ใจร้าว 10
กรวิกเดินจ้ำมาโดยมีชนม์ ไมค์ตามพรวดพราดเข้าห้องทำงานของลักษณ์ไป
ลักษณ์กำลังอ่านแฟ้มผู้ป่วยของช่อลดาอยู่ เงยหน้ามาก็ต้องแปลกใจที่เห็นกรวิก
กรวิกถามว่าเอาช่อลดาไปไว้ที่ไหน รู้ไหมว่าเขาเสียการเสียงานแค่ไหน ลักษณ์ฉุน
"เอยป่วยอย่างนี้แล้วคุณยังจะห่วงงานห่วงแต่เรื่องตัวเองอย่างนั้นเหรอ
จะมีแก่ใจถามสักคำมั้ยว่าเอยเป็นยังไง"
กรวิกอึ้ง แกล้งถามไปงั้นๆ ทั้งๆ
ที่ใจอยากจะรู้ใจจะขาด
"ก็แล้วเป็นยังไงล่ะ"
"ยังไม่ตายครับ
ยังอยู่ให้คุณทรมานได้อีกทั้งปี"
"ถ้างั้นตอนนี้ช่อลดาอยู่ที่ไหน
ผมจะได้ไปเยี่ยม"
"อย่าดีกว่าครับ ถ้าคุณไป ผมกลัวว่าเอยจะไม่ได้พักผ่อน"
"แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าป่วยจริงหรือป่วยการเมือง ถ้าคุณแอบลาพักร้อน
แล้วพากันไปนุ่งบิกินี่ฉลองกันที่ชายหาดแถวไหน ผมก็เสียหายฟรีๆ
สิมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นมันจะดีหรือครับคุณหมอ"
ลักษณ์โกรธจัดชกเปรี้ยงเข้าที่หน้ากรวิก
"ผมไม่ใช่นักแสดงอย่างคุณที่เที่ยวเล่นละครหลอกคนโน้นคนนี้ได้ตลอดเวลา
และถ้าเราจะทำอะไรเราก็ทำกันอย่างเปิดเผย ไม่เหมือนพวกคุณที่ต้องหลบๆซ่อนๆ
เป็นพวกลักกินขโมยกิน"
กรวิกเดือด "คุณจะดูถูกอาชีพผมมากเกินไปแล้ว"
"แล้วทีคุณหมิ่นเกียรติผมกับเอยล่ะ"
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ กรวิกเจ็บไปถึงกระดองใจ
ปราดเข้าไปชกหน้าลักษณ์จนล้มกลิ้งลงบ้าง เสียงเคาะประตูที่รัวถี่
ก่อนที่พยาบาลจะวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
"คนไข้ห้องวีไอพีช็อกค่ะ
คุณหมอพิสิษฐ์เชิญคุณหมอพบด่วนเลยค่ะ"
ลักษณ์ตกใจรีบผลุนผันตามสินีออกไปทันที
กรวิกมองตามออกไป ก่อนจะหันกลับมาเครียดที่ไม่คืบหน้าเรื่องช่อลดา
แท้ที่จริงแล้ว คนไข้ห้องวีไอพีที่ว่า ก็คือช่อลดานั่นเอง ที่เสียเลือดมาก
แต่เลือดยังส่งมาไม่ถึง ขาดแคลนอย่างหนัก เพราะวันนี้มีผู้ป่วยเสียเลือดมาก
ลักษณ์เครียดหนัก ห่วงช่อลดา พยาบาลจัดการประกาศขอรับบริจาคเลือด
กรวิกได้ยินเลยเข้าไปบริจาค
ช่อลดาหลับสนิท
ที่ข้างเตียงมีสายน้ำเกลือและสายเลือดห้อยระโยงรยางค์
หญิงสาวพับหน้าหันไปคนละทางกับกรวิกที่กำลังให้เลือดอยู่ สินีหันมาคุยกับพยาบาล
"พี่ฝากคนไข้ที่จะรอรับบริจาคเลือดแป๊บนึงนะ
เดี๋ยวพี่ไปตามคุณหมอเจ้าของไข้ก่อน"
สินีผลุนผลันออกไป
บุรุษเข็นเตียงช่อลดามาใกล้เตียงกรวิก มือช่อลดาไปโดนมอกรวิก กรวิกมองที่มือช่อลดา
พยาบาลพูด
"นี่ไงคะ คนไข้ที่มารอรับเลือดบริจาคของคุณ"
"เหรอครับ"
กรวิกหันไปมองช่อลดาซึ่งนอนอยู่เตียงข้างๆ ระยะห่างกันไม่ถึงเมตร
กรวิกพยายามจะมอง แต่พยาบาลเดินมาปิดม่านเสียก่อน กรวิกหันกลับมาไม่ได้สะกิดใจอะไร
สินีรีบไปบอกหมอลักษณ์ว่าตอนนี้มีผู้บริจาคเลือดให้ช่อลดาแล้ว
ลักษณ์เลยไปขอบคุณผู้ที่มาบริจาคเลือดให้
แล้วก็ต้องอึ้งเมื่อกรวิกกับลักษณ์ต้องพบกันอีกครั้ง ลักษณ์ฝืนยิ้ม
"ขอบคุณนะครับที่คุณมีน้ำใจบริจาคเลือดให้คนไข้ของเรา"
ลักษณ์พูดจบแล้วจะเดินออก กรวิกท้วงไว้ ถามหาช่อลดา
"ช่อลดาอยู่ที่ไหน
ถ้าคุณหมอบริสุทธิ์ใจก็ควรจะบอกผม อย่าลืมสิครับว่าเขาเป็นพนักงานของผมคนนึง
ผมมีสิทธิ์จะรู้ไม่ใช่หรือครับว่าคนของผมเป็นหรือตายอยู่ที่ไหน"
"คุณพูดเรื่องเป็นเรื่องตายกับเอยจนเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าทรมานให้เอยตายได้ คุณคงจะมีความสุขมาก แต่ความสุขของคุณคงมาไม่ถึงเร็วนักหรอก
เพราะบังเอิญผมเป็นหมอ และเรายืนอยู่คนละขั้วกัน
เพราะฉะนั้นอย่าคาดคั้นในเรื่องที่ผมไม่มีวันเปิดปากบอกคุณ เข้าใจตามนี้ด้วยนะครับ"
ลักษณ์หันหลังให้กรวิกแล้วเดินจากไป กรวิกตามออกไป แต่พอเห็นคนเริ่มจำตนเองได้
กรวิกก็รีบหันกลับใส่แว่นใส่หมวก ในขณะที่บรรดาญาติคนไข้ต่างกรี้ด วิ่งตามมาดู ชนม์
ไมค์ต้องกันไว้ก่อน พากรวิกออกไป
ช่อลดานอนนิ่งอยู่บนเตียงให้เลือดอยู่
ลักษณ์นั่งกุมมือหญิงสาวอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง
"ดีใจนะ
ดีใจที่สุดเลยที่เอยหายดีแล้ว แต่ทำไม
ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนั้นที่มาต่อลมหายใจให้เอย ทำไม"
ลักษณ์ขมขื่น
เจ็บปวดอยู่คนเดียว
ปรัชญาไม่พอใจ
เมื่อได้รับจดหมายให้ปลดเขาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
ปรัชญารู้ว่าปราชญ์ต้องเห็นชอบแน่ จึงไปโวยวายเอากับปราชญ์ ปราชญ์ใจเย็นบอก
"เขาย้ายแกไปทำงานด้านลูกค้าสัมพันธ์ตามที่แกถนัด มองโลกในแง่ดีบ้างสิ"
"ตำแหน่งกิ๊กก๊อกอย่างนั้นลูกจ้างที่ไหนก็ทำได้
ผมเป็นถึงลูกเจ้าของโรงพยาบาลจะให้ทำอย่างนั้นได้ยังไง
พ่อนั่งเป็นประธานในที่ประชุม ทำไมไม่ใช้สิทธิ์ในการเป็นประธานยับยั้งมติบอร์ด"
"แกลืมไปแล้วเหรอว่าโรงพยาบาลนี้เป็นทรัพย์สินส่วนหนึ่งของบริษัทมหาชน
และเจ้าของบริษัทมหาชนคือประชาชนที่ถือหุ้นในบริษัททั้งหมดไม่ใช่ฉันคนเดียว
ถ้าเสียงส่วนใหญ่มีมติออกมาอย่างนี้ แล้วแกจะให้ฉันยับยั้งยังไง"
"แล้วไอ้พวกหัวหงอกนั่นทำไมไม่กล้าลงมติในที่ประชุม ในเมื่อผมก็อยู่ด้วย"
ปรัชญาโวย
"เขายกมือกันตั้งแต่เปิดประชุม
ที่แกโผล่เข้าไปน่ะมันจะปิดประชุมอยู่แล้ว ทีหลังก็หัดมาให้ทันเวลาสิ
จะได้รู้ว่าเขาทำอะไรไปถึงไหนแล้ว"
ปรัชญาโดนพ่อแขวะกลับ
ยัวะจัดเดินปึงปังออกไป ปราชญ์ถอนหายใจเหนื่อย
00000000000000000000000
ลักษณ์มาหาปราชญ์ตามคำเชิญ ปราชญ์ต้อนรับอย่างอารมณ์ดี
และถามว่าอาการของช่อลดาเป็นยังไงบ้าง ลักษณ์ตอบว่าหายเกือบเป็นปกติแล้ว
เขาจะพากลับไปที่ห้องพักวันนี้ คงต้องขออนุญาตปราชญ์ใช้ห้องด้วย
ปราชญ์ตัดสินใจถามเรื่องแสงฉายว่าเป็นใคร
ลักษณ์เข้าใจว่าปราชญ์คงกลัวว่าเขาจะคบผู้หญิงสองคนในเวลาเดียวกัน
ปราชญ์บอกว่าอาชีพหมอ ความประพฤติส่วนตัวก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ
ลักษณ์ยิ้มบอกปราชญ์ให้สบายใจได้ เพราะเขากับแสงฉายแยกกันอยู่นานแล้ว
และกำลังจะหย่ากัน แต่ถ้าหากคำพูดเขาไม่มีน้ำหนักพอ เขาพร้อมจะพิจารณาตัว
ปราชญ์บอกเขาเชื่อใจลักษณ์ ก่อนถอนใจโล่งอก
อย่างน้อยปรัชญาก็ไม่เข้าข่ายแย่งเมียชาวบ้านซะทีเดียว
ปรัชญากำลังอารมณ์ไม่ดี
โวยวายจนเลขาเข้าหน้าไม่ติดอยู่ในห้องทำงาน แสงฉายก็โผล่มา
บอกว่าเธอจะหาทำเลที่จะเปิดสปา สาขาย่อยของโรงพยาบาลได้แล้ว
ปรัชญาถามว่าจะซื้อหรือเช่า แสงฉายเสียงดี๊ด๊า บอกว่าก็ต้องถามปรัชญาสิ
เพราะปรัชญาเป็นคนจ่ายเงิน ปรัชญาฉุนที่จู่ๆแสงฉายก็เอาภาระมายัดใส่มือเลยบอกปัด
เอาไว้คุยกันวันหลัง เขางานยุ่ง
แต่แสงฉายยังตื๊ออยู่ ปรัชญารำคาญ
บอกให้กลับไปก่อน เขาจะเคลียร์งาน แสงฉายยังอ้อนถามว่าระหว่างเธอกับงาน
อะไรสำคัญกว่ากัน ปรัชญาหน้านิ่งเข้มเอาจริงให้ออกไป
แสงฉายสะดุดกับน้ำเสียงแข็งกระด้างเย็นชานั้น ปรัชญาไม่ตอบ
หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายยิ้มแห้งๆจากไป ปรัชญามองตาม ภูมิใจในพลังเพศผู้ของตัวเอง
ด้านแสงฉายเมื่อออกมาจากห้อง ก็เจ็บใจ
"นึกว่าฉันจะกลัวแกงั้นเหรอ
รอให้ฉันรีดเงินจากแกจนพอใจก่อนเถอะ จะถีบหัวส่งให้ดู"
สัญญาณลิฟท์ดัง
แสงฉายก้าวออกจากลิฟท์โดยไม่ได้ดูชั้น แสงฉายจะเดินกลับเข้าลิฟท์
แต่ลิฟท์ดันเคลื่อนลงไปซะก่อน หญิงสาวเดินมากดลิฟท์อีกตัวอย่างหงุดหงิด
แต่แล้วก็เจอกับลักษณ์ ประคองช่อลดามาที่ลิฟท์
แสงฉายเดินเข้าไปพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม กวนๆ
"วันนี้มันวันซวยของฉันจริงๆ
แต่ที่ซวยที่สุดก็ตอนนี้ ตอนที่ฉันมาเจอคุณอยู่กับเมียน้อยพอดี"
ช่อลดาตกใจที่เห็นแสงฉาย และโดยที่ทั้งคู่ไม่ทันได้ตั้งตัว
แสงฉายก็ง้างมือตบเผียะใส่หน้าช่อลดาอย่างแรง ลักษณ์ก้าวออกมาบังช่อลดาไว้
ระเบิดอารมณ์ใส่แสงฉายอย่างยั้งไม่อยู่
"ทำไมต้องทำรุนแรงอย่างนี้ด้วย"
"แล้วที่คุณพาเมียน้อยเดินประกาศตัวว่าเป็นเมียหลวงถึงที่ทำงาน มันไม่รุนแรง
สำหรับฉันงั้นเหรอ"
"คนบ้าเท่านั้นที่จะคิดอย่างคุณ
ใครเขาจะมาทำอะไรที่โรงพยาบาล นอกจากเจ็บป่วยเขาถึงมา อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว
หัดมีสติหน่อยสิ"
"อ๋อ ป่วยเหรอ
ไหนดูหน่อยสิว่าคนป่วยคนนี้หนังหน้ามันหนาขนาดไหน"
แสงฉายจะพุ่งไปตบช่อลดาอีก
แต่ลักษณ์คว้าตัวไว้ทัน พร้อมขู่
"ถ้าขืนทำตัวแบบนี้
ก็อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากผมอีกแม้แต่บาทเดียว"
ได้ผล แสงฉายหยุดบ้าระห่ำทันที
เพราะความโลภมีมากกว่าความโกรธ แต่ก็ยังไม่วายขู่อาฆาตช่อลดา
"อย่าดัดจริตป่วยบ่อยก็แล้วกัน
ถ้าคราวหน้าฉันเห็นเธอควงหมอลักษณ์ที่นี่อีกล่ะก็
ฉันจะทำให้เธอหน้าแตกจนหมอไม่รับเย็บเลยคอยดู"
แสงฉายหมุนตัวกลับไปที่ลิฟท์ซึ่งเปิดออกรับเธอพอดี
ลักษณ์จับมือช่อลดาอย่างสงสารและเห็นใจสุดๆ ช่อลดาพยายามเช็ดน้ำตาไม่ให้ไหลรินออกมา
แต่มันก็ยังไหลรินอยู่นั่นแล้ว
กรวิกปลอมตัวใส่แว่นใส่หมวกเดินเข้ามาในล็อบบี้
ผ่านช่อลดาที่นั่งอยู่ที่โซฟา โดยที่ทั้งคู่ไม่เห็นกัน ชายหนุ่มมุ่งตรงไปที่ลิฟท์
ส่วนหญิงสาวก็นั่งซึมครุ่นคิดแต่เรื่องของตัวเอง กรวิกกำลังจะก้าวเข้าลิฟท์
แต่เหลือบไปเห็น ลักษณ์กำลังจ่ายค่ายาและรับยาออกมาจากเคาน์เตอร์
กรวิกกระโดดหลบที่กำบังซึ่งอยู่แถวนั้น แล้วโผล่หน้าออกมามองลักษณ์
ก่อนจะแอบสะกดรอยตามหลังลักษณ์ไป จนเห็นลักษณ์เดินไปหาช่อลดา
กรวิกกัดฟันพึมพำด้วยอารมณ์ฉุนกึก
"ฮันนีมูนหนักไปหน่อยมั้งถึงเพิ่งหอบกันมาโรงพยาบาล"
กรวิกตามแต่ไม่ได้นานนัก เพราะคนจำเขาได้ เข้ามามะรุมมะตุ้ม
กรวิกอึดอัดใจกับบทบาทความเป็นคนดังของเขายิ่งนัก
ลักษณ์ขอโทษช่อลดาเรื่องแสงฉาย และยอมรับว่าที่ผ่านมาเรื่องหย่ายังไม่เรียบร้อย
ช่อลดารู้ดีว่าแสงฉายไม่มีวันยอมหย่ากับลักษณ์ ลักษณ์ตกใจที่ช่อลดารู้
และเดาว่าแสงฉายต้องเคยไปหาช่อลดาและทำร้ายช่อลดาแน่
ช่อลดาน้ำตาร่วงแหมะบอกลักษณ์ว่าไม่เป็นไร เธอชินแล้วกับเรื่องร้ายๆ
ที่เข้ามาในชีวิต ลักษณ์เจ็บปวดไปกับหญิงสาวเพราะรู้ว่าเรื่องร้ายๆ
ที่หญิงสาวพูดถึงคือเรื่องอะไรบ้าง
กรวิกเซ็งที่เขาต้องไปงานเปิดตัวหนังสือปาปาราซซี่ของเจษฎา
แต่ก็ขัดความต้องการของดวงแก้วไม่ได้ กรวิกกลับมาอย่างเซ็งๆ
ก่อนจะตัดสินใจไปหาช่อลดาที่คอนโด ช่อลดาแปลกใจที่กรวิกมา ก็ลงมาหา
กรวิกดีใจที่เจอช่อลดา แต่ไม่วายกวนใส่ ว่าที่ช่อลดาไม่มาทำงาน ก็แค่อ้างว่าป่วย
แต่จริงๆ แล้ววางแผนไปฮันนีมูนล่วงหน้ามา แต่วันนี้ที่เขาเห็นช่อลดาที่โรงพยาบาล
ก็เพราะฮันนีมูนหนักไปหน่อย ช่อลดาตบหน้ากรวิกฉาดใหญ่อย่างสุดจะทน
"กรุณาอย่าดูถูกคนอื่นเมื่อคุณไม่รู้ความจริง"
กรวิกหน้าชา
เจ็บปวดมากกว่าโกรธ แต่แสดงออกด้วยอาการโกรธมากกว่าเจ็บปวด
"ความจริงอะไร
ความจริงที่ว่าเธอป่วยอยู่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์งั้นเหรอ
นั่นมันอาการของคนขั้นโคม่าแล้ว แล้วเธอเป็นอะไร ฉันไม่เห็นเธอเป็นอะไรสักนิด
ถ้าเป็นจริงก็เอาใบรับรองแพทย์มายืนยันสิ เธอกล้ามั้ยล่ะ"
ช่อลดายืนอึ้ง
คำท้าและท่าทางเย้ยหยันของกรวิกทำให้หญิงสาวยืนกัดฟันน้ำตาคลอใจร้าว จบตอน 10
ใจร้าว 11ช่อลดาขมขื่นใจ จะเอาใบรับรองแพทย์มาให้กรวิกดูได้ยังไง
ท้ายที่สุด ช่อลดาก็เดินหนี กรวิกโกรธจัด
"เธอไม่กล้า เพราะเธอโกหก"
กรวิกเดินมาประจันหน้าช่อลดา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงยียวน
"ทีหลังอยากไปฮันนีมูนที่ไหนก็บอกสิ จะได้จัดเวลาให้นานๆ ไม่ใช่มาโกหก
แล้วมีความสุขแบบล่กๆ จนต้องลากกันเข้าโรงพยาบาลแบบนี้"
ช่อลดาโกรธจัด
ตบหน้ากรวิกอีกเผียะ "หยาบคาย พี่ลักษณ์ไม่ใช่ผู้ชายหยาบกระด้างอย่างพี่วิก
รู้ไว้ด้วย"
ช่อลดาเดินผละออกมา แต่กรวิกคว้าตัวไว้ "หยาบกระด้างเหรอ"
กรวิกดึงตัวช่อลดาเข้ามาจูบไม่ใช่เพราะความโกรธ แต่เพราะโหยหามานาน ช่อลดาตะลึง
ไม่คิดว่ากรวิกจะทำอย่างนี้ สักครู่กรวิกค่อยๆผละออกมาเพราะสัมผัสกับน้ำตาของช่อลดา
กรวิกกำลังจะเอ่ยปากขอโทษ แต่ไม่ทัน ช่อลดาวิ่งออกไปจากตรงนั้นแล้ว
"ช่อลดา"
กรวิกวิ่งตาม ช่อลดาวิ่งเช็ดน้ำตาเข้ามา กรวิกวิ่งตามมาดึงแขนช่อลดา
"เดี๋ยว คุยกันให้รู้เรื่องก่อน"
ช่อลดาหยุดนิ่ง แต่ยังไม่หันมามองกรวิก
"ฉัน .. เธอจะต้องทำงานชดใช้เวลาที่หยุดไปให้ฉัน" กรวิกอยากขอโทษแต่ใจแข็ง
"พี่วิกไม่ต้องห่วงหรอก
เอยจะชดใช้ให้พี่วิกจนไม่มีอะไรติดค้างกันแม้สักวินาทีเดียว"
ช่อลดาสะบัดมือหลุดจากกรวิก แล้วเดินหนีอีก
"เธอจะไปไหน"
"นี่มันเป็นเวลาส่วนตัวของเอย ทำงานชดเชยให้พรุ่งนี้มันคงไม่สายไปไม่ใช่หรือคะ"
"แต่ฉันต้องการให้เธอชดใช้เดี๋ยวนี้ มานี่"
กรวิกคว้าแขนช่อลดาแล้วกึ่งลากกึ่งจูงมาที่รถ
ช่อลดาน้ำตาไหลพรากออกมาอีกอย่างสุดจะทน
"ปล่อยนะพี่วิก ปล่อย
อย่าทำแบบนี้กับเอย เอยเป็นคน มีชีวิตจิตใจ
ไม่ใช่สิ่งของที่พี่วิกนึกจะหิ้วไปไหนมาไหน จะทำอะไรก็ได้นะ"
ช่อลดาพยายามสะบัดมือให้หลุดจากกรวิก แต่ยิ่งสะบัดยิ่งแน่นติดหนึบ
ลักษณ์ขับรถเข้ามาจอด ลักษณ์ชะลอรถเมื่อเห็น ลักษณ์เห็นกรวิกกำลังดันเอยให้ขึ้นรถ
ลักษณ์รีบเปิดประตูรถออกมา
"หยุดนะ คุณกรวิก คุณจะพาเอยไปไหน"
"ทำงาน"
กรวิกไม่ยอมปล่อยมือช่อลดา
"งานอะไรของคุณ นี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว"
"คุณไม่ต้องรู้เรื่องส่วนตัวของผมสักเรื่องได้มั้ยคุณหมอ"
"ผมจะไม่ยุ่งถ้าคนที่คุณฉุดกระชากอยู่นี่ไม่ใช่เอย
กรุณาปล่อยมือคู่หมั้นผมด้วยครับ"
"เรากลับขึ้นห้องกันเถอะค่ะพี่ลักษณ์"
ช่อลดาบอกลักษณ์ ลักษณ์พยักหน้าให้ช่อลดา.ทั้งคู่กำลังจะก้าวเดินออกไป
"อย่าทำอะไรหักโหมจนพรุ่งนี้ต้องลาป่วยอีกล่ะ"
"จะพูดอะไรกรุณาให้เกียรติกันหน่อย อย่างน้อยเอยก็เคยเป็นคนที่คุณรัก"
"เรื่องสมัยเด็กๆ ผมจำไม่ได้หรอก แล้วมันก็ไม่ได้มีความประทับใจอะไรให้น่าจดจำ
ไม่เหมือนวีรกรรมเสี่ยงตายลงไปงมแหวนหมั้นในทะเลเหมือนกรณีของคุณหมอนี่"
ช่อลดาพยายามส่งสายตาขอร้องให้หยุดพูด แต่กรวิกไม่หยุด
"คุณหมอน่าจะขอบคุณผมนะ เพราะถ้าผมไม่เหวี่ยงแหวนนั่นลงไปในทะเล
คุณหมอก็คงไม่รู้ว่าความรักที่คุณเอยมีต่อคุณหมอมันมหาศาลขนาดไหน"
"นี่คุณกำลังจะบอกผมว่า
คุณเหวี่ยงแหวนหมั้นผมลงไปให้เอยงมหาในทะเลอย่างนั้นเหรอ" ลักษณ์ปะติดปะต่อเรื่อง
กรวิกงง ทำไมลักษณ์ต้องถามในเมื่อช่อลดาก็น่าจะเล่าให้ฟังแล้ว
"คุณรู้จักผู้หญิงคนนี้รึเปล่า
คุณรู้รึเปล่าว่าเธอว่ายน้ำไม่แข็งและเคยเกือบจมน้ำตาย หรือทั้งๆที่รู้
คุณก็ยังอยากให้เธอลงไปตาย ใจคอคุณทำด้วยอะไรคุณกรวิก"
ลักษณ์พูดกระแทกใจช่อลดาจนช่อลดากลั้นสะอื้นไม่อยู่
"ถ้าผมรู้ความจริงตั้งแต่วันนั้น หรือถ้าเอยจะเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังสักนิด
ผมจะไม่ปล่อยให้คุณกลับมาทำร้ายเอยอย่างนี้ แต่ ก็ยังดี รู้ความจริงตอนนี้
มันก็ยังไม่สาย ไป เอย หมดความจำเป็นที่ต้องทนผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว"
ลักษณ์พาช่อลดาเดินออกไป กรวิกอึ้งกิมกี่ที่ทำพลาดอย่างมหันต์
ช่อลดาไม่ได้เล่าเรื่องแหวนให้ลักษณ์ฟัง แต่เป็นตัวเขาหรือนี่ที่ปูดเรื่องนี้เอง
ช่อลดานั่งตาบวม
ไม่มีน้ำตาหลงเหลืออยู่บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความร้าวรานใจลักษณ์ลงนั่งข้างช่อลดา
"ทำไมเอยไม่เล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟัง"
"เอยไม่อยากให้พี่ลักษณ์ไม่สบายใจ
ถึงยังไงเอยก็ต้องเอาแหวนกลับคืนมาจนได้ นี่ไงคะ มันยังอยู่กับเอยเหมือนเดิม"
ช่อลดายื่นมือโชว์ลักษณ์ ลักษณ์มองช่อลดานิ่ง น้ำตาลักษณ์คลอด้วยความซาบซึ้ง
"ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก
แหวนวงนี้มันไม่ได้มีคุณค่าอะไรสำหรับพี่เลยถ้าเอยเป็นอะไรไป รู้มั้ย"
ช่อลดามองลักษณ์ น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาอีกเพราะความซึ้งใจ สักครู่
ลักษณ์เป็นฝ่ายเข้าประเด็น
"ทำไมผู้ชายคนนั้นต้องทำกับเอยถึงขนาดนี้"
ช่อลดาปวดแปล๊บขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ระหว่างเธอกับกรวิก
"เขาคงเกลียดเอยมากมั้งคะ"
"จะเกลียดยังไงก็ไม่ควรเล่นงานกันถึงชีวิต
พี่ว่ามันเกินไป ที่พี่พูดที่ข้างล่างเมื่อกี้ พี่หมายความอย่างนั้นจริงๆ
เอยไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องทนผู้ชายคนนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่
ถ้าเอยต้องการที่จะอยู่"
"การอยู่หรือไปของเอยมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับพี่วิกหรอกค่ะ
ถึงเอยจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้ มันก็ไม่ได้ทำให้พี่วิกรู้สึกดีกับเอยขึ้นมาได้
นับวันมีแต่จะเลวร้ายลง ที่ผ่านมาเอยถือว่าเอยชดใช้ให้เขาพอสมควรแล้ว
เอยตัดสินใจแล้วค่ะพี่ลักษณ์ เอยจะกลับอเมริกา เราจะกลับอเมริกาด้วยกันนะคะ"
ไม่มีการทัดทานอะไรจากลักษณ์ ลักษณ์พยักหน้าให้ช่อลดาหนักแน่น
เมลานีแวะมาหากรวิกที่บ้านและชวนกรวิกออกมานั่งเล่นที่สวน
กรวิกเห็นสีหน้ากรวิกไม่สบายใจเลยเอ่ยปากถามขึ้น เมลานีหันมามองกรวิกที่นั่งใกล้ๆ
ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"เมนี่ไม่เคยรักใคร ไม่ใช่ไม่มีคนมาจีบนะคะ
แต่เมนี่ไม่ถูกใจใครจนกระทั่งมาเจอคุณ เมนี่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าความรักได้รึเปล่า
รู้แต่ว่าเมนี่อยากเห็นคุณมีความสุข
อยากตื่นมาทำงานแล้วได้เจอคุณทุกวันอยากเห็นรอยยิ้มของคุณ
ที่สำคัญเมนี่ไม่อยากเห็นคุณทุกข์ใจ"
กรวิกนั่งตัวชา
ไม่คิดว่าเมลานีจะจริงจังกับเขามากขนาดนี้
"คุณไม่สบายใจเรื่องอะไร
เล่าให้เมนี่ฟังได้นะ"
"คุณอุตส่าห์ขับรถมาตั้งไกลในเวลาที่ควรจะนอน
เพียงเพราะอยากจะรู้ว่าผมไม่สบายใจเรื่องอะไรแค่นั้นเหรอครับ"
"ค่ะ
ถ้าเราเป็นห่วงใครสักคน เราจะหลับตาลงได้ยังไงคะถ้ารู้ว่าอีกคนยังไม่หลับ"
"คุณดีกับผมมากนะเมนี่ ผมดีใจที่ในเวลาเลวร้ายอย่างนี้ อย่างน้อยผมก็ยังมีคุณ
แต่เรื่องนี้.."
เมลานีอ่านใจกรวิกออกว่ายังไม่อยากพูดเรื่องที่อยู่ในใจ
เมลานีส่งยิ้มให้กรวิก
"ยังไม่อยากเล่าให้ฟังก็ไม่เป็นไรค่ะ
เมนี่แค่แวะมาบอกว่าเมื่อไหร่ที่คุณพร้อมก็บอกนะคะ
เมนี่ยินดีจะรับฟังและยืนอยู่ข้างคุณเสมอ วิกพักผ่อนเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว
เมนี่ขอตัวก่อนนะคะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ"
เมลานีลุกขึ้นยืน กรวิกลุกตาม
แล้วคว้ามือเมลานีมาจับก่อนจะขอบคุณออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
"ขอบคุณมากนะเมนี่"
เมลานีกุมมือกรวิกอีกทีแล้วยิ้มหวานให้แทนคำพูดว่า "ไม่เป็นไร"
โดยทั้งคู่หารู้ไม่ว่ามีทอปัดแอบยืนมองทั้งคู่ด้วยความไม่พอใจอยู่
00000000000000000000
กรวิกกลับเข้ามาในบ้านทอปัดยืนจ้องหน้า
แล้วหาเรื่องว่าเมลานีว่าทำแบบนี้ไม่ระวังตัวกลัวเป็นข่าวบ้างเลย
กรวิกบอกให้ทอปัดไปนอนไม่ใช่เรื่องของเด็ก ทอปัดไม่ยอมแพ้
กรวิกกลับเข้ามาในห้องได้พักหนึ่ง ทอปัดเดินเข้ามาในห้อง กรวิกแปลกใจมาก
และตกใจกว่านั้นเมื่อจู่ๆทอปัดปลดเสื้อคลุมลงมาแสดงให้เห็นความไม่เด็กของตัวเอง
กรวิกตกใจมากรีบแกะมือทอปัดออก ทอปัดพยายามกอดรัดกรวิกไว้แน่น กรวิกผละมาได้
"เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอทอปัด"
"ใช่ ปัดมันบ้า บ้าเพราะรักพี่วิกไง"
"ยายปัด" ทอปัดตะลึง
"ปัดไม่สวยไม่เซ็กซี่ตรงไหน
ปัดมีดีกว่ายายสองคนนั่นตั้งเยอะ ทำไมพี่วิกไม่มองไม่สนใจปัดบ้าง ปัดรักพี่วิกนะคะ
ปัดไม่ยอมให้พี่วิกเป็นของคนอื่นหรอก พี่วิกต้องเป็นของปัดคนเดียว"
ระบายความในใจเสร็จ ทอปัดก็พุ่งเข้าไปจูบรัดกรวิก กรวิกดันทอปัดออกอย่างแรง
"ถ้าฉันเคยทำให้เธอเข้าใจผิด ก็ขอทำความเข้าใจกับเธอใหม่ตรงนี้เลยก็แล้วกันว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันรักเธออย่างน้องสาว และมันก็จะเป็นอย่างนั้นตลอดไป
ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ เข้าใจมั้ยทอปัด"
ทอปัดยืนตะลึงกับคำพิพากษาของกรวิก กรวิกข่มอารมณ์พยายามให้เป็นปกติ
"ออกไปได้แล้ว"
"ไม่ค่ะ ปัดไม่ไป ปัดรักพี่วิก"
ทอปัดไม่ลดละความพยายาม
กรวิกถอนใจ แกะมือทอปัดแล้วเดินออกไปจากห้องทันที
ทอปัดหันไปมองกรวิกน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวด
"สักวัน
ปัดจะทำให้พี่วิกเห็นปัดอยู่ในสายตาให้ได้ คอยดู"
ทอปัดตาลุกเป็นไฟที่เต็มไปด้วยพลังแค้น
รุ่งขึ้นช่อลดามาที่ทำงานกับกรวิกตามปกติ ช่อลดาพยายามดูแลเอาใจกรวิกอย่างดี
ไม่ปริปากพูดเรื่องที่ผ่านมาจนกรวิกอดแปลกใจไม่ได้
กรวิกคิดจะเอ่ยปากขอโทษแต่แล้วเมลานีก็เดินเข้ามาเสียก่อน
เมลานีถือซุปมาให้กรวิก กรวิกเห็นความดีของเมลานีก็ไม่กล้าจะปฏิเสธความสัมพันธ์
ช่อลดาเห็นเมลานีดูแลกรวิกเป็นอย่างดีก็มองอย่างสบายใจลึกๆที่เห็นคนรักได้รับการดูแล
ลักษณ์มารับช่อลดาและกลับไปด้วยกัน กรวิกได้แต่แอบมองตาม
ใจร้าว จบตอน 11ใจร้าว 12
ลักษณ์ตัดสินใจจะลาออกจากรพ. เพื่อไปอเมริกากับช่อลดา
โดยลักษณ์ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของรพ.
ปราชญ์รู้ตัวว่าคงห้ามอะไรลักษณ์ไม่ได้ เพียงแต่รู้สึกเสียใจและเสียดาย
ปราชญ์โผกอดลักษณ์ ลักษณ์รู้สึกแปลกๆ
ขณะที่ปราชญ์มีความสุขมากเมื่อได้กอดลูกชายแท้ๆของเขาโดยที่ลักษณ์ไม่รู้ความจริง
ปราชญ์เรียกทนายความมาคุย บอกว่าเขาต้องการทำพินัยกรรมฉบับใหม่
โดยหารู้ไม่ว่าปรัชเดินเข้ามาได้ยินพอดี ทนายงง ถามว่าปราชญ์มีทายาทอีกหรือ
ปราชญ์บอกว่า เขาต้องการแบ่งพินัยกรรมแบ่งทรัพย์สมบัติเท่าๆ กัน
โดยทายาทอีกคนคือลักษณ์นั่นเอง
เป็นลูกที่เกิดกับภรรยาที่เขาอยู่ด้วยก่อนจะมาเจอกับแม่ของปรัชญา
แล้วก็ต้องพลัดพรากกันไป แต่วันนี้เขาได้เจอกับลักษณ์แล้ว
และต้องการจะชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ปรัชญาอึ้งกิมกี่ที่ได้ยิน
ปรัชญาพรวดพราดเข้าไปหาลักษณ์ในห้องทำงาน ถามว่าลักษณ์ไปแล้วจะไปลับหรือไม่
จะไปจริงหรือเปล่า ลักษณ์ยืนยันว่าเขาจะไปจริงๆ
ปรัชญาจ้องหน้าลักษณ์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ บอกว่าถ้าไปจริงก็ดี
จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้าง และหวังว่าคงจะไม่ต้องกลับมาที่เมืองไทยอีก
ลักษณ์งงว่าปรัชญาเป็นอะไร
ช่อลดาก็เอ่ยปากชวนกรวิกมาทานข้าวที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง กรวิกยอมมาด้วย
พอมาถึงช่อลดาก็ถามว่ากรวิกจำโรงแรมนี้ได้ไหม
ภาพในอดีตที่กรวิกเคยสัญญากับช่อลดาว่าวันหนึ่งหากตัวเองเป็นซูปเปอร์สตาร์
จะพาช่อลดามาทานอาหารที่ชั้นบนสุดของโรงแรมสุดหรูแห่งนี้
"พี่วิกจำได้มั้ยคะว่าเคยพูดอะไรกับเอยไว้บ้าง"
กรวิกไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี
จึงเลี่ยงด้วยการนิ่งเงียบ ช่อลดาหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
แต่แล้วก็พยายามยิ้มฉุดบรรยากาศขึ้นมาอีก
"จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ
เราจะขึ้นไปทานข้าวบนชั้นบนสุดของที่นี่ พี่วิกสั่งได้เต็มที่เลยนะคะ
เอยเป็นเจ้ามือเอง เชิญค่ะ"
ช่อลดาเดินนำกรวิกไป กรวิกมองตามช่อลดา
เดาไม่ออกว่าวันนี้ช่อลดาเป็นอะไร ทำไมถึงได้อารมณ์ดีนัก
ช่อลดาจัดแจงสั่งอาหารให้กรวิก
"สั่งมาเยอะแยะอย่างนี้ ใครจะกินหมด"
"ไม่หมดก็ไม่เป็นไรค่ะ
เอยอยากแน่ใจว่าสั่งอาหารจานโปรดของพี่วิกได้ครบทุกอย่างแล้ว"
กรวิกกวาดตาดูบนโต๊ะอีกครั้งก็พบว่า
อาหารทุกอย่างที่ว่างอยู่ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูที่เขาชอบทั้งสิ้น
"ยังอุตส่าห์จำได้"
"ไม่ใช่อุตส่าห์จำ แต่เอยจำได้ขึ้นใจต่างหากคะ
เอยเคยบอกแล้วไง ไม่มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพี่วิกแล้วเอยจำไม่ได้"
กรวิกอยากจะโยนความโกรธแค้นที่แบกไว้ทั้งมวลออกไปจากบ่า
แล้วโผเข้าไปกอดช่อลดาอย่างที่ใจต้องการ แต่ก็ทำไม่ได้ ไม่ใช่เพราะกลัวใครจะเห็น
แต่เป็นเพราะช่อลดามีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนแล้ว กรวิกจึงต้องตัดใจก้มหน้าก้มตาถาม
"แล้วที่พามาเลี้ยงนี่ เนื่องในโอกาสอะไร"
" ไม่มีโอกาสพิเศษอะไรหรอกค่ะ
เอยเลี้ยงเพราะอยากเลี้ยง
บางทีอาหารมื้อนี้อาจจะเป็นมื้อที่ทำให้พี่วิกมีความทรงจำที่ดีกับเอยบ้าง"
กรวิกเงยหน้าขึ้นมามอง ก็ประสานสายตากับช่อลดาเข้าอย่างจังช่อลดาส่งยิ้มให้
แล้วยกแก้วไวน์ขึ้นมา
"ดื่มให้กับความสุข
ความสำเร็จและอนาคตอันสดใสของพี่วิกค่ะ"
กรวิกยกแก้วไวน์ขึ้นมาชนแก้วช่อลดา
ทั้งคู่ต่างจ้องมองกัน สักครู่กรวิกต้องเป็นฝ่ายหลบตา
แล้วก้มหน้าก้มตากินเพื่อกลบความประหม่าในใจ
0000000000000000000000
เมลานีถือปิ่นโตกำลังจะขึ้นรถ แต่รถเกิดเสียขึ้นมา
ลักษณ์ผ่านมาเลยเอ่ยปากชวนจะไปส่ง
ทีแรกเมลานีเล่นตัวแต่เห็นว่าเย็นมากแล้วฝนก็ตั้งท่าจะตกเลยยอมไปด้วย
ระหว่างทางรถติดฝนตก ลักษณ์เหล่มอง แน่ใจแล้วว่าเมลานีต้องมีอะไรในใจแน่
สักครู่จึงดึงปิ่นโตออกจากตักเมลนีเพื่อดึงความสนใจ เมลานีสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นลักษณ์ถอดปิ่นโตออกจากเถา
"นายทำอะไรของนาย"
"ถามได้ คุณมีอาหาร ผมก็จะขอกินบ้างน่ะสิ ไม่รู้จะติดอยู่ในรถอีกกี่ชั่วโมง
หิวจะตายหรือคุณไม่หิว"
"แล้วทำไมไม่ขอกันดีๆ ดึงไปจากมืออย่างนี้ได้ยังไง
ไม่มีมารยาท" เมลานีดึงกลับ
ลักษณ์ยิ้มที่ทำให้เมลานีเปิดปากพูดจนได้
ถึงจะเป็นการพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนก็เถอะ
"ผมก็อุตส่าห์รอ
คิดว่าคุณจะมีน้ำใจตอบแทนผมที่พาคุณกลับบ้าน แต่คุณก็ไม่เอ่ยปากชวนซะที
หรือว่าทำมาให้ใครกินก็ไม่รู้"
"ทำมาให้ใคร ฉันทำมากินเองต่างหาก"
ว่าแล้วเมลานีก็ตักอาหารในปิ่นโตกินโชว์ลักษณ์
ลักษณ์ยิ้มที่นอกจากจะทำให้เมลนีพูดได้แล้ว ยังสามารถทำให้เธอกินๆๆและกินได้อีก
เมลานีกินเพลินไปได้ชั่วครู่ก็รู้สึกกระดากใจที่นั่งกินอยู่คนเดียว
เลยชวนลักษณ์กินด้วยเป็นพิธี
"เอ้า แม่ฉันเคยสอนไว้ว่าการทำทานเป็นสิ่งที่ดี"
"อาหารคุณหน้าตาแปลกๆนะ เรียกว่าอะไรบ้างเนี่ย"
" นี่สลัดปลาคังทอด
นี่เมี่ยงปลาเผาใบชะพลู แล้วก็นี่แกงเขียวหวานเห็ดโคนห่อไข่"
"ไม่รู้จักแล้วก็ไม่เคยกินสักอย่าง
อ้อ..เคยกินแกงเขียวหวานแต่มันเป็นน้ำแกงไม่ได้แห้งแบบนี้"
"ฉันทำแบบขลุกขลิก
นายไปอยู่ไหนมาถึงไม่รู้จักอาหารไทย เป็นคนไทยรึเปล่า"
"เป็นครับ
แต่อยู่เมืองนอกตั้งแต่เกิด เพิ่งจะได้กลับมานี่แหละ นี่ฝีมือคุณทั้งหมดเลยเหรอ
สลัดกับเมี่ยงนี่ถ้าปลาไม่ทอดหรือเผาก็คงดี จะได้ไม่เสี่ยงกับโรคมะเร็ง
ส่วนแกงเขียวหวานเค็มไปนิดนะ ระวัง โรคไตจะถามหา"
เมลานีอยากจะเอาปิ่นโตทุ่มใส่ลักษณ์ซะให้รู้แล้วรู้รอด
อุตส่าห์ให้กินแล้วยังจะมาวิจารณ์หน้าตาเฉย
00000000000000
โรงแรมสุดหรูแสงเทียนโรแมนและเครื่องดื่มไวน์ตั้งอยู่บนโต๊ะ
กรวิกเอ่ยปากขอบใจช่อลดาสำหรับอาหารมื้อนี้
"ขอบใจมากนะสำหรับอาหารมื้อนี้
อร่อยมาก เอาไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงเธอกลับบ้าง"
"ถ้าไม่มีวันหลัง
แล้วพี่วิกจะจำวันนี้ได้มั้ยคะ" ช่อลดายิ้มเศร้า
"ไม่รู้สิ บางทีฉันก็ขี้ลืม
ถามทำไมหรือถ้าฉันชวนเธอมาแล้วเธอจะไม่มา" กรวิกมอง ช่อลดาไม่ตอบ
แต่เสถามไปเรื่องอื่น
"เดี๋ยวพี่วิกต้องไปธุระที่ไหนรึเปล่าคะ"
"ส่งเธอที่อพาร์ตเม้นท์แล้วฉันคงกลับบ้านเลย"
"ถ้าเอยจะขอให้พี่วิกพาเอยไปที่ที่หนึ่งก่อนจะกลับบ้าน พี่วิกจะกรุณาเอยมั้ยคะ"
"เธอจะไปไหน" กรวิกเอ่ยปากถาม
ช่อลดาพากรวิกมาที่หน้าโบสถ์อันมะลังเมลืองศักดิ์สิทธิ์
ช่อลดาเดินเข้าไปหยุดยืนที่หน้าโบสถ์ กรวิกตามเข้ามายืนข้างๆ
ช่อลดาแหงนหน้ามองโบสถ์ แล้วเดินเข้าไปข้างใน กรวิกเดินตาม
ช่อลดาเดินมายืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นพระแม่มารีและองค์พระเยซู
ช่อลดายืนมองทั้งสองพระองค์น้ำตาคลออยู่ชั่วครู่ เหมือนกับได้พูดคุยกับท่าน
สักครู่จึงนั่งคุกเข่าลงที่หน้าตั่ง
ช่อลดาวางข้อศอกลงบนตั่งแล้วประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน
ก่อนจะโน้มหน้าผากลงมาแตะมือที่ประสานกันอยู่นั้น
กรวิกยืนมองภาพช่อลดาที่อยู่เบื้องหน้า
ก่อนจะเดินไปนั่งที่แถวเก้าอี้ซึ่งอยู่ถัดจากช่อลดาไป กรวิกนั่งรออย่างสงบ
ช่อลดาก้มหน้าหลับตาให้จิตนิ่ง
ไม่มีใครรู้ว่าเธออธิษฐานหรือขอพรอะไรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
ช่อลดาเดินสงบนิ่งออกมาจากโบสถ์ โดยมีกรวิกเดินตามหลัง หน้าตาเต็มไปด้วยคำถาม
"เธอมาที่นี่ทำไม"
ช่อลดากลั้นน้ำตาที่พร้อมจะทะลักออกมาให้ไหลย้อนกลับไปในใจ ก่อนจะหันมาหากรวิก
"เอยมาทำใจให้สงบค่ะ"
"ใจเธอไม่สงบ เพราะฉัน..งั้นเหรอ"
"ไม่ใช่ค่ะ
เพราะเอยเอง เอยไม่สงบเอง" ช่อลดายิ้มให้กรวิกอย่างเฝื่อนๆก่อนจะเดินหลุดไป
กรวิกมองตามช่อลดาอย่างละอายใจ
เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองบั่นทอนจิตใจช่อลดามากเพียงใด
แต่ช่อลดาก็ไม่เคยปริปากกล่าวโทษเขาแม้แต่คำเดียว
กรวิกขับรถพาช่อลดาจะมาส่งที่อพาร์ทเม้นท์
แต่ระหว่างทางก็ถามช่อลดาว่าอยากไปไหนอีกหรือเปล่า
ช่อลดาหันมามองหน้ากรวิกน้ำตาคลอเบ้า
"เป็นอะไร มองหน้าฉันทำไม"
"เอยอยากจำหน้าพี่วิกไปนานๆ"
"กลัวฉันจะตายวันนี้พรุ่งนี้งั้นเหรอ"
"อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ พี่วิกยังต้องอยู่รับความสำเร็จและความสุขในชีวิตอีกนาน
เอยเป็นกำลังใจให้นะคะ"
"ฉันเคยได้ยินเธอพูดแบบนี้มาแล้ว"
"เอยพูดซ้ำๆ
เพื่อจะได้แน่ใจว่า พี่วิกจำได้ว่าเอยรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้นะคะ"
"ฉันสิที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเธอ
ก็เธอเป็นคนพาฉันไปเลี้ยงข้าว ลืมไปแล้วเหรอยายบ๊อง"
"เอยไม่ได้ยินพี่วิกเรียกเอยอย่างนี้มานานมากแล้ว
ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ยังจำยายบ๊องคนนี้ได้"
ช่อลดายิ้มกรวิกนิ่งไปเพราะเผลอหลุดปากเรียกช่อลดาด้วยคำที่แสดงความสนิทสนมเหมือนเมื่อ
8 ปีที่แล้วโดยไม่รู้ตัว ช่อลดามองหน้าชายกรวิกนิ่ง คล้ายจะตราภาพกรวิกไว้ในใจ
ก่อนจะเดินจากไป กรวิกมองตามช่อลดาแล้วถอนใจเฮือกใหญ่
สักครู่จึงตัดสินใจเปิดประตูขึ้นรถไป
ช่อลดากลับมาถึงห้อง กรวิกเคาะประตูเรียก
ช่อลดาแปลกใจ
"เธอไม่ได้ตั้งใจจะพาฉันไปเลี้ยงข้าวอย่างเดียว
มันมีอะไรมากกว่านั้นแต่เธอไม่กล้าบอกฉันใช่มั้ย"
"เรื่องอะไรคะที่พี่วิกคิดว่าเอยไม่กล้าบอก"
"ก็เรื่อง เธอกับหมอนั่น
อาจจะเหม็นขี้หน้าฉันเต็มทนจนทำให้คิดที่จะแต่งงานกันเร็วขึ้นน่ะสิ"
"ถ้าเป็นเรื่องนั้น เอยจะต้องปิดพี่วิกทำไม
ในเมื่อการแต่งงานเป็นเรื่องที่ทุกคนน่าจะแสดงความยินดีต่อกันไม่ใช่หรือคะ"
"ถ้าอย่างนั้น เธอมีอะไรในใจ"
"ไม่มีค่ะ"
"ช่อลดา
อย่ายั่วโมโหฉันให้มากนักนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าฉันเท่าไหร่
ฉันมันผู้ชายหยาบคายเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ใช่สุภาพบุรุษเหมือนคู่หมั้นเธอ
แล้วเธอมาทำดีกับฉันทำไม เพื่ออะไร หรือแค่ต้องการจะยั่วฉัน ปั่นหัวฉันเล่นไปวันๆ
หา"
ช่อลดายืนนิ่งไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
นั่นยิ่งทำให้กรวิกพลุ่งพล่านหนักขึ้นจนระงับอารมณ์ไม่ไหว
กรวิกดึงช่อลดาเข้ามากอดแล้วจูบเข้าที่ปากเต็มรัก เนิ่นและนาน
จนกระทั่งรู้สึกถึงน้ำใสใสที่ไหลรินอาบแก้มของช่อลดา กรวิกผละออกมา
แล้วนึกในใจว่าอีกอึดใจช่อลดาคงตบหน้าเขาฉาดใหญ่ แต่ช่อลดากลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ
"ไม่ว่าพี่วิกจะทำอย่างนี้กับเอยเพื่อต้องการแก้แค้น เพื่อความสะใจ
หรือจะเพื่ออะไรก็แล้วแต่ เอยจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว
พี่วิกอยากจะทำอะไรเอยก็เชิญเถอะค่ะ ถ้ามันเป็นความสุขของพี่วิก เอยยินดี"
"ฉัน
เอ่อ ฉัน ฉันขอโทษ"
กรวิกเห็นช่อลดาแล้วยิ่งรู้สึกผิด
อยากจะทำอะไรมากกว่าการขอโทษ แต่คิดว่าสิ่งที่ช่อลดาต้องการที่สุดตอนนี้
คือการอยากให้เขาไปพ้นๆจากห้องนี้เสียที
กรวิกยืนเคว้งอยู่ชั่วครู่แล้วจึงตัดสินใจเดินออกไป แล้วก็ต้องชะงักที่ประตู
เมื่อได้ยินเสียงช่อลดาดังแว่วทางด้านหลัง
"หลับฝันดี ทุกๆ คืนนะคะ"
ช่อลดาพูดแค่นั้นทั้งๆ ที่ใจอยากจะโผเข้ากอดสุดท้ายก็เดินกลับเข้าห้องไป
ใจร้าว จบตอน 12ใจร้าว 13
กรวิกได้รับจดหมายที่ช่อลดาฝากภัทรไว้ให้
และรับรู้ทุกสิ่งอย่างที่ช่อลดายังรักและรู้สึกเช่นไรกับตัวเขาเอง
ในจดหมายช่อลดาขอโทษที่ไม่ได้ทำงานให้ครบปี
โดยบอกว่าการจากกันครั้งนี้น่าจะเป็นสิ่งดีที่สุด
เพราะช่อลดาเข้าใจว่ากรวิกไม่เหลือเยื่อใยให้อีกต่อไป
และขอให้กรวิกกับเมลานีมีความรักที่ยืนยาว
กรวิกไม่รออีกต่อไปรีบบึ่งรถมาที่สนามบิน และวิ่งตามหาช่อลดา
ผู้คนในบริเวณนั้นพากันตกใจที่เห็นกรวิกซูปเปอร์สตาร์
แต่เวลานี้กรวิกไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว
กรวิกตามหาช่อลดาไม่เจอ
หัวใจของเขาเวลานี้เหมือนแตกสลายอีกครั้ง กรวิกมาเข้าห้องน้ำ และร้องไห้อย่างเสียใจ
แต่ทันใดนั้นชีวิตที่เหมือนสูญสิ้นกลับมามีหวังอีกครั้ง
เมื่อเดินออกมาแล้วเจอช่อลดาที่เพิ่งออกจากห้องน้ำหญิง
กรวิกรีบโผมาคว้ามือช่อลดาไว้ ช่อลดาหันไปมองด้วยความตกใจ
และเมื่อเห็นว่าเจ้าของมือนั้นเป็นใคร ช่อลดาถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความช็อกสุดขีด
ช่อลดายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ก็ถูกเจ้าของมือนั้นดึงหลุดไปอย่างรวดเร็ว
โดยไม่ทันตั้งตัวลักษณ์ถือถุงนิตยสารไปยืนคอยที่หน้าห้องน้ำเพื่อรอช่อลดา
กรวิกเปิดประตูรถแล้วดันช่อลดาเข้ารถ ก่อนจะวิ่งเข้าไปนั่งด้านคนขับแล้วกด
ล็อกประตู ช่อลดาหน้าตื่น ยังตะลึงไม่หาย ถามกรวิกว่าจะทำอะไร
และขอร้องให้กรวิกเปิดประตูให้เธอกลับไปด้านใน เพราะป่านนี้ลักษณ์คงรอแย่แล้ว
กรวิกสุดทน
“เธอจะเดินไปจากฉัน ทำซ้ำรอยเดิมเหมือนที่เคยทำกับฉันเมื่อ 8
ปีที่แล้วอย่างนั้นเหรอ เธอจะเลือดเย็นกับฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ ช่อลดา”
คำพูดไม่กี่คำของกรวิกสาบให้ช่อลดาใบ้สนิท
แขนขาเป็นอัมพาตขยับเขยื้อนไม่ได้ในบัดดล
กรวิกหันมามองช่อลดาซึ่งนั่งนิ่งเป็นหุ่นอยู่ข้างๆ
“โกรธฉันเหรอถึงได้นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา เธอรักหมอนั่นมากรึไง
ถึงได้ทำหน้าเหมือนจำใจที่ต้องมากับฉัน” กรวิกถามไม่หยุดแต่ช่อลดาไม่ตอบ
“ฉันถามไม่ได้ยินเหรอ ไม่พอใจอะไรก็พูดมาสิ”
ช่อลดาหันมาถามกรวิกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตาเต็มไปด้วยคำถาม
“พี่วิกจะพาเอยไปไหน”
กรวิกอึ้ง เพราะไม่รู้เหมือนกัน
ไม่ได้อยู่ในแพลนมาก่อนเลย กรวิกยังขับรถมาเรื่อยๆ กรวิกหันมามองช่อลดา
ในขณะที่โทรศัพท์ของกรวิกมีเสียงเรียกเข้าไม่ขาดสาย จนกรวิกหงุดหงิด
“จะโทรหาทำไมนักหนา” กรวิกปิดโทรศัพท์มือถือ แล้วโยนไปที่หลังรถ
ก่อนจะหันมาหาช่อลดา
“ตกลงเธอจะไม่พูดกับฉันไปตลอดชีวิตใช่มั้ย”
“เอยไม่เข้าใจ เรื่องมันกำลังจะจบลงด้วยดีอยู่แล้ว เอยไปตามทางของเอย
ส่วนพี่วิกก็มีคุณเมนี่ดูแล แล้วทำไม ทำไมเรื่องมันถึงไม่จบไม่สิ้นสักที”
“เพราะฉันไม่ต้องการให้มันจบแบบนี้ไง”
“แล้วพี่วิกต้องการให้มันจบยังไง
ที่พี่วิกรั้งเอยไว้เพราะต้องการจะแก้แค้นเอยให้ครบตามสัญญาแค่นั้นใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ ที่ฉันไม่อยากให้เธอไปก็เพราะ...”
กรวิกเกือบหลุดคำว่า “รัก” ออกมา
แต่เบรคตัวเองไว้ทัน พร้อมๆกับเบรครถดังเอี๊ยดเพื่อผ่อนอารมณ์ตัวเอง
“เพราะเธอ
เพราะจดหมายของเธอนี่ไง”
กรวิกโยนจดหมายของช่อลดาที่เปิดออกอ่านแล้วลงตรงหน้าช่อลดา
“เธอบอกมาสิว่าเธอเขียนข้อความพวกนี้ด้วยความรู้สึกอะไร รักและ
ปรารถนาดีต่อฉันอย่างเพื่อน อย่างพี่หรือว่าอย่างคนที่รักกัน
ตอบฉันมาสิว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นแค่อดีต
แค่เธอบอกฉันมาคำเดียวว่าเธอไม่ได้รักฉันแล้ว ฉันจะพาเธอไปส่งให้หมอนั่นทันที
และสัญญาว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับเธออีก พูดมาสิช่อลดา พูดมา”
ช่อลดาอึ้ง
แทนที่จะได้คำตอบ กลับต้องเป็นฝ่ายโดนกรวิกยัดเยียดให้ตอบคำถามซะเอง
ถ้าจะตอบว่า”ไม่รัก” ก็เท่ากับทรยศหัวใจตัวเอง แต่ถ้าตอบว่า “รัก” มันจะได้หรือ
ในเมื่อเธอเองก็มีพันธะกับลักษณ์ และกรวิกก็มีเมลานีอยู่แล้วทั้งคน
0000000000000
ลักษณ์ตกใจมากที่ช่อลดาหายตัวไป
พยายามตามหาและติดต่อไปทุกที่ จนตัดสินใจมาที่เพ้นเฮ้าท์ของกรวิก
และเจอกับเมลานีที่เดินหน้าเหี่ยวออกมาพอดี เมลานีแปลกใจสุดๆ
“อ้าว
ไหนพี่ภัทรบอกคุณกลับอเมริกาไปกับเอยแล้ว”
“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะเราไปถึงสนามบินแล้ว แต่จู่ๆเอยก็หายตัวไป”
“อะไรนะ” เมลานีงง
“คุณมาหากรวิกใช่มั้ย เขาอยู่รึเปล่า” ลักษณ์รีบถาม
เมลานีส่ายหน้า
“คุณไปดูมาหมดทุกที่
ที่ที่คิดว่าเขาน่าจะอยู่แต่ก็ไม่มีแม้เงาของเขาแล้วเขาก็ไม่รับโทรศัพท์คุณด้วย”
เมลานีพยักหน้าอึ้งๆ นึกสงสัยว่าทำไมลักษณ์ถึงเดาอะไรได้ถูกหมด
“เขาหายตัวไป ผมนึกแล้วเชียว”
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง
นายคิดว่าวิกพาเอยหนีไปอย่างนั้นเหรอ เขาอาจเป็นเจ้านายกับลูกน้องที่สนิทกัน
แต่เขาไม่มีวันทำอะไรบ้าๆอย่างนั้นเด็ดขาด”
“เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณมองโลกในแง่ดี”
“อย่างนายเขาเรียกว่าพาล
คู่หมั้นตัวเองหายไปแล้วมาโทษแฟนคนอื่นมันใช้ได้ที่ไหน เป็นผู้ชายประสาอะไร”
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ คุณพูดเองเออเองทุกอย่าง
หรือว่าลึกๆแล้วคุณก็คิดอย่างผมเหมือนกัน ถึงได้ชิงออกตัวด่าผมก่อนแบบนี้”
ลักษณ์จ้องหน้าช่อลดานิ่งก่อนจะเดินออกไป เมลานีหน้าร้อนผ่าว
นึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง
00000000000000000000
กรวิกขับรถมาจอดเทียบที่ท่าเรือ กรวิกเปิดประตูลงมา
แล้วเดินมาหาช่อลดาซึ่งยังคงนั่งมองไปรอบๆบริเวณอย่างมึนงง
“พี่วิกพาเอยมาที่นี่ทำไมคะ”
“ก็จะพาไปในที่ที่ไม่มีใครหาเธอเจอน่ะสิ ลงมา”
ช่อลดารีรอไม่ยอมลง กรวิกฉุดช่อลดาออกมาจากรถ ปิดประตูแล้วลากไปที่ท่าเรือ
กรวิกดันช่อลดาให้ลงไปนั่งในเรือ แล้วตัวเองก็สาละวนกับการหากุญแจในกระเป๋า
ช่อลดาอยากจะร้องไห้ ทำไมเวรกรรมถึงไม่จบไม่สิ้นซะที
กรวิกบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ สักครู่เสียงเครื่องยนต์คำราม
ขับให้ช่อลดาทะลึ่งพรวดจากที่นั่ง แล้ววิ่งออกไปจากเรือ กรวิกหันมาเห็น ตะโกนลั่น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะช่อลดา”
ช่อลดาไม่หยุดแต่ปีนขึ้นไปบนท่า
กรวิกดับเครื่องแล้ววิ่งตามช่อลดา ช่อลดาขึ้นไปบนท่าได้ก็ออกแรงวิ่งสุดกำลัง
กรวิกสปีดไล่ตามช่อลดาจนทัน กรวิกดึงแขนช่อลดาไว้
“คิดจะหนีฉันเหรอ
ถ้าจะหนีทำไมไม่ไปตั้งแต่ตอนที่ฉันให้โอกาสเธอที่กรุงเทพฯ”
“พี่วิกปล่อยเอยเถอะนะคะ เอยสงสารพี่ลักษณ์ เอยไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา”
“งั้นเธอก็พูดออกมาสิ ตะโกนออกมาเลยว่าเธอไม่ได้รักฉัน ว่ายังไง”
“ไม่รู้ว่าพี่วิกจะคาดคั้นเอาคำตอบจากเอยทำไม
ถ้าพี่วิกอยากจะแก้แค้นเอยก็เชิญเถอะค่ะ
อย่าบังคับเอยให้ต้องพูดในสิ่งที่เอยไม่อยากพูดเลย” ช่อลดาร้องไห้โฮ
“ฉันบังคับอะไรเธอ ฉันแค่ต้องการให้เธอพูดในสิ่งที่ใจเธอรู้สึกจริงๆ
ถ้าเธอรักผู้ชายคนนั้นก็บอกมา”
“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร
การที่เอยจะรักหรือไม่รักใครมันสำคัญกับพี่วิกด้วยหรือ
ในเมื่อพี่วิกก็มีคุณเมนีอยู่แล้วทั้งคน”
“เลิกพูดเรื่องคนอื่นสักทีได้มั้ย
ช่อลดา ฉันต้องการรู้แค่ระหว่าง “เรา”ความรู้สึกเธอยังเหมือนเดิม
เหมือนที่เธอเขียนบรรยายในจดหมายหรือเปล่า
หรือนั่นมันเป็นเพียงแค่คำพูดสวยหรูที่เธอต้องการทิ้งให้คนอ่านที่อยู่ข้างหลังเคลิ้มฝันไปวันๆเท่านั้นเอง”
ช่อลดาทั้งอึ้งทั้งสับสนที่เห็นกรวิกอ่อนลงจนเกือบจะเป็นพี่วิกของเธอคนเดิม
“ถ้าเธอไม่รักฉัน ก็ช่วยตะโกนออกมาดังๆฉันจะได้เข้าใจ
จะได้ทำใจปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เธอจะได้อยู่กับคนที่เธอรักสมใจสักที”
ช่อลดาน้ำตาคลอพูดกับกรวิกด้วยความสะเทือนใจ
“เอยบอกพี่วิกตั้งแต่ครั้งแรกที่เรากลับมาเจอกันไม่ใช่หรือคะว่าความรู้สึกที่เอยมีต่อพี่วิกเคยเป็นอย่างไร
วันนี้มันก็ยังเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง”
“หมายความว่าเธอยังรักฉัน”
“เอย..”.
“เธอยังยืนยันว่าเธอยังรักฉันใช่มั้ย”
ช่อลดาอยากร้องไห้ออกมาดังๆ กรวิกมองหน้าช่อลดา
“ได้
ในเมื่อเธอไม่พูดในสิ่งที่ฉันท้าให้เธอพูด
ฉันก็จะถือว่าเธอรักแล้วก็อยากจะอยู่กับฉัน เพราะฉะนั้น มานี่เลย
เธอหมดโอกาสที่จะต่อรองอะไรอีกแล้ว ช่อลดา”
กรวิกกึ่งดึงกึ่งลากช่อลดากลับไปที่เรือ
กรวิกพาช่อลดามาที่เกาะส่วนตัวของตัวเอง ลุงส่งกับป้าสวยวิ่งมาที่สะพาน
ดีใจที่เห็นกรวิก เพราะกรวิกไม่ได้มานาน
กรวิกแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักช่อลดาว่าเป็นภรรยาเขา
และบอกว่าเขาคงต้องไปๆกลับๆที่เกาะนี้กับกรุงเทพฯ เพราะมีงานต้องทำ ด้วย
ช่อลดาพูดไม่ออก ได้แต่ยืนตะลึงบื้อใบ้อยู่ตรงนั้น
ใจร้าว จบตอน 13
ใจร้าว 14ทอปัดคิดอยากจะใกล้ชิดทัดเทียมกับกรวิกให้ได้มากที่สุด
ที่สุดทอปัดก็ตัดสินใจไปหาเจษฎา บอกว่าเธออยากจะเป็นนางแบบ
เจษฎาขอแลกกับเรือนร่างของทอปัด
เจษฎาหงายตัวลงกระแทกหมอนเหงื่อแตกพลั่ก
แต่มีรอยยิ้มบนใบหน้า เพราะเพิ่งเสร็จกามกิจมาหมาดๆ
สักครู่ทอปัดซึ่งซ่อนร่างเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่ม โผเข้ามานอนซบอยู่บนอกชายหนุ่ม
“อย่าลืมที่สัญญากับปัดไว้นะคะ”
“ไม่ลืมหรอกน่า”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะค่ะ”
“อีกไม่นานหรอก รับรองว่าปัดได้ขึ้นปกแน่ แต่ตอนนี้
ขอดูคนเดียวก่อนยังไม่อยากให้ผู้ชายที่ไหนเห็น ผมหวง”
ทอปัดคิกคัก “แหม
มันก็แค่รูปบนปกหนังสือ ใครจะทำอะไรได้คะ”
“นั่นล่ะ
ผมไม่อยากให้ใครลามเลียคุณทางสายตา ผมหึง เซ็กซี่น่าฟัดไปหมดทั้งตัวอย่างนี้
เป็นใคร ใครจะไม่หึง”
เจษฎายืนยันคำพูดตัวเองด้วยการดึงหญิงสาวเข้ามากอดจูบแล้วฟัดกันอีกรอบ
ในขณะที่ทอปัดยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
เพราะความฝันอันเรืองรองที่จะทะยานเป็นนางเอกชื่อดังรออยู่ข้างหน้า
000000000000000000000000000
กรวิกบังคับให้ช่อลดาอาบน้ำ
ระหว่างนั้นโทรศัพท์จากเมลานีดังขึ้น
กรวิกตัดสินใจรับและโกหกว่ามาทำธุระต่างจังหวัด แต่จะกลับไปทำงานที่กรุงเทพตามนัด
เมลานีเล่าเรื่องช่อลดาหายตัวไป ลักษณ์ออกตามหาจ้าละหวั่น
กรวิกทำตกใจเหมือนเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้ แต่ตัดบทว่าเอาไว้เจอกันที่กองถ่าย
แล้วรีบขอตัววางสายทันที
ช่อลดาซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตเรียบร้อยแล้วกำลังใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมที่เพิ่งสระมาหมาดๆ
กรวิกมองช่อลดาตะลึงเหมือนถูกสะกด ช่อลดาหันมาเห็นแววตาที่กรวิกจ้องมองมา รีบหลบตา
กรวิกยิ้มมีความสุขหัวใจ ช่อลดาใจเต้นไม่เป็นส่ำ
แกล้งทิ้งผ้าเช็ดตัวลงมาปิดขาอันเรียวขาวแล้วยิ้มทำใจดีสู้เสือเปลี่ยนเรื่องพูด
“บ้านนี้กว้างขวางดีนะคะ เอ่อ คงไม่ได้มีห้องนอนแค่ห้องนี้ห้องเดียวใช่มั้ยคะ”
“มีห้องฝั่งตรงข้ามอีกห้องหนึ่ง ทำไว้สำหรับ..” กรวิกชะงักกึกแค่นั้น
“เอยขอไปนอนห้องนั้นนะคะ”
“ถ้ากลัวฉันนักก็ ตามใจ อยากจะไปนอนที่นั่นก็ได้
แต่ เธอแน่ใจเหรอ”
“ค่ะ” ช่อลดาตอบหนักแน่น
ช่อลดาเดินมาอีกห้องเห็นเตียงวางอยู่สองเตียง และสีสันในห้องก็ดูสดใสสบายตา
“พี่วิก..คงพาแขกมาพักที่นี่บ่อยนะคะ ถึงได้มีเตียงไว้รับแขกตั้งสองเตียง”
“ฉันไม่ได้เตรียมห้องนี้ไว้รับแขก”
ช่อลดาหันมามองกรวิกอย่างแปลกใจนิดๆ
แต่ก็ไม่กล้าทู่ซี้ถามอะไรอีก
“เอยนอนเตียงนี้ก็แล้วกันนะคะ
เอยไม่รบกวนพี่วิกแล้ว”
“จะไล่ฉันให้กลับไปนอนที่ห้องว่างั้นเถอะ”
กรวิกมองช่อลดาด้วยแววตาลึกซึ้งอ่อนโยน “แต่ ฉันยังกลับไม่ได้
จนกว่าจะจัดการภารกิจบางอย่างก่อน”
ช่อลดาหายใจไม่ทั่วท้อง ภารกิจบางอย่าง
คืออะไรกันล่ะ กรวิกจ้องหน้าช่อลดานิ่ง แล้วค่อยๆขยับเข้ามาหาช่อลดา
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆช่อลดาใจเต้นระรัว ช่อลดาถอยหลังหนีทีละก้าว
ตามจังหวะการรุกคืบของกรวิกมจนกระทั่งหลังชนฝา กรวิกเดินเข้ามาใกล้ช่อลดา
จนลมหายใจแทบจะรดกันอยู่ร่อมร่อ
“พี่วิก จะ จะทำอะไร”
“อยู่นิ่งๆ”
“อย่า เอ่อ อย่าทำอะไรเอยเลยนะคะ เอยขอร้อง” ช่อลดาปากสั่น
“ฉันก็ต้องขอร้องเธอให้อยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งหันไปทางขวาเด็ดขาด”
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งถูกสั่งให้ทำตามนั้น ช่อลดาค่อยๆหันไปมองทางด้านขวา
แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อป๊ะกับโคตรตุ๊กแกแค่ไม่ถึงคืบ
และมันกำลังจ้องมาที่ช่อลดาพร้อมส่งเสียงประกาศตัวเองว่าเป็นตุ๊กแกทันที
เท่านั้นเอง ช่อลดาก็ทนนิ่งไม่ไหว กรี๊ดลั่นแล้วโผเข้ามากอดกรวิกแน่น หลับตาปี๋
“กรี๊ด พี่วิกช่วยด้วย”
“นิสัยเหมือนเดิมไม่มีผิด”
กรวิกแอบขำช่อลดายังคงหลับตาปี๋
ในขณะที่กรวิกคลายหัวเราะแล้วเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอบอุ่นเข้ามาแทนที่เพราะไออุ่นของช่อลดาที่ยังเกาะเขาหนึบแน่น
000000000000000000
กรวิกก็พาช่อลดามาอีกห้องหนึ่ง พูดขำๆ
“ตกลงคืนนี้จะได้นอนกันมั้ยเนี่ย เข้าห้องนั้นออกห้องนี้อยู่นั่นแหละ”
กรวิกพูดไป พร้อมกับหยิบผ้าห่มผืนหนึ่งลงมาปูที่พื้นข้างเตียง
ก่อนจะหันมาหาช่อลดา
“ขึ้นไปนอนบนเตียงไป เดี๋ยวฉันจะนอนที่พื้นนี่เอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ เอยมารบกวนพี่วิก เอยนอนข้างล่างดีกว่าค่ะ”
ช่อลดาเดินไปหยิบหมอนลงมาวางบนผ้าห่มที่กรวิกปูไว้
แล้วสวดมนต์ไหว้พระก่อนจะล้มตัวลงนอน กรวิกจำต้องเดินไปที่เตียง กรวิกลงนอน
สักครู่ ต่างคนต่างพลิกหน้าหันมาสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ช่อลดาร้อนวาบ
หน้าแดงระเรื่อ ค่อยๆหันหลังให้กรวิกพลิกมาอีกด้านกรวิกยิ้ม
ไม่ได้ยิ้มแบบมีความสุขลึกๆในใจอย่างนี้มานานแล้ว ช่อลดาค่อยๆหันหน้ากลับมามองกรวิก
หน้าที่แดงซ่านแล้วซ่านหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นกรวิกทำตาหวานซึ้งใส่ช่อลดาหาเรื่องคุยกลบเกลื่อน
“เอ่อ คือ พี่วิกไม่ปิดไฟนอนหรือคะ”
“ถ้าปิด ฉันก็ไม่เห็นหน้าเธอสิ”
ช่อลดาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดหวานๆอย่างนี้หลุดออกมาจากปากกรวิก
จึงไม่ทันตั้งรับ ช่อลดา อายจนต้องพลิกตัวหันหนีกรวิกอีกครั้ง แต่แล้วจู่ๆ
กรวิกก็รู้สึกเหมือนมีลมหายใจใครอีกคนอยู่ใกล้ๆ
เมื่อหันไปดูก็พบว่าหน้ากรวิกอยู่ห่างหน้าเธอไม่ถึงคืบ
“พี่วิก อย่านะคะ”
“อย่าอะไร เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธองั้นเหรอ ฉันแค่เอาผ้าห่มมาให้
ที่นี่..ยิ่งดึกอากาศจะยิ่งหนาว”
กรวิกดึงผ้าห่มที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมาห่มให้ช่อลดาอย่างแผ่วเบา
“เอ้า
ทีนี้นอนได้แล้ว”
กรวิกกลับขึ้นไปนอนบนเตียง ช่อลดากระชับผ้าห่มขึ้นมาห่อตัว
ลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ช่อลดาอดที่จะเหลือบมองขึ้นไปหาคนที่นอนไม่มีผ้าห่มอยู่บนเตียงไม่ได้
แต่แล้วช่อลดาก็พบกับความว่างเปล่า ช่อลดาลุกขึ้นนั่ง
มองไปที่เตียงอีกครั้งก็ไม่มีร่างของกรวิกอยู่บนนั้น
ช่อลดามองไปรอบๆห้องก็ไม่ปรากฏเงาของกรวิก
ช่อลดามองไปที่ประตู
จะออกไปดูก็ไม่กล้า เพราะข้างนอกปิดไฟมืดหมดแล้ว
ช่อลดาไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่าการเอนตัวลงนอนตะแคงข้างเข้าหาเตียง
ขณะที่ครุ่นคิดว่ากรวิกหายไปไหนในเวลารวดเร็วพลันสายตาของช่อลดาก็มองลอดผ่านใต้เตียงไปป๊ะกับสายตาคนที่เธอเฝ้ามองหา
ซึ่งนอนอยู่ข้างเตียงฝั่งตรงข้าม
ช่อลดาหลบตา
รีบพลิกตัวกลับมาอีกด้านทันทีด้วยอาการเขินและหน้าแตกสุดชีวิต
กรวิกนอนกอดอกมองลอดใต้เตียงไปยิ้มไป
แม้ตอนนี้จะเห็นเพียงแผ่นหลังของหญิงสาวแต่เขาก็มีความสุข
เป็นความสุขที่เขาไม่ได้สัมผัสมานาน นานมากแล้ว
00000000000000000000000
รุ่งขึ้นกรวิกกำลังจะสตาร์ทเรือไปทำงาน
แต่แล้วก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมากลับมาที่บ้านพัก
ได้ยินช่อลดากำลังถามลุงกับป้าเรื่องจะหาตู้โทรศัพท์พอดี
กรวิกยิ้มๆทำทีเดินเข้ามาจูงช่อลดาไปที่มุมหนึ่งบนเกาะ
กรวิกต่อว่าช่อลดา
เป็นจังหวะเดียวกับกับที่เมลานีโทรตาม กรวิกจำต้องโกหกเมลานี
และภัทรว่าเกิดอุบัติเหตต้องขอยกกองจริงๆ แล้วจะชดใช้ค่าเสียหายให้
“พี่วิกทำตัวเป็นเด็กๆแบบนี้ทำไมคะ”
“เป็นเด็กยังไง”
กรวิกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ก็ไม่ไปทำงาน ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนเสียหาย”
“ใครเดือดร้อนเสียหาย
ฉันบอกพวกนั้นไปแล้วว่าฉันจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายออกกองวันนี้เอง”
“พี่วิกจ่ายค่าเสียหายด้วยเงินได้
แต่ใช้เงินซื้อความรู้สึกดีๆของทีมงานที่เสียไปไม่ได้หรอกค่ะ
เอยไม่เข้าใจพี่วิกมาเสียเวลาทำอะไรไร้สาระเดินตามเอยทั้งวันทำไม”
“ก็เพราะเธอคิดไม่ซื่อ คอยจ้องแต่จะหนีฉันไง
ถ้าฉันกลับมาไม่ทันได้ยินเธอคุยกับลุงส่ง
ป่านนี้เธอคงบีบน้ำตาให้ลุงแกพาขึ้นฝั่งหนีฉันไป แล้ว แล้วจะให้ฉันไว้ใจเธอ
ไม่ตามเธอทุกฝีก้าวได้ยังไง”
“ถ้าเหตุผลของพี่วิกมีแค่นี้ก็เลิกตามเอยเถอะค่ะ”
“ทำไม รำคาญฉันงั้นสิ”
“ไม่ได้รำคาญแต่ไม่ต้องตามเพราะเอยไม่คิดจะหนี”
“คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ
อยากจะเดินตามทั้งวันก็เชิญเถอะค่ะ” ช่อลดาพูดจบก็เดินหนี
กรวิกไม่ไว้ใจ
เดินตาม
00000000000000000000000000
ปรัชญาหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าลักษณ์ยังวนเวียนอยู่ในเมืองไทย
ไม่ยอมไปอเมริกาตามที่เคยบอก ขณะที่ปรัชญาเดินมาในรพ.
ก็เจอกับทนายที่กำลังจะเดินไปห้องปราชญ์
ปรัชญาเอะใจรีบหันไปทักว่ามีธุระอะไรกับพ่อของเขา ทนายบอกว่ามีเอกสารมาส่งให้
ปรัชญาอาสาว่าเขาจะเอาไปให้เอง ทนายอึกอัก จะไม่ยอมให้
แต่ปรัชญาถือวิสาสะคว้ามาทันที
พอลับตาทนาย ปรัชญาก็แกะเอกสารอ่าน
เห็นลิสต์รายการทรัพย์สินที่ปราชญ์จะยกให้ลักษณ์ยาวเหยียดเป็นหางว่าว
ปรัชญายืนอ่านร่างพินัยกรรมฉบับนั้นด้วยมืออันสั่นเทา ชายหนุ่มกัดฟันแน่น
แล้วประกาศลั่นอย่างเจ็บแค้น
“ไอ้หมอลักษณ์ กูให้โอกาสมึงแล้ว
แต่มึงก็ยังวนกลับมาหาที่ตายจนได้”
ปราชญ์เดินเข้ามาพร้อมทนาย
ปรัญชาหันมาเห็นพ่อก็ตกใจ ปราชญ์หันไปพยักหน้าให้ทนายออกไป
ปราชญ์ตำหนิที่ปรัชญาเสียมารยาท ปรัชญาบอกว่าเขารู้แล้วว่าลักษณ์คือพี่ชายของเขา
ปราชญ์อึ้ง พยายามอธิบายให้ปรัชญาเข้าใจ
“ความจริง
พ่อไม่ได้ตั้งใจจะปิดเรื่องนี้กับแกหรอกนะ เพียงแต่พ่อ รอ โอกาสที่จะอธิบาย
พ่อไม่แน่ใจว่าถ้าแกรู้ความจริงแล้ว แกจะรู้สึกยังไง รับได้รึเปล่า”
“ทำไมพ่อพูดอย่างนั้นล่ะ ผมควรจะดีใจด้วยซ้ำไปที่รู้ว่ามีพี่ชายอยู่อีกคน”
ปราชญ์ยิ้มออกมาได้ เป็นรอยยิ้มที่ทั้งโล่งอกทั้งสบายใจสุดๆ
และขอร้องไม่ให้ปรัชญาบอกเรื่องนี้กับลักษณ์ เพราะเขาจะขอบอกเอง
ปราชญ์ดึงลูกชายเข้ามากอดดีใจที่ลูกชายเข้าใจ โดยหารู้ไม่ว่า
หน้าที่ยิ้มแย้มเต็มไปด้วยไมตรีของปรัชญาเมื่อครู่กลับเต็มไปด้วยไฟแค้น
กรวิกไม่ได้ไปกองถ่าย อ้างว่ารถยางระเบิด ทำให้เมลานีตกใจมาก และเป็นห่วง
พอรู้ว่ากรวิกบอกว่ามาจากเส้นทางชะอำ ก็เลยลงทุนไปตามหาเอง
เพื่อแกะรอยว่ารถกรวิกยางระเบิดตรงไหน แต่พอตามหา ทุกอู่
ช่างบอกว่าถ้าเป็นกรวิกดาราดังจริง ป่านนี้ชาวบ้านคงแตกฮือกันแล้ว เมลานีนิ่งตัวชา
พยายามประมวลเหตุการณ์ หวั่นเรื่องที่คิดในใจว่าจะเป็นจริง
กรวิกโกหกเพื่ออะไรกันแน่
0000000000000000000000
ตกเย็นบ้านพักทั้งหลังเปิดไฟกริ่งและโคมไฟตามจุดต่างๆดูสว่างเรืองรองท่ามกลาง
แสงจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญ ป้าสวยกับลุงส่งกำลังช่วยกันเก็บจานชามอาหารมื้อค่ำ
แล้วเดินออกไป ในขณะที่กรวิกนั่งอ่านบท และช่อลดานั่งอ่านหนังสืออยู่คนละมุม
กรวิกค่อยๆละสายตาจากบทในมือขึ้นมาแอบมองช่อลดา
สักครู่ช่อลดาเงยหน้าขึ้นมาหยิบแก้วน้ำส้มซึ่งวางอยู่ข้างๆตัวขึ้นมาจิบ
กรวิกรีบยกบทขึ้นมาบังหน้า
ช่อลดาจิบน้ำส้มเสร็จจะหันกลับมาอ่านหนังสือต่อ
ช่อลดาเหลือบเห็นกรวิกอ่านบทอย่างตั้งใจจึงเผลอมองโดยไม่รู้ตัว
กรวิกคิดว่าช่อลดาก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
จึงค่อยๆเลื่อนบทลงจากหน้าแล้วตาต่อตาก็ประสานกันอย่างจังกลางอากาศ
ทั้งคู่รีบหลบตา แล้วทำเป็นก้มหน้าก้มตาอ่านสิ่งที่อยู่ในมือต่อ
จู่ๆไฟที่สว่างเป็นสีเหลืองทองสุกสกาวสดใสก็ดับวูบลง ทุกอย่างมืดมิดลงทันที
มีเพียงแสงนวลของพระจันทร์ที่ส่องลงมาแค่เพียงพอเห็นเงาคนลางๆ
“นั่งนิ่งๆนะ”
“ทะ ทำไมคะ”
“ก็นอกจากตุ๊กแกแล้วที่นี่ยังมีงูพิษสารพัดชนิดน่ะสิ
มืดไปหมดอย่างนี้มัน แยกไม่ออกหรอกว่าตรงไหนภูเขาตรงไหนบ้านคน”
“คุณวิกครับ
สะพานเครื่องปั่นไฟมันไหม้ ผมกำลังซ่อมอยู่
คงจะต้องอยู่กันมืดๆอย่างนี้สักพักนะครับ” ลุงส่งส่งเสียงมาบอก กรวิกตะโกนกลับไป
“ไม่เป็นไรครับลุง อยู่มืดๆอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน”
ช่อลดามัวแต่มองไปฝ่าความมืดออกไปทางหน้าบ้าน เพราะระแวงว่างูจะเลื้อยเข้ามา
จนไม่ทันระวังด้านหลัง
สักครู่ช่อลดาก็ร้องกรี๊ดตกใจเมื่อรู้สึกมีอะไรมาเกาะตรงขาทั้งสองขา
และกว่าจะรู้ว่าเป็นแขนของกรวิก ช่อลดาก็ถูกกรวิกช้อนตัวขึ้นมาแนบอกซะแล้ว
“เคยมีคนเตือนเธอมั้ยว่าคนร้ายกว่างู”
ช่อลดาตะลึงพึงเพริด
ใจเต้นเป็นกลองรัว กรวิกยิ้มกริ่ม ตาวาวเป็นประกาย
ใจร้าว จบตอน 14
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakornเว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
ใจร้าว ดินเนื้อทอง สื่อรักชักใยอลวน ดาวจรัสฟ้า คิมชูซอน
เมนูรักเชฟมือใหม่ ศิลามณี คู่ป่วนอลวน เจ้าหญิงลำซิ่ง ภูติแม่น้ำโขง
เพราะรักนี้มิอาจลืม (Alone in Love) หีบหลอนซ่อนวิญญาณ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า
Readlakorn
3 comments:
ชอบ ๆ อ่ะ อยากอ่านอีกอ่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่มาแบ่งปันกันอ่ะคะ
ขอบคุณจากใจค่ะ
ตอนที่ 25 จะมาตอนไหนค่ะ...
Post a Comment