ใจร้าว 1
บรรยากาศงานแจกรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย เวลาค่ำ
กับบรรยากาศการเตรียมงานถ่ายทอดสด กำลังคึกคักไปด้วยเหล่าผู้กำกับ ดารานักแสดง
แขกผู้มีเกียรติ ผู้สื่อข่าวทุกสถานีเตรียมพร้อมอยู่ที่กล้อง
นักข่าวสายบันเทิงของสำนักต่างๆทั้งในและต่างประเทศใจจดจ่ออยู่ที่เลนส์กล้องซึ่งอยู่ในมือ
ผู้รายงานข่าวช่องต่างๆเช็คสคริปท์ในมือ และทดสอบการรายงานสดหน้ากล้อง
ดาราดังทั้งในและต่างประเทศ เริ่มทยอยเดินมาตามพรมแดง
นักข่าวสำนักต่างๆพากันคว้าไมค์แย่งกันสัมภาษณ์ซุปเปอร์สตาร์ของเอเชียจ้าละหวั่น
นีน่าถือไมค์ติดโลโก้ช่อง 3รายงานผ่านการถ่ายทอดสด "สวัสดีค่ะท่านผู้ชม
และแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราชาวไทยจะได้ลุ้นกันแล้วนะคะว่า
ผลงานจากประเทศใดจะได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดของเอเชีย
ในงานประกวดภาพยนตร์แห่งเอเชียครั้งที่๔๕ ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทย
ซึ่งครั้งนี้เป็นที่จับตามองของสื่อมวลชนในประเทศมากกว่าทุกครั้ง
เพราะซุปเปอร์สตาร์เบอร์๑ของเมืองไทย
ได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย
ซึ่งพวกเราทุกคนต่างก็ส่งใจลุ้นเชียร์ แต่ที่ต้องลุ้นมากไปกว่านั้นก็คือ กรวิก
ซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจชาวไทยซึ่งไม่เคยปรากฎตัวในงานแจกรางวัลใดใดมาก่อน
จะมาร่วมในงานสำคัญครั้งนี้หรือไม่ ช่อง๓จะเกาะติดสถานการณ์
และหากซุปเปอร์สตาร์ของเราก้าวเข้ามาเหยียบบนพรมแดงนี้เมื่อไหร่
คุณผู้ชมจะไม่พลาดวินาทีสำคัญนั้นแน่นอนค่ะ" หน้าลิฟท์โชว์ชั้นที่๑๘
ทิลล์ลงที่บานประตูลิฟท์ เห็นประตูลิฟท์เปิดผัวะ ภัทร เดินนำสไตลิสท์ซึ่งหอบสูท
เสื้อ กางเกง เน็กไท และกล่องรองเท้าเต็มล้นสองมือออกมาจากลิฟท์
ทั้งหมดเดินมาตามทางเดินด้วยอาการกระหืดกระหอบ ตุ่นถามภัทรด้วยอาการเหนื่อยหอบ
"พวกเราวิ่งขึ้นวิ่งลงลิฟท์จนจะยี่สิบเที่ยวแล้วนะคะพี่ภัทร
ถ้าคราวนี้เสื้อผ้าไม่ถูกใจคุณวิกอีกล่ะคะ" ภัทรเหงื่อผุดเต็มหน้า
หันมาพูดเสียงเข้ม "ก็ต้องมีเที่ยวที่ยี่สิบเอ็ด" ตุ่นกับเต้ยร้องลั่นหน้าเหวอ
ทั้งหมดเดินมาถึงหน้าห้อง ชนม์กับไมค์ เดินเข้ามาดักหน้าทุกคนที่ประตู
ภัทรอารมณ์เสียว่าจะมาตรวจคุมเข้มอะไรกันตอนนี้
ชนม์กับไมค์เปิดประตูและหลีกทางให้ภัทรและทีมงานแต่โดยดี
ภัทรเดินนำตุ่นกับเต้ยเข้าห้องไปหน้าเริ่ด เมลานีลืมตามองตัวเองที่กระจก
แล้วหันซ้ายขวาดูเหลี่ยมหน้าตัวเองในกระจกอย่างพอใจ ดวงแก้ว
เดินเข้าที่กระจกยิ้มหวาน "เพอร์เฟค คืนนี้น้องเมนี่ของพี่สวยเพอร์เฟคจริงๆ
อย่างนี้ต้องระวังหน่อยนะ" "ระวังอะไรคะพี่ดวง" เมลานีฉงน
"ก็ระวังนางเอกจากประเทศอื่นจะหมองเอาน่ะสิ" เมลานียิ้มแล้วนึกขึ้นได้
"นี่พี่ภัทรเป็นยังไงบ้างคะ" "ยังยุ่งหัวปั่นอยู่เลย ไม่รู้จะลากวิกมาสำเร็จรึเปล่า
เฮ้อ พี่ล่ะกลัวใจจริงจริ๊ง" เมลานีคิดไปถึงกรวิกแว้บนึง แล้วยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
ที่ช่องทางออกผู้โดยสารขาเข้า สนามบิน ช่อลดา และ ลักษณ์
เดินลากกระเป๋าเดินทางนั้นเคียงคู่กันออกมา
ช่อลดาสะดุดกึกกับภาพโฆษณาสายการบินไทยขนาดใหญ่มหึมาซึ่งอยู่ตรงหน้า
เพราะแทนที่จะเป็นภาพแอร์โฮสเตรสยกมือไหว้ยิ้มหวานหยดเป็นพรีเซนเตอร์
กลับเป็นภาพซุปเปอร์สตาร์ที่ชื่อกรวิกส่งยิ้มน้อยๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ลึกลับแทน
ลักษณ์หันมาเห็นก็สงสัย ช่อลดาอึกอัก บอกว่าแค่แปลกใจ
เพราะไม่เคยเห็นสายการบินไหนใช้ผู้ชายเป็นพรีเซนเตอร์ ลักษณ์ยิ้ม
"การตลาดเขาตีโจทย์แตกนะครับ ใช้ซุปเปอร์สตาร์ระดับเอเชียเป็นจุดขายอย่างนี้
คงเรียกลูกค้าสาวๆมาใช้บริการเพิ่มขึ้นอีกเยอะ ไปครับ"
ช่อลดายิ้มตอบก่อนจะเดินตามลักษณ์ออกไป
โดยยังหันกลับมามองภาพโฆษณานั้นด้วยสีหน้าและแววตาประหลาดล้ำจนลับตา
ลักษณ์เดินออกจากห้องพักมายังห้องข้างๆ ทำท่าจะยกมือเคาะประตู
แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเป็นเดินแกร่วรอที่หน้าห้อง สักครู่
ช่อลดาในชุดเดรสสั้นเรียบแต่โก้เดินออกมาจากห้อง ลักษณ์หันมาเห็นแล้วตะลึง ออกปากชม
"สวยจังเลยครับ" "ขอบคุณค่ะ"
ช่อลดาหลบสายตาที่จ้องมองมาอย่างตะลึงนั้นด้วยการเลี่ยงเดินออกมาตามทางเดิน
"ตกลงเอยจะไปทำธุระที่ไหน เดี๋ยวพี่จะให้รถโรงแรมไปส่งจะได้รอรับกลับเลย
ดีมั้ยครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ เอยไปแท็กซี่สะดวกกว่า"
"นี่ถ้าไม่ติดว่าพวกที่จัดสัมมนาเขานัดเอาโปรแกรมงานเข้ามาคุยล่ะก็
พี่คงไปเป็นเพื่อนเอยแล้ว เลื่อนไปเป็นพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอครับ" "ไม่ได้ค่ะ
มันเป็นเรื่อง สำคัญมาก" "แต่พี่เป็นห่วง" "โธ่ พี่ลักษณ์
เอยอยู่กรุงเทพมานานกว่าพี่ลักษณ์ซะอีกนะคะ รับรองเอยจะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด
ไม่เดินหลงไปไหนหรอกค่ะ" "ก็ได้ งั้นพี่จะรอเอยอยู่ที่นี่นะ" "ค่ะ
เอยจัดการธุระเสร็จเมื่อไหร่ เอยจะกลับมาหาพี่ลักษณ์ทันที
มันไม่น่าจะใช้เวลานานหรอกค่ะ"
หญิงสาวผละออกมาด้วยใบหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและไม่แน่ใจในอะไรบางอย่าง
บรรยากาศในงานประกาศผลรางวัล เดินทางมาถึงนาทีระทึกใจ
เมื่อพิธีกรประกาศรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย นั่นก็คือกรวิก
แฟนคลับกรี๊ดสนั่น
กรวิกยืนขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องของบรรดานักแสดงที่นั่งอยู่ในฮอลล์
เจษฎามองภาพนั้นด้วยความหมั่นไส้ กรวิกเดินถือรางวัล
พูดความรู้สึกผ่านไมค์พูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
หากแต่แววตาวาววับนั้นเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่แฝงนัยอะไรบางอย่าง
"ผมรอวันนี้มานานกว่า 8 ปี ผมรู้ว่ามันต้องมีวันนี้
วันที่ผมจะได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิตการเป็นนักแสดง
วันที่การรอคอยของผมสิ้นสุดลง ขอบคุณครับ" เสียงปรบมือดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง
กรวิกยิ้มให้ทุกคนในฮอลล์
แต่แววตาคมนั้นกลับเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวต่างจากรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างสิ้นเชิง
ภายหลังเสร็จสิ้นงาน ดวงแก้วและภัทรจัดแจงให้กรวิกได้สัมภาษณ์พร้อมกับเมลานี
เพื่อเป็นรักโปรโมต กับละครเรื่องใหม่
นักข่าวยิงคำถามถึงเรื่องทั้งคู่จะมีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ได้หรือไม่
เมลานีบอกว่าเป็นเรื่องของอนาคต ตอบไม่ได้ตอนนี้ แต่กรวิกกลับหักหน้าเมลานี
บอกทุกคนว่าไม่มีทางเป็นไปได้ นอกจากเพื่อนร่วมงาน
เมลานีหน้าชาที่โดนกรวิกตอกกลับอย่างไม่ใยดี
หญิงสาวแสร้งหันไปยิ้มกับฝูงชนก่อนจะปลีกตัวออกมา
เมลานีเดินจ้ำมาตามทางอย่างหงุดหงิด ภัทรรีบจ้ำตามมา
บอกว่าให้เมลานีรีบกลับไปถ่ายรูปคู่กับกรวิกก่อน เมลานีหัวเสียว่าเธอไม่กลับ
เพราะกรวิกหักหน้าเธอขนาดนั้น ภัทรปลอย "แหม วิกก็เป็นอย่างนี้แหละ
กลั้นใจทนหน่อยเถอะค่ะ ไป กลับไปให้ นักข่าวถ่ายรูปก่อน
จะได้มีรูปคู่พาดข่าวหน้า1พรุ่งนี้" "พี่ภัทรอยากเป็นข่าวก็ไปถ่ายเองสิคะ
เมนี่ไม่สนซุปเปอร์สตาร์ที่ไม่ให้เกียรติคนอื่นอย่างนั้นหรอกค่ะ"
พูดจบเมลานีก็ก้าวฉับออกไปทันที
จบภัทรเดินหงุดหงิดขัดใจไปอีกทาง00000000000000000000000
นักข่าวยังคงยิงคำถามรุกใส่กรวิกต่อ ว่าถ้ากับเมลานีไม่มีอะไร
แล้วกับดาราหญิงคนอื่นล่ะ กรวิกบอกว่าเขาไม่ชอบคนวงการเดียวกัน
เจษฎาโผล่กลางวงนักข่าวแล้วซัดกรวิกด้วยคำถามที่ทำให้ทุกคนอึ้ง
"แต่ชอบคนเพศเดียวกัน รึเปล่าครับ" กรวิกชักสีหน้าไม่พอใจ "ทำไม
คุณมองตาผมแล้วคุณรู้เลยเหรอว่าผมเป็นพวกเดียวกับคุณ ผมชอบผู้หญิง
ถ้าเปลี่ยนใจไปชอบผู้ชายด้วยกันเมื่อไหร่ ผมจะบอกคุณเป็นคนแรก" เจษฎาหน้าม้าน
หวังจะให้คำถามของตัวเองเป็นที่ฮือฮาแต่กลับหน้าแตกซะเอง นักข่าวถามต่อ
"ถ้าอย่างนั้น มีสเปกในใจมั้ยคะ ผู้หญิงที่พี่วิกรักต้องเป็นยังไง"
กรวิกนิ่งไปชั่วอึดใจ "ผมไม่มีสเปก รู้แต่ว่าถ้ารักใครแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ"
นักข่าวอีกคนฮือฮา "พูดอย่างนี้แสดงว่ามีใครในใจแล้ว
ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นเป็นใครบอกได้มั้ยครับ"
กรวิกลดตาลงข่มความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ข้างใน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
แล้วดวงตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวนั้นก็เปล่งประกายวาวขึ้นมาทันใด
เมื่อเขามองผ่านเหล่าบรรดานักข่าวไปยังพรมแดงเบื้องหน้า เห็นช่อลดาเดินมาตามพรมแดง
ทั้งคู่มองกันด้วยแววตาละห้อยราวกับโหยหาวินาทีนี้มานานแสนนาน ที่บ้านสวนกรวิก
ขณะนั้นกรวิกอายุ 20 ปี ช่อลดา 18 ปี ช่อลดากำลังทายาให้กรวิก
ที่นอนร้องโอดโอยอยู่บนตักของหญิงสาว
ช่อลดาบ่นว่าเมื่อไหร่กรวิกจะเลิกเป็นสตันท์แมนเสียที
เธอไม่อยากเห็นกรวิกต้องเจ็บตัวอีก
กรวิกพูดเล่นๆว่ากว่าจะได้เป็นพระเอกก็ต้องเจ็บตัวอย่างนี้ล่ะ
ช่อลดาหัวเราะว่าอย่างกรวิกน่ะหรือจะเป็นพระเอก กรวิกผุดขึ้นนั่ง "ไม่เชื่อใช่มั้ย
ถ้าวันไหนพี่วิกเป็นซุปเปอร์สตาร์ขึ้นมาเมื่อไหร่ แล้วน้องเอยจะว่ายังไง"
"เอยจะว่ายังไง นอกจากจะแสดงความยินดีกับพี่วิก"
"แล้วถ้าตอนนั้นเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน" ช่อลดานิ่วหน้า
"พี่วิกน่ะชอบพูดอย่างนี้อยู่เรื่อย ทำไมเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันล่ะคะ
เอยไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าเอยจะไปจากพี่วิกได้ ถึงจำเป็นต้องไป เอยก็จะกลับมา
ไม่ว่าจะอยู่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวที่ไหน เอยก็จะกลับมาแสดงความยินดีกับพี่วิก
ได้ยินมั้ยคะ" กรวิกกลืนความขมขื่นในอดีต เดินมาหาช่อลดา
ทุกคนจับจ้องทั้งคู่เป็นตาเดียว แฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดสนั่นออกอาการบ้าคลั่ง
นึกว่ากรวิกเดินมาหากลุ่มตัวเอง กรวิกพูดเสียงหมางเมิน "ฉันรู้ว่าเธอต้องมา"
"เอยมาแสดงความยินดีค่ะพี่วิก" "เพราะจำสัญญาที่ให้ไว้กับไอ้สตั๊นท์กระจอกๆนั่นได้
หรือเพราะสมเพชเวทนามัน" ช่อลดาใจสลาย คำพูดแค่ไม่กี่คำทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่า
ความรักที่ชายหนุ่มเคยมีให้เธอหมดสิ้นลงแล้ว เสียงแฟนคลับตะโกนเรียกกรวิกดังกระหึ่ม
ความเสียใจและบรรยากาศความบ้าคลั่งของแฟนคลับ
ทำให้ช่อลดาหน้ามืดเป็นลมล้มพับในทันที
กรวิกตกใจรีบประคองหญิงสาวไว้เจษฎาไวกว่าเพื่อน
กระชับกล้องในมือเตรียมจะถ่ายภาพกรวิกกับช่อลดา แต่กรวิกไวกว่า
ช้อนตัวช่อลดาอุ้มขึ้นมาอยู่ในวงแขน ก่อนจะเอาตัวบังหน้าหญิงสาวไว้แล้วพาวิ่งออกไป
ชนม์ ไมค์วิ่งตาม พร้อมกับช่วยสกัดเจษฎาและกองทัพนักข่าวที่กรูตามกรวิก
ดวงแก้วกับภัทรกำลังพูดถึงจะโปรโมทรักจอมปลอมของกรวิกกับเมลานีต่อ ก็ต้องเหวอ
เมื่อเห็นกรวิกอุ้มช่อลดาวิ่งผ่านหน้าไป โดยมีชนม์ ไมค์
เจษฎาและนักข่าวคนอื่นๆวิ่งตาม ภัทรตกใจเผลอแต๋วแตก
ดวงแก้วตั้งสติได้ในเสี้ยววินาที บอกให้เอารถไปรับกรวิกก่อนที่นักข่าวจะเก็บภาพได้
ภัทรวิ่งแมนล่ำออกไป ดวงแก้วลุ้นกลัวกรวิกตกเป็นข่าวหน้า พอขึ้นรถได้
กรวิกก็นั่งเงียบ กับช่อลดาที่ยังคอพับคออ่อนไม่ได้สติ ภัทรนิ่วหน้า
ถามว่าเรื่องอะไรกัน แล้วหญิงคนนี้เป็นใคร กรวิกไม่ตอบ ภัทรพ่นลมหายใจ
ว่าพรุ่งนี้ได้เป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับแน่
กรวิกบอกว่าเขาจะคุยกับดวงแก้วเอง 00000000000000000000000000 ที่ล็อบบี้ในโรงแรม
ลักษณ์นั่งอ่านนิตยสารเกี่ยวกับการแพทย์อยู่ที่ล้อบบี้ ปราชญ์
เดินเข้าเฟรมมายืนมองชายหนุ่มอย่างประหม่าและไม่แน่ใจ
ลักษณ์รู้สึกว่ามีคนยืนมองเลยละสายตาจากหนังสือเงยหน้าขึ้นมา ปราชญ์ อัครราช
แนะนำตัวกับลักษณ์ ลักษณ์ลุกขึ้นยินดี ไม่คิดว่าปราชญ์จะมารับเขาด้วยตนเอง
ปราชญ์ยิ้มปลื้ม "ไม่ได้สิ
โรงพยาบาลเราได้รับเกียรติจากคุณหมอมือระดับโลกมาร่วมงานด้วยทั้งที
ก็ต้องออกมาต้อนรับกันหน่อย คุณหมอรู้มั้ย
กว่าที่เราจะเชิญคุณหมอมาร่วมสัมมนาที่เมืองไทยได้ เราต้องใช้ความพยายามอยู่กี่ปี
เกือบ๕ปีเชียวนะครับ" "ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ
เผอิญผมมีคนไข้ที่ต้องดูแลรอคิวอยู่เยอะมาก" "ผมเข้าใจครับ
ถึงได้สั่งให้ลูกน้องติดต่อคุณหมออยู่ทุกปีไง แล้วในที่สุดโชคก็เข้าข้างเราจนได้"
ลักษณ์ยิ้มให้กับการต้อนรับอันอบอุ่นของปราชญ์ ปราชญ์คุยไปคุยมา
ก็เสนอว่าอยากให้ลักษณ์มาเป็นหมอประจำที่นี่ ลักษณ์หน้าหมองลง
บอกว่าเขากลับมาเมืองไทย แค่ต้องการร่วมสัมมนา ไม่เคยคิดจะกลับมาใช้ชีวิตที่นี่
ปราชญ์แอบถอนใจเฮือกด้วยความเสียดาย ท่ามกลางแสงสลัวของไฟที่อยู่นอกบ้านกรวิก
ประยงค์ มองฝ่าความมืดออกไป
แล้วป้องปากบีบเสียงตะโกนไปทางด้านหลังเมื่อเห็นกรวิกกลับมา เยื้อน กับ ทอปัด
วิ่งออกมาท่าทางตื่นเต้นกรวิกเปิดประตูเข้ามา ทอปัดตะโกนลั่นท่ามกลางความมืด
"ขอแสดงความยินดีกับนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย เย้" สิ้นเสียงตะโกนของหญิงสาว
เสียงปรบมือก็ดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟที่สว่างโร่
เสียงปรบมือและรอยยิ้มของทั้งสามค่อยๆเลือนหายไปกลายเป็นความตกตะลึงเข้ามาแทนที่
เมื่อเห็นกรวิกและผู้หญิงที่อุ้มอยู่ในวงแขน กรวิกพูดสั้นๆ ว่าขอบใจ
แล้วอุ้มช่อลดาเดินขึ้นบ้านไป ทั้งสามคนมองตามทั้งคู่ไปด้วยอาการเหวอสุดขีด
ทอปัดซึ่งถือดอกไม้ช่อใหญ่อยู่ในมือ เหวอหนักกว่าใคร
กรวิกรามือจากผ้าที่กำลังเช็ดหน้าให้ช่อลดา
ชายหนุ่มเหวี่ยงผ้านั้นทิ้งลงบนเตียงอย่างสับสน ก่อนจะหันไปมองหน้าช่อลดาอีกครั้ง
แล้วตัดใจเดินออกไปจากห้องอย่างปวดร้าว ช่อลดาลืมตาตื่นสะลึมสะลือ มองไปรอบๆห้อง
แล้วหญิงสาวก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นกรวิกนั่งมองเธออยู่ตรงหน้า
ช่อลดาถามว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง กรวิกถามกลับว่าที่ผ่านมา ช่อลดาหายไปไหน
"แปดปีที่ผ่านมามันนานเกินกว่าที่ฉันจะลืมความเจ็บปวดที่มันร้าวอยู่ในใจทุกวินาทีได้
ฉันต้องการคำตอบ ถ้าเธอตอบไม่ได้ก็ไม่น่าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้า
ให้ฉันคิดว่าเธอตายไปจากโลกนี้แล้วยังจะดีซะกว่ากลับมาเห็นหน้ากันแบบนี้"
"เอยรู้ว่าพี่วิกโกรธเกลียดเอย
แต่เอยอยากจะแสดงความยินดีกับพี่วิกตามที่เคยสัญญาไว้
เอยติดตามผลงานของพี่วิกทุกเรื่อง แล้วก็เอาใจช่วยเสมอ
ความจริงพี่วิกน่าจะได้รับรางวัลนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะเรื่อง "ตราบดินสิ้นฟ้า"
พี่วิกแสดงได้ดีมาก เอยชอบประโยคนั้นที่พี่วิกพูดว่า
"ฉันอาจไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไง แต่ฉันรู้ว่าทุกลมหายใจเข้าออกฉันมีแต่เธอ"
แล้วในตอนท้ายที่ ..." "หยุดพูดซะที เธอกลับมาเพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ"
ช่อลดาสะดุ้งเฮือก พยายามฝืนพูดให้เป็นปกติ "ค่ะ
เอยยินดีด้วยนะคะกับความสำเร็จของพี่วิกในวันนี้
แล้วก็ต้องขอโทษด้วยถ้าการมาของเอยทำให้พี่วิกไม่สบายใจ เอยลานะคะ"
ช่อลดาเดินผ่านกรวิก แล้วก็หยุดชะงักก่อนจะฝืนกลืนก้อนสะอื้นไม่ให้ทะลักไหลออกมา
"เอยดีใจนะคะที่ได้เจอพี่วิกอีกครั้ง ดีใจเหมือนทุกครั้งที่เราได้เจอ
ได้อยู่ด้วยกัน" หญิงสาวน้ำตาหยดแหมะ
แล้วตัดใจเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับไปมองชายหนุ่ม
น้ำตากรวิกไหวระริกอยู่ในดวงตา ชายหนุ่มนั่งกัดฟันนิ่ง
ช่อลดาเดินน้ำตาเล็ดออกมาที่หน้าบ้าน กรวิกตวาดลั่นตามมา "มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ
ทำร้ายคนคนหนึ่งให้ตายทั้งเป็นอยู่แปดปีแล้วมาเดินจากไปง่ายๆแบบนี้"
"เอยไม่ได้ตั้งใจทำให้พี่วิกเสียใจ" "ถ้างั้นเธอบอกมาสิว่าเธอหายไปไหน
หัวใจเธอทำด้วยอะไร ไหนเธอเคยพร่ำบอกไงว่า หัวใจเธอ" ช่อลดาสวนขึ้นทันที
"เป็นของพี่วิกคนเดียว" กรวิกขมขื่น "ยังอุตส่าห์จำได้" "เอยเคยรู้สึกยังไง
เดี๋ยวนี้วินาทีนี้เอยก็ยังรู้สึกอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง"
"ถ้างั้นเธอบอกฉันมาว่าเธอหายไปไหน
ช่วยเยียวยาหัวใจที่มันแตกสลายของฉันด้วยเหตุผลที่น่าฟังของเธอหน่อยสิว่าเพราะอะไร"
"บางครั้งเรื่องบางเรื่องเอยก็ตัดสินใจทำโดยไม่มีเหตุผล"
"แต่เรื่องบางเรื่องของเธอมันทำให้ฉันแทบหมดสิ้นความหวังในชีวิต ดี
ในเมื่อเธอไม่มีเหตุผลกับฉัน ฉันก็จะไม่มีเหตุผลกับเธอ"
กรวิกยืนจ้องหน้าช่อลดาอย่างเอาเรื่อง กรวิกลากช่อลดาที่แข็งขืนเข้ามาในห้อง
เหวี่ยงหญิงสาวไปที่เตียง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
ช่อลดาเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์แล้วรีบรับสาย
กรวิกมองช่อลดาอย่างจับผิด เป็นลักษณ์ที่โทรมาหาช่อลดาด้วยความเป็นห่วง
กรวิกทนไม่ไหวกระชากโทรศัพท์จากช่อลดามาฟัง
เพราะถ้าเป็นคนรักของหญิงสาวจะได้รู้กันไปเลยว่า
ที่เธอทิ้งเขาไปเพราะไปมีใครใหม่อย่างที่คิดไว้จริงๆ ช่อลดาใจหายวาบ
ไม่อยากให้กรวิกผิดหวังในตัวเธอและเสียใจมากไปกว่านี้
กรวิกตะโกนถามในโทรศัพท์ว่าปลายสายเป็นใคร แต่แล้วแบตโทรศัพท์ดันหมด
ทำให้กรวิกหงุดหงิดใหญ่ คาดคั้นว่าใครโทรมา ช่อลดาไม่ตอบ
แต่บอกว่าไม่มีใครสำคัญกับเธอเท่ากรวิกอีกแล้ว กรวิกตวาดให้ช่อลดาหยุดพล่าม
เขาจะไม่หลงใจอ่อนกับช่อลดาอีกต่อไป ช่อลดาสะอึก
หัวใจเจ็บแปลบเมื่อคิดว่ากรวิกคงไม่เหลือความรัก ความอาทรให้เธออีกแล้ว
กรวิกประกาศกร้าว ว่าหากช่อลดาไม่ยอมบอกเหตุผลที่หายไป ช่อลดาก็ต้องอยู่กับเขา
จนกว่าจะทำให้เขาพอใจ และลืมความเจ็บปวดกับอดีตที่ผ่านมา
กรวิกประกาศเจตนารมณ์เสร็จก็หันไปกระชากสายโทรศัพท์บ้านทิ้ง
ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที ช่อลดาอื้ออึง
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าการเจอกันกับกรวิกอีกครั้ง
จะเต็มไปด้วยเงื่อนไขและความหมางเมินเช่นนี้ใจร้าว จบตอน1
ใจร้าว 2
ช่อลดาเดินลงมาแล้วเหลียวซ้ายแลขวามองหาคน
เมื่อไม่เห็นใครหญิงสาวก็เดินสำรวจบ้านมาเรื่อยๆ จุดประสงค์เพื่อจะหาโทรศัพท์
ช่อลดาหันมาเห็นโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างโซฟา จึงเดินเข้าไป
แต่ยังไม่ทันเอื้อมมือถึงโทรศัพท์ ทอปัดก็แผดเสียงแว้ดขึ้น "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
ช่อลดาสะดุ้งตกใจ หันไปหาทอปัด ทอปัดตรงรี่เข้ามาที่ช่อลดาทันที "จะขโมยของรึไง
เธอรู้มั้ยว่าทั้งรูปทั้งกรอบคริสตัลนั่นมันราคาเท่าไหร่" ช่อลดางง
แต่เมื่อหันกลับไปเห็นรูปกรวิกในกรอบแก้วคริสตัลซึ่งวางอยู่ข้างโทรศัพท์ก็เข้าใจ
ทอปัดตะโกนเรียกเยื้อนและประยงค์ให้โทรตามตำรวจมาจับช่อลดา ฐานจะขโมยของ
ทั้งคู่วิ่งแตกตื่นออกมาจากในครัว ทั้งคู่วิ่งออกมาตามคำสั่ง
แต่แล้วก็ต้องเบรกตัวเองตัวโก่งเมื่อได้ยินเสียงกรวิกดังมาจากด้านหลัง
ถามว่ามีอะไรกัน ทอปัดฟ้อง "ก็ยายแฟนคลับของพี่วิกนี่สิคะ ริอ่านจะขโมยของในบ้าน
นี่ถ้าปัดไม่เข้ามาเห็นซะก่อน มันคงขนไปเกลี้ยงบ้านแล้ว ไป เยื้อน โทรเรียกตำรวจ"
เยื้อนจะขยับมาที่โทรศัพท์ แต่กรวิกห้ามไว้ บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวเขาจัดการเอง
กรวิกดึงแขนช่อลดาออกไป ทอปัดยืนกระฟัดกระเฟียด กรวิกถามช่อลดาว่าจะโทรหาใคร
ใช่คนเดียวกับที่โทรมาเมื่อคืนหรือเปล่า ช่อลดาอึกอัก ก่อนยอมรับว่าใช่
เธอแค่อยากจะบอกเขาว่าเอยอยู่ที่ไหน หายมาทั้งคืนอย่างนี้ เขาคงเป็นห่วงเธอแย่แล้ว
กรวิกแดกดัน ว่าดูจะเป็นที่ช่อลดาใส่ใจความรู้สึกเป็นพิเศษ
"เธอทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอไม่ได้แค่อยากจะใช้โทรศัพท์ แต่อยากไปหาเขามากกว่า
ยังไม่ทันข้ามวันก็กลืนน้ำลายตัวเองซะแล้ว
ลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อคืนเธอพูดกับฉันว่ายังไง" "เอยไม่ได้ลืม
แต่เอยมีความจำเป็นต้องไปจริงๆ เอยไปไม่นานหรอกค่ะ แล้วเอยจะกลับมา"
"ฉันเชื่อคำพูดเธอได้เหรอ" กรวิกหรี่ตามอง ช่อลดายืนยัน
"เอยเคยทำผิดมาแล้วครั้งหนึ่ง เอยจะไม่ทำผิดซ้ำสองค่ะพี่วิก"
กรวิกจ้องหน้าช่อลดานิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ในห้องสัมมนา ปราชญ์ ลักษณ์
และผู้เข้าร่วมสัมมนาอื่นๆทยอยเดินออกมาจากห้องเพื่อเบรกทานของว่าง
ซึ่งจัดเป็นโต๊ะบุฟเฟ่ต์อยู่หน้าห้อง
ปรัชญาเดินเข้ามาดักหน้าลักษณ์เอ่ยปากชมว่างานวิจัยเรื่องมะเร็งในเม็ดเลือดขาวของลักษณ์สุดยอดจริงๆ
ลักษณ์ขอบคุณ ปราชญ์เลยแนะนำให้ลักษณ์รู้จักกับปรัชญา ลูกชายของเขาอย่างเป็นทางการ
ปรัชญาพยายามโน้มน้าวใจให้ลักษณ์เปลี่ยนใจ มาทำงานที่โรงพยาบาลของพวกเขา
พร้อมยื่นข้อเสนอเป็นค่าตอบแทนไม่อั้น แต่ลักษณ์ก็ปฏิเสธ
บอกว่าเขาทำงานตามความพอใจเท่านั้น ปราชญ์มองหน้าลูกชาย
อย่างไม่พอใจนักที่ลูกชายทำตัวเป็นนักธุรกิจจ๋า ในขณะทั้งปรัชญาก็รู้สึกไม่พอใจ
ที่ถูกลักษณ์ปฏิเสธเช่นกัน ระหว่างนั้น ลักษณ์เหลือบเห็นช่อลดาเดินเข้ามา
ลักษณ์ดีใจ รีบขอตัวเดินไปหาช่อลดาทันที ลักษณ์เข้ามาถามช่อลดา ว่าหายไปไหนมา
เขาเป็นห่วงแทบแย่ ช่อลดาหน้ามืดแต่ก็ยังฝืนพูด "เอย เอยไปค้างที่บ้านเพื่อน แล้ว
จะกลับมาเอา" หญิงสาวทนฝืนอีกต่อไปไม่ไหว
เป็นลมล้มพับไปลักษณ์คว้าตัวหญิงสาวโอบไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
กรวิกเดินเข้าเห็นภาพช่อลดาอยู่ในอ้อมกอดของลักษณ์คาตา
ลักษณ์อุ้มช่อลดาขึ้นมาอยู่ในวงแขนรีบพาออกไป กรวิกกัดฟันแน่น ใจกระอัก
เลือดทะลักอยู่ในอก กรวิกพาช่อลดามาพักที่ห้องช่อลดาเอง ช่อลดานั่งกินยาอยู่บนเตียง
โดยมีลักษณ์ยื่นแก้วน้ำให้
แล้วใช้ผ้าผืนเล็กชุบน้ำอุ่นที่เตรียมไว้เช็ดที่หน้าหญิงสาว
และบอกว่าเช็ดตัวเสร็จให้ทานข้าวต้มร้อนๆ เขาสั่งไว้ให้แล้ว เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ลักษณ์เดินไปเปิดประตู แล้วรีบกลับมาเช็ดตัวให้เอยที่เตียง
เพราะคิดว่าเป็นเด็กเสิร์ฟยกข้าวต้มมาให้ แต่แล้วลักษณ์ก็ต้องตกใจ
เมื่อพบว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ชื่อกรวิกยืนจังก้าอยู่กลางห้อง
ช่อลดาเองก็ช็อกไม่น้อย กรวิกยืนจ้องช่อลดาเขม็งเพิ่งรู้รสชาติว่าอาการใจสลายจริงๆ
มันเป็นยังไง หลังจากที่เคยแสดงบทนี้นับครั้งไม่ถ้วน "นี่คือเหตุผลของเธอใช่มั้ย
พอกันที" กรวิกโยนคำถามและบทสรุปไปที่ช่อลดาเสร็จก็เดินออกไปจากห้องทันที "พี่วิก
พี่วิก ฟังเอยก่อน พี่วิก" ช่อลดาขยับลงจากเตียงแล้ววิ่งตามกรวิกออกไป
ลักษณ์ยืนอื้ออึง จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น
สองคนนั่นรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่อลดาวิ่งตามมาด้วยอกใจที่สั่นไหวร้อนรน
ขอร้องให้กรวิกฟังคำอธิบาย แต่กรวิกไม่ฟัง หญิงสาวเร่งสปีดวิ่งขึ้นมาดักหน้า
พร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนชายหนุ่ม "พี่วิก พี่วิกกำลังเข้าใจผิดนะคะ"
กรวิกปัดมือหญิงสาวทิ้ง "แล้วที่ถูกต้องมันเป็นยังไง ไหนว่ามาซิ
ผู้หญิงกับผู้ชายจะขึ้นไปทำอะไรบนเตียงเดียวกัน นอกจากกิจกรรมอย่างว่า"
ช่อลดาน้ำตาเล็ด "เอยกับพี่ลักษณ์ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่พี่วิกเข้าใจนะคะ
เอยแค่จะกลับมาเก็บเสื้อผ้า แล้วก็กลับไปหาพี่วิก" "โกหก
เมื่อไหร่เธอจะพูดความจริงกับฉันซะที" "เอยพูดความจริงค่ะพี่วิก"
"ไม่ใช่เธอต้องการกลับมาหาผู้ชายคนนี้
เพื่อจะไปอยู่อเมริกากับเขาเหมือนเมื่อ๘ปีที่แล้วงั้นเหรอ" ช่อลดาช็อกสนิท
"พี่วิกรู้เรื่องที่เอยไปอเมริกา" "ทำไมฉันจะไม่รู้" กรวิกขบฟันแน่น
เมื่อนึกถึงอดีต ขณะที่ กร พ่อเขาป่วยหนัก เป็นโรคมะเร็ง ต้องทำคีโม
ก่อนจะปลูกถ่ายไขกระดูกจากสเตมเซลล์ของกรวิกเพื่อรักษาพ่อ
กรส่งยิ้มอ่อนระโหยโรยแรงให้ลูกชาย "ไปเถอะ นัดหนูเอยไว้ไม่ใช่เหรอ
ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อหรอก
บอกหนูเอยด้วยนะว่าพ่อเสียใจที่พ่อไม่ได้อยู่กับลูกทั้งสองในวันสำคัญอย่างนี้"
"ไม่เป็นไรครับ หลังจากให้คีโมแล้ว ผมจะพาน้องเอยมาเยี่ยมพ่อเอง"
"พ่อขออวยพรให้ลูกทั้งสอง ..." "เอาไว้อวยพรตอนเราสองคนกลับมาหาพ่อดีกว่านะครับ"
กรพยักหน้ายิ้มให้ลูก ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย
กรวิกมองพ่อแล้วล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาดู
แหวนทองคำขาวยังคงอยู่ในนั้น ชายหนุ่มงับกล่องลงแล้วยิ้มอย่างกรึ่มใจ
ก่อนจะกำมันไว้แน่นแล้วเดินออกไป แล้วกรวิกก็ต้องตะลึง เมื่อไปถึงบ้านช่อลดา
พบแต่ป้าคนทำความสะอาดบ้าน บอกว่าช่อลดาย้ายไปอยู่อเมริกาแล้ว กรวิกอึ้ง
เหมือนฟ้าจะถล่มดินทลาย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีสัญญาณบอกใดๆทั้งสิ้น
กรวิกรีบตรงดิ่งไปที่สนามบินทันที แม้วันนั้นกรวิกจะได้เจอช่อลดา
ก่อนที่จะเข้าห้องผู้โดยสาร แต่แม้เขาจะพยายามเรียกช่อลดาเท่าไหร่
ช่อลดาก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขาสักครั้ง กรวิกหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ไม่สามารถจะทำอะไรได้ 0000000000000000000 กรวิกขบฟันแน่นอย่างเจ็บแค้น
"ฉันทนเก็บความสงสัยนี้ไว้ถึง 8 ปี
เฝ้าเวียนถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเพราะอะไร
ถ้าฉันรู้เหตุผลว่าเป็นเพราะเธอมีใครใหม่ ฉันจะไม่เสียเวลาผละจากพ่อ
จะไม่เอาลมหายใจของพ่อมาแขวนไว้กับความรักที่โง่เง่าหน้ามืดตามัวอยู่ฝ่ายเดียว"
ช่อลดาใจหายวาบ "พี่วิกหมายความว่ายังไง คุณพ่อเป็นอะไร" คำถามของช่อลดา
ยิ่งทำให้ความแค้นของกรวิกพุ่งพรวดขึ้นไปอีก ความหลังในอดีตผุดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อ
8 ปีที่แล้ว หมอบอกว่าให้คีโมกรแล้ว แต่คนไข้ติดเชื้อในกระแสเลือด
จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน กรวิกได้ยินดังนั้น ก็เข้าไปนั่งข้างเตียง จับมือพ่อไว้แน่น
กรถามหาเอย กรวิกแทบกระอัก กัดฟันกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้พ่อเห็น
กรพยายามจะถามลูกชายซ้ำว่าเอยไปไหน แต่แล้วกรก็สิ้นลมก่อนที่คำถามสุดท้ายจะจบสิ้น
กรวิกซบหน้าลงกับร่างไร้วิญญาณของพ่อแล้วร้องไห้โฮระบายความสูญเสียทุกอย่างอย่างไม่อายใคร
กรวิกน้ำตาซึมทั้งเสียใจทั้งแค้นใจ หันมองช่อลดา "จนลมหายใจสุดท้าย
พ่อฉันก็ยังเวียนถามถึงเธอ ช่อลดา" ช่อลดาร้องไห้โฮ
"เอยไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องมันจะเลวร้ายถึงขั้นนี้" "ร้องไห้ทำไม
ร้องไปมันก็ไม่ทำให้พ่อฉันฟื้นขึ้นมา น้ำตาของเธอมันไม่ทำให้ความรู้สึกดีๆ
ระหว่างเรากลับคืนมาได้หรอก" "พี่วิก เอยขอโทษ" "เธอไม่จำเป็นจะต้องพูดคำนี้
เพราะการที่เธอจะไปมีใครมันก็ไม่ผิด แต่มันเลือดเย็น เธอมันฆาตกรเลือดเย็น
มีความสุขมากใช่มั้ยที่ทำให้ชีวิตคนคนหนึ่งต้องจากโลกนี้ไป
และใครอีกคนยังมีลมหายใจแต่ในร่างที่ตายทั้งเป็น
คนหัวใจด้านชาอย่างเธอไม่มีวันรู้รสหรอกว่า
คนที่สูญเสียคนที่รักที่สุดสองคนในเวลาเดียวกันอย่างฉันมันเจ็บแค่ไหน ทรมานยังไง"
"พี่วิก อย่าพูดอย่างนี้กับเอย อย่าใจร้ายกับเอยแบบนี้" กรวิกยิ้มเหยียด
"ฉันดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง ดีใจที่มีวันนี้ วันที่ทำให้ฉันหลุดพ้นจากข้อสงสัย
วันที่ฉันไม่ต้องตั้งคำถามในใจอีกต่อไปว่าทำไม เพราะสิ่งที่ฉัน
เห็นมันชัดเจนยิ่งกว่าคำตอบที่หลุดออกมาจากปากของเธอ" กรวิกเดินผละจากช่อลดาออกมา
หญิงสาววิ่งตามพร้อมดึงแขนรั้งชายหนุ่มไว้
ร้องไห้น้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าน้ำตกเหวสุวัตในหน้าฝน พยายามจะอธิบายให้กรวิกเข้าใจ
แต่กรวิกหันมาพูดเสียงเฉียบ "เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ออกไปจากชีวิตฉันซะที
ช่อลดา" หญิงสาวยืนตะลึง ในที่สุดก็ได้ยินประโยคนี้หลุดจากปากชายหนุ่มจนได้
ช่อลดาเสียใจหนัก ทรุดลงไปร้องไห้กับพื้นอย่างคนหมดสิ้นแล้วในชีวิต
ลักษณ์เข้ามายืนมองช่อลดา ก่อนจะลงนั่งแล้วโอบกอดหญิงสาวปลอบใจ
ช่อลดาร้องไห้ปานจะขาดใจในอ้อมกอดของลักษณ์ ช่อลดาตัดสินใจจะกลับอเมริกา
และบอกกับลักษณ์ว่า ทันทีที่ถึงอเมริกา จะแต่งงานกับลักษณ์ ลักษณ์ถอนหายใจ
ก่อนจะบอกช่อลดา "เวลาที่คนไข้เจ็บคนเป็นหมอก็ต้องรักษาด้วยการให้ยา
อาการเจ็บทางกายมันถึงจะทุเลา
แต่คนไข้ที่มีอาการเจ็บทางใจมันไม่มียาขนานไหนที่หมอจะรักษาให้หายขาดได้
นอกจากตัวคนไข้จะเยียวยาอาการเจ็บด้วยตัวของตัวเอง
พี่จะดีใจที่สุดถ้าเอยจะแต่งงานกับพี่ แต่มันต้องไม่ใช่เวลานี้
เวลาที่หัวใจเอยยังอยู่ที่นี่ จริงมั้ย แทนที่เราจะวิ่งหนีใจตัวเอง
ทำไมเราไม่เลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน" ช่อลดาอึ้ง
"มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วค่ะพี่ลักษณ์" "ถ้าเอยหนี เอยก็ต้องหนีไปตลอดชีวิต
แล้วเอยจะมีความสุขเหรอ พี่อยู่กับเอยได้ตลอดชีวิต
แต่ก็อยากเห็นเอยมีความสุขตลอดชีวิตด้วย" ช่อลดาฝืนยิ้มทั้งๆที่แววตาเศร้าเหลือเกิน
"เอยมีความสุขดีค่ะ" "พี่อยากรับเอยกลับไปในวันที่หัวใจเอยเป็นอิสระเต็มที่
แล้วเอยล่ะ จะหนีกลับไปวันนี้อย่างคนที่มีแผลในอดีต
หรือจะลองสู้กับใจตัวเองสักครั้งเพื่อลบแผลในอดีตให้หมดไป คิดดูให้ดีนะ"
ช่อลดารู้สึกสะท้อนใจเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในอก
ไม่คิดว่าลักษณ์จะเข้าไปนั่งในใจเธอได้ขนาดนี้ ดวงแก้ว และภัทร
จัดให้กรวิกแถลงข่าวแก้ต่างเรื่องวันงาน
กรวิกถูกนักข่าวซักไซร้เรื่องช่อลดาอย่างหนัก กรวิกอ้างว่าช่อลดาเป็นแฟนคลับ
ที่ไม่สบาย เขาเลยอุ้มไปส่งโรงพยาบาล เจษฎายังซักต่อว่าช่อลดาไม่สบาย เป็นอะไร
กรวิกอึ้ง ก่อนจะบอกว่าไม่ทราบ เจษฎากวน "ที่ไม่ทราบ
เป็นเพราะคุณไม่ได้ไปส่งเธอที่โรงพยาบาลเพราะเธอไม่ได้เป็นอะไร
ที่สำคัญเธอไม่ใช่แฟนคลับคุณแต่เป็นใครสักคนที่สำคัญกว่านั้น จริงมั้ยครับ"
กรวิกเลือดแล่นพล่าน ภัทรพยายามแก้สถานการณ์ "แหม
มันก็มีแฟนคลับหลายคนที่เครซี่วิกมากๆ นะคะ ยกโขยงบินตามมาจากเมืองนอกก็มี
น้องคนนั้นเขาอาจจะชอบวิกมากจนอยากจะเข้าใกล้ถึงเนื้อถึงตัวก็เลยแกล้งเป็นลม
แล้วทีนี้วิกก็สงสาร ด้วยความตกใจก็เลยรีบพาไปส่งโรงพยาบาล ก็แค่เนี้ย เรื่องชิวๆ
อย่าสงสัยกันนักเลยค่ะ" เจษฏาไม่ลดละ "แหม สคริปท์ชิวๆ แบบนี้พวกผมก็เขียนได้นะครับ
มีอะไรยืนยันมั้ยล่ะครับว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริง หรือถ้าจะยอมรับมาตรงๆ
ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร น่าจะง่ายกว่านะครับ" กรวิกห้ามตัวเองไม่ไหว
ลุกขึ้นยืนเอาเรื่องทันที
"นายจะบีบให้ฉันพูดเพื่อให้มันเป็นข่าวใหญ่ให้ได้เลยใช่มั้ย ไม่มีทาง" เจษฎากวน
"อาการเหมือนคนร้อนตัว ตกลงเธอไม่ใช่แฟนคลับธรรมดาจริงๆ ใช่มั้ย"
กรวิกโผเข้าไปจะชกเจษฎา ทุกคนรีบห้าม เจษฎาไม่หยุดยั่ว
"บอกมาสิว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
ไม่งั้นผมจะฟันธงว่าคุณจ้างผู้หญิงคนนั้นมาเพื่อสร้างภาพให้ตัวเอง
เป็นซุปเปอร์สตาร์อย่างเดียวมันยังไม่พอ ต้องเป็นซุปเปอร์ฮีโร่แหกตาชาวบ้านด้วย
จริงมั้ย" กรวิกจะเข้าไปอัดเจษฎาอีกรอบ แต่ยังไม่ทันถึงตัว
เสียงหนึ่งก็ดังแหวกอากาศขึ้นมาซะก่อน "ไม่จริงค่ะ"
ทุกคนหันไปมองที่มาของเสียงนั้นเป็นตาเดียว ก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นช่อลดา
โดยเฉพาะกรวิกใจร้าว จบตอน 2
ใจร้าว 3
"ดิฉันเป็นแฟนคลับของคุณกรวิก
ไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณกรวิกจ้างมาเพื่อสร้างภาพให้ตัวเอง" ช่อลดาพูดเสียงหนักแน่น
กรวิกอึ้ง ไม่คิดว่าช่อลดาจะพูดปกป้องเขา เจษฎาไม่เชื่อ
"แล้ววันนั้นคุณไปที่งานนั่นทำไม"
"ดิฉันไปแสดงความยินดีกับคุณกรวิกแล้วรู้สึกปวดหัวหน้ามืด จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว
มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อถึงโรงพยาบาล ดิฉันทราบจากพยาบาลว่าคุณกรวิกเป็นคนพามาส่ง
วันนี้ดิฉันก็เลยมาที่นี่เพื่อจะขอบคุณที่เขามีน้ำใจช่วยเหลือผู้หญิงธรรมดาๆอย่างดิฉัน"
ช่อลดาหันกลับมายกมือไหว้กรวิก "ขอบคุณมากนะคะ คุณกรวิก" นักข่าวถ่ายรูปกันตรึม
กรวิกตั้งตัวไม่ทัน ไม่คิดว่าช่อลดาจะกล้าขนาดนี้
"ก็เป็นอันเข้าใจกันถูกต้องแล้วนะคะ
ถ้าอย่างนั้นดิฉันก็ขอปิดการให้สัมภาษณ์แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณมากค่ะ"
กรวิกเหลือบมองช่อลดาได้แค่แว้บเดียวก็โดนดวงแก้ว ชนม์ ไมค์ ประกบพาออกไปทันที
เจษฎาเจ็บใจที่แหกหน้ากรวิกไม่ได้อย่างที่คิด เดินหงุดหงิดออกไป ช่อลดาไม่ลดละ
ตามกรวิกมาในกองถ่าย บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับกรวิก กรวิกทำทีจะไม่ฟัง
แต่ช่อลดารั้งไว้ บอกว่าขอเวลาไม่นาน "เอยจะอยู่ที่นี่อีก 1 ปี
พี่วิกจะเรียกใช้เอยหรือจะให้เอยทำอะไรก็ได้
เอยยอมทั้งนั้นเพื่อชดใช้ความผิดที่เอยทำกับพี่วิกตลอด 8 ปีที่ผ่านมา" "แล้วยังไง
จะให้ฉันกลับไปรู้สึกกับเธอเหมือนเดิมงั้นเหรอ" กรวิกหงุดหงิด
"เอยรู้ว่ามันไม่มีวันนั้นอีกแล้ว พี่วิกอยากจะให้เอยอยู่ในฐานะอะไร ลูกจ้าง
คนรับใช้ เอยรับได้ทั้งนั้น" "เธอจะยอมทำอย่างนั้นทำไม"
"เอยต้องการพิสูจน์ให้พี่วิกเห็นว่าเอยไม่ใช่คนเลือดเย็นอย่างที่พี่วิกเข้าใจ
ถึงวันที่เราต้องจากกัน จริงๆเมื่อไหร่ อย่างน้อยเอยจะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจ
และบางที พี่วิกอาจจะเกลียดเอยน้อยลง" "เธอคิดว่าเวลาแค่ 1
ปีมันจะชดเชยความรู้สึกเลวร้ายกว่า 8 ปีของฉันได้เหรอ" "เอยอยากชดใช้ให้มากกว่านั้น
แต่ ..." ช่อลดากล้ำกลืน "แต่เป็นเพราะเธอขอเวลาผู้ชายคนนั้นไว้แค่นั้น
หลังจากนั้นเธอก็จะไปอยู่กับเขาที่อเมริกา ไปซะเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า
ไม่ต้องรอไปอีกตั้งปีหรอก ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงความสุขใคร
ไม่มีเวลามาใส่ใจกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย เชิญ" กรวิกหันหลังให้หญิงสาว
แล้วหยิบบทบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน ทันทีที่ชายหนุ่มหันหลังให้ หญิงสาวก็น้ำตาหยดแหมะ
ความตั้งใจครั้งสุดท้ายถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง หญิงสาวค่อยๆเดินจากไป
กรวิกค่อยๆลดบทที่ดูเหมือนกำลังตั้งใจอ่านลง
เผยให้เห็นสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด000000000000000000000000
ลักษณ์เห็นน้ำตาช่อลดา จากการปฏิเสธอย่างไม่ใยดีของกรวิก ก็ทนไม่ไหว
ตัดสินใจมาเจอกรวิกด้วยตนเอง โดยไม่บอกช่อลดา กรวิกชะงักที่เจอลักษณ์มาดักรอเขา
ลักษณ์ถามกรวิกว่าอยากจะจบเรื่องกับช่อลดาแค่นี้จริงหรือ กรวิกทำทีไม่สนใจ
จะเดินหนีไป ลักษณ์ตะโกนใส่ "คุณมันขี้ขลาด" กรวิกสะดุดกึก หันกลับมาหาลักษณ์
"หมายความว่ายังไง"
"คุณไม่รับข้อเสนอของเอยเป็นเพราะคุณไม่กล้าเจอไม่กล้าอยู่ใกล้เธอ
คุณกลัวคุณจะกลับมารักเธออีกครั้งใช่มั้ย" "นั่นไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในหัวผมสักนิด"
"ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่รับข้อเสนอของเธอ
คุณน่าจะให้โอกาสเธอไถ่บาปที่ฝังอยู่ในใจบ้าง"
"ผมจะให้หรือไม่ให้โอกาสใครมันเป็นสิทธิ์ของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ"
กรวิกหันหลังกลับโดยไม่สนใจลักษณ์ ลักษณ์แทงใจดำอีก "คุณกลัวว่าเธอจะเลือกผม
คุณกลัวว่าคุณจะเจ็บซ้ำสอง" กรวิกชะงักเพราะโดนแทงใจดำเต็มๆ
ลักษณ์เดินมาประจันหน้ากับกรวิก "ผมรักเอย และไม่เคยกลัวว่าเอยจะเลือกใคร
แต่ถ้าคุณกลัว ก็แล้วไป" ลักษณ์มองกรวิกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะเดินจากไป
กรวิกกำมือแน่นระงับอารมณ์สุดๆขณะมองตามลักษณ์ไป
ลักษณ์ตัดสินใจมาบอกปราชญ์ว่าเขาเปลี่ยนใจทำงานกับรพ.ของปราชญ์แล้ว แต่มีข้อแม้อยู่
2 ข้อ คือขอย้ายคนไข้เก่าของเขาที่อเมริกามาผ่าตัดที่นี่
และขอทำงานแค่ปีเดียวเท่านั้น ปราชญ์รีบตกลงรับคำทันที เพราะถึงแม้จะแค่ปีเดียว
ก็ยังคุ้มที่ได้หมอฝีมือดีอย่างลักษณ์มาร่วมงาน ปรัชญามองพ่ออย่างขัดใจ
ทำไมต้องอวยลักษณ์ไปซะทุกเรื่อง เริ่มรู้สึกหมั่นไส้แกมอิจฉาลักษณ์ขึ้นมาตงิด
โดยเฉพาะเรื่องที่ปราชญ์ให้ลักษณ์อยู่คอนโดใจกลางเมืองที่แพงที่สุด
แถมยังให้รถกับลักษณ์ใช้อีก ปรัชญาไม่พอใจอย่างแรง กรวิกตัดสินใจใหม่
บอกกับดวงแก้วว่าเขาจะให้ช่อลดามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวเพิ่มอีกคนหนึ่ง
ทำให้ภัทรผู้จัดการส่วนตัวดั้งเดิมของกรวิกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้
กรวิกไปพบช่อลดา ว่าเขาจะให้ช่อลดามาเป็นผู้จัดการส่วนตัว ช่อลดาอึ้งไป
ไม่คิดว่ากรวิกจะเปลี่ยนใจ กรวิกบอกเงื่อนไขเรื่องการทำงานให้ช่อลดาฟัง
โดยมีลักษณ์นั่งอยู่ด้วย "เงื่อนไขของฉันก็คือ
เธอต้องย้ายไปอยู่ในอพาร์ตเม้นท์ที่บริษัทจัดให้ เพื่อความสะดวกในการทำงาน
เพราะมันอยู่ใกล้ที่พักฉัน เผื่อมีอะไรกะทันหัน เธอจะได้มาหาฉันได้ทันที"
ลักษณ์แทรก "แต่ไม่ได้หมายความว่าเอยต้องทำงานให้คุณตลอด 24 ชั่วโมงใช่มั้ยครับ"
"ผมไม่โหดถึงขั้นนั้นหรอก
เพียงแต่งานของผมไม่ใช่งานราชการที่เริ่มแปดโมงเลิกห้าโมงเป๊ะ"
กรวิกปรายตามองลักษณ์ "ถ้าอย่างนั้นเอยจะย้ายเข้าพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะคะ" ช่อลดาบอก
"ต้องเดี๋ยวนี้ ฉันจะพาเธอไปเอง" กรวิกเหล่มองลักษณ์แวบนึง ก่อนจะหันมาพูดกับช่อลดา
"หวังว่าผู้หญิงที่บรรลุนิติภาวะแล้วอย่างเธอ
คงไม่ต้องมีผู้ปกครองตามประกบนะกับไอ้แค่เรื่องย้ายที่นอนเนี่ย"
ช่อลดาหันมามองลักษณ์อย่างเกรงใจ
ลักษณ์รู้สึกอึดอัดและไม่ถูกชะตากับกรวิกเอาซะเลย0000000000000000000000
กรวิกออกมาจากคอนโดของช่อลดา โดยมีช่อลดามาส่ง
เจอเข้ากับทอปัดที่มาคอนโดเพื่อนที่เดียวกัน ทอปัดเห็นกรวิกกับช่อลดาก็ไม่พอใจ
ปรี๊ดแตก "นี่เธอหลอกล่อพี่วิกให้มาหาถึงห้องเลยเหรอยายแฟนคลับเจ้าเล่ห์
คราวที่แล้วแกล้งเป็นลม คราวนี้แกล้งป่วยเป็นอะไรอีกล่ะ
เธอนี่มันสารพัดมารยายิ่งกว่าตัวอิจฉาในละครซะอีกนะ" กรวิกปราม "ทอปัด"
ทอปัดไม่สน"อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกนักรึไง
พาดหัวมาสามวันติดกันแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ" กรวิกเสียงเฉียบ
"กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้" "คิดว่าพี่วิกเขาจะสนใจเธอเหรอ เลิกฝันไปเลยนะ
พี่วิกเขามีนางเอก เบอร์หนึ่งอยู่ในใจแล้วทั้งคน
เขาไม่สนแฟนคลับหน้าจืดอย่างเธอหรอก" เมื่อเห็นทอปัดไม่หยุด กรวิกไม่พูดอะไร
แต่สตาร์ทเครื่องทันที ทอปัดตกใจแหกปากลั่น "เดี๋ยวค่ะพี่วิก ปัดไปด้วย"
หญิงสาวกระโดดขึ้นรถได้ฉิวเฉียด กรวิกออกรถในทันที ช่อลดาถอนใจเฮือก
ยังไม่ทันเริ่มต้นชดใช้ก็เจออุปสรรคโน้นนี่เข้าซะแล้ว กรวิกกับทอปัดกลับมาบ้าน
ทอปัดยังไม่ยอมหยุดเรื่องช่อลดา
ยังอยากรู้ว่าทำไมกรวิกต้องสนิทกับช่อลดาที่เป็นเพียงแค่แฟนคลับด้วย
กรวิกบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของทอปัด
ทอปัดมีหน้าที่คือเรียนหนังสือเท่านั้นไม่ต้องมาห่วงเขา
"ไม่ให้ปัดเป็นห่วงพี่วิกแล้วจะให้ปัดเป็นห่วงใคร พ่อแม่ปัดก็ไม่มีแล้ว
พี่วิกเป็นผู้มีพระคุณคนเดียวของปัด ถ้าพี่วิกไม่รับปัดมาดูแล
ปัดก็คงกลายเป็นเด็กเร่ร่อนอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้" กรวิกถอนหายใจ
"ถ้างั้นก็ห่วงได้แต่อย่าใส่ใจให้มากนัก" "ทำไม พี่วิกรำคาญอย่างนั้นหรือคะ"
ทอปัดหน้าเสีย "ตอนนี้ยัง ถ้าถึงขั้นนั้นเมื่อไหร่แล้วจะบอก"
ชายหนุ่มเดินผละจากหญิงสาวขึ้นบ้านไป ทอปัดแทบกรี๊ด
ถึงเช้าวันแรกที่ช่อลดาจะต้องทำงานให้กับกรวิก กรวิกโทรบอกช่อลดา
ว่าจะถึงหน้าคอนโดช่อลดาในอีก 10 นาที ช่อลดาตกใจ รีบอาบน้ำลงไป
ช้าไปแค่เสี้ยววินาที รถของกรวิกก็วิ่งฉิวออกไป โดยไม่จอดรับช่อลดา ช่อลดาตกใจ
รีบโทรบอกภัทร ภัทรเซ็งที่ช่อลดามาวันแรกก็ทำเสียฤกษ์ เธอที่จะต้องไปรับเมลานีไปงาน
เลยจำใจต้องไปดูแลกรวิกแทนก่อน เมลานีขับรถไปงานเอง ระหว่างนั้น
ลักษณ์เองก็ขับรถเข้ามาคนละทางกับเมลานี แต่เห็นซองจอดรถที่เดียวกัน
ต่างคนต่างถอยเพื่อจะเข้าจอดจนแถบจะชนตูดกัน
เมลานีก้าวลงจากรถเดินไปเคาะกระจกรถอีกคันด้วยความโมโห
หญิงสาวสวมแว่นกันแดดอันเบ่อเร้มปิดบังใบหน้า ลักษณ์กดเลื่อนกระจกรถลงอย่างงงๆ
เมลานีวีน "นี่คุณตาบอดรึไง ฉันถอยรถจะเข้าจอดก่อน คุณไม่เห็นเหรอ" "เห็นครับ
แต่ผมเข้าใจว่าคุณจะกลับรถ
เพราะที่จอดรถตรงนี้สงวนไว้สำหรับรถทะเบียนเดียวกับรถที่ผมขับ
คุณดูที่ป้ายนั่นสิครับ"
เมลานีเห็นเลขทะเบียนรถตรงกับเลขทะเบียนที่เขียนติดอยู่ในที่จอด
แต่หญิงสาวก็ยังไม่ลดราวาศอก "แต่วันนี้ฉันมาเป็นแขกวีไอพีของที่นี่
เพราะฉะนั้นฉันจะจอดตรงนี้" "ที่จอดรถสำหรับลูกค้าของโรงพยาบาลก็มีนี่ครับ
อยู่ที่ชั้น 7 ครับ" "ฉันจะจอดตรงนี้ ใครจะขับวนขึ้นไปตั้งชั้น7 เสียเวลา"
"แต่ลูกค้าท่านอื่นก็ไปจอดที่นั่นทั้งนั้น" "ฉันไม่ใช่ลูกค้า ฉันมาทำงาน"
"คุณเป็นพนักงานของที่นี่หรือครับ อยู่แผนกไหนครับ" "ฉันไม่ใช่พนักงานที่นี่
โรงพยาบาลเชิญฉันมาทำงานวันนี้ในฐานะแขกวีไอพี นี่ถามจริงๆนายจำฉันไม่ได้รึไง"
ลักษณ์ เพ่งมอง "เราเคยรู้จักกันหรือครับ" "ฉันไม่รู้จักนาย แต่นายต้องรู้จักฉัน
ใครๆ ในประเทศนี้เขารู้จักฉันกันทั้งนั้น" "แต่
ผมแน่ใจครับว่าผมไม่เคยรู้จักคุณหรือเคยเห็นหน้าคุณด้วยซ้ำ" เมลานีแทบกรี๊ด
"นี่นายมาจากหลังเขารึไง หมอคนไหนเข้าไปขุดนายมาขับรถหา
สงสัยไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงหมู่บ้านสิท่า ถึงไม่รู้ว่าฉันป็นใคร"
"แล้วคุณเป็นใครล่ะครับ" ลักษณ์งง
"ฉันเป็นใครก็ได้ที่จะจอดรถตรงนี้แล้วไม่มีใครว่าก็แล้วกัน ออกไปได้แล้ว
ไม่งั้นนายโดนเฉดหัวออกจากงานแน่ถ้ามีเรื่องกับฉัน ไปสิ" ลักษณ์อึ้ง
แต่ในที่สุดก็จำใจถอยรถออกจากตรงนั้นเพราะไม่อยากมีเรื่อง
เมลานีมองนาฬิกาแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ลิฟท์ หญิงสาววิ่งเข้าไปในลิฟท์
กดลิฟท์ไปที่ชั้น 12แล้วเดินไปชิดมุมเอาหน้าหลบผู้คนเพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาใคร
ลักษณ์วิ่งเข้าไปในลิฟท์เป็นคนสุดท้าย แล้วกดชั้น 10 ลิฟท์ไต่ไล่ชั้นไปเรื่อยๆ
จนญาติคนไข้ออกไปจากลิฟท์จนหมด เมลานีเข้าใจว่าทุกคนออกไปจากลิฟท์หมดแล้ว
จึงหันหน้ามาเจอลักษณ์เข้าเต็มๆ ลักษณ์ส่งยิ้มให้อย่างมีมารยาท
แต่เมลานีเข้าใจว่าลักษณ์ยั่วโทสะ สะบัดหน้าหนีพรึ่ด สักครู่ไฟในลิฟท์ก็ดับวูบ
แล้วสว่างขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับไฟโชว์ที่เลขชั้นค้างเติ่งที่ชั้น 8
ลักษณ์เอื้อมมือไปกดที่ปุ่มเลขอื่นๆแต่ไฟไม่โชว์ เมื่อชายหนุ่มกดปุ่มให้ลิฟท์เปิด
ระบบกลับไม่ทำงาน ลักษณ์หันบอกเมลานีว่าสงสัยลิฟท์ค้าง เมลานีตกใจ
เมลานีกดขอความช่วยเหลือถี่ยิบ แหกปากตะโกนลั่นให้คนช่วย
พร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าโบกไล่ความร้อนไปด้วย ลักษณ์เตือนเมลานี "ยิ่งคุณตะโกนมาก
คุณก็ยิ่งใช้พลังงานมาก ยิ่งคุณใช้พลังงานมาก คุณก็ยิ่งหายใจไม่ออก
ทางที่ดีคุณควรจะประหยัดพลังงานด้วยการยืนนิ่งๆแล้วหายใจลึกๆ ช้าๆ"
"นายจะยืนทำสมาธิอะไรของนายก็เชิญ ฉันยืนอยู่เฉยๆแบบนายไม่ได้ ฉันตายไม่ได้
ฉันเป็นคนสำคัญ ฉันตายไม่ได้ นายเข้าใจมั้ย" "คุณเป็นคนสำคัญมากเลยหรือครับ"
"ก็ใช่น่ะสิ นี่นายถามจริงๆ หรือว่าเกรงโง่กันแน่" หญิงสาวถอดแว่นออก
กะว่าเป็นไม้ตายที่ยังไงชายหนุ่มก็ต้องจำเธอได้ "เอ้า ดูซะให้เต็มตาว่าฉันเป็นใคร"
ลักษณ์ขยับเข้ามาใกล้ แล้วจ้องหน้าหญิงสาวอย่างเอาเป็นเอาตาย "ผมเดาไม่ออกหรอก
คุณบอกผมมาเลยดีกว่าว่าคุณเป็นใคร" "ไอ้บ้า ไอ้โง่
กลับไปอยู่ป่าอยู่ดอยของนายตามเดิมเถอะไป๊"
หญิงสาวด่าชายหนุ่มเสร็จก็หันไปทุบประตูลิฟท์ แล้วตะโกนให้คนช่วยต่อ
ระหว่างที่หญิงสาวโวยวาย ชายหนุ่มปลดเนคไทตัวเองเอามาม้วนเป็นก้อนกลมๆ
และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด
ชายหนุ่มเอาก้อนเนคไทที่ม้วนแล้วนั้นยัดใส่ปากหญิงสาวอย่างนุ่มนวล
ก่อนที่จะจับแขนทั้งสองข้างของหญิงสาวไพล่หลัง เมลานีช็อกไปชั่วอึดใจ "ขอโทษนะครับ
มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณหยุดใช้ปาก แล้วหันมาหายใจทางจมูกอย่างเดียว"
เมลานีกรี๊ดลั่น แต่ก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา ก่อนจะรู้สึกว่าเริ่มไม่ไหวแล้ว
เหงื่อแตกพลั่ก ก่อนจะเริ่มหมดสติ ลักษณ์เข้าช้อนตัวเมลานี พยายามเรียกเมลานี
แต่เมลานียังไม่ได้สติ ภัทรที่ตามเมลานีมาที่รพ.ทีหลัง
พอรู้ว่าเมลานีติดอยู่ในลิฟท์ ก็แทบจะร้องไห้ ยิ่งโทษว่าเป็นความผิดของช่อลดาใหญ่
รีบให้เจ้าหน้าที่ไปช่วยเปิดประตูลิฟท์ ที่สุดเจ้าหน้าที่ก็แก้ไขได้
ประตูลิฟท์ค่อยๆเปิดออก แล้วภัทรก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกจนสุด
เห็นลักษณ์กำลังเม้าท์ทูเม้าท์เมลานีอยู่ที่พื้น ด้านช่อลดา
มาทำงานวันแรกก็โดนกรวิกเล่นซะอ่วม กรวิกบอกอยากกินลาซานญ่า
ให้เมลานีนั่งมอเตอร์ไซค์ไปซื้อให้ เมลานีกลับมาพร้อมลาซานญ่า
แต่ด้วยความที่นั่งมอเตอร์ไซค์นาน เลยเย็นชืดหมด
กรวิกสั่งให้เมลานีไปจัดแจงทำให้ร้อน เมลานีวิ่งวุ่นหาที่อุ่นลาซานญ่า
แต่พอเอากลับมา กรวิกก็นั่งกินข้าวกระเพราไก่ โดยไม่รอเสียแล้ว กรวิกปรายตามอง
พลางรวบช้อนแล้วดื่มน้ำ "ไม่รู้รึไงว่าเวลาทุกนาทีมันมีค่า" ช่อลดาสะกดใจ
กลั้นความรู้สึกเจ็บร้าวที่อยู่ข้างในไม่ให้เล็ดลอดออกมา "เอยทราบดีค่ะว่า
เวลาทุกนาทีมัน มีค่ามากแค่ไหน" "รู้แล้วก็จำใส่ใจเอาไว้ด้วย
ทีหลังจะได้ไม่ทำอะไรชักช้าเป็นเต่าคลานแบบนี้อีก"
ชายหนุ่มพูดจบก็หันไปคว้าบทแล้วเดินออกไป ช่อลดาถือจานลาซานญ่า
ที่อยู่ในมือแน่นแล้วสูดหายใจลึก พยายามบอกตัวเองว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นๆ
และดีขึ้นใจร้าว จบตอน 3
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
โบตั๋นกลีบสุดท้าย ใจร้าว สะใภ้ลูกทุ่ง ดินเนื้อทอง
ดาวจรัสฟ้า คิมชูซอน เมนูรักเชฟมือใหม่ สู่แสงตะวัน คู่ป่วนอลวน ภูติแม่น้ำโขง
เพราะรักนี้มิอาจลืม (Alone in Love) หีบหลอนซ่อนวิญญาณ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า
Readlakorn
2 comments:
สนุกมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
โอ๊ยยยยย
ลงแดงแน่ๆ คิมซูซอนแ พ้พี่เคนแน่ๆ ค้าาาาาาาาาาาาา
Post a Comment