ้นและทูลเชิญฝ่าบาทไปร่วมด้วย
เผื่อบางทีจะได้ข้อสรุปที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายนะพะยะค่ะ"

"
งั้น ก็ได้
เมื่อพวกท่านจริงใจแบบนี้ ข้าก็ไม่อยากทำให้ผิดหวัง
ข้าก็ไม่อยากให้เรื่องนี้บานปลายกว่าที่เป็นอยู่ ในฐานะพระราชา
จะห่วงแต่พ่อค้ารายย่อยก็ไม่ถูกนัก พวกท่านเป็นพ่อค้าที่มีอิทธิพล
ยิ่งมีความสำคัญต่อบ้านเมือง เอางี้ ให้ไปเมื่อไหร่ดี ถ้ารีบร้อนนัก ไปวันนี้ก็ได้
ข้าพร้อมจะคุยด้วยอยู่แล้ว"

"
เป็นพระกรุณาพะยะค่ะ"

พระเจ้าจองโจรับสั่งกับฮงกุกยองว่าจะเสด็จไปเสวนากับพ่อค้า

"
หา จะไปร่วมเสวนากับพวกพ่อค้าหรือพะยะค่ะ หม่อมฉันไม่เห็นด้วย"

"
ท่านไม่เห็นด้วย ทำไมอย่างงั้นล่ะใต้เท้าฮง"

"
ทุก วันนี้
พวกพ่อค้าล้วนแต่ไม่พอใจทางการ และก่อนหน้านั้นยังเกิดเหตุลอบปลงพระชนม์ด้วยซ้ำ
แล้วฝ่าบาทยังจะเสด็จไปอยู่ท่ามกลางฝูงชนได้ยังไง ถ้าไง
ให้พวกเขาส่งตัวแทนมาเข้าเฝ้า"

"

"
ไม่ ไม่จำเป็นหรอก"ฝ่าบาท"

"

ฮงกุกยองสั่งให้ เทซูกับคังซกกี จับตาดูพ่อค้าชื่อคิมซอนวา
ฮันแทโซและชองฮักตงไว้ จากนั้นก็ชวนซอจังบูไปเฝ้าพระหมื่นปีจองซุน
พวก
เขาคงอยากรอมชอมด้วย จึงเป็นฝ่ายเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา
แล้วจะให้ส่งเฉพาะตัวแทนมาคุยได้ยังไง การรับฟังปัญหาของพ่อค้า
ก็เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของข้า ฉะนั้น วันที่พวกเขากำหนด ข้าจะออกไปพบปะพูดคุย
ท่านไม่ต้องห้ามอีก เข้าใจมั้ย"

"
เอาจดหมายนี่ไปแจกให้ทุกคน
ไม่ต้องห่วง ข้าเตรียมปูทางไว้สำหรับเจ้าเรียบร้อยแล้ว" พระหมื่นปีจองซุนตรัส

"
แต่ว่า เราจะปิดปากใต้เท้าชางยังไงดี ถ้าเขาออกหน้า
คนอื่นก็จะเชื่อฟังหมดนะพะยะค่ะ"

"
เรื่อง ตาแก่คนนี้
ขอเพียงเจ้าออกหน้าก็จัดการได้แล้ว ยังจำมินจูซีที่ยังหนีคดีได้หรือเปล่า
ได้ยินว่าพักก่อน มีจดหมายติดต่อกับชางแทวูเป็นประจำ เพียงแต่เขาไม่เปิดเผย
ไปค้นที่บ้านก็จะรู้ เจ้ามีทหารในมืออยู่แล้ว เรื่องแค่นี้คงไม่ยากหรอกนะ"

ฮงกุกยองพาคนไปจับตัวชางแทวู

"

คังซกกีช่วยดู
"เป็นลายมือมินจูซีจริงๆ ลงท้ายชื่อก็เขียนว่ามินจูซีด้วย"

ชางแทวูอึ้ง
"มินจูซีอะไรกัน พวกเจ้าเอาอะไรมาพูด ทำไมจดหมายนั่น"
ใต้เท้า
เชิญดูนี่ก่อนครับ" เทซูบอก

"
เรื่อง นี้ ข้าควรเป็นฝ่ายถามท่านมากกว่า
จดหมายของนักโทษหลบหนี ทำไมปรากฎในบ้านท่านได้ คนที่ควรตั้งคำถามไม่ใช่ท่าน
แต่เป็นข้าต่างหาก"

"

"
อะไรนะ"ฮงกุกยองสั่ง
"เอาตัวไป"บังอาจนัก นี่เป็นการวางแผนชั่วร้ายเพื่อจะปรักปรำข้า
นึกว่าคุมตัวข้าไว้แล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าคิดหรือ"

"

"
ยืนเฉยทำไมอีก คุมตัวผู้ต้องหาไปเร็ว"พวกทหารรับคำ "ครับ"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ
จะพาข้าไปไหน เจ้าพวกสารเลว ปล่อยซี่ บอกให้ปล่อยข้า"

"
บังอาจ
ปล่อยข้านะ พวกเจ้ากล้าดียังไง ปล่อยนะ"

"
พวกเจ้าใส่ร้ายข้าชัดๆ
ปล่อยเดี๋ยวนี้ เจ้าพวกสารเลว"

"

"
จะพาข้าไปไหน
บอกให้ปล่อยนะ"บังอาจนัก"

มิ นจูซีมองแล้วกล่าวว่า
"อโหสิให้ข้าเถอะนะใต้เท้า ข้ารับใช้ท่านมานาน ท่านยังไม่เหลียวแล
ในเมื่อเกิดเรื่องขนาดนี้ ก็ถือว่ารนหาที่เอง"

พระมเหสีโยอึยทรงเห็นองค์ชายวานพงจึงเชิญไปพบที่ตำหนัก

"
เป็นไงบ้าง การมาอยู่ในวัง ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกข้าได้นะจ๊ะ"

"
ไม่มีพะยะค่ะ ด้วยพระบารมีของฝ่าบาทและพระมเหสี ทำให้หม่อมฉันสบายดีทุกอย่าง"

"
จริงหรือจ๊ะ ช่างพูดช่างจาจริงๆ
อายุยังน้อยแต่มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่"

"
เพราะอนาคต
หม่อมฉันต้องสืบบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาท แม้จะเผชิญปัญหาใหญ่น้อย
ก็ควรจะมีความสุขุมพะยะค่ะ"

"
สืบบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาทหรือ
คำพูดนี้ใครเป็นคนบอกเจ้าน่ะ"

เวลาเดียวกันพระเจ้าจองโจทรงเสด็จประชุม

"
ไม่ ควรปล่อยให้ตำแหน่งรัชทายาทเว้นว่าง นี่มันหมายความว่าไง
ว่าไงล่ะเจ้ากรมแช ข้าถามว่าทำไมถึงปล่อยให้ตำแหน่งนี้ว่างไม่ได้ เพราะอะไร"

