Wednesday, December 24, 2008

ลีซาน-เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์-ลีซาน(5)-(6)

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 5

องค์ชายลีซานถูกนักฆ่าจู่โจมหมายเอาชีวิตในยามวิกาล
เมื่อภารกิจล้มเหลวนักฆ่าก็พากันกินยาพิษฆ่าตัวตาย
องค์ชายลีซานสืบหาผู้บงการอยู่เบื้องหลัง พระเจ้ายองโจเสด็จมา
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น มีคนร้ายหรือ ทำไมปล่อยให้มีคนบุกรุก
ปองร้ายองค์ชายถึงในวังได้ แต่ละคนเฝ้ายามหรือมัวแต่หลับยามกันแน่
ทหารที่เฝ้าตำหนัก“ตงกุง” ไปมุดหัวอยู่ไหนหมด"
"เอ่อ ฮือ
พระอาญาไม่พ้นเกล้าพ่ะย่ะค่ะ"
"พระอาญาไม่พ้นเกล้า"
"ศพคนร้ายยังอยู่ข้างในหรือเปล่า" พระเจ้ายองโจตรัสถาม


ลีซานตอบ "พ่ะย่ะค่ะ"
"เป็นคนที่คุ้นหน้ามั้ย"
"ไม่พ่ะย่ะค่ะ"
"ไปเอาศพออกมาซิ"
"พ่ะย่ะค่ะ เอาศพออกมา" ทหารเข้าไปนำศพออกมา
พระเจ้ายองโจตรัสถามองค์ชายลีซาน "ปลอดภัยดีใช่ไหม"
"พ่ะย่ะค่ะ"
นึกไม่ถึงว่าศพนักฆ่ากลับถูกเคลื่อนย้าย แม้แต่ร่องรอยการต่อสู้ก็ไม่มี
เรื่องนี้สร้างความฉงนให้พระเจ้ายองโจเป็นอันมาก
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้"
"ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นพ่ะยะค่ะ"
"ทำไมมีคนเข้ามาห้องข้าอีก ใครเอาศพออกไปกระทันหัน" องค์ชายลีซานสงสัยมาก
"ไม่มีใครเข้าใกล้ห้องบรรทมซักนิดนะพ่ะย่ะค่ะ หลังจากรู้ว่ามีคนบุกรุก
เราก็สั่งปิดตำหนักทุกด้านแล้ว จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ที่มีศพคนร้าย
ปรากฎอยู่ในห้องบรรทมน่ะ"
องค์ชายลีซานฟังแล้วตกใจ "หา"
"ทหารเฝ้าอยู่ข้างนอกนับสิบ คุ้มกันแน่นหนา ถ้ามีการเคลื่อนย้ายศพจริง
ไม่ใครก็ใครน่าจะเห็นบ้าง"
พระเจ้ายองโจสั่งให้ทหารออกไป นายกองเข้ามาทูลว่า
"ทูลฝ่าบาท เราตรวจค้นวังหลวงทุกซอกทุกมุม
ไม่พบร่องรอยคนร้ายและไม่มีคนตายด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าถอยไปก่อน"
วันรุ่งขึ้น องค์หญิงวาวานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจซึ่งกำลังทรงกลัดกลุ้มพระทัย
"ใครทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วหรือเพคะ เฮ่อๆๆ หึๆๆ เป็นใครหรือเพคะ
ใครกล้าทำให้เสด็จพ่อทรงหงุดหงิดถึงปานนี้น่ะ"
"เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ทันทีที่รู้ว่าเสด็จพ่อรับสั่งให้หา หม่อมฉันก็มาเลยเพคะ หึๆ เสด็จพ่อ
ทรงสำราญดีมั้ยเพคะ"
"สบายดี เฮ่อๆๆ"
"เฮ่อๆๆ นี่คือ หนังเสือผืนใหญ่เพคะ
หึๆๆ"
"เจ้าบอกว่าไปเจอเสือบนเขา “กึมกัง” จริงหรือนี่"
"เพคะ
ถ้าไม่เพราะมีนายพรานร่วมทางไปด้วย หม่อมฉันเห็นจะแย่แน่ หึๆ"
พระมเหสีจองซุนทรงฟังแล้วตกพระทัย "ตายล่ะ องค์หญิงก็ช่างใจกล้าซะนี่กระไร
ดูซิต่อไปยังกล้าไปเที่ยวบนเขากึมกังอีกหรือเปล่า"
"ลูกคนนี้น่าจะเกิดเป็นผู้ชายมากกว่า เฮ่อๆๆ"
พระมเหสีจองซุนรับสั่งว่า
"ยังไงก็ตามแต่ เพราะองค์หญิงกลับมา ฝ่าบาทเลยมีรอยแย้มสรวลหน่อย ไม่งั้นหลายวันนี้
พระพักตร์นิ่วอย่าบอกใครเชียว"
"นั่นสิเพคะ ระวังจะทรงชรามากขึ้นนะ
แต่เสด็จพ่อทรงมีปัญหาอะไรหรือเพคะ เห็นบอกว่า เกี่ยวกับองค์ชายลีซานอีกแล้ว
หม่อมฉันได้ยินตอนเข้าวังมา เห็นว่าเมื่อคืนวิตกจริต นึกว่ามีคนบุกรุก
เป็นความจริงหรือเปล่าเพคะ"
"วิตกจริตหรือ ใครเป็นคนพูดอย่างงั้น"
"เอ่อ
ก็ไหนว่าในวังวุ่นวายเพราะมีคนร้ายไงเพคะ แต่ว่า ไม่พบศพในห้องบรรทม
แถมไม่มีร่องรอยผู้บุกรุกซักนิด เฮ่ย หม่อมฉันไม่เข้าใจเลยว่ามีอะไรนักหนา
ทุกวันนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว เขายังชอบทำอะไรแปลกๆ อยู่เรื่อย
แบบนี้มันไม่ถูกนะเพคะเสด็จพ่อ"
นายกองเข้ามาทูลองค์ชายลีซานว่าจะตัดเบี้ยหวัดทหารที่ประจำการณ์ที่ตำหนัก
แต่องค์ชายลีซานกลับให้ปลดทุกคน นายกองรีบทูลให้ถอนรับสั่ง
เพราะเรื่องนี้ไม่ถึงกับต้องปลด
"แปลว่าข้าลงโทษหนักไปใช่ไหม มันก็จริง
ลงโทษคนที่รู้เห็นกับคนร้ายด้วยวิธีแบบนี้ อาจจะไม่เหมาะพวกเขานัก ถ้าอย่างงั้น
ท่านมีความเห็นยังไงบ้าง หรือว่า ให้ข้าสั่งตัดหัวเลยดีกว่า"
"รู้เห็น
รู้เห็นกับคนร้าย เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ"
"หรือไม่งั้น พวกเจ้าคงคิดว่า
ข้าแกล้งกุเรื่องคนร้ายขึ้นมาเรียกร้องความสนใจล่ะสิ"
"เอ่อ หึ ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันจะไล่พวกเขาออกหมด แล้วรับสมัครทหารใหม่เข้ามาถวายอารักขา"
"เอาคนใหม่เลยหรือ ก็ได้ เมื่อพูดแล้วก็รีบไปทำซะ"
องค์หญิงวาวานนัดพบกับแชซกจูที่ท้องถนนในตัวเมือง
"ทำไมนัดหม่อมฉันมาที่นี่ล่ะ"
"คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นผีพนัน
ทุกครั้งที่มีมวยปล้ำ เป็นต้องออกมาเดิมพันให้เลือดลมสูบฉีดหน่อย แล้วจะให้ข้า
อยู่ในบ้านเงียบๆ นั่งจิบน้ำชา นั่นไม่ถูกกับนิสัยซักเท่าไหร่ ก็เหมือนกับคนพวกนี้
ข้าชอบดูการแข่งขันที่มีแพ้ชนะ ข้าลง 10 ตำลึงให้กับคนที่ตัวเล็กกว่า
ผ้าผูกเอวสีแดงนั่นน่ะ"
"เรื่องนั้นยังจะไม่ให้จบหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ทำไม
เรื่องการวางแผนแบบนี้ ถูกโฉลกท่านนักไม่ใช่หรือ"
"ไม่เลย ถ้าวางแผนแล้ว
หม่อมฉันไม่ชอบให้ล้มเหลว หลังเกิดเหตุคืนก่อน เชื่อว่าองค์ชายลีซาน
คงมีการระวังตัวมากขึ้น และตอนนี้ใครๆ ก็ว่าเขาเสียสติ ทำอะไรผิดมนุษย์
เราน่าจะอยู่เฉยไว้ก่อน"
"ใต้เท้า เพราะเราอยู่เฉยไม่ทำอะไร เขาจึงมีอายุถึง 20
ปี ข้าเป็นคนที่เดิมพันอะไรแล้วไม่เคยเสียซักครั้ง ใจคนเดาไม่ยากหรอกนะใต้เท้า
มันขึ้นอยู่กับความโลภและความกลัวเท่านั้น ข้าไม่ขัดขวางความชอบของท่านอยู่แล้ว
อย่าเป็นห่วงนักเลย แต่ว่าพรุ่งนี้ตอนประชุมขุนนาง ท่านต้องทูลฝ่าบาท
ให้องค์ชายรับผิดชอบเรื่องที่เกิด"
องค์ชายลีซานได้พบกับนางกำนัลคนหนึ่งในห้องเครื่องหลวงโดยบังเอิญ
ทำให้องค์ชายลีซานคิดถึงซองซงยอนขึ้นมา ใต้เท้านัมทูลองค์ชายลีซานว่า
"ที่ลานประลองยุทธ มีการต่อสู้อย่างหนักเพื่อเลือกองครักษ์ใหม่พ่ะย่ะค่ะ"
"หึๆ บางคนนี่แปลก ต้องให้คอยกระตุ้นอยู่เรื่อย ข้าน่ะ
แค่ใช้ดาบจริงระบายอารมณ์เท่านั้น ไม่ใช่ ต้องบอกว่าแผลงฤทธิ์ให้พวกเขาดู"
"องค์ชาย"
"ไม่งั้น ต่อไปก็ต้องใช้คนที่พวกเขาส่งมาอีก
มีองครักษ์ในวังรู้เห็นกับคนร้าย คอยเปิดทางให้พวกเขาอยู่เรื่อย"
ใต้เท้านัมตกใจ "หา"
"หึ หรือไม่ อาจมีมากกว่าองครักษ์ด้วยซ้ำ เพราะคืนนั้น
ถึงสามารถทำลายศพได้อย่างรวดเร็ว แสดงว่ามีการวางแผนมาอย่างดี ท่านรู้มั้ย 9
ปีที่ผ่าน ทำให้ข้าเรียนรู้อย่างหนึ่ง คืออีกฝ่ายทำทุกอย่างสารพัด ในขณะที่ข้า
ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย"
"องค์ชาย" ใต้เท้านัมเป็นห่วงองค์ชายลีซานมาก
"หึ
ไม่ต้องห่วงหรอก และอย่ามองด้วยสายตาอย่างงั้น ข้าไม่ตกเป็นเบี้ยล่างง่ายๆ
นี่คือสิ่งที่ ข้าล้วงจากปากคนร้ายเมื่อหลายคืนก่อน อาจเป็นยาพิษ
แต่ไม่รู้เป็นพิษชนิดไหน ท่านช่วยไปสืบมาที"
ใต้เท้านัมรับมา "พ่ะย่ะค่ะ"
"ปะเหมาะเคราะห์ดี อาจสาวถึงผู้บงการเบื้องหลังก็ได้ ระวังหน่อยนะ
เพราะคนพวกนั้น อาจจับตาท่านอยู่ก็ได้"
"ไม่ต้องห่วงพ่ะย่ะค่ะ"
"อย่าเพิ่งมั่นใจนัก สมัยก่อนท่าน “แชจีคยอง” ก็หลงกลพวกเขา จนสุดท้ายถูกเนรเทศ
สงสัยเป็นผ้าที่นางในเด็กทำหล่นไว้ ท่านว่ามั้ย เห็นเด็กคนนั้นแล้ว
ทำให้ข้านึกถึงซงยอนจริงๆ"
"หึ เอ่อ ป่านนี้ยังหาพวกเขาไม่เจอ
ต้องขออภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ท่านพยายามเต็มที่แล้ว 9 ปีที่ผ่าน
หาแทบทุกเมืองแล้วไม่ใช่หรือ คืนวันก่อน ข้าฝันเห็นพวกเขาอีก
ถ้าไม่เพราะเสียงเรียกของซงยอนกับเทซู ข้าคงไม่ได้ลืมตาขึ้นมา
คนที่ช่วยข้าไว้อีกครั้ง ก็คือพวกเขาอีก ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน สบายดีหรือเปล่า
ขอแค่ได้รู้ ข้าก็พอใจแล้ว"
องค์ชายลีซานไปเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
"นั่งลง
เจ้าจงเงยหน้าขึ้น มองหน้าเหล่าขุนนางให้ดี เป็นไง รู้มั้ยว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่"
"ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่เข้าใจสิ่งที่รับสั่ง"
"แสดงว่าอีกนานนัก
อนาคตถ้าเจ้ามาอยู่ในตำแหน่งของข้า แค่มองหน้าพวกเขา ก็จะรู้ว่าแต่ละคนคิดอะไรอยู่
เอาเถอะ งั้นข้าจะบอกให้รู้เอง พวกเขาต่างคิดว่าเจ้าเสียสติไปแล้ว"
ฮงพงฮันตกใจกับรับสั่งของพระเจ้ายองโจ "ฝ่าบาท"
แชซกจูทูลว่า "ฝ่าบาท
ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ ไม่เป็นความจริงซักนิด"
เหล่าขุนนางรีบพูด
"ไม่เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าเจ้าเข้าใจจริง ก็ให้คำตอบแก่พวกเขาว่า
เจ้าเสียสติจริงหรือเปล่า"
"ไม่พ่ะย่ะค่ะ" องค์ชายลีซานตอบ
"งั้นหรือ
งั้นก็ดีแล้ว หน้าที่ของเจ้า คือรีบพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่ายังมีสติโดยสมบูรณ์
เดือนหน้าจะมีทูตจากต้าชิงมาเยือน ข้าจะให้เจ้าเป็นคนต้อนรับ
ปีก่อนเราเคยขัดแย้งกับคณะทูต ทำให้ของกำนัลที่ส่งมา
เสียหายระหว่างทางและเราก็ถูกตำหนิอย่างหนัก คราวนี้ถ้าไม่กระชับสัมพันธ์ดีๆ
อย่าว่าแต่เมืองหลวงเลย แม้แต่ 8 มณฑลก็จะมีผลกระทบตาม
พวกเขาต้องการเครื่องบรรณาการอะไรก็คิดดูให้ถี่ถ้วน รวมถึงการต้อนรับที่เรือน
“มูวา” เจ้าก็ต้องดูแล งานนี้ห้ามมีอะไรผิดพลาดอีก เข้าใจมั้ย"
พอออกมาจากที่ประชุม ฮงพงฮันก็กล่าวกับองค์ชายลีซานว่า
"องค์ชาย
ภาษิตว่าได้อย่างเสียอย่าง อย่าทรงคิดมากนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงมอบหมายงานสำคัญให้
แสดงว่าเปิดโอกาสให้องค์ชายได้ทำคุณไถ่โทษ"
ใต้เท้าฮันทูลต่อว่า
"เพราะฝ่าบาททรงออกหน้า ทำให้พวกหัวเก่าไม่กล้าพูดมากนัก ถ้าไงถือโอกาสนี้
แก้ข่าวลือในแง่ลบก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานกำลังปฏิบัติหน้าที่ตามที่พระเจ้ายองโจรับสั่ง
"เครื่องบรรณาการเตรียมพร้อมหรือยัง" องค์ชายลีซานถาม
"กำลังคิดอยู่พ่ะยะค่ะ"
ใต้เท้าฮันเสนอว่า "องค์ชาย
ทูตต้าชิงมักจะพอใจภาพเขียนเกี่ยวกับทิวทัศน์ของเรา
ถ้าไงเตรียมไว้ก็จะดีนะพ่ะย่ะค่ะ"
"อึม ท่านเจ้ากรมช่วยดูแลหน่อยนะ"
"พ่ะย่ะค่ะ คงต้องหาช่างเขียนมาเพิ่ม เพราะในวังยังมีน้อยอยู่ กะว่าอีก 10
วันข้างหน้า จะรับสมัครช่างเขียนเพิ่มเติมพ่ะย่ะค่ะ"
ที่ศูนย์ศิลปะ
เริ่มทำการรับสมัครช่างเขียน
"วันนี้ เราจะทำการคัดเลือกช่างเขียนในวัง
ศูนย์ศิลปะนั้น เป็นที่ๆ จารึกประวัติศาสตร์โดยใช้ภาพเขียนเป็นสื่อ
ภาพที่แสดงถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรม จะบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของเรา
และไม่เพียงเท่านี้ ยังมีภาพสิ่งปลูกสร้างและความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
ก็ล้วนเป็นงานของเราทั้งสิ้น ฉะนั้นคนที่เป็นช่างเขียน จึงต้องมีทักษะทางด้านนี้
และใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพื่อออกมาเป็นภาพๆ หนึ่ง เริ่มการแสดงได้"
เริ่มทำการทดสอบ มีซู เพื่อนของซองซงยอนกล่าวกับนางว่า
"นี่ อีตานั่น
ตกรอบไปตั้ง 12 ครั้งแล้ว"
"มีนางรำใส่ชุดสีชมพู 7 คน สีม่วง 7 คน
นกพิราบทั้งหมด 12 ตัว" ซองซงยอนกล่าว
โชบีเข้ามาดุ "ซองซงยอน กระซิบอะไร
เดี๋ยวเถอะ"
"อ้อ ค่ะ" ซองซงยอนรีบก้มหน้า
พอโชบีไปแล้ว
ซองซงยอนเรียกลีชอนซึ่งเป็นหัวหน้าช่างเขียน
"หัวหน้าลี"
ลีชอนตกใจ "ว้าย
เฮ้ย"
"เอ่อ เป็นไรหรือคะ"
"อ้อ แหะ เจ้ามานี่ มีอะไรให้ดู เป็นไงบ้าง
สีอ่อนไปหน่อยมั้ย"
ซองซงยอนเห็นแล้วตกใจ "เอ่อ หัวหน้าลี
ศูนย์ศิลปะจะเขียนรูปแบบนี้ได้ยังไง เกิดให้ผู้ใหญ่รู้เข้าต้องเดือดร้อนแน่"
"ทำไงได้ ข้ารับจ๊อบเขามา จะไม่เขียนได้ไงล่ะ อ้อ ไหนๆ เจ้าว่างอยู่ใช่ไหม
อ้านี่ ข้าเขียนภาพร่างไว้แล้ว เจ้าช่วยเติมสีหน่อยเถอะนะ"
"อะไรนะคะ
อีกแล้วหรือ"
"ถือว่าขอร้องล่ะ นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว"
"คราวก่อนก็บอกว่าครั้งสุดท้ายเหมือนกัน"
"ซงยอน"
ซองซงยอนยืนยันหนักแน่ว่า "ไม่ช่วย ถ้าใครรู้ว่าภาพเขียนเปื้อนลายนิ้วมือคนงาน
ข้าจะถูกไล่ออกทันที ท่านก็รู้นี่นา"
"ฝีมือเจ้าดียิ่งกว่าช่างเขียนอีก ใครๆ
ก็รู้"
"ไม่ค่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ยังไงก็ไม่ได้"
"หึ จะไม่เห็นใจกันใช่ไหม"
"ใช่ ตามสบายเถอะ ข้าขอตัวก่อน"
"ฮึ่ม
หนึ่งปีก่อนใครพาเจ้ามาทำงานในศูนย์ศิลปะ เฮอะ เพราะปาร์คดัลโฮมาขอร้อง
ข้าไม่มีทางปฏิเสธ เลยจำใจให้เจ้ามาเป็นคนงานที่นี่ ถูกหรือเปล่า"
ซองซงยอนสีหน้าลำบากใจ "หัวหน้าลี"
"ตอนนั้นข้าก็แสนจะลำบากใจ
เพราะกลัวถูกเมียจับได้ หาว่าเจ้าเป็นเมียน้อยข้า แถมยังเอาไม้มาไล่ตีข้าอีก"
"แล้วเมื่อไหร่จะส่งเขาล่ะคะ" ซองซงยอนตัดบท
"นึกแล้วเจ้าไม่ใจร้ายหรอก
แหะๆๆ เติมสีให้แจ่มหน่อยนะ"
ทำให้ซองซงยอนไปช่วยงานซักช้า และถูกโชบีดุ
"นี่ ทำไมชอบมาช้ากว่าคนอื่น"
"เอ่อ ขอโทษค่ะ"
"นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว
ถ้าผิดอีก รู้มั้ยจะเกิดอะไรขึ้น"
"หึ รู้ค่ะ" โชบีมองหน้าแล้วเดินไป
มีซูกล่าวว่า "ข้าจะช่วยซักอีกแรง"
"อ้อ ขอบใจจ้ะ"
"รู้ข่าวหรือยัง
พวกนาง กำลังจะได้เข้าวังแน่ะ"
"เอ่อ อะไรนะ เข้าวังหรือ" ซองซงยอนสีหน้าดีใจ
"อีกไม่กี่วัน ต้าชิงจะส่งทูตมา จะมีการเขียนภาพบรรณาการ อาทิตย์หน้า
โชบีจะได้ติตตามพวกช่างเขียนไปด้วย คิดแล้วก็น่าอิจฉา ได้เที่ยววังหลวงสบายเลย"
ซองซงยอนถอนใจ "เฮ่ย เมื่อไหร่น๊า เราจะได้เข้าวังอย่างพวกนางบ้าง"
"อะไรนะ
อย่าฝันหวานหน่อยเลย เจ้าจะเข้าวังได้ไง พวกนางน่ะ อยู่ศูนย์ศิลปะมาตั้ง 15 ปีเชียว
ขนาดข้าเป็นลูกมือ 10 ปียังไม่มีโอกาสเลย เจ้าน่ะ ยังอ่อนหัดอยู่มาก
อย่าหวังดีกว่า"
000000000000000000
พวกชาวบ้านกำลังเชียร์มวยปล้ำ จู่ๆ
ปาร์คเทซูก็วิ่งหนีออกมา ทุกคนตามหาตัวกันจ้าละวั่น
"ไปไหนปาร์คเทซู หยุดนะ"
"เจ้าตัวแสบ คิดจะหนีไปไหน หา"
"อะไรเล่า ปล่อยก่อน ใครบอกว่าจะหนี แค่
ขอไปชิ้งฉ่องไม่ได้หรือไง จะไปห้องน้ำน่ะ"
"ห้องน้ำหรือ ไม่ต้องชิ้งฉ่องแล้ว
มีข้ออ้างเรื่อย ไป ไปสู้กันก่อน"
"ปล่อยนะ ไม่เอา ข้าไม่สู้ ปล่อยซี่"
"ต้องสู้ เราลงเงินไปแล้ว ไม่สู้ได้ไง เดี๋ยวเถอะ"
เทซูจำต้องขึ้นเวที
แล้วเขาก็ร้องลั่น "โอ๊ย กระแทกอีก"
กรรมการสั่ง "ลุกขึ้นๆ จะเริ่มแล้วนะ
เตรียมตัว เอาล่ะนะ"
"ถุย แหะ พี่ชาย หุ่นดีจัง บึ้กน่าดู ทำได้ไงน่ะ"
เทซูตีหน้าล้อๆ
กรรมการสั่ง "เริ่มได้ ลุยเลย"
อีกฝ่ายหนึ่งซัดเทซูหมัดเดียว เทซูล้มลง
"ล้อเล่นน่า หมัดเดียวจอดเลยหรือ"
"ว้าย โอ๊ย ตายล่ะ จมูกข้า สงสัยดั้งจะหัก โอย ช่วยด้วย ฟันร่วงอีกต่างหาก ฮือ
ไม่สู้ได้ไหมนี่"
เทซูสู้ต่อ แต่ก็ถูกซ้อม "นี่ ข้ากลัวเจ็บก็จริง
แต่ไม่ชอบให้ใครมาตุ๊ยซ้ำ เพราะฉะนั้น โดนครั้งเดียวก็พอ อย่ามาซ้ำอีกล่ะ"
เทซูโดนไปหลายหมัด แต่ในที่สุดก็ชนะมาได้อย่างงงๆ
"เฮ้ย อ๊าก เป็นไปได้ไง
ข้าชนะแล้ว ข้าชนะ ย้าก ฮ่าๆๆ"
เทซูกลับมาให้ดัลโฮทำแผลให้
"ฮือๆ
เจ็บนะท่านอา"
"อยู่เฉยๆ ซี่"
"ลงมาหน่อยซี่ จะทิ่มลูกตาแล้ว"
"ก็อยู่นิ่งๆ จะได้ใส่ยาถูกน่ะ"
"เบาหน่อยนะ เบาๆ อ๊าก เจ็บ บอกให้แตะเบาๆ
ไงเล่า เฮ่ย"
"บ้าจริง ร้องซะตกใจหมด นิสัยไม่เปลี่ยนเลย
อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องซะยังกะโดนเชือด"
"ข้าไม่ได้แกล้งนะ มันเจ็บจริงๆ"
"เอาเถอะๆ มา มาทาอีกนิด"
"อึมๆ โอ๊ย พอแล้วๆ ไม่ทาแล้ว เฮ่ย อ้อ ลืมบอกไป
เรื่องที่ข้าไปเล่นมวยปล้ำ อย่าบอกให้ซงยอนรู้ล่ะ"
"เฮอะ
เจ้ารู้จักอายซงยอนด้วยหรือ หา หัดทำตัวเป็นผู้ใหญ่หน่อยได้ไหม
อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว เรามาอยู่เมืองหลวงเกือบหนึ่งปี ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
หรือไม่ก็ไปค้าขายกับข้าก็ได้"
"ขายของอย่างท่านจะได้ซักกี่ตังค์เชียว"
"อย่างน้อยก็พอกินพอใช้ล่ะ ทุกวันนี้ซงยอนทำงานในศูนย์ศิลปะก็แค่พอเลี้ยงตัว
เจ้าไม่อายนางบ้างหรือไง"
"หึ ก็เพราะข้าห่วงนาง ไม่อยากให้ลำบาก
ถึงได้ไปเล่นมวยปล้ำ"
"หมายความว่า
ชาตินี้จะรวมหัวกับพวกอันธพาลหากินอย่างงี้ตลอดไปหรือ"
"ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น
มีเงินเก็บเมื่อไหร่ ข้าก็จะเลิก เฮ่ย ช่างเถอะ ข้าจะไปข้างนอกหน่อย เรื่องวันนี้
ห้ามบอกซงยอนเด็ดขาด รู้มั้ย"
"หนอย ถ้าบอกแล้วจะทำไม"
"ถ้ากล้าพูดละก้อ
ข้าจะไปเที่ยวโพทนา ว่าท่านติดหนวดเก๊ มันเป็นขนสุนัข"
ดัลโฮตกใจ "หา"
"อ้อ
ท่านเป็นขันทีด้วยนี่นา เกิดให้เถ้าแก่เนี้ยรู้เข้าละก้อ"
"นี่
เงียบเลยนะปาร์คเทซู เจ้าหลานเนรคุณ ฟังให้ดี นี่ไม่ใช่ขนสุนัข
แต่เป็นหางม้าที่หายากต่างหาก"
"แล้วแต่จะพูดสิ" เทซูออกไป
"เดี๋ยว
อย่าเพิ่งไปโอ๊ย อูย"
พอซองซงยอนรู้ก็มาต้มยาให้เทซู
โดยไม่พูดไม่ถามอะไรเทซูซักคำ จนเทซูตามมาดูและถามว่านางทำอะไร
"ต้มยาให้
กินก่อนที่แผลจะอักเสบขึ้นมา"
"เจ้าฟังข้าก่อนนะ
ที่จริงวันนี้ข้าบอกแล้วว่าไม่ไหวจริงๆ แต่เพื่อนก็ยังบังคับให้สู้อีก"
ซองซงยอนจะจับแต่เจ้บข้อมือ "โอ๊ะ โอ๊ย โอย"
"หา ซงยอน เป็นไรหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไร แค่เจ็บข้อมือนิดหน่อย"
"ไหนดูซิ ตายล่ะ นี่มันอะไร
ทำไมข้อมือแดงขนาดนี้ เพราะหัดเขียนรูปอยู่ที่ศูนย์ศิลปะใช่ไหม"
"หึ เอ่อ
บอกว่าไม่เป็นไรไง"
"ไม่ต้องห่วงหรอก ข้ามีปัญญาเลี้ยงเจ้าได้ ก็เคยบอกแล้วว่า
ไม่ต้องไปเป็นคนงานที่ศูนย์ฯ นั่นอีกไง"
"เลี้ยงข้ายังไง เข้าบ่อนเล่นไพ่หรือ
เจ้าน่ะ จะไม่ไปสอบเป็นทหารแล้วสิ หึ ลืมสัญญาของเราแล้วใช่ไหม ถ้ามาเมืองหลวง
เจ้าไม่ต้องทำอะไร นอกจากฝึกวิชา ความรู้อื่นแค่อ่านออกเขียนได้ก็พอแล้ว เฮ่อ
ข้าคงไม่มีลู่ทาง แต่เจ้าสามารถเข้าวังได้ ขอเพียงผ่านการทดสอบเป็นทหาร
สัญญาที่เคยให้ไว้กับองค์ชาย" ซองซงยอนยังพูดไม่ทันจบ
เทซูก็ขัดขึ้นก่อน
"เลิกคิดถึงสัญญาบ้าๆ กับองค์ชายซะที สัญญาหรือ สัญญาอะไร เราจะเข้าวังอีก
จะไปหาเขาน่ะหรือ มันเป็นเรื่องปีมะโว้โน่น ตั้ง 9 ปี 10 ปีแล้ว เจ้ายังจำไว้อีก
ป่านนี้องค์ชาย คงลืมเราไปถึงไหนๆ แล้ว"
"หึ เทซู"
"ฉะนั้นเจ้าก็ตาสว่างเถอะ เป็นลูกมือช่างเขียน อาจได้เข้าวังก็จริง
แต่จะไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำ ชอบคิดอะไรโง่ๆ บอกให้เลิกฝันก็ไม่ฟัง"
"ใช่
เจ้าพูดก็ถูก ไม่แน่ว่า ป่านนี้องค์ชายคงจะ ลืมเราสองคนไปนานแล้ว แต่ว่า แต่ว่าข้า
ยังไงก็คิดว่าจะขอ ขอพบองค์ชายอีกซักครั้ง แม้ว่าตอนนั้นเราจะยังเด็กมาก แต่ว่า
เขาก็เห็นเราสองคนเป็นเพื่อน แถมยังว่า นี่เป็นสัญญาระหว่างเพื่อนด้วย ฮือ
แม้ตอนนี้เขาจะลืมเราไปแล้ว แต่ว่า ข้าก็ยังไม่ลืมสัญญา"
"หึ เฮ่ย"
เทซูหัวเสียออกไป
00000000000
ใต้เท้านัมทราบที่มาของยาพิษก็รีบมาหาองค์ชายลีซาน
"มันคืออะไร"
องค์ชายลีซานถาม
"ดินถนำพ่ะย่ะค่ะ"
"ดินถนำหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ เป็นดินถนำ
หลักใหญ่คือใช้เป็นสีเขียนรูป ถ้าใช้ปริมาณมาก ก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ร้านขายสีทั่วไปจะไม่มี เห็นว่าในตัวเมือง
มีเพียงศูนย์ศิลปะแห่งเดียวที่จะใช้พวกนี้"
"ศูนย์ศิลปะหรือ
ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด ยาพิษที่คนร้ายกิน ทำไมมาจาก ศูนย์รวมของงานศิลป์ได้ล่ะ"
"คือ ถ้าไง หม่อมฉันจะให้ลูกน้อง
ไปดูที่ห้องเก็บสีของศูนย์ศิลปะดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ ไม่แน่ว่า
ถ้าเราเจอคนขายดินถนำพวกนี้ อาจรู้ที่มาของยาพิษ หรือเกี่ยวข้องกับใครบ้าง"
"ไม่มีทาง ศูนย์ศิลปะ มีภาพเขียนล้ำค่ามากมาย คุ้มกันหนาแน่นมาก
ใครก็ไม่อาจเข้าไปได้ ท่านก็รู้นี่นา"
ซองซงยอนไปสายอีกครั้ง
โชบีจึงแกล้งสั่งให้นางไปซักผ้าทั้งหมดที่ลำธาร และวันนี้องค์ชายลีซานก็เสด็จมา
มีซูรู้ก็อดบ่นถึงซองซงยอนไม่ได้ที่ไม่อยู่เห็นหน้าองค์ชายลีซาน
"องค์ชายเสด็จมาถึงศูนย์ศิลปะ เหล่ากระหม่อมรู้สึกเป็นเกียรติมากพ่ะย่ะค่ะ"
"ภาพเขียนที่จะเป็นเครื่องบรรณาการ ถือเป็นงานหนักสำหรับพวกท่าน
การต้อนรับคณะทูตจากต้าชิง พวกท่านถือเป็นส่วนสำคัญที่สุด"
ขุนนางน้อมคำ
"พ่ะย่ะค่ะ"
"เพราะฉะนั้น ข้าเลยเป็นตัวแทนฝ่าบาท
ตั้งใจจะมาเลี้ยงอาหารซักมื้อ"
"องค์ชาย ถือเป็นเกียรติอย่างสูงพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าไงรบกวนใต้เท้าปาร์ค ไปบอกให้ช่างเขียนทุกคนมากันพร้อมหน้าหน่อยนะ
และไม่เพียงแต่ช่างเขียน คนงานทุกคนก็มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงเหมือนกัน"
"พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย"
องค์ชายลีซานเดินดูภาพ "นี่เป็นภาพจูงม้าของ “คิมซี”
ใช่ไหม"
"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ มีไว้ให้ช่างเขียนฝึกหัดดูเป็นแบบอย่าง
เพราะเรายึดตามแนวศิลปะของต้าชิงพ่ะย่ะค่ะ"
"ดูจากภาพรวมของรูปนี้
ใกล้เคียงกับของจริง แต่ยังขาดชีวิตชีวาไปหน่อย ส่วนที่ว่างน่าจะเขียนบทกวี
เพิ่มลายเส้นให้เห็นเป็นเงาของต้นไม้"
"รับสั่งถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ภาพนี้ยังไม่สมบูรณ์นัก เพราะขาดลายเส้น"
"เอ่อ คือ พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันไม่ทันสังเกต"
มีซูออกมาตามหาซองซงยอนจนพบว่ามาซักผ้าที่ลำธาน.
"เฮ่ย อะไรของเจ้านะนี่ ถูกลงโทษให้ซักผ้าอีกหรือ"
"อึม เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว"
"สมน้ำหน้า บอกแล้วอย่าโผล่ไปให้นางเห็น ในศูนย์ศิลปะน่ะนะ
ไม่มีใครใหญ่กว่าโชบีอีกแล้ว"
"หึ แล้วเจ้ามานี่ทำไมน่ะ"
"ว้าย ตายแล้ว
ลืมบอกไป เกิดเรื่องใหญ่ที่ศูนย์ฯ แล้วรู้มั้ย"
"เกิดเรื่องใหญ่"
ซองซงยอนพลอยตกใจไปด้วย
"ใช่ องค์ชายลีซานเสด็จมา เสด็จมาด้วยองค์เองเชียวนะ
ใครจะไปนึกถึง ทั้งใต้เท้าปาร์ค ใต้เท้าคัง ตกอกตกใจหมดเลย"
"มีซู
เจ้าพูดอีกทีซิ บอกว่าองค์ชายเสด็จที่ไหนนะ"
"ถามได้ ก็ศูนย์ศิลปะไง ช่างเถอะๆ
ป่านนี้ทุกคนคงวิ่งกันหัวปั่นแล้ว"
ขณะที่องค์ชายลีซานดูภาพนั้น
ใต้เท้านัมมากระซิบบอกว่า ลูกน้องเขาเข้าไปในห้องเก็บสีได้แล้ว
ซองซงยอนรีบกลับมาที่ศูนย์ เจอลีชองเรียกไว้
"ซงยอน"
"อ้อ หัวหน้าลี
องค์ชายล่ะ องค์ชายลีซานอยู่ไหน"
"หลังจากมาตรวจงาน ป่านนี้คงเสด็จกลับแล้วมั้ง
ทำไม เจ้าไม่ได้เข้าเฝ้าหรือ"
ซองซงยอนแอบมาร้องไห้ "หา หึ ฮือ องค์ชาย ฮือ
หม่อมฉันเอง ฮือ หม่อมฉันคือซงยอน ฮือ เราน่าจะได้พบกัน ฮือ องค์ชาย
เราเกือบจะได้พบแล้ว ฮือ"
และการมาขององค์ชายลีซานครั้งนี้
ทรงให้หัวข้อในการเขียนภาพ
"พฤกษาโชยกลิ่นหอม จรุงใจต้องภูษา
แม้เป็นเศษผ้าที่ถูกฉีกขาด ยังฝากความหอมไว้ ให้เชยชมไม่สร่างซา"
ซองซงยอนได้หัวข้อจากลีชองมาแอบเขียนภาพ จนหัวหน้ามาเห็นและดุ
"เอ่อ บังอาจ
เจ้ามาแอบเขียนภาพได้หรือ"
"เอ่อ ฮือ ท่านหัวหน้า อภัยให้ข้าด้วยค่ะ คือ
ข้าเพียงแต่เสียดายกระดาษกับสีที่ถูกทิ้ง"
"หุบปาก
เป็นแค่คนงานริอ่านมานั่งเขียนภาพ เจ้าจะรนหาที่ตายหรือยังไง"
"เอ่อ ไม่นะคะ
รูปนี้ข้าไม่ได้วาดเอง เพียงแต่เห็นมันตกอยู่ที่พื้น ท่านให้อภัยข้าเถอะนะ
ข้าสำนึกผิดแล้ว ฮือ ท่านหัวหน้า"
"ออกมานี่"
"ท่านหัวหน้า
อภัยให้ข้าเถอะค่ะ ปล่อยข้าไปเถอะ"
"ไม่ต้องพูดมาก ออกมาเร็ว"
ซองซงยอนร้องขอไปด้วย "ท่านหัวหน้า อภัยให้ข้าเถอะนะ ข้าขอร้องล่ะ
อย่าทำอะไรข้าเลย"
ลีชองมาเห็นเข้า "ซงยอน อะไรกันนี่หัวหน้าตั๊ก นางทำอะไรผิด"
"ฮึ่ม นังตัวดีคนนี้ แอบขโมยสีและพู่กันของเรา ไปใช้ในการเขียนรูป"
"เอ่อ
ข้าไม่ได้ขโมยสีนะคะ มันเป็นของที่ทิ้งหมดแล้ว"
"หุบปาก พวกเจ้ายืนเฉยทำไม
จับนางไปขังและตรวจดูห้องพักของนาง ดูว่ามีสีหรือกระดาษหายไปหรือเปล่า
ถ้ามีอะไรสูญหายละก้อ ข้าจะให้นางรับผิดชอบ รีบพาไปเร็ว"
"เอ่อ ท่านหัวหน้าๆ
ช่วยข้าด้วย" ลีชองตกใจไม่กล้าพูดอะไร
ซองซงยอนถูกจับขังไว้ "ท่านหัวหน้า
อภัยให้ข้าเถอะ โอ๊ย ฮือ ท่านหัวหน้า อภัยให้ข้าเถอะ ท่านหัวหน้า ปล่อยข้าออกไป
ได้ยินหรือเปล่า ท่านหัวหน้า ฮือๆๆ"
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 5

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 6

ใต้เท้านัมทูลองค์ชายลีซานว่าเจอตัวคนขายดินถนำแล้ว
องค์ชายลีซานบอกให้จับตัวมาเงียบๆ และบอกว่าต้องการจะรู้ตัวคนๆ นี้มา 9 ปีแล้ว
ยังไงก็ห้ามพลาด
องค์ชายลีซานพบศพลอยน้ำมา หลังจากที่ตรวจสอบว่าเป็นมหาดเล็กฮัน
องค์ชายลีซานก็กริ้วมาก
"เพราะไม่มาตามเวลาที่นัดหมาย
หม่อมฉันเลยเกิดลางสังหรณ์ ไม่นึกว่าสุดท้ายจะเกิดเรื่องจริงๆ"
"ฝีมือพวกเขาอีกใช่ไหม เป็นฝีมือพวกเขาอีกแล้ว หึ หึ ข้าจะไปดูศพมหาดเล็กฮัน
ข้าจะช่วยหน่วยปราบปราม ชันสูตรศพให้ละเอียด ดูว่าเขาตายเพราะอะไรและถูกใครสังหาร"
ใต้เท้านัมห้ามไว้ "ไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"
"หลีกไป"
"ไม่ได้จริงๆ
พ่ะย่ะค่ะ นี่ไม่ใช่เวลา ที่องค์ชายจะมาออกหน้าตอนนี้"
"ข้าบอกให้หลีกไป"
"องค์ชาย ถึงชันสูตรได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร คนพวกนั้น
ไม่ทิ้งหลักฐานไว้บนศพของมหาดเล็กฮันอยู่แล้ว แล้วเราจะทำอะไรได้พ่ะย่ะค่ะ
ถ้าองค์ชายเสด็จไปกองปราบ เรื่องก็จะไปถึงวังหลวง ถึงตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น
องค์ชายน่าจะรู้ดีกว่าใครไม่ใช่หรือ คนพวกนั้นก็จะครหาอีก
ว่าองค์ชายทรงเสียสติผิดเพี้ยน ดีไม่ดีพวกเขารอโอกาสอยู่แล้ว
ที่จะให้ร้ายองค์ชายด้วยซ้ำ"
"ใครจะพูดอะไรก็ช่าง หึ
ทุกวันนี้พวกมันชักกำแหงใหญ่แล้ว นึกว่าวันนี้จะจับได้ซักคน หึ ข้าต้องรู้ให้ได้
ต้องสืบให้รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง"
"องค์ชาย"
"ใต้เท้านัม"
"ขอทรงอดทนไว้บ้าง ตอนนี้สำคัญคือความอดกลั้นนะพ่ะย่ะค่ะ โปรดอย่าทรงกริ้ว
ที่หม่อมฉันได้แต่ห้ามองค์ชายไว้เท่านั้น หึ ตอนนี้ได้แต่ทูลว่า
ขอให้องค์ชายทรงอดทนให้มาก ถ้าจะกริ้วก็กริ้วหม่อมฉันคนเดียวเถอะ แต่ว่า
จงอย่าให้คนพวกนั้น ได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการง่ายๆ ขอแค่ทรงอดทนไว้
แล้วอนาคตจะเป็นวันของเราบ้างพ่ะย่ะค่ะ"
"เขามีครอบครัวหรือเปล่า"
"มีพ่ะย่ะค่ะ มีภรรยาและแม่อีกคน"
"ให้ดูแลพวกนางอย่างดี ที่สำคัญ
ต่อไปไม่ต้องคุกเข่า ขอร้องให้ข้าทำอะไรอีก เพราะท่านภักดีต่อข้าแค่ไหน
มีหรือข้าจะไม่รู้"
"เอ่อ องค์ องค์ชาย เอ่อ คือ องค์ชาย รอซักครู่นะพ่ะย่ะค่ะ"
"นี่คืออะไร"
"ของที่มหาดเล็กฮันฝากไว้พ่ะย่ะค่ะ"
ซองซงยอนถูกใส่ร้ายว่าขโมยภาพวาดไป ลีชองก็ออกหน้าให้ความช่วยเหลือซองซงยอน
โดยนำผลงานของซองซงยอนออกมาให้ชม
"แหะ เอ่อ นี่คือ ผลงานของเด็กคนนั้น
ใต้เท้าดูซิครับ นางเขียนบนกระดาษที่ทิ้งแล้วและระบายด้วยสีที่แห้ง เอ่อ
ได้โปรดเมตตาหน่อยเถอะครับ ข้ารับรองว่านางเป็นเด็กดี ไม่ใช่พวกมือไว"
"เรื่องแบบนี้ถ้ายอมจ่ายเงินก็คงได้"
"หือ ใต้เท้า เอ่อ ใต้เท้า
ได้โปรดช่วยนางหน่อยเถอะครับ ใต้เท้า"
หัวหน้าตั๊กสั่งให้ตรวจสอบสี
ลีชองรีบหาทางให้ซองซงยอนหนีออกไป
"เดี๋ยว อะไรนะคะ ท่านจะให้ข้าหนีหรือ"
"ใช่ ขึ้นมาเหยียบหลังข้าเลย แล้วปีนข้ามกำแพงออกไปซะ"
"แต่ แต่ว่า"
"หัวหน้าตั๊กกำลังตรวจสีที่ใช้ในการเขียนรูป ถ้าขาดไปจริงๆ
เจ้าต้องโดนก่อนใครเพื่อน"
"แต่ข้าไม่ได้ขโมยอะไรซักหน่อย"
"ของงี้ใครจะรับรองได้ล่ะ ไอ้ห้องนั้นวันๆ มีคนเข้าออกตั้งล้านเจ็ด
ตอนนี้แค่มีใครหยิบอะไรไปเท่านั้น จะคิดบัญชีกับเจ้าหมดรู้มั้ย
เมื่อก่อนก็เคยมีเรื่องแบบนี้ ทำให้ช่างเขียนคนหนึ่งโดนซะแทบอาน
แล้วสาอะไรกับคนงานอย่างเจ้า แค่จับไปโบย 2-3 ที เจ้าก็อ่วมแล้ว เฮ่ย
ภาษิตว่าหนีก่อนเป็นต่อ มาเร็วเข้า"
"เอ่อ แต่ว่า แต่ หัวหน้าลีคะ"
"ขึ้นมาเถอะน่า"
ซองซงยอนหนีออกมาตามคำขอของลีชอง ก็เจอกับหัวหน้าตั๊กเข้า
"ทำไมมาอยู่ข้างนอกได้ล่ะ อ้อ หรือว่า เจ้าคิดจะหนีใช่ไหม"
"เอ่อ หึ เอ่อ
เปล่านะคะ ข้าไม่เคยคิดอย่างงั้น"
"เจ้านี่มันกำแหงจริงๆ แทนที่จะสำนึกความผิด
ยังคิดหลบหนีอีก ก็ได้ วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้าให้หนัก จับไปที่ลานกว้าง
เตรียมลงโทษเดี๋ยวนี้"
"เอ่อ หัวหน้าตั๊ก ฟังข้าก่อน ข้าไม่ได้คิดหนีนะคะ
หัวหน้าตั๊ก"
ลีชองมองอย่างหวาดเสียวแทน
ทางด้านใต้เท้านัมก็นั่งดูของที่มหาดเล็กฮันฝากไว้ให้องค์ชายลีซาน
"เอ่อ
ข้อความที่เขียนบนผ้า เป็นลายมือมหาดเล็กฮันพ่ะย่ะค่ะ"
"ชุด "ชามอึย" กันน้ำ
ถ้าใส่ชุดชามอึย ก็ต้องกันน้ำได้อยู่แล้ว"
"เอ่อ แต่ว่า
จะมีความหมายอื่นหรือเปล่า"
"เป็นการทายคำปริศนา ไม่ใช่ให้อ่านเฉยๆ
คงต้องทายจากอักษรมากกว่า ในเมื่อเขาเขียนมาแบบนี้ แสดงว่าต้องมีความนัยแอบแฝง
เดี๋ยวก่อน นี่มัน หึ ท่านดูนี่นะ ชุดชามอึยช่วยให้กันน้ำได้ ก็หมายความว่า
ชุดต้องโดนน้ำก่อน ถ้าเราปิดอักษร "ซื่อ" ที่อยู่ข้างๆ ดูซิ
ตอนนี้เหลือตัวอะไรบ้าง"
"น่าแปลก นี่มัน อักษร "ชิง" นี่พ่ะย่ะค่ะ"
"ใช่แล้ว ที่มหาดเล็กฮันเอาชีวิตเข้าแลกก็เพื่อจะบอกเรื่องนี้ คือคำว่า
"ต้าชิง" หรือก็แปลว่า. เราจะมีอันตรายที่เกี่ยวข้องกับต้าชิง"
"หมายความว่าไงหรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับต้าชิง เอ่อ หรือว่า
คณะทูตที่มาคราวนี้ มีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"คำปริศนาที่เขียนบนผ้า
ต้องเกี่ยวกับทูตที่มาจากต้าชิงแน่ คำบอกเล่าของมหาดเล็กฮัน มันน่าสงสัยนัก
จะหมายถึงอะไรกันแน่ เฮ่อ"
เทซูกลับจากทำงานดัลโฮก็บอกเรื่องที่ซองซงยอนถูกปรักปรำ
หัวหน้าตั๊กสั่งลงโทษซองซงยอนด้วยการโบย 30 ที ลีชองพยายามช่วยพูดแต่ก็ไม่ได้ผล
พอดี โชคดีที่ปาร์กซองมุนมาเห็นเข้า และพูดเตือนให้หัวหน้าตั๊กมีเหตุผลด้วย
เพราะของก็ไม่มีอะไรหาย หัวหน้าตั๊กยังบอกว่าซองซงยอนเป็นแค่คนงาน
ไม่มีสิทธิ์เขียนรูป เขาจึงจะลงโทษนาง
"บังอาจ มีกฎข้อไหนที่ห้ามไว้แบบนี้
เจ้าลองบอกข้าซิ มีกฎข้อไหนที่กำหนดว่าคนงานห้ามจับพู่กันเขียนรูปน่ะ
ข้าน่ะไม่เคยได้ยินว่า มีการห้ามคนงานไม่ให้เขียนรูปบนกระดาษที่ทิ้งแล้ว
เพราะฉะนั้น ถ้ามีกฎจริงก็เอามาให้ดูก่อน แล้วหลังจากนั้น ข้าก็จะทำตามที่เจ้าบอก
ยังอีก พวกเจ้ายืนเฉยทำไม แก้มัดให้นางได้แล้ว"
ลีชองรีบขอบคุณแทนซองซงยอน
"ขอบคุณครับ ขอบคุณ"
มีซูกับลีชองรีบเข้าไปดูแลซองซงยอน "ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณใต้เท้าจริงๆ"
"รูปนี้เห็นวางอยู่ ไม่มีใครสนใจ
แต่เป็นผลงานของเด็กคนนั้นจริงหรือ"
"เอ่อ ใช่ครับ"
"อึม ดูเหมือนว่า
ตรงกับหัวข้อที่องค์ชายเคยให้ไว้น่ะนะ"
"อะไรนะครับ เอ่อ แต่ท่านไม่ต้องห่วงอีก
ข้าจะคอยดูนางไว้ ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำ"
"เราจะส่งช่างเขียน
ไปคัดเลือกในวังพร้อมกับผู้ช่วย เอาทั้งหมดกี่คน"
"ช่างเขียนหรือครับ?
เห็นว่าต้องการ 4 คนน่ะครับ แล้วทำไมท่านถามเรื่องนี้ล่ะ เอ่อ
ขอบคุณใต้เท้าอีกครั้ง ขอบคุณมาก"
ลีชองรีบวิ่งหน้าตาตื่นมาหามีซูกับซองซงยอน
"ผู้ใหญ่บอกว่าอนุญาตให้เจ้าไป ใต้เท้าปาร์คสั่งมาว่า
การเขียนภาพคราวนี้ให้เจ้าไปช่วยงานด้วย"
ซองซงยอนตื่นเต้นดีใจ "เอ่อ ท่าน
หมายความว่าไงหรือคะ ให้ข้าไปกับช่างเขียนภาพ ก็แปลว่า
ข้าจะได้เป็นผู้ช่วยช่างเขียน ได้เข้าวังหรือคะ"
"ใช่ ก็ทำนองนั้นแหละ
แต่ทำไมเจ้าโชคดีขนาดนั้นก็ไม่รู้น่ะนะ ข้าก็งงๆ อยู่ เพราะเพิ่งพ้นเคราะห์หยกๆ
ไม่ใช่หรือ หือ"
ซองซงยอนเดินออกมาก็พบกับเทซูกับดัลโฮที่จะมาดูซองซงยอนด้วยความเป็นห่วง
แต่ซองซงยอนกลับดีอกดีใจบอกว่าจะได้เข้าวังแล้ว
"เข้า เข้าวังอะไร
ข้าไม่เข้าใจ"
"ข้าน่ะ ถูกเลือกให้เป็นผู้ช่วยช่างเขียนในคราวนี้
มีโอกาสจะได้เข้าวัง พรุ่งนี้ก็ได้ไปทำงานในวังแล้ว"
"งั้นก็ดีน่ะสิ"
"ข้าได้เป็นผู้ช่วยช่างเขียน แหม ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือฝันกันแน่
บางคนทำงานตั้งสิบปียังไม่มีโอกาส ทำไมเป็นข้าได้ก็ไม่รู้ หึๆๆ"
"เจ้านี่คิดง่ายจริงๆ ตอนกลางวันเกือบจะถูกโบย ไม่ทันไรก็ลืมแล้วหรือ"
"ฮึ
ใช่สิ ก็คนมันดีใจ เรื่องเจ็บตัวเลยลืมไปหมด หึๆ"
"เชอะ แต่ยังไงก็ช่าง
ทีหลังมาเขียนภาพที่บ้านดีกว่า ข้าจะหาพู่กันกระดาษให้เจ้าเอง"
"เชอะ
มีปัญญาหาได้หรือ พู่กันเขียนภาพแพงจะตาย"
"อย่าห่วงเลยน่า ข้าน่ะ
จะหาพู่กันที่แพงที่สุดมาให้เจ้า ว่าแต่ เจ้าไปคราวนี้ จะได้พบองค์ชายแน่หรือเปล่า
ถ้าได้พบก็ดีหรอกนะ"
"อึม ถึงมองไกลๆ แค่เห็นพระพักตร์ก็ยังดี เฮ่อ เจ้าว่า
ถ้าเราได้เจอองค์ชายจริง เจ้าว่าองค์ชายจะจำข้าได้หรือเปล่า ยังจำเหตุการณ์เมื่อ 9
ปีก่อนได้ไหม หึ ช่างเถอะ ถึงจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่ได้เห็นพระพักตร์ก็พอ
จริงมั้ยหึๆๆ"
"แต่ว่า ถ้าองค์ชายจำเจ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องโกรธ
เพราะเจ้าอัปลักษณ์ขึ้นเยอะเลย"
ซองซงยอนอึ้งไป "หา"
"ยังไม่รู้ตัวอีก
เจ้าไม่เหมือนตอนเด็ก น่าเกลียดพิลึกล่ะ เฮ่ย คิดถึงสมัยก่อน หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก
หึๆๆ"
"นี่ พูดพอหรือยัง บ้าจัง"
"โอ๊ย นี่ ดูเจ้าซิ
ป่าเถื่อนขึ้นเป็นกองด้วย"
"ข้าจะตีเจ้าให้ตายซะ"
"โอ๊ะ โอ๊ย เจ็บนะ พอที"
000000000000000
ใต้เท้านัมรายงานองค์ชายลีซานว่า
"พรุ่งนี้คณะทูต
ก็จะเดินทางมาถึงพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ยังไม่สายเกินแก้นัก ถ้าไง
ทรงเปลี่ยนองครักษ์ชุดใหม่หมด แม้แต่ขุนนางที่มีหน้าที่ต้อนรับ
ก็ให้เปลี่ยนใหม่ด้วย เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งมีแผนชั่วอยู่ในใจ เราคงยากจะป้องกันได้"
"ไม่ ไม่ควรทำอย่างงั้น"
"องค์ชาย"
"ขุนนางที่ต้อนรับคณะทูต
ส่วนใหญ่เป็นคนที่ต้าชิงคุ้นเคยอยู่แล้ว ถ้าไม่มีพวกเขา
การเจรจาระหว่างสองฝ่ายจะไม่บรรลุผล เพราะเราเคยขัดแย้งกับต้าชิง
ทำให้การค้าถูกระงับไปช่วงหนึ่ง ความเสียหายที่เกิด บรรดาพ่อค้าต่างก็โอดครวญนัก
ถึงข้าจะไม่มีอำนาจเต็ม แต่ยังไงก็เป็นองค์ชาย จะหวังเอาตัวรอดคนเดียว
แล้วให้บ้านเมืองเสียหายไม่ได้"
"เอ่อ แต่ว่าองค์ชาย"
"ลองหาวิธีอื่นดีกว่า
นอกจากทางนี้แล้ว ข้าเชื่อว่าน่าจะมีหนทางอื่นบ้าง"
องค์ชายลีซานยังได้บอกกับขุนนางให้เปลี่ยนเวลากำหนดการทั้งหมด
ทำให้ขุนนางแปลกใจ
"ทรงหมายความว่าไงพ่ะย่ะค่ะ
จะให้เปลี่ยนกำหนดการต้อนรับคณะทูตหรือ"
"ก็เหมือนที่ท่านรู้ การเจรจากับพวกเขา
พาไปเที่ยว หรือแม้แต่การจัดเลี้ยง ให้เปลี่ยนเวลาใหม่หมด
เพราะดูจากกำหนดการที่พวกท่านเสนอมา อะไรๆ ก็เหมือนเดิม ไม่มีความคิดแปลกใหม่บ้าง
ตามความเห็นของข้า งานเลี้ยงน่าจะจัด ทันทีที่พวกเขามาถึง ส่วนการดูงาน
ไม่จำเป็นต้องไปสภาปกครองเสมอไป ให้เปลี่ยนไปสำนักบัณฑิต กรมศิลปะ
หรือแม้แต่กรมโยธาก็ยังดี"
"แต่ว่า พรุ่งนี้คณะทูตก็จะมาถึงแล้ว
ให้จัดเลี้ยงตั้งแต่วันแรก เกรงว่าจะเร่งรีบเกินไปนะพ่ะย่ะค่ะ"
"ตอนนี้ปัญหาใหญ่สุด คืออยู่ที่ห้องเครื่อง แต่ว่า
ข้าคุยกับหัวหน้าต้นเครื่องแล้ว เขาบอกว่าไม่มีอะไรปัญหา อีกอย่าง
เมื่อก่อนเราไปเจรจาที่เรือน "มูวา" แต่คราวนี้ เราจะเปลี่ยนไปตำหนักอื่นบ้าง"
"องค์ชาย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เราจะอ้างเหตุผลอะไรพ่ะย่ะค่ะ" ฮงพงฮันถาม
"เรื่องนี้ ข้าจะบอกให้รู้ทีหลัง มา เรามาดูเรื่องเวลาอีกครั้ง"
แชซกจูรีบรายงานให้องค์หญิงวาวานทราบ ทรงชื่นชมที่องค์ชายลีซานฉลาดขึ้น
แต่แชซกจูบ่นว่าจะยิ่งทำงานยากขึ้น องค์หญิงวาวานกลับบอกว่า
"เพราะอะไร
ทำไมเขาต้องทำให้วุ่นวายขนาดนี้รู้มั้ย เพราะยังไม่มีความชัดเจน
ไม่รู้ว่าใครคิดร้ายกันแน่ เลยป้องกันทางนี้บ้าง ทางโน้นบ้างอุตลุดไปหมด
เพราะฉะนั้น ท่านจงวางใจได้ อาจมีพายุเข้ามาบ้าง แต่หลังจากนั้นท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง"
พระเจ้ายองโจทรงเรียกองค์ชายลีซานมารับสั่งด้วย
"ได้ยินว่าเจ้า
ไปก่อเรื่องให้ขุนนางปวดหัวอีกแล้วใช่ไหม นึกว่ามีข้าคนเดียวที่ทำได้
ที่แท้เจ้าก็มีความสามารถไม่ด้อยกว่า"
"ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าเจ้ายืนยันว่าไม่ได้เสียสติจริง เหล่าขุนนางยังไงก็ต้องทำตามคำสั่งอยู่แล้ว
ว่าแต่เจ้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ใช่ไหม"
"พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรู้ตัวเองดี แต่ว่า
ถ้าฝ่าบาททรงเห็นว่า หม่อมฉันตัดสินใจไม่ถูก"
"ไม่หรอก
ข้ายังไม่เห็นความผิดของเจ้า หรือต่อให้เห็นจริง ข้าก็จะไม่ก้าวก่ายอะไรทั้งนั้น
เพราะบอกแล้วว่างานนี้มอบให้เจ้าดูแลทั้งหมด ข้าวสารอยู่ในมือเจ้า
ทำหุงให้เป็นข้าวสวยหรือข้าวต้มก็ตามใจ แต่ว่า เจ้าต้องรู้ไว้อย่าง
ถ้าลงทุนลงแรงขนาดนี้แล้วยังออกมาเละเป็นโจ๊กละก้อ
เหล่าขุนนางจะเล่นงานเจ้าไม่หยุดแน่ เหมือนที่เจ้าไปขวางลำพวกเขา
สุดท้ายเจ้าก็ต้องรับกรรมเองเข้าใจมั้ย"
0000000000000
องค์ชายลีซานออกมาต้อนรับคณะทูต
โชบีเกิดความริษยาซงยอนจึงวางแผนให้ซองซงยอนพลาดโอกาสเข้าร่วมงานเลี้ยง
โดยสั่งให้ซองซงยอนผสมสีแดงให้
แต่แล้วโชบีกลับไปทำให้เป็นสีเลือดหมูแล้วมาต่อว่าซองซงยอนพร้อมสั่งให้ผสมสีให้ใหม่
ซึ่งงานก็ใกล้จะเริ่มแล้วด้วย จากนั้นโชบีก็มาบอกหัวหน้าตั๊กกับลีชองว่า
ซองซงยอนปวดท้องคงทำงานไม่ไหว เลยสั่งให้พักผ่อน
ซองซงยอนกลับมาก็เข้าไปร่วมงานไม่ได้แล้ว ทหารกันไว้ ทำให้นางเสียใจมาก
"องค์ชาย ไม่แน่นี่อาจเป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ชาตินี้
หม่อมฉันคงไม่ได้เข้ามาในวังอีก"
เทซูชวนดัลโฮไปซื้ออุปกรณ์เครื่องภาพไว้ให้ซองซงยอน
หลังจากที่เขารับงานพิเศษได้เงินมามากอยู่ ดัลโฮมองเทซูอย่างสงสัย
และวันนี้เพื่อนเทซูก็เข้ามาบอกชวนเขาไปปล้นเรือขนเครื่องบรรณาการ เทซูไม่อยากทำ
แต่เพื่อนของเขาเอาดัลโฮกับซองซงยอนมาขู่
เทซูตกใจ "อะไรนะ"
"เห็นเราทำงานขนาดนี้ ถ้าเจ้ามาบอกเลิก ถึงข้าไม่เอาเรื่อง
นึกหรือว่าคนในวังจะปล่อยเจ้าน่ะ"
"อะไรนะ เจ้าหลอกข้านี่นา"
เทซูจำใจรับงานอีกครั้ง
ใต้เท้านัมทูลองค์ชายลีซานถึงแผนที่ผ่านไปอย่างเรียบร้อย
"จนถึงเวลานี้
ยังไม่พบอะไรน่าสงสัยพ่ะย่ะค่ะ การต้อนรับคณะทูตก็ผ่านไปอย่างราบรื่น
สงสัยว่าพอองค์ชายเปลี่ยนกำหนดการ จะทำให้พวกนั้นทำงานไม่ถูก
ยอมยกเลิกแผนชั่วหรือเปล่า"
"มันก็อาจเป็นไปได้ แต่เราก็ไม่ควรประมาท"
"พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะทำตามรับสั่ง ให้เด็กๆ คุ้มกันเข้มงวด ไม่ต้องห่วง"
หลังเสร็จงาน โชบีกับพวกก็เข้ามาต่อว่าซองซงยอนที่ผสมสีผิด
จนทำให้เกือบถูกลงโทษ ซองซงยอนต้องก้มหน้ารับ
"เอ่อ ค่ะ ขอโทษด้วย"
"ดีที่โชบีมีข้ออ้างว่าเจ้าป่วย คนอื่นเลยไม่สงสัย อย่าลืมบุญคุณของนางด้วย
ถ้านางบอกว่าเจ้าผสมสีผิด เจ้าจะถูกไล่ออกทันที"
"ค่ะ ขอบคุณพี่โชบีมาก"
"รู้สำนึกก็ดีแล้ว ช่วยข้าล้างพวกนี้ให้หมด อ้อ ลืมบอกไป พรุ่งนี้เราจะไป "แท -
พยองปัง" เจ้าต้องทำงานให้เสร็จแล้วค่อยตามมาล่ะ"
"ค่ะ เฮ่อ"
องค์ชายลีซานเจอกับข้าหลวงเด็กคนหนึ่งก็คิดถึงซองซงยอน จึงเข้าไปทักและพาไปส่ง
"ความจริงหม่อมฉันไปเองก็ได้"
"เฮ้ เจ้าไม่กลัวหลงทางอีกหรือ"
"ขออภัยด้วยเพคะ เพราะพรุ่งนี้จะมีการสอบ ใครๆ
บอกว่าถ้าได้ดื่มน้ำในบ่อที่ตำหนัก "คยองฮุง" จะจับได้หัวข้อที่ง่ายขึ้น"
"หึๆๆ
จริงสิ เจ้าชื่ออะไรน่ะ เราเคยเจอกันมาสองครั้ง ข้ายังไม่รู้ชื่อเจ้าเลย"
"หม่อมฉันชื่อ "นัมซุงฮี" เพคะ"
"นัมซุงฮีหรือ"
"ใช่แล้วเพคะ"
"ซุงฮี? ชื่อเจ้าคล้ายกับเพื่อนข้าคนหนึ่ง"
"องค์ชายมีเพื่อนด้วยหรือเพคะ"
"แน่นอน ข้าก็มีเพื่อนไม่ต่างกับเจ้า"
"แล้วเพื่อนองค์ชายมีชื่อว่าอะไร"
"นางชื่อซงยอน ซองซงยอน นางก็เหมือนเจ้า เคยเป็นนางในเด็กมาก่อน"
"แล้วตอนนี้นางอยู่ไหนเพคะ อยู่แผนกไหน ห้องเครื่องหรือเปล่า"
"ไม่ใช่"
"งั้นก็เป็นห้องซักล้าง"
"ไม่ใช่อีก"
"บอกหน่อยสิเพคะ
หม่อมฉันอยากรู้จริงๆ"
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตอนนี้นางอยู่ไหน
ทำอะไรอยู่หรือเปล่า แต่นางเป็นเพื่อนที่ข้าคิดถึงมาก เมื่อไหร่เราจะได้พบกันอีก
ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หึๆ ถึงแล้ว บ่อข้างหน้านี่แหละ หึ มา รีบดื่มเร็วเข้า"
"เพคะองค์ชาย"
องค์ชายลีซานกลับมาที่พักก็ทราบเรื่องเรือขนเครื่องบรรณาการที่อยู่ริมน้ำซอกังถูกขโมยผ้าฝ้ายไป
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น เรือหลวงถูกปล้นได้ยังไง ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ
ทหารเมืองหลวงที่เฝ้าเรือ ทำไมทำงานสะเพร่าอย่างงี้"
"ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ
เรื่องนี้จะโทษทหารเมืองหลวงฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก
เพราะแม่น้ำซอกังที่เรือมาเทียบท่านั้น ต่างจาก "ยางวาจิน" ที่เคยสัญจร
เพราะมีเรือเข้าออกเยอะ ทำให้ตรวจตราลำบาก ถ้าไม่เพราะเปลี่ยนท่าเรือกะทันหัน
เรื่องก็คงไม่เกิดหรอกพ่ะย่ะค่ะ"
"หมายความว่า นี่เป็นความผิดของข้าใช่ไหม"
"มิได้พ่ะย่ะค่ะ"
แชซกจูทูลว่า "นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเอาผิดกับใครพ่ะย่ะค่ะ
ตอนเที่ยงนี้เราจะมีการเจรจากับคณะทูต ถึงตอนนั้นทูตต้าชิง
ต้องขอดูเครื่องบรรณาการที่เราจะมอบให้ และผ้าฝ้ายที่หายไป
ก็เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาร้องขอมาแต่แรก ถ้าหาก พวกเขารู้ว่ามีการสูญหาย
ต้องเอาเรื่องเราแน่พ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานสั่งให้ใต้เท้านัมสืบเรื่องนี้
"ข้าไม่ทันคิดให้รอบคอบ น่าจะรู้ว่าเศษผ้าที่มหาดเล็กฮันเหลือไว้
มีความหมายอื่นมากกว่า ไม่นึกว่าความหมายแท้จริงของปริศนา
ก็คือเศษผ้าฝ้ายแทนที่จะเป็นอักษรที่เขียน เป้าหมายของพวกเขาคือต้องการผ้าฝ้าย
และปริศนาที่เขียนไว้ คือผ้าที่ต้าชิงต้องการ"
"ถ้าอย่างงั้น
ตอนนี้ใกล้จะมีการเจรจา จะทรงทำไงพ่ะย่ะค่ะ"
"เลื่อนออกไปอีก
ให้จัดงานเลี้ยงแทน"
"งานเลี้ยง?"
"ใช่ ทูตที่ชื่อ "หวังเหว่ย"
เลี้ยงช่างเขียนภาพเป็นสิบคนอยู่ในบ้าน แสดงว่าสนใจด้านศิลปะไม่น้อย
ตอนนี้สำคัญคือถ่วงเวลาไว้ก่อน ระหว่างงานเลี้ยงข้าจะให้ช่างเขียนรูป
มาเขียนภาพต่อหน้าเขา ตอนนี้ เราต้องทำให้พวกเขาเพลินกับอย่างอื่นก่อน"
มหาดเล็กมาตามปาร์กซองมุนไปเข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน
ปาร์กซองมุนจึงมาตามช่างเขียนภาพ แต่พบเพียงซองซงยอนคนเดียว
"อ้าว
ช่างเขียนหายไปไหนกันหมด ทำไมเหลือเจ้าอยู่คนเดียว คนอื่นออกเวรหมดแล้วหรือไง"
"ใช่ค่ะ"
"แย่จริง แล้วข้าจะทำไงดี ฮึ่ม อ้อ ขอถามหน่อย
เจ้าเขียนรูปเป็นแล้วเคยเขียนรูปทิวทัศน์บ้างมั้ย"
"เอ่อ
รูปทิวทัศน์ไม่เคยเขียนค่ะ แต่เคยช่วยใต้เท้า "ลีชาง" เขียนภาพเหมือนของคน"
"ภาพเหมือนหรือ อึม งั้นเอาอุปกรณ์ไปกับข้าเร็ว"
"อะไรนะคะ"
"ไม่มีเวลาแล้ว อย่าถามมาก การเขียนภาพทิวทัศน์จะมีสีมาตรฐาน 6 สี คืออะไรบ้าง"
"ค่ะ มีสีดำ สีขาว เขียว เทา น้ำตาลและสีเหลืองค่ะ"
"ถ้าสีดำและขาวไม่ชัดพอ
จะทำให้ภาพดูอึมครึม หรือแม้แต่ความอ่อนเข้มไม่เท่ากัน ก็ทำให้สูญเสียความกลมกลืน
ฉะนั้นระหว่างที่ข้าเขียนภาพ เจ้าต้องผสม 6 สีนี้ให้พอเหมาะพอดี จะทำได้หรือเปล่า
ข้าถามว่าทำได้ไหม"
"ข้าจะพยายามเต็มที่ค่ะ"
"ที่ๆ เราจะไปตอนนี้
คืองานเลี้ยงสังสรรค์ของคณะทูต แม้จะไม่รู้รายละเอียดมากนัก
แต่ก็ต้องเขียนภาพให้ดีที่สุด รวมถึง ห้ามมีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย เข้าใจมั้ย"
"ค่ะ"
"งั้นไป"
ปาร์กซองมุน
หัวหน้าศูนย์ศิลปะเดินทางมาพร้อมกับซองซงยอน และเข้าเฝ้าองค์ชายลีซานก่อน
ซองซงยอนตื่นเต้นมาที่จะได้พบหน้าองค์ชายลีซาน
"มาแล้วหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ
รับสั่งให้หาหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"เดี๋ยวเราต้องไปร่วมงานอะไร
คิดว่ามหาดเล็กคงบอกท่านแล้วสินะ พู่กันของท่าน จะสะท้อนถึงบรรยากาศในงาน
เพราะฉะนั้น ขอให้ทำให้ดีล่ะ"
"พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย"
"ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร"
"ผู้ช่วยของหม่อมฉัน เป็นคนงานที่ศูนย์ฯ พ่ะย่ะค่ะ"
มหาดเล็กเข้ามา
"องค์ชาย ท่านทูตหวังเหว่ยมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"ให้ทุกคนต้อนรับอย่างดีล่ะ"
"พ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กรับคำแล้วออกไป
"เราเตรียมตัวได้แล้ว
ทำไมเจ้าชอบยืนเหม่ออยู่เรื่อยนะ" ปาร์กซองมุนดุ
"เอ่อ ขอโทษด้วยค่ะใต้เท้า"
"ฮึ่ม งานนี้ต้องให้องค์ชายพอพระทัยให้ได้ เข้าใจหรือเปล่า
ที่มีรับสั่งเมื่อกี้ เจ้าก็ได้ยินหมดแล้วนี่ นี่เป็นงานสำคัญ
อย่าให้ผิดพลาดเพราะเจ้าคนเดียว ถ้าไม่มั่นใจก็เชิญกลับไปซะ"
"ไม่ค่ะใต้เท้า
ข้าสามารถทำได้ โปรดให้ข้าลองก่อน หึ"
ภายในงานเลี้ยง ปาร์กซองมุนคอยดูซองซงยอน
แล้วบอกว่า
"อึม ใช้ได้แล้ว ยึดระดับนี้เป็นเกณฑ์ล่ะ"
"เอ่อ ค่ะ"
ซองซงยอนตั้งใจทำอย่างดีที่สุด
ท่านทูตคนหนึ่งเกิดชอบใจซองซงยอนขึ้น
ฮงพงฮันสั่งให้ซองซงยอนไปเตรียมตัว ซองซงยอนตกใจมาก ปาร์กซองมุนรีบช่วยพูด
"ใต้เท้า ขออภัยด้วย นางเป็นผู้ช่วยของข้า ไม่ใช่นางโลมนะครับ"
"บังอาจนัก
เป็นแค่ช่างเขียน มีสิทธิ์อะไรมาพูดที่นี่"
"ใต้เท้า ท่านเรียกนางโลมมาดีกว่า
แต่เด็กคนนี้"
"หุบปาก เมื่อเป็นคนงานก็ไม่ต่างกับนางโลม ดูให้ดีซะก่อน
นี่เป็นงานอะไรรู้มั้ย"
"เจ้าออกไปได้แล้ว"
"งั้นก็ช่างเถอะ
ข้าไม่ชอบฝืนใจใคร ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ว่า ถ้าไง เราขอตัวดีกว่า" ทูตคนนั้นขอตัวออกไป
ฮงพงฮันรีบเข้าไปพูดเอาใจ และสั่งให้พาซองซงยอนไปแต่งตัว
โชคดีองค์ชายลีซานเข้ามาและสั่งให้ปล่อยตัวซองซงยอน
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 6


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
ลีซาน บริษัทบำบัดแค้น แม่ค้าขนมหวาน คุณแม่จำแลง ใจร้าว
สื่อรักชักใยอลวน ดาวจรัสฟ้า คิมชูซอน เมนูรักเชฟมือใหม่ ศิลามณี พลิกฟ้าล่าตะวัน
เจ้าหญิงลำซิ่ง มนตราแห่งรัก เสน่ห์นางงิ้ว แก้วล้อมเพชร คุณชายไฮโซกับคุณหนูโอท็อป
Hello! My Lady

Readlakorn


Related Posts



3 comments:

ด้วง on 12/28/2008 said...

ขอบคุณที่มีเรื่องย่อมาให้อ่าน ให้ติดตามตลอดนะคะ
เป็นขาประจำคะ ขอบคุณมากๆ คะ

Anonymous said...

อยากอ่านต่อค่ะ
มีอีกมั้ยคะ

Anonymous said...

ทำไมอัพช้าจัง รออยู่น้าาาา

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal