ฮงกุกยองรีบทูลแก้ตัวกับพระเจ้าจองโจว่า
"ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ หม่อมฉัน รู้ตัวว่าพูดจาเกินเลยไปบ้าง แต่นั่นเป็นเพราะว่า"
" ช่างเถอะ ที่ข้าอยากคุยด้วย ไม่ใช่เพื่อตำหนิท่าน เรื่ององค์ชายวานพง ถือว่าพระมเหสีตัดสินใจถูก หมู่นี้ในวังไม่ค่อยสงบ ให้ไปอยู่ข้างนอกซักพักก็ดีเหมือนกัน ฉะนั้น ท่านก็เลิกโต้แย้งนางซะที"
"เอ่อ ฝ่าบาท"
" ที่ให้มาคุยตามลำพังไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่เพราะหลายวันที่ผ่าน,มีฎีกาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ เหมือนสมรู้ร่วมคิด พูดในเรื่องเดียวกัน ข้าว่า ที่ขุนนางแห่กันไปในทิศทางเดียว คงเพราะพระหมื่นปีคอยชี้นำ หรือท่านเห็นว่าไง ที่ข้ายอมให้นางคืนตำแหน่งใหม่ เพราะเชื่อในคำสัญญาของท่าน ว่าจะกันไม่ให้นางยุ่งกับการเมือง แล้วนี่กลายเป็นอะไร อย่าบอกนะว่า ท่านไม่รู้เรื่องเอาซะเลย"
"เอ่อ ฝ่าบาท หม่อมฉัน"
" ข้า จะไม่มีวันยอมให้พระหมื่นปี มาก้าวก่ายเรื่องการเมืองอีก เพราะฉะนั้น ท่านไปสืบเบื้องหลังเรื่องนี้ ว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยมั้ย ถ้ามีจริง สาเหตุเป็นเพราะอะไร เข้าใจหรือเปล่า ทำไมไม่ตอบล่ะ"
"พะยะค่ะ หม่อมฉันจะทำตามพระบัญชา"
ฮงกุกยองแยกจากพระเจ้าจองโจก็เจอกับแชซังกุง
"หาข้ามีธุระอะไร" ฮงกุกยองถาม
"พระหมื่นปีมีรับสั่งให้ไปเฝ้าโดยเร็วน่ะค่ะ ดูเหมือนจะเกี่ยวกับเรื่ององค์ชานวานพง อยากให้ท่าน"
"เรื่องนี้ ข้ามีวิธีจัดการ แต่อย่าเพิ่งมาติดต่อดีกว่า"
แชซังกุงอึ้ง "หา"
"ช่วงนี้ไม่ค่อยปลอดภัย เราต้องอยู่เงียบๆ ไปทูลพระนางตามนี้ เข้าใจมั้ย"
"ค่ะใต้เท้า หึ"
คิมซังกุงได้รับของขวัญจากโชบีก็ดีใจ
"ของแบบนี้เจ้าทำเองเป็นด้วยหรือ"
"เป็นเจ้าค่ะ ข้างในใส่เครื่องหอม ช่วยให้สดชื่นด้วยนะคะ"
คิมซังกุงดมกลิ่น "เครื่องหอมหรือ แหม ทำไมรู้ว่าข้าชอบของพวกนี้ล่ะ"
"หึ นึกแล้วต้องถูกใจท่าน ข้าถือว่า การได้รับใช้ท่าน เป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับตัวเองน่ะค่ะ"
"อุ๊ย เกียรติเกิดอะไรกัน เจ้าไม่ได้รับใช้ข้าซักหน่อย เป็นคนสนิทของซองซังกุงต่างหาก"
"แหม ก็เหมือนกันล่ะค่ะ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ มีโอกาสข้าก็อยากรับใช้ท่านบ้างน่ะค่ะ หึๆๆ"
"หึ ฟังพูดเข้า คนอื่นเข้าวังแรกๆ แทบจะอยู่ไม่ได้ เครียดไปซะหมด แต่ดูเหมือนเจ้าจะปรับตัวเก่งมาก"
" นั่นสิคะ ข้าก็คิดอย่างงั้น ใส่ชุดคนในวังก็แสนจะอบอุ่น มองไปทางไหนก็มีแต่ความคุ้นเคย ยังกะชาติก่อนเคยเกิดเป็นชาววัง โอ๊ย เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกน่ะค่ะ หึๆ"
"นั่นสิ ข้าก็ว่าเจ้าเหมือนคุ้นๆ ยังไงชอบกล"
"หา จริงหรือคะนายหญิง ท่านรู้สึกคุ้นหน้าข้าจริงหรือ"
" นี่ ปล่อยนะ อย่ามาจับไม้จับมือ มาตีสนิทอะไรนักหนา เชอะ ที่ว่าคุ้นเคย อาจเพราะชาติก่อนเคยเป็นคู่กัดกันมา ชาตินี้เลยต้องมาปะทะอีก ฮึ"
โชบีอึ้ง "อะไรนะคะ ฮึ"
คิมซังกุงมาทูลพระมเหสีโยอึยว่าเห็นคังซังกุงกับแชซังกุงอยู่ด้วยกัน
"คังซังกุงกับแชซังกุงอยู่ด้วยกันแล้วทำไม แค่นี้มีอะไรแปลกนักหนา"
" หม่อมฉันเห็นพวกนางแลกเปลี่ยนจดหมายด้วยเพคะ ถ้าบ่าวไพร่แลกเปลี่ยนจดหมาย แสดงว่าผู้เป็นนายต้องมีอะไรกัน แชซังกุงเคยรับใช้พระสนมวอนพิน เป็นคนที่ใต้เท้าฮงแนะนำมา ส่วนคังซังกุงก็เป็นคนสนิทของพระหมื่นปีนะเพคะ เอ่อ เอางี้ดีมั้ยเพคะ หม่อมฉันจะไปตามแชซังกุงมาสอบถาม ว่านางทำอะไร"
"ไม่ต้อง เรื่องนี้เราอย่ายุ่งดีกว่า"
"แต่หม่อมฉันว่า มันต้องมีอะไรแปลกๆ จะไม่ทรงสนพระทัยบ้างหรือเพคะ"
ทางด้านฮงกุกยองก็สั่งให้ซอจังบูไปเฝ้าบ้านเดิมของพระมเหสีโยอึย
"อะไรนะครับ ให้ไปเฝ้าบ้านเดิมของพระมเหสีหรือ"
"เจ้าฟังไม่ผิดหรอก ตั้งแต่วันนี้ไป ให้จับตาดูญาติพี่น้องของพระมเหสีว่าทำอะไรบ้าง เห็นอะไรมีพิรุธ รีบมารายงานข้าให้หมด"
"เอ่อ แต่ว่าใต้เท้า ทำเพื่ออะไรล่ะครับ มีความจำเป็นอย่างงั้นเชียวหรือ"
" เดี๋ยวนี้แม้แต่เจ้าก็พูดมากแล้วหรือ สั่งอะไรก็ไปทำ ไม่ต้องสงสัยได้ไหม เรื่องนี้ไม่ต้องให้ใครรู้ ฉะนั้น ให้ทำงานอย่างลับๆ เข้าใจมั้ย"
"ครับ ใต้เท้า"
พระเจ้าจองโจสั่งให้นัมซาโชเรียกแชจีคยอมมาพบ เพราะอยากปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องโยกย้ายตำแหน่ง
"ฝ่าบาท เรื่องนี้ทำไมไม่ทรงหารือกับใต้เท้าฮงล่ะพะยะค่ะ"
"เพราะว่า มันเกี่ยวข้องกับใต้เท้าฮง"
เวลาเดียวกันซองซงยอนก็มาพบเทซูและพาไปเข้าเฝ้าพระมเหสีโยอึย
"พระมเหสี"
"หึ มาแล้วหรือ"
"เอ่อ รับสั่งให้หาหรือพะยะค่ะ"
" หึ ข้ารู้มาว่า เจ้ากับซองซังกุงรู้จักมาแต่เล็ก ซ้ำยังเป็นเพื่อนกับฝ่าบาทเคยช่วยเหลือกันมา ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเรื่องบางอย่างจะขอรบกวน อยากให้เจ้า ช่วยสืบเบื้องหลังของใต้เท้าฮงหน่อย"
"เอ่อ หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม สืบเบื้องหลังใต้เท้าฮง ทรงหมายความว่าไงหรือพะยะค่ะ"
"จริงๆ แล้วข้ารู้สึกสงสัยพฤติกรรมของเขา ฉะนั้น จึงอยากให้เจ้าช่วยสืบหน่อย"
"เอ่อ แต่ว่าพระมเหสี เขาเป็นผู้บังคับบัญชาของหม่อมฉัน หม่อมฉันคงไม่อาจ"
" เรื่องนี้ข้ารู้ แต่ว่า ถ้าเราเห็นใครเดินทางผิด ก็ควรชี้แนะให้เขาตาสว่างไม่ใช่หรือ ตอนนี้ในวัง กำลังมีเรื่องรัชทายาท เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ข้ากลัวว่า เบื้องหลังจริงๆ อาจมีพระหมื่นปีคอยบงการอยู่"
ซองซงยอนตกใจ "พระมเหสี"
พระมเหสีโย อึยทรงหนักพระทัย "ข้าก็ภาวนาให้ตัวเองคิดผิดเหมือนกัน แต่ถ้าโชคร้าย พระหมื่นปีเป็นคนบงการใต้เท้าฮงจริง เพื่อเห็นแก่ฝ่าบาท เราก็ควรยับยั้งเขาไว้ก่อน"
เมื่อออกมาซองซงยอนบอกกับเทซูว่า
"เทซู ในเมื่อพระมเหสีรับสั่งแบบนี้ คงมีสาเหตุบางอย่างแน่"
"แต่ว่า ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ให้ข้าจับตาความเคลื่อนไหวของใต้เท้าฮง มันน่าลำบากใจน่ะครับ"
ซองซงยอนเข้าใจ "หึ"
" จริงอยู่ที่ว่า หลังๆ เขาเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ค่อยมีเหตุผลเหมือนแต่ก่อน แต่ว่า เขาคงไม่มีวันทรยศฝ่าบาท หันไปร่วมมือกับพระหมื่นปีแน่ เขาเป็นคนนิสัยยังไง ท่านก็เคยรู้มาแต่แรกไม่ใช่หรือ และฝ่าบาท ก็ทรงไว้วางพระทัยใต้เท้าฮงมาก ถ้าทรงทราบว่าเขาเปลี่ยนไป ฝ่าบาทจะรู้สึกยังไง ข้อนี้ข้าก็เป็นห่วงเหมือนกันน่ะครับ"
วันต่อมาซองซงยอนมีอาการหน้ามืด ดีที่โชบีอยู่ด้วย แต่ซองซงยอนกลับบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร
"นายหญิง ไม่เป็นไรแน่นะคะ หรือให้ข้าตามหมอหลวงดีมั้ย"
"ไม่ต้อง อาจเพราะหมู่นี้พักผ่อนไม่พอก็ได้ อย่าตื่นเต้นนักเลย"
" ถ้าบอกว่าพักผ่อนไม่พอ เมื่อก่อนเคยเขียนรูป 3 วัน 3 คืนยังไม่เห็นเป็นไรเลย นายหญิง หมู่นี้ รู้สึกง่วงนอน ร่างกายเพลียๆ อยากกินของเปรี้ยวหรือเปล่า ข้ามีน้องตั้ง 9 คน อาการแพ้ท้อง เห็นมาเยอะแล้ว และท่านก็เข้าวังมาหลายเดือน ฝ่าบาทเสด็จมาหาบ่อย ๆ ไม่แน่ว่าอาจตั้งครรภ์จริง ๆ ก็ได้"
"ท่านเอาอะไรมาพูดน่ะ ตั้งครรภ์หรือ"
"เป็นไปได้นะคะ อาการแบบนี้น่าจะใช่"
"อย่าพูดเหลวไหล"
"นายหญิง"
"ข้ารู้ว่าท่านจะพูดอะไร แต่เรื่องแบบนี้ถ้าไม่จริง ห้ามพูดส่งเดช หึ ข้าจะพักผ่อนแล้ว ท่านออกไปเถอะ"
"ค่ะนายหญิง"
องค์ชายอึนยอนไม่ค่อยพอใจฮงกุกยองนัก
"ข้าเคยบอกแล้วก็ไม่เชื่อ ท่านยังมั่นใจนัก แล้วตอนนี้เป็นไง"
"อีกไม่นานองค์ชายวานพงจะได้ไปอยู่ในวังอีก นี่แค่กลับมาชั่วคราว รอให้เรื่องรัชทายาทเป็นจริงก็จะได้กลับไปอีก"
"ใต้เท้าฮง"
" ทุกวันนี้ในราชสำนัก ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งข้า เรื่องนี้ท่านเองก็รู้อยู่ไม่ใช่หรือ รับรองว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คิด ท่านไม่ต้องเป็นห่วง แค่รอดูเท่านั้น ที่ข้ามานี่ เพื่อจะบอกให้รับรู้ไว้"
ฮงกุกยองกลับมาก็ถามหาซอจังบู แต่ทหารเข้ามาบอกว่าพระเจ้าจองโจรอพบอยู่
"มาแล้วหรือ เห็นว่าไปบ้านองค์ชายอึนยอนมา"
"เอ่อ พะยะค่ะ"
"ระหว่างที่รอท่าน ข้าเลยเปิดดูบันทึกประจำวันไปพลาง ไปเดินเล่นกันมั้ย มีเรื่องบางอย่างจะคุยด้วย"
พระเจ้าจองโจเสด็จออกไปพร้อมกับฮงกุกยอง
" สมัยที่ข้าเป็นองค์ชาย เวลามีเรื่องกลุ้มใจชอบมาเดินที่นี่ เห็นท้องฟ้าแล้ว ความเครียดเหมือนหายเป็นปลิดทิ้ง มาคิดอีกที ช่วงที่ลำบากที่สุด คงเป็นเวลานั้นกระมัง ตอนอยู่ในสนามสอบ ปรากฎข้อสอบที่ใส่ร้ายการกระทำของเสด็จพ่อข้า แล้วใครๆ ก็ว่าเสด็จพ่อเป็นฝ่ายผิด แม้แต่ข้าเองก็เกือบถูกเพ่งเล็งไปด้วย แต่ยังโชคดี ที่ท่านช่วยให้ข้าพ้นวิกฤติ ยังจำได้ไหม"
"พะยะค่ะ หม่อมฉัน ไม่เคยลืมเรื่องในอดีตเลย"
" ข้าก็ไม่เคยลืม ยังจำครั้งแรกที่ได้รู้จักท่าน มาอยู่ต่อหน้าข้า เป็นคนหนุ่มที่มีอุดมการณ์อันแรงกล้า และเป็นเพราะหนุ่มคนนี้ ข้าจึงได้เป็นพระราชาอย่างที่เห็น"
"ฝ่าบาท"
"บอกตรงๆ ว่าข้าไม่เคยลืมผลงานที่ท่านสร้างไว้ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ เรื่องบางอย่างท่านก็ควรรู้เหมือนกัน"
"ให้หม่อมฉัน รับรู้อะไรหรือพะยะค่ะ"
" สมัยก่อน ท่านเคยพูดอะไรกับข้า แม้ว่า อาจต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ แต่เมื่อได้มาแล้ว จะใช้ด้วยความมีสติและรอบคอบ แต่ทุกวันนี้เหมือนท่านจะลืมอุดมการณ์ที่เคยตั้งไว้ แต่จะว่าไป โทษท่านฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะข้าคอยให้ท้าย จนบางทีแกล้งปล่อยปละละเลย ก็มีส่วนผิดเหมือนกัน"
"หา" ฮงกุกยองตกใจไม่น้อย
"ไม่ใช่ ถ้าคิดดีๆ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง"
"ฝ่าบาท"
" นี่คืองานที่จะให้ทำ จะมีการปรับเปลี่ยนโยกย้าย ตำแหน่งในหน่วยงานต่างๆ ให้ลงตัว อีกอย่าง อีก 7 วันข้าจะไปสุสานหลวง ท่านช่วยเตรียมการให้ด้วย นี่อาจเป็นงานสุดท้าย ที่มอบหมายให้ท่าน ในฐานะราชเลขา"
"เอ่อ ฝ่าบาท เป็นงานสุดท้าย ในฐานะราชเลขาคือ"
และเวลาต่อมาแชจีคยอมก็ประกาศในที่ประชุมว่า
" ฉะนั้น เสนาซ้ายชางแทวู ให้ขึ้นเป็นมหาเสนาบดี เจ้ากรมแชซกจูเป็นเสนาบดีฝ่ายขวา อำมาตย์ ชางกีเชย ให้เลื่อนเป็นราชเลขาคนใหม่ ยังมีอีก อดีตราชเลขาฮงกุกยอง ให้งดดูแลสำนักราชเลขา รับผิดชอบเฉพาะหน่วยทหารพิเศษก็พอ"
เหล่าขุนนางออกมาก็คุยกัน ขุนนางท่านหนึ่งกล่าวขึ้นว่า
"ฮงกุกยองถูกปลดจากตำแหน่งราชเลขา นั่นก็แปลว่า ถูกลดขั้นทางอ้อมหรือเปล่าครับ"
"นั่นสิครับ งานอื่นไม่ต้องยุ่ง ให้ดูเฉพาะหน่วยทหารก็พอ"
ชา งแทวูสะใจไม่น้อย "มันก็สมควรแล้วนี่ นี่คือการลงอาญาของฝ่าบาท ที่ให้ฮงกุกยองรับผิดชอบเรื่ององค์ชายวานพง โทษฐานหมิ่นเบื้องสูงและวางอำนาจ ตามหลักน่าจะไล่ออกจากราชการด้วยซ้ำ"
"เฮ่อๆๆ นั่นสิ มันต้องอย่างงี้ถึงจะสะใจ สมน้ำหน้า เฮ่อๆๆ"
ด้านแชซกจูก็นำเรื่องนี้มาทูลพระหมื่นปีจองซุน
"เมื่อเช้านี้ มีการโยกย้ายตำแหน่ง ทรงทราบมั้ยพะยะค่ะ พระหมื่นปี"
" นึกว่าฝ่าบาทจะปกป้องฮงกุกยองเหมือนเดิมซะอีก ที่ไหนได้ เขาช่างหวงอำนาจไม่ให้ใครมาก้ำเกิน เฮ่อ เราคงต้องทำอะไรบางอย่างก่อนจะแย่กว่านี้ ไปตามฮงกุกยองมาพบข้า"
"แต่ว่า จะพบได้ยังไงพะยะค่ะ อยู่ในวัง การจะพบฮงกุกยองซักครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย"
ขณะที่ฮงกุกยองก็คิดถึงคำตรัสของพระเจ้าจองโจว่า
" สมัยก่อน ท่านเคยพูดอะไรกับข้า แม้ว่า อาจต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ แต่เมื่อได้มาแล้ว จะใช้ด้วยความมีสติและรอบคอบ แต่ทุกวันนี้เหมือนท่านจะลืมอุดมการณ์ที่เคยตั้งไว้ สิ่งที่ข้าจะให้ท่านตอนนี้ คือเวลาในการทบทวน ฉะนั้น อย่าคิดว่านี่คือการลดขั้น แต่มองว่าเป็นโอกาสอีกครั้ง สำหรับการเริ่มต้นใหม่"
แล้วนายกองก็เข้ามาบอกว่ามีเรื่องด่วน
ซอจังบูไปดื่มเหล้ากับเทซูและคังซกกี เทซูพยายามจะปรามให้น้อยๆ
"อย่าห้ามได้ไหม วันนี้ข้าอยากเมาให้หมดสติไปเลย"
"อย่าคิดมากเลยน่า"
"นึกแล้วว่าใต้เท้าฮง ต้องมีวันนี้แน่ ซักวันฝ่าบาทต้องมีพระบัญชาแบบนี้"
"หมายความว่าไงน่ะ พระบัญชาอะไร"
"ที่จริงข้าก็ไม่อยากพูด หลายวันก่อนใต้เท้า สั่งให้ข้าไปจับผิดพระมเหสี แบบนี้มิเท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ จริงมั้ย"
"จับผิดพระมเหสีหรือ" เทซูอึ้ง
"ก็ใช่น่ะซี้ แถมยังว่าถ้าไม่เจออะไรก็ให้สร้างหลักฐานเท็จได้ เฮ่ย ถ้าฝ่าบาทไม่ลงโทษเขา ข้าจะขอลาออกจากตำแหน่งซะเอง เฮ่ย"
00000000000000000000
เทซูเฝ้าดูพระหมื่นปีจองซุนแล้วก็พบว่าพระนางเสด็จมาที่บ้านแชซกจู เพื่อพบกับฮงกุกยองด้วย
" ทรงมีธุระอะไร ถึงยอมเสด็จออกนอกวังมาพบหม่อมฉัน ทุกวันนี้หม่อมฉันเหมือนไร้ญาติขาดมิตร อนาคตก็ใกล้ดับวูบ พระหมื่นปีจะทรงตัดขาดก็ไม่ใช่เรื่องแปลก"
"ข้าไม่เคยคิดอย่างงั้น เพียงแต่รู้ว่าเหตุการณ์คับขัน เราควรที่จะ"
"ไม่เป็นไรพะยะค่ะ ถึงจะทรงคิดอย่างงั้น ก็ไม่ใช่ความผิดอะไร หม่อมฉันเอง ยอมมาเฝ้าพระหมื่นปีก็เพื่อจะทูลเรื่องนี้เหมือนกัน"
"อะไรนะ"
" ตลอดเวลาที่ผ่าน หม่อมฉันยอมรับว่าผิดพลาดไปมาก ยังไงก็ตามแต่ หม่อมฉันไม่ควรร่วมมือกับพระหมื่นปี ซึ่งเป็นอริกับฝ่าบาทอยู่ก่อน ที่เราเคยวางแผนบางอย่างร่วมกันมา หม่อมฉันรู้สึกผิดอย่างมาก ฉะนั้น ต่อไปจะไม่ขอพบพระหมื่นปีอีก"
ฮงกุกยองกลับมาก็พบกับเทซู
"นี่ก็ดึกแล้ว ทำไมมาหาข้าอีก เทซู"
"เมื่อกี้ท่านไปไหนมาครับ" ฮงกุกยองอึ้ง
"ไม่ได้ยินหรือครับ ข้าถามว่าท่านไปไหนมา"
"แล้วเจ้าเป็นไรไป ทำไมจู่ๆ มาตั้งคำถามแบบนี้"
"ข้าอยากจะ ฟังคำตอบจากท่านแล้วค่อยว่า ฉะนั้น ตอบมาก่อนว่าท่านไปไหนมา ทำอะไรบ้างและเจอใครหรือเปล่า"
"นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรรู้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม มีอะไรไว้พรุ่งนี้ เราค่อยคุยดีกว่า"
"ข้าได้ยินว่าท่าน สั่งให้พี่จังบูไปเฝ้าดูพระมเหสีและคอยจับผิดพระนางใช่ไหม ได้โปรดตอบข้ามาก่อน ทำไมต้องสั่งให้เขาทำแบบนี้"
"หึ แม้แต่เขา ก็เห็นคำสั่งข้าไม่มีความหมายแล้วหรือ อะไรกันนี่ แสดงว่าทุกคน ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม"
" ท่านกำลังเข้าใจผิด เราไม่เคยหมดศรัทธาในตัวท่านเลย แต่เป็นเพราะอะไรกัน ที่เราติดตามท่านมาจนวันนี้ เพราะเลื่อมใสในความคิดและความภักดีของท่าน เพราะฉะนั้น พอแค่นี้เถอะครับ จะด้วยอะไรก็ช่าง สิ่งที่ท่านปิดบังฝ่าบาทและหลอกลวงพวกเรา ขอให้หยุดแค่นี้ได้หรือเปล่าใต้เท้า"
"ให้ข้าหยุดแค่นี้น่ะหรือ หมายถึงอะไร"
"ใต้เท้า"
"กลับไปซะ"
"ใต้เท้า"
" นี่ไม่ใช่ธุระเจ้า หึ เข้าใจหรือเปล่า ต่อไปไม่ว่าข้าจะทำอะไร เจ้าไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย ถึงจะหมดศรัทธาหรืออะไรก็ตาม ไม่ต้องมายุ่งอีก แต่ข้ายังเป็นหัวหน้าเจ้า ไม่ต้องมาสอนข้า ไม่ต้องโต้แย้งอะไรทั้งสิ้น แค่ทำตามคำสั่งก็พอ เข้าใจมั้ย"
วันต่อมาคิมซังกุงก็มาตามฮงกุกยองไปเฝ้าพระมเหสีโยอึย หลังจากฟังรับสั่งของพระมเหสีโยอึยแล้วฮงกุกยองก็ตกใจมาก
"ตกใจอะไรนัก ข้าไม่ได้กุเรื่องใส่ความท่านซักหน่อย"
"ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ หม่อมฉัน จะติดต่อกับพระหมื่นปีได้ยังไง เป็นเรื่องที่"
" เมื่อคืนนี้ ได้ยินว่าท่านไปบ้านหลังหนึ่งที่ พีตง เพื่อพบพระหมื่นปีและเจ้ากรมแช เห็นทีว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรก ให้วอนพินเข้าวัง รับองค์ชายวานพงเป็นลูกจากนั้นก็แต่งตั้งรัชทายาท คงเป็นการวางแผนของพระหมื่นปีล่ะสิ มิน่าพวกขุนนางเก่าถึงได้สนับสนุนท่านไปซะทุกเรื่อง"
"เอ่อ ไม่เป็นความจริงพะยะค่ะ หม่อมฉันเพียงแต่"
"เรื่องทั้งหมด ข้าให้บ่าวไพร่ส่วนตัว จับบ่าวที่อยู่บ้านนั้นมาสอบปากคำแล้ว ฉะนั้น ถ้าคิดปฏิเสธละก้อ อย่าเสียเวลาดีกว่า"
"หึ หึ" ฮงกุกยองอึ้งไป
" เป็นไง นี่หรือคือความภักดีของท่าน ปิดบังพระเนตรพระกรรณ ทำตัวเป็นปรปักษ์ แอบคบคิดกับพระหมื่นปี เหล่านี้ล้วนเป็นความภักดีของท่านใช่ไหม ข้าเคยคิดว่า จะให้อภัยท่านเกี่ยวกับการเสียชีวิตของวอนพิน เพราะเห็นฝ่าบาททรงโปรดปรานท่านนัก เลยคิดว่า อย่างน้อยท่านคงภักดีต่อฝ่าบาทด้วยความจริงใจ แต่ทุกอย่างนี้ คือการตอบแทนความไว้วางพระทัยงั้นหรือ ถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังจะบอกว่าสิ่งที่ทำเพราะความภักดีหรือเปล่า"
"เอ่อ พระมเหสี"
"รอให้กลับจากสุสานหลวงซะก่อน ข้าจะทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ"
ฮงกุกยองยิ่งตกใจ "หา"
" ฉะนั้น ถ้าฉลาดก็จงไปสารภาพผิดกับฝ่าบาทซะ ที่สำคัญ ยังต้องเตรียมตัวเตรียมใจ ชดใช้กับสิ่งที่ละเมิดเบื้องสูงและเห็นบ้านเมืองเป็นของเล่นด้วย"
000000000000000
ปาร์คยองมุนมาดูงาน เห็นว่าไม่คืบหน้าเท่าไหร่จึงต่อว่า
"อะไรกันนี่ ป่านนี้แล้วงานซ่อมแซมตำราทั้งหมด ยังไม่เสร็จอีกหรือ"
ลีชองตอบว่า "ครับใต้เท้า ยังต้องไปอีกหลายวันกว่าจะเสร็จน่ะครับ"
ใต้เท้าคังบ่น "ทำไมอย่างงั้นล่ะ ตอนแรกว่าสองวันน่าจะเสร็จนี่"
ช่างเขียนตั๊กบอกว่า "เอ่อ เพราะว่า ฝ่าบาททรงสะสมหนังสือมากขึ้น มากกว่าแต่ก่อนเกือบ 2 เท่าแน่ะครับ"
ลีชองรีบสนับสนุน "ใช่ๆ"
"อึม เอาเถอะๆ แต่ว่า คงต้องเร่งมือหน่อย เพราะอีกไม่นานต้องเตรียมตัว ตามเสด็จไปสุสานหลวง"
"ทราบแล้วครับใต้เท้า"
"ยืนเฉยทำไม รีบไปทำงานซี่ ไปนะครับใต้เท้า"
"ข้าว่า มันน่าสงสัยน่ะครับท่าน" ใต้เท้าคังว่า
"งั้นหรือ น่าสงสัยยังไง"
"พวกเขาแกล้งทำงานช้า เพื่อจะได้เข้าวังไปพบซองซังกุงบ่อยๆ ไงล่ะครับ"
"หา จริงหรือนี่ เฮ่อๆๆ"
เชกานำฎีกาจากทุกอำเภอ ตามเส้นทางที่พระเจ้าจองโจจะเสด็จไปสุสานหลวง มา
"ฎีกาจากเขตไหนมีมากที่สุด"
"จากการประเมิน ดูเหมือนเขต พยองแล และ ซงชู จะมากที่สุดพะยะค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้น ข้าจะรับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้านใน 2 เขตนี้ก่อน ส่งข่าวแจ้งไปยังทุกอำเภอด้วย"
"พะยะค่ะ"
"มีอีกเรื่องพะยะค่ะ การเสด็จคราวนี้ พระมเหสีทรงดำริจะประทานอาหารด้วย"
"เลี้ยงอาหารหรือ"
"พะยะค่ะ ฝ่าบาททรงรับฟังเรื่องราวร้องทุกข์ ฝ่ายในก็จะช่วยอีกแรง โดยการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ยากไร้พะยะค่ะ"
"งั้นก็ได้ ไปสั่งห้องเครื่องเตรียมเสบียงให้พร้อมละกัน ส่วนทหาร ก็ดูแลด้านความปลอดภัย"
"พะยะค่ะ"
พวกเชกาออกไปแล้ว พระเจ้าจองโจทรงตรัสถามนัมซาโชว่าฮงกุกยองทำอะไรบ้าง และเสด็จไปพบ
"ดึกป่านนี้ยังไม่กลับบ้านอีกหรือ"
"พะยะค่ะ กำลังวางแผนเรื่องถวายอารักขาอยู่"
" หึ นึกแล้ว ต้องทำงานจนเพลินแน่ แต่ก็อย่าฝืนตัวเองนัก ข้ายังอยากมีคนสนิทอย่างท่านไว้ใช้งานนานๆ ห้ามกลับบ้านดึก นี่คือคำสั่ง ได้ยินมั้ย"
"ฝ่าบาท หม่อมฉัน มีเรื่องบางอย่าง จะขอบังอาจทูลถามพะยะค่ะ"
"เรื่องอะไร ถามมาได้"
" เอ่อ ถ้าหากว่าหม่อมฉัน ทำเรื่องผิดต่อฝ่าบาทจริง จะทรงทำยังไง ถ้าหม่อมฉัน มีอะไรที่ปิดบังฝ่าบาท ทำเรื่องที่เป็นความผิดใหญ่หลวง ฝ่าบาทจะทรง"
"ไม่หรอก ท่านจะไม่พลาดขนาดนั้น จำได้ว่าเมื่อก่อน ข้าเคยบอกว่า เชื่อใจท่านเหมือนเชื่อใจตัวเอง ท่านเองก็คงคิดอย่างงั้นเหมือนกัน ความผิดเล็กๆ น้อยๆ คงมีบ้าง ถึงอย่างงั้น ก็ไม่ใช่อะไรที่มาหลอกลวงข้า นิสัยท่านเป็นคนยังไง ข้ารู้ดีกว่าใคร ฉะนั้นไม่ต้องคิดมากหรอกนะ"
"หึ ฝ่าบาท"
เมื่อได้ฟังคำตรัสของพระเจ้าจองโจ ฮงกุกยองก็ไปเฝ้าพระมเหสีโยอึย
"พระมเหสี หม่อมฉันมีเรื่องบางอย่างจะทูล"
"ให้ทุกคนไปที่ตำหนักก่อน"
"ทราบแล้วเพคะ"
"มีเรื่องอะไร"
" หึ หึ เรื่องของหม่อมฉัน ทรงปิดเป็นความลับได้ไหม หึ หม่อมฉัน ไม่อยากลาจากฝ่าบาทด้วยข้อหาไม่ซื่อ ทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวัง ฮือ จนทุกวันนี้ ฝ่าบาทยังทรงไว้วางพระทัยหม่อมฉัน จนหม่อมฉันไม่อาจ ทูลความจริงให้ทรงทราบได้ โปรดทรงให้โอกาส อีกเพียงครั้งเดียว ให้โอกาสหม่อมฉันเป็นครั้งสุดท้ายเถอะพะยะค่ะ"
"ใต้เท้าฮง"
"หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว พระนางอาจไม่ทรงเชื่อ แต่หม่อมฉันสำนึกผิดที่ไปเข้ากับพระหมื่นปีจริงๆ ขอทรง"
" ข้าไม่เชื่อท่าน ไม่มีประโยชน์ ต่อให้ชักแม่น้ำทั้งห้ามาอ้าง ข้าก็ไม่อาจเชื่อคำพูดท่านได้อีก เพราะมันสายเกินไป ในเมื่อรู้ว่าฝ่าบาทจะทรงผิดหวังอย่างมาก ท่านก็ไม่ควรเดินทางผิดแต่แรก ถ้าจะพูดแค่นี้ละก้อ ข้าจะถือว่าไม่ได้ยิน เชิญท่านกลับไปซะ"
ฮงกุกยองกลับมาก็เข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ เพื่อทูลบอกเรื่องเส้นทาง
" การเสด็จคราวนี้ รอบข้างจะมีทหารม้าอารักขา ส่วนด้านหน้าคือหน่วยทหารพิเศษ องครักษ์นั้น จะแบ่งเป็นสองกลุ่ม ไปอยู่ตามแต่ละอำเภอพะยะค่ะ"
"เอาตามนี้"
"แต่ได้ยินว่า พระมเหสีจะตามเสด็จด้วยหรือพะยะค่ะ"
" ใช่ ระหว่างที่ข้าไปเยี่ยมราษฎร พระมเหสีกับซองซังกุงจะรับผิดชอบเรื่องงานเลี้ยง ฉะนั้น ความปลอดภัยของพวกนางก็ต้องให้ท่านดูแลเหมือนกัน"
"พะยะค่ะ หม่อมฉันจะไปสั่งการไว้"
"ดีมาก ออกไปได้แล้ว"
"พะยะค่ะ"
และเมื่อขบวนพระเจ้าจองโจและพระมเหสีโยอึยเสด็จมาถึงเมืองยางจู เจ้าเมืองก็ออกมาต้อนรับ
"ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นเจ้าเมือง ยางจู พะยะค่ะ"
"ทำไมแถวนี้ไม่เห็นมีราษฎรเลย ข้าบอกว่าจะมารับฟังปัญหาที่นี่ไงล่ะ"
"คือว่า ที่นี่ไม่มีเรื่องราวร้องทุกข์พะยะค่ะ ถ้าฝ่าบาทจะเสด็จผ่านไป ก็ขอให้วางพระทัยได้"
"ไม่ ข้าจะไปดูตามหมู่บ้านแต่ละแห่ง ท่านช่วยนำทางให้หน่อยซิ"
"หา พะยะค่ะ"
และระหว่างทางพระเจ้าจองโจรับสั่งถามเจ้าเมืองว่าชาวบ้านทำอะไรกันอยู่
"เอ่อ ไม่มีอะไรพะยะค่ะ"
นัมซาโชทูล "หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า ที่ๆ ชาวบ้านกำลังเผาทิ้ง เหมือนเป็นแปลงปลูกต้นฝ้ายพะยะค่ะ"
"ฝ้ายเป็นผลิตผลสำคัญของถิ่นนี้ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมชาวบ้านอยู่ดีๆ เผาแปลงปลูกฝ้ายทิ้งซะล่ะ"
เจ้า เมืองอึกอัก พระเจ้าจองโจทรงเรียกนัมซาโชให้ไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะหันมาบอกเจ้าเมืองว่าพระองค์จะพักให้ช่วยจัดที่พักด้วย สักพักพวกเชกากลับมาทูลรายงาน
"อะไรนะ การปลูกฝ้ายในแถบนี้ ผลผลิตลดลงกว่าครึ่งงั้นหรือ"
"ใช่แล้วพะยะค่ะ"
"ทำไมถึงลดลงได้ การปลูกฝ้าย เป็นอาชีพทำกินของชาวบ้านแถบนี้ ทำไมกลับเผาทิ้งซะล่ะ"
" นั่นเป็นเพราะ ฝ้ายที่ปลูก ไม่มีแหล่งจำหน่ายพะยะค่ะ แถบนี้ถือเป็นแหล่งปลูกฝ้ายที่สำคัญเพื่อส่งต่อไปยังเมืองหลวง แต่หลายปีนี้ เนื่องจากมีฝ้ายนำเข้าจากต้าชิงมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ พ่อค้าจึงไม่ง้อฝ้ายพื้นเมืองของเราอีก หนำซ้ำ เจ้าเมืองก็ไม่ให้การเหลียวแล ทำให้ปัญหายิ่งสั่งสมมาจนทุกวันนี้"
"แล้วทำไมเจ้าเมืองถึงไม่สนใจการทำกินของชาวบ้านล่ะ ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ทางการมัวไปทำอะไรกันอยู่"
" เพราะฝ้ายจากต้าชิง คุณภาพดีและราคาถูกกว่า จึงไม่มีปัญหาต่อคนในตัวเมือง แม้ว่าอาจทำให้เกษตรกรลำบาก แต่สำหรับคนในเมืองแล้ว กลับได้ซื้อของถูกกว่าซะอีก"
"แต่ว่า ถึงอย่างงั้น เราก็ไม่ควรปล่อยให้ชาวบ้านที่นี่หมดทางทำมาหากินซะทีเดียว ข้าจะอยู่นี่ซักหลายวัน ดูว่าปัญหานี้จะแก้ยังไง"
ทางด้านพระมเหสีโยอึยทรงมีรับสั่งกับซองซงยอนว่า
" ก่อนกลับวังหลวง อาจจะมีการจัดเลี้ยงหลายครั้ง งานพวกนี้แรกๆ อาจรู้สึกวุ่นวาย แต่ว่า นี่เป็นสิ่งที่เราควรทำ เจ้าจึงต้องศึกษาไว้บ้าง"
"ทราบแล้วเพคะพระมเหสี"
"แต่เจ้า ทำไมวันนี้ดูหน้าซีดชอบกล ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า"
"เอ่อ ไม่มีหรอกเพคะ หม่อมฉันสบายดี ทรงวางพระทัยได้ หึๆ"
เวลานั้นฮงกุกยองก็ไปพบหมออย่างลับๆ เพื่อเอายาพิษ
"นี่คือยา แทวัง จากต้าชิง ต่างจากพิษชนิดอื่นตรงที่ออกฤทธิ์ช้า ต้องกินเข้าไปซักครึ่งชั่วยามถึงจะเห็นผล"
"คำว่าเห็นผลคือเป็นยังไง"
"จะเริ่มหายใจติดขัด มือเท้าชาและสั่น ไม่นานก็จะหยุดหายใจ เอ่อ ว่าแต่ ท่านต้องการยาชนิดนี้ ไปทำอะไรครับไ
ฮงกุกยองไม่ตอบ เขาคิดถึงคำพูดของพระมเหสีโยอึยแล้วตอบในใจว่า
"ไม่หรอกพระมเหสี ตอนนี้ยังไม่สาย หม่อมฉันสามารถยืนหยัดขึ้นใหม่อีกครั้ง"
พระเจ้าจองโจทรงชวนท่านเจ้าเมืองคุย
"ได้ยินว่า ท่านเป็นคนเห็นชอบให้ชาวบ้านเผาต้นฝ้าย หรือไม่ก็สนับสนุนให้ปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน สาเหตุเป็นเพราะอะไร"
" ฝ่าบาท นั่นเป็นเพราะว่า เทียบกับฝ้ายจากต้าชิงแล้ว ของเราคุณภาพด้อยกว่า ซ้ำเวลาขาย ราคาก็สูงกว่า พ่อค้าที่รับซื้อ จึงหันไปหาสินค้าคุณภาพดีกว่าพะยะค่ะ"
"ใช่ ถ้ามองในแง่คนค้าขาย ท่านพูดก็มีเหตุผล แต่ว่า ข้าไม่เข้าใจว่าทำไม ท่านถึงชี้แจงแบบไม่รู้สึกอะไรเลย"
"หา อะไรนะ"
" การปลูกต้นฝ้ายเป็นอาชีพดั้งเดิมของผู้คนที่นี่ และชาวบ้านก็กำลังจะหมดที่ทำกินแล้ว ท่านเป็นเจ้าเมืองแท้ๆ ปล่อยให้ราษฎรลำบาก กลับเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่รู้สึกละอายบ้างหรือ"
"หา เอ่อ"
"เป็นนักปกครองแต่ไม่ใยดีชาวบ้าน ท่านยังกล้าพูดอีกหรือว่า นี่คือการดูแลทุกข์สุขน่ะ"
เจ้าเมืองอึ้งไป "เอ่อ"
" เป็นที่รู้กันว่า ฝ้ายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของพวกเรา ผลผลิตที่ได้จากที่นี่ ทางการจะรับซื้อไว้ก่อน ส่วนท่านก็ไปหาวิธี ปลูกต้นฝ้ายให้ได้คุณภาพดีพอๆ กับต้าชิง"
"พะยะค่ะ หม่อมฉันจะทำตามรับสั่ง"
พวกชาวบ้านสรรเสริญ "เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพะยะค่ะ"
ฮงกุกยองเรียกลูกน้องมาสั่งแผนการ
"จำไว้ แผนของข้าถ้ามีอะไรผิดพลาด หลังจากนั้นจะให้เจ้าลงมือต่อ แต่ห้ามทำร้ายคนอื่นเข้าใจมั้ย"
"ข้าจะเลือกคนที่เป็นนักแม่นปืนจริงๆ ไม่ต้องห่วงครับ"
" อึม หึ นี่คือทิศเหนือ มีหอคอยอยู่แถวนี้ ข้าจะไม่ให้ทหารไปเฝ้า ส่วนพวกเจ้า ใช้ทางลัดเส้นนี้ ก็จะถึงหอคอยทันที ถ้ามีทหารไปตรวจการณ์ จะเดินแค่ตรงนี้เข้าใจมั้ย"
ฮงกุกยองเรียกเทซูมาบอกว่ามีเรื่องจะพูดด้วย
"ครับใต้เท้า เชิญสั่งมาได้"
"พรุ่งนี้มีงานเลี้ยง ข้าไม่อยากให้ซองซังกุง เข้าร่วมงานนี้จะดีกว่า ฉะนั้น เจ้าช่วยไปบอกนางตามนี้หน่อยได้ไหม"
เทซูตกใจไม่เข้าใจ "หา"
"ถ้าเจ้าไปพูด นางคงยอมฟัง"
"ทำไมต้องทำอย่างงั้น.ทำไมซองซังกุง ถึงห้ามไปร่วมงานเลี้ยง มีเหตุผลหรือเปล่า"
" ข้าได้ยินมาว่า จะมีชาวบ้านประท้วงเรื่องการปลูกฝ้าย ซึ่งอาจมีอันตรายต่อซองซังกุง ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่คำสั่ง แต่เป็นการขอร้อง ฉะนั้น ไม่ต้องถามอะไรมากอีก ทำตามที่สั่งได้ไหม"
จากนั้นฮงกุกยองก็นำห่ออาหารมามอบให้แชซังกุง
"ก่อนเที่ยงวันนี้ จะมีการเลี้ยงอาหารเป็นครั้งสุดท้าย จงเอาของห่อนี้ ใส่ในเครื่องเสวยของพระมเหสี"
ฮงกุกยองยังได้มาสั่งคังซกกีอีกว่าให้ย้ายทหารจากหอคอยไปอยู่ด้านนอก เฝ้าตามทางเข้าออกก็พอ
และภายในงาน ซองซงยอนเกิดหน้ามืดขึ้นมา ทุกคนต่างช่วยกันดูแลซองซงยอน พระเจ้าจองโจเองก็ทรงเป็นห่วงมากรีบเสด็จมาดูแล
"ซงยอน"
"อ้อ ฝ่าบาท"
"เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมจู่ๆ เป็นลมได้ล่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกเพคะ อาจเพราะหม่อมฉันสุขภาพอ่อนแอ ไม่ต้องทรงเป็นห่วงหรอกเพคะ"
"ไม่ให้ห่วงได้ไง พอรู้ว่าเจ้าเป็นลม ข้าก็ไม่เป็นอันทำงานแล้ว"
"ฝ่าบาท"
พระมเหสีโยอึยตรัสว่า "อาจเพราะเดินทางหลายวัน ทำให้นางไม่ชินกับความระหกระเหินน่ะเพคะ"
จบ 65
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 66
"อ้อ ฝ่าบาท นี่คืออาหารพื้นเมือง ที่ชาวบ้านที่นี่ตั้งใจนำมาถวาย ปรุงจากเคียวแบ๊ะ มีเฉพาะในถิ่นนี้พะยะค่ะ" นัมซาโชทูล
"งั้นหรือ"
"ลองเสวยดู"
ทัน ใดนั้นซังกุงก็เข้ามาบอกว่ายังมีเครื่องเคียงที่ไม่ได้ถวายอีก นัมซาโชจึงถามว่าชิมหรือยัง ซังกุงบอกว่าชิมแล้ว นัมซาโชจึงให้นำมาถวายได้
พระเจ้าจองโจตรัสถาม "กินได้แล้วใช่ไหม"
"ทรงอภัยด้วยเพคะ"
"ไม่เป็นไร ผิดพลาดกันได้"
ซังกุงออกไปก็บ่นว่าซังกุงอีกคนที่ทำงานสะเพร่า และถามว่า
"ใครเป็นคนชิมเครื่องเสวยชุดนี้"
"ข้าเองเจ้าค่ะ"
"งั้นก็เป็นความผิดของเจ้า ปกติหมี่เย็นแบบนี้ต้องมีเครื่องเคียง เจ้าไม่รู้หรือไง"
"ขอโทษด้วยค่ะ หมี่เย็นที่ถวายไปก่อนหน้า ข้าไม่ได้เป็นคนชิมนะคะ"
ซํงกุ งตกใจ "อะไรนะ ถ้าอย่างงั้น ใครเป็นคนชิมคนแรก บอกมาซิ อะไรกันนี่ ไม่มีใครตอบข้าเลย ขอถามอีกครั้ง ใครเป็นคนชิมหมี่เย็นที่นำขึ้นถวายน่ะ"
"โทษนะคะนายหญิง ทำไมเรื่องนี้ท่านมาถามข้าน้อย เพราะมีซังกุงจากตำหนักใหญ่ รับคำสั่งจากท่านให้มาช่วยงานไม่ใช่หรือ"
"อะไรนะ ซังกุงตำหนักใหญ่รับคำสั่งจากข้าหรือ ข้าไม่เคยสั่งใครซักหน่อย"
"อะไรนะคะ แต่เราเห็นป้ายคำสั่งของท่านชัดๆ นึกว่าท่านเป็นคนใช้ให้มาน่ะค่ะ"
"อะไรนะ ตายแล้ว"
ซังกุงรีบไปบอกนัมซาโชทันที นัมซาโชรีบทูลไม่ให้พระเจ้าจองโจเสวย
"ฝ่าบาทๆ อย่าเพิ่งเสวยพะยะค่ะ ได้โปรดหยุดการเสวยเดี๋ยวนี้"
"ทำไมล่ะ"
"ฝ่าบาท" นัมซาโชอึกอัก
ด้านฮงกุกยองรีบไปหาลูกน้องของเขา ซึ่งก็กำลังลังเลว่าพระมเหสีไม่ได้เสด็จมางาน ฮงกุกยองมาถึงก็ถามว่ายิงหรือยัง
"เอ่อ ยังครับใต้เท้า"
"หึ งั้นหรือ ค่อยยังชั่ว ไม่ต้องยิงแล้ว แผนการล้มเลิก"
"แต่ว่าใต้เท้า เรามองยังไง ก็ไม่เห็นพระมเหสีเสด็จมานี่ครับ"
"หมายความว่าไง"
"งานนี้ไม่มีพระมเหสี มีแต่ฝ่าบาท เสด็จร่วมงานเลี้ยงเพียงลำพัง"
"อะไรนะ หึ"
ซอจังบูก็สั่งให้ทหารคุมทุกด้าน ห้ามคนออกแม้แต่คนเดียว เทซูถามว่ามีเรื่องอะไร
"เกิดอะไรขึ้นน่ะครับ ได้ยินว่าเครื่องเสวยของฝ่าบาทถูกวางยางั้นหรือ"
"ข้าก็ไม่รู้ แต่เห็นว่ามีคนแปลกหน้าแอบอ้างคำสั่งซังกุงห้องเครื่อง ไปชิมเครื่องเสวยเข้า"
เทซูตกใจมาก เวลานั้นแชซังกุงจะออกไปแต่ทหารสั่งห้ามไว้
ฮงกุกยองสั่งให้ทหารไปตามแชซังกุงมาด่วน
"ใต้เท้าคะ ใต้เท้า"
"หา อ้อ หึ แชซังกุง เป็นไงบ้าง ได้รับคำสั่งข้ามั้ย ที่บอกให้ยุติน่ะ"
"ค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านเลยไม่ได้ทำอะไร"
"หึ งั้นหรือ แต่ว่า ทำไมท่านยังอยู่นี่ ไม่รีบออกไปซะล่ะ"
"หึ แต่ว่า ใครก็ออกจากที่นี่ไม่ได้น่ะค่ะ"
"อะไรนะ หึ หึ เอาห่อยามาให้ข้า"
"เจ้าค่ะ หึ หึ"
ฮงกุก ยองรู้สึกผิดอย่างมหันต์ "หม่อมฉัน เกือบทำความผิดใหญ่หลวงที่ไม่อาจให้อภัยได้ซะแล้ว ฮือ เสียทีฝ่าบาททรงไว้วางพระทัยหม่อมฉัน หม่อมฉันกลับคิดไม่ซื่อ ทำสิ่งที่ทรยศต่อพระองค์ ฮือ ฮือ ฝ่าบาท ฮือ"
เวลาเดียวกันที่พักของซองซงยอน พระมเหสีโยอึยทรงตรัสถามหมอหญิง
"ท่านบอกว่าโรควิงเวียนงั้นหรือ"
"ใช่แล้วเพคะ อาการของซองซังกุงเพราะเกิดจากโรควิงเวียนศีรษะ"
"แน่ใจหรือเปล่า จากที่คนสนิทของนางแจ้งมา ข้ายังนึกว่าเป็นอาการตั้งครรภ์ซะอีก"
"หม่อมฉันตรวจดูแล้ว เหมือนจะไม่ใช่เพคะ"
"เฮ่อ งั้นก็ช่างเถอะ ท่านออกไปได้แล้ว"
"เพคะ" หมอหญิงออกไป
"หม่อมฉันคิมซังกุงเพคะ"
"เข้ามา"
"หึ พระมเหสี เกิดเรื่องแล้วเพคะ"
"เกิดเรื่องอะไร ทำไมต้องหน้าตาตื่นเข้ามาด้วย"
"ได้ข่าวว่าในงานเลี้ยงที่ฝ่าบาทไปร่วมด้วย เกิดเหตุการณ์น่ากลัวอย่างหนึ่งเมื่อซักครู่เพคะ"
"เหตุการณ์น่ากลัว หมายถึงอะไรน่ะ"
พระเจ้าจองโจทรงตรัสถามหัวหน้าองครักษ์
"หมายความว่าไง สอบถามซังกุงห้องเครื่องทุกคนแล้ว ไม่มีใครชิมอาหารของข้างั้นหรือ"
" พะยะค่ะ เท่าที่สันนิษฐาน คงมีผู้ไม่หวังดีแอบปลอมป้ายคำสั่งของซังกุงห้องเครื่อง เพื่อหวังกระทำการบางอย่าง แต่ยังดีที่ว่า เครื่องเสวยไม่มีปัญหา ด้วยพระบารมีจึงได้แคล้วคลาดจากอันตราย แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ยังไงก็ต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง"
"นั่นสิพะยะ ค่ะ ไม่เพียงแต่คนในวังเท่านั้น แม้แต่ชาวบ้านที่มาร่วมงานก็ควรถูกสอบ เพื่อให้ได้ตัวคนที่คิดปองร้ายจริงๆ นะพะยะค่ะ" แชจีคยอมว่า
"งั้นก็ได้ เรื่องนี้ให้พวกท่านไปจัดการ ทำงานให้รอบคอบละกัน"
"รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"
พระเจ้าจองโจจะเสด็จออกไป พระมเหสีโยอึยก็เสด็จมาถึงพอดี ทรงตรัสถามเรื่องที่เกิดขึ้น
ซองซอยอนรู้เรื่องก็จะไปเฝ้าพระเจ้าจองโจ แต่โชบีห้ามไว้
"ไม่ได้นะคะนายหญิง ท่านยังไม่แข็งแรงดี จะออกไปเดินข้างนอกได้ยังไง"
"ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับฝ่าบาท แล้วข้าจะเอาแต่นอนได้ยังไง"
"แต่ว่าท่าน"
"ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าฝ่าบาทเป็นไงบ้าง"
"โธ่ นายหญิงคะ"
ซองซงยอนดื้อไปจนได้ เจอกับเทซูหน้าตำหนัก
"มีธุระอะไรถึงมานี่ได้ครับ" เทซูถาม
"ข้ามาขอเข้าเฝ้า ฝ่าบาททรงอยู่ข้างในใช่ไหม อ้อ ฝ่าบาท" พระเจ้าจองโจเสด็จมาพอดี
"ใครให้เจ้ามาอยู่แถวนี้ สุขภาพไม่ดีก็ควรพักผ่อน แล้วยังออกมาทำไม"
"หม่อมฉัน ได้ยินว่าเกิดเหตุร้ายในงานเลี้ยง ทรงเป็นไงบ้างเพคะ พระวรกายมีปัญหาหรือเปล่า หึ"
"ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้เจ้าพลอยเป็นห่วง แต่ว่า ข้าสบายดี ไม่มีอะไรหรอก"
"แต่ว่าฝ่าบาท"
"รีบกลับที่พักเร็วเข้า เกิดล้มป่วยจริงๆ มิแย่หรอกหรือ เจ้าคือคนสนิทของซองซังกุงใช่ไหม"
"เอ่อ เพคะ ฝ่าบาท"
"รีบพาซองซังกุงกลับที่พักเร็ว ถ้าหาก เห็นนางออกมาเดินข้างนอกอีก ข้าจะลงโทษเจ้าเป็นคนแรก"
"ว้าย พระอาญาไม่พ้นเกล้า หม่อมฉันจะดูแลซองซังกุงอย่างเข้มงวดเพคะ"
เมื่อซองซงยอนกลับไปแล้ว พระเจ้าจองโจมีรับสั่งกับเทซูว่า
"เจ้าเชื่อมั้ยว่าในงานเลี้ยง มีคนคิดทำอะไรบางอย่างน่ะ มีคนใส่ยาในอาหาร เพื่อหวังปองร้ายข้า เจ้าเชื่ออย่างงั้นมั้ย"
" เอ่อ หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า เรื่องไม่คาดฝันอาจเกิดได้ทุกเมื่อ เพราะยังหาต้นตอไม่พบ ว่าเครื่องเสวยของฝ่าบาท ได้ผ่านใครบ้างไม่ใช่หรือ"
"แต่ว่า ถึงจะเป็นเรื่องจริง มันก็มีประเด็นที่แปลก"
"หา แปลกตรงไหนหรือพะยะค่ะ"
" ที่ข้าไปงานเลี้ยงวันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่วางแผนไว้ก่อน เหมือนที่เจ้ารู้อยู่ เดิมที คนที่จะไปคือพระมเหสี แต่นางไปดูแลซองซังกุง ข้าก็เลยมางานนี้แทน ที่ข้าข้องใจก็คือประเด็นนี้ ถ้าจะมาปองร้ายข้าจริง ทำไมไปวางยาในอาหารของพระมเหสีแทนล่ะ หึ ว่าแต่ ใต้เท้าฮงอยู่ไหนรู้มั้ย วันนี้ทั้งวัน ข้าแทบไม่ได้เห็นหน้าเขาเลย กลัวว่า จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า"
เทซูอึ้งไป "เอ่อ หา"
00000000000000000000000
แชซังกุงกังวลใจมากถามฮงกุกยองว่า
"หึ ทำไงดีล่ะคะใต้เท้า ซังกุงที่ห้องเครื่องหลายคนเคยเห็นหน้าข้า อีกไม่นานต้องสาวมาถึงข้าแน่"
"ข้าถึงสั่งแล้วสั่งอีก พอยุติแผนการก็ให้ออกจากที่นี่ทันที"
"ข้าก็อยากไปเหมือนกัน แต่ทหารปิดทางเข้าออกหมด แล้วจะให้หนียังไงล่ะคะ หึ"
"หึ ท่านไปเก็บตัวที่ห้องพักก่อน ไว้คืนนี้ ข้าจะให้คนพาหนีออกจากที่นี่ เข้าใจมั้ย"
"ค่ะ ใต้เท้า"
หัวหน้าองครักษ์เห็นหน้าฮงกุกยองก็ถามทันทีว่า
"ท่านไปไหนมา ไม่เห็นหน้าทั้งวัน ปล่อยให้ทุกคนตามหาซะแทบแย่ เป็นหัวหน้าหน่วยทหารพิเศษจะละทิ้งหน้าที่ได้ยังไง"
"เอ่อ ขอโทษด้วยครับ ข้าเข้าไปในตัวเมือง สอบถามความเป็นอยู่ของชาวบ้าน"
" อีกไม่นาน จะมีการเรียกตัวซังกุงและนางในทั้งหมด เพราะมีหลายคนเคยเห็นหน้าซังกุงที่แอบอ้างคำสั่ง ถ้าเรียกมาไต่สวน ไม่นานก็จะรู้ความจริง"
"เอ่อ ครับ หึ"
เทซูไปหาซังกุงคนหนึ่ง และถามนางว่า
"หึ ข้าเป็นทหารชื่อปาร์คเทซู มีเรื่องจะขอถามพวกท่าน วันนี้ที่ฝ่าบาท จะเสด็จไปร่วมงานเลี้ยง มีใครมาแจ้งก่อนหรือเปล่า"
" ไม่มีใครมาแจ้งหรอกค่ะ เรายังนึกว่า คนที่เสด็จออกคือพระมเหสีด้วยซ้ำ แต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับเห็นฝ่าบาทเสด็จแทน เลยเปลี่ยนเครื่องเสวยไม่ทันน่ะค่ะ"
เทซูฟังแล้วทำให้นึกถึงคำพูดของซอจังบูที่ว่า
"ที่จริงข้าก็ไม่อยากพูด หลายวันก่อนใต้เท้า สั่งให้ข้าไปจับผิดพระมเหสี"
"จับผิดพระมเหสีหรือ"
"ก็ใช่น่ะซี้ แถมยังว่าถ้าไม่เจออะไรก็ให้สร้างหลักฐานเท็จได้"
ระหว่างที่หัวหน้าองครักษ์กำลังสืบหาตัวซังกุงที่ปลอมมา เทซูก็ไปพักจับแชซังกุงที่กำลังให้นายกองคนหนึ่งพาหลบหนี
"ใต้เท้าปาร์ค"
"เจ้ามาทำอะไรแถวนี้"
"เอ่อ คือ คือว่า ข้ารับคำสั่งมา ให้ส่งซังกุงคนนี้ไปจวนผู้ว่าเมืองยางจูน่ะครับ"
"รับคำสั่งจากใคร" นายกองคนนั้นอึกอัก
" ไม่ได้ยินหรือ ข้าถามว่ารับคำสั่งจากใครกันแน่ ตอนนี้ทั้งซังกุงและนางใน ล้วนไปชุมนุมอยู่ที่ลานกว้าง ที่สำคัญ ภายใต้คำสั่งห้ามออกจากที่นี่ ใครอนุญาตให้เจ้าพานางออกไปข้างนอก"
แชซังกุงตกใจร้อง "ว้าย"
"หลีกทางไปเดี๋ยวนี้"
"เป็นคำสั่งใต้เท้าฮง ให้ทำแบบนี้ใช่ไหม พูดมาเร็ว ถามว่าใช่คำสั่งใต้เท้าฮงหรือเปล่า"
นายกองคนนั้นอึกอัก และคิดต่อสู้กับเทซู แชซังกุงรีบหนี แต่ผลสุดท้ายก็ถูกพวกทหารจับกุมตัวไว้ได้ นายกองคนนี้ก็ร้องบอกเทซูว่า
"หึ อภัยให้ข้าเถอะ ข้าเพียงแต่ ทำตามคำสั่งใต้เท้า เขาให้ทำอะไรก็ต้องทำน่ะ ฮือ"
"จริงหรือ นี่เป็นคำสั่งใต้เท้าฮงใช่ไหม ทั้งหมดนี้ เป็นการวางแผนของใต้เท้าฮงจริงหรือเปล่า" เทซูถึงกับถอนหายใจ
ช่วงเวลาไม่นาน ชางแทวู แชซกจูและพวกขุนนางต่างก็รู้เรื่องฮงกุกยอง
นัมซาโชเองก็เข้าไปทูลเรื่องราวให้พระเจ้าจองโจทรงทราบ พระเจ้าจองโจทรงตกพระทัยมาก
"ท่านเอาอะไรมาพูดน่ะ"
"ฝ่าบาท"
เวลาเดียวกันนี้ลูกน้องของฮงกุกยองรีบกลับมาบอกฮงกุกยอง
"นายกองคังถูกควบคุมตัวไว้ ส่วนแชซังกุง ก็กินยาตายระหว่างหลบหนีครับ ใต้เท้า เราจะทำไงต่อดีครับ"
"อย่าตกใจไปเลย มันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว จุดจบ มันต้องออกมาในรูปนี้"
ลูกน้องฮงกุกยองตกใจ "ใต้เท้า"
ซอจังบูกับคังซกกีมาหาฮงกุกยอง
"ใต้เท้า"
"ขอโทษด้วย ข้าทำให้พวกเจ้าผิดหวัง หึ ข้าจะไปเฝ้าฝ่าบาท โปรดผ่อนผัน ให้เวลาข้าซักนิดได้ไหม"
พระเจ้าจองโจทรงตรัสกับนัมซาโชและแชจีคยอมว่า
"พาทหารคนนั้นมาพบข้า ข้าจะไต่สวนด้วยตัวเอง หึ มีเหตุผลอะไรถึงต้องปรักปรำใต้เท้าฮง ข้าจะถามเขาให้รู้"
"ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่การปรักปรำ แต่ใต้เท้าฮงบงการจริงๆ"
"ข้าไม่อยากฟัง บอกแล้วว่ายังไงก็ไม่เชื่อ"
"ฝ่าบาท"
"ฝ่าบาทๆ ใต้เท้าฮงมาขอเฝ้า รออยู่ในที่ประทับแรมแล้ว"
พระ เจ้าจองโจเสด็จทันที "นี่มันเกิดอะไรขึ้น หึ ช่วยบอกหน่อยซิ ท่านสั่งให้ลูกน้องและแชซังกุง วางแผนปองร้ายพระมเหสี ช่างเป็นการกล่าว หาที่ไร้สาระที่สุด เฮ่อ ข้าแทบไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำ เฮ่อ เพราะฉะนั้น ถ้ารู้อะไรก็รีบบอกข้ามา ใครที่ช่างบังอาจ ปรักปรำท่านถึงขนาดนี้"
"เรื่องนี้ ไม่ใช่การปรักปรำ แต่เป็นความจริงทั้งหมด เหมือนที่ฝ่าบาททรงทราบ เป็นความจริงพะยะค่ะ" ฮงกุกยองร้องไห้ออกมา
"หึ ท่านบอกว่า ท่านบอก บอกว่าไงนะ ความจริงอะไรกัน ใครบอกว่าเรื่องที่เกิด เป็นความจริงหรือ"
"ฮือ ฝ่าบาท ฮือๆๆ" ฮงกุกยองยังกล่าวอะไรไม่ออก เอาแต่ร้องไห้
"ไม่หรอก นี่ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นไปไม่ได้"
"ฮือ ฝ่าบาท ได้โปรด ประหารหม่อมฉันเถอะพะยะค่ะ"
" ไม่ต้องพูดแล้ว หึ มันจะเป็นเรื่องจริงได้ไง ท่านคิดปองร้ายพระมเหสี ใครจะไปเชื่อ ใครจะเชื่อว่าท่านกล้าทำเรื่องแบบนี้ หึ หึ บอกข้ามาซิ เพราะอะไร มีเหตุผลอะไร ทำไมท่านต้องปองร้ายนางด้วย"
"ฮือๆๆ เพราะว่าพระมเหสี ฮือ ทรงรู้ความผิด ฮือ ที่หม่อมฉันทำไว้ ฮือๆๆ"
"อะไรนะ"
"หม่อมฉันเคย ฮือ ปิดบังฝ่าบาท สมรู้ร่วมคิดกับพระหมื่นปี ถูกพระมเหสีทรงทราบเข้า"
พระเจ้าจองโจทรงตกพระทัยอย่างมาก "หา"
"ฮือ หม่อมฉัน ฮือ กลัวว่าฝ่าบาทจะทรงทราบเรื่อง จึงเกิดความคิด จะกำจัดนาง ฮือๆๆ"
"หา เฮ่อ" พระเจ้าจองโจทรงอึ้งไปทีเดียว ฮงกุกยองร้องไห้หนักขึ้น
นัมซาโชเรียก "ใต้เท้าฮง"
"ข้ายังต้อง ขอโทษใต้เท้าทั้งสองด้วย ให้คนมามัดข้าได้แล้ว"
00000000000000000
ซองซงยอนมาขอเข้าเฝ้าพระมเหสีโยอึย
"พระมเหสี"
" นั่งเร็วเข้า เจ้ารีบร้อนมาดูข้า แสดงว่ารู้ข่าวแล้วสิ ถึงกับคิดปองร้ายข้า ใช่ มันก็น่าอยู่หรอก ที่แล้วมา เขาคงเกลียดชังข้ายังกะอะไร"
"พระมเหสี"
"ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วงแทนหรอกนะจ๊ะ แต่คนอื่นจะรู้สึกยังไง โดยเฉพาะฝ่าบาทจะทรงผิดหวังแค่ไหน สิ่งเหล่านี้ ยังน่าเป็นห่วงมากกว่า"
ที่ ศูนย์ศิลปะฯทุกคนต่างพูดเรื่องของฮงกุกยอง เพราะไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำแบบนี้ ต่างวิจารณ์กันใหญ่ ปาร์คยองมุนเข้ามาได้ฟังแล้วก็ถอนใจ
"คงจะคุยเรื่องไปสุสานหลวงล่ะสิ"
ใต้เท้าคังกล่าว "ไม่แปลกหรอกครับท่าน ตอนนี้ใครๆ ต่างก็พูดถึงแต่เรื่องนี้"
"เฮ่ย แย่จริง"
ช่าง เขียนตั๊กกล่าวกับลีชองว่า "ช่างเขียนลีๆ หึ เจ้าว่า ชะตาของใต้เท้าฮงจะเป็นไงบ้าง ข่าวลือแบบนี้ต่อให้จริงแค่ครึ่งเดียว เขาก็ไม่รอดแล้ว"
ลีชองเห็นด้วย "ก็ถึงว่าน่ะซี้ คนเจ้าเล่ห์ยังไงก็ต้องเจ้าเล่ห์ นอกจากไม่ซื่อแล้วยังทรยศหักหลัง ลามปามถึงเบื้องสูง แบบนี้ไม่ถูกประหารก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว"
มีซูเตือน "ช่างเขียนลี อย่าพูดอย่างงั้นสิคะ น่ากลัวจะตาย"
"น่ากลัวอะไร เรื่องจริงทั้งนั้น อายุไม่เท่าไหร่ก็มีอำนาจวาสนา ไม่รู้จักควบคุมตัวเองก็เท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ"
"มิน่า ใครๆ ก็ว่าเขาร้ายกว่าใต้เท้าชองโฮคยอมในอดีตซะอีก"
"แล้วเขาจะถูกไต่สวนมั้ยคะ"
"ไม่ต้องสอบอะไรอีกแล้ว ข้าว่า ลากไปตัดหัวเสียบประจานก็สิ้นเรื่อง"
ทุกคนตกใจ "ต๊าย"
ลีชองบอกทุกคน "พวกเรา ก็ต้องเตรียมตัวไว้บ้าง คราวนี้อาจต้องไปเขียนรูปใต้เท้าฮงถูกบั่นคอคาตาก็เป็นได้"
ทุกคนกลัว "ตายแล้ว น่ากลัวจัง ไม่อยากฟังแล้ว นั่นสิ เฮ่ย"
แชซกจูรีบมาเฝ้าพระหมื่นปีจองซุน
"พระหมื่นปี"
"นั่งลง ข้ากำลังอยากพบท่านอยู่พอดี ท่านว่าไงนะ ใต้เท้าชางแทวูขออาสาไต่สวนคดีนี้น่ะหรือ"
" พะยะค่ะ และฝ่าบาทก็ทรงเห็นชอบ มอบอำนาจให้เต็มที่ ใต้เท้าชางจึงประกาศว่าจะสาวถึงเบื้องหลัง ไม่ว่าฮงกุกยองเคยทำอะไร เขาจะขุดคุ้ยให้หมด ที่สำคัญ ไม่เพียงองค์ชายวานพง แม้แต่ขุนนาง ใครก็ตามที่เคยข้องแวะกับฮงกุกยองก็ต้องถูกสอบหมดพะยะค่ะ"
"เฮ่อ ถ้าเขาทำแบบนี้ ที่เราเคยติดต่อกับฮงกุกยอง มิถูกแฉหมดหรอกหรือ ดีไม่ดี เราจะถูกฮงกุกยอง ลากไปตายพร้อมกันด้วย
" เป็นไปได้นะพะยะค่ะ ถ้าชางแทวูลองคิดจะสืบเรื่องนี้ เขาต้องเอาพวกเราไปโยงกับการปลงพระชนม์แน่ ฉะนั้น ช่วงนี้เราต้องเก็บตัว อย่าทำอะไรออกหน้ามากนัก"
"หึ ใต้เท้า ข้าจะแกล้งป่วยแล้วไปอยู่บ้านเดิมซักพัก ส่วนท่านก็หาข้ออ้าง ออกจากราชสำนักซักระยะหนึ่ง ท่านว่าดีหรือเปล่า"
"ดีพะยะค่ะ หม่อมฉันก็เห็นด้วย"
ชางแทวูเข้ามาสอบสวนฮงกุกยอง
"ข้าเคยบอกแล้วใช่ไหม ถึงจะปิดยังไง ความผิดที่ก่อก็ต้องโชยกลิ่นออกมาอยู่ดี"
"ข้าก็รู้ว่าท่านต้องรับผิดชอบคดีนี้ แต่ว่า ถ้าจะลงโทษก็ลงที่ข้าคนเดียว อย่าไปใส่ร้ายคนอื่น ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย"
" ถ้าคิดว่าข้าจะแก้แค้นส่วนตัวละก้อ ขอบอกว่าผิด เพราะคนที่มอบหมายงานนี้ให้ข้า คือฝ่าบาทเอง เพื่อเปิดโปงเบื้องหลังวีรกรรมที่เจ้าเคยสร้างไว้ ข้ามีสิทธิ์ทำทุกอย่าง นี่ก็เป็นพระบัญชาเหมือนกัน จงรู้ไว้ด้วย ยืนเฉยทำไม จับนักโทษมัดไว้กับเก้าอี้"
ทหาร 2 คนลงมือจัดการฮงกุกยองทันที
" เห็นแล้วจงจำไว้ด้วย นี่คือจุดจบของอำนาจที่เจ้าแสวงหานัก อีกไม่นานนักหรอก ยิ่งเจ้ามีอำนาจล้นฟ้าเท่าไหร่ วันนั้นจะยิ่งมาถึงเร็วขึ้น และสุดท้าย เจ้าก็จะมีจุดจบไม่ต่างกับข้า ที่ได้แต่อยู่ในเรือนจำ เหมือนข้าตอนนี้ ถูกใครต่อใครหัวเราะเยาะ"
"หึ ๆๆๆ ฮือ เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ ฮือๆๆ"
เชกาอดที่จะบ่นถึงฮงกุกยองกับลูกน้องไม่ได้ว่า
"เฮ่ย ทุกวันนี้ มีแต่คนบอกให้ยกเลิกนโยบายที่ใต้เท้าฮงเคยเสนอมา"
"ก็ถึงว่าน่ะสิ นโยบายบางอย่างเป็นเรื่องดีก็ถูกปฏิเสธหมด เห็นทีจะยุ่งยากซะแล้ว"
" ที่แย่กว่านั้นคือ แนวคิดของเขาสอดคล้องกับนโยบายที่ฝ่าบาททรงวางไว้ ดีไม่ดี อาจทำให้นโยบายของฝ่าบาทพลอยชะงักไปด้วย น่าเป็นห่วงจริงๆ"
"แล้วฝ่าบาททรงเป็นไงบ้าง มีข่าวบ้างมั้ย"
"ได้ยินว่าไม่ออกจากตำหนักใหญ่ตั้งหลายวัน"
พระพันปีเฮคยองทรงตรัสถามเรื่องฮงกุกยองกับซังกุ
"แล้วยังไง ผลการไต่สวนเป็นไงบ้าง"
"ได้ยินว่าใต้เท้าฮงยอมรับความผิดทั้งหมด ไม่มีการปฏิเสธ คาดว่า ไม่นานคงมีการตัดสินโทษแน่"
"หึ ใช่ ยังไงคงไม่รอดอยู่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบนี้ ยังนึกว่าคนๆ นี้ซื่อสัตย์พอที่จะไว้ใจได้ซะอีก"
"พระพันปี" พระพันปีเฮคยองถอนพระทัย
000000000000000
คิมซังกุงจะมานอนเป็นเพื่อนพระมเหสีโยอึย
"ท่านทำอะไรน่ะ"
"อ้อ หลายวันนี้เห็นพระมเหสีบรรทมไม่ค่อยหลับ หม่อมฉันเลยคิดว่าจะมานอนเป็นเพื่อนน่ะเพคะ"
"หึ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวท่านจะพลอยนอนไม่หลับไปด้วย กลับไปเถอะ"
" ใครว่านอนไม่หลับเพคะ อยู่ที่นี่กลับนอนสบายซะอีก พระมเหสี อย่าทรงคิดเรื่องใต้เท้าฮงอีกเลยนะเพคะ หม่อมฉันแค่นึกถึงว่า ที่แล้วมา เขาแสดงความโอหังต่อพระมเหสีแค่ไหน ก็รู้สึกสมน้ำหน้าเขาแล้ว ถึงหม่อมฉันจะโง่ แต่ความภักดีและทะเยอทะยานมันเป็นคนละเรื่อง คนที่รู้จักแยกแยะสองอย่างนี้ ถึงควรจะอยู่ใกล้ชิดฝ่าบาทนะเพคะ"
แชจีคยอมทูลพระเจ้าจองโจถึงการไต่สวนฮงกุกยองว่า
" นี่คือผลการไต่สวน ที่ใต้เท้าชางส่งมาพะยะค่ะ นักโทษฮงกุกยอง ยอมรับว่าคิดปองร้ายพระมเหสี ส่วนนายกองชื่อ "คังจงพิล" และพลทหาร "ชาง คยอมโฮ" ก็สารภาพว่าทำงานตามคำสั่งของฮงกุกยองพะยะค่ะ ฝ่าบาท"
"ข้ารู้แล้ว พรุ่งนี้จะมีการตัดสินโทษ ท่านออกไปก่อนเถอะ"
"หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม โทษที่เขาได้รับ"
"ความผิดของเขา ทั้งหลอกลวงเบื้องสูง วางแผนปองร้ายพระมเหสี โทษของคนที่ทำผิดขนาดนี้ คิดว่ามีอะไรบ้าง"
ซอจังบูแค้นใจ ต่อว่าฮงกุกยองแรง คังซกกีจึงเตือนเขา ทำให้ซอจังบูโมโห
"ว่าไงนะ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาว่าข้า หาว่าข้าเกินไปหรือ เกินไปยังไง หา"
"เดี๋ยว พี่ซอ ท่านทำอะไรน่ะ" เทซูห้าม
"ปล่อยข้า คนถ่อยก็คือคนถ่อย ใครทำผิด รับโทษก็สมควรแล้ว ไม่เห็นจะเกินไปตรงไหนเลย"
"ข้าไม่ได้ว่าใต้เท้าไม่ผิด แต่ถึงอย่างงั้น เขาก็เคยเป็นนายของเรา แล้วจะไปตำหนิเขา สมน้ำหน้าเขาได้ยังไง" คังซกกีว่า
"เพราะข้าเจ็บใจน่ะสิ มันน่าแค้นนัก ข้ามันตาบอดแท้ๆ หลงนับถือคนอย่างเขา ทำงานให้ถึงป่านนี้"
"แต่ยังไงเจ้าก็ไม่ควรว่าเขา ใต้เท้าไว้ใจเจ้ามาตลอด แถมยังเลื่อนตำแหน่งให้อีกไม่ใช่หรือ"
"อะไรนะ ประชดข้าใช่ไหม"
เทซูเตือน "พี่ซอ ใจเย็นก่อนได้ไหม หา ไม่เอาน่า"
"ข้าซอจังบู เป็นลูกผู้ชายพอนะ"
ฮงกุกยองขอพบเทซู เขาบอกเทซูว่า
" เทซูๆ ข้ามีเรื่องจะไหว้วานเจ้า ที่ห้องทำงานข้า มีบันทึกเกี่ยวกับการปรับโครงสร้าง โดยเฉพาะ การปฏิรูปหน่วยทหารพิเศษและ 5 กองกำลังในราชสำนัก อยากให้เจ้ารับช่วงต่อ และอนาคต ก็สานต่อให้สำเร็จ หึ พอข้า รู้ว่ามีเจ้า ตอนนี้เลยเบาใจขึ้นเยอะ เจ้าอาจคิดว่า ข้ายังมีหน้าขอร้องเจ้าอีกหรือ แต่มันเป็นเรื่องที่ เกี่ยวกับฝ่าบาท ฮือ"
" ท่านทำเพื่ออะไร จนวันนี้ ข้ายังไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ท่านเป็นคนวางแผน ปองร้ายพระมเหสีจริงหรือ ถ้าหาก วันนั้นที่ไปคือพระมเหสี ไม่ใช่ฝ่าบาท ท่านยังคิดจะ เดินหน้าต่อไปอีกมั้ย" เทซูถามอย่างข้องใจ
พระเจ้าจองโจทรงเสด็จมาพบฮงกุกยองคืนก่อนวันตัดสิน ฮงกุกยองตกใจ
"ฝ่า ฝ่าบาท"
"เพื่อจะมีวันนี้ ท่านเลยมาหาข้าใช่ไหม ให้ข้าได้เห็นจุดจบของท่าน สมัยก่อนถึงมาพบข้าในวังงั้นหรือ"
"ฝ่า ฝ่าบาท"
" พรุ่งนี้ ข้าต้องสั่งลงโทษท่านแล้ว รู้ตัวหรือเปล่า ข้า จำเป็นต้องตัดสิน โทษของท่านในขั้นรุนแรงที่สุด ฮือ ทำไมไม่ยอมแก้ตัวล่ะ ข้าเคยบอกว่าเชื่อใจท่าน ไม่ว่าจะพูดอะไร ข้ายินดีเชื่อหมดทุกอย่าง รีบพูดมาเร็วเข้า ไม่ว่าอะไรก็ช่าง ข้าพร้อมจะเชื่อเสมอ ตอนนี้ยังไม่สาย บอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่คิด"
"ฮือ ฝ่าบาท ฮือๆๆ หม่อมฉัน ฮือ เป็นคนถ่อยที่คิดไม่ซื่อ ฮือ ทำความผิดอย่างมหันต์จริงๆ ฮือ เพราะฉะนั้น ทรงลงอาญา หม่อมฉันให้หนักเถอะพะยะค่ะ ฮือ เพื่อไม่ให้หม่อมฉัน มีโอกาส ฮือ ได้ทำความผิด ล่วงละเมิดต่อฝ่าบาทอีก"
"เฮ่อ ในสายตาข้า เห็นท่านเป็นคนยังไง เคยรู้บ้างมั้ย ข้าเคยคิด จะให้ท่านมาช่วยทำงานอีกมาก เพื่อบ้านเมือง หลายโครงการที่ข้าวาดหวังไว้ ล้วนมีท่านเป็นส่วนหนึ่ง สำหรับข้าแล้ว ท่านไม่ได้เป็นแค่ขุนนาง แต่ยังเป็นเพื่อนที่รู้ใจ ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน"
"ฮือ ฮือๆๆ ฝ่าบาท ฮือๆๆ"
"แต่แล้ว ทำไมท่านถึงได้ โหดร้ายกับข้าขนาดนี้ ทำไมต้องทำใน สิ่งที่ข้ายากจะให้อภัย ทำไมต้องให้ข้า เป็นคน สั่งประหารท่านด้วยตัวเอง"
ฮงกุกยองได้แต่ร้องไห้ "ฮือ ฮือๆๆๆ ฮือๆๆ"
พระเจ้าจองโจทรงไประบายทุกข์กับซองซงยอน
"อย่างน้อยก็ละเว้นชีวิตเข้า ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากให้อภัยในบางส่วน อย่างน้อยก็ให้เขาอยู่ต่อไป"
"ฝ่าบาท"
"แต่ว่า ไม่มีทางเป็นอย่างงั้น ไม่ใช่ ต้องบอกว่าผ่อนผันไม่ได้ เพราะนี่คือ สิ่งที่พระราชาอย่างข้า จำเป็นต้องทำ"
ดัลโฮกลับถึงบ้านมักซูก็ถามว่า
"นี่ เรื่องใต้เท้าฮงไปถึงไหนแล้ว"
"เห็นว่าวันนี้จะตัดสินโทษ ใครๆ ก็ว่า ไม่พ้นตัดหัวคั่วแห้งแน่นอน หรือถ้า โชคดีหน่อย ก็คือประทานยาพิษ"
"อะไรนะ โอ๊ย ตายล่ะ มิน่าพ่อหลานชายของเรา มาถึงก็ดื่มเอาๆ ไม่พูดกับใครเลย"
"หา เทซูมานี่ด้วยหรือ"
"ใช่ มานั่งดื่มตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง เมาก็หลับอยู่แถวนี้แหละ"
"หา เอ่อ เฮ่ย นี่ อ้า มา ดื่มน้ำผึ้งหน่อย เอ่อ อารู้ว่าเจ้าเสียใจมาก แต่ก็อย่าดื่มให้หนักนักสิ"
"ขอโทษด้วยท่านอา"
" หึ มันก็จริง ถ้าข้าอายุน้อยกว่านี้หน่อย ก็อยากดื่มเหมือนเจ้า เพราะมันเป็นความจริงที่โหดร้าย แทบไม่อยากรับรู้ด้วยซ้ำ เอ่อ นี่ แต่ว่า เทซู คือ เรื่องการไต่สวนของกรมอาญา เจ้าพอรู้บ้างมั้ย"
"รู้อะไร"
"ก็ หมายถึงว่า เรื่องที่เกิด จะมีการสอบพยานเพิ่มมั้ย อะไรทำนองนี้"
"ท่านจะรู้ไปทำไม"
"หา โธ่เอ๊ย ข้ากำลังจะบ้า แม้ว่าจะเป็นห่วงใต้เท้าฮง แต่ข้าเอง ก็กลัวจะไม่รอดเหมือนกัน"
"พูดอะไรก็ไม่รู้"
"นี่ เทซู เจ้ามีอาแค่คนเดียว ถ้าข้าเกิดอะไรขึ้น เจ้าต้องช่วยข้ารู้มั้ย หา"
"เฮ่ย พูดให้เข้าใจหน่อยได้ไหม จะมีอะไรเกิดกับท่านได้เล่า"
"ก็คือ แบบว่า จริงๆ แล้ว ข้าแค่ส่งข่าวเท่านั้น ไม่รู้อะไรนะ"
เทซูตกใจ "หา"
" คือก่อนที่ งานเลี้ยง กำลังจะเริ่มขึ้น ข้าได้เจอใต้เท้าฮง ตอนนั้น เขาวิ่งมาเหมือนคนเสียสติแล้วจับข้าไว้ บอกให้ไปห้องเครื่อง ยังไงก็ต้องหาแชซังกุงให้พบ ให้ยุติสิ่งที่เคยสั่งไว้ทุกอย่าง แต่ ตอนนั้น ใครจะไปนึกว่า ที่แท้เขาได้ทำเรื่องน่ากลัวขนาดนี้ จริงมั้ย ข้าเลยไม่คิดอะไร วิ่งหน้าตั้งไปที่ห้องเครื่อง หาแชซังกุงจนพบ แล้วพูดกับนางตามที่ใต้เท้าฮงสั่ง"
"ท่านอา ท่านพูดอีกทีซิ"
"หา อะไร?"
"บอกว่าใต้เท้าฮง ให้ท่านไปพูดอะไรกับแชซังกุง ที่ให้ยุติทุกอย่างน่ะ พูดมาซี่ เขาบอกให้ยุติอะไร"
"เอ่อ คือ คือว่า"
จบ 66
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 67
นัมซาโชทูลพระเจ้าจองโจว่า
"ฝ่าบาท หม่อมฉันมาขอเฝ้า ฝ่าบาท ทำตามพระบัญชา นำตัวนักโทษ ไปที่ลานกว้างแล้วพะยะค่ะ"
เวลาต่อมาพระเจ้าจองโจเสด็จถึงลานกว้าง
"วันที่ 10 เดือน 4 ปี คยองจา ข้าจะขอพิพากษา นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ปองร้ายพระมเหสี ละเมิดต่อเบื้องสูง เชิญใต้เท้าชางอ่านประกาศ"
"พะยะค่ะ" ชางแทวูอ่านประกาศแล้วตกใจ "ฝ่าบาท นี่ นี่คือ"
"ทำไมไม่อ่านล่ะใต้เท้า"
"แต่ว่าฝ่าบาท แบบนี้มันไม่ถูก ไม่ควรที่จะ"
"เลิกพูดมากซะที บอกให้อ่านประกาศตามที่ข้าเขียนไว้"
"ไม่ได้พะยะค่ะ หม่อมฉันอ่านไม่ได้ หม่อมฉัน ไม่ยอมรับผลการตัดสินโทษแบบนี้"
"ท่านมหาเสนาฯ"
"ฝ่าบาท"
"งั้นก็ได้ ข้าจะอ่านเอง"
"ฝ่าบาท"
" วันที่ 10 เดือน 4 ปีคยองจา นักโทษได้ก่อคดีอุกอาจ ล่วงเกินเบื้องสูง ลบหลู่เกียรติของราชสำนักอย่างแรง จนยากจะให้อภัยได้ ด้วยเหตุนี้หลังจากพิจารณาแล้ว ข้าจึงเห็นว่า ให้นักโทษ คังจงพิล ชางคยอมโฮ และ คิมกึนซก ถูกปลดจากตำแหน่ง เนรเทศไปเกาะร้าง ที่สำคัญ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นักโทษฮงกุกยอง ให้ถอดจากทุกตำแหน่ง เนรเทศไปอยู่ คังหนึ่ง ซะ"
ฮงกุกยองตกใจไม่น้อย ซาบซึ้งในพระทัยยิ่งนัก "ฮือ ฝ่าบาท หึ ฮือ ฝ่าบาท ฮือ"
เหล่าขุนนางต่างไม่ค่อยพอใจคำประกาศนัก แชซกจูกล่าวกับขุนนางด้วยกันว่า
"อึม ฮงกุกยองไม่ถูกประหารหรือนี่ ทำไมอย่างงั้นล่ะ"
"หึ นั่นสิครับ"
"ไหนว่าจนถึงเมื่อวาน ฝ่าบาทยังทรงยืนกรานจะให้ประหารชีวิตไม่ใช่หรือ"
"ข้าถึงว่าเรื่องนี้มันเหลือเชื่อจริงๆ"
"ฝ่าบาททรงคิดยังไงแน่ มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะปรานีหมอนั่นอีกหรือ"
ชางแทวูทูลพระเจ้าจองโจ "เรื่องนี้ทรงตัดสินไม่ถูกต้อง ขอทรงพิจารณาใหม่เถอะพะยะค่ะ"
เหล่าขุนนางเห็นพ้องด้วย "ขอทรงพิจารณาใหม่ด้วยเถอะๆ"
"นักโทษฮงกุกยอง ไม่ว่ามองในแง่ไหนก็สมควรประหารสถานเดียว แต่ฝ่าบาทกลับทรงผ่อนผันให้เขา ถือว่าไม่สมควรและไม่ถูกต้อง"
"นั่นสิพะยะค่ะ นักโทษฮงกุกยอง ไม่เพียงใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยังวางแผนปองร้ายพระมเหสี คนแบบนี้จะปล่อยให้รอดชีวิตได้ยังไง"
"ฮงกุกยอง ไม่ได้ปองร้ายพระมเหสีจริง"
"หา ไม่ได้ปองร้ายหรือ ทำไมอย่างงั้นล่ะ"
แชจีคยอมเองก็ไม่เข้าใจ "ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง ทำไมไม่ปองร้ายล่ะพะยะค่ะ"
" จริงอยู่ที่ว่า เขามีความคิดประทุษร้ายต่อพระมเหสี แต่ผลสุดท้ายกลับเปลี่ยนความตั้งใจ เหตุร้ายก็เลยไม่เกิด ดูจากอาหารที่ข้ากินแล้วไม่มีอันตราย ก็คือคำตอบของเรื่องนี้"
"ฝ่าบาท แม้จะไม่รู้ว่าคนๆ นี้ใช้วาทศิลป์ทูลฝ่าบาทยังไงบ้าง แต่ก็ไม่ควรหูเบาหลงเชื่อง่ายๆ หม่อมฉันคิดว่าเป็นเพียงคำแก้ต่างของคนที่คิดจะเอาตัวรอดเท่านั้น"
"คำ พูดนี้ ไม่ได้ออกจากปากฮงกุกยอง แต่เป็นข้าเอง ที่ได้ข้อมูลจากคนที่ไว้ใจได้ และเชื่อว่าเป็นความจริง ที่ข้าตัดสินโดยวิธีนี้ ก็ด้วยข้อมูลที่ว่า แม้เขาจะวางแผนชั่ว คิดปองร้ายพระมเหสีจริง แต่สุดท้ายก็ได้สำนึก ยุติการกระทำซะ นี่คือจุดที่ไว้ชีวิตเขาได้ ฉะนั้นพวกท่าน ไม่ต้องโต้แย้ง หรือแสดงความเห็นคัดค้านอีก เข้าใจมั้ย"
"ไม่ได้หรอกพะยะค่ะ พวกเราไม่เห็นด้วย และคดีนี้ตัดสินไม่ถูกต้อง ขอทรงพิจารณาใหม่ด้วยเถอะ" ชางแทวูไม่ยอม
"ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะๆ"
ซองซงยอนเข้าเฝ้าพระมเหสีโยอึยด้วยความแปลกใจ
"แปลว่าพระมเหสี ทรงทราบเรื่องแต่แรกแล้วหรือเพคะ"
" ใช่ ก่อนฝ่าบาทจะตัดสินพระทัย ได้มาปรึกษากับข้าถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพื่อนของเจ้าที่ทูลความจริงให้ทรงทราบ ฉะนั้น ฝ่าบาทเลยรับสั่งว่า ถ้านี่เป็นเรื่องจริง พระองค์ก็จะทรงละเว้นชีวิตใต้เท้าฮง ถามข้าว่าถ้าเป็นอย่างงั้น จะเห็นด้วยหรือเปล่า หึ"
แชจีคยอมทูลพระเจ้าจองโจว่า "ฝ่าบาท เหล่าขุนนางไม่เห็นด้วยกับการวินิจฉัยของพระองค์ ไม่แน่ว่าเรื่องนี้อาจก่อให้ความขัดแย้งรุนแรง ฝ่าบาท"
"ถึงจะขัดแย้งยังไง ข้าก็ไม่เปลี่ยนความตั้งใจ" พระเจ้าจองโจทรงยืนยัน
"แต่ว่าฝ่าบาท"
พระเจ้าจองโจตัดบท "มหาดเล็กนัม ข้าจะไปกรมอาญา ช่วยเตรียมตัวด้วย"
"พะยะค่ะ"
พระเจ้าจองโจเสด็จไปกรมอาญาพบกับฮงกุกยอง
"แก้มัดให้นักโทษก่อน"
"หึ ฝ่าบาท"
"ทำไมตั้งแต่ทีแรก ไม่ยอมบอกข้าว่าท่านเปลี่ยนใจ"
" หม่อมฉัน แม้จะไม่ได้ลงมือในขั้นสุดท้าย แต่ความผิดที่ปิดบังพระองค์ วางแผนปองร้ายพระมเหสีและสั่งการลูกน้อง ก็คือความจริงวันยังค่ำ ฮือ โดยเฉพาะฝ่าบาทที่ทรง ไว้วางพระทัยในตัวหม่อมฉันมาตลอด ลำพังแค่จุดนี้ หม่อมฉันก็รู้ว่าความผิดที่ก่อ ยากจะให้อภัยได้อีก ฮือ"
"ใช่ ท่านพูดถูกแล้ว ถึงจะมาบอกข้า ก็ไม่อาจลบล้าง ความผิดที่ท่านปิดบัง จนถึงขั้นลบหลู่เบื้องสูงที่ก่อไว้ได้ และจริงๆ ท่านก็รู้ ว่าข้าไม่เต็มใจ ที่จะยกโทษให้ท่านในคราวนี้ ฉะนั้นจึงขอบอกไว้ ว่านี่คือ ครั้งสุดท้ายที่ข้าจะให้อภัย อย่างไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก นับแต่นี้ ข้าจะไม่เรียกใช้ท่าน ไม่มีการข้องแวะ"
"ฮือๆๆ ฝ่าบาท ฮือๆๆ ฮือๆๆ"
ขณะที่เหล่าขุนนางก็มาร้องกับพระเจ้าจองโจ
" ฝ่าบาท รับสั่งให้ประหารฮงกุกยองเถอะพะยะค่ะ ขอทรงพิจารณาด้วย ฝ่าบาท รับสั่งให้ประหารฮงกุกยองเถอะพะยะค่ะ ขอทรงพิจารณาด้วย รับสั่งให้ประหารฮงกุกยองเถอะพะยะค่ะ ขอทรงพิจารณาด้วย"
พระเจ้าโจถอนพระทัย "เฮ่อ"
พระเจ้าจองโจเสด็จไปพบกับพระหมื่นปีจองซุน
"หึ ฝ่าบาท เสด็จมาหาข้าคงมีเรื่องสำคัญ เชิญข้างในก่อนดีมั้ย"
" ไม่ต้อง หม่อมฉันจะไม่เข้าไปในตำหนักของพระหมื่นปี หม่อมฉันรู้สึกว่า พระหมื่นปีไม่ได้อยู่เฉย แต่กลับทำเรื่องที่น่าทึ่งมาก ไม่เพียงสามารถทำให้ฮงกุกยองเชื่อฟัง ยังจะครอบงำการเมือง ให้อยู่ใต้อำนาจพระหมื่นปีอีกครั้ง"
"หึ นี่เป็นการเข้าใจผิด ที่ข้าทำเพราะเห็นแก่อนาคตของฝ่าบาท"
"ไม่ต้องรับสั่งอีกแล้ว หึ เพราะคำพูดแบบนี้ใช่ไหม คำที่ฟังเหมือนเลิศหรู เลยทำให้ฮงกุกยองหลงเชื่อตายใจ"
"ฝ่าบาท"
" ก็ได้ งั้นเอางี้มั้ย ถ้าพระหมื่นปีทรงหวังดีต่อหม่อมฉันจริง ก็จงใช้อิทธิพลที่มี สั่งให้ขุนนางที่มาคัดค้านอยู่ข้างนอก ให้พวกเขาหุบปากซะ และบอกให้พวกเขา อย่ามายุ่งกับเรื่องของหม่อมฉันอีก จะทำได้หรือเปล่า หึ ขอให้นี่เป็นครั้งสุดท้าย เพราะหม่อมฉัน ยังมีราชโองการ ของเสด็จปู่อยู่ในมือ อย่าให้หม่อมฉัน ต้องเอาออกมาจัดการกับพระหมื่นปีอีก"
นัมซาโชเรียกเทซูมาพบและถามว่า
"อ้อ มาแล้วหรือ เห็นฝ่าบาทรับสั่งว่า เจ้าเป็นคนทูลความจริงให้ทรงทราบใช่ไหม"
"หึ ใช่ครับ เอ่อ แต่ว่า ท่านมาหาข้ามีอะไรหรือเปล่า"
"พอถึงช่วงบ่าย ใต้เท้าฮง จะถูกเนรเทศแล้ว"
"หา อะไรนะครับ เร็วอย่างงั้นเชียวหรือ"
"ใช่ เพราะขุนนางคัดค้านหนัก ทำให้ต้องมีรับสั่ง ให้ส่งตัวไปเร็วๆ"
ด้านคังซกกีก็ชวนซอจังบูไปส่งฮงกุกยอง แต่ซอจังบูไม่ยอมไป เทซูมาบอกฮงกุกยองว่า
"ข้างนอกอาจมีชาวบ้านที่ไม่พอใจ ทำให้เดินทางลำบาก ก่อนจะถึงชานเมือง เราจะคุ้มครองให้เอง"
"หึ จะมีปัญหาหรือเปล่า เปิดทางให้นักโทษอาญาอย่างข้า ไม่แน่ว่า อาจมีผลต่ออนาคตพวกเจ้าก็เป็นได้"
"หึ ใต้เท้า" เทซูกับคังซกกีสงสารฮงกุกยอง
"เฮ่อ ก่อนจะไป ข้าอยากถวายบังคมเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ทราบจะได้ไหม"
หัวหน้ายอมให้แก้มัด "ฮือ ฝ่าบาท ขอทรง ฮือ ถนอมพระวรกายด้วย ฮือ"
ระหว่างทางพวกชาวบ้านเอาขอมาปาฮงกุกยองตลอดสาย พวกเทซูพยายามร้องห้ามก็ไม่มีใครฟัง ในที่สุดซอจังบูก็ทนไม่ได้
" หยุดนะ ปาทำไมกัน หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้หยุดไง ปาทำไม ห้ามปาเขานะ หึ พวกเจ้าไม่รู้อะไร หึ ถึงจะเป็นคนถ่อย แต่เขาก็จงรักภักดี ฮือ พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาประนามเขาแบบนี้ ฮือ ไสหัวไป ถ้าไม่อยากตายด้วยมือข้าละก้อ รีบไปซะ บอกให้ไป ถอยไปห่างๆ ฮือ ใต้เท้า อ๊าก ฮือ ใต้เท้า ขอบคุณมาก ฮือ ขอบคุณที่ช่วยเกื้อหนุนข้า ฮือๆๆ ขอบคุณมาก ขอให้ท่านโชคดี ฮือๆๆ"
000000000000000
ลีชองตามหาช่างเขียนตั๊ก และชวนออกมาดูบางอย่างโดยไม่บอกว่าอะไร ช่างเขียนตั๊กออกมาก็พบหญิงสาวหลายคนก็ตกใจ
"อะไรนะนี่"
ปาร์คยองมุนบอกหญิงสาวเหล่านั้นว่า "เมื่อมาทำงานที่นี่ ก็ต้องตั้งใจเรียนรู้ล่ะ รู้มั้ย"
หญิงสาวหลายคนรับคำ "ค่ะ"
"จริงสิ เจ้าชื่อ โยจิน ใช่ไหม"
โยจินตอบรับ "ใช่ค่ะ"
"ดีมาก"
ลีชองบอกช่างเขียนตั๊กว่า "เฮ่อๆๆ นี่ เฮ่อๆๆ เด็กกลุ่มนี้ คือคนงานใหม่ที่เพิ่งรับมา"
"หา จริงหรือ"
" ตั้งแต่ซองซังกุงและโชบีเข้าวังไป คนของเราก็เหลือน้อยลง ใต้เท้าปาร์คเลยให้รับเด็กเพิ่มอีก ฮ่าๆๆ ภาษิตว่าใหม่ๆ หน้าตาจุ๋มจิ๋ม เห็นแล้วค่อยมีกำลังใจ ก่อเกิดไฟสปาร์คขึ้นเยอะเลย ฮ่าๆๆ"
"เงียบเดี๋ยวนี้นะ เป็นถึงช่างเขียน ทำไมพูดจาน่าเกลียดแบบนี้" ช่างเขียนตั๊กดุ
"อะไรนะ น่าเกลียดหรือ เจ้าว่าใคร"
"ก็เจ้าน่ะสิ เป็นผู้ใหญ่ซะเปล่า น่าจะสำรวมบ้าง จุ๊ๆๆ ปากพล่อยจริงๆ เฮ่ย"
โยจินเรียกช่างเขียนตั๊ก "ท่านคะ"
"หา อ๊าก อุ๋ย"
"แหะๆๆ เฮ่อๆๆ"
"ใต้เท้าปาร์คให้เราไปห้องเขียนรูป ไม่ทราบไปทางไหนหรือคะ"
ลีชองเสนอ "อยากรู้หรือจ๊ะ ไม่เป็นไร พี่จะนำทางให้น้องเอง"
โยจินอึกอัก "เอ่อ"
ช่างเขียนตั๊กดุลีชอง "นี่ ถอยไป ยุ่งอะไรด้วย นางถามข้าต่างหาก"
"หา เอ่อ" ลีชองอึ้งไป
" แหม หึๆๆ พี่จะนำทางให้ ตามมานะจ๊ะ อีกอย่าง เทียบกับหมอนี่แล้ว ข้ายิ่งเก่งกว่า เป็นช่างเขียนที่เก่งที่สุดในศูนย์ศิลปะ แหะๆๆ" ช่างเขียนตั๊กชวนคุย
ทางด้านเชกากับลูกน้องก็ทูลพระเจ้าจองโจว่า
"ตอนนี้ที่น่าเป็นห่วง คือปัญหาภัยแล้งและเพาะปลูกไม่ขึ้น ทำให้ราษฎรยิ่งลำบากมากพะยะค่ะ"
"ลำบากถึงขั้นไหน" พระเจ้าจองโจตรัสถาม
"หลายคนต้องย้ายออกจากถิ่นฐาน เพราะไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ที่เพิ่มพูน บ้างก็ถูกขายเป็นทาสและถูกยึดที่ดินเป็นจำนวนมาก"
" เห็นว่าเดี๋ยวนี้ มีหนี้ที่ไม่จ่ายตามกำหนด ดอกเบี้ยจะเพิ่มเป็นสองเท่าใช่ไหม แถมยังถือโอกาสเข้ายึดสมบัติของลูกหนี้ แบบนี้เท่ากับผิดกฎหมายชัดๆ นี่นา"
"แต่ที่หม่อมฉันรู้มา ทุกวันนี้ในตัวเมือง ล้วนมีนายทุนปล่อยกู้ที่เหิมเกริม ไม่กลัวกฎหมายพะยะค่ะ"
"เห็นทีจะปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว พวกท่านไปดูรายละเอียด แล้วมาบอกข้าอีกที"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
พวกเชกาออกไปแล้ว พระเจ้าจองโจถามนัมซาโช
"ประชุมฝ่ายปกครองรู้เวลาหรือยัง"
"รู้แล้วพะยะค่ะ บ่ายวันนี้ ที่ห้องขุนนาง"
พระพันปีเฮคยองเสด็จเข้ามา "เสด็จแม่"
"ที่แม่มาวันนี้เพราะเรื่องอะไร เจ้าคงรู้ใช่ไหม น่าจะรู้อยู่ เพราะแม่ให้ลีซังกุงมาบอกหลายครั้งแล้วนี่"
"เสด็จแม่"
"สนมใหม่เข้าวังจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบเดือนแล้ว ทำไมไม่เห็นเจ้าไปทำความรู้จักหรือไปตำหนักของนางบ้าง"
"เสด็จแม่ โปรดฟังที่หม่อมฉันจะทูลก่อน หนังสือแต่งตั้งของซองซังกุง"
"แม่เคยบอกแล้วว่าไม่อยากรับรู้เกี่ยวกับเรื่องของนาง"
"เสด็จแม่"
" ถ้ายังไง คืนนี้ขอให้เจ้าไปหาสนมคนใหม่ซะ อย่าให้แม่ต้องผิดหวังในตัวเจ้าอีก แม่จะถือว่าเจ้ารับปากเรื่องนี้ ไม่ต้องมาให้เตือนอีกล่ะ"
โชบีจะไปนำหนังสือมาให้ซองซงยอน แต่ถูกซังกุงของพระสนมวาพินสั่งให้มอบให้นาง
"อะไรนะ ให้ข้ามอบหนังสือหรือ แต่ว่า ข้าจองเล่มนี้ไว้นานแล้ว ทำไมต้องให้ท่านด้วย"
"ข้าก็บอกแล้วว่า เล่มนี้พระสนมวาพิน ต้องการจะดูเหมือนกัน"
"เฮอะ แล้วยังไง ข้าไม่ได้ยืมให้ตัวเองซักหน่อย จะไปให้นายหญิงของข้าอ่านนะจ๊ะ"
"นั่นแหละยิ่งต้องมาให้ข้า เป็นแค่ซังกุงขั้น 5 จะมาเทียบพระสนมขั้นหนึ่งของเราได้ยังไง"
โชบีโกรธ "ต๊าย โอย"
"และหนังสือแบบนี้ คงยากเกินไปสำหรับซองซังกุง ข้าว่านางน่าจะอ่านไม่ออกด้วยซ้ำ"
"ว้าย ดูถูกกันชัดๆ อ่านไม่ออกหรือ นายหญิงของข้าความรู้กว้างขวาง แถมยังเขียนรูปเก่งอีกต่างหาก"
"เรื่องนี้ข้าก็รู้ ได้ยินว่าซองซังกุงเคยเป็นคนงานในศูนย์ศิปละ รวมทั้งเจ้าด้วยใช่ไหม"
"ดูถูกกันขนาดนี้เชียวหรือ โอ๊ย"
พระสนมวาพินเข้ามา "เอะอะอะไรกัน"
"พระสนม"
"เห็นออกมาตั้งนานยังไม่กลับ ข้าเลยมาตาม ว่าแต่ เกิดอะไรขึ้นหรือ"
ซองซงยอนรีบบอก "ทรงอภัยด้วยเพคะ คนของหม่อมฉันเสียมรรยาท โปรดอย่าถือสาเลยนะ"
"ไม่เป็นไร แค่ยืมหนังสือคงไม่ต้องเกี่ยงเรื่องฐานะ ว่าแต่เจ้า เคยอ่านประวัติของราชวงศ์แล้วหรือยัง"
"เอ่อ ยังเพคะ ยังไม่เคยอ่าน"
" ถ้าอย่างงั้น จะต่อด้วย บุคคลสำคัญ เล่มนี้คงเร็วไปหน่อย เพราะเล่มนี้ กล่าวถึงคนที่มีคุณูปการต่อบ้านเมือง หากไม่รู้ที่มาแต่แรก จะปะติดปะต่อไม่ถูก ข้ามีประวัติราชวงศ์อยู่หลายเล่ม เจ้าให้คนมารับก็ได้นะ"
"หึ ขอบพระทัยพระสนมเพคะ"
พระพันปีเฮคยองเสด็จมา "เสด็จแม่"
"ทำอะไรอยู่นี่หรือจ๊ะวาพิน"
"พอดีมาเจอซองซังกุงเข้า เลยชี้แนะเรื่องบางอย่างเพคะ" พระสนมวาพินตอบ
"งั้นหรือ ทำถูกแล้วล่ะ สมบัติผู้ดีต้องเรียนรู้แต่กำเนิด ถ้าให้เจ้าสอนนาง คิดว่าคงจะดีขึ้นได้"
"มิได้เพคะ ว่าแต่เสด็จแม่ มาหาหม่อมฉัน มีอะไรหรือเพคะ"
"ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า คืนนี้ฝ่าบาทจะไปที่ตำหนัก พวกเจ้าต้องเตรียมตัวไว้ล่ะ"
"ทราบแล้วเพคะ"
"เข้าไปข้างในเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้าหน่อย"
"เพคะเสด็จแม่"
โชบีหันมาขอโทษซองซงยอน "เรื่องของเรื่องเพราะข้าไม่ดีเอง"
" ไม่เป็นไร บางครั้งท่านก็เหมือนข้า ไม่รู้กฎระเบียบเลยผิดพลาดไปบ้าง อีกอย่าง นิสัยท่านเป็นคนยังไง ตอนอยู่ศูนย์ศิลปะ ข้าก็เคยเห็นแล้ว"
" แหม พูดอะไรไม่รู้ แต่ว่า พระพันปีก็ทรงลำเอียงจริงๆ ไม่ยอมรับท่านยังพอว่า ทุกครั้งที่เจอพระสนมวาพินก็ทรงยิ้มแย้มแจ่มใสอีก แถมตอนนี้ จะให้ฝ่าบาทไปหานางที่ตำหนัก"
"ยังจะพูดอีก เมื่อกี้ข้าเพิ่งพูดหยกๆ ว่ายังไง ไม่ทันไรก็ลืมแล้วหรือ"
"เอ่อ ขอโทษด้วยค่ะ"
0000000000000000
พระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งกับนัมซาโชเรื่องประกาศ
"นี่คือเรื่องที่จะประกาศพรุ่งนี้ ส่งให้ราชเลขาด้วย"
"พะยะค่ะ"
แช จีคยอมทูลว่า "แต่ว่าฝ่าบาท แล้วตำแหน่งหัวหน้าทหารพิเศษที่ว่างล่ะพะยะค่ะ นี่ก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ตำแหน่งของฮงกุกยองที่ว่าง ยังหาใครมาแทนไม่ได้ซะที"
"ข้าเข้าใจดี การสรรหาผู้มาแทนตำแหน่งนี้ ข้าจะจัดการเอง"
"พะยะค่ะ"
และคืนนั้นพระเจ้าจองโจก็ทรงเสด็จไปหาซองซงยอน ทำให้ซองซงยอนแปลกใจมาก
"หึ ฝ่าบาท ทำไมเสด็จมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ"
"ข้ามาไม่ได้หรือ ทำไมล่ะ"
"เอ่อ ไม่ใช่อย่างงั้นเพคะ เชิญเสด็จข้างในก่อน"
"หึ วันนี้ไม่รู้ทำไม รู้สึกอยากดื่มเหล้า เจ้าคงไม่ว่านะ"
"หึ ไม่ว่าเพคะ หม่อมฉันจะให้คนเตรียมให้ จัดเครื่องเสวยมาเร็ว"
โชบีรีบรับคำด้วยความยินดียิ่ง "ทราบแล้วเจ้าค่ะ ฮิ นึกแล้วเชียว ฝ่าบาทไม่ไปไหนหร๊อก เฮอะ วนเวียนอยู่แถวนี้แหละ"
พระเจ้าจองโจทรงปรับทุกข์กับซองซงยอน
" วันนี้ใต้เท้าแชบอกว่า ให้ข้าเลือกหัวหน้าหน่วยทหารพิเศษคนใหม่ แถมยังว่า ไม่ควรปล่อยให้ตำแหน่งนี้ว่างนาน แต่ว่า นอกจากฮงกุกยองแล้ว ข้าไม่อยากให้ใครมาแทนที่เขาเลย เจ้าว่าข้าคิดผิดหรือเปล่า รู้อยู่ว่า เขาทำความผิดใหญ่หลวงจนยากจะให้อภัย ชาตินี้คงไม่ได้กลับมาอีก แต่ไม่รู้ทำไม ข้ายังอยากเก็บตำแหน่งนี้ไว้รอเขา" พระเจ้าจองโจทรงดื่ม
" ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องบางอย่าง ไม่ทราบจะทูลดีมั้ย จริงๆ แล้วฝ่าบาท ทรงคิดจะอภัยโทษให้เขาทั้งหมด ไม่ใช่ ต้องบอกว่าอโหสิให้เขาแต่แรกด้วยซ้ำ"
"ซงยอน"
" ฝ่าบาททรงเป็นทุกข์กับเรื่องนี้ เป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่ตลอดเวลา นั่นเพราะฝ่าบาททรงเห็นเขาเป็นเพื่อน และทรงมีแต่ความจริงใจให้เขา ฝ่าบาทไม่ได้ทรง ตำหนิเขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับทรงห่วงเขาด้วยซ้ำ แม้ว่า จะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำ แต่ฝ่าบาทก็ทรง ให้อภัยใต้เท้าฮงนานแล้ว และตอนนี้ก็ทรงคิดหาหนทาง จะอภัยโทษให้เขากลับมาอีก"
เทซูไปเยี่ยมฮงกุกยอง
"ใต้เท้า"
"เทซู หึ"
"หลายเดือนนี้ ใต้เท้าสบายดีหรือเปล่า"
"อึม หึ" ฮงกุกยองนำอาหารมาให้เทซู
"เอ่อ บอกว่าไม่ต้องยุ่งยากไงล่ะครับ"
" หึ ไหนๆ มาทั้งที เลี้ยงข้าวซักมื้อจะเป็นไรไป หึ อย่ารังเกียจอาหารที่นี่เชียวนะ สำหรับนักโทษแล้ว ร้อยวันพันปีจะได้กินของพวกนี้ หึๆ น่าแปลก วันนี้จู่ๆ ตกปลาได้ สงสัยว่า มันจะรู้ว่าเจ้ามาเยี่ยม เฮ่อๆๆ"
"ใต้เท้า"
"ว่าแต่ ทำไมเจ้า มาถึงนี่ได้ล่ะ"
"เพราะฝ่าบาท เสด็จมาเยี่ยมราษฎรแถวนี้"
"เอ่อ ฝ่าบาทน่ะหรือ"
"ใช่ ข้าก็เลย แอบหนีมาดูว่าท่านเป็นไงบ้าง"
"งั้นหรือ อย่างงี้นี่เอง หึ"
"แต่ว่า ทำไมท่านดูผอมไปตั้งเยอะ สีหน้าก็ไม่ค่อยดี"
"หึ ไม่มีอะไรหรอก คงเพราะสังขารของข้า ทนอารมณ์ตัวเองไม่ไหว"
"หา" เทซูตกใจ
" หึ ข้างในนี้ เหมือนจะมีแต่ความอัดอั้น หึ ไม่ต้องทำหน้าตกใจนักหรอก ข้าน่ะ ไม่หวังอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว หึ เกิดมาชาติหนึ่ง ถือว่าใช้ชีวิตคุ้มแล้วไม่ใช่หรือ"
"ใต้เท้า"
"เพียงแต่ ความผิดที่มีต่อฝ่าบาท มันกลายเป็น บาปใหญ่หลวงในใจ กลายเป็นความรู้สึกผิดอย่างแรง มันหนักหนาซะจน ข้าแทบไม่กล้าเอ่ยปาก ถามว่าฝ่าบาททรงสำราญดีมั้ย เหมือนข้าไม่คู่ควรจะรู้"
"ใต้เท้า" เทซูสงสารเขาจับใจ
"หึ อาหารเย็นหมดแล้ว รีบกินเถอะ หึๆๆ"
เทซูกำลังจะกลับ ฮงกุกยองฝากของไปถวายพระเจ้าจองโจด้วย
"ของที่ฝากมา ข้าจะนำไปถวายฝ่าบาท แต่ว่า ข้าเอายามาให้หลายชุด ท่านต้องกินด้วยล่ะ"
"อึม ได้"
"ถ้ายังไง วันหลังข้าจะมาเยี่ยมอีก"
"ไม่ ไม่ต้องมาหรอก ข้าบอกหลายครั้งแล้วว่าติดต่อกับนักโทษ จะมีผลต่ออนาคตของเจ้า"
"ใต้เท้า"
" ขอบใจมาก ที่มาเยี่ยมข้า ขอบใจอย่างสุดซึ้ง แต่ว่า ฮือ แค่นี้ก็พอแล้ว ต่อไป ไม่จำเป็นอย่ามาหาข้าอีก เข้าใจหรือยัง เทซู หึๆๆ เฮ่อ"
เทซูกลับมาทูลพระเจ้าจองโจว่า
"หม่อมฉันทำตามรับสั่ง ไม่ได้บอกว่าของที่ให้ไป เป็นรับสั่งจากฝ่าบาท"
"อึม งั้นหรือ แล้วตอนนี้เขาเป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย"
"เอ่อ ดูเหมือนว่า สุขภาพจะไม่ค่อยดีพะยะค่ะ"
"ใช่ มันก็น่าอยู่หรอก นึกๆ ดู ข้าก็เหมือนคนที่โหดเหี้ยม ถึงกับเนรเทศ ให้เขาไปอยู่ที่กันดารอย่างงั้น แล้วยังมีหน้าถามอีก"
เทซูอึ้งไป "ฝ่าบาท"
"หมดเรื่องแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะนะ"
"ฝ่าบาท หม่อมฉัน มีของจะนำมาถวายพะยะค่ะ"
"นี่คืออะไร"
"เป็นของที่ใต้เท้าฮง สั่งให้มาถวายแก่ฝ่าบาท"
พระเจ้าจองโจทรงอ่านข้อความของฮงกุกยอง
" คงจะเป็นการไม่บังควรนัก ที่หม่อมฉัน ในฐานะนักโทษ ยังกล้าเสนอเรื่องแบบนี้ต่อฝ่าบาทอีก หม่อมฉัน ได้เคยทบทวนเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายหน ในที่สุด จึงได้เสนอร่างนโยบาย ปรับโครงสร้างกองกำลังอารักขา ทั้งหน่วยทหารและองครักษ์ ให้มีระเบียบมากขึ้น ถ้าหากว่าฝ่าบาท ทรงเห็นว่าหม่อมฉันเจ้ากี้เจ้าการ ก็โปรดอย่าทรงกริ้ว และเอาเรื่องนี้ทิ้งไปก็ได้"
"ใต้เท้าฮง"
กาลต่อมาพระเจ้าจองโจทรงสั่งให้ยุบหน่วยทหารพิเศษ ซอจังบูรู้เรื่องก็ตกใจไม่น้อย
"อะไรนะ จะยุบหน่วยทหารพิเศษหรือ"
"ใช่ครับท่าน ข้างนอกใครๆ ก็พูดกัน ข้าได้ยินกับหูเลย"
"ตายล่ะ แล้วเราจะทำไง นี่มันหมายความว่าไง พอหมดประโยชน์ ก็จะถีบหัวส่งงั้นหรือ"
"มันน่าสงสัยแต่แรกอยู่แล้ว เพราะใต้เท้าฮงทำความผิด พลอยให้ลูกน้องอย่างเรารับกรรมไปด้วย"
"เจ้าพูดอะไร ให้มันระวังปากหน่อย วันก่อนพูดมาก โดนซ้อมไปทีหนึ่ง ยังไม่เข็ดใช่ไหม"
คังซกกีปราม "นี่ อย่าวู่วามได้ไหม เอะอะก็ชอบใช้กำลังเรื่อย"
"ใครให้มันพูดไม่เข้าหู เดี๋ยวพ่ออัดให้ยับซะนี่"
"ใจเย็นก่อนน่า"
"อ้าว เทซู รู้ข่าวหรือเปล่า ที่จะยุบหน่วยทหารพิเศษน่ะ"
"อ๋อ เรื่องนี้หรือ ข้าก็ได้ยินเหมือนกัน"
"เอ่อ แล้วทำไมจะยุบหน่วยของเรา เกิดอะไรขึ้น ฝ่าบาทมีรับสั่งอะไรกับเจ้าหรือเปล่า"
"จริงๆ แล้ว ข้าก็ไม่ค่อยรู้หรอก แต่อาจเพราะฝ่าบาทจะทรงก่อตั้งหน่วยงานใหม่ เลยให้พวกเราไปรวมเข้ากันก็เป็นได้"
"จริงหรอกหรือ"
"นั่นสิ ว่าแล้วเชียว เรามีผลงานตั้งเท่าไหร่ จะถูกมองข้ามได้ไง เฮ่อๆๆ" ซอจังบูว่า
"แล้วเมื่อกี้พูดอะไร" คังซกกีมองซอจังบู
ซอจังบูแก้เก้อ "น่า ลืมตัวไปหน่อย เฮ่อๆๆ"
พระเจ้าจองโจทรงตรัสกับพวกเชกาถึงเรื่องงานว่า
"ไม่น่าเชื่อว่า แต่ละคนจะไม่กลัวกฎหมาย ปล่อยกู้คิดดอกเกินกว่าที่กำหนด"
"นั่นสิพะยะค่ะ มีกฎเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ยทั้งจากพืชผลและสินค้า แต่ไม่มีใครปฏิบัติตาม"
"แต่ว่าฝ่าบาท ปัญหาเงินกู้ยังมีมากกว่านี้พะยะค่ะ" เชกาทูล
"หมายความว่าไง"
"ระยะหลังบรรดานายทุน กลัวจะถูกทางการตรวจสอบ จึงจับลูกหนี้ไปกักขัง ตีเป็นค่าตัวแล้วส่งไปขายที่ต้าชิงพะยะค่ะ"
พระเจ้าจองโจทรงตกพระทัย "อะไรนะ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ท่านพูดจริงหรือเปล่าน่ะ"
"จริงพะยะค่ะ ทุกวันนี้ใครๆ ต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะแถบ ยองวา และ ชางซอน ถือเป็นแหล่งใหญ่"
"เฮ่อ ไปตามเทซู ซกกีและจังบูมาพบข้า เราจะไปข้างนอกกัน"
"แต่ว่าฝ่าบาท บ่ายวันนี้ ต้องเสด็จไปสำนักบัณฑิตนะพะยะค่ะ" นัมซาโชเตือน
"วันนี้น่ะหรือ"
"พะยะค่ะ คราวก่อนที่ทรงตั้งคำถามให้เหล่าบัณฑิตได้คิด วันนี้ต้องไปฟังคำตอบแล้ว"
"งั้นก็ได้ ก่อนจะไปข้างนอก ข้าจะแวะไปสำนักบัณฑิตก่อน"
"พะยะค่ะ งั้นหม่อมฉันจะไปสั่งการเดี๋ยวนี้"
"อึม" หลังจากนั้นพระเจ้าจองโจก็ทรงรับสั่งกับพวกเทซูว่า
"เสร็จงานแล้วข้าจะไปถนน ยองวา พวกเจ้าไปดูถนน ชางซอน ก่อน"
ซอจังบูกับคังซกกีน้อมรับคำสั่งแล้วออกไป เหลือเทซูที่เฝ้าติดตามพระเจ้าจองโจ
และระหว่างการเสด็จของพระเจ้าจองโจ ที่เสด็จมาพร้อมกับเทซูก็ได้ยินเสียงเรียกของชองยายอง บัณฑิตฉลาดคนหนึ่ง
"พี่ชายๆ ทางนี้ๆ มองหาอะไรเล่า รีบมาเร็วๆ มาซี่ บอกให้มาไงเล่า"
พระเจ้าจองโจตรัสกับเทซู "ไปดูหน่อยซิ"
"พะยะค่ะ มีธุระอะไร"
"แหะ โทษทีนะ ช่วยรับข้าลงไปหน่อยได้ไหม"
เทซูตกใจ "อะไรนะ"
"จะมีคนมาจับข้าแล้ว ช่วยรับเร็วๆ เร็วซี่"
เทซูยอมรับชองยายงลงมา แต่ชองยายงกลับเรียกพระเจ้าจองโจให้มาช่วยด้วย
เทซูดุ "จะบ้าหรือ นั่นเขาเป็น"
พระเจ้าจองโจรีบตัดบท "ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดมาก"
" มา จับดีๆ นะ อย่าให้ตกล่ะ เฮ้ยๆๆ แหะๆๆ เฮ้ย อึ๊บ เฮ่ย เฮ่อๆๆ เฮ่อ ถึงจะเคยทำหลายครั้ง แต่ก็อดกลัวไม่ได้ เฮ่อๆๆ อะไรก็ไม่รู้ ข้างในมีแต่ตำราเก่าๆ ทำไมต้องก่อกำแพงซะสูงด้วย แหะ จริงหรือเปล่า หึๆๆ เอาเป็นว่าขอบคุณท่านทั้งสอง แล้วเจอกันใหม่นะ หึ" ชองยายงรีบไป เทซูทูลถามพระเจ้าจองโจ
"เฮ่ย ฝ่าบาท ดูเหมือนเขาจะเป็นบัณฑิต เราจะไม่เตือนบ้างหรือ"
"ช่างเขาเถอะ บัณฑิตที่หนีออกจากโรงเรียน คงเพราะเบื่อการเรียนเต็มที"
ชองยายงตอบคำถามเสร็จออกมาก็นึกได้ว่าตนเองลืมเขียนชื่อ และพระเจ้าจองโจได้อ่านคำตอบของชองยายงก็ทรงอึ้งไป
" คำถามตั้ง 70 ข้อ สามารถตอบได้เร็วขนาดนี้เชียวหรือ ตอนตั้งคำถาม ข้ายังคิดว่า น่าจะมีน้อยคนที่ตอบได้ น่าแปลกจริงๆ บัณฑิตคนนี้เป็นใครน่ะ"
"ขอทรงอภัย หม่อมฉันไม่ทราบพะยะค่ะ" อาจารย์ตอบ
"ท่านไม่รู้หรือ ทำไมล่ะ"
"เพราะว่า มีคนส่งคำตอบโดยไม่ลงชื่อ ทำให้หม่อมฉันเองก็แปลกใจพะยะค่ะ"
"ไม่ลงชื่อหรือ แปลว่ามีบุคคลนิรนามมาตอบหรือไง"
"พะยะค่ะ สงสัยจะเป็นอย่างงั้น"
"เดี๋ยวก่อน นี่มัน เฮ่อ" พระเจ้าจองโจได้แต่ทรงอึ้งไป
ซอจังบูกับคังซกกีกลับมา พระเจ้าจองโจทรงตรัสถามว่า
"เป็นไงบ้าง"
"ตรวจดูทุกที่ ไม่พบคนน่าสงสัยพะยะค่ะ"
"ถ้างั้น ลองไปถนนยองวาดูมั้ย" เทซูเสนอ
พระ เจ้าจองโจทรงปรามไว้ "ไม่ อย่าเพิ่งไปที่นั่น เราไปแถว คังซกตง ก่อน จากบทความที่บัณฑิตคนหนึ่งเขียนมา พบว่ามีการค้ามนุษย์เนื่องจากติดหนี้ และแหล่งใหญ่อยู่ถนน คังซกตง เขากำลังจะถวายฎีกาอยู่ ถึงจะไม่รู้ที่มาที่ไป แต่เมื่อมีข้อมูลมา เราก็น่าจะไปสืบให้รู้ก่อน"
เมื่อเสด็จไปถึงคังซกกีทูลรายงานว่า
"ถูกแล้วพะยะค่ะ แถวนี้มีโกดังที่น่าสงสัย"
"ฝ่าบาท ถ้าไงเสด็จกลับก่อน ให้พวกเราไปสืบต่อก็ได้"
"ไม่ ไหนๆ มาแล้ว เราก็ไปด้วยกัน"
"แต่ว่าฝ่าบาท"
"อย่าห่วงเลย ข้าไม่ทำอะไรที่เสี่ยงหรอก ยังไงจะรออยู่นี่ พวกเจ้าไปสืบให้รู้ละกัน"
"ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันจะอยู่กับฝ่าบาทด้วย" เทซูเสนอตัว
"ไม่ต้อง คนพวกนั้นอาจจะมีอาวุธ พวกเจ้าไปสามคนจะได้ช่วยกัน ยืนเฉยทำไม นี่เป็นคำสั่ง ไปเร็วเข้า"
"พะยะค่ะ"
000000000000
ระหว่างที่พระเจ้าจองโจทรงรอพวกเทซู ชองยายงก็โผล่มา ทำให้พระเจ้าจองโจทรงซ้อมให้
"เดี๋ยวๆๆ หยุดก่อนๆ ข้าเอง ดูดีๆ สิ"
"อ้าว ทำไมเจ้ามาอยู่แถวนี้"
"ข้าจะถามท่านมากกว่า รู้มั้ยนี่มันที่ไหน"
"ใครน่ะ" เสียงเรียกถามดังเข้ามา
ชองยายงตกใจ "แย่แล้ว พวกมันรู้เข้า"
"มานี่เร็ว" พระเจ้าจองโจทรงพาชองยายงหลบไปได้หวุดหวิด
" เฮ่ย แย่ชะมัด หลงเข้าถ้ำเสือจนได้ เฮ่อ แถมยังซวยซ้ำสอง ถูกขังไว้อีก หึ ถามจริงเถอะ
เมื่อกี้มาต่อยข้าทำไมน่ะ หึ หึ ที่นี่เป็นที่ไหน ท่านเคยรู้หรือเปล่า ทำแบบนี้ ช้าเร็วต้องตายแน่"
"แล้วเจ้าล่ะ มาทำอะไรแถวนี้"
"ข้าถามท่านก่อนนะ"
"นี่ น้องชาย"
" เฮ้ย หึ เจอแล้ว หึๆ เฮอะ เจ้าพวกสารเลว ถึงขนาดรีดไถชาวบ้าน เก็บของพวกนี้ไว้ด้วยหรือ เฮ่ย ไหนอีก อ้อ อยู่นี่เอง อึ๊บ ยืนเฉยทำไม ช่วยข้าหน่อยซี่ แล้วข้าจะพาออกจากที่นี่ เปิดปากถุงเร็ว"
"เจ้าคิดทำอะไรกันแน่ หรือว่า จะผสมให้เป็นดินระเบิด เพื่อพังประตูหรือ"
"ท่านรู้ได้ไง"
"เคยอ่านจากในหนังสือ แป้งธัญพืชบางอย่างใช้แทนดินดำ ใช้ทำระเบิดได้"
"อ้อ ไม่ยักกะรู้ ฉลาดเหมือนกันนี่นะ หึๆ มา เร็วเข้า"
"แล้วนี่ อะไรอีกล่ะ"
"หึ ถ้าออกจากที่นี่ได้ เกิดเจอพวกนักเลงมิแย่หรือ นี่คือของที่เอาไว้สังเกตการณ์ข้างนอก"
"สังเกตการณ์ข้างนอก ทำยังไงน่ะ" พระเจ้าจองโจตรัสถาม
"หึ ไม่มีคน"
"ไหนดูซิ"
"นี่ เอาคืนมาก่อน ดูอะไรนักหนา เอามาเร็ว"
"เดี๋ยวซี่ หึ"
"บอกให้เอาคืนมา"
"เดี๋ยว ขอดูก่อน"
"ไม่ให้ เฮ่ย เฮ่อ"
"ยืมหน่อยน่า" พระเจ้าจองโจตรัสบอกอีก
"หึๆๆ คอยดูนะ เร็ว หาที่หลบก่อน ไปซี่ หนีเร็ว ก่อนที่มันจะระเบิด แหะๆๆ เรียบร้อย เฮ่อๆๆ"
พวกนักเลงได้ยินเสียงก็พากันตกใจและรีบหาต้นเสียง
ทางด้านพระเจ้าจองโจกับชองยายองออกมาได้ก็พากันหอบ
"เจ้าเป็นใคร ทำไมรู้เรื่องแปลกๆ ขอถามชื่อหน่อยได้ไหม" พระเจ้าจองโจตรัสถาม
"แล้วท่านล่ะเป็นใคร"
"ข้าถามเจ้าก่อนนะ"
"หึ อะไรก็ไม่รู้ ข้าถามท่านก่อนต่างหาก"
"นี่เจ้า"
" ช่างเถอะๆ ไม่อยากบอกก็ตามใจ ข้าขอเดาก็ได้ เฮ่ย ดูเหมือนแก้มจะตอบไปหน่อย รูปหน้ายาวไปนิด โหงวเฮ้งเหมือนคนมีบารมี หน้าผากเปิดสูงพอใช้ได้ เดี๋ยวก่อน ท่านเกิดปีอะไร"
"ปียินซิน เดือน 9"
"ยินซิน เดือน 9 หรือ เดี๋ยวขอนับดู เฮ้ย มันเป็นฤกษ์มงคลนี่นา แต่คงไม่ใช่ หน้าตาท่านไม่เหมือนพวกขุนนางซักหน่อย การแต่งเนื้อแต่งตัว ก็ไม่เหมือนเศรษฐีมีกะตังค์ทั้งหลาย เฮ่ย ที่เหลือ ก็ต้องเป็นพระราชาสถานเดียว เฮ่อๆ ข้าน่ะ เกิดมาไม่เคยดูดวงให้ใครพลาด ถ้าท่านเป็นพระราชาจริง ข้าคงจะแย่ เห็นทีว่า จะมีเคราะห์ร้ายมาเยือน เฮ่อๆๆ"
"ใช่ เท่าที่ข้าดู เจ้าเหมือนจะมีเคราะห์จริงๆ"
"หา" ชองยายงตกใจ
"เหมือนอย่างที่พูด ข้าก็คือ พระราชาแห่งโชซอน"
"เอ่อ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ" ชองยายงหัวเราะ
เวลาเดียวกันนี้พวกเทซูกลับมาไม่พบพระเจ้าจองโจก็พากันตกใจและรีบตามหา
จบ 67
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ, ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube
เรื่องย่อละคร ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน สุสานภูเตศวร สาปภูษา มนต์รักข้าวต้มมัด เมียหลวง เพลงรักข้ามภพ มือนาง เทพบุตรนักบาส
Readlakorn
6 comments:
ฮงกุกยอง (홍국영, Hong Guk-Yeong)(พ.ศ. 2291-2324) เดิมเป็นอาลักษณ์ ต่อมาจอง-ฮูกยอม ราชเลขาในสมัยพระเจ้ายองโจ ได้ให้ไปอยู่สภาการปกครอง ต่อมาเมื่อองค์ชายลีซาน ได้ครองราชย์เป็นพระเจ้าจองโจ ก็แต่งตั้งเขาเป็้นราชเลขาและนำน้องสาวของเขาเป็นพระสนม แต่เป็นได้ 2 ปีก็สิ้นพระชนม์
ฮงกุกยอง คิดว่ามเหสีฮโยอึยวางแผนฆ่าน้องสาวตนเอง จึงวางแผนปลงพระชนม์ืแต่ถูกจับได้และเนรเทศไปที่อื่นและเสียชีวิตในเวลาต่อมาขณะอายุเพียง33ปี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
-----------------------------
วันที่ 10 เดือน 4 ปีคยองจา นักโทษได้ก่อคดีอุกอาจ ล่วงเกินเบื้องสูง ลบหลู่เกียรติของราชสำนักอย่างแรง จนยากจะให้อภัยได้ ด้วยเหตุนี้หลังจากพิจารณาแล้ว ข้าจึงเห็นว่า ให้นักโทษ คังจงพิล ชางคยอมโฮ และ คิมกึนซก ถูกปลดจากตำแหน่ง เนรเทศไปเกาะร้าง ที่สำคัญ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นักโทษฮงกุกยอง ให้ถอดจากทุกตำแหน่ง เนรเทศไปอยู่ คังหนึ่ง ซะ"
รู้สึกว่า พระเจ้าจองโจ จะได้บัณฑิตที่ชื่อ ชองยายง มาเป็นที่ปรึกษาคนใหม่ แทน ฮงกุกยอง แล้วนะนี่ ใช่หรือไม่ ต้องรออ่านตอนที่ 68-70
เอ้ แต่เห็นว่าเรื่องนี้มี 70 ตอน แต่ที่อ่านๆมา ซองซองยอน ยังเป็นแค่ซังกุงอยู่เลย ยังไม่มีวี่แวว ว่าจะได้แต่งตั้งเป็นพระสนมเลยอ่ะ
จริงๆแล้วลีซาน มีทั้งหมดกี่ตอนครับ
ขอบคุณมากนะค่ะที่หามาให้อ่าน
สนุกมากค่ะ ต้องขอขอบคุณมากๆเลยที่
นำมาให้อ่านกัน..รอตอนต่อไปอยู่นะคะอิอิ
ขอบคุณมากค่ะ ตามอ่านทุกตอนเลย ^^
ชอบวิธีคิดของตัวละครเร่องนี้มาก ๆ
รู้สึกว่า พระเจ้าจองโจ จะได้บัณฑิตที่ชื่อ ชองยายง มาเป็นที่ปรึกษาคนใหม่ แทน ฮงกุกยอง แล้วนะนี่ ใช่หรือไม่ ต้องรออ่านตอนที่ 68-70
เอ้ แต่เห็นว่าเรื่องนี้มี 70 ตอน แต่ที่อ่านๆมา ซองซองยอน ยังเป็นแค่ซังกุงอยู่เลย ยังไม่มีวี่แวว ว่าจะได้แต่งตั้งเป็นพระสนมเลยอ่ะ
จริงๆแล้วลีซาน มีทั้งหมดกี่ตอนครับ
ถ้าจำไม่ผิด 77 ตอนค่ะ
Post a Comment