"
เหมือน ที่หม่อมฉันได้ทูลเมื่อซักครู่นี้ ฝ่าบาททรงครองราชย์มาหลายปี
แต่จนบัดนี้ยังหาผู้ที่จะเป็นรัชทายาทไม่ได้ เท่ากับทำให้บ้านเมืองสั่นคลอน
บัลลังก์ของฝ่าบาทก็หาความมั่นคงไม่ได้
หม่อมฉันจึงอยากเสนอให้สถาปนารัชทายาทโดยเร็ว ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะพะยะค่ะ"

"
แต่ว่า คำพูดท่านหมายความว่าไง ข้าไม่เข้าใจตรงนี้ จริงอยู่
ข้ายังไม่มีทายาท แต่ว่า"

"
องค์ชายวานพงไงล่ะพะยะค่ะ
บัดนี้ราชวงศ์ของเรา มีโอรสบุญธรรมของพระสนมวอนพิน ก็คือองค์ชายวานพงแล้ว"

"

"
ท่านบอกว่าองค์ชายวานพงน่ะหรือ"ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ทุกวันนี้องค์ชายวานพง เปรียบเสมือนโอรสองค์โตตามกฎมณเฑียรบาล
ให้ดำรงตำแหน่งรัชทายาทถือว่าเหมาะสมนัก"

"
ท่าน เจ้ากรม
พูดอะไรออกมาน่ะ รัชทายาทต้องเป็นสายพระโลหิตโดยตรง ที่สำคัญฝ่าบาทยังทรงหนุ่มแน่น
มีเวลาที่จะมีทายาทอีก แล้วเรื่องอะไรเสนอให้คนนอกมาเป็นซะล่ะ"

"
จริง
อยู่ ถ้าฝ่าบาททรงมีทายาทเอง ย่อมจะดีกว่าคนนอก แต่ว่า มัวแต่รอไปรอมาอยู่อย่างงี้
บ้านเมืองก็หาเสถียรภาพไม่ได้ซะที ท่านเข้าใจหรือเปล่า"

"

"
ท่านเจ้ากรม"ฝ่าบาท สมควรแต่งตั้งรัชทายาท เพื่อเห็นแก่ความมั่นคงของราชสำนัก
นี่คือสิ่งที่พวกเรา ตั้งใจมาทูลให้พิจารณาพ่ะย่ะคะ"

"
ทรงพิจารณาด้วยเถอะๆๆ"

จบ 63

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 64

พระมเหสีโยอึยทรงย้ำถามองค์ชายวานพง

"พระมเหสี"

"หึ
ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้าหรอกนะ ไม่ต้องกลัว รีบบอกมาเร็วเข้า"

"ท่านลุงเป็นคนบอกหม่อมฉันพะยะค่ะ"

"ท่านลุงของเจ้า

"พะยะค่ะ วันข้างหน้าหม่อมฉัน จะได้ครองบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาท
จึงต้องรู้จักวางตัวให้เหมาะสม ท่านลุงมักจะพูดแบบนี้บ่อยๆ พะยะค่ะ"

"พระมเหสี หม่อมฉันคิมซังกุงเพคะ"

"เข้ามา"

"หึ

"เกิดเรื่องอะไร ไหนว่ามาซิ"

"เมื่อกี้ที่ตำหนักใหญ่
เจ้ากรมแชทูลเสนอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งองค์ชายวานพงเป็นรัชทายาทแน่ะเพคะ หึ"

"หา

ด้านพระพันปีเฮคยองทรงทราบก็ถอนพระทัย

"เฮ่ย
นึกแล้วเรื่องต้องออกมารูปนี้ นับแต่ซงยอนเข้าวังมา
พวกขุนนางต้องเอาเรื่องทายาทของฝ่าบาทมาเป็นประเด็นแน่"

"พระพันปี"

" ตำแหน่งรัชทายาทว่างมาหลายปี ไม่เห็นมีใครเอ่ยถึง
พอฝ่าบาทรับไพร่คนหนึ่งมาเป็นสนมเท่านั้น
ขุนนางก็รีบเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างทันที เฮ่อ ฝ่าบาทก็ช่างรนหาเรื่อง อยู่ดีๆ
ยอมรับเด็กนั่นมาเป็นลูก สุดท้ายก็กลายเป็นห่วงรัดคอตัวเอง เฮ่อ เฮ่ย เฮ่อ"

ขณะที่พระเจ้าจองโจทรงตรัสถามฮงกุกยองว่า

"เรื่องที่เจ้ากรมแชเสนอในที่ประชุม ท่านรู้ก่อนแล้วใช่ไหม"

"เอ่อ
รับสั่งอะไรน่ะพะยะค่ะ หม่อมฉัน ไม่ทราบเรื่องมาก่อน"

"งั้นก็แปลก
ทำไมเขาเอาเรื่องนี้มาพูดได้ หรือท่านเห็นว่าไง
คิดว่าองค์ชายวานพงเหมาะจะเป็นรัชทายาทหรือเปล่า"

" ฝ่าบาท
จริงอยู่ที่ว่าหากไม่มีรัชทายาท บ้านเมืองจะไร้เสถียรภาพก็ถูก
แต่ฝ่าบาทยังทรงหนุ่มแน่น ถ้าเอาเรื่องนี้มาพูดตอนนี้
หม่อมฉันเห็นว่าเร็วเกินไปพะยะค่ะ"

"ข้ารู้แล้ว ท่านออกไปก่อน"

"พะยะค่ะ"

พอออกมาแชจีคยอมกล่าวขึ้นว่า

"
ขุนนางต่างก็เห็นชอบด้วย แสดงว่าพระหมื่นปีคงทำอะไรบางอย่าง เพื่อจะมีวันนี้
สมัยก่อนเจ้าจึงเสนอให้คืนยศให้พระนาง จากนั้นก็วางแผน
ให้ฝ่าบาททรงรับองค์ชายวานพงเป็นโอรส"

ฮงกุกยองตอบว่า "ขออภัย
ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับใต้เท้า เพราะไม่ว่าจะพูดอะไร ท่านก็คงไม่เชื่อ
และคิดว่าข้าโกหกอยู่ดี"

"นี่ ใต้เท้าฮง
ทำไมเสียมรรยาทต่อใต้เท้าแชแบบนี้ล่ะ" นัมซาโชว่า

" ท่านทั้งสอง
ต่างก็ไม่พอใจข้ามานานแล้วนี่ จนถึงวันนี้ ยังกลัวว่าเพราะความทะเยอทะยานของข้า
จะทำให้ฝ่าบาทเดือดร้อนใช่ไหม ข้ายังมีธุระ ไม่มีเวลาจะคุยกับพวกท่าน
แล้วค่อยพบกันใหม่" ฮงกุกยองเดินไปเลย

แชจีคยอมกับนัมซาโชต่างไม่พอใจฮงกุกยอง

ฮงกุกยองมาเข้าเฝ้าพระหมื่นปีจองซุน กับแชซกจู

"
นับแต่นี้จะมีฎีกาถวายขึ้นไปตลอด นอกจากขุนนางบางคนที่ติดตามใต้เท้าชางแล้ว
ที่เหลือก็คือคนของเรา แล้วไม่นานฝ่าบาท ก็จะทรงเห็นชอบด้วย"

"แล้วทำไมสีหน้าเจ้าดูเครียดนัก" พระหมื่นปีจองซุนทักฮงกุกยอง

"
กำลังคิดว่าเราเร่งรัดเกินไปหรือเปล่า เพิ่งรับองค์ชายวานพงไม่นาน
เราก็ทูลเรื่องรัชทายาทแล้ว
หม่อมฉันกลัวว่าฝ่าบาทจะทรงเข้าพระทัยเจตนาของหม่อมฉันผิดไป"

"ไม่
งั้นจะให้ทำยังไง ถ้าจะให้เรื่องนี้สำเร็จ นี่คือเวลาที่เหมาะแล้ว
อีกอย่างสิ่งที่เจ้าทำ เพราะเห็นแก่อนาคตของฝ่าบาทไม่ใช่หรือ ยังไงก็ตาม
ฝ่าบาทต้องเข้าพระทัยความหวังดีของเจ้า ไม่ต้องห่วงหรอก"

แชจีคยอมเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ

" ไม่ว่ายังไง
อย่าทรงเห็นชอบกับเรื่องนี้นะพะยะค่ะ
การจะให้องค์ชายวานพงเป็นรัชทายาทถือว่าผิดทำนองคลองธรรม
หม่อมฉันเชื่อว่าสามกรมใหญ่ ต้องออกหน้าคัดค้านแทนฝ่าบาทแน่นอน"

"ไม่หรอก
พวกเขาไม่ทำอย่างงั้น"

แชจีคยอมตกใจ "หา"

"
จนป่านนี้สามกรมใหญ่ยังเงียบอยู่ เพราะคนในนั้นส่วนใหญ่
เข้ารับราชการโดยผ่านทางใต้เท้าฮงทั้งนั้น สมัยก่อน ข้าให้เขามีอำนาจเต็มที่
ในการเลือกขุนนางใหม่ เดิมทีนึกว่าด้วยปัญญาของเขา ถ้าทำงานเพื่อบ้านเมือง
จะสามารถทำประโยชน์ได้มาก แต่ตอนนี้เห็นทีจะยาก เขายังต้องบ่มเพาะอีกนาน"

เวลานั้นฮงกุกยองคุยกับขุนนางว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว

"
ทำตามที่ท่านสั่ง คนของสามกรมใหญ่มารออยู่ที่ห้องประชุมแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องรัชทายาท พวกเราตกลงแล้วว่า จะไม่ออกความเห็นคัดค้านอย่างแน่นอน"

"เราต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ถึงจะเดินหน้านโยบายของท่านได้
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงครับ"

" แต่ว่า
เราก็อย่าแสดงจุดยืนให้เด่นชัดนัก เพราะเรื่องนี้สำคัญที่พระดำริของฝ่าบาทมากกว่า
ฉะนั้น อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อเกินไป เข้าใจที่พูดหรือเปล่า" ฮงกุกยองกล่าว

พระมเหสีโยอึยเสด็จมาหาซองซงยอน

"เห็นว่าวันนี้ยังไปตำหนักของเสด็จแม่อีกหรือ"

"เพคะ"

"ยอมให้เข้าเฝ้าหรือเปล่า ซักวันคงจะเห็นใจเจ้าและยอมให้เข้าเฝ้า
ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะ"

"เพราะหม่อมฉันไม่ดี ทำให้ทุกคนวุ่นวาย
รู้สึกละอายใจมากกว่าเพคะ"

" อย่าพูดอย่างงั้นสิ ใครจะว่าไงก็ช่าง
เจ้าเข้าวังมาอย่างถูกต้อง เป็นสนมที่ฝ่าบาทโปรดปราน ฉะนั้น
คำพูดคนอื่นไม่ต้องไปสนใจ คิมซังกุง พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาหน่อยซิ"

"ทราบแล้วเพคะ"

"วันนี้ที่ให้เจ้ามาพบเพื่อจะให้รู้จักคนๆ หนึ่ง
เข้ามาเร็วเข้า"

โชบีเข้ามา ซองซงยอนดีใจมาก "พี่โชบี เอ่อ
ทรงอภัยด้วยเพคะ"

"ไม่เป็นไร นั่งลงเร็วเข้า"

"หม่อมฉันคือซังกุงคนสนิทของซองซังกุง ชื่อยางโชบีเพคะ"

"
ได้ยินว่าตอนอยู่ศูนย์ศิลปะ เจ้าสนิทกับนางมาก ด้วยเหตุนี้
ข้าเลยให้นางมาเป็นคนสนิทของเจ้า แม้ว่าตอนนี้จะได้เป็นซังกุง
แต่ยังต้องผ่านการอบรม อีกซักพักค่อยให้ไปอยู่ที่ตำหนักของเจ้า"

"พระมเหสี"
ซองซงยอนซาบซึ้งใจพระมเหสีโยอึยมาก

"ข้าน้อย
จะขอรับใช้นายหญิงตลอดไปเจ้าค่ะ" โชบีกล่าว

"อยู่ในวังมีแต่ความเงียบเหงา
จะหาเพื่อนคุยก็ไม่มี แต่ว่า ถ้ามีใครซักคนพอให้ปรับทุกข์ได้
อีกหน่อยเจ้าก็จะชินเอง"

"หม่อมฉัน
ไม่รู้จะตอบแทนพระเมตตาใหญ่หลวงของพระมเหสียังไงแล้วเพคะ"

"เมตตาอะไรกัน
อย่าเกรงใจเลย ถ้าคิดว่าอยากตอบแทนข้าจริงๆ ก็ขอให้มีโอรสให้ฝ่าบาทเร็วๆ จากนั้น
ก็ถวายการปรนนิบัติฝ่าบาทให้ดีก็พอ"

"ขอบพระทัยยิ่งแล้วเพคะ"

หลังพระมเหสีโยอึยเสด็จไปแล้ว ซองซงยอนถามโชบีว่า

"หึ
ท่านเข้าวังมาได้ไงน่ะ หึๆ เอ่อ เข้ามาได้ไงนี่"

"เอ่อ คือว่า
ซังกุงคนสนิทของพระมเหสีไปที่ศูนย์ศิลปะ เลือกข้าน้อยมาน่ะค่ะ"

" หึๆ
เห็นนางมาร้องห่มร้องไห้ ไม่รู้ว่าท่านอยู่ในวัง มีความสุขดีหรือเปล่า
แถมยังว่าเมื่อก่อนสนิทกับท่านมากจริงหรือเปล่าคะ" คิมซังกุงว่า

"ขอบคุณมากนะที่เป็นห่วงข้า"

"เอ่อ

"นี่
ต้องพูดว่าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ สอนไม่รู้จักจำนี่"

"หา

"ว่าแต่เจ้ารู้จักคนในวังใช่ไหม เพราะปกติประตูซินมู เข้าออกได้เฉพาะนางใน
แล้วทำไมเจ้าไปรออยู่แถวนั้น"

"เอ่อ

"ทำไมวันนั้นจู่ๆ ได้เห็นเจ้า
แล้วเจ้าก็บังเอิญโผล่มา อะไรจะเหมาะเหม็งขนาดนี้"

" อ้อ ข้า
ไปอยู่แถวนั้นเพราะคิดถึงซองซังกุงนะค่ะ จริงนะคะ เป็นความบังเอิญต่างหาก เอ่อ
นายหญิงเจ้าคะ เห็นบอกว่า วันนี้ท่านต้องไปพบซังกุงอบรม
นี่ก็สายมากแล้วยังไม่ไปอีกคะ"

"ว้าย จริงด้วย ลืมสนิทเลย เจ้าก็เหมือนกัน
ตามข้ามาเร็ว"

"ได้เจ้าค่ะ นายหญิง ข้าน้อยขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"

"หึ
"สืบบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาทหรือ คำพูดนี้ใครเป็นคนบอกเจ้าน่ะ องค์ชายวานพง"
หมายถึงใต้เท้าฮงน่ะหรือ" พระมเหสี เกิดเรื่องแล้วเพคะ" อะไรนะ"
ไม่เป็นไรหรอกค่ะนายหญิง" เจ้าค่ะ" ท่าน หมายความว่าไงหรือคะ" ไปเถอะ"

000000000000

พระเจ้าจองโจซานตรัสในที่ประชุมว่า

"นี่คือกำหนดการเสวนากับเหล่าพ่อค้าหรือ"

เชกาทูล "พะยะค่ะ
ทำตามที่รับสั่ง อีก 5 วันในช่วงบ่าย จัดที่ถนนวุนจองพะยะค่ะ"

"พ่อค้าใหญ่
30 รายจะมางานนี้หมดหรือเปล่า"

"มาหมดพะยะค่ะ หัวหน้ากลุ่มคือคิมซอนวา
ตอบมาอย่างงั้น"

"งั้นเราก็เตรียมการ นอกจากเจ้ากรมการค้าแล้ว
ที่อยู่ฝ่ายเศรษฐกิจก็ให้ไปด้วยกัน"

"พะยะค่ะ"

" แล้วนี่มันอะไร
ทำไมไม่มีรายชื่อใต้เท้าชางแทวูด้วยล่ะ เขาไม่เคยขาดเกี่ยวกับงานใหญ่ของบ้านเมือง
แล้วทำไมคราวนี้ไม่มีชื่อเขารวมอยู่ด้วย เกิดอะไรหรือเปล่า"

เชกาทูล "เอ่อ
ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า ตอนนี้ท่านเสนาซ้าย ถูกคุมตัวอยู่ที่กรมอาญา
หม่อมฉันนึกว่าฝ่าบาท ทรงทราบเรื่องนี้เลยไม่ได้ทูลอีก"

"ท่านบอกว่าไงนะ
ใต้เท้าชางถูกจับไปกรมอาญางั้นหรือ"

ขุนนางจะขอเข้าเฝ้าทูลพระเจ้าจองโจเรื่องของชางแทวู
แต่ซอจังบูไม่ยอมให้เข้า บอกว่าฮงกุกยองสั่ง เทซูกับคังซกกีจึงเข้าไปหาฮงกุกยอง

"ต้องการเหตุผลจากข้าหรือ เรื่องอะไรน่ะ"

" เอ่อ อภัยที่พูดตรงๆ
ตอนนี้มีหลายคน ที่ไม่ชอบหน่วยทหารพิเศษอย่างเรา
ขนาดขุนนางที่ผ่านการค้นตัวยังไม่ให้เข้าตำหนักใหญ่ ทำแบบนี้
กลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายน่ะครับ"

"นั่นสิครับ พวกเราก็เหมือนกัน
นับวันจะทำงานลำบาก เลยอยากรู้ว่ามีเหตุผลอะไรน่ะครับ"

"แล้วนี่แปลว่าอะไร
พวกเจ้าจะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาหรือไง"

"ใต้เท้า
เราไม่ได้หมายความอย่างงั้นน่ะครับ เพียงแต่ รู้สึกว่าคำสั่งท่านออกจะเกินไปหน่อย"
เทซูว่า

"เกินไปหรือ? ข้าว่าพวกเจ้าสำคัญตนผิดไปซะแล้ว"

"ใต้เท้า"

" พวกเจ้าเป็นแค่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา
มีสิทธิ์อะไรมาถามเหตุผลในการสั่งงานของข้า ถึงข้าจะเห็นพวกเจ้าเป็นเพื่อน
แต่ถ้ายังกล้าขัดคำสั่งอีก ก็อย่าหาว่าใจร้าย ข้าจะไม่เห็นแก่เรื่องส่วนตัว
ปล่อยให้ใครมาลามปามหรือแข็งข้อ เข้าใจหรือเปล่า"

ด้านพระหมื่นปีจองซุนก็ทรงตรัสกับฮงกุกยองว่า

"
พ่อค้าเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่กุมเศรษฐกิจของบ้านเมือง ซึ่งมันจะหมายถึงอะไรบ้าง
นั่นก็แปลว่า พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ถ้าถึงคราวจำเป็นจริงๆ
อาจถึงขั้นสั่งเปลี่ยนพระราชาด้วยซ้ำ"

"เปลี่ยนพระราชาองค์ใหม่หรือ
ทรงหมายความว่า"

" ได้ยินว่า
เจ้ากำลังไต่สวนคดีปลงพระชนม์และเบื้องหลังการตายของล่ามคนหนึ่ง ไม่บอกก็รู้ว่า
คงเอาเรื่องนี้มาพัวพันกับขุนนางเก่าไม่คนใดก็คนหนึ่ง จริงหรือเปล่า"

"หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง หรือว่า เบื้องหลังการปลงพระชนม์ฝ่าบาท
เกี่ยวข้องกับพ่อค้าบางรายหรือพะยะค่ะ"

"มันก็ไม่แน่นัก
เพราะว่าก่อนหน้านี้ ข้ารู้มาว่าพวกเขามีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ"

ฮงกุกยองสั่งให้คนไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับพ่อค้าคิมแทซกอย่างละเอียด

เทซูฝึกซ้อมจนเหนื่อยก็มานั่งคิดเรื่องของฮงกุกยอง
พระเจ้าจองโจทรงเข้ามาทัก

"นั่งคิดอะไรอยู่ตั้งนาน"

"เอ่อ

"มีเรื่องกลุ้มใจหรือไง"

"เอ่อ

"ไม่มีก็ดีแล้ว
เราไม่ได้ฝึกการต่อสู้นานแล้วใช่ไหม"

"หา"

"ตั้งแต่ข้าครองราชย์
แทบไม่เคยฝึกวิชากับเจ้าอีก"

"เอ่อ ฝ่าบาท
หม่อมฉันกลัวว่าถ้าล่วงเกินพระวรกาย"

"อย่าห่วงเลยน่า ถึงตอนนี้
ข้ายังปราบเจ้าได้สบาย"

พระเจ้าจองโจต่อสู่กับเทซู แล้วก็ทรงขอยอมแพ้เอง

"หึ

"เทซู"

"พะยะค่ะ"

"บอกมาเร็วเข้า
แค่เห็นแววตาเจ้าก็รู้ ปิดข้าไม่มิดหรอก เรายังเป็นเพื่อนหรือเปล่า"

"ฝ่าบาท"

"ว่ามา ใครทำให้เจ้าไม่สบายใจ

"ใต้เท้าฮงพะยะค่ะ"
พระเจ้าจองโจทรงแปลกพระทัย

" สมัยก่อน ถ้าหม่อมฉันไม่ได้เจอใต้เท้าฮง
ไม่แน่ว่าป่านนี้ ยังคงเป็นคนหลักลอยหาแก่นสารไม่ได้ เพราะได้รับการชี้แนะจากเขา
ทำให้หม่อมฉันได้สำนึกและมีความรับผิดชอบมากขึ้น ด้วยเหตุนี้
ไม่ว่าเขาให้ทำอะไรก็ตาม หม่อมฉันจะทำโดยไม่รีรอซักนิด แต่หลังๆ มานี้เริ่มจะลำบาก"

"ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า ข้าก็เหมือนกัน ยิ่งนานวัน
ยิ่งไม่เข้าใจการกระทำของเขามากขึ้น แต่ว่า เหมือนที่เจ้าเชื่อเขา
ข้าก็เชื่อเขาเหมือนกัน เลยจะรอดู คำพูดนี้ เจ้าเข้าใจความหมายหรือเปล่า"

"เข้าใจพะยะค่ะ"

ชางแทวูถูกปล่อยตัวออกมา
เพราะพระบัญชาของพระเจ้าจองโจ สร้างความไม่พอใจให้กับฮงกุกยองมาก
ยิ่งชางแทวูมาบอกฮงกุกยองว่า

" นี่ก็คืออิทธิพลที่เจ้าจะแสดงให้ข้าดูใช่ไหม
ใช้ลูกเล่นเด็กๆ จับข้าไปขังไว้ ปิดบังพระเนตรพระกรรณของฝ่าบาท
ความทะเยอทะยานของเจ้า ข้ารู้นานแล้ว จะค่อยๆ
ขยายอิทธิพลจนสามารถเอื้อมถึงราชบัลลังก์"

"หา ท่านอย่าพูดส่งเดชนะ
นี่เป็นการลบหลู่ข้าอย่างแรงรู้หรือเปล่า"

"อะไรนะ"

"ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรฝ่าบาทถึงทรงปล่อยท่าน แต่อย่าเพิ่งหลงดีใจ
การจะเล่นงานท่าน ยังมีอีกหลายช่องทางนัก"

" หึ
มีปัญญาก็เชิญมาเล่นให้พอเถอะ เพราะรังแต่ทำให้เจ้าถึงที่ตายเร็วขึ้น
ถึงจะปกปิดแค่ไหน สิ่งที่เจ้าทำไว้กำลังจะโชยกลิ่นออกมาแล้ว หึ"

ฮงกุกยองทูลพระเจ้าจองโจว่า

"ใต้เท้าชางแทวู
ปกป้องมินจูซีซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี
และหม่อมฉันก็ตรวจพบว่าในบ้านเขามีจดหมายของมินจูซี ถือว่าพยานหลักฐานพร้อม"

"เรื่องนี้ด่วนสรุปเกินไป" พระเจ้าจองโจตรัส

"ฝ่าบาท"

"จดหมายที่ท่านว่า ข้าได้อ่านแล้ว
เพียงแค่นี้จะสรุปว่าใต้เท้าชางปกป้องมินจูซียังไม่ได้หรอกนะ"

"แต่ว่าฝ่าบาท"

" จดหมายประเภทนี้ ถ้าใครคิดปรักปรำใต้เท้าชาง
ไปซ่อนในบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ หึ เสียทีท่านเป็นคนฉลาด
ทำไมเรื่องแค่นี้กลับไม่เฉลียวใจ รีบไปค้นบ้านเขาอย่างบุ่มบ่าม ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
อาศัยหลักฐานแค่นี้ก็บุกรุกบ้านคนอื่น แถมยังจับไปขังอีก เป็นความสะเพร่าของท่าน
ฉะนั้นเรื่องนี้ ทำตามที่ข้าสั่งดีกว่า"

ฮงกุก
ยองโกรธจึงสั่งให้พวกเทซูไปจับบรรดาพ่อค้าหัวโจกมาให้หมด
แต่เทซูกับคังซกกีค้านเพราะกลัวจะซ้ำรอยเดิมชางแทวู
ยิ่งทำให้ฮงกุกยองโกรธสั่งพวกเทซูไปให้จับโดยอ้างว่าทำเพื่อพระเจ้าจองโจ

พวก เทซูจับมา ฮงกุกยองก็จัดการคาดคั้นว่ามีแผนอะไร
ถึงให้พระเจ้าจองโจเสด็จไปรับฟังการเสวนา พระหมื่นปีจองซุนทรงรู้ก็ให้แชซกจูไปเตือน
เกรงว่าพระเจ้าจองโจจะทรงรู้แผนของพระนาง

แชซกจูมาเตือนฮงกุกยอง
แต่ฮงกุกยองบอกว่าเขาหยุดไม่ได้แล้ว และไม่ฟังคำเตือนจากแชซกจู
แล้วฮงกุกยองก็คาดคั้นพวกพ่อค้าว่าใครเป็นผู้บงการ
และยังสั่งให้ไปจับพ่อค้าที่เหลือมาทรมาน จนพวกเทซู ซอจังบู
และคังซกกีพากันเหนื่อยใจ

ซองซงยอนออกมาเดินเล่นและพบกับดัลโฮ เธอดีใจมาก
ดัลโฮยังแนะนำให้ไปที่ตำแหนัก นักซอนแจ ที่กำลังจะมีการซ่อมแซม
คนของศูนย์ศิลปะอยู่กันเพียบ ซองซงยอนรีบไป
แต่โชบีค้านว่าอีกสักพักซังกุงอบรมจะมาแล้ว เธอจึงบอกให้โชบีไปตามพวกนั้นมาพบแทน

"นายหญิง ทุกคนมาแล้วเจ้าค่ะ"

"อ้อ

"เอ่อ ซง ซง เอ๊ย
ข้าน้อย ขอคำนับ ซองซังกุงน่ะครับ ไม่ทราบว่า ท่านสบายดีหรือเปล่า แหะ"

"ท่านยอมให้เรามาพบ รู้สึกดีใจ เอ๊ย ไม่ใช่ ช่างเป็นการให้เกียรติ"

"ไม่ต้องเกรงใจหรอก หึ เข้าไปข้างในเร็ว ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย"
ซองซงยอนชวนทุกคน

โชบีรีบไปเตรียมของว่างมาให้ทุกคน
ทุกคนเกร็งเรื่องการพูดคุยกับซองซงยอนมาก

"ข้าบอกแล้วไง
เรายังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม ไม่ต้องเกรงใจหรอก"

"แต่ว่า
ถ้าใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี ยิ่งอยู่ในวังด้วยแล้ว" ช่างเขียนตั๊กว่า

โชบีก็เห็นด้วย "นั่นสิเจ้าคะ คงไม่เหมาะนัก ถ้าท่านจะวางตัวเสมอกับพวกเรา"

มีซูด้วย "แค่เราได้มาพบท่านก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ หึๆ"

"งั้นก็ได้
ทุกคนสบายดีหรือเปล่า ทำงานมีปัญหามั้ย ข้ามีเรื่องอยากรู้ตั้งเยอะ
แล้วใต้เท้าปาร์คล่ะเป็นไงบ้าง"

"สบายดีครับ
ปกติขอแค่ช่างเขียนลีไม่ก่อเรื่อง เราจะอยู่อย่างสงบ แถมสบายใจอีกต่างหาก
ไม่ต้องห่วงหรอกครับ"

"ไหงพูดงี้ล่ะ ข้าไปก่อเรื่องเมื่อไหร่"

"
หรือไม่จริง เมื่อสามวันก่อนเจ้าเขียนภาพไม่เสร็จ เลยขโมยของข้าไปส่งแทน"
ทุกคนหัวเราะ "จนใครๆ นึกว่ามีขโมยเข้ามา ตามหากันจ้าละหวั่นเชียว"

ทุกคนพากันหัวเราะ ลีชองรีบแก้ "จะบ้าหรือ
เอาเรื่องนี้มาพูดกับซองซังกุงได้ไงน่ะ"

ทุกคนหัวเราะใหญ่
คิมซังกุงร้องบอกว่าพระมเหสีโยอึยเสด็จมา ทุกคนตกใจมาก

"พระมเหสี"

"นึกว่าเจ้าอยู่กับซังกุงอบรมซะอีก นี่มันอะไรกันน่ะ"

"เอ่อ
ทรงอภัยด้วยเพคะ พอรู้ว่าคนของศูนย์ศิลปะมาทำงานในวัง
หม่อมฉันเลยให้มาพูดคุยน่ะเพคะ"

"เอ่อ

พระ มเหสีโยอึยรีบตรัส
"ไม่ต้องรีบไปหรอก เมื่อกี้อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงหัวเราะนึกว่าใครมา
ที่แท้คนของศูนย์ศิลปะนี่เอง งั้นข้าจะบอกให้ซังกุงอบรมเปลี่ยนเป็นมาพรุ่งนี้แทน
เชิญพวกเจ้าสังสรรค์ให้พอเถอะ"

"พระมเหสี"

"ทีหลังถ้ามาทำงานในวังอีก อยากเยี่ยมซงยอนก็มาได้ทุกเมื่อนะจ๊ะ"

"ขอบพระทัยพะยะค่ะ
หึ ฝ่าบาท" ไม่มีพะยะค่ะ" ไม่พะยะค่ะ
หม่อมฉันมิบังอาจ" เทซู" มาแล้วหรือจ๊ะ หึๆ" ถ้าไง พวกเรา ทูลลาก่อนพะยะค่ะ" เพคะ"

0000000000000

พระเจ้าจองโจทรงคุยกับพวกเชกาเรื่องการเสวนาพ่อค้าในครั้งนี้

เชกาทูลว่า "การเสวนาคราวนี้
พ่อค้าใหญ่ต้องขอให้จำกัดสัดส่วนในการค้าขายของพ่อค้าย่อยแน่"

"
ข้าก็คิดอย่างงั้น แต่ว่า ที่ตลาด ออบู และ ชอบู ส่งส่วยให้ทางการ
แต่ไหนแต่ไรคือแบ่งมา 2 ส่วน จำได้ว่า ภาษีขายผ้าและเส้นด้าย,เราไม่เคยจัดเก็บ
คงต้องบอกให้กรมการค้าตรวจสอบใหม่"

"แต่หม่อมฉันเห็นว่า
สำคัญตอนนี้คือหาวิธีป้องกันการประท้วงของเหล่าพ่อค้า
หลังจากยกเลิกนโยบายผูกขาดนะพะยะค่ะ"

"
พวกเขาอาจจะขอให้พ่อค้ารายย่อยช่วยแบ่งเบาเรื่องภาษี งั้นพรุ่งนี้
เราจะดูว่าพวกเขายอมจ่ายให้ทางการเท่าไหร่
และให้พ่อค้ารายย่อยรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน"

ทุกคนน้อมรับ
"ทราบแล้วพะยะค่ะ"

"ฝ่าบาท มหาดเล็กนัมพะยะค่ะ" นัมซาโชเข้ามา

"เป็นไง เรียบร้อยใช่ไหม"

"พะยะค่ะ ทำตามรับสั่ง
การเสวนาในวันพรุ่งนี้ ได้จัดเวทีและโต๊ะเก้าอี้พร้อม ทรงวางพระทัยได้"

"ขอบคุณมาก"

ทางด้านฮงกุกยองก็สั่งการลูกน้องให้ตรวจตราอย่างเข้มงวด

แต่พอถึงเวลาเสวนาจริงๆ กลับไม่มีพ่อค้ามาสักคน
พระเจ้าจองโจจึงสั่งให้ฮงกุกยองไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

"รู้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น" พระเจ้าจองโจตรัสถาม

นัมซาโชทูลว่า
"ใต้เท้าฮงส่งทหารไปสืบหาสาเหตุแล้ว คงต้องรอซักครู่พะยะค่ะ"

แช
จีคยอมทูลขึ้นว่า "ฝ่าบาท งานเสวนาคราวนี้ เหล่าพ่อค้าเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาก่อน
ถึงเวลากลับไม่มาเฝ้า แสดงว่าหลอกลวงเบื้องสูงชัดๆ หม่อมฉันว่า
น่าจะลงพระอาญานะพะยะค่ะ"

"ที่พวกเขาไม่มาคงมีเหตุผล
สืบให้รู้ที่มาที่ไปก่อน ค่อยลงโทษก็ได้"

"ฝ่าบาท
ท่านเสนาซ้ายมาขอเฝ้าเพคะ"

ชางแทวูเข้ามา

"มีธุระอะไร"

"หม่อมฉันมีเรื่องจะมาทูลให้ทราบ
หม่อมฉันได้ตรวจสอบสาเหตุที่เหล่าพ่อค้าไม่มาเฝ้า จนพบสิ่งที่น่าตกใจ"

"น่าตกใจยังไง"

"ที่เรื่องราวกลับตาลปัตร
เป็นเพราะใต้เท้าฮงพะยะค่ะ"

หลังจากพระเจ้าจองโจฟังความจากชางแทวูก็เสด็จไปพบฮงกุกยองด้วยพระองค์เอง

"ใต้เท้าฮง"

"พะยะค่ะ"

"เพราะท่านใช่ไหม"
ฮงกุกยองทั้งอึ้งและตกใจ

"ข้าถามว่าท่านจับพวกพ่อค้าไปสอบปากคำใช่ไหม
ใต้เท้าฮง"

"ถูกแล้วพะยะค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้ เป็นเพราะ"

"พวกเขาอยู่ไหน ข้าถามว่าคนที่ถูกจับมาอยู่ไหน"

ฮงกุกยองอึกอัก
แต่ก็จำต้องบอก พอพระเจ้าจองโจเสด็จไปทอดพระเนตรก็ตกใจมากที่เหล่าพ่อค้าถูกทรมาน

"บอกเหตุผลมาหน่อยซิ ทำไมต้องใช้วิธีทารุณกับพวกเขาแบบนี้"

"เอ่อ
พระอาญาไม่พ้นเกล้า เนื่องจากเหตุการณ์ปลงพระชนม์ ส่อแววว่าเกี่ยวข้องกับพวกเขา
หม่อมฉันจึงต้องจับมาเพื่อคาดคั้นเอาความจริง"

"ถึงอย่างงั้นก็เถอะ
การลงโทษสุ่มสี่สุ่มห้า ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง ทำแบบนี้ เหมือนลุแก่อำนาจชัดๆ"

"ฝ่าบาท"

" พวกเขาเสนอให้มีการเสวนา เพื่อหวังเจรจากับข้า
แต่พอท่านมาทำแบบนี้ ไม่เพียงหมดหนทางพูดคุยเท่านั้น
แม้แต่พ่อค้ารายย่อยก็จะมีผลกระทบตาม แล้วจะแก้ปัญหายังไง"

"หึ เอ่อ ฝ่าบาท
เรื่องที่เกิด หม่อมฉันมีทางแก้ปัญหาเอง ขอให้ฝ่าบาท"

"พอที
ไม่ต้องแก้แล้ว"

"หา" ฮงกุกยองอึ้ง

"ไม่ได้ยินหรือไง
เรื่องนี้ท่านไม่ต้องยุ่งอีกแล้ว ใต้เท้าแช"

"พะยะค่ะ"

"ปัญหาต่อจากนี้ ท่านช่วยจัดการให้ที"

"พะยะค่ะ"

ฮงกุกยองทั้งอึ้งและตกใจ จากนั้นก็กลายเป็นอารมณ์โกรธ

แชจีคยอมต้องไปพูดกล่อมพ่อค้าว่าจะรับผิดชอบให้ และขอให้พ่อค้าใจเย็นๆ
ก่อนจะกลับมาเฝ้าพระเจ้าจองโจ

"ไปเจรจากับพวกเขาแล้วเป็นไงบ้าง"

"ทีแรกก็ลำบาก เพราะพวกเขาโกรธจนไม่ยอมเจรจากับทางการอีก แต่ว่า
หม่อมฉันได้เสนอแนวคิดบางอย่าง สุดท้ายพวกเขาก็เห็นชอบด้วย"

"เสนอแนวคิดอะไรกัน"

"ฝ่าบาท แม้เราจะยกเลิกนโยบายผูกขาด
ให้พ่อค้ารายย่อยมีสิทธิ์ได้ทำกิน แต่พ่อค้าใหญ่จะได้ขายสินค้าจำเป็น 6 ชนิด"

"หึ งั้นก็ได้ ข้าเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ไปจัดการเลย"

ชางแทวูปะหน้ากับฮงกุกยอง เขาจึงกล่าวกับฮงกุกยองว่า

"
รู้แล้วใช่ไหม เรื่องวุ่นๆ ที่เจ้าก่อ ใต้เท้าแชตามเช็ดให้แล้ว ทีนี้จะทำไงต่อ
ดูเหมือนฝ่าบาทจะหมดศรัทธาในตัวเจ้าเต็มที อนาคตจะเป็นไง ข้าชักดูไม่ออกซะแล้ว
ทำไมไม่พูดซะล่ะ ก็น่าอยู่หรอก แน่จริงก็ประกาศท้าทายข้าหน่อยปะไร หึ หึๆๆ เฮ่อๆๆ
ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ"

ฮงกุกยองพูดไม่ออกได้แต่เจ็บใจ และไปเฝ้าพระหมื่นปีจองซุน
พระนางก็ทรงว่า

"ข้าเคยบอกแล้วใช่ไหม ทำอะไรอย่ารีบเร่ง
อย่าหลงตัวเองเกินไปนัก"

แชซกจูร่วมว่าด้วย
"ถ้าฟังคำเตือนของพระหมื่นปีหน่อย เรื่องคงไม่กลายเป็นแบบนี้"

"ว่ามา
คราวนี้จะให้ข้าช่วยอะไรอีก"

"รีบสนับสนุนให้องค์ชายวานพงเป็นรัชทายาท"

"วันก่อนเจ้าบอกว่าเร็วไปไม่ใช่หรือ"

"นั่นเพราะหม่อมฉันคาดการณ์ผิดเอง
ถ้าจะประสานรอยร้าวระหว่างหม่อมฉันและฝ่าบาท ก็ต้องให้เรื่องนี้สำเร็จโดยเร็ว"

"ข้ารู้แล้ว จะหาวิธีให้"

ฮงกุกยองออกไป
พระหมื่นปีจองซุนมองตามแล้วถอนพระทัย

"ท่านเห็นหรือเปล่า
สีหน้าของคนที่จนตรอกเต็มทีน่ะ"

"เสียทีเมื่อก่อนฉลาดนัก
กลายเป็นคนขาดสติไปซะแล้ว"

"ถึงอย่างงั้นเราก็ไม่มีอะไรเสียหาย
อย่างมากก็แค่ทำลายตัวเอง ถ้าเขายังรอดได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเราอีก"

คิม
ซังกุงมาทูลพระมเหสีโยอึยว่าตอนนี้มีการเอ่ยถึงองค์ชายวานพงขึ้นเป็น
รัชทายาทอีกแล้ว พระมเหสีโยอึยจึงเสด็จไปหาองค์ชายวานพงด้วยพระองค์เอง
เพื่อบอกให้องค์ชายวานพงกลับไปอยู่บ้านเดิมชั่วคราว

องค์ชายวานพงเสด็จออกมาก็พบกับฮงกุกยอง

"หา

"ท่านลุง"

"เกิดอะไรขึ้นหรือพะยะค่ะ จะเสด็จออกนอกวังหรือไง"

"ข้าได้รับคำสั่งให้ไปอยู่บ้านเดิมชั่วคราว"

"ให้กลับไปอยู่บ้านเดิม ใครกล้าออกคำสั่งแบบนี้กับองค์ชายน่ะ"

"เอ่อ

"ข้าเป็นคนสั่งเอง ยังมัวรออะไรอีก ถ้าเก็บของเสร็จแล้ว
รีบพาองค์ชายวานพงไปจากวังหลวงซะ"

พวกนางในรับคำ "เพคะ"

"พระมเหสี"

"องค์ชายวานพงยังเด็กมาก อยู่ในวังจะไม่สะดวกหลายอย่าง
ข้าจึงให้เขาไปอยู่บ้านเดิมดีกว่า ถ้าอย่างงั้น เจ้าจงรีบไปเถอะนะ"

"หม่อมฉันขอทูลลาก่อน พระมเหสีทรงถนอมพระวรกายด้วย" องค์ชายวานพงเสด็จไป

" ไม่ว่าท่านจะหวังอะไรก็ตาม องค์ชายวานพงไม่มีทางได้เป็นรัชทายาทแน่
ตราบใดที่มีข้าอยู่ เรื่องนี้เลิกฝันได้เลย เพราะฉะนั้น ท่านก็เลิกทำเรื่องไร้สาระ
กลับไปห่วงใยบ้านเมืองยังดีกว่า"

"ทรงกริ้วที่หม่อมฉันสนับสนุนองค์ชายวานพงใช่ไหม ถ้าอย่างงั้น
ทรงตำหนิหม่อมฉันคนเดียวก็ได้ ทำไมต้องโหดร้ายไปทำกับเด็กอย่างงั้น"

"ที่โหดร้ายคือท่านต่างหาก เอาเด็กไร้เดียงสามาเป็นหุ่นเชิด
สนองความทะเยอทะยานของตัวเอง"

" ใครบอกว่าหม่อมฉัน
ทำเพื่อความทะเยอทะยานของตัวเอง ที่หม่อมฉันทำไป เพราะเห็นแก่อนาคตของฝ่าบาท
ไม่ให้ตำแหน่งรัชทายาทเว้นว่างต่างหาก"

"จะพูดยังไงก็ช่าง
ฝ่าบาททรงมีซองซังกุงแล้ว ในเมื่อทรงมีพระสนม แม้จะห่วงเรื่องรัชทายาทที่ว่างอยู่
เราก็ต้องรอคอยข่าวดีไม่ใช่หรือ"

"ต่อให้ซองซังกุงมีโอรสให้ฝ่าบาทจริง
ทรงนึกหรือว่าจะได้เป็นรัชทายาทง่ายๆ น่ะ"

"ใต้เท้าฮง"

"
ทุกวันนี้ซองซังกุง ไม่เพียงไม่ได้รับหนังสือแต่งตั้ง แม้แต่พระพันปีก็ทรงรังเกียจ
แม้อนาคต ต่อให้นางมีโอรสจริง ก็จะทำให้ราชสำนักเกิดความวุ่นวายมากกว่า"

"หุบปากเดี๋ยวนี้ ท่านกำลังลบหลู่สนมที่ฝ่าบาทโปรดปราน
รู้ตัวมั้ยว่ากำแหงขนาดไหนน่ะ"

"พระมเหสี"

"เอ่อ ฝ่าบาท"
พระมเหสีโยอึยทรงตกพระทัยที่เห็นพระเจ้าจองโจเสด็จมา

ฮงกุกยองเองก็ตกใจ "หา

"มหาดเล็กนัม"

"พะยะค่ะ"

"ช่วยไปบอกเหล่าขุนนาง
ให้เลื่อนการประชุมไปเป็นช่วงบ่าย"

"ทราบแล้วพะยะค่ะ"

"เจ้ากลับไปตำหนักก่อน ข้ามีเรื่องบางอย่างจะคุยกับใต้เท้าฮง"

"ทราบแล้วเพคะ งั้นหม่อมฉันขออนุญาตทูลลาก่อน"

"รีบไปเถอะ"

จบ 64
"ฝ่าบาท" องค์ชาย" คือ" ฝ่าบาท"

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube
เรื่องย่อละคร
ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน สุสานภูเตศวร สาปภูษา มนต์รักข้าวต้มมัด เมียหลวง
เพลงรักข้ามภพ มือนาง เทพบุตรนักบาส

Readlakorn

Related Posts



11 comments:

Anonymous said...

งง

อ่านไมรู้เรื่องเลย

Anonymous said...

ขอบคุณมากเลยค่า
เพิ่งได้เข้ามาอ่านครั้งแรก
ไม่รู้ว่ามีเวบดีๆ อย่างนี้ด้วย
ขอบคุณมากนะคะ ที่สละเวลามาลงเรื่องให้อ่าน
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

Anonymous said...

ลีซาน ตอนที่ 63 -64 มีการสลับบรรทัด ทำให้อ่านไม่ได้ความในหลาย ๆ ที่ รบกวนตรวจสอบและแก้ไข เพือ่ให้อ่านได้ราบรื่นด้วยนะครับ

มันแกว said...

ขอบคุณมากค่ะ

Anonymous said...

มีสลับ บรรทัดบ้าง ถ้าเคยอ่านมาก่อน ก้อจะเข้าใจ ขอบคุณมั่ก ๆ ค่ะ

Anonymous said...

ติดตามอ่านเป็นประจำทุกตอน ไม่พลาดเลยแม้แต่ตอนเดียว < ติดงอมแงม >

Anonymous said...

เป็นครั้งแรกที่อ่านลีซานแล้วรู้สึกปวดหัว ขึ้นมา
เพราะอ่านแล้ว มึน งง เหมือนบทละครนี้ ยังไม่ได้กรองให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน ข้ามไปข้ามมา บางประโยคขึ้นมาฮ้วนๆก็มี ไม่ประติดประต่อ โดดไปโน่นที โน่นบ้าง
อ่านแล้วเครียด ยังไง รบกวนคุณ ลิลลี่
ลองอ่านดูนะครับ มันทะแม่งๆยังไงชอบกล

Anonymous said...

อ่านไม่รู้เเรื่องเลยจิงๆๆ ค่ะ เหมือข้ามไปข้ามมาชอบกล

Anonymous said...

ขอบคุณมากๆ เลยครับ
ที่เสียสละเวลานำมาลงให้อ่าน
..ก็อ่านเพลินๆไปดี้..คิิดมากทำไม(ท่านที่.งง.ทั้งหลาย)

Anonymous said...

อ่านไปอ่านมา งง ครับ อ่านต่อไม่ได้เลย
คุณลิลลี่ รบกวนเรียบเรียงให้ใหม่หน่อยได้ไหมครับ
แค่บรรทัดที่โชว์ ก็ต่าง จากตอนอื่น ๆ แล้ว

ดร.อนิรุตน์

Anonymous said...

เรื่องกำลังเข้มข้นนะคะ..ดีจังที่มีให้อ่านเพราะอาทิตย์นี้ไม่มีเวลาดูเลยต้องไปสัมนา ตจว.

ขอบคุณจากใจค่ะ แล้วลงวันไหนบ้างค่ะ จะได้เข้ามาถูกวันค่ะ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal