ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 56
พระเจ้าจองโจเสด็จมาเห็นฮงกุกยอง คุยกับหมอหลวงก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฮงกุกยองอ้างว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับยาบำรุงที่พระมเหสีโยอึยนำมาให้พระสนม วอนพิน
ฮงกุกยองบอกพระสนมวอนพินว่าหากมีคนรู้เรื่องที่นางตั้งครรภ์ไม่ เป็นความจริง พระสนมวอนพินไม่เพียงจะถูกปลดเป็นสามัญชน ทั้งยังจะนำภัยพิบัติมาสู่วงศ์ตระกูลอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ฮงกุกยองจึงหาทางออกให้วอนพินโดยสร้างสถานการณ์ให้พระสนม วอนพินแท้งลูก
พระหมื่นปีจองซุนเสด็จมาเฝ้าพระเจ้าจองโจ
"พระหมื่นปีเสด็จมานี่ทำไมไม่ทราบ"
" หึ ฝ่าบาทมาแล้วหรือ ข้าอยากรู้ว่าห้องทำงานของฝ่าบาทหน้าตาเป็นไง เลยถือวิสาสะเข้ามาก่อน แต่พอเห็นห้องทำงานนี้แล้ว รู้สึกทั้งตื้นตันและปลื้มใจอย่างมาก ที่น่าตื้นตันนั้น คือฝ่าบาทเจริญรอยตามเสด็จปู่จนน่าชื่นใจ ดวงพระวิญญาณคงจะได้เป็นสุขแน่"
จากนั้นพระหมื่นปีจองซุนก็บอกจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้
"หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง จะให้ขับไล่ไต้เท้าชางกลับไปเมืองชางยอง อย่างงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ"
" ใช่แล้วฝ่าบาท ใต้เท้าชางแทวู จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่ออนาคตของฝ่าบาท ฉะนั้นสิ่งสำคัญตอนนี้ คือกำจัดเขาให้พ้นทางซะ หากทำได้เช่นนี้ ข้าก็จะสามารถดูแลให้เหล่าขุนนางเชื่อฟังและทำงานเพื่อฝ่าบาท เป็นกำลังสำคัญ ในการบริหารราชกิจต่อไป"
"เพื่อเห็นแก่หม่อมฉัน พระหมื่นปีจะคอยคุมไม่ให้พวกเขาแตกแถวงั้นหรือ"
"ถูกแล้วฝ่าบาท เหมือนที่ข้าเคยบอก ขอเพียงสามารถช่วยฝ่าบาทได้ ไม่ว่าอะไรก็ตาม"
" พระหมื่นปี ถ้าอยากช่วยหม่อมฉันจริง ก็เชิญกลับไปดีกว่า สิ่งที่จะทรงทำเพื่อหม่อมฉันและบ้านเมืองได้ ก็คือ ไม่ต้องทรงทำอะไรทั้งสิ้น"
"งั้นก็ได้ ถ้าอย่างงั้น ข้าก็ไม่อยากฝืนใจ เพราะข้าไม่เข้าใจความคิดของฝ่าบาท เป็นห่วงเกินเหตุ จึงมาพูดเรื่องที่ไร้สาระ"
"ฝ่าบาท ใต้เท้าแชมาขอเฝ้าเพคะ"
แชซกจูเข้ามา พระเจ้าจองโจตรัสถาม "มีอะไรหรือท่าน"
"ทูลฝ่าบาท เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ได้ข่าวว่ามินจีซูที่จะมารับการไต่สวน ทำร้ายทหารแล้วหลบหนีไปพ่ะย่ะค่ะ"
"อะไรนะ"
"ตอนนี้ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกส่งตัวมารักษาในวัง ถ้าไง ฝ่าบาททรงไปเยี่ยมพวกเขาหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้น ข้าคงต้องขอตัวก่อน แต่ยังไง ใต้เท้าชางคือขวากหนามสำคัญของฝ่าบาท เรื่องนี้จงอย่าลืมซะล่ะ"
พระเจ้าจองโจเสด็จไปดูพวกทหาร และสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ขณะที่ฮงกุกยองทูลว่า
"อยู่ดีๆ มินจูซีหนีไปได้ ต้องเป็นฝีมือใต้เท้าชางแน่พ่ะย่ะค่ะ"
"อย่าเพิ่งด่วนสรุปอย่างงั้น เขาเป็นคนเถรตรง ไม่ชอบทำอะไรลับหลัง คิดว่าคงไม่ทำเรื่องแบบนี้"
" ต้นไม้ต่อให้ตรงแค่ไหน ย่อมมีกิ่งก้านที่เอนเอียงบ้าง ใครก็ตามเมื่อถึงคราวคับขัน ย่อมจะหาวิธีเอาตัวรอด แม้จะเป็นใต้เท้าชางก็ไม่แตกต่าง ฝ่าบาท ที่เคยรับสั่งให้หม่อมฉันรับผิดชอบคดีนี้ ยังทรงจำได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้ายังจำได้"
"หม่อมฉัน จะจัดการเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ หม่อมฉันจะลงโทษให้หนัก เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูพ่ะย่ะค่ะ"
"ลงโทษให้หนักหรือ ท่านคิดจะทำไงน่ะ" แชจีคยอมถาม
"ยังไงก็ตาม โปรดให้หม่อมฉัน มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อดีกว่า ฝ่าบาท"
"งั้นก็ได้ เห็นท่านอาสาแข็งขัน ข้าจะมอบให้ดูแลละกัน แต่ยังไง ต้องทำงานให้รอบคอบด้วยล่ะ"
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ"
ขุนนางหลายท่านถูกเรียกมาไต่สวนต่างไม่พอใจการกระทำของมินจูซี เทซูรีบมาตามชางแทวูบอกว่าฮงกุกยองกำลังรอเขาอยู่
"อะไรกันนี่ไต้เท้าฮง"
"ท่านโปรดรอซักครู่ ข้าอ่านรายงานใกล้จะจบ เดี๋ยวค่อยคุยกับท่าน"
"รู้มั้ยว่านี่เป็นการเสียมรรยาทแค่ไหน"
"ข้าบอกแล้วว่ากำลังยุ่งอยู่ ท่านจะรอหน่อยไม่ได้หรือไง"
"ถ้าเจ้าไม่คิดลบหลู่ข้าจริงแล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ ทำเหมือนไม่สนใจข้า ยังไม่รีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นมาคำนับข้าอีก"
" ข้าว่าท่านน่ะ คงเข้าใจอะไรผิดซักอย่าง ท่านถูกเชิญมา เพื่อรับการไต่สวนเกี่ยวกับเรื่องคดี จึงไม่มีสิทธิ์มาวางอำนาจหรือตะโกนใส่ข้าแบบนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากถูกคนของข้าจับไปลงโทษ ขอให้ท่านคิดดีๆ แล้วค่อยตอบคำถามข้าจะดีที่สุด"
"หึ เจ้าจะถามอะไร เกี่ยวกับเรื่องใต้เท้ามินจูซีใช่ไหม ข้าขอบอกเลยว่าไม่รู้ไม่เห็น แต่ถ้าไม่เชื่อละก้อ คิดจะไต่สวนข้ายังไง ก็เชิญตามสบายเถอะ แต่ว่าขอให้ปล่อยคนข้างนอกทั้งหมดก่อน เพราะไม่มีเหตุผลที่จะคุมตัวพวกเขาไว้"
"เสียใจด้วยใต้เท้า กว่าจะมีโอกาสเล่นงานพวกเขาให้สาสม เรื่องอะไรยอมปล่อยตัวไปง่ายๆ"
"ใต้เท้าฮง"
" ท่านเห็นแต่ละคนที่ถูกข้าจับมาหรือเปล่า ขุนนางทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนเคยเชื่อฟังท่าน เดินออกจากท้องพระโรง แสดงความกระด้างกระเดื่องต่อฝ่าบาท เพราะฉะนั้น ข้ายังต้องขอบคุณท่านด้วยซ้ำที่ทำให้เรื่องบานปลาย ด้วยบารมีของท่าน ข้าเลยสบช่องได้เล่นงานพวกเขาให้สะใจหน่อย โทษของการขัดรับสั่งพระราชา จะเป็นยังไงนั้น ข้าจะให้พวกเขาได้เห็นอย่างชัดเจน"
"งั้นหรือ แต่ว่า ข้าว่าไม่ใช่ขัดพระบัญชาหรอก แต่จะให้ทุกคนเห็นว่าการเป็นศัตรูกับฮงกุกยอง จะมีผลยังไงมากกว่ามั้ง"
"หึ งั้นก็แล้วแต่ท่านจะคิด แต่ยังไงก็ตาม ข้าจะให้รู้ว่าการขัดพระบัญชา หรือไม่ทำหน้าที่ขุนนางนั้น จะมีผลอันน่าประทับใจยังไง"
ชางแทวูแค้นมาก "เจ้า"
เหล่าขุนนางมาร้องบอกให้พระเจ้าจองโจพิจารณา ทรงย้อนถามว่าจะให้พิจารณาอะไร ชางแทวูจึงทูลว่า
" ฝ่าบาท ขณะนี้ใต้เท้าฮงกำลังใช้มาตรการรุนแรงกับเหล่าขุนนาง โดยเอาเรื่องใต้เท้ามินเป็นข้ออ้าง เพื่อกลั่นแกล้งเหล่าขุนนางชัดๆ พ่ะย่ะค่ะ"
"น่าขำจริงๆ ก่อนหน้านี้จำได้ว่า พวกท่านเรียกร้องให้ข้าจับคนร้ายที่ทำร้ายเหล่าขุนนาง แถมยังว่ายังไงก็ต้องเอาเรื่องให้ได้ ไม่เพียงแค่นี้ พวกท่านยังมากดดันข้าอีกว่า ถ้าสืบไม่ได้ความก็ให้เอาผิดกับฮงกุกยอง แต่พอมาวันนี้ เขาเพิ่งทำงานได้ไม่เท่าไหร่ พวกท่านกลับบอกว่าเกินไปซะแล้ว ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง เราก็จับแพะรับบาปมาแทนไม่ดีกว่าหรอกหรือ เพราะถ้ามีการไต่สวนจริง ก็หาว่าใช้อำนาจเกินไปซะอีก"
"ฝ่าบาท"
" ใครผิดก็ว่าตามผิด ใครไม่ได้ทำก็ไม่ต้องร้อนตัว สิ่งที่ฮงกุกยองกำลังทำอยู่นี้ ไม่ได้เกินขอบเขต แต่เป็นไปตามคำสั่งของข้า ใครที่ไม่ให้ความร่วมมือ ข้าจะถือว่ารู้เห็นกับคนร้าย มีการลงโทษอย่างหนัก จึงขอบอกไว้ล่วงหน้า เข้าใจหรือยัง"
แชซกจูมาถามพระหมื่นปีจองซุนว่าไม่ทรงคิดทำอะไรบ้างหรือ พระหมื่นปีจองซุนตอบว่า
" ปล่อยเขาไปแหละดีแล้ว ปล่อยให้ฮงกุกยองเหิมเกริมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ เพราะวิธีนี้ จะทำให้เขามีช่องทางได้กดดันชางแทวูจนแทบไม่กล้าแผลงฤทธิ์อีก โดยเฉพาะให้เหล่าขุนนางเกลียดชังเขา ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อเรา ไม่ว่าคิดยังไง เราก็มีแต่ได้กับได้สถานเดียว จริงสิ งานที่ข้าสั่งไปถึงไหนแล้ว"
"หม่อมฉันจัดการให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
แช ซกจูไปบอกมินจูซีว่าพระหมื่นปีคือคนที่ช่วยเขาไว้ ขณะที่ชางแทวูไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้เลย และยังบอกให้เขาไปทูลพระนางว่าจะยินยอมเป็นพวกเดียวกับพระนาง
ขณะที่แชจีคยอมก็ถามพระเจ้าจองโจว่า เรื่องของมินจีซู จะให้ฮงกุกยองจัดการจริงหรือ
"ทำไมมาถามข้าแบบนี้"
" เพราะเท่าที่รู้ ดูเหมือนใต้เท้าฮงจะทำอะไรที่เกินเลยมากไป ด้วยเหตุนี้ ให้เขารับผิดชอบคนเดียวดูจะไม่เหมาะนัก ถ้าไง ให้เขามาชี้แจงเรื่องนี้ดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ต้องหรอกท่าน ข้าคิดว่าเรื่องนี้จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขา"
"แต่ว่าฝ่าบาท"
" จนวันนี้ เขายังเป็นขุนนางที่ข้าไว้วางใจที่สุด และคิดว่าอนาคต ความภักดีของเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยน แม้แต่ท่านเอง ก็เคยบอกว่าไม่เคยเห็นคนหนุ่มคนไหนที่ฉลาดเหมือนเขา แถมยังมีความกล้าไม่ใช่หรือ การจะมอบอำนาจให้เขาทำงานบางอย่าง มันคงเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่เมื่อได้อำนาจไป แล้วเขาจะไปใช้กับอะไรบ้าง ก็ปล่อยให้เรียนรู้และรับผิดชอบกันเอง เขาเป็นคนฉลาดก็จริง แต่ไม่แน่อาจตายเพราะความฉลาดก็ได้ใครจะรู้ มันเป็นประสบการณ์ที่ต้องผ่าน แต่ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ข้าก็เชื่อว่าคนๆ นี้ จะได้รับบทเรียนจากการกระทำของเขา ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น"
เหล่าขุน นางเกรงว่าจะโดนข้อหา จึงพากันเอาใจฮงกุกยอง ยิ่งทำให้ฮงกุกยองยิ่งผยอง และบอกกับเหล่าขุนนางว่า เวลาประชุมไม่ควรขัดรับสั่งของพระเจ้าจองโจหรือแสดงความเห็นกันมากนัก
00000000000000000
ใน งานเลี้ยงวันเกิดของพระสนมวอนพิน พระสนมวอนพินสร้างสถานการณ์ว่าแท้งลูก อีกด้านหนึ่งนั้น เมื่อพระพันปีเฮคยองรู้เรื่องนี้ก็เป็นลมหมดสติไป
พระเจ้าจองโจทรงรีบเสด็จมาเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
"เสด็จแม่ทรงเป็นไงบ้างพ่ะย่ะค่ะ"
"ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้นะ มันเกิดขึ้นได้ยังไง อุตส่าห์รอมาตั้งนาน พริบตาก็หมดไปซะอย่างงั้น ฮือ"
"ทั้งหมดนี้ เพราะความไม่ดีของหม่อมฉันเอง ทรงอภัยให้หม่อมฉันเถอะพ่ะยะค่ะ เสด็จแม่" พระพันปีเฮคยองทรงเอาแต่ร้องไห้
พระเจ้าจองโจเสด็จออกมาก็ยังคงพบกับพระมเหสีโยอึย
"ชุงจอน"
"หึ ฝ่าบาท"
"ทำไมยังไม่กลับตำหนักอีก ดึกป่านนี้ยังมาอยู่แถวนี้ล่ะ"
" หม่อมฉัน ไม่อยากกลับไปที่ตำหนักเพคะ วอนพินแท้งลูก เสด็จแม่ก็เสียพระทัยจนหมดสติ หม่อมฉันเป็นคนบาปแท้ๆ จะกลับไปนอนสบายที่ตำหนักได้ยังไง หม่อมฉันทำไม่ได้หรอกเพคะ"
"คนบาปอะไรกัน เหลวไหลนัก ใครบอกให้เจ้าพูดแบบนี้"
" เป็นความจริงเพคะ ทุกอย่างนี้ เพราะความบกพร่องของหม่อมฉันเป็นต้นเหตุ หม่อมฉัน เป็นมเหสีของฝ่าบาท แต่กลับไม่มีทายาทซักคน ตอนนี้ แม้แต่วอนพินก็สูญเสียลูกไป สาเหตุก็เพราะ หม่อมฉันไม่ได้ดูแลนางให้ดีถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ หม่อมฉัน ฮือ ไม่รู้จะไถ่บาป ให้แก่ราชวงศ์ของเรายังไงดีแล้วเพคะ"
"ชุงจอน เจ้าอย่าคิดแบบนี้ได้ไหม ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น มันเป็นชะตาลิขิต สิ่งที่มนุษย์เราไม่อาจฝืนได้ จะถือเป็นความผิดเจ้าคนเดียวได้ยังไง"
"ฮือ ฝ่าบาทเพคะ ฮือ"
พระเจ้าจองโจทรงรู้สึกผิดที่ไม่ดูและพระสนมวอนพิน ถึงกับตรัสขอโทษฮงกุกยอง ยิ่งทำให้ฮงกุกยองรู้สึกผิดในใจอย่างมาก
พระ พันปีเฮคยองจะให้พระเจ้าจองโจไต่สวนเรื่องที่พระสนมวอนพินทรงแท้ง ฮงกุกยองรีบมาคุยกับหมอหลวงที่คิดจะพูดความจริง ฮงกุกยองจึงนำเรื่องที่เขารับสินบนจากร้านขายยาหลายแห่งมาขู่ และสั่งให้หมอหลวงหาสาเหตุการแท้ง
ขณะที่พระหมื่นปีจองซุนก็ทราบจากซัง กุงว่าเห็นฮงกุกยองคุยกับหมอหลวง ทำให้พระนางสงสัย และยิ่งเห็นฮงกุกยองนิ่งเฉย ทั้งที่เขาน่าจะไม่พอใจ จึงให้ซังกุงไปเชิญหมอหลวงมาพบ
เทซูมาพบฮงกุกยองเอาแต่ดื่มเหล้าก็แปลกใจว่าทำไมไม่รีบไปตามจับคนที่ปองร้ายพระสนมวอนพิน
"ข้ารู้สึกว่าตัวเอง เหมือนย่ำอยู่ในโคลนตมซะแล้ว"
"ใต้เท้า"
"เข้าใจหรือเปล่าเทซู ทุกวันนี้ ยิ่งเดินหน้าเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งรู้สึกถลำลึกลงไปทุกที ฮึ่ม"
ด้าน หมอหลวงก็มาทูลพระเจ้าจองโจถึงสาเหตุการแท้ของพระสนมวอนพินว่าน่าจะมาจากยา บางชนิดที่นำมาจากข้างนอก พระเจ้าจองโจตรัสถามว่าใครนำมาถวาย หมอหลวงอ้างว่าพระมเหสีโยอึย พระเจ้าจองโจถึงกับทรงอึ้งไป
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 56ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 57
หมอ หลวงโทษว่าที่พระสนมวอนพินแท้งลูก เนื่องจากยาที่พระมเหสีโยอึยนำมาให้กิน พระเจ้าจองโจไม่อยากจะเชื่อ แต่หมอหลวงก็ยืนยันว่าได้บอกพระมเหสีโยอึยไปแล้ว แต่ยังทรงนำมาให้พระสนมกิน ทำให้พระเจ้าจองโจทรงหนักพระทัยยิ่งนัก
พระ มเหสีโยอึยนำ ชาตังกุย มามอบให้พระสนมวอนพิน เพราะจะช่วยขับเลือดสำหรับคนแท้ง แต่พระสนมวอนพินสั่งให้เผาทิ้ง พระพันปีเฮคยองมาเห็นเข้าพอดี
พระเจ้าจองโจทรงมาหาพระมเหสโยอึยที่ ตำหนัก แต่พระนางทรงเข้าไปดูที่ห้องเครื่องเพื่อหายามาบำรุงให้พระสนมวอนพิน พระเจ้าจองโจเสด็จมาเห็นกลับเข้าพระทัยผิด แต่ก็ไม่ทรงว่าอะไร ตรัสถามว่า
"เรื่องอาหารมีห้องเครื่องคอยดูแลอยู่แล้ว ทำไมเจ้าต้องไปสั่งด้วยตัวเองอีก"
" หม่อมฉันได้ยินว่า คนที่แท้งลูกก็เหมือนผ่านการคลอดมา ต้องคอยประคบประหงมเป็นพิเศษ หม่อมฉัน ในฐานะพระมเหสี แม้จะไม่สามารถมีลูกเอง แต่ก็อยากดูแลวอนพินที่เพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา และถือเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันด้วยเพคะ ตอนนี้คนที่เสียใจกว่าใคร ก็คือนางไม่ใช่หรือเพคะ ขอเพียงสามารถ ช่วยให้นางมีกำลังใจดีขึ้นเรื่อยๆ หม่อมฉันก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพคะ แต่ว่าฝ่าบาท เสด็จมาหาหม่อมฉันเพราะมีอะไรจะรับสั่งหรือเปล่าเพคะ ถ้ามีก็เชิญรับสั่งได้ หึ ฝ่าบาท"
"ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้คิดว่าไม่จำเป็นต้องถามเจ้าอีกแล้ว"
"อะไรนะเพคะ"
"ข้ารู้สึกละอายต่อเจ้ามากกว่า ที่หูเบาหลงเชื่อคนอื่นง่าย ๆ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเจ้าเป็นคนยังไง"
"เอ่อ ฝ่าบาท หลงเชื่อยังไงหรือเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่งเลย"
พระเจ้าจองโจเสด็จกลับตำหนัก พระพันปีเฮคยองก็มาเฝ้า
" แม่เพิ่งกลับจากไปเยี่ยมวอนพินมา แต่ว่าจู่ๆ ก็ได้ยินเรื่องเหลือเชื่ออย่างหนึ่ง นางบอกว่าที่ต้องสูญเสียลูกไป เพราะยาที่ชุงจอนนำไปมอบให้กิน และหมอหลวงก็ได้รายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าแล้วเป็นความจริงหรือเปล่า"
"เสด็จแม่"
" เฮ่อ บอกแม่หน่อยเถอะฝ่าบาท ว่ามันจริงหรือไม่จริง หมอหลวงก็มาบอกเจ้าตามนี้ใช่ไหม แสดงว่าสิ่งที่แม่รู้จากวอนพินเป็นเรื่องจริงล่ะสิ"
"เสด็จแม่สงบสติก่อน หม่อมฉันกำลังให้คนไต่สวนเรื่องนี้อยู่"
"ไต่สวนเรื่องนี้ยังไง หมายความว่า เจ้าก็เชื่อว่าเป็นความจริงหรือ"
"เสด็จแม่ หม่อมฉันจะเชื่ออย่างงั้นได้ยังไง ต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ นิสัยชุงจอนเป็นคนยังไง เสด็จแม่ก็ทรงทราบดีไม่ใช่หรือ"
"หึ ใช่ แม่ย่อมรู้นิสัยชุงจอนดี คงไม่หรอก แม่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นนาง"
"เสด็จแม่"
" แต่ว่า ตอนนี้แม่สับสนไปหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงอย่างที่รู้มา แล้วมันแปลว่าอะไร แสดงว่า ทั้งวอนพินและหมอหลวง ร่วมกันโกหกเรางั้นหรือ เฮ่อ โอย เฮ่อ หึ"
พระพันปีเฮคยองทรงเชิญพระมเหสีโยอึยมาพบ
"อะไรกันเพคะเสด็จแม่ หม่อมฉันจะส่งยาที่เป็นผลร้ายต่อวอนพินได้ยังไง นี่เป็นเรื่องเหลวไหลนะเพคะ"
" ข้ายังไม่ได้สรุปว่าเป็นฝีมือเจ้าซักหน่อย และไม่อยากเชื่อด้วยว่าเจ้าจะกล้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้จริงๆ แต่ในเมื่อหมอหลวงรายงานมาอย่างงั้น เราจะทำนิ่งเฉยก็ไม่ถูก ฉะนั้นข้าจึงบอกให้รู้ก่อน ว่าจะมีการตรวจสอบยาที่เจ้าส่งไปให้วอนพิน"
"เสด็จแม่เพคะ"
" ป่านนี้คิดว่าสำนักหมอหลวง คงเริ่มตรวจสอบยาที่เจ้านำไปมอบให้วอนพินเมื่อหลายวันก่อน ฉะนั้นรออีกไม่นาน ใครผิดใครถูกก็จะได้รู้แน่ชัดกันไป"
หมอหลวงร้อนรนกลัวความผิดจึงไปพบฮงกุกยอง ขณะที่เขาไล่หมอหลวงไปนั้น เผอิญพระเจ้าจองโจเสด็จมาเห็นเสียก่อน
"ทำไมให้หมอหลวงมาพบท่านที่นี่ บอกมาเร็ว เพราะอะไรถึงให้หมอหลวงมาพบเป็นการส่วนตัว"
"ฝ่าบาท นั่นเป็นเพราะ เอ่อ" ฮงกุกยองอึกอัก
" เพื่อจะถามเรื่องพระมเหสีใช่ไหม มีข่าวว่าที่สนมวอนพินแท้งลูก สาเหตุเกิดจากยาที่พระมเหสีนำไปมอบให้ ท่านคงรู้แล้วสิ ด้วยเหตุนี้ เลยอยากรู้ข้อมูลจากหมอหลวงให้แน่ชัดอีกที"
"เอ่อ ฝ่าบาท"
"ท่านมี ความเห็นยังไงบ้าง หรือท่านก็คิดว่า พระมเหสีกล้าทำเรื่องแบบนี้จริงๆ ข้าอยากฟังความเห็นจากท่าน อยากรู้ว่า ท่านมองเรื่องนี้ยังไงบ้าง"
"เอ่อ พระอาญาไม่พ้นเกล้า หม่อมฉัน คิดว่าก่อนที่เรื่องนี้จะเผยความจริง ยังไม่สะดวกที่จะทูลพ่ะย่ะค่ะ"
" งั้นหรือ ข้าเพิ่งรู้ว่าท่านมีความคิดแบบนี้ แต่ข้าเชื่อชุงจอนมากกว่า ข้าเชื่อว่า นางไม่ใช่คนที่จิตใจโหดร้ายอย่างงั้น ฉะนั้น จึงไม่อยากให้ท่านหวั่นไหวไปกับคำครหา"
"แต่ว่าฝ่าบาท"
"ข้ารู้ว่า มันยาก แต่ขอให้เชื่อข้าได้ไหม ถ้าเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบจริง ข้าจะสืบให้รู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร แต่ก่อนหน้านั้น ขอให้เชื่อในสิ่งที่ข้าดำเนินการ ท่านจะทำได้หรือเปล่า"
พระหมื่นปีจองซุนทรงทราบเรื่องก็เรียกแชซกจูมาพบ และให้ตามหมอหลวงมาสอบถาม
ด้าน เทซูก็ทูลพระเจ้าจองโจเรื่องที่ฮงกุกยองให้เขาสะกดรอยตามท่านหมอใหญ่ พระเจ้าจองโจยิ่งมั่นใจว่ามีคนปองร้ายพระมเหสีโยอึย จึงสั่งให้เทซูสะกดรอยตามหมอใหญ่ไป
พวกเทซูสะกดรอยไปถึงหอนางโลม ถูกคนของฮงกุกยองที่ส่งมารับหมอใหญ่ทำร้ายซอจังบูอาการสาหัส พระเจ้าจองโจทรงทราบก็รีบเสด็จมาเยี่ยม ฮงกุกยองเองก็รีบมา พระเจ้าจองโจทรงตรัสว่า พระองค์ยิ่งมั่นใจว่ามีคนปองร้ายพระมเหสี ฮงกุกยองถึงกับอึ้งไป
ซองซงยอนมาพบชางฮงพุกกำลังเก็บของจะออกจากเมืองหลวง เธอขอตามไปด้วย ชางฮงพุกเองก็พยายามจะหนี
"ใต้เท้า จะไปไหนคะ" ชางฮงพุกตกใจ
"เฮ่ย เปล่าหรอก เดินเล่นจนพอแล้ว ข้าจะกลับบ้านได้หรือเปล่า แหะ"
"ถ้าอย่างงั้น เอานี่ไปด้วยละกัน"
"เดี๋ยวก่อน เอาอะไรมาให้ข้า"
"สิ่งที่ขาดไม่ได้เวลาหลบหนี ก็ท่านกำลังจะไปจากเมืองหลวงไม่ใช่หรือ"
"ว้าย นี่ เจ้า รู้ได้ไงน่ะ"
"ท่าน ทำไมชอบตกใจเรื่อยเลย"
"ก็ ตอนเด็กถูกผีหลอกบ่อย เลยกลายเป็นคนใจเสาะ แหะๆ รู้ทันซะหมด เฮ่ย เรื่องที่ข้าจะหนี เจ้ารู้นานแล้วเรอะ"
"ค่ะ รู้นานแล้ว เพราะสีหน้าท่านฟ้องว่า อยากไปจากที่นี่เต็มทน หึๆๆ"
"หึ ใช่ ข้าตั้งใจว่าจะไปเงียบๆ"
"ขอบคุณท่านมากนะคะ ที่ให้ข้าได้เรียนรู้จากท่านหลายอย่าง นอกจากการเขียนรูปแล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย"
"เจ้าเรียนรู้จากข้า จริงหรือเปล่า"
"จริงค่ะ หึๆ"
"หึ รู้แล้วทำไมยังอยู่ที่นี่ อย่าคิดมากอีกเลย ตัดทุกอย่างให้ขาดซะ แล้วไปตามหาดวงใจของเจ้า"
"หึ ข้าทำอย่างงั้นไม่ได้ค่ะ เพราะมันสายเกินไป แล้วข้าก็ มาไกลเกินว่าจะหันหลังกลับ"
" เพราะมัวแต่คิดว่าทุกอย่างสายเกิน เจ้าเลยยิ่งเดินไกล นี่ ข้ามีของจะให้เจ้าดู เดี๋ยวนะ แหะๆๆ นี่ก็คือ เมียของข้า ส่วนที่อยู่ข้างๆ คือลูกสาววัยเดียวกับเจ้าและน่ารักพอกัน เห็นพวกนางหรือเปล่า เฮ่อๆๆ เฮ่ย เพราะหลงใหลการเขียนรูป ออกจากบ้านสิบกว่าปี วันหนึ่งพอกลับไปอีกครั้ง พวกนางก็ตายเพราะโรคระบาดหมด"
"เอ่อ ใต้เท้า"
"ข้าเคยคิดจะวาดใบ หน้าของลูกเมีย เพื่อเก็บเป็นที่ระลึก พระพักตร์ของพระราชา ข้าหลับตายังวาดได้โดยไม่ต้องคิดอะไร แต่กับลูกเมีย พอคิดจะวาด กลับนึกหน้าตาไม่ออกซะอย่างงั้น ทุกวันนี้ เจ้าอาจไม่เข้าใจว่า การได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก ทะนุถนอมอีกฝ่าย ตื่นมาก็มีรอยยิ้มให้ นั่นเป็นความสุขแค่ไหน พรสวรรค์กับศิลปะไม่มีความหมายหรอก"
"หึ ค่ะใต้เท้า"
"เฮ่อๆๆ ดูซิ เป็นไง ลูกสาวข้าสวยจริงมั้ย หือ เฮ่อๆๆ"
"ค่ะ"
"นี่ เมียข้าต้องวาดให้ใหญ่หน่อย ส่วนลูกสาวตัวเล็กๆ อยู่ข้างๆ เลยวาดให้เล็กลง เห็นมั้ย หือ ยังไงก็สวยล่ะ จริงหรือเปล่า เฮ่อๆๆ"
นัม ซาโชเข้ามาทูลรายงานว่าพระพันปีเฮคยองสั่งให้ซังกุงตรวจการณ์ไปบ้านเดิมของ พระมเหสีโยอึย เพื่อจับกุมคนที่จัดยา พระเจ้าจองโจทรงเสด็จไปเฝ้าพระพันปีเฮคยองทันที
"ใช่แล้วฝ่าบาท คนที่ซังกุงตรวจการณ์จับกลับมา ล้วนเป็นคำสั่งของแม่เอง"
"เสด็จแม่"
" เพราะเรื่องการแท้งของวอนพิน กลายเป็นข่าวลือที่พูดกันไปต่างๆ นานา และไม่แค่วอนพินคนเดียว แม้แต่ชุงจอนก็กลายเป็นที่ครหาของคนอื่น"
"แต่ว่าเสด็จแม่ เรื่องนี้หม่อมฉันทูลแล้วว่าจะไต่สวนเอง เพราะเกี่ยวถึงความเชื่อมั่น"
" ไม่ถูกนะฝ่าบาท แม่ไม่เห็นด้วยอย่างงั้น เรื่องนี้ ควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายในมากกว่า ปกติการตั้งครรภ์ของสนมทุกคน ล้วนอยู่ใต้การดูแลของฝ่ายในทั้งสิ้นไม่ใช่หรือ โดยเฉพาะหมอหลวงบอกว่า ได้ตรวจพบยาที่ชุงจอนส่งไปมี "แพ่กจู" ผสมอยู่จริง แล้วเจ้ายังถ่วงเวลาไว้ ไม่กลัวว่าจะทำให้ผู้คนเสื่อมศรัทธาต่อราชสำนักหรือ"
"เสด็จแม่"
" ต่อให้เห็นแก่ชุงจอน เราก็ต้องทำให้เรื่องนี้มีความกระจ่างอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเจ้าเป็นห่วงนางจริงก็อย่าทำให้เรื่องบานปลาย และไม่ต้องก้าวก่ายในสิ่งที่แม่ทำ มีแต่วิธีนี้ถึงจะนับว่าเห็นแก่ส่วนรวมจริงๆ"
พระเจ้าจองโจรับฟังและถอนพระทัย
0000000000000000
พระเจ้าจองโจทรงไม่มีกระจิตกระใจจะประชุม จึงสั่งให้งด พระมเหสีโยอึยเสด็จมาพอดี
"ไม่ได้นะเพคะฝ่าบาท"
"ชุงจอน"
"ฝ่าบาทต้องเสด็จไปทรงงานก่อน ส่วนท่าน ไปบอกให้พวกเขารอซักครู่"
"ชุงจอน"
"ทรงอภัยด้วยเพคะ ฮือ เพราะความไม่ดีของหม่อมฉัน ทำให้ฝ่าบาททรงกังวลจนเสียงาน"
"อย่าพูดแบบนี้ได้ไหม ข้ารู้ว่าเจ้าบริสุทธิ์ แล้วทำไมยังว่าตัวเองไม่ดีอีก"
"หึ ฝ่าบาท ถ้ายังไงให้หม่อมฉัน ทูลเรื่องบางอย่างจะได้ไหมเพคะ"
"มีอะไรก็พูดมาได้"
"ถ้าฝ่าบาททรงเชื่อว่า หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์จริง งั้นเรื่องนี้ ก็ทำตามรับสั่งของเสด็จแม่ ปล่อยให้ฝ่ายในไปสืบเอง"
"ชุงจอน"
" หม่อมฉัน ได้ยินว่าฝ่าบาททรงเป็นห่วงเรื่องนี้ จนละเลยราชกิจแม้แต่การประชุมก็ให้งด ฉะนั้น ทรงให้ฝ่ายในสะสางจะดีกว่า ส่วนฝ่าบาทก็ทรงงาน"
"ทำยังงั้นไม่ได้หรอก เมื่อข้ารู้ว่าเจ้ากำลังลำบาก จะทำเป็นไม่สนใจ เอาแต่ทำงานได้ยังไง"
" ไม่เพคะ ฝ่าบาทต้องทำอย่างงั้น เพราะนี่คือ หน้าที่ที่พระราชาต้องทรงทำให้ได้ ส่วนหม่อมฉัน แค่รู้ว่าฝ่าบาททรงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ ก็ดีใจมากแล้วเพคะ สิ่งที่หม่อมฉันหวังจะได้ก็คือน้ำพระทัยจากฝ่าบาทเท่านั้น"
"ชุงจอน"
" เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ให้ฝ่ายในจัดการต่อ ส่วนฝ่าบาทก็ดูแลราชกิจเหมือนเดิม ฮือ นี่คือสิ่งที่หม่อมฉันจะทูลขอ ฮือ โปรดอย่าให้หม่อมฉัน ทำให้ฝ่าบาทและราชสำนัก เสื่อมเสียมากกว่านี้อีกเลยเพคะ ฮือ"
ชางแทวูเผชิญหน้ากับฮงกุกยอง เขากล่าวว่า
"เจ้าจะใช้อำนาจที่มีปองร้ายถึงพระมเหสีเชียวหรือ"
"ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด"
" ได้ยินว่าพระมเหสีทรงประทานยาที่เป็นอันตรายต่อพระสนมวอนพินให้เสวย ถ้าหากว่า เรื่องนี้เป็นไปอย่างที่คิด อีกหน่อยคงได้ส่งน้องสาวไปถึงตำแหน่งพระมเหสีด้วยกระมัง"
"พูดจาระวังปากหน่อยนะ นี่เป็นการกล่าวหาข้ารู้ตัวหรือเปล่า"
"กล่าวหาอะไรกัน พูดความจริงหน่อยก็ไม่ได้ ด้วยอิทธิพลของเจ้าในตอนนี้ สามารถทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว"
"ใต้เท้า"
" หึ รู้มั้ยว่าทำไมคนเราพอมีอำนาจก็จะเปลี่ยนไป นั่นเป็นเพราะว่า อยากได้อะไรก็สามารถกรุยทางได้อย่างราบรื่นเหมือนแก้วสารพัดนึก สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นเพราะอำนาจบันดาลให้เป็นไป และมันก็ไม่เคยทำให้ใครเป็นวีรบุรุษ ทุกคนที่ได้ครอบครองเจ้าสิ่งประหลาดนี่ เขาจะเปลี่ยนไปทันที ข้าแทบจะมองเห็นอนาคตเจ้าว่าจะไปทางไหนซะแล้ว ต่อให้ดิ้นรนแค่ไหนก็ตาม เจ้าก็ต้องสยบให้กับคำว่าอำนาจและท้ายสุด จะมีจุดจบไม่ต่างกับคนอื่น เหลือแต่ชื่อให้คนประณาม"
ฮงกุกยองกล่าวอะไรไม่ออก ได้แต่แค้นในใจ
ด้านแชซกจูก็ถามมินจูซีว่า
"ฮึ่ม หึ คิดดีแล้วหรือยัง ตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม"
" ตัดสินใจอะไรครับ ไหนๆ ไม่พ้นต้องถูกฮงกุกยองจับไปทรมานอยู่แล้ว ยังมีทางเลือกไหนเหมาะกับคนอย่างข้าอีก แต่ท่านต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่งก่อน ถ้ามีโอกาสเหมาะ ข้าจะได้กลับไปเป็นขุนนางอีกครั้งจริงหรือเปล่า"
"ได้หรือไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับผลงานของเจ้า หึ เอานี่ไปดูซะ"
"นี่คืออะไรหรือครับ"
"งานที่พระหมื่นปีสั่งให้เจ้าทำ"
ขณะที่ซองซงยอนก็มาพบปาร์คยองมุน เพื่อบอกข่าวชางฮงพุก
"อ้อ งั้นหรอกหรือ ข้ายังนึกว่าใต้เท้าชางยงจะปักหลักอยู่เมืองหลวงซะอีก แล้วยังไง เขาไม่ได้บอกว่าจะไปไหนหรือ"
"ค่ะใต้เท้า"
"อึม งั้นก็ช่างเถอะ จริงสิ ฉางบังลมที่เขียนให้พระสนมไปถึงไหนแล้ว"
"อยู่ในช่วงเก็บงาน ไม่นานคงส่งได้ค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้น เจ้าไม่ต้องรีบมากก็ได้"
"คะ?"
"เรื่องของพระสนม ทำให้พระมเหสีถูกต้องสงสัยไปด้วย ผู้ใหญ่จึงสั่งว่าอย่าเพิ่งทำอะไร ให้รอดูสถานการณ์ไปซักพัก หึ"
ซองซงยอนออกมาก็พบกับโชบี
"พี่โชบี จริงสิ ท่านรู้ข่าวเกี่ยวกับพระมเหสีบ้างมั้ย เห็นว่าทรงมีปัญหาเพราะเรื่องพระสนมด้วยหรือ"
"เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ใครๆ บอกว่าที่พระสนมทรงแท้ง เพราะเสวยยาที่พระมเหสีนำไปประทานให้ และบอกว่าพระสนมไม่เคยเสวยยาอื่นเลย"
"อะไรนะ" ซองซงยอนตกใจ
" แต่เจ้าว่าน่าแปลกหรือเปล่า วันก่อนที่เราไปเขียนรูปในวัง จำได้ว่า พระสนมมีการเสวยยาอื่นชัดๆ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับพระมเหสีด้วย จำไม่ได้แล้วหรือ ล่าสุดที่เราไปไง เห็นบอกว่า ส่งมาจากพี่ชาย แล้วพระสนมก็รีบไปเสวยน่ะ"
ซองซงยอนรีบไปขอเข้าเฝ้าพระมเหสีโยอึย ตอนแรงซังกุงจะไม่ยอมให้เข้า คิมซังกุงออกมาพบพอดี
"ทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ มีธุระอะไร มานี่ทำไม" คิมซังกุงถาม
"ข้ามีเรื่องสำคัญจะมาทูลพระมเหสี เกี่ยวกับเรื่องยาของสนมวอนพินน่ะค่ะ หึ"
"ผู้หญิงคนนี้ เป็นช่างเขียนที่พระมเหสีโปรดปราน จะมาถวายรายงานเรื่องรูปภาพ พวกเจ้าหลีกไป"
ซังกุงจะไม่ยอม แต่คิมซังกุงปรามและพาซองซงยอนเข้าเฝ้าพระมเหสีโยนอึย
"อะไรนะ จริงหรือนี่ เจ้าบอกว่าวอนพินกินยาของที่อื่นด้วยหรือ"
"เพคะ หม่อมฉันได้ยินมาเช่นนั้น"
พระมเหสีโยอึยทรงตกพระทัยและทรงหอบ "หา"
"พระมเหสี คิดแล้วน่าแปลกนะเพคะ พระสนมเสวยยาจากที่อื่น แล้วทำไมไม่บอกใคร กลับพูดแต่ยาที่พระมเหสีทรงประทานล่ะเพคะ"
"หึ แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง พูดมาให้ละเอียดซิว่าเจ้าฟังเรื่องนี้มาจากไหน"
" หลายวันก่อน หม่อมฉันไปเขียนรูปที่ตำหนักพระสนม แล้วพระสนมก็เสด็จมาทอดพระเนตร ไม่ทันไรก็ได้ยินนางในคนหนึ่งทูลให้ไปเสวยยา ที่ใต้เท้าฮงส่งมา เป็นยาอิโมโชน่ะเพคะ"
"เดี๋ยวก่อน เจ้าบอกว่าไงนะ ยาอิโมโชน่ะหรือ"
"เพคะพระมเหสี หม่อมฉันได้ยินว่าอย่างงั้น"
"หา หึ ยาอิโมโช เป็นไปได้ไง หึ เจ้าบอกว่าใต้เท้าฮง ส่งยาตัวนี้ให้วอนพินทั้งที่นางกำลังตั้งครรภ์อยู่หรือ"
"เพคะพระมเหสี"
พระมเหสีโยอึยเสด็จไปหาพระสนมวอนพิน แชซังกุงจะอ้าง แต่พระมเหสีโยอึยทรงต้องการพบให้ได้
"เอ่อ ทรงอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉันสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่อาจถวายการต้อนรับได้"
"ไม่เป็นไร"
"โปรดทรงอภัยเถอะเพคะ ถ้าไม่มีเรื่องด่วนจริงๆ วันหลังค่อยเสด็จมาจะได้ไหมเพคะ"
"ทำไม อยู่ต่อหน้าข้า ทำให้เจ้าอึดอัดหรือไง"
"หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่าใช่เพคะ เพราะยาที่พระมเหสีทรงประทาน ทำให้หม่อมฉันต้องสูญเสียลูก แล้วจะให้หม่อมฉันทำใจ"
"งั้นหรือ เจ้าบอกว่าที่เสียลูกไป เพราะยาที่ข้าส่งมาจริงหรือ"
"พระมเหสี"
"แสดงว่าที่แล้วมา ข้าเข้าใจผิดหมด จริงๆ แล้ว เจ้าไม่เคยสูญเสียลูกเหมือนที่เที่ยวบอกใครต่อใคร"
"หา พระมเหสี รับสั่งแบบนี้หมายความว่าไงเพคะ ทำไมหม่อมฉันจะไม่เคยเสียลูก"
"ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าก็กินยา "อิโมโช" ด้วย"
พระสนมวอนพินอึ้ง "หา เอ่อ"
" แค่นี้ทำไมต้องตกใจ ยาชนิดนี้ ว่าไปข้าก็รู้จักดีกว่าใคร เพราะสิบกว่าปีที่ผ่าน ข้าต้องกินทุกวัน แค่ได้กลิ่นโชยมาก็รู้ว่าเป็นยาชนิดนี้แล้ว รู้มั้ยว่าทำไมข้าต้องกินยาอิโมโชเป็นประจำ เหตุผลก็เหมือนกับเจ้า กินเพื่อว่า ให้ตัวเองได้ตั้งครรภ์เร็วๆ ฉะนั้น เชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้สรรพคุณอีกอย่าง คือยานี่มีประโยชน์ต่อการตั้งครรภ์ก็จริง แต่ถ้าใครตั้งครรภ์สำเร็จ มันจะส่งผลต่อเด็กในครรภ์ จึงห้ามดื่มต่อเป็นอันขาด"
"เอ่อ พระมเหสี"
" นี่เป็นความรู้ทั่วไปที่ผู้หญิงทุกคนต้องรู้ แล้วเจ้าจะไม่รู้ได้ไง อีกอย่าง ถ้ามีหมอจัดส่งมาให้ เขาก็ยิ่งต้องมีความรู้ในส่วนนี้เป็นพิเศษ ที่น่าแปลกใจก็คือ ก่อนหน้าวันที่เจ้าจะแท้งลูก ยังต้องรีบไปกินยาอิโมโชที่ทางบ้านส่งมาให้ ซึ่งจะทำอย่างงั้นเพื่ออะไรอีก ถ้าไม่ใช่เพราะว่า เจ้าไม่ได้ตั้งครรภ์มาแต่แรกแต่จะเร่งให้มี"
"หา หึ"
"หลายวันก่อนเจ้าโกรธที่ข้าเอายามาพิสูจน์การตั้งครรภ์ก็เพราะเหตุนี้ด้วยใช่ไหม"
"เอ่อ พระมเหสี ไม่ใช่นะเพคะ ใครว่าหม่อมฉันไม่ได้ตั้งครรภ์ นี่เป็นเรื่องเหลวไหลมาใส่ความหม่อมฉันชัดๆ"
"ถ้าอย่างงั้น ไปตรวจชีพจรก็จะรู้"
"หา"
" ก่อนมานี่ ข้าได้ถามหมอหญิงคนหนึ่ง ถ้าวันนั้นเจ้าเสียเลือดไปมากจริง ตรวจชีพจรเดี๋ยวเดียวก็สามารถรู้ได้ คนที่แท้งลูกและมีการเสียเลือด ภายใน 30 วัน สามารถตรวจชีพจรได้ว่าร่างกายอ่อนแอแค่ไหน เป็นไง ตอนนี้เจ้าคิดว่าจะทำไงต่อดี ให้ข้าตามหมอหญิงมาตรวจชีพจรให้เห็นดำเห็นแดงกันไปข้างหนึ่ง หรือว่า เจ้าจะทูลฝ่าบาทเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ทรงทราบก็ตามแต่ใจ"
พระมเหสีโยอึยเสด็จกลับทันที พระสนมวอนพินสั่งให้แชซังกุงตามฮงกุกยองด่วน เผอิญเวลานั้นฮงกุกยองไปพบพระหมื่นปีจองซุน
"รับสั่งให้หาหรือพ่ะย่ะค่ะ"
" ทำไมหน้าตาเคร่งเครียด เหมือนมีความในใจอย่างงั้นล่ะ เห็นเจ้าหน้าตาซีดเซียว ข้าก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ ดื่มเร็วเข้า นี่คือน้ำชาที่จะปลอบใจเจ้า"
"พระหมื่นปี ขอทรงอภัย ถ้าจะรับสั่งอะไรละก้อ"
"ข้าจะบอกว่าเจ้า ทำสิ่งที่โง่เขลาอย่างมาก นึกหรือว่า แค่นี้จะปกปิดการตั้งครรภ์เทียมของสนมวอนพินได้น่ะ"
"พระหมื่นปี"
" ข้าให้หมอคนหนึ่งช่วยสืบเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ เจ้าให้ร้านขายยาร้านหนึ่ง ส่งยาอิโมโชไปที่ตำหนักสนมวอนพินเป็นประจำ และมีข่าวว่า เจ้าของร้านขายยานี่ เพราะได้รู้จักใต้เท้าฮงผู้ทรงอิทธิพล จนทุกวันนี้ ไม่ว่าไปไหนก็เที่ยวคุยอวดชาวบ้านไปทั่ว น่าจะรู้บ้างว่า เดี๋ยวนี้เจ้าเป็นคนดังที่ใครๆ ก็รู้จัก ถ้าระวังตัวหน่อย คงไม่สะเพร่าช่วยน้องสาวด้วยวิธีนี้ ลองคิดดู ถ้าเรื่องนี้ไปถึงพระเนตรกระกรรณ ผลจะออกมาเป็นยังไง"
"แล้วนี่แปลว่าอะไร พระหมื่นปีจะทรงขู่หม่อมฉันงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ"
" หึๆ ขู่อะไรกัน พูดเป็นเล่นน่ะ ทำไมข้าต้องขู่คนอย่างเจ้าด้วย ข้าเคยบอกแล้วว่า นับแต่นี้จะช่วยฝ่าบาททำงาน และสำหรับฝ่าบาทแล้ว ยิ่งต้องการขุนนางที่ภักดีแถมยังปราดเปรื่องอย่างเจ้าคอยถวายงาน เพราะฉะนั้น ถ้าข้าจะช่วยฝ่าบาทจริง ควรเริ่มต้นยังไง ก่อนอื่น ก็คือช่วยเจ้าก่อนไม่ใช่หรือ"
ฮงกุกยองออกมาแชซังกุงก็มาตามไปพบพระสนมวอนพิน พอทราบว่าพระมเหสีโยอึยทรงทราบความจริงแล้วก็รีบไปขอเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 57ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 58
" ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม มานั่งใกล้ๆ สิ มาก็ดีแล้ว ข้ากับชุงจอนกำลังคุยถึงเรื่องท่านอยู่พอดี ไม่นึกว่าจู่ๆ ท่านจะเข้ามา" พระเจ้าจองโจตรัส
พระมเหสีโยอึยตรัสต่อว่า "ข้าอยากรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับใต้เท้าฮง จึงมาเข้าเฝ้าทูลถามฝ่าบาท ทำไมทำหน้าแปลกๆ ล่ะ ข้าทูลถามฝ่าบาทเกี่ยวกับเรื่องของท่าน ทำให้ไม่พอใจหรือไง"
"เอ่อ มิได้พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี หม่อมฉันเพียงแต่"
"ดึกป่านนี้ยังมาขอเข้าเฝ้า แสดงว่าใต้เท้าฮง คงมีเรื่องสำคัญจะทูลฝ่าบาท ถ้าไงหม่อมฉันขอทูลลาก่อนนะเพคะ"
"จะไปแล้วหรือ"
"เพคะ" พระมเหสีโยอึยออกมาและกระซิบบอกกับฮงกุกยองว่า
"ฝ่าบาทรับสั่งว่า ทรงมีความไว้วางพระทัยต่อท่านมาก ข้าเลยหวังว่าใต้เท้าฮง จะมีความจงรักภักดีสมกับความเชื่อมั่นของฝ่าบาทล่ะ"
ฮงกุกยองเข้าเฝ้า พระเจ้าจองโจตรัสถามว่า
"ไหนลองว่ามาซิ มาพบข้ามีเรื่องอะไร"
" ฝ่าบาท ก่อนที่หม่อมฉันจะทูล ทรงอนุญาต ให้ถามเรื่องหนึ่งก่อนได้ไหม พระมเหสีตรัสว่า ทรงมาถามเกี่ยวกับเรื่องของหม่อมฉัน นั่นคือ อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"อยากรู้เรื่องนี้หรอกหรือ คิดดูก็น่าแปลก จู่ๆ นางก็มาซะดึก ถามข้าว่าท่านเป็นคนยังไง ส่วนท่านก็อยากรู้ว่า นางมาถามอะไรข้าบ้าง นางก็ถามเรื่องทั่วๆ ไป เกี่ยวกับด้านนิสัยใจคอ ถามว่าข้าเห็นท่านเป็นคนยังไง ไว้วางใจมากน้อยแค่ไหน"
"เอ่อ หม่อมฉันขอบังอาจทูลถามว่า คำตอบของฝ่าบาทมีอะไรบ้าง เพราะหม่อมฉันอยากรู้ว่า ทรงตอบพระมเหสียังไงน่ะพ่ะย่ะค่ะ"
" ข้าหรือ ก็ตอบว่าเชื่อท่าน เหมือนที่เชื่อใจตัวเอง ถึงท่านจะวู่วามไปบ้าง ชอบทำอะไรผิดพลาดเรื่อย แต่ความภักดีที่มีต่อข้า เชื่อว่าไม่เคยเปลี่ยน ทุกย่างก้าวที่ข้าเดิน มีแรงกายแรงใจของท่านรวมอยู่ด้วยตลอด"
"หึ ฝ่าบาท" ฮงกุกยองอึ้งไป
" ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีข้าในวันนี้ อุดมการณ์ที่ข้าคิดไว้ หากไม่มีท่าน คงไม่ได้เห็นผลอย่างรวดเร็ว เป็นไงล่ะ คำตอบแบบนี้ ทำให้ท่านพอใจหรือเปล่า"
ซองซงยอนออกมาก็พบกับเทซู จึงเล่าให้ฟัง เทซูตกใจไม่น้อย
"เจ้าบอกว่าไงนะ พระสนมวอนพินไม่ได้ทรงแท้งหรือ ถ้าอย่างงั้น ความหมายของเจ้าคือ ตั้งแต่แรกมา นางก็ไม่ได้ทรงตั้งครรภ์ด้วยน่ะสิ"
" สงสัยจะใช่ ข้าได้ยินพระมเหสีก็รับสั่งแบบนี้ หรือต่อให้ทรงครรภ์แล้วแท้งจริง ก็เพราะยาที่ส่งจากบ้านเดิมของนาง ชื่ออิโมโชเป็นต้นเหตุ"
"หา หึ เป็นไปไม่ได้หรอก งั้นก็แปลว่าใต้เท้าฮง ถ้าเป็นอย่างเจ้าว่าจริง เขาคงรู้ว่าอะไรเป็นอะไรมาแต่แรก ไม่น่าเป็นไปได้ เจ้าน่ะ รู้มั้ยสิ่งที่พูดหมายถึงอะไรบ้าง เพื่อสะกดรอยหมอหลวง ทำให้พี่ซอได้รับบาดเจ็บ และไม่ใช่น้อยๆ ด้วย ตอนนี้เป็นหรือตายยังไม่รู้ แสดงว่า นี่เป็นคำสั่งใต้เท้าฮงหรอกหรือ แทนที่จะเป็นคนอื่น กลับเป็นใต้เท้าฮงโกหกฝ่าบาท แถมยังคิดฆ่าพี่ซอได้ไง"
"หึ เทซู" เทซูได้แต่ถอนใจ
ฮงกุกยองไปเฝ้าพระมเหสีโยอึยที่ตำหนัก พระมเหสีโยอึยทวงสัญญา
" เมื่อก่อนท่านเคยสัญญาเป็นมั่นเหมาะกับข้า ว่าแม้จะกลายเป็นพระญาติ ก็จะไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือหลงระเริงเป็นอันขาด แต่ว่า ท่านไม่สามารถทำตามคำพูดนี้ งั้นก็จำเป็น ต้องรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองก่อไว้"
"หม่อมฉัน จะทูลขอพระมเหสีเรื่องหนึ่ง หึ ที่พระสนมทรงทำความผิดถึงขนาดนี้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พระมเหสีทรงอภัยให้นางซักครั้ง"
"ไม่ ข้าให้อภัยไม่ได้ คนที่ทำความผิดถึงขั้นนี้ แสดงว่านาง หมดสิทธิ์ได้เป็นสนมของฝ่าบาทอีกแล้ว"
"พระมเหสี"
" ที่ข้าไม่ทูลความจริงให้ฝ่าบาททรงทราบ เพราะเห็นใจพระองค์ ไม่อยากให้ทรงรับฟังความผิดของขุนนางคนโปรด จากปากคนอื่นแม้ว่าจะเป็นข้าก็ตาม เพราะฉะนั้น เมื่อท่านทำผิดเอง ก็ไปสารภาพกับฝ่าบาทและยอมรับอาญาซะ นี่คือความเมตตาครั้งสุดท้ายที่ข้าสามารถมอบให้แก่ท่าน หึ"
หมอหลวงที่ฮงกุกยองจับตัวมาได้กัดลิ้นตาย ฮงกุกยองตกใจมาก เพราะเขาคิดจะไปสารภาพผิดพร้อมหมอหลวงคนนั้น
ขณะ ที่พระเจ้าจองโจทราบเรื่องแพ่กจูหายไป พร้อมกับหมอหลวงที่หายตัวไป ดัลโฮก็เข้ามาทูลว่าพระสนมวอนพินมาคุกเข่าที่หน้าตำหนัก เพื่อขอรับอาญา
พระพันปีเฮคยองเสด็จออกมาถามว่าพระสนมวอนพินจะทำอะไร และบอกให้ซังกุงพาเข้ามาในตำหนัก
"นี่มันหมายความว่าไง เจ้าบอกว่าที่แท้งลูก ไม่เกี่ยวกับยาของชุงจอน แต่เป็นเพราะเจ้ากินยาอื่นส่งเดชงั้นหรือ"
"เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะ จงใจกินยาที่มีผลต่อครรภ์นะเพคะ"
" เจ้าฟังที่ข้าถามให้ชัดก่อน ไหนบอกว่า นอกจากยาของพระมเหสีแล้ว เจ้าไม่เคยกินยาอื่นที่นอกเหนือจากนี้ไง แล้วตอนนี้กลับบอกว่ามียาอื่น พูดจา กลับไปกลับมาแบบนี้มันหมายความว่าไง"
"เอ่อ นั่นเป็นเพราะ ที่แล้วมา หม่อมฉันอยากให้ตั้งครรภ์เร็วๆ จึงได้กินยาที่ส่งมาจากบ้านเดิมเพคะ ฮือ หม่อมฉันรู้มาว่า ยาอิโมโชจะช่วยให้ตั้งครรภ์ง่าย ก็เลยกินมาตลอด โดยไม่ได้คิดอะไรเพคะ"
"อะไรนะ เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ เจ้ากินยาอิโมโชหรือ ทั้งที่กำลังท้องอยู่ มีเด็กอยู่ในครรภ์ ยังจะกินยาตัวนี้อีกหรือ"
"เสด็จแม่"
" ช่างเหลวไหลสิ้นดี เจ้าจะโง่ไปหรือเปล่า บอกว่าไม่รู้หรือ หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ห้ามกินยาอิโมโช ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้น เจ้ายังหลับหูหลับตากินอีก แล้วนี่มันหมายความว่าไง เพราะความประมาทโง่เขลาของเจ้า ทำให้ฝ่าบาทต้องสูญเสียทายาทอย่างงั้นน่ะหรือ"
"เสด็จแม่เพคะ ทรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะ ฮือๆๆ ฮือ เสด็จแม่"
พระพันปีเฮคยองกล่าวอะไรไม่ออก ทรงนิ่งเงียบ
"เสด็จแม่ ทรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะ เสด็จแม่เพคะ ฮือๆๆ ฮือๆๆ"
ฮงกุกยองรีบมาหาพระสนมวอนพิน แต่พระสนมวอนพินไล่ให้กลับไป แล้วต่อให้ทำเหมือนไม่รู้จักนาง
"เอ่อ พระสนม ไม่รู้จักได้ยังไง ทำไมรับสั่งแบบนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
" เรื่องที่เกิด ท่านไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ข้าได้ทูลเสด็จแม่ รวมถึงฝ่าบาทตามนี้แล้ว ฮือ เพราะฉะนั้นพี่ใหญ่ ยังไงก็ต้องยืนกรานตามนี้ เข้าใจหรือเปล่า"
"ไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะเห็นแก่ตัว ปล่อยให้พระสนมรับโทษคนเดียว โดยตัวเองไม่สนใจได้ยังไง"
" ไม่ได้ก็ต้องได้ อย่าให้เป็นเพราะข้า ทำให้ท่านต้องพลอยเดือดร้อนด้วยอีกคนเลยนะ ฮือ ในเมื่อปิดบังไม่ได้อีก งั้นก็ให้ข้ารับโทษคนเดียวละกัน เพราะได้อาศัยท่าน บ้านเราถึงได้ลืมตาอ้าปาก ฉะนั้นตอนนี้ ไม่ว่ายังไง ก็อย่าให้พินาศเพราะข้าคนเดียว"
"พระสนม"
"ฮือ ข้าน่ะ ขอเพียง ตั้งครรภ์อีกครั้งก็พอแล้ว ฮือ ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ฝ่าบาทรวมถึงเสด็จแม่และพระมเหสี ก็จะทรงให้อภัยในความผิด ฮือ แต่สำหรับท่าน ช่วงนี้ขอให้อดทนไว้ เพื่อเห็นแก่ข้าและครอบครัวของเรา ไม่ว่ายังไง ท่านก็ห้ามล้มเด็ดขาดเข้าใจหรือเปล่า"
"ฮือ พระสนม"
"พี่ใหญ่ ฮือๆๆ"
ขณะที่ชางแทวูก็ทูลพระเจ้าจองโจว่า
" ฝ่าบาท จากเหตุการณ์ที่เกิด ไม่ควรนิ่งเฉยนะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าพระสนมวอนพิน จะพยายามปกป้องใต้เท้าฮงว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แต่เรื่องแบบนี้ใครจะเชื่อง่ายๆ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ใต้เท้าฮงเป็นพี่ชาย บอกว่าไม่รู้ก็แปลกล่ะ"
ขุนนางอีกคนเห็นด้วย "นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าให้หม่อมฉันเดา คนที่จับหมอหลวงไปก็คือใต้เท้าฮงนั่นแหละ ขอทรงมีรับสั่งจับตัวเขามาไต่สวน และลงอาญาสนมวอนพิน ปลดเป็นสามัญชนจะดีที่สุด ขอทรงไตร่ตรองด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"ทรงไตร่ตรองด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
" หม่อมฉันขอบังอาจทูลซักนิด หม่อมฉัน คิดว่าคำพูดของขุนนางทั้งหลาย ออกจะเกินไปพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าพระสนมวอนพิน ได้ทำความผิดต่อราชสำนักจนยากจะให้อภัย แต่ก็เกิดเพราะความไม่ตั้งใจ ฉะนั้น หากจะลงอาญาถึงขั้นปลดเป็นสามัญชน หม่อมฉันเห็นว่ามากเกินไป แค่ลดระดับชั้น และให้กักตนสำนึกผิด แค่นี้ก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
" ใครบอกว่าไม่ตั้งใจ ท่านกำลังเถียงข้างๆ คูๆ ชัดๆ พระสนมไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา แต่นี่กลับลืมหน้าที่ตัวเอง ทำการประมาทเลินเล่อ ถึงขนาดให้สูญเสียสายพระโลหิต แล้วเราจะลงโทษสถานเบาได้ยังไง ยิ่งบวกกับใต้เท้าฮงด้วยแล้ว"
แชซกจู กล่าวต่อ ไใต้เท้าฮงก็ไม่แตกต่าง พระสนมรับสั่งแล้วว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพี่ชาย ในเมื่อนางยอมรับความผิดทั้งหมดซะเอง แล้วเราจะเอาข้อหาอะไรไปกล่าวโทษใต้เท้าฮงอีก"
จากการประชุมครั้งนี้ ทำให้พระเจ้าจองโจทรงแปลกพระทัยยิ่งนัก
" ไม่น่าเชื่อว่าเจ้ากรมแช จะออกหน้าช่วยพูดแทนท่านก็เป็นด้วย ข้านึกว่าพวกเขาจะถือโอกาสซ้ำเติมซะอีก แต่กลับไม่ใช่ แสดงว่าระยะหลัง ท่านคงสนิทกับคนของพระหมื่นปี ไม่มากก็น้อยสินะ ช่างเถอะ เรื่องจะจบยังไง ข้าไม่สนใจ ที่อยากรู้ก็คือ ข้อเท็จจริง ใต้เท้าฮง บอกหน่อยซิว่า วอนพิน บอกว่าท่าน ไม่มีส่วนรู้เห็นจริงหรือเปล่า และที่หมอใหญ่หายไป ท่านก็ไม่รู้จริงหรือ"
"ฝ่าบาท หม่อมฉัน รู้แต่แรกพ่ะย่ะค่ะ ฮือ ฮือ ฮือ หม่อมฉัน ช่วยพระสนมปิดบังความลับ จึงได้ ทูลความเท็จต่อฝ่าบาท ฮือ หม่อมฉัน ยินดีรับโทษ"
ด้านแชซกจูก็กล่าวกับฮงกุกยองว่า
"หึ เรื่องหมอหลวงคิดว่าทำถูกแล้วหรือ หวังว่าเรื่องนี้ คงไม่นำภัยมาสู่ตัวเจ้าหรอกนะ ไม่เพียงข้าคนเดียวที่ทำตามพระหมื่นปี ยังมีขุนนางอีกหลายคน ที่พร้อมจะช่วยเจ้าและพระสนมให้ปลอดภัย จึงบอกให้รู้ไว้ก่อน และช่วงนี้ อย่าทำอะไรออกหน้ามากนัก"
"มาเตือนข้าน่ะหรือ เดี๋ยวนี้กลายเป็นพระหมื่นปี สามารถออกคำสั่งกับข้าได้เชียวหรือ" ฮงกุกยองเดินจากไป
แชซกจูไปบอกเล่าให้พระหมื่นปีจองซุนทรงทราบ
"ไม่ต้องสนใจคำพูดเขาหรอก ถ้าข้าออกหน้าจัดการเรื่องนี้ให้ รับรองว่าฮงกุกยอง จะหุบปากโดยอัตโนมัติ"
" แต่ว่าพระหมื่นปี เรื่องนี้ จบง่ายๆ ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ เพราะทั้งพระพันปีและพระมเหสีต่างก็กริ้วมาก หม่อมฉันเห็นว่า ไม่น่าจะมีทางไกล่เกลี่ยได้"
"ไม่หรอก เดี๋ยวก็เรียบร้อยไปเอง สิ่งสำคัญคือนับจากนี้ต่างหาก ถ้าเรื่องนี้จบลงด้วยดี เราก็จะได้ตัว ฮงกุกยองมาเป็นพวกด้วย"
"พระหมื่นปี"
พระสนมวอนพินยังคงคุกเข่าอยู่ พระมเหสีโยอึยเสด็จมาเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
"ขอโทษด้วยนะชุงจอน ข้ารู้สึกละอายต่อเจ้านัก"
"อย่ารับสั่งแบบนี้สิเพคะ เรื่องผ่านไปแล้ว อย่าใส่พระทัยดีกว่า"
"ไม่คิดไม่ได้หรอก นอกจากจะเจ็บปวดกับการสูญเสียหลานแล้ว ข้ายังทำไม่ดีต่อเจ้าไว้มากนัก"
"เสด็จแม่"
"ถ้ายังไง ฝากขอโทษไปยังพ่อของเจ้า บอกว่าเรื่องนี้เป็นความผิดข้าเอง"
"ทราบแล้วเพคะ"
พระมเหสโยอึยเสด็จออกมา ทรงมีรับสั่งกับพระสนมวอนพินว่า
"กลับไปเถอะ ทำแบบนี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น"
"พระมเหสี อภัยให้หม่อมฉันด้วย ทั้งหมดนี้ เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาของหม่อมฉันเอง ฮือ ได้โปรด ทรงเมตตาอภัยให้หม่อมฉันเถอะเพคะ"
" รู้อย่างงี้ ทำไมไม่พูดความจริงล่ะ ถ้าหวังจะได้ความเมตตาครั้งสุดท้ายจากข้า ก็ไม่ควรเอาตัวรอดด้วยวิธีนี้ แต่ต้องสำนึกในสิ่งที่ก่อด้วยความจริงใจ"
พระสนมวอนพินตกใจ "พระมเหสี"
"ข้าก็รู้ เจ้าคิดว่าปกป้องพี่ชายไว้ อีกหน่อยเขาจะเปิดทางให้เจ้าขึ้นมาเสพสุขอีกครั้ง ถึงได้ปิดบังฝ่าบาทไม่ยอมพูดความจริงซะที"
"พระมเหสี ไม่ใช่อย่างงั้นนะเพคะ หม่อมฉันเพียงแต่"
"พอทีเถอะ ข้าไม่อยากฟังเจ้าแก้ตัวอีกแล้ว"
"พระมเหสี"
" งั้นก็ได้ ในเมื่อเจ้า ยอมรับความผิดของพี่ชายเข้าไว้ด้วยกัน งั้นข้าจะเพิ่มโทษให้เจ้า หนักเป็นสองเท่า อีกไม่นาน เจ้าจะถูกปลดเป็นสามัญชน"
"หา พระมเหสี ปลด เป็นสามัญชนหรือเพคะ พระมเหสี ฮือ โปรดอย่าทรงกริ้วหม่อมฉันอีกเลย พระมเหสี ฮือ จะลงอาญาหม่อมฉันยังไงก็ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าทรงปลดหม่อมฉันได้ไหมเพคะ ฮือ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ ฮือ พระมเหสี ทรงอภัยให้หม่อมฉันเถอะ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ฮือ พระมเหสี"
"ให้ข้าผ่อนผัน 2-3 วัน เพื่อให้นางทำแบบนี้หรือ ไม่ว่าฝ่าบาทจะลงโทษท่านยังไง แต่ฝ่ายในมีข้าเป็นผู้ดูแล ฉะนั้น น้องสาวท่าน จะต้องออกจากวัง"
ซองซงยอนมาเฝ้าพระมเหสีโยอึย ทรงขอบใจที่นางช่วยไว้
"หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไร อย่ารับสั่งอย่างงั้นเลยเพคะ"
"ไม่หรอก ถ้าไม่เพราะเจ้ามารายงาน ข้าอาจไม่มีวันพ้นมลทินด้วยซ้ำ"
"เอ่อ ขอบพระทัยที่ทรงชมเพคะ"
"เอ่อ พระมเหสีเพคะ เรื่องจบลงด้วยดี ทำไมพระพักตร์ยังดูเคร่งเครียดอยู่เลย" คิมซังกุงทูลถาม
"ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ไหนรู้มั้ย"
เวลานั้นพระเจ้าจองโจทรงเรียกเทซูมาพบ
"มาแล้วหรือ ไม่รู้เพราะจิตใจว้าวุ่นหรือเปล่า ยิงเท่าไหร่ก็ไม่เข้าเป้าซะที"
"เอ่อ ฝ่าบาท"
" เจ้ารู้อะไรมั้ยเทซู ตลอดเวลาที่ผ่านที่ข้ามอบอำนาจให้ใต้เท้าฮง ไม่เพียงแต่เชื่อเขา ข้ายังเชื่อว่าตัวเองดูคนไม่ผิดด้วย ต่อให้เขาทำอะไรผิดพลาดไป ข้าก็มั่นใจว่าด้วยสติปัญญา เขาจะสามารถลุกขึ้นอีกครั้ง และใช้เป็นบทเรียนสอนตัวเอง น่าแปลก ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มั่นใจเขาขนาดนั้น"
"ฝ่าบาท"
"ต่อไป ข้ากลัวว่าจะไม่อาจไว้ใจเขาได้เหมือนเดิมอีก เจ้ารู้หรือเปล่า"
0000000000000000
พระเจ้าจองโจเสด็จมา และสั่งให้ซังกุงพาพระสนมวอนพินกลับตำหนัก และให้ซังกุงไปทูลเชิญพระมเหสีโยอึยมาเฝ้า
"ชุงจอน
"เพคะฝ่าบาท"
"ข้า คิดว่าจะยกโทษ ให้วอนพินและใต้เท้าฮง"
"ฝ่าบาท"
ฮงกุกยองได้ยินก็อึ้งไป "หา"
"ที่ข้าให้เจ้ามารับฟัง เพื่ออยากให้อโหสิ และลืมเรื่องนี้ไปซะได้ไหม"
"ฝ่าบาท หม่อมฉัน เชื่อฟังฝ่าบาทเสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แต่สำหรับเรื่องนี้"
" ข้าเข้าใจดี ว่าทำไมเจ้า ไม่อาจให้อภัยวอนพินและใต้เท้าฮงได้ เหตุผลของเจ้า ข้าก็เข้าใจดี แต่อยากขอให้เจ้าเมตตา ปล่อยพวกเขาไปซักครั้ง"
"ฝ่าบาท"
" ข้าเคยบอกตัวเอง ว่าขอเพียงท่านไม่คิดกบฎหรือหักหลัง ไม่ว่าความผิดใดๆ ที่ก่อขึ้น ข้าก็สามารถให้อภัยได้ ส่วนท่าน ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ข้าตัดสินใจถูกต้อง ทุกวันนี้บ้านเมืองมีปัญหามากมายรอให้เราไปแก้ งานต่างๆ ก็ยังค้างอยู่ ถ้าข้าไม่มีคนที่พอไว้ใจได้ จะทำงานให้สำเร็จลุล่วงก็คงลำบาก ชุงจอน ถือว่าเห็นแก่ข้าเถอะนะ"
"ฝ่าบาท"
"แต่นี่ เป็นการอภัยครั้งสุดท้าย"
ซองซงยอนนำภาพมาให้ปาร์คยองมุนดู
"นี่คือภาพที่จะส่งไปจวนผู้ว่าค่ะ"
"งั้นหรือ เดี๋ยว ว่าแต่ ทำไมมีแค่นี้ ข้าสั่งไว้ว่า อย่างน้อยต้องมี 20 รูปไม่ใช่หรือ"
"คือ ที่เหลือเป็นความรับผิดชอบของช่างเขียนตั๊กค่ะ แต่วันนี้เขาไม่มาทำงาน"
"อ้อ งั้นหรือ ส่งคนไปตามหน่อยซิ ดูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า"
"ได้ครับใต้เท้า"
"อึม ถ้าอย่างงั้น ส่วนที่เหลือ ทุกคนก็ช่วยเขียนไปก่อนละกัน"
ใต้เท้าคังรับคำสั่ง และจะออกไปกันแต่ปาร์คยองมุนเรียกไว้
"เดี๋ยวก่อน นี่มันอะไรกัน วันนี้ช่างเขียนลีก็ขาดด้วยหรือ"
"เมื่อกี้ยังเห็นอยู่แถวนี้นี่คะ"
"ใช่ๆ ข้าก็เห็น แปลกจริง ไปไหนนะนี่ ไม่รู้สิ"
พระเจ้าจองโจเรียกแชจีคยอมมาพบและบอกว่าจะเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้านในคืนนี้ แชจีคยอมตกใจ เขากับนัมซาโชพยายามจะค้าน
"พระราชาองค์ไหนๆ ก็เคยเยี่ยมชาวบ้านทั้งนั้น ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนี้"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูล เพราะเรื่องพระสนมวอนพิน ทำให้ราชสำนักเกิดความวุ่นวาย"
"เรื่องนี้ข้าเข้าใจ แต่เป็นเรื่องของฝ่ายใน ข้าไม่อยากไปยุ่ง จนทำให้เสียงานที่สำคัญกว่า ส่งข่าวให้หน่วยทหารรู้ด้วย"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
ฮงกุกยองรู้เรื่องก็รีบมาทูลห้ามไม่ให้พระเจ้าจองโจเสด็จ
"ท่านบอกว่าไม่ให้ข้าออกไปหรือ"
"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"เพราะอะไร"
" ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้ หลังจากมินจูซีทำร้ายทหารแล้วหลบหนีไป จนวันนี้ยังไม่มีเบาะแสและไม่รู้ว่าสาเหตุเพราะอะไร ถ้าฝ่าบาทเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้าน อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งมันจะไม่คุ้มกัน ถ้าไงหม่อมฉันว่า เรื่องนี้ เลื่อนไปอีกซักพักดีกว่า"
"หม่อมฉัน ก็เห็นด้วยเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้ารู้ว่าทุกคนเป็นห่วงความปลอดภัยของข้า แต่ข้าดูแลตัวเองได้"
"ฝ่าบาท"
" ตั้งแต่ครองราชย์มา ข้าแทบไม่เคยออกจากวังซักครั้ง ในฐานะพระราชา จะห่วงแต่ความปลอดภัยของตัวเองได้ยังไง ข้าตัดสินใจแล้ว เอาตามนี้แหละ"
ฮงกุกยองจึงสั่งให้เทซูไปคัดเลือกทหารมา แล้วนำมาพบเขา
"เลือกได้ครบแล้วใช่ไหม"
"ครับ ได้คนที่ฝีมือดีสุด จากหน่วยองครักษ์และทหารพิเศษ"
" งั้นจงฟังข้าให้ดี พวกเจ้าดูนี่ก่อน จากตรงนี้ คือเส้นทางที่ฝ่าบาทจะเสด็จคืนนี้ คนที่มีหน้าที่ถวายอารักขา ต้องอยู่ตามรายทาง คอยตามเสด็จทุกฝีก้าวอย่าให้คลาดสายตา เข้าใจหรือเปล่า"
เทซูกับทุกคนรับคำ "ครับ"
"แต่ก่อนอื่น ให้พาทหารที่คัดเลือกแล้วไปสำรวจเส้นทาง ดูว่าตรงไหนเป็นจุดอันตราย ให้สะสางให้เรียบร้อย"
"เอ่อ จุดอันตรายอะไรครับ แล้วเราจะรู้ได้ไง"
" หึ ออกไปสำรวจ ดูว่าตรงไหนไม่น่าไว้ใจก็รีบกำจัดซะ อันดับแรก กันพวกนักเลงอันธพาลออกจากพื้นที่ก่อน ถ้าหาก ฝ่าบาทจะทรงพูดคุยกับราษฎรคนไหน พวกเจ้าต้องรีบนำหน้า เลือกคนที่ไว้ใจได้และไม่เป็นอันตราย ให้เข้าเฝ้าโดยมีพวกเจ้าคอยประกบ เข้าใจที่พูดหรือเปล่า"
"เอ่อ แต่ว่าใต้เท้า ทำแบบนี้ มิเท่ากับผิดวัตถุประสงค์ที่ทรงเยี่ยมราษฎรหรอกหรือ"
" ข้อนี้ข้าเข้าใจดี แต่พวกเจ้าลองคิดดู ฐานะของฝ่าบาทตอนนี้ เหมาะที่จะไปเยี่ยมราษฎรแล้วหรือ นับแต่ทรงครองราชย์มา เคยถูกปองร้ายตั้งกี่ครั้ง ถ้าเรื่องที่เสด็จออกไป มีใครรู้เข้า ผลจะเป็นไงบ้าง ถ้าฝ่าบาททรงมีอันตราย ไม่ว่ายังไงก็ช่าง ต้องกันพระองค์ออกจากที่เกิดเหตุก่อน เอาล่ะ รีบไปทำงาน ตามที่ข้าสั่งเดี๋ยวนี้"
"ครับใต้เท้า"
พวกเทซูรู้สึกแปลกๆ กับคำสั่งของฮงกุกยอง แต่ก็ปฏิบัติตาม และคิดว่าฮงกุกยองต้องการให้ดูแลความปลอดภัยของพระเจ้าจองโจอย่างดี
ซอง ซงยอนเดินกลับบ้าน ถูกชายขี้เมาเข้ามาลวนลาม โชคดีที่ซงอูซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของซองซงยอนแต่ทั้งสองจำกันไม่ได้ มาช่วยไว้ และบอกให้ไปอีกทางหนึ่ง
"หึ เฮ่อ ขอบคุณมากนะคะ"
"นี่ก็ดึกมากแล้ว ไปทาง “ชินคู” จะปลอดภัยกว่า แถวนั้นมีโรงเตี๊ยมเยอะ ไม่ค่อยเปลี่ยวเหมือนที่นี่"
"อ้อ ค่ะ"
พระ เจ้าจองโจทรงเสด็จประพาส สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือระหว่างทางที่เสด็จประพาส พระเจ้าจองโจทรงถูกลอบปลงพระชนม์ ฮงกุกยองรู้เรื่องก็รีบเข้าเฝ้า
"หึ ฝ่าบาท พระอาญาไม่พ้นเกล้า สิ่งที่เกิด เป็นความบกพร่องของหม่อมฉัน"
"ไม่เกี่ยวหรอก ใครบอกว่าเป็นความบกพร่องของท่าน"
" เอ่อ แต่หม่อมฉัน เป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารพิเศษนะพ่ะย่ะค่ะ การที่ฝ่าบาทประสบเรื่องน่ากลัวเช่นนี้ จะถือว่าไม่ใช่ความผิดของหม่อมฉันได้ยังไง"
"ช่างมันเถอะ ข้ามีเรื่องจะถามอีกอย่างมากกว่า ทำไมต้องกำหนดเส้นทางการเยี่ยมชาวบ้านของข้า แถมยังจัดทหารไว้อีก"
"เอ่อ ฝ่าบาท นั่นก็เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเมื่อซักครู่"
" ที่ข้าไม่พอใจไม่ใช่เพราะเหตุร้าย ที่เกิดกับข้าเมื่อกี้ แต่เพราะความเจ้ากี้เจ้าการของท่าน ทำไมต้องให้ข้า ไปตามเส้นทางที่ท่านกำหนด"
"ฝ่าบาท"
"ข้ารู้ว่าท่านทำเพราะความห่วงใย แต่ทีหลังขอให้อย่าทำอีก เข้าใจมั้ย"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"หมดเรื่องแล้วออกไปได้"
"พ่ะย่ะค่ะ"
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 58ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 59
พระ สนมวอนพินป่วย เวลานั้นฮงกุกยองสั่งให้เทซูจับพวกขุนนางเก่า เพราะคิดว่าต้องเป็นพวกนี้ที่ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าจองโจ จนดัลโฮมาบอกเรื่องพระสนมวอนพิน พอดีพระเจ้าจองโจเสด็จมาสั่งให้ฮงกุกยองรีบไปดูพระสนมวอนพินก่อน พระองค์ติดประชุมเรื่องทูตไปต้าชิง
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
"ไม่เป็นไรพะยะค่ะ หม่อมฉันเอง ก็ขอไปประชุมก่อนแล้วค่อยเยี่ยมพระสนม'
"ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย"
" การประชุมคราวนี้ หม่อมฉันจะยกประเด็นการลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทมาร่วมวิเคราะห์ด้วย ฉะนั้น รอให้เสร็จงานก่อน ค่อยไปเยี่ยมพระสนมก็ยังไม่สาย"
"ใต้เท้าฮง"
"อย่าทรงห่วงเลยพะยะค่ะ งานมาก่อนเรื่องส่วนตัว ขอทรงอนุญาตด้วย"
พระมเหสีโยอึยกำลังจะเสด็จไปเยี่ยมพระสนมวอนพิน แต่พระพันปีเฮคยองมาพบเสียก่อน
"เจ้ากำลังจะไปไหนน่ะชุงจอน"
"อ้อ เสด็จแม่"
" ถ้าคิดจะไปตำหนักซุกชางตอนนี้ละก้อ ขอบอกว่าไม่จำเป็นหรอก เพราะตอนนี้วอนพินอยู่ในระหว่างรับการลงทัณฑ์ ฉะนั้น ไม่ใช่หน้าที่ๆ เจ้าต้องไปเยี่ยมนางด้วยตัวเอง"
"แต่เสด็จแม่เพคะ แม้นางจะมีความผิด แต่กำลังไม่สบาย ถ้าเราไม่เหลียวแล จะไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือเพคะ"
"ถึงจะโหดร้าย แต่เจ้าเป็นพระมเหสีก็ห้ามใจอ่อน"
"เสด็จแม่"
"โดยเฉพาะคนที่รับโทษหนัก เราไม่จำเป็นต้องแสดงความเห็นใจ ที่สำคัญ เมื่อนางทำผิดกฎของฝ่ายในก็ควรรับกรรมตามที่ก่อไว้"
ซองซงยอนได้พบกับซงอูอีกครั้ง เธอจึงเข้ามาทัก
" เดี๋ยว โทษนะคะ เราเคยเจอกันเมื่อคืนใช่ไหม เจ้าช่วยข้าจากผู้ชายขี้เมาคนหนึ่ง จำไม่ได้แล้วหรือ เอ่อ เมื่อคืนนี้ ต้องขอบคุณมากนะ เสียดายยังไม่ทันขอบคุณ เราก็จากกันซะแล้ว"
"อย่าเกรงใจเลย ช่วยคนถูกรังแก ถือเป็นหน้าที่อยู่แล้ว"
"หึ เจ้ามาแถวนี้ เพื่อจะซื้อหนังสือหรือ"
"หึ ใช่ มีอะไรหรือ"
"อ้อ เปล่าหรอก ข้ากำลังหาหนังสือภาพเขียนสมัยราชวงศ์หมิง ยังไงก็ตามแต่ ขอบคุณที่ช่วยอีกครั้ง ลาก่อนนะคะ หึ"
"เดี๋ยว อย่าเพิ่งไปแม่นาง ถ้าสนใจเล่มนี้ละก้อ ให้เจ้าก็ได้"
"เอ่อ เล่มนี้ เจ้ายอมให้ข้าเชียวหรือ"
"อึม ใช่"
"เอ่อ แต่ว่า"
"พอดีข้ามาเดินเล่น ไม่รู้จะซื้ออะไรเลยซื้อหนังสือ เท่าที่ดู อาจเป็นประโยชน์ต่อช่างเขียนอย่างเจ้ามากกว่า งั้นก็รับไว้เถอะ"
"เอ่อ แล้ว ทำไมรู้ว่าข้าเป็นช่างเขียนล่ะ"
ซงอูยังไม่ทันพูดอะไร ลีชองก็เข้ามาเรียกซองซงยอนเสียก่อน เธอจึงรีบไปหาลีชอง ชายคนสนิทเข้ามาหาซงอูและกล่าวกับเขาว่า
" เฮ่ย นี่ก็หลายวันแล้ว เอาแต่วนเวียนอยู่หน้าบ้านนาง ทำไมไม่พูดกับนางให้รู้ล่ะ ได้ยินว่าพี่สาวเจ้าก็หาเจ้าอยู่นาน แต่ว่า พ่อแม่บุญธรรมเจ้ากลับบอกว่าเอาเจ้าไปขายต่อ หลังจากนั้นไม่นานก็ตาย ถ้าตอนนี้เจ้าปรากฎตัวให้เห็น นางคงดีใจมาก ว่ายังไงล่ะ"
"หึ ช่างเถอะ เพราะข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ถึงเมื่อไหร่ เป้าหมายของเราคือล้มล้างระบบปกครองที่ล้าหลังของโชซอน จึงพร้อมจะมีอันตรายได้ทุกเมื่อ สู้อย่าให้นางรู้ดีกว่า ข้าขอเพียง ได้แอบดูนางอยู่ห่างๆ แค่นี้ก็พอใจแล้ว รีบไปเร็วเข้า วันนี้มีประชุมอีก ทุกคนคงจะมาพร้อมแล้ว"
ซองซงยอน ลีชองและช่างเขียนตั๊ก เดินซื้อของกันต่อและได้พบกับเทซู จึงรู้เรื่องที่พระเจ้าจองโจโดนลอบปลงพระชนม์ พากันตกใจ เทซูบอกว่าไม่เป็นไร แต่เขามาตรวจตราดู
พระเจ้าจองโจเสด็จไปฟังการบรรยา เรื่องคำสอนของท่านเหล่าจื้อ ในตำรา แทซัง บทที่ 17 และย้อนถามพวกขุนนางหลายเรื่อง จนชางแทวูทูลถามว่า
"เมื่อคืนฝ่าบาท ประสบเหตุร้าย เกือบถูกปลงพระชนม์ ตามหลักน่าจะไต่สวนเรื่องนี้ แล้วทำไมกลับมอบให้หน่วยทหารพิเศษไปตรวจสอบ ฝ่าบาทมาทรงฟังการบรรยายอยู่นี่ล่ะพะยะค่ะ"
"ความหมายของท่านก็คือ ขนาดมีคนมาปองร้ายข้า ทำไมยังอารมณ์ดี ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช่หรือเปล่า เอาเถอะ ในเมื่อท่านถามมา ข้าก็จะตอบข้อสงสัยให้ ตอนนี้ข้า กำลังบริหารราชกิจอยู่ เข้าใจหรือเปล่า เพื่อให้บ้านเมืองร่มเย็นและเจริญก้าวหน้า ข้าจำเป็นต้องอบรมขุนนางทั้งหลาย ให้มีจิตสำนึกที่ดี แล้วจะบอกว่า เป็นการฆ่าเวลาโดยเปล่าประโยชน์ได้ไง"
"แต่ว่าฝ่าบาท"
"จริงอยู่ เมื่อคืนนี้ ได้เกิดเหตุน่ากลัวและเหนือความคาดหมาย ถ้าเป็นเพราะเหตุนี้ ข้าจะทิ้งงานทิ้งการ วันๆ เอาแต่นั่งคิดว่าใครมาฆ่าข้า ตั้งหน้าตั้งตาหาคนร้าย มันจะถูกแล้วหรือ แน่นอนว่าไม่ถูกต้อง ข้าจึงมอบเรื่องนี้ ให้หน่วยทหารและองครักษ์ไปจัดการ เพราะเป็นหน้าที่พวกเขา ที่ต้องดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว เป็นไงบ้าง ท่านเห็นว่าความคิดของข้า มีส่วนไหนที่ผิด ส่วนไหนถูกก็บอกมาได้เลย"
แช ซกจูมาหาฮงกุกยองบอกว่าพระหมื่นปีจองซุนต้องการพบ ฮงกุกยองบอกว่าเขากำลังยุ่งเรืองคนลอบปลงพระชนม์อยู่ แชซกจูจึงบอกว่าพระหมื่นปีต้องการพบเรื่องนี้ ทำให้ฮงกุกยองมาเข้าเฝ้า
"เอานี่ไปอ่านดู"
"คืออะไรหรือพะยะค่ะ"
" ได้ยินว่ามีคนคิดปองร้ายฝ่าบาท ข้าเลยช่วยสืบข่าว คิดว่าสิ่งที่ได้คงเป็นประโยชน์ต่อเจ้า ไปคาดคั้นพวกขุนนางก็ไม่ช่วยอะไรหรอก อยู่ดีๆ ถ้าไม่มีเป้าหมาย พวกเขาจะคิดปลงพระชนม์ไปทำไม เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือ"
"ถ้าอย่างงั้น ความหมายของพระหมื่นปี คือเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับขุนนางเก่าหรือพะยะค่ะ"
"ใช่ ข้ามีความเชื่อว่าอย่างงั้น"
"ถ้าอย่างงั้น ยังมีพวกไหนอีกที่กล้าทำเรื่องแบบนี้อีก"
" มีข่าวลือหนาหู ว่ามีคนบางกลุ่ม รวมตัวเป็นองค์กรเพื่อต่อต้านราชสำนักและคิดก่อการร้ายบางอย่าง ฉะนั้น เจ้าจงไปสืบเรื่องนี้ให้ดี จริงสิ อาการของวอนพินเป็นไงบ้าง เมื่อเช้าข้าไปเยี่ยมนางมา รู้สึกค่อนข้างน่าเป็นห่วง เจ้ารู้แล้วหรือยัง"
แล้วแชซังกุงก็เข้ามาบอกฮงกุกยองถึงอาการของพระสนมวอนพินที่ยังไม่ดีขึ้น
"อะไรนะ น่าเป็นห่วงหรือ แสดงว่าอาการหนักมากหรือไง"
" มีไข้ขึ้นสูงสลับกับอาการชักเป็นระยะ บางครั้งก็ทรงเพ้อ เหมือนไม่รู้สึกพระองค์อีกแล้วล่ะค่ะใต้เท้า ที่สำคัญ ไม่มีใครไปเหลียวแลโดยเฉพาะคนของฝ่ายใน มีแต่ผู้ใหญ่ในวังอย่างพระหมื่นปีที่เสด็จมาเยี่ยม แต่ทำไมพระมเหสี ไม่ทรงเหลียวแลบ้างก็ไม่ทราบน่ะค่ะ"
"ไปทูลหรือยังว่าพระสนมประชวรน่ะ"
"ทูลแล้วค่ะ เมื่อเช้าส่งคนไปรายงาน ปรากฎว่ามีซังกุงโผล่มาคนหนึ่ง นอกนั้นแทบไม่เห็นใครเลยล่ะค่ะ"
ฮงกุกยองรีบมาดู พระสนมวอนพินแทบจะไม่มีสติ
" ฮือ ฮึ่ม หึ ฮือ พระสนม หม่อมฉันมาเยี่ยมแล้ว ทรงลืมพระเนตรเร็วเข้า พระสนม ทรงเข้มแข็งไว้ อย่ายอมแพ้ง่ายๆ ได้โปรดเห็นแก่หม่อมฉัน อย่าเพิ่งเป็นอะไร พระสนม"
"พี่ใหญ ฮือ พี่ใหญ่" พระสนมวอนพินหอบ
"พระสนม"
"หึ เห็นที ฮือ ข้า ข้าคงไม่ไหวแล้ว ฮือ"
"ไม่ อย่ารับสั่งแบบนี้ ห้ามรับสั่งท้อแท้เป็นอันขาด ฮือ ต้องอยู่ต่อไป ไม่ว่ายังไงก็ต้องอยู่ต่อไป เราต้องอยู่ต่อทั้งสองคน ฮือๆๆ"
"ฮือ พี่ใหญ่ ฮือ ข้าตาย แบบนี้ ก็ดีเหมือนกัน ฮือ หึ เทียบกับ การอยู่อย่างอดสู หึ ก็ไม่สู้ ให้ข้าตายซะดีกว่า ฮือ"
"พระสนมๆ ฮือ ฮือ ท่านหมอ พระสนมเป็นอะไรกันแน่ ฮือๆๆ พระสนม ฮือๆๆ"
"ฮือ ฮือ ข้าอยากมีลูก อยากมีลูกให้ฝ่าบาทซักคน เพื่อให้ฝ่าบาท และพี่ใหญ่ได้ดีใจ ให้ทุกคน ดีใจ ที่ได้เห็น พระโอรส ฮือ โอ๊ะ"
พระสนมวอนพินสิ้นใจ พระเจ้าจองโจเสด็จมายังไม่ทันได้ดูใจ ทรงตกพระทัยมาก ฮงกุกยองก็เอาแต่ร้องไห้
พระมเหสีโยอึยทรงทราบก็จะรีบสเด็จไปแต่พบกับพระพันปีเฮคยองก่อน
"ทราบข่าววอนพินแล้วใช่ไหมเพคะ"
" เป็นเรื่องที่เกิดกระทันหัน ฟังแล้วน่าใจหายจริงๆ เมื่อเช้ายังได้ยินว่าอาการค่อยยังชั่วขึ้น แล้วทำไมปุบปับ บอกว่าสิ้นใจซะแล้ว เป็นไปได้ไง เฮ่อ เฮ่ย"
พระเจ้าจองโจทรงเสียพระทัย ที่ไม่ได้ไปเยี่ยมพระสนมวอนพินเร็วกว่านี้ แต่พระองค์ก็ปรับทุกข์กับนัมซาโชว่าที่พระองค์ไม่เอาใจใส่ต่อนาง เพราะมีใจให้คนอื่นแล้ว
00000000000000000
งานพระศพของพระสนมวอนพินผ่านพ้นไป ปาร์คยองมุนกล่าวกับทุกคนว่า
" หลายวันที่ผ่าน เพราะงานพระศพของพระสนม ทำให้ทุกคนเหนื่อยกันมาก แต่ตอนนี้งานก็ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนจึงได้กลับมาที่ศูนย์ศิลปะ ทำงานในหน้าที่ตัวเองต่อไปเหมือนเดิม เข้าใจหรือเปล่า"
"ครับ/ค่ะใต้เท้า"
ปาร์คยองมุนสั่งให้ลีชอง ช่างเขียนตั๊กและช่างเขียนคัมตามเขาไปรับงานต่อ
พระเจ้าจองโจทรงเชิญฮงกุกยองมาเฝ้า
"มาแล้วหรือ นั่งสิ ข้ามีคำสั่งให้ท่านพักผ่อนอีกหลายวัน แล้วทำไมวันแรกก็เข้าวังมาแล้ว"
"หม่อมฉัน ยังมีภารกิจอีกมากที่ต้องรีบดำเนินการให้เสร็จ เพราะฉะนั้น เรื่องของหม่อมฉัน ไม่ต้องทรงเป็นห่วงหรอกพะยะค่ะ"
" จะไม่ให้ห่วงได้ไง ถ้าท่านฝืนตัวเองมาทำงาน ข้าจะยิ่งไม่สบายใจมากกว่า แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือ อ้า เอานี่ไป นั่นคือ "ตำหนักพักใจ" สิ่งที่ท่านต้องคำนึงถึง ไม่ใช่ข้าหรือว่าบ้านเมือง แต่เป็นจิตใจของท่าน และไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ไปพักผ่อนที่นั่นซะ ขอโทษด้วยนะใต้เท้าฮง แม้จะรู้ว่า คำพูดนี้ไม่ช่วยให้จิตใจท่านดีขึ้น แต่ความผิดที่ข้าไม่ได้ดูแลวอนพินให้ดีกว่านี้ คงต้องขออภัย"
"หึ ฝ่าบาท หึ หึ ขอบพระทัยยิ่งแล้วพะยะค่ะ"
เทซูกับคังซกกีทักฮงกุกยองที่ผอมไปเยอะ
" แต่ท่านก็ไม่ต้องเสียใจอีกแล้ว แม้ว่าการสิ้นพระชนม์ของพระสนมจะน่าเสียดาย แต่ฝ่าบาทก็มีพระบัญชา ให้จัดงานพระศพอย่างยิ่งใหญ่ เชื่อว่าพระนางคงได้ไปสู่สวรรค์อย่างหมดห่วง"
"ไม่หรอก ไม่ใช่อย่างงั้น ทำไมพระสนมถึงได้ประชวร ข้ารู้ดีกว่าใคร งานพระศพที่ยิ่งใหญ่ จะมีประโยชน์อะไรกัน คนที่ตายอย่างอนาถแทบจะหลับตาไม่สนิท ต่อให้ทุกคนให้เกียรตินาง ก็ไม่อาจทำให้ไปอย่างหมดห่วงได้"
พระมเหสีโยอึยทรงทราบเรื่องการเก็บกวาดตำหนักซุกชางและเคลื่อนย้ายข้าวของจึงเสด็จไปดู และพบกับฮงกุกยอง
"ได้ยินว่ามีคำสั่งให้เก็บกวาดตำหนักของวอนพิน ใต้เท้าฮง เรื่องของวอนพิน ข้ารู้สึกเสียใจ"
"ทำไมให้เก็บข้าวของเร็วนัก แสดงว่าพระมเหสี ไม่โปรดพระสนมจนรอซักพักไม่ได้หรือพะยะค่ะ"
"ใต้เท้าฮง"
"หม่อมฉัน ไม่เข้าใจพระมเหสีจริงๆ สิ่งที่พระสนมทำไป เป็นความผิดใหญ่หลวงที่ยากจะให้อภัย ถึงขั้นต้องแลกด้วยชีวิตเชียวหรือพะยะค่ะ"
"แลกด้วยชีวิตอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด"
" ที่พระสนมด่วนจากไปเร็วขนาดนี้ ก็ด้วยโรคตรอมพระทัยต่างหาก พระนางเคยทูลอ้อนวอนพระมเหสี แต่ก็ไม่หายกริ้วและไม่ยอมให้อภัย ทำให้พระสนมวอนพิน ไม่อาจแบกรับความทุกข์ใจและอนาคตที่มืดมน สุดท้ายจึงได้ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ไป พระมเหสีทรงคิดว่า สิ่งที่ทำถูกแล้วหรือพะยะค่ะ"
"ใต้เท้าฮง ความรู้สึกที่ท่านเสียน้องสาว ข้ารู้ว่าเจ็บปวดแค่ไหน ข้าก็เหมือนกัน เสียใจกับเรื่องนี้ไม่น้อยกว่าท่าน แต่ว่า ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ท่านมาพูดแบบนี้ ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยหรือ"
"ขอทรงอภัย คนที่เกินไปไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นพระมเหสี ต่อให้วันนี้ หม่อมฉันมีความผิดฐานลบหลู่เบื้องสูง ก็ขอทูลความจริงออกมาให้หมด พระสนมมีความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูง นั่นก็จริงอยู่ หม่อมฉัน ไม่เคยปฏิเสธข้อนี้เลย แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า หวังจะทรงตั้งครรภ์เร็วๆ จึงก่อให้เกิดความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ และเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ทำเป็นความผิด ก็ยิ่งไม่กล้าบอกให้ใครรู้ นั่นก็เพราะ พระนางยังอายุน้อย จิตใจอ่อนแอไม่กล้าเผชิญกับความจริง หึ พระสนมไม่ได้หวังให้ใครยกโทษ เพียงแต่ ขอประทานความเมตตาจากพระมเหสีบ้าง ถ้าทรงเข้าพระทัยจุดยืนของนางและเห็นใจสิ่งที่ได้รับ อย่างน้อยพระมเหสี ก็ควรเสด็จไปเยี่ยม พระสนมที่กำลังประชวรหนักอยู่ ฮือ ปรากฎว่าพระมเหสี กลับไม่ได้เสด็จไป ถ้าตอนนี้นางเป็นคนอื่น พระมเหสีจะทรงเหลียวแลบ้างมั้ย ถ้าตอนนี้พระสนม ไม่ใช่น้องหม่อมฉันแต่เป็นคนอื่น พระมเหสีจะทรงใจแข็ง ไม่เสด็จไปเยี่ยมนางจริงหรือ"
คิมซังกุงไม่พอใจอย่างมาก คิดจะทูลพระเจ้าจองโจ แต่พระมเหสีโยอึยปรามไว้
"ท่านอย่ายุ่งเลย"
"พระมเหสี"
"คนที่สูญเสียญาติสนิทก่อนวัยอันควร ในใจคงรู้สึกไม่พอใจข้า เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว"
" พระมเหสี ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะเพคะ เขาเอาสาเหตุการตายของพระสนมมารวมเป็นความผิดของพระมเหสีองค์เดียว ถ้าขืนปล่อยไว้ อีกหน่อยเขาต้องปองร้ายพระมเหสีแน่ ทรงเข้าพระทัยมั้ยเพคะ"
วันต่อมาพระเจ้าจองโจทรงงานถึงเช้า นัมซาโชเข้ามาพบ
"อ้อ มาแล้วหรือ ไม่นึกว่าพริบตาก็ถึงเช้าแล้ว แหม สงสัยต้องฟังท่านบ่นอีก"
"ฝ่าบาท ทำไมทรงค้างที่ห้องทรงงานล่ะพะยะค่ะ"
"มัวแต่อ่านรายงานการก่อคดีในรอบปีจนลืมเวลาไป"
"เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับตำหนักใหญ่อีก เดือนนี้เป็นวันที่"
"เอาเถอะๆ รู้แล้ว ข้ากำลังเก็บของอยู่ไง ยังไม่พอใจอีกหรือ"
"ฝ่าบาท ถ้าไงเสด็จไปตำหนักใหญ่เดี๋ยวนี้ บรรทมซักครู่เถอะพะยะค่ะ"
" ดูซิมาบอกให้ข้านอนอีกแล้ว นี่เป็นเวลาเช้า ต้องเริ่มทำงานต่างหาก ข้าเป็นถึงพระราชา จะมานอนในเวลาที่ควรตื่นได้ไง ไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรือ"
"แต่ว่าฝ่าบาท"
" เอาเถอะ อย่าพูดมากอีกเลย ข้าจะไม่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้แก่เหล่าขุนนาง ภาษิตว่าการทำงาน ทำให้คนมีคุณค่ามากขึ้น ท่านไม่รู้หรือ หึๆ จริงสิ เช้านี้อากาศเป็นไงบ้าง แจ่มใสดีหรือเปล่า"
ซอจังบูมาทำงาน แต่ถูกเทซูกับคังซกกีดุที่ยังไม่หายดี พอดีพระเจ้าจองโจเสด็จมา
"ทำไมไม่พักผ่อนอีกหลายวัน รีบมาที่นี่ทำไมน่ะ"
"เอ่อ หม่อมฉันหายแล้วพะยะค่ะ ขอทรงวางพระทัย"
"หายก็ดีแล้ว การจะสอนขุนนางตั้งมากมาย ข้าคนเดียวเห็นจะไม่ไหว"
เชกาทูลถาม "ฝ่าบาทๆ หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม ทำไมพาเรามาที่นี่พะยะค่ะ หรือว่า จะให้มาดูการยิงธนูของทหารหรือพะยะค่ะ"
"ไม่ใช่ คนที่จะยิงธนู คือพวกท่านต่างหาก"
เชกาตกใจ "หา เอ่อ"
พวกขุนนางยิงธนูกันจนเมื่อยเพราะเพิ่งเคยจับธนูครั้งแรก พระเจ้าจองโจจึงสั่งให้พรุ่งนี้มาฝึกต่อ และทรงถามนัมซาโชว่า
"วันนี้เจ้าหน้าที่หอตำรา ยิงไปทั้งหมดกี่ชุด"
"สิบชุดพะยะค่ะ"
"ใช้เวลา 3-4 ชั่วยาม หลายคนช่วยกันยิงยังได้ได้แค่สิบเองหรือ คังซกกี จำได้ไหมเมื่อก่อนยิงกับข้า ใช้ไปทั้งหมดกี่ชุด"
"ทูลฝ่าบาท ภายในเวลา 3 วัน ยิงไป 120 ชุดพะยะค่ะ ที่สำคัญ รับสั่งว่าหากไม่โดนเป้าเกินกว่าครึ่ง ทุกคนห้ามกลับบ้านพะยะค่ะ"
ทุกคนอึ้ง "โห เอ่อ"
"ฟังแค่นี้แต่ละคนคงเตรียมจะหนีกลับบ้านล่ะสิ งั้นข้าต้องให้ทหารมาคอยเฝ้าแล้ว"
ทุกคนยิ่งอึ้ง "หา เอ่อ"
" เฮ่อๆๆ พูดเล่นหรอก อย่าตกใจไปเลย ข้าจะเข้มงวดกับขุนนางพลเรือนได้ยังไง ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ต้องมาหัดยิงวันละ 10 ชุดอย่างต่ำ อย่าลืมซะล่ะ"
"พะยะค่ะ หึๆ"
" แม้จะอยู่กับตำราวิชาการ ก็ควรหมั่นออกกำลังซะบ้าง คนที่นั่งประจำ วันๆ อยู่กับหนังสือ อีกหน่อยพอสุขภาพอ่อนแอแล้วจะไปสอนใครได้ ข้าจึงอยากให้ทุกคน แข็งแรงทั้งกายและใจ เพื่อจะได้ช่วยกันนำพาบ้านเมือง ไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง เข้าใจที่พูดหรือเปล่า"
"เข้าใจพะยะค่ะ"
"หึๆๆ มา เรามาดื่มกันก่อน"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
พระ เจ้าจองโจถามเทซูว่าฮงกุกยองเป็นไงบ้าง เทซูบอกว่าอยู่ที่หอนางโลม และเอาแต่ดื่มเหล้า พอเทซูออกมาพบพวกซอจังบูกับคังซกกี ก็คิดจะไปหา พอดีฮงกุกยองเข้ามาหาพอดี สั่งให้ไปเรียกประชุมหน่วยทหารพิเศษและองครักษ์ บอกว่ามีงานสำคัญให้ทำ
พระเจ้าจองโจทรงทราบก็แปลกใจถามแชจีคยอม ว่าทำไมฮงกุกยองเรียกประชุม พอรู้ว่าฮงกุกยองต้องการจับคนร้ายที่ลอบปลงพระชนม์ ทำให้พระเจ้าจองโจทรงตกพระทัย
ฮงกุกยองให้ทหารไปสืบและพบบ้านที่ซออู อาศัยอยู่ คนสนิทของเขาเห็นทหารมาก็รีบบอกให้หนี แต่ซออูเป็นห่วงคนสนิทที่แก่มากแล้ววิ่งหนีไม่ทัน เขาเข้าไปช่วยพยุงจนถูกยิง แต่เขาพยายามหนี และไปพบกับซองซงยอนเข้า
" เจ้า หา เจ้าคือ เอ่อ คุณชาย ว้าย เอ่อ คุณชาย ลืมตาเร็วเข้า คุณชาย เอ่อ หึ มีใครอยู่แถวนี้บ้าง มาช่วยหน่อย มีคนบาดเจ็บแน่ะค่ะ ใครก็ได้มาช่วยทีได้ยินมั้ย ฮือ คุณชาย ทำใจดีๆ ไว้นะ ลืมตาเร็วเข้า คุณชาย ฮือ มีใครอยู่แถวนี้มั้ย มาช่วยคนบาดเจ็บเร็วเข้า ช่วยด้วยเจ้าข้า หา เอ่อ คุณชาย"
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 59
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ, ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube
เรื่องย่อละคร ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน สุสานภูเตศวร สาปภูษา มนต์รักข้าวต้มมัด เมียหลวง เพลงรักข้ามภพ มือนาง เทพบุตรนักบาส
Readlakorn
6 comments:
กำลังสนุกเลยคุณ ลิลลี่ เมื่อไหร่จะมาต่อครับ ยังงัยก็ขอขอบคุณนะครับ ที่เสียสละเวลาพิมพ์ให้อ่าน
ดร.อนิรุตน์
ขอบคุณค่ะ...มีน้องซงยอนโผล่มาจนได้..
ขอบคุณมากค่ะ...มีน้องซงยอนโผล่มาจนได้..รออ่านตอนต่อไปนะคะ
อ่านประวัติของโฮกุยอม ใน วิกิพีเดีย
เค้าเขียนว่า
ฮงกุกยอง (홍국영, Hong Guk-Yeong)(พ.ศ. 2291-2324) เดิมเป็นอาลักษณ์ ต่อมาจอง-ฮูกยอม ราชเลขาในสมัยพระเจ้ายองโจ ได้ให้ไปอยู่สภาการปกครอง ต่อมาเมื่อองค์ชายลีซาน ได้ครองราชย์เป็นพระเจ้าจองโจ ก็แต่งตั้งเขาเป็้นราชเลขาและนำน้องสาวของเขาเป็นพระสนม แต่เป็นได้ 2 ปีก็สิ้นพระชนม์
ฮงกุกยอง คิดว่ามเหสีฮโยอึยวางแผนฆ่าน้องสาวตนเอง จึงวางแผนปลงพระชนม์ืแต่ถูกจับได้และเนรเทศไปที่อื่นและเสียชีวิตในเวลาต่อมาขณะอายุเพียง33ปี
ในละครจะเป็นอย่างที่ลงไว้ในวิกิพีเดียหรือไม่นะ
สนมคนต่อไปจะเป็นซองซงยอนหรือเปล่าเอ่ย รอลุ้นตอนต่อไปค๊า...ขอบคุณมากๆที่สละเวลาค่ะ
ขอบคุณมากคับ
Post a Comment