Sunday, January 11, 2009

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน (12)-(15)

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 12

องค์ชายลีซานเข้าไปในห้องไต่สวนด้วยสีหน้าที่เอาจริงเอาจัง
องค์ชายลีซานมีคำสั่งให้หยุดทรมานนักโทษ พระเจ้ายองโจเสด็จเข้ามาได้ยินพอดี
"เมื่อกี้เจ้าบอกว่ายังไงนะ" "พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่อาจที่จะ
เห็นแก่ตัวเอง แล้วให้พวกเขามาตายแทนได้ หม่อมฉัน ไม่สามารถไต่สวนได้พ่ะย่ะค่ะ"
"นี่แปลว่าเจ้า กล้าขัดคำสั่งข้าใช่ไหม" "ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันไม่มีทางเลือกอื่น" ชองโฮคยอมเรียกฮงกุกยองเข้าพบ เขาชื่นชอบฮงกุกยอง



"ข้าคือราชเลขาชื่อชองโฮคยอม" ฮงกุกยองตอบว่า "ข้ารู้ครับ นักวิชาการที่หวังจะได้ดี
ใครบ้างไม่รู้จักท่าน ข้าเป็นอาลักษณ์ ชื่อฮงกุกยอง" "เชิญนั่ง คำพูดของเจ้า
ส่อแววเสียดสีอยู่ในที" "คนมีอำนาจในมือ จะทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว"
"งั้นพอรู้มั้ยว่า ข้าเชิญเจ้ามานี่มีธุระอะไร" "เชิญข้ามาหรือ?
คงไม่ใช่ว่างมากเลยจะหาเพื่อนคุย บางที ท่านไปเดินสะดุดก้อนหินเข้า
นึกว่าข้าเป็นหยกที่พอเจียระไนได้" "หึๆ เจ้านี่น่าสนใจดี คำพูดคำจาเฉียบคมนัก
แต่ว่า ยังไม่รู้จะเป็นหินหรือหยก เพราะข้าต้องค่อยๆ ดูอีกที" "เอาแล้วสิ
คำพูดท่านเหมือนต้องการให้ข้าแสดงความสามารถ ได้ยินว่า
พักก่อนท่านมีความขัดแย้งกับลูกชายใต้เท้า "คิมแทชอน" ซึ่งอยู่สภาปกครอง คนๆ
นี้จิตใจคับแคบ ต่อหน้าทำดี แต่ลับหลังต้องคอยเล่นงานท่านแน่
ท่านลองไปสำรวจราคาสินค้าเมื่อเดือนที่แล้วสิ
สินค้าควบคุมบางอย่างถูกใต้เท้าคิมถือเป็นข้อต่อรอง
ให้เหล่าพ่อค้าขึ้นราคาเพื่อสร้างความร่ำรวยให้แก่เขา" "เดือนหน้า
ข้าจะให้เจ้าไปอยู่สภาปกครอง ดีมั้ยล่ะ งานแบบนี้ คิดว่าน่าจะถูกใจเจ้า"
"ข้าต้องขอคิดดูก่อน" "คิดดูหรือ ทำไมต้องคิด?" "ท่านมาติดต่อข้า
คงรู้ประวัติข้าบ้าง ฉะนั้น ข้าจะร่วมงานกับใคร ก็ควรรู้ประวัติคนนั้นเหมือนกัน"
"หมายถึงข้าน่ะหรือ" "เดินตามสุนัขจะได้กลิ่นอาจม เดินตามเสือจะได้สัมผัสป่ากว้าง
ข้าจะได้คลุกคลีกับอาจม หรือสัมผัสผืนป่า คงต้องคิดให้หนัก" "หึ สามวันพอหรือเปล่า"
"พอแล้วครับ"
หลังจากที่พระชายาโยอึยทรงรู้เรื่องที่องค์ชายลีซานขัดพระบัญชาพระเจ้ายองโจแล้ว
พระนางก็ทรงรีบรุดไปหาองค์ชายลีซานทันที
พระชายาโยอึยทรงได้ยินการสนทนาของพระพันปีเฮคยองและองค์ชายลีซาน
พระพันปีเฮคยองแนะนำองค์ชายลีซานไปทูลขออภัยโทษพระเจ้ายองโจ
องค์ชายลีซานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ องค์ชายลีซานทูลว่า "วันนี้ หม่อมฉันทำผิด
ฐานขัดพระบัญชา และล่วงเกินฝ่าบาทด้วย แต่ขอให้ฝ่าบาท ทรงโปรด ละเว้นชีวิตคนพวกนั้น
อย่าทรงเอาเรื่องได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะสืบเรื่องนี้ให้รู้ ขอเวลาซัก 5 วันก็พอ
หม่อมฉันจะหาหลักฐาน มายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ฝ่าบาท"
"ถ้าพวกเขาบริสุทธิ์จริง แล้วพ่อเจ้าล่ะ ข้ากำลังนึกถึงตอนเจ้ายังเด็ก
พยายามจะบอกว่าพ่อเจ้ามีความภักดีต่อบ้านเมือง แถมยังว่า
เขาไม่เคยคิดไม่ซื่อต่อราชสำนัก แล้วยังไง ตอนนี้ก็ยังเชื่ออย่างงั้นใช่ไหม
นึกว่าถ้าเจ้าโตขึ้น เข้าใจความซับซ้อนของการเมืองแล้วความคิดจะเปลี่ยน
ที่แท้ข้ามองผิดหรอกหรือ" "ฝ่าบาท" "บอกมาซิว่า พ่อเจ้าที่ตายในปี "ยิมบู" นั้น
เขาเป็นคนผิดหรือเปล่า ทำไมไม่พูดล่ะข้าถามเจ้าอยู่นะ" "ฝ่าบาท
ไม่ทรงเข้าพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่อยากทูลเพราะความกลัว
แต่ทรงอนุญาตให้หม่อมฉัน ทูลตามความรู้สึกที่แท้จริงได้หรือพ่ะย่ะค่ะ" "พูดแบบนี้
หมายความว่าไง แสดงว่าเจ้าคิดว่าพ่อเจ้าไม่ผิดใช่ไหม นี่ก็คือ
คำพูดจากใจจริงงั้นหรือ" "ฝ่าบาท" "พ่อเจ้าเป็นคนผิด ถ้าไม่ผิดแล้วจะหมายถึงอะไร
แสดงว่าข้าฆ่าลูกในไส้ทั้งที่เขาบริสุทธิ์ อย่างงั้นใช่ไหม" "ฝ่าบาท"
องค์ชายลีซานยังกล่าวอะไรไม่ออก "เขามีความผิดที่แน่ชัด เป็นนักโทษที่คิดกบฏ
ทำลายเสถียรภาพของบ้านเมือง เข้าใจหรือเปล่า ขุนนางทั้งหลาย
ล้วนเห็นพ้องต้องกันแล้วจะเอายังไงอีก" "ฝ่าบาท"
องค์ชายลีซานยังไม่ทันได้ทูลอะไรต่อ พระเจ้ายองโจทรงตวาด "หุบปากซะ
ข้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเจ้าอีก เมื่อเจ้าปกป้องพวกเขาก็ถือเป็นกบฎเหมือนกัน
ถ้าไม่อาจล้างมลทินให้ตัวเองได้ นอกจากประหารพวกเขาแล้ว ข้ายังจะสั่งปลดเจ้าอีกคน
องค์ชายที่ถูกปลดจะมีชะตากรรมยังไง เจ้าคงรู้สินะ ถ้าไม่อยากตายก็รีบไปซะ
ภายในสามวันนี้หาหลักฐานมาให้ข้าดู ออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าอีก"
องค์ชายลีซานสั่งนัมซาโชไปขอให้ปาร์คยองมุนช่วยสืบหาตัวคนเขียนแผนที่วังให้คนร้าย
ส่วนฮงกุกยองไปหาเทซู ฮงกุกยองถามเทซูว่าความผิดปกติในหัวข้อในการสอบหรือไม่
ในที่สุดฮงกุกยองและเทซูก็พบความจริงว่ามีผู้บงการอยู่เบื้องหลังผู้ก่อกบฏโดยหวังให้องค์ชายลีซานกลายเป็นผู้ต้องสงสัย
และฮงกุกยองคิดว่าต้องมีตัวการใหญ่กว่าเจ้ากรมกลาโหมอีกแน่
ฮงกุกยองและเทซูตัดสินใจสืบหาผู้บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้
ฮงกุกยองถามเทซูว่ากล้าหรือไม่เขาจะวางแผนให้ ส่วนเทซูไปจับ เทซูบอกว่าเขาไม่กลัว
"ถึงขนาดฝากรหัสไว้กับเขา แสดงว่าพ่อบ้านคนนี้เป็นที่ไว้ใจมาก
และต้องมีงานสำคัญให้เขาทำอีก เจ้าไปจับตาดูความเคลื่อนไหว วันๆ พบใครบ้าง
ทำอะไรบ้างแล้วจำใส่ใจไว้ จากนั้นก็รีบมาบอกข้า เข้าใจมั้ย"
เทซูรับคำแล้วรีบดำเนินการ ทางด้านชองโฮคยอมก็ทูลพระมเหสีจองซุนกับองค์หญิงวาวานว่า
"ตอนนี้แม้ว่าพวกเขาจะส่งคนไปสืบทุกด้าน แต่เชื่อว่าคงไม่พบเบาะแสอะไร เพราะฉะนั้น
ทรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ" องค์หญิงวาวานทูลต่อ "ในที่สุด
เราก็จะได้กำจัดเสี้ยนหนามซะที ยินดีด้วยนะเพคะ" พระมเหสีจองซุนรับสั่งว่า
"ตราบใดที่เขายังไม่ตาย ตราบใดที่ไม่มีคำสั่งถอดยศของเขา
เรายังไม่ควรประมาทจนเกินไป และงานใหญ่ของเรายังไงก็ต้องทำให้ลุล่วง องค์ชายลีซาน
เป็นลูกของรัชทายาทซาโตซึ่งตายเพราะพวกเรา ถ้าอนาคตเขาได้ครองราชย์จริง
ราชสำนักจะเกิดความแตกแยก บ้านเมืองสั่นคลอนหาความเป็นปึกแผ่นไม่ได้
มาถึงวันนี้แล้ว เราจะไม่ให้มีพระราชาอย่างพระเจ้ายอนซันอีก
ฉะนั้นเพื่อเห็นแก่บ้านเมืองและราชสำนัก คราวนี้ไม่ว่ายังไง
เราก็ต้องกำจัดเขาให้ได้ เข้าใจหรือเปล่า" "เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานเข้ามาพบชายแก่ที่ถูกขังอยู่ "องค์ชาย ทำไมยังไม่ลงอาญาพวกเรา
ฐานคิดไม่ซื่ออีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ หากเราไม่สามารถช่วยองค์ชายได้ อีกหน่อยตายไป
คงไม่กล้าสู้พระพักตร์รัชทายาท ซึ่งเป็นเสด็จพ่อขององค์ชายได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ"
"อย่าพูดท้อแท้อย่างงั้นสิ รับรองว่า พวกท่านจะไม่ตายง่ายๆ" ชายแก่อึ้งไป "องค์ชาย"
"น่าจะมีวิธียืนยันความบริสุทธิ์ของเรา ข้ากำลังหาอยู่ พวกท่านรอไปหน่อยเถอะนะ"
"เรื่องของเรื่อง เพราะหม่อมฉันสะเพร่าเองพ่ะย่ะค่ะ" "พูดแบบนี้หมายความว่าไง"
"ที่มีหนังสือลงชื่อ หาว่าพวกหม่อมฉันซ่องสุมกำลัง จริงๆ
แล้วเพราะปีก่อนฝ่าบาทเสด็จกลับจากตำหนักฤดูร้อน ผ่านทางเมือง "กวางจู"
ประทานเลี้ยงให้แก่ขุนนางที่ปลดเกษียณ ซึ่งพวกเราทุกคนในที่นี้
ก็ได้ไปร่วมงานนั้นด้วย" "แสดงว่า หนังสือนั่นเป็นการใส่ร้ายน่ะสิ
แล้วทำไมเรื่องสำคัญขนาดนี้ ท่านเพิ่งมาพูดล่ะ" "พูดไปก็เท่านั้น
ไม่มีประโยชน์หรอกพ่ะย่ะค่ะ เพราะไม่มีใครยอมเป็นพยาน ให้กับพวกหม่อมฉันได้เลย
ถ้าใครออกหน้า จะถูกหาว่าสมรู้ร่วมคิด เป็นกบฎด้วยไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ"
"งั้นข้าจะไปหาอีก เชื่อว่า ต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมบ้าง" "องค์ชาย อย่าเลยพ่ะย่ะค่ะ
ทุกอย่างมันสายไปแล้ว" "ไม่ต้องพูดแล้ว
ข้าไม่อยากฟังคำพูดที่ว่าให้ข้าเอาตัวรอดคนเดียว ได้โปรดเถอะนะ พวกท่านก็อยู่ต่อไป
อยู่ให้ดี เพื่อจะมาปกป้องข้าบ้าง สิ่งที่เสด็จพ่อทรงคาดหวัง ไม่ใช่แบบนี้หรอกหรือ"
ชายแก่ซาบซึ้งใจ "องค์ชาย" ซองซงยอนอยากช่วยองค์ชายลีซาน
นางจึงบังคับให้ลีชองหาคนเขียนแผนที่ให้ได้เร็วๆ และขออนุญาตเข้าไปที่ห้องคลังภาพ
ลีชองอนุญาตเพราะซองซงยอนจะช่วยเขียนภาพต่อให้ "ตอนออกไป อย่าลืม
ใส่กุญแจให้เรียบร้อยล่ะ รู้มั้ย" "ค่ะ พอเสร็จงานแล้วข้าจะคืนให้ท่าน" "แต่ว่า
นี่เป็นคลังภาพ เจ้าจะเข้ามาทำไมน่ะ ที่นี่มีเอกสารที่เป็นความลับทางราชการมากมาย
ถ้าให้ใครรู้เข้าจะเป็นเรื่องใหญ่ และถ้าถูกจับได้ละก้อ
เจ้าจะถูกส่งไปกรมอาญาลงโทษหนักเลยล่ะ" "ไม่ต้องห่วง ข้าจะระวังให้มาก
ขอโทษด้วยนะคะ ที่ให้ทำงานแบบนี้" "แต่ว่า ซงยอน ที่เจ้าบอกว่า
จะช่วยข้าเขียนอีกร้อยรูปอย่าลืมซะล่ะ" "อึม ค่ะ"
พระมเหสีจองซุนเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจรับสั่งว่า "หมู่นี้ดูพระพักตร์ซีดเซียวไป
ถ้าไงให้หม่อมฉัน ตามหมอหลวงดีมั้ยเพคะ" "ไม่จำเป็นหรอก ข้ารู้สภาพตัวเองดี"
"แต่ว่าฝ่าบาทเพคะ" "เอาเถอะน่า เรื่องแค่นี้อย่าเป็นห่วงนักเลย เทียบกันแล้ว
ข้าว่าเจ้าดูซูบผอมมากกว่าซะอีก" "ราชสำนักวุ่นวายเพราะเรื่องขององค์ชาย
แล้วหม่อมฉันจะสบายใจได้ยังไง เพคะ หม่อมฉัน
ยังไงก็ไม่เชื่อว่าองค์ชายลีซานจะกล้าทำเรื่องก่อกบฎได้
เขาไม่ใช่คนอย่างงั้นนะเพคะฝ่าบาท" "เรื่องแบบนี้ ใครก็ตัดสินไม่ได้หรอก"
"รับสั่งแบบนี้ ทรงหมายความว่าไงเพคะ หรือฝ่าบาททรงเชื่อว่า
องค์ชายลีซานเป็นตัวการในการก่อกบฎจริงหรือเพคะ เป็นไปไม่ได้หรอก
ภาษิตว่าถ้าใจคิดไม่ซื่อ ซักวันในมือจะถืออาวุธขึ้นมา แล้วอย่างงี้แปลว่า
องค์ชายจะกล้าคิดร้ายต่อเสด็จปู่ได้จริงหรือเพคะ" พระเจ้ายองโจทรงไม่ตรัสอะไรอีก
ปาร์คยองมุนทราบจากลีชองเรื่องช่างเขียนโชก็รีบมารายงานองค์ชายลีซาน
"เป็นแผนที่ที่ช่างเขียนคนหนึ่ง ได้มาโดยบังเอิญพ่ะย่ะค่ะ
เห็นว่าอยู่ในบ้านช่างเขียนโช ซึ่งเพิ่งลาออกเมื่อไม่นานมานี้ แสดงว่าคนเขียนแผนที่
น่าจะเป็นเขาแน่พ่ะย่ะค่ะ" "แล้วบ้านเขาอยู่ไหน" ไม่นานเทซูก็เข้ามาบอกทหารว่า
"ข้าก็ไม่รู้นั่นเป็นที่ไหน แต่จำทางได้ ข้าเขียนแผนที่ให้ดูก็ได้
แต่ต้องรีบส่งทหารไปนะครับ มีอาวุธก็ยิ่งดี
เพราะที่นั่นมีคนกำลังฝึกซ้อมการต่อสู้อยู่ ข้าว่าคนพวกนี้
ต้องเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏแน่จะบอกให้" ชองโฮคยอมได้ยินก็เสียงดังว่า
"เจ้าบอกว่ายังไงนะ" "ท่านมาแล้วหรือครับ" "มีการซ่องสุมกำลังเพื่อก่อกบฎหรือ
เจ้าเอาอะไรมาพูดน่ะ" เทซูยืนยันหนักแน่น ชองโฮคอยมถามต่อว่า "เจ้าพูดจริงหรือเปล่า
เห็นสถานที่อย่างงั้นจริงหรือ" "จริงสิครับ ข้าเห็นกับตาสองข้างชัดแจ๋วเลย ใต้เท้า
คนพวกนี้แหละที่บุกรุกวังหลวง ให้ร้ายองค์ชายว่าคิดกบฎ อย่ามัวถามมากเลย
รีบส่งทหารไปกวาดล้างเร็วเข้า" "ใช่ ถ้าเจ้าพูดจริงละก้อ เราคงรอช้าไม่ได้อีกแล้ว"
"ใช่ครับ" "ข้าจะส่งทหารในเขตนี้ รีบไปที่นั่นดูลาดเลาในเบื้องต้น เจ้าไม่ต้องห่วง"
"เอ่อ จริงหรือครับท่าน ท่าน จะส่งทหารไปจริงหรือ งั้นก็แปลว่า
องค์ชายได้ล้างข้อกล่าวหาแล้วสิ" "ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริงก็น่าจะได้
แต่เจ้าเขียนแผนที่ให้ข้าได้ไหม" "ได้ครับใต้เท้า" "ถ้าอย่างงั้น
พอเขียนเสร็จแล้วก็มอบให้นายกองคนนี้ จากนั้นเจ้าก็กลับบ้านซะ ขอบใจมากนะ
ถือว่าเจ้าทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองจริงๆ" ชองโฮคยอมชื่นชม
ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องคอยจัดการกับเทซู และไปต่อว่าโอจองโฮที่ปล่อยให้เทซูตามไปพบ
พร้อมสั่งให้รีบรายงานองค์หญิงวาวาน และส่งข่าวไปที่อารือเตด้วย
ด้านองค์ชายลีซานพากันไปที่บ้านช่างเขียนโช แต่พบความว่างเปล่า
องค์ชายลีซานเห็นต้นหญ้าก็เข้าไปดูใกล้ๆ "นี่คือ ต้นหญ้าที่ข้าเคยพบ
ตามเสื้อผ้าของคนร้ายที่ตาย หึ ท่านว่าแถวนี้ มีแหล่งน้ำหรือเปล่า"
"แหล่งน้ำหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ตอนนี้ในตัวเมือง ไม่มีฝนตกมา 6 วันแล้ว
แต่ว่าคนร้ายที่บุกเข้าวังหลวง และที่นี่ ล้วนมีเศษดินและต้นหญ้าแบบนี้
ที่ขึ้นเฉพาะตามแหลงน้ำเพราะที่อื่นแห้งตายหมด
แสดงว่าศูนย์กลางของพวกเขาต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำแน่" "องค์ชาย เคยได้ยินหมู่บ้าน
"อารือเต" ที่อยู่แถว "โฮนึงตง" มั้ย" "อารือเตหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ" "จริงด้วยพะย่ะค่ะ
ต่อให้ที่อื่นแห้งแล้ง แต่อารือเตเป็นเขตชื้น ชาวบ้านจึงยังชีพด้วยการเพาะปลูก
ถ้าจะหาแหล่งน้ำในตัวเมือง ก็มีแต่อารือเตเท่านั้น"

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดินb จบ 12

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 13

องค์ชายลีซานสะเทือนใจมากเมื่อรู้ถึงแผนการชั่วร้ายของฮันจุนโฮจากเทซู "เจ้าบอกว่า
เจ้ากรมกลาโหม "ฮันจุนโฮ" น่ะหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ คนที่ชี้แนะหม่อมฉันบอกว่า
เบื้องหลังยังมีเจ้ากรมกลาโหมรู้เห็นเป็นใจด้วยอีกคน และหม่อมฉันก็เห็น
พ่อบ้านของเขาไปซื้อเสบียงจำนวนมาก เพื่อส่งไปฐานที่มั่นพ่ะย่ะค่ะ" "องค์ชาย
ถ้าเทซูพูดจริงละก้อ ถ้าไง เราไปจับใต้เท้าฮันดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"เรายังทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้ ไม่มีหลักฐานนอกจากคำพูดของเทซู อีกอย่าง
สำคัญคือหาแหล่งซ่องสุมของพวกเขาก่อน พอไปถึงอารือเต เจ้าไปถึงฐานฯ
ของพวกเขาได้ไหม" "ได้สิพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะนำทางให้เอง"
ชองโฮคยอมรีบเข้ามาขอตามไปด้วย องค์ชายลีซานแปลกใจ ชองโฮคยอมอ้างว่า "เรื่องวันนี้
หม่อมฉันก็มีส่วนบกพร่อง ที่ละเลยต่อข่าวสำคัญ จึงควรแสดงความรับผิดชอบพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วพวกเขาเป็นใคร" "เป็นยอดฝีมือในกองทัพ เพื่อถวายอารักขาองค์ชาย
จึงให้พวกเขามาช่วยพ่ะย่ะค่ะ" นึกไม่ถึงว่าพวกองค์ชายลีซานกลับช้าไปก้าวหนึ่ง
ไม่มีคนร้ายหลงเหลือแม้แต่คนเดียว "ไม่จริงนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเห็นกับตา
มีทั้งผู้คนและอาวุธเต็มไปหมด หม่อมฉันแอบดูตั้งนาน มั่นใจนะพ่ะย่ะค่ะ" เทซูยืนยัน
องค์ชายลีซานกับนัมซาโชตรวจดูก็เห็นจริงดังที่เทซูว่า เพิ่งมีการสลายตัวไป
แสดงว่าพวกนั้นคงรู้ตัว ทางด้านซองซอยอนที่ขอลีชองเข้าไปในห้องคลังภาพแต่ถูกจับได้
ปาร์กยองมุนจึงเรียกทุกคนมาประชุม "เมื่อคืนนี้ มีคนงานชื่อซองซงยอน
แอบเข้าไปในคลังภาพของเราซึ่งเป็นเขตหวงห้าม แต่ว่า เป็นที่รู้กันว่ากุญแจห้องนั้น
ถ้าไม่ใช่ช่างเขียนจะไม่ได้ครอบครอง เพราะฉะนั้น ต้องมีใครซักคน
เอากุญแจไปมอบให้เด็กคนนั้น" ลีชองฟังแล้วถึงกับสะอึกและไอ ไม่กล้าพูดอะไร
ชองโฮคยอมกลับมารายงานองค์หญิงวาวาน ว่าทุกอย่างเรียบร้อยองค์ชายลีซานไม่พบอะไร
"ขนาดหาไปถึงที่นั่น แสดงว่าร้ายกาจไม่เบาทีเดียว ภาษิตว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว
เขาคงจะพยายามดิ้นรนต่อไป แต่เราจะให้รู้ว่ายิ่งขัดขืนก็ยิ่งตายเร็ว
อย่าให้มีปัญญามาต่อต้านเราได้อีก ต้องตัดแขนตัดขามันซะ"
"หม่อมฉันจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ" ปาร์กยองมุนมาหาซองซอยอน
กล่าวว่าเขาเข้าใจซองซอยอนที่ทำไปเพื่อองค์ชายลีซาน แต่ครั้งนี้โทษร้ายแรง
ของให้นางกลับไปรอการตัดสินที่บ้านก่อน
แชจีคยอมทูลองค์ชายลีซานว่าให้คังซกกีและซอจังบูไปสังเกตการณ์ที่บ้านเจ้ากรมกลาโหมแล้ว
นัมซาโชแนะนำให้ไปจับเจ้ากรมกลาโหมมาสอบถามแต่องค์ชายลีซานไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น
"ถ้าเราไม่มีหลักฐาน ก็ไม่ควรแหวกหญ้าให้งูตื่น ถึงขั้นนี้แล้ว
ต้องบีบให้ฝ่ายตรงข้ามร้อนตัว ให้เจ้ากรมกลาโหม เอาหลักฐานมาให้เราเอง แต่ว่างานนี้
ไม่อาจทำได้ในวันสองวัน การจะช่วยคนที่ถูกจับมา ด้วยเวลาอันจำกัด
ภายในวันนี้ต้องหาหลักฐานให้ได้" แชจีคยอมกล่าวว่า "แต่เท่าที่ดู
เราคงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เมื่อ 1 ปีก่อน
พวกเขาไปงานเลี้ยงที่ฝ่าบาททรงประทานจริงๆ" "งานเลี้ยงอะไรกัน
ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด" นัมซาโชว่า องค์ชายลีซานกล่าวว่า "หนังสือลงนามที่พบในบ้าน
"ซอยินซู" บอกว่าพวกเขา ไปชุมนุมวางแผนก่อกบฎที่สวน "ยองโว" เมื่อปีที่แล้ว
ท่านยังจำได้ไหม" "เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ" "แต่พวกเขากลับบอกว่า ที่มีการรวมตัว
เพื่อจะไปงานเลี้ยงของฝ่าบาทที่เมือง "กวางจู" ต่างหาก ไม่ได้ชุมนุมเพื่อจะคิดร้าย
ถ้าเราสามารถพิสูจน์ข้อนี้ได้ ข้อกล่าวหาของพวกเขาก็จะตกไปทันที"
"งั้นเราไปหาคนที่ร่วมงานเลี้ยงเหมือนกัน มายืนยันก็ได้นี่พ่ะย่ะค่ะ"
"ปัญหาอยู่ที่ทุกคนไม่กล้าออกหน้าเพราะกลัวมีความผิด แม้จะหาญาติของซอยินซูมายืนยัน
แต่นั่นก็เป็นคนใกล้ตัว ซึ่งฝ่าบาทคงไม่เชื่ออยู่แล้ว" แชจีคยอมว่า
"ได้ข่าวว่าขุนนางหลายคนที่ไปงานนี้ บางส่วนยังอยู่ในเมืองหลวง ข้าจะไปหาพวกเขา
ขอร้องด้วยตัวเอง" นัมซาโชพาองค์ชายลีซานไปพบเพื่อนสนิทของซอยินซู
แต่ไม่มีใครยอมมาพบองค์ชายลีซานเลย เพราะทุกคนกลัวข้อหากบฏ เลยพากันเลี่ยงไป
องค์ชายลีซานจึงคิดหาวิธีอื่นแทน
องค์ชายลีซานเสด็จกลับและเห็นช่างเขียนภาพกำลังเขียนภาพซ่อมแซมสะพานที่ชำรุด
ทำให้พระองค์ทรงคิดว่าที่คลังภาพน่าจะมีภาพเขียนเกี่ยวกับงานพิธีต่างๆ
เก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งไม่เพียงแต่รูปพวกนี้ ยังมีเขียนบันทึก
จารึกเหตุการณ์ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ทรงรีบเสด็จไปหาปาร์กยองมุนทันที
"ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม้ฝ่าบาทเปลี่ยนที่ประทับก็มีช่างเขียนตามไปด้วย
หากว่าช่วงนั้นมีงานเลี้ยงจริง ก็น่าจะมีภาพเขียนพ่ะย่ะค่ะ" "ถ้าอย่างงั้น
ท่านหารูปนั้นได้ไหม" "พ่ะย่ะค่ะ แต่งานเลี้ยงที่ว่า จัดที่เมือง "กวางจู"
ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "ใช่ ทำไมท่านถามแบบนี้ล่ะ" แชจีคยอมแปลกใจ
"หากเป็นภาพที่อยู่ต่างเมือง ก็ต้องเก็บอยู่กับขุนนางท้องที่
ไม่สามารถหาได้ทันทีพ่ะย่ะค่ะ" "พูดเป็นเล่นน่ะ เมืองกวางจู
เดินทางอย่างเร็วก็ต้องสองวัน เราไม่มีเวลา ไม่มีหนทางอื่นแล้วหรือ"
"งานเลี้ยงที่ฝ่าบาททรงเป็นประธาน แม้ปกติจะเขียนภาพสำเนาไว้ เก็บไว้ที่ศูนย์ฯ
ก็ตาม แต่เราจะมีเก็บไว้หรือเปล่า หม่อมฉันก็ไม่กล้ารับรองพ่ะย่ะค่ะ
ต่อให้เก็บอยู่ที่นี่จริง การจะค้นหาก็ไม่ง่ายพ่ะย่ะค่ะ" "เพราะอะไร"
"เพราะสำเนาของภาพเขียน เมื่อถูกเก็บไปแล้ว จะไม่มีการแบ่งแยกจำแนกประเภท
นับแต่หม่อมฉันทำงานมา แม้จะเก็บตามวันเวลาและความสำคัญของงาน
แต่เนื่องจากมีจำนวนนับพัน จนวันนี้ยังแบ่งแยกไม่หมดพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ยังไงก็ต้องหา
ต้องหาให้ได้ เพราะมันเป็นทางเดียว ที่จะล้างมลทินให้ ผู้ถูกกล่าวหา ฉะนั้น
ถือว่าข้ารบกวน ยังไงก็ต้องหาภาพงานเลี้ยงออกมาล่ะ" "หม่อมฉันจะพยายามพ่ะย่ะค่ะ"
ปาร์คยองมุนเรียกช่างภาพทุกคนมาถามว่า "ที่ให้ทุกคนมานี่ก็เพราะ โดยหน้าที่ของเรา
มีของสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องค้นหา ทุกคน คงเคยผ่านตากับภาพงานเลี้ยงขุนนางเก่าบ้าง
โดยเฉพาะ ที่จัดในปี "คยองยิน" วันที่ 15 เดือน 10
ฝ่าบาททรงประทานเลี้ยงแก่ขุนนางที่เมืองกวางจู มีใครเคยได้คัดลอกบ้าง" ลีชองนิ่งคิด
"ปีคยองยิน วันที่ 15 เดือน 10" "ทุกคนลองคิดให้ดี มีใครคัดลอกหรือเปล่า"
ทุกคนส่ายหน้า ปาร์กยองมุนจึงสั่งให้ทุกคนช่วยกันหา
หาอยู่นานจนช่างภาพต่างเหนื่อยและพากันไปแอบไปงีบหลับ
ลีชองนอนทับภาพของซองซอยอนจึงนำไปคืนและบ่นเรื่องที่ต้องหาภาพให้องค์ชายลีซานให้ซองซอยอนฟัง
ซองซอยอนฟังแล้วย้อนถามว่า "เอ่อ ท่านลี ท่านบอกว่าไงนะคะ งานเลี้ยง
ขุนนางเก่าที่เมืองกวางจูน่ะหรือ" "ใช่ เป็นภาพงานเลี้ยง
ฝ่าบาทเสด็จไปประทับที่ตำหนักฤดูร้อน และทรงร่วมงานด้วย" "เดี๋ยวค่ะ
ภาพนั้นข้าเป็นคนเขียนเอง" "หา อะไรนะ" "จำไม่ได้หรือคะ มันเป็นภาพสำเนา
ท่านขอให้ข้าช่วยเขียนแทน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ทำงานเอง" "จริงหรือนี่"
ทางด้านองค์ชายลีซานหาไม่พบและต้องรีบเสด็จไปที่สอบสวน
พระเจ้ายองโจทรงรับสั่งถามถึงองค์ชายลีซาน เห็นว่ายังไม่มาก็ทรงให้เริ่มไต่สวนได้
"พวกเรา ไม่เคยเสียดายชีวิต แต่ว่า องค์ชายไม่มีส่วนรู้เห็น โปรดพิจารณาใหม่ด้วย"
ขุนนางที่สอบสวนเสียงดังขึ้น "หุบปาก ต่อหน้าพระพักตร์ ห้ามพูดจาเหลวไหล ฝ่าบาท
ทรงอนุญาตให้ตัดสินโทษได้มั้ยพ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้ายองโจทรงอนุญาต "อึม"
"ปีที่แล้วเดือนสิบ กลุ่มนักโทษยังไม่เข็ดหลาบ พยายามซ่องสุมกำลัง
เพื่อหวังปองร้ายต่อราชบัลลังก์และบ้านเมือง ข้าจึงขอตัดสิน ให้นักโทษกบฎเหล่านี้
รับโทษประหารตายตกตามกัน" องค์ชายลีซานเสด็จเข้ามา "ช้าก่อน ฝ่าบาท
โปรดทรงถอนรับสั่ง การลงอาญาด้วยเถอะ พวกเขาไม่ใช่นักโทษ แต่เป็นผู้บริสุทธิ์
พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ฝ่าบาทก็ทรงทราบ ทรงรู้เห็นมาแต่แรกแล้ว"
"เจ้าเอาอะไรมาพูด ข้าจะรู้ได้ไงว่าพวกเขาบริสุทธิ์"
องค์ชายลีซานนำภาพวันงานเลี้ยงให้พระเจ้ายองโจทอดพระเนตร "นี่มัน
ภาพเหตุการณ์งานเลี้ยงที่เมืองกวางจูนี่นา เจ้าเอามาทำไม และที่ให้ข้าดู
ต้องการอะไรแน่" "ภาพเขียนนี้ ได้บันทึกเหตุการณ์ในวันงาน ทั้งผู้ร่วมงาน
และรายชื่อด้วยพ่ะย่ะค่ะ ขอได้ทรงโปรด
ทอดพระเนตรด้านล่างของภาพเขียนก็จะทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ" "อดีตทหารคุ้มกัน ซอยินซู"
พระเจ้ายองโจทอดพระเนตรแล้วตกพระทัย "หา นี่มัน" "ตอนนี้
ทรงเชื่อคำพูดของหม่อมฉันที่ว่า พวกเขาบริสุทธิ์หรือยังพ่ะย่ะค่ะ
ข้อกล่าวหาที่พวกเขาได้รับ คือปีที่แล้วเดือนสิบ อดีตทหารคุ้มกันซอยินซู คังแทซก
ลีแชนัม โอจินนู ชินฮยองซู ไม่ได้ร่วมชุมนุม หากแต่อยู่เมืองกวางจู และตอนนั้น
ฝ่าบาทก็เสด็จไปงานเลี้ยง ได้พบกับพวกเขาด้วย สิ่งที่เกิดขึ้น
เพราะมีผู้ไม่ประสงค์ดีต่อบ้านเมือง หวังสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวาย
จึงได้แกล้งกุเรื่อง เพื่อให้ฝ่าบาททรงหลงเชื่อ จากนั้นก็ส่งคนร้ายไปก่อกวนในวัง
สร้างความเสียหายแล้วโยนความผิด
ให้หม่อมฉันและผู้ถูกกล่าวหาทั้งหลายเป็นแพะรับบาปแทน หรือก็แปลว่า จุดประสงค์นั้น
เพื่อให้ทรงถอดถอนหม่อมฉันจากตำแหน่งองค์ชาย จึงจะบรรลุเป้าหมายพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท
ตอนนี้ทรงเชื่อหม่อมฉันหรือยัง พวกเขาเป็นคนดี และหม่อมฉันก็ไม่เคยคิดคด
ทรงเชื่อพวกเราหรือยังพ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้ายองโจทรงอึ้งไป
ซอจังบูรีบนำข่าวดีที่องค์ชายลีซานพ้นผิดมาบอกคังซกกี และจะชวนกันไปเข้าเฝ้า
ฮงกุกยองจึงฝากจดหมายไปให้องค์ชายลีซานด้วย
พระเจ้ายองโจทรงเงียบไปหลังจากที่รู้ความจริง ทรงเก็บพระองค์อยู่เพียงลำพัง
ทางด้านองค์หญิงวาวานก็แค้นใจมากที่องค์ชายลีซานแก้ข้อกล่าวหาได้
แชจีคยอมบอกองค์ชายลีซานว่า ถึงเวลาเอาผิดกับเจ้ากรมกลาโหมฮันจุนโฮได้แล้ว
นัมซาโชบอกว่ายังไม่มีหลักฐานพอที่จะเล่นงาน "แต่ยังไง
เราก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเรื่องนี้เป็นแผนชั่วของคนบางคน
ซึ่งถ้าไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ เจ้ากรมกลาโหมจะถูกไต่สวนเป็นคนแรก"
"แล้วถ้าเขายอมตายแต่ไม่ยอมพูดล่ะ เราต้องหาวิธีให้เขาสารภาพแต่โดยดี
ถึงจะรู้ว่ามีใคร สมรู้ร่วมคิดและอยู่เบื้องหลังนะพ่ะย่ะค่ะ"
"เมื่อก่อนข้าเคยบอกไว้ว่า จะให้ฝ่ายตรงข้าม ออกมาช่วยเราเอง เมื่อเราไม่มีหลักฐาน
ก็ให้ใต้เท้าฮัน สร้างหลักฐานมาให้เราก็ได้" "องค์ชาย หมายความว่าไงพ่ะย่ะค่ะ
มีการสร้างหลักฐานด้วยหรือ" "เพื่อจะกวาดล้างพวกมัน ข้าอยากเดิมพันให้มากกว่านี้"
"องค์ชาย ทหารคุ้มกันซอจังบูและคังซกกีมาขอเฝ้าเพคะ" "เข้ามาได้ ทำงานถึงไหนแล้ว"
"ทำตามที่รับสั่ง จับพ่อบ้านของใต้เท้าฮันมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "ขอบใจมาก
พวกเจ้าจงฟังให้ดี นับแต่นี้ขอให้ทำตามที่ข้าสั่ง เราจะเล่นงานเจ้ากรมกลาโหม
ให้เผยธาตุแท้ออกมาให้ได้ ถึงเวลา ที่เราจะบีบคอพวกเขาบ้าง"
พ่อบ้านถูกปล่อยตัวกลับมาบอกเจ้ากรมกลาโหมว่าคนที่จับเขาไปรู้เรื่องหมดแล้ว
เจ้ากรมกลาโหมฮันจุนโฮตกใจมากรีบไปเฝ้าองค์หญิงวาวานยามดึกคืนนั้นเลย "ท่านเจ้ากรม
มาซะดึกมีเรื่องอะไรหรือ" "เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่าใคร จู่ๆ
เกิดรู้ว่าหม่อมฉันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิด" "พูดแบบนี้หมายความว่าไง" "หึ
ทรงทอดพระเนตรนี่ก่อน" ฮันจุนโฮมอบจดหมายให้องค์หญิงวาวานอาน
เวลาเดียวกันนัมซาโชก็พาองค์ชายลีซานมา "ที่นี่แหละพ่ะย่ะค่ะ นี่คือบ้านเดิม
ขององค์หญิงวาวานที่ฮันจุนโฮเดินทางมาพบพ่ะย่ะค่ะ" องค์ชายลีซานตกใจมาก "หา
องค์หญิงวาวานหรือ หึ"

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 13

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 14

องค์ชายลีซานถามย้ำว่าดูผิดหรือเปล่า ทั้งคังซกกีและนัมซาโชต่างยืนยันว่าไม่ผิด
องค์ชายลีซานถึงกับสะอื้น "ไม่มีทางเป็นไปได้ ทำไมกลายเป็นแบบนี้
องค์หญิงเป็นพระพี่นางของเสด็จพ่อ แต่กลับมาบอกว่า
เสด็จป้าต้องการจะเอาชีวิตข้าหรือ แล้วมันจะหมายความว่าไง
นางไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นเสด็จป้าแท้ๆ
นางคือตัวการที่ทำให้เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์งั้นหรือ" "องค์ชาย หม่อมฉันขอบังอาจทูล
ถึงเวลาที่จะทรงตัดสินพระทัยได้แล้ว ตัวการของเรื่องนี้คือองค์หญิงวาวาน
นี่ไม่ใช่เวลามาปฏิเสธความจริงนะพ่ะย่ะค่ะ" องค์ชายลีซานถอนใจ "เฮ่อ"
นัมซาโชกล่าวต่อว่า "พวกเขาจะคิดร้ายต่อองค์ชายอีก ถ้าเราสืบรู้ความจริง
ก็จะล้างมลทินให้องค์ชายได้ ทรงเข้าพระทัยมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" ฮงกุกยองนัดพบกับชองโฮคยอม
เขากล่าวว่า "หมู่นี้ท่านกำลังยุ่งกับเรื่องในราชสำนัก ข้ายังนัดพบเวลานี้
ต้องขออภัยด้วย" "ไม่เป็นไร ข้าก็หวังอยากพบเจ้า ให้มีคำตอบเร็วๆ เป็นไง
ตัดสินใจได้หรือยัง" "ครับ ขออภัยอย่างยิ่ง ตำแหน่งที่ท่านเสนอมา
ดูไม่ค่อยเหมาะกับตัวข้าเท่าไหร่" "ที่แท้คือปฏิเสธ ข้ารู้แล้ว"
"ท่านไม่ถามเหตุผลเลยหรือ" "แม้อยากจะบอกว่าถ้าเปลี่ยนใจ เชิญมาหาข้าได้ทุกเมื่อ
แต่รู้สึกว่าคำพูดแบบนี้ คงไม่มีประโยชน์ต่อเจ้า" "ใช่ เป็นอย่างงั้นจริงๆ
ต้นไม้ที่เคลื่อนย้ายบ่อย จะเติบโตได้ไม่เต็มที่ เมื่อปักหลักที่ไหนแล้ว
ก็ควรฝังรากลึกตรงนั้นซะ" "หึ แสดงว่า เจ้ามีที่จะให้ปักหลักแล้วใช่ไหม" "ใช่
ข้าจะอยู่ตำหนักตงกุง" "กับองค์ชายน่ะหรือ นั่นเป็นทางเลือกที่เสี่ยงนัก"
ฮงกุกยองยอมรับ "ใช่" "งั้นข้าก็หวังว่า กิ่งก้านของต้นไม้จะไม่มาบังหน้าบ้านข้า
เพราะถ้าเกะกะนัก ข้าอาจตัดมากกว่ากิ่งไม้ก็ได้" "เฮ่อๆๆ
งั้นท่านก็ต้องตัดให้ดีล่ะ" พระมเหสีจองซุนเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจแสดงความเป็นห่วง
"ได้ยินว่าวันนี้งดเครื่องเสวยและพระโอสถ หม่อมฉันจึงมาดูด้วยความเป็นห่วงเพคะ
เรื่องขององค์ชายก็ถือว่าได้คลี่คลายแล้ว สมควรจะดีพระทัย
แล้วทำไมยังทรงเครียดอีกล่ะเพคะ ฝ่าบาท" "วันนี้
ข้าเกือบทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะหูเบาหลงเชื่อคนผิด
จนเกือบจะลงโทษผู้บริสุทธิ์ ถึงขั้นตัดขาดหลานแท้ๆ ด้วยซ้ำ" "ถึงอย่างงั้นก็เถอะ
ความจริงก็ได้เปิดเผยขึ้น ทุกอย่างจบลงด้วยดีไม่ใช่หรือเพคะ
องค์ชายสามารถคลี่ลายสถานการณ์ก่อนเรื่องจะเลวร้าย ถือว่าโชคดีมหาศาลแล้วนะเพคะ"
"ใช่ ถือเป็นเรื่องโชคดีจริงๆ ดีที่เรื่องนี้มีหลักฐานมายืนยันซะก่อน แต่ว่า
เรื่องนั้น" "ฝ่าบาท รับสั่งว่าเรื่องนั้น หมายถึงเรื่องอะไรหรือเพคะ" "ถ้าหากว่า
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกล่ะ สมัยก่อนปียิมมู ข้าได้ทำผิดเช่นเดียวกับวันนี้"
"รับสั่งถึงปียิมมู หมายถึง เรื่องอดีตรัชทายาทซาโตหรือเพคะ เอ่อ ฝ่าบาท
ไม่ผิดหรอกเพคะ ใครบอกว่าเป็นความผิดพลาด ตอนนั้นแม้หม่อมฉันจะเคยทูลห้ามไว้
แต่เนื่องจากพยานหลักฐานมีพร้อม แสดงว่ารัชทายาทคิดไม่ซื่อจริงๆ
ถึงวันนี้หม่อมฉันเองก็รู้สึกเสียใจนัก แต่ก็ไม่ควร
หาข้ออ้างมาแก้ตัวให้กับเรื่องนี้อีก เพราะเรื่องวันนี้กับอดีตไม่เหมือนกัน
โปรดอย่าทรงคิดถึงเรื่องเก่า เพิ่มความทุกข์ให้กับองค์เองอีกเลยเพคะ"
องค์หญิงวาวานรีบเรียกชองโฮคยอมมาพบเพื่อปรึกษาเรื่องจดหมายที่ฮันจุนโฮนำมามอบให้
ชองโฮคยอมต่อว่าฮันจุนโฮทันที "เพราะอย่างงี้ ท่านเลยเอาจดหมาย
รีบมาเฝ้าองค์หญิงเลยหรือ ทำไมท่านถึงทำอะไรโง่ๆ แบบนี้ หึ
เหมือนที่องค์หญิงรับสั่ง ถ้าคิดจะเปิดโปงจริง คงไม่มานั่งเขียนจดหมายอยู่นี่หรอก
แต่นี่ ทำไมส่งจดหมายให้ท่านก่อนรู้มั้ย ก็เพื่อจะลองหยั่งเชิง เพื่อสะกดรอยท่าน
ให้รู้ว่ามีใครสมคบด้วยอีก" "เอ่อ หึ แต่ว่า แต่เป็นฝีมือใครล่ะ" "จะมีใครซะอีก
คนที่ถูกเรารัดคอ ตอนนี้ หันมาบีบคอเราบ้างยังไม่รู้อีก" องค์หญิงวาวานนึกได้ "เอ่อ
หมายความว่า นั่นคือองค์ชายใช่ไหม องค์ชายรู้เรื่องของเราหมดแล้วหรือ"
ชองโฮคยอมถามฮันจุนโฮต่อว่า "ท่านยังทำอะไรอีกบ้าง ก่อนมานี่
ท่านยังทำอะไรอีกบอกข้าหน่อยซิ ใต้เท้า" "คือ ข้า ข้าส่งคน ไปที่เขาเมียวจุก
กลัวว่าจะมีใครรู้เรื่องการซ่องสุมกำลังของเรา เลยให้พวกเขารีบเตรียมตัว
ย้ายไปอยู่ที่อื่นซะ เมื่อกี้เพิ่งให้คนนำจดหมายไปบอก"
ทั้งชองโฮคยอมและองค์หญิงวาวานอึ้งไป
ชองโฮคยอมสั่งให้โอจองโฮรีบส่งข่าวไปที่เขาเมียวจุกทันที
ชองโฮคยอมรับปากว่าจะแก้ปัญหานี่เอง และบอกให้องค์หญิงวาวานทำตามที่เขาบอก
ทางด้านองค์ชายลีซานก็รีบสั่งให้หน่วยปราบปรามไปที่เขาเมียวจุกทันทีเช่นกัน
ระหว่างการต่อสู้กัน โอจองโฮมาถึงก็สั่งให้คนที่เหลือไปยังที่มั่นใหม่
คังซกกีกับซอจังบูรายงานองค์ชายลีซานว่าค่ายของพวกกบฎถูกกวาดล้างแล้ว ยึดอาวุธได้
และจับตัวพ่อบ้านของเจ้ากรมกลาโหมได้ องค์ชายลีซานสั่งให้ไปที่กรมอาญาก่อน
แชจีคยอมรายงานองค์ชายลีซานว่า "จากฐานที่มั่นบนเขาเมียวจุก
เราพบศพของช่างเขียนคนหนึ่ง และหลักฐานการปลอมพระบัญชาขององค์ชาย
ก็ถูกค้นพบด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "ท่านรู้มั้ยว่าพวกเขาทำเพื่ออะไร องค์หญิงวาวาน
เป็นศัตรูกับเสด็จพ่อจริงหรือ" "องค์ชาย" "หลายปีนี้
ข้าพยายามสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลัง การสิ้นพระชนม์ของเสด็จพ่อ
เคยคิดว่าไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าก็จะฆ่าเขาด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้
ข้ากลับรู้สึกเหมือนว่า ไม่รู้ความจริงยังดีซะกว่า อำนาจคืออะไร
ราชบัลลังก์สำคัญนักหรือ เสด็จป้าแท้ๆ ของข้า ทำให้เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ และตอนนี้
ข้าก็ต้องเป็นคนเปิดโปงนางอีก ถ้าตอนนี้ข้าไม่ใช่องค์ชาย
เรื่องพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเกิดมาเป็นองค์ชาย"
"หม่อมฉัน ขอทูลอะไรหน่อยได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ มนุษย์ทุกคนนั้น
ล้วนต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ตัวเองไม่อาจควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นองค์ชาย
หรือชาวบ้านทั่วไปก็ไม่แตกต่าง ถ้ามัวแต่คิดว่าทำไมต้องเกิด
ทำไมต้องให้เราเผชิญปัญหา มันคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ
สิ่งที่องค์ชายต้องทำตอนนี้ คือตัดสินพระทัย ว่าเวลานี้ควรทำอะไรบ้าง
แม้ว่าในพระทัยขององค์ชาย จะเต็มไปด้วยความเห็นใจ หม่อมฉันก็เข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ
แต่พวกเขาถือเป็นคนบาปที่กล้าพลิกประวัติศาสตร์ การจะลงโทษคนเหล่านี้
เราจะใจอ่อนไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ" องค์ชายลีซานตัดสินพระทัยเรียกนายกองปราบปรามมาพบ
พระเจ้ายองโจทรงทราบเหตุการณ์ทั้งหมดจากนายกอง
รวมทั้งพบหลักฐานที่มีการปลอมรับสั่งขององค์ชายลีซาน
ทำให้พระเจ้ายองโจทรงหนักพระทัยมาก ทรงเรียกองค์ชายลีซานมาเฝ้า "เรื่องนี้
อาจไม่ง่ายเหมือนที่เราคิด
เตรียมการณ์ถึงขั้นนี้คงไม่ได้เกิดจากเจ้ากรมกลาโหมคนเดียว
เบื้องหลังน่าจะมีใครร่วมมือด้วยอีก เจ้ารู้หรือเปล่า มีการสาวต่อถึงใครบ้างมั้ย
บอกมาเดี๋ยวนี้ ยังมีใครรู้เห็นหรือเปล่า" "หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า
คนที่สมรู้ร่วมคิดกับฮันจุนโฮ อาจเป็นองค์หญิงวาวานก็ได้พ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าพูดอะไร
องค์หญิงน่ะหรือ? พูดให้ชัดซิ นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไง" "เมื่อคืนนี้
หม่อมฉันจะหลอกให้ฮันจุนโฮมาติดกับ จึงได้เขียนจดหมาย แจกแจงความผิดของเขา
ส่งให้ไปอ่าน ปรากฎว่าพอเขาเห็นจดหมาย ก็รีบไปยังบ้านพักของเสด็จป้าทันที
ต่อจากนั้นไม่นาน เสด็จป้าก็มีคำสั่งให้คนบนเขาเมียวจุก รีบอพยพไปจากที่นั่นซะ"
"อะไรกันนี่ มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ" "ทูลฝ่าบาท องค์หญิงวาวานมาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"
มหาดเล็กทูลพระเจ้ายองโจ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ องค์หญิงวาวานดุ "หึ
ทำไมไม่มีรับสั่งตอบล่ะ ทูลอีกครั้งเร็วเข้า" "แต่ว่าองค์หญิง" "เสด็จพ่อ
หม่อมฉันเองนะเพคะ หม่อมฉันมีเรื่องจะมาทูล หึ" "ข้ายังไม่อนุญาต เข้ามาทำไม" "หึ
ขอทรงอภัยเพคะ แต่ว่า หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญจะมาเปิดเผยให้ทรงทราบ" "เปิดเผยหรือ"
"เหมาะเลย องค์ชายอยู่ด้วยก็ดีแล้ว หึ เสด็จพ่อเพคะ
เจ้ากรมกลาโหมฮันจุนโฮคือตัวการสำคัญของการก่อกบฎ หึ หม่อมฉัน
พอรู้เข้าก็ตกใจแทบสิ้นสติ รีบมาทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบเพคะ" "งั้นหรอกหรือ
แต่เรื่องนี้องค์ชายมาบอกข้าแล้ว" "เอ่อ จริง จริงหรือเพคะ" "ว่าแต่
ทำไมเจ้าถึงรู้ดีนัก หรือว่า เจ้ามีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยหรือไง"
องค์หญิงวาวานแสร้งทำตกใจ "หา เสด็จพ่อรับสั่งอะไรอย่างงั้นเพคะ หม่อมฉันน่ะหรือ
จะรู้เห็นกับเรื่องนี้ได้ยังไง" "หุบปาก ต่อหน้าข้าแท้ๆ
เจ้ายังกล้าโกหกหน้าตาเฉยอีก ถ้าเจ้าไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับฮันจุนโฮจริง
แล้วทำไมอยู่ดีๆ เมื่อคืนเขาต้องไปบ้านเจ้า แล้วทำไมเจ้ารู้ว่าใครเป็นตัวการก่อกบฎ"
"ไม่จริงนะเพคะเสด็จพ่อ ทรงเข้าพระทัยหม่อมฉันผิดแล้ว เมื่อคืน
เจ้ากรมกลาโหมไปหาหม่อมฉันก็จริง แต่ว่า
ที่หม่อมฉันรู้เรื่องก็เพราะโชคเข้าข้างและความบังเอิญ
เพราะเจ้ากรมกลาโหมมาสารภาพความผิดกับหม่อมฉัน ขอให้เห็นแก่ความดีความชอบ
ปล่อยเขาไปซักครั้ง แต่ว่า หม่อมฉันจะอภัยโทษให้แก่คนที่ปองร้ายองค์ชายได้ยังไง ฮือ
ด้วยเหตุนี้ จึงรีบมาทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบน่ะเพคะ ฮือๆๆ" "เสด็จป้า
ทำไมแต่งเรื่องเหลวไหลแบบนี้ เพื่อหวังจะเอาตัวรอดล่ะ" "ฮือ
ข้าไม่ได้แต่งเรื่องเหลวไหล ไม่จริงเลยซักนิด นี่แม้แต่
แม้แต่องค์ชายก็ไม่เข้าใจความหวังดีของข้าหรือ ฮือ" "เจ้าไปสั่งการ
ให้คุมตัวฮันจุนโฮไว้ เจ้าบอกว่าเขาไปสารภาพความผิดกับเจ้าใช่ไหม ก็ได้
งั้นข้าจะไต่สวนด้วยตัวเอง เพื่อให้รู้ว่าเป็นความจริงหรือเปล่า แต่ว่า
ถ้ารู้ว่าเจ้ากล้าโป้ปดมดเท็จละก้อ ข้าจะไม่ให้อภัยเป็นอันขาด"
องค์หญิงวาวานตกใจมาก "หา" ลีชองมาบอกข่าวดีกับซองซอยอนว่าทุกคนลงมติจะไม่ไล่นางออก
ซองซอยอนดีใจมากถามเหตุผล "เพราะผู้ใหญ่เห็นว่า
พวกเราช่วยกันหาภาพงานเลี้ยงด้วยความเหนื่อยยาก ตอนนี้ทุกคนเลยได้รางวัล
ทั้งกระดาษและพู่กัน แต่ว่า คนที่หาภาพเจอคือเจ้า แต่คนอื่นได้รางวัลแทน
แล้วอย่างงี้พวกเขาจะกล้ายกมือให้เจ้าออกได้ไงล่ะ"
ขณะนั้นดัลโฮก็เข้ามาบอกทุกคนว่าเจ้ากรมกลาโหมถูกจับตัวไปแล้ว
ชองโฮคยอมขอเข้าไปพบฮันจุนโฮตามลำพัง และบอกว่าครั้งนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้ "อะไรนะ
พูดแบบนี้หมายความว่าไง ทำไมจนปัญญาช่วยข้า ท่านอย่าทิ้งข้าเชียวนะ
ยังไงก็ต้องหาทางช่วย ให้กองกำลังของเรามาปล้นคุกสิ"
"กองกำลังของเราถูกกวาดล้างหมดแล้ว ทั้งหมดนี้เพราะความสะเพร่าของท่าน
ถ้าใครถูกจับได้ ก็ต้องรับผิดชอบคนเดียว มันเป็นกฎของเราอยู่แล้ว
ต้นเหตุที่ทำให้เรื่องบานปลายเพราะท่านคนเดียว เพราะฉะนั้น
ข้าจึงมาเตือนท่านว่าจงอย่าลืมซะล่ะ" "เดี๋ยวก่อน ใต้เท้าชอง เดี๋ยว
ใต้เท้าชองอย่าเพิ่งไป เฮ่อ หึ เพราะอะไร ทำไมทำกับข้าแบบนี้ หึ ฮึ่ม"
องค์ชายลีซานทราบจากนัมซาโชว่าชองโฮคยอมไปพบฮันจุนโฮก็สงสัย
พระเจ้ายองโจเสด็จไปไต่สวนฮันจุนโฮด้วยพระองค์เอง
ทำให้ฮันจุนโฮแค้นมากบอกความจริงและยังบอกว่ามีเหล่าขุนนางอีกหลายคนที่ร่วมรู้เห็นด้วย
รวมทั้งองค์หญิงวาวาน เหล่าขุนนางรีบปฏิเสธไม่รู้เรื่องด้วย
พระเจ้ายองโจรับสั่งให้องค์หญิงวาวานเข้าเฝ้าและสั่งมหาดเล็กปิดประตูหน้าต่าง
ทรงขังพระธิดาเพียงลำพัง "ฮือ เสด็จพ่อ อภัยให้หม่อมฉันด้วยเถอะ ฮือๆๆ หา
พวกเจ้าทำอะไร หลีกไปนะ ข้าบอกให้หลีกไป เสด็จพ่อเพคะ ทรงเปิดประตูให้หม่อมฉันด้วย
เสด็จพ่อเพคะ เสด็จพ่อ ฮือๆๆ เสด็จพ่อทรงเชื่อหม่อมฉันด้วย ฮือ
หม่อมฉันบริสุทธิ์จริงนะเพคะ ฮือๆๆ อย่าทรงทำกับหม่อมฉันแบบนี้เลย เสด็จพ่อ ฮือๆๆ"
ขณะที่พระมเหสีจองซุนก็รับสั่งต่อว่าชองโฮคยอมที่ทำงานพลาด
และสั่งให้ส่งข่าวถึงองค์หญิงวาวานว่า "เจ้าไปส่งข่าวให้องค์หญิงรู้
ถ้าทำให้ฝ่าบาททรงอภัยไม่ได้ นางก็ควรจะรับโทษตายซะ" ชองโฮคยอมรีบน้อมรับ
"พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี" ปาร์คยองมุนต้อนรับซองซอยอน และเตือนไม่ให้นางทำผิดอีก
ฮงกุกยองเข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน "จดหมายที่ท่านส่งมา ข้าได้อ่านอย่างละเอียด
เพราะแผนของท่าน จึงทำให้หลอกล่อฮันจุนโฮ และกวาดล้างพวกมันได้หมด"
"หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่า เรื่องราวที่เกิด
ท่านรู้ได้ยังไง" "อาจเป็นเพราะ โชคเข้าข้างก็ได้" "แล้วทำไมกล้าเขียนจดหมายถึงข้า
ขอถามเหตุผลหน่อยได้ไหม" "หม่อมฉันเป็นขุนนาง ทำแบบนี้จะหวังอะไรได้อีก
นอกจากให้องค์ชายพอพระทัย เห็นความสามารถของหม่อมฉันบ้าง" "พูดจาตรงดีนี่"
"หม่อมฉันเป็นคนขวานผ่าซาก ถ้าล่วงเกินไป ขอทรงอภัยด้วย" "ไม่เป็นไร
ข้าเห็นความทะเยอทะยาน ในแววตาของท่าน ทำไมต้องมาเลือกข้า
ทุกวันนี้สภาพข้าเป็นยังไง ท่านน่าจะรู้ไม่ใช่หรือ" "องค์ชายรับสั่งถูกแล้ว
หม่อมฉันคาดหวัง ความเจริญก้าวหน้าและมีอิทธิพลในมือ และเชื่อว่า
การชิงอำนาจเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เกี่ยงวิธีการ แต่ว่า เมื่อใดที่มีอำนาจแล้ว
เราควรตั้งสติและใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม นี่คือ สิ่งที่ลูกผู้ชายควรทำ
ขอเพียงได้ช่วยองค์ชาย หม่อมฉันเชื่อว่าจะได้ใช้ความสามารถเต็มที่
รับใช้บ้านเมืองพ่ะย่ะค่ะ" องค์ชายลีซานทรงชื่นชมฮงกุกยอง
พระมเหสีจองซุนเสด็จไปเตือนฮันจุนโฮให้คิดถึงครอบครัว ไม่นานฮันจุนโฮก็ผูกคอตาย
และเขียนจดหมายอำลาว่าเป็นความคิดของเขาคนเดียว
แต่ที่โทษคนอื่นเพราะเจ็บใจที่ตัวเองถูกจับ องค์หญิงวาวานไม่สบายมาก
พระมเหสีจองซุนทรงไปขอร้องให้พระเจ้ายองโจทรงปล่อยตัวองค์หญิงวาวาน แต่ก็ไม่เป็นผล
พระเจ้ายองโจทรงเรียกองค์ชายลีซานเข้าเฝ้า "น่าจะใครสมรู้ร่วมคิด
เก็บความลับเรื่องนี้ ไว้อีก" "ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก
แม้ว่าตัวการจะตาย แต่ข้ายังไม่ปล่อยเรื่องนี้ง่ายๆ เพราะฉะนั้น
เจ้าต้องสืบต่อไปจนกว่าจะรู้ความจริง" "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
"ข้าจะให้องค์หญิงไปอยู่นอกวัง รอจนเรื่องนี้มีความกระจ่างชัดแล้ว
ค่อยลงโทษนางอีกที ส่วนเจ้าก็อยู่เหมือนเดิม" "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
องค์ชายลีซานกลับมาคุยกับฮงกุกยอง เขาให้ความเห็นว่า "ถ้าทรงถามความเห็นจากหม่อมฉัน
จริงๆ แล้ว หม่อมฉันรู้ว่าเรื่องต้องจบลงแบบนี้แน่ แต่ว่า
องค์ชายก็ไม่ต้องไปใส่พระทัยมากนัก" "หมายความว่ายังไง" "ในราชสำนัก
คนที่มีส่วนพัวพันกับเรื่องนี้ เหมือนที่ฮันจุนโฮบอก ยังมีอีกหลายคนจริงๆ
และองค์หญิงวาวาน ก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น ถ้าจะลงอาญาตอนนี้
มองในอีกแง่ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เรื่องคราวนี้ เหมือนเราคลำเจอหางของพวกมัน
หางควรมีไว้จับแน่นๆ ไม่ใช่ไว้ตัดทิ้ง ฉะนั้นถ้าให้ดี รอเวลาสุกงอม
แล้วเราจะกระชากออกมาทั้งตัว ดึงหน้ากากให้เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
ทางด้านพระมเหสีจองซุนทรงมีรับสั่งกับองค์หญิงวาวานว่า "ไปพบองค์ชายซักครั้งก่อน
เมื่อเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก็ต้องยอมรับ ก้มหัวให้ต่ำ ยิ่งมากก็ยิ่งดี
รอจนซักวันเป็นโอกาสของเราอีกครั้ง เราต้องเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ" "หึ เพคะ
พระมเหสี" องค์หญิงวาวานเสด็จมาพบองค์ชายลีซาน
องค์ชายลีซานถามว่าเหตุใดทรงคิดร้ายกับเสด็จพ่อซึ่งเป็นพี่น้องร่วมอุทร
องค์หญิงวาวานรับสั่งว่า "เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดมากกว่า
หม่อมฉันจะกล้าทำเรื่องปองร้ายรัชทายาทได้ยังไง" "เสด็จป้า" "แต่ว่า
ถ้ามีใครบังอาจถึงขั้นนี้จริงๆ องค์ชายเคยคิดมั้ยว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร
นั่นอาจเพราะว่า อดีตรัชทายาท ทรงทำเรื่องบางอย่างที่บีบคั้นพวกเขาก่อนก็เป็นได้
หมดเรื่องแล้ว หม่อมฉันต้องขอทูลลาก่อน ถนอมพระวรกายด้วย"
ดัลโฮดีใจมากที่ตัวเองมีร้านเครื่องเขียนเป็นของตัวเอง
ซองซอยอนกับเทซูพลอยดีใจไปด้วย
องค์ชายลีซานสั่งให้คนมาตามซองซอยอนกับเทซูเข้าไปพบในวัง "หึ มาแล้วหรือ"
องค์ชายลีซานทักเพื่อนทั้งสองอย่างดีใจ "องค์ชาย" "ข้าดีใจจริงๆ ซงยอน เทซู"
นัมซาโชกล่าวว่า "เพราะความช่วยเหลือของพวกเจ้า องค์ชายจึงได้ปลอดภัย
เดี๋ยวพอกลับไป จะมีรางวัลให้อีก ไม่ต้องตกใจล่ะ เฮ่อๆๆ" "องค์ชาย พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ที่เราช่วยเพราะเป็นหน้าที่ ไม่ได้หวังการตอบแทนอะไรเลย" "ความหมายของเจ้า
ข้าเข้าใจดีนะเทซู แต่ว่า ข้าเป็นถึงองค์ชาย จะมีรางวัลให้คนที่ทำดี ก็ถือว่าไม่ผิด
อีกอย่าง ที่ข้าตามพวกเจ้ามา เพราะมีอีกเรื่องหนึ่ง"
นัมซาโชมองของให้เทซูกับซองซอยอน "แกะดูสิ เป็นปลอกที่ใส่กันนิ้วถลอกตอนยิงธนู
เจ้าจะสอบทหารไม่ใช่หรือ แหวนวงนี้ข้าใส่ทีไร ไม่เคยพลาดเป้า
หวังว่าจะช่วยเจ้าได้บ้าง" "เอ่อ องค์ชาย" "ส่วนของซงยอน เมื่อกลับไปที่ศูนย์ฯ แล้ว
จะได้ใช้ประโยชน์ในการเขียนรูป" "เอ่อ องค์ชาย ไม่ต้องหรอกเพคะ
หม่อมฉันคงไม่มีสิทธิ์เป็นช่างเขียนรูป" "ใครบอกว่าไม่มีสิทธิ์ พูดอะไรอย่างงั้น
เจ้าเขียนรูปแล้วทำไม มีอะไรผิดหรือ ของพวกนี้ ที่ข้ามอบให้
ไม่ใช่ในฐานะองค์ชายแต่ในฐานะเพื่อน เพราะฉะนั้น จึงหวังว่าพวกเจ้า
จะรับด้วยความยินดี" "เอ่อ องค์ชาย" ทั้งเทซูและซองซอยอนต่างซาบซึ้งใจองค์ชายลีซาน
จากนั้นองค์ชายลีซานสั่งให้นัมซาโชพาเทซูไปดูลานฝึกและที่พักของทหารคุ้มกัน
และสั่งให้ซองซอยอนตามพระองค์ไป "นี่เป็นหนังสือภาพเขียน
ที่มีขุนนางนำมาให้ข้าจากต้าชิง อยากให้เจ้าลองดูหน่อย" ซองซอยอนดูอย่างตื่นเต้น
"เป็นไงบ้าง" "ไม่เคยเห็น ภาพแบบนี้มาก่อนเพคะ เป็นภาพทิวทัศน์ที่งามมาก
ต่างจากที่หม่อมฉันเคยเห็นโดยสิ้นเชิง" "งั้นหรือ อาจเพราะว่า
มันเป็นผลงานของผู้หญิงหรือเปล่า" "อะไรนะเพคะ ผลงานของผู้หญิงหรือ" "ใช่
หนังสือเล่มนี้ เป็นงานของช่างเขียนหญิงชื่อ "หลี่ซู่เจิน" เห็นเขาว่าที่ต้าชิง
แม้แต่ผู้หญิงก็มีสิทธิ์เป็นช่างเขียนได้ ข้ารู้สึกว่าเจ้า
มีพรสวรรค์ด้านนี้เป็นพิเศษ แล้วทำไมไม่คิด ใช้ความสามารถให้ถูกทางบ้างล่ะ
เอาแต่คิดว่าเป็นคนงาน เลยไม่กล้าอาจเอื้อมใช่ไหม เพราะเกิดเป็นผู้หญิง
เลยไม่กล้าทำอะไรมาก เป็นความคิดที่หัวโบราณเกินไป ค่านิยมที่ล้าหลังพวกนี้
อีกหน่อยข้าจะแก้ให้หมด แต่หน้าที่ของเจ้า คือเดินตามความฝันของตัวเอง" "เอ่อ
องค์ชาย" "ซงยอน อย่าคิดว่ามันมีอุปสรรค เราต้องกล้าที่จะลองนะ"

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 14

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน15

ระหว่างที่องค์ชายลีซานกับซองซอยอนคุยกันอยู่
พระชายาโยอึยเสด็จมา "น้องหญิง เจ้ามาห้องหนังสือของข้า มีอะไรหรือ"
"หม่อมฉันตั้งใจนำโอสถมาให้เสวย เห็นว่าองค์ชายอยู่นี่เลยตามมาด้วยเพคะ" "ยาอะไรกัน
ข้าไม่เห็นรู้เลย หมอหลวงสั่งยาให้ตั้งแต่เมื่อไหร่" องค์ชายลีซานทรงแปลกใจ
"เป็นสูตรยาบำรุงของบ้านหม่อมฉันเอง ไม่เกี่ยวกับในวังเพคะ
สามารถรักษาอาการไอได้ดี" "ข้าแค่ไอนิดหน่อย ไม่น่ารบกวนเจ้าหน่อย" "รบกวนอะไรเพคะ
หม่อมฉันไม่รู้สึกลำบากซักนิด หึ แต่ว่า" "อ้อ ผู้หญิงคนนี้ ชื่อซองซงยอน
เป็นคนงานของศูนย์ศิลปะ นางเป็นคนช่วยให้ข้าพ้นจากข้อหากบฎ
ข้าเลยให้มาพบเพื่อจะมอบรางวัล" "ศูนย์ศิลปะหรือเพคะ แต่ว่าเจ้าคือ อ้อ มิน่า
ข้าถึงรู้สึกหน้าคุ้นๆ สาวใช้ที่บ้านแม่ข้านี่เอง เจ้า ยังจำข้าได้ไหม" "เอ่อ
จำได้เพคะ" "อะไรกันนี่ พวกเจ้ารู้จักกันหรือ" องค์ชายลีซานแปลกใจมาก "ใช่แล้วเพคะ
หม่อมฉันเคยเห็นนางตอนไปอยู่ที่บ้านเดิม พักก่อนหม่อมฉัน
เคยทูลว่ามีสาวใช้คนหนึ่งช่วยทำขนมเบจัก แล้วมาถวายให้ลองชิม ทรงจำได้ไหมเพคะ"
"จำได้สิ ที่แท้ ก็คือนางหรอกหรือ" "ใช่แล้วเพคะ ก็คือผู้หญิงคนนี้" "เอ่อ
ขอทรงอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉันโง่เขลา ไม่ทราบว่าทรงเป็นพระชายา" "ไม่เป็นไรหรอก
ไม่ใช่ความผิดของเจ้าซักหน่อย" "หึ ขอบพระทัยเพคะ" หลังจากที่ซองซอยอนออกไปแล้ว
พระชายาโยอึยยังได้เล่าให้องค์ชายลีซานฟังต่อว่า "ตอนเจอที่บ้าน
หม่อมฉันก็เห็นนางทำงานว่องไวดูเป็นคนฉลาด ไม่นึกว่าจะได้เจอที่นี่อีก
แถมยังได้ยินว่านางเคยช่วยองค์ชายไว้ด้วย แสดงว่า น่าจะถูกชะตากับเราสองคนนะเพคะ"
"หึๆ ไม่น่าเชื่อว่า นางยังได้รู้จักเจ้าก่อน คงเหมือนที่เจ้าพูดไว้
ไม่แน่นางอาจต้องชะตากับเราสองคนจริงๆ ที่สำคัญ นางเป็นเพื่อนที่ข้ารู้จักมานาน"
พระชายาโยอึยแปลกใจ "อะไรนะเพคะ" "ไม่เพียงนางคนเดียว ยังมีหนุ่มชื่อเทซูอีกคน
พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนรัก เวลาที่ข้ามีปัญหาหนัก พวกเขาจะคอยช่วยเหลือ
ให้ข้ามีกำลังใจมากขึ้น" "เอ่อ หม่อมฉันขอทูลถาม เพื่อนอะไรเพคะ พวกเขาเป็นคนธรรมดา
จะเป็นพระสหายขององค์ชายได้ยังไง" "เรื่องนี้ว่าไปแล้ว คงต้องพูดกันยาว"
ทางด้านนัมซาโชพาเทซูไปดูทหารฝึกการต่อสู้ แล้วนัมซาโชก็ขอตัวออกไป
ปล่อยเทซูคนเดียวจนเขาเกือบถูกจับตัว
โชคดีที่คังซกกีกับซอจังบูเข้ามาเห็นและบอกพวกทหารว่าเทซูเป็นใคร
ต่างพากันชื่นชมที่เทซูช่วยองค์ชายลีซานไว้
พระพันปีเฮคยองไปที่ตำหนักองค์หญิงวาวานพร้อมด้วยยาเทียบหนึ่ง "เชิญเสวยได้
หม่อมฉันได้ยินว่าองค์หญิงยังประชวรอยู่ จึงให้หมอหลวงจัดยาบำรุงมาให้เสวยอีก"
"ถ้าเป็นเรื่องยาละก้อ หม่อมฉันมีกินส่วนตัวอยู่แล้ว" องค์หญิงวาวานว่า
"ยาข้างนอกจะสู้สำนักหมอหลวงได้ยังไงเพคะ รีบเสวยร้อนๆ จะยิ่งมีประโยชน์"
องค์หญิงวาวานดื่ม พระพันปีเฮคยองทรงถาม "รสชาติพอได้ไหมเพคะ" "ได้
ทำให้พระชายาเป็นห่วง หม่อมฉันรู้สึกละอายใจจนพูดไม่ถูกแล้ว"
"องค์หญิงทรงเข้าพระทัยก็ดีแล้ว ยานี้ได้ผลดีมากนะเพคะ
สมัยก่อนองค์ชายซาโตประชวรด้วยโรคเดียวกัน ก็ได้เสวยยานี้เช่นกัน
ตอนนั้นองค์ชายถูกฝ่าบาทเข้าพระทัยผิด เพราะขุนนางบางคนป้ายความผิดให้พระองค์
องค์ชายจึงทรงเครียดหนัก และประชวรด้วยโรคตรอมพระทัยอยู่นาน และยาชุดนี้
หมอหลวงก็จัดให้ตามอาการ จนในที่สุดก็ค่อยดีขึ้น ตอนนี้องค์หญิงทำให้ฝ่าบาททรงกริ้ว
หม่อมฉันเชื่อว่าในพระทัยคงรู้สึกอัดอั้น ยากจะหาที่ระบายได้
เป็นอย่างงั้นจริงหรือเปล่าเพคะ
ความรู้สึกขององค์ชายซาโตก่อนจะสิ้นพระชนม์เป็นยังไงนั้น
องค์หญิงน่าจะเข้าพระทัยแล้วสิ" "หึ หึ พระชายา รับสั่งแบบนี้หมายความว่าไง"
"หม่อมฉันจะไม่ยอมสูญเสียลูก เหมือนที่เคยเสียสวามี
เพราะการใส่ร้ายของคนอื่นอย่างแน่นอน องค์หญิงรับสั่งว่าเจ้ากรมกลาโหม
ก่อนตายเคยมาเฝ้าและขอให้อภัยโทษ ถ้าอย่างงั้น
ทีหลังถ้ามีใครคิดร้ายต่อลูกซานและมาเฝ้าองค์หญิงอีก
ทรงบอกให้หม่อมฉันรู้ได้ไหมเพคะ เพราะหม่อมฉัน
เป็นคนที่กล้าทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกไว้ วันนี้หม่อมฉันแค่มาทูลให้ทรงทราบ
แต่วันหน้าไม่รับรองว่าจะทำอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า" พระพันปีเฮคยองเสด็จกลับ
องค์หญิงวาวานถึงกับหอบ "หึ เฮปิน เจ้าถือดียังไง กล้ามาขู่ข้าน่ะ หึ หึ"
จากนั้นพระพันปีเฮคยองก็เสด็จไปขอเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
"หมู่นี้รู้สึกเจ้าซูบผอมไปเยอะ มีอะไรให้กลุ้มใจมากหรือไง" "ไม่เป็นไรมิได้เพคะ"
"ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรก ที่เจ้ามาขอพบข้าโดยตรง มีอะไรไหนว่ามาสิ
ทำไมถึงต้องมาพบข้าด้วย" "หม่อมฉันมีเรื่องทูลขอ ให้ฝ่าบาททรงเมตตาเพคะ"
ขณะเดียวกันนี้ซังกุงก็รีบรายงานให้พระมเหสีจองซุนทรงทราบ "เจ้าบอกว่าไงนะ
พระชายาเฮคยองไปขอเฝ้าฝ่าบาทงั้นหรือ" "เพคะ
เพื่อขอให้ฝ่าบาททรงเป็นเสาหลักให้องค์ชายลีซานและทรงหนักแน่นเข้าไว้
เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำสอง เหมือนที่แล้วมาอีกเพคะ" "แล้วยังไง
ฝ่าบาททรงรับปากนางหรือเปล่า" "ได้ยินว่า ฝ่าบาททรงปลอบพระทัย
ให้นางไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ และยังตรัสว่าได้ทรงปูทางไว้แล้ว เพื่อให้อนาคต
องค์ชายจะได้ครองบัลลังก์ต่อไป" "ท่านรีบไปส่งข่าว ให้เจ้ากรมปกครองมาพบข้า"
"ทราบแล้วเพคะ"
ฮงพงฮันกับฮงนิมฮันเข้าพบพระพันปีเฮคยองและเตือนเรื่องการเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจดูจะไม่เหมาะ
แต่พระพันปีเฮคยองโต้กลับว่า "องค์หญิงวาวานไม่ใช่คนสุดท้ายหรอก
น่าจะมีอีกหลายคนที่เราคิดไม่ถึง หวังจะปองร้ายลูกซานอีก
ต่อไปข้าจะไม่หวังพึ่งพวกท่าน ให้ช่วยดูแลลูกข้าอีกแล้ว ลูกชายของข้า
ข้าจะปกป้องเขาด้วยตัวเอง" แชซกจูเข้าเฝ้าพระมเหสีจองซุน ทรงถามเจ้ากรมปกครองว่า
"รู้ข่าวที่ชายาเฮคยองไปเฝ้าฝ่าบาทแล้วใช่ไหม" "ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"คนที่สงบปากสงบคำมานาน ถ้าพูดอะไร คนจะสนใจฟัง โดยเฉพาะฝ่าบาท ด้วยแล้ว
ทรงรู้สึกผิดต่อนางมานาน คราวนี้ที่นางออกหน้า ฝ่าบาทจะยิ่งเอนเอียงไปทางนางมากขึ้น
ท่านไปพบไต้เท้า “ฮงนิมฮัน” บอกให้เขาหาวิธีกำราบชายาเฮคยองให้สำรวมหน่อย
เข้าใจมั้ย" "เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ" "กองกำลังที่สลายตัว ตอนนี้เป็นไงบ้าง" "พวกนั้น
คงยากจะรวมตัวได้อีกพ่ะย่ะค่ะ" "ท่านบอกว่ายากจะรวมตัว หมายความว่ายังไง"
"นักรบที่เราฝึกซ้อมไว้ บวกกับคนใหม่ที่รับเข้ามา
หม่อมฉันจะให้มาเป็นทหารในวังพ่ะย่ะค่ะ กองกำลังส่วนตัว
อาจถูกพบเห็นได้ง่ายและตั้งข้อหากบฎ แต่ถ้าให้พวกเขา มาสวมรอยเป็นทหารในวังซะ
ประวัติศาสตร์ก็จะไม่ซ้ำรอยอีก และยิ่งมีโอกาสมากขึ้น ที่จะได้ใกล้ชิดองค์ชายด้วย"
"ไม่นึกว่าท่านเจ้ากรมจะมองการณ์ไกลถึงเพียงนี้" "ขอบพระทัยที่ทรงชม"
"งั้นต่อไปข้าจะให้ท่านดำเนินการทุกอย่าง จำไว้ อย่าทำให้ข้าผิดหวังอีกล่ะ"
"ขอทรงวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" แชซกจูออกมาก็บอกกับชองโคยอมว่า
"ตอนนี้องค์หญิงกลายเป็นผู้ต้องสงสัย อีกไม่นาน เจ้าจะถูกเพ่งเล็งอีกคน
ถ้าไงช่วงนี้ถอยห่างไปก่อนดีมั้ย" "เป็นคำสั่งจากเบื้องบนหรือ" "ไม่ใช่
เป็นความคิดข้าเอง รู้ทั้งรู้ว่าองค์ชายถือมีดมุ่งมาทางเรา เรายังมอบเหยื่อให้ง่ายๆ
โดยไม่คิดต่อรอง เมื่อรู้ว่าทำพลาดไป ก็ควรชดเชยด้วยการทำคุณไถ่โทษ
ถึงช่วยให้องค์หญิงพ้นข้อกล่าวหาและได้กลับมาอีกครั้ง" "หมายความว่า
ถ้าถึงวันของเราจริง ท่านจะไม่ลืมเรียกข้าใช่ไหม" "อึม แน่นอน
เพราะสำหรับพวกเราแล้ว ยังไงก็ขาดเจ้าไม่ได้อยู่ดี ข้าน่ะ
จะร่วมมือเฉพาะกับคนที่มีประโยชน์เท่านั้น" พระเจ้ายองโจทรงเรียกองค์ชายลีซานมาคุย
"ภายหลังที่มรสุมยุติ เราจะเห็นท้องฟ้าแจ่มใสมากขึ้น นี่คือบทเรียนสำหรับเจ้า
และข้าก็ได้รู้ว่าในวังมีคนคิดร้ายต่อเจ้าจริงๆ แล้วตอนนี้ เจ้าจะทำไงต่อ"
"ก่อนอื่น หม่อมฉันไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นที่เปิดเผย" "เพราะอะไร"
"ถึงเราทำอะไรโจ่งแจ้งไป ก็ไม่สามารถถอนรากถอนโคนพวกเขาได้อยู่ดี อย่างมาก
ก็แค่หาแพะรับบาป 2-3 คนมาตายแทนให้สิ้นเรื่อง แล้วหลังจากนั้น
ก็จะมีคนที่เป็นปรปักษ์กับหม่อมฉัน ปรากฎตัวออกมาอีก" "ใช่
การเมืองเป็นอย่างงี้จริงๆ และไม่ใช่สิ่งที่ข้าคนเดียวจะจัดการได้ คนที่เป็นพระราชา
ข้างกายอาจมีคนที่ความเห็นขัดแย้งบ้าง แต่สำคัญต้องมีคนที่ไว้ใจ
และซื่อสัตย์พอที่จะทำงานให้เราได้ ฉะนั้นนับแต่นี้
เจ้าต้องสร้างคนเพื่อเป็นปราการป้องกันศัตรู และจงจำไว้ว่า
ให้จริงใจต่อคนที่เราคัดเลือกแล้ว เพื่อให้พวกเขาแผ่กิ่งก้าน
เป็นที่ยึดเหนี่ยวของคนที่พร้อมจะรับใช้เจ้าต่อไป เข้าใจหรือเปล่า" "พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันจะจำใส่ใจไว้"000000000000000 พวกทหารฝึกการต่อสู้ ฮงกุกยองนำเสนอว่า
"เป็นรายชื่อทหารคุ้มกัน ที่เห็นว่าควรจะคัดออก เพราะทั้งหมดนี้
ชองโฮคยอมเป็นผู้แนะนำมา เพื่อความปลอดภัยแล้ว อย่าให้มาอยู่ใกล้ดีกว่า
และให้เปลี่ยนหัวหน้าใหม่ด้วย อีกอย่าง หม่อมฉันมีเรื่องจะทูลพ่ะย่ะค่ะ"
"เรื่องอะไร" "มีคนชื่อปาร์คเทซู เป็นคนแรกที่พบเห็นการซ่องสุมกำลังของพวกกบฎ
องค์ชายทรงรู้จักหรือเปล่า" "แล้วทำไมท่านก็รู้จักเขา"
"หม่อมฉันรู้จักเขาเพราะสอนเกี่ยวกับตำรายุทธศาสตร์
และพบว่าเขามีความภักดีต่อองค์ชาย ตอนนี้ องค์ชายควรจะมีทหารคุ้มกันส่วนพระองค์
เพราะฉะนั้น ถ้าให้เขามาอยู่หน่วยพิเศษจะได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่มีปัญหานี่
วันก่อนข้าเจอเขา ก็เห็นบอกว่ากำลังจะเข้าสอบทหาร" "แต่ ฝีมือพอใช้ได้ก็จริง
แต่ด้านวิชาการเหมือนจำไม่ค่อยได้ ฉะนั้น คงยากจะสอบผ่านพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ" "ข้าเข้าใจความหมายที่ท่านพูด แต่ว่า เราจะให้สิทธิพิเศษ
โดยไม่ผ่านการสอบคงไม่ได้" "ถ้าอย่างงั้น" "เอางี้มั้ย ในเมื่อใช้เส้นสายไม่ได้
ท่านลองหาวิธีอื่นปะไร" "อะไรนะ" "ลองคิดดูสิ จะมีหนทางไหนบ้าง
ที่จะช่วยให้เขาสอบผ่านได้" "ถ้าทรงถามหม่อมฉันละก้อ หม่อมฉันจะให้ใช้วิธีทุจริต"
"ทุจริตหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ ทุกปีที่มีการสอบ จะมีคนกลุ่มหนึ่งรับอาสาสอบแทน
ซึ่งใครที่โง่หน่อย ก็จะยอมเสียเงิน ใช้วิธีนี้พ่ะย่ะค่ะ" "ก็แปลว่า
ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้สอบผ่านงั้นสิ" "เป็นอย่างงั้นพ่ะย่ะค่ะ" "เสียใจด้วย
อะไรที่มันผิดครรลอง ข้าจะไม่ยอมรับ ฉะนั้น ลองหาวิธีอื่นเถอะ เป็นไงล่ะ
ถ้าท่านอยากเป็นที่ปรึกษาของข้าจริง ก็ควรหาวิธี ให้ถูกใจข้าและช่วยเทซูได้ด้วย
หลังจากที่เขา ผ่านการสอบมาตามขั้นตอนเรียบร้อย ข้าก็จะ
ให้เขามาเป็นองครักษ์ส่วนตัว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในการเป็นองค์ชายกลับมา
ข้าสัญญาว่า ต่อไปจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ฉะนั้น ท่านก็ลองท้าทายงานนี้ดีมั้ย"
ฮงกุกยองพยายามหาหนังสือมาให้เทซู พร้อมเขี่ยวเข็ญให้อ่านอย่างหนัก
ขณะที่องค์ชายลีซานทรงร่วมฝึกกับทหาร พร้อมเล่นอย่างสนุกสนาน
จนขุนนางหลายคนต่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่องค์ชายลีซานกับทหารต่างใกล้ชิดกันมากขึ้น
ทหารเข้าใจและซาบซึ้งพระทัยในตัวองค์ชายลีซาน
ชองโฮคยอมให้โอจองโฮไปสืบประวัติของซองซอยอนกับเทซู
ซองซอยอนไปหาผลงานของช่างเขียนหญิง "หลี่ซู่เจิน" ที่องค์ชายลีซานให้นางดู
แต่เจ้าของร้านบอกว่าไม่มีให้ไปดูร้านอื่น ชองโฮคยอมเข้ามา "จะหาหนังสือประเภทนี้
ข้าขอแนะนำให้ไปร้านอื่นดีกว่า" "เอ่อ ท่าน ไม่ทราบว่า ท่านพูดกับข้าหรือคะใต้เท้า"
"หึ ถ้าไม่พูดกับเจ้า แล้วข้าจะพูดกับใครได้ ที่นี่นอกจากเจ้าแล้วจะมีใครอีก" "เอ่อ
ขอโทษด้วยค่ะ" "หนังสือที่เจ้าเอามา เป็นผลงานของ “หลี่ซู่เจิน” ใช่ไหม
เป็นงานรวมภาพเขียนที่แม้แต่ชนชั้นสูงยังหาไม่ได้ แล้วทำไมอยู่กับเจ้าได้ล่ะ"
ซองซอยอนอึกอัก "เอ่อ คือ เพราะว่า" "ไปดูแถวสะพาน “กวางทง” ดีกว่า" "อะไรนะคะ"
"ร้านหนังสือแถวนั้น จะมีผลงานของช่างเขียนหญิงจากต้าชิงอีกคนคือ ฉินเจียเจิน" "อ้อ
ขอบคุณค่ะ ขอบคุณใต้เท้ามาก หึ แหะ" คิมซังกุงให้คนตามสืบประวัติของซองซอยอน
และมารายงานพระชายา "ท่านไปสืบประวัติเด็กคนนั้นหรือ นึกยังไงถึงทำแบบนี้
นับวันชักเอาใหญ่ ไม่เห็นข้าในสายตาแล้วใช่ไหม" "ไม่ใช่นะเพคะ
ทรงฟังหม่อมฉันอธิบายก่อน หลังจากนั้นถ้าทรงคิดว่าหม่อมฉันทำผิดจริง
จะลงอาญาก็ยังไม่สาย คือ คนที่ไปสืบข่าวบอกว่า คนงานที่ชื่อซงยอน
แอบไปพบใต้เท้าชองโฮคยอมด้วยแน่ะเพคะ" พระชายาโยอึยไม่อยากจะเชื่อ "อะไรนะ"
"ลองคิดดูสิเพคะ นางเป็นแค่คนงาน รู้จักองค์ชายก็นับว่าแปลกมากแล้ว
ยังไปพบใต้เท้าชองอีก แล้วใต้เท้าชองเป็นใครล่ะเพคะ
ลูกบุญธรรมขององค์หญิงวาวานซึ่งคิดปองร้ายองค์ชายอยู่ หึ เด็กคนนี้น่าสงสัยจิรงๆ
ดีไม่ดีอาจเป็นหนอนบ่อนไส้ ที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมาก็ได้นะเพคะ" "ไม่มีทางหรอก
นางไม่ใช่คนอย่างงั้น" "คนเราดูแค่หน้าตาไม่ได้หรอกเพคะ
ต้องสืบให้รู้จะได้ป้องกันแต่เนิ่นๆ ไม่งั้นซักวันหนึ่ง
นางอาจทำให้องค์ชายเดือดร้อนก็ได้นะเพคะ" คิมซังกุงเตือน
เมื่อพระชายาโยอึยทรงสดับเช่นนั้นก็ทรงเกิดความเคลือบแคลงสงสัยขึ้นมา
องค์ชายลีซานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจตามรับสั่ง "มาแล้วหรือ
ที่ข้าตามเจ้ามาเพราะมีเรื่องจะปรึกษาหน่อย
เอาไปให้องค์ชายดูก่อนซิ""นี่คืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" "พรุ่งนี้จะเป็นวันสอบทหาร
หลังจากถูกเลื่อนมาครั้งหนึ่ง ที่ให้ดูนั่นคือ หัวข้อการสอบข้อเขียน
ดูซิมีความเห็นยังไงบ้าง ตั้งได้เหมาะสมหรือเปล่า" "แต่ว่า หม่อมฉันไม่เข้าใจ
ทำไมต้องให้หม่อมฉันรับรู้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "การสอบขุนนางไม่ว่าประเภทไหน
ล้วนเป็นการเลือกคนมาทำงานเพื่อบ้านเมือง และถ้าเป็นทหาร อีกหน่อยจะอยู่กับเจ้า
นานกว่าอยู่กับข้ามากนัก ฉะนั้นจึงต้องถามความเห็นเจ้าด้วย ว่ายังไง ไหนลองว่ามาซิ"
"ถ้าถามความเห็นหม่อมฉัน การให้เขียนตอบหลักปกครองของ “เหยาซุ่น”
ดูจะไม่ค่อยเหมาะพ่ะย่ะค่ะ" "ถ้าอย่างงั้น ถ้าเป็นเจ้าจะตั้งคำถามแบบไหนดี"
"หม่อมฉัน จะตั้งคำถามง่ายๆ เพียงว่า ทำไงถึงจะกำจัดขุนนางที่ทุจริตได้ ทุกวันนี้
ฝ่ายปกครองที่ดูแลเรื่องการสอบ ก็มีการใช้เส้นสายและรับสินบน
การคลังที่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจของบ้านเมือง ก็มีแต่เพิ่มภาษี เก็บส่วยมากขึ้น
ซ้ำเติมความทุกข์ยากของราษฎร ขุนนางมีแต่รีดนาทาเร้น ชาวบ้านกลายเป็นผู้รับเคราะห์
ลำบากทุกข์ร้อนจะหาที่พึ่งก็ไม่มี ความคิดที่จะรับใช้บ้านเมืองนั้น
เป็นเพียงลมปากสวยหรูเท่านั้น ถ้าออกข้อสอบที่มีแต่หลักการ คนจะมองว่า
ราชสำนักพูดได้แต่ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น เราควรปฏิรูปใหม่
หาคำตอบจากคนรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์มากกว่า เพื่อลบล้างระบบแบ่งพรรคแบ่งพวก
และเป็นบทเรียนให้แก่ขุนนาง ตระหนักถึงความซื่อสัตย์ที่แท้จริงพ่ะย่ะค่ะ"
"คนอื่นมีความเห็นยังไงบ้าง ข้าคิดว่าคำพูดขององค์ชายมีเหตุมีผลดี
สิ่งสำคัญของนักปกครองก็คือรู้ว่า เวลาไหนควรทำอะไรที่จำเป็นมากกว่า
เจ้าคิดถูกแล้ว" พระเจ้ายองโจทรงตัดสินพระทัยทันที พอถึงเวลาสอบ
ทุกคนพลอยลุ้นกับเทซู แต่พอเทซูออกมาจากห้องสอบ
ดัลโฮก็ถามว่าทำไมเขาทำหน้าอย่างนั้น เทซูบอกว่าเขียนคำตอบไม่ครบ
ฮงกุกยอนตกใจเล็กน้อย "อะไรนะ เขียนคำตอบไม่ครบหรือ" "ใช่ครับ เพราะเวลามีน้อย
ความจริงนอกจากหัวข้อนี้แล้ว เรื่องอื่นข้าท่องได้หมดเลยนะ
ทำไมจำเพาะต้องออกข้อนี้ด้วยก็ไม่รู้" "นึกแล้วเชียว หน้าอย่างเจ้าน่ะหรือ
ริอ่านเป็นขุนนางวางน้ำกะเขาได้" "แต่ยังไงก็เขียนบ้างล่ะ เพียงแต่ไม่มั่นใจ
ไม่รู้ว่าจะถูกหรือเปล่า เอ่อ เพราะข้า ทำให้ท่านเป็นห่วง ต้องขอโทษด้วยน่ะครับ"
ฮงกุกยอนปลอบว่า "ไม่ต้องขอโทษหรอก" "แต่ว่า ไม่แน่ว่า ข้าอาจสอบตกก็ได้"
"ถึงอย่างงั้นก็ไม่ต้องขอโทษ เจ้าต้องผ่านแน่นอน ด้วยฐานะข้าในตอนนี้ ไม่ว่าทำยังไง
จะเข็นเจ้าผ่านให้ได้" "อะไรนะครับ" "ข้าแค่จะมาถามให้แน่ใจเท่านั้น" "ถามให้แน่ใจ
อะไรหรือครับ" เทซูแปลกใจ "เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องรู้ มันเป็นหน้าที่ของข้า
เพราะถึงเจ้าจะเข้าสอบ ข้าก็มีส่วนด้วย" ฮงกุกยอนพูดเป็นปริศนา
ผลประกาศออกมานัมซาโชรีบทูลองค์ชายยองโจ "หม่อมฉันเห็นข้อสอบ ดูเหมือนขาดอีก 4-5
คะแนน ก็จะผ่านเกณฑ์คัดเลือก เพราะตามหลังแค่ 3-4 คนเท่านั้น เลยจำเป็นต้องตกไป
ขออภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพราะองค์ชาย ทรงคาดหวังจะให้เทซูสอบเป็นทหารคุ้มกันให้ได้"
"ถึงอย่างงั้นก็เถอะ แต่เทียบกับข้าแล้ว เทซูจะยิ่งผิดหวังมากกว่า เพราะเขา
ตั้งใจว่าจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ" แต่ฮงกุกยอนไปตรวจสอบผลสอบอีกครั้ง
แล้วกลับมารายงานให้องค์ชายลีซานรับทราบว่าเทซูสอบผ่าน "นี่มันหมายความว่าไง
บอกว่าเทซู ผ่านการสอบข้อเขียนด้วยหรือ เป็นไปไม่ได้
เมื่อวานข้าเห็นรายชื่อที่กรมปกครองส่งมาให้ตรวจทาน ปรากฎว่าในนั้น
ไม่มีชื่อของปาร์คเทซูเลย" "นั่นเป็นรายชื่อที่ยังไม่ได้สรุปแน่ชัด แต่วันนี้
มีการแก้ใหม่และประกาศแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้ได้"
"ที่หม่อมฉันเคยทูลว่า การสอบคราวนี้ มีกลุ่มคนทำการทุจริต ทรงจำได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ"
"จำได้ แต่ว่า ข้าก็เคยสั่งว่าอย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น"
"หม่อมฉันไม่กล้าขัดพระบัญชา เพียงแต่ พบเจอคนที่ทำผิดกฎ
จึงตัดสิทธิ์ของพวกเขาเท่านั้น เผอิญว่าตัด 4 คนออกไป
ทำให้เทซูซึ่งมีคะแนนคาบเกี่ยวก็ได้เข้ามาแทนที่พอดี" องค์ชายลีซานตั้งใจฟัง "อึม"
"แต่ว่า ตอนที่หม่อมฉันเสนอให้มีการตัดสิทธิ์คนเหล่านี้ ได้บังอาจ
อ้างชื่อองค์ชายโดยพละการ ขอทรงอภัยด้วย อีกอย่าง
หม่อมฉันได้ยึดตามแนวทางสุจริตตามที่องค์ชายรับสั่ง
บอกให้ผู้ควบคุมการสอบทำหน้าที่ให้ดีเท่านั้น ไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปขู่เข็ญ"
"หมายความว่า ที่เทซูสอบผ่าน เป็นความชอบธรรมใช่ไหม" "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ
แต่หม่อมฉันอยากจะขอทูลว่า การช่วยให้เขาสอบผ่านนั้น
ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นเขาเป็นหลายเท่าพ่ะย่ะค่ะ" "หึๆ งั้นหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ
แต่ยังไงก็ตาม ถือว่าได้บรรลุเป้าหมาย แถมยังจับคนทุจริตได้อีก
หม่อมฉันทำตามรับสั่งทุกอย่างแล้ว ทรงเห็นว่าไงบ้างพ่ะยะค่ะ"
องค์ชายลีซานทรงรับฟังด้วยความชื่นชมในความสามารถของฮงกุกยอน
ซองซอยอนรีบตามหาเทซูและชวนดัลโฮไปดูรายชื่อผลประกาศ ปรากฎว่ามีชื่อของเทซู
ทุกคนพากันดีใจมาก "ปาร์ค เท ซู ท่านอา ข้าดูไม่ผิดนะ" ดัลโฮพลอยปลื้มไปด้วย "อึมๆ"
"เป็นชื่อข้าจริงๆ ฮือ ซงยอน เห็นหรือเปล่า ข้าสอบผ่านแล้ว
ต่อไปข้าจะได้เป็นทหารจริงๆ" ซองซอยอนดีใจมาก "อึม หึๆ" "ใช่ ข้าก็เห็นเหมือนกัน
นี่เป็นชื่อของเจ้า เป็นชื่อเจ้าแน่นอน" "ฮือ ข้าสามารถทำได้ ข้าปาร์คเทซู
นับแต่นี้จะได้เป็นทหารแล้ว ต่อไป เมื่อข้าเป็นทหารแล้ว
จะได้คุ้มครององค์ชายอย่างดีนะ" "หึ เทซู ฮือ" "ฮือๆๆ บ้าจริง ร้องไห้ทำไมก็ไม่รู้
เหมือนคนโง่เลย เรื่องดีๆ แบบนี้ เราต้องหัวเราะต่างหาก ฮือๆๆ อย่าร้องไห้สิ ฮือๆๆ"
ดัลโฮร้องไห้เสียงดัง "นี่คือหลานข้า หลานในไส้เลยนะ ปาร์คเทซู เขาเก่งมาก เฮ่อๆๆ
เยี่ยมจริงๆ หลานรัก เฮ่อๆๆ" เทซูและคนที่สอบผ่านอยู่ที่ลานฝึก คังซกกีกล่าวขึ้นว่า
"ทุกคนไปที่ลานฝึก เราจะมีการแบ่งสังกัดให้แต่ละคน และแบ่งหน้าที่ด้วย"
ไม่นานองค์ชายลีซานก็เสด็จมาถึง แชจีคยอมกล่าวว่า "ที่จริงการแบ่งหน้าที่
ข้าควรจะเป็นคนประกาศเอง แต่วันนี้ องค์ชายเสด็จมาด้วยพระองค์เอง
เพื่อประทานประกาศให้พวกเจ้าเป็นพิเศษ" "เริ่มได้แล้ว" องค์ชายลีซานรับสั่ง
"พ่ะย่ะค่ะ คนไหนถูกเรียกชื่อ เดินมาข้างหน้า สอบได้อันดับสาม ลูกชาย “คิมตงจิก”
ชื่อ “คิมชางโม” ให้อยู่หน่วยคุ้มกันฝ่ายขวา" "หน่วยคุ้มกันฝ่ายขวา คิมชางโม
นับแต่นี้ความปลอดภัยของข้า จะอยู่ในกำมือเจ้า" องค์ชายลีซานรับสั่งด้วย
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" "สอบได้อันดับเก้า ลูกชาย “ยิมคยองกุก” ยิมจองจู
หน่วยคุ้มกันฝ่ายซ้าย" "หน่วยคุ้มกันฝ่ายซ้าย ยิมจองจู นับแต่นี้ความปลอดภัยของข้า
จะอยู่ในกำมือเจ้า" "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" "คนต่อไป สอบได้อันดับเก้า ปาร์คเทซู
หน่วยคุ้มกันฝ่ายขวา" "หน่วยคุ้มกันฝ่ายขวา ปาร์คเทซู นับแต่นี้ไป
ความปลอดภัยของข้า จะอยู่ในกำมือเจ้า ขอให้ตั้งใจทำงาน ดูแลข้าให้ดีล่ะ" "พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉัน ขอถวายชีวิตแด่องค์ชาย อารักขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่" เทซูกล่าว

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 15

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน บริษัทบำบัดแค้น แม่ค้าขนมหวาน
คุณแม่จำแลง ใจร้าว สื่อรักชักใยอลวน ดาวจรัสฟ้า คิมชูซอน เมนูรักเชฟมือใหม่
ศิลามณี พลิกฟ้าล่าตะวัน เจ้าหญิงลำซิ่ง มนตราแห่งรัก เสน่ห์นางงิ้ว แก้วล้อมเพชร
คุณชายไฮโซกับคุณหนูโอท็อป Hello! My Lady

Readlakorn

Related Posts



3 comments:

Anonymous said...

ชอบลีซานมากๆ ขอบคุณมากเลยนะคะที่นำมาโพสต์ให้ได้อ่าน รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

แล้วเรื่องลีซานมีทั้งหมดกี่ตอนค่ะ?

Anonymous said...

เราก็ชอบมากเหมือนกัน ดูทุกตอนเลย ขอบคุณที่นำมาให้อ่นน่ะค่ะ จะขอติดตามต่อไป

Anonymous said...

ชอบ ลีซานมาก

ครบทุกรสจรืง ๆ

ขอบคุณนะคะ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal