Wednesday, November 05, 2008

คิมชูซอน- เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - คิมชูซอน (62)

คิมชูซอน 62

พระเจ้ายอนซันทรงมีรับสั่งให้ทหารนำศพเจ้าจอมชองและเจ้าจอมออมไปทิ้งในป่า
"นักโทษที่ปองร้ายพระมารดาของรัชทายาทในอดีต ทั้งเจ้าจอมออมและเจ้าจอมชอง
ข้าได้สั่งให้เอาศพของพวกนางไปทิ้งไว้กลางป่า ส่วนองค์ชายอันยางและองค์ชายพงอัน
ก็ให้ปลดเป็นสามัญชนและเนรเทศไปอยู่ชายแดนซะ รวมถึงคนที่สนับสนุนหรือไม่คัดค้าน
ขณะที่มีรับสั่งให้ประหารเสด็จแม่ข้า ทุกคนให้มีโทษประหารหมด
หากเป็นขุนนางที่ตายแล้ว ก็เอาศพขึ้นมาเฆี่ยนตี ทำลายให้ย่อยยับ
บ้านที่เคยอยู่ก็ให้รื้อทิ้ง ทำเป็นกองขยะ ลูกหลานไม่ต้องอาศัยอีก"
พงชอนผู้น้อมรับพระบัญชา "น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ"
"พวกท่านก็เหมือนกัน
หากมีใครคิดไม่ซื่อ หวังจะปองร้ายข้าละก้อ ไม่เพียงแต่ตัวเอง
แม้แต่ครอบครัวและลูกเมีย ก็จะรับโทษอย่างหนักพอกัน"


"น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ"
เหล่าขุนนางออกไปแล้ว
พระเจ้ายอนซันทรงเรียกคิมจาวอน
"ข้านึกว่าถ้าได้แก้แค้นให้เสด็จแม่แล้วจะรู้สึกสบายใจขึ้น
ที่ไหนได้ความอัดอั้นจะยิ่งเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ จนข้ารู้สึกเหมือนจะบ้า
ไม่รู้จะทำไงดีแล้ว"
"งั้นเสด็จไปตำหนักรื่นรมย์
ชมความงามของนางรำกลุ่มใหม่ที่ไต้เท้าพงชอนคัดสรรมาดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ
ทุกวันนี้ รู้สึกว่าแม้แต่ผู้หญิงหรือสุราก็ไม่อาจช่วยอะไรข้าได้อีก"
"ถ้าอย่างงั้น เราก็ไปล่าสัตว์กัน"
"อย่าดีกว่า
ข้าจะไปพักผ่อนที่ตำหนักใหญ่"
พระเจ้ายอนซันเสด็จมาก็พบกับพระอัยยิกายินซู
"พระอัยยิกา ไหนเคยรับสั่งว่าต่อไปไม่อยากเห็นหน้าหม่อมฉันแล้วไง
ทำไมวันนี้ยังมาที่ตำหนักใหญ่อีกล่ะ"
"หึ ฝ่าบาท เจ้าเป็นถึงพระราชา
ทำไมถึงไม่ยั้งคิด ลงมือสังหารสนมคนโปรดของเสด็จพ่อได้ยังไง
เจ้าก่อกรรมทำเข็ญกับผู้ใหญ่ถึงขนาดนี้
แล้ววันหน้ายังจะไปสู้หน้าเสด็จพ่อได้อีกหรือ"
"เจ้าจอมออมและเจ้าจอมชอง
สมัยก่อนเป็นตัวการที่ให้ร้ายแม่ของหม่อมฉัน ทำให้นางสิ้นพระชนม์ ภาษิตว่า
ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว หม่อมฉันไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหน"
"เจ้าว่ายังไงนะ ช่างเป็นความผิดที่เหลวไหลจนไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว"
"ที่ทำไปยังไม่พอหรอกนะ หม่อมฉันยังจะขุดคุ้ยพวกที่ปองร้าย
ทำให้เสด็จแม่ตายอย่างอนาถเพื่อจะลงโทษย้อนหลังอีก เพราะทุกครั้ง
ที่หม่อมฉันนึกถึงสภาพการสิ้นพระชนม์ของเสด็จแม่ ต่อให้จับคนพวกนี้มาสับเป็นชิ้นๆ
ยังไม่หายแค้นเลย"
"คนที่เห็นชอบให้ประหารแม่เจ้ายังมีข้าอีกคน แล้วเจ้าคิดว่า
ยังไงก็ต้องจองเวรกับคนที่ให้ร้ายนาง ถึงขนาดฆ่าคนให้หมดทั้งราชสำนัก
ถึงจะช่วยให้สบายใจขึ้นใช่ไหม งั้นก็ลงโทษข้าอีกคนละกัน เพราะข้าต่างหาก
ถึงเป็นตัวการที่แท้จริง เชิญเอายาพิษมาให้กินเหมือนที่ทำกับเจ้าจอมชองเถอะ หรือไม่
ก็เอาลูกตุ้มเหล็กมาฟาดหัวเหมือนที่ทำกับเจ้าจอมออมก็ได้"
"ถ้าพระอัยยิกาทรงคิดว่าผิดต่อแม่ของหม่อมฉันจริง
ก็เชิญไปคุกเข่าขอขมาที่สุสานของนางซะ นี่คือทางเดียว
ที่หม่อมฉันเห็นว่าถูกต้องที่สุด"
"ฝ่าบาท นี่เจ้าจะบ้าอำนาจ
ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ แม่ของเจ้า ที่ถูกปลดเพราะความใจแคบ
และที่ต้องโทษประหารก็เพราะคิดวางยาฆ่าข้า ต่อให้เจ้าคืนยศให้นางใหม่ เป็นมเหสี
"แจฮอน" ก็ช่าง แต่ความจริงก็คือความจริง ปกปิดไม่มิดหรอกนะ"
"พระอัยยิกา
รับสั่งให้ระวังปากหน่อยนะ ถ้ายังทรงลบหลู่แม่ของหม่อมฉันอีก
ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในราชสำนัก หม่อมฉันก็จะไม่เกรงใจเหมือนกัน"
"มีสติหน่อยได้ไหม ฝ่าบาท ตกลงเจ้าจะเป็นทรราชย์ผู้เหี้ยมโหด
ที่ทำให้ราชสำนักและบ้านเมืองเกิดการนองเลือดถึงจะพอใจหรือไง"
"หม่อมฉัน
จะเป็นพระราชาที่มีอำนาจเต็มเหมือนอย่างพระเจ้าเซโจ
ไม่ใช่ทรราชย์ตามที่พระอัยยิการับสั่ง"
"พระเจ้าเซโชใช้กำลังเข้าปราบความวุ่นวาย เพื่อให้บ้านเมืองสงบ
แต่การใช้กำลังของเจ้า มีเหตุผลเพื่ออะไรกันแน่ อย่างมากก็แค่แก้แค้นให้แม่
แต่บ้านเมืองจะเสียหายยังไงไม่เคยรับรู้ หึ"
"วันนี้
หม่อมฉันรู้สึกเหนื่อยกับราชกิจเต็มที
ไม่อยากเถียงกับพระอัยยิกาให้ปวดหัวกว่านี้อีก ถ้าไงเชิญเสด็จกลับเถอะ"
"ฝ่าบาท
เจ้าจะเชื่อฟังย่าซักครั้งไม่ได้เลยหรือ ฝ่าบาทๆๆ แย่จริงๆ ฮือ ทั้งหมดนี้
มันเป็นเวรเป็นกรรมของข้า ฮือ เป็นเวรกรรมของข้าแท้ๆ"
พวกจาจี
ก็อดที่จะบ่นให้คิมชูซอนฟังไม่ได้ว่า
"ทุกวันนี้ฝ่าบาทนับวันจะยิ่งฉุนเฉียว
จนใครต่อใครเข้าพระพักตร์ไม่ติด ท่านเจ้ากรมช่วยไปทูลหน่อยได้ไหมครับ"
"ขนาดรับสั่งของพระอัยยิกา ฝ่าบาทยังทำเป็นหูทวนลม
แล้วจะยอมเชื่อฟังท่านเจ้ากรมได้ยังไง"
"วันๆ ต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน
จะกินจะนอนก็แทบหาความสุขไม่ได้ ทำงานก็เหมือนซํงกะตาย"
"ที่ข้าเป็นห่วงก็คือ
ปล่อยให้คิมจาวอนคอยยุยงฝ่าบาท ถ้าไม่เรียกตัวมาตักเตือนซะบ้าง อีกหน่อยกรมมหาดเล็ก
มีหวังถูกประณามว่าชักจูงฝ่าบาทไปในทางที่ผิดแน่" คิมชูซอนฟังแล้วได้แต่นิ่งเงียบ
พระเจ้ายอนซันทรงตรัสกับพระชายาว่า
"หึ
ถ้าไม่เห็นว่าพระอัยยิกาเป็นเสด็จย่าแท้ๆ ละก้อ ป่านนี้ข้าส่งกลับบ้านเก่าไปนานแล้ว
ช่างไม่รู้บ้างเลยว่า ทุกครั้งที่เห็นหน้านาง ข้าต้องอดทนกับความโมโหขนาดไหนน่ะ"
"สิ่งที่พระอัยยิการับสั่ง ก็เพราะหวังดีและเป็นห่วงฝ่าบาท โปรดอย่าทรงกริ้ว
และทำตามคำแนะนำของพระนางบ้างเถอะเพคะ"
"ว่าไงนะ"
"เอ่อ เพราะฝ่าบาท
ลงอาญาเจ้าจอมทั้งสองด้วยวิธีที่น่ากลัว ทำให้ใครต่อใครไม่กล้ามาเฝ้าอีก"
"ชุงจอน นี่เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ แม้แต่เจ้าเอง ก็เห็นว่าข้าเป็นทรราชงั้นหรือ"
"ฝ่าบาท อย่าทรงเข้าพระทัยความหมายผิดสิเพคะ"
"ฮึ่ม
คำสั่งของพระราชาก็คือกฎหมาย ไม่ว่าข้าทำอะไร ราชสำนักก็ต้องเห็นชอบด้วย
แต่นี่เจ้ากลับมาตำหนิว่าข้าทำผิด แสดงว่าเจ้าเข้าข้างพระอัยยิกามากกว่าข้าใช่ไหม"
"ฝ่าบาท ไม่ใช่อย่างงั้นเพคะ"
"ไม่ต้องพูดอีกแล้ว อุตส่าห์มาหาเจ้า
นึกว่าจะได้รับการปลอบใจ ที่ไหนได้เจ้ากลับไปเข้าข้างคนอื่นอีก ฮึ่ม"
พระชายาทรงเสียพระทัยไม่น้อยกับรับสั่งของพระเจ้ายอนซัน
คิมจาวอนรีบมาแนะนำสนมชางนกซูทันทีว่า
"ฝ่าบาทเริ่มจะไม่พอพระทัยพระมเหสีแล้ว ถ้าพระสนมทำตัวดีๆ
อีกไม่นานคงได้เป็นเจ้าของตำหนักกลางแน่"
"เป็นไปไม่ได้หรอก ข้าเกิดมาต่ำต้อย
จะกล้าอาจเอื้อมถึงตำแหน่งพระมเหสีได้ยังไง"
"ขนาดหม่อมฉันเป็นมหาดเล็ก
ขอเพียงรับใช้ถูกพระทัย ยังมีฐานะยิ่งกว่าเสนาอำมาตย์ซะอีก
นับประสาอะไรกับพระสนมซึ่งเป็นคนที่ฝ่าบาทโปรดปรานนักหนา
ถ้าจะเป็นเจ้าของตำหนักกลาง คงไม่ใช่เรื่องยากซักนิด"
"หึ แต่ตำแหน่งมเหสี
ใช่ว่าแค่เป็นคนโปรดของฝ่าบาท ก็จะเป็นได้ง่ายๆ ซะเมื่อไหร่"
"หรือไม่ก็ถือโอกาสนี้ เอาใจผู้ใหญ่ในวังเยอะๆ เผื่อเป็นลู่ทางในอนาคต
น่าจะดีหรือเปล่า" คิมจาวอนเสนอไปอีกทางหนึ่ง
พระอัยยิกายินซูทรงมีรับสั่งกับพระพันปีซุกยอนว่า
"ตอนนี้ฝ่าบาทเล่นงานเจ้าจอมออมกับเจ้าจอมชองไปแล้ว
คนต่อไปที่อยากให้กินยาพิษคงเป็นข้ากระมัง"
"อย่ารับสั่งอย่างงั้นสิเพคะ
ฝ่าบาทอาจจะพูดด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่ไม่ได้คิดอะไร คงไม่กล้าอกตัญญูแน่
หม่อมฉันเชื่อว่าอีกไม่นาน ถ้ามีสติก็จะเริ่มคิดได้เองเพคะ"
"เฮ่อ
จะหวังให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมน่ะหรือ ข้าว่าคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
จิตใจเขามีแต่คิดแก้แค้นแทนแม่บังเกิดเกล้าของเขา ขนาดคำพูดของชุงจอนซึ่งหวังดีแท้ๆ
ยังไม่รู้ฟังอีก แล้วอย่างงี้ เราจะเอาอะไรเตือนสติเขาได้ ไม่มีทางซะล่ะ เฮ่อ"
"ทูลพระอัยยิกา พระสนมชางมาขอเฝ้าเพคะ"
"ข้าไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้
ให้นางกลับไปซะ"
"เอ่อ พระอัยยิกามีรับสั่ง ให้พระสนมกลับไปก่อน"
ซังกุงออกไปบอก แต่กลับถูกสนมชางนกซูต่อว่า
"ข้าจะทูลด้วยตัวเอง
ท่านไม่ต้องยุ่ง"
"ขออภัย นี่เป็นตำหนักของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ไม่ใช่ที่ๆ
พระสนมจะมาเหิมเกริมได้นะเพคะ"
"หึ ท่านเป็นแค่ซังกุง ถือดียังไงมาขวางทางข้า
ถอยไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"
ชางนกซูเข้าเฝ้าจนได้ "ทูลพระอัยยิกา หม่อมฉัน
ได้ยินว่าพระอนามัยไม่สู้ดีนัก จึงได้ทำโจ๊กลูกสนมาถวายเพคะ"
"เปิดประตูออกซิ
เห็นที่นี่เป็นอะไร ให้เจ้ามาเสนอหน้าได้หรือ
ได้ยินว่าในวังมีหญิงแพศยาแซ่ชางคนหนึ่ง
ชักชวนให้ฝ่าบาทหลงอยู่กับสุรานารีจนไม่ใส่ใจราชกิจ
แล้วเจ้ายังกล้าเอาความเป็นเสนียดมาแพร่ถึงตำหนักข้า
จะให้ข้าแข็งแรงหรืออายุสั้นกว่านี้กันแน่"
"พระอัยยิกาเพคะ หม่อมฉันเพียงแต่"
"ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ข้าไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงอย่างเจ้า ไม่จำเป็นต้องมาพบอีก"
"พระอัยยิกาเพคะ หม่อมฉัน ในเมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสนมแล้ว
ทำไมทรงดูหมิ่นศักดิ์ศรีของหม่อมฉัน แถมยังประณามต่อหน้าคนอื่นอีกล่ะเพคะ"
"การแต่งตั้งของเจ้าเป็นความคิดฝ่าบาทคนเดียว
ข้าไม่เคยยอมรับว่าเจ้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของเรา เพราะฉะนั้นออกไปได้แล้ว
ต่อไปข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าให้เป็นเสนียดแก่สายตาอีก ปิดประตูเดี๋ยวนี้"
สนมชางนกซูออกไปด้วยความเจ็บแค้นในใจ
พระพันปีซุกยอนทรงตรัสกับพระอัยยิกายินซูว่า
"พระอัยยิกาเพคะ ยังไงชนมชาง
ก็เป็นสนมที่ฝ่าบาทโปรดปรานที่สุด แต่เราไปดูถูกเพราะฐานะต่ำต้อย
เห็นจะไม่เหมาะนะเพคะ"
"ข้าไม่ได้รังเกียจที่นางเกิดมาต่ำศักดิ์หรอกนะ
แต่เพราะนางให้ท้ายฝ่าบาทให้เหลิงอำนาจต่างหาก ชางนกซู
เป็นผู้หญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยม ถ้าพวกเจ้ามัวแต่ใจอ่อน ไปเห็นใจนาง
หรือแม้แต่เมตตาสงสารละก้อ ซักวันนางจะสนองคุณเข้าให้
ฉะนั้นอยู่ห่างนางไว้จะดีที่สุด"
กงซินคนสนิทของคิมชูซอนมาพบคิมจาวอน
"มหาดเล็กลี มาหาข้ามีธุระอะไร"
"ข้าทนปล่อยให้คนถ่อยอย่างเจ้าก่อกรรมทำเข็ญไม่ได้อีกแล้ว
เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของกรมมหาดเล็กเรา ข้าคงต้องกำจัดเจ้าซะ"
"อะไรนะ หึ นี่
หยุดนะ พวกเจ้าทำอะไร ปล่อยข้านะ เจ้ากล้าหรือ โอ๊ะ หึ" คิมจาวอนขัดขืน
คิมชูซอนรู้เรื่องจากเด็กก็รีบไปตามหา เวลานั้นกงซินกล่าวกับคิมจาวอนว่า
"เพราะเจ้าคนเดียวแท้ๆ ทำให้มหาดเล็กกลายเป็นที่เกลียดชังของผู้คน
เจ้าคอยเสี้ยมสอนให้ฝ่าบาทหลงอำนาจ ฆ่าคนเป็นผักปลา
ตัวเองจะได้มีช่องทางในการทุจริต หาประโยชน์ใส่ตัวทุกอย่าง"
"มหาดเล็กลี
ข้าไม่ได้ทำเพื่อความร่ำรวยส่วนตัวนะ
แต่อยากให้กรมมหาดเล็กมีเงินใช้จ่ายคล่องขึ้นต่างหาก"
"หุบปาก
ข้าจะไม่ปล่อยให้คนถ่อยอย่างเจ้าอยู่เคียงข้างฝ่าบาท
คอยยุยงให้พระองค์เสื่อมเสียอีกแล้ว"
"ฮือ ว้าย มะ มหาดเล็กลี จะทำอะไรข้าน่ะ
เราเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานะ เจ้าจะฆ่าข้าได้ลงหรือ"
"ข้าไม่เคยมีเพื่อนอย่างเจ้า"
"หา อย่านะ อย่า"
"กงซิน"
คิมชูซอนเข้ามาห้ามไว้ "เจ้ามาทำอะไรอยู่แถวนี้"
"เอ่อ หึ ใต้เท้า
ข้าจะกำจัดคนถ่อย กอบกู้ชื่อเสียงของกรมมหาดเล็กกลับคืนมา
ท่านได้โปรดอย่าห้ามเลยครับ"
"ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ปล่อยมหาดเล็กคิมเดี๋ยวนี้"
"ใต้เท้า"
"นี่เป็นคำสั่ง ไม่ได้ยินหรือ"
กงซินจำต้องปล่อยตัวคิมจาวอนไปอย่างเสียดาย
คิมชูซอนกล่าวกับคิมจาวอนเป็นการส่วนตัวว่า
"กงซินคิดฆ่าเจ้าโดยพละการ
อาจจะไม่ถูก แต่เหตุผลของเขา น่าฟังขึ้นมาก"
"ท่านเจ้ากรม
ท่านจะปล่อยให้มหาดเล็กฆ่าคนส่งเดชได้หรือครับ น่าจะสั่งลงโทษเขา
หรือไม่ก็ขับออกจากวังก็ยิ่งดี"
"ข้าจะลงโทษโดยปลดจากตำแหน่งหัวหน้ามหาดเล็กคุ้มกัน ส่วนเจ้า
ก็ถือว่าแล้วไปเถอะ"
"หึ ในเมื่อใต้เท้าให้ความเป็นธรรม
งั้นข้าไม่เอาเรื่องก็ได้"
"จาวอน ขนาดท่านโชชิคยอมซึ่งนอกจากเป็นเจ้ากรมฯ แล้ว
ยังผ่านมาถึง 7 แผ่นดิน มีอำนาจวาสนาอย่างล้นเหลือ ถึงวันที่เขาจากไป
กลับเหลือเพียงสมบัติส่วนตัวชิ้นเดียวให้จารึกเท่านั้น อำนาจ ไม่อยู่กับเรานานหรอก
ข้า ไม่อยากให้ความทะเยอทะยานของเจ้านำพาฝ่าบาทไปผิดทาง จนสุดท้าย
ผลร้ายจะตกแก่เจ้า ใครก็ไม่อาจช่วยได้อีก" คิมชูซอนเตือน
"ข้าจะจำคำสอนของท่านไว้ หึ" คิมจาวอนกล่าวไปเช่นนั้นแล้วก็ออกไป
กงซินกล่าวกับคิมชูซอนว่า "หึ ใต้เท้า ใครๆ ก็รู้ว่าหมอนี่เป็นคนยุยงฝ่าบาท
แล้วทำไม ไม่ปล่อยให้ข้าเอาชีวิตคนถ่อยนี่ล่ะครับ"
"ถ้าเจ้าทำอย่างงั้น
กรมมหาดเล็กของเรา ก็จะถูกฝ่าบาทสั่งยุบไปด้วย"
"ไม่งั้น
เราจะปล่อยให้คนถ่อยเรืองอำนาจโดยไม่ทำอะไรหรือครับ"
"ข้าเชื่อว่าอีกไม่นาน
ฝ่าบาทจะทรงตระหนักถึงพระปณิธานในการครองราชย์ และถึงตอนนั้น
พระองค์จะลงอาญากังฉินพวกนี้ซะเอง ข้า เชื่อว่าต้องเป็นอย่างงั้น"
พระเจ้ายอนซันไม่เห็นสนมชางนกซูในงานเลี้ยง จึงเสด็จมาหา
"หึ นกซู
ทำไมวันนี้ไม่ไปงานเลี้ยงกับข้าล่ะ พอไม่มีเจ้า งานก็ไม่สนุก
ข้าเลยบอกให้พวกเขายุติซะ บอกให้เอาเหล้ามาอีกซิ นี่เจ้าเป็นไรไปน่ะ
เกิดอะไรขึ้นหรือไง นกซู ไหนให้ข้าดูซิ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า"
"หม่อมฉัน
ถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีจนแทบไม่เหลือ รู้สึกไม่อยากอยู่ในวังอีก
ขอฝ่าบาททรงไล่หม่อมฉันไปเถอะเพคะ"
"ใครกล้าบังอาจทำให้สนมคนโปรดของข้าหลั่งน้ำตาได้หรือนี่
บอกซิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้าต้องรู้สาเหตุก่อนถึงจะจัดการแทนเจ้าได้ไม่ใช่หรือ"
"วันนี้ หม่อมฉันเพิ่งจะรู้ว่า ทำไมสมัยก่อนมเหสีโซฮวาถึงยอมออกจากวัง
หม่อมฉันเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของพระนาง เพราะเวลานี้
หม่อมฉันก็เจ็บปวดไม่ต่างจากพระนางเพคะ"
"อะไรนะ นี่มันหมายความว่าไง"
"วันนี้ หม่อมฉันตั้งใจไปถวายบังคมพระอัยยิกา แต่เพราะมีฐานะต่ำต้อย
ทำให้ถูกขับไล่ไสส่งเพคะ"
"เจ้าว่ายังไงนะ"
"พระอัยยิกาไม่โปรดหม่อมฉันยังพอว่า
แม้แต่พวกซังกุงและนางในก็พากันหัวเราะหม่อมฉัน จนหม่อมฉัน
ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนอีก แสดงว่าสมัยก่อน มเหสีโซฮวาเกิดในตระกูลขุนนางตกยาก
จนถูกคนในวังตั้งแง่รังเกียจ น่าจะเป็นข่าวที่มีมูลความจริง"
"นกซู
เจ้าเอาอะไรมาพูดน่ะ บอกว่าเสด็จแม่ข้า ถูกพวกซังกุงรังแกด้วยหรือ
นี่มันหมายความว่าไงน่ะ"
"ฮือ มหาดเล็กคิม เป็นคนที่รู้เหตุการณ์ตอนนั้นดีเพคะ"
"หา จาวอน จาวอนอยู่ข้างนอกหรือเปล่า ได้ยินว่าสมัยก่อน
ยังมีซังกุงที่ร่วมมือกับฝ่ายใน หาเรื่องกลั่นแกล้งแม่ข้า เป็นความจริงหรือเปล่า"
"หม่อมฉัน เคยได้ยินข่าวลือบางอย่างที่เหล่านางในพูดกันพ่ะย่ะค่ะ"
"ข่าวลืออะไรอีก รีบบอกข้ามาเร็วๆ"
"สมัยก่อนมเหสีโซฮวา
ทรงคิดจัดระเบียบฝ่ายในซะใหม่ ปรากฎว่ามีสนมและซังกุงบางคน
แอบนำสารหนูและตุ๊กตาคุณไสยเข้ามาในวัง ใส่ร้ายมเหสีโซฮวา
เป็นเหตุให้ถูกขับออกจากวัง และสุดท้ายก็ประหารพ่ะย่ะค่ะ"
"ฮึ่ม
ข้าจะไม่ให้อภัยคนพวกนี้เด็ดขาด ไปจับซังกุงที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ไม่ว่าอยู่ตำหนักไหนมาให้หมด"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
ซังกุงสามคนถูกจับมาทรมาน
แล้วพระเจ้ายอนซันก็ทรงมาสอบสวนด้วยพระองค์เอง
"ทำไมสมัยก่อน
พวกท่านต้องรังแกแม่ข้าด้วย แต่ละคนกล้าปองร้าย คนที่เป็นพระมเหสี
ทำให้นางตายอย่างอนาถ เป็นความจริงหรือเปล่า"
"หม่อม หม่อมฉัน ไม่เคย
คิดปองร้ายอดีตมเหสีโซฮวาเลย ฝ่าบาทเพคะ นี่เป็นข่าวลือเหลวไหล อย่าทรงเชื่อเลย"
"ข่าวลือเหลวไหลหรือ ท่านนี่แหละตัวดี
สมัยก่อนบอกให้นางในที่ตำหนักกลางเอาสารหนูไปซ่อนไว้ในห้องบรรทมแม่ข้า
ทำให้นางถูกปลดในที่สุด แล้วยังกล้ามาทำไขสืออีก"
"หม่อมฉัน
มีแต่ถวายงานด้วยความภักดี ไม่เคยปองร้ายมเหสีองค์ไหน ขอฝ่าบาท
ทรงเชื่อหม่อมฉันด้วยเพคะ ฝ่าบาท ฮือๆๆ"
"หึ ท่านก็ไม่รู้อะไรใช่ไหม"
"สมัยก่อนหม่อมฉัน ฮือ ทำงานอยู่ตำหนักพระอัยยิกา ฮือ
ไม่เคยรู้เรื่องที่ตำหนักอื่นเพคะ ฮือๆๆ"
"นั่นสินะ
พวกท่านอาจไม่มีความผิดก็ได้ ข้าน่าจะเชื่อซักครั้ง"
"ฮือ ฝ่าบาท ขอบพระทัยเพคะ
ฮือ"
"ถ้ามีความผิดจริง อย่างมากก็แค่เห็นอะไรแล้วไปทูลผู้ใหญ่
จริงบ้างเท็จบ้างแล้วแต่แต่งเต็ม อยู่ที่ปากจะพาไปเท่านั้น
งั้นข้าก็จะลงโทษเฉพาะส่วนละกัน"
"หา ฮือ ฝ่าบาท ฮือๆๆ ฝ่าบาท ได้โปรด
อภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ฝ่าบาท ฮือๆๆ" ซังกุงเจ็บปวดมาก
"ที่เหลือทำให้ตาบอดซะจะได้ไม่ต้องมองเห็นอีก ตัดหูออกมา ไม่ให้ได้ยินเสียง
สุดท้ายก็ตัดลิ้น ไม่ให้พูดมาก ดูซิว่านับแต่นี้ ใครจะกล้าพูดส่งเดชอีกหรือเปล่า"
พระเจ้ายอนซันรับสั่งเสร็จก็ถามหาฮงซังกุง คิมจาวอนทูลว่า
"นางไม่ยอมออกจากตำหนักพระอัยยิกา ทำให้จับไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ"
"อะไรนะ
ไปตำหนักพระอัยยิกาเดี๋ยวนี้"
เวลานั้นฮงซังกุงกำลังทูลรายงานให้พระอัยยิกายินซูทรงรับทราบ
"หา ว่าไงนะ
ซังกุงตำหนักใหญ่และชางซังกุงถูกจับไปกรมอาญางั้นหรือ"
"ฮือ พระอัยยิกา
ทรงช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ ตอนนี้
คนที่หม่อมฉันจะพึ่งได้ก็มีแต่พระอัยยิกาองค์เดียวเท่านั้น ฮือๆๆ"
"เฮ่ย
ตอนนี้แม้ว่าฝ่าบาทจะดูสติวิปลาสไปมาก
แต่คงไม่กล้าบุกมาตำหนักข้าเพื่อจับท่านไปหรอก อย่าห่วงไปเลย
ท่านปรนนิบัติข้ามาชั่วชีวิต ยังไงข้าก็ต้องปกป้องอยู่แล้ว"
"ขอบพระทัยเพคะ
ชีวิตของหม่อมฉันขอฝากไว้ที่พระอัยยิกาองค์เดียว ฮือ"
ทันใดนั้นพระเจ้ายอนซันก็เสด็จเข้ามา "ฮงซังกุงอยู่ไหน"
ฮงซังกุงตกใจมาก
"หา เอ่อ"
"ยายแก่หนังเหี่ยวฮงซังกุงมุดหัวอยู่ข้างในใช่ไหม"
"ฝ่าบาท
คือว่า"
"รีบทูลเร็วเข้า"
"พระอัยยิกามีรับสั่ง
วันนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าเฝ้าเพคะ"
"นี่ข้าเป็นใคร เจ้าเห็นชัดหรือเปล่า"
"ฝ่าบาท เข้าไปไม่ได้จริงๆ เพคะ"
"เจ้าจะขวางทางข้า พูดไม่ฟังอีกใช่ไหม หา"
พระอัยยิกายินซูรับสั่งออกมา "ฝ่าบาท ข้าบอกแล้วว่าไม่อยากพบใคร
จงกลับไปก่อนเถอะ"
"หึ พระอัยยิกา หม่อมฉันจะเข้าไปแล้วนะ"
ฮงซังกุงตกใจกลัว พระอัยยิกายินซูทรงโมโหเช่นกัน
"ฝ่าบาท
นี่ยังเหิมเกริมไม่พออีกใช่ไหม บอกให้กลับไปเดี๋ยวนี้ไง"
"หม่อมฉันเข้ามาเพื่อจะจับนักโทษ ถ้าทรงมอบให้หม่อมฉันดีๆ ก็จะไปเดี๋ยวนี้"
"ฝ่าบาท ฮงซังกุงอยู่กับข้ามากว่าครึ่งชีวิต
เป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมายาวนาน ถ้าเจ้าจะลงโทษนางก็เท่ากับลงโทษย่าแท้ๆ
ของตัวเองไม่แตกต่าง แล้วเจ้าจะกล้าลามปามถึงผู้ใหญ่
ไม่ให้ความยำเกรงเชียวหรือฝ่าบาท"
"หม่อมฉัน รู้ว่าพระอัยยิกาเป็นผู้ใหญ่ในวัง
ย่อมไม่กล้าทำอะไรอยู่แล้ว แต่ที่จะลงโทษฮงซังกุง
เพราะสมัยก่อนเคยทำการให้ร้ายพระมเหสี เป็นความผิดที่ยากจะอภัยได้"
"นางจะทำผิดจริงหรือไม่ ข้าจะเป็นคนไต่สวนเอง ถ้าสืบจนรู้ความจริงแล้ว
พรุ่งนี้เช้าจะส่งตัวไปให้กรมอาญา เพราะฉะนั้นเจ้ากลับไปก่อน"
"หม่อมฉัน
ต้องการตัวนางไปลงโทษเดี๋ยวนี้ พวกเจ้ายืนเฉยอยู่ทำไม
จับยายแก่สารเลวนี่ไปที่กรมอาญาเร็ว"
"บังอาจ พวกเจ้ากล้าสามหาวเชียวหรือ
ถือดียังไงกล้าบุกรุกตำหนักพระอัยยิกาของข้า ล่วงเกินเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง
รู้มั้ยมีโทษขนาดไหน ยังไม่รีบออกไปอีก"
"พระอัยยิกา นี่แปลว่า
จะขัดคำสั่งหม่อมฉันให้ได้ใช่ไหม"
"คำสั่งของทรราชย์อย่างเจ้า ทำไมข้าต้องทำตาม
เจ้าอย่าหวังไปเลย"
"ในเมื่อพระอัยยิกาทรงยืนกราน จะขัดคำสั่งให้ได้ละก้อ
หม่อมฉันคงต้องใช้กำลังเข้าจับกุมแล้ว ฮึ่ม"
"เดี๋ยว ฝ่าบาทๆๆ พระอัยยิกาเพคะ
ทรงช่วยหม่อมฉันด้วย พระอัยยิกา"
"ฝ่าบาท ปล่อยนางเดี๋ยวนี้
นี่เจ้ากล้าล่วงเกินผู้ใหญ่อย่างข้าเชียวหรือ"
"ไม่ต้องมายุ่ง"
"ว้าย โอย"
"พระอัยยิกาๆ ทรงช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ"
"พระอัยยิกาเพคะ พระอัยยิกา
ทรงเป็นไงบ้าง"
"ฝ่าบาท อภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ฝ่าบาทๆ"
"เอาตัวยายแก่นี่ไปที่กรมอาญา ลงโทษเหมือนกับคนอื่น จากนั้นเอาไปทิ้งนอกวัง
ไม่ต้องไปสนใจ"
"พระอัยยิกา ทรงช่วยหม่อมฉันด้วย พระอัยยิกาเพคะ พระอัยยิกา"
พระอัยยิกายินซูทรงร้อง "โอย โอย"
"ถ้าไง หม่อมฉันขอทูลลาก่อน"
"ฝ่าบาท
เจ้าไม่กลัวสวรรค์ลงโทษบ้างหรือ"
"หม่อมฉัน เชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
แค่ให้คนชั่วรับกรรมเท่านั้น ทำไมต้องกลัวสวรรค์ลงโทษด้วย"
"เจ้าหลงอำนาจแบบนี้
นึกหรือว่าจะได้ครองบัลลังก์อย่างราบรื่นเหมือนพระราชาองค์อื่นๆ น่ะ"
"แน่นอน
หม่อมฉันหวังจะได้ครองราชย์ไปอีกหลายสิบปี ว่าแต่พระอัยยิกาเถอะ
ทรงห่วงสุขภาพตัวเองดีๆ อยู่ไปนานๆ คอยดูผลงานหม่อมฉันบ้างละกัน"
"หึ
ยังจะให้ข้าดูความชั่วร้ายอะไรของเจ้าอีก จงบอกมาซิ"
"หม่อมฉันอยากให้พระอัยยิกาทรงมีพระชนม์ยืนยาว จะได้เห็นการลงโทษของหม่อมฉัน
ที่มีต่อบรรดาคนที่ให้ร้ายเสด็จแม่ ทำให้นางถูกปลดและดื่มยาพิษอย่างอนาถ
หม่อมฉันจะให้พระอัยยิกาได้เห็นว่า ลูกของนักโทษอย่างหม่อมฉัน
ซักวันได้เป็นพระราชาที่ผู้คนยกย่อง แล้วหลังจากนั้น หน้าที่ของพระอัยยิกาก็คือ
ไปคุกเข่าที่หน้าสุสานเสด็จแม่ ขอขมาในความผิดที่ทรงทำกับนางไว้"
"บ้าไปแล้ว
เจ้าเพ้อเจ้ออะไรออกมาน่ะ"
คิมชูซอนเข้ามา "ฝ่าบาท
ทำไมลบหลู่พระอัยยิกาถึงเพียงนี้ นั่นคือเสด็จย่าของพระองค์
ฝ่าบาทไม่ทรงเกรงพระทัยบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้ากรมมหาดเล็ก ถอยไปเร็ว"
"ฝ่าบาท รีบคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ ทรงขอขมาพระอัยยิกาเร็วเข้า"
"ข้าบอกให้หลีกไปไม่ได้ยินหรือไง เฮ่ย"
"หึ ฝ่าบาท"
"พระอัยยิกาทรงเป็นไงบ้างเพคะ"
"หา หึ พระอัยยิกา ฮือ พระอัยยิกา"
คิมชูซอนตกใจกับสภาพของพระอัยยิกายินซูไม่น้อย
ซังกุงรีบไปทูลรายงานแด่พระพันปีซุกยอน
"ท่านบอกว่าพระอัยยิกาทรงหมดสติ
ทำไมเป็นอย่างงั้นได้ล่ะ"
"แม้ว่าใต้เท้าคิมจะถวายการฝังเข็มและรักษาเบื้องต้น
แต่พระอาการยังไม่สู้ดี เพคะ"
พระพันปีซุกยอนรีบเสด็จมาเฝ้าพระอัยยิกายินซู
"ใต้เท้าคิม อาการของพระอัยยิกาตอนนี้เป็นไงบ้าง"
"ทรงมีพระชนม์มากแล้ว
ยังมีเรื่องสะเทือนพระทัยอีก จะให้ทรงหายในเร็ววันเห็นจะยากพ่ะยะค่ะ
ตอนนี้สิ่งสำคัญคือให้พระนางทรงปล่อยวาง อย่าทรงเครียดให้มากนัก"
พระพันปีซุกยอนตัดสินพระทัยเสด็จไปเฝ้าพระเจ้ายอนซันยามดึก
"พระพันปี
นี่ก็ดึกมากแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมยังเสด็จมาที่ตำหนักใหญ่อีก"
"ที่ข้ามา
เพราะมีเรื่องจะคุยกับเจ้าหน่อย"
"เชิญรับสั่งมาได้"
"ข้ารู้ว่าส่วนลึกในใจเจ้า มีความรักและผูกพันกับเสด็จแม่แท้ๆ โดยไม่เสื่อมคลาย
จึงไม่เคยห้ามในสิ่งที่เจ้าทำ เพียงหวังว่าซักวันเจ้าจะรู้สำนึกบ้าง
แต่ว่าพอมาถึงวันนี้ ข้าสุดจะทนดูความเหิมเกริมของเจ้าได้อีก เมื่อกี้
ที่บุกเข้าตำหนักพระอัยยิกา ถึงขนาดทำร้ายร่างกายเสด็จย่าตัวเอง
รู้มั้ยเป็นความอกตัญญูแค่ไหนน่ะ"
พระเจ้ายอนซันทรงรับฟัง "หึ"
"เพื่อจะแก้แค้นให้มเหสีโซฮวา เจ้าต้องการให้มีคนตายอีกเท่าไหร่
หลั่งเลือดอีกแค่ไหนถึงจะพอ น่าจะยุติได้แล้วนะ ข้าเชื่อว่าวิญญาณแม่เจ้าที่ตาย
คงไม่อยากเห็นเจ้าเป็นแบบนี้เหมือนกัน"
"พระพันปี
นี่แปลว่าจะมาสั่งสอนหม่อมฉันใช่ไหม"
"ใช่ ข้าเป็นแม่เลี้ยง
มัวแต่ห่วงว่าเจ้าจะมีปมด้อยที่กำพร้าแม่ เลยไม่เคยอบรมสั่งสอนตั้งแต่เล็ก
จนวันนี้รู้สึกเสียใจด้วยซ้ำ"
"ไม่ต้องรับสั่งขนาดนี้ก็ได้
คงคิดว่าถ้ามาตำหนิหม่อมฉันก่อน
องค์ชายจินซองจะได้ไม่ต้องรับกรรมเหมือนคนอื่นใช่ไหม"
"ถ้าองค์ชายจินซองทำอะไรผิดต่อฝ่าบาท ก็เชิญลงโทษไปเถอะ
หรือแม้แต่ข้าถ้ามีความผิด ก็ยินดีรับโทษโดยไม่ปริปากซักคำ
แต่ว่าเจ้าเลิกพาลคนอื่นได้แล้ว ฝ่าบาท
ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปขอขมาพระอัยยิกาเดี๋ยวนี้ และยอมรับความผิดซะ
จากนั้นก็ไล่พวกนางรำไปให้หมด ยุติงานเลี้ยงที่มั่วสุม สั่งปลดป้ายเตือนสติ
ไม่ต้องให้ขุนนางแขวนอยู่ที่คอ เปิดหูเปิดตารับฟังความเห็นคนอื่นบ้าง
โดยเฉพาะนโยบายการปกครองที่ดี ถ้าเจ้ายังทำอะไรเอาแต่ใจอีก ข้าในฐานะเป็นแม่
อาจต้องถือไม้มาตีเจ้าซักครั้ง"
"พระพันปี ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นเคยพูด
ไม่เคยตำหนิข้อผิดพลาดของหม่อมฉันซักนิด เมื่อก่อนหม่อมฉันก็เคยซุกซน
แต่พระพันปีไม่เคยถือไม้มาตีหม่อมฉันเลย หม่อมฉัน
แม้จะได้รับการเลี้ยงดูจากพระพันปีอย่างดี แต่เพราะไม่ใช่ลูกแท้ๆ
หม่อมฉันจึงไม่เคยถูกตำหนิด่าว่า นี่คือสิ่งที่หม่อมฉันขาด พระพันปีเคยรู้บ้างมั้ย
จริงๆ แล้ว หม่อมฉันรู้สึกอิจฉาองค์ชายจินซองมากกว่าใคร"
"ฝ่าบาท ฮือ"
พระพันปีซุกยอนทรงอึ้งและเสียพระทัยเช่นกัน
พระพันปีซุกยอนเสด็จไปเฝ้าพระอัยยิกายินซูจนรู้สึกพระองค์
"พระอัยยิกา
รู้สึกพระองค์แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"เฮ่อ ใต้เท้าคิม หึ
ทำไมยังต้องช่วยข้าไว้อีก"
"ทำไมรับสั่งหดหู่อย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"เฮ่อ
ข้าเคยเห็นเจ้า มาตั้งแต่เล็กจนโต เกิดความเข้าใจผิดก็หลายครั้ง
สมัยก่อนว่าเจ้าชักนำลูกข้าให้เสื่อมเสีย เกือบจะลงโทษเจ้าก็บ่อยไป"
"ทั้งหมดนี้ เพราะหม่อมฉันบกพร่องต่อหน้าที่พ่ะย่ะค่ะ"
"หึ ใต้เท้าคิม
ข้าคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ที่เป็นห่วง คือบ้านเมืองจะหายนะในยุคของฝ่าบาทนี่แหละ
แม้จะมีการผลัดเปลี่ยนรัชกาล บ้านเมืองเราก็ยังต้องอยู่ต่อไป เฮ่อ ใต้เท้าคิม
เจ้าต้องทำหน้าที่ให้ดีล่ะรู้มั้ย"
"หม่อมฉันรู้หน้าที่พ่ะยะค่ะ
พระอัยยิกาต้องทรงพักผ่อน อย่าทรงใช้ความคิด ถนอมพระวรกายไว้นะพ่ะย่ะค่ะ"
"อึม
ข้าคงเชื่อได้แต่เจ้าคนเดียว"
คิมชูซอนกลับออกมา
ยางซองยุนถามถึงพระอาการของพระอัยยิกายินซูว่าเป็นยังไงบ้าง
"ทรงเสียพระทัยมาก
ทำให้อ่อนพระกำลังน่ะครับ"
"เดิมทีก็พระชนม์มากอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเรื่องนี้เข้า
เป็นใครก็ต้องทรุดหนัก เห็นแล้วน่าเป็นห่วงจริงๆ"
"สิ่งที่ฝ่าบาททรงทำอยู่ทุกวันนี้ ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ต้องโทษที่สมัยก่อน ข้าไม่ได้สอนให้พระองค์มีพระเมตตา คิดแล้วก็รู้สึกเสียใจนัก"
"เจ้าอย่าตำหนิตัวเองนักเลย เป็นแค่หัวหน้ามหาดเล็ก จะมีปัญญาทำอะไรนัก"
"แต่ตอนนี้ ข้าชักไม่รู้แล้วว่า ควรจะทำไงต่อน่ะครับ"
"เจ้ารู้แล้วใช่ไหม
ว่าทำไมเมื่อก่อนชิคยอมต้องพกมีดเข้าไปในตำหนักใหญ่น่ะ สมัยก่อน เขากับพ่อเจ้า
เคยตกลงว่าจะช่วยองค์ชายโนซาน แต่จู่ๆ กลับเปลี่ยนใจ ตอนนั้นข้าไม่รู้อะไร
ยังเอาเหล้าไปเทใส่หน้าเขาด้วยซ้ำ ต่อมาภายหลัง เขาปลงพระชนม์พระเจ้าเยจง
เปลี่ยนแผ่นดินใหม่ ข้าก็ยิ่งโกรธว่าทำไมเขาถึงทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนั้น
ข้านึกว่าเขาทำเพราะหวงอำนาจ ต้องการเสพสุขไปจนตายซะอีก แต่ว่า
มาวันนี้พอนึกย้อนกลับไป ตั้งแต่เขาเป็นเจ้ากรมฯ ไม่ใช่ ตั้งแต่เขามาเป็นมหาดเล็ก
ก็ตัดสินใจจะเลือกเดินทางนี้อยู่แล้ว ชูซอน แล้วเจ้าคิดจะทำไง เอาอย่างชิคยอม
พกมีดเข้าไปในตำหนักใหญ่หรือว่า เป็นเงาของพระราชาต่อไป
รู้ทั้งรู้ว่าพระองค์ทำผิดก็ยังทนไปเรื่อยๆ"
ณ ตำหนักพระอัยยิกายินซู
พระพันปีซุกยอนเฝ้าไม่ห่าง
"หึ หม่อมฉันเห็นพระอัยยิกา ค่อยๆ
แข็งแรงขึ้นตามลำดับ รู้สึกสบายใจขึ้นมากเลยเพคะ"
"เฮ่อ แต่ข้ามีเรื่องหนึ่ง
อยากไหว้วานเจ้าหน่อย ไม่ว่ายังไงก็ต้องรักษาสัญญาจะได้ไหม"
"เชิญรับสั่งมาได้เพคะ"
"ถ้าฝ่าบาทไม่เพลาความเผด็จการลงบ้าง อีกไม่นาน
จะมีคนหันไปสนับสนุนองค์ชายจินซอง"
"ทำไมมีรับสั่งอย่างงั้นล่ะเพคะ"
"แต่ว่า ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ช่าง
เจ้าห้ามหวั่นไหวกับเรื่องนี้เด็ดขาดเข้าใจมั้ย หือ"
"หม่อมฉัน
ไม่มีทางหวั่นไหวแน่นอนเพคะ"
"ดีมาก ข้าเชื่อว่าเจ้าหนักแน่นพอ หึ
ข้าอยากนอนพักอีกหน่อย โอย เฮ่อ" พระอัยยิกายินซูทรงสลบ
"พระอัยยิกา
ทรงเป็นอะไรหรือเพคะ ฮันซังกุง ไปตามหมอหลวงมาเร็ว"
ขณะที่พระเจ้ายอนซันทรงพระพักตร์เคร่งเครียด จนสนมชางนกซูทูลทัก
"หึ ฝ่าบาท
ทำไมพระพักตร์ดูบึ้งตึงล่ะเพคะ"
"ทุกวันนี้ข้าอ้างว่าจะแก้แค้นให้แม่
ถึงขนาดฆ่าคนของฝ่ายในและเหล่าขุนนาง แถมยังให้นางรำมาอยู่ในวังอีก
ไม่รู้ว่าราษฎรจะมองข้ายังไง และประวัติศาสตร์ ก็ไม่รู้จะจารึกเรื่องของข้าแบบไหน
ทำให้คิดหนักมาหลายวัน"
"หึๆๆ ทำไมเดี๋ยวนี้ ฝ่าบาททรงกลัวเป็นด้วยหรือเพคะ"
"อะไรนะ"
"ฝ่าบาททรงมีเมตตา ให้นางรำมาถวายความสำราญ
เลี้ยงดูพวกนางอย่างดีไม่ต่างกับสนม นั่นก็แปลว่าฝ่าบาททรงรักราษฎรเหมือนลูกหลาน
และตอนนี้ก็มีรัชทายาทแล้ว เท่ากับฝ่าบาทมีผู้สืบสันตติวงศ์ เช่นนี้แล้ว
ใครจะกล้าเขียนพระประวัติให้ทรงด่างพร้อยได้อีกล่ะเพคะ"
"ที่เจ้าพูดนี่
เป็นความจริงหรือเปล่า"
"จริงสิเพคะฝ่าบาท อย่าทรงคิดมากเลย
หม่อมฉันจะรินเหล้าให้เสวยแล้วทรงเต้นรำซักเพลงนะเพคะ"
"หึ ก็ได้ ข้าจะฟังเจ้า"
ซังกุงเข้ามาทูล "ทูลฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ"
"เกิดเรื่องอะไรกัน"
"ฮือ มีข่าวมาจากตำหนักพระอัยยิกา เห็นว่าทรงประชวรหนักเพคะ"
พระเจ้ายอนซันเสด็จไปเข้าเฝ้าพระอัยยิกายินซู
"ได้ยินว่าพระอัยยิกาทรงประชวรหนัก ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะ พระอัยยิกา
ทรงลืมพระเนตรเร็วเข้า ใต้เท้ายาง ใต้เท้าคิม ทำไมยืนเฉยอยู่ได้
ไม่รีบหาวิธีรักษาพระอัยยิกาให้ดีขึ้นอีก อยากตายหรือไง"
"พระอาญาไม่พ้นเกล้า"
"พระอัยยิกา หม่อมฉัน ยัง ยังไม่ได้แก้แค้นให้เสด็จแม่จนครบถ้วน
ห้ามทิ้งหม่อมฉันไปแบบนี้นะพ่ะย่ะค่ะ ทรงลืมพระเนตรเร็วเข้า"
"หึ โอย ฝ่าบาท"
พระอัยยิกายินซูทรงรู้สึกพระองค์
"ทรงรู้สึกพระองค์แล้วหรือ"
"ข้า
มีเรื่องสำคัญบางอย่าง จะคุยกับเจ้า ให้ทุกคนออกไปก่อน"
"ทุกคนออกจากห้องนี้ให้หมด พระอัยยิกา ตอนนี้ทุกคนออกไปหมดแล้ว
เชิญรับสั่งมาได้"
"หึ ฝ่าบาท สมัยก่อนข้าทำเพื่อปกป้องราชสำนัก
จึงต้องขับแม่เจ้าออกจากวัง และยังให้นางดื่มยาพิษอีก เชื่อว่านางเอง หึ
ก็คงเข้าใจเจตนาของข้า จึงยอมรับคำสั่ง ยอมตายแต่โดยดี หึ ฝ่าบาท หึ ข้าไม่เคย
นึกเสียใจที่ สมัยก่อนตัดสินใจอย่างงั้น หึ เพราะเชื่อว่าพ่อของเจ้าคงหนักแน่นพอ
ที่จะไม่ฟังเสียงคัดค้าน ยังไงก็จะตั้งเจ้าเป็นรัชทายาทให้ได้ หึ โอ๊ะ
แผ่นดินที่บรรพชนของเราสร้างมา หวังว่าเจ้าจะรักษาต่อไปให้ดี หึ เพราะจนวันนี้
ข้ายังเชื่อว่า เจ้าจะมีจิตสำนึกที่ดีอยู่บ้าง หึ ฮือ"
พระเจ้ายอนซันทรงสะอื้นไห้ "ฮือ ฮือ"
"ฮือ ฮือ เฮ่อ ฝ่า ฝ่าบาท โปรดอย่าให้
ราชสำนัก เต็มไปด้วยการเข่นฆ่า และกลิ่นคาวเลือดอีกเลย โดยเฉพาะ ฮือ องค์ชายจินซอง
ฮือ ต้องปกป้องเขาดีๆ อย่าให้ย่าผิดหวังในตัวเจ้า กับการขอร้องครั้งสุดท้าย อย่าลืม
ฮือ ฮือ ฝ่าบาท ฮือ ข้า ข้า ข้าหวังว่าเจ้า เจ้าจะ โอย โอย"
พระอัยยิกายินซูทรงสิ้นพระชนม์
"พระ พระอัยยิกา ฮือ เสด็จย่า ฮือๆๆ ทำไม
ทำไมสมัยก่อน ถึงได้ทรงเกลียดชังเสด็จแม่ของหม่อมฉันนัก ตั้งแต่หม่อมฉันครองราชย์มา
เสด็จย่าไม่เคย รับสั่งชมเชย หรือให้ความรักกับหม่อมฉันบ้าง ฮือ หม่อมฉัน ฮือ
น้อยใจความลำเอียงของเสด็จย่ามากกว่า ฮือๆๆ ฮือๆๆ เสด็จย่า ฮือๆๆ ฮือๆๆ เสด็จย่า
ฮือๆๆ"
000000000000000
พระเจ้ายอนซันทรงถามเหล่าขุนนางถึงความเป็นอยู่ของราษฏร พงชอนรีบทูลเอาพระทัย
"เพราะฝ่าบาททรงห่วงใยราษฎร ดำเนินนโยบายให้ทุกคนกินดีอยู่ดี
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ในเมืองหลวง ทั่วอาณาจักรโชซอนก็ล้วนแซ่ซ้องในพระเมตตาพ่ะย่ะค่ะ"
"ทรงปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็น เหมือนพระมาโปรดพ่ะย่ะค่ะ"
"น่าจะเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว เพราะข้า สั่งให้ปราบทุจริตขนานใหญ่
ป้องกันไม่ให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ยึดคืนที่นาของเหล่าขุนนาง
ทำให้ท้องพระคลังมีเงินเพิ่มขึ้น
ยกเลิกการแบ่งระดับระหว่างขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือน
คอยใส่ใจว่าราษฎรต้องการอะไรบ้าง แล้วทางการก็ตอบสนองอย่างงั้นไป"
"เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้ากำลังคิดว่า
เพื่อตอบแทนความเหนื่อยยากที่ทุกท่านช่วยกันทำงาน พรุ่งนี้
จะให้จัดงานเลี้ยงเป็นกำลังใจให้เหล่าขุนนาง และอนุญาตให้พาฮูหยินมาร่วมงานด้วย
ทุกท่านห้ามขาดแม้แต่คนเดียวล่ะ"
เหล่าขุนนางออกมาก็พากันบ่น
"เฮ่ย จริงๆ
ราษฎรต้องจ่ายภาษีอย่างหนัก จนใครต่อใครมองว่าทางการรีดเลือดจากปูด้วยซ้ำ
ฝ่าบาทยังมีรับสั่ง ให้ขุนนางไปร่วมงานเลี้ยงอีก แถมยังให้พาภรรยาไปร่วมด้วย เฮ่ย
ข้าก็เหมือนน้ำท่วมปาก จะถูกอะไรก็ไม่ถนัด"
"อีกอย่างเราเป็นขุนนางแท้ๆ
กลับมีป้ายแขวนคออยู่อย่างนี้ เท่ากับหมดความสำคัญ แล้วใครจะกล้าทูลอะไรอีกล่ะ"
"ในฐานะขุนนางที่รับใช้บ้านเมือง แค่คิดก็รู้สึกละอายมากแล้ว"
"เห็นทีว่า
เราต้องคิดอะไรบางอย่างซะแล้ว ทำไงดีน๊า ฮึ่ม"
พระชายาเองก็ทรงรับสั่งถามจากพี่ชาย
"พี่ใหญ่ เดี๋ยวนี้ทำไมเหล่าขุนนาง
ไม่เห็นเสนอความเห็นต่อฝ่าบาทบ้างล่ะ ในวังยังคงมีงานเลี้ยง
ทั้งนางโลมนางรำเข้าออกเป็นว่าเล่น แค่นี้ก็ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณมากแล้ว"
"แม้จะมีงานเลี้ยงถี่ไปหน่อย แต่ยังดีที่บ้านเมืองสงบสุข งบประมาณที่ใช้
เราไปเก็บจากราษฎรก็ได้นี่พ่ะย่ะค่ะ"
"ทำแบบนี้ราษฎรก็ยิ่งเบื่อหน่าย
ท่านไม่รู้หรือว่าจะทำให้ฝ่าบาททรงเป็นที่เกลียดชังของชาวบ้านน่ะ ขืนเป็นแบบนี้ต่อ
อนาคตของฝ่าบาทมิยิ่งกลายเป็นมืดมนหรอกหรือ"
"แต่ฝ่าบาททรงมีอำนาจจนไม่มีใครกล้าเทียบ อย่าทรงเป็นห่วงเลยพ่ะย่ะค่ะ"
พระชายาทรงรับฟังแล้วก็ได้แต่ถอนพระทัย
และในงานเลี้ยง
พระเจ้ายอนซันทรงตรัสกับทุกคนว่า
"วันนี้ ที่ข้าเชิญฮูหยินทั้งหลายมาเข้าวัง
เพราะทุกท่านล้วนเป็นกำลังใจสำคัญอยู่เบื้องหลัง
ให้เหล่าขุนนางช่วยข้าทำงานอย่างแข็งขัน ข้าจึงอยากจะตอบแทนหน่อย"
"ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ"
"หน้าที่ในการรับใช้บ้านเมืองนั้น
ไม่ควรแบ่งแยกว่าเป็นชายหรือหญิงเฉพาะเจาะจง ฉะนั้นวันนี้
ขอให้ทุกท่านลืมธรรมเนียมเก่าแก่ ไม่ต้องถือจารีตมากนัก เชิญดื่มกินให้เต็มที่
ไม่ต้องเกรงใจว่าข้าเป็นใครทั้งนั้น หึ ทำไมไม่มีใครออกมาเต้นด้วย
พวกท่านกล้าขัดคำสั่งข้าหรือ จาวอน ใครกล้าขัดคำสั่ง บอกลูกน้องจดชื่อไว้ให้หมด
เดี๋ยวพองานเลิกแล้ว ข้าจะค่อยๆ คิดบัญชีทีละคน ลากไปทรมานให้หนักเลยทีเดียว"
พระเจ้ายอนซันทรงยังลวนลามพวกฮูหยิน
คิมชูซอนกลับบ้านก็เห็นโตชิเมาเหล้าอยู่หน้าบ้าน
จึงพาเข้าบ้านวอฮาเห็นก็บอกให้พาเข้าไปข้างใน พลางบ่น
"สุขภาพก็ไม่ดีอยู่แล้ว
ทำไมยังไปดื่มเหล้าอีกล่ะ"
"บ้านเมืองวุ่นวายขนาดนี้
ถ้าไม่ดื่มให้เมาจะทนมีชีวิตอยู่ได้ยังไง"
"ท่านอา
ดื่มน้ำผึ้งให้หายเมาก่อนเถอะนะ"
"ข้าไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องมาห่วงหรอก
เจ้าเอาน้ำผึ้งไปให้พระราชาดื่มดีกว่า จะได้ตาสว่างหน่อย ไม่เป็นคนเสียสติ
กวาดต้อนนางโลมเข้าวังยังไม่พอ ในวังยังมีแต่ความรื่นเริงบันเทิงทุกวัน
นักวิชาการถูกขับไล่ ทำให้วังหลวง กลายเป็นแหล่งมั่วสุม
ราษฎรที่มีบ้านอยู่ในตัวเมือง ก็ถูกรื้อถอนทำเป็นสนามล่าสัตว์
บ้านเมืองแทบจะลุกเป็นไฟขนาดนี้ ชาวบ้านเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า
แล้วยังจะให้ข้าใช้ชีวิตเหมือนปกติได้ยังไง บอกหน่อยซิ"
"นี่
อย่าพูดเสียงดังได้ไหม เดี๋ยวใครได้ยินเข้าจะไม่ดี" วอฮาเตือน
"ทำไม
ข้าพูดผิดตรงไหน หึ พระราชาของเรา ถูกนังแพศยาชางนกซูและกังฉินรายล้อม วันๆ
หมกมุ่นอยู่กับสุรานารี โดยเฉพาะไอ้พวกขันทีชั่ว
ใช้อำนาจบาตรใหญ่กดขี่ชาวบ้านไปทั่ว
แล้วอย่างงี้จะไม่ให้บ้านเมืองเกิดกลียุคได้ยังไง ฮือ" โตชิยังไม่ยอมหยุด
"โธ่เอ๊ย ยังจะพูดอีก นอนๆ ไปเถอะน่า" โตชินอนกรน
คิมชูซอนเองก็ปรับทุกข์ให้กับหญิงสาวฟังว่า
"ฝ่าบาททรงเปลี่ยนไปมาก
โดยเฉพาะหลังจากพระอัยยิกาสิ้นพระชนม์ด้วยแล้ว
พระองค์ก็เหมือนขาดหลักยึดเหนี่ยวในใจ จำได้ว่าสมัยก่อน
ทรงเป็นองค์ชายที่น่ารักและอ่อนโยนนักหนา"
"เทียบกับเรื่องของพระราชาแล้ว
ข้ายิ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านมากกว่า ตอนนี้แม้แต่เหล่าขุนนาง
ยังไม่กล้าเตือนฝ่าบาทซักคน ถ้าท่านหาญกล้าไปทูลเตือนซักนิด
ก็ไม่รู้จะเดือดร้อนหรือเปล่า"
วันต่อมาคิมชูซอนมีโอกาสพบกับใต้เท้ามูยอง
"ใต้เท้ามูยองมาถึงนี่ มีอะไรจะพูดกับข้าใช่ไหม"
"ข้ามีเรื่องสำคัญบางอย่าง
อยากคุยกับท่านเจ้ากรมหน่อย นับวันความเผด็จการของฝ่าบาท จะยิ่งเลยเถิดมากขึ้นทุกที
ราษฎรก็เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า วันก่อนท่านก็เห็น ถึงขนาดให้ภรรยาขุนนางเข้าวัง
บังคับให้ร้องรำทำเพลง และลวนลามโดยไม่ไว้หน้าอีก ขืนเป็นแบบนี้ต่อ
บ้านเมืองคงต้องหายนะแน่ อยู่ที่ช้าหรือเร็วเท่านั้น"
คิมชูซอนถอนใจ "เฮ่ย"
"ใต้เท้าคิม ทุกวันนี้ในวัง มีกลิ่นอายของการเปลี่ยนแปลงแล้ว"
"ท่านหมายถึงการก่อกบฏหรือ"
"นั่นเพราะว่า
พวกเราบางคนเหลือทนกับความเผด็จการของฝ่าบาทเต็มที แต่ถ้าได้รับความร่วมมือจากท่าน
เราอาจทำการสำเร็จโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อก็เป็นได้"
"เรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วย
เราเป็นข้าราชบริพาร ต้องถือความภักดีมาก่อน ไม่ใช่คิดทรยศต่อเบื้องบน"
"ไม่อย่างงั้น ท่านจะปล่อยให้บ้านเมืองหายนะเพราะน้ำมือของฝ่าบาทได้หรือ หึ
ราษฎรที่ทนถูกทางการกดขี่ไม่ไหว ลุกขึ้นเป็นโจรปล้นสะดม ไม่ก็ก่อจลาจล
ถ้าวันไหนเกิดชาวบ้านรวมกลุ่มกันต่อต้าน
จะยิ่งเป็นสงครามกลางเมืองที่ไม่อาจควบคุมด้วยซ้ำ ฉะนั้นก่อนที่บ้านเมืองจะเสียหาย
เราต้องเปลี่ยนพระราชาซะก่อน"
"เท่าที่ดูรัชทายาท
น่าจะมีพระทัยอ่อนโยนและมีเมตตา อีกหน่อยถ้าได้ครองราชย์ต่อ ทุกฝ่ายคงจะยอมรับ
และช่วยให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติได้"
"ฝ่าบาทยังทรงหนุ่มแน่นและแข็งแรงนัก
กว่าจะรอให้รัชทายาทเติบใหญ่ก็สายเกินแก้แล้ว กว่าจะถึงวันนั้น
บ้านเมืองไม่รู้จะเสียหายไปอีกกี่มากน้อย"
เวลาเดียวกันองค์ชายจินซองก็ทูลกับพระพันปีซุกยอนว่า
"ตอนนี้ในเมืองหลวง
ใครๆ ก็วิพากษ์วิจารณ์ ว่าอีกไม่นานจะมีการก่อกบฏพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้าอย่าพูดส่งเดชเชียวนะ กบฎอะไรกัน เป็นไปไม่ได้หรอก"
"แต่หม่อมฉัน
เริ่มรู้สึกกลัวฝ่าบาทแล้ว"
"ไม่ต้องกลัวเขาหรอกลูก เพราะแม่เชื่อว่า
ยังไงเขาคงไม่ทำร้ายเจ้าแน่"
"หม่อมฉัน
ไม่ได้กลัวว่าฝ่าบาทจะทรงคิดร้ายต่อหม่อมฉัน เพียงแต่ห่วงว่าถ้าบัลลังก์สั่นคลอน
ฝ่าบาทจะทรงมีอันตราย และเป็นห่วงว่า รากฐานของบ้านเมืองจะถูกทำลายไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
พระพันปีซุกยอนทรงได้แต่ถอนพระทัย
0000000000000000000
คิมชูซอนคิดถึงคำขอของพระอัยยิกายินซู ว่าให้เขาทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี
จังหวะนั้นวอฮาก็เข้ามา
"เฮ่ย เมื่อกี้ เห็นเจ้ากินข้าวนิดเดียว
เลยเอาของว่างมาให้รองท้อง"
"หึ เมื่อก่อนมือท่านแม่นิ่มมาก
เดี๋ยวนี้ทำไมหยาบขึ้นเยอะเลย"
"หึ สังขารคนเราเอาแน่ได้ที่ไหนล่ะ"
"สมัยก่อนถ้าท่านไม่สงสารที่เห็นข้าถูกทิ้งอยู่กลางป่า
แล้วเอากลับมาเลี้ยงดูอย่างดี เห็นทีข้าคงกลายเป็นเหยื่อของหมาป่าไปนานแล้ว
หรือไม่ก็คือ ยังไม่ทันลืมตาก็อดตายอยู่กลางป่าซะก่อน"
"วันนี้มาแปลก ทำไมจู่ๆ
พูดถึงเรื่องนี้ล่ะ"
"ตลอดเวลาที่ผ่าน ข้ามีแต่ทำให้ท่านเป็นห่วง
ไม่เคยช่วยแบ่งเบาอะไรเลย ท่านจะอภัยให้กับข้า ที่อกตัญญูได้ไหม"
"เจ้า
มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า"
"หึๆ คงเพราะอายุมากขึ้น เริ่มคิดได้มังครับ"
"แต่ยังไงข้าก็รู้สึกผิดต่อแม่แท้ๆ ของเจ้า แม้ว่าเจ้า
จะไม่ใช่ลูกที่ข้าอุ้มท้องมาเอง แต่ตลอดเวลาที่ผ่าน
ข้าก็รักเจ้าเหมือนลูกในไส้ก็ไม่ปาน"
"หึ เรื่องนี้มีหรือข้าจะไม่เข้าใจ
เพราะสำหรับข้าแล้ว ท่านก็ไม่ต่างกับแม่บังเกิดเกล้าแท้ๆ ข้า
จะกลับไปทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบว่า จะลาออกจากราชการ"
"หึ ถ้าเจ้า
คิดว่าตัดสินใจดีแล้ว ก็แล้วแต่เจ้าเถอะนะ เพราะจริงๆ ทุกวันนี้
ทุกครั้งที่มีข่าวว่าในวังมีคนตาย แม่จะเป็นห่วงว่าเจ้ามีอันตรายด้วย
หลายปีนี้แทบไม่เคยวางใจซักครั้ง เมื่อรู้ว่าเจ้าจะลาออกก็ค่อยสบายใจขึ้น"
และก่อนที่คิมชูซอนจะเข้าวัง เขากล่าวกับกงซินว่า
"กงซิน
วันนี้ที่ข้าไปเข้าเฝ้า เพื่อหวังจะทูลฝ่าบาทเป็นครั้งสุดท้าย ดีไม่ดี
ชาตินี้อาจไม่มีโอกาสได้ออกมาอีกก็ได้"
"ใต้เท้า ไม่ได้นะครับ"
"ถ้าหาก
ข้ามีอันเป็นไปละก้อ อยากให้เจ้าช่วยดูแลแม่ข้าแทนด้วย"
"ไม่ครับ
ข้าจะขอติดตามใต้เท้าดีกว่า"
"หึ ถ้าเจ้าอยู่กับข้าแล้วใครจะเป็นคน
ดูแลความปลอดภัยของฝ่าบาท เมื่อเราเป็นมหาดเล็ก ก็ต้องถวายอารักขาฝ่าบาท
และราชสำนักตราบจนวันตาย สิ่งที่ข้าพูด เจ้าจะรับปากได้ไหม"
"ข้าน้อย
จะทำตามคำสั่ง ของใต้เท้าครับ"
แต่พอออกมา หญิงสาวก็เข้ามาขวางคิมชูซอนไว้
"ยังไงซะ ข้าจะไม่ให้ท่านเข้าวังเด็ดขาด"
"หึ แต่ข้าจำเป็นต้องไป"
"ฮือ
ชีวิตข้า รอดมาได้ก็เพราะท่านช่วยไว้ และเพราะเห็นท่านเป็นเสาหลัก
ข้าจึงมีกำลังใจอยู่มาถึงวันนี้ เมื่อท่านให้ความหวังข้า
สอนให้รู้คุณค่าแห่งชีวิตแล้ว ทำไมท่านเอง จะยอมละทิ้งชีวิตง่ายๆ ล่ะคะ"
"ข้าจำเป็นต้องรักษาคำพูด ที่เคยให้ไว้กับผู้หญิงคนหนึ่งว่าจะดูแลฝ่าบาทให้ดี
เพราะนี่คือ สิ่งเดียวที่ข้าจะทำเพื่อหญิงที่รักมาชั่วชีวิตได้ และเป็นหน้าที่
ของการเป็นมหาดเล็กด้วย"
"ไม่ว่ายังไง ข้าจะรอท่านกลับมาให้ได้"
คิมชูซอนเข้าวังหลวง เขาทูลพระเจ้ายอนซันว่า
"ขอฝ่าบาททรงยุติงานเลี้ยงได้แล้ว"
"ทำไมไม่มีเสียงเพลงต่ออีก
ท่านเจ้ากรมมาหรอกหรือ งั้นก็เชิญดื่มเหล้าเร็วเข้า และดูลีลาร่ายรำของข้าบ้าง นกซู
รินเหล้าให้มหาดเล็กคนโปรดของข้าเร็ว"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันขอให้ยุติการรื่นเริงซะ"
"อะไรนะ ท่านเจ้ากรม ท่านพูดอะไรน่ะ"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันขอให้ยุติงานเลี้ยงซะ
ทรงนึกถึงปณิธานในสมัยก่อน ที่จะเป็นพระราชาที่ห่วงใยทุกข์สุข
รักราษฎรเหมือนลูกหลาน ทำให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขบ้างเถอะ"
"ว่าไงนะ"
"ทุกวันนี้ฝ่าบาท กำลังจะกลายเป็นทรราชย์เข้าไปทุกที
ฝ่าบาทไม่ทรงมองเห็นหรือว่าบ้านเมืองกำลังจะเข้าสู่ความหายนะ
ไม่เห็นหรือว่าราษฎรอดอยากหิวโหย
เรียกหาฝ่าบาทไปช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยให้พวกเขาบ้างน่ะ
พระกรรณของฝ่าบาทไม่ได้ยินเสียงร้องทุกข์ของราษฎรบ้างหรือพ่ะยะค่ะ"
"เจ้ากรมมหาดเล็ก พูดแบบนี้อยากตายหรือไง"
คิมชูซอน จบ 62

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ

เรื่องย่อละคร
โบตั๋นกลีบสุดท้าย ใจร้าว สะใภ้ลูกทุ่ง ดินเนื้อทอง
ดาวจรัสฟ้า คิมชูซอน เมนูรักเชฟมือใหม่ สู่แสงตะวัน คู่ป่วนอลวน ภูติแม่น้ำโขง
เพราะรักนี้มิอาจลืม (Alone in Love) หีบหลอนซ่อนวิญญาณ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า

Readlakorn

Related Posts



6 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณนะค่ะ เหลืออีก ตอนเดียวก็จะจบแล้ว เฮ้อออ สงสารชูซอนจังเลยสงสัยต้องมีการก่อกบฏอีกแน่นอนเลย

Anonymous said...

ขอบคุณนะคะ อีกนิดเดียว จะบอกว่า ตอนนี้จะลงแดงแล้วค่ะ ตอนสุดท้าย มาเร็วๆ นะค๊ะ

Anonymous said...

very anxious to read the next part. Please hurry up, I am dying to know the ending.....Aunt Chaweewan

Anonymous said...

มารออ่านตอนสุดท้ายค่ะ

minnie

Anonymous said...

รออ่านตอนจบอยู่นะคะ ช่วยมา post เร็วๆนะคะ

Anonymous said...

ตอนสุดท้ายรู้แต่ว่าพระเจ้ายอนซันถูกโค่นล้มอำนาจ องค์ชายจินซอง ได้เป็นพระราชาองค์ใหม่อ่ะ เพราะว่าเป็นสมัยทีพ่อแดจังกึมโดนจับ แล้วจังกึมกับแม่ ต้องตามมาหาพ่อในเมืองหลวง เลยทำให้จังกึมได้เข้าวัง ใครจำได้มั่งเนี่ย

แฟนหนังแดจังกึม

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal