Tuesday, January 20, 2009

ลีซาน - เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - ลีซาน (16)-(18)

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 16

หลังจากเทซูได้ประกาศแต่งตั้งเป็นทหารจากองค์ชายลีซานเรียบร้อย
ก็รีบไปหาซองซอยอนที่ศูนย์ ซองซอยอนชื่นชมเขามาก
"องค์ชายเสด็จมาประทานให้ด้วยพระองค์เองเลยล่ะ" "จริงหรือ น่าอิจฉาจังเลย
ไม่น่าเชื่อ เจ้าได้เข้าวังจนได้" "หึ ก็ถึงว่าน่ะสิ ใครจะนึกว่าข้ามีวันนี้ แหะ
ชั่วชีวิตข้ามีความหวังสองอย่าง ตอนนี้ได้สมหวังอย่างหนึ่งแล้ว
เหลืออีกแค่อย่างเดียว" "ความหวังสองอย่างหรือ" "อึม ตอนเด็ก ข้าเคยอธิษฐานไว้
ข้อแรกก็คือ ขอให้ได้เข้าวังปกป้ององค์ชาย ส่วน ข้อที่สองคือ" "คืออะไรหรือ พูดสิ"
"เอ่อ อย่าเลย วันหลังค่อยบอกดีกว่า อ่านเร็วเข้า"
ซองซอยอนไม่ทันอ่านโชบีก็เข้ามาหา เพราะอยากรู้จักเทซู แต่เทซูรีบขอตัวกลับก่อน
เพราะไม่ค่อยชอบโชบีนักที่ดุซองซอยอน
ฮงกุกยอนนำหลักฐานชิ้นหนึ่งมามอบให้องค์ชายลีซาน ทรงถามว่าคืออะไร



"ตลอด 5 ปีนี้ มีขุนนางคนไหนที่เรืองอำนาจ
รวมถึงลูกหลานพ่ะย่ะค่ะ ส่วนใหญ่พวกนี้
จะผ่านการสอบคัดเลือกพิเศษและใช้เส้นสายบรรจุ มากินตำแหน่งสำคัญของทางราชการ
องค์ชายมีศัตรูไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ปัญหาอยู่ที่ ทรงมีศัตรูมากเกินไป ที่สำคัญ
คนเหล่านี้ล้วนทำเพื่อตัวเอง และผลประโยชน์ของพวกพ้องมากกว่า
ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย ทั้งขององค์ชายและบ้านเมือง เราจะปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด
นโยบายของฝ่าบาทที่หวังจะรับคนใหม่มาช่วยปกครองบ้านเมือง
ถือว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิงพ่ะย่ะค่ะ" แชจีคยอมดุ "เจ้านี่บังอาจจริง
กล้าวิจารณ์ถึงนโยบายของฝ่าบาทเชียวหรือ" "ขอทรงอภัยด้วย" "นิสัยเขา
ชอบพูดอะไรตรงไปตรงมา มันอาจเป็นทั้งข้อดี และข้อเสียไปในตัว แต่ยังไงก็ตาม
เราต้องกำราบพวกขุนนางหัวเก่า เป็นความคิดที่ถูกต้อง แต่สำคัญคือ
เราต้องตัดแหล่งรายได้ของพวกเขาซะก่อน ตอนนี้ขุนนางส่วนใหญ่ มักจะเลี้ยงคนไว้มากมาย
จึงนิยมรับของกำนัล เพื่อไว้เป็นทุนรอน จากนั้นก็เอาสมบัติที่มี
ไปให้ลูกหลานตัวเองซื้อตำแหน่งยศศักดิ์ และนี่คือวิธีสืบต่ออำนาจของพวกเขา
และเป็นสาเหตุสำคัญที่พวกเขาจะไม่ยอมวางมือง่ายๆ เพราะฉะนั้น
ถ้าจะเปลี่ยนค่านิยมที่เลวร้ายเหล่านี้ ก่อนอื่นก็คือ
เราต้องตัดท่อน้ำเลี้ยงของพวกเขาซะ" องค์ชายลีซานรับสั่ง ฮงกุกยอนกล่าวว่า
"ส่วนใหญ่ผู้ว่าตามหัวเมืองต่างๆ มักต้องติดสินบนถึงจะได้เลื่อนตำแหน่ง
และเมื่อได้ตามที่ต้องการ พวกเขาก็จะรีบถอนทุนอย่างหนัก" "ถ้าอย่างงั้น
การหาข้อมูลในส่วนนี้ ต้องใช้เวลากี่วัน" "สองวันก็พอพ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานเสด็จไปทอดพระเนตรการฝึกทหารใหม่ ด้วยความเป็นห่วงเทซู
แต่เทซูก็ฝึกได้ดี ทรงเข้าไปเตือนนิดหน่อย
ทางด้านพระมเหสีจองซุนทรงเรียกขุนนางที่ร่วมอุดมการณ์เข้ามาถาม
ขุนนางท่านหนึ่งทูลว่า "ทุกวันนี้ คนที่เราส่งเข้าไป หากไม่ถูกย้ายก็คือถูกปลดออก
จนแทบไม่เหลือคนของเราอยู่ในหน่วยคุ้มกันพิเศษแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "นั่นก็แปลว่าค่อยๆ
ถ่ายโอนคนของพวกเขาเข้ามาแทน ขณะที่องค์ชายพยายามทำเรื่องเหล่านี้อยู่
ข้าอยากรู้ว่าพวกท่านทำอะไรกันบ้าง ทุกวันนี้เขาแทบเอามีดมาจ่อคอเราอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากถูกเชือดตายซะก่อน เราต้องหาวิธีเล่นงานเขาให้หนัก
อย่าให้ตั้งตัวติด เข้าใจมั้ย" "ทราบแล้วพ่ะยะค่ะ"
ชองโฮคยอมเร่งสืบประวัติของซองซอยอนอยู่นั้น
พระพันปีเฮคยองมีรับสั่งให้หอจิตรกรวาดภาพผลทับทิมเพื่ออวยพรพระราชนัดดา
จึงทรงเสด็จมาหาพระชายาโยอึย "เดี๋ยวจะมีช่างเขียนเข้ามาในวัง
ทรงหมายความว่าไงหรือเพคะ" "ข้าบอกให้ศูนย์ศิลปะ ส่งช่างเขียนเข้ามาในวัง
เพื่อให้เขียนรูปทับทิมบนฉากกั้นลมในตำหนักของเจ้า
หวังว่าเจ้าคงเข้าใจว่าภาพทับทิมนั้น หมายถึงการขอพรให้ลูกหลาน โดยเฉพาะ
ใครอยากมีลูกก็จะนิยมเขียนไว้บนฉากกั้นลม แล้วเพราะอะไร
ข้าจึงสั่งให้เขียนภาพแบบนี้ในห้องนอน เจ้าเข้าใจหรือเปล่า" "เพคะ"
"ลูกซานก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่จนป่านนี้ยังไม่มีลูกซักคน ข้อนี้ที่น่าเป็นห่วง
เห็นหมอหลวงบอกว่า สุขภาพเจ้าก็ไม่มีปัญหาอะไร
แล้วทำไมจนป่านนี้ยังไม่มีทายาทให้เชยชมซะทีล่ะ" "หม่อมฉันขออภัยด้วยเพคะ"
"ข้าไม่ได้มาตำหนิเจ้าหรอกนะ เพียงแต่ว่า หน้าที่สำคัญของผู้หญิงเรา
ก็คือต้องมีลูกให้สามี โดยเฉพาะลูกซานด้วยแล้ว
ถ้าเขามีลูกเมื่อไหร่,ฐานะก็จะยิ่งมั่นคง เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้น
สิ่งเดียวที่จะทำเพื่อเขาได้ ก็คือรีบตั้งครรภ์ไวๆ และมีลูกชายซักคน
เข้าใจหรือเปล่า" "เพคะ หม่อมฉันจะจำรับสั่งนี้ไว้"
ซงยอนตามปาร์กซิงแจเข้าวังหลวงเพื่อมาเขียนภาพตามที่พระพันปีเฮคยองทรงรับสั่ง
จึงนับเป็นอีกครั้งที่ซองซงยอนและพระชายาโยอึยได้มีโอกาสได้พบกัน
องค์ชายลีซานทรงนำเรื่องที่ฮงกุกยอนบอกมาทูลพระเจ้ายองโจ
พร้อมบอกว่าจะเร่งหามูลความจริง
พระเจ้ายองโจจึงคิดว่าต้องเสด็จไปเยี่ยมราษฎรในละแวกชานเมือง
พระชายาโยอึยรับสั่งให้ซงยอนเข้าเฝ้า
พระนางทรงมีรับสั่งถามถึงความสัมพันธ์ของซองซงยอนกับองค์ชายลีซาน
"เห็นองค์ชายรับสั่งว่า เจ้าเป็นเพื่อนที่รู้จักมานาน เป็นความจริงหรือเปล่า"
ซองซอยอนตกใจนิดหนึ่ง "หา" "นอกจากเจ้าแล้วยังมีชายหนุ่มอีกคน
เป็นเพื่อนที่องค์ชายทรงรู้จักเหมือนกัน ใช่ไหมจ๊ะ" "เอ่อ เราสองคน
คงไม่กล้าอาจเอื้อม อ้างว่าเป็นเพื่อนกับองค์ชายได้หรอก เพคะ
เพียงแต่รู้สึกเป็นเกียรติแก่ตัวเอง ที่องค์ชายไม่รังเกียจความต่ำต้อย
ยอมลดพระองค์มาคบกับเรามากกว่าเพคะ" "งั้นหรือ อย่างงี้นี่เอง จริงๆ แล้ว
ข้ามีอีกเรื่องจะถามเจ้า" "เพคะพระชายา" "เจ้ากับใต้เท้าชอง รู้จักกันได้ยังไง"
ซองซอยอนงง "หา? เอ่อ ใต้เท้าชองไหนเพคะ หม่อมฉัน ไม่ทราบว่ารับสั่งถึงใคร"
"เจ้าไม่รู้จักชองโฮคยอมหรอกหรือ" "เพคะ ชื่อนี้
หม่อมฉันเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกด้วยซ้ำ" "จริงหรือ งั้นก็ดีแล้ว" คิมซังกุงแทรกขึ้น
"เอ่อ พระชายาเพคะ รับสั่งถามแบบนี้ เป็นใครก็ต้อง" พระชายาโยอึยทรงดุ
"ท่านไม่ต้องสอดได้ไหม เรามาคุยเรื่องอื่นดีกว่า ข้ารู้สึกแปลกใจในตัวเจ้าจริงๆ
ตอนเด็กเจ้ากับองค์ชาย รู้จักกันได้ไง บอกข้าหน่อยได้ไหม" ซองซอยอนกำลังจะตอบ
ปาร์คซังกุงเข้ามาทูลว่าองค์ชายลีซานเสด็จมา ซองซอยอนจึงต้องไปแอบหลังม่าน "หึ
องค์ชาย จู่ๆ เสด็จมา ไม่ทราบมีอะไรหรือเพคะ" "ไม่เจอหลายวัน
รู้สึกคิดถึงก็เลยมาเยี่ยม" "หึ องค์ชาย" "ไปข้างในเถอะ"
องค์ชายลีซานทรงเห็นซองซอยอน "เจ้าคือ ซงยอนนี่นา" "เอ่อ องค์ชาย" "นี่มันอะไรกัน
ทำไมเจ้ามาอยู่ ตำหนักของพระชายาได้" ซองซอยอนอึกอัก พระชายาโยอึยทรงตอบแทน
"วันนี้นางเข้าวังมา เป็นผู้ช่วยช่างเขียน ตามที่เสด็จแม่มีรับสั่งเพคะ เมื่อกี้
เห็นนางเลิกงาน หม่อมฉันเลยชวนมาดื่มน้ำชาและพูดคุยที่ตำหนักเพคะ" "งั้นหรอกหรือ
ที่แท้เจ้าได้เข้าวังมา" "เพคะองค์ชาย" "องค์ชาย ข้างนอกอากาศเย็น
เสด็จเข้าตำหนักเถอะพ่ะย่ะค่ะ" พระชายาโยอึยเห็นด้วย "มหาดเล็กพูดถูกแล้วเพคะ
เชิญประทับข้างในดีกว่า" "ข้ารู้แล้ว แล้วเจ้าจะไปไหนต่อ กลับบ้านใช่ไหม"
องค์ชายลีซานถามซองซอยอน "ใช่เพคะ" "งั้นหรือ เดินทางดีๆ ล่ะ" "เพคะ"
ซองซอยอนออกไป000000000000000
องค์ชายลีซานคิดจะเปิดโปงขุนนางที่ทุจริตแต่ฮงกุกยอนบอกว่าให้เปิดโปงหลังจากพระเจ้ายองโจเสด็จกลับจากเยี่ยมราษฎรก่อน
เพราะการเสด็จไปเยี่ยมราษฎรต้องมีผักชีโรยหน้าไว้แน่ๆ
ฮงกุกยอนยังได้ทูลขอเงินจากองค์ชายลีซาน 500 ตำลึง
องค์ชายลีซานก็ให้โดยไม่ถามว่าเขาจะเอาไปทำอะไรกันแน่
แชจีคยอมถามว่าทำไมองค์ชายลีซานจึงเชื่อใจฮงกุกยอน
องค์ชายลีซานทรงเชื่อว่าฮงกุกยอนน่าจะนำไปทำประโยชน์บางอย่าง
ฮงกุกยอนนำเงินไปซื้อบ้านของอดีตเจ้ากรมอาญา ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของชองโฮคยอม
และวันนี้ก็ได้ปะหน้ากับชองโฮคยอม "ไม่เจอตั้งนานนะ" ชองโฮคยอมทักทาย "อ้อ หึๆ
ไม่นึกว่าจะได้พบท่าน สบายดีหรือเปล่าครับ เฮ่อๆๆ" "สบายดี
แล้วทำไมเจ้ามาอยู่แถวนี้ล่ะ" "อ้อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ข้าเพียงแต่
ซื้อบ้านหลังนี้ไว้,ซึ่งเคยเป็นของอดีตเจ้ากรมอาญา เห็นทีว่า
เราจะได้เป็นเพื่อนบ้านซะแล้ว" "หึๆ เป็นเพื่อนบ้านกับข้าหรือ เพื่ออะไร" "ภาษิตว่า
เป็นเพื่อนต้องอยู่ใกล้ชิด แต่ศัตรู ยิ่งควรชิดใกล้ให้มาก หึๆๆ" "หึ
ยังไงก็ขอต้อนรับเพื่อนใหม่ อย่างน้อยก็จะได้มีคนที่คุยถูกคอบ้าง
ไม่เหมือนอดีตเจ้ากรมโอ เป็นคนหัวโบราณ ได้คุยแค่ 2-3 คำ ข้าก็แทบเมินหน้าหนีแล้ว"
"อ้อ จริงหรือครับ เฮ่อๆๆ" "วันหลังค่อยพบกันใหม่ วันนี้ข้าต้องรีบไปเข้าวัง"
พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งจะเสด็จไปสุสานหลวงให้เร็วขึ้น
และครั้งนี้จะให้องค์ชายลีซานเสด็จด้วย ทรงรับสั่งว่าไม่ให้ทำอะไรเอิกเกริก
หลังจากที่พระเจ้ายองโจมีรับสั่งให้องค์ชายลีซานเสด็จด้วย แชซกจูเห็นเป็นโอกาสดี
ขณะที่ฮงนิมฮันกลับกังวล
ส่วนแชจีคยอมก็คิดว่าเป็นการที่พระเจ้ายองโจเปิดตัวองค์ชายลีซานในฐานะรัชทายาทไปในตัว
องค์ชายลีซานทรงเรียกฮงกุกยอนมาถามความเห็น "ถ้าหม่อมฉันเป็นองค์ชาย
จะหาข้ออ้างไม่ตามเสด็จ แต่เพราะองค์ชายไม่ใช่หม่อมฉัน ยังไงก็ต้องไป" "ใช่
ถ้าข้าออกจากวังเมื่อไหร่ จะเป็นโอกาสทองสำหรับฝ่ายตรงข้ามทันที
แต่ข้าก็ไม่หนีพวกเขาหรอก" "ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันจะทูลขออะไรซักอย่าง" "ขออะไร"
"ขอทหารฝีมือดี และไว้ใจได้ให้หม่อมฉันซัก 3 คน"
ปาร์คยองมุนบอกให้โชบีกับซองซอยอนตามเสด็จไปครั้งนี้ ฮงกุกยอนเรียกเทซู
ซอจังบูและคังซกกีมาพบ และสั่งการบางอย่าง ทั้งสามฟังแล้วอึ้ง เทซูถามว่า "เอ่อ
นี่ท่าน หมายความว่าไง ทำไมไม่ให้เราไปกับองค์ชายล่ะครับ" "ตั้งแต่วันนี้
พวกเจ้าต้องตามข้าออกจากเมืองหลวงก่อน" "ทำไมต้องไปจากเมืองหลวง" ซอจังบูไม่เข้าใจ
"อยากรู้รายละเอียด ไว้ออกเดินทางแล้ว ข้าจะบอกให้รู้" เทซูถอนใจ "เฮ่ย
นี่เป็นงานชิ้นแรกตั้งแต่ข้าได้เป็นทหารคุ้มกัน จะขอติดตามองค์ชายหน่อยก็ไม่ได้
ข้าว่าท่านไปหาคนอื่นดีกว่า" "หึๆ ทำไม ไม่ได้วางมาดอยู่ในขบวนเสด็จ
ทำให้ผิดหวังมากหรือไง" ฮงกุกยอนแซว "อะไรนะ ไม่ ไม่ใช่อย่างงั้นซักหน่อย
ท่านเห็นข้าเป็นอะไรน่ะ" "พวกเจ้าต้องจำคำพูดข้าให้ดี
เพราะหน้าที่ของพวกเจ้าคือดูแลความปลอดภัยขององค์ชาย ฉะนั้นที่เราจะไปจากเมืองหลวง
ห้ามบอกใครทั้งสิ้น แม้แต่พรรคพวกในกองก็ห้ามพูดเด็ดขาด เข้าใจมั้ย"
ฮงกุกยอนสั่งเสียงเด็ดขาด ชองโฮคยอมสั่งให้โอจองโฮคัดคนที่ฝีมือดีที่สุดให้ 10 คน
โอจองโฮคัดมาให้ตามคำสั่ง "คนเหล่านี้ ถือว่าฝีมือเยี่ยมที่สุด
โดยเฉพาะการยิงปืนด้วยแล้ว" "อึม นี่คือ แผนที่เส้นทางที่จะไปสุสานหลวง
เจ้าพาพวกเขาไปสำรวจทำเลให้ดี หาที่ๆ เหมาะสำหรับการทำงานของเรา" ชองโฮคยอมสั่ง
โอจองโฮรับคำ "ครับ" "เผื่อไว้กันผิดพลาด หาตำแหน่งอีกหลายจุดก็ยิ่งดี"
ทางด้านฮงกุกยอนก็เอาแผนที่มาให้เทซู คังซกกีและซอจังบูดู
"นี่คือเส้นทางที่ขบวนเสด็จต้องผ่าน นับแต่นี้พวกเจ้าจะไม่ใช่ทหารคุ้มกัน
หากแต่เป็นคนร้ายที่คิดลอบปลงพระชนม์" "หา" เทซูตกใจ คังซกกีรีบถามว่า
"ให้เราเป็นคนร้ายหรือ หมายความว่าไงน่ะ" "นั่นสิ ใต้เท้า ท่านบ้าแล้วหรือไง" "หึ
ด้วยปัญญาอย่างเจ้า คงหาว่าข้าบ้าแน่ ไม่ได้ให้เป็นคนร้ายจริงๆ
แต่ให้มีความคิดและสายตาแบบคนร้าย" ทั้งสามเข้าใจ ฮงกุกยอนกล่าวต่อว่า
"ถ้าเดาไม่ผิด ต้องเกิดเหตุร้ายในระหว่างทางเสด็จผ่านแน่ ถ้าเราสมมุติว่า
พวกเจ้าคิดปองร้ายองค์ชายจริง น่าจะลงมือแถวไหนดี หึ ข้าไม่ใช่ทหาร สู้ก็ไม่เป็น
ยิงปืนก็ไม่ได้ แต่ว่า ถ้าพวกเจ้าลองดูแถวนี้ สำรวจทำเลให้ดี
จะพบว่าจุดไหนที่เหมาะแก่การลงมือ เข้าใจที่พูดหรือยัง" "อ้อ ครับ" "แหม
ความคิดของท่านนี่ นอกจากจะพิศดารแล้ว ยังน่ากลัวอีกต่างหาก" "หึ น่ากลัวเชียวหรือ
หึ ตลอดทางจนถึงที่ๆ จะประทับแรม มีจุดที่เหมาะสำหรับการดักซุ่มอยู่สามจุด
พวกเจ้าสามคน แยกย้ายดูแลคนละจุด ส่วนข้าจะกลับไปเฝ้าองค์ชาย,รายงานให้ทรงทราบ"
"ครับ" ทั้งสามรับคำแล้วแยกย้ายกันไป เทซูไปเจอพวกที่ชองโฮคยอมส่งมา
ทำให้เกิดการปะทะกันแต่พวกชองโฮคยอมหนีไปได้ เทซูรีบรายงานฮงกุกยอน "หึ เกือบไปแล้ว
ท่านเดาไว้ไม่ผิดจริงๆ มีคนคิดจะลอบปลงพระชนม์" "แล้วเป็นไง"
"ข้าเล่นงานพวกมันซะก่อน แต่เสียดายจับตัวไม่ได้ โอย" "ไม่เป็นไร แค่นี้ดีแล้ว
สำคัญที่เจ้าปลอดภัย ไม่เป็นไรใช่ไหม" "ครับ หึ โอย"
ฮงกุกยอนรายงานให้แชจีคยอมรับทราบทันทีเช่นกัน "ใต้เท้า มีคนมาปองร้ายจริงๆ" "หา
องค์ชาย ระหว่างทางพบเห็นคนร้ายพ่ะย่ะค่ะ เราจะทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ
เพื่อตรงไปยังสุสานหลวงจะดีมั้ย" "ไม่ได้ ใกล้ถึงหมู่บ้านที่จะประทับแรมแล้ว
อย่าทูลดีกว่า" องค์ชายลีซานค้าน ขุนนางท่านหนึ่งทูลพระเจ้ายองโจว่า "ฝ่าบาท
กระหม่อม อันยีซู ขอถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอบังอาจทูลว่า
ไม่ควรเสด็จเข้าเขตนี้ ให้ใช้เส้นทางอ้อมจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ" "ทำไมอย่างงั้นล่ะ"
"เพราะในตัวเมือง เกิดโรคแพร่ระบาดพ่ะย่ะค่ะ" แชซกจูต่อว่าทันที "ทำงานประสาอะไร
นี่เป็นที่ๆ เรากำหนดไว้แต่แรกว่าจะมาพัก ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นมีรายงาน
แล้วทำไมจู่ๆ บอกว่ามีโรคระบาดล่ะ" "เมื่อวานยังปกติอยู่ครับ แต่พอมาเมื่อเช้า
ก็มีชาวบ้านทยอยล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุน่ะครับ" "ฝ่าบาท
หรือไม่ก็เสด็จกลับเมืองหลวง แล้วค่อยมาใหม่ดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่ได้
ข้าจะไปดูสถานการณ์โรคระบาดด้วยตัวเอง" พระเจ้ายองโจทรงยืนยัน
องค์ชายลีซานกราบทูลว่า "ฝ่าบาท อย่าเสี่ยงเลยพ่ะย่ะค่ะ ถ้าไงหม่อมฉันจะดูแทนให้เอง
แต่ฝ่าบาทเสด็จกลับเมืองหลวงดีกว่า" พระเจ้ายองโจทรงค้าน "ไม่ต้องพูด
ท่านแม่ทัพนำทางเร็วเข้า" "พ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้ายองโจเห็นชาวบ้านร้องโอดครวญ
และไอก็รับสั่งให้หยุด และรับสั่งถามขุนนางว่า "ก่อนจะมาถึงเขตนี้
เราได้ผ่านอำเภอสองแห่ง แต่ไม่เคยเห็นที่ไหนที่กันดารขนาดนี้ เป็นเพราะอะไร"
"พระอาญาไม่พ้นเกล้า แม้ที่นี่จะมีแหล่งน้ำ แต่ก็เหือดแห้งมาหลายปี
จนปีที่แล้วเกิดน้ำท่วมหนัก จึงเป็นสาเหตุ ให้เกิดโรคระบาดรุนแรง
ยากแก่การป้องกันพ่ะย่ะค่ะ"
"ให้หมอหลวงออกตรวจชาวบ้านและนำเสบียงที่เราเตรียมมาแจกจ่าย
แบ่งให้ชาวบ้านประทังไปก่อน" "พ่ะย่ะค่ะ" "คืนนี้ยังคงพักที่นี่เหมือนเดิม
ไม่มีการเปลี่ยน เดี๋ยวข้าจะไปดูผู้ป่วยด้วยตัวเอง ช่วยไปจัดการด้วย" "ฝ่าบาท
ผู้ป่วยมีหมอหลวงคอยดูแลอยู่แล้ว
การไปเข้าใกล้ด้วยพระองค์เองเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากนะพ่ะย่ะค่ะ" ฮงนิมฮันท้วง
ฮงพงฮันช่วยทูลกล่อม "ฝ่าบาท พระอนามัยเป็นสิ่งสำคัญ ขอทรงพิจารณาด้วย"
"ขอทรงพิจารณาด้วย" "หลักการปกครองนั้น คือดูแลคนที่อยู่ใกล้ให้ดี ก่อนจะไปถึงคนไกล
แล้วตอนนี้ เห็นอยู่ว่าชาวบ้านป่วยหนักมาอยู่ต่อหน้า ถ้าเป็นเจ้าจะทำยังไง"
องค์ชายลีซานทูลว่า "ฝ่าบาท พระวรกายเป็นสิ่งสำคัญ ขอทรงฟังเหล่าขุนนางด้วยเถอะ
ส่วนหม่อมฉัน จะไปเยี่ยมราษฎร ถามไถ่ทุกข์สุขของพวกเขา" "ดีมาก
เจ้ารู้จักคิดแบบนี้ถือว่าน่าชมเชย แต่ว่า ข้าจะไปกับเจ้า ไปเยี่ยมราษฎรพร้อมกัน"
องคชายลีซานอึ้งไป "ฝ่าบาท" พระเจ้ายองโจกับองค์ชายลี
เสด็จเยี่ยมพวกชาวบ้านที่ไม่สบาย มีชาวบ้านคนหนึ่งอยากพูดแต่อึกอัก
องค์ชายลีซานจึงบอกว่า "ไม่เป็นไร มีอะไรก็พูดมาเถอะ" "เอ่อ เดี๋ยวก็เกิดภัยแล้ง
เดี๋ยวก็น้ำท่วม ความเป็นอยู่ลำบากมากพ่ะย่ะค่ะ" ชายอีกคนเสริมว่า
"แล้วยังมาล้มป่วยอีก สิ้นปีต้องส่งส่วยให้ทางการ ฮือ ไม่รู้จะทำไงดีพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้ามีความเห็นยังไงบ้าง จะช่วยพวกเขาวิธีไหนดี"
พระเจ้ายองโจทรงตรัสถามองค์ชายลีซาน "ลดภาษี ช่วยเพิ่มผลผลิตให้ชาวบ้านในระยะยาว
ส่วนเรื่องโรคระบาด ให้หารือกับกรมการแพทย์ หามาตรการป้องกัน
และสั่งให้กรมบรรเทาทุกข์ ทำการช่วยเหลือเร่งด่วนพ่ะย่ะค่ะ" องค์ชายลีซานตอบ
ชองโฮคยอมแทรกว่า "แต่ว่าฝ่าบาท ปีนี้เดือดร้อนหลายแห่ง
จนงบของกรมบรรเทาทุกข์ใกล้จะหมดแล้ว" พระเจ้ายองโจทรงย้อนถามว่า "ไม่อย่างงั้น
จะปล่อยให้ชาวบ้านตายต่อหน้าหรือไง ไม่เอาไหนจริงๆ
เห็นคนเดือดร้อนไม่ช่วยแล้วยังมีข้ออ้างสารพัดอีก แม่ทัพภาคน่าจะมีเสบียงสำรอง 1
พันหาบไว้สำหรับกองทัพ ทหารยังไม่ต้องใช้ ให้มาแจกชาวบ้านทางนี้ก่อน"
เหล่าขุนนางน้อมรับ "พ่ะย่ะค่ะ" หลังอยู่กันตามลำพังแล้ว แชซกจูต่อว่าชองโฮคยอม
"ไม่นึกว่าเจ้าจะทำงานบกพร่องได้" "ขอโทษด้วยครับ" "คนที่มาขวางการทำงานของเรา
ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ข้าว่าต้องเป็นคนขององค์ชายแน่" "แต่ว่า ถ้าเป็นพวกเขาจริง
ทำไมไม่ยกเลิกการเดินทางซะล่ะ" "นับวันองค์ชายจะยิ่งฉลาดปราดเปรื่อง ถ้าวันหลัง
เกิดเขารู้เรื่องนี้เข้า ความรับผิดชอบของเจ้าจะยิ่งมากขึ้น"
ซอจังบูช่วยดูแลทายาให้เทซู แต่เทซูก็ร้องโอดครวญว่าให้เบาๆ
องค์ชายลีซานเข้ามาเห็นก็ถามว่าเป็นไงบ้าง เทซูตอบว่า "อ้อ .ไม่เป็นไรพ่ะยะค่ะ
แผลเล็กน้อย มากกว่านี้ยังทนไหว ขอทรงวางพระทัย หึ" "เป็นความจริงหรือเปล่า
มีคนคิดลอบปลงพระชนม์หรือ" นัมซาโชถาม ฮงกุกยอนตอบว่า "คนร้ายถือปืนยาว
ซุ่มอยู่ทางที่เสด็จผ่าน ถ้าไม่ได้เทซู ป่านนี้เห็นจะแย่แน่" นัมซาโชตกใจ
"ใช้ปืนเชียวหรือนี่ มันช่างกล้าจริงๆ"
พอออกมานัมซาโชแนะนำองค์ชายลีซานกับแชจีคยอมว่า "ถ้าให้ดี เส้นทางเสด็จกลับ
เราอ้อมใช้อีกทางดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" "หม่อมฉันจะลองคุยกับแม่ทัพตง
ลองใช้เส้นทางอื่นดีกว่า" แชจีคยอมเห็นด้วย "เอางั้นก็ได้
พวกเขาช่างไม่ละความพยายามจริงๆ" "องค์ชาย" "ไม่ต้องห่วง ข้าก็เหมือนกัน
จะตั้งสติอยู่ทุกเวลา" องค์ชายลีซานให้คำมั่น เช้าวันรุ่งขึ้น
พระเจ้ายองโจทรงเสด็จแต่เช้ามืด และรับสั่งกับขุนนางว่า "ข้าส่งม้าเร็วกลับไปแล้ว
พรุ่งนี้จะมีข้าหลวงมาที่นี่ แล้วท่านก็ร่วมมือกับเขา สืบหาสาเหตุที่เกิดโรคระบาด
เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีก มีข้อสรุปเมื่อไหร่ ก็รีบมารายงานข้า" "พ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้ายองโจทรงถอนพระทัย "เฮ่ย เอ่อ" องค์ชายลีซานสังเกตเห็นก็รีบทูลถาม "ฝ่าบาทๆ
เป็นไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" "อ้อ ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง"
แต่พระเจ้ายองโจทรงเสด็จได้ไม่เท่าไรก็ทรงรู้สึกหน้ามืด องค์ชายลีซานและคนอื่นๆ
พากันตกใจรีบตามหมอหลวง

