Monday, January 05, 2009

ลีซาน-เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์-ลีซาน(7)-(11)

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 7

ในงานเลี้ยง อ๋องต้าชิงโปรดปรานซองซงยอน
ดังนั้นจึงมีประสงค์ให้ซงยอนปรนนิบัติส่วนตัว
องค์ชายลีซานเสนอให้นางรำปรนนิบัติอ๋องต้าชิงแทนซองซงยอน อ๋องต้าชิงไม่สบอารมณ์
พอองค์ชายลีซานรับสั่งให้พาซองซงยอนออกไป อ๋องต้าชิงรีบห้ามไว้ "ช้าก่อน
หม่อมฉันมีเรื่องจะทูลถาม หญิงคนนี้มีอะไรต้องรับผิดชอบนักหนา และมีอะไรดี
ถึงมีสิทธิ์มาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์และเหล่าขุนนางแบบนี้
แสดงว่าต้องมีอะไรพิเศษกว่าหญิงทั่วไป หากไม่อย่างงั้น
จะให้พวกหม่อมฉันเสียหน้าเพราะเรียกใช้หญิงคนเดียวยังไม่ได้ มันคงไม่ถูกนัก
สู้ให้นางมาหาหม่อมฉันดีกว่า"


ฮงพงฮันรีบตอบ "เอ่อ ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกครับ ใต้เท้าคิดมากไปแล้ว"
ปาร์กยองมุนกล่าวขึ้นว่า "ใต้เท้า อภัยที่ข้าขอพูดซักนิด
ถ้านางมีความสามารถพิเศษจริง ช่วยคลายความข้องใจของท่านได้
จะยอมปล่อยนางหรือเปล่าครับ" "งั้นหรือ ความหมายของท่าน
คือหญิงคนนี้มีความสามารถพิเศษจริงหรือ" "ใช่ครับ นางสามารถเขียนรูปได้ดี
แต่เพราะฐานะต่ำต้อย จึงไม่กล้ารับผิดชอบงานใหญ่ แต่ว่า นางเขียนรูปได้ดีจริงๆ
ครับ" ซองซงยอนเองก็อึ้ง "ใต้เท้าคะ" "ว่าไงนะ
ท่านบอกว่าหญิงคนนี้เขียนรูปเป็นหรือ" ฮงพงฮันค้าน
"อย่าไปฟังเขาเพ้อเจ้อเลยครับใต้เท้า" "ไม่ หญิงคนนี้เขียนรูปเป็นหรือ
ไม่ใช่ชนชั้นสูง เป็นแค่คนงานแต่เขียนรูปได้ เอาสิ ทำได้อย่างงั้นก็ถือว่าเก่งล่ะ
งั้นให้นางแสดงฝีมือให้ดูหน่อยเป็นไร" "เอ่อ ใต้เท้าคะ" ซองซงยอนอึกอัก
"ทรงเห็นด้วยมั้ยพ่ะย่ะค่ะ รับสั่งว่านางมีฐานะต่างจากนางโลม
แถมช่างเขียนก็ยังรับรองอีก ถ้าไม่ใช่การล้อเล่นละก้อ
หม่อมฉันควรจะได้เห็นผลงานของนางบ้างจริงมั้ยพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย
หม่อมฉันขอไปทำธุระซักครู่ หลังจากนั้น ค่อยมาชื่นชมผลงานของหญิงคนนี้ให้เต็มตา
ถ้านางสามารถเขียนรูปได้จริง เรื่องเมื่อกี้ หม่อมฉันจะไม่ถือสา โดยเฉพาะ
จะทำตามที่รับสั่ง เรียกนางโลม มาใช้บริการแทนหญิงคนนี้ ขอตัว" อ๋องต้าชิงออกไป
ฮงพงฮันจะไม่ยอม จะให้ส่งซองซงยอนไปให้อ๋องต้าชิงให้ได้
แต่องค์ชายลีซานกลับย้ำถามปาร์กยองมุนกับซองซงยอนว่า "คนงานเขียนรูปเป็น
ข้าก็เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก ท่านกล้ารับผิดชอบต่อเรื่องนี้หรือเปล่า"
"ตอนอยู่ศูนย์ศิลปะ
หม่อมฉันเคยเห็นเด็กคนนี้เขียนรูปตามหัวข้อที่องค์ชายทรงประทานพ่ะย่ะค่ะ"
"หัวข้อที่ข้าออกหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ นางไม่เคยศึกษาจริงจัง แต่มีพรสวรรค์ด้านนี้
ใครได้เห็นผลงานที่นางวาด หม่อมฉันเชื่อว่า ต้องรู้สึกทึ่งอย่างแน่นอน" "อึม
ท่านมั่นใจแน่นะ" "หึ แม้จะไม่มั่นใจ แต่จะพยายามเต็มที่"
ปาร์กยองมุนไปเตรียมอุปกรณ์กับซองซงยอน นางเกรงว่าจะทำไม่ได้
ปาร์กยองมุนให้นางเลือกว่าจะไปปรนนิบัติอ๋องต้าชิงหรือจะเขียนรูป ซองซงยอนอึ้งไป
"รูปที่เขียนตอนอยู่ศูนย์ศิลปะ ลองอีกครั้งได้ไหม ภายในหนึ่งชั่วยามต้องเขียนให้ได้
ทำได้หรือเปล่า" "ไม่ ไม่ทราบค่ะ" "ยังไงก็ต้องทำให้ได้" "ใต้เท้าคะ"
"อย่าลืมว่าองค์ชาย ทรงออกหน้าปกป้องคนงานอย่างเจ้า ถึงขั้นจะทรงเดือดร้อน
สิ่งที่เจ้าจะทำ ไม่เพียงกำหนดชะตาตัวเองเท่านั้น ยังรวมถึงพระเกียรติขององค์ชาย
และหน้าตาของโชซอนด้วย ผงสีเหลืองเอามาจากไหน" ซองซงยอนยังอึ้ง "ว่าไงเล่า" "เอ่อ
จากดินถนำค่ะ" "สีแดงล่ะ" "จากไม้ฝางค่ะ" "ถ้าจะลดความเข้มของไม้ฝาง ให้ใช้ "โชชู"
แทน เอาใหม่" "น้ำเงินมาจาก "ซกชอง" สีเขียวมาจาก "ทงลอ" สีดำมาจาก "แพ่กโชซอง"
ค่ะ" พอถึงเวลาซองซงยอนจะวาดภาพ อ๋องต้าชิงก็ขอกำหนดหัวข้อให้วาด
ซึ่งอ๋องต้าชิงบอกลักษณะตัวที่จะให้วาด แล้วก็มองซองซงยอนอย่างท้าทายว่าจะทำได้หรือ
ซองซงยอนบอกว่าได้ แล้วนางก็ลงมือวาด
พอวาดออกมาฮงพงฮันเห็นก็ตกใจรีบขอโทษอ๋องต้าชิง แต่อ๋องต้าชิงไม่สน
ถามซองซงยอนว่าตัวอะไรรู้หรือเปล่า "เอ่อ ทราบค่ะ ข้าวาดตัวกิเลน"
พวกขุนนางต่างงงว่ากิเลนคืออะไร องค์ชายลีซานจึงตอบแทนว่า "กิเลน
เป็นสัตว์ที่ขุนนางต้าหมิงชื่อ "เจิ้นเหอ" นำมาจากทางตะวันตก
เป็นสัตว์ที่อยู่ในตำนานเล่าขานมาหลายร้อยปี" "อ้อ งั้นหรอกหรือ"
"นี่แปลว่าเจ้ารู้จักกิเลนด้วยหรือ ช่วยอธิบายความหมายของภาพหน่อยได้ไหม"
ซองซงยอนอธิบาย "กิเลนเป็นสัตว์ในเทพนิยาย เช่นเดียวกับมังกร หงส์ และเต่าพันปี
เป็นสัตว์ที่มีเมตตาไม่เคยทำร้ายสัตว์อื่น เขาข้างเดียวของมัน
หมายถึงฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ปกครองบ้านเมืองเป็นปึกแผ่น และสีเหลือง เขียว ขาวดำ
ที่อยู่ตามเกล็ดของมัน ก็หมายถึงคุณธรรม 5 ประการที่ฮ่องเต้ควรมี
กล่าวกันว่าหากมีกิเลน ปรากฎขึ้น
แปลว่าจะมีฮ่องเต้ผู้ทรงคุณอันประเสริฐมาเกิดน่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานมองซองซงยอนอย่างชื่นชม อ๋องต้าชิงเองก็ชื่นชม
"เจ้ารู้กระทั่งประวัติความเป็นมาของกิเลนเชียวหรือนี่ ภาพกิเลน
ไม่ใช่จะเขียนได้ง่ายๆ หรอกนะ แค่คนงานเล็กๆ จะรู้ได้ยังไง
เจ้าไปเอาความรู้มาจากไหน และยังเขียนได้อย่างสวยงามอีก" "พ่อของข้าที่ด่วนจากไป
เคยเป็นช่างเขียนน่ะค่ะ ข้าเพียงแต่ นึกถึงภาพที่เขาเคยเขียนเลยออกมาเป็นรูปนี้"
"ต้องขออภัยจริงๆ ที่ทำให้ท่านเสียอารมณ์" "ไม่ๆๆ อย่าพูดอย่างงั้น
พวกท่านทำให้ข้าเพลิดเพลินมากกว่า ถ้าไงอีกสองวันค่อยพบกันนะองค์ชาย"
อ๋องต้าชิงออกไปแล้ว ฮงพงฮันหันมาทางองค์ชายลีซาน
และจะเอาเรื่องปาร์กยองมุนกับซองซงยอน
แต่องค์ชายลีซานห้ามไว้บอกว่าจะรับผิดชอบเองใต้เท้านัมเข้ามารายงานองค์ชายลีซานว่า
"องค์ชาย การสืบหาเครื่องบรรณาการที่สูญหาย เห็นจะยากแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ไม่มีร่องรอยยังพอว่า กลัวแต่ข่าวนี้ถ้าแพร่ออกไป คณะทูตจะรู้เข้าอีก
หน่วยปราบปรามเลยต้องปิดเงียบ ไม่ให้ใครรู้ว่าเครื่องบรรณาการถูกปล้น
แล้วสืบหาด้วยความยากลำบากพ่ะย่ะค่ะ ที่จริงน่าจะให้หลายฝ่ายช่วยกันสืบหา
แต่กลับต้องทำเงียบๆ พ่ะย่ะค่ะ" "ข้าก็นึกอยู่แล้ว ไม่เคยหวังว่าจะได้คืนหรอก
คนพวกนั้น พยายามจะทำให้ข้าจนตรอกให้ได้ เลยมีการวางแผนไว้อย่างรัดกุม
ข้าเคยนึกว่าตัวเอง ไม่มีความสำคัญอะไรนัก แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว
ถึงขนาดทำเรื่องเลวร้ายมาปรักปรำข้า แสดงว่าข้าก็พอจะน่ากลัวเหมือนกัน" "เอ่อ
องค์ชาย" "เมื่อมีของสูญหาย เราคงไม่สามารถชี้แจงให้ทูตต้าชิงเข้าใจได้
ถ้าไม่สามารถหาผ้าฝ้ายขาวกลับคืน เราก็ต้องทอขึ้นใหม่"
พระเจ้ายองโจทรงทราบก็รับสั่งให้ผู้ว่าเมือง "คังวา" มาพบ เทซูรู้สึกผิดเมื่อรู้จาก
ซองซงยอนว่าเรื่องนี้ทำให้องค์ชายลีซานต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย "นี่
เจ้าพูดจริงหรือเปล่าน่ะ เรือสินค้าถูกปล้น เกี่ยวอะไรกับองค์ชายลีซาน
ทำไมต้องให้ทรงรับผิดชอบล่ะ" "เพราะทูตที่มา อยู่ภายใต้การต้อนรับขององค์ชาย
ถ้ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น พระราชาก็ต้องตำหนิองค์ชาย หาว่าทำงานบกพร่องไม่ใช่หรือ"
"เอ่อ อ้อ เอ๊ะ ตายล่ะ ข้าเอาของไปไว้ไหนนะนี่ ใช่แล้ว สงสัยจะอยู่ในห้องท่านอา"
"อะไรหรือ" "อ้อ เดี๋ยวมานะ แป๊บหนึ่ง" องค์หญิงวาวานรู้เรื่องจากแชซกจูก็กระหยิ่ม
"จริงหรือ มีเรื่องแบบนี้ด้วย? แทนที่จะห่วงฐานะตัวเอง
กลับไปห่วงคนงานหญิงว่าจะถูกรังแกอีก เห็นทีสวรรค์จะเข้าข้างเรา
ช่วยให้งานราบรื่นกว่าที่คิดไว้ ป่านนี้ทูตต้าชิงคงจะโกรธแย่
ถ้าเราส่งคนไปเป่าหูอีกหน่อย เขาต้องเอนเอียงมาทางเราแน่" "องค์หญิง
ต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยหรือ" "ทำไมคะ อย่าบอกนะว่าท่านเกิดใจอ่อนน่ะ" "องค์หญิง
ยังไงหม่อมฉันยังเป็นขุนนางอยู่ คงไม่อาจทนเห็นสิ่งที่จะทำให้ราชสำนักเสื่อมเสียได้
ถ้าคณะทูตมีใครรู้เรื่องนี้เข้า เราจะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเรื่องจะยิ่งบานปลาย
หรือส่งผลกระทบถึงใครบ้าง หรือก็แปลว่าราชสำนัก
อาจต้องเผชิญกับวิกฤติที่ไม่มีใครคาดคิดก็ได้" "แต่ถ้าเราปล่อยลีซานไว้
นั่นจะยิ่งเป็นผลเสียต่อราชสำนัก ถ้าตอนนี้ไม่ทำอะไรเลย อีกหน่อยพอเขาครองราชย์
เราจะยิ่งเล่นงานลำบากมากขึ้น" "แต่หม่อมฉันเห็นว่า" "เฮ่อๆๆ ขอโทษทีใต้เท้าแช
ข้าพูดแรงไปหน่อย สรุปก็คือ เรื่องนี้ไม่ใช่การตัดสินใจของข้าคนเดียว
ท่านจงอย่าลังเลให้มากนัก อีกอย่าง ในเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน
เราก็รีบเดินหน้าต่อเถอะ" ขณะที่องค์ชายลีซานกำลังหาผ้าฝ้ายขาวมาแทนอยู่นั้น
มหาดเล็กเข้ามารายงานว่า "องค์ชายๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันได้ข่าวมาจากเรือน "มูวา" ว่าคณะทูตกำลังเก็บของอยู่พ่ะย่ะค่ะ"
"หมายความว่ายังไง พวกเขาทำไมรีบเก็บของล่ะ" "คนที่มารายงานบอกว่า
พวกเขาเตรียมตัวจะกลับต้าชิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ" พวกขุนนางงุนงง "ทำไงดี นั่นสิ"
เวลานั้นเทซูไปที่ร้านที่เขาซื้อพู่กันมา เพื่อจะขอคืนบอกว่าร้อนเงิน
แต่คนขายบอกว่าเจ้าของร้านไม่อยู่ไปท่าเรือ
ดัลโฮไปที่ท่าเรือก็แปลกใจว่าทำไมมีพวกพ่อค้าเยอะนัก
สืบจนรู้ว่าพวกพ่อค้ามาดูอ๋องต้าชิงกลับ
เพราะรู้ข่าวว่าเครื่องบรรณาการถูกขโมยทำให้ไม่พอใจ
ใต้เท้านัมขอร้ององค์ชายว่าให้ขุนนางออกหน้าไปแทน เพราะองค์ชายสูงศักดิ์กว่า
แต่องค์ชายลีซานบอกว่าไม่ใช่เวลามาถือยศถือศักดิ์
ไม่เช่นนั้นจะมีขุนนางคนไหนที่เขาไว้ใจได้บ้าง พอไปถึงท่าเรือ ฮงพงฮันก็บอกว่า
"องค์ชาย ดูเหมือนคณะทูตจะออกจากเรือนมูวาแล้วพ่ะย่ะค่ะ
เรือก็มาเทียบท่าที่ยางวาจินเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน กำลังขนของลงเรือพ่ะย่ะค่ะ"
"งั้นเราก็ไปยางวาจินกัน" "เอ่อ แต่ว่าองค์ชาย ตอนนี้" "ต่อให้เรือออกจากฝั่ง
เราก็ต้องตามไป ขอร้องให้พวกเขาอยู่ต่อ พวกเจ้ารีบไปท่าเรือเดี๋ยวนี้
แล้วข้าจะตามไปทีหลัง" ชองโฮคยอมก้าวเข้ามา "ไม่ต้องเสด็จไปเองหรอกพ่ะย่ะค่ะ
พวกเขายังไม่ออกเดินทาง หม่อมฉันได้รั้งตัวพวกเขาไว้แล้ว
ทรงวางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าคือ" "หม่อมฉันชองโฮคยอมถวายบังคมองค์ชาย
ทรงสำราญดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานนึกถึงตอนที่ยังทรงพระเยาว์และได้พบกับชองโฮคยอมครั้งหนึ่ง
ขุนนางคนหนึ่งทักชองโฮคยอม "ใต้เท้า ได้ยินว่าผู้ว่าเมือง "คังวา" ชองโฮคยอม
กลับมาเมืองหลวงแล้วหรือ" "ใช่" "แปลกจริง เขาไปเป็นผู้ว่าคังวาตั้งนาน ทำไมจู่ๆ
กลับมาเมืองหลวงได้ล่ะ" "ดูเหมือนว่า ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เขากลับมา" "อะไรนะ
ฝ่าบาทน่ะหรือ" "ใช่ เมื่อ 2 ปีก่อน เขาเคยไปเรียนต่อที่ต้าชิง
กลายเป็นคนดังของที่นั่น ดูเหมือนว่าจะสนิทกับทูตที่ชื่อหวังเหว่ยไม่น้อยด้วย
คราวนี้ที่ให้เขากลับมา เพื่อจะรั้งพวกทูตไว้ก่อน ฮึ่ม"
ชองโฮคยอมได้เข้าเฝ้าพระเจ้ายองโต และทูลว่า "บังเอิญว่าตอนนั้น
หม่อมฉันโดยสารเรือมาถึงยางวาจิน เห็นท่านหวังเหว่ยกำลังจะกลับ
ถ้ามาช้ากว่านี้ก็คงรั้งไม่อยู่หรอกพ่ะยะค่ะ" "ดีมาก
แล้วพวกเขามีข้อเรียกร้องอะไรอีก
เครื่องบรรณาการถูกปล้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดมาก่อน จะถือเอาเรื่องนี้
ขูดรีดจากเราให้มากขึ้นใช่ไหม" "พ่ะย่ะค่ะ ขอโสม 300 ชั่ง เสื่อ 150 ผืน หนังสัตว์
80 ผืน พู่กัน 50 แท่ง และยังมีกระดาษและเกลือ
รวมอยู่ในเครื่องบรรณาการชุดใหม่พ่ะย่ะค่ะ" "ของพวกนี้
มากกว่าที่เคยตกลงไว้เป็นสองเท่าเชียวนะ" พระเจ้ายองโจทรงชื่นชมนัก "พ่ะย่ะค่ะ
ถ้าเราไม่ให้ ก็ต้องส่งมอบผ้าฝ้าย 150 พับตามที่ตกลงไว้แต่แรก แต่เท่าที่ดู
ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว การจะรวบรวมของเหล่านี้ภายใน 5 วัน
ก็ต้องบังคับให้ร้านค้าทั้งหลายส่งมา แน่นอนว่าจะทำให้การค้าในตัวเมืองเสียหาย
แต่ว่า เมื่อความผิดพลาดเกิดจากเรา ถ้าไม่อยากให้ความสัมพันธ์กับต้าชิงง่อนแง่น
เราคงไม่มีทางเลือกพ่ะย่ะค่ะ" ชองโฮคยอมกลับมาแชซกจูก็ถามว่าผลเป็นยังไงบ้าง
"ทูลตามที่ท่านบอก ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวครับ" "อึม งั้นเจ้ากลับไปก่อน
คิดว่าแม่บุญธรรมเจ้า คงไม่พอใจกับเรื่องนี้นัก เพราะไม่ว่ายังไง
ในสายตาขององค์หญิง อาจจะมองว่าเจ้าช่วยองค์ชายไว้อยู่ดี" ชองโฮคยอมน้อมรับ "ครับ"
องค์หญิงวาวานเสด็จเข้ามาก่อน "ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ น่าโมโหจริงๆ ยังจะยิ้มอีก?"
"พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเพิ่งรู้สึกว่าได้มาอยู่ในวัง" ชองโฮคยอมว่า "หุบปาก
ข้าไม่ได้หวังให้เจ้ามาเนรคุณ ถึงได้รับเป็นลูกบุญธรรมหรอกนะ อยู่ดีๆ
ไปช่วยเขาซะอย่างงั้น ข้าเลี้ยงสุนัขซักตัว ยังรู้จักตอบแทนมากกว่าเจ้าอีก"
"พระมารดา ทุกครั้งที่องค์ชายเดือดร้อน ฝ่าบาทเป็นต้องเรียกหาหม่อมฉัน
นั่นเพราะหม่อมฉันไม่เคยทำให้พระองค์ผิดหวังเลย แล้วอย่างงี้
หม่อมฉันจะทำให้พระมารดาผิดหวังได้หรือ" องค์หญิงวาวานยังไม่ค่อยพอใจนัก "เฮ่ย หึ"
"เพียงเพื่อจะปลดองค์ชาย ทำให้บ้านเมืองเสียหาย มันคุ้มแล้วหรือ
ถ้าเป้าหมายของเราคือจะปลดเขา แค่นี้ก็เหลือพอแล้ว
เทียบกับการปล่อยให้ทูตต้าชิงกลับไป แบบนี้ยังดีกว่าเยอะ
พอเราเริ่มขูดรีดสินค้าจากชาวบ้านเมื่อไหร่ ความโกรธแค้นที่ราษฎรมีต่อองค์ชาย
ฝ่าบาทก็จะทรงทราบอย่างแน่นอน"000000000000000 องค์ชายลีซานทรงคิดหนัก
ใต้เท้านัมทูลว่า "องค์ชาย ถ้าเราไปบังคับเอาสิ่งของจากชาวบ้าน
เหล่าพ่อค้าต้องโอดครวญหนักแน่ และตอนนี้ มีคำสั่งระงับการซื้อขายด้วย"
"การยึดสิ่งของแบบนี้ เป็นนโยบายการค้าที่ถือว่าเลวร้ายที่สุด
แต่ว่าต้าชิงก็ถือเอาความผิดครั้งนี้ บังคับให้เราชดเชยเต็มที่
ในขณะที่เราก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ถ้าจะให้ดี คือขอความร่วมมือจากเหล่าพ่อค้า
อย่าให้พวกเขาโกรธมากนัก อีกอย่างเราต้องมีวิธีชดเชยความเสียหายของพวกเขาด้วย"
ใต้เท้านัมฟังอย่างเข้าใจ "อึม" "ท่านไปสำรวจความคิดเห็นของเหล่าพ่อค้าหน่อย
อีกอย่างไม่เฉพาะแค่ถนนวุนจอง แม้แต่ "ซอกัง" และ "ซงปา" ก็ต้องไปด้วย"
ใต้เท้านัมน้อมรับคำสั่ง "พ่ะย่ะค่ะ" มีขุนนางไปขูดรีดเอากับพวกพ่อค้า
ทำให้พ่อค้าต่างต่อว่าองค์ชายลีซาน
ทั้งนี้ยังมีผลกระทบไปถึงเรื่องการขาดกระดาษและพู่กันชั้นดี
ปาร์กยองมุนจึงบอกให้ถือว่าเป็นการเสียสละเพื่อบ้านเมืองไปก่อน
พวกพ่อค้าต่างไปประท้วงที่วังหลวง
ขณะที่เทซูชวนดัลโฮไปคาดคั้นถามหาผ้าฝ้ายที่เขาขโมยมาจากชายคนที่ว่าจ้าง
ว่านำผ้าไปไว้ที่ไหน แต่ชายคนที่ว่าจ้างก็ไม่รู้ มีซูนำผงฮุบุนมาให้ซองซงยอน
ทำให้ซองซงยอนแปลกใจ "ผงฮูบุน เป็นส่วนผสมของสีขาวนี่นา มาให้ข้าทำไม"
"มันเป็นผงที่มีฤทธิ์แรง เห็นเขาว่าใช้ทาหน้า จะทำให้หน้าขาว
แม้แต่เสื้อที่เปื้อนคราบ เอานี่ไปผสมกับเกลือแล้วแช่ไว้ คราบก็จะหลุดหมด"
"ระวังหน่อยเถอะ เกิดใครรู้เข้าแล้วจะแย่" ซองซงยอนเตือน "สีขาวน่ะ ไม่ค่อยมีใครใช้
อย่าห่วงเลยน่า หึ" ซองซงยอนกลับมา ดัลโฮก็รีบตามนางไปหาเทซู
เพราะตอนนี้เขาคุ้มคลั่งไปขอให้ทหารจับกุมตัว บอกว่าเป็นคนขโมยเครื่องบรรณาการไป
แต่ทหารกลับไล่ให้เขาออกไป เทซูยังไม่ยอมไปทำให้ถูกชกที่ท้อง
ดัลโฮกับซองซงยอนมาเห็นก็รีบเข้าไปประคอง "เทซู" "เฮ่อ ซงยอน" "ฮือ เฮ่ย
ทำไมเจ้าถึงโง่นัก ทำไมต้องทำเรื่องแบบนี้ด้วยล่ะ" ซองซงยอนรู้เรื่องก็ร้องไห้
เทซูเองก็ร้องไห้ "ฮือ ข้ามันสมควรตายนัก ฮือ ตัวใหญ่ซะเปล่าไม่มีหัวคิด ฮือ
ลืมสัญญาของเรา แถมยังทำร้ายองค์ชายลับหลังอีก" "ฮือ เทซู" "ฮือๆๆ ทำไงดีล่ะซงยอน
หมอนั่นไม่รู้ว่าผ้าไปเก็บอยู่ไหน ฆ่าให้ตายก็ไม่รู้ เรื่องนี้เพราะข้าไม่ดีเอง
ข้ามันโง่ ฮือ ทีนี้จะทำไงดี ทำไงดีล่ะ ฮือๆๆ ฮือๆๆ"
พระเจ้ายองโจเสด็จมาเห็นองค์ชายลีซานยังยืนก็ทรงต่อว่า "นี่มันเวลาไหนแล้ว
เจ้ายืนอยู่อย่างนี้ ช่วยให้รู้ความผิดของตัวเองหรือเปล่า" "ฝ่าบาท" "ตามมา
ข้าจะพาไปที่แห่งหนึ่ง"
พระเจ้ายองโจพาองค์ชายลีซานไปดูพวกชาวบ้านที่ร้องห่มร้องไห้กันอยู่
"ทีนี้เห็นกับตาแล้วใช่ไหม นี่คือผลพวงจากการทำงานที่ผิดพลาดของเจ้า
อำนาจเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะแค่สั่งคำเดียว จะสามารถทำให้คนนับหมื่นนับแสน
สุขหรือทุกข์ได้ในชั่วพริบตา แต่ว่า ราษฎรเหมือนน้ำ พระราชาคือเรือ
ต่อให้เรือลำใหญ่แค่ไหน ก็ไม่อาจต้านกระแสน้ำที่จะพาให้เรือจมได้
ขุนนางต่อต้านอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะอยู่ในวงแคบ
แต่ว่าถ้าราษฎรก่อให้เกิดมรสุมขึ้นมา ไม่นานนัก ข้าอาจได้เห็นเจ้าจมน้ำต่อหน้า"
ซองซงยอนนำผ้าฝ้ายสีเหลืองที่ดัลโฮจะนำไปขายมาทำให้เป็นสีขาว
ปาร์กยองมุนเห็นก็นำผงฮูบุนมาถวายแด่องค์ชายลีซาน ใต้เท้านัมถามว่าอะไร
"เป็นผงที่บดจากเปลือกหอยเรียกว่า "ฮูบุน" พ่ะย่ะค่ะ ที่ศูนย์ศิลปะ
มักใช้เป็นส่วนผสมของสีขาว" "ถ้าอย่างงั้น ท่านเอาผ้าฝ้ายเหลืองมาทำไม
และทำไมต้องให้องค์ชายทอดพระเนตรด้วย" "นี่คือตำราที่บันทึก
เกี่ยวกับขั้นตอนการย้อมผ้าต่างๆ มีเขียนไว้ว่า ผงฮูบุนสามารถใช้ได้พ่ะย่ะค่ะ"
"การย้อมผ้า คือเปลี่ยนสีของผ้า จะเอาฝ้ายเหลืองเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือ"
"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ" "เอ่อ แต่ว่าองค์ชาย หลักการย้อมสีนั้น
คือการทำให้สีขาวเปลี่ยนเป็นสีอื่นต่างหาก แต่จะทำให้สีเหลืองกลายเป็นสีขาว
ไม่เคยได้ยินมาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่า ถ้ามันเป็นไปได้ เราก็น่าจะลองดู"
องค์ชายลีซานดูมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง "หา อะไรนะ" "เนื้อของผ้าฝ้ายเหลือง
แต่เดิมก็ดีกว่าฝ้ายขาวอยู่แล้ว สมัยก่อน ในยุคของพระเจ้า "เซจง"
เราเคยส่งฝ้ายเหลือง ไปเป็นเครื่องบรรณาการ แต่ผู้รับไม่ค่อยพอใจนัก
หลังจากนั้นจึงส่งแต่ฝ้ายขาวอย่างเดียว ทำให้ผ้าฝ้ายขาวมีราคาสูงขึ้น
คนก็ยิ่งต้องการ ในขณะที่ฝ้ายเหลือง กลายเป็นว่าหาซื้อได้ทั่วไป"
องค์ชายลีซานตรัสขึ้น "องค์ชาย" ใต้เท้านัมไม่แน่ใจนัก "การย้อมสีนั้น
โดยหลักการคือเปลี่ยนจากสีหนึ่งเป็นอีกสี
ในเมื่อเปลี่ยนจากขาวเป็นเหลืองหรือม่วงได้ สีเหลืองก็อาจทำให้เป็นขาวได้
เพียงแต่ยังไม่มีใครเคยลอง เพราะผ้าขาวมีอยู่ทั่วไป คนเลยไม่คิดจะย้อมขึ้นมาอีก
เพียงแต่ห่วงว่า ถ้าเราเอาผงไปกัดให้สีลอก
ไม่รู้ว่าเนื้อผ้าจะเปลี่ยนด้วยหรือเปล่า" "พ่ะย่ะค่ะ ที่หม่อมฉันรู้สึกเป็นห่วง
ก็คือเรื่องนี้เหมือนกัน" ปาร์กยองมุนกล่าว
ปาร์กยองมุนสั่งให้เอาผงฮูบุนไปเก็บอีกห้องหนึ่ง ส่วนองค์ชายลีซานก็ทดลองทำ
ทางด้านชองโฮคยอมกำลังทูลพระเจ้ายองโจว่า "เที่ยงวันนี้ หลังการเจรจาบรรลุผล
ก็จะเลี้ยงส่งคณะทูตพ่ะยะค่ะ" "เครื่องบรรณาการเตรียมพร้อมหมดแล้วใช่ไหม"
"พ่ะย่ะค่ะ ทูตหวังเหว่ยได้ตรวจสอบแล้ว เป็นที่พอใจ จึงให้ขนลงเรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ไปดูพวกเขาลำเลียงให้ดี อย่าให้เกิดอะไรผิดพลาดอีกล่ะ" "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
และขณะที่ชองโฮคยอมดำเนินการอยู่กับแชซกจู องค์ชายลีซานก็เสด็จมา
"หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม ที่เสด็จมานี่เพื่อ" "ที่ข้ามานี่
เพื่อจะนำผ้าฝ้ายขาวมามอบให้ท่านทูต เดิมทีนึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว ที่ไหนได้
งานเลี้ยงอำลายังไม่เริ่มเลย" ซองซงยอนทำสำเร็จก็รีบไปบอกให้เทซูสบายใจขึ้น
พระเจ้ายองโจทรงทราบเรื่องที่องค์ชายลีซานทำผ้าฝ้ายเหลืองให้ขาวได้ก็ทรงถามว่า
"ใช้การย้อมสีหรือ ทำไมนึกได้วิธีนี้ล่ะ" "ช่างเขียนที่ศูนย์ศิลปะ
แนะนำมาพ่ะย่ะค่ะ" "อึม เอาเถอะ ถือว่าแล้วไป แต่ว่า ไม่ได้แปลว่าเจ้าทำถูกหรอกนะ
มันเป็นวิธีขายผ้าเอาหน้ารอด ผักชีโรยหน้าให้คนเห็นว่างาม แต่จริงๆ
เบื้องหลังฉุกระหุก เกือบย่ำแย่ไปกันหมด อย่าลืมว่าหลายวันนี้ราษฎรของเรา
ต้องลำบากเพราะเจ้าขนาดไหน" "พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะจำไว้"
เวลาเดียวกันนี้องค์หญิงวาวานก็ทรงเตือนชองโฮคยอมว่า
"รู้มั้ยว่าข้อเสียของคนหนุ่มที่ฉลาดคืออะไร คือมั่นใจตัวเองเกินเหตุ
จนทำให้เกิดความประมาทคนอื่น เรื่องวันนี้ ต้องมีการเรียกประชุมอีกครั้ง
มีหลายอย่างคงต้องให้เจ้าอธิบายเอง" "พ่ะยะค่ะ ข้อนี้หม่อมฉันรู้"
พวกชาวบ้านดีใจที่ได้รับแจกของคืน องค์ชายลีซานค่อยโล่งใจ ทรงเสด็จไปหาปาร์กยองมุน
"ที่เราแก้ปัญหาได้ เพราะผลงานของท่าน ฉะนั้น ข้าจึงให้ท่านมาพบ
เพื่อจะมอบรางวัลให้" "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงชมมากไปแล้ว" "ไม่หรอก
เป็นผลงานของท่านจริงๆ ถ้าไม่เอาผงฮูบุนมา เราก็ยังหาทางออกไม่ได้ ฉะนั้น
ข้าจะไม่ลืมความดีของท่าน" "เอ่อ ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ จริงๆ แล้วการย้อมสีแบบนี้
ไม่ได้เกิดจากความคิดของหม่อมฉันเลย" "งั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น
ทำไมท่านรู้วิธีแบบนี้ด้วยล่ะ" "จริงๆ แล้ว เพราะผู้ช่วยที่เคยทำงานให้หม่อมฉัน
เป็นคนแนะนำมาพ่ะย่ะค่ะ" "อ้อ งั้นหรือ เรื่องเป็นอย่างงี้นี่เอง
แสดงว่าคนงานคนนี้น่าจะมีความรู้มากสินะ เพราะจากการเขียนภาพในงานเลี้ยง
นางดูตั้งอกตั้งใจ เขียนได้อย่างชำนาญ" "หม่อมฉันก็คิดอย่างงั้นพ่ะย่ะค่ะ" "จริงสิ
วันก่อนท่านบอกว่า นางได้เขียนภาพตามหัวข้อที่ข้าให้ไว้ใช่ไหม" "พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย"
"อยากรู้ว่าจะออกมาแบบไหน ถ้าไง ขอดูหน่อยได้ไหม" "พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันจะหาให้เดี๋ยวนี้ หึ"
องค์ชายลีซานตกตะลึงเมื่อเห็นภาพวาดที่ปาร์กยองมุนนำมา "นี่คือภาพที่
คนงานหญิงคนนั้นเป็นคนวาดหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ" "หึ แล้วท่านรู้มั้ยว่า
ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร นางมีชื่อว่าอะไร บอกข้าเดี๋ยวนี้" "เอ่อ ชื่อซงยอนพ่ะย่ะค่ะ
ซองซงยอน" องค์ชายลีซานได้ยินชื่อก็ทั้งตกใจและตื่นเต้นมาก "หา ท่านบอกว่าไงนะ
ท่านบอกว่า นางชื่อซงยอนงั้นหรือ" "พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย" "ใช่นางหรือนี่ หญิงคนนั้น
ก็คือซงยอนหรอกหรือ หึ แล้วตอนนี้นางอยู่ไหน อยู่ที่ ศูนย์ศิลปะงั้นหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ"

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 7

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 8

ปาร์คยองมุนสอบถามที่อยู่ของซองซงยอน มีซูรู้จึงบอกไป
เทซูออกไปดัลโฮแล้ว
ลีชองก็เข้ามาหาซองซงยอน และพาออกไปข้างนอกเพื่อให้ช่วยวาดภาพ
ใต้เท้านัมมาหาจึงไม่พบใคร
พอซองซงยอนช่วยผสมสีให้ลีชองเสร็จแล้วก็จะกลับ
เธอเจอกับโยอึยที่ขอให้ช่วยทำขนมเบจัก
"แหม ฝีมือเจ้าช่างดีจริง
ขนมอย่างเดียวกัน เวลาเจ้าทำดูน่ากินกว่าเยอะเลย เก่งขนาดนี้ไม่น่าให้รับใช้ทั่วไป
ถ้าไงข้าจะบอกท่านแม่ว่า ให้ย้ายมาอยู่ในครัวดีกว่ามั้ย"
"เอ่อ
เข้าใจผิดแล้วค่ะ ข้าเป็นผู้ช่วยที่มากับช่างเขียนรูปต่างหาก"
"อ้อ
งั้นหรอกหรือ ต้องขอโทษจริงๆ นึกว่าเป็นสาวใช้คนใหม่ซะอีก"
คิมนางในคนสนิทของโยอึยเข้ามาตาม "พระชายาเพคะ พระชายาๆ"
"อ้อ
ข้าต้องรีบไปแล้ว หึ ขอบใจที่ช่วยทำขนมให้นะ"
จองกึมบอกโยอึยว่า
พระชายาเฮคยองเสด็จมาพร้อมหมอหลวง
"พระมเหสีทรงเมตตา ส่งหมอหลวงมาดูแลเจ้า
แม้จะอยู่ในระหว่างเก็บตัวพักฟื้น เขาอยู่ห้องข้างๆ จะให้มาตรวจเลยมั้ย"
"เพคะ
หม่อมฉันขออภัยที่ทำให้ทรงเป็นห่วง"
"แต่ว่า กล่องนี้ใส่อะไรน่ะ"
พระชายาเฮคยองรับสั่งถาม
"อ้อ เป็นขนมเบจักเพคะ กะว่าจะนำไปถวายองค์ชาย
หัดทำนิดหน่อยน่ะเพคะ"
"เห็นเจ้าเป็นโรคโลหิตจางเลยให้มาพักผ่อนที่บ้าน
แล้วทำไมยังทำงานอีกล่ะ"
"ขอทรงอภัยเพคะ เป็นเพราะว่า
หม่อมฉันอยากทำหน้าที่ภรรยา มีของเสวยไปถวายองค์ชายบ้างน่ะเพคะ"
"ความรู้สึกของเจ้า ข้าเข้าใจดี แต่ว่า ตอนนี้สำคัญที่สุดคือ
เจ้าต้องทำตัวให้แข็งแรง จะได้รีบกลับวังไวๆ ในฐานะพระชายา
เจ้าควรอยู่เคียงข้างลูกซานไม่ใช่หรือ"
"ทราบแล้วเพคะ"
ขณะที่ใต้เท้านัมกลับมาหาองค์ชายลีซาน
"ทำไมท่านกลับมาคนเดียวล่ะ
ไม่เจอนางหรือไง"
"ทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อนบ้านบอกว่า พวกเขาเพิ่งย้ายมาเมื่อ 1
ปีที่แล้ว มีพ่อค้าคนหนึ่ง และชายหนุ่มที่อายุไล่เลี่ยกับซงยอน,อาศัยอยู่ด้วยกัน
คิดว่าน่าจะเป็นปาร์คดัลโฮ และเทซูพ่ะย่ะค่ะ"
"หมายความว่า
พวกเขาอยู่ด้วยกันหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"งั้นหรือ อยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว"
"ขณะที่หม่อมฉันไปถึง ที่บ้านไม่มีคนอยู่พ่ะย่ะค่ะ กลัวว่าถ้ารอนาน
องค์ชายอยู่ทางนี้มีรับสั่งให้หา หม่อมฉันเลยกลับมาก่อน"
"แล้วเพื่อนบ้านล่ะ
ไม่รู้ว่าพวกเขาไปไหนหรือ"
"หม่อมฉันถามแล้ว ไม่มีใครรู้พ่ะย่ะค่ะ"
ซองซงยอนไปซื้อกระดาษแต่ถูกจับตัวไป และนำพู่กันมาฝากร้านค้าไว้มอบให้เทซู
พร้อมบอกว่าให้ไปพบก่อนยามสาม เทซูเห็นพู่กันก็เป็นห่วงซองซงยอนหุนหันจะไปทันที
ดัลโฮต้องปรามไว้ เพื่อป้องกันการถูกหลอก ควรสืบให้รู้ก่อน
ว่าแล้วทั้งสองก็ตรงไปที่ศูนย์ศิลป์ แต่ไม่พบจึงพากันกลับมาที่บ้าน
ใต้เท้านัมจำดัลโฮได้ก็เข้าไปถามว่าใช่เขาหรือเปล่า
ดัลโฮเจอหน้าใต้เท้านัมก็ร้องไห้ดีใจ เทซูเข้าไปในบ้านก็ถูกองค์ชายลีซานจับตัวไว้
เทซูโมโหที่ถูกจับก็ชกเข้าให้
"หึ เจ้าเป็นใคร ทำไมมาอยู่บ้านข้าได้"
"หึ
เจ้าคือเทซูใช่ไหม"
"ใช่ ข้าคือปาร์คเทซู แล้วเจ้าเป็นใคร
คนที่ท่าเรือส่งมาใช่ไหม หา"
"จำข้าไม่ได้แล้วหรือ"
เทซูเพ่งพินิจ "อะไรนะ"
"หึ หมัดของเจ้า ยังหนักเหมือน 9 ปีก่อนไม่มีผิด ต่อยซะแรงเชียว หึ"
แล้วเทซูก็เห็นใต้เท้านัมเข้ามากับดัลโฮก็ตกใจ
"หา เอ่อ องค์ องค์ชาย"
ดัลโฮดุ "ก่อเรื่องอีกแล้วมั้ยล่ะ"
"องค์ชาย ทรงเป็นไงบ้าง"
"บ้าไปแล้วหรือ ไม่ดูตาม้าตาเรือก่อน ถึงขนาดลงมือกับองค์ชาย
จะรนหาที่ตายหรือไง"
"เฮ่ย องค์ชายบ้าอะไรเล่า ท่านนี่เพี้ยนจริงๆ เอ่อ"
"ไม่เพี้ยนหรอก เขาคือองค์ชายลีซาน ตั้งใจมาหาเจ้ากับซงยอน
องค์ชายเสด็จมาด้วยองค์เองเชียวนะ"
"ไม่เจอหลายปีนะเทซู เจ้าสบายดีหรือเปล่า"
เทซูตกใจ "เอ่อ จริง จริงหรือนี่ ใช่องค์ชายจริงหรือ"
องค์ชายลีซานหัวเราะ
"หึๆๆ"
"องค์ องค์ชาย ฮือ องค์ชายๆ อภัยให้หม่อมฉันด้วย
หม่อมฉันคงเสียสติไปแล้ว ถึงได้ล่วงเกินองค์ชายอยู่เรื่อย ฮือ"
"ไม่เป็นไรหรอก
ลุกขึ้นเร็วเข้า"
"ฮือ ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ทรงประหารหม่อมฉันเถอะ
หม่อมฉันล่วงเกินองค์ชายจริงๆ ฮือๆๆ"
"ยังจำได้ไหม สมัยก่อนข้าเคยพูดอะไรไว้
ข้าจะไม่มีวันทำร้ายเพื่อน เพราะเรื่องเล็กน้อยเป็นอันขาด"
"ฮือ องค์ชาย"
"หลายปีนี้เราแทบจะพลิกแผ่นดินตามหา แต่ไม่นึกว่า
ที่แท้พวกเจ้ากลับมาเมืองหลวงอีก" ใต้เท้านัมว่า
"เอ่อ ทูลตามตรง
หม่อมฉันไม่นึกว่าองค์ชาย จะทรงจำพวกเราได้อีก เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย คือ
ไม่นึกไม่ฝัน ไม่คิดว่าจะได้เข้าเฝ้าอีก"
"เดิมที
พรุ่งนี้ข้าจะให้พวกเจ้าเข้าวัง แต่ก็กลัวว่า คนอื่นจะรู้เข้า ข้าเลยมาเองดีกว่า
พอรู้ว่าพวกเจ้าอยู่แถวนี้ ข้าแทบไม่อยากรอนานด้วยซ้ำ"
"องค์ชาย"
"หึ
ว่าแต่ว่า ซงยอนอยู่ไหน เห็นว่าอยู่กับพวกเจ้าไม่ใช่หรือ"
ทั้งเทซูและดัลโฮพากันร้องไห้ ใต้เท้านัมถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ดัลโฮบอกให้เทซูเล่า หลังจากฟังแล้วใต้เท้านัมถามว่า
"พวกเขาแค่บอกว่า
เรื่องปล้นสินค้ามีคนในวัง ระดับขุนนางผู้ใหญ่หนุนหลังงั้นหรือ เอ่อ
แล้วบอกหรือเปล่าว่า มันเป็นใคร"
"เรื่องนี้ เขาก็ไม่รู้น่ะครับ ฮือ
เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง ทำให้องค์ชายทรงถูกตำหนิ ซงยอนก็ไม่รู้หายไปไหน
ล้วนเป็นเพราะหม่อมฉัน ช่วยพวกเขาปล้นผ้าไปจากเรือหลวง"
"รู้ที่อยู่พวกเขาหรือเปล่า"
"เอ่อ อยู่ ยางวาจิน พ่ะย่ะค่ะ"
"ท่านไปดูซิว่า ถ้าจะขอกำลังจากหน่วยปราบปราม จะให้ได้เท่าไหร่"
องค์ชายลีซานสั่งใต้เท้านัม
"เอ่อ องค์ชาย ทรงหมายความว่า"
"ข้าจะใช้ทหาร
กวาดล้างพวกมันให้หมด"
"เอ่อ องค์ชาย ทำแบบนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าสั่งการลงไป
คนจะรู้ว่าองค์ชายออกมาข้างนอก และยิ่งมีการเคลื่อนย้ายทหาร
ต้องถูกฝ่ายตรงข้ามจับเป็นประเด็นแน่"
"แต่เทซูคนเดียว ช่วยซงยอนไม่ได้หรอก
ที่สำคัญ พวกเขาทำผิดกฎหมาย ถึงขนาดปล้นเครื่องบรรณาการ แล้วเรื่องแบบนี้
จะให้ข้าอยู่เฉยได้ยังไง พวกเขานัดไว้ก่อนยามสามใช่ไหม"
"เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปเร็วเข้า"
องค์ชายลีซานบังคับให้นายกองนำกำลังทหารไปช่วยซองซงยอน
แต่ระหว่างนี้เทซูบุกเข้าไปช่วยซองซงยอนก่อน แล้วบอกให้เธอหนีไปก่อน
ส่วนตัวเองก็ถูกโยนลงหลุม แล้วคนร้ายกำลังช่วยกันกลบทรายลงไป
ทันใดนั้นทหารก็บุกเข้ามา และสั่งให้จับทุกคน ฐานที่ปล้นเครื่องบรรณาการ
องค์ชายลีซานรีบมาช่วยเทซู
"เป็นไรหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ"
"ซงยอนล่ะ ตอนนี้ซงยอนอยู่ไหน"
"หึ อยู่ทางโน้น เป็นห้องเก็บของ"
แต่พอองค์ชายลีซานไปดูกลับไม่พบใคร สั่งให้ทหารช่วยกันหา
ชายสองคนนำตัวซองซงยอนไปหาแชซกจู
ทำให้แชซกจูตกใจเพราะคิดว่าพวกนี้ออกจากเมืองหลวงไปแล้ว
"เอ่อ
ขอโทษด้วยครับใต้เท้า ข้าน้อย ไม่ทราบว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้"
"นั่นเป็นองค์ชายเชียวนะ ทำไมไปเกี่ยวถึงองค์ชายได้ แล้วจะทำไงดี ทำไงดีล่ะ
เฮ่อ หึ ไปบ้านใต้เท้าชองเดี๋ยวนี้ บอกให้เขาเตรียมตัวเข้าเฝ้า"
ใต้เท้านัมได้เบาะแสจากเศษชายกระโปรงที่เชิงเขา
และรู้ว่ามีนักเลงสองคนหนีรอดและคงจับตัวซองซงยอนไปด้วย
องค์ชายลีซานกลับมาส่งข่าวให้ดัลโฮกับเทซู
"ขอโทษด้วยนะ
ถ้าข้ามาเร็วกว่านี้หน่อย"
"ไม่เกี่ยวกับองค์ชาย เป็นเพราะหม่อมฉัน
นางถึงได้ถูกจับ เป็นความผิดของหม่อมฉัน องค์ชาย ฮือๆๆ"
"องค์ชายๆ
เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ เห็นทีองค์ชาย คงต้องรีบกลับวังซะแล้ว"
ใต้เท้านัมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
"ทำไมต้องรีบกลับ ข้ายังไปไหนไม่ได้
เพราะยังไม่พบร่องรอยซุงยอนเลย"
"แต่มหาดเล็กตำหนักใหญ่
มาถึงหน่วยปราบปรามแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานตกใจ "หา"
"ฝ่าบาทมีรับสั่ง
ให้องค์ชายเสด็จกลับเดี๋ยวนี้ เห็นทีว่าเรื่องนี้ พระองค์จะทรงทราบเข้า"
องค์ชายลีซานรีบกลับตำหนักทันที และบอกมหาดเล็กว่าจะไปเข้าเฝ้าเอง
"องค์ชาย
เราคงต้องรีบกลับวังแล้ว ได้ยินว่าฝ่าบาทไม่พอพระทัยต่อเรื่องนี้มาก องค์ชาย
ถ้าเรามัวชักช้า อาจจะยิ่งบานปลาย"
"ข้าเข้าใจ"
"เอ่อ องค์ชาย
ซงยอนเป็นคนดวงแข็ง ทรงวางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายก็ทรงทราบ
นางเป็นคนฉลาดและเข้มแข็งด้วย นางจะไม่ยอมนั่งรอความตาย ให้ใครมาเล่นงานง่ายๆ
หรอกพ่ะย่ะค่ะ นางต้องกลับมาแน่ หม่อมฉันจะหานางให้พบ เพราะฉะนั้น
เชิญองค์ชายเสด็จกลับเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"เทซู"
"เราเคยตกลงกันไว้แล้ว
ก่อนที่หม่อมฉันจะเข้าวัง องค์ชายต้องอยู่อย่างปลอดภัย หึ ฮือ ถ้าซงยอน
รู้ว่านางเป็นต้นเหตุทำให้องค์ชายทรงเดือดร้อนละก้อ
ด้วยนิสัยของนางคงเสียใจยิ่งกว่าองค์ชายอีก เพราะฉะนั้น ถือว่าเห็นแก่นาง
เสด็จกลับจะดีกว่า และเมื่อกลับไปแล้ว ก็ต้องรักษาตำแหน่งองค์ชายไว้ด้วย ฮือ"
"เฮ่อ กลับไปแล้ว ข้ายังจะหาวิธี ช่วยตามหาซงยอนให้พบให้ได้"
"หา องค์ชาย
ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ"
"ท่านนัมอยู่นี่ต่อเถอะ อยู่ที่นี่
ช่วยเทซูตามหาซงยอนให้พบ ได้ไหม"
"แต่ว่าองค์ชาย ถ้าให้หม่อมฉันอยู่นี่แล้ว
องค์ชายล่ะพ่ะย่ะค่ะ ใครจะถวายอารักขา"
"ถือว่าขอร้อง ได้โปรดเถอะนะ"
คิมซังกุงไปสืบทราบเรื่ององค์ชายลีซานก็รีบกลับมาบอกพระชายาโยอึย
"เป็นไง
ได้เรื่องมามั้ย"
"เป็นความจริงเพคะ เมื่อคืนองค์ชายเสด็จออกจากวัง
และยังเคลื่อนย้ายกำลังทหารอีก ทำให้หลายฝ่ายตื่นตระหนกมากเพคะ จนตอนนี้เหล่าขุนนาง
กำลังจะเข้าวังเพื่อทูลฟ้องเรื่องนี้เพคะ"
"เอาชุดทังอีมาเร็ว
ข้าจะเข้าวังหน่อย"
"ไม่ได้นะเพคะ พระอนามัยยังไม่ทรงแข็งแรงเท่าไหร่"
"ตอนนี้องค์ชายทรงมีเรื่องเดือดร้อน ข้าเป็นใคร จะนั่งเฉยอยู่บ้านได้ยังไง
บอกให้เอาชุดมาเดี๋ยวนี้"
องค์ชายลีซานเสด็จไปเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
แต่มหาดเล็กบอกว่ามีรับสั่งให้องค์ชายลีซานรออยู่ด้านนอกก่อน
แต่องค์ชายลีซานรับสั่งให้มหาดเล็กรีบเข้าไปทูล
เพราะทรงได้ยินเหล่าขุนนางกำลังทูลเรื่องของพระองค์อยู่
"เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดมาก่อน องค์ชายเสด็จออกโดยลำพังยังพอว่า
ยังมีการเคลื่อนย้ายกำลังทหารโดยพละการอีก ที่สำคัญ
พอนายกองไม่ทำตามรับสั่งก็ทรงใช้ดาบบังคับขู่เข็ญ
ถือเป็นความผิดที่ไม่น้อยกว่าก่อกบฎด้วยซ้ำ
หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ทรงวู่วามขนาดนี้"
"ทหารเหล่านี้มีไว้ในยามฉุกเฉิน เพื่อทำงานตามแต่รับสั่งของฝ่าบาท
แต่องค์ชายซึ่งไม่มีอำนาจสั่งการ กลับใช้กำลังขู่เข็ญ ให้ไปทำงานส่วนพระองค์
ถือว่าผิดวินัยกองทัพและยังผิดกฎหมายด้วย เพราะฉะนั้น เรื่องนี้จะทรงผ่อนผันไม่ได้
ขอทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"ขอทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะๆ"
"องค์ชายมาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้ายองโจทรงอนุญาต องค์ชายลีซานเสด็จเข้ามา
"บอกให้รออยู่ข้างก่อน รีบเข้ามาทำไม"
"หม่อมฉัน มีเรื่องสำคัญ
จะมาทูลให้ฝ่าบาททรงทราบพ่ะย่ะค่ะ"
"เรื่องอะไร
จะรีบมาแก้ตัวที่เมื่อคืนออกจากวัง โดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าใช่ไหม"
"ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ใช่หรือ"
"ที่หม่อมฉัน ออกไปข้างนอก
เพื่อสืบเรื่องคนร้าย ที่ถูกหน่วยปราบปรามจับได้เมื่อคืนนี้
หม่อมฉันจะขอรับผิดชอบคดีนี้เองพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าบอกว่ายังไงนะ มีคนร้ายอะไรกัน"
"คนที่หม่อมฉันจับได้เมื่อคืน มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเครื่องบรรณาการถูกปล้น
ทำให้ทางการเสียหาย หม่อมฉัน อยากรู้ว่าใครช่างบังอาจ นอกจากให้ร้ายหม่อมฉันแล้ว
ยังคิดทำลายบ้านเมือง เชื่อว่าเบื้องหลังน่าจะมีขุนนางพัวพันด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
พวกขุนนางต่างมองหน้ากัน "จริงหรือนี่ มีขุนนางเกี่ยวข้องด้วย เป็นไปได้ไง"
"เจ้าบอกว่า เรื่องนี้มีขุนนางพัวพันและให้ร้ายเจ้า เป็นความจริงหรือเปล่า
ตอบข้ามาสิ เจ้ากล้ารับผิดชอบคำพูดตัวเองหรือเปล่า"
"ที่หม่อมฉันทูล
เป็นความจริงทุกคำพ่ะยะค่ะ เพราะฉะนั้น เพื่อให้คดีมีความกระจ่าง สาวถึงผู้บงการ
หม่อมฉันจึงมาขออนุญาต ให้สืบต่อได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ"
พระชายาโยอึยกลับก็เข้าเฝ้าพระมเหสีจองซุน
"พระมเหสีทรงสำราญดีมั้ยเพคะ"
"ข้าสบายดี ขอบใจที่เป็นห่วง ว่าแต่ ทำไมเจ้ากลับมาล่ะ เห็นหมอหลวงบอกว่า
สุขภาพยังไม่หายดีเต็มร้อยไม่ใช่หรือ"
"ขอทรงอภัยด้วยเพคะ ตอนหม่อมฉันอยู่บ้าน
ได้ยินว่าองค์ชายทรงเกิดเรื่องจึงได้รีบกลับมา"
"หึ
ข้ารู้ว่าเจ้าหมายถึงเรื่องอะไร และเข้าใจถึงความห่วงใยของเจ้าที่มีต่อสวามี
ถึงเจ้าไม่มา ข้าก็กำลังจะไปเฝ้าฝ่าบาท
เพื่อขอให้อย่าทรงกริ้วเรื่ององค์ชายลีซานอีกเลย"
"พระมเหสี"
"เจ้าดูผอมไปเยอะนะนี่ เห็นทีข้าต้องให้หมอหลวง จัดยาบำรุงให้อีกหลายๆ
ชุดซะแล้ว คังซังกุง รีบไปสำนักหมอหลวง เชิญหมอซักคนมาพบข้าเดี๋ยวนี้"
"ทราบแล้วเพคะ"
หลังจากคังซังกุงออกไป พระมเหสีจองซุนทรงตรัสถาม
"มีปัญหาอะไรก็มาคุยกับข้าได้ อย่าเอาเรื่องทุกข์ร้อนไปใส่ใจ ดูแลตัวเองดีๆ
นะจ๊ะ"
"หึ ขอบพระทัยยิ่งแล้วเพคะ"
พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งกับองค์ชายลีซานเป็นการส่วนพระองค์
"เจ้าเชื่อว่า
มีคนคิดปองร้ายเจ้าถึงได้ทำเรื่องแบบนี้จริงหรือ"
"หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า
จริงพ่ะย่ะค่ะ"
"อึม งั้นก็ลองดู ข้าจะมอบอำนาจสิทธิ์ขาดให้เจ้าดูแลคดีนี้
ให้เจ้าจับผู้บงการเบื้องหลังด้วยตัวเอง ถ้าเป็นอย่างเจ้าว่า
เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงขุนนางผู้ใหญ่บางคนจริง ข้าก็จะไม่ยกโทษให้พวกเขาเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น จงตั้งใจทำงานให้เกิดความกระจ่าง เข้าใจมั้ย"
"พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันจะจำใส่ใจไว้"
เทซูซ้อมคนที่จับมาได้
และคาดคั้นแต่ก็ยังไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ ใต้เท้านัมเองก็เหมือนกัน
"ใต้เท้าครับ
ใต้เท้า ได้อะไรบ้างมั้ย"
"ดูเหมือนว่าจะไม่ได้หนีทางเรือ แล้วทางเจ้าล่ะ"
ใต้เท้านัมถามกลับ
"ทางการตามล่าขนาดนั้น พวกมันไม่กล้าโผล่หรอกครับ
ไม่มีใครเห็นเลย"
"น่าแปลกจริง ถ้าพาผู้หญิงหลบหนีด้วย
น่าจะเป็นที่ผิดสังเกตบ้างสิ"
"จะถูกเอาไปขายหรือฆ่าทิ้งหรือเปล่านะนี่"
"ท่านอา พูดอะไรออกมาน่ะ"
"เอ่อ เปล่า แค่พูดเล่น ด้วยความเป็นห่วงน่ะ"
ขณะที่นายกองก็ประกาศกับทหารว่า ถ้าไม่มีรับสั่งจากองค์ชายลีซาน
ใครก็ห้ามเยี่ยมนักโทษ ที่ถูกคุมขังอย่างเด็ดขาด
และพรุ่งนี้องค์ชายจะไต่สวนนักโทษด้วยพระองค์เอง
องค์ชายลีซานบอกกับใต้เท้านัมว่า "คำสั่งข้าที่มีตราประทับ ไม่ว่าเอาไปให้ใครดู
จะได้รับความช่วยเหลือเต็มที่"
"เอ่อ องค์ชาย งานนี้ให้คนอื่นทำได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันไม่อยากอยู่ห่างจากองค์ชาย เพราะไม่รู้ว่าจะทรงมีอันตรายหรือเปล่า"
"ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ตอนนี้ สำคัญคือตามหาซงยอนมากกว่า"
ซองซงยอนถูกจับไปอยู่กับพ่อค้าคนหนึ่ง เธอพยายามขอออกไปแต่ก็ไม่ได้ผล
เธอถามจากหญิงคนหนึ่งจนรู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่หอนางโลมแล้ว
ซองซงยอนร้องไห้ด้วยความอดกลั้น
ชองโฮคยอมเข้ามาพบกับฮงพงฮันและถามว่า
"ท่านเสนาซ้ายกลับไปแล้วหรือครับ"
"ข้าบอกว่าไม่ค่อยสบาย
เขาเลยเข้าวังคนเดียว"
"หึ หน้านี้ยังมีต้นไม้ออกดอก ท่านช่างปลูกเก่งจริงๆ
แต่ว่าต้นหงอนไก่ ถ้าไปปลูกในบ้าน จะเหมาะกว่าข้างนอกเยอะ ถ้ายังไง
ลองย้ายที่ปลูกจะดีมั้ย เบื้องบนบอกว่า อยากฟังคำตอบที่แน่ชัดจากท่าน หรือท่านว่าไง
ตัดสินใจดีแล้วหรือยัง"
องค์หญิงวาวานกล่าวกับแชซกจูกับฮงพงฮันว่า
"หึ
ถ้างานที่ท่านเจ้ากรมรับผิดชอบอยู่ เป็นไปอย่างราบรื่นก็ดี
เราจะได้ไม่ต้องมาประชุมกันบ่อยครั้ง งานนี้ตั้งแต่เริ่มต้นมา
ก็เหมือนจะมีช่องโหว่อยู่เรื่อย"
"ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ"
"ได้ข่าวว่าคนที่ถูกจับ
มีบางคนรู้จักพ่อบ้านของท่านเจ้ากรมด้วย เรื่องนี้ท่านจะจัดการยังไง
ถ้าเอ่ยชื่อท่านเจ้ากรมออกมา เราจะหายนะกันหมดหรือเปล่า" ฮงพงฮันว่า
"เรื่องนี้
รอให้เบื้องบนมาก่อนแล้วค่อยว่าอีกทีได้ไหม"
"มาแล้วครับ"
ชองโฮคยอมเข้ามาหลังจากไปเข้าเฝ้าพระมเหสีจองซุนมา
"นางสั่งอะไรเจ้า"
องค์หญิงวาวานรับสั่งถามทันที
"ให้หาวิธีช่วยท่านเจ้ากรมปกครองพ่ะย่ะค่ะ"
"เฮ่อ ตอนนี้องค์ชายมีอำนาจในกองปราบ ถึงเราส่งนักฆ่าไปก็เท่านั้น
จะมีวิธีไหนถึงปิดปากพวกอันธพาลได้น่ะ"
"ในเมื่ออำนาจสั่งการอยู่ในมือองค์ชาย
งั้นก็ให้เขาใช้อำนาจนั้น ปิดปากทุกคนละกัน" ชองโฮคยอมเสนอ
"หมายความว่าไงน่ะ"
"ตอนนี้หน่วยปราบปราม จะทำตามรับสั่งเฉพาะที่มีลายลักษณ์อักษร
งั้นเราก็ให้อักษรนั้น เป็นไปอย่างที่เราต้องการสิพ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้ายองโจทรงตรัสถามองค์ชายลีซานว่า
"ผู้ต้องหาที่ถูกจับ
ไต่สวนถึงไหนแล้ว"
"วันนี้ จะไปสอบปากคำที่วัดแทปก"
"ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้ได้คำตอบที่เจ้าเคยบอกข้าไว้ด้วยล่ะ
ไม่งั้นโทษที่เจ้าทูลความเท็จจะหนักแค่ไหนคงไม่ต้องให้บอก
ถ้าคดีนี้ไม่มีความคืบหน้า ข้าจะลงโทษที่หลอกลวงเบื้องสูงและเหล่าขุนนางด้วย
เข้าใจหรือเปล่า"
"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"
มีนายกองคนหนึ่งเข้ามาบอกว่ารับสั่งจากองค์ชายลีซานให้คุมผู้ต้องหาไปกรมอาญา
พอองค์ชายลีซานรู้ก็ทรงตกใจ
"เอาอะไรมาพูดน่ะ บอกว่าเป็นคำสั่งจากข้า
ให้ไปกรมอาญางั้นหรือ ข้าไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ มีแต่บอกว่า ให้ส่งมาที่วัด "แทปก"
นี่ต่างหาก"
"แต่ว่า หม่อมฉันได้รับพระบัญชา ประทับตราขององค์ชายจริงๆ หึ"
"หา ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะ นี่เป็นลายมือข้า แถมยังมีตราประทับด้วย"
"ฝ่าบาทเสด็จมา"
องค์ชายลีซานตกใจ รีบไปรับเสด็จ "ฝ่าบาท"
"ทำไมที่นี่ดูเงียบๆ ไม่เห็นมีใครมา การไต่สวนไปถึงไหนแล้ว"
องค์ชายลีซานอึกอัก "ผู้ต้องหาหายไปไหนหมด ยังไม่ได้ถูกคุมตัวมาหรือไง"
"เอ่อ คือว่า เอ่อ ผู้ต้องหา ไม่อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เฮ่อ"
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 8


ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 9

องค์ชายลีซานโกรธมากเมื่อเห็นตราประทับและลายมือของตนปรากฏอยู่
บรรดาขุนนางใหญ่ต่างพากันโต้เถียงกันถึงคำสั่งพระราชนัดดา ต่อพระพักตร์พระเจ้ายองโจ
"หน่วยปราบปราม ได้รับคำสั่งเท็จ จึงส่งผู้ต้องหา ไปยังกรมอาญาพ่ะย่ะค่ะ"
ลีซานทูล
"คำสั่งเท็จยังไงกัน นี่มันหมายความว่าไงกันแน่
พวกเจ้ามีหน้าที่ดูแลนักโทษ กะอีแค่คำสั่งจากองค์ชาย ก็ไม่มีปัญญาแยกแยะงั้นหรือ"
"เอ่อ พระอาญาไม่พ้นเกล้าพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน
ได้ดูลายพระหัตถ์และตราประทับอย่างชัดเจน ไม่เห็นมีพิรุธใดๆ พ่ะย่ะค่ะ"
"เอามาให้ข้าดูซิ คำสั่งนี่ ไม่ได้เป็นของเจ้าหรอกหรือ"
พระเจ้ายองโจรับสั่งถามองค์ชายลีซาน
"ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ"
"แต่ข้าดูแล้ว
ทั้งลายมือและตราประทับเป็นของเจ้าจริงๆ"
"หา เอ่อ เป็นการปลอมแปลงพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันไม่เคยเขียนข้อความแบบนี้"
องค์ชายลีซานกลับไปที่ห้องทรงงานถามจากมหาดเล็กว่ามีใครเข้ามาเอาตราประทับออกไป
แต่มหาดเล็กบอกว่าไม่มี ทำให้องค์ชายลีซานหัวเสีย
"เฮ่อ นี่น่ะหรือองค์ชาย
สภาพข้าตอนนี้ ยังเป็นองค์ชายที่ไหนกัน ฮือ"
พระเจ้ายองโจทรงรับทราบข่าวก็ทรงมีรับสั่งกับองค์ชายลีซาน
"หน่วยปราบปรามเพิ่งส่งข่าวมาเมื่อกี้ ผู้ต้องหาที่หายไป กลายเป็นศพทั้งหมด
ถูกทิ้งไว้ที่เชิงเขา “ชอนชาง” นอนอย่างเกลื่อนกลาด เจ้าไม่แปลกใจบ้างเลยหรือ
เป็นเพราะอะไร เพราะเจ้าทำจริงใช่ไหม"
"มิได้พ่ะย่ะค่ะ คนที่ปลอมคำสั่ง
และพาตัวพวกเขาไปนั้น หม่อมฉันเดาว่า สุดท้ายต้องกลายเป็นแบบนี้แน่"
"เจ้าเดาหรือ เรื่องบานปลายถึงขั้นนี้แล้ว
เจ้ายังเอาแต่คาดเดาและแก้ตัวไปเรื่อยๆ นอกจากนี้แล้ว
ไม่มีปัญญาหาหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเองแล้วใช่ไหม เฮ่ย"
องค์หญิงวาวานบ่นกับแชซกจู
"เฮ่อๆๆ เสนาซ้ายนี่ช่างดื้อจริงๆ นั่นสินะ
เพื่อปกป้ององค์ชายลีซานก็ต้องส่งให้กรมอาญาอยู่แล้ว หึ ไม่งั้นจะมีใครอีก
อายุก็ปูนนี้แล้ว เห็นทีต้องหาโอกาสให้เขาพักผ่อนซะที อ้อ
เจ้ากรมอาญาคงจะรู้หน้าที่ ว่าควรทำไงต่อใช่ไหม"
"พ่ะย่ะค่ะ
เขารู้ว่าองค์ชายคงไม่มีทางได้ครองราชย์แน่ เพื่อตัวเองและวงศ์ตระกูล
ยังไงก็ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง"
"หึ แน่นอน"
"แต่มีเรื่องหนึ่ง
ที่หม่อมฉันไม่สู้เข้าใจนัก ทำไมฝ่าบาททรงมอบเรื่องนี้ ให้ฮงนิมฮันรับผิดชอบได้
หม่อมฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์"
"หมายความว่าไงน่ะ"
"ตามหลักแล้ว
ฝ่าบาทไม่ควรเห็นชอบง่ายๆ ที่จะให้เรื่องใหญ่แบบนี้ ไปอยู่กับสกุลฮง
ซึ่งเป็นลุงขององค์ชาย ฝ่าบาททรงมีพระดำริยังไงกันแน่
เป็นสิ่งที่น่าสงสัยนะพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ต้องไปคิดมากนักหรอก
เจ้ากรมอาญาเป็นคนของเรา แค่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนก็พอแล้ว จะไปสนใจอะไรอีก หึ
อย่าใส่ใจเรื่องไร้สาระเลย มันจะปวดหัวเปล่าๆ ตอนนี้ข้างกายองค์ชาย
ไม่มีใครที่ไว้ใจได้อีกแล้ว"
พระชายาโยอึยเสด็จมาเฝ้าองค์ชายลีซาน
"พินกุง"
"องค์ชาย"
"กลับมาเมื่อไหร่กันนี่ เจ้าไปพักผ่อนที่บ้านเดิมไม่ใช่หรือ"
"เพิ่งกลับมาเมื่อวานเพคะ เดิมทีก็จะรีบมาเข้าเฝ้า แต่ก็กลัวจะรบกวนเกินไป"
"รบกวนอะไรกัน ไม่หรอก ขอโทษด้วยนะ ที่เจ้าไปอยู่ข้างนอก
ข้าแทบไม่ได้ส่งคนไปเยี่ยมบ้าง"
"ไม่เป็นไรหรอกเพคะ หม่อมฉันสุขภาพอ่อนแอ
ไม่อาจอยู่เคียงข้างฝ่าบาท รู้สึกละอายใจมากกว่า แต่วันนี้
หม่อมฉันมาเข้าเฝ้าพร้อมกับของสิ่งนี้เพคะ"
"มันคืออะไร"
"ขนมเบจักเพคะ
หม่อมฉันหัดทำเอง เพื่อจะให้องค์ชายลองเสวยดู ลองชิมดูและติชมได้เพคะ"
องค์ชายลีซานทรงชิม "รสชาติ พอไหวมั้ยเพคะ"
"อร่อยดี"
"หึ
เห็นองค์ชายทรงกลุ้มพระทัย หม่อมฉัน ต้องขออภัยที่สามารถช่วยได้เพียงเท่านี้เพคะ"
"พูดอะไรอย่างงั้น ขอบใจมาก ไม่นึกว่าเจ้า จะมีฝีมือทำขนมที่อร่อยขนาดนี้"
"จริงๆ แล้ว ตอนอยู่ที่บ้าน มีคนงานหญิงคนหนึ่งมาช่วยหม่อมฉันทำต่างหาก
เป็นผู้ช่วยที่ติดตามช่างเขียนไปเขียนรูปที่บ้านหม่อมฉันเพคะ
และนางก็ช่วยทำขนมนี่ให้"
"อ้อ งั้นหรือ ผู้ช่วยช่างเขียนหรือ มิน่าสีของขนม
ถึงสวยเหมือนภาพเขียนไม่มีผิด หึ"
ทางด้านชองโฮคยอมก็ถามลูกน้องว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีความคิดเห็นอย่างไร
"หมายความว่าไงหรือครับ" ลูกน้องไม่เข้าใจ
"เรื่องที่เกิด
ดูขัดกับนิสัยองค์ชายลีซาน ปกติเขาเป็นคนรอบคอบและระวังตัว
ขนาดพูดจายังคิดแล้วคิดอีก ถ้าเป็นคนร้ายจริง มีวิธีอื่นจับได้ถมเถ
ทำไมคืนนั้นต้องเกณฑ์ทหารมากมาย เพื่อจับแค่อันธพาลเท่านั้นเจ้าลองไปสืบดู
ไม่แน่อาจมีสาเหตุอื่นก็ได้"
"ได้ครับ"
เวลาเดียวกันนี้
ซองซงยอนก็พยายามหาทางออก แต่หญิงคนหนึ่งบอกว่า
"ไม่ต้องพยายามนักหรอก
นึกว่าเราอยากอยู่ที่นี่หรือ"
"หึ ไม่หรอก ข้าเชื่อว่าต้องมีทางไปจากที่นี่ได้
หึ เอ่อ"
ทันใดนั้นมีคนเข้ามาจับตัวหญิงสาวไป ซองซงยอนถามคนที่อยู่ว่า
"เอ่อ พวกนาง ถูกพาไปไหนรู้มั้ย"
"พวกนาง อยู่ที่นี่นานกว่าใครเพื่อน
ถ้าใครมาอยู่เกินครึ่งเดือน พวกเขาจะเริ่มให้ออกไปทำงาน เพราะถึงตอนนั้น
คงหิวจนหมดแรงจะหนีไปไหนได้อีก ฉะนั้นเจ้าก็อย่าเสียแรงเปล่าเลย อย่างเก่งไม่เกิน 5
วัน หลังจากนั้นเจ้าจะยอมขายตัวดีๆ เพื่อแลกกับข้าวซักชาม
หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้อิ่มท้อง แค่นี้พอแล้ว"
ซองซงยอนรู้สึกท้อแท้หมดหวังก็ร้องไห้ออกมา
เทซูกับดัลโฮก็พยายามตามหาซองซงยอนไปทุกทีที่คิดว่านางจะไป
พร้อมกับช่วยใต้เท้านัมติดประกาศว่าพรุ่งนี้จะมีเรือไปเกาะแฮมี
เพราะเชื่อว่าคนร้ายอาจจะสนใจ
มีซูไปหาซองซงยอนที่บ้านแต่กลับไม่พบใคร
นางกลับมาบ่นกับลีชอง ทำเอาลีชองพลอยตกใจ
"หา ว่าไงนะ ซงยอนหายไปหรือ"
"ใช่ค่ะ ถ้าไม่สบายจริงแล้วทำไมไม่อยู่บ้านล่ะคะ"
"เอ หรือจะเป็นเพราะข้า
ใช้งานมากไปจนนางทนไม่ไหวหรือเปล่า"
"อะไรนะ"
"อ้อ เปล่า ไม่มีอะไร คือ
อยู่ดีๆ นางคงไม่หายไปไหนหรอก เข้าใจมั้ย ข้าจะขาดซงยอนไม่ได้
ไม่งั้นจะเป็นเรื่องใหญ่"
โชบีเข้ามา "หัวหน้าลี
ช่างเขียนทุกคนไปอยู่ที่ห้องเขียนรูปแล้วนะคะ"
"ตอนนี้หรือ"
"ค่ะ
เห็นว่าในวังส่งคนมา"
"ในวังหรือ อ้อ ไปเดี๋ยวนี้"
"อ้อ จริงสิ เอาของๆ
ซงยอนออกมาวางข้างนอกเลยนะ"
หญิงสองคนรับคำแล้วจะทำตาม มีซูรีบถาม "นี่
พวกเจ้าจะทำอะไร"
โชบีเสียงดุ "ไม่มีตาดูหรือไง นางจะอยู่นี่ไม่ได้อีก
เลยช่วยเก็บของให้ไงล่ะ"
"หมายความว่าไง ทำไมนางจะอยู่ที่นี่ไม่ได้"
"ถ้างั้น พรุ่งนี้นางจะมามั้ยล่ะ"
มีซูตกใจ "หา"
"ให้เวลาถึงพรุ่งนี้
ถ้ายังไม่มาทำงานอีก ต่อให้สามีนางออกหน้าแทนก็ไม่มีประโยชน์"
"อะไรนะ
สามีอะไรกัน"
"ถามได้ ก็หัวหน้าลีไง ใครๆ บอกว่านางเป็นเมียน้อยของหัวหน้าลี
เพราะเอาตัวเข้าแลกถึงได้ทำงานที่นี่"
"นี่ พูดให้มันดีหน่อยนะ ปากสกปรก
อย่าทำให้คนอื่นแปดเปื้อนด้วย"
"งั้นหรือ แล้วเมื่อกี้ เราได้ยินอะไรรู้มั้ย
ข้า จะขาดซงยอนไม่ได้"
"แต่ว่า นั่นเป็นเพราะ" มีซูจะอธิบาย
โชบีสวนขึ้นก่อน "ไม่ต้องแก้ตัวแทนนางอีกแล้ว เพราะมีผู้หญิงอย่างนาง
เราเลยถูกคนอื่นดูถูกไปด้วย เข้าใจมั้ย เฮ่ย"
พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งให้
ช่างจิตรกรตรวจสอบว่าเป็นลายมือคนคนเดียวกันหรือไม่
"หน้าที่ของพวกเจ้า
คือทำการพิสูจน์ลายมือสองแบบที่อยู่ตรงหน้า ดูให้ดีว่า เป็นของคนๆ
เดียวเขียนหรือเปล่า และแสดงความคิดเห็นออกมา เข้าใจมั้ย" ทุกคนรับคำ
ในร้านเหล้า เสียงพูดคุยจอแจ ดัลโฮนั่งสับปะหงก ใต้เท้านัมเข้ามาถาม
"อ้าว
ข้างนอกเป็นไงบ้าง"
เทซูตอบ "คิดว่าคงไม่มีใครมาหรอกครับ"
"นี่ยังอยู่ในเวลาที่เรากำหนด อย่าเพิ่งใจร้อนนักเลย"
"แต่
พวกมันจะรู้ว่านี่เป็นหลุมพรางหรือเปล่า ถ้าไง เราไปดูข้างนอกดีมั้ยครับ
หรือซุ่มดูแถวประกาศก็ได้"
"งั้นข้าไปด้วย ข้าจะไปแถวสะพานกวางทง"
ดัลโฮรีบบอก "ข้าไปด้วยคนสิ"
"อย่าเลย เจ้ารออยู่นี่เถอะ
เผื่อมีคนมาติดต่อ"
"นั่นสิท่านอา ยังจำได้ไหม คนหนึ่งหน้าสี่เหลี่ยม ตาโตๆ
ส่วนอีกคนก็ตาตี่แต่จมูกใหญ่น่ะ"
"เอ่อ เอาเถอะๆ ข้าจำได้น่ะ"
"รีบไปเร็วเข้า"
ชาวบ้านคุยกัน ดัลโฮยังคงนอนกรนจนชายคนหนึ่งถามว่า
"เราเห็นประกาศ มีการรับสมัครคนงานไปที่เกาะแฮมีใช่ไหม"
ดัลโฮรีบพาเข้ามาคุยทันที เขานึกถึงลักษณะท่าทางของชายสองคนที่มาสมัคร
ว่าตรงกับที่เทซูบอกไว้ก็ทำท่าตกใจ จนชายสองคนถามว่าเป็นอะไร
เขารีบปฏิเสธว่าไม่เป็นอะไร
"เถ้าแก่เนี้ยบอกให้มาติดต่อที่นี่ หรือว่าไม่ใช่?"
"เฮ้ย ใช่ๆ ประกาศนั่นข้าเป็นคนติดเอง"
"แล้วท่าน
มีเรือไปเกาะแฮมีจริงหรือเปล่า"
"มีสิ ไม่มีเรือแล้วจะติดประกาศไปทำไมล่ะ"
"ถ้าอย่างงั้น มีคนอื่นมาติดต่อบ้างมั้ย"
"หา คน คนอื่นหรือ ก็มี แต่
ตอนนี้ไปที่ท่าเรือหมดแล้ว"
"งั้นเราก็ไปด้วย ไปเดี๋ยวนี้เลย"
"อะไรนะ"
ดัลโฮตกใจ
"ท่านบอกว่าคนอื่นไปหมดแล้ว นี่มันเวลาไหนล่ะ คงไม่มีใครมาสมัครอีก
งั้นก็รีบไปซี่ จะรออะไร"
"เอ่อ คือ ก็ได้ ไปก็ไป ไปเดี๋ยวนี้เลย เอ่อ"
"เป็นไรไป ท่าทางแปลกๆ"
"เห็น เห็นสัมภาระข้าหรือเปล่า หา"
แล้วดัลโฮก็แกล้งทำเป็นว่าของหาย แถมหนวดก็หลุด จนชายคนนั้นแปลกใจ
"บอกมาเดี๋ยวนี้ เจ้าทำอะไร ทำไมต้องติดหนวดปลอมด้วย หา"
"อ๊าก ข้ากลัวแล้ว
ช่วยด้วย คือ คือว่า ข้า ข้าเป็นขันทีน่ะจ้ะ"
"เดี๋ยวก่อน
นี่จะเป็นกับดักเพื่อจับเราหรือเปล่า ตายซะเถอะ อย่าอยู่เลย"
ดัลโฮร้องขอชีวิต
เทซูเข้ามาเห็นก็มาขวางไว้ จนเกิดการต่อสู้กันขึ้น
"ซงซอนอยู่ไหน
บอกมาเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าเอาซงยอนไปไว้ไหน" เทซูคาดคั้น
"ข้าไม่รู้ ฮือ
ขายไปแล้ว"
เทซูตกใจ "อะไรนะ ขายหรือ ขายไปที่ไหน"
"ที่ ท่าเรือ
ขายไปที่ท่าเรือ ป่านนี้ ถูกส่งไปหอนางโลมแล้วมั้ง โอย"
ซงยอนซึ่งถูกขังอยู่ในโกดังนั้นเห็นหญิงสาวคนอื่นๆ ถูกนำตัวไปขายหอนางโลม
ทำให้นางคิดหาหนทางหลบหนี ต่อมาซงยอนพบว่าลีชอนมาหาชองวานัม
เมื่อซงยอนเห็นเช่นนั้นจึงตะโกนเรียกลีชอนแต่ลีชอนกลับคิดว่า ตนหูฝาด
ต่อมามีคนพบว่าซงยอนคิดหลบหนี
"หัวหน้าลี ช่วยข้าด้วย ข้าอยู่ในนี้
ข้าคือซงยอนนะคะ หัวหน้าลี ฮือ เอ่อ หัวหน้าลี ข้าคือซงยอนได้ยินหรือเปล่า
ข้าอยู่ในนี้ ช่วยข้าด้วย ฮือ หัวหน้าลีๆ ช่วยข้าด้วย ฮือ ฮือ หัวหน้าลี ฮือ เฮ่อ
หัวหน้าลี ฮือ"
นายกองถามใต้เท้านัมว่า เป็นมหาดเล็กขององค์ชายหรือ
ใต้เท้านัมบอกว่า
"ใช่ นี่มันหมายความว่าไง
นี่เป็นรับสั่งขององค์ชายยังสั่งเกณฑ์ทหารไม่ได้อีกหรือ"
"ท่านยังไม่รู้สภาพของเราอีกหรือ เพราะเราหลงเชื่อรับสั่งขององค์ชาย
ทำให้ส่งผู้ต้องหาไปผิดที่จนสุดท้ายก็ตายหมด เพราะฉะนั้น
ก่อนจะพิสูจน์เรื่องลายพระหัตถ์ให้แน่ชัด เราจะไม่ทำอะไรทั้งสิ้น"
ใต้เท้านัมฟังแล้วตกใจมาก
ใต้เท้านัมออกมาบอกเทซูกับดัลโฮว่าทางการคงไม่ยอมส่งทหารมาช่วยแล้ว
"เฮ่ย
เห็นจะยากซะแล้ว"
"หา แล้ว ทำไมอย่างงั้นล่ะครับ
นี่เป็นพระบัญชาขององค์ชายไม่ใช่หรือครับ"
"หึ ดูเหมือนว่าองค์ชาย
จะเกิดเรื่องด้วย"
"อะไรนะ"
"ข้าจะกลับวังไปดูลาดเลาหน่อย ส่วนพวกเจ้า
ก็กลับบ้านไปก่อนเถอะ"
"เอ่อ คือ แต่ว่า หอนางโลมใช่ว่ามีแค่ที่สองที่
ถ้าไม่มีทหารแล้วจะหายังไงล่ะ"
"มันจะมีเป็นร้อยเป็นพันก็ช่าง
ยังไงเราต้องหาให้พบ เฮ่ย ยืนเฉยทำไม ไปเร็วสิ" ดัลโฮชวนกันออกไป
ใต้เท้านัมรีบกลับมาหาองค์ชายลีซาน
"องค์ชาย
ทำไมเรื่องกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเหตุการณ์ยิ่งบานปลาย
ทำไมไม่รับสั่งให้หม่อมฉันกลับมาล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"ซงยอนเป็นไงบ้าง
เมื่อเกณฑ์ทหารไปช่วยตรวจค้นไม่ได้ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า นางถูกจับไปขายที่ไหนแน่"
"แต่ตอนนี้ที่สำคัญ คือเรื่องขององค์ชาย"
"รีบกลับไปซะ" องค์ชายลีซานสั่ง
"องค์ชาย"
"กลับไปช่วยตามหานางให้พบ"
"แต่ว่าองค์ชาย"
"ถึงข้าอยากช่วยนาง ก็ไม่สามารถสั่งการอะไรได้อีก ข้าช่างเป็น
องค์ชายที่ไม่เอาไหนจริงๆ"
"องค์ชาย" ใต้เท้านัมเป็นห่วงองค์ชายลีซานมากกว่า
"ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าน่ะ ยังไงจะรักษาสัญญา อยู่ให้ปลอดภัยเพื่อรอพวกเขา
เพราะฉะนั้น ท่านรีบไปตามหาซงยอนให้พบโดยเร็ว ตอนนี้ หน้าที่สำคัญของท่าน
ก็คือเรื่องนี้"
ใต้เท้านัมจำต้องออกไป
ซองซงยอนยกโอ่งขึ้นมา
พลางไอนิดก่อนจะบอกพวกผู้หญิงเหล่านั้น
"หึ เห็นมั้ย ต้องมีอะไรแน่ หึ ดูสิ
พวกเจ้ามาดูทางนี้ เรามีทางหนีรอดแล้ว หึ เห็นหรือเปล่า นี่เป็นทางน้ำไหล
ใต้พื้นมีน้ำแร่ซึมขึ้นมา ทุกคนเคยรู้หรือเปล่า"
"น้ำแร่หรือ"
"อึม
ข้าทำงานที่ศูนย์ศิลปะ เขาห้ามใช้น้ำแร่ล้างพู่กัน เพราะมีฤทธิ์เป็นกรด
จะกัดจนก้านพู่กันเสียหาย หึ เห็นมั้ย นี่เป็นพื้นไม้แท้ๆ ยังถูกกัดจนกร่อน
ถ้าเราช่วยกันรื้อถอน ไม่แน่ข้างล่างอาจเป็นโพรงให้เราหนีออกไปก็ได้ หึ"
"แน่ใจหรือว่าทำได้น่ะ"
"อย่าไปฟังนางพูดเลย ถ้าถูกพวกเขาจับได้
เรามีหวังตายแน่"
"หึ หรือไม่งั้น เราจะรอความตายอยู่นี่หรือไง
ปล่อยให้ตัวเองหมดแรง จนไม่สามารถหนีได้ เอางั้นมั้ยล่ะ หึ ลองดูซี่
ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ข้าเชื่อว่าต้องมีทางออก ขอเพียงเราช่วยกันเท่านั้น หือ
ตรงนี้มีอีก อึ๊บ"
ซองซงยอนออกแรงงัด อย่างดีใจ
ทันใดนั้นพ่อค้าก็เข้ามาสั่งให้พาตัวซองซงยอนออกไป เพราะเริ่มรู้ว่าซองซงยอนคิดหนี
ดัลโฮกับเทซูก็เข้ามาตามหาซองซงยอนในหอนางโลมแต่ไม่พบ
พอกลับถึงบ้านลีชองก็มารอพบ
"พี่ดัลโฮ" ลีชองทัก
"หา เอ๊ะนี่
ช่างเขียนลีชองใช่ไหมนั่น"
ลีชองพยักหน้า "อึม"
"มีธุระอะไรไม่ทราบ"
"จะมีธุระอะไรนักหนา นอกจากมาพบซงยอนน่ะ"
"ซงยอนหรือ?"
"ใช่ ขาดนางไป
ข้าทำงานก็ไม่สะดวก โดนผู้ใหญ่ด่าเช้าด่าเย็นจนแทบอยากจะผูกคอตาย แล้วนาง
ป่วยเป็นอะไรนัก รุนแรงมากหรือไง ถึงไม่ได้ทำงานหลายวันแล้ว หา"
ดัลโฮอึกอัก
"เอ่อ หึ"
"พรุ่งนี้ไปที่ศูนย์ฯ ได้ไหม ถ้านางอยู่บ้านก็ช่วยตามออกมาหน่อย
ข้าขอคุยด้วยแป๊บหนึ่ง"
"คือ ตอนนี้ ปัญหาอยู่ที่นางไม่อยู่บ้านน่ะสิ"
"นางไม่อยู่บ้าน แล้วไปไหน"
"นางไม่ได้ไปไหนหรอก นอกจากถูกลักพาตัว"
ลีชองตกใจ "อะไรนะ ถูกลักพาตัวหรือ"
"ใช่ มีอันธพาลกลุ่มหนึ่ง
จับนางไปขายที่หอนางโลม เราจะหาก็หาไม่พบ"
"ว่าไงนะ พูดอะไรบ้าๆ
ซงยอนน่ะหรือถูกจับไปขาย จะเป็นไปได้ไง เรื่องเป็นมายังไง บอกข้าหน่อยซิ เร็วเข้า"
"คือ พูดแล้วเรื่องมันยาวมาก เพราะหอนางโลมในเมืองหลวงก็มีตั้งล้านเจ็ด
แล้วเราจะไปหาซงยอนได้ที่ไหนล่ะครับ เฮ่ย ฮือๆๆ"
ลีชองนึกถึงเสียงที่เขาได้ยินที่หอนางโลมก็ตกใจ
"หา เดี๋ยวก่อน
เมื่อกี้บอกว่าหอนางโลมใช่ไหม"
"ใช่" ดัลโฮตอบ
"หา เอ่อ ตายล่ะหรือว่านั่น"
ลีชองหน้าตาตื่น
ลีชองรีบพาเทซูกลับไปที่หอนางโลมทันที
เวลานั้นซองซงยอนกำลังถูกเฆี่ยนอย่างหนัก
"เอ่อ ปล่อยข้านะ จะพาไปไหนอีก
ปล่อยซี่ ข้าไม่ไปนะ ช่วยด้วย จะพาข้าไปไหน ช่วยข้าด้วย" ซองซงยอนร้องลั่น
เทซูก็ตะโกนเข้ามา "เปิดประตูเดี๋ยวนี้ บอกให้เปิด"
"ใครมาอีกล่ะนี่"
"เปิดประตูได้ยินมั้ย หูแตกหรือไง ถ้าไม่เปิด ข้าจะพังเข้าไปด้วย ฮึ่ม
ไม่เปิดใช่ไหม ข้าบอกให้เปิดไง เปิดประตู เฮ้ย"
"อ้าว ท่านลี โอ๊ย อะไรกันน่ะ"
"หลีกไป หลีก"
"ปล่อยข้านะ ฮือ จะทำอะไรน่ะ"
พ่อค้าสั่งให้ลูกน้องพาซองซงยอนไปนอนบนผ้าห่มและหวดให้หนักๆ เทซูเข้ามาจนได้
"ซงยอน หา ซงยอน"
ซองซงยอนมองเทซูอย่างดีใจ "เทซู"
"หมอนี่เป็นใคร"
เทซูโกรธมาก "หนอย หึ หึ ท่านลี ช่วยไปดูซงยอนก่อน"
ลีชองรีบเข้าไปดู "จ้ะๆ
ได้ๆๆ"
"พวกสารเลวนี่ ข้าจะไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว ย้าก"
เทซูร้องท้าสู้
"มาเลย อยากตายก็ดาหน้าเข้ามาให้หมด"
ขณะที่ดัลโฮรีบไปส่งข่าวบอกใต้เท้านัม
ลีชองบอกเทซู หลังจากที่เทซูจัดการพวกพ่อค้าได้สำเร็จแล้ว
"ไปเลย
จับไปขังซะให้เข็ด พวกนี้อยู่ไปก็หนักแผ่นดิน เฮ่ย ถุยๆ เฮ่ย"
"เป็นไรหรือเปล่า
เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย ขอโทษด้วยนะ เพราะข้า ฮือ เพราะข้าไม่เอาไหน ทำให้เจ้าลำบาก"
"ฮือ แล้วนี่ไปมายังไง ทำไมเจ้า ฮือ ทำไมรู้ว่าข้าอยู่นี่"
"ซงยอน ฮือ
ซงยอนๆ หลานรักของข้า ไม่ต้องกลัวนะลูกนะ ทำใจดีๆ ไว้ อามาช่วยแล้ว ไหนดูซิ
เป็นไงบ้าง"
"ท่านอา ขอบคุณค่ะ ฮือ ข้าไม่เป็นไรแล้ว"
"ขอบคุณสวรรค์แท้ๆ
รู้มั้ยว่าเทซูเป็นห่วงเจ้าแค่ไหน ฮือ เราสองคน ตาม หาเจ้าแทบจะพลิกแผ่นดินด้วยซ้ำ
ฮือ ฮือๆๆ"
"ยังไงก็ตาม เห็นเจ้าปลอดภัยก็ถือว่าดีแล้ว"
ดัลโฮกับใต้เท้านัมตามมาสมทบ
"ใช่ครับ ขอบคุณไต้เท้า
ขอบคุณสวรรค์ที่ช่วยด้วย เฮ่อๆๆ"
เทซูแนะนำ "ท่านนี้คือมหาดเล็กนัม"
ซองซงยอนอึ้ง "หา"
"จำไม่ได้แล้วหรือ ตอนเด็ก เขาเคยช่วยเราไว้น่ะ
ไม่เจอนานนะซงยอน"
"ท่านก็คือ มหาดเล็กนัมหรือคะ"
"ใช่ หึ
ภาษิตว่าคนดีฟ้าคุ้ม นับว่าไม่ผิดจริงๆ ถ้าองค์ชายทรงทราบ คงจะดีพระทัยไม่น้อย"
"ซงยอน วันก่อนองค์ชาย เสด็จไปหาเราที่บ้าน"
"เอ่อ หา เจ้า เจ้าบอกว่า
พูดอะไรน่ะเทซู องค์ชายที่ไหนกัน"
"โง่จริง จะมีใครซะอีก ก็องค์ชายลีซานไงล่ะ
องค์ชายอยากเจอเราสองคน อยากเจอเจ้าก็เลยมาหา และที่ผ่านมา
องค์ชายไม่เคยลืมเจ้าเลย"
ดัลโฮกับเทซูช่วยกันดูแลซองซงยอนอย่างดี
ปล่อยให้ใต้เท้านัมคุยกับซองซงยอน
"องค์ชายได้เห็นภาพเขียนของข้าหรือคะ"
"ใช่ เพราะเสด็จไปที่ศูนย์ศิลปะ เห็นที่เจ้าเขียนออกมาตามหัวข้อที่ทรงประทานไว้
จากนั้นก็เสด็จมาที่บ้าน ปรากฎว่ามีเหตุการณ์ให้แคล้วคลาดอยู่ตลอด
เจ้าไม่รู้หรอกว่าองค์ชายตามหาพวกเจ้าขนาดไหน แทบจะเรียกได้ว่า
ไม่เคยหยุดเลยซักวัน"
"หึ ถ้าอย่างงั้น ข้าจะขอ เข้าเฝ้าซักครั้งได้ไหมคะ"
"ตอนนี้น่ะหรือ คงยังไม่ได้หรอกนะ แต่ข้ากลับไปแล้ว
จะทูลให้ทรงทราบว่าเจ้าปลอดภัยดี รออีกซักพักเถอะ
ข้าเชื่อว่าต้องมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าแน่"
หลังจากที่
พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งให้ช่างจิตรกรตรวจสอบว่าเป็นลายมือคนคนเดียวกันหรือไม่
ฮงพงฮันกลับมารายงานว่าทุกคนบอกว่าเหมือนมาก
"งั้นหรือ
ทุกคนบอกว่าเหมือนมากหรือไง"
"พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า
จากการที่ให้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายรวมทั้งช่างเขียนรูปได้พิจารณา ส่วนใหญ่เห็นว่า
ลายพระหัตถ์ เป็นของคน ๆ เดียวแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่า
ก็มีบางคนแย้งว่าถ้าเป็นนักปลอมลายมือ ที่เก่งจริงๆ
ก็สามารถเขียนได้ใกล้เคียงเหมือนกัน"
"ข้ารู้แล้ว ไม่มีอะไรเชิญออกไปได้"
"พ่ะย่ะค่ะ" ฮงพงฮันออกไป
"ทูลฝ่าบาท พระมเหสีมาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"
"ดึกป่านนี้แล้วยังมาทำไมอีก"
พระมเหสีจองซุนทูลว่า
"ได้ยินว่าฝ่าบาทยังทรงงานอยู่ ด้วยความเป็นห่วงก็เลยมาเฝ้าเพคะ เป็นน้ำเก๊กฮวยเพคะ
ช่วยบำรุงสายตาและขจัดความเหนื่อยล้าได้ดี รสชาติเป็นไงเพคะ"
"อึม
กลิ่นเก๊กฮวยหอมดี"
"หึ เมื่อครู่ที่มา พอดีสวนทางกับท่านเจ้ากรมอาญา คิดว่า
มาเฝ้าเพราะเรื่ององค์ชายลีซานใช่ไหมเพคะ ฝ่าบาท
เรื่องบางอย่าง,หม่อมฉันไม่ทราบจะทูลดีมั้ย หมู่นี้
ได้ยินข่าวลือบางอย่างที่ทำให้ไม่สบายใจนัก ล้วนเป็นข้อครหาที่มีต่อองค์ชายทั้งสิ้น
แต่ยังไงหม่อมฉันก็ไม่เชื่อหรอกเพคะ องค์ชายเป็นเด็กฉลาดและสุขุม
จะไม่มีวันทำเรื่องเหลวไหลอย่างงั้นแน่นอน"
"หมายความว่าเจ้า
มั่นใจในตัวเขาหรือ"
"เขาเป็นคนซื่อและไม่มีเล่ห์เหลี่ยม หม่อมฉันคิดว่าฝ่าบาท
น่าจะทรงเชื่อนัดดาคนนี้บ้าง"
"ไม่อย่างงั้น
ข้าคงไม่สังเกตการทำงานของเขามาถึงป่านนี้หรอก"
"อะไรนะเพคะ ฝ่าบาท
ความหมายก็คือ ฝ่าบาทก็ทรงเชื่อว่าเขาถูกปรักปรำใช่ไหมเพคะ"
"เพียงแต่เรื่องนี้มีข้อข้องใจหลายจุด และบางอย่างก็สุดจะอธิบายได้
ถ้าเขามีปัญญาคลี่คลาย ก็จะรู้ว่าใครพูดจริงพูดเท็จกันแน่"
"หม่อมฉันนึกแล้วว่าฝ่าบาทต้องทรงเฉียบแหลมนัก
แสดงว่าหม่อมฉันไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว"
พอออกมาพระมเหสีจองซุน
ทรงรับสั่งกับซังกุงว่า
"รีบไปสั่งการ ให้ชองโฮคยอมมาพบข้าเดี๋ยวนี้"
"ทราบแล้วเพคะ"
ซองซงยอนรู้สึกดีขึ้น ก็จะไปทำงาน เทซูเห็นก็ตกใจร้องถาม
"นี่ เจ้าจะไปไหน"
"อ๋อ ก็ไปที่ศูนย์ไง"
"อะไรนะ จะบ้าหรือไง
พักผ่อนไม่ทันไร ทำไมต้องรีบไปทำงานด้วย"
"หึ ไม่เป็นไรหรอก
ข้าไม่ได้เจ็บตรงไหน"
"ยังไงก็ไม่ได้ เข้าไปนอนซะ และนี่ ฟ้ายังไม่สว่าง
จะรีบไปไหนกัน"
"หึ ไม่ได้ทำงานตั้งหลายวัน
เจ้าไม่รู้หรอกว่าพี่โชบีน่ากลัวแค่ไหน ถ้าไม่อยากถูกไล่ออก ก็ต้องรีบไปเก็บกวาด
เอาใจนางหน่อย"
"ซงยอน"
"หึ ข้าไปล่ะ"
พอจะออกไป
องค์ชายลีซานก็เสด็จมาหา
"ซงยอน"
"องค์ชาย"
"ซงยอน เจ้าเป็นยังไงบ้าง
บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"ฮือ เอ่อ องค์ชาย"
"ยกโทษให้ข้าเถอะนะ
เพราะข้าไม่ดีเอง เจอกันยังจำเจ้าไม่ได้"
ซองซงยอนพูดไม่ออกเอาแต่ร้องไห้
"ฮือๆๆ"
"ถ้าหาก ในงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูต ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า หลังจากนั้น
ข้าคงไม่ให้เจ้าลำบากขนาดนี้ ข้าต้องขอโทษอีกครั้ง เจ้าอภัยให้ข้าได้ไหม"
"ฮือ
ไม่เพคะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องทรงขอโทษหรอกเพคะ ฮือ หม่อมฉัน หม่อมฉันนึกว่า"
"ซงยอน"
"ฮือ นึกว่า องค์ชายทรงลืมหม่อมฉันไปแล้ว ฮือ
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร นึกว่าองค์ชาย ทรงลืม หม่อมฉันกับเทซูไปแล้วจริงๆ"
"ข้า จะลืมพวกเจ้าได้ยังไง ข้าไม่เคยลืมสัญญา ที่เราเคยให้ไว้ ไม่ลืมว่า
พวกเจ้าเป็นเพื่อนรักของข้า อย่าร้องไห้อีกเลย ตอนนี้เราได้พบกันแล้ว
หลังจากคิดถึงกันมาหลายปี ในที่สุดก็ได้พบกันอีก"
"หึ องค์ชาย ฮือ"
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 9

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 10

"ข้าไปหาเจ้าที่บ้านก่อน
แต่เทซูบอกว่า เจ้ามาที่ศูนย์ฯ แต่เช้า ข้าก็เลย รีบตามมาที่นี่อีก
ข้ายังอดดีใจไม่หาย ที่ได้เจอเจ้าอีกครั้ง มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อนัก
วันก่อนเห็นกันใกล้ๆ ยังจำเจ้าไม่ได้ คิดแล้วก็น่าตำหนิตัวเองนักเชียว"
"องค์ชาย"
"หึๆ ถ้าไม่เพราะภาพใบนี้ ข้าอาจไม่มีวันรู้ว่าเป็นเจ้าก็ได้
พฤกษาโชยกลิ่นหอม จรุงใจต้องภูษา ยังจำได้หรือเปล่า ตอนนั้นเราอยู่ในห้องเก็บของ
และเจ้าก็เรียกชื่อข้าตรงๆ"
"เพคะองค์ชาย หม่อมฉันจำได้"
"หึ เหตุการณ์นั้น
ยังอยู่ในใจข้า ไม่เคยลืมเลือน เพราะหลังจากนั้นแล้ว
แทบไม่มีใครกล้าเรียกชื่อจริงของข้าอีก"
"ฮือ องค์ชาย"
"ยังมีอีกหลายเรื่อง
ที่ข้าอยากถามเจ้าให้รู้ จริงสิ ความเป็นอยู่สบายดีมั้ย"
ใต้เท้านัมเข้ามาเรียก
องค์ชายลีซานถามว่ามีอะไร
"คนของศูนย์ศิลปะเริ่มมาแล้ว
ต้องเสด็จกลับนะพ่ะย่ะค่ะ"
ใต้เท้านัมนำพาองค์ชายเสด็จออกมา
เทซูกับซองซงยอนตามมาส่ง
"องค์ชาย ถึงเวลากลับวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ
เพราะเสด็จออกมานาน จะไม่เหมาะ" ใต้เท้านัมเตือน
"ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาส
ได้เจอพวกเจ้าอีก"
"องค์ชาย ทรงวางพระทัยเถอะ ซงยอนทำงานอยู่ศูนย์ศิลปะ
ส่วนเทซูก็จะไปสอบทหาร อีกไม่นานคงได้เจอแน่พ่ะย่ะค่ะ" ใต้เท้านัมทูล
"สอบทหารหรือ" องค์ชายลีซานสะดุดกับคำพูดของใต้เท้านัม
"พ่ะย่ะค่ะ
ปาร์คเทซูบอกว่า เขาจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เมื่อเป็นทหารแล้ว
จะได้ปกป้ององค์ชายอีก"
"เอ่อ ไม่ ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ฝีมือหม่อมฉันแค่หางอึ่ง
ที่สำคัญ คุณสมบัติอื่นๆ ก็ไม่ค่อยมี" เทซูรีบออกตัว
"พูดอะไรอย่างงั้น
ใครบอกว่าหางอึ่ง ฝีมือของเจ้า ข้าเคยเห็นมาแล้ว"
เทซูตกใจ "หา"
"ตั้งแต่เกิดมา ข้าเคยถูกซ้อมสองครั้ง และเป็นฝีมือเจ้าคนเดียว แล้วอย่างงี้
จะบอกว่าไม่เก่งได้ยังไง"
เทซูอึ้งไป "เอ่อ องค์ชาย คือ ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันล่วงเกินเบื้องสูงแล้ว"
"หึๆๆ ข้าล้อเล่นกับเจ้า อย่าคิดมากเลย"
"องค์ชาย"
"การได้พบพวกเจ้าอีกครั้ง ช่างเป็นเรื่องที่ดีนัก อย่างน้อย
ก็มีคนให้ข้าแหย่เล่น พอให้หายเครียดบ้าง อ้อ ต่อไป พวกเจ้าห้ามไปไหนไกลล่ะ"
"หึ ทราบแล้วเพคะ"
"พ่ะย่ะค่ะ ทรงวางพระทัยได้"
"องค์ชาย
เสด็จเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"อึม ได้ ข้ารู้แล้ว แล้วข้าจะมาอีก"
หลังจากองค์ชายลีซานเสด็จกลับไปแล้ว เทซูก็มุ่งมั่นที่จะต้องสอบผ่านให้ได้
เพื่อเข้าวังปกป้ององค์ชายลีซานด้วยตัวเอง
ฮงนิมฮันมาบอกเรื่องการพิสูจน์ลายมือกับพระชายาเฮคยองและฮงพงฮัน
ทำให้เขาถูกฮงพงฮันพี่ชายต่อว่า
"เจ้านี่ยังไงนะ เมื่อรู้ว่าใช่จริง
ก็หาทางช่วยองค์ชายหน่อยสิ ไม่งั้นข้าจะให้เจ้าออกหน้าทำไม"
"ขอโทษด้วยพี่ใหญ่
แต่เป็นเพราะว่า เรื่องนี้เป็นที่สนใจของหลายฝ่าย ข้าเลยไม่กล้าทำอะไร"
"เฮ่ย
แย่จริง ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมองค์ชายถึงได้ทำแบบนี้ เกิดดีไม่ดี
องค์ชายจะมีโทษหลอกลวงเบื้องสูง และยังฆ่าคนส่งเดช จะถือเสมือนนักโทษนะพ่ะย่ะค่ะ"
"ท่านพ่อ ลูกซานจะเป็นนักโทษได้ไงคะ ทำไมท่านพูดน่ากลัวอย่างงั้นล่ะ"
พระชายาเฮคยองเตือน
"แต่ว่าพระชายา เหตุการณ์ตอนนี้"
"ไม่
ข้าไม่เชื่อเหตุการณ์ไหนทั้งนั้น เชื่อแต่ลูกของข้า"
ฮงพงฮันอึ้งไป "พระชายา"
"เขาเป็นลูกข้า ข้ารู้นิสัยยิ่งกว่าใคร เขาไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้แน่ ฮือ"
องค์ชายลีซานเสด็จมาขอเฝ้าพระเจ้ายองโจ พระเจ้ายองโจทรงตรัสถามว่า
"ข้าขอถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย คำสั่งนั่นใครเป็นคนเขียน
ไม่ใช่ของเจ้าแน่หรือเปล่า"
"ต่อให้ทรงถามอีกร้อยครั้ง
คำตอบก็เหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะ คำสั่งนั่น ไม่ใช่ของหม่อมฉันจริงๆ"
"แล้วตอนนี้เราจะทำไงดี เมื่อวานมีรายงานมาว่า ลายมือนั่นเป็นของเจ้าแน่นอน
ขนาดท่านตาเจ้ายังไม่กล้าออกหน้าช่วยแก้ต่างให้
แสดงว่าต้องเป็นเรื่องจริงแน่ถูกหรือเปล่า"
ฮงพงฮันอึ้งไป
เหล่าขุนนางหันไปคุยกันเบาๆ
"ไม่เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ คำสั่งนั่น
ยังไงก็ไม่ใช่ลายมือหม่อมฉัน"
"ถ้าไม่ใช่ลายมือเจ้า
แปลว่าช่างเขียนทั้งในเมืองนอกเมืองโกหกหมดหรือไง"
องค์ชายลีซานอึ้งไป "ฝ่าบาท"
ขุนนางท่านหนึ่งทูลว่า "ฝ่าบาท ขอได้ทรงโปรด หากเรื่องนี้เป็นความจริง
เราจะผ่อนผันไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายลีซาน
นอกจากหลอกลวงเบื้องสูงแล้วยังทรงผิดกฎหมายอย่างแรง"
ขุนนางอีกคนสนับสนุน
"นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เป็นถึงองค์ชายแท้ๆ จะฆ่าคนเป็นผักปลาเช่นนี้ได้ยังไง
เกิดใครรู้เข้า เราจะมองหน้าชาวบ้านได้หรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ฝ่าบาท
เรื่องนี้สมควรมีการลงอาญาให้เป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อไม่ให้
เกียรติภูมิของบ้านเมืองสั่นคลอนนะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
เหล่าขุนนางทูลพร้อมกัน
"ฝ่าบาท"
"ใช่ พวกท่านพูดถูก ข้าก็เห็นด้วยกับท่านทั้งหลาย
แต่คิดอีกทีก็รู้สึกน่าแปลก ในเมื่อรู้ว่าเขาเป็นถึงองค์ชาย
แล้วทำไมแต่ละคนยังจ้องจะเอาผิดให้ได้ล่ะ แสดงว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาหรือไง
คนเรามีความคิดแตกต่าง ข้าก็พอรับได้
แต่การไม่ให้เกียรติพระนัดดาแบบนี้มันหมายความว่าไง หรือว่า เพราะทุกคนมั่นใจ
ว่าอนาคตเขาไม่มีทางได้ครองราชย์ใช่ไหม" พระเจ้ายองโจรับสั่งตรงๆ ทุกคนพากันอึ้งไป
"พระอาญาไม่พ้นเกล้าพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน ไหนเลยจะกล้าบังอาจเช่นนั้น"
"ขอทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้ายองโจทรงหันมารับสั่งกับมหาดเล็ก "เอาของที่เตรียมไว้เข้ามาหน่อยซิ"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" มหาดเล็กรีบนำเข้ามา
"นี่คือมันฝรั่งที่ต้มสุก
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการทำงานของกรมอาญา ข้าเลยหาวิธีอื่นให้ด้วย
เมื่อก่อนเคยได้ยินว่าชาวบ้านข้างนอก มีวิธีใช้มันต้มสุกในการปลอมประทับตราแบบนี้
เริ่มได้แล้ว"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"ยกขึ้นให้ทุกคนดูชัดๆ"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
มหาดเล็กปฏิบัติตาม เหล่าขุนนางตกใจ
"เป็นไง แยกแยะจริงเท็จได้ไหม
แค่เอามันฝรั่งไปต้มให้สุก แล้ววางบนตราที่ประทับไว้ก็จะกลายเป็นอีกอันทันที
แต่ว่าความแตกต่างระหว่างตราประทับจริงและปลอมก็คือ ของปลอมจะค่อยๆ
จางลงเมื่อนานวันเข้า ฉะนั้นรออีกเดือนก็จะรู้ผล หรือก็แปลว่า
เราจะพิสูจน์ได้ว่าคำสั่งนั่นจริงหรือปลอม ลายมือเป็นสิ่งที่ใครก็ปลอมกันได้
แต่ตราประทับไม่สามารถเลียนแบบ ฉะนั้นจะลงโทษองค์ชายลีซานหรือไม่ ให้รออีกเดือน
ดูว่ารอยตราประทับจางลงหรือไม่แล้วค่อยว่า และก่อนจะถึงวันนั้น ทุกคนก็จงหุบปาก
ห้ามก้าวร้าวถึงองค์ชายอีกรู้มั้ย"
"ขอทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
หลังจากเหล่าขุนนางออกไปแล้ว
พระเจ้ายองโจทรงอดบ่นกับแชจีคยอมไม่ได้
"คนนี้ก็พูด คนนั้นก็พูดจนน่าปวดหัว
พอเถียงไม่ขึ้นก็บอกให้ข้าอภัยโทษซะอย่างงั้น"
"แต่ทรงเปิดเผยเร็วไปมั้ยพ่ะย่ะค่ะ ถ้าหาก ทรงไต่สวนอย่างลับๆ
พวกเขาอาจไม่ตกใจก็ได้"
"จุ๊ๆๆ ท่านก็เหมือนกัน เพิ่งมาไม่ทันไร
ก็จะมาบ่นข้าอีกคนแล้ว"
"หม่อมฉันไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ"
"รู้มั้ยว่าที่ข้าให้ท่านกลับมา เพื่ออะไรกัน"
0000000000000000
องค์หญิงวาวานทราบเรื่องการประชุมก็ไม่พอพระทัยอย่างมาก
"หึ พระบิดาน่ะหรือ
จะทรงเข้าข้างลีซานได้ หึ ข้าไม่เชื่อว่ามีเรื่องแบบนี้"
ชองโฮคยอมกล่าวว่า
"ตอนนี้ที่สำคัญ ยังไม่ใช่เรื่องนี้นะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเราประมาท
จะถูกจับได้ว่ามีการปลอมพระบัญชา"
"เรียกประชุมเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า"
แชซกจูจะค้าน "แต่ว่า ถ้าเป็นตอนนี้"
"ตอนนี้แหละ
ไม่มีเวลาให้คิดมากอีกแล้ว หึ"
เมื่อทุกคนพร้อมประชุม
ฮงนิมฮันถามด้วยความสงสัยและเกรงกลัว
"ทำไมทรงเรียกประชุมกลางวันล่ะพ่ะย่ะค่ะ
เกิดให้ใครรู้เข้ามิแย่หรอกหรือ"
องค์หญิงวาวานตอบว่า
"เพราะเหตุการณ์คับขันน่ะสิ"
"หม่อมฉันรู้ แต่ว่า"
"ใต้เท้า
เบื้องบนทรงเห็นด้วยที่จะมีประชุม" แชซกจูอ้าง ขุนนางกับฮงนิมฮันจึงเงียบไป
"เรื่องคำสั่งจริงหรือเท็จ ผลออกมาเมื่อไหร่ เราพังแน่ ถึงตอนนั้น
ฝ่าบาทจะทรงเชื่อลีซาน เท่ากับเขามีอำนาจมากขึ้นโดยปริยาย"
"แต่จะทำไงไม่ให้ตราประทับเปลี่ยนสีได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"คำสั่งนั่น
ตอนนี้เก็บอยู่ที่ฝ่าบาท ถ้าใครคิดจะไปแตกต้อง เห็นทีคงยากนัก" ชองโฮคยอมว่า
"ถ้าอย่างงั้น เราจะไม่ทำอะไรเลยหรือ จะนั่งรอความตายหรือไง"
"ตอนนี้
ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือน ต้องหาวิธีทำให้ฝ่าบาททรงลืมเรื่องพิสูจน์ลายมือนี้ให้ได้"
"แล้วจะให้ทำไง"
"หึ ต่อให้ทรงปราดเปรื่องขนาดไหน
ฝ่าบาทก็ทรงเป็นปุถุชนคนหนึ่ง" ชองโฮคยอมว่า
องค์หญิงวาวานยังทรงไม่เข้าพระทัย
"พูดแบบนี้หมายความว่าไง"
"มนุษย์ย่อมมีความรู้สึกนึกคิด
มีเรื่องบางอย่างที่ไม่อยากจดจำ ยกตัวอย่างเช่น ความทรงจำเกี่ยวกับ
พระโอรสที่ถูกขังจนสิ้นพระชนม์ แต่ว่า
ถ้าเป็นนัดดาคนโปรดไปรื้อฟื้นความทรงจำของพระองค์ล่ะ หากรู้ว่าองค์ชาย
ทรงโกรธแค้นแทนเสด็จพ่อ ไม่แน่ฝ่าบาทอาจทรงเปลี่ยนพระทัยก็ได้"
เมื่อออกจากที่ประชุมแล้ว ชองโฮคยอมก็ไปพบชายคนหนึ่งและสั่งการว่า
"เตรียมของที่ข้าเคยบอก รวมทั้ง อุปกรณ์ในการปลอมลายมือ
แล้วรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด"
องค์ชายลีซานกำลังนั่งคิดถึงคำพูดของพระเจ้ายองโจที่ว่า
"หรือว่า
เพราะทุกคนมั่นใจ ว่าอนาคตเขาไม่มีทางได้ครองราชย์ใช่ไหม"
แล้วองค์ชายลีซานก็ต้องถอนพระทัย มหาดเล็กเข้ามาทูลว่า
"องค์ชาย
หัวหน้าหน่วยคุ้มกันพิเศษคนใหม่มาขอเฝ้าองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ"
"ให้เข้ามา"
แชจีคยอม หัวหน้าหน่อยคุ้มกันพิเศษ ซึ่งเคยเป็นครูขององค์ชายลีซานเข้ามา
"หา นี่มัน ทำไมเป็นท่านล่ะ"
"องค์ชาย หลายปีนี้ ทรงสำราญดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ หึ หึ อะไรกันนี่ไต้เท้าแช ท่านพ้นโทษแล้วหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ
ฝ่าบาทมีพระบัญชาอภัยโทษ หม่อมฉันจึงได้กลับมาอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ"
"หึๆๆ
ระหว่างที่ท่านถูกเนรเทศ ข้าไม่สามารถช่วยอะไรได้ ต้องขอโทษด้วยนะ"
"ไม่เป็นไรมิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันต่างหากที่รู้สึกละอายใจ
ไม่อาจอยู่เคียงข้างช่วยเหลือองค์ชายได้มากกว่า"
"ว่าแต่ท่าน
ทำไมไปอยู่หน่วยคุ้มกันล่ะ กลับมาทั้งที รับตำแหน่งแค่ขุนนางขั้น 5
มันจะเหมาะแล้วหรือ"
"เป็นความสมัครใจของหม่อมฉันที่จะรับตำแหน่งนี้เองพ่ะย่ะค่ะ
แม้จะอยู่ใต้สังกัดกรมอาญาอีกที องค์ชาย เรื่องนี้เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท
ที่ทรงให้หม่อมฉันมาถวายอารักขา"
"ฝ่าบาทน่ะหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ อาจเพราะว่า
ทรงรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียดในวังก็เป็นได้ จึงให้หม่อมฉันกลับมา
เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้องค์ชายอีกแรง"
องค์ชายลีซานเข้าพระทัยทันที "อ้อ"
"หน่วยคุ้มกันพิเศษ มีหน้าที่ถวายอารักขาโดยเฉพาะ ต้องมีการจัดระเบียบใหม่
จึงจะดูแลความปลอดภัยขององค์ชายได้"
"หึๆ จัดระเบียบพวกเขาน่ะหรือ เรื่องนี้
คงเป็นไปไม่ได้หรอก"
"องค์ชาย"
"ทุกวันนี้หน่วยคุ้มกันของข้า ใครๆ ว่า
เหมือนเป็นสุสานของทหาร เพราะข้าอาจถูกปองร้ายทุกเมื่อ ถ้าใครมาอยู่หน่วยนี้
อย่าว่าแต่ก้าวหน้าเลย ดีไม่ดี จะอายุสั้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้"
"องค์ชาย
ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"บางคนก็มาเป็นหนอนบ่อนไส้ ส่วนบางคน
ถ้าไม่เพราะหวังได้เบี้ยหวัด ก็เฝ้าภาวนา ให้ตัวเองถูกย้ายไปเร็วๆ
อีกไม่นานจะมีการสอบทหารใหม่ ไม่รู้ว่า ชุดใหม่ที่มาจะยิงธนูเป็นหรือเปล่าด้วยซ้ำ"
โชบีพยายามจะหาทางกลั่นแกล้งซองซงยอนอีก แต่ก็เอาผิดนางไม่ได้
เพราะซองซงยอนทำงานให้อย่างเรียบร้อย ลีชองเจอซองซงยอนกลับมาทำงานก็ดีใจเข้ามาทัก
"อ้าว ซงยอน"
"อุ๊ย หัวหน้าลี หึ"
"เป็นไงบ้าง
ไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า"
"อ้อ ไม่แล้วค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง"
"สบายดีก็ดีแล้ว ข้าไปก่อนนะจ๊ะ แหะ เอ่อ ซงยอน"
"หา มีอะไรอีกหรือคะ"
"ข้ารู้สึกดีใจพิลึก พอรู้ว่าเจ้ามาทำงาน ข้าค่อยมีกำลังใจหน่อย"
"โธ่
หัวหน้าลี"
"มีเจ้าอยู่ใกล้ๆ ข้าจะได้เรียกใช้บ้าง ไม่งั้นคงลำบาก"
"ทำไมหรือคะ"
"จู่ๆ ช่างเขียนโชก็ลาออกไป
ทำให้งานข้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวน่ะซี้ นี่ เดี๋ยวจะมาหาอีก มีงานจะให้ช่วยหน่อย"
"อะไรนะคะ พอแล้วน่า"
"เอาน่า แหะๆ" ลีชองออกไป ซองซงยอนได้แต่ถอนใจ
มีซูเข้ามา "เอ่อ ซงยอน บอกตรงๆ เจ้าอย่าสนิทกับหัวหน้าลีให้มากได้ไหม"
"หา
ทำไมหรือ มีอะไร?"
"แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงข้าก็เข้าข้างเจ้าเสมอ รู้มั้ย หึ"
มีประกาศรับสมัครทหาร เทซูจึงตั้งใจที่จะไปเรียนหนังสือ แต่ดัลโฮห้ามไว้
"โธ่เอ๊ย วันก่อนข้าเคยบอกแล้วไง ทุกปีก่อนสอบ จะมีพวกที่เคยผ่านมาแล้ว
เปิดบ้านสอนพิเศษเน้นหัวข้อที่ต้องจำ ข้าจะไปสมัครเรียนก่อน"
"หา นี่
คิดให้ดีนะ เชื้อสายบ้านเรามีแต่พวกปัญญาทึบ เจ้าไม่มีทางผ่าเหล่าผ่ากอได้หรอก"
เทซูไปเรียนกับฮงกุกยอง ชายหนุ่มเป็นผู้สอนกำลังสอนก็คอยเลื่อมมองเทซู
"ต่อไปจะกล่าวถึงตำราพิชัยยุทธของ "ซุนจื่อ" เล่ห์กลมี 12 ประเภท
รู้ให้เหมือนไม่รู้ เป็นให้เหมือนไม่เป็น ใกล้เหมือนอยู่ไกล ไกลเหมือนอยู่ใกล้
ง่วงแล้วใช่ไหม ง่วงก็ออกไปซะ หน้าอย่างเจ้ามาเรียนก็เสียเงินเปล่า จ่ายมาเท่าไหร่
เดี๋ยวข้าคืนให้ ไหนท่องพิชัยยุทธให้ข้าฟังซิ"
"รู้ให้เหมือนไม่รู้
เป็นให้เหมือนไม่เป็น ใกล้เหมือนอยู่ไกล ไกลเหมือนอยู่ โอ๊ย เดี๋ยว ท่านครูครับ แหะ
ท่านครู คือ ข้าอ่านหนังสือไม่ค่อยออก ทำไงดีครับ"
"งั้นก็อย่าอ่านสิ"
"อะไรนะ เดี๋ยว ท่านครู ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะครับ เพราะข้าอยากเป็นทหารจริงๆ
ถึงยอมเสียเงินมาเรียนพิเศษหรอกนะ"
"เจ้าคงไม่มีแววทางนี้หรอก"
"อะไรนะ"
"เคยผ่านอะไรมาบ้างล่ะ นึกว่าแค่มาเรียนพิเศษหน่อยเดียว
จะเป็นทหารป้องกันบ้านเมืองได้หรือ คนเป็นทหาร ต้องผ่านการฝึกอย่างหนัก
นอกจากอ่านออกเขียนได้แล้ว ยังต้องรู้ประวัติศาสตร์ การสู้รบวางแผน
ตำราพิชัยยุทธและฝีมือการต่อสู้อีกร้อยแปด แต่ทั้งหมดนี้ เพ้อเจ้อทั้งนั้น"
"หา
อะไรนะ"
"วันนี้เจ้าเรียนอะไรบ้าง"
"เอ่อ ก็ หลักพิชัยยุทธ เล่ห์กล 12
ประเภท"
"แล้วอะไรคือเล่ห์กล การหลอกลวงทุกกระบวนท่าใช่ไหม ซุนจื่อบอกว่า
การสู้รบก็คือหลอกให้ศัตรูตายใจ เพราะฉะนั้น ถึงเวลาสอบก็ใช้ลูกเล่นนิดหน่อย
เดี๋ยวก็ผ่านเองแหละ หึๆ"
"หา เดี๋ยว นี่ ท่านครูๆ ท่านเป็นชนชั้นสูงนะ
ทำไมสอนข้าแบบนี้ล่ะครับ"
"หึๆ ชนชั้นสูงแล้วทำไม
เจ้าคิดว่าโลกนี้ใครที่เหลี่ยมจัดสุด ก็คือ คนที่เปลือกนอกดูดีอย่างข้านี่แหละ"
พระเจ้ายองโจ
องค์ชายลีซานและเหล่าขุนนางไปดูการสาธิตเพลงทวนและยิงธนูของทหารเฉพาะหน่วยคุ้มกันพิเศษ
แต่ปรากฏว่าทหารหน่วยคุ้มกันพิเศษขององค์ชายลีซานยิงธนูพลาดเป้าหมด
พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งว่า
"เฮ่ย งั้นก็พอแค่นี้เถอะ กลับได้แล้ว
ที่ควรตำหนิที่สุดก็คือเจ้า เจ้าไม่รู้สึกละอายบ้างหรือไง"
พระเจ้ายองโจรับสั่งต่อว่าองค์ชายลีซาน
องค์ชายลีซานถึงกับอึ้งไป ที่จู่ๆ
ก็โดนดุ
"ที่พวกเขาไม่เอาไหนก็เพราะความอ่อนแอของเจ้า ใช่หรือเปล่า
ต่อให้เหล่าขุนนางไม่เห็นความสำคัญ หรือแม้แต่ทหารคุ้มกัน
หมดศรัทธาต่อเจ้าจนละเลยการฝึกซ้อม แต่จะโทษพวกเขาฝ่ายเดียวได้หรือ"
"ฝ่าบาท"
องค์ชายลีซานน้อมรับ
"ไม่ได้หรอก
เพราะเจ้าเป็นองค์ชายที่ไม่เอาไหนในสายตาพวกเขาจริงๆ คนที่ไม่มีอะไรให้นับถือ
บ่าวไพร่ถึงเอาใจออกห่าง ไม่อยากจะรับใช้ เจ้าทำลายความสามารถของพวกเขา
จงคิดให้ดีด้วย"
พอพระเจ้ายองโจเสด็จกลับ
องค์ชายลีซานจึงเรียกทหารทุกคนมารวมพลที่ลาน
"อ้อ องค์ชายเสด็จมาแล้ว"
"เอาคันธนูมา ข้าบอกให้เอาคันธนูมาไง ข้าได้ยินมาว่า การฝึกซ้อมในวันนี้
ได้แจ้งล่วงหน้าเมื่อ 10 วันก่อน แต่พวกเจ้า ขนาดรู้ว่าฝ่าบาทเสด็จมาทอดพระเนตรเอง
ยังกล้าแสดงฝีมือไม่เอาไหน แทบจะขอไปที ถ้ายังมีความละอายใจอยู่บ้าง
คืนนี้ลานฝึกก็ควรจะไม่ว่าง แต่นี่ กลับว่างเปล่าไม่มีใครมาซักคน
พวกเจ้ายังคู่ควรเป็นทหารหรือเปล่า นับแต่บัดนี้ ให้ฝึกยิงธนู 20 ชุด"
ซอหนึ่งในทหารนั้น ค้านว่า "หา เอ่อ คือ ขอได้ทรงโปรด ยิง 20 ชุด
เท่ากับร้อยดอกนะพ่ะย่ะค่ะ ปกติการฝึกซ้อม อย่างมากก็ยิงแค่ 10 ชุด"
"เจ้าชื่ออะไร"
"เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน ชื่อ "ซอจังบู" พ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้า ให้ยิงมากกว่าคนอื่น เพิ่มอีก 10 ชุด"
"หา อะไรนะ" ซอจังบูตกใจ
"ทุกคนถือธนูไว้ แล้วตามข้ามา"
พวกทหารพากันบ่นยกใหญ่
"ทุกคนเริ่มได้แล้ว ใครก็ตาม ถ้ายิงเกินครึ่งของจำนวนหนึ่งร้อย
ข้าจะให้กลับไปพักผ่อน ได้แค่นี้เองหรือ สิ่งที่ข้าทำได้
ทำไมทหารอย่างพวกเจ้าทำไม่ได้ล่ะ"
ซอจังบูยังต้วมเตี้ยม "หึ โอ๊ย"
องค์ชายลีซานเข้ามาจับตัวซอจังบู "เหยียดแขนให้ตรง ยืนอย่ากระดุกกระดิก"
"พ่ะย่ะค่ะ หึ"
เสร็จแล้วองค์ชายลีซานยังสั่งว่าก่อนยาม 5 มาเจอที่นี่อีก
ยิ่งทำให้เหล่าทหารโอดครวญกันมาก
ซอจังบูไปกินข้าวที่ร้านค้ากับเพื่อนพลางบ่นไปเรื่อย
เทซูนั่งอ่านหนังสืออยู่จึงได้ยิน
"โอย โดนซะแทบตาย
สงสัยแขนยกไม่ขึ้นแล้วมั้งนี่ โอ๊ย นี่ องค์ชายทรงต้องการอะไรแน่
ทำไมต้องหาเรื่องทหารคุ้มกันอย่างเรานักหนา หา เชอะ 20 ชุดยังไม่พอ วันนี้ซ้อมอีก
40 ชุด พรุ่งนี้คงเป็น 60 และมะรืนก็ไป 80 โน่นเลย"
"ไม่ถึงอย่างงั้นหรอกน่า"
"แต่ข้าว่าถึงแน่นอน คนบ้าอย่างงั้น อะไรก็ทำได้หมด เฮ่ย โอย"
"พี่ชายท่านนี้ พูดจาอย่าให้เกินไปนักนะ พวกท่านคงเป็นทหารคุ้มกันในวังล่ะสิ
แถมยังเป็นหน่วยคุ้มกันพิเศษ บังอาจนินทาองค์ชายหาว่าเป็นคนบ้าได้หรือ" เทซูว่า
"เจ้าหนุ่มนี่เป็นใครน่ะ"
"อย่าไปสนเขาเลย"
เทซูก็ไม่สนพูดต่อ
"องค์ชายทรงเป็นคนดีที่หาไม่ได้อีกแล้ว
พวกท่านต้องรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ถวายอารักขา เป็นทหารคุ้มกัน
ก็ต้องปกป้ององค์ชายด้วยชีวิตไม่ใช่หรือ"
"ปกป้ององค์ชายด้วยชีวิต เจ้าพูดอะไร
ให้เรารู้สึกเป็นเกียรติเนี่ยนะ หึ ฟังแล้วจะอ้วก ถ้าชอบเอาหน้าก็ให้เจ้าละกัน
มาเป็นทหารแทนข้าเอามั้ยล่ะ หึ เฮ่ย"
เทซูโกรธ "เจ้าพวกสารเลวนี่"
ซอจังบูยังไม่สน "คนแบบนี้ก็มีด้วยแฮะ โอ๊ะ"
"ทำตัวแบบนี้
ยังคู่ควรเป็นทหารคุ้มกันอีกหรือ หา"
เทซูจัดการซอจังบู
แต่ผลสุดท้ายกลับถูกทั้งสองรุมซ้อม ยิ่งทำให้เขาตั้งมั่น
"มีคนแบบนี้อารักขา
องค์ชายจะปลอดภัยได้ยังไง ข้าต้องไปช่วยพระองค์ให้ได้ ยังไงข้าก็ต้องสอบเป็นทหาร
ฮือ"
ฮงกุกยองจึงบอกเทซูว่า "เพราะฉะนั้น ถึงเวลาสอบก็ใช้ลูกเล่นนิดหน่อย
เดี๋ยวก็ผ่านเองแหละ"
เทซูขอคำชี้แนะจากฮงกุกยองว่า
ะจดจำเนื้อหาวิชาความรู้ได้อย่างไร
"หมายความว่า จะให้ข้าแนะวิธีสอบผ่านให้
อย่างงั้นใช่ไหม"
"หึ ใช่ครับ ไม่ว่าทำไง ข้าก็ต้องผ่านการสอบ
เพื่อไปอยู่หน่วยคุ้มกันพิเศษ"
"หน่วยคุ้มกันหรือ"
"ใช่ครับ"
"หึ
เคยได้ยินคำพูดที่ว่าให้ตักน้ำใส่กะโหลกดูเงาตัวเองมั้ย"
"อะไรนะ"
คำตอบของฮงกุกยองทำให้เทซูงงเป็น ไก่ตาแตก
"เอาเถอะ
ที่นี่ถือหลักว่าใครมีเงินมาก็จะสอบผ่านอยู่แล้ว ข้าจะบอกวิธี
ให้เจ้าตบตาผู้คุมสอบให้ได้ละกัน"
จากนั้นเทซูค่อยไปขอความช่วยเหลือจากลีชอง
โดยขอยืมรูป
"เรื่องอะไรมาขอรูปอย่างว่ากับข้าล่ะ"
"ข้าจะไปทำอะไรบางอย่าง
แล้วจะรีบมาคืนให้ นะ"
"ยุ่งจริงเชียว เฮ่ย"
"ไหน มีมั้ย"
"ไอ้นี่รูปพื้นๆ"
"ครับ"
"ส่วนนี่จะหวือหวาหน่อย"
"ดีครับ เดี๋ยว
ไหนดูซิ โห ขอบคุณมาก ขอบคุณนะ"
"เดี๋ยว เทซู คืนนี้เจ้านอนไม่หลับแน่ หึๆๆ"
จากนั้นฮงกุกยองก็บอกกับเทซูอีกว่า
"เจ้าไปที่ "คาเบียงตง"
บ้านเจ้ากรมกลาโหม ฮันจุนโฮ"
"อะไรนะครับ เอ่อ แปลว่า
จะให้ข้าไปขโมยข้อสอบหรือ"
"เขาเป็นขุนนางผู้ใหญ่
ต้องรู้ข้อสอบก่อนจะถึงวันสอบแน่นอน และปีนี้ลูกเขยจะเข้าสอบอีกคน ก่อนถึงวันนั้น
ต้องให้พ่อบ้านเอาข้อสอบไปให้ลูกเขยดูก่อน"
"คง คงไม่หรอกมั้ง"
"การสอบปีที่แล้ว ก็มีลูกขุนนางคนหนึ่งทำแบบนี้แล้วสอบผ่าน จริงๆ
เรื่องพรรค์นี้ สำหรับพวกขุนนางถือเป็นเรื่องธรรมดา รีบไปเถอะ
ขอเพียงตีสนิทกับพ่อบ้านของเขาได้ ถ้าเห็นจดหมายเมื่อไหร่ ปีนี้ เจ้าสอบผ่านแน่นอน"
เทซูแกล้งเดินไปชนพ่อบ้าน แล้วทำของหล่น
"ขอโทษครับ ขอโทษ"
"อย่าเพิ่งไป นี่ เจ้าทำอะไรหล่น ว้าย ฮู" พ่อบ้านเห็นรูปก็ตกตะลึง
เทซูแกล้งทำตกใจ "ตายแล้ว โอ้โห ของดีของข้าเกือบจะหล่นหายซะแล้ว
ยิ่งหายากอยู่ด้วย ขอบคุณมากนะพี่ชาย แหะๆๆ"
"เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป คือว่า เอ่อ
ไอ้ของแบบนี้ ไปเอามาจากไหนน่ะ หา" เทซูยิ้มที่ทุกกอย่างเข้าทาง
องค์ชายลีซานยังสั่งให้ทหารซ้อมยิงธนูกันอย่างหนัก
จนขุนนางที่ต้องหากระดาษเป้าให้เริ่มไม่พอใจ และบ่นว่าองค์ชายลีซาน
"ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมองค์ชายลีซานชอบสร้างความวุ่นวายในวังอยู่เรื่อยน่ะครับ"
"ข้าก็ว่างั้น ขนาดขุนนางทั้งหลายยังเอือมระอาเลย"
"พอที
อย่าพูดให้มากนักเลย ผู้ใหญ่ต้องการอะไร เราก็วาดไป มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว
เร็วเข้า เร่งมือหน่อย"
ชายหนุ่มที่เคยทำร้ายซองซงยอนกลับมาหาลีชอง
"เฮ้ย
นี่ ทำไมเจ้า ทำไมมาอยู่แถวนี้ เจ้าถูกทางการจับไปแล้วนี่นา ไม่ใช่หรือ"
"ข้าเอาสมบัติทั้งหมดไปขาย แลกเป็นเงิน เพื่อไถ่ตัวออกมาน่ะครับ"
"เฮอะ
มีเรื่องอย่างงี้ด้วยหรือ"
"ท่านลีชอง ที่ข้าทำผิดไป
จะยอมขอโทษแม่นางคนนั้นก็ได้ แต่ช่วยเขียนภาพเจ๋ง ๆ ให้ข้าอีกได้ไหม"
"ฮึ่ม
ไม่ได้ ข้าไม่อยากข้องแวะกับคนอย่างเจ้าอีก"
"เดี๋ยว ช่างเขียนลี
เห็นใจข้าหน่อยเถอะ"
"ไปไหนก็ไป ข้าไม่อยากฟังเจ้าแล้ว"
"ได้โปรดเถอะ
ถือว่าสงสารข้า ข้าหมดเนื้อหมดตัวแล้วจริง ๆ หวังก็แต่ภาพเขียนของท่านนี่แหละ"
"โอ๊ย ไม่อยากฟัง"
"จะช่วยให้ข้าตั้งตัวได้อีกครั้ง ได้โปรดเถอะ
เขียนให้ข้าหน่อยนะ ะได้เอาไปไปขาย สร้างเนื้อสร้างตัว ช่างเขียนลี"
พระมเหสีจองซุนทรงเชิญองค์หญิงวาวาน พระชายาเฮคยอง พระชายาโยอึยมาเฝ้า
"ไม่เห็นหน้าค่าตาตั้งนาน ข้าเลยอยากให้มาพบหน่อย คนที่มาไกลคงจะลำบากหน่อยนะ"
พระมเหสียจองซุนทรงทักทาย
พระชายาเฮคยองทูลว่า "ไม่เป็นไรมิได้เพคะ"
พระชายาโยอึยทูลต่อ "หม่อมฉันก็ไม่เหนื่อยเพคะ"
"วันนี้ข้ารู้สึกจิตใจโปร่งโล่ง เพราะหมู่นี้ในวังสงบขึ้น
ข้าเลยอยากชวนมาดื่มน้ำชาสังสรรค์"
องค์หญิงวาวานค้านทันที "ใครว่าสงบเพคะ
ในวังกำลังมีเรื่องใหญ่ พระมเหสีไม่ทรงทราบหรอกหรือ"
"เรื่องใหญ่อะไรกัน"
"ใครจะทำให้เกิดเรื่องได้ล่ะเพคะ ถ้าไม่ใช่องค์ชายคนเก่งของเรา คราวนี้
ก็ไปเล่นงานพวกทหารซะย่ำแย่ พระชายาทั้งสองฟังแล้วคงไม่สบายพระทัย แต่หม่อมฉัน
เตือนด้วยความเป็นห่วงอนาคตขององค์ชาย เพราะมีเสด็จพ่อที่เคยต้องโทษ
เลยไม่รู้เขาจะคิดยังไงนะเพคะ"
"องค์หญิง อย่าพูดเกินไปนักสิ"
พระมเหสีจองซุนทรงเตือน
พระชายาเฮคยองออกหน้ารับ "ไม่เป็นไรหรอกเพคะ
องค์หญิงรับสั่งถูกต้องแล้ว เพราะลูกซานเป็นนัดดา แท้ๆ ของฝ่าบาท ด้วยเหตุนี้
ความหมายขององค์หญิงก็คือ ลูกซานจะเป็นเหมือนฝ่าบาท อนาคตต้องเป็นพระราชาที่ดี"
"หึๆ พระชายาเข้าใจความหมายของหม่อมฉัน หม่อมฉันค่อยรู้สึกเบาใจหน่อย"
ขณะที่องค์ชายลีซานยังคงทำการฝึกทหารอย่างหนัก
ใต้เท้านัมต้องทูลเตือนเพราะเกรงว่าทหารจะทนไม่ไหว ทันใดนั้นก็เกิดไฟไหม้
ที่ห้องพักทหาร ทุกคนช่วยกันดับไฟ
"ทำไมเกิดไฟไหม้ได้ล่ะ"
"ไหม้เฉพาะที่พักทหารคุ้มกันพ่ะย่ะค่ะ แม้จะช่วยดับทัน แต่ที่พักหลังสุดท้าย
ถูกเพลิงเผาเสียหายหมดพ่ะย่ะค่ะ"
แชจีคยอมสอบสวนนายกอง
"พูดแบบนี้หมายความว่าไง มีคนจงใจวางเพลิงหรือ"
นายกองรีบบอก
"ปกติถ้าเกิดไฟไหม้ ถ้าปิดประตูเหล็ก สกัดให้อยู่ในวงแคบจะดับง่าย แต่เมื่อคืน
มีคนจงใจเปิดประตูไว้พ่ะย่ะค่ะ"
"ตายล่ะ ทำไมเป็นอย่างงั้นได้
ใครช่างทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้"
"กำลังสืบอยู่ครับ แต่คิดว่ายากจะจับมือใครดม
เพราะช่วงนั้นคนที่เข้าออกเรือนที่พัก ส่วนใหญ่ ก็มีแต่ทหารคุ้มกันเท่านั้น"
แชจีคยอมจะให้ฝึกต่อ แต่องค์ชายลีซานรู้สึกเสียพระทัยมากบอกว่า
"ช่างเถอะ
ไม่ต้องแล้ว วันนี้พอแค่นี้ เพราะข้าไม่นึกว่า จะทำให้ทุกคนเป็นแบบนี้ได้
ยอมเผาที่พักตัวเอง ก็จะไม่ยอมรับการฝึกต่อใช่ไหม ในเมื่อทุกคนไม่เต็มใจ
ไม่อยากมาคุ้มครองข้า ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พวกเจ้า ก่อนจะมาเป็นทหารคุ้มกัน
ยังมีฐานะเป็นทหารแห่งโชซอน เป็นข้าในพระองค์ ขุนนางฝ่ายบู๊และลูกผู้ชายคนหนึ่ง
สิ่งที่ทำ ควรมีความภาคภูมิใจ อย่าให้เป็นเพราะข้า ทำสิ่งที่น่าละอาย
ละทิ้งศักดิ์ศรีแห่งความเป็นลูกชายซะ ทุกคนจะกลับไปก็เชิญ
ถ้าไม่อยากเป็นทหารคุ้มกัน หรือจะย้ายไปอยู่หน่วยอื่น ข้าจะไม่ขัดขวางอีกแล้ว
เชิญมารายงานกับใต้เท้าแชได้"
องค์ชายลีซานรู้สึกท้อแท้เสด็จออกไป
ซอจังบูยังบ่นไม่เลิกว่า
"นี่ หน้าไหนกล้าบังอาจวางเพลิงน่ะ หา เฮ่ย
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษองค์ชาย แค่สามวันให้ยิงธนูเป็นร้อยชุด นิ้วก็แทบหัก
กระดูกแทบจะร้าว หึ ขืนให้ฝึกต่ออีกวัน ข้าก็วางเพลิงเหมือนกัน"
ฮงกุกยองจึงกล่าวกับทุกคนว่า "200 ชุด ตลอด 3 วันนี้ องค์ชายยิงไป 200 ชุด"
คังเพื่อนทหารของซอจังบูตกใจ "อะไรนะ"
ฮงกุกยองแนะนำตัว
"ข้าคืออาลักษณ์ขององค์ชาย ได้จดบันทึกไว้ว่าพวกเจ้ายิงไป 120 ชุด แต่องค์ชายยิงไป
200 ชุดพอดี โดยเฉพาะเจ้า ทำลูกธนูหักไปเยอะ"
ฮงกุกยองชี้มาที่ซอจังบู
แล้วยังถามต่อว่า "แต่กระดูกไม่หักใช่ไหม"
ซอจังบูกระซิบถามคัง "แหะ
หมอนี่เป็นใคร"
คังไม่ตอบยังคงอึ้งกับสิ่งที่ฮงกุกยองบอก "200 ชุดเชียวหรือ
ใครจะยิงได้ขนาดนั้น"
"เฮ่ย ว่าไง ยังไม่กลับอีกหรือนี่"
"ข้าจะฝึกต่ออีกหน่อย"
"เฮ่ย บ้าชะมัด นี่ รอข้าด้วยสิ ข้าขอฝึกด้วยคน"
ลีชองตักสินใจเขียนภาพให้ชายคนที่ทำร้ายซองซงยอน
แต่เขาก็กลัวว่าซองซงยอนรู้จะเป็นเรื่อง พอชายคนนั้นมาหาก็รีบพาหลบไปคุย
"ถ้าให้ซงยอนรู้เข้า ข้ามีหวังตายแน่ เพราะฉะนั้น เรื่องวันนี้
ต้องปิดเป็นความลับล่ะรู้มั้ย"
"เหยียบไว้เลยล่ะครับ
ท่านยอมเขียนภาพให้ข้าแล้วใช่ไหม ใต้เท้า"
"นี่ ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าใต้เท้า
ฟังแล้วรำคาญหู"
"ได้ งั้นเป็นอัจฉริยะ"
"อัจฉริยะหรือ
ข้าเป็นคนมีพรสวรรค์จริงๆ นั่นแหละ แหะ"
"ใช่ครับ"
"ข้าจะไปหยิบเครื่องมือมา เจ้าไปรอทางโน้นก่อน"
"ได้ครับใต้เท้า"
"บ้าหรือ บอกให้เรียกอัจฉริยะดีกว่า"
"ครับ ท่านอัจฉริยะ"
ลีชองเข้าไปเอาเครื่องมือ แต่เจอกับโชนี่ช่างเขียนภาพก็ตกใจ
"ช่างเขียนโชนี่ ดึกป่านนี้ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ"
"อ้อ คือ ข้ามาเอาของนิดหน่อย
ไม่มีอะไรหรอก หึ"
"เดี๋ยวก่อน แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ลาออกจากศูนย์ฯ ไปซะล่ะ"
"โอ๊ย ถามมากจริง" โชนี่เดินออกไป
"เฮอะ ทำไมต้องลุกลี้ลุกลนด้วย แปลกจริง
หือ เขาทำหล่นไว้หรือเปล่านี่ เขียนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นเข้าใจเลย"
เทซูหลอกให้พ่อบ้านคนนั้นมาที่บ้าน และให้เข้าไปดูรูปกับดัลโฮ
"มานี่ๆ
ทางนี้ แหะๆ ท่านนี้ก็คือจิตกรเอก ข้าติดต่อกับเขาไว้แล้ว เชิญคุยได้เลย เร็วเข้า
คุยกันก่อน"
"ภาพหนุ่มหล่อสาวสวยที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยง
ราวกับโลกนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น ฮ่า" ดัลโฮหัวเราะร่า
"อ้อ ตามข้ามา
ของดีอยู่ในบ้าน มาเลย" ดัลโฮชวน
"อึม เดี๋ยวก่อนๆ วางห่อผ้าลง
แล้วค่อยเข้าบ้าน"
"แต่ว่า แค่เข้าบ้าน ทำไมต้องวางห่อผ้าด้วยล่ะ"
"ข้ามีภาพเจ๋งตั้งเป็นร้อย เกิดหายไปแล้วใครจะรับผิดชอบ ท่านกล้ารับมั้ยล่ะ"
"นี่ อย่ามาดูถูกกันนะ ข้าไม่ขโมยหรอก"
"ไม่ดูก็ตามใจ"
"ดูซี่ นี่ ๆ ๆ
ท่านฝากห่อผ้าไว้กับข้าก็ได้ ข้าจะกอดไว้แน่น ๆ ไม่ให้ใครเอาไปแน่นอน" เทซูยืนยัน
"งั้นก็ดี ขอบใจมากนะ"
"เข้าไปเลย ไม่ต้องห่วง ข้าดูห่อผ้าให้"
"เชิญๆ
ข้างในเลย"
พอพ่อบ้านตามดัลโฮเข้าไป เทซูก็รีบแกะจดหมายอ่าน
"เฮ่ย เอ หึ
ไม่เป็นไรน่า ถือว่าทำเพื่อองค์ชาย เป็นไงก็เป็นกัน เฮ่ย แฮ โก ชอนซา อะไรกันนี่
มีหัวข้อแบบนี้ด้วยหรือ"
ดัลโฮกับพ่อบ้านออกมา พ่อบ้านรีบบอกเทซูว่า
"แหะ ๆ
ๆ แหม โดนใจ โดนมั่กๆ เฮ่อๆๆ"
"เป็นไงท่าน พอใจมั้ย ภาพเด็ดหรือเปล่า หา"
"เด็ดมาก วันหลังจะมาดูอีก เฮ่อๆๆ"
"ต้องมาคนเดียวนะ อย่าให้ใครรู้ล่ะ
เดินทางดี ๆ นะท่าน แหะๆ"
ดัลโฮรีบถามหลานชาย "เป็นไงๆ เห็นหรือเปล่า"
"อึม
เห็นมันก็เห็น แต่รู้สึกพิลึกอยู่"
"พิลึกหรือ พิลึกยังไง"
"ไม่รู้สิ
มันไม่เหมือนหัวข้อการสอบน่ะครับ"
"นึกแล้วเชียว เพราะเจ้ามันโง่น่ะสิ
ถึงไม่รู้ว่าอะไรคือหัวข้อการสอบ ใช่ไหม"
"เอ่อ คือ โอ๊ย แฮโกชอนซาๆๆ"
วันสอบ
ขุนนางที่คุมสอบได้อ่านคำตอบของแผ่นหนึ่งก็สั่งให้ทหารรีบปิดประตูตำหนักทุกบาน
แล้วจับคนที่เขียนข้อความนี้
พระเจ้ายองโจทรงเห็นก็ตรัสถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ชองโฮคยอมรีบบอกฮงนิมฮัน
"มีปัญหาอะไร ฝ่าบาทให้รีบไปทูลเดี๋ยวนี้"
"เอ่อ
เฮ่ย"
"ทำไมหรือ ข้อสอบเด็กใหม่เขียนว่าอะไร"
ฮงนิมฮันทำอึกอัก "ฝ่าบาท
คือ"
"อึกอักอยู่ได้มาดูซิ"
"พ่ะย่ะค่ะ"
หลังจากทอดพระเนตรแล้วก็ทรงเรียกองค์ชายลีซานมาพบด่วน
"ฝ่าบาท
มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าอ่านดู ไม่ต้องลังเล รีบอ่านเร็วเข้า"
"ฝ่าบาท
นี่คือ"
"บอกให้อ่าน นี่เป็นคำสั่ง"
"พระราชาที่เลอะเลือน
กับขุนนางิกังฉินที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง นี่คือ หายนะของบ้านเมืองขนานแท้ ปีกับจิน
คบคิดกับขุนนางหัวเก่า ปองร้ายเชษฐาของตัวเอง พระราชาองค์นี้
คือต้นตอแห่งความเลวร้าย"
"อ่านต่อไปอีก"
องค์ชายลีซานอึ้งๆ ไม่กล้า "เอ่อ"
"ข้าบอกให้อ่านไม่ได้ยินหรือไง"
"หึ ฝ่าบาท"
"ก็ได้ เจ้าไม่กล้าอ่าน
งั้นข้าอ่านเอง แต่ว่าโอรสของเขาคือรัชทายาทซาโต เป็นผู้มีคุณธรรม
ราษฎรเทิดทูนยิ่งนัก แต่พระราชากลับสังหารลูกตัวเองอย่างโหดร้าย
ความผิดที่ก่อถือว่ามหันต์นัก ด้วยเหตุนี้ หลังจากรัชทายาทสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
เราจะถือว่าไม่มีพระราชาอีก เพราะพระราชาของเรา
คือโอรสขององค์aชายซาโตเพียงองค์เดียว องค์ชายลีซานเท่านั้น ฮึ่ม"
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 10

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 11
พระเจ้ายองโจทรงกริ้วมากเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นหัวข้อในการสอบ
ด้วยความกริ้วจึงทรงมีพระบัญชาให้จับกุมตัวโจรกบฏมาลงโทษให้ได้
เมื่อองค์ชายลีซานเห็นหัวข้อในการสอบก็รู้สึกหนักใจเช่นเดียวกัน
เทซูไปสอบยิงธนูผ่าน แต่พอโดนให้ท่อง 6 กลยุทธ์ ใน 36 กลยุทธ์ของซุนจื่อให้ฟัง
เขากลับตอบไม่ได้ ทำให้สอบตก เทซูพยายามอ้อนวอนขอสอบใหม่
พอดีเจ้าหน้าที่เข้ามาบอกว่าพระเจ้ายองโจมีรับสั่งให้ยุติการสอบ
"ทำไมจู่ๆ
สั่งให้ยุติ มีปัญหาอะไร"
"การสอบวันนี้มีขบถมาปะปน ฉะนั้น
จึงให้ทุกหน่วยงานยุติการสอบก่อน"
"ขบถอะไรกัน เป็นไปได้ไง"
"สรุปคือ
หยุดไว้ก่อนละกัน"
"หา ขบถหรือ นี่มันอะไรกันน่ะ"
เทซูได้ยินก็ตกใจ
"ขบถหรือ"
องค์ชายลีซานเสด็จมาเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
"ฝ่าบาทๆ หึ ฝ่าบาท
หม่อมฉันมีเรื่องจะทูลพ่ะย่ะค่ะ"
"มีอะไร"
"ทรงเห็นว่า
เรื่องนี้เป็นฝีมือหม่อมฉันหรือเปล่า ทรงเชื่อว่าถ้อยคำที่จาบจ้วงเบื้องสูงนั้น
เป็นการบงการ ของหม่อมฉันจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ถึงได้ไม่พอพระทัย
ทรงกริ้วหม่อมฉันถึงเพียงนี้"
"ถ้าอย่างงั้น เจ้าจะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นหรือไง"
"ฝ่าบาท ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ ข้อเขียนออกมาในลักษณะนี้ หม่อมฉัน
อ่านแล้วก็ตกใจแทบจะนึกไม่ถึง มินำซ้ำ ใจความเหมือนจะระบุว่า หม่อมฉันมีใจคิดคดทรยศ
ซึ่งเท่ากับให้ร้ายหม่อมฉันชัดๆ ฝ่าบาท ไม่ทรงเชื่อความภักดีของหม่อมฉันแล้วหรือ
หม่อมฉันจะทำเรื่องเนรคุณต่อฝ่าบาท ทรยศราชบัลลังก์ได้ยังไง"
"ถ้าอย่างงั้น
แล้วเรื่องของพ่อเจ้าล่ะ พวกเขาบอกว่าข้าทำให้คนดีอย่างพ่อเจ้าต้องตายอย่างอนาถ
เจ้าคิดอย่างงั้นด้วยหรือเปล่า เจ้าไม่เคยผูกใจเจ็บต่อข้าเลยหรือ"
"ฝ่าบาท
หม่อมฉัน"
"ช่างเถอะ ไม่ว่าเจ้าจะคิดยังไง
ถ้าเราจับคนเขียนได้ก็จะรู้ความจริงเอง
แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากฟังคำอธิบายจากใครทั้งนั้น"
"ไปได้"
หญิงสองคนคุยกัน
คนหนึ่งบ่นว่า
"แย่จัง ต้องมีการไต่สวนอีกแล้ว"
"มีคนร้ายก็ต้องทำอย่างงี้แหละ"
"งั้นพวกเราก็ต้องไปทำงานที่ห้องสอบปากคำอีกล่ะสิ
ข้าล่ะเบื่องานแบบนี้ที่สุดเลย เดี๋ยวก็มีการทรมาน เดี๋ยวก็มีเสียงโอดครวญ เฮ่ย
ทุกครั้งที่ไปห้องสอบสวน กลับมาเป็นต้องนอนไม่หลับ เฮ่ย"
"เลิกบ่นซะทีเถอะ
ไม่งั้นเจ้าจะถูกไล่ออกด้วย"
ซองซงยอนได้ยินก็คุยกับมีซูว่า
"แสดงว่าที่สอบข้อเขียนเกิดเรื่องใหญ่ใช่ไหม"
"อึม เจ้าไม่รู้หรือ"
"เรื่องเป็นมายังไงน่ะ"
"ไม่รู้เป็นข้อเขียนของใคร เหมือนมีข้อความก่อกบฎ
ตำหนิฝ่าบาทอย่างแรง แถมยังว่าพระราชาของพวกเขา มีแต่องค์ชายลีซาน
ดูซิมันน่ากลัวมั้ยล่ะ"
"อะไรนะ หึ"
ลีชองกำลังรีบเขียนภาพไปบ่นไป "เฮ่ย
เราต้องรีบปั๊มงาน ก่อนจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ต้องส่งรูปพวกนี้ออกไปให้หมด เฮ่ย เอ
เศษกระดาษอยู่ไหนน๊า อ้อ เอามาหัดเขียนเพื่อความแม่นยำก่อน เอ๊ะนี่
กระดาษที่ช่างเขียนโชลืมไว้นี่นา สำคัญมากหรือเปล่า ทำไมไม่เห็นกลับมาหาอีกเลย เอ
เขียนอะไรนะนี่ จับตัวคนร้าย ส่งไปที่กรมอาญา หือ"
"ท่านลีคะ"
ซองซงยอนเข้ามาเรียก
"ว้าย เอ่อ เจ้าเองหรอกหรือ ข้าว่าเราสองคน
น่าจะมีรหัสในการติดต่อดีกว่ามั้ง หา"
"ท่านลีคะ
วันนี้เกิดเรื่องตอนที่สอบทหารอยู่ ในวังโกลาหลยกใหญ่เลยล่ะ ท่านรู้มั้ย"
"หา
รู้มั้ง แล้วทำไม?"
แชจีคยอมถามใต้เท้านัมว่าองค์ชายลีซานอยู่ในตำหนักใช่ไหม
"ใช่ครับใต้เท้า"
"เฮ่ย ป่านนี้แล้ว ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ
เพราะคนที่พบเห็น,ต่างบอกไปคนละทาง ออกมาเลยหน้าตาไม่เหมือนกัน แสดงว่า
การจะจับคนร้ายคงไม่ใช่เรื่องง่าย"
"นี่แหละที่น่ากลัว
จะกลายเป็นข้ออ้างขึ้นมาอีก แสดงว่าพวกที่ประทับตราปลอม ต้องวางแผนเรื่องนี้แน่
เพราะใกล้จะถึงวันที่พิสูจน์ข้อเท็จจริง จึงใช้วิธีนี้มาเล่นงานองค์ชายอีก"
"มันน่าเจ็บใจจริงๆ ถ้าจะเล่นงานข้า มาหาข้าตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก
พวกเขาทำให้เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์แล้ว ยังไม่วายดูหมิ่น ทำให้พระองค์เสื่อมเสียอีก
ช่างเป็นความคิดที่เลวร้ายจริงๆ"
ใต้เท้านัมเห็นด้วย "หึ"
"แต่ว่า
ฝ่าบาทไม่ใช่คนที่ทรงหวั่นไหวได้ง่ายนัก ข้อนี้องค์ชายทรงวางพระทัยได้
แม้ว่าข้อความที่ทรงอ่านนั้น ล้วนเป็นจุดอ่อนที่อยู่ในพระทัยฝ่าบาททั้งสิ้น
ตั้งแต่ข่าวลือที่ว่าทรงปองร้ายอดีตพระราชา
จนถึงการสิ้นพระชนม์อดีตรัชทายาทซาโตก็เถอะ ที่ฝ่าบาททรงกริ้วนั้น
เพราะรู้สึกเหมือนแทงถูกใจดำเข้า
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายเลย รอให้ผ่านไปซักพัก
เรื่องวันนี้ก็จะคลี่คลาย องค์ชายต้องทรงอดทนไว้ก่อน"
ทางด้านองค์หญิงวาวานทรงรับสั่งถามแชซกจูว่า
"ตอนนี้เสด็จพ่อทรงทำอะไรอยู่"
"ทรงยกเลิกประชุมเช้า วันนี้มีการถกเรื่องเศรษฐกิจก็ทรงเลื่อนไป
เก็บพระองค์อยู่แต่ในตำหนัก"
"ที่จริงก็น่าเห็นใจ สิ่งที่ข้าทำไปทุกอย่างนี้
ก็ใช่ว่าจะสบายใจนัก แต่ทั้งหมดทั้งมวล ข้าล้วนทำเพราะความภักดีต่อเสด็จพ่อ
หวังว่าจะทรงเข้าพระทัย"
ชองโฮคยอมทูลว่า "แม้แต่ทางองค์ชาย
ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร คงไม่รู้ว่านี่เป็นแผนของพวกเรา"
"งั้นก็ดีแล้ว
ตอนนี้สำคัญที่สุด คือภายในคืนนี้ เราต้องเล่นงานเขาซ้ำ เพื่อไม่ให้ตั้งตัวได้อีก"
ฮงกุกยองมาพบเจ้ากรมอาญาฮงนิมฮัน
"เฮ่อๆๆ หลายวันก่อนพ่อเจ้า
ก็มาหาข้าที่บ้านเหมือนกัน เราต่างก็แซ่ฮง ตามหลักข้าน่าจะช่วยเจ้ามากกว่านี้ อ้อ
เห็นบอกว่า เป็นอาลักษณ์อยู่ตำหนักองค์ชายลีซานใช่ไหม"
"ครับ"
"ตำแหน่งนี้น่ะนะ จริงๆ ก็คือรับใช้ทั่วไป ยังหนุ่มยังแน่น
ทนอยู่ไม่ไหวก็ไม่แปลกหรอก เฮ่อๆๆ จริงสิ แล้วเจ้าอยากทำงานอะไรบ้าง"
"อยากอยู่สภาปกครองครับ"
"อะไรนะ ไปอยู่ที่นั่น ต้องมีอายุงานอีกหลายปี
เพิ่งจะหัดเดินก็ริอ่านวิ่งแล้วหรือไง"
"ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าวิ่งมาหลายปี
ตอนนี้ใกล้จะเหาะได้ต่างหาก"
ฮงนิมฮันกระแอมนิด "เห็นพ่อเจ้าบอกว่า
ฐานะไม่ค่อยดีนัก ความเป็นอยู่ก็ลำบาก ถ้าอยากก้าวหน้ากว่านี้คงต้องลงทุนลงแรงหน่อย
เดี๋ยว นี่มันอะไรน่ะ"
"ใช่ มันคงน้อยจนน่าตกใจ แต่ความสามารถของข้า
ไม่อาจตีเป็นเงินได้หรอกครับ"
"อะไรนะ เจ้าหนุ่ม นี่มาล้อเล่นหรือยังไง
โบราณว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว นิสัยเหมือนพ่อไม่มีผิด เมื่อก่อนพ่อเจ้าก็หยิ่งนัก
ตอนนี้ตาเจ้าอีกคนแล้วใช่ไหม ความจองหองไม่ช่วยให้คนได้ดีหรอกนะ ฮึ่ม เงินแค่นี้
ข้าไม่ต้องการ เอากลับไปซะ นึกว่าราชสำนักเป็นที่ๆ ให้เด็กมาเล่นหรือไง"
"ราชสำนักเป็นสถานเด็กเล่นยังดีกว่า
อย่างน้อยก็ไม่มีความเหม็นโฉ่ของพวกที่เห็นแก่ได้"
"อะไรนะ"
"ใจจริงข้าก็ไม่อยากมาอยู่แล้ว กลับไปจะบอกท่านพ่อว่าท่านไม่ยอมช่วยเหลือ
และข้าก็จะรอต่อไป"
"เจ้า จะรออีกหรือ รอถึงเมื่อไหร่"
"รอจนกว่าท่านจะไปจากโลกนี้ซะ"
ฮงนิมฮันโกรธมาก "เจ้า เจ้าคนปากดี"
"ตราบใดที่มีคนอย่างท่านอยู่ ข้าคงไม่มีโอกาสได้รับใช้บ้านเมือง"
"เจ้า
บังอาจนัก เจ้าด่าข้าใช่ไหมนี่ หา"
"ขอตัวนะครับ"
"เดี๋ยว นี่
อย่าเพิ่งไปนะ กลับมาก่อน เจ้าหนุ่มปากเสีย แน่จริงอย่าเพิ่งไปซี่ มาด่าข้าได้ไง
ข้าเป็นใครรู้มั้ย"
ฮงนิมฮันโวยวายเสียงดัง ชองโฮคยอมได้ยินก็ทัก
"เสียงดังไปถึงหน้าบ้าน แสดงว่าหายป่วยแล้วสิ"
"อ้อ ใต้เท้าชอง
มาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่"
"เพิ่งมาเมื่อกี้ ว่าแต่ หนุ่มคนนั้นเป็นใครน่ะ"
"เฮ่ย "ฮงนักชอน" เป็นสายเลือดนอกคอกของบ้านเรา หมอนี่เป็นลูกเขาอีกที
นิสัยเหมือนพ่อ หยิ่งจองหองไม่มีผิด"
"คนที่หยิ่งจองหองมักจะคุยโตโอ้อวด
ตามหลักไม่น่าจะเป็นคนสุขุมเยือกเย็นแบบนี้ ถ้าท่านจะช่วยเราทำงานใหญ่จริง
คงต้องหัดดูคนให้เก่งกว่านี้หน่อยนะ หึ"
ฮงกุกยองเดินหัวเสียออกไปเช่นกัน
เทซูเข้ามาทักและถามว่เากิดอะไรขึ้น
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ท่านบอกว่าแค่อ่านจดหมายของเจ้ากรมกลาโหม ข้าก็จะสอบผ่านทันที แล้วข้าทำตามที่บอก
จนเกือบตายด้วยซ้ำ"
"ทำไมอย่างงั้นล่ะ ไม่มีหัวข้อในจดหมายหรือไง"
"มีแต่อะไรก็ไม่รู้ แฮโกชอนซา นี่เป็นหัวข้อการสอบด้วยหรือ"
ฮงกุกยองงง
"แฮโกชอนซาหรือ"
"ใช่ครับ จดหมายนั่น เขียนแค่ 4 คำนี้เท่านั้น แย่ชะมัด
ดีที่การสอบยุติก่อน ไม่งั้นข้าคงปล่อยไก่แน่"
"ใจเย็นๆ เถอะ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่
จะโวยวายอะไรนักหนา ภาษิตว่าสี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้งไม่ใช่หรือ"
"เชอะ ท่านนี่แปลกจริง อะไรๆ ก็แก้ตัวได้ซะหมด ว่ามั้ย"
"หึๆๆ
แต่ที่น่าแปลกก็คือ ทำไมปีนี้เจ้ากรมกลาโหมไม่คิดเล่นตุกติกบ้างนะ"
"เอ่อ อ้อ
จริงสิครับ แล้วทำไมการสอบวันนี้จู่ๆ ยุติซะล่ะ เห็นบอกว่า มีพวกไม่กลัวตาย
เขียนข้อความไปด่าพระราชาเข้า เป็นความจริงหรือเปล่า"
"ที่ควรเดือดร้อนไม่ใช่พระราชา แต่เป็นองค์ชาย"
"อะไรนะครับ"
"ถึงจะไม่รู้รายละเอียด แต่เชื่อว่าองค์ชายน่าจะตกที่นั่งลำบาก"
"หา นี่
ท่านหมายความว่าไงน่ะครับ ทำไม องค์ชายจะตกที่นั่งลำบากล่ะ
คนอื่นเขียนบทความล่วงเกิน แล้วเกี่ยวอะไรกับองค์ชายด้วยล่ะครับ"
"ไม่ว่าบทความนั่น จะเกิดจากองค์ชายหรือผู้ไม่หวังดีก็ตาม
แสดงให้เห็นว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น"
เทซูตกใจ "อะไรนะ"
"หลังจากฟ้าแล่บ มักจะมีเสียงฟ้าผ่าตามมาใช่ไหม หือ จริงสิ
เมื่อไหร่เจ้าจะจ่ายค่าเล่าเรียนซะที" เทซูอึ้งไป
นัมซาโชซึ่งเป็นห่วงองค์ชายลีซานมากได้ตัดสินใจพักอยู่ที่ตำหนักตงกุง
คืนเดียวกันนั้นเอง โอจองโฮได้ส่งนักฆ่าวางระเบิดทำลายประตู "ฮงจี"
องค์ชายลีซานและบรรดาทหารองครักษ์ต่างตกใจมากกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้นมา
ปาร์กโชหนึ่งในนักฆ่าลอบเข้าไปในตำหนักฆ่าทหารองครักษ์บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
องค์หญิงวาวานคอยสอบถามเหตุการณ์ตลอดเวลาว่าเป็นอย่างไร
พอทราบว่าทหารกำลังชันสูตรศพอยู่ ก็พอใจมากกับผลงานชิ้นนี้
เรื่องที่เกิดขึ้นได้แพร่สะพัดไปถึงตำหนักหลวง
องค์ชายลีซานรีบรุดไปที่ตำหนักหลวงทันที
พระเจ้ายองโจทรงได้หลักฐานจากหัวหน้าองครักษ์ด้วย เขาบอกว่าค้นพบในตัวคนร้ายคนหนึ่ง
"แฮโกชอนซา หรือ"
"ถ้าเดาไม่ผิด คงเป็นรหัสบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ"
"ฝ่าบาท
หม่อมฉันขอบังอาจทูลซักนิด คำว่า แฮโกชอนซา จะหมายถึงชื่อเดิมของสวน "ยองโว"
ซึ่งเป็นสุสานขององค์ชายซาโตหรือเปล่า"
"แฮโกชอนซาคือชื่อเดิมของสวนยองโว
จริงหรือเปล่า"
"พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันคิดว่าเป็นอย่างงั้น"
องค์ชายลีซานถามว่า "ใต้เท้าฮัน พูดแบบนี้หมายความว่าไง
ทำไมคนร้ายมีข้อความแบบนี้ได้ล่ะ"
"ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ คนพวกนี้
ล้วนเป็นคนของอดีตรัชทายาท ยังมีความนับถือกันอยู่พ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานโกรธทันที "ใต้เท้าฮัน"
"พอที ไม่ต้องพูดอีก"
"ฝ่าบาท"
"ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริง คำว่าแฮโกชอนซา คงหมายถึงให้ไปรวมตัวที่สวนยองโว
ท่านรีบไปสั่งทหาร ให้ไปสวนยองโวเดี๋ยวนี้" พระเจ้ายองโจทรงสั่งการ
ดัลโฮรู้ข่าวนี้จากที่ร้านอาหารก็รีบกลับมาส่งข่าวให้เทซูกับซองซงยอนรู้เรื่อง
ขณะที่ปาร์คยองมุนสั่งให้ช่างเขียนตั๊กกับลีชองพาผู้ช่วยเข้าวังไปที่วัดแทพู
เพราะจะมีการสอบผู้ต้องหา
องค์ชายลีซานรับทราบจากแชจีคยอมกับนัมซาโชว่าพระเจ้ายองโจเสด็จไปวัดแทพู
เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหา
ขุนนางกำลังสอบสวนชายแก่คนหนึ่ง
ซึ่งชายแกยังไม่ยอมรับความผิด
"ความผิดอะไรกัน พวกเราเพียงแต่
ไปสักการะดวงวิญญาณขององค์ชายซาโต ก่อนจะครบรอบวันสิ้นพระชนม์เท่านั้น
เพราะถ้าร่วมงานในวันจริง กลัวจะเป็นที่เพ่งเล็งของคนอื่น ก็เลยถวายสักการะล่วงหน้า
คนธรรมดาอย่างพวกเรา จะมีปัญญา ไปคิดก่อกบฎกับใครได้"
"ถ้าอย่างงั้น
แผ่นนี้คืออะไร เรามีหลักฐานที่พวกเจ้าคิดคด หวังสนับสนุนองค์ชายลีซานขึ้นมาแทน"
"หึๆ ท่านบอกว่า เราจะหนุนองค์ชายลีซานน่ะหรือ"
"บังอาจ
หลักฐานอยู่ตรงหน้ายังจะเถียงอีก"
"ฝ่าบาท ทรงยั้งมือบ้างเถอะพ่ะย่ะค่ะ
พระโอรสก็ไปแล้ว แม้แต่พระนัดดาก็ไม่เว้นหรือพ่ะย่ะค่ะ" ชายแก่กล่าวตรงๆ
พระเจ้ายองโจทรงโกรธ "อะไรนะ เจ้าพูดอีกทีซิ"
"ทรงมีอะไรต้องกลัวอีก
ยังไม่พอหรือพ่ะย่ะค่ะ ทุกวันนี้ก็ทรงครองราชย์
จนถึงบั้นปลายแล้วไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้ายองโจทรงโกรธมาก "บังอาจ"
"หม่อมฉันไม่กลัวอีกแล้ว ถ้าจะเอาชีวิตพวกเรา หม่อมฉันก็ยินดีถวายให้พระองค์
แต่โปรดอย่าใส่ร้ายองค์ชายลีซาน เพราะไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยเลย"
"หุบปาก
ถ้านักโทษไม่ยอมสารภาพก็จงโบยให้หนัก เร็วเข้า"
ลีชองกับซองซงยอนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ลีชองเห็นซองซงยอนตกใจ
จึงสั่งให้ซองซงยอนไปตักน้ำมาให้เขาชามหนึ่ง
องค์ชายลีซานเสด็จไปที่วัดแทพู
แต่ทหารไม่ยอมให้เข้า อ้างว่าเป็นคำสั่งของเจ้ากรมอาญา องค์ชายลีซานจึงเสด็จกลับ
ซองซงยอนเห็นก็ร้องทัก
"องค์ชาย"
"ทำไมเจ้ามาอยู่นี่ด้วยล่ะ"
"หม่อมฉันตามช่างเขียนมาบันทึกเหตุการณ์การไต่สวนเพคะ หม่อมฉันไม่ทราบว่า
องค์ชายทรงปลอดภัยดีหรือเปล่า รู้สึกเป็นห่วงก็เลย องค์ชาย"
"ข้าสบายดี
ไม่มีอะไรหรอก อย่าห่วงเลย แค่นี้ถือว่าเรื่องเล็ก
ยังไงก็จะยึดมั่นในสัญญาของเราไว้ แต่ว่า เมื่อเราได้พบกัน ข้าก็ดีใจแล้ว"
"องค์ชาย"
00000000000000
พระเจ้ายองโจทรงตรัสถามองค์ชายลีซาน
เพราะรู้ว่าองค์ชายลีซานเสด็จไปที่วัดแทพู
"ได้ยินว่าเจ้าไปลานไต่สวนที่วัดแทพู
เพราะอะไร กลัวพวกเขาจะเอ่ยชื่อเจ้าออกมาใช่ไหม"
"ฝ่าบาท"
"นี่ก็คือ
จดหมายร่วมลงนามที่ต้องการสนับสนุนเจ้า ถึงขั้นนี้แล้ว
เจ้าจะบอกว่าไม่รู้อีกหรือเปล่า"
"ไม่รู้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน
กล้าสาบานว่าไม่รู้เรื่องนี้ โดยเฉพาะคนที่ถูกจับ หม่อมฉันเชื่อว่าพวกเขาบริสุทธิ์
ไม่มีส่วนรู้เห็นพ่ะย่ะค่ะ" องค์ชายลีซานยืนยัน
ขุนนางท่านหนึ่งต่อว่าทันที
"ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือ พยานหลักฐานมีพร้อมขนาดนี้
องค์ชายยังจะแก้ตัวแทนนักโทษอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานสวนไปว่า
"ข้าไม่ได้แก้ตัวแทนใคร พวกเขาล้วนเป็นอดีตทหาร ที่เคยรับใช้เสด็จพ่อมาก่อน
เลยถูกเหมาว่าคิดกบฎด้วย ถ้าเป็นคนที่คิดร้ายจริง สื่อสารด้วยรหัสลับ
จะกล้าทำพิธีสักการะอย่างโจ่งแจ้งในสวนได้ยังไง
เรื่องแค่นี้ทำไมไม่มีใครสงสัยบ้างล่ะพ่ะย่ะค่ะ ทำไมทรงมั่นใจว่าหม่อมฉัน
มีส่วนรู้เห็นด้วยแน่นอน"
ชองโฮคยอมทูลว่า "ฝ่าบาท
รับสั่งขององค์ชายมีเหตุผลนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเองก็ไม่เชื่อว่า
องค์ชายจะมีส่วนรู้เห็นกับคนที่คิดไม่ซื่อต่อบัลลังก์ แต่ว่า
มีเรื่องหนึ่งที่หม่อมฉันไม่เข้าใจ นั่นก็คือ
คนกลุ่มนี้เซ่นไหว้ดวงวิญญาณนักโทษที่ก่อกบฎ ต่อให้วันนี้ไม่ถูกจับ
พวกเขาก็ถือว่าภักดีต่อองค์ชายซาโต แล้วองค์ชายลีซาน
ออกหน้าปกป้องจะหมายความว่ายังไง แสดงว่าองค์ชายทรงคิดว่า เสด็จพ่อที่สิ้นพระชนม์
ไม่ใช่คนผิดหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ"
"ทำไมเจ้าไม่ตอบคำถามนี้ล่ะ
มันก็เรื่องที่ข้าก็แปลกใจเหมือนกับชองโฮคยอม พ่อเจ้าที่ตายในปียิมบู
เขาเป็นคนผิดหรือว่าไม่ผิด รวมทั้ง คนที่ยังภักดีต่อเขา ถือว่าผิดหรือไม่ผิด"
พระเจ้ายองโจตรัสถาม
องค์ชายลีซานอึ้งไป "ฝ่าบาท"
"ลังเลอีกทำไม
ข้าบอกให้ตอบเร็วเข้า"
องค์ชายลีซานนิ่งไป ฮงพงฮันทูลว่า
"ฝ่าบาท
ทำไมทรงถามแบบนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ที่คิดไม่ซื่อ
องค์ชายทรงรู้ดีกว่าใคร ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะ"
"งั้นก็ได้ งั้นคดีนี้
ให้เจ้าเป็นคนไต่สวนต่อ"
องค์ชายลีซานตกใจ "ฝ่าบาท"
"ถ้าเจ้าไม่ได้รู้เห็นกับพวกเขา ถ้าคิดว่าพวกเขามีความผิดจริง
เจ้าก็ต้องไต่สวนเองเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่อย่างงั้นเจ้า
จะไม่มีวันล้างมลทินที่ถูกกล่าวหาได้เลย"
ลีชองนำภาพไปขาย
แต่ชายคนที่รับประจำกลับบอกว่ามีที่เด็ดกว่านั้น จึงบอกปัดไม่เอาภาพของลีชอง
เขาจึงสะกดรอยตามไปจนรู้ว่า ชายคนนั้นไปซื้อภาพเด็ดที่ว่าจากช่างเขียนโช
ทางด้านองค์หญิงวาวานทราบเรื่องราวจากชองโฮคยอมก็แปลกใจ
"หา เป็นไปได้ไง
ฝ่าบาทให้ลีซานรับผิดชอบคดีนี้หรือ แล้วทำไมเจ้าไม่แสดงความเห็นขัดแย้งบ้างล่ะ
เกิดให้เขามีโอกาส แก้ต่างให้ตัวเองมิแย่หรอกหรือ"
"ตอนนี้ทางที่ดี
คือรอดูเหตุการณ์ไปก่อน"
"หา รอดูเหตุการณ์ หมายความว่าไง"
"เจ้ากรมอาญาบอกว่า ยังไงองค์ชายลีซานก็ยืนยันว่าพวกเขาบริสุทธิ์"
"อะไรนะ"
"องค์ชายเป็นคนใจอ่อนอยู่แล้ว เราเปิดทางให้เดินกลับไม่ยอมเดิน
งั้นก็รอดูท่าทีเขาบ้างแล้วค่อยหาวิธีรับมือ"
หลายคนเป็นห่วงองค์ชายลีซานมาก
แต่องค์ชายลีซานกลับไม่อยากฟังคำพูดคำเตือนของใคร
องค์ชายลีซานเสด็จไปหาชายแก่ที่พระเจ้ายองโจเสด็จไปฟังคำสอบสวน
ชายแก่ท่าทางดีใจ "องค์ชายๆ องค์ชายลีซานใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ"
"ท่านคือ"
"หม่อมฉันซอยินจู สมัยก่อน เคยเป็นหัวหน้าหน่วยคุ้มกัน องค์ชาย
ทรงจำหม่อมฉันได้มั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ จำได้สิ ทำไมจะจำท่านไม่ได้ สมัยก่อน
ข้าเคยขี่หลังท่าน วิ่งไปทั่วอุทยาน ภาพยังติดตาอยู่ แล้วข้าจะลืมได้ยังไง"
"ไม่นึกเลยว่า องค์ชายจะทรงเติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้ว ไม่นึกเลยว่า องค์ชายจะ
ทรงคล้ายกับเสด็จพ่อถึงเพียงนี้ ฮือๆๆ ทุกคนอย่าเพิ่งท้อ ขอให้เข้มแข็งไว้หน่อย
ตอนนี้องค์ชายมาเยี่ยมเราแล้ว รีบถวายบังคมเร็ว"
ชายหลายคนรีบถวายบังคม "ครับ"
"ไม่ต้องหรอก ทุกคนไม่ต้องมากพิธี"
"ฮือ พวกเราทั้งหลาย ถวายบังคมองค์ชาย
แม้จะช้าไปหลายปีก็เถอะ ไม่ทราบว่า ทรงสำราญดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ ฮือ"
"ทุกคนเหมือนจะบาดเจ็บมาก ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย"
"องค์ชาย หม่อมฉันได้ยินว่า
พรุ่งนี้จะเสด็จไปลานไต่สวนสอบคดีด้วยพระองค์เอง ไม่ทราบว่า
เป็นความจริงมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ ไม่หรอก ข้าคงทำตามรับสั่งของเสด็จปู่ไม่ได้
จะให้ข้า เป็นคนสั่งลงโทษพวกท่านได้ยังไง"
"องค์ชาย ขอได้ทรงโปรด
เสด็จไปลานไต่สวนเถอะพ่ะย่ะค่ะ จากนั้น ให้ทรงซักถามด้วยพระองค์เอง
เพื่อล้างมลทินให้กับเราด้วย แม้สุดท้ายจะไม่สามารถ ล้างมลทินให้พวกเราได้
เราก็ยินดี ขอรับอาญา จากองค์ชายด้วยความเต็มใจ"
"พูดอะไรอย่างงั้น
ข้าจะลงโทษพวกท่านได้ยังไง"
"พวกเราทั้งหมดนี้
ต่างรู้สึกละอายที่ไม่ได้ปกป้องอดีตรัชทายาท อยู่ด้วยความอดสู
สำนึกถึงความบกพร่องในหน้าที่ตัวเอง แต่วันนี้ ได้มาเห็นองค์ชายทรงเจริญพระชันษา
ถึงให้เราตายก็ไม่เสียดายแล้ว ฮือ เพราะฉะนั้น ทรงทำตามพระบัญชาของฝ่าบาท ลงอาญา
พวกเราตามแต่เห็นควรเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"ทรงลงอาญาพวกเราด้วยเถอะ"
"พอทีเถอะ
อย่าพูดอย่างงั้นอีกเลย ข้าต่างหากที่ไม่สามารถช่วยเสด็จพ่อได้ แล้วตอนนี้
จะให้ข้าลงโทษพวกท่าน ข้าคงทำไม่ได้ ข้าจะแข็งใจ ทำร้ายคนอื่น
เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้ยังไง"
"แต่พวกเรา ยังไงก็ต้องตายวันยังค่ำอยู่แล้ว
ไม่เหมือนองค์ชาย ที่ต้องอยู่ต่อ ยังไงก็ต้องอยู่ต่อให้ได้
ต้องทรงถนอมพระวรกายให้ดี เพื่อขึ้นครองราชย์ในอนาคต ยังไม่ทรงเข้าพระทัยอีกหรือว่า
ทำไมอดีตรัชทายาท ทรงเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อปกป้ององค์ชายไว้น่ะพ่ะย่ะค่ะ
โปรดทรงเห็นแก่ ที่เราเคยถวายการรับใช้ เป็นคนสนิทขององค์ชายซาโตด้วยเถอะ
นี่เป็นคำขอครั้งสุดท้ายของพวกเรา ให้ได้บรรลุหน้าที่ของแต่ละคนซะ เมื่อเป็นทหาร
ก็สมควรปกป้ององค์ชายให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้พวกเรา ถูกมองว่าทรยศต่อผู้เป็นนาย
โปรดทรงไต่สวนด้วยพระองค์เอง ให้เราสบายใจด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย"
"โปรดทรงเห็นพระทัยเราด้วยเถอะๆๆ"
องค์ชายลีซานกลับมา
แชจีคยอมกับนัมซาโชรีบเข้ามาถาม
"องค์ชาย"
"ทำไมถึงได้โหดร้ายนัก
ทำไมทุกอย่าง ที่เกิดกับข้าล้วนแต่โหดร้ายทั้งสิ้น พวกเขาไม่ได้ทำผิด ไม่รู้อะไรเลย
แต่ทำไม ต้องให้ข้าลงโทษพวกเขาเอง คนที่ภักดีต่อเสด็จพ่อแท้ๆ กลับต้องตายเพราะข้า
มันเพราะอะไร เพื่อให้ข้าอยู่ต่อ จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยหรือ"
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 11

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน บริษัทบำบัดแค้น แม่ค้าขนมหวาน
คุณแม่จำแลง ใจร้าว สื่อรักชักใยอลวน ดาวจรัสฟ้า คิมชูซอน เมนูรักเชฟมือใหม่
ศิลามณี พลิกฟ้าล่าตะวัน เจ้าหญิงลำซิ่ง มนตราแห่งรัก เสน่ห์นางงิ้ว แก้วล้อมเพชร
คุณชายไฮโซกับคุณหนูโอท็อป Hello! My Lady

Readlakorn

Related Posts



3 comments:

Anonymous said...

น่าจะเป็นราชทูตจากต้าชิง นะครับ

Anonymous said...

ขอบคุณนะครับ

กลับมาอ่านอีกรอบ หลังจากจบเรื่องที่แล้วไป

ขอบคุณมากๆ

รอตอนใหม่อยู่นะครับ ^^

Anonymous said...

รอตอนใหม่อยู่ค่ะ รอมาเกือบอาทิตย์แล้ว อยากให้ลงทุกวันอ่ะค่ะ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal