ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 60
ซองซงยอนพาซงอูมาที่บ้าน และขอให้มักซูไปตามหมอตรวจ
พอมักซูรู้ว่าซองซงยอนไม่รู้จักกับซงอูก็ขอให้พาไปพักที่อื่น
เพราะโรงเตี้ยมเป็นร้านค้า ขณะที่ฮงกุกยองสั่งการกับพวกเทซู เรื่องการจับคนร้าย
พระเจ้าจองโจก็เสด็จเข้ามา ทรงตรัสถามว่าทำไมไม่พักผ่อน
ฮงกุกยองตอบว่าถ้ายังจับคนร้ายไม่ได้ไม่อาจที่จะพักได้อย่างสบายใจ "งั้นหรือ
ที่จริงข้าก็รู้นิสัยท่าน ยังบอกให้ไปพักผ่อนอีก ดูเหมือนข้าจะคิดผิดมากกว่า"
"ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ" " แต่ว่า คนที่จับกลับมา
ท่านเชื่อว่าเป็นผู้บงการเรื่องนี้จริงหรือ ที่ข้าถาม เพราะมีข้อข้องใจหลายอย่าง
เห็นว่าคนที่ถูกจับ แทบไม่มีท่าทีขัดขืนต่อทหารที่เข้าไป จริงหรือเปล่า"
"หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม ว่าเรื่องนี้ ทรงทราบได้ยังไง"
" ก่อนเข้ามานี่ ข้าถามทหารที่อยู่ข้างนอก เขาตอบแบบนี้ แล้วท่านคิดยังไง
คนที่ต้องสงสัยว่าทำร้ายข้า กลับต่อสู้ไม่เป็นและยังให้จับโดยดี
ไม่คิดว่าแปลกบ้างหรือ" "แต่ในบ้านนั้น ไม่เพียงเจอปืนแบบเดียวกับที่ใช้ลอบสังหาร
ยังมีอาวุธร้ายแรงอีกหลายอย่างนะพะยะค่ะ" "งั้นหรือ มีอาวุธร้ายแรงด้วย" " พะยะค่ะ
พรุ่งนี้ นอกจากจะไต่สวนพวกเขาแล้ว แม้แต่คนที่หลบหนีไป
หม่อมฉันก็จะให้จับกลับมาเพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ฉะนั้นฝ่าบาททรงวางพระทัย
ให้หม่อมฉันจัดการเถอะพะยะค่ะ" "งั้นก็ได้
แต่แรกมาข้าก็ตั้งใจมอบงานนี้ให้ท่านอยู่แล้ว จัดการไปละกัน" "ขอบพระทัยพะยะค่ะ" "
แต่ว่า ก็อย่าโหมงานหนักเกินไป วันก่อนเห็นเทซูบอกว่า ท่านไม่กินไม่นอน
เอาแต่ดื่มเหล้าหลายวันติดต่อใช่ไหม ความรู้สึกของท่าน ข้าเข้าใจดี
แต่ถือว่าเห็นแก่คนที่ล่วงลับ ช่วยทำตัวให้เข้มแข็งหน่อยได้ไหม" "ฝ่าบาท" พระ
เจ้าจองโจเสด็จกลับไปก็รับสั่งให้แชจีคยอมประกาศความดีความชอบให้ฮงกุกยอง
เวลาเดียวกันนี้ฮงกุกยองออกมาเอาเรื่องทหารที่ทูลพระเจ้าจองโจและสั่งไล่ออก
แม้พวกเทซูจะคัดค้านก็ไม่ฟัง บอกว่าขึ้นอยู่กับตัวเขาที่จะสั่ง
และใครขัดขืนก็ระวังตัวให้ดี และเรียกซอจังบูเข้าไปพบส่วนตัว
มอบเงินให้และยังบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้ เพราะเขาไม่แข็งข้อเหมือนคังซกกีกับเทซู
พระพันปีเฮคยองบอกพระมเหสโยอึยให้เตรียมหาสนมใหม่ เพราะเรื่องทายาทเป็นสิ่งสำคัญ
สร้างความหนักใจให้พระมเหสีโยอึยอย่างมาก ฮงกุกยองมาเข้าเฝ้าพระหมื่นปีจองซุน
พระนางกล่าวยินดีที่จับคนร้ายได้ และยังได้ปูนบำเหน็จจากพระเจ้าจองโจ "
มิได้พะยะค่ะ เนื่องจากยังไม่ได้ไต่สวนข้อเท็จจริง จึงไม่อาจวางใจได้ แต่ยังไงก็ตาม
ข้อมูลที่พระหมื่นปีให้มา ถือว่าช่วยหม่อมฉันได้มาก" "งั้นก็ดีแล้ว ทีนี้จะว่าไง
เชื่อหรือยังว่า ข้าภักดีต่อฝ่าบาทด้วยความจริงใจน่ะ" " ขอทรงอภัย การจะเชื่อคนๆ
หนึ่ง คงไม่อาจตัดสินได้ในเวลาอันสั้น แต่พระหมื่นปี ทรงช่วยงานหม่อมฉันได้มาก
ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่าบาท ข้อนี้เป็นเรื่องจริง" "แค่นี้ฟังแล้วก็ชื่นใจ
ข้าจะได้รู้ว่ายังพอมีประโยชน์บ้าง ต่อไปก็ยังเหมือนเดิม
ข้าพร้อมจะให้ความช่วยเหลือแก่เจ้า มีปัญหาอะไรก็มาบอกได้" "ถ้าอย่าง งั้นละก้อ
หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่ง ไม่ทราบจะรบกวนพระหมื่นปีได้หรือเปล่า หม่อมฉันหวังว่า
พระหมื่นปีจะเป็นกำลังสำคัญ ช่วยขจัดเพทภัยที่จะมารบกวนหม่อมฉัน" "เรื่องอะไร
ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง ข้าจะช่วยเต็มที่ ขอเพียงเจ้าพูดมา" ฮงกุก
ยองเข้าไปทูลพระเจ้าจองโจ ว่าอยากทำความฝันของพระสนมวอนพินให้เป็นจริง
เรื่องการมีทายาท จึงขอเสนอโอรสองค์โตขององค์ชายอึนยอน คือ องค์ชายทัมยี
ให้เป็นบุตรบุญธรรมของพระสนม พระเจ้าจองโจขอทรงคิดไต่ตรองก่อน
ด้านพระหมื่นปีจองซุนเรียกแชซกจูมาบอกกล่าว "พระหมื่นปี
รับสั่งถึงโอรสองค์โตขององค์ชายอึนยอนหรือ" " ถูกต้อง ข้ายังไม่ทันคิดไปไกลขนาดนั้น
ฮุกกุกยองกลับทำให้ข้าคาดคิดไม่ถึง ตอนนี้ฝ่าบาทยังไม่มีทายาทซักคน แล้วจู่ๆ
เอาลูกขององค์ชายอึนยอน ไปเป็นลูกบุญธรรมสนมวอนพิน จะมีความหมายอะไรบ้าง
ถ้าฝ่าบาทยังไม่มีทายาทอีกหลายปี ไม่แน่ว่าเด็กคนนี้ อาจได้ขึ้นเป็นรัชทายาท
ฮงกุกยองจะเอาเรื่องนี้ไปทูลฝ่าบาทเอง และไม่นานจะกลายเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียง
ถึงตอนนั้น ท่านก็ให้คนของเรา สนับสนุนความคิดนี้อย่างแข็งขัน เข้าใจหรือเปล่า"
"แต่ว่าพระหมื่นปี หม่อมฉัน มีเรื่องหนึ่งรู้สึกไม่เข้าใจ การที่พระหมื่นปี
ยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยฮงกุกยอง เพื่ออะไรหรือพะยะค่ะ" "เพื่ออะไรหรือ" "พะยะค่ะ"
"สาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก ถ้างานนี้สำเร็จได้ ดีไม่ดี
เราอาจได้ตัวฮงกุกยองมาเป็นกำลังสำคัญของขั้วอำนาจเก่า" "อะไรนะ" "
ยังไม่เข้าใจอีกหรือ เราแค่ปล่อยให้เขาเดินเรื่องต่อไป แล้วคอยหนุนให้คนๆ
นี้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้น
เราก็จะอยู่เบื้องหลังคอยรับผลประโยชน์"00000000000000000 พระ
เจ้าจองโจเสด็จไปพบเชกา และบอกว่าคนคือหนึ่งในรายชื่อที่จะต้องไปต้าชิง
เพราะเขาสนิทกับคนของชมรมเจดีย์ขาว เชกาตกใจที่พระเจ้าจองโจทรงทราบ
แถมยังให้เชกาไปกับพวกชมรมเจดีย์ขาวด้วย พวกชมรมเจดีย์ขาวพากันตกใจไม่น้อย
แต่ก็ตื้นตันใจที่พระเจ้าจองโจทรงรู้จักพวกเขา "นี่คือ
สิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่ากล้องส่องทางไกลได้มาจากต้าชิง พวกท่าน
มีใครเคยรู้จักหรือเปล่า" พระเจ้าจองโจตรัสถาม "กล่องส่องทางไกลนี่
หม่อมฉันจำได้ว่าเคยมีทูตคนหนึ่ง นำเข้าจากราชวงศ์ หมิงในสมัยก่อน" เชกาตอบ "
ถูกต้อง เพียงแค่กระจกสองแผ่นก็สามารถใช้ขยายการมอง เห็นกระทั่งเป้าหมายที่อยู่ไกล
การใช้ของพื้นๆ มาประดิษฐ์ให้เป็นเครื่องใช้ที่มีประโยชน์มหาศาล ถือว่าเก่งมาก
แม้เราจะเป็นเมืองขึ้นของต้าชิง แต่ถ้าอย่างไหนมีประโยชน์ เราก็ควรนำมาปรับใช้
และไม่เฉพาะแค่ต้าชิง แม้แต่ประเทศอื่นที่มีวิทยาการและความรู้ต่างๆ ถ้าเป็นสิ่งดี
เราจะไม่ปฏิเสธเลย ข้าจึงอยากให้คนรุ่นใหม่ ได้ไปเปิดหูเปิดตาโลกภายนอก
นำสิ่งที่เรียนรู้มาพัฒนาบ้านเมืองของเรา" "เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพะยะค่ะ" "
รับสั่งของฝ่าบาททำให้พวกเราตื้นตันเหลือจะกล่าวก็จริง แต่ว่าฝ่าบาท
ทรงอภัยที่หม่อมฉัน บังอาจไม่เห็นด้วยกับพระดำริของพระองค์พะยะค่ะ" เชกาดุ
"นี่เจ้า" "หึ ท่านไม่เห็นด้วยกับความคิดข้า หมายความว่าไงน่ะ" พระเจ้าจองโจตรัสถาม
"เพี้ยนหรือเปล่า ต่อหน้าพระพักตร์ สามหาวแบบนี้ได้ยังไง" เชกาดุอีก "ไม่เป็นไร
อย่าไปห้ามเขา ไหนลองบอกซิ ข้าอยากรู้เหตุผลของท่าน" "พระอาญาไม่พ้นเกล้า
นั่นเป็นเพราะ หม่อมฉันไม่เข้าใจพระดำริของฝ่าบาทจึงได้ทูลเช่นนี้"
"ไม่เข้าใจความคิดข้าหรือ" " พะยะค่ะ ทุกวันนี้ทางการ
มองคนที่หัวสมัยใหม่และนิยมต่างชาติเป็นกบฏ มีการปราบอย่างหนัก
แต่ฝ่าบาทกลับส่งเสริมให้พวกเราไปแสวงหาวิทยาการใหม่ๆ
สรุปแล้วจะเอาอย่างไหนแน่พะยะค่ะ" พระเจ้าจองโจทรงแปลกพระทัย "ปราบอะไรกัน
ข้าไม่เห็นเข้าใจที่ท่านพูดเลย ท่านบอกว่าทางการ
เห็นใครเป็นกบฏและจะปราบพวกเขางั้นหรือ"
เมื่อพระเจ้าจองโจสดับฟังแล้วก็สั่งให้เรียกหัวหน้าองครักษ์มาพบ "นี่คือ
หนังสือที่ค้นได้จากบ้านผู้ต้องหาที่ถูกจับหรือ" "พะยะค่ะ" "นี่มันคือ ตำราของนิกาย
ชอนจู นี่นา" "ถูกแล้วพะยะค่ะ" "อะไรกันนี่ แสดงว่าคนที่ใต้เท้าฮงจับมา
ฝักใฝ่นิกายชอนจูงั้นหรือ" "พะยะค่ะ หลังจากไต่สวนแล้ว
เห็นว่าคนเหล่านี้มีความคิดแหวกแนว ไม่น่าไว้วางใจ" " เกี่ยวกับเรื่องนิกายชอนจู
ข้าเคยได้ยินมาบ้าง หลักคำสอนส่วนใหญ่ เน้นสิทธิเสรีและความเท่าเทียมของมนุษย์
มีแนวคิดต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็จริง แต่จะถือเอาแค่นี้
หาว่าพวกเขาคิดกบฏได้ยังไง" "ไม่เพียงแค่นี้พะยะค่ะ
ยังได้ค้นพบอาวุธปืนมากมายในฐานที่มั่นของพวกเขา เรื่องนี้ฝ่าบาทก็ทรงทราบอยู่แล้ว
นี่ก็คือหลักฐานสำคัญของการกบฏ" พระ เจ้าจองโจทรงมีรับสั่งให้เทซูกับพวกเข้าเฝ้า
แต่เทซูกับคังซกกีไม่เห็นซอจังบูมาสองวันแล้ว ทั้งสองจึงไปเฝ้าพระเจ้าจองโจด้วยกัน
พระเจ้าจองโจสั่งให้ทั้งสองสืบข่าวเกี่ยวกับฮงกุกยอง
คังซกกีแปลกใจจึงทูลถามว่าหมายความว่ายังไง "ข้ากำลังเป็นห่วงอยู่ว่า
เขาจะเครียดกับเรื่องงาน จนทำอะไรเลยเถิดหรือเปล่า
ทุกวันนี้ข้าเชื่อว่าเขายังเครียดกับเรื่องสนมวอนพินไม่หาย อาจจะด้วยอารมณ์วู่วาม
ทำให้ไม่อาจแยกแยะผิดชอบชั่วดี รู้สึกว่าคนที่เขาจับมา มีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่
เขาบอกว่า เจอปืนที่บ้านคนร้ายหลายกระบอก จนใช้เป็นหลักฐานได้ แต่เพียงแค่จุดนี้
กลับทำให้ข้าสงสัยมากกว่า" "รับสั่งว่า สงสัยอะไรหรือพะยะค่ะ" " เห็นว่าคืนนั้น
พวกเขาไม่ได้ขัดขืนการจับกุมด้วยซ้ำ แล้วมันไม่แปลกบ้างหรือ
ถ้ามีปืนไฟซุกซ่อนอยู่จริง ทำไมไม่ยิงทหารที่เข้าไปในบ้านล่ะ แสดงว่าเรื่องนี้
ต้องมีเลศนัยบางอย่างแอบแฝง แต่ว่าใต้เท้าฮง คงไม่มีเวลาทำงานให้ข้าอีก
จึงอยากให้พวกเจ้า ช่วยข้าสืบเรื่องบางอย่างหน่อย" "พะยะค่ะ" เวลา
นั้นฮงกุกยองทรมานนักโทษให้สารภาพเรื่องหนังสือ และสั่งให้ซอจังบูตามคนที่หนี
และใครที่มีพิรุธให้จับมาให้หมด ซอจังบูไปพบคนที่กล่าวหาว่า
ฮงกุกยองจับบัณฑิตไปแล้วหาว่าเป็นกบฏ ซอจังบูไม่พอใจจัดการชายเหล่านั้นจนสลบ
โทษฐานที่กล่าวหาฮงกุกยอง
ด้านซงอูฟื้นขึ้นมาก็แปลกใจว่าทำไมมาอยู่ที่นี่กับซองซงยอน " เอ่อ จำไม่ได้แล้วหรือ
เจ้าหมดสติอยู่ถนน "คังพยอง" เสียเลือดมากจนเดินไม่ไหว หึ ดีที่ข้าไปเจอเข้า
ไม่งั้นเจ้าคงตายจริงๆ เฮ่ย แต่ยังไงก็ถือว่าโชคดี เจ้าหมดสติไปตั้ง 2 วัน 2 คืน
รีบกินยาเร็วเข้า หมอบอกว่าต้องพักผ่อน" "ไม่ต้องห่วงข้าหรอก หึ ข้าหายดีแล้ว
เพราะข้าเป็นต้นเหตุ ทำให้แม่นางเดือดร้อน ขอโทษด้วย ข้า คงต้องขอตัวก่อน"
ซองซงยอนตกใจ "เอ่อ คือ" ซงอูลุกขึ้นแล้วเจ็บ "โอ๊ะ" "ว้าย ระวังหน่อย
ถ้าเคลื่อนไหว เจ้าจะเจ็บหนัก" "โอย ข้าต้องไปจากที่นี่ ไปเดี๋ยวนี้ด้วย" "
เพราะอะไร มีใครตามล่าใช่ไหม ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้ข้างนอกมีแต่ทหาร
ถ้าเจ้าบุ่มบ่ามออกไป ไม่เกินสิบก้าวต้องถูกจับแน่ หึ ข้าจะเอายามาให้ใหม่
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากไปเร็วๆ ก็ต้องกินยาเยอะๆ หายก่อนแล้วค่อยว่ารู้มั้ย งั้น
เจ้าพักผ่อนนะ" "ทำไมต้องช่วยข้า รู้ทั้งรู้ว่าข้าถูกทหารตามล่า ทำไมไม่ไปแจ้งความ
ให้ทางการรู้" " ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ เพียงแต่
รู้สึกว่าเจ้าไม่ใช่คนเลวร้าย บางที อาจจะ มีความจำเป็นบางอย่างก็ได้ อ้อ จริงสิ
แล้วบ้านเจ้าอยู่ไหน ข้าไม่รู้อะไรเลยจึงไม่อาจส่งข่าวถึงใคร
ป่านนี้ครอบครัวเจ้าคงเป็นห่วงแย่แล้ว แค่บอกว่าอยู่ไหนก็ได้
ข้าจะหาทางส่งข่าวให้พวกเขารู้" "ไม่ต้องทำอย่างงั้นหรอก ข้า ไม่มีญาติพี่น้อง
ไม่มีตั้งนานแล้ว เหลือข้าตัวคนเดียว" ซองซงยอนฟังแล้วตกใจ "หา" "
เห็นว่าตอนข้ายังเด็ก พ่อแม่แท้ๆ ก็จากไป มีแต่พี่สาวคนหนึ่ง
ที่พยายามจะเลี้ยงดูข้า แต่ว่า สุดท้ายก็เกินกำลัง จำเป็นต้องพรากจาก
ป่านนี้พี่สาวข้า คงนึกว่าข้าตายไปนานแล้ว" "เอ่อ อ้อ ขอโทษด้วยนะ
ข้าไม่ควรสอดรู้สอดเห็น" "ไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่ผ่านไปนานแล้ว ถ้ายังไง
ข้าขอตัวดีกว่า" "หา อะไรนะ" "เจ้าบอกว่าถ้ากินยาก็ไปได้ไม่ใช่หรือ
ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้กับเจ้าอีก" "เอ่อ ไม่ได้หรอก เจ้ายังเดินแทบไม่ไหวเลย" "
มีบางคน กำลังรอให้ข้ากลับไป ถ้าไม่เห็นหน้าข้า พวกเขาจะรออยู่ที่ๆ นัดหมาย
ข้าไม่อยากให้เขา มีอันตรายเพราะข้าเป็นต้นเหตุ ข้าต้องกลับไป
บอกให้พวกเขาไปจากที่นั่นซะ ขอบคุณมาก เราคงไม่ได้พบกันอีก
แต่ข้าจะอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้คุ้มครองแม่นางตลอดไป และมีแต่ความโชคดี"
"แค่ส่งข่าวใช่ไหม ส่งข่าวแทนเจ้าก็พอแล้วนี่ บอกข้ามาเร็ว แค่ส่งข่าวให้พวกเขารู้
ให้ไปจากที่นั่นก็พอใช่ไหม" "แต่ แต่ว่า" "ถ้าอย่างงั้น ให้ข้าไปแทน" "ไม่ได้หรอกนะ
มันเสี่ยงมาก" " ข้าก็เคยมีน้องชายคนหนึ่ง แต่เราจากกันตอนเขายังเด็กมาก
นับแต่นั้นเหมือน ข้าสูญเสียน้องไปแล้ว จากนั้นอีกหลายปี ข้าเคยไปตามหาเขา
แต่กลับได้ยินว่า เขาตายด้วยโรคระบาด เรื่องของเรื่อง ต้องโทษว่าข้าไม่ดีเอง
ทีแรกคิดว่า ส่งเขาไปอยู่กับเศรษฐีแล้วจะสบาย ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ข้าคงจะ
ไม่มีวันยกเขาให้คนอื่นเด็ดขาด หึ เจ้าบอกว่ามีพี่สาวใช่ไหม
ถ้านางรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ คงจะดีใจไม่น้อย ฉะนั้น อย่าทำลายตัวเองง่ายๆ
ยังไงก็ต้องอยู่ต่อไป เพื่อให้ได้เจอกับพี่สาวอีกครั้ง ข้าจะช่วยเจ้าเอง"
ในที่สุดซงอูก็ยอมให้ซองซงยอนช่วยส่งข่าวให้ และพอซองซงยอนไปพบปาร์ควอนแฮ
ทำให้นางรู้ว่าซงอูคือน้องชายของเขา ซองซงยอนดีใจมาก "เขาก็คือซงอู ชื่อของเขาคือ
ซองซงอู" "นี่แปลว่า ท่านไม่ได้ล้อเล่นกับข้านะ เอ่อ หนุ่มคนนั้น ชื่อซงอูจริงหรือ"
"ใช่ เขาก็คือ น้องชายที่เจ้าส่งไปอยู่ซานยอง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว" "เป็น
เป็นไปไม่ได้ มีคนบอกว่าเขา เป็นโรคระบาด ตายไปแล้ว" " นั่นไม่ใช่ความจริง
แต่เป็นเพราะว่า พ่อแม่บุญธรรมที่เอาเขาไปเลี้ยง พอโตขึ้นหน่อยก็จับไปขายซะ
พอเจ้าไปหา พวกเขาก็เลยโกหก ภาพเขียนนี้ ยังจำได้หรือเปล่า" ซองซงยอนมองแล้วร้องไห้
"นี่คือ สิ่งที่เขาหวงแหนที่สุด เขาบอกว่าวันที่พรากจาก
พี่สาวเป็นคนใส่ไว้ในเสื้อของเขา มีรูปของพ่อแม่ และพี่สาวไว้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่เคยมีวันไหนที่เขาจะไม่หยิบภาพนี้ออกมาดู" ซองซงยอนร้องไห้
"น้องพี่ ฮือๆๆ ฮือๆๆ ฮือ น้องพี่ๆ ฮือ" มื่อ
นางรู้เช่นนั้นแล้วก็วิ่งกลับบ้านไปด้วยน้ำตานองหน้า
เมื่อนางถึงบ้านก็พบว่าฮงกุกยองนำทหารมาล้อมบ้านนางเอาไว้
เพราะซอจังบูสืบตัวหมอที่รักษาซงอูพบ ฮงกุกยองจึงมาตามซองซงยอน และจับตัวไปทันที
พระเจ้าจองโจทรงเสด็จออกไปนอกวัง ดูความเป็นอยู่ของประชาชน
และได้พบกับคนของบัณฑิตยางจินซู ออกมาแจกข้าวคนจน จึงเรียกมาสอบถาม
และบอกว่ายางจินซูถูกจับข้อหากบฏ ทั้งที่เขาเป็นคนใจบุญช่วยเหลือคนยากจน
ทันใดนั้นนัมซาโชก็เข้ามาทูลว่าซองซงยอนถูกจับ พระองค์จึงรีบเสด็จกลับ
จบ ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 60ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 61
ซองซงยอนไม่ยอมบอกอะไรกับฮงกุกยอง บอกเพียงว่าเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น และถ้าฮงกุกยองจะลงโทษเธอก็ยินดี เท
ซูมาหาซองซงยอน เธอก็ยอมบอกความจริงว่าซงอูคือน้องชายของเธอ
และขอร้องให้เทซูช่วยพาเขาหนี เทซูยอมไปช่วยซงอู และบอกให้เขาหนีไปให้ไกล
เพื่อที่จะได้กลับมาพบพี่สาวอีกครั้งหนึ่ง แล้วเทซูก็ถูกทหารจับตัวได้
ฮงกุกยองเห็นแล้วตกใจไม่น้อย เขาขอคุยกับเทซูลำพัง
เขาคาดคั้นถามเทซูว่าทำไมต้องช่วยคนร้าย
เทซูจึงยอมบอกว่าคนคนนั้นคือน้องชายของซองซงยอนที่พลัดพรากกันแต่เด็ก
พระเจ้าจองโจทรงเสด็จไปสอบถามความจริงจากซองซงยอน "
ทันทีที่รู้ข่าวว่าเจ้าถูกทหารจับมา ข้าแทบไม่อยากว่าเป็นเรื่องจริง
ยิ่งมาเจอเจ้าที่นี่ด้วย ข้าก็ยิ่งไม่รู้จะพูดอะไรกับเจ้า เรื่องเป็นมายังไงกัน
ทำไมเจ้าถึงได้ทำแบบนี้ บอกข้าหน่อยได้ไหม หรือว่า ถ้าถูกคนร้ายข่มขู่ละก้อ"
"ไม่ใช่หรอกเพคะ ไม่มีใครมาขู่หม่อมฉัน คนที่ใต้เท้าฮงต้องการตัว
หม่อมฉันเป็นคนช่วยเขา และให้ที่พักพิงจริงๆ" "มีเหตุผลหรือเปล่า
สิ่งที่เจ้าทำมักมีเหตุผลเสมอ เขามีความสำคัญยังไง เจ้าถึงยืนกรานไม่ยอมปริปาก
ซงยอน" " ถึงหม่อมฉันจะพูดยังไง ก็ไม่อาจลบล้างความผิดที่ก่อขึ้นได้หรอกเพคะ
ด้วยเหตุนี้ หม่อมฉันจึงไม่ได้หวังจะให้มีการลดโทษ ฉะนั้น ถึงใครจะลงโทษยังไง
ก็ขอให้ฝ่าบาท อย่าทรงเป็นห่วงหม่อมฉันอีกเลย" "ซงยอน" "ฝ่าบาท
เจ้ากรมราชทัณฑ์มาขอเฝ้าเพคะ" "มีธุระอะไร" "ได้ยินว่ามีนักโทษกบฎถูกจับมาอยู่นี่
หม่อมฉันจึงมารับตัวพะยะค่ะ" "ไปกรมราชทัณฑ์หรือ" "ตามกฎหมาย
ผู้ต้องหากบฎต้องไปกรมราชทัณฑ์ จะโปรดให้ทหาร คุมตัวหญิงคนนี้ไปได้หรือยังพะยะค่ะ"
พระเจ้าจองโจทรงอึ้ง นิ่งคิดหาทางช่วยซองซงยอน ทรงเรียกฮงกุกยองมาพบ "เมื่อคืน
เห็นว่ายังจับคนร้ายที่หลบหนีไม่ได้ เพราะอะไร" " ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ
แต่หม่อมฉันยังให้คนไปตามหาอยู่ เชื่อว่าไม่นานคงได้ตัวกลับมา ได้ยินว่าซงยอน
ถูกคุมตัวไปยังเรือนจำแล้ว คงต้องรีบหาคนร้ายให้พบ เพื่อจะได้ล้างมลทินให้นาง
ทั้งหมดนี้ เป็นความผิดของหม่อมฉันพะยะค่ะ" "เรื่องนี้ ท่านไม่ต้องกังวลหรอก
ไม่นานซงยอนต้องถูกปล่อยแน่ ไม่เพียงแต่นางคนเดียว แม้แต่ทุกคนที่ถูกจับ
ก็ต้องถูกปล่อยเหมือนกัน" "หา อะไรนะ" " ท่านบอกว่าคนที่ถูกจับ
ล้วนต้องสงสัยว่าคิดกบฎ แถมยังพบอาวุธในบ้านบัณฑิตยาง
สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ใช่ไหม แต่ไม่แน่ว่า ของเหล่านี้อาจไม่ใช่ของพวกเขา"
"หม่อมฉัน ไม่เข้าใจที่ฝ่าบาทรับสั่ง" "
ปืนสิบกว่ากระบอกที่บอกว่าเป็นของกลางล้วนมาจากต้าชิง มูลค่านับล้านตำลึง
แต่พวกนั้นส่วนใหญ่เป็นบ่าวไพร่ ถึงชนชั้นสูงก็ไม่มีสมบัติมากมาย
แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้ออาวุธ" "แต่ว่า พวกเขามีแกนนำชื่อ"ยางจินซู
ซึ่งหม่อมฉันตรวจพบว่า พักก่อนจู่ๆ เขาก็ขายทรัพย์สินทั้งหมด จนน่าสงสัยว่า
อาจจะเอาไปซื้ออาวุธ" "เปล่า เขาไม่ได้ซื้ออาวุธเลย" ฮงกุกยองตกใจ "หา" " หึ
ลองอ่านดู อ่านแล้วจะรู้ว่า เงินที่เขาได้มา ไปใช้ที่ไหนหมด
ตอนท่านบอกว่าเข้าไปจับพวกเขา โดยแต่ละคนไม่มีการขัดขืน ข้าก็รู้สึกแล้วว่า
ประเด็นนี้น่าสงสัยมาก ลองคิดดูง่ายๆ ถ้าพวกเขามีการซ่องสุมกำลังจริง
ทำไมไม่เอาปืนมายิงต่อสู้ เพราะทหารที่ไป แต่ละคนก็มีแค่ทวนกับดาบเท่านั้น
ต้องสืบให้รู้ว่าอาวุธพวกนั้นมาจากไหน พวกเขาคิดวางแผนก่อกบฎจริงหรือเปล่า
ก็ต้องสืบให้ชัดเหมือนกัน"
ฮงกุกยองทูลพระเจ้าจองโจว่าชายคนนั้นคือน้องชายของซองซงยอน พระเจ้าจองโจทรงอึ้ง
และคิดหาทางช่วย ส่วน ฮงกุกยองก็ไปพาเทซูออกมา
และถามเรื่องที่พระเจ้าจองโจให้คังซกกีกับเทซูไปสืบเรื่องที่มาของปืนไฟ
ฮงกุกยองถามรายละเอียดจากทั้งสอง "หมู่นี้แถว ซอกัง และฮูพู
มีสินค้าเถื่อนระบาดไปทั่ว โดยเฉพาะต้าชิง ต้องการโสมในปริมาณมาก
ทำให้มีการเอาโสมแลกปืนมากขึ้นน่ะครับ" "ถึงอย่างงั้นก็เถอะ
ปืนไฟไม่ใช่สิ่งที่จะนำเข้าออกได้ง่ายๆ" "ถ้าไม่ใช่ได้จากพ่อค้า หรือว่า
จะเป็นพวกโจรสลัดหรือเปล่าครับ" "อะไรนะ โจรสลัดหรือ" "ใช่ครับ หมู่นี้แถวเกาะคังวา
มีโจรสลัดอาละวาดเป็นประจำ" "เดี๋ยวก่อน เกาะคังวาหรือ" "ใช่ครับ" " หึ หึ ใช่แล้ว
เมื่อหนึ่งเดือนก่อน มีเรือสินค้าจากต้าชิง ถูกปล้นบริเวณเกาะคังวา เทซู
รีบไปสืบดูว่าสินค้าที่ถูกปล้นมีอะไรบ้าง มีปืนรวมอยู่ด้วยหรือเปล่า" "ครับ"
"ส่วนพวกเจ้า ไปดูว่ามีใครติดต่อซื้อขายกับพวกโจรสลัดแล้วรีบมาบอกข้า เข้าใจมั้ย"
"ครับใต้เท้า" แถว ท่าเรือ มินจูซีรู้จากลูกน้องว่าฮงกุกยองเปลี่ยนเป้าหมายมาทางนี้
จึงสั่งให้ลูกน้องจับตาดูให้ดี และรีบมาส่งข่าวแชซกจู
เขารีบปรึกษากับพระหมื่นปีจองซุน
และคิดว่าพระเจ้าจองโจทรงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีผู้เกี่ยวข้องอีกกลุ่ม หนึ่ง
"มีผู้เกี่ยวข้องอีกกลุ่มหรือ พูดแบบนี้หมายความว่าไง ถ้าไม่ใช่พวกฝักใฝ่นิกายอื่น
แล้วใครจะกล้าปองร้ายฝ่าบาท ลงทุนซื้อปืนมาลอบสังหาร มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ
เดี๋ยวก่อน หรือว่าจะเป็นพวกเขา" "พระหมื่นปี ทรงมี เบาะแสแล้วใช่ไหมพะยะค่ะ"
พระหมื่นปีจองซุนทรงถอนพระทัย เท ซูกับซอจังบูไปหลอกซื้ออาวุธแต่ถูกจับได้
ฮงกุกยองออกมาช่วย พวกคนร้ายพากันกินยาพิษฆ่าตัวตาย แต่ฮงกุกยองสั่งให้หมอรักษา
และทูลพระเจ้าจองโจให้ทรงทราบ "เป็นล่ามชื่อ คิมชุงซี หรือ" "พะยะ ค่ะ
เป็นอดีตลูกขุนนางตกยาก ตอนหลังไปเป็นล่ามที่ต้าชิง
เพียงไม่กี่ปีฐานะก็ล่ำซำขึ้นใหม่ ถ้าคนแบบนี้ยังมีปืน สามารถคิดปองร้ายได้
แสดงว่าคงไม่ได้กระทำเพียงคนเดียว อาจมีคนบางกลุ่มที่รอดหูรอดตาทางการ
วางแผนปลงพระชนม์ฝ่าบาทก็เป็นได้ ฝ่าบาททรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะพะยะค่ะ
ถ้าไม่เพราะหม่อมฉันทำงานเลินเล่อแต่แรก คงไม่ปล่อยให้พวกเขาหนีไปง่ายๆ" " ไม่
ไม่เกี่ยวกับท่านหรอก ทำแค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว ถึงจะจับคนร้ายตัวจริงไม่ได้ก็ช่าง
อย่าตำหนิตัวเองนัก ตอนนี้ก็พอมีเบาะแสแล้ว ข้าเชื่อว่า
ถึงเวลาต้องปราบพวกเขาได้แน่" "ฝ่าบาท" " อีกอย่าง สิ่งที่ต้องทำตอนนี้
ก็ใช่ว่าจะหยุดพักได้ เมื่อพิสูจน์ได้ว่าคนกลุ่มนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด
ก็อย่าจับมาขังไว้ รีบปล่อยให้เป็นอิสระซะ ที่สำคัญ
แม้แต่ซงยอนก็ต้องรบกวนท่านด้วย" "พะยะค่ะ" ซองซงยอนออกมาได้ก็ถามหาซงอู
เทซูบอกว่ารออยู่ที่บ้าน เธอรีบไปพบทันที "พี่ใหญ่" "ฮือ ฮือ เจ้ายังไม่ตาย ฮือ
ที่แท้ เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ฮือๆๆ" "พี่ใหญ่" " ฮือ ขอโทษด้วยนะ ฮือ
พี่ต้องขอโทษเจ้า ฮือ ที่จำเจ้าไม่ได้ ฮือ เจ้าช่างเหมือนพ่อของเรา ฮือ ช่างเหมือน
ท่านพ่อของเรา ที่เสียชีวิตไปแล้ว ฮือๆๆ แต่พี่ก็โง่ ฮือ เห็นแล้วยังจำไม่ได้อีก
ฮือๆๆ ฮือๆๆ น้องพี่ ฮือ น้องพี่ ฮือๆๆ" เทซูกับดัลโฮพลอยดีใจไปด้วย เทซูต่อว่าซงอู
"แย่จริง บอกแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว ทำไมไม่ยอมพูดกับพี่เจ้าล่ะ" " หึ
มันยากจะเอ่ยปากน่ะครับ ถึงไม่ใช่ความรู้ต้องห้ามก็เถอะ
แต่ข้าศรัทธาในนิกายที่ทางการไม่ให้การยอมรับ
กลัวจะทำให้พี่ใหญ่เดือดร้อนด้วยเลยไม่กล้าพูดน่ะครับ"
"ถึงงั้นก็ไม่ควรปิดไปเรื่อยๆ ไม่ยอมเผยตัว เจ้าจะไม่ยอมรับพี่สาวหรือไง"
"ซักวันคงได้เปิดเผยน่ะครับ แต่ช่วงนี้ เพราะสถานการณ์บังคับ ให้ข้าต้องอยู่ห่างๆ
คอยแอบดูพี่ใหญ่ แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว" "เฮ่อๆ ยังไงก็ช่าง
ได้เจออีกครั้งก็ถือว่าโชคดีแล้วจริงมั้ย เฮ่อๆๆ" ดัลโฮตัดบท "นั่นสิท่านอา
เห็นซงยอนดีใจขนาดนี้ ข้าก็ดีใจตามด้วย" "ต้องขอบใจเจ้า เพราะเจ้าช่วยเราไว้"
ซองซงยอนกล่าว " เฮ้ย อย่าพูดอย่างงั้น จริงๆ แล้ว ข้าก็ไม่ได้ทำอะไร แถมยังถูกจับ
ดีที่ฝ่าบาททรงทราบเรื่องด้วย หึ พอข้าถูกจับแล้ว ฝ่าบาทก็ให้คนไปช่วยซงอูในป่า
และพามาอยู่ที่นี่ เพราะฝ่าบาททั้งนั้น" "อะไรนะ" "เจ้าไม่รู้หรือ
พอฝ่าบาททรงทราบเรื่องของเจ้า ก็ให้ใต้เท้านัมไปหาซงอูทันที"00000000000000000
ฮงกุก ยองช่วยซงอูแล้วก็มาทูลพระเจ้าจองโจ ทรงดีพระทัย
ฮงกุกยองจึงพูดเรื่องการรับลูกชายขององค์ชายอึนยอนเป็นลูกบุญธรรมให้พระสนม วอนพิน
พระเจ้าจองโจทรงยอมอนุญาต เพราะฮงกุกยองมีผลงานไม่น้อย
พระเจ้าจองโจทรงพาพวกขุนนางไปที่ศูนย์รวมของพวกวณิพกขอทาน
"พวกท่านรู้มั้ยว่านี่เป็นที่ไหน" "ที่นี่ เป็นศูนย์รวมของพวกวณิพกขอทาน เรียกว่า
โทมัก" " ถูกต้อง ที่นี่คือโทมัก ผู้คนที่อยู่นี่
ล้วนเป็นพวกจรจัดไม่มีหัวนอนปลายเท้า และไม่เฉพาะแค่จุดนี้ ยังมีแถว ชองเก และ
โซวามุน ที่เต็มไปด้วยชาวบ้านยากจนแทบไม่มีข้าวให้กิน
ปัญหาอยู่ที่ไม่เฉพาะแค่ขุนนาง แม้แต่พระราชาอย่างข้าก็ไม่อาจดูแลได้ทั่วถึง
แล้วรู้มั้ยใครที่ยอมขายสมบัติทั้งหมด เพื่อจะช่วยคนเหล่านี้ ก็คือ
คนที่ศรัทธาในนิกายชอนจูนั่นแหละ ทุกครั้งที่มานี่ ข้าจะรู้สึกละอายอย่างบอกไม่ถูก
เป็นเจ้าแผ่นดินแท้ๆ กลับไม่อาจดูแลปากท้องชาวบ้าน ต้องไปรบกวนคนอื่นแทน
ข้าจึงอยากให้พวกท่าน จดจำภาพเบื้องหน้านี้เอาไว้ เข้าใจหรือยัง สิ่งที่เราต้องทำ
ไม่ใช่รวมหัวคัดค้านสารพัดนิกายที่เข้ามา หากแต่ช่วยให้ชาวบ้านได้อิ่มปากอิ่มท้อง
ไม่ให้อยู่อย่างลำบากต่างหาก"
ฮงกุกยองเห็นฎีกาเรื่องการหาฤกษ์มงคลในการเลือกสนมใหม่ เขาจึงไปเฝ้า
และเห็นพระมเหสีโยอึยทูลเชิญองค์ชายอึนยอนกลับไป "
ถ้าจะมาคุยกับองค์ชายอึนยอนเกี่ยวกับเรื่องลูกบุญธรรม
ขอบอกให้เลิกล้มความคิดซะดีกว่า เพราะข้าได้อธิบายให้เขาฟัง
ว่าเรื่องนี้ผิดต่อธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งเขาก็เข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดแต่โดยดี"
"พระมเหสี" "ที่จริงการจะให้วอนพินมีลูกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก
แต่ว่าต้องไม่ใช่ลูกขององค์ชายอึนยอน" "ไม่ใช่โอรสขององค์ชายอึนยอนหรือ
แต่เรื่องนี้ฝ่าบาททรงเห็นชอบ และอนุญาตหม่อมฉันแล้ว" "ฝ่าบาทน่ะหรือ"
"ถูกแล้วพะยะค่ะ" " หึ ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ข้าคงเห็นด้วยไม่ได้
การเป็นลูกบุญธรรมของวอนพินมีความหมายยังไงบ้าง นั่นก็คือ
ตราบใดที่ฝ่าบาทยังไม่มีโอรส ซักวันเด็กคนนี้จะได้ขึ้นเป็นรัชทายาทใช่หรือเปล่า
การที่ท่านเสนอเรื่องนี้ อย่าบอกว่าไม่เคยคิดถึงข้อนี้มาก่อน หรือจะเถียง?"
"แล้วพระมเหสี จะมีรับสั่งอะไรกับหม่อมฉันอีก ทรงหมายความว่า
หม่อมฉันทะเยอทะยานอยากเป็นพระมาตุลาของรัชทายาท ใช่ไหมพะยะค่ะ" "
ท่านมีจุดประสงค์อะไร,คงไม่ต้องให้ข้าพูดซ้ำอีก แต่ว่าตำแหน่งรัชทายาทของเรา
ต้องเป็นสายพระโลหิตโดยตรงของฝ่าบาทเท่านั้น คนอื่นจะมายุ่งไม่ได้" "ด้วยเหตุนี้
พระมเหสีจึงโปรดให้รับสนมใหม่ใช่ไหม ที่จริงหม่อมฉัน
ก็ไม่คัดค้านหากว่าฝ่าบาทจะทรงมีสนมอีกหลายคน แต่ตอนนี้ตำหนักซุกชาง
ยังมีร่องรอยพระสนมวอนพินอยู่ทุกที่ แล้วให้คนใหม่เข้ามาหรือ
ปล่อยให้ดวงวิญญาณพระสนมอยู่ไม่เป็นสุขในปรโลก พระมเหสีทรงทำได้ยังไง เป็นเพราะว่า
ไม่โปรดที่หม่อมฉันเสนอให้พระสนมมีทายาทใช่ไหม หรือเป็นห่วงว่า
หม่อมฉันจะมีอำนาจมากกว่านี้ เลยต้องขวางไว้ก่อนใช่ไหมพะยะค่ะ" "ใต้เท้าฮง
ท่านใช้คำพูดเกินไปหรือเปล่า ข้าเป็นถึงพระมเหสี ท่านเป็นแค่ข้าราชบริหาร
มีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่ายการตัดสินใจของข้า ที่แล้วมา ข้าอดทนต่อความสามหาวของท่าน
เพราะเห็นใจที่เสียน้องสาว ย่อมเสียใจเป็นธรรมดา แต่ว่าต่อไปขอเตือนว่าจงอย่าทำอีก
เพราะข้าจะไม่มีวันให้อภัยเป็นครั้งที่สอง
ส่วนเรื่องจะให้ลูกขององค์ชายอึนยอนมาเป็นโอรสบุญธรรม ข้าก็ไม่เห็นด้วย
ฉะนั้นจงอย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวของท่าน มาทำให้ราชสำนักมัวหมองอีก เข้าใจมั้ย"
พระมเหสีโยอึยเสด็จไปเลย ฮงกุกยองโกรธ "เฮ่ย ก็เอาซี่ ในเมื่อพระมเหสีรับสั่งแบบนี้
หม่อมฉัน ก็จะทำตามความประสงค์ของพระนาง ฉะนั้นคอยดูไปเถอะ
หม่อมฉันจะให้โอรสขององค์ชายอึนยอนมาเป็นลูกบุญธรรมให้ได้ แล้วหลังจากนั้น
หม่อมฉันก็จะเป็นพระมาตุลา หึ" ซองซงยอนคิดจะไปเมืองฮาชองกับซงอู
จึงมาบอกปาร์คยองมุน เขาบอกเพียงให้ซองซงยอนลาพักงานไปพักผ่อนได้
เทซูไปเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ และชวนพระองค์ดื่มเหล้า
"นานแล้วที่ไม่ได้อยู่ในสภาพแบบนี้ ข้าหมายถึงล้อมวงดื่มเหล้าด้วยกัน"
"นั่นสิพะยะค่ะ ครั้งสุดท้ายดูเหมือนว่าฝ่าบาทยังไม่ได้ครองราชย์
แล้วหม่อมฉันตามเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้านข้างนอก" "หึ ใช่ วันนั้นข้ายังดื่มจนเมา
ขายหน้าพวกเจ้าอีกต่างหาก" "เอ่อ ไม่หรอกพะยะค่ะ" " แต่พูดก็พูด
เมื่อก่อนเวลาไปข้างนอก จะมีเจ้าหรือซงยอนคอยติดตาม ตั้งแต่เด็กมา
ที่เราสามคนได้รู้จักกัน ทุกครั้งที่ข้ามีปัญหา คนแรกที่นึกถึงก็คือพวกเจ้า"
"ฝ่าบาท ฝ่าบาท ความจริงวันนี้
หม่อมฉันมาเฝ้าเพราะมีเรื่องบางอย่างจะทูลให้ทรงทราบ" "งั้นก็พูดมาสิ
ข้าก็รู้อยู่แล้ว เจ้าต้องมีอะไรมาพูดแน่" "ฝ่าบาท หม่อมฉัน
ได้ยินว่าจะมีการเลือกพระสนมใหม่จริงมั้ยพะยะค่ะ ถ้าไง
คราวนี้ให้ซงยอนเข้าวังได้ไหม" "เทซู" "หม่อมฉันรู้ว่า
คนที่ฝ่าบาททรงต้องการมากที่สุดคือซงยอน ฉะนั้น โปรดให้นางเข้าวังเถอะพะยะค่ะ" "หึ
แต่ว่า ข้าทำอย่างงั้นไม่ได้ เจ้าก็รู้ดี เพราะใจของนาง" " นั่นเป็นเพราะ
ฝ่าบาททรงเข้าพระทัยผิดไปเอง ความรู้สึกของนาง หม่อมฉันเข้าใจดี เรารู้จักกันมานาน
และซงยอน ตั้งแต่เด็กจนวันนี้ มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่อยู่ในใจ เมื่อก่อน
ที่นางปฏิเสธไม่ยอมเข้าวัง เพราะมีสาเหตุอื่นพะยะค่ะ" "สาเหตุอื่นหรือ"
"เป็นเพราะพระพันปีพะยะค่ะ เอ่อ ไม่ใช่ความประสงค์ของนาง
แต่จำเป็นต้องทำตามรับสั่งของพระพันปี" "อะไรนะ รับสั่งของเสด็จแม่หรือ"
"สำหรับนางแล้ว ถ้าเป็นสิ่งที่ดีต่อฝ่าบาทก็พร้อมเสียสละเสมอ" "หา หึ"
พระเจ้าจองโจทรงนิ่งคิด ซองซงยอนกลับจากทำงานก็เข้ามาหาของ "เอ่อ หายไปไหนนะ
แย่จัง" "หาของสิ่งนี้อยู่ใช่ไหม" "เอ่อ ฝ่าบาท" "นี่คือ
สายคาดเอวที่ข้าเคยผูกให้เจ้า ตอนเจ้าได้รับบาดเจ็บที่แขน สมัยที่เรายังเด็ก ที่แท้
เจ้ายังเก็บถึงทุกวันนี้หรือ" "ฝ่าบาท ทำไมเสด็จมาถึงนี่ได้" "ข้า จะมารับเจ้า
ตามข้ากลับวังเถอะนะซงยอน" "ตามฝ่าบาทกลับวังหรือเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง"
"ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าไม่ยอมเข้าวัง จริงๆ แล้ว ไม่ใช่เพราะอยากเขียนภาพ
หรือเจ้าไม่อยากอยู่กับข้า" "หา หึ" "เจ้าเคยไปเฝ้าเสด็จแม่มา
ก็เลยตัดสินใจอย่างงั้น" "ฝ่าบาท" "รู้มั้ยว่าเป็นความคิดที่โง่ขนาดไหน
การไม่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง สำหรับข้าเป็นความเจ็บปวด เจ้าไม่เข้าใจบ้างหรือ" "เอ่อ
เสด็จกลับไปเถอะเพคะ การที่ฝ่าบาทมารับสั่งแบบนี้ หม่อมฉันคงไม่อาจรับได้
เชิญเสด็จกลับเถอะเพคะ หึ" "ซงยอน" " ทุกวันนี้ฝ่าบาท ทรงเป็นประมุขแห่งโชซอน
ส่วนหม่อมฉัน เป็นเพียงจิตรกรต่ำต้อย เราเหมือนอยู่กันคนละโลก
แล้วฝ่าบาทจะทรงลดพระองค์ลงมา" "แต่ตอนนี้ ข้าไม่ได้พูดกับเจ้าในฐานะพระราชา
สมัยก่อน เจ้าไม่ได้รู้จักข้าในฐานะองค์ชาย จนวันนี้ข้าก็ไม่ใช่พระราชาสำหรับเจ้า
หึ เข้าใจหรือเปล่า ข้าไม่ใช่พระราชา แต่มาในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ขอให้เจ้าอยู่กับข้า
โปรดอย่าหนีข้าไปอีก ที่สำคัญ ข้าไม่อยากรอต่อไปอีกแล้ว ไม่อยากฟังเหตุผล
ไม่อยากฟังใครพูดทั้งนั้น ถ้าวันนี้เจ้าไม่ไปกับข้า
ข้าก็จะไม่กลับวังเหมือนกันรู้ไว้ด้วย" ซองซงยอนอึ้งไป "ฮือ"ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 61
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 62
ซงอูกลับมาหาพี่สาว และพบว่าเธอออกมานั่งคิดบางอย่าง "
พี่ใหญ่อยู่นี่เองหรือ ไม่นึกว่าจะมาอยู่นี่ อุตส่าห์หาซะตั้งนาน ของที่บอกว่าทำหาย
หาเจอหรือยัง บอกว่าจะไปหาของบางอย่าง แต่ตั้งนานก็ไม่กลับมา
ข้ายังนึกว่าหาไม่เจอซะอีก" "ไม่ใช่หรอก เจอตั้งนานแล้ว นี่ไงล่ะ
ของที่บอกว่าทำหาย" " โชคดีจริงๆ เห็นท่าทางร้อนใจของท่าน นึกว่าเป็นของสำคัญซะอีก
ว่าแต่ ท่านจะไม่เดินตรงไปจริงหรือ ป่านนี้ฝ่าบาท คงรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ที่สุดทางเส้นนี้ อย่าให้เสียเวลาอีกเลย" "เอ่อ ซงอู" "ถ้าเป็น เพราะห่วงข้าละก้อ
ขอบอกว่าไม่จำเป็น ข้าจะอยู่นี่ต่อก็ได้ ถ้าท่านคิดถึงข้า มีเวลาก็มาหาได้ทุกเมื่อ
เพราะฉะนั้นท่าน รีบกลับเมืองหลวงดีกว่า หึ ถ้าคราวนี้ปฏิเสธฝ่าบาทอีก
เชื่อว่าอนาคต ท่านจะอยู่กับความเสียใจไปชั่วชีวิต ขนาดแค่สายคาดเอวหายไป
ท่านยังร้อนใจแทบแย่ ต้องรีบกลับไปหาทันทีทันใด เพราะฉะนั้น ถ้าพรากจากฝ่าบาทอีก
ท่านจะอยู่ต่อได้หรือ" ซองซงยอนคิดตามคำพูดของน้องชาย
และในที่สุดเธอก็วิ่งกลับไปหาพระเจ้าจองโจอย่างไม่คิดชีวิตจนได้รับบาดเจ็บ "ซงยอน"
"หา ฝ่าบาท ฮือ ฮือ ฝ่าบาท" "หา หา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมีแผลล่ะ" "ฮือ
ไม่เป็นไรเพคะ ฮือ แผลแค่นี้สำหรับหม่อมฉันเป็นเรื่องเล็ก" "ยังจะปากแข็งอีก
เลือดออกตั้งมากขนาดนี้" "ฮือ นึกว่าฝ่าบาทกลับไปแล้ว ฮือ เพราะหม่อมฉันมาช้า
ฝ่าบาทเลยไม่รออีก" "ซงยอน" "หม่อมฉันจะตามพระองค์กลับไปถ้าไม่ทรงรังเกียจ
หม่อมฉันจะขออยู่กับฝ่าบาท" พระเจ้าจองโจทรงดีพระทัยมาก "หา" " ฮือ
หม่อมฉันมีแต่ใจที่จงรัก ไม่มีความคู่ควรใดๆ หากจะถวายให้ฝ่าบาทได้
ก็มีแต่หัวใจเท่านั้น ฮือ ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงรังเกียจ
หม่อมฉันก็ขออยู่เคียงข้างพระองค์ ฮือ สิ่งที่หม่อมฉันสามารถทำได้ ฮือ
ก็คือถวายชีวิต มอบแด่ฝ่าบาท ขอเป็นทาสรับใช้ตลอดไป ฮือๆๆ" "มีแต่หัวใจงั้นหรือ
เจ้าบอกว่าไม่คู่ควรกับข้า มีแต่หัวใจหรือ" "ฮือ ฝ่าบาท" "หึ เฮ่อ ฮือ
ต่อไปห้ามบาดเจ็บอีก ข้าจะดูแลปกป้องเจ้า จะไม่มีวัน ให้เจ้าต้องเจ็บตัวอีก" "ฮือๆๆ
ฮือ ฝ่าบาท" พระเจ้าจองโจทรงมีพระราชประสงค์ที่จะรับซองซงยอนเป็นสนม
พระพันปีเฮคยองกลับคัดค้านไม่เห็นด้วยเนื่องจากซองซงยอนมีคดีติดตัวอยู่ "
อย่าหวังเลย เรื่องนี้แม่คงเห็นชอบด้วยไม่ได้ หรือเจ้าคิดว่าจะให้เลยตามเลย
จึงดั้นด้นออกไปหานางโดยไม่ฟังเสียงทักท้วง จากนั้นก็พานางกลับมา
จงใจยั่วให้แม่โมโหล่ะสิ" "เสด็จแม่" "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ถึงเจ้าอธิบายยังไง
แม่ก็ไม่มีวันอนุญาต แม่จะไม่ให้คนที่ไม่มีสกุลรุนชาติมีลูกกับเจ้าเด็ดขาด" "
ถ้าทรงเกี่ยงที่ชาติกำเนิดของนาง แล้วสมัยก่อนพระมารดาของเสด็จปู่
ไม่ได้เป็นบ่าวไพร่หรอกหรือ ทั้งเสด็จพ่อและหม่อมฉัน ก็ได้รับสายเลือดมาส่วนหนึ่ง
แล้วทำไมเสด็จแม่ถึงเอาเรื่องนี้มาปฏิเสธซงยอนล่ะพะยะค่ะ" "ที่เจ้าถาม
เพราะไม่รู้จริงหรือแกล้งไม่รู้กันแน่ จริงอยู่ เจ้าพูดก็ถูก
สมัยก่อนพระมารดาของเสด็จปู่ เป็นแค่คนงานหาบน้ำในวังเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้วัยเยาว์ของเสด็จปู่เจ้า
จึงต้องผ่านความลำเค็ญอย่างเหลือแสนกว่าจะได้ครองราชย์ เจ้าก็รู้นี่นา
ตลอดพระชนม์ชีพไม่อาจเซ่นไหว้พระมารดา
ซ้ำยังต้องคอยห่วงว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดอ่อนให้คนมาล้มล้างพระองค์
ถ้าผู้หญิงคนนี้มีลูกกับเจ้า ก็จะเจริญรอยตามเสด็จปู่ไม่มีผิด แม้จะเป็นโอรส
ก็ไม่มีใครให้เกียรติในฐานะรัชทายาท ซ้ำยังมีขบวนการจ้องเล่นงานจุดอ่อนข้อนี้อีก
เหล่านี้ล้วนเป็นภัยต่อราชสำนักอย่างใหญ่หลวง เรื่องพวกนี้เจ้าจะไม่เข้าใจบ้างหรือ"
"เสด็จแม่ ที่มีรับสั่งมานั้น หม่อมฉันเข้าใจดี แต่แม้จะเป็นอย่างงั้น
คราวนี้หม่อมฉันก็จะไม่ฟังใครอีก หม่อมฉัน จะให้นางเป็นสนมให้ได้
อนาคตถ้ามีลูกชายก็จะให้เป็นรัชทายาท แล้วหม่อมฉันจะรับรองฐานะเขาด้วยตัวเอง"
"ฝ่าบาท" "ทุกวันนี้ ถ้าให้หม่อมฉันพรากจากนางอีก หม่อมฉันคงอยู่ไม่ได้ ฉะนั้น
ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ความคิดที่จะให้นางอยู่กับหม่อมฉัน
จะไม่มีวันเปลี่ยนอีก" "ฝ่าบาท" "เสด็จแม่"
พระพันปีเฮคยองทรงโกรธไปถึงพระมเหสีโยอึย และสั่งให้มีการเลือกสนมต่อไปด้วย
พระมเหสีโยอึยเสด็จมาเฝ้าพระเจ้าจองโจ "ป่านนี้ เสด็จแม่คงยังไม่หายกริ้วสินะ
ที่เมื่อคืน" " หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ ว่าฝ่าบาท
โปรดให้ซงยอนเข้าเฝ้าถวายตัวเมื่อคืนนี้ แต่ว่า
ไม่นานก็เห็นฝ่าบาทเสด็จไปห้องอักษรแทน
ตอนนี้คิดว่าเสด็จแม่คงยังไม่ทรงทราบเรื่องนี้ แต่หม่อมฉัน
ก็เข้าใจเหตุผลที่ฝ่าบาททรงทำลงไป" "ชุงจอน" "ทรงวางพระทัยเถอะเพคะ
การเกลี้ยกล่อมเสด็จแม่อาจต้องใช้เวลาบ้าง แต่เชื่อว่าไม่นาน
เสด็จแม่ต้องทรงหายกริ้วแน่" "ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่สบายใจเหมือนกัน
แต่ยังไงก็ขอขอบใจเจ้า" "ฝ่าบาท" "เพราะความเห็นแก่ตัวของข้า
ทำให้เจ้าพลอยมีภาระหนัก ถูกเสด็จแม่ตำหนิ ต้องขอโทษด้วยนะ" "
ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะเพคะ การจะให้ซงยอนมาเป็นสนม
เป็นสิ่งที่หม่อมฉันหวังมานานเช่นกัน
และเชื่อว่าเสด็จแม่คงเข้าพระทัยความคิดของฝ่าบาทดี ฉะนั้น
ไม่ต้องทรงคิดมากหรอกเพคะ" ด้านฮงกุกยองก็เชิญองค์ชายอึนยอนมาพบ และเสนอพระนามใหม่
องค์ชายอึนยอนจะไม่พูดเพราะพระมเหสีโยอึยไม่เห็นด้วย แต่ฮงกุกยองกลับบอกว่า "
รับสั่งของพระมเหสี ท่านไม่ต้องใส่ใจนักหรอก เพราะเมื่อฝ่าบาททรงเห็นชอบ
แล้วพระมเหสีจะมีความหมายอะไร อักษร "วาน" เป็นชื่อประจำของสกุลลี ส่วนคำว่า "พง"
เป็นสายสกุลเดิมของพระสนม รวมกันเป็น "วานพง" ไม่ทราบว่าพอใจหรือเปล่า"
"ทำไมต้องมีการตั้งชื่อใหม่ ใต้เท้าฮง นี่มันหมายความว่าไง" " จะมีความหมายอะไรอีก
ท่านคงไม่ใช่แกล้งไม่รู้ถึงมาถามข้าหรอกนะ หากว่าคุณชายน้อย ได้เป็นโอรสบุญธรรมจริง
นั่นจะหมายถึงอะไร ก็แปลว่า อีกหน่อยอาจเป็นทายาทองค์เดียวของฝ่าบาท
ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นไปได้มาก อีกไม่นาน คุณชายน้อยอาจได้เป็นรัชทายาท ต่อจากนั้น
ก็จะขึ้นครองบัลลังก์แทนฝ่าบาท เพื่อเห็นแก่บ้านเมืองของเรา
ข้าจะสนับสนุนเรื่องนี้เต็มที่ ฉะนั้น ขอเพียงท่านเชื่อข้า
และทำตามที่แนะนำก็พอแล้ว" พระเจ้าจองโจตรัสกับพวกเชกาว่า ระหว่างที่เขาไปต้าชิง
ทางนี้จะเตรียมตัวรับศึกหนัก พวกเชกาแปลกใจว่ารับศึกอะไร " อีกไม่นาน
เมืองหลวงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะว่า
ข้าจะยกเลิกกฎหมายการค้าที่ให้สัมปทานเฉพาะพ่อค้าบางรายเท่านั้น
เชื่อว่าพวกท่านก็คงรู้ สมัยที่ข้าเป็นผู้สำเร็จราชการอยู่นั้น
อยากถอนสิทธิ์พ่อค้ารายใหญ่ที่ผูกขาดมานานปี เปิดเสรีด้านการค้า
ให้พ่อค้ารายย่อยมีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากบ้าง ต่ว่า ตอนนั้นเพราะข้าวู่วามไป
ไม่ทันวางแผนรัดกุม ปรากฎว่าสุดท้าย กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า
แต่ครั้งนี้จะแตกต่างโดยสิ้นเชิง
ตั้งแต่ข้าครองราชย์ก็ได้วางแผนเพื่อเรื่องนี้มาโดยตลอด
เพื่อไม่ให้พ่อค้ารายใหญ่ผูกขาดด้านการค้าอีก
ต้องยกเลิกระบบนี้และเปิดให้ค้าขายเสรีให้ได้" "แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ จะทำได้ง่ายๆ
พ่อค้าใหญ่เหล่านี้ล้วนแต่กุมเศรษฐกิจของบ้านเมือง
แล้วมีหรือจะยอมเฉือนเนื้อตัวเองง่ายๆ น่ะพะยะค่ะ" "ข้าก็รู้
ถึงบอกว่าครั้งนี้เป็นศึกหนักของพวกเราไง พวกพ่อค้าต้องไม่ยอม
และพยายามต่อต้านถึงที่สุดแน่ มันจะเป็นเส้นทางแห่งความวิบากสำหรับทุกคน แต่ว่า
ข้าก็ไม่ยอมอ่อนข้อเหมือนกัน สมัยก่อน ข้าเคยให้สัญญากับพ่อค้าเร่ไว้ คราวนี้
ต้องทำให้เป็นจริง" แชซกจูคุย กับฮงกุกยองและพระหมื่นปีจองซุนถึงเรื่องนี้เช่นกัน
แชซกจูถามว่ามีทางอื่นที่จะรับมือได้มั้ย ฮงกุกยองถามว่าหมายความว่ายังไง
พระหมื่นปีจองซุนตอบว่า "พ่อค้าเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่กุมเศรษฐกิจของ บ้านเมือง
ซึ่งมันจะหมายถึงอะไรบ้าง นั่นก็แปลว่า พวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง
ถ้าถึงคราวจำเป็นจริงๆ อาจถึงขั้นสั่งเปลี่ยนพระราชาด้วยซ้ำ ฉะนั้น
ได้เตรียมถวายอารักขาความปลอดภัยของฝ่าบาทหรือยัง นี่คือสิ่งที่เราอยากรู้"
"เปลี่ยนพระราชาองค์ใหม่หรือ ทรงหมายความว่า" " ได้ยินว่า
เจ้ากำลังไต่สวนคดีลอบปลงพระชนม์และเบื้องหลังการตายของล่ามคนหนึ่ง ไม่บอกก็รู้วา
คงเอาเรื่องนี้มาพัวพันกับขุนนางเก่าไม่คนใดก็คนหนึ่ง จริงหรือเปล่า"
"หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง หรือว่า เบื้องหลังการปลงพระชนม์ฝ่าบาท
เกี่ยวข้องกับพ่อค้าบางรายหรือพะยะค่ะ" " มันก็ไม่แน่นัก เพราะว่าก่อนหน้านี้
ข้ารู้มาว่าพวกเขามีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ที่ข้าให้เจ้ามาพบก็เพราะสาเหตุนี้
ความปลอดภัยของฝ่าบาทเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าเราจะถวายอารักขาเต็มที่
แต่เรื่องบางอย่างในโลกมันก็ยากจะคาดเดา ฉะนั้น เพื่อเห็นแก่อนาคตของฝ่าบาท
เราต้องรีบสนับสนุนให้มีการแต่งตั้งองค์ชาย "วานพง" โดยเร็ว เจ้าก็รู้
ถ้ามีรัชทายาทซักคน ฝ่าบาทจะยิ่งมั่นคงขึ้น ยิ่งเป็นตอนนี้
ถ้าองค์ชายวานพงได้ขึ้นมาจริง จะเป็นกำลังสำคัญให้เจ้าด้วย ฉะนั้น
นี่คืองานเร่งด่วนที่ต้องทำ เข้าใจหรือเปล่า" พระหมื่นปีจองซุนตรัส พอ
ออกมาแชซกจูกล่าวกับฮงกุกยองว่า "พระหมื่นปีต้องการช่วยเจ้า
ให้คนของเราทั้งหมดช่วยกันสนับสนุน ถ้ามีพวกเราออกหน้า
ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าต้องการ ขอให้หายห่วงได้"
พระมเหสีโยอึยทรงเรียกซองซงยอนมาเฝ้า "พระมเหสี" "นั่งลงเร็ว" "ขอบพระทัยเพคะ"
"คิมซังกุง เอาออกมาซิ" "เพคะ" คิมซังกุงรับคำแล้วนำของออกมา "พระมเหสี
นี่คืออะไรหรือเพคะ" "ของที่อยากให้เจ้ามานาน รีบเปิดดูเร็วเข้า" "เอ่อ เอ่อ
พระมเหสี" "เป็นเครื่องประดับที่ข้าเคยใช้ ไม่รู้จะถูกใจเจ้าหรือเปล่า" "เอ่อ
ทรงประทาน ของมีค่าให้ขนาดนี้ หม่อมฉันรับไม่ได้หรอกเพคะ เพราะมันสูงค่ามากไป
ทรงรับคืนเถอะเพคะ" "อย่าถ่อมตัวไปเลย อีกไม่นานเจ้าจะเข้าวังเป็นสนมของฝ่าบาทแล้ว
ตามกฎของฝ่ายใน ต้องมีเครื่องประดับบ้างถึงจะสมฐานะ" "หึ พระมเหสี"
"ดูแล้วชอบหรือเปล่า" "หึ ทรงมีน้ำพระทัย เมตตาผู้ยากไร้อย่างหม่อมฉัน
หม่อมฉันไม่รู้จะตอบแทนยังไงดีแล้วเพคะ" "ตอบแทนอะไรกัน เกรงใจไปได้
คนที่ควรขอบใจคือข้าต่างหาก เจ้าได้สร้างผลงานไว้มากมาย มีหรือข้าจะไม่รู้"
"พระมเหสี" " ชีวิตในวัง ไม่ได้สบายเท่าไหร่หรอกนะ จนวันนี้เสด็จแม่ยังทรงกริ้วอยู่
ไม่แน่ว่า อาจไม่ทรงยอมรับเจ้าไปอีกพักใหญ่ ถึงอย่างงั้นก็เถอะ
เรื่องนี้ข้าพอช่วยได้ ไม่ต้องห่วง มีอะไรเจ้าก็มาปรึกษาข้าได้ ที่สำคัญ
ขอให้เจ้าอยู่เพื่อนคู่พระทัยฝ่าบาท เป็นที่ปรึกษาในบางเรื่องก็พอ
เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดใช่ไหม" "ขอบพระทัยยิ่งแล้วเพคะ หม่อมฉัน
จะไม่ลืมรับสั่งของพระมเหสี ชาตินี้ขอถวายชีวิต แด่ฝ่าบาทและพระมเหสีจนวันตายเพคะ"
ซองซงยอนกลับมาที่ศูนย์ศิลปะอีกครั้ง พบกับปาร์คยองมุน "ขอโทษด้วยนะคะ
ท่านช่วยให้ข้าได้เป็นช่างเขียนตามที่ใฝ่ฝัน แต่ข้ากลับต้องทิ้งที่นี่ไป
จนไม่รู้จะพูดกับท่านยังไงดีน่ะค่ะ" "เรื่องนี้ไม่ต้องใส่ใจหรอก
เจ้าได้ไปถวายการรับใช้ฝ่าบาท ในฐานะหัวหน้า ข้ากลับรู้สึกดีใจแทนเจ้าด้วยซ้ำ" "หึ
ใต้เท้า" " แต่ยังไงก็หวังว่า เจ้าคงไม่ทิ้งการเขียนรูป มีเวลาก็หมั่นฝึกฝนบ้าง
พรสวรรค์เป็นเรื่องเฉพาะตัว ถึงไม่มีโอกาสจับพู่กัน มันก็ยังอยู่ในใจเสมอ ฉะนั้น
ถึงไปอยู่ในวัง ก็ขอให้อย่าลืมความรักในส่วนนี้ซะ" "ทราบแล้วค่ะ
ข้าจะไม่ลืมคำพูดของท่าน" และคืนนี้พระเจ้าจองโจก็เสด็จมาหาซองซงยอน
"การได้อยู่กับเจ้าแบบนี้ ข้ารู้สึกเหมือนไม่เชื่อตัวเอง กลัวว่าจะอยู่ในความฝัน
พริบตาเจ้าก็หายไปต่อหน้า มันไม่ใช่เรื่องจริง" "ฝ่าบาท" "
ข้าอยากให้เจ้ารับปากเรื่องหนึ่งได้ไหม ต่อไปต้องอยู่กับข้า เหมือนอย่างงี้ทุกวัน
อย่าห่างหายแม้แต่วันเดียว เจ้าต้องอยู่เคียงข้าง อยู่กับข้าชั่วชีวิต" "ได้เพคะ
หม่อมฉันให้สัญญา หม่อมฉัน จะขออยู่กับฝ่าบาทชั่วชีวิต ถวายการรับใช้
ไม่มีวันพรากจาก ไม่มีวันห่างไกล"ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 62
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube
เรื่องย่อละคร
ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน สุสานภูเตศวร สาปภูษา มนต์รักข้าวต้มมัด เมียหลวง
เพลงรักข้ามภพ มือนาง เทพบุตรนักบาส
Readlakorn
23 comments:
ขอบคุณค่ะ ที่ทำให้ได้อ่าน เพราะเสียเวลาอ่านในหนังสือพิมพ์มากค่ะ
สนุกมากเลยคุณลิลลี่ อีกกี่ตอนถึงจะจบครับ ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
วันนี้ลูกคุณยายหยุดงาน เลยได้อ่านเร็ว ขอบใจมากนะหลานลิลลี่
ขอบคุณค่ะ ชอบอ่านทุกตอนรู้สึกดีใจมากที่ได้อ่านตั้งตารออ่าทุกวันเลยค่ะ
ขอบคุณที่ให้ได้อ่าน สนุกมากๆๆๆ
ขอบคุณมากค่ะ จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ
นางเอกมีอุปสรรคเยอะจริงๆ
กำลังรออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ รบกวนช่วยลงไวๆได้ไหม ใจจะขาดอยู่แล้ว
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะกำลังสนุกเลยค่ะ
ขอบคุณมาก ๆ อยากอ่านตอนที่ 63 - ตอนจบ
จะรอค่ะ
ขอบคุณ
สนุกมากๆๆเลยค่ะขอบคุณที่เอามาลงนะค่ะอยากดูตอนต่อไปแล้วค่ะลุ้นจนใจหลุดมาแล้ว
ลงตอนต่อไปเถอะนะอยากอ่านเร็วๆขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะที่สละเวลานำมาให้อ่าน ในที่สุดซงยอนก็จะได้เป็นสนมซะที
รอตอนใหม่อยู่ค๊า ขอบคุณค่ะที่มีบล๊อกนี้
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วละ ลุ้นว่าซงยอนจะได้เป็นสนมมั๊ย พรมเหสีก็สวยดีนะจิตใจดีมาก
พึ่งมาเจอดีจจังเลย เพราะเสาณือาทิตย์บางวันไม่ว่านะคะ ขอบคุณจากใจจริงนะคะ
ตื่นเต้นจัง กำลังสนุกเลย รอตอนใหม่มาเร็วๆน่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ อยากให้ลงจนจบเลยค่ะ
เมื่อไหร่ตอน จะออกมาให้เชยชมจ้า
รออ่านอยู่นะครับ
ติด งอมแงม เลยเรื่องนี้
ขอบคุณมากนะค่ะ จะติดตามตอนต่อไปค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ที่เอามาลง บางที่ไม่อันเป็นทำงานเลยค่ะ...ชอบมากค่ะ ขอให้เจริญ เจริญนะค่ะ
อยากอ่านเรื่องย่อบ่วงหงส์ค่ะ ช่วยจัดให้ด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
อยากอ่านเรื่องย่อบ่วงหงส์ค่ะ พอจะมีมั้ยค่ะ ช่วยจัดให้ด้วยค่ะขอบคุณมากค่ะ
Post a Comment