ใจร้าว 4
เมลานีค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเห็นภาพลักษณ์เบลอๆ แล้วค่อยชัดขึ้น
ลักษณ์ก้มหน้ามาใกล้จนแทบจะจูบเมลานีทะลึ่งพรวด
ผลักลักษณ์ที่กำลังจะประกบปากเธอกระเด็น "นายทำอะไรของนาย หา!"
"ผมเห็นคุณหยุดหายใจก็เลยช่วย" "เม้าท์ทูเม้าท์ค่ะ ภัทรเห็นกับตาเลยนะคะ
ทุกคนที่นี่ก็เห็น จริงมั้ย" ภัทรพูดขึ้น ทุกคนพยักหน้ารับเออออ เมลานีขยะแขยงขนลุก
"ไอ้บ้านี่! อี๋ยย!"
เมลานีคว้าแว่นแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าซึ่งตกอยู่ข้างตัวยัดใส่กระเป๋าสะพาย
โดยไม่ทันเห็นว่าใต้ผ้าเช็ดหน้ามีเนกไทของลักษณ์ติดไปด้วย
เมลานีรีบลุกขึ้นยืนแล้ววีนแตกใส่ทุกคนทันที
"ถ้าใครเอาเรื่องที่เห็นเมื่อกี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังล่ะก็
ฉันจะฟ้องโรงพยาบาลโทษฐานที่ทำให้ฉันเกือบตาย และจะเอาเรื่องพวกนายให้ถึงที่สุด
โดยเฉพาะนาย!"
"แต่ผมตั้งใจจะช่วยคุณนะ" ลักษณ์งง "ฉวยโอกาสล่ะสิไม่ว่า
คงนึกออกแล้วสิว่าฉันเป็นใคร ทำเป็นมาช่วยจะได้เอาไปคุยอวดเพื่อนใช่มั้ยล่ะ
ถ้าเรื่องนี้เป็นข่าวขึ้นมาเมื่อไหร่ ฉันจะฟ้องนายเป็นคนแรก คอยดู!"
เมลานีสะพายกระเป๋าเดินสะบัดตูดออกไป ภัทรอยากสบตาลักษณ์ให้นานกว่านี้
แต่ก็ต้องตัดใจวิ่งตามเมลานีออกไป ลักษณ์ยืนแด่วอยู่กับที่
งงกับพฤติกรรมของเมลานีมากถึงมากที่สุด
ด้านกรวิกหงุดหงิดตัวเองที่ถ่ายละครแล้วเกิดอินนึกถึงภาพวันเก่าๆ
ของตัวเองกับช่อลดา กรวิกกระแทกตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด "เป็นบ้าอะไรไปวะเรา!"
กรวิกสบถกับตัวเอง กรวิกเอาตัวเอนพิงไปกับเก้าอี้แล้วหลับตา พยายามจะผ่อนคลายตัวเอง
แต่คิ้วกลับขมวดเครียดขึ้นไปอีก
ช่อลดาถือถ้วยกาแฟเข้ามาด้วยความตั้งใจอยากจะให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้น "พี่วิกคะ
กาแฟค่ะ" กรวิกลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าช่อลดาแล้วยิ่งหงุดหงิด
กรวิกหันไปตะโกนเรียกเป้ซึ่งกำลังจัดเสื้อผ้าอยู่ "ชงกาแฟให้ถ้วยสิ
ไม่มีใครชงถูกใจฉันเท่าเธอเลยสักคน" "ค่า เดี๋ยวหนูจัดให้นะคะ"
เป้เดินส่ายสะโพกออกไป "จะไปไหนก็ไป ฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเวลาทำงาน"
กรวิกหยิบบทมาอ่านโดยไม่สนใจช่อลดา ช่อลดาจ๋อยสนิท
จำต้องถอยออกไปพร้อมถ้วยกาแฟที่อยู่ในมือ
กรวิกวางบทลงที่เดิมแล้วเอนตัวหลับตาตัดตัวเองออกจากโลกนี้ ทันทีที่ช่อลดาเดินออกไป
ลักษณ์แวะมาหาเอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ชนม์กับไมค์เห็นปฏิกิริยาของทั้งคู่ก็รู้ว่าเป็นคนพิเศษของกันและกัน
จึงหลบออกมาอย่างมีมารยาท "ไม่เหนื่อยค่ะ" "ไม่เหนื่อยแต่ทำไมหน้าซีดจัง
ไหนดูซิครับ" กรวิกเดินออกมาจากมอเตอร์โฮม แล้วสะดุดกึกกับภาพตรงหน้า
กรวิกเห็นลักษณ์เอื้อมมือมาแตะหน้าช่อลดาพลิกไปมา
แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ซึมออกมาตามไรผมให้ กรวิกอึ้ง
นึกไม่ถึงว่าใจตัวเองจะร้อนวูบเมื่อเห็นภาพนั้น
เป้หอบเสื้อผ้าชุดเก่าของกรวิกตามออกมา เพ่งมองลักษณ์กับช่อลดาสักครู่ก็ตีปีกชอบใจ
"อ๊าย!! วีทจังเลย" ช่อลดาหันไปเห็นกรวิกจ้องมองมา
ก็ผละออกจากลักษณ์เพื่อให้ดูไม่น่าเกียจ เป้เดินเข้ามาหาทั้งคู่ "แฟนคุณเอยเหรอคะ
ต๊าย! หล่อเลิศประเสิรฐยิ่งจริงๆ นะคะเนี่ย หล่อน่ากินกว่าพระเอกบางคนซะอีก
นี่ถ้าพี่ปุ๊ยเห็นล่ะก็ เสร็จแน่สเปกแกเลยนะคะแบบนี้ หล่อ สูง ไหล่กว้าง
วงแขนกำยำพร้อมที่จะปกป้องผู้หญิงบอบบางทั้งโลก"
ลักษณ์หันมามองช่อลดาแล้วหัวเราะเอ็นดูในความตอแหลจีบปากจีบคอของเป้
กรวิกหมั่นไส้ทุกคนสุดๆ ในที่สุดก็แหกขึ้น "จะจ้ออยู่นี่อีกนานมั้ย
ทุกคนรออยู่ไม่ใช่เหรอ" "อุ๊ย! จริงๆ ด้วยค่ะ ไปค่ะพี่วิก" "เธอด้วย
กลับเข้าไปทำงานได้แล้ว" ช่อลดาเดินตามกรวิกตัวลีบ ลักษณ์ขยับตาม "ชนม์ ไมค์!
เฝ้าเอาไว้ อย่าให้คนแปลกหน้าหรือใครที่ไม่เกี่ยวข้องกับกองถ่ายเข้าไป
วุ่นวายข้างในเด็ดขาด!" กรวิกใช้หางตามองลักษณ์แว้บหนึ่ง
ก่อนจะเดินกลับเข้าไปข้างในพร้อมเป้ ช่อลดาหันมาสบตาลักษณ์อย่างเห็นใจ "เข้าไปเถอะ
พี่จะรออยู่แถวนี้แหละ" ช่อลดารีบสาวเท้าตามหลังกรวิกไป ลักษณ์ถอนใจ
พยายามข่มตัวเองไม่ให้อารมณ์เตลิดไปกับกรวิก เมลานีเดินบ่นมาตามทาง
โดยมีภัทรถือกระเป๋าตามต้อยๆ
พอมาถึงรถก็เห็นรถคันหนึ่งจอดขวางรถเธออยู่เมลานีหันไปหาภัทรแล้วออกคำสั่งทางสายตาให้ไปเข็นรถที่จอดขวางออกไป
ภัทรก้มลงเข็นรถ แต่รถไม่ขยับเขยื้อน "ดึงเบรกมือไว้แหงเลย" "อะไร
ทำไมไม่มีมารยาทเอาซะเลย! รถก็ดูหรูดีแต่สงสัยคนขับจะไร้การศึกษา"
"การศึกษาผมพอมีครับ" ลักษณ์เดินเข้ามาพอดี "มีแค่ไหน ป.4น่ะจบ"
เมลานีจะพูดว่าจบรึเปล่า "นี่ นายสะกดรอยตามฉันมาเหรอ" "ทำไมผมต้องสะกดรอยตามคุณ
ผมก็มีธุระของผม" "แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่" "ก็แล้วคุณมาที่นี่ทำไม" "ฉันมาทำงาน!"
"คุณทำงานหลายที่จังนะครับ" "ถึงจะหลายที่ แต่ก็เป็นงานที่มีคุณค่ามีเกียรติ
ไม่ใช่เป็นแค่คนขับรถรับส่งเจ้านายอย่างนาย!!"
"ทำไมครับอาชีพคนขับรถมันไร้เกียรติด้อยค่าตรงไหนครับ"
"ก็ด้อยค่าตรงที่นายไม่รู้จักเคารพกติกาของสังคมไง
จอดรถขวางคนอื่นแล้วทำไมต้องใส่เบรคมือ มีสมองรึเปล่า" "จะให้ผมเลื่อนรถก็พูดดีๆ
ไม่ใช่มาจิกด่ากันแบบนี้ นอกจะไม่น่ารักแล้วยังดูก้าวร้าวอีกต่างหาก" ภัทรสะใจ
ตบมือดังๆ ให้ลักษณ์อยู่ในใจ ลักษณ์ขยับขึ้นไปสตาร์ทรถแล้วถอยออกไปจอดอีกด้าน
เมลานียืนกระฟัดกระเฟียด ช่อลดาหิ้วกระเป๋าบทเดินลงมาจากรถ
โดยที่กรวิกหิ้วกระเป๋าของใช้ส่วนตัวตามลงมา ลักษณ์เดินมาดักหน้า "ไปครับเอย
รถพี่จอดอยู่ทางด้านโน้น" "เธอยังไปไหนไม่ได้ ช่อลดา"
กรวิกพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเก็บความไม่พอใจเอาไว้ "ทำไมครับ
กองถ่ายยกกองก็ถือว่าเลิกงานแล้วไม่ใช่หรือครับ หรือว่าคุณกรวิกมีงานที่ไหนต่อ
แต่คุณไมค์กับคุณชนม์เพิ่งบอกผมเมื่อกี้นี้ว่าไม่มี ใช่มั้ยครับ"
ลักษณ์มองทั้งคู่แต่กรวิกหันไปมองชนม์กับไมค์ ชนม์ ไมค์ไม่กล้าสบตา รู้ว่าพลาดไป
"เพราะฉะนั้นเวลานี้ถือเป็นเวลาส่วนตัวที่เอยจะไปไหนกับใครก็ได้ ถูกมั้ยครับ
หรือว่าคุณต้องการใช้เอยให้ทำงานจนถึงวินาทีสุดท้ายด้วยการขนของของคุณไปเก็บที่รถ
ได้เลยครับ ส่งกระเป๋ามาครับเอย เดี๋ยวพี่หิ้วไปส่งคุณกรวิกเอง เชิญครับ"
กรวิกจำต้องเดินออกไปโดยไม่แสดงอารมณ์ใดใด ลักษณ์ ไมค์ ชนม์เดินตามกรวิกออกไป
ช่อลดาถอนใจโล่งอกที่การชดใช้ในวันแรกจบสิ้นลง
บรรยากาศริมน้ำยามอาทิตย์จะลับขอบฟ้าช่อลดาและลักษณ์นั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน
"งานวันแรกเป็นยังไงบ้างครับ" "เหมือนคนหูหนวกตาบอดค่ะพี่ลักษณ์
เอยหยิบจับอะไรไม่ถูกจนบางครั้งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก
หรือเป็นส่วนเกินอะไรซักอย่างจะนั่งจะเดินไปไหนก็ดูผิดที่ผิดทางไปซะหมด"
"แล้วท้อมั้ยล่ะครับ" "ก็ถอดใจอยู่หลายครั้งเหมือนกันค่ะ แต่มานึกอีกที
นี่ก็เพิ่งแค่วันแรก ถ้าท้อ พี่วิกคงเกลียดเอยหนักขึ้นกว่าเดิม"
"ดูเอยจะแคร์ความรู้สึกเขามาก"
"พี่วิกเป็นทั้งพี่และเพื่อนคนแรกในชีวิตของเอยค่ะพี่ลักษณ์"
ช่อลดานึกถึงชีวิตในวันเยาว์ วันแรกที่ได้รู้จักกับกรวิก
ตั้งแต่กรวิกย้ายมาอยู่ข้างบ้าน ช่อลดาในปัจจุบันยิ้มน้อยๆ
เมื่อระลึกถึงความทรงจำวันวาน "ชักจะน้อยใจแล้วสิ
พี่คงเทียบอะไรกับเขาไม่ได้เลยสักนิด" "พี่ลักษณ์กับพี่วิกไม่เหมือนกันค่ะ"
"ถ้าเลือกได้พี่อยากจะเลือกเป็นเขา เพราะพี่จะได้เจอเอยได้รักเอยเร็วกว่านี้"
"พี่วิกเป็นชีวิต แต่พี่ลักษณ์เป็นลมหายใจของเอย เราจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีลมหายใจ
จริงมั้ยคะ" ลักษณ์ยิ้มให้หญิงสาว รู้สึกตื้นตันใจ
สักครู่เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดจังหวะขึ้น ลักษณ์กดรับสาย "ฮัลโหล อยู่ที่ไหนนะ
แล้วยังไง ก็ได้ รออยู่นั่นล่ะ เดี๋ยวผมจะไปรับ"
ลักษณ์กดปิดโทรศัพท์แล้วพยายามพูดกับช่อลดาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เป็นปกติ
"นี่ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้เอยคงมีงานแต่เช้า
พี่ว่าเอยกลับไปพักผ่อนเถอะนะเดี๋ยวพี่จะไปส่ง" "ค่ะ" ลักษณ์ยิ้มให้ช่อลดา
แต่ด้วยแววตาที่บ่งถึงความกังวลใจในอะไรบางอย่าง ก่อนจะมาส่งช่อลดาที่อพาร์ทเม้นท์
ช่อลดาเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องที่มืดสลัว เอื้อมมือไปเปิดไฟ แต่แล้วก็ต้องตกใจ
สะดุ้งสุดตัวเมื่อหันมาเห็นกรวิกยืนอยู่ตรงหน้า "พี่วิก!!!!"
"ตกใจมากนักเหรอที่เห็นฉัน" กรวิกแสยะยิ้มให้ช่อลดาใจร้าว จบตอน 4
ใจร้าว 5
ช่อลดายังอึ้งไม่หาย ถามว่ากรวิกมาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่า
กรวิกบอกว่าเขาแค่แวะมาดูว่าช่อลดาแหกกฎพาคู่รักมาใช้ที่นี่เป็นเรือนหอหรือเปล่า
ช่อลดาบอกว่าเธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก และลักษณ์ก็ไม่ใช่คนฉวยโอกาส
กรวิกหมั่นไส้ที่ช่อลดาออกรับแทนลักษณ์ ช่อลดาบอกกรวิกว่าถ้าไม่มีอะไรเรียกใช้
เธอขอตัวไปทำธุระส่วนตัวก่อน ถ้าจะกลับเมื่อไหร่ก็ช่วยล็อกประตูให้ด้วย
หญิงสาวเดินผละจากชายหนุ่มเข้าห้องนอนไป
กรวิกมองตามอย่างไม่พอใจที่ช่อลดาทำเหมือนไม่สนใจตัวเอง ลักษณ์เดินหมุนไปรอบๆ ตัว
ชะเง้อคอเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง สักครู่ แสงฉาย โผโอบกอดลักษณ์ทางด้านหลังแน่น
แล้วพูดด้วยภาษาไทยที่กระแดะติดสำเนียงฝรั่งจ๋า "ฮัลโหล ฮันนี่
แซนดี้คิดถึงยูจังเลยค่ะฮันนี่ miss you so much" ลักษณ์พลิกตัวกลับมา
แสงฉายย้ายมือขึ้นมาโอบคอชายหนุ่มแล้วบรรจงจูบปากอย่างเต็มรัก "แสงฉาย"
ลักษณ์มองซ้ายขวาแล้วแกะมือแสงฉาย พร้อมกับผละออกเล็กน้อย
ไม่ชอบที่แสงฉายทำประเจิดประเจ้อ เพราะที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา
แต่แสงฉายไม่สนใจบอกว่าจะเป็นอะไรไป ในเมื่อเธอกับลักษณ์เป็นสามีภรรยากัน
ลักษณ์ถามว่าตามเขามาทำไม ก่อนจะยิ้มเหยียด
"นี่คงจะเบื่อไอ้หนุ่มอิตาเลี่ยนนั่นแล้วสิ
ถึงได้นึกได้ว่าตัวเองก็มีามีกับเขาเหมือนกัน"
ชายหนุ่มพูดจบก็เดินออกมาอย่างรู้ไส้รู้พุงหญิงสาว แสงฉายมองตามลักษณ์อย่างเคืองๆ
ก่อนเดินตามไป ในห้องพักที่โรงแรม แสงฉายนอนทิ้งตัวหงายแผ่หลา ก่อนจะ
ลุกขึ้นมาดึงมือลักษณ์ ให้โน้มตามเธอลงบนเตียงนอน ลักษณ์ขืนตัวไว้
แล้วแกะมือหญิงสาวออก ถามว่ามีอะไรก็ว่ามา แสงฉายยิ้ม บอกว่าเธอจะยอมหย่ากับลักษณ์
แต่ขอเพิ่มเงินเป็น 40 ล้าน ลักษณ์บอกแสงฉาย
"ความจริงไอ้พฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นของคุณ ถ้าผมฟ้องหย่า
ผมอาจจะไม่ต้องเสียเงินสักบาทให้คุณก็ได้" "ก็เอาสิ
ถ้ายูไม่กลัวเป็นข่าวเสียชื่อก็เชิญ คุณหมอมือหนึ่งถูกเมียสวมเขานานร่วมสิบปี
มันน่าสมเพชน้อยซะเมื่อไหร่" แสงฉายยิ้มเหยียด ลักษณ์ฉุนกึก แต่พยายามสงบจิตใจ
ถามว่าจะเซ็นให้เขาเมื่อไหร่ แสงฉายอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
บอกว่าทันทีที่ลักษณ์จ่ายเช็คให้เธอ
ลักษณ์หยิบนามบัตรที่โรงพยาบาลทำให้วางไว้บนโต๊ะ บอกว่าให้ไปพบเขาวันพรุ่งนี้
ที่อยู่ตามนามบัตร ก่อนจะผละออกมา กรวิกบอกช่อลดาว่าคืนนี้เขาจะนอนที่นี่
ช่อลดาตาโตตกใจ แต่กรวิกไม่สนใจ คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ช่อลดาเลยต้องขนหมอนกับผ้าห่มออกมาจัดวางอย่างเป็นระเบียบที่โซฟา
หญิงสาวจัดเสร็จกำลังจะเดินกลับเข้าห้อง
เสียงโทรศัพท์มือถือของกรวิกที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น ช่อลดามองไปทางห้องน้ำ
ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวไหลซู่ ช่อลดาตัดสินใจรับ
ปลายสายคือทอปัดที่โทรมาตามกรวิกที่สัญญากับเธอว่าจะกลับไปกินข้าวที่บ้าน
ช่อลดาบอกว่ากรวิกอาบน้ำอยู่ แล้วเธอจะบอกให้
ทอปัดแทบกรี๊ดเมื่อรู้ว่าปลายสายคือช่อลดา แถมกำลังอยู่กับกรวิกด้วย
ทอปัดรีบถามว่าอยู่ที่ไหนกัน ช่อลดาบอกไป
ทอปัดกดปิดโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกเดือดพล่าน กรวิกใส่เสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำ
ช่อลดาบอกกรวิกว่าทอปัดโทรมาหา กรวิกปรี๊ดขึ้นทันที
เมื่อรู้ว่าช่อลดารับโทรศัพท์ของเขา พลางสั่งห้ามไม่ให้มายุ่งกับข้าวของเขาอีก
หญิงสาวรับคำจ๋อยสนิท ก่อนจะเดินกลับไปที่โซฟา
กรวิกหันไปเห็นหมอนและผ้าห่มที่วางอยู่ที่โซฟาก็ถามว่าจะให้เขานอนตรงนั้นหรือ
ช่อลดาบอกว่าเธอจัดห้องให้กรวิกแล้ว ตรงโซฟาเธอจะนอนเอง
เพราะเห็นว่าห้องนอนมีแค่เตียงเดียว กรวิกแกล้งย่างสามขุมเข้ามาหาช่อลดา
จ้องหญิงสาวตาเป็นมัน "แล้วไง" หญิงสาวปากใจสั่น พูดจาตะกุกตะกัก "เอ่อ
เอยก็เลยคิดว่าต้องมีใครคนใดคนนึงออกมานอนข้างนอก แล้วใครคนนั้นก็ควรจะเป็นเอย"
"เธอไม่ไว้ใจฉัน" ชายหนุ่มเดินมาประจันหน้าหญิงสาวจนลมหายใจแทบจะรดกันอยู่ร่อมร่อ
"ปละ เปล่าค่ะ " หญิงสาวเดินถอยหลัง จนทรุดลงไปกับโซฟา ชายหนุ่มตามติด
ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "เธอกลัวฉันเหรอช่อลดา"
กรวิกเปรยเสร็จแล้วแกล้งก้มลงมาทำท่าจะจูบปากหญิงสาว ช่อลดารวบรวมความกล้า
ตัดสินใจพูด "เอยไม่ได้กลัวพี่วิก เพราะเอยรู้ว่าพี่วิกเกลียดเอย
อีกอย่างพี่วิกก็ทราบว่าเอยมีพี่ลักษณ์อยู่แล้ว ที่สำคัญที่สุด
พี่วิกเองก็มีคุณเมนี่อยู่แล้วเหมือนกัน" ได้ผล กรวิกขยับถอยออกมาอย่างหัวเสีย
"ฉันรู้ว่าเธอมีไอ้หมอนั่นอยู่แล้ว แต่ใครบอกเธอเรื่องฉันกับเมนี่"
"มันไม่ใช่ความลับไม่ใช่เหรอคะ ใครๆที่กองก็รู้เรื่องนี้ทั้งนั้น"
"ขอบใจนะที่เตือนสติให้รู้ว่าทั้งเธอและฉันต่างก็มีพันธะ
แล้วเราก็เป็นแค่ลูกจ้างกับนายจ้างเท่านั้น"
ชายหนุ่มพูดจบก็หยิบเสื้อผ้าที่ถือออกมา กลับเข้าห้องน้ำไป ช่อลดามองตาม
แล้วเกิดคำถามในใจว่าเธอพูดอะไรผิด ชายหนุ่มถึงได้โกรธเป็นไฟขึ้นมา
กรวิกเดินเข้ามาในที่จอดรถ ทอปัดและเจื้อยเพื่อนทอปัดแอบดูอยู่ที่มุมๆหนึ่ง
เจื้อยกรี๊ดยืนไม่ติดเมื่อเห็นกรวิก ทอปัดรีบเอามือปิดปากเพื่อน
ทอปัดมองตามรถกรวิกที่แล่นออกไป ด้วยอารมณ์พุ่งปรี๊ด แค้นช่อลดายิ่งนัก
ทอปัดมากดกริ่งเรียกช่อลดาที่หน้าห้อง ช่อลดาแปลกใจที่เห็นทอปัด ทอปัดพูดใส่หน้า
"เธอคิดว่าเธอแน่นักใช่มั้ย พลีร่างให้พี่วิกไปกี่ครั้งกี่หนล่ะ
พี่วิกถึงได้ยอมยกให้เป็นผู้จัดการส่วนตัว"
ช่อลดาเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่โดยไม่ทันตั้งตัว "คุณพูดอะไรของคุณ"
"ไม่ต้องตีหน้าซื่อทำไร้เดียงสา ฉันรู้จักพี่วิกดี
พี่วิกไม่เคยสนใจผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น แต่กลับสนใจผู้หญิงแปลกหน้าอย่างเธอ
แสดงว่าลีลาเรื่องอย่างว่าของเธอต้องไม่ธรรมดา" "คุณทอปัด
คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะคะ" ช่อลดาเสียงสั่น
"ฉันไม่เรียกเธอว่าผู้หญิงหากินก็บุญถมไปแล้ว" ทอปัดตวาด เจื้อยช่วยทอปัด "อีกอย่าง
นี่เป็นอพาร์ตเม้นท์เกรดเอสำหรับพวกเซเลปฯ นะจ๊ะ ไม่ใช่ที่รับงานของผู้หญิงอย่างว่า
ถ้าจะยึดอาชีพนี้ก็กรุณาย้ายไปอยู่ที่อื่น
ไม่งั้นเซเลปฯที่อยู่ที่นี่อย่างฉันจะพลอยหมองมัวไปด้วย" ช่อลดาโกรธจนใจสั่น
"ฉันไม่เข้าใจ พวกคุณต้องการอะไร" "เลิกยุ่งกับพี่วิกของฉัน
ไม่อย่างนั้นเธอเจอดีแน่ อย่าคิดว่าพี่วิกจะถือหางเธอ
เพราะระหว่างผู้หญิงแปลกหน้ากับน้องสาว
ผู้หญิงหากินที่ไม่ปัญญาอ่อนอย่างเธอคงคิดได้นะว่า พี่วิกจะยืนอยู่ข้างใคร"
ทอปัดประกาศเจตนารมณ์เสร็จก็เดินออกไปกับเจื้อย พร้อมปิดประตูดังปังใส่หน้าช่อลดา
ช่อลดายืนน้ำตาคลอ กัดฟันแน่น แสงฉายไปนั่งดื่มในผับ รอเพื่อนมาพบไปพลางๆ
แต่เพื่อนก็ยังไม่มาเสียที จนแสงฉายหงุดหงิด ปรัชญาที่ไปเที่ยวที่เดียวกันพอดี
เห็นแสงฉายก็เตะตา เข้าไปหมายทำความรู้จัก ""สวัสดีครับ มาคนเดียวหรือครับ
ขอผมนั่งด้วยคนได้มั้ย ผม ปรัชญา"
ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากประกาศนามสกุลที่เจ้าตัวคิดว่ายิ่งใหญ่คับฟ้า แต่ไม่ทันเพราะ
แสงฉายวีนแตกสวนกลับอย่างไม่ไว้หน้า "ไอไม่สนหรอกว่ายูเป็นใครมาจากไหน
ตอนนี้ไอไม่มีอารมณ์ ไว้วันไหนที่ไออารมณ์ดีกว่านี้ ค่อยคุยกัน get out!"
แสงฉายโบกมือไล่ปรัชญาอย่างไม่ใส่ใจราวกับกำลังโบกมือไล่หมาตัวหนึ่ง
ปรัชญาแค้นใจนัก ช่อลดาไปหาลักษณ์ที่พัก แล้วก็เกิดไม่สบายขึ้นมากะทันหัน
ลักษณ์เลยให้ช่อลดานอนพักที่นั่นก่อน พอเช้า กรวิกโทรหาช่อลดา บอกว่ารถมาจอดรอแล้ว
แต่ช่อลดาที่กำลังไม่สบายอยู่ บอกว่าเธอไม่ได้อยู่ที่ห้อง ทำให้กรวิกปรี๊ดแตกทันที
กดตัดสาย ไม่รอช่อลดาแล้ว สั่งคนขับรถไปกองถ่ายทันที ช่อลดาบอกลักษณ์อย่างหนักใจ
ว่ากรวิกคงเข้าใจเธอผิดอีกแล้ว ลักษณ์เลยบอกว่าเขาจะไปส่งช่อลดาที่กองถ่ายเอง
และอธิบายทุกอย่าง ช่อลดาหวั่นใจว่าเรื่องจะดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่
ในรถตู้ส่วนตัวของกรวิก กรวิกตีหน้าตายบอกช่อลดา ว่าไม่ต้องมาแก้ตัว
เขาไม่สนใจว่าจะป่วยจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่ต้องเอาเรื่องสังขารมาอ้างก็ได้
เพราะคนเป็นแฟนกัน นอนด้วยกันที่ไหนเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ช่อลดายืนยันว่าเธอกับลักษณ์ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้น แต่เธอมีเหตุผล
ยังไงเธอจะพยายามดูแลตัวเองไม่ให้ป่วยอีก กรวิกประชดว่าก็ดี
เพราะงานของเขาแต่ละวินาทีมีค่า
ไม่ต้องการเสียเวลามานั่งรอคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลาอย่างช่อลดาอีก
ช่อลดากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ อยากจะบอกชายหนุ่มใจจะขาดว่า เธอรู้ซึ้งแก่ใจดีว่า
เวลามีค่าขนาดไหน ภัทรเห็นลักษณ์ที่มานั่งรอช่อลดาอยู่ในกองถ่าย หน้าตาดี
แถมเป็นหมอ ก็ชงกาแฟเอาอกเอาใจ ระหว่างนั้นเมลานีเข้ามาพอดี เห็นลักษณ์ก็ตาโต
ก่อนจะเดินเข้าไปได้ยินภัทรกำลังชวนลักษณ์อยู่ดูเขาถ่ายทำละคร เมลานีสอดขึ้น
"เขาไม่ว่างหรอกค่ะพี่ภัทร อาชีพที่วิ่งไปวิ่งมาอยู่บนถนนแบบนี้
จะไปไหนมาไหนยิ่งต้องทำเวลา" ภัทรหัวเราะร่วน "นี่น้องเมนี่ขา
คุณลักษณ์เขาไม่ใช่.." ภัทรจะพูดคำว่าคนขับรถ แต่ลักษณ์สวนขึ้น "ครับ คุณพูดถูก
งานของผมต้องทำเวลา เพราะทุกนาทีมันเสี่ยงกับความเป็นความตาย
ผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับสำหรับกาแฟ" ลักษณ์ส่งถ้วยกาแฟคืนให้ภัทร
แล้วก้มศีรษะให้อย่างสุภาพก่อนจะเดินออกไป ภัทรเดินถือถ้วยกาแฟตะบึงตะบอนงอนเมลานี
ก่อนกลับเข้ากองถ่ายไป เมลานีมองตามลักษณ์ไปแล้วนึกอะไรขึ้นได้
ลักษณ์กำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ
เมลานีเดินตามหลังมาตะโกนเรียกลักษณ์โดยใช้สรรพนามว่านาย ลักษณ์ชะงัก
ก่อนแนะนำตัวว่าเขาชื่อลักษณ์ เมลานีไม่สนใจชื่อลักษณ์
แต่กดรีโมทเปิดประตูรถตัวเองซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆรถลักษณ์
หญิงสาวเปิดประตูแล้วหยิบเนกไทที่วางอยู่ด้านหลังขึ้นมาด้วยอาการที่บ่งว่ารังเกียจซะเหลือเกินแล้วโยนคืนให้ลักษณ์
"ฉันกลัวว่าวันดีคืนดีเกิดตำรวจมาเปิดรถฉันแล้วเห็นของของนาย
ฉันจะพลอยเจอข้อหามีของโจรไว้ในครอบครองไปด้วย ไม่รู้ไปขโมยใครมา" เมลานีเบ้หน้า
"ถ้างั้นก็ขอบคุณที่คุณไม่ทิ้งมันลงขยะก็แล้วกัน แต่.."
ลักษณ์หยิบเนกไทขึ้นมาดมแล้วพูดจริงจัง "ความจริงคุณน่าจะทิ้งไปก็ได้นะ
เพราะกลิ่นน้ำลายคุณ นี่ถ้าผมเอาไปซักแล้วกลิ่นยังติดอยู่ล่ะก็
ผมคงต้องตัดใจทิ้งไปเหมือนกัน" ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวอย่างสุภาพเช่นเคย
ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ เมลานีอยากจะกรี๊ดให้ดังลั่น
แต่ภาพพจน์นางเอกเบอร์๑ของเมืองไทยทำให้หญิงสาวกรี๊ดได้แต่พองาม 0000000000000
ภัทรคุยโทรศัพท์กับดวงแก้ว "จะเริ่มถ่ายอยู่แล้วค่ะพี่ดวง ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ
น้องเมนี่ก็แต่งหน้าเสร็จแล้ว เหลือทำผมอีกนิดหน่อย วิกเหรอคะ
ก็กว่าจะแต่งหน้าทำผมได้ก็ต้องรอให้แม่ผู้จัดการนั่นมาถึงซะก่อน ค่า
มาสายอีกแล้วสิคะ แต่ตอนนี้ปัญหาทุกอย่างจบลง ด้วยดีแล้วค่ะ ภัทรคุมกองซะอย่าง
พี่ดวงไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ค่า แล้วเจอกันค่า" ภัทรกดปิดโทรศัพท์หันมาเห็นช่อลดา
เลยหน้าเจื่อนเล็กน้อยที่นินทาให้เจ้าตัวได้ยินอีกแล้ว ภัทรถามว่ามีอะไร
เมลานีเหลือบมองช่อลดาแล้วหันกลับอย่างไม่สนใจ ช่อลดาเดินมาหาเมลานี
ยิ้มให้หญิงสาวด้วยความจริงใจ "ฉันชื่อช่อลดา คุณจะเรียกสั้นๆ ว่าเอยก็ได้นะคะ
ฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณกรวิกค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะคะคุณเมนี่"
เมลานีมองด้วยหางตา "ใครอยากรู้จักเธอ" ช่อลดาจุกเสียดเข้าไปในท้อง
แต่ก็ยังยิ้มสู้ยื่นคิวให้ กรวิกกับตาลเดินผ่านมา กรวิกหยุดฟัง ตาลก็เลยต้องหยุดตาม
"คิวถ่ายวันนี้ค่ะ ของคุณเมนี่มีแปดฉากเท่ากับคุณกรวิก" ช่อลดายิ้มสู้
เมลานีไม่มองหน้า "หน้าที่เธอเหรอถึงเอามาให้ฉัน" ภัทรเสริม
"นั่นมันหน้าที่ฉันนะย่ะ หล่อนไม่ต้องยุ่ง" ช่อลดาไม่ละความพยายาม
ผูกมิตรกับเมลานีต่อ แต่โดนทั้งเมลานีและภัทรทำมึนตึงใส่ กรวิกทนไม่ไหว
เดินเข้ามากลางวงแล้วพูดกับช่อลดาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง "คนบางคนนอกจากจะสะกดคำว่า
มีน้ำใจ ไม่เป็นแล้ว ยังเข้าใจว่าคนมีน้ำใจคือคนสาระแนอีกต่างหาก
ทีหน้าทีหลังถ้าจะมีน้ำใจกับใครก็หัดดูหน้าดูตาดูไปถึงสันดานเขาด้วย
จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง" พูดจบกรวิกก็ดึงแขนช่อลดาออกไป ตาลเตือน "พี่วิกคะ
กองถ่ายอยู่ทางนี้ค่ะ"
กรวิกหันกลับมาพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแต่น้ำเสียงเฉียบคมว่าให้รอไปก่อน
ตาลทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
ภัทรหน้าซีดเผือดรู้ว่ากรวิกโกรธตัวเองเมลานีกัดฟันแน่นที่ถูกกรวิกด่าซึ่งๆ หน้า
ในรถ ช่อลดาถูกผลักให้ลงนั่งที่เก้าอี้ กรวิกถามว่าทำไมต้องไปวุ่นวายกับพวกนั้น
ช่อลดางง "คนพวกนั้น คุณเมนี่น่ะเหรอคะ
เอยไม่ทราบนะคะว่าพี่วิกกับคุณเมนี่มีปัญหาอะไรกัน
แต่เอยเชื่อว่าความรักจะทำให้พี่วิกกับคุณเมนี่เข้าใจกันได้ในที่สุด
ที่เอยเข้าไปทำความรู้จักกับคุณเมนี่ก็เพราะคุณเมนี่คือคนรักของพี่วิก" "แล้วเป็นไง
เขาอยากรู้จักเธอมั้ยล่ะ" "ไม่สำคัญหรอกค่ะว่าเขาอยากรู้จักเอยมั้ย
ความสำคัญมันอยู่ตรงที่เขาเป็นคนที่พี่วิกรัก ผู้หญิงคนไหนที่พี่วิกรัก
เอยก็อยากรู้จักอยากจะรักด้วยค่ะ" กรวิกอึ้ง ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
วินาทีของการเอาคืนอย่างแท้จริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว แสงฉายมาพบลักษณ์
บอกอยากจะเปลี่ยนตัวเลขการหย่ามาอยู่ที่ 50 ล้านอีกแล้ว
ลักษณ์ถามอย่างแน่ใจว่าแสงฉายพร้อมและไม่เปลี่ยนใจในการหย่าแน่นะ
แสงฉายพยักหน้าอย่างมั่นใจ ลักษณ์หยิบสมุดเช็ดออกมาเซ็น แล้วยื่นให้หญิงสาว
"ผมจ่ายให้คุณครึ่งนึงก่อน สองวันนี้ผมมีเคสผ่าตัดใหญ่ หลังจากนั้น
เราค่อยไปหย่ากัน ผมจะจ่ายที่เหลือให้คุณหลังจากที่คุณเซ็นใบหย่าให้ผมเรียบร้อยแล้ว
" แสงฉายหยิบเช็คมาดูตัวเลขแล้วยิ้มอย่างพอใจแล้วเดินออกไป
ลักษณ์แสดงออกอย่างเด่นชัดว่าดีใจมากขนาดไหนกับอิสรภาพครั้งนี้ที่รอมานานแสนนาน
แสงฉายเดินจูบเช็คมาตามทาง ก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋าเมื่อมาถึงหน้าลิฟท์
ปรัชญาเดินสวนมา พอเห็นหญิงสาวก็จำได้
เดินเข้าไปทักด้วยแววตาที่เหมือนเสือจ้องตะครุบเหยื่อ
ก็เข้าไปทักว่าจำเขาได้ไหมที่เคยเจอที่ผับ แสงฉายจำได้ แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้
ปรัชญายักไหล่ คิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้กระแดะเล่นตัวเหลือเกิน จึงเดินผละมา
ระหว่างนั้น พยาบาลเดินมา
ปรัชญาเรียกไว้แล้วแกล้งถามเสียงดังเพื่อให้แสงฉายซึ่งยืนอยู่ข้างหลังได้ยิน
ว่าเห็นคุณพ่อเขาไหม แสงฉายได้ยินก็รู้ว่าปรัชญาคือลูกเจ้าของรพ.ก็หูผึ่ง
ตาวาวทันที รีบเรียกปรัชญาเอาไว้ แล้วบอกว่าเธอจำได้แล้ว ก่อนจะขอโทษที่เสียมารยาท
เพราะวันนั้นเธอกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ หญิงสาวยื่นมือไปเช็คแฮนด์กับชายหนุ่มแนะนำตัว
ทั้งคู่ยิ้ม ส่งสายตาท้าทายใส่กัน ไฟราคะสปาร์คทันที ถึงเวลาเข้าฉาก
กรวิกกับเมลานีกำลังพูดบทกัน กรวิกอินสุดขีด "เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกต่อไปแล้ว
ขอให้เรื่องระหว่างเรามันจบลงแค่นี้ ลาก่อน" เมลานีตะโกนตามหลังอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
"รินรักณัฐนะ ได้ยินมั้ย รินรักณัฐ" กรวิกชะงัก
แต่แทนที่จะเดินหลุดเฟรมไปเหมือนอย่างตอนซ้อม เขากลับมองเลยไปที่ช่อลดา
และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด ชายหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับเมลานี
คว้าตัวหญิงสาวเข้ามาสวมกอดแน่น ก่อนจะฝังจูบลงบนริมฝีปากนั้นอย่างดูดดื่ม
เมลานีตาเหลือกตกใจสุดๆ ผู้คนแต่ละกลุ่มช็อก แตกตื่น ที่กรวิกนอกบท ช่อลดาอึ้ง
รู้สึกปวดหนึบที่หัวใจขึ้นมาทันทีใจร้าว จบ 5
ใจร้าว 6
กรวิกยังจูบปากเมลานี และหญิงสาวยังตะลึงไม่หาย สักครู่แสงเฟ]ชก็สว่างวาบเข้าที่หน้าทั้งคู่
พี่ปุ๊ยหายอึ้ง ได้สติรีบสั่งคัท
ทุกคนหันไปมองที่มาของแสงแฟลชซึ่งยังคงสว่างวาบอยู่ตลอดเวลา
เจษฎาลดกล้องลงแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะตบมือด้วยลีลากวนส้นเท้าเช่นเคย
"ช่างเป็นฉากที่สมจริงสมจังอะไรอย่างนี้ เยี่ยมจริงๆ ขอบคุณนะครับ"
เจษฎายิ้มโค้งไปรอบวงให้ทุกคน ก่อนจะเดินยียวนออกไป พี่ปุ๊ยดิ่งเข้าไปหากรวิก
ถามว่าทำไมไม่เล่นตามบท กรวิกขอโทษบอกว่าเขาพยายามแล้ว แต่อารมณ์มันพาไป เมลานีโมโห
ถามว่าอารมณ์อะไร "ก็ อารมณ์ของผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งเต็มหัวใจ
ถ้าเรารักใครสักคนสุดหัวใจ เราจะไม่เดินไปจากชีวิตเขา ผมจะไม่เดินออกไปจากชีวิตคุณ"
กรวิกเน้นประโยคหลังเพื่อจงใจให้ช่อลดาได้ยิน ได้ผล ช่อลดารู้สึกเหมือนใจสลาย
เพราะรู้อยู่เต็มอกว่ากรวิกไม่ได้พูดแทนตัวละครที่ชื่อณัฐ แต่พูดแทนหัวใจของเขาเอง
เมลานีอึ้ง เพราะสายตาที่กรวิกมองมา ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่สบตากัน แป้น เป้ ใหญ่
ตาล หันมามองแล้วส่งสายตาเป็นคำถามใส่กันประมาณว่า
กรวิกพูดในฐานะตัวละครหรือในฐานะอะไรกันแน่ ดวงแก้วกับภัทรเดินมา
ทั้งคู่ชะงักเมื่อเจษฎาเดินมาดักหน้า
ถามว่าอยากจะได้ช็อตเด็ดของกรวิกกับเมลานีที่เขาถ่ายไว้ได้บ้างไหม
ดวงแก้วบอกว่าละครของเธอเอง ทำไมจะไม่อยากได้ เจษฎาขอแลกกับเงินสามหมื่น
แต่ภัทร์ขอต่อเหลือ 5 พัน เจษฎาบอกให้ดวงแก้วคิดดูอีกที
ถ้าภาพชุดนี้ไปโผล่ที่นิตยสารเล่มอื่น แทนที่จะเป็นปกนิตยสารของดวงแก้วแค่เล่มเดียว
ละครของบริษัทตัวเองแท้ๆ ดวงแก้วและเจษฎาต่างก็ส่งยิ้มให้กัน
เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจ
ซึ่งอยากจะเดาว่าใครจะเป็นฝ่ายยอมใคร กรวิกมองช่อลดานั่งจัดบทให้อย่างเงียบเชียบ
สักครู่เมลานีเดินเข้ามาขอคุยส่วนตัวกับกรวิก ช่อลดาจะออกไป แต่กรวิกห้ามไว้
บอกว่าเขาไม่มีความลับกับผู้จัดการส่วนตัว ช่อลดาจำต้องนั่งลงตามเดิมอย่างอึดอัด
เมลานีถามอย่างอัดอั้นตันใจ "ฉากเมื่อกี้ คุณทำอย่างนั้นทำไม คุณคิดอะไร
ต้องการอะไร" "ถามหลายคำถามจัง ผมทำอย่างนั้นเพราะว่าผมชอบคุณ คิดอยู่ในใจ
ว่าคุณจะชอบผมบ้างมั้ย ส่วนที่ถามว่าต้องการอะไร ก็ต้องการให้คุณรู้ ว่าผมชอบคุณไง
" ช่อลดาหน้าร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกร้าวรานใจ เมลานีหน้าร้อนผ่าวเช่นกัน
แต่ด้วยความรู้สึกตะลึงที่จู่ๆ ชายหนุ่มมาเปิดปากสารภาพความในใจซึ่งๆหน้า
"อย่าล้อเล่นได้มั้ย ฉันไม่สนุกด้วยนะ" เมลานีสับสน
"ก็เพราะคุณคิดแต่ว่าผมล้อเล่นอย่างนี้ไง ผมถึงต้องแสดงออกให้คุณรู้ว่า
ผมชอบคุณจริงๆ" "คุณน่ะเหรอชอบฉัน ตั้งแต่เมื่อไหร่" "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
มารู้ตัวอีกทีก็ชอบคุณเข้าให้แล้ว แต่ผมไม่รู้จะแสดงออกด้วยวิธีไหนดี
ใช้วิธีต่อปากต่อคำพูดจาขวานผ่าซากใส่ คุณก็ไม่ชอบ วันนี้เลือกที่จะบอกรักคุณในฉาก
คุณก็ไม่เชื่ออีก" "ก็จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง
ในเมื่อฉันไม่เคยรู้สึกเลยสักนิดว่าคุณชอบฉัน" "แต่ใครๆในกอง
รวมทั้งคนในบริษัทเขาก็รู้กันหมดว่าผมชอบคุณ มีแต่คุณคนเดียวที่ไม่รู้
ไม่งั้นเขาจะเชียร์ให้เราสองคนรักกันหรือครับ" กรวิกพูดซะจนเมลานีต้องอึ้งฟัง
และหมดคำถามที่จะไล่บี้จับผิดชายหนุ่มอีก
ช่อลดารู้สึกอยากจะเกิดเป็นมดเป็นแมลงจะได้ไม่ต้องเจ็บเหมือนกับที่ต้องเจ็บอยู่ในตอนนี้
กรวิกเหลือบมองช่อลดาแล้วยิ้มพอใจในผลงานของตัวเอง
ช่อลดานั่งเซ็งอยู่หน้ารถมอเตอร์โฮม สักครู่เจษฎาเดินเข้ามาด้อมๆมองๆ
ถามว่ากรวิกอยู่ในรถหรือเปล่า ช่อลดาบอกว่ากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
เจษฎาพินิจมองช่อลดาแล้วจำได้ว่าคือแฟนคลับที่กรวิกพาไปส่งรพ.
เลยถามว่ามาดักขอลายเซ็นหรืออะไร ช่อลดาบอกว่าเธอมาทำงาน
กรวิกเปิดประตูออกมาได้ยินพอดี เลยถามว่ามีอะไรกับผู้จัดการส่วนตัวของเขา
เจษฎาบอกว่ามีอะไรจะคุยกับกรวิกหน่อย กรวิกบอกว่าไม่ว่าง ระหว่างนั้น
ลักษณ์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าแช่มชื่น ทักทายกรวิก แล้วถามช่อลดาว่าเลิกงานหรือยัง
ช่อลดาหันไปลากรวิกและเจษฎากลับบ้านก่อน ช่อลดาเดินออกไปกับลักษณ์
เจษฎาแอบเห็นปฏิกิริยาและสายตาของกรวิกที่มองตามทั้งคู่ไป
กรวิกจะเดินตามทั้งคู่ไปที่ลานจอดรถ "ซีนเมื่อกี้ใครๆ
อาจจะชื่นชมว่านายแสดงได้สวีทสมจริงสุดๆ แต่ฉันดูออกว่านายเฟคสุดๆ ต่างหาก
ตานายมันฟ้อง มันไม่มีแววอาลัยอาวรณ์
สู้ตอนที่นายมองผู้จัดการส่วนตัวเดินเคลียคลอออกไปกับแฟนไม่ได้
นั่นน่ะดูอาลัยอาวรณ์สมจริงกว่ากันเยอะ" กรวิกโดนจี้ใจดำขยับจะเข้าไปชกปากเจษฎา
แต่แล้วก็ชะงัก คิดได้ว่าไม่ควรทำอะไรเข้าทางคนแบบนั้น กรวิกเดินออกไป
เจษฎายิ้มที่มุมปาก กรวิกกับกับช่อลดาต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังกันอย่างแน่นอน
ที่ร้านอาหาร ลักษณ์หยิบกล่องกำมะหยี่แพคเก็จหรูขึ้นมา
แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ของช่อลดาดังขึ้น
หญิงสาวหันมารับโทรศัพท์เลยไม่ทันเห็นของที่อยู่ในมือลักษณ์
ชายหนุ่มจำต้องซ่อนมันไว้ในมือ ช่อลดากรอกคำถามใส่โทรศัพท์ถามกรวิกว่ามีอะไร
แต่เสียงโทรศัพท์ถูกตัดสายไปอีก ช่อลดาพยายามโทรกลับไปหากรวิกแต่ก็ไม่ติดอีกเช่นเคย
ช่อลดาหันมาหาลักษณ์ "ขอโทษนะคะพี่ลักษณ์ ของอะไรคะ" ลักษณ์เปิดกล่องกำมะหยี่
เผยให้เห็นแหวนเพชรน้ำงามที่อยู่ในนั้น "แสงฉายตกลงจะหย่าให้พี่
อีกไม่กี่วันพี่ก็จะเป็นอิสระแล้วเอย พี่ขอหมั้นเอยไว้ก่อนนะ" ช่อลดาอึ้ง
ชายหนุ่มหยิบแหวนออกมาจากกล่อง เตรียมจะสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายให้หญิงสาว
โทรศัพท์ดังขึ้นอีก ช่อลดาใช้มือซ้ายเอื้อมไปหยิบแล้วกดรับ
แต่เสียงกรวิกขาดหายไปอีกครั้ง ช่อลดาวางโทรศัพท์ลงที่เดิม
แล้วหันมามองแหวนในมือลักษณ์ ออกปากชมว่าสวย ลักษณ์ตื่นเต้น "พี่รอวันนี้มานานแล้ว
นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตที่พี่อยากจะทำ แหวนวงนี้คือหัวใจของพี่
พี่ฝากเอยให้ดูแลมันด้วยนะครับ" ชายหนุ่มบรรจงสวมแหวนให้หญิงสาว
ช่อลดาบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ลักษณ์จับมือช่อลดาเบาๆ อย่างทะนุถนอม
"เวลาหนึ่งปีอาจจะทำให้เอยเปลี่ยนใจ ถึงเวลานั้น พี่จะไม่ฝืนใจ
ถ้าเอยไม่อยากสวมมันเมื่อไหร่ก็ถอดออกได้ทันที" ช่อลดาบีบมือลักษณ์แน่น
และมองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจสุดๆ ก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้นอีก
"ขอโทษนะคะพี่ลักษณ์" ช่อลดารีบรับโทรศัพท์ "ฮัลโหล ฮัลโหล พี่วิก"
กรวิกยืนดูทั้งคู่อยู่หลังเสาในระยะไกล ยิ้มกระหยิ่มขณะกดปิดโทรศัพท์ในมือ
ดีใจที่ได้ป่วนทั้งคู่ ลักษณ์พาช่อลดาเดินออกมาจากร้าน
สวนกับปราชญ์และปรัชญาที่กำลังจะเดินเข้าร้านพอดี ทั้งหมดเลยทักทายกัน
ลักษณ์แนะนำให้ปราชและปรัชญาได้รู้จักกับช่อลดา ในฐานะคู่หมั้น
ปราชญ์มองช่อลดาอย่างเต็มตาอีกครั้ง ก่อนจะชื่นชม "หน้าตาน่าเอ็นดู กริยาก็นอบน้อม
คุณหมอโชคดีมากนะครับ" ลักษณ์ยิ้มภูมิใจสุดๆ
ปรัชญาหมั่นไส้ลักษณ์และนึกรำคาญพ่อในใจที่ชมผู้หญิงจืดชืดอย่างช่อลดาซะหรูเลิศเกินจริง000000000000000000
ช่อลดาเปิดประตูห้องเข้ามา เจอกรวิกทักทาย อยู่ที่โซฟา "เป็นไง ดินเนอร์
โรแมนติคสวีทหวานมากมั้ย" "พี่วิกมีธุระด่วนหรือคะ เห็นโทรหาเอยตั้งหลายครั้ง
เอยพยายามโทรกลับ แต่ก็ไม่ติด มันเหมือนไม่มีสัญญาณน่ะค่ะ" "ฉันถึงต้องถ่อมานี่ไง"
ช่อลดากระวีกระวาดลงนั่งตรงข้ามกรวิก หยิบสมุดบันทึกกับปากกาออกมา
ถามว่าจะให้เธอทำอะไร กรวิกบอกว่านวด ช่อลดาอึ้ง แต่ก็เดินไปหากรวิก
เลี่ยงไม่สบตาชายหนุ่มโดยการเดินอ้อมหลังไปนวดที่ไหล่ กรวิกพล่าม "นวดหนักๆ
หน่อยได้มั้ย ไปอยู่อเมริกามา 8 ปี ไอ้หมอนั่นคงเลี้ยงดูดี ไม่ให้หยิบจับอะไรสิท่า
มือถึงได้เบาหวิวนุ่มนิ่มเป็นนุ่นแบบนี้" ช่อลดาไม่ต่อปากต่อคำ
กรวิกอยากรู้ว่าหญิงสาวจะทำหน้ายังไงเมื่อเขาพูดถึงเมลานี
จึงแกล้งเรียกมาประจันหน้า "ตรงไหล่พอแล้ว ไม่ได้เรื่องเลย มานวดที่แขนนี่"
ช่อลดาจำต้องเดินมานั่งข้างชายหนุ่มเพื่อนวดแขนให้
"วันไหนที่คุณเมนี่ไม่ค่อยมีคิวถ่าย เธอก็ไปหัดนวดกับคุณเมนี่เขาซะ
เขาเคยนวดให้ฉันในฉาก น้ำหนักมือดีมาก กดได้ถูกจุดเป๊ะๆ ไม่ใช่กดโดนแต่กระดูก"
กรวิกพูดยังไม่ทันจบก็ชะงัก
เพราะตาเหลือบไปเห็นแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้ายของช่อลดา "แหวนหมั้นเหรอ
ทำไมเพิ่งเอามาใส่" "เอยเพิ่งได้มาเมื่อกี้นี้ค่ะ พี่ลักษณ์ให้มา"
กรวิกลุกขึ้นทันที ความริษยาพวยพุ่ง "พอๆ ไม่ต้องนวดแล้ว
ฝีมือห่วยแตก!!!เทียบเมนี่ไม่ได้สักเรื่อง" ชายหนุ่มเดินฉุนออกไป
ช่อลดารู้สึกเซ็งตัวเองที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจกรวิก สู้เมลานีไม่ได้จริงๆ
ทอปัดเลื่อนพาดหัวข่าวหน้า 1 เข้าเฟรมให้กรวิกดูในขณะที่ชายหนุ่มนั่งจิบกาแฟ
ถามว่าใครเป็นคนถ่ายภาพนี้ รู้ตัวหรือยัง ต้องเล่นงานให้ถึงที่สุดเลยนะ
ถามว่าจะเรียกเงินเท่าไหร่ กรวิกบอกไม่เรียก
เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เขาอยากให้สังคมรับรู้ ทอปัดเหวอ
อยากจะกรี๊ดก็กรี๊ดไม่ออก หนังสือพิมพ์และนิตยสาร 6 ฉบับ
ซึ่งลงรูปกรวิกจูบปากเมลานีในขนาดภาพต่างๆ ถูกทุ่มลงอย่างแรงตรงหน้าเจษฎา
"เธอกล้าหักหลังฉันเหรอนายเจษ" ดวงแก้วโกรธจัด "ผมไม่ได้หักหลัง" เจษฎาตีหน้าตาย
ภัทรไม่เชื่อ "ถ้าไม่หักหลังแล้วไอ้รูปพวกนี้มันไปอยู่บนปกหนังสือพิมพ์แถมนิตยสาร
เล่มอื่นได้ยังไงตั้งห้าหกเล่ม" "ก็ผมบอกว่าผมต้องการสามหมื่น
แต่พี่ดวงจ่ายแค่ห้าพัน ผมก็ต้องไปหาจากที่อื่นให้มันครบจำนวนตามที่ผมต้องการ
แล้วมันผิดตรงไหนไม่ทราบ" ภัทรเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟัน
โกรธที่โดนนักข่าวอย่างเจษฎาดัดหลัง เจษฎาส่งยิ้มให้ดวงแก้ว ไม่สะทกสะท้าน
ดวงแก้วมองเจษฎานิ่ง
ไม่แสดงอารมณ์บนใบหน้าแต่นัยน์ตามีประกายของความสนใจในอะไรบางอย่าง
เมลานียังไม่กล้าไปกองถ่าย เลยอ้างว่าปวดหัว ไม่สบาย ไปทำงานไม่ไหว กรวิกที่รู้ข่าว
ก็ฉุดช่อลดาให้มาที่บ้านเมลานีด้วยกัน เมลานีตกใจไม่คิดว่ากรวิกจะบุกมาถึงบ้าน
กรวิกบอกว่าเขาเป็นห่วงเมลานี จะมาอยู่เป็นเพื่อน เมลานีตกใจ
บอกว่าถ้างั้นเธอจะไปทำงาน เมลานีลุกขึ้น กรวิกเข้าไปประคอง ให้เดินดีๆ
เมลานีจำต้องเดินออกไปพร้อมกรวิกซึ่งประคองหญิงสาวเดินผ่านช่อลดา
โดยไม่เหลือบตามองสักนิด โสภิตาแม่ของเมลานีมองตามทั้งคู่ แล้วยิ้มหน้าบ๊านบาน
ช่อลดา รู้สึกตัวเองต่ำต้อยด้อยค่ายิ่งกว่าก้อนอิฐก้อนดินที่คนเดินเหยียบย่ำไปมา
ทันทีที่เมลานีก้าวลงมาจากรถ เข้ากองถ่าย
นักข่าวก็กรูเข้าไปยื่นไมค์จ่อทั้งคู่แล้วยิงคำถามใส่เป็นชุดเรื่องความสัมพันธ์กับกรวิก
นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น "ได้ข่าวว่าวันนี้คุณเมนี่ไม่สบาย
แล้วทำไมมากองถ่ายพร้อมคุณวิก หรือว่าเมื่อคืนอยู่ด้วยกัน"
เมลานีตั้งตัวไม่ติดกับคำถามของทุกคนและไม่พอใจกับคำถามของนักข่าวคนนี้
กรวิกออกรับและตอบคำถามแทนหญิงสาวแบบติดตลก "อยากอยู่เหมือนกันครับ
แต่คุณเมนี่ไม่อนุญาตแล้วผมก็กลัวเธอซะด้วย" นักข่าวพากันหัวเราะ
เพราะกรวิกเพิ่งให้สัมภาษณ์แบบติดตลกเป็นครั้งแรก
"แล้วที่เห็นมาด้วยกันก็เพราะผมไปรับเธอที่บ้าน คุณเมนี่ไม่สบายขับรถไม่ไหว"
กรวิกเหลือบเห็นช่อลดาลงมาจากรถ เลยดึงช่อลดาเข้ามา "อะอ้า
คิดว่าผมแก้ตัวใช่มั้ยครับ นี่ไงครับผู้จัดการส่วนตัวที่ผมหนีบติดตัวไปไหนมาไหนตลอด
เมนี่เขาเรียก ยันต์กันผี เพราะช่วยกันผีอย่างผมไม่ให้เข้าใกล้เธอเกิน 1 ฟุต ลองถาม
ดูสิครับว่าผมพูดจริงมั้ย เห็นนิ่งๆ อย่างนี้พูดได้นะครับ"
ทุกสายตารวมทั้งเมลานีหันมามองช่อลดา ช่อลดารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก
เป็นส่วนเกิน เป็นยันต์กันผี เป็นไม้กันหมาในสายตาของทุกคน โดยเฉพาะกรวิก
หญิงสาวน้อยใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ กรวิกชำเลืองมองช่อลดา พอใจในผลงานของตัวเอง
เจษฎายืนมองเหตุการณ์อยู่มุมหนึ่ง เขาไม่ได้สนใจกรวิกกับเมลานีเหมือนนักข่าวคนอื่นๆ
แต่กลับสนใจปฏิกิริยาระหว่างกรวิกกับช่อลดามากกว่า ที่สปาของรพ.ปรัชญา
ปรัชญานั่งดื่มเครื่องดื่มสมุนไพร ในขณะที่แสงฉายเดินออกมาจากสปา
ทั้งคู่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ ปรัชญากวาดสายตาสำรวจเรือนร่างแสงฉายอย่างลามเลีย
ในขณะที่หญิงสาวก็ไม่ยอมแพ้ สยายผมแล้วบิดซ้าย แบะขวาอ่อยฝ่ายชายสุดฤทธิ์
แสงฉายบอกว่าสปาที่นิวยอร์ค ยังสบายสู้รพ.ของปรัชญาไม่ได้ ปรัชญาถามขึ้น
ว่าแสงฉายอยู่ที่อเมริกา น่าจะเคยได้ยินหมอลักษณ์คนดังที่อยู่นิวยอร์ก
ตอนนี้ย้ายมาประจำที่รพ.ของเขาหนึ่งปีพร้อมกับคู่หมั้น เท่านั้น แสงฉายก็หูผึ่ง
รู้สึกเหมือนใครเอาน้ำกรดมาราดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
มันไม่เจ็บแต่แสบไปทั่วสรรพางค์ปางตาย
นักข่าวจดจ้องการเข้าฉากระหว่างกรวิกกับเมลานี
เป็นฉากที่กรวิกจะต้องบรรจงสวมแหวนให้เมลานี แต่กรวิกยึกยัก
บอกว่าแหวนที่เข้าฉากดูไม่เหมาะกับตัวละคร
เพราะเขารู้สึกว่าแหวนยังไม่ดีมีค่าพอสำหรับตัวละคร ปุ๊ยจะให้พร็อบไปยืนแหวนวงใหม่
หรือไม่ก็ยกกองไปก่อน ภัทรตาเหลือกว่ายกกองไม่ได้ เพราะเรียกนักข่าวมาวันนี้
ก็เพราะซีนสวมแหวนนี้เท่านั้น ขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดเครียด
ว่าจะเอาแหวนที่ไหนมาเข้าฉากดี กรวิกก็เสนอ
"วงที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของผู้จัดการส่วนตัวผมไง พี่ภัทรไปขอยืมเขาสิ
แต่ไม่รู้เขาจะให้ยืมรึเปล่านะ แหวนหมั้น ใครจะถอดออกจากนิ้วได้ง่ายๆ"
ภัทรทำหน้าเหมือนอยากตาย "พี่เนี่ยนะ" กรวิกหันไปมองช่อลดา
ทำให้ทุกคนหันไปมองหญิงสาวเป็นตาเดียวไปโดยปริยาย ช่อลดาตกเป็นจำเลยของทุกสายตา
กรวิกโยนภาระการตัดสินใจอันหนักอึ้งให้เธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัวใจร้าว จบตอน 6
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
โบตั๋นกลีบสุดท้าย ใจร้าว สะใภ้ลูกทุ่ง ดินเนื้อทอง
ดาวจรัสฟ้า คิมชูซอน เมนูรักเชฟมือใหม่ สู่แสงตะวัน คู่ป่วนอลวน ศิลามณี
เพราะรักนี้มิอาจลืม (Alone in Love) หีบหลอนซ่อนวิญญาณ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า
Readlakorn
2 comments:
หนุกจังค่ะ
รออ่านตอนต่อๆไปอยู่อย่างใจจดใจจ่อค่ะ *v*
Post a Comment