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 16

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 17

พระเจ้ายองโจทรงประชวรในระหว่างเสด็จประพาส
หมอหลวงตรวจพระอาการและทูลองค์ชายลีซานว่า
"เอ่อ ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ
เท่าที่ดูพระอาการ ฝ่าบาทคงติดโรคจากที่แพร่ระบาดอยู่"
แชซกจูทราบจากชองโฮคยอมก็คิดว่าต้องรีบพาพระเจ้ายองโจเสด็จกลับวังหลวง
แต่ชองโฮคยอมบอกว่า
"แต่ว่า หมอหลวงบอกว่าห้ามเดินทางไกล"
"ห้ามเดินทางหรือ
เพราะอะไรกันน่ะ"
"เพราะฝ่าบาท ทรงชราภาพซ้ำยังอ่อนกำลัง หากมีการเคลื่อนไหวอีก
จะมีผลต่ออาการให้ยิ่งทรุดหนักลง"
"ไม่งั้น เราจะนั่งรออยู่นี่ ในที่ๆ
แม้แต่อาหารยังหายากหรือไง"
"และถ้าปล่อยไว้นาน
เกิดฝ่าบาทไม่อาจทรงหายเป็นปกติได้ล่ะ"
"ใต้เท้า
รู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมาน่ะ" แชซกจูดุฮงนิมฮัน
"ก็โรคที่เป็นอยู่แถวนี้
ยิ่งเกิดกับเด็กและคนแก่ แทบไม่มีโอกาสรอดด้วยซ้ำ ถ้าโชคร้าย
ฝ่าบาททรงประชวรจนย่ำแย่ ถึงตอนนั้น ราชบัลลังก์ มิต้องตกเป็นขององค์ชายหรอกหรือ"
"รีบส่งคนกลับไปเมืองหลวง ทูลพระมเหสีให้ทรงทราบเรื่องนี้"
ชองโฮคยอมน้อมรับ "ครับ ใต้เท้า"
"จริงๆ เพราะเราประมาทเกินไป
ลืมไปว่าฝ่าบาททรงมีพระชนมายุ 70 ชันษาเข้าไปแล้ว ถ้าหาก ฝ่าบาททรงประชวรหนักจริง
ทุกอย่างก็จะพังหมด"
องค์ชายลีซานทรงเฝ้าดูแลพระเจ้ายองโจอย่างใกล้ชิด
เทซูตามหาฮงกุกยองจนพบ แล้วถามว่า
"เอ่อ เฮ่ย ท่านอยู่นี่เองหรอกหรือ
ข้าหาตั้งนานแน่ะ หึ ได้ยินว่าฝ่าบาททรงประชวรด้วยโรคระบาดจริงหรือเปล่าครับ
และขุนนางก็ลือกันอีกว่า แม้แต่องค์ชายก็ใกล้จะประชวรตาม
แล้วยังให้พวกเราอยู่ต่ออีก ใครจะอยู่ได้ล่ะครับ ว่าแต่ ที่เขาพูดจริงหรือเปล่า"
"อาจเพราะแถวนี้มีคนติดโรคเยอะ หลายฝ่ายก็เลยตกใจ"
"หึ
ถ้าแม้แต่พวกเราก็ป่วย มิยิ่งแย่หรอกหรือ เฮ่ย สวรรค์ช่างไม่เห็นใจเราบ้างเลย"
"สวรรค์เห็นใจแล้ว ไม่แน่ว่า
นี่อาจเป็นสัญญาณที่จะเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ก็เป็นได้"
"อะไรนะครับ" เทซูอึ้งไป
ฮงกุกยองเอาแต่ถอนใจ
ในวังหลวง
พระมเหสีจองซุนรับสั่งให้พระพันปีเฮคยองและพระชายาโยอึยออกไปข้างนอกพร้อมกับพระองค์
"มาแล้วหรือจ๊ะ เมื่อทุกคนมากันพร้อม เราก็รีบไปเถอะ"
พระพันปีเฮคยองทูลค้านว่า "แต่ว่า ตอนนี้ฝ่าบาทไม่อยู่ในวัง แล้วเราออกไปแบบนี้
จะไม่เป็นที่ครหาหรือเพคะ"
"หึ ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าขออนุญาตฝ่าบาทไว้แต่แรกแล้ว
เทศกาล “จงยาง” เป็นวันเดียวที่ให้ผู้หญิงออกจากบ้านไปเที่ยวข้างนอกได้ตามอำเภอใจ
หากไม่ใช่วันแบบนี้ เราจะมีโอกาสเป็นอิสระที่ไหนกัน"
"แต่ว่า"
พระมเหสีจองซุนทรงตัดบท "เจ้าก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ ไปกับข้าเถอะ
ดูหน้าตาของพวกเด็กๆ เข้า แค่รู้ว่าจะได้เที่ยว แต่ละคนก็ดีอกดีใจนัก
การรู้จักเห็นใจบ่าวไพร่บ้าง ก็เป็นสิ่งที่เราควรทำไม่ใช่หรือ"
"ขอทรงอภัยเพคะ
บางครั้งหม่อมฉันก็ไม่ทันคิดรอบคอบ"
"ไปด้วยกันนะพินกุง"
พระชายาโยอึยน้อมรับ "เพคะพระมเหสี"
เมื่อไปถึงวัด
พระมเหสีจองซุนก็ทรงพบกับซังกุงขององค์หญิงวาวาน
"พระมเหสี ทรงสำราญดีมั้ยเพคะ"
"สบายดี ว่าแต่ องค์หญิงก็มาที่นี่ด้วยหรือ"
"ใช่แล้วเพคะ
ตอนนี้องค์หญิงวาวาน กำลังสวดมนต์อยู่ในอุโบสถเพคะ"
"สวดมนต์หรือ"
"เพคะ
องค์หญิงทรงตั้งพระทัยจะมาถือศีล 7 วัน เพื่อขอพรให้พระชายาโยอึยทรงตั้งครรภ์เร็วๆ
เพคะ"
คณะของพระมเหสีจองซุนเสด็จเข้าไปด้านใน พบกับองค์หญิงวาวาน
"องค์หญิง
ไม่เจอองค์หญิงตั้งนาน"
"พระมเหสี ทำไมเสด็จมาถึงนี่ ยังมีพระชายาทั้งสองด้วย"
"เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของพินกุง ข้ายังไม่ทันทำอะไรเพื่อนางซักอย่าง
ไม่นึกว่าองค์หญิงจะหวังดียิ่งกว่าข้า ช่างเป็นการลำบากจริงๆ"
"ไม่เป็นไรมิได้เพคะ หม่อมฉันได้ยินว่าพระชายาเฮคยอง
ทรงห่วงเรื่องตั้งครรภ์ของพระชายาโยอึย จึงหวังว่าจะช่วยได้บ้าง
เพราะถ้ามีทายาทซักคน หลายฝ่ายคงจะดีใจนัก หึ นี่คือลูกประคำที่หม่อมฉันใช้อยู่
ถึงไม่คิดอะไรแต่ให้เป็นที่พึ่งทางใจ อย่างน้อยก็ช่วยให้สบายพระทัยขึ้น"
"ขอบพระทัยองค์หญิง" พระชายาโยอึยกล่าว
พระพันปีเฮคยองสงสัย
"ว่าแต่องค์หญิงอยู่บ้านเดิมแท้ๆ ทำไมรู้เรื่องในวังราวกับมีตาทิพย์ล่ะเพคะ
ถึงขนาดรู้ว่าหม่อมฉันร้อนใจเรื่องตั้งครรภ์ของพินกุง จนมาอธิษฐานให้นางซะอีก"
"หม่อมฉันเป็นห่วงราชสำนัก จึงได้ติดตามความเป็นไปอยู่ตลอด โดยเฉพาะการขอพรนั้น
หม่อมฉันเคยตั้งใจอยู่นาน ในเมื่อได้มาอยู่บ้านเกิด หม่อมฉันเลยทำตามความตั้งใจซะ"
"ขนาดออกจากวังมา ยังเป็นห่วงญาติพี่น้องที่อยู่ข้างใน
ช่างเป็นน้ำใจอันประเสริฐนัก ยังไงขอให้อดทนอีกหน่อย ข้าเชื่อว่าฝ่าบาท
คงจะเห็นความดีขององค์หญิงและให้อภัยในไม่ช้า" พระมเหสีจองซุนทรงชื่นชม
"ขอบพระทัยพระมเหสีเพคะ"
และขณะที่แยกออกมาพระพันปีเฮคยองทรงรับสั่งกับพระชายาโยอึยว่า
"ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวนัก
รู้ว่าเราจะผ่านทางนี้เลยจงใจมาดักรอเพื่อเล่นละคร
ให้เห็นว่านางทำดีจะได้ไปทูลฝ่าบาท แสดงว่าเป็นแผนที่วางไว้แต่แรก
คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง แต่เราอย่าหลงคารมของนางเป็นอันขาด ไม่ว่ายังไง
เราจะไม่ให้องค์หญิงได้เข้าวังอีกครั้ง"
"เพคะเสด็จแม่"
พระมเหสีจองซุนทรงรับสั่งกับองค์หญิงวาวานว่า
"อุตส่าห์คิดแผนแบบนี้ออกมา
แสดงว่าคงทนไม่ไหวแล้วสิ"
"หม่อมฉันขออภัยเพคะ"
"อาจมีช่องทางทำให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนพระทัยได้
ขอเพียงองค์หญิงรู้จักฉวยโอกาสให้ดี แล้วข้าจะช่วยพูดอีกคน อดทนอีกนิดเถอะ
ซักวันคงได้กลับไปอีกครั้ง"
"ขอบพระทัยพระมเหสีเพคะ"
ซังกุงเข้ามาทูลว่า
"มีข่าวด่วนแจ้งไปทางราชสำนัก ว่าฝ่าบาททรงประชวรระหว่างทางเสด็จไปสุสานหลวงเพคะ"
องค์หญิงวาวานตกใจ "หา หึ"
พระมเหสีจองซุนรับสั่งถาม
"เจ้าบอกว่าฝ่าบาทประชวรหรือ เรื่องเป็นมายังไงกัน"
พระมเหสีจองซุนทรงเรียกนายกองมาสอบถาม
และพอกลับถึงบ้านองค์หญิงวาวานก็สั่งให้คนเตรียมตัวเพื่อเข้าเฝ้าพระมเหสีจองซุน
แม้ซังกุงจะห้ามแต่กลับถูกองค์หญิงวาวานดุ
"หุบปาก ข้าไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
ถ้าให้องค์ชายครองราชย์เมื่อไหร่ ข้าก็มีแต่ตายสถานเดียว หึ
บอกให้เตรียมตัวไม่ได้ยินหรือไง หึ"
ชองโฮคยอมให้คนนำจดหมายมาถวายพระมเหสี
ทรงอ่านแล้วตรัสว่า
"หึ ทำงานไม่เอาไหนทั้งนั้น
บอกว่าคราวนี้จะกำจัดองค์ชายลีซานให้ได้
กลับกลายเป็นช่วยผลักดันให้เขาได้ครองราชย์เร็วขึ้นด้วยซ้ำ
เอาจดหมายข้าไปมอบให้เจ้ากรมปกครอง
บอกเขาว่าอย่าให้องค์ชายได้กลับมาเมืองหลวงเด็ดขาด ถ้าเกิดโชคร้าย
ฝ่าบาททรงมีอันเป็นไปละก้อ องค์ชายจะต้องตามเสด็จไปด้วย ไม่ใช่
บอกพวกเขาว่าให้องค์ชายไปก่อน เข้าใจมั้ย"
"เข้าใจเพคะ"
"องค์หญิงมาขอเฝ้าเพคะ"
"วาวานน่ะหรือ"
"หึ พระมเหสี"
"นี่มันอะไรกัน เจ้ายังไม่ควรเข้าวังตอนนี้รู้หรือเปล่า"
"หม่อมฉันร้อนใจจนรอไม่ไหวเพคะ ทรงมีข่าวเสด็จพ่อบ้างหรือยัง"
"เห็นว่าอาการหนัก จนไม่สามารถเดินทางกลับมาได้"
"หา แล้วทำไงดีเพคะ
เกิดเสด็จพ่อทรงมีอันเป็นไป ลีซานก็ได้ครองราชย์ต่อ"
พระมเหสีจองซุนทรงดุ
"พูดจาระวังปากหน่อย เขาจะไม่มีทางได้ครองราชย์ อย่าหวังไปเลย"
องค์ชายลีซานทรงเฝ้าพระเจ้ายองโจ
"เท่าที่ดูมา หนุ่มสาวที่กินยา
ส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้น ส่วนคนแก่และเด็ก มักไม่มีการตอบสนอง แสดงว่า
โรคนี้อาจเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน" องค์ชายลีซานทรงกล่าวกับหมอหลวง
"ใช่พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันก็เห็นด้วยกับองค์ชาย แต่ว่า
ยาบำรุงที่ซื้อจากต้าชิงกำลังจะส่งมาถึง ขอเพียงฝ่าบาททรงแข็งพระทัย
ทนได้อีกซักหน่อย"
"ท่านบอกว่า ยาจากต้าชิงงั้นหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ เช่น
“เซียงฟู่จื่อ” และ “หวงป๋อ” เหล่านี้ล้วนเป็นยาบำรุงเลือดลมชั้นเยี่ยม
อีกไม่นานจะมาถึงท่าเรือซอกังพ่ะย่ะค่ะ"
"งั้นก็ดี แต่ตอนนี้ประทังไปก่อน
ใช้ยาที่สำนักหมอหลวงส่งมา พยายามควบคุมพระอาการให้ทรงไว้ก็พอ อีกอย่าง
เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ให้ระดมหมอชาวบ้านในแถบนี้
มารักษาผู้ป่วยให้หายให้มากที่สุด เข้าใจหรือเปล่า"
"รับทราบพ่ะย่ะค่ะ เฮ่ย"
องค์ชายลีซานออกมาสักพัก นัมซาโชก็บอกว่าพระเจ้ายองโจทรงรู้สึกพระองค์แล้ว
ก็รีบไปเข้าเฝ้า
"ฝ่าบาท ทรงจำหม่อมฉันได้ไหมพ่ะยะค่ะ"
"อึม หึ
ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า"
"พ่ะย่ะค่ะ เชิญรับสั่งมาได้"
"เจ้า
รีบเตรียมตัวเดินทาง กลับไปวังหลวงซะ"
องค์ชายลีซานไม่เข้าใจ "อะไรนะ"
"หึ
นี่เป็นคำสั่ง ให้รีบเดินทางกลับไปวังหลวง"
"ฝ่าบาท
ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ทรงประชวรหนักมาก
แล้วหม่อมฉันจะทิ้งฝ่าบาทกลับไปได้ยังไง"
"เมื่อพระราชา หึ ไม่สามารถ
ทำงานได้เหมือนปกติหรือล้มป่วย ก็ต้องมี ใครซักคนเป็นเสาหลักแทน เข้าใจหรือเปล่า หึ
เมื่อข้า หายดีแล้วก็จะกลับไปเอง แต่เจ้าต้องไปก่อน เพื่อดูแลราชกิจใหญ่น้อยแทนข้า
เข้าใจหรือเปล่า และนี่เป็น หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของเจ้าด้วย หึ"
แชซกจูถามชองโฮคยอมว่าพระอาการของพระเจ้ายองโจเป็นไงบ้าง
"แม้จะรู้สึกพระองค์บ้าง แต่ว่า ยังไม่พ้นขีดอันตรายครับ 2-3
วันนี้คือช่วงสำคัญ เห็นว่าถ้าไม่รีบบำรุง พระอาการจะยิ่งทรุดหนักก็เป็นได้"
"แต่ว่า กลับมีรับสั่ง ให้องค์ชายเสด็จกลับไปก่อน
พระมเหสีทรงคาดการณ์แม่นยำจริงๆ รับสั่งว่าถ้าฝ่าบาท ทรงรู้สึกพระองค์
ต้องมีพระบัญชา ให้องค์ชายรีบกลับเมืองหลวงโดยเร็ว แต่ว่า ถ้าฝ่าบาททรงทรุดหนักจริง
องค์ชายอาจไม่ได้กลับไปอีกก็ได้"
"แล้วจะทำไงดีครับ
เราส่งนักฆ่าไปดักกลางทางดีมั้ย ตอนนี้ยังเหลืออยู่สองจุด"
"ช่างเถอะ
งานนี้ล้มเหลวแล้วยังไม่เข็ดอีก พระมเหสีรับสั่งว่า เราต้องหาวิธี
ที่จะจัดการได้อย่างสิ้นซาก"
"จัดการได้อย่างสิ้นซากหรือ"
"อึม
คงไม่มีทางอื่น นอกจากเอาชีวิตเข้าแลก ยังไงก็ต้องขวางองค์ชายให้ได้"
ขณะที่แชจีคยอมเห็นด้วยที่พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งให้องค์ชายลีซานเสด็จกลับวังหลวง
"เพื่อเห็นแก่ส่วนรวม รับสั่งให้องค์ชายกลับก่อน ถือเป็นพระดำริที่ถูกแล้ว
ยังไงก็ตามเพื่อความไม่ประมาท ต้องทรงทำตามพระบัญชานะพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้อนี้ข้าก็รู้"
"แต่ว่าองค์ชาย ที่ตามเสด็จมาคราวนี้
มีบางคนที่คิดปองร้ายอยู่ ถ้าเสด็จกลับ ไม่รู้จะมีหลุมพรางอะไรรออยู่หรือเปล่า"
"ข้าก็คิดอย่างงั้น พวกเขาต้องหาวิธี ไม่ให้ข้ากลับไปเมืองหลวงง่ายๆ"
"แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ และอาจไม่ใช่แค่ ส่งนักฆ่ามาเพียง 2-3 คนเท่านั้น"
"ถ้าอย่างงั้น เราจะทำไงดี แล้วเจ้า พอมีทางรับมือหรือเปล่า"
ฮงกุกยองว่า
"เส้นทางกลับเมืองหลวง มีเพียง “ทานักวาน” และ “ยางกึน” ที่พอสัญจรได้สะดวก
เพราะฉะนั้น เราจะแบ่งกำลังเป็นสองสาย เพื่อหลอกล่อพวกมันไปอยู่ทางใดทางหนึ่ง"
"แบ่งกำลังเป็นสองสายหรือ หมายความว่ายังไง" องค์ชายลีซานไม่เข้าใจ
"สายหนึ่ง ปลอมเป็นขบวนเสด็จขององค์ชาย มีทหารคุ้มกันแน่นหนา ไม่แน่ว่า
อาจเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมันได้
ส่วนองค์ชายก็ไปอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อเข้าเมืองหลวง"
"ถ้าอย่างงั้น
คนที่ไม่ได้ไปกับข้ามิแย่หรอกหรือ ปะเหมาะเคราะห์ร้าย พวกเขาอาจต้องตายแทนข้าก็ได้"
องค์ชายลีซานไม่เห็นด้วย
"พ่ะย่ะค่ะ อาจจะเป็นอย่างงั้น"
"ท่านว่าไงนะ"
"องค์ชาย อีกฝ่ายจะทำอะไรบ้าง เราไม่อาจคาดเดาถูก
ถ้าจะกลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว"
"เรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วย"
"องค์ชาย"
"ไม่ต้องพูด
ข้าให้พวกเขามาเป็นทหาร ไม่ใช่แพะรับบาปมาตายแทนข้า"
คังซกกีทูลว่า "องค์ชาย
การได้พลีชีพเพื่อพระองค์ ถือเป็นความภูมิใจของพวกเราพ่ะย่ะค่ะ"
"ขอเพียงได้ทำเพื่อองค์ชาย จะไม่มีอะไรน่าภูมิใจมากกว่านี้อีกแล้ว" ซอจังบูว่า
"แต่การปกป้องพวกเจ้า ก็เป็นหน้าที่ของข้าเหมือนกัน"
ทุกคนอึ้ง "องค์ชาย"
"เส้นทางกลับเมืองหลวง ไม่ว่าจะใช้ทางไหน ทุกคนต้องไปกับข้าโดยไม่มีการแบ่งแยก
เพราะข้าตัดสินใจแล้ว"
ฮงกุกยองกับนัมซาโชขอร้องให้แชจีคยอมช่วยพูดกล่อมองค์ชายลีซาน
แต่แชจีคยอมกล่าวว่า
"ท่านยังไม่รู้นิสัยองค์ชายหรือ
สิ่งที่ทรงตัดสินพระทัยแล้ว ใครก็ไม่อาจเปลี่ยนความคิดได้"
000000000000
ด้านชองโฮคยอมนั้น โอจองโฮเสนอให้คนของเราเข้าปะปนไปในขบวน
แต่ชองโฮคยอมบอกว่าจะไม่ใช้
"ข้าจะไม่ใช้พวกเขา การเข้าถ้ำเสือไปจับลูกเสือ
เราควรยืมมือคนอื่นมากกว่า"
ฮงกุกยองเห็นว่าไม่สามารถพูดกล่อมองค์ชายลีซานได้
จึงสั่งให้คังซกกีนำจดหมายไปมอบให้นายอำเภอที่เคียววา
ก่อนออกเดินทาง
องค์ชายลีซานได้พบกับซองซอยอน
"ต้องช่วยห้องเครื่องทำงานอีก
ขนาดมาไกลยังต้องลำบากเจ้านัก"
"เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกเพคะ ตอนอยู่ที่ศูนย์ฯ
หม่อมฉันก็ทำพวกนี้อยู่แล้ว"
"ใครว่าไม่เป็นไร ดูเจ้าซูบผอมไปเยอะ
ข้ามีของบางอย่างจะให้"
"องค์ชาย นี่คือ"
"เก็บไว้ยามฉุกเฉิน
เป็นยาที่สำนักหมอหลวงให้มา"
"เอ่อ ไม่ได้หรอกเพคะ องค์ชายน่าจะเก็บไว้เสวยเอง
ไม่ควรมาให้หม่อมฉัน"
"แต่วันนี้ ข้าต้องกลับเมืองหลวงตามรับสั่งของฝ่าบาท
ให้เจ้าอยู่คนเดียว ไม่มีใครดูแล ข้ารู้สึกเป็นห่วงนัก" องค์ชายลีซานจับมือ
"ต้องดูแลตัวเองดีๆ กลับไปหาข้าให้ได้ รู้หรือเปล่า"
"เพคะองค์ชาย"
หลังจากนั้นองค์ชายลีซานก็ทรงรับสั่งกับแชจีคยอม
"ใต้เท้า
ช่วยดูแลความปลอดภัยของฝ่าบาทด้วยนะ"
"ขอทรงวางพระทัย หม่อมฉัน
จะพยายามเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ"
"แม้เมืองหลวงจะห่างจากที่นี่แค่ร้อยลี้
แต่เส้นทางไม่สู้ปลอดภัยนัก แต่ว่า ข้าเชื่อใจพวกเจ้าทุกคน และขอให้ทุกคนเชื่อข้า
เราจะไปด้วยกัน"
"น้อมรับพระบัญชา"
องค์ชายลีซานและคณะออกเดินทาง
ใกล้ถึงสองเส้นทางที่จะตรงไปเมืองหลวง แชซกจูสั่งให้เตรียมพร้อม
องค์ชายลีซานสั่งให้พักสักครู่ ซอจังบูบอกกับเทซูให้เตรียมตัว ฮงกุกยองบอกว่า
"ออกจากที่นี่ เราจะไปทางทานักวาน"
"ถ้าไปทางนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วยามน่ะสิ" ซอจังบูว่า
"แต่ถ้าไปทางยางกึน จะมีช่วงที่เป็นอันตรายมาก"
"อีกฝ่ายมีอะไรเคลื่อนไหวมั้ย" องค์ชายลีซานตรัสถาม
"หม่อมฉันคอยดูข้างหลังตลอด ไม่มีอะไรที่ผิดสังเกตพ่ะย่ะค่ะ"
"อึม
แต่ก็ไม่ควรประมาท บอกทหารคนอื่นให้ระวังตัวทุกฝีก้าวล่ะ"
"ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"ตอนนี้กำลังให้ม้ากินหญ้าอยู่ องค์ชาย เชิญพักผ่อนซักครู่ก็ได้" ฮงกุกยองทูล
ทางด้านโอจองโฮก็ส่งข่าวบอกชองโฮคยอมว่า พวกองค์ชายลีซานไปทางยางกึน
พวกซอจังบูก็พยายามกำชับทุกคนให้ระวังตัว และถามเทซูว่า
"ยังไหวอยู่นะ"
เทซูรับคำทันที "ไหวครับ ไม่ต้องเป็นห่วง"
"อึม เห็นท่านฮงบอกว่า
เจ้าขออาสาเป็นตัวแทนองค์ชายเอง"
"ใช่"
"งั้นก็ต้องระวัง
เพราะเจ้าจะกลายเป็นเป้าหมาย เข้าใจมั้ย"
"ครับ บอกแล้วว่าวางใจ
ถึงข้าจะไม่เอาไหน แต่เรื่องหลบหลีกอาวุธ ยังพอมีความไวอยู่บ้าง"
"ขี้คุยจริงๆ
ยังไงข้าจะปกป้องเจ้าอย่างดี ไม่ต้องห่วง เพราะนับแต่นี้ไป เจ้าก็คือองค์ชาย"
"โธ่เอ๊ย อย่าพูดอย่างงั้นสิครับ"
พอออกเดินทางได้สักพัก
องค์ชายลีซานก็สังเกตบางอย่าง และถามฮงกุกยอง
"ข้ามีเรื่องสงสัยบางอย่าง
ทำไมทหารบางส่วนจู่ๆ หายไปไหนก็ไม่รู้"
"พวกเขา มุ่งไปทางยางกึนพ่ะย่ะค่ะ"
"ไปทางยางกึน เพราะอะไร ที่เราตกลงคือกลับทางทานักวานไม่ใช่หรือ"
"ขอทรงอภัยด้วย หม่อมฉันให้ทหารอีกกลุ่ม ปลอมเป็นขบวนเสด็จพ่ะย่ะค่ะ"
"ทำไมทำอย่างงั้น เราตกลงว่าจะไปด้วยกันนี่"
"ทำอย่างงั้นไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ
หน้าที่ของทหารคือดูแลความปลอดภัยขององค์ชาย พวกเขาต้องพร้อมสละชีวิตได้ทุกเมื่อ"
"นี่แปลว่า เจ้าขัดคำสั่งข้าใช่ไหม แอบไปสั่งการด้วยตัวเองหรือ"
องค์ชายลีซานทรงโมโห
"รับสั่งให้ประหารหม่อมฉันเถอะพ่ะย่ะค่ะ ที่ทำแบบนี้
เพราะไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ"
ทั้งองค์ชายลีซานและนัมซาโชได้แต่ถอนใจ
"แล้วส่งไปทางโน้นกี่คน ที่ไปทางยางกึน มีทั้งหมดกี่คน"
"8 คนพ่ะย่ะค่ะ"
"8 คนหรือ ท่านบ้าแล้วหรือไง แค่ 8 คนจะทำอะไรได้ นี่เท่ากับ
ให้พวกเขาไปตายชัดๆ"
"แต่ว่า ส่วนที่ถวายอารักขาองค์ชายก็ยิ่งสำคัญ
เราไม่อาจส่งคนไปทางโน้นมากไปพ่ะย่ะค่ะ"
"เฮ่อ แล้วไปตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ตอนองค์ชายทรงพักผ่อน พวกเขาก็ไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพื่อหลอกล่อศัตรู
หลังจากออกเดินทางแล้ว พวกเรามาพักอยู่นี่ ส่วนอีกกลุ่ม
มุ่งตรงไปทางยางกึนพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ แม้แต่ท่าน"
"เอ่อ ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ
เพราะหม่อมฉันเห็นด้วยกับความคิดท่านฮง"
"มหาดเล็กนัม"
"องค์ชาย
ทหารทุกคนล้วนมีปณิธาน ที่พร้อมจะพลีชีพเพื่อนายอยู่แล้ว
ขอทรงเห็นแก่ความภักดีของพวกเขาด้วยเถอะ ขอทรงอภัยด้วยเถอะ แต่ตอนนี้
สิ่งสำคัญคือรีบกลับเมืองหลวงนะพ่ะย่ะค่ะ"
"ศัตรูยังไม่ไหวตัว
รีบไปทางทานักวานเพื่อกลับเมืองหลวงเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วเทซูล่ะ
ตอนนี้เขาอยู่ไหน แม้แต่เขาก็ไปยางกึนด้วยหรือ"
ฮงกุกยองไม่กล้าบอก
ทันใดนั้นองค์ชายลีซานก็ตรัสว่า "ข้าจะไปทางยางกึน"
ฮงกุกยองกับนัมซาโชตกใจมาก
"องค์ชาย"
"ข้าจะไม่เห็นแก่ตัว ปล่อยให้ทุกคนไปตายแทนอย่างงั้น ข้าจะตามไปด้วย
และพาพวกเขากลับมา"
"สายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาออกเดินทาง
เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนแล้ว" นัมซาโชว่า
"ถึงเราตามไปตอนนี้
ทุกอย่างก็สายเกินแก้แล้ว" ฮงกุกยองว่าต่อ
เวลานั้นขบวนที่มีเทซูปลอมเป็นองค์ชายลีซานก็ถูกดักทำร้าย ทุกคนต่อสู้สุดชีวิต
แต่สู้ไม่ไหว ซอจังบูร้องบอกให้หนี เทซูจึงล่อพวกโจร แต่ทันใดนั้นพวกทหารมาช่วย
พวกโจรเลยรีบเผ่นหนี
"ปลอดภัยแล้ว ทำใจดีๆ ไว้ เทซูๆ ทำใจดีๆ ไว้นะ"
เทซูไอนิดและหอบ โจรคนหนึ่งตาย คังซกกีกับซอจังบูรีบช่วยกันดูเทซู
"เทซู หา
เลือดออกเยอะเลย"
"เทซู เข้มแข็งไว้นะ เทซู เจ้าต้องไม่ตายนะ"
"ลืมตาเร็วเข้า เทซูๆ"
000000000000000
องค์ชายลีซานเสด็จถึงวังหลวง
ก็เข้าเฝ้าพระมเหสีจองซุน
"พระมเหสี"
"เมื่อกี้เพิ่งได้ข่าว
ว่าเจ้ากลับมาคนเดียว บอกซิว่า เรื่องมันเป็นมายังไงน่ะ
ทำไมฝ่าบาทไม่เสด็จกลับมาด้วย มีแต่เจ้ามาคนเดียวล่ะ"
"ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วตอนนี้ฝ่าบาทเป็นไงบ้าง พระอาการดีขึ้นบ้างหรือยัง"
"หม่อมฉันรู้สึกละอายใจ แม้จะทรงรู้สึกพระองค์ แต่ขณะที่หม่อมฉันเดินทางกลับมา
ยังไม่อาจลุกขึ้นได้"
พระมเหสีจองซุนทรงถอนพระทัย "เฮ่อ"
"แต่ว่า
ยาของต้าชิงใกล้มาถึงแล้ว พระมเหสีทรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเชื่อว่าฝ่าบาท
ต้องเอาชนะโรคภัย เสด็จกลับมาอย่างปลอดภัย"
"องค์ชาย"
"พ่ะย่ะค่ะ"
จากนั้นองค์ชายลีซานเข้าเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
"เห็นเจ้าปลอดภัยกลับมา
แม่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว หลายวันนี้ แม่ห่วงว่าเจ้าจะติดโรคที่แพร่ระบาดอยู่
จนแทบไม่ได้กินนอนด้วยซ้ำ"
"หม่อมฉันขออภัย ที่ทำให้ทรงเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ"
"แค่เห็นเจ้าแข็งแรงดี แม่ก็ขอบคุณสวรรค์แล้ว จริงมั้ยจ๊ะพินกุง"
"เพคะเสด็จแม่"
องค์ชายลีซานทรงรับสั่งกับฮงกุกยองว่า
"พรุ่งนี้เช้าให้ส่งหมอหลวงทั้งหมดไปที่นั่น และดูว่ายาของต้าชิงส่งมาหรือยัง
ยังไงก็ต้องรักษาโรคระบาดให้หายขาดจงได้"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"เพราะมีข่าวว่าแม้แต่ฝ่าบาทยังประชวร ทำให้ราษฎรยิ่งเสียขวัญ"
"พ่ะย่ะค่ะ
ปกติฤดูใบไม้ร่วงมักจะมีโรคภัยตามมาเป็นประจำ ยิ่งมีข่าวโรคระบาดด้วยแล้ว
ราคาของยาจึงยิ่งขึ้นสูงจนชาวบ้านโอดครวญ เพราะไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะเสด็จกลับเมื่อไหร่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ องค์ชายต้องหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อหาทางป้องกันไว้ก่อน"
"ข้ารู้"
"องค์ชาย มหาดเล็กนัมพ่ะย่ะค่ะ"
"เชิญเข้ามา เป็นไงบ้าง
ทหารที่ไปทางยางกึน ยังไม่มีข่าวมาอีกหรือ"
"ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ"
"ขอทรงวางพระทัย พวกเขา ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่"
ทางด้านชองโฮคยอมก็ถามโอจองโฮว่างานสำเร็จหรือเปล่า
"ขอโทษด้วยครับ
แม้เราจะจู่โจมตามแผน แต่ไม่นึกว่าองค์ชาย จะให้คนอื่นปลอมตัวแทน"
"อะไรนะ
ต้องเป็นมันแน่ เป็นแผนของฮงกุกยอง หึ เมื่อไม่ยอมทำงานให้เรา เราก็น่าจะกำจัดมันซะ
หึ" ชองโฮคยอมเจ็บใจมาก
ชองโฮคยอมบอกแชซกจูว่าแผนล้มเหลว
และคิดว่าองค์ชายลีซานคงถึงวังหลวงแล้ว
"แล้วจะทำไงต่อ
ตอนนี้อาการของฝ่าบาทยังไม่แน่นอน ส่วนองค์ชายก็กลับไปกุมอำนาจในวัง
แล้วเราจะมองหน้าพระมเหสีได้ยังไง เฮ่อ ถ้าเราไม่อยากตายกันหมด
ก็ต้องพาฝ่าบาทกลับไปให้ได้"
"แต่ด้วยพระอาการตอนนี้
ยังไม่เหมาะจะเดินทางไกลนี่ครับ เกิดมีอะไรระหว่างทางขึ้นมา"
"แต่ถ้ารอเฉยๆ
ก็ป่วยการ เมื่อไหร่จะหายล่ะ"
องค์ชายลีซานทรงทราบจากหมอว่าเรือที่ลำเลียงยามาจากต้าชิงเจอมรสุม
ทำให้ไม่อาจเทียบท่าเรือได้
"ถ้าอย่างงั้น แล้วตอนนี้เรืออยู่ที่ไหน"
องค์ชายลีซานถาม
"อยู่แถวเกาะคังวาพ่ะย่ะค่ะ"
"เอ่อ องค์ชาย"
"ถ้าอยู่แถวคังวา ใช้ม้าเร็วขนส่งก็ต้องเสียเวลาหนึ่งวัน และกว่าจะไปถึงเมือง
“ยางจู” อีก ก็ต้องอีกสองวัน"
ฮงกุกยองเข้ามา "องค์ชายๆ
คนไปที่ทางยางกึนกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วเป็นไง ปลอดภัยทุกคนใช่ไหม"
"ตายไป 5 คน บาดเจ็บสาหัสกลับมา 3 คน กำลังให้หมอหลวงดูอยู่พ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานรีบเสด็จไปหาทันที ทรงเห็นสภาพของเทซูก็ตกใจมาก
"เทซู"
"หือ โอ๊ะ องค์ชาย หึ"
"ที่เจ้าปลอมตัวเป็นข้า ข้าก็เพิ่งจะรู้
ทำไมถึงได้ทำโง่ๆ แบบนี้"
"ขอเพียงองค์ชายปลอดภัย แค่นี้ก็คุ้มแล้ว" เทซูหอบ
ซอจังบูไปบอกดัลโฮว่าเทซูบาดเจ็บสาหัส เขารีบมาดูหลานชายทันที
องค์ชายลีซานสั่งการกับหมอหลวงว่า
"ให้หมอทุกคน
ไปร้านขายยาทุกแห่งในเมืองหลวง แล้วเหมา หลิงจือ หวงฉี ส่งไปเมืองยางจูโดยเร็ว
แม้ว่าสรรพคุณจะสู้ยาต้าชิงไม่ได้ แต่ก็ช่วยบำรุงลมปราณดีนัก
ส่วนหมอหลวงที่ประจำการ ให้เหลือ 2-3 คนในวังก็พอ นอกนั้นไปเมืองยางจูให้หมด"
"พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย"
พระมเหสีจองซุนทรงค้าน "เรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วย
อีกไม่นานฝ่าบาทคงจะกลับมา ถึงตอนนั้น ต้องมีหมอหลวงหลายคนถวายการดูแล
แล้วจะส่งออกไปหมดได้ยังไง"
"แต่ตอนนี้ที่สำคัญ คือระงับการแพร่ระบาดของโรค
หม่อมฉันจะส่งหมอไปยังละแวกนั้น เพื่อรักษาชาวบ้านให้หายพ่ะย่ะค่ะ"
"องค์ชาย
หมอหลวงมีหน้าที่รักษาฝ่าบาทเท่านั้น ทุกคนต้องอยู่ในวังหมด จนกว่าฝ่าบาทจะทรงหายดี
เพราะฉะนั้นต้องรอให้ฝ่าบาทกลับมาก่อน"
"หม่อมฉันเข้าใจความหมายของพระมเหสี
แต่ตอนนี้ คงต้องทำตามคำสั่งหม่อมฉันก่อน"
"อะไรนะ"
พระมเหสีจองซุนทรงไม่พอพระทัยมาก
"ที่ฝ่าบาทรับสั่งให้หม่อมฉันกลับมา
ก็เพื่อเป็นผู้แทนพระองค์ ทำการตัดสินใจเรื่องที่สำคัญเร่งด่วน"
"หมายความว่า
เจ้าจะขัดคำสั่งข้าใช่ไหม"
"พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทมีหมอหลวงคอยดูอยู่แล้ว
หมอคนอื่นๆ จึงต้องไปรักษาชาวบ้านที่ป่วย
ตอนนี้คำสั่งของหม่อมฉันก็เปรียบเสมือนพระบัญชา โปรดทรงทำตามด้วย"
องค์ชายลีซานเสด็จออกไป พระมเหสีจองซุนมองตาม "ช่างกำแหงนัก บังอาจจริงๆ หึ"
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 17

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 18

องค์ชายลีซานเสด็จออกมาก็พบกับองค์หญิงวาวาน
"เสด็จป้ามาอยู่ในวังได้ยังไง"
"ได้ยินว่าเสด็จพ่อทรงประชวร กลับมาไม่ได้ หม่อมฉันรู้สึกเป็นห่วง
เลยมาถามข่าวในวัง"
"เชิญกลับไปซะ"
องค์หญิงวาวานอึ้งไปขณะที่ในใจนั้นแค้นมาก "องค์ชาย"
"ถ้าจำไม่ผิด
เสด็จป้าต้องโทษให้ออกจากวัง อยู่เยี่ยงสามัญชน ฉะนั้น การกลับมาโดยพละการ
ถือว่าขัดพระบัญชา"
"องค์ชาย มีเหตุผลหน่อยได้ไหม
หม่อมฉันแค่อยากรู้ว่าเสด็จพ่อประชวรหนักเบาแค่ไหนก็เท่านั้น"
"ยังไม่เข้าใจคำพูดหม่อมฉันอีกหรือ หม่อมฉันแค่หวังว่า
เสด็จป้าจะไม่ขัดพระบัญชา ตลอดเวลาที่ผ่าน
เสด็จป้าถือตนว่าเป็นพระธิดาคนโปรดของฝ่าบาท ไม่เคยเห็นใครในสายตา
แต่ต่อไปเห็นจะไม่ได้อีก หม่อมฉันจะไม่ยอมอีกแล้ว พระอาการของฝ่าบาท
มีข่าวเมื่อไหร่ หม่อมฉันจะให้คนไปบอกที่บ้าน ฉะนั้นกลับไปได้แล้ว"
แต่องค์หญิงวาวานก็เข้าเฝ้าพระมเหสีจองซุนก่อน
"หึ พระมเหสี
ความหยิ่งยะโสของลีซาน ทำราวกับได้ครองบัลลังก์จริงๆ
ได้ยินว่าเขากล้าเถียงพระมเหสีด้วยซ้ำ แบบนี้หมายความว่าไงเพคะ
หลงนึกว่าตัวเองเก่งกล้าสามารถเต็มที เขาคงอยากให้เสด็จพ่อสวรรคตซะ
เพื่อจะได้เป็นใหญ่ หึ แล้วเราจะทำไงดีเพคะ ถ้าเสด็จพ่อมีอันเป็นไป
พวกเราต้องพังแน่ เขาต้องหาวิธี เล่นงานพวกเราทั้งหมดนะเพคะ"
"เลิกพูดซะที
ข้าเคยบอกแล้วว่าจะไม่มีวันเป็นอย่างที่เขาคิด"
"แต่ว่าหม่อมฉัน"
"เรื่องที่เจ้ากลัวจะไม่เกิดขึ้น เข้าใจหรือเปล่า
ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน"
องค์ชายลีซานรับสั่งกับฮงกุกยองว่า
"เดี๋ยวซักพัก ข้าจะเรียกประชุมขุนนางทั้งหลาย เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องราคายา
อย่าให้มีการเอารัดอาเปรียบ ท่านไปบอกให้ทุกคนรีบมาเดี๋ยวนี้"
ฮงกุกยองรับคำ
"พ่ะย่ะค่ะ"
"มหาดเล็กนัมไปดูที่สำนักหมอหลวงซิว่า ยาของต้าชิงมาถึงหรือยัง"
นัมซาโชน้อมรับ "พ่ะย่ะค่ะ"
ฮงกุกยองทูลว่า "องค์ชาย
หม่อมฉันมีเรื่องบางอย่างจะขอทูล"
"ว่ามา"
"ขอทรงอภัยด้วย
องค์ชายสมควรจะเตรียมพระองค์ได้แล้ว"
"เตรียมตัวหรือ ให้ข้าเตรียมอะไร"
"เพราะดูจาก พระอนามัยของฝ่าบาท อาจมีข่าวสวรรคตได้ทุกเมื่อ จึงน่าจะเตรียมตัว"
องค์ชายลีซานทรงดุ "นี่ท่าน พูดอะไรออกมาน่ะ"
"เอ่อ นี่
นี่เป็นการลบหลู่เบื้องสูงเข้าใจหรือเปล่า" นัมซาโชดุ
"หม่อมฉันรู้ว่าเป็นคำพูดที่ไม่บังควร แต่ว่า หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
ในวังต้องยุ่งแน่พ่ะย่ะค่ะ"
"พอที ฝ่าบาทต้องทรงหายเป็นปกติ
ไม่มีวันเกิดเรื่องอย่างงั้น เพราะฉะนั้น ทีหลังห้ามมาเพ้อเจ้ออีก"
ฮงกุกยองน้อมรับ "พ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานเสด็จไปแล้ว นัมซาโชดุฮงกุกยอง
"ปากเจ้านี่นะ ซักวันจะทำให้เจ้าไม่ได้ตายดี"
"ตอนอยู่เมืองยางจู
เราต่างก็เห็นพระอาการ ท่านอย่าหลอกตัวเองอีกเลย สิ่งที่เราต้องตระเตรียม
คือถ้าฝ่าบาทสวรรคตจริงๆ"
"นี่ ยังจะพูดอีก"
"หึ
จนป่านนี้ท่านยังไม่ชินอีกหรือ มันเป็นนิสัยข้า นึกอะไรก็ชอบพูดตรงๆ"
"ถึงอย่างงั้นก็เถอะ เรื่องแบบนี้จะพูดได้หรือ"
"แต่ว่า สิ่งที่ข้าพูด
อาจตรงกับความคิดในพระทัยขององค์ชายก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น
ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันจริงๆ เราก็ควรมีการเตรียมตัวบางอย่างไม่ใช่หรือ"
พระพันปีเฮคยองเรียกพระชายาโยอึยมาเฝ้า
"เสด็จแม่ดูพระพักตร์ซีดเซียว
เป็นไรหรือเปล่าเพคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ข้าสบายดีอยู่
เพียงแต่พอได้ข่าวว่าฝ่าบาทประชวรหนัก ก็ รู้สึกใจคอไม่สู้ดีนัก พินกุง"
"เพคะ"
"เจ้าอย่าเจริญรอยตามข้าล่ะ ปล่อยให้สามีตายต่อหน้า อยู่กับความเสียใจชั่วชีวิต
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เจ้าก็ต้องปกป้องลูกซานเต็มที่ล่ะ"
"รับสั่งของเสด็จแม่
หม่อมฉันจะจำไว้เพคะ"
ทางด้านแชซกจูก็กล่าวกับชองโฮคยอมว่า
"ฝ่าบาททรงประชวร ในขณะที่เราต้องเฝ้าอยู่นี่ สำหรับองค์ชายแล้ว
ในวังก็เหมือนถ้ำแก้วที่ไร้เจ้าของ แม้ยังมีพระมเหสีอยู่
แต่ไม่อาจก้าวก่ายราชกิจได้ เราคงต้องรีบกลับซะแล้ว ก่อนจะถูกองค์ชายยึดอำนาจ
เราต้องรีบไปขวางไว้ หาวิธีให้ฝ่าบาทเสด็จกลับวัง
ถ้าเจ้าเจอหมอหลวงก็ลองพูดดูละกัน"
"ได้ครับ ข้าจะพยายาม"
ชองโฮคยอมไปบอกหมอว่ามีความประสงค์จะพาพระเจ้ายองโจเสด็จกลับวังหลวงโดยด่วน
แต่หมอบอกว่าพระเจ้ายองโจทรงอ่อนแรงอยู่มาก ถ้าฝืนเดินทางจะมีความเสี่ยงอย่างมาก
ชองโฮคยอมย้อนถามว่าถ้าพระเจ้ายองโจอยู่ที่นี่ จะสามารถรักษาพระองค์จนหายดี
หมอถึงกับอึ้งไป ชองโฮคยอมจึงดำเนินการที่จะพาพระเจ้ายองโจกลับวังหลวงทันที
ฮงกุกยองเจอเพื่อนก็เข้าไปทักทายกัน
"ไม่เจอตั้งนาน สบายดีหรือ"
"สบายดี"
"อยู่สภาตรวจสอบเป็นไงบ้าง พอไหวมั้ย"
"วันๆ
มีแต่งานตรวจสอบโน่นนี่ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว เฮ่อๆๆ"
"เฮ่อๆๆ ไป เพื่อนๆ
มารออยู่แล้ว เชิญๆ ก่อนอื่นต้องขอโทษที่รบกวนให้มา ทุกคนต่างมีงานยุ่ง
ข้าก็ไม่อ้อมค้อม ขอเข้าเรื่องเลยดีกว่า เราเคยเรียนหนังสือด้วยกันมา
ใครถนัดด้านไหนยังไง เราต่างก็รู้ดี แต่ว่า ถึงมีความรู้ความสามารถก็เปล่าประโยชน์
ถ้าไม่ได้ไปประจบสอพลอพวกขุนนางหัวอนุรักษ์
คนนอกอย่างเราจะไม่มีโอกาสได้รับใช้บ้านเมืองเลย"
"แต่ข้ารู้มาว่า
เจ้าได้ทำงานให้องค์ชายลีซานแล้วไม่ใช่หรือ ทุกวันนี้
องค์ชายเริ่มจะมีอิทธิพลในวังมากขึ้น ก็เหมือนอย่างเจ้าว่า ราชสำนักทุกวันนี้
หากไม่เข้าพวกกับขุนนางหัวเก่า ก็แทบจะไม่ได้ลืมตาอ้าปาก
แล้วพวกนี้ก็เป็นปรปักษ์กับองค์ชาย ถ้าเราเห็นด้วยกับเจ้า มิเท่ากับรนหาที่ตายหรือ"
"เฮ่อๆๆ เจ้านี่ พูดจาไม่มีอ้อมค้อมเลยนะ แต่ว่า พวกเจ้าก็คงรู้
เวลาข้าวางเดิมพัน จะไม่เสี่ยงกับความเลือนลางที่มองไม่เห็นอนาคต ข้าเชื่อว่า
องค์ชายต้องได้ครองราชย์แน่ แน่นอนว่า เส้นทางสู่บัลลังก์ ถ้ามองจากตอนนี้
ยังไม่ค่อยราบเรียบเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น ข้าจึงเชิญทุกคนมาพบ
อันตรายมีรอบด้านก็จริง แต่ความหวังที่เราจะเห็นการปฏิรูป
เห็นโฉมหน้าของการเมืองใหม่ น่าจะอยู่ไม่ไกล
ขอแค่ทุกคนมั่นใจในสิ่งที่ข้าทำเท่านั้น"
ดัลโฮบังคับให้เทซูกินยาอยู่
ซอจังบูก็เข้ามาเยี่ยม
"ไม่กินแล้ว ขมจะตายชัก"
"เป็นไง
เกี่ยงว่ายาขมแสดงว่าใกล้หายแล้วสิ" ซอจังบูว่า
"พี่จังบู"
ดัลโฮทัก
"หวัดดีครับ"
"อึม หายก็ดีแล้ว พรุ่งนี้จะได้เจอกันที่ลานฝึก"
"เอาซี่
แน่จริงท่านก็มาสู้กับข้าละกัน"
"ทำเป็นคุย นี่
คงไม่ใช่ติดใจหมอหญิงเลยไม่ยอมไปไหนหรอกนะ"
"เฮอะ พูดอะไรไม่รู้
ชั่วชีวิตข้ามีผู้หญิงคนเดียว คนอื่นไม่เหลียวหรอก"
"นางเป็นใคร"
"บอกไป
ท่านก็ไม่รู้จักอยู่ดี อย่าถามเลย"
ดัลโฮกับซอจังบูพยักเพยิน คังซกกีเข้ามา
"หายดีแล้วใช่ไหม"
"มาแล้วหรือ"
"พี่ซกกี"
"เพิ่งเปลี่ยนกะเลยแวะมาเยี่ยมเจ้า จริงสิ พวกเจ้ารู้หรือยัง ตอนข้ามานี่
เห็นฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้ว"
"จริงหรือ ฝ่าบาทกลับมาแล้ว"
"ใช่
เห็นขบวนเสด็จไปทางตำหนักใหญ่"
ด้านองค์ชายลีซานก็ทรงแปลกใจที่พระเจ้ายองโจเสด็จกลับวังหลวง
"เสด็จกลับมากระทันหัน หมายความว่ายังไง ฝ่าบาททรงหายดีแล้วหรือ"
"หมอหลวงที่ตามเสด็จกลับมา บอกว่าสามารถเดินทางได้พ่ะย่ะค่ะ"
"เมื่อวานที่ส่งข่าวมา ไม่เห็นบอกว่าจะเสด็จกลับนี่ แล้วทำไมวันนี้จู่ๆ กลับมา
หรือว่า มีวิธีรักษาพระโรคของฝ่าบาทแล้วหรือ"
"เหมือนจะยังไม่มีพ่ะย่ะค่ะ"
"ในเมื่อไม่มี แล้วให้ทรงระหกระเหินทำไม"
องค์ชายลีซานเสด็จเฝ้าพระเจ้ายองโจ พลางถามหมอว่า
"นี่มันอะไร
ข้ายังไม่ได้ข่าวว่าฝ่าบาททรงมีพระอาการดีขึ้น แล้วจู่ๆ กลับมา มีเหตุผลเพราะอะไร
เท่าที่ดูวันนี้ ทรงทรุดหนักยิ่งกว่าวันที่ข้าออกจากเมืองยางจูมาด้วยซ้ำ แล้วทำไม
ยังฝืนให้พระองค์เดินทางอีก"
"นั่นเป็นเพราะ อยู่เมืองยางจู
พระโอสถมีไม่ครบพ่ะย่ะค่ะ"
"แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ฟังไม่ขึ้นเลย ข้าสั่งไว้แล้วว่า
ถ้าฝ่าบาทยังไม่ทรงแข็งแรงพอ ห้ามให้เดินทางไกลไม่ใช่หรือ"
พระมเหสีจองซุนทรงแทรกขึ้น "องค์ชาย ฝ่าบาทประชวรหนักยังได้กลับมาอย่างปลอดภัย
ถือว่า เป็นเรื่องน่ายินดีนัก แล้วทำไมเจ้ากลับตำหนิหมอหลวงซะล่ะ"
"หม่อมฉันเห็นว่า"
"จะให้คิดยังไง แสดงว่าเจ้าไม่พอใจที่เห็นฝ่าบาท
ได้กลับมาวังหลวงงั้นหรือ"
"พระมเหสี หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง"
"ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท ไปทูลเดี๋ยวนี้" พระมเหสีจองซุนทรงตัดบท
พระมเหสีจองซุนทรงเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจเลย
"ฝ่าบาท ทรงซูบผอมไปมากนัก
เพราะอะไรเพคะ"
"ชุงจอน"
"หม่อมฉันจะช่วยฝ่าบาทยังไงดี ฮือ
ฝ่าบาททรงเป็นทุกอย่างของหม่อมฉันนะเพคะ"
"ข้าต้องขอโทษด้วย ชุงจอน
เห็นทีว่าข้า คงไม่ได้หายดีอีกแล้ว"
"ฮือ ไม่จริงหรอกเพคะ ฮือ
ทำไมถึงได้รับสั่งท้อแท้อย่างงั้น ไม่มีทาง หม่อมฉันไม่ยอมเพคะ ฮือ
ฝ่าบาทต้องอยู่ต่อไป หม่อมฉัน จะทำทุกวิถีทางเพื่อจะช่วยฝ่าบาทให้ได้ ฝ่าบาทเพคะ
ฮือๆๆ"
ทางด้านศูนย์ศิลปะ ทุกคนต่างสงสัยว่าทำไมช่างเขียนลีชองไม่ได้กลับมาดู
พวกโชบีบอกว่าลีชองติดโรคร้าย อาจจะไม่มีชีวิตกลับมา
ทั้งที่ความจริงลีชองแกล้งเอาสีมาทาเป็นจุดแดงๆ เพื่อให้คนคิดว่าตัวเองติดโรค
จะได้ไม่ต้องทำงาน หารู้ไม่ว่าเขาถูกปล่อยให้อยู่อย่างนั้น
โดยไม่มีใครบอกว่าทุกคนจะเดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว
กว่าจะรู้ก็โดนจับแยกเพราะเข้าใจว่าเขาเป็นโรคร้าย
ซองซอยอนกลับมาก็รู้จากมีซูว่าเทซูอยู่สำนักหมอหลวง จึงรีบไปดูเพื่อนรัก
"หึ เทซู"
"อ้าว ซง ซงยอน โอย"
"อย่าขยับซี่ ระวังแผลหน่อย"
"ไม่เป็นไร ดีขึ้นเยอะแล้ว เห็นเจ้ากลับมาก็ค่อยยังชั่ว
ไม่งั้นให้อยู่ที่นั่นคนเดียวก็น่าเป็นห่วง เป็นไง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า หา"
"ช่างเถอะ ไม่ต้องห่วงคนอื่นให้มากได้ไหม ห่วงตัวเองซะบ้าง"
"ซงยอน"
"เห็นว่าเกือบตายไม่ใช่หรือ ถูกคนร้ายเล่นงานแทบปางตายน่ะ โง่จริง
ทำไมไม่รู้จักหลบล่ะ ไปให้เขาเล่นงานทำไม ไม่บอกก็รู้ เจ้าคงออกหน้าคนแรกล่ะสิ
ถึงได้เป็นแบบนี้น่ะ"
"ถามแบบนี้ แสดงว่าเจ้าก็ห่วงข้าเป็นเหมือนกัน แหะ"
ซองซอยอนแปลกใจ "อะไรนะ"
"ข้าไม่เป็นไรหรอก อย่าห่วงเลย เห็นมั้ย
หายเป็นปกติแล้ว สบายมาก หึๆ"
"เทซู"
"เจ้าคงรู้ใช่ไหม อย่างน้อย
ข้าก็ได้ปกป้ององค์ชายเต็มที่ล่ะ จริงๆ นะ ข้าได้ปกป้ององค์ชายไว้ หึๆๆ โอ๊ะ อุ๋ย
ไหล่นี่ มันยังไม่ค่อยดี"
"เทซู ยังเจ็บอีกหรือ"
"นิดหน่อย
โดนยิงเข้าตรงนี้ จั๋งๆ เลย"
00000000000
องค์หญิงวาวานต่อว่าชองโฮยองที่ทำงานพลาด
"หึ โอกาสหายากยังทำงานพลาด
ปล่อยให้องค์ชายกลับมา ช่างไม่เอาไหนจริงๆ"
"หม่อมฉันขออภัย"
"แล้วยังไง
อาการประชวรของเสด็จพ่อเป็นไงบ้าง ขนาดกลับมาได้แสดงว่าทรงทุเลาแล้วใช่ไหม"
"ที่กลับมาไม่ใช่เพราะทุเลาหรอกพ่ะย่ะค่ะ แต่เพราะเราอยู่ที่ยางจูไม่ได้อีก
เวลามีไม่พอเลยจำเป็นต้องกลับมา"
"หา หมายความว่า"
"อาการยังหนักอยู่"
"หา ถ้าอย่างงั้น เราจะปล่อยให้องค์ชายขึ้นครองราชย์โดยไม่ทำอะไรเลยหรือ
เจ้าจะนั่งรอความตายหรือไง"
"ขนาดหมอหลวงยังจนปัญญา แล้วหม่อมฉันจะทำอะไรได้
หม่อมฉันก็ร้อนใจเหมือนกัน โปรดอย่าทรงเร่งอีกเลย"
"เฮ่อ นี่แปลว่า"
"หม่อมฉันกำลังคิดอยู่ ทำไงถึงจะแก้ปัญหานี้ได้ หม่อมฉันกำลังคิด"
ขณะที่พระเจ้ายองโจทรงรับสั่งเรื่องงานกับองค์ชายลีซาน
"เฮ่อ หมู่นี้
เรื่องราชกิจ เจ้าจัดการยังไง"
"ฝ่าบาท อย่าทรงห่วงเรื่องนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ
ตอนนี้ สำคัญคือทรงพักผ่อนให้มาก"
"แม้ว่าจะล้มป่วย แต่ข้ายังเป็นพระราชาอยู่
ถ้าไม่ห่วงบ้านเมืองแล้วจะให้ห่วงอะไรได้อีก"
"จากที่เกิดโรคระบาด
เป็นเหตุให้ราคายา เกลือและข้าวสาร ต่างก็ขึ้นราคาเป็นว่าเล่น
หม่อมฉันถามไปยังกรมการค้า บอกว่าเพราะพ่อค้ากักตุนสินค้าไว้พ่ะย่ะค่ะ ด้วยเหตุนี้
หม่อมฉันเลยสั่งยึดเงิน ที่ได้จากการค้ากำไรเกินควร อีกอย่าง
เนื่องจากต้องใช้แร่เงินมากขึ้น แหล่งแร่ที่อยู่แถบ “ซำต๊อก” หม่อมฉันได้แบ่ง 1 ใน
5 ให้เอกชนไปดำเนินการเอง และย้ายทหารส่วนหนึ่งจากมณฑล “ฮัมคยอง” ไปยัง
“เมืองกิดจู” เพื่อช่วยป้องกันอาณาเขตพ่ะย่ะค่ะ"
"ค้ากำไรเกินควร
ยึดเงินจากพ่อค้าที่ขูดรีด ถือว่าทำถูกแล้ว ข้าวสาร เกลือและยา
เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ชาวบ้านจะขาดไม่ได้ มีปัญหาก็ต้องรีบแก้ ที่สำคัญ
การมอบสัมปทานเหมืองแร่ให้เอกชนดำเนินการ จำกัดเพียงบางส่วน ก็นับว่าเหมาะสม แต่ว่า
การโยกย้ายทหารไปเมืองกิดจู ออกจะตัดสินใจเร็วไปหน่อย"
"ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"บางอย่างต้องค่อยๆ ดู ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในคราวเดียว เพราะการเมือง
เป็นสิ่งที่พลิกผันได้ตลอดเวลา"
"หม่อมฉันจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ"
"แต่ว่า
ถือเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลว ดูเหมือนว่า เจ้ามีคุณสมบัติพอจะเป็นพระราชาได้ หึ"
"แต่ว่า หม่อมฉัน ยังไม่มีวิธีรักษาเสด็จปู่ ให้หายจากประชวรได้
หม่อมฉันไม่เอาไหน ไม่อาจช่วยเสด็จปู่ได้"

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 18

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn

เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน บริษัทบำบัดแค้น แม่ค้าขนมหวาน
คุณแม่จำแลง ใจร้าว สื่อรักชักใยอลวน ดาวจรัสฟ้า คิมชูซอน เมนูรักเชฟมือใหม่
ศิลามณี พลิกฟ้าล่าตะวัน เจ้าหญิงลำซิ่ง มนตราแห่งรัก เสน่ห์นางงิ้ว แก้วล้อมเพชร
คุณชายไฮโซกับคุณหนูโอท็อป Hello! My Lady

Readlakorn

Related Posts



5 comments:

Anonymous said...

มารออ่านทุกวันจันทร์เลยคับ

อาทิตย์นี้มาช้าหน่อย เปิด refresh รอตลอดเลย

ขอบคุณพี่ลิลลี่มากนะครับ

^^

Anonymous said...

ติดลีซานมากๆ เลยคะ


ขอบคุณนะคะ

Anonymous said...

รู้สึกว่าในหนังสือพิมพ์จะแซงไปนิดนึงแล้วนะคะ อยากอ่านต่อมากเปิดมาเวปคุณลิลลี่ทุกวันเลยค่า รออยู่นะคะ

ขอบคุณค่า

Anonymous said...

ผมเป็นแฟนคุณลิลลี่มาหลายเรื่องแต่ไม่ได้แวะเข้ามาเยี่ยม ขอขอบคุณมากๆเลยครับพี่น้อง อ้อผมกำลังอ่านตอนต่อไปอยู่ อย่าให้คอยนานนะพี่น้อง

Anonymous said...

ขอบคุณ คุณลิลลี่ที่มีละครดี ๆ ให้ติดตามเยอะมากเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ แต่ตอนนี้อยากอ่านลีซาน ต่อจังเลยค่ะ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal