Friday, December 19, 2008

ลีซาน-เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์-ลีซาน(1)-(4)

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 1

พระเจ้ายองโจพระราชาลำดับที่ยี่สิบเอ็ดของราชวงศ์โชซอน
ทรงปกครองแว่นแคว้นให้เจริญรุ่งเรือง สร้างความเกรียงไกรทั่วทั้งแผ่นดิน
แต่ในทางกลับกันในราชสำนักกลับเต็มไปด้วยการแก่งแย่งอำนาจ
พระเจ้ายองโจทรงคุมขังองค์รัชทายาท
ไม่เพียงเท่านั้นพระองค์ยังทรงมีรับสั่งให้โบยตีรัชทายาทอย่างหนักอีกด้วย "นั่น
แนซอนใช่ไหม" "ฮือ องค์ชาย ฮือ พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันคือแนซอน องค์ชาย ไม่ทราบว่า ฮือ
ยังพอทนไหวมั้ยพ่ะย่ะค่ะ ฮือ"



"ข้า ข้ายังไม่เป็นไร" "นี่เป็นวันที่หกแล้ว ที่ไม่ได้เสวยอะไรเลย ฮือ
ทำไมมีเรื่องโหดร้ายแบบนี้เกิดกับพระองค์ได้ ฮือ องค์ชาย ฮือ ทรงอดทนอีกหน่อยเถอะนะ
หม่อมฉันจะหาวิธี ช่วยองค์ชายออกมาให้ได้ ฮือ" "แนซอนๆ ข้า มีของอย่างหนึ่ง
จะฝากไปถวายเสด็จพ่อ เฮ่อ เจ้าได้ยิน ที่ข้าพูดมั้ย เฮ่อ หึ ก่อนข้าจะตาย
ยังไงก็ต้อง ไปถวายเสด็จพ่อให้ได้ล่ะ" "พ่ะย่ะค่ะ เชิญรับสั่งมาได้ ฮือ
หม่อมฉันจะนำไปถวายเอง แม้จะแลกด้วยชีวิตก็ตาม หม่อมฉันจะถวายให้ได้ ฮือ โอ๊ะ"
ทุกคนตกใจ องครัชทายาทรีบถาม "เกิดอะไรขึ้น แนซอนๆ เกิดอะไรขึ้นกับแนซอนใช่ไหม หา"
แนซอนสั่งทุกคน "ฮึ่ม หึ ทุกคนห้ามถอยหลัง" "ฝ่าบาทมีรับสั่งห้ามมาเข้าใกล้แถวนี้
ท่านเป็นมหาดเล็กกล้าขัดพระบัญชาเชียวหรือ" นายกองว่าแนซอน "หึ ถือว่าขอร้องล่ะ
ให้ข้าป้อนน้ำซักถ้วย ให้องค์ชายได้เสวยหน่อยเถอะ จากนั้น
พวกเราทุกคนจะยอมทิ้งอาวุธ ยอมให้จับแต่โดยดี" "ใครบอกว่าจะจับพวกเจ้า ฮึ่ม" "ทำไม
กลัวว่าถ้าปล่อยข้าไว้ เรื่องที่องค์ชายถูกปรักปรำจะรู้ไปถึงคนนอกหรือไง หึ
เจ้าก็เป็นฝ่ายพวกมันด้วยหรือ มันเป็นใคร
ถึงกล้ายุยงให้ฝ่าบาทและรัชทายาททรงบาดหมาง
ทำให้รัชทายาทของเราต้องมารับกรรมในสภาพแบบนี้" "หุบปาก อย่าปล่อยพวกมันไว้ จัดการ"
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน "นั่นเป็นวันที่ 19 เดือน 5 ปี "ยิมบู" เป็นวันที่รัชทายาท
"ซาโต" ถูกเสด็จพ่อของพระองค์คือ "พระเจ้ายองโจ" กักขังในลังไม้ล่วงเข้าสู่วันที่ 6
พระเจ้ายองโจนั้น หลังจากทรงเถลิงราชสมบัติเป็นพระราชาองค์ที่ 21 แห่งโชซอน
ก็ได้ทรงนำความผาสุกและเจริญรุ่งเรืองมาสู่บ้านเมืองเป็นอย่างมาก แต่ว่า
การแก่งแย่งชิงดีระหว่างขุนนาง ทั้งสายเก่าและสายใหม่ ยังคงคุกรุ่นไม่สร่างซา
พาให้การเมืองในยุคนั้นมีความซับซ้อนอย่างมาก ระหว่างนั้น
มีเหล่าขุนนางสายใหม่ที่อาศัยบารมีของรัชทายาท
หวังยึดอำนาจบริหารมาอยู่ในกลุ่มของตนให้มาก แต่ฝ่ายที่ต่อต้านเกรงจะสูญเสียอำนาจ
จึงตั้งข้อหาให้ร้ายรัชทายาท เป็นเหตุให้พระเจ้ายองโจทรงกริ้ว ด้วยเหตุนี้
ทำให้รัชทายาทเริ่มเกิดความไม่พอพระทัย
ถึงขนาดไม่กล้าเข้าเฝ้าเสด็จพ่อคือพระเจ้ายองโจอีก จากนั้นไม่นาน
องค์ชายซาโตก็ถูกจับไปขังในลังไม้ ด้วยข้อหาที่ไม่เป็นธรรมต่อพระองค์" "วันนั้น
คือวันที่ 19 เดือน 5 ปี 1762 รัชทายาทถูกขังอยู่ในลังไม้
ทรงพยายามต่อสู้กับความสิ้นหวังและเจ็บปวด แต่ดูเหมือนว่า ความตายจะค่อยๆ
คืนคลานเข้ามาอย่างช้าๆ และเงียบๆ และวันต่อมา เป็นวันที่โชคชะตา
ได้ลิขิตชีวิตข้าใหม่ อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว"
องค์ชายลีซานโอรสองค์รัชทายาทซาโตลอบเข้าไปในที่คุมขังเพื่อพบองค์รัชทายาทซาโตผู้เป็นพ่อในยามวิกาล
ซองซงยอนถือกำเนิดในครอบครัวซึ่งพ่อเป็นจิตรกรวังหลวง
ด้วยเหตุนี้จึงมีโอกาสได้ติดตามพ่อเข้าวังหลวงบ่อยครั้ง
จากความช่วยเหลือของญาติพี่น้องทำให้นางได้เข้าวังหลวงอย่างเป็นทางการ ตกดึก
นางกำนัลวังหลวงมีคำสั่งให้ซงยอนไปนำอาหารในห้องครัวออกมา
ทำให้ซองซงยอนซึ่งเพิ่งเข้าวังหลวง ได้ไม่นานนักหลงทาง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
ปาร์คเทซูซึ่งเข้ารับการอบรมจากกรมมหาเล็กนั้นเกิดความหวาดกลัว ที่จะต้องเป็นขันที
ด้วยความหวาดกลัวจึงทำให้เทซูตัดสินใจหลบหนีไปจากวังหลวง ในคืนเดียวกันนี้เอง เทซู
องค์ชายลีซานและซองซงยอนซึ่งมีเป้าหมายที่แตกต่างกันนั้นได้พบกันเข้าโดยบังเอิญ
องค์ชายลีซานบอกให้ทั้งสองคุกเข่า "อะไรนะ" "หึ ยังไม่เข้าใจอีกหรือ
ข้าบอกให้คุกเข่าไงล่ะ" ลีซานฟังซองซงยอนเล่า "จริงหรือ
แสดงว่ารุ่นพี่ของเจ้าทำไม่ถูก แต่ยังไงก็ตาม
การออกมาเดินในวังตอนกลางคืนก็ถือว่าผิดกฎ ทีหลังต้องระวังตัวหน่อย เข้าใจมั้ย
แล้วเจ้าล่ะ ออกมาทำอะไร หัวหน้าเจ้าสั่งให้หาของกินตอนกลางคืนเหมือนนางหรือไง"
"ข้า ข้าน่ะหรือ ข้าเพียงแต่ ออกมา เดินเล่นเท่านั้น" "หา อะไรนะ เดินเล่นหรือ
ในวังมีกฎเข้มงวดขนาดไหน พวกเจ้าอยู่ในระหว่างฝึกหัด ทำเหมือนเด็กเล่น
แล้วจะผ่านการฝึกได้ยังไง" "แล้วเจ้าล่ะ เจ้าเป็นใคร" ซองซงยอนย้อน ลีซานอึกอัก
เทซูคล้อยตาม "นั่นสิ ข้าก็สงสัย นี่ เจ้าก็เป็นมหาดเล็กฝึกหัดเหมือนกัน
มีสิทธิ์อะไรมาว่าข้าน่ะ" "เอ่อ คือ คือข้า" "ไม่งั้นเจ้าก็ต้องคุกเข่าเหมือนกัน
เพราะออกมาเพ่นพ่านตอนกลางคืน จริงมั้ย"
"เรื่องบางอย่างข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้พวกเจ้ารู้" ลีซานว่า "อะไรนะ" "ทำไมล่ะ
ทีเราทำผิดยังให้คุกเข่า มันไม่ยุติธรรมนี่นา" "ข้าว่าหน้าตาเจ้าดูแปลกๆ นะนี่
ข้าฝึกมาหลายวันยังไม่เคยเห็นหน้า เจ้าเป็นใครน่ะ" "นั่นสิ เจ้าเป็นใคร หา
บอกชื่อมาซิ" "เอ่อ ข้า ข้าชื่อ ชื่อของข้าคือ บูต๊อก ข้าชื่อบูต๊อก
ที่ไม่เคยเห็นข้าก็เพราะ ข้า ข้ามีที่พักอยู่ที่อื่น" "อย่ามาโกหกหน่อยเลย โธ่เอ๊ย
แค่มหาดเล็กฝึกหัดจะมีที่พักพิเศษได้ยังไง" "เฮอะ เรื่องพวกนี้เจ้าไม่รู้หรอก
แสดงว่าเพิ่งเข้าวังมาไม่นานล่ะสิ" "หา อะไรนะ" ลีซานคุยต่อ "มหาดเล็กฝึกหัด
ถ้าได้คะแนนสูงสุด จะมีการแบ่งหน้าที่ตามความถนัด เดือนก่อนข้าเพิ่งผ่านการฝึก
และตอนนี้ก็ไปรับใช้องค์ชายน้อยอยู่" "หา จริงหรือ มีเรื่องแบบนี้ด้วย
เจ้าเคยได้ยินมั้ย" เทซูถาม ซองซงยอนส่ายหน้า
"ไม่เข้าใจเลยว่าพวกเจ้าเรียนประสาอะไร
ก็เพราะงมโข่งอยู่อย่างงี้ถึงถูกรุ่นพี่แกล้งบ่อยๆ หึ ข้ามีงานต้องทำ
ไม่ว่างคุยด้วย แต่ยังไง พวกเจ้าก็ห้ามไปไหนอีก รีบกลับที่พักไปซะ" "เดี๋ยว
อย่าเพิ่งไป ถ้าเจ้าคุ้นเคยในวังดี ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม
ข้าจำเป็นต้องไปห้องเครื่องให้ได้น่ะ" ลีซานอึกอัก "เอ่อ แต่ แต่ว่า"
"แค่บอกว่าไปทางไหนก็พอ ไม่รบกวนมากหรอก" "ขอโทษจริงๆ ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ เพราะว่า
องค์ชายน้อยรับสั่งให้ข้าไปทำงานสำคัญบางอย่าง" "งั้นหรือ" "หึ เอางี้
เรามาทำแบบนี้ดีกว่า" เทซูฟังแผนของลีซานแล้วก็ตกใจ "ตำหนักซีมินตังหรือ
จะบ้าหรือไง ที่นั่นห้ามคนเข้าออกเด็ดขาดนะ" "ทำไมหรือ ที่นั่นเป็นที่ไหนน่ะ"
ซองซงยอนแปลกใจ "เป็นที่ๆ กักขังรัชทายาท อุ๊ย เอ่อ สรุปคือห้ามไป
ถ้าไม่อยากตายซะก่อน" "ไม่ได้ให้เข้าไปในนั้น แค่ช่วยดูต้นทาง" ลีซานขอร้อง
"แล้วเจ้าเห็นว่าไง จะไปกับเขามั้ย" ซองซงยอนถามเทซู "เรื่องอะไร
ข้าไม่รนหาที่อย่างงั้นหรอก ตั้งใจว่าจะหนีออกจากวังก่อนฟ้าสาง อุ๊ย" ซองซงยอนตกใจ
"หา" "เอ่อ เอาเป็นว่า ข้าไม่ไปด้วย ข้าไปตามทางของข้าดีกว่า" "เดี๋ยวก่อน นี่ หึ
เอาเถอะ งั้นข้าไปกับเจ้า ข้าช่วยเจ้าเอง แต่ข้าก็ต้องไปห้องเครื่องเหมือนกัน" "หึ
เจ้ายอมช่วยข้าจริงหรือ" ลีซานซาบซึ้งใจซองซงยอน "อึม
แล้วตำหนักซีมินตังไปทางไหนล่ะ" "ไปทาง เอ่อ ช่างเถอะ เราไปห้องเครื่องก่อนดีกว่า
จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก" ซองซงยอนตื่นเต้น "จะไปห้องเครื่องจริงหรือ"
ลีซานพยักหน้า "อึม" "เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป ข้า ข้าไป กับพวกเจ้าด้วย" "จริงหรือ"
"แต่ แต่ว่า ข้าแค่ไปห้องเครื่อง ไม่ไปที่อื่นล่ะ" ลีซานโมโหนิดๆ "หึ เจ้าหมอนี่
ทำเป็นอวดเก่งนักนะ" "หา ว่าไงนะ ว่าข้าอวดเก่งหรือ นี่ แล้วเจ้าเก่งนักหรือไง
อายุเท่าไหร่น่ะ" ลีซานตัดบทแล้วพากันเดินไป
แล้วก็พาทั้งสองมาที่คุมขังองค์รัชทายาทซาโต
เขาบอกเทซูกับซองซงยอนว่าถ้าเขาเข้าไปได้แล้วให้รีบไปจากที่นี่
เพราะถ้าอยู่ต่อจะมีอันตรายมาก แต่ก่อนจะแยกย้าย เทซูก็ถามซองซงยอนว่าชื่ออะไร
"ข้าชื่อซงยอน ซองซงยอน" "แหะ ข้าชื่อปาร์คเทซู" ลีซานเร่งทั้งสอง "เราไปกันเถอะ
ลืมบอกไป ถ้าจะหนีออกจากวังละก้อ อย่าไปทางประตู "กึมโฮ" จะดีที่สุด" "หา อะไรนะ
ใครจะหนีไปไหน ใครว่าข้าจะออกจากวัง หา แปลกจริง เขารู้ได้ไงว่าเราคิดหนีน่ะ"
องค์ชายลีซานโอรสองค์รัชทายาทซาโตลอบเข้าไปในที่คุมขังเพื่อพบองค์รัชทายาทซาโตผู้เป็นพ่อในยามวิกาลจนได้
"นี่มัน อะไรกันนี่ ฮือ ไม่น่าเชื่อ ฮือ ทำไมทำกับเสด็จพ่อข้าแบบนี้ ฮือ
ช่างเป็นความโหดร้ายซะจริงๆ ฮือ เสด็จพ่อ ฮือ เสด็จพ่อๆ" "นั่นใคร ใครมา
อยู่ข้างนอกใช่ไหม" "เสด็จพ่อ" "ฮือ หา ลูกซาน นั่นเจ้าหรือ ฮือ ฮือ ลูกซาน
ลูกซานใช่ไหม" "พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเอง หม่อมฉันมาเยี่ยมเสด็จพ่อ" "ลูกซานๆ" "ฮือ
เสด็จพ่อ ฮือ ทำไมถึงได้ผอมไปขนาดนี้ ทำไมมือของเสด็จพ่อ
ถึงได้ดูผอมแห้งขนาดนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าเป็นไงบ้าง เจ้า สบายดีใช่ไหม" "อึม
พ่ะย่ะค่ะ ฮือ หม่อมฉันสบายดี" "ดีแล้ว งั้นก็ดี รีบไปซะ เจ้าห้ามมาอยู่ที่นี่"
"ฮือ เสด็จพ่อ ฮือ หม่อมฉันเอาของกินมาให้เสด็จพ่อเสวยหน่อยนะ หม่อมฉัน" "ไม่ต้อง
รีบไปซะ" "หม่อมฉันไม่ไป ฮือ หม่อมฉันจะดูเสด็จพ่อเสวยก่อน ฮือ
เพราะมีคนติดตามมาด้วย หม่อมฉันเลยไม่กล้าหยิบเยอะ ฮือ เสด็จพ่อรีบเสวยเร็วเข้า ฮือ
จะได้แข็งแรงและมีกำลังหน่อย ฮือ แล้วพรุ่งนี้ หม่อมฉันจะเอามาให้อีก ฮือ
หม่อมฉันจะมา" "บอกให้เจ้า รีบไปซะ" "เสด็จพ่อ" "เร็วเข้า เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
เพราะฉะนั้น รีบไปจากที่นี่ ได้ยินมั้ย" "ฮือๆๆ เสด็จพ่อ หม่อมฉันไม่ไป หม่อมฉัน
จะไม่ให้เสด็จพ่ออยู่นี่คนเดียว ฮือ" "รีบไปซะ เพราะเจ้า ต้องอยู่ต่อไป ฮือ
ฟังนะลูกพ่อ ในหีบเสื้อผ้า หึ มีภาพที่พ่อเขียนไว้ หึ เจ้ารีบนำไป
ถวายต่อเสด็จปู่โดยเร็ว แล้ว หลังจากนั้น หึ เสด็จปู่จะทรงอนุญาต ให้พ่อ
ได้เข้าเฝ้าซักครั้ง หึ อีกอย่าง หึ เจ้าต้องให้สัญญากับพ่อ โตขึ้น
ต้องเป็นพระราชาที่ดี หึ วันหน้าวันหลัง เกิดรู้ว่า ทำไมพ่อถึงถูกลงโทษ หึ
เจ้าก็อย่าโกรธ อย่าเคียดแค้น โดยเฉพาะเสด็จปู่ของเจ้า อย่าให้
ความอาฆาตทำลายอนาคตของเจ้าเอง หึ ได้ยินที่พ่อพูดหรือเปล่า คำพูดของพ่อ
เจ้าต้องจำไว้ด้วยล่ะ" "พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ฮือ เสด็จพ่อ" "งั้นก็รีบไปซะ หึ
ไม่ต้องอยู่ที่นี่ รีบไปเร็ว" "เสด็จพ่อ ฮือๆๆ" "บอกให้รีบไปไงเล่า ได้ยินมั้ย
ไปสิ" ลีซานจะไม่ยอมไป ทันใดนั้นซองซงยอนก็เข้ามาเรียกลีซานว่า บูต๊อก
และบอกว่ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
ซองซงยอนกับลีซานหนีการจับกุมของทหารไปเจอกับเทซู เขาบอกว่าอีกทางก็มีทหารเช่นกัน
ก่อนจะพากันหนีไปอีกทางหนึ่งอย่างเหนื่อยหอบ "โอย เหนื่อยจะแย่
วิ่งจนเห็นดาวเห็นเดือนเลยล่ะ" ลีซานหอบ "เจ้าสองคน ทำไมย้อนกลับมาอีกล่ะ"
"ข้าเห็นทหารเดินไปทางโน้น เกิดพวกเจ้าโดนจับได้มิแย่หรือ" เทซูว่า
ซองซงยอนก็บอกว่า "ข้าก็กำลังจะหนี เห็นเทซูวิ่งกลับมา และมองไปไกลๆ
ก็เห็นคบเพลิงสว่างไปทั่ว รู้ว่าเจ้าคงไม่เห็นอะไรแน่ ก็เลยย้อนกลับมาบอก" "เฮ่ย
ข้าล่ะอยากจะบ้า ทำไงดีล่ะนี่ จะทำไงกับนกน้อยของข้าดี" เทซูบ่น "หึ ขอบใจมากนะ หึ
บุญคุณที่พวกเจ้าช่วยข้าไว้ ชาตินี้ข้าจะไม่มีวันลืม ไม่ต้องห่วง"
"อย่าพูดอย่างงั้นสิ เจ้าก็ถือว่าช่วยเราเหมือนกัน" ซองซงยอนว่า
"สรุปคือตอนนี้แย่แน่ ให้พวกทหารรู้เข้า พรุ่งนี้เช้าต้องมีการตรวจค้นครั้งใหญ่
ฮือๆๆ" ลีซานก็คิดเช่นนั้น "ใช่ ข้าก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน
เรื่องนี้ถ้าให้ใครรู้เข้า เราจะถูกตัดหัวหมด เพราะฉะนั้น
เราต้องปิดเป็นความลับไว้" "ต้องเป็นความลับอยู่แล้ว เพราะเราเป็นเพื่อนนี่นา"
"เพื่อนหรือ" ลีซานมองหน้าเพื่อน "ใช่ เป็นเพื่อน" เทซูบอกทั้งสองว่า "เอางี้
เราสัญญาว่าจะไม่บอกให้ใครรู้ เกี่ยวก้อยกันดีมั้ย มา" ซองซงยอนเห็นด้วย "ดีมาก
สัญญาแล้วนะ ต่อไปถ้ามีอะไรเราจะช่วยเหลือกัน และปิดเป็นความลับไว้ มา
สัญญาเร็วเข้า" "อึ้ม สัญญา หึๆๆ" "ข้าก็สัญญา" ลีซานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
เพื่อขอเข้าไปในตำหนักตงกุง พระเจ้ายอนโจรับสั่งถามว่าเข้าไปทำไม "เรื่องนี้
หม่อมฉันทูลไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" ลีซานตอบ "เจ้านี่มันกำแหงนัก" ลีซานรีบทูล "ฝ่าบาท"
"ช่างเถอะ ถึงเจ้าพูดหรือไม่พูด ข้าก็ไม่อนุญาตอยู่ดี หมดเรื่องแล้วออกไปได้
เดี๋ยวข้าต้องไปเยี่ยมชาวบ้านอีก" "เอ่อ จะเสด็จไป ทรงเยี่ยมราษฎรหรือ วันนี้ฝ่าบาท
จะออกจากวังหรือพ่ะยะค่ะ เสด็จพ่อหม่อมฉันถูกขัง
ไม่แน่ว่าอาจทรงทนไม่ไหวและภายในวันนี้ก็จะ
ทำไมฝ่าบาทไม่ทรงเหลียวแลเสด็จพ่อบ้างพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อหม่อมฉัน
ไม่เคยแม้แต่จะตำหนิเสด็จปู่ซักคำ และยังสอนหม่อมฉันว่าห้ามโกรธเสด็จปู่ด้วย แต่ว่า
ทำไมเสด็จปู่ถึงโหดร้ายกับเสด็จพ่อถึงเพียงนี้ ฮือ มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
หม่อมฉันขอร้องไปช่วยเสด็จพ่อหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ เสด็จปู่
ได้โปรดไปช่วยเสด็จพ่อด้วย" "เจ้าออกไปซะ" "เสด็จปู่" "บอกให้ออกไปเดี๋ยวนี้ไง
นึกจะพูดอะไรก็พูด ไม่มีหัวคิด ไม่รู้กาลเทศะ โตป่านนี้ยังโง่นัก สักแต่เถียงข้างๆ
คูๆ เหมือนพ่อเจ้าไม่มีผิด มหาดเล็กจงฟัง" "พ่ะย่ะค่ะ" "ให้กรมวังจัดการ
ให้องค์ชายลีซานไปอยู่นอกวังซะ" "เสด็จปู่" "ไปอยู่กับแม่เจ้า
ให้นางอบรมสั่งสอนแล้วค่อยกลับมาใหม่" "เสด็จปู่ ฮือ"
ขณะที่องค์ชายลีซานกำลังถูกพาเสด็จออกนอกวัง
ก็เห็นเทซูถูกจับร้องโวยวายอยู่ก็จะเข้าไปช่วย แต่มหาดเล็กห้ามไว้
เทซูไม่ยอมบอกว่ามีใครไปกับเขาบ้าง แม้ซองซงยอนจะถูกนำตัวมาให้ชี้
เทซูก็บอกว่าไม่รู้จักนาง ซองซงยอนเองก็ถูกกาบีคาดคั้นว่านางไปที่ตำหนัก
ซีมินตังใช่ไหม ซองซงยอนปากแข็งปฏิเสธว่าไม่ได้ไป ลีซานเห็นก็ถามเสียงดัง
"พวกเจ้าทำอะไรน่ะ" "เอ่อ องค์ชาย" กาบีอึ้งไป ซองซงยอนอึ้งตกใจ "พวกเจ้าบังอาจนัก
ยังไม่รีบปล่อยนางอีก อยากตายหรือไง" "เอ่อ เพคะ องค์ชาย" "บูต๊อก บูต๊อก
เจ้าจริงหรือนี่ หา"

จบลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 1

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 2

"บูต๊อก เจ้าจริงหรือนี่" ซังกุงดุ "บังอาจ รู้มั้ยอยู่ต่อหน้าใคร กล้าเรียกส่งเดชหรือ"
"ไม่เป็นไรหรอก พวกเจ้าเป็นนางในรุ่นพี่แล้วไม่ใช่หรือ
ทำไมรังแกรุ่นน้องถึงขนาดใช้กำลังแบบนี้น่ะ" "หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ"
"ไปบอกซังกุงปกครองเดี๋ยวนี้ ให้ลงโทษพวกนางให้หนัก" ซังกุงรับคำแล้วออกไป
จากนั้นลีซานบอกว่าเขาต้องการคุยกับซองซงยอนตามลำพัง "เจ้าเป็นไรหรือเปล่า
เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย ซงยอน" "เอ่อ บูต๊อก เจ้าไม่ใช่บูต๊อกหรือ? เจ้า
ไม่ได้ชื่อบูต๊อก แต่เป็นองค์ชายจริงหรือนี่" "ขอโทษด้วยนะ เมื่อคืนนี้
ข้าปลอมตัวเป็นมหาดเล็กเพื่อจะไปตำหนักซีมินตัง ขอโทษจริงๆ
ตอนนั้นข้าไม่รู้จะพูดกับพวกเจ้ายังไงดี" "เอ่อ ฮือ ฮือ ขอทรงอภัยเพคะ หม่อมฉัน
ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ถึงขนาดล่วงเกินองค์ชาย" "ซงยอน" "หม่อมฉันสมควรตายนัก
อภัยให้หม่อมฉันเถอะเพคะ" "หึ ลุกขึ้นเร็วเข้า เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด
ข้าต่างหากที่ควรขอโทษเจ้า พวกเจ้าอุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วยข้า
ข้ายังปิดบังฐานะตัวเองอีก" "เอ่อ ฮือ องค์ชาย" "จริงๆ แล้ว
ที่ข้ามาหาเจ้าเพราะความเป็นห่วง เพราะเมื่อกี้ข้าเจอเทซู แต่ว่า
เขาถูกองครักษ์ในวังจับตัวไป" "องค์ชายทรงเห็นเทซูหรือ" "ใช่
เจ้ารู้มั้ยทำไมเขาถูกจับ เกิดอะไรขึ้นรู้หรือเปล่า" ซองซงยอนอึกอักที่จะตอบ
ลีซานรีบไปตามเทซู นายกองบอกว่าส่งไปกรมอาญาแล้ว
เพราะถือเป็นผู้บุกรุกตำหนักซีมินตัง ลีซานรีบกลับไปหาเฮคยอง พระมารดาของเขา
"เสด็จแม่ ได้โปรด ทรงช่วยเทซูได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "แม่ไม่รู้เจ้าพูดเรื่องอะไร
ให้ช่วยเทซูหรือ เขาเป็นใคร" "เมื่อคืนนี้ คนที่บุกรุกตำหนักซีมินตัง
คือหม่อมฉันเอง" เฮคยองตกใจมาก "หา!" "หม่อมฉันจะไปเยี่ยมเสด็จพ่อที่ถูกคุมขังอยู่
จึงแอบไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ" "ลูกซาน" "แต่ว่า มีมหาดเล็กฝึกหัดคนหนึ่ง
เมื่อคืนแอบช่วยหม่อมฉันจนใกล้จะถูกประหารแล้ว ฮือ เสด็จแม่ ถือว่าหม่อมฉันขอร้อง
ได้โปรด ช่วยเทซูซักครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่" "เรื่องนี้แม่จะถือว่าไม่ได้ยิน"
"เสด็จแม่" "แม่ไม่ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดทั้งนั้น รีบไปเก็บของซะ
เราจะไปอยู่ข้างนอก" "มีเพื่อนคนหนึ่งกำลังจะตายเพราะหม่อมฉันนะพ่ะย่ะค่ะ"
"เรื่องแบบนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายหรอกนะ" "ฮือ ถ้าอย่างงั้น
หม่อมฉันจะไปสารภาพความจริงกับเสด็จปู่ ทูลให้รู้ว่าคนบุกรุกคือหม่อมฉัน
หม่อมฉันยินดีรับโทษทุกอย่าง" เฮคยองตกใจคาดไม่ถึง "ลูกซาน"
"หม่อมฉันทนเห็นผู้บริสุทธิ์ถูกประหารไม่ได้จริงๆ"
"งั้นเจ้าอยากเห็นแม่ตายต่อหน้าเอามั้ยล่ะ หัดทำตัวให้เข้มแข็งหน่อยได้ไหม
วันหน้าเจ้าอาจได้เป็นพระราชาองค์ใหม่ เรื่องแค่นี้จะไปสงสารให้ป่วยการทำไมกัน"
"ชีวิตคนทั้งชีวิตนะพ่ะย่ะค่ะ แสดงว่า
การครองราชย์สำคัญกว่าชีวิตของเพื่อนงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ" เฮคยองอ่อนใจ "ลูกซาน"
"สำหรับเสด็จแม่แล้ว ชีวิตของเสด็จพ่อก็ไม่มีความหมายใช่ไหม มิน่า
เสด็จแม่ถึงไม่ร้อนพระทัยเมื่อเห็นเสด็จพ่อถูกจับไปขัง ฮือ ที่จริงหม่อมฉันก็รู้
ว่าทำไมเสด็จแม่กับท่านตาถึงไม่ค่อยใยดีเสด็จพ่อเท่าไหร่ ก็เพราะมีหม่อมฉันอยู่
ถึงเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ไป ยังมีหม่อมฉันอยู่ทั้งคน
หม่อมฉันสามารถครองราชย์ต่อจากเสด็จปู่ได้ ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ" เฮคยองสุดทน "พอที"
"หม่อมฉันไม่ต้องการแบบนี้ ถ้าวิธีนี้ทำให้หม่อมฉันได้เป็นใหญ่
หม่อมฉันขอสละบัลลังก์ไปช่วยคนยังดีกว่า หม่อมฉันจะไปเฝ้าเสด็จปู่เดี๋ยวนี้"
"เสด็จปู่ไม่อยู่ในวังหรอก ได้ยินว่าเสด็จไปเยี่ยมราษฎรพักใหญ่แล้ว ต้องอีก 3-4
วันถึงจะกลับ" "หา ตั้ง 3-4 วันเชียวหรือ จะเป็นไปได้ไง แล้วเรื่องของเสด็จพ่อ
เรื่องของเทซูล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะจัดการได้ ปัญหายุ่งๆ
ไม่นานก็จะผ่านไป เจ้าแค่อยู่เฉยๆ เท่านั้น" "เสด็จแม่"
"ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาหน่อยซิ พาองค์ชายน้อยกลับไปตำหนักเดี๋ยวนี้ หึ"
ลีซานพยายามอ้อนวอนให้พระมารดาช่วย แต่เฮคยองเองก็ไม่สามารถช่วยลูกได้
จึงได้แต่ร้องไห้เช่นกัน องค์ชายลีซานเสียใจมากที่ช่วยเทซูไม่ได้ จึงเอาแต่ร้องไห้
ก่อนจะนึกถึงคำพูดของบิดา เขาก็รีบไปหาค้นกล่องไม้
และพบว่ากล่องไม้ซึ่งองค์รัชทายาทซาโตผู้เป็นพ่อไหว้วาน
ให้ตนนำไปทูลถวายพระเจ้ายองโจนั้นมีภาพวาดบรรจุอยู่
เมื่อองค์ชายลีซานเห็นเช่นนั้นก็รีบรุดไปหาซองซงยอนทันที
องค์ชายลีซานบอกว่าตนพบภาพวาดที่จะช่วยพ่อและเทซูได้แล้ว
และขอร้องให้ซองซงยอนช่วยเขียนแผนที่ถนนวุนจองให้ที เพราะจะได้ไว้ใช้ในการหลบหนี
จากนั้นก็ไปดักรอเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
เมื่อเป็นเช่นนี้องค์ชายลีซานจึงรีบรุดไปที่ถนนวุนจองหาช่างจิตรกรของพระเจ้ายองโจเพื่อให้วาดภาพออกมา
ซงยอนไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์ชายลีซานจึงไม่มอบหมายภารกิจให้คนสนิท
องค์ชายลีซานตอบซงยอนว่าข้างกายตนไม่มีใครจริงๆ
เมื่อซองซงยอนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมา
และซองซงยอนเห็นว่าองค์ชายลีซานดูจะไม่รู้จักถนนหนทางก็อาสาไปด้วย
"เจ้าไปไม่ได้หรอก มันจะเสี่ยงเกินไป" "แต่ว่า องค์ชายไปคนเดียวก็เสี่ยงพอกัน"
"เรามีจุดยืนไม่เหมือนกัน ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปเสี่ยงด้วย
เรื่องเมื่อคืนที่ทำให้เจ้าเดือดร้อน แค่นี้ข้าก็เสียใจมากแล้ว" "แต่ว่า
เราได้สัญญาไว้แล้ว เมื่อคืนนี้ ทั้งเทซู หม่อมฉันและองค์ชาย
เราสัญญาว่าจะช่วยกันและกัน แถมยังเกี่ยวก้อยสาบานด้วย ทรงลืมแล้วหรือ
นอกจากช่วยองค์ชายแล้ว หม่อมฉันจะถือว่าช่วยเพื่อน ได้หรือเปล่าเพคะ"
ซองซงยอนซึ่งจะไปที่ถนนวุนจองนั้น
เมื่อเห็นองค์ชายลีซานและฮงซังกุงแห่งตำหนักเฮคยองพากันเข้าไปยังที่พักแล้ว
นางก็รีบเข้าไปซ่อนตัวในกล่องไม้ซึ่งอยู่บนเกี้ยวขององค์ชายลีซาน
เมื่อเกี้ยวเดินทางไปได้สักระยะหนึ่ง องค์ชายลีซานก็บอกคนรับใช้ว่าตนปวดท้องมาก
ขออยู่ตามลำพัง กว่าจะรู้องค์ชายลีซานก็หายไปจากเสลี่ยงแล้ว
ด้านเทซูเขาถูกโบยอย่างหนักเพื่อให้บอกว่าไปที่ตำหนักนั่นทำไม ในที่สุดเทซูก็บอกว่า
เป็น บูต๊อก ที่ชวนไป เจ้าหน้าที่งงว่าเป็นใคร เทซูจึงบอกว่าเป็นมหาดเล็กฝึกหัด
และโชคดีที่ปาร์คดัลโฮ อาของเทซูหาทางช่วย
และยังได้ฮงพงฮันพ่อของเฮคยองช่วยจนเขารอดมาได้
ซองซงยอนพาองค์ชายลีซานไปขโมยเสื้อผ้าเด็กแถวนั้นมาใส่
แต่ลีซานใส่ไม่เป็นต้องให้ซองซงยอนช่วย ทำให้เห็นแผลที่แขนของซองซงยอน "เดี๋ยวก่อน
นั่นแขนเจ้าเป็นอะไร บาดเจ็บหรือ" "เอ่อ เปล่า" "หา หึ เลือดไหลนี่นา"
"ไม่เป็นไรจริงๆ" "แผลน่ากลัวขนาดนี้ ยังว่าไม่เป็นไรอีก" "ไม่เป็นไรเพคะ
หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไร" "ไม่ได้แล้ว ไม่ได้การ หึ ทำไมเจ้าถึงโง่นัก
เมื่อรู้ว่าบาดเจ็บก็ต้องรีบบอกข้าสิ" "เอ่อ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ" "หึ ไม่หรอก
คนที่ผิดคือข้าเอง แทนที่จะเห็นใจเจ้า กลับรังเกียจเสื้อผ้าที่สกปรก อ้อ ไม่มีอะไร
แค่นี้น่าจะดีขึ้น จริงสิ ตั้งแต่นี้ไป เจ้าเรียกชื่อข้าตรงๆ ได้ไหม" "อะไรนะ
เรียกชื่อองค์ชายหรือ" "ใช่ เพราะตอนนี้ข้างนอก คงเต็มไปด้วยทหารที่ออกตามหาข้า
ถ้าอยู่ในตัวเมือง ห้ามเรียกข้าว่าองค์ชายเด็ดขาด ชื่อของข้าคือซาน ลองดูสิ
เจ้าลองเรียกดูซักครั้ง" "ยังอีก ข้าบอกให้เรียกก็ต้องเรียกสิ" "งั้น เอ่อ องค์ชาย
ซาน อาซาน เอ่อ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ที่บังอาจเรียกชื่อองค์ชาย" "ไม่หรอก
เจ้าไม่ต้องกลัวอะไร หึ เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรก
ที่นอกจากเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าแล้ว มีคนอื่นที่เรียกชื่อข้าตรงๆ บ้าง หึ
ไม่น่าเชื่อเลยว่า เวลาที่เจ้าเรียกชื่อข้า จะน่าฟังขนาดนี้"
ซองซงยอนพาลีซานขึ้นรถม้าไปถนนวุนจอง แต่มีทหารคอยตรวจค้น
แล้วเกิดเรื่องเมื่อมีชายคนหนึ่งฆ่าทหาร
เพราะเกรงว่าตัวเองจะถูกจับที่มีเหล้าเถื่อนขาย ลีซานรีบชวนซองซงยอนหนี
แต่ก็ห่วงภาพเขียนของเสด็จพ่อ ทำให้ถูกจับตัว เพราะคิดว่าเป็นพวกยางวาลูส่งมา
เขารีบบอกว่า "ไม่ใช่ ข้าแอบอยู่ในรถม้าเพื่อจะไปถนนวุนจองต่างหาก"
"ไม่ใช่พวกยางวาลูส่งมาหรอกหรือ" "ไม่ใช่ เห็นใจหน่อยเถอะนะ
ข้าจำเป็นต้องรีบไปถนนวุนจองน่ะ" "พี่ใหญ่ เด็กนี่ต้องเห็นเราฆ่าทหารแน่" "เอ่อ
ไม่ต้องห่วง ถ้าพวกท่านยอมปล่อยข้าไป ข้าจะอภัยโทษให้
และจะคุ้มครองชีวิตพวกท่านด้วย" "เชอะ น่าขำจริงๆ เจ้ามีปัญญาคุ้มครองเราได้หรือ"
ลีซานกำลังจะบอกแต่ชายอีกคนบอกให้ลากเขาไปฝังพร้อมพวกศพทหาร เขาร้องขอความช่วยเหลือ
"ฮือ ปล่อยข้าออกไป ขังข้าไว้ที่นี่ทำไมเล่า บอกให้ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้
ข้าเป็นองค์ชายนะ ได้ยินหรือเปล่า ข้าคือองค์ชายลีซาน เปิดประตูซี่ ปล่อยข้าออกไป"
"ได้ยินหรือเปล่า เขาบอกว่าเป็นองค์ชายแน่ะ" "เชอะ เพ้อเจ้อ"
"บอกให้ปล่อยข้าไง,ไม่ได้ยินหรือ ถ้าไม่รีบปล่อยข้า
ข้าจะถือว่าพวกเจ้าล่วงเกินเบื้องสูง ได้ยินหรือเปล่า ข้าจะไม่ยกโทษให้พวกเจ้า
เปิดประตูซี่ บอกให้ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือเปล่า ฮือ ปล่อยข้าออกไป ฮือๆๆ
ได้โปรดปล่อยข้าเถอะ ข้าขอร้อง ฮือ ข้าต้องออกไป ข้าต้องไปพบเสด็จปู่เดี๋ยวนี้
ฮือๆๆ ได้โปรดเถอะ ปล่อยข้าหน่อยได้ไหม ฮือๆๆ" ขณะที่ลีซานถูกจับไปนั้น
เขาก็ได้พบกับเทซูนอนกรนอยู่ จึงรีบปลุกให้ตื่น เทซูเห็นหน้าลีซานก็ตกใจ "หือ เฮ้ย
เจ้า บูต๊อกนี่นา" "ใช่ ข้าเอง แล้วทำไมเจ้ามาอยู่นี่
ไม่ได้ถูกจับไปกรมอาญาหรอกหรือ" "เจ้านี่มันทำข้าแสบนัก" เทซูตบหน้าลีซาน
"รู้หรือเปล่า เจ้าทำให้ข้าเดือดร้อนขนาดไหน" "เทซู ฟังข้าพูดก่อนสิ" "ไม่ฟัง"
"โอ๊ย เทซู เดี๋ยวก่อนได้ไหม โอ๊ย เทซู บอกให้ฟังข้าก่อนไง โอ๊ย หึ เทซู" "เงียบซะ"
ซองซงยอนเห็นลีซานหายไปนาน
จึงตัดสินใจไปฟ้องทหารบอกว่าเรื่องบ้านหลังใหญ่ที่ทำเป็นโรงหมักเหล้าเถื่อน
และเป็นคนฆ่าทหารตาย แต่ทหารไม่เชื่อเพราะเป็นบ้านของบัณฑิตปาร์ค แถมไล่ซองซงยอน
เทซูบ่นลีซานที่ทำให้เขาเกือบตาย แม้ลีซานจะพยายามขอโทษ "หึ ขอโทษด้วย
ข้าทำให้เจ้าลำบากจริงๆ" "ใช่ เพิ่งรู้หรือ ข้าเกือบจะตายเพราะเจ้า เพราะฉะนั้น
ถึงข้าจะซ้อมเจ้าหนักกว่า หรือผิดสัญญาที่ให้ไว้ เจ้าก็ห้ามโทษข้าล่ะ รู้หรือเปล่า"
"ข้าเข้าใจ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทวงบุญคุณ สำคัญต้องไปจากที่นี่ก่อน"
"ไปจากที่นี่หรือ" "คนที่อยู่ข้างนอกต้องมาฆ่าเราแน่ ฉะนั้นเราต้องรีบหนีไป"
"หมายความว่าไงน่ะ ใครจะฆ่าเราหรือ อาจจะฆ่าเจ้า แต่ไม่มีวันฆ่าข้าหรอก
คนที่นี่ใครๆ ก็ดีกับข้า เอาขนมให้กินด้วย" "ทำไมเจ้าถึงโง่นัก
พวกเขาจะฆ่าเราปิดปากยังไม่รู้อีก หึ" ทันใดนั้นชายคนนั้นก็ร้องให้ชายอีกคนจัดการ
ทั้งสองจึงรีบวิ่งหนี ไปเจอทหารเทซูจะเข้าไปขอความช่วยเหลือแต่ลีซานห้ามไว้
แล้วทั้งสองก็ได้พบกับซองซงยอน เธอรีบเข้ามาสมทบแล้วชวนกันวิ่งหนีรอดมาได้
"ข้าล่ะแปลกใจจริงๆ ทำไมจู่ๆ มีทหารมาตั้งเยอะล่ะ" ลีซานแปลกใจ ซองซงยอนจึงบอกว่า
"เพราะข้า เอาสายคาดเอวขององค์ชายให้พวกเขาดู ถ้าไม่ทำแบบนี้
ข้าก็ไม่รู้จะช่วยองค์ชายยังไงดีน่ะค่ะ กลัวว่าถ้าขืนชักช้า องค์ชาย
อาจจะเป็นไรก็ได้" "ซงยอน" ลีซานทั้งตกใจและซาบซึ้งใจซองซงยอน "ยังไงก็ช่าง
ช่วยองค์ชายแล้ว ยังได้เจอกับเทซูอีก" เทซูเหนื่อยแต่ก็แปลกใจ "หึ เดี๋ยวก่อนซงยอน
หึ หึ ทำไมเจ้าเรียกบูต๊อก ว่าเป็นองค์ชายล่ะ" "เอ่อ เท เทซู เขาไม่ใช่บูต๊อก แต่
แต่เป็น องค์ชายน้อยลีซาน" "หา อะไรนะ หึ องค์ องค์ชายลีซานหรือ
เจ้าเอาอะไรมาพูดน่ะ" "ขอโทษด้วยนะเทซู ข้าไม่ตั้งใจปิดบังเจ้า" "หา พูด
พูดเป็นเล่น นี่เป็นความจริงหรือ ซงยอน" "ใช่ เขาคือองค์ชายจริงๆ เมื่อคืนนี้
มีเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้ต้องปลอมตัวเป็นมหาดเล็ก หึ ดูสิ นี่คือ
สายคาดเอวขององค์ชาย" "ว้าย หึ ฮือ เอ่อ ตายแล้ว องค์ชาย ฮือ โปรดไว้ชีวิตด้วย
หม่อมฉันผิดไปแล้ว" "เทซูๆ" "หม่อมฉันไม่รู้ว่าเป็นองค์ชายถ้ารู้
จะไม่ใช้กำลังซักนิด อภัยให้หม่อมฉันด้วย" "อะไรนะ เจ้าทำร้ายองค์ชายหรือ"
ซองซงยอนถาม "ข้าไม่รู้จริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นองค์ชาย โปรดอภัยให้ข้าด้วย ฮือๆ"
"ไม่เป็นไรหรอก" "เป็นสิหม่อมฉันทำร้ายองค์ชายตั้งหลายที จะตายหรือเปล่าก็ไม่รู้
ฮือ หรือไม่ก็ถูกตัดมือ ไม่น่าเลย ข้าจะถูกตัดมือแล้ว ฮือๆๆ" "ใครจะตัดมือเจ้า
เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว เพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ข้าจะลงโทษเพื่อนรักได้ยังไง" "หา เอ่อ
องค์ชาย บอกว่าหม่อมฉัน เป็นเพื่อน กับองค์ชายงั้นหรือ" "ใช่ เจ้าลืมแล้วหรือ หึ
เราสามคน เคยเกี่ยวก้อยสาบานว่า จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไง" "เอ่อ องค์ชาย ฮือ"
จากนั้นเทซูก็บอกว่าเขารู้ทางลัด และพาทั้งสองไปจนถึงที่หมาย
แต่ก็ทราบว่าพระเจ้ายองโจเสด็จไปที่เมืองยอจูต่อ ก็ตามไปจนพบและตีฆ้อง
พระเจ้ายองโจทรงได้ยินก็รับสั่งให้ขบวนหยุด ฮงพงฮันทูลว่า "ฝ่าบาท การตีฆ้องนั้น
เป็นการร้องทุกข์ที่มีเฉพาะในเขตเมืองหลวง
พระราชาจะไม่รับเรื่องร้องเรียนระหว่างทาง ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ"
ลีซานพูดเสียงดัง "ฝ่าบาท โปรดหยุดก่อนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท
หม่อมฉันมีเรื่องจะร้องเรียน โปรดช่วยพ่อของหม่อมฉันด้วย ฝ่าบาทหยุดก่อนพ่ะย่ะค่ะ
ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะร้องเรียน ฝ่าบาท" ซองซงยอนช่วยพูด "ฝ่าบาท
โปรดฟังคำร้องของเราก่อนเพคะ ฝ่าบาท" "ฝ่าบาท โปรดฟังคำร้องของเราด้วย ฝ่าบาท
เรามีเรื่องมาร้องเรียนพ่ะย่ะค่ะ หึ ฝ่าบาท โปรดทรงช่วยเสด็จพ่อของหม่อมฉันด้วย"
ลีซานหอบ พระเจ้ายองโจ ขุนนางกับฮงพงฮันเห็นองค์ชายลีซานก็พากันตกใจ
"โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฮือ หม่อมฉันมาขวางขบวนเสด็จ รู้ว่าเป็นความผิด
สมควรถูกลงอาญาอย่างหนัก" พระเจ้ายองโจตรัสถาม "ทำไมเป็นเจ้าล่ะ
มาอยู่แถวนี้ได้ยังไง" "ฝ่าบาท" ลีซานพูดไม่ออก
"ข้าถามว่าทำไมมาอยู่แถวนี้ด้วยสารรูปแบบนี้" "หม่อมฉันหนีมาพ่ะยะค่ะ" "ว่าไงนะ"
"เพื่อจะเฝ้าฝ่าบาท หม่อมฉันหนีจากระหว่างทางไปบ้านเดิมของเสด็จแม่
แล้วรีบมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน ยินดีรับโทษตามแต่ฝ่าบาทจะเห็นควร แต่ขอได้โปรด
ทรงเห็นแก่ความภักดีของเสด็จพ่อ ฟังหม่อมฉันหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฮือ
เสด็จพ่อมีภาพเขียนจะมาถวายต่อฝ่าบาท โปรดทรงทอดพระเนตร
และทรงเมตตาเสด็จพ่อบ้างเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฮือ เสด็จพ่อรับสั่งว่า
ถ้าฝ่าบาทได้เห็นจะทรงหายกริ้วแน่นอน" "พ่อเจ้าบอกเมื่อไหร่ว่าให้เอารูปนี้มาให้ข้า
เจ้าไปเจอเขาเมื่อไหร่" ลีซานอึกอัก "เอ่อ" "คงไม่ใช่ คงไม่ใช่เพราะเจ้า" "ฮือ
เมื่อคืนนี้ หม่อมฉันแอบไปตำหนักซีมินตัง ฮือ" พระเจ้ายองโจทรงตกพระทัยมาก "หา"
ฮงพงฮันเองก็ตกใจไม่น้อย "เอ่อ องค์ชาย" "เป็นความจริงหรือนี่
คนที่บุกรุกตำหนักซีมินตัง ก็คือเจ้าหรือ" "ถ้าฝ่าบาทจะลงอาญา
หม่อมฉันก็ยินดีรับโทษ แต่ว่า โปรดทรงทอดพระเนตรภาพเขียนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ
ขอเพียงทอดพระเนตรซักนิด แล้วช่วยเสด็จพ่อของหม่อมฉันด้วย" "หุบปาก
คุมตัวองค์ชายลีซานไว้เดี๋ยวนี้" "ฝ่าบาท" ลีซานร้อง "ไม่ได้ยินหรือไง
ข้าบอกให้จับตัวเขาไว้"

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 2

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 3

องค์ชายลีซานรวบรวมความกล้าเข้าขวางขบวนเสด็จของพระเจ้ายองโจ
พระเจ้ายองโจทรงทอดพระเนตรภาพวาดขององค์รัชทายาทซาโต
พระเจ้ายองโจทรงไม่ทราบต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว
ทรงใช้สายพระเนตรที่น่าสะพรึงกลัวจับจ้องไปที่องค์ชายลีซาน
องค์ชายลีซานทูลวิงวอนพระเจ้ายองโจให้ทรงปล่อยตัวองค์รัชทายาทซาโต
แต่พระเจ้ายองโจกลับทรงมีรับสั่งให้คุมขังองค์ชายลีซานซึ่งเป็นพระราชนัดดา
อย่างเลือดเย็น ฮงพงฮันช่วยทูลกล่อม "ฝ่าบาท องค์ชายยังเด็กไม่รู้ความ
ทรงอภัยด้วยเถอะพ่ะยะค่ะ" "ท่านเสนาซ้าย ข้าบอกว่าห้ามขอร้องแทนเขาไง" "ฝ่าบาท
เสด็จพ่อใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ถูกขังอยู่ในลังไม้ เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
รับสั่งก็ไม่มีเสียง หายใจก็ลำบาก ฮือ จริงๆ แล้ว หม่อมฉันก็รู้ดี
เหมือนที่เสด็จพ่อทรงเป็นห่วงหม่อมฉัน ฝ่าบาทก็ทรงเป็นห่วงเสด็จพ่อเหมือนกัน
เพราะทรงเป็นพระบิดา ทรงเป็นพระบิดาของเสด็จพ่อไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ฮือ
และด้วยความที่เป็นโอรส เสด็จพ่อจึงไม่เคยตำหนิฝ่าบาทเลย
ถือว่าสงสารเสด็จพ่อเถอะพ่ะย่ะค่ะ เสด็จปู่ ได้โปรด
ได้โปรดเมตตาเสด็จพ่อของหม่อมฉันด้วย ฮือๆๆ" "ข้าช่วยไม่ได้หรอก
เพราะข้าไม่ได้เป็นแค่พ่อ ยังเป็นพระราชาด้วย จับองค์ชายลีซานไปกรมอาญา
แล้วข้าจะไต่สวนความผิดด้วยตัวเอง" เหล่าขุนนางทูลพร้อมกัน "ฝ่าบาท
ขอทรงไตร่ตรองด้วยเถอะ อย่าถือสาองค์ชายน้อยเลย" "ฝ่าบาท ฮือๆๆ" ลีซานร้องไห้
"ก็ได้ พวกเจ้าไม่กล้าลงมือใช่ไหม งั้นข้าเอง ลุกขึ้น" "เสด็จปู่"
ลีซานเงยหน้ามองพระเจ้ายองโจ "บอกให้ลุกขึ้น" "เสด็จปู่ ฮือ"
ทันใดนั้นนายกองก็เข้ามาทูลว่า "ฝ่าบาทๆๆ หึ ฝ่าบาท มีข่าวว่ารัชทายาท รัชทายาททรง
สิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ" "นี่มัน นี่มันหมายความว่าไง รัชทายาทสิ้นพระชนม์
แปลว่าเสด็จพ่อตายแล้วงั้นหรือ" ลีซานทั้งอึ้งทั้งตกใจ "พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย"
ลีซานฟังชัดเจนเช่นนั้นก็ร้องไห้อย่างหนัก พระเจ้ายองโจทรงตรัสถามขึ้นว่า
"เขาตายเมื่อไหร่" "เมื่อซักครู่นี้ หลังเที่ยงไม่นานพ่ะย่ะค่ะ" "ฮือ เป็นไปไม่ได้
ใครบอกว่าเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์แบบนี้ ฮือ ข้าไม่เชื่อ ฮือๆๆ เสด็จพ่อ ฮือ เสด็จพ่อ
ฮือ เสด็จพ่อ ฮือๆๆ เสด็จพ่อ" "ฝ่าบาท" ฮงพงฮันสงสารองค์ชายลีซาน
พระเจ้ายองโจทรงตัดบทว่า "ช่างเถอะ เรื่ององค์ชายน้อย ข้าจะไม่ถือสาอีก
ถือว่าพ่อเขา มาแลกกับชีวิตของลูก เดินทางกลับวัง" องค์ชายลีซานเอาแต่ร้องไห้
มีซองซงยอนกับเทซูคอยปลอบ เทซูไปคุยอวดเพื่อนๆ ว่าเขาเป็นเพื่อนกับองค์ชายลีซาน
ทำให้รู้จากเพื่อนว่า ทหารเตรียมการจะมอบยาพิษให้องค์ชายลีซานเสวย
เทซูไม่เชื่อเพราะเขาเองก็ได้รับการอภัยโทษมาแล้ว
แต่เด็กชายคนนั้นเตือนเทซูว่าถ้าไปพูดกับใครว่าเป็นเพื่อนองค์ชายลีซาน
สักวันอาจถูกจับประหาร ราชเลขามาถึงที่บ้านองค์ชายลีซาน
ให้สองแม่ลูกเข้าเฝ้าโดยเร็ว เฮคยองอดปรารภกับลีซานไม่ได้ว่า
"มีพระบัญชาให้เราไปเข้าเฝ้าโดยเร็ว ดูจากรูปการตอนนี้คงยากจะคาดเดาได้ว่า
จะทรงอภัยโทษให้เจ้าจริง หรือว่า รีบไปเปลี่ยนชุดเร็วเข้า เมื่อเสด็จปู่มีพระบัญชา
เราก็ต้องรีบไปเข้าเฝ้า" "หม่อมฉันไม่คิดจะไปไหน
และไม่คิดขอให้เสด็จปู่ทรงยกโทษให้ด้วย หม่อมฉันจะไม่ทำตามที่เสด็จแม่ทรงคาดหวัง
ให้หม่อมฉันแทนตำแหน่งของเสด็จพ่อเป็นอันขาด หม่อมฉันจะไม่มีวัน
สืบทอดบัลลังก์ของเสด็จปู่อย่างแน่นอน" "หึ ข้าไม่ได้หวังให้เจ้า
แบกภาระเพื่อเป็นพระราชาองค์ใหม่ เพียงแต่ นี่เป็นการช่วยชีวิตเจ้าเอง
ไม่ได้หวังให้เจ้าเป็นใหญ่ เพื่อวงศ์ตระกูลของเรา ไม่ได้หวังให้เจ้า
ไปเสวยสุขเป็นพระราชาที่มีอำนาจล้นฟ้า แต่ถ้าไม่คิดครองราชย์ เจ้าก็ต้องตาย
เข้าใจหรือเปล่า มันเป็นชะตาของเจ้าอยู่แล้ว แม่ยังเชื่อมาตลอดว่า
เสด็จพ่อของเจ้ายอมตายเพื่อจะช่วยเจ้าไว้ เขาต้องคิดอย่างงั้นแน่
และเขาเป็นคนอย่างงั้นด้วย เพราะเป็นเสด็จพ่อ ที่รักเจ้าดั่งดวงใจ
ยิ่งกว่าห่วงชีวิตตัวเองซะอีก ถึงเจ้าจะไม่พอใจแม่ แม่ก็ไม่ถือสาเจ้า แต่ว่า
เสด็จพ่อที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว คงอยากให้เจ้าอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและภาคภูมิใจ
เพราะฉะนั้น เห็นแก่ความตั้งใจของเสด็จพ่อ ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ต้องครองราชย์
เข้าใจที่แม่พูดหรือเปล่า ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ต้องเป็นพระราชา
และอยู่ต่อไปให้ดีด้วย"
ซองซงยอนกับเทซูพยายามหาทางมาจนได้พบกับองค์ชายลีซานอีกครั้ง
องค์ชายลีซานเองก็ดีใจมากที่ได้พบหน้าเพื่อนทั้งสอง "หึ วิเศษเลย
ไม่นึกว่าจะได้เจอพวกเจ้าอีก ข้าดีใจมาก พวกเจ้าเป็นไง
ยังถูกลงโทษเพราะเรื่องนั้นอีกหรือเปล่า" "ไม่มีอะไรแล้ว เราสองคนปลอดภัยดี"
"แล้วองค์ชายล่ะ ข้าได้ยินเรื่องน่ากลัวบางอย่าง ถ้าองค์ชายเข้าวัง
อาจมีอันตรายก็ได้ อ้อ ไม่ใช่ๆ คงเป็นแค่ข่าวลือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก" เทซูรีบบอก
"ใช่ ไม่ต้องห่วงข้าหรอกนะ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่า นี่อาจเป็นวันสุดท้ายของเรา
หลังจากเข้าวังไปแล้ว ข้าคงไม่มีโอกาสได้เจอพวกเจ้าอีก" "งั้นเราจะเข้าวังเอง
ถ้าองค์ชายออกมาไม่ได้ เราจะเข้าวังไปหาองค์ชายเอง" "ใช่แล้ว
ข้ากับซงยอนจะไปด้วยกัน เมื่อเข้าวังแล้ว เราจะได้ช่วยองค์ชายอีก" "เทซู"
องค์ชายลีซานซาบซึ้งใจนัก "แต่ยังไงก็ตาม องค์ชายต้องรอเราด้วยนะ
เราจะหาทางเข้าไปให้ได้ และก่อนที่เราจะเข้าวัง องค์ชายต้องดูแลตัวเองดีๆ ด้วยล่ะ"
"ฮือ ตกลง ถ้าเป็นเพื่อนจริงก็ต้องสัญญากับข้าไว้ นี่คือสัญญาของเรา
ไม่ว่ากี่เดือนกี่ปี ข้าก็ไม่มีวันลืม หึ ข้าจะรอพวกเจ้าจนกว่าจะเข้าวังมา
เพราะฉะนั้น ยังไงก็ต้องมาหาข้าล่ะ" ซองซงยอนพยักหน้า "อึม" "ข้าก็ไม่ลืมสัญญา
คราวนี้ต่อให้ถูกตัดนกน้อย หรือถูกเฆี่ยนตี ข้าก็จะเข้าวังให้ได้"
เฮคยองกับองค์ชายลีซานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ ทรงตรัสขึ้นก่อนว่า "นั่งลง
ไปอยู่บ้านเดิมคงไม่ค่อยสะดวกสบายนัก สีหน้าถึงได้ดูซีดล่ะสิ" "มิได้เพคะฝ่าบาท
ทุกวันนี้หม่อมฉันได้อยู่อย่างสุขสบายก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว หม่อมฉันกับลูกชาย
ได้อยู่ต่อโดยไม่มีใครรบกวน เพราะบารมีของฝ่าบาทคอยคุ้มครองเพคะ" "อึม งั้นหรือ
เจ้าคิดอย่างงั้นจริงหรือเปล่า แล้วเจ้าล่ะคิดยังไง เห็นตรงกันกับแม่เจ้าหรือเปล่า"
เฮคยองตอบแทนว่า "ที่หม่อมฉันทูลฝ่าบาทนั้น ปกติก็คุยกับลูกอยู่แล้ว
จึงเห็นตรงกันเพคะ" "ถ้าไงเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับหลานซักครู่"
พระเจ้ายองโจตัดบท เฮคยองจำต้องออกไป "หึ วันนี้แต่งตัวเต็มยศเชียวนะ
วันก่อนเห็นเจ้า ใส่ชุดชาวบ้านมอมแมมก็เหมือนจะเหมาะกับเจ้าดี
รู้มั้ยว่าบนโต๊ะข้านี่คืออะไร ฎีกาที่มาร้องเรียนว่าเจ้าไม่คู่ควรเป็นองค์ชายอีก
ซึ่งก็น่าอยู่หรอก เพราะเจ้าขัดคำสั่งข้า แถมยังทำตัวเสื่อมเสียต่อหน้าผู้คน
แล้วจะไม่ให้ชาวบ้านนินทาได้ยังไง คืนนี้ข้าต้องมีคำตอบให้กับฎีกาพวกนี้ บอกซิว่า
จะให้ข้าทำไงดี" "ความหมายของฝ่าบาท
คือจะให้คำตอบตามความคิดของหม่อมฉันหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ถ้ามีเหตุผลฟังขึ้นได้"
"งั้นทรงตอบว่า จะไม่ทรงลิดรอนสิทธิ์การครองราชย์ของหม่อมฉัน" "ทำไมอย่างงั้นล่ะ"
"เพราะหม่อมฉันจะอยู่ต่อไป อยู่ต่อไปเพื่อทำหน้าที่
และรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนพ่ะย่ะค่ะ" "เดี๋ยวก่อน เหตุผลยังไม่มีน้ำหนักพอ
ถ้าเจ้ายังมีศักดิ์เป็นองค์ชายต่อไป อนาคตจะเป็นผู้กุมอำนาจในการบริหารบ้านเมือง
ส่วนเจ้าจะเป็นหรือตาย นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว
เรื่องส่วนตัวของเจ้าถ้ามาพัวพันกับการเป็นองค์ชาย มิเท่ากับทำให้บ้านเมืองหายนะ
ราษฎรเดือดร้อนเพราะเจ้าหรอกหรือ" "ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันจะพิสูจน์ให้ทุกคนดู
ว่าหม่อมฉันคู่ควรกับเครื่องแต่งกายชุดนี้ พิสูจน์ให้ฝ่าบาทได้ทรงเห็นว่า
หม่อมฉันคู่ควรเป็นพระนัดดา แบบนี้จะดีมั้ยพ่ะยะค่ะ" "พิสูจน์ให้ทุกคนดูหรือ
เป็นความคิดที่น่าขำ ช่างเบาปัญญาซะจริงๆ" ราชเลขาอ่านประกาศว่า "ความผิดขององค์ชาย
คือปกป้องนักโทษ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง เป็นเหตุให้ราชสำนักมัวหมอง
ซึ่งถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ แม้ว่า
ทั้งหมดนี้อาจเพราะองค์ชายยังทรงพระเยาว์อยู่มาก แต่ยังไงกฎก็ต้องว่าไปตามกฎ
การลงโทษไม่จำเป็นต้องให้เจ็บตัวเสมอไป ด้วยเหตุนี้ข้าจึงให้องค์ชายลีซาน
สำนึกในความผิดให้มากขึ้น และให้เรื่องนี้เป็นบรรทัดฐานในการลงโทษต่อไป ฉะนั้น
นับแต่นี้จึงให้องค์ชายลีซานเป็น "ตงกุง"รับหน้าที่แทนตำแหน่งรัชทายาทให้ดีที่สุด"
ขุนนางทำการทักท้วง แต่พระเจ้ายองโจทรงให้ราชเลขาอ่านต่อ "นับแต่นี้
ให้องค์ชายลีซานย้ายที่อยู่ ไปยังตำหนัก "ชาคยอง" เพื่อรับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด
โดยมีครูอาจารย์คอยสอนวิชาความรู้ในแขนงต่างๆ
ส่วนครูฝึกด้านการป้องกันตัวก็ให้เลือกจากองครักษ์ ทำหน้าที่ถวายการสอนต่อไป"
เหล่าขุนนางทูลพร้อมกัน "ทรงไตร่ตรองใหม่ด้วยเถอะ ฝ่าบาท ทรงไตร่ตรองใหม่ด้วยเถอะ
ฝ่าบาท" จากนั้นองค์ชายลีซานก็ทรงศึกษาหลายวิชาพร้อมกันอย่างหนัก
วันนี้ทรงเรียนการปกครอง พระเจ้ายองโจเสด็จมาดู จากนั้นก็ทรงตรัสถามว่า
"เจ้าศึกษาไปถึงไหนแล้ว" "เรียนรู้ว่าอะไรคือการเมือง พื้นฐานการปกครองต่างๆ
พ่ะย่ะค่ะ" "งั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น การเมืองคืออะไร" "การเมืองมาจากคำว่า "ชองจี"
หมายถึงความถูกต้อง และรากฐานที่มั่นคง
เปรียบเหมือนการปลูกต้นไม้ให้รากฝังลึกและเจริญงอกงามพ่ะย่ะค่ะ" "ดีมาก
นั่นคือสิ่งที่เจ้าคิดใช่ไหม หึ งั้นลองบอกข้าซิว่า
อะไรคือการปกครองที่เหมือนไม้ใหญ่ยั่งยืน" "พระราชาซึ่งเป็นประมุข
ควรเปี่ยมด้วยเมตตาและทศพิธราชธรรม และหม่อมฉัน ก็จะทำตามรับสั่งของเสด็จพ่อ
เป็นพระราชา" "งั้นหรือ พ่อเจ้าบอกให้เจ้าเป็นพระราชาที่ดีหรือไง แล้วคิดว่า
พระราชาที่ดีควรเป็นยังไง" "ห่วงใยและรู้จักฟังเสียงของราษฎร ก็คือพระราชาที่ดี"
"เสียงของราษฎรมีอะไรบ้าง" "เอ่อ ก็คือ พ้นจากความยากไร้
ทุกคนได้กินดีอยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ" "แล้วถ้าเจ้าเป็นพระราชา สิ่งแรกที่จะทำคืออะไรบ้าง"
"ลดภาษีและการส่งส่วย จัดระเบียบสังคมให้มีแบบแผน" "ผิดแล้ว ตอบใหม่ซิ" "เอ่อ คือ
ไม่ให้ขุนนางรังแกราษฎรตามใจชอบ เข้มงวดต่อพวกเขา" "ผิดอีก" "ถ้า ถ้าอย่างงั้น
ก็ต้องเป็น ให้ทหารบางส่วนปลดระวาง ไปทำการค้าเลี้ยงดูครอบครัว" "ตอบผิดทั้งนั้น
สิ่งแรกที่พระราชาควรทำคืออะไรยังไม่รู้ แล้วยังคู่ควรเป็นหลานข้าอีกหรือ หึ
ไปหาคำตอบมาซะ ให้เวลาสามวันในการหาคำตอบ ถ้าตอบไม่ได้ละก้อ
เจ้าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เคยพูดกับข้าไว้"
องค์ชายลีซานทรงคิดทบทวนคำพูดของพระเจ้ายองโจ
แล้วก็ทรงไปขอให้เจ้าหน้านำฎีกาที่ราษฎร์ถวายมาให้อ่านให้หมด แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ
จึงลงไปคลุกคลีกับชาวบ้านทานอาหารกับชาวบ้าน แต่เกิดอาการคลื่นไส้
องค์ชายลีซานไม่เข้าใจว่าทำไมยังทรงหาคำตอบไม่ได้
แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องให้คำตอบแด่พระเจ้ายองโจ "ว่าไง ได้คำตอบแล้วหรือยัง
ไหนลองว่ามาซิ" "เพื่อเห็นแก่ราษฎร สิ่งแรกที่พระราชาควรทำก็คือ
ปกป้องชาวบ้านที่ไม่มีความรู้ ถูกชนชั้นสูงกดขี่และเอารัดเอาเปรียบพ่ะย่ะค่ะ"
"ผิดอีกแล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง สิ่งที่เจ้าพูดมา
แม้เป็นหน้าที่ของพระราชาก็จริง แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน จะให้ตอบครั้งสุดท้าย
บอกมาเร็ว บอกให้พูดไงเล่า" "หม่อมฉัน ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันคิดแล้วคิดอีก
ยังหาคำตอบไม่ได้ ไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ"
"ที่เจ้าไม่กินไม่นอนก็เพื่อจะหาคำตอบใช่ไหม ในเมื่อทำตามสัญญาไม่ได้
ก็ถอดชุดได้แล้ว" "เอ่อ ฝ่าบาท ขอได้โปรด ให้เวลาหม่อมฉันอีกวันเถอะพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉัน" "ฮึ่ม นั่นคือ บัญชีการเบิกจ่ายที่เจ้าหน้าที่คลังหลวงส่งมาถึงข้า
มีการจดบันทึกไว้ว่า เจ้าเบิกค่าใช้จ่ายสำหรับตำหนัก "ตงกุง" ไปใช้ส่วนตัวจนหมด
บอกมาซิ เอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะ" "ฝ่าบาท" องค์ชายลีซานตกใจ "ถลุงเงินมากๆ
ทำให้สบายใจหรือไง เพิ่งไปอยู่ตำหนักตงกุงไม่เท่าไหร่ก็ใช้เงินยังกะเบี้ย
มีอย่างที่ไหนกัน บอกมาซิ เงินตั้ง 3 พันตำลึง เจ้าเบิกไปทำอะไรกันแน่" "นั่น
นั่นเป็นเพราะ" "ไม่เอาไหนจริงๆ เจ้าไม่เหมาะจะอยู่ในวังอีกแล้ว
พรุ่งนี้เช้าออกจากวังไปซะ" "ฝ่าบาท" ลีซานพยายามจะอธิบาย "ไม่ต้องพูดมาก
บอกให้ถอดชุดแล้วออกจากวังเดี๋ยวนี้" องค์ชายลีซานทรงสะอื้น
เฮคยองรีบมาทูลขอพระเจ้ายองโจ แต่ก็ไม่ได้ผล
วันรุ่งขึ้นองค์ชายลีซานเตรียมตัวจะออกจากวังหลวง
มหาดเล็กก็มาตามตัวองค์ชายลีซานให้รีบไปที่ห้องรับฎีกา
บอกว่าพระเจ้ายองโจทรงให้เข้าเฝ้าด่วน และทูลพระเจ้ายองโจว่า "ปกติในตัวเมือง
จะมีผู้ใช้แรงงานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ปะปนกัน แต่พอทางการออกกฎใหม่
ห้ามใช้แรงงานเด็กเยี่ยงทาส ทำให้บรรดาพ่อค้าคิดรวยทางลัด
เอาเด็กที่หมดประโยชน์ไปขายให้ต้าชิงเป็นแรงงานต่อไป ส่วนใหญ่เด็กพวกนี้
เกิดมาก็กำพร้าพ่อแม่อยู่แล้ว ยังอุตส่าห์เขียนฎีกาด้วยความลำบาก
แสดงว่าทนถูกกดขี่ไม่ไหวจริงๆ แม้ว่า หม่อมฉันรู้ดีว่าไม่ควรทำอย่างงั้น
แต่ได้ยินว่าเมื่อวานจะมีเรือจากต้าชิงมาเทียบท่า ด้วยความจำเป็นก็เลย" "จากนั้น
เจ้าเลยเอางบประมาณของตำหนักไปไถ่ตัวพวกเขาใช่ไหม"
"หม่อมฉันตั้งใจว่าปีหน้าจะประหยัดกินประหยัดใช้ เพื่อชดเชยกับปีนี้พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันรู้ว่าทำผิดใหญ่หลวง ขอทรงลงอาญาเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "นี่เป็นเรื่องใหญ่
ทำไมถึงปิดเงียบ ไม่มีใครมาบอกให้ข้ารู้เลย" "ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ
เนื่องจากฎีกาบางฉบับเขียนด้วยลายมือโยกโย้ อ่านลำบากก็เลยถูกพักไว้ก่อน"
"ไม่เอาไหนจริงๆ เสียทีเป็นขุนนาง เห็นความเดือดร้อนของราษฎรเป็นเรื่องเล็ก
พักได้พักไว้ก่อนงั้นหรือ สั่งปลดเจ้าหน้าที่รับฎีกาให้หมดทุกคน แล้วไปที่ตัวเมือง
สืบให้รู้ว่าใครจับเด็กไปขาย เอาตัวมันกลับมา ได้ยินมั้ย" ทุกคนน้อมรับคำสั่ง
"พ่ะย่ะค่ะ" "พาองค์ชายกลับไปตำหนักเหมือนเดิม" "แต่ว่าหม่อมฉัน"
"สิ่งที่เจ้าทำในวันนี้ ก็คือการปกครอง ทำดีมาก" พระเจ้ายองโจทรงขอบคุณแชจีคยอม
"ขอบคุณท่านมาก วันนี้ถ้าไม่ได้ท่าน ข้าคงทำอะไรผิดไปแน่" "ขอบพระทัยที่ทรงชม
แต่ว่า คำถามที่ฝ่าบาททรงถามองค์ชายนั้น ไม่ต้องการคำตอบแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ท่านก็รู้คำตอบแล้วไม่ใช่หรือ" "พ่ะย่ะค่ะ
คุณสมบัติข้อแรกที่ผู้ครองเมืองควรจะมีนั้น หม่อมฉันเห็นว่า
คือจิตใจที่เป็นห่วงราษฎรและบ้านเมืองอยู่ทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ" "ถูกต้อง
คือจิตใจที่ห่วงราษฎร และพยายามทำเพื่อบ้านเมืองด้วยความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ
นั่นคือการปกครองที่แท้ แต่ไม่รู้ว่าองค์ชาย จะรู้คำตอบเหมือนที่เรารู้หรือเปล่า
หึ" ทางด้านขุนนางที่ไม่ชอบองค์ชายลีซาน
ก็พยายามคิดแผนการทำให้องค์ชายลีซานผิดใจกับพระเจ้ายองโจ
วันนี้ครูได้พานักเรียนจากข้างนอกมาเรียนกับองค์ชายลีซานและทดสอบวิชาจากตำรา ซาซอ
"ใครจับได้หัวข้อไหน ก็ให้ท่องตามที่เรียนมาพ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานจับได้ป้ายเขียนคำว่า "โชซู" อาจารย์บอกว่า "วันนี้ขอสอบเฉพาะแค่ปรัชญา
พวกตำรา "โชซู" ยังไม่สอบพ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้ายองโจเสด็จมา "ยังไม่ได้เรียนตำรา
"โชซู" หรือไง" "อาจเพราะเพิ่งเรียนไม่นาน องค์ชายจึงจำไม่ค่อยได้พ่ะย่ะค่ะ"
"ท่องไม่ได้หรือไง" พระเจ้ายองโจตรัสถามองค์ชายลีซาน "เอ่อ ไม่พ่ะย่ะค่ะ หึ ท่าน
"โชกง" บอกว่า ผู้ดีต้องให้เกียรติ ไม่ถือตนเป็นใหญ่ รู้ว่า อะไรควรไม่ควร รู้จัก
ความผิดถูก เมื่อเป็น ผู้น้อย ก็ควรจะ ควรจะ" แชจีคยอมถอนใจ
พระเจ้ายองโจทรงตรัสถามนักเรียนคนอื่น "นักเรียนคนอื่นล่ะ
มีใครได้เรียนเล่มนี้มาบ้าง" อาจารย์ตอบว่า
"ส่วนใหญ่จบเพียงแบบเรียนเบื้องต้นพ่ะย่ะค่ะ" ชองโฮคยอมเสนอตัวทันที
"หม่อมฉันขอท่องเองพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นดี เจ้าลองท่องมาซิ"
"ผู้น้อยต้องรู้จักปรนนิบัติผู้ใหญ่ เป็นบุตรต้องรู้จักดูแลพ่อแม่ รู้ผิดถูก
รู้ดีชั่ว รู้ละลาย รู้สำนึก ถึงเป็นยอดคนพ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้ายองโจตรัสต่อว่า
"อธิบายความหมายได้ไหม" ชองโฮคยอมน้อมรับ "พ่ะย่ะค่ะ" "พูดมาเร็ว"
"คนเราต้องรู้จักลำบากก่อน ถึงค่อยเสพสุข จึงจะรู้ว่าความบากบั่นมีความหมายแค่ไหน
เช่นเดียวกัน พ่อแม่ที่ทำงานหนัก แต่ลูกหลานกลับห่วงแต่สบาย
จะไม่มีวันได้ดีกว่าพ่อแม่ พ่อแม่ควรสอนให้รู้จักคำว่าหนักเอาเบาสู้
การเจริญรอยตามผู้ใหญ่ คือนำส่วนที่ดีมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้ามีชื่อว่าอะไร" "หม่อมฉันชองโฮคยอมพ่ะย่ะค่ะ" "ชองโฮคยอมหรือ
ดูอายุเจ้าก็ไม่ห่างจากองค์ชายมากนัก แต่ท่องได้ฉะฉาน เป็นเด็กฉลาดจริงๆ"
"ขอบพระทัยที่ทรงชม ที่จริงหลักสำคัญ องค์ชายได้ทรงท่องหมดแล้ว
หม่อมฉันแค่เติมในส่วนย่อยเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ" "ทีหลังถ้าจะเรียน
ให้เด็กคนนั้นเข้าวังมาด้วย จะได้เป็นเพื่อนเรียนกับองค์ชาย"
อาจารย์ทั้งสองท่านรับคำ "พ่ะย่ะค่ะ" "หึ มีเขาอยู่ใกล้ๆ เจ้าจะได้ดูเป็นแบบอย่าง"
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาทๆๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กเข้ามา
"เกิดเรื่องอะไร" พระเจ้ายองโจเสด็จมาประชุมทันที "เมื่อซักครู่
มีองครักษ์มาส่งข่าว ว่าหลังจากองค์ชาย ย้ายไปตำหนักตงกุงแล้ว
ขณะเก็บกวาดตำหนักเดิมขององค์ชาย พบสิ่งน่าประหลาดบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ"
"น่าประหลาดอะไรกัน" "เอ่อ คือ มันเป็น มี มีปืนพ่ะย่ะค่ะ มีปืนและดาบจำนวนมาก
อยู่ในตำหนักเดิมขององค์ชายน้อยพ่ะย่ะค่ะ" "มันจะเป็นไปได้ยังไง
มีอาวุธในตำหนักองค์ชายงั้นหรือ" "ฝ่าบาท
แสดงว่าเป็นการซ่องสุมอาวุธของอดีตรัชทายาท" ขุนนางที่ไม่ชอบองค์ชายลีซานรียกราบทูล
ขุนนางอีกคนสมทบว่า "ยังจำเรื่องราวที่เกิดในปี "ซินซา" ได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ
อดีตรัชทายาทแอบสะสมอาวุธเพื่อหวังจะก่อกบฎ โชคดีที่มีคนรู้ก่อน
จึงได้ทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ" "แต่ว่า ทำไมยังมีอาวุธหลงเหลืออยู่ในตำหนักองค์ชายน้อย
นั่นแปลว่าอะไรหรือพ่ะยะค่ะ" ขุนนางอีกคนแปลกใจ
"นั่นก็คือองค์ชายลีซานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคิดกบฏด้วย" "ฝ่าบาท
รับสั่งให้องค์ชายลีซานมาไต่สวนเถอะพ่ะย่ะค่ะ การก่อกบฏเป็นเรื่องใหญ่
สมควรจะสืบให้รู้ เพื่อจะได้ลงโทษคนที่คิดไม่ซื่อให้หมดไป"
"ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย" เหล่าขุนนางทูลพร้อมกันอีก ขณะที่องค์ชายลีซานมาดู
แล้วก็ตกใจว่าของพวกนี้มาอยู่ในตำหนักได้อย่างไร ทันใดนั้นพระเจ้ายองโจก็เสด็จมาถึ
"เดือน 4 ปีซินซา มีคนมาบอกว่าพ่อเจ้าคิดไม่ซื่อ
ซ่องสุมกำลังและเก็บอาวุธไว้ในตำหนักเป็นจำนวนมาก แต่ว่าถึงเขาจะวู่วามขนาดไหน
คงไม่ทำอะไรประเจิดประเจิดให้ใครรู้ ข้าเลยไม่อยากเอาเรื่องอีก แล้วทำไมของพวกนี้
จู่ๆ มาโผล่ที่ตำหนักของเจ้าได้ ทำไมถึงมีอาวุธมากมายอยู่ในตำหนักของเจ้า
เพราะพ่อเจ้าสั่งไว้ ให้เก็บรักษาแทนเขาใช่หรือเปล่า" "เอ่อ ไม่ใช่นะพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันไม่รู้ว่า ของพวกนี้มาจากไหน" "แต่นี่เป็นตำหนักเก่าของเจ้า
ที่เจ้าอยู่อาศัยมาหลายปี ถ้าเจ้าบอกว่าไม่รู้ แล้วใครจะรู้อีก" "เอ่อ
จริงนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่รู้อะไรจริงๆ ฮือ ทำไมของพวกนี้มาอยู่ตำหนักหม่อมฉันได้
หม่อมฉันไม่รู้อะไรเลยซักนิด ขอฝ่าบาททรงเชื่อหม่อมฉันด้วย"

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 3

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 4

มีการตรวจพบคลังแสงที่ตำหนักตงกุง
จึงนับเป็นอีกครั้งที่องค์ชายลีซานตกที่นั่งลำบาก พระเจ้ายองโจ
ทรงมีรับสั่งว่าจะทรงไม่ให้อภัยผู้ที่เป็นภัยต่อราชวงศ์เป็นอันขาด
ทำให้ทุกคนในตำหนักของพระราชนัดดาถูกไต่สวนอย่างเข้มงวด
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นก็ทำให้ตำหนักตงกุง เกิดความโกลาหลขึ้นมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ องค์ชายลีซานไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ฮงซังกุงแห่งตำหนักเฮคยองและฮงพงฮันแนะนำองค์ชายลีซานให้กราบทูลพระเจ้ายองโจว่าคลังแสงที่ตรวจพบนั้นองค์รัชทายาทซาโตได้ก่อสร้างไว้นานแล้ว
ตนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพียงเท่านี้ก็จะรักษาชีวิตไว้ได้ "ฎีกาที่จะถวาย
เขียนเสร็จหรือยัง" เฮคยองถาม "เอ่อ ยัง ยังไม่ได้เขียนพ่ะย่ะค่ะ" "ลูกซาน
เพราะเจ้าไม่เชื่อว่าเสด็จพ่อจะทรงคิดคดต่อเสด็จปู่ใช่ไหม ถ้าอย่างงั้น
ทำไมไม่ยอมทำตามคำแนะนำของท่านตาล่ะ ลูกซาน ไม่ว่าจะยังไง เจ้าก็ต้องอยู่ต่อให้ได้
หลังจากนั้น เจ้าก็ต้องเป็นพระราชาอีก" "ฮือ ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันควรจะทำไงดี ฮือ
หม่อมฉันไม่อยากให้เสด็จพ่อถูกปรักปรำ ขณะเดียวกัน
ก็ไม่อยากให้เสด็จแม่ทรงลำบากพระทัยด้วย ฮือ ทั้งเสด็จพ่อและเสด็จแม่
ต่างบอกว่าหม่อมฉันต้องเป็นพระราชา ฮือ
แต่หม่อมฉันไม่รู้จะทำไงกับตัวเองดีพ่ะย่ะค่ะ" "ลูกแม่" "เสด็จแม่ ฮือ
ในวังน่ากลัวเหลือเกิน ฮือ เสด็จปู่ก็ยิ่งน่ากลัวด้วย เสด็จแม่ หม่อมฉันจะทำไงดี
และพรุ่งนี้จะทำไงดีพ่ะย่ะค่ะ ฮือ หม่อมฉันต้องทำยังไงถึงจะอยู่ต่อได้ ฮือ เสด็จแม่
ฮือๆๆ" "เฮ่ย ฮือ เจ้าเพิ่งจะ 11 ขวบเท่านั้น ฮือ ยังเป็นเด็กที่อายุน้อยนักหนา ฮือ
ทำไมผู้ใหญ่ทั้งหลาย ต้องให้เจ้าแบกภาระที่หนักหน่วงขนาดนี้ก็ไม่รู้ ฮือ" "ฮือๆๆ
เสด็จแม่ ฮือๆๆ เสด็จแม่ ฮือๆๆ ฮือๆๆ" วันต่อมาองค์ชายลีซานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
"เสนาซ้ายบอกว่า เจ้ามีเรื่องจะมาพูดกับข้าใช่ไหม จะยอมสารภาพความผิดหรือไง
ถ้าใช่อย่างงั้นก็ลองพูดมา ตอนนี้ยังไม่สาย ขอเพียงพูดความจริงเท่านั้น
ข้าอาจไว้ชีวิตเจ้ารวมทั้งแม่ก็เป็นได้" "หม่อมฉัน
ไม่ได้มาเพื่อสารภาพผิดกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดี
หม่อมฉันก็ไม่มีวันโกหกเพื่อหวังจะเอาตัวรอดคนเดียว" "งั้นหรือ"
"เสด็จพ่อของหม่อมฉัน ไม่เคยคิดปองร้ายต่อฝ่าบาทแม้แต่น้อย เสด็จพ่อของหม่อมฉัน
มีแต่ความห่วงใยฝ่าบาทและบ้านเมือง จนวันตายก็มีแต่ความภักดีพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้น มีหลักฐานยืนยันหรือเปล่า
ข้าก็อยากเชื่อว่าเจ้ากับพ่อเป็นผู้บริสุทธิ์เหมือนกัน งั้นจงบอกซิว่า
มีอะไรมายืนยันคำพูดของเจ้าหรือเปล่า" "เอ่อ ฝ่าบาท" "บังอาจที่สุด ที่เจ้ามาหาข้า
เพื่อจะบอกว่าตัวเองถูกปรักปรำใช่ไหม แล้วมันหมายความว่าไง
เจ้ากับพ่อถูกปรักปรำทั้งคู่ แสดงว่าข้าแก่จนเลอะ หาเรื่องเล่นงานพวกเจ้าหรือไง"
พระเจ้ายองโจทรงเรียกหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์แซ่นัม
ให้สืบเบื้องหลังเรื่องคลังอาวุธที่พบในตำหนักเดิมขององค์ชายลีซาน
และต้องทราบผลภายใน 5 วัน ใต้เท้านัม
หัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์เรียกลูกน้องสองคนและดัลโฮให้มาช่วยงาน
และสั่งให้ปิดเป็นความลับที่สุด
ใต้เท้านัมสั่งให้ดัลโฮไปจับตาดูคนที่แอบซื้อขายอาวุธ
เพราะเขารู้สึกว่าปืนยาวที่ค้นพบในตำหนักขององค์ชายลีซานเป็นของใหม่
ก่อนที่ใต้เท้านัมจะรายงานผล
ก็มีแชมูฮันกับลีคีจาสารภาพว่าได้รับคำสั่งจากอดีตรัชทายาทซาโตให้หาปืนมาแล้วขุดหลุมฝังไว้
เหล่าขุนนางต่างร้องขอให้พระเจ้ายองโจ สอบปากคำองค์ชายลีซานเพื่อเอาผิดให้ได้
ใต้เท้านัมขึ้นทูลถวายข้อมูลที่เขาหามาได้แด่พระเจ้ายองโจว่า "ตั๋วเงินพวกนี้
พบในบ้าน "ลีตงยอน" และพ่อค้าชื่อ "ชองฮักชุน" ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ดูจากหลักฐานนี้
ลีตงยอนซึ่งเป็นคนสนิทของอดีตรัชทายาท เคยมีการซื้อปืนจาก ชองฮักชุน 80 กระบอก
ซึ่งหลักฐานระบุไว้อย่างงั้น ที่หม่อมฉันไม่เข้าใจก็คือหลักฐานการซื้อขายแบบนี้
ทำไมพวกเขายังเก็บไว้อีก แต่ยังไงก็ตาม
แค่นี้ก็พอยืนยันได้ว่าสองคนนี้มีการซื้อขายปืนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นก็แปลว่า
คำให้การของบ่าวไพร่ที่อยู่กรมอาญา เป็นความจริงล่ะสิ" "เอ่อ
หม่อมฉันไม่กล้าสรุปพ่ะย่ะค่ะ" ตอนที่ดัลโฮไปสืบเรื่องปืน ก็ได้เทซูกับซองซงยอนช่วย
แต่พอรู้ว่าองค์ชายลีซานจะถูกต้องโทษ เทซูก็มาต่อว่าดัลโฮ
ซองซงยอนฟังแล้วถามว่าถ้าได้ปืนมาจะช่วยองค์ชายลีซานใช่ไหม "ข้ารู้ว่า
มีปืนเก็บอยู่ที่ไหน วันก่อน ข้าเห็นปืนด้วยล่ะ" ซองซงยอนพาดัลโฮไปเอาปืนมา
ดัลโฮรีบไปให้ใต้เท้านัมดู "ใช่ไหม ปืนยาวที่ท่านบอกให้หาน่ะ" "หา แต่ว่า
เจ้าบอกว่า เด็กที่ชื่อซงยอนหาได้หรือ" "ใช่ครับ อยู่บ้านเศรษฐีแซ่โอแถว "ซอซูมุน"
นางเห็นกับตาเลย สงสัยว่ามีการขนปืนไปไหนก็ไม่รู้ เอ แต่ว่า ปืนหน้าตาแบบนี้
เพิ่งขุดเจอหมาดๆ ในตำหนักองค์ชายไม่ใช่หรือ" ใต้เท้านัมรีบวิ่งไปหาพระเจ้ายองโจ
เจอกับแชจีคยอมก็รีบถามว่าฝ่าบาทอยู่ไหน "เสด็จไปลานไต่สวน
เพื่อสอบปากคำองค์ชายลีซานน่ะสิ" "หา ไปเมื่อไหร่ครับท่าน" "มีอะไรกันแน่
ทำไมต้องตื่นเต้นนัก เพิ่งเสด็จไปเมื่อกี้" ใต้เท้านัมรีบขอตัวไปทันที
เหล่าขุนนางกับทหารจับตัวองค์ชายลีซานมา และเตรียมการทรมาน
พระเจ้ายองโจเสด็จมาและประกาศว่า "ยุติการพิจารณาซะ
ยังมีหลายประเด็นที่ตรวจสอบไม่แน่ชัด ให้กรมอาญายุติการไต่สวนก่อน" "ฝ่าบาท
ประเด็นที่ตรวจสอบไม่แน่ชัด หมายความว่าไงหรือพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมอาญาถาม
"ให้คนเอาอาวุธที่พบในตำหนักองค์ชายมาให้ข้าดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน"
เจ้ากรมอาญาให้คนนำอาวุธออกมาให้พระเจ้ายองโจทอดพระเนตร
"นี่คือเครื่องหมายที่สลักอยู่ อาวุธทุกชนิดที่ผลิตจากคลังแสงของเรา
จะมีเครื่องหมายแบบนี้และวันเดือนปีที่ผลิตกำกับไว้ด้วย
เจ้ากรมอาญาหยิบปืนขึ้นมาซิ" เจ้ากรมอาญาตกใจ "หา"
"ข้าบอกให้หยิบปืนไม่ได้ยินหรือไง" "อ้อ พ่ะย่ะค่ะ" "เป็นไง
เห็นเครื่องหมายที่สลักอยู่ที่ด้ามปืนหรือเปล่า" "เห็น เห็นพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้ามองเห็นก็แสดงว่านี่เป็นปืนที่ผลิตจากคลังแสงของเรา
วันที่ผลิตคือวันไหนบอกข้าซิ ดูที่ด้ามปืน ไม่ต้องมองหน้าข้า" เจ้ากรมอาญาตกใจ
"เอ่อ คือ" "ผลิตเมื่อไหร่" "ผลิตเมื่อ เมื่อ คือว่า" เจ้ากรมอาญาอึกอัก "เดือน 6
ปี "ยิมมู" นี่คือวันเวลาที่ผลิตปืนยาวและสลักไว้ทุกกระบอกอย่างเด่นชัด
เข้าใจหรือยัง รัชทายาทตายเดือน 5 แต่ปืนพวกนี้ผลิตในเดือน 6 เห็นหรือเปล่า
รู้มั้ยมันหมายถึงอะไร ถ้าไม่ใช่ผีสางมาเล่นตลก
ก็คือมีคนเอาอาวุธพวกนี้ออกจากคลังแสงเพื่อใส่ร้ายองค์ชายลีซาน
นี่คือบันทึกที่มาจากคลังแสง มีเขียนไว้ว่าเดือน 6
ปีนี้ผลิตอาวุธชนิดไหนและจำนวนเท่าไหร่ เข้าใจหรือยัง
และมันคือหลักฐานว่าองค์ชายลีซานไม่เกี่ยวด้วย เอาตัวผู้ต้องหามา
นี่คือพ่อค้าที่ขโมยอาวุธจากคลังแสงออกไปขายข้างนอก และมีคนซื้ออาวุธจากเขา
เพื่อจะกล่าวหาว่าองค์ชายลีซานคิดกบฎ เรื่องวันนี้ข้าจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด
ต่อให้ถลกหนังคนๆ นี้ซะ ข้าก็จะสืบหาคนที่ชักใยเบื้องหลังออกมา
เพราะมันกล้าหยามข้านัก ถึงขนาดใส่ร้ายป้ายสีหลานของข้า องครักษ์จงฟังให้ดี"
"พ่ะย่ะค่ะ" "คุมตัวเจ้ากรมอาญา "ลีคีจา" ไปขังคุกไว้ก่อน" เจ้ากรมอาญาตกใจมาก
"เอ่อ ฝ่าบาท" "ข้าจะลงโทษให้หนัก ฐานคิดปองร้ายหลานของข้า" "ฝ่าบาท
ทรงอภัยให้หม่อมฉันด้วย ฝ่าบาทๆๆ" "เอ่อ คือ ฝ่าบาท ท่านเจ้ากรมเพียงแต่"
ขุนนางอีกคนช่วยพูด พระเจ้ายองโจทรงรับสั่งทันที "เอาตัวคนๆ นี้ไปด้วย" "เอ่อ
ฝ่าบาทๆๆ ฝ่าบาท ทรงไตร่ตรองใหม่ด้วย" "สองคนนี้ก็ด้วย ไม่ต้องพูดมาก
เอาตัวไปให้หมด" "ให้ปลดออกจากตำแหน่งทั้งหมด นับแต่นี้อย่าให้เข้ามาในวังหลวงอีก
ใครก็ตามที่กล้าท้าทายอำนาจของข้า ข้าจะไม่ละเว้นคนๆ นั้น" หลังจากเสร็จงานแล้ว
ใต้เท้านัมก็มาต่อว่าดัลโฮ "ข้าเคยสั่งไว้ว่า งานนี้ถือเป็นความลับ
แล้วให้เด็กสองคนนี้รู้เข้า เพราะเจ้าปากสว่างแท้ๆ" "แต่ยังไงก็ช่าง ไหนๆ
เรื่องก็จบลงด้วยดีไม่ใช่หรือครับ องค์ชายปลอดภัยก็ดีแล้ว ท่านก็ปล่อยๆ มั่งเหอะ
อย่าทำเป็นเฮี้ยบนักเลย" "เฮอะ ฟังพูดเข้า เจ้านี่นะ กระล่อนเรียกพี่จริงๆ"
ดัลโฮหัวเราะ "แหะๆๆ" "หึๆๆ งานนี้ถือเป็นผลงานของเจ้าสองคนมากกว่า
โดยเฉพาะซงยอนด้วยแล้ว ถ้าไม่มีเจ้า องค์ชายเห็นจะเดือดร้อนแน่"
ใต้เท้านัมกล่าวชื่นชมเทซูกับซองซงยอน "เราสองคน ขอเพียงช่วยองค์ชายได้
ก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ" เทซูสวน "ดีใจแล้วทำไม
องค์ชายไม่มีทางรู้หรอกว่าเราช่วยเขาไว้อีก" "ไม่รู้แล้วจะทำไม" ซองซงยอนไม่สน
"มันก็จริง แต่ถ้าให้องค์ชายรู้ว่ามีเพื่อนอย่างเราอยู่ มิยิ่งดีหรอกหรือ"
"ฝันไปเถอะ ใครเป็นเพื่อนกับเจ้า องค์ชายจะมีเพื่อนเส็งเคร็งอย่างเจ้าได้ยังไง"
ดัลโฮดุ "อะไรเล่า องค์ชายเป็นคนพูดเองว่าเราเป็นเพื่อนน่ะ อึ้มๆๆ" เทซูเถียง
"เงียบไปเลย หุบปากซะ ถ้าไม่อยากเจอโทษลบหลู่เบื้องสูง เดี๋ยวก็ตายหรอก"
ใต้เท้านัมไปเฝ้าองค์ชายลีซานและเล่าเรื่องเทซูกับซองซงยอนให้ฟัง "น่าแปลกจริงๆ
ทำไมท่านรู้จักซงยอนกับเทซูด้วยล่ะ หึ" "เอ่อ ถ้าไม่เพราะ
เด็กผู้หญิงที่ชื่อซงยอนนั่น คดีอาจบานปลายมากกว่านี้ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ"
"อย่างงั้นหรอกหรือ ที่แท้เพราะซงยอนกับเทซู
อุตส่าห์ช่วยเหลือข้าตั้งขนาดนี้เชียวหรือ ใช่แล้ว เราสัญญาว่าจะพบกันอีก
และตกลงว่าก่อนที่เราจะได้พบกัน ทุกคนต้องดูแลตัวเองดีๆ แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ไหน
อยู่ในเมืองหลวงหรือเปล่า" "พ่ะย่ะค่ะ" "ถ้าอย่างงั้น พาข้าไปหาพวกเขาหน่อยได้ไหม
วันนี้พอดีต้องออกจากวังไปเรียนหนังสือ ถ้าโชคดีอาจได้เจอพวกเขาบ้าง"
ใต้เท้านัมพาไปแต่ก็คลาดกัน ทำให้องค์ชายลีซานไม่ได้พบหน้าเทซูกับซองซงยอน

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 4

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
ใจร้าว ดินเนื้อทอง สื่อรักชักใยอลวน ดาวจรัสฟ้า คิมชูซอน
เมนูรักเชฟมือใหม่ ศิลามณี คู่ป่วนอลวน เจ้าหญิงลำซิ่ง ภูติแม่น้ำโขง
เพราะรักนี้มิอาจลืม (Alone in Love) หีบหลอนซ่อนวิญญาณ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า

Readlakorn

Related Posts



1 comments:

Anonymous said...

อดดูตอนแรกเลย
มาตามอ่านเอาในนี้ก็ได้ อิอิ

ขอบคุณนะคะ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal