Tuesday, October 28, 2008

คิมชูซอน- เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - คิมชูซอน (58)

คิมชูซอน 58

"สมัยก่อนใต้เท้า เคยหักหลังพ่อข้าและเอาชีวิตเขาด้วยใช่ไหมครับ
ทำไมไม่กล้าตอบคำถามข้าล่ะ ท่านหักหลังพ่อข้ายังไม่พอ ซ้ำร้ายกว่านั้น
ยังหลอกให้แม่ข้าหลงเชื่อ และยังปิดบังข้าไม่ให้รู้ถึงเบื้องหลังอันเลวร้ายของท่าน
บอกซิจริงหรือเปล่า" คิมชูซอนคาดคั้นโชชิคยอม กึมพยอทนไม่ไหว "เจ้าพูดพอหรือยัง
นี่เป็นการลบหลู่ใต้เท้านะ" "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ขอเตือนว่าอย่ามาแส่"
กึมพยอเดือดทันที "อะไรนะ" โชชิคยอมปราม "กึมพยอ เจ้าถอยไปก่อน ที่เจ้ามาวันนี้
เพื่อจะขุดคุ้ย สาเหตุการตายของพ่อ จุดประสงค์เพื่ออะไร" "ข้าแค่
อยากรู้ความจริงที่เกิดเท่านั้น อยากให้ท่านพูดความจริงออกมา"


"ถ้าต้องการแค่อยากรู้ความจริง ก็จงตามข้ามา" "สมัยก่อนใต้เท้า
เคยหักหลังพ่อข้าเป็นความจริงหรือเปล่า" "ใช่ ข้าเป็นคนเปิดโปง
แผนก่อกบฏของพ่อเจ้าในสมัยปีชองชุน ให้ผู้ใหญ่ได้รู้" "ทำไมครับ ทำไมถึงทำแบบนี้?"
"ข้าเปลี่ยนฐานะตัวเองจาก โจรกบฏกลายเป็นผู้ภักดีต่อราชสำนัก
โดยการหักหลังเพื่อนสนิท ทรยศสัจจะที่เคยให้ไว้ กลายเป็นว่าเราอยู่คนละฝ่าย
จนวันนี้แม้จะย่างเข้าบั้นปลายชีวิต ความรู้สึกละอายที่มีต่อพ่อเจ้า
ยังอยู่ในใจข้าเสมอ" "ฮือ งั้นที่ท่านดูแลแม่ข้ามาอย่างดีเพื่ออะไรกัน
นึกว่าทำแบบนี้ จะช่วยไถ่บาปที่เคยทำไว้กับพ่อข้าให้เบาบางลงได้หรือครับ"
"ที่ข้าช่วยดูแลแม่เจ้า ไม่ใช่เพื่อไถ่บาปที่ทำไว้กับจามยอง แต่เพราะข้า
หลงรักนางมาตั้งแต่ยังหนุ่ม จึงได้ทำอย่างงั้นต่างหาก" "ใต้เท้าโช กรุณาเงียบเถอะ
ข้าไม่อยากฟังอีกแล้ว" "หึ สวรรค์ลิขิตให้เราเป็นพ่อลูกบุญธรรม
เพื่อให้เจ้ามาลงโทษข้าที่สมัยก่อน เคยทำไว้กับเพื่อนกระมัง" คิมชูซอนเอาแต่ร้องไห้
โชชิคยอมนำบันทึกออกมา "นี่คือบันทึก ของกรมมหาดเล็ก ในปีชองชุน
ขณะเกิดเหตุกบฏโดยองค์ชายโนซาน ถ้าเจ้าอยากรู้ ก็ไปลองอ่านดู แล้วจะรู้ทุกอย่าง
ชูซอน ข้าไม่อยากเอาความเจ็บปวด และประสบการณ์ที่ตัวเองพบเจอ
ไปซ้ำเติมให้เจ้าเป็นทุกข์อีก นอกจาก อยากให้เจ้าเข้าใจ ความจำเป็นของข้าก็พอ"
"แต่ข้าเห็นว่าท่าน ไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับข้าอีกแล้ว" คิมชูซอนออกมา
เขาคิดเพียงลำพังอย่างข่มขืนว่า "หลายปีมานี้
ข้าหลงนับถือศัตรูที่ฆ่าพ่อเป็นพ่อบุญธรรมตัวเอง ทำไมสวรรค์
ต้องให้ข้าเจอเรื่องที่ทรมานจิตใจอย่างแสนสาหัสแบบนี้
เพราะอะไรครับ"พระเจ้ายอนซันทรงตรัสกับเหล่าขุนนางว่า "สมัยก่อนพระเจ้าเซโจ
จำต้องใช้กำลัง เพื่อกอบกู้สถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังย่ำแย่
จนสร้างรากฐานให้ราชวงศ์ของเราใหม่ ข้าจึงอยากให้ทุกท่าน
เขียนหนังสือเชิดชูประวัติของพระราชาที่ถัดมา 3 พระองค์
เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป" "น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าไม่มีเรื่องอื่นให้หารือ การประชุมวันนี้ ก็พอแค่นี้ละกัน" "ฝ่าบาท
เรื่องคืนยศให้มเหสีโซฮวาก็ได้ลุล่วงไปแล้ว
ถ้าไงทรงปล่อยตัวขุนนางสามกรมใหญ่ที่ถูกคุมขังดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ
จะให้ข้าปล่อยพวกคนเหิมเกริม ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตางั้นหรือ" "ฝ่าบาท
ตั้งแต่ขุนนางสามกรมใหญ่ถูกจับกุม งานหลายอย่างก็พลอยหยุดชะงักไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"อะไรนะ" "ถ้าฝ่าบาททรงเมตตา อภัยโทษให้พวกเขาในคราวนี้ ทุกคนคงจะสำนึกผิด
ต่อไปจะยิ่งมีแต่ความภักดีพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท หม่อมฉันก็เห็นว่าถ้ามีการอภัยโทษ
จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทกับขุนนางดีขึ้นพ่ะย่ะค่ะ" "หึ เอาเถอะ
ข้าจะถือว่า เห็นแก่พวกท่านซักครั้ง แต่ว่า ทีหลังถ้าพวกสามกรมใหญ่
บังอาจมาขัดคำสั่งหรือท้าทายข้าอีกละก้อ
ถึงตอนนั้นข้าจะเอาเรื่องกับพวกท่านที่มาขอให้ยกโทษด้วย จงอย่าลืมซะล่ะ"
พระอัยยิกายินซูยังไม่ทรงหายดี พระพันปีซุกยอนเฝ้าดูแล "พระอัยยิกาเพคะ
สุขภาพสำคัญที่สุด ต้องรักษาพระวรกายให้แข็งแรงนะ เพคะ" "เฮ่อ
ฝ่าบาทนับวันจะแข็งข้อ ไม่ยอมเชื่อฟังข้า แล้วให้ข้าแข็งแรงจะมีประโยชน์อะไรอีก"
"ถ้าไงพระอัยยิกาทรงอภัยให้ฝ่าบาทเถอะเพคะ
เพราะถ้าผู้ใหญ่ในวังเกิดความบาดหมางขึ้นเอง คนรอบข้างก็จะไม่สบายใจด้วยนะเพคะ"
"เพื่อจะคืนยศให้แม่ตัวเอง ถึงขนาดละเลยคำสั่งของอดีตพระราชา
ทำให้ราชสำนักเสื่อมเสีย คิดแล้วก็น่าโมโหที่เอาแต่ใจนัก เฮ่อ" "ทูลพระอัยยิกา
ฝ่าบาทเสด็จมาขอเฝ้าเพคะ" "เชิญเข้ามา" "พระอัยยิกา ทรงดีขึ้นบ้างมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ ฝ่าบาท ทุกวันนี้ข้าป่วยด้วยโรคทุกข์ใจต่างหาก เจ้ารู้หรือเปล่า" "ท่านหมอยาง
ทำไมอาการของพระอัยยิกา จนป่านนี้ยังไม่เห็นดีขึ้นอีก เสียที
เป็นหมอที่ดูแลฝ่ายในโดยเฉพาะ ช่างไม่รับผิดชอบเอาซะเลย ถ้าอีก 2-3
วันพระอาการยังไม่ดีขึ้นอีก ข้าจะลงโทษท่านเป็นคนแรก
ฉะนั้นต้องตั้งใจรักษาให้ดีล่ะรู้มั้ย" "หม่อมฉันจะพยายามพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท
โรคของข้า เกิดเพราะเจ้าเป็นต้นเหตุต่างหาก ไม่ต้องไปหาเรื่องคนอื่น
ติว่าหมอทำงานบกพร่องหรอกนะ" "พระอัยยิกา หม่อมฉันได้คืนยศให้มเหสีโซฮวา เป็นมเหสี
"แจฮอน" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โปรดอย่าทรงขัดแย้งกับหม่อมฉันอีกเลย" "แต่จนวันนี้
ยังมีขุนนางที่คัดค้านเรื่องนี้ไม่หยุดแถมยังถวายฎีกาด้วย แล้วเจ้าจะทำยังไง
กับฎีกาที่ส่งมากองท่วมหัวนั่นน่ะ" "ทูลพระอัยยิกา
ถ้าบ้านเรากำลังตัดสินใจเรื่องใหญ่อยู่ บ่าวไพร่จะมาชี้นำความคิดเห็นของผู้เป็นนาย
เจ้ากี้เจ้าการได้ยังไง หม่อมฉัน จึงต้องเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้รู้หน้าที่ซะบ้าง"
"ขุนนางสามกรมใหญ่ไม่ใช่บ่าวไพร่ของราชสำนัก
แต่เป็นนักวิชาการที่เสด็จพ่อเจ้าวางใจให้ช่วยคิดนโยบาย แล้วเจ้าจับพวกเขาไปขัง
มิเท่ากับปฏิเสธผลงานของอดีตพระราชา ซึ่งเป็นการลบหลู่เสด็จพ่อตัวเองหรอกหรือ"
"หม่อมฉัน มีความคิดไม่เหมือนเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ" "ว่าไงนะ"
"ตอนนี้หม่อมฉันเป็นพระราชาแห่งโชซอน แล้วทำไม
เสด็จย่าชอบเอาหม่อมฉันไปเปรียบกับเสด็จพ่ออยู่เรื่อยล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "นั่นเพราะว่า
หวังให้เจ้าเอาอย่าง
เป็นพระราชาที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและทำเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง"
"เสด็จพ่อทรงโชคดี มีเสด็จย่าซึ่งเป็นลูกขุนนางชั้นสูง เป็นพระมารดาคอยดูแลปกป้อง
ในขณะที่หม่อมฉัน เป็นลูกของมเหสีที่ถูกปลด ซ้ำถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อราชสำนัก
เป็นนักโทษอาญาร้ายแรง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว
หม่อมฉันจะเอาอะไรไปเปรียบกับเสด็จพ่อซึ่งเพียบพร้อมทุกด้านล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"บังอาจนัก ทำไมเจ้าชอบบิดเบือนความหมายของข้าและยังมาประชดอีก" "ฝ่าบาท
พูดแบบนี้เกินไปแล้วนะ ยังไม่รีบขอขมาต่อพระอัยยิกาอีก" พระพันปีซุกยอนทรงดุ
"การที่หม่อมฉันคืนยศให้เสด็จแม่ เพื่อหวังจะล้างมลทินที่ตัวเองเป็นลูกของนักโทษ
ปูทางไปสู่การเป็นพระราชาที่ดีต่างหาก" "ฝ่าบาท" "หม่อมฉันทูลถึงขนาดนี้แล้ว
หวังว่าพระอัยยิกาน่าจะทรงเข้าพระทัยบ้าง" พระเจ้ายอนซันเสด็จออกไปเลย "เดี๋ยว โอย
เฮ่อ โอย" พระอัยยิกายินซูทรงปวดใจยิ่งนัก "พระอัยยิกา ทรงเป็นไงบ้างเพคะ"
พระพันปีซุกยอนรีบถวายการดูแล "เฮ่อ
ไม่นึกว่าเรื่องมเหสีโซฮวาจะทำให้ฝ่าบาทเปลี่ยนไปขนาดนี้ น่าเป็นห่วงจริงๆ
น่าเป็นห่วงนัก โอย" พระชายาเห็นพระพักตร์พระเจ้ายอนซันเคร่งเครียดก็ทูลถาม "ฝ่าบาท
ทำไม พระพักตร์ดูเครียดนักล่ะเพคะ" "พระอัยยิกานี่ก็แปลก วันๆ
ชอบเอาข้าไปเปรียบกับเสด็จพ่ออยู่เรื่อย ทำให้ข้าอึดอัดจนแทบจะเหลือทนแล้ว"
"คงเพราะอยากให้ฝ่าบาท เจริญรอยตามการปกครองของอดีตพระราชากระมังเพคะ"
"แม้ว่าเสด็จพ่อ จะได้ชื่อว่าเป็นพระราชาที่สร้างความสันติสุข
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะพระเจ้า "เซโจ" ทรงปูรากฐานไว้ก่อน
อีกทั้งปราบกบฏที่แข็งข้อจนหมดสิ้นไป ป่านนี้บ้านเมืองของเรา คงมีแต่คนถ่อย
แถมยังแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยซ้ำ แม้ว่าในยุคของเสด็จพ่อ
จะวางนโยบายการปกครองที่เน้นความสันติ แต่ว่า ถ้ายังปล่อยให้ขุนนางมีอิทธิพล
ราชสำนักก็เป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น เพราะฉะนั้น
ข้าจะเอาอย่างพระเจ้าเซโจเป็นพระราชาที่ทรงอิทธิพล สร้างอำนาจที่ใครก็ไม่กล้าลบหลู่
เพื่อให้บ้านเมืองเข้มแข็ง ผู้คนเดินไปในทางเดียวกัน
ข้าจะเป็นพระราชาที่มีผลงานยิ่งกว่าเสด็จพ่อ เป็นที่กล่าวขานชั่วลูกชั่วหลานตลอดไป"
พระเจ้ายอนซันตกใจเมื่อคิมชูซอนมาทูลขอลาออก "เจ้ากรมมหาดเล็ก ท่านพูดอะไรน่ะ
จะขอลาออกงั้นหรือ" "หม่อมฉัน ไม่อาจทำหน้าที่เจ้ากรมมหาดเล็ก
เพื่อถวายการรับใช้ฝ่าบาทได้อีก ขอทรงอนุญาตให้ลาออกเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"บอกเหตุผลของการลาออกมาก่อนซิ" "เพราะหม่อมฉัน เป็นลูกของโจรกบฏคนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ"
"อะไรนะ ข้ารู้แต่ว่า เจ้าเป็นลูกหมอดูหญิง และก่อนจะเข้าวัง
ก็ได้เป็นลูกบุญธรรมของใต้เท้าโช ทำไมไปเป็นลูกกบฏได้ล่ะ ข้าไม่เชื่อหรอก" "ฝ่าบาท
หม่อมฉันไม่คู่ควรจะถวายการรับใช้แล้วจริงๆ โปรดทรงอนุญาต
ให้หม่อมฉันลาออกเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ปกติคนที่ตอนแล้ว ทางการจะไม่สนใจปูมหลังอีก
เพราะนั้น ต่อให้ท่านเจ้ากรม เป็นลูกกบฏจริงก็ช่าง
แต่ท่านเป็นมหาดเล็กที่เห็นข้ามาตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่
ทำหน้าที่รับใช้ราชสำนักมาอย่างยาวนาน เรื่องแค่นี้ข้าอภัยโทษให้ได้" "ฝ่าบาท"
คิมชูซอนซาบซึ้งมาก "ความจริงข้าก็เหมือนท่าน
อยู่ภายใต้คำว่าลูกนักโทษมาตั้งแต่เด็ก
เมื่อเรามีสภาพเดียวกันแล้วข้าจะลงโทษได้ยังไง ถ้าไงจะให้เวลาพักผ่อนซักหลายๆ วัน
ออกไปทำใจให้สบายแล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่ ข้าหวังว่า พอถึงวันที่ท่านกลับมาอีกครั้ง
จะเป็นคนใหม่ที่มาช่วยข้าแบ่งเบาภาระอย่างเต็มกำลังเหมือนเดิมอีก"00000000000
ยางซองยุนเห็นหน้าคิมชูซอนหมองก็อดบ่นไม่ได้ "เป็นไรอีกล่ะ
ทำหน้ายังกะญาติเสียหรือไม่ก็ตัวเองใกล้ตาย หึ" "ใต้เท้ายาง
ท่านพอรู้เรื่องระหว่างพ่อแท้ๆ ของข้ากับพ่อบุญธรรมหรือเปล่า" "หือ เจ้า
ทำไมรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ" "ข้าได้อ่านบันทึกกรมมหาดเล็ก
เกี่ยวกับเรื่องราวก่อกบฏในปีชองชุน" ยางซองยุนตกใจ "หา"
"ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้" "ฮึ่ม ไหนๆ เรื่องก็เกิดแล้ว
อย่าไปคิดมากอีกเลยน่า" ยางซอนยุนดื่ม "หึ ทีแรก ชิคยอม ก็ไม่รู้ว่า
เจ้าเป็นลูกแท้ๆ ของหัวหน้าองครักษ์คิมจามยองหรอกนะ" "แต่ตอนนี้
ข้าเป็นลูกกบฏแล้วยังมารับใช้ฝ่าบาท มันจะเหมาะหรือเปล่า
ข้าไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี" "ชูซอนเอ๊ย ส่วนใหญ่คนดีหรือคนชั่วในประวัติศาสตร์
มักอยู่ที่มุมมองและการเขียนของมนุษย์ จากนั้นก็พูดกันมาปากต่อปาก เพราะฉะนั้น
ถ้าเจ้าอยากรู้ข้อเท็จจริงก็ควรศึกษาประวัติศาสตร์ให้ละเอียด
แล้ววิเคราะห์ด้วยเหตุและผล" "ข้าไม่เข้าใจน่ะครับ ตอนนี้รู้สึกสมองหนักอึ้งไปหมด
ทำให้ข้าสับสนกับชีวิตมาก" "คนรุ่นหลังถ้าอ่านประวัติของมเหสีโซฮวา ก็จะเชื่อว่า
พระนางทรงเป็นคนใจแคบ อีกทั้งให้ร้ายใครต่อใคร จึงสมควรจะถูกประหารอย่างยิ่ง
แต่ว่าเจ้า รู้ดีแก่ใจว่าพระนางไม่ใช่คนอย่างงั้น ประวัติศาสตร์จารึกผิดไม่ใช่หรือ
ฉะนั้นพ่อแท้ๆ กับพ่อบุญธรรมของเจ้า เคยเป็นเพื่อนรัก แต่สุดท้ายอยู่คนละขั้ว
พ่อแท้ๆ ตายเพราะก่อกบฏ พ่อบุญธรรมกลายเป็นวีรบุรุษขึ้นมา แต่จริงๆ แล้ว
สิ่งที่พวกเขาทำก็เพื่อหวังจะช่วยบ้านเมืองและราษฎร
เพียงแต่มีนายต่างคนเลยมีอุดมการณ์แตกต่าง นี่คือเหตุผล ที่จนวันนี้
ข้ายังเห็นชิคยอมเป็นเพื่อนอยู่ ไม่ตัดขาดกับเขา" คิมชูซอนกลับมาที่บ้าน
โตชิรีบบอกว่าโชชิคยอมมารออยู่นานแล้ว "ชูซอน เจ้าจะตัดขาด
ไม่นับถือข้าเป็นพ่อแล้วใช่ไหม" "ที่ข้าโกรธไม่ใช่เพราะว่า ท่านสังหารพ่อแท้ๆ
ของข้า ตั้งแต่ข้ายังไม่เกิดด้วยซ้ำ แต่เพราะท่านรู้ความจริงทุกอย่าง
ยังกล้าหลอกลวงแม่ข้า แถมยังปิดบังข้ามาตลอดแล้วจะให้ข้า ให้อภัยแก่ท่านได้ยังไง"
"ใช่ เจ้าพูดถูกแล้ว เฮ่อๆๆ ข้าไม่ควรหวังอะไรมากกว่านี้อีก ของสิ่งนี้
เป็นสิ่งแทนสายรกที่สมัยก่อน เราผูกพันเป็นพ่อลูก แล้วเจ้ามอบให้ข้า"
"นี่ของสิ่งที่พ่อแท้ๆ ของข้าเหลือไว้ แต่วันนี้ ข้าจะใช้มันตัดความสัมพันธ์
ระหว่างเราสองคนซะ นับแต่นี้ไป ถ้าไม่มีความจำเป็น
ข้าจะไม่มาพบท่านเพราะเรื่องส่วนตัวอีก" "ฮือ เมื่อก่อนเจ้าบอกว่า ข้าแย่งลูกเจ้าไป
นี่คือกรรมตามสนองแล้ว" โชชิคยอมกล่าวกับวอฮา "ใต้เท้าอย่าเสียใจมากเลยค่ะ
ข้ารู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่าน ท่านรักและหวังดีต่อชอนตงมาก คิดว่าซักวันหนึ่ง
เขาจะรู้ว่าท่านจริงใจต่อเขาแค่ไหน" "ขอบใจมาก ถ้าไง รักษาตัวด้วยนะ"
โชชิคยอมเดินจากไป "ไม่น่าเชื่อว่าตลอดสิบกว่าปีที่ผ่าน คนที่เป็นศัตรูแท้ๆ
กลับไปเกี่ยวดองเป็นพ่อลูกซะได้ จริงๆ สำหรับทั้งสองคน ก็ถือว่าโหดร้ายพอกัน"
วอฮาฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ พระเจ้ายอนซันทรงตรัสถามคิมจาวอนว่า "หึ จาวอน
เจ้ารู้มั้ยว่าทำไมเสด็จแม่ของข้า สมัยก่อนถึงได้ถูกปลดจากตำแหน่ง
และยังถูกประทานยาพิษอีก รู้มั้ยว่าเพราะอะไร" "หม่อมฉันคิดว่าอาจเป็นเพราะ
มเหสีโซฮวาถูกคนในราชสำนักปรักปรำให้ร้ายพ่ะย่ะค่ะ" "ใช่ ถ้าให้ข้าเดา
คงมีใครบางคนไม่อยากให้โอรสที่เกิดจากมเหสีที่ต่ำต้อย
อีกหน่อยโตขึ้นได้ครองราชย์ต่อ ฝ่ายในก็เหมือนกัน
ชิงดีชิงเด่นหวังเป็นคนโปรดของเสด็จพ่อ กลายเป็นว่าแม่ข้าต้องรับกรรมแทน
สุดท้ายเลยทำให้เสด็จแม่ ถูกปลดจากตำแหน่งยังไม่พอ ซ้ำยังถูกประทานยาพิษอีก แต่ว่า
คนที่รับสั่งให้ประหารแม่ข้า กลับเป็นเสด็จพ่อของข้าเอง
ถ้าเสด็จพ่อทรงเป็นพระราชาที่ดีจริง ต่อให้ใครต่อใครบีบคั้นพระองค์ขนาดไหน
ก็น่าจะปกป้องหญิงที่ทรงรักไว้อย่างสุดความสามารถไม่ใช่หรือ แต่นั่นเป็นเพราะ
ทรงเป็นพระราชาที่อ่อนแอ จึงทำให้แม่ข้าต้องตายอย่างอนาถ คอยดูไปเถอะ ข้าจะไม่มีวัน
ทำตัวอ่อนแอเหมือนเสด็จพ่อเด็ดขาด ข้าต้องมีอำนาจ ทำให้ขุนนางเชื่อฟัง
เป็นฝ่ายบงการพวกเขาซะเอง เพื่อให้คนที่บีบคั้นเสด็จแม่ข้าจนออกจากตำแหน่ง
สำนึกในสิ่งที่ทำไว้" พระเจ้ายอนซันทรงตรัสในที่ประชุมว่า "งานนี้
ข้าจัดเพื่อให้ขุนนางและบัณฑิตทั้งหลายมาร่วมสังสรรค์
แล้วทำไมไม่เห็นคนของสามกรมใหญ่ มาร่วมงานเลี้ยงซักคนล่ะนี่" พงซอนเสนอหน้า
"หม่อมฉันได้ยินว่า ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงยกเลิกประกาศคืนยศให้มเหสีโซฮวา
นับแต่นี้พวกเขาจะไม่เข้ามาในเขตวังหลวงอีกพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ
มีคนกล้าเหิมเกริมขนาดนี้เชียวหรือ เห็นคำสั่งข้าไม่มีความหมายหรือยังไง"
"หม่อมฉันเห็นว่าฝ่าบาท น่าจะลงอาญาคนพวกนี้ให้หนักนะพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าพวกเขายังยืนกรานไม่เห็นด้วยกับการคืนยศ
งั้นเราจะมาถกกันว่ามเหสีโซฮวามีความผิดจริงหรือไม่
ถ้าไต่สวนพบว่าถูกปรักปรำให้ร้ายจริง ข้าในฐานะเป็นลูก
จะไปคิดบัญชีกับขุนนางและเชื้อพระวงศ์ในอดีต พวกเขาอยากให้ออกมาในรูปนี้หรือเปล่า"
"ทูลฝ่าบาท ถ้าไงเราจะไปเกลี้ยกล่อมพวกเขา เผื่อจะยอมกลับมาทำงานอีกครั้ง
ขออย่าทรงกริ้วพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท งานนี้ จัดเพื่อความรื่นเริงและปรองดอง
ถ้าไงหม่อมฉันจะขอดื่มถวายให้หนึ่งถ้วยดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"คราวนี้ถือว่าเห็นแก่ทุกท่าน ข้าจะให้อภัยซักครั้ง แต่ว่า ต่อไปสามกรมใหญ่
ถ้ายังเป็นปรปักษ์กับข้าไม่เลิกอีก ข้าเป็นพระราชา คงจะไม่อ่อนข้อให้ตลอดหรอกนะ"
"เป็นพระกรุณายิ่งแล้ว" "หม่อมฉัน "ลีเซจา" ขอรินเหล้าถวายฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" "หึ อ้อ
ใต้เท้าลี สมัยก่อนเคยเป็นขุนนางคนโปรดของเสด็จพ่อใช่ไหมนี่" "นั่นเป็นพระเมตตา
ที่อดีตพระราชาทรงมีต่อหม่อมฉันพ่ะยะค่ะ" "ถูกต้อง เพราะความเมตตานี่แหละ
ขณะที่เสด็จแม่ข้าถูกประทานยาพิษ จึงไม่ส่งคนอื่นไป แต่กลับให้ท่านไปแทนใช่ไหม"
ลีเซจาอึกอัก "เอ่อ" "ตอนนั้นเสด็จแม่ข้า ดื่มยา "ฟู่จื่อ" ที่แสนจะขม
ไม่นานก็กระอักเลือดจนขาดใจตาย ภาพนั้นยังติดตาท่านอยู่หรือเปล่า" "เอ่อ ฝ่า ฝ่าบาท
คือ" "ทำไมต้องมือสั่นขนาดนี้ด้วย" ลีเซจาตกใจกลัว "ฮึ่ม เป็นขุนนาง
แต่เอาเหล้ามาราดใส่พระราชา รู้มั้ยนี่เป็นความผิดขนาดไหนน่ะ" "เอ่อ ฝ่าบาท
พระอาญาไม่พ้นเกล้า หม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท
ทรงไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ" จาจีทูล "ลีเซจา ทำเหล้าหกใส่ชุดข้า
มีโทษลบหลู่เบื้องสูงอย่างแรง ความผิดชัดเจนขนาดนี้ พวกบัณฑิตมัวทำอะไรอยู่
ทำไมไม่มีฎีกามาขอให้ข้าลงโทษเขาบ้างล่ะ แสดงว่าคนของสามกรมใหญ่
ไม่มีความเคารพในตัวข้า เห็นเป็นตัวตลก ชัดๆ" "ฝ่าบาท
ลีเซจาคงจะพลั้งมือเพราะดื่มหนักไปหน่อย ขอทรงเมตตาอภัยซักครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"นี่แปลว่าท่าน ก็จะลบหลู่ข้าอีกคนหรือไง" "เอ่อ มิได้พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันไหนเลยจะกล้าลบหลู่เบื้องสูงโดยเฉพาะฝ่าบาทได้" "ถ้าพวกบัณฑิตจะอยู่เฉย
ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองก็ไม่เป็นไร ข้ามีวิธีจัดการอยู่แล้ว" "ฝ่าบาท
อย่าทรงกริ้วกับเรื่องเล็กน้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ" "พวกท่านเชิญออกไปได้แล้ว"
กึมพยอกล่าวกับโชชิคยอมถึงเรื่องพระเจ้ายอนซันให้ฟังว่า "เห็นว่าทุกวันนี้
ฝ่าบาทยังทรงผูกใจเจ็บเกี่ยวกับเรื่องเสด็จแม่ จนทำให้ขุนนาง
แทบไม่เป็นอันทำงานแน่ะครับ" "ฝ่าบาททรงมีพระปัญญาอันเฉียบแหลม
คงไม่เห็นแก่เรื่องมเหสีโซฮวาซึ่งเป็นเรื่องส่วนพระองค์ ไปสร้างความขัดแย้ง
กับเหล่าขุนนางให้แตกหักไปข้างหรอก ที่ข้าเป็นห่วงคือความคิดของฝ่าบาท
ที่จะเอาเรื่องมเหสีโซฮวามาบังหน้า แต่จริงๆ คือริดรอนอำนาจของเหล่าขุนนาง
ซึ่งหากเป็นอย่างงั้นจริง ต่อไปคงไม่มีใคร หยุดยั้งความลำพองของพระองค์ได้"
คิมจาวอนเข้ามาบอกว่า "ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ใต้เท้าโชไปเข้าเฝ้าด่วนครับ"
โชชิคยอมรีบมาเข้าเฝ้าพระเจ้ายอนซัน ทรงตรัสกับโชชิคยอมว่า "หมู่นี้พวกนักวิชาการ
ทั้งถวายฎีกาและรวมตัวคัดค้าน ต่อต้านเรื่องคืนยศให้มเหสีโซฮวาไม่จบซะที
ในขณะที่ขุนนางก็ทำเฉย ปล่อยให้พวกเขามาแข็งข้อโดยไม่กล้าตักเตือน
จนเสียระบบการปกครอง ข้าจะทำอะไรซักอย่างก็ติดขัดไปหมด"
"แต่ความคิดเห็นของนักวิชาการมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ ไม่อาจเอาผิดได้นะพ่ะย่ะค่ะ"
"ใต้เท้าโชพูดถูกแล้ว แม้ว่า ข้าจะมีฐานะเป็นถึงพระราชา
แต่หากลงโทษพวกเขาสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีเหตุผล บัณฑิตทั้งเมืองก็จะพากันต่อต้าน
แถม ยุยงให้ราษฎรแข็งข้ออีกต่างหาก แต่จะให้ข้า ปล่อยปละละเลยราชกิจ
ไม่สนใจก็ไม่ได้ ไม่งั้นชาวบ้านก็จะเดือดร้อนอีก เพราะฉะนั้น จึงอยากให้กรมมหาดเล็ก
ทำงานแทนสามกรมใหญ่ชั่วคราวได้ไหม" "แต่ทุกวันนี้หม่อมฉัน
เป็นเพียงมหาดเล็กอาวุโสเท่านั้น" "ข้อนี้ข้าเข้าใจดี แต่ตอนนี้ท่านเจ้ากรมฯ
ลางานอยู่ คนที่จะตัดสินใจแทนก็มีแต่ท่านคนเดียว
ข้าจึงอยากให้รับหน้าที่แทนสามกรมใหญ่
เพื่อเป็นหลักประกันว่าการทำงานของข้ายังคงราบรื่นอยู่"
โชชิคยอมออกมาบอกพวกมหาดเล็ก จาจีถามย้ำว่า "ให้กรมมหาดเล็ก
ทำงานแทนนักวิชาการหรือครับ" "ก่อนที่คนของสามกรมใหญ่จะกลับมาเข้างานเหมือนเดิม
เราแค่มีหน้าที่ดูแลแทนชั่วคราว" โชชิคยอมกล่าว เกยนัมเอ่ยว่า "แต่ว่า
เรื่องนี้น่าจะถามความเห็นท่านเจ้ากรมก่อนนะครับ" "แต่นี่เป็นพระบัญชาของฝ่าบาท"
"หา พระบัญชาหรือ ทำไมถึงได้" "ข้าก็รู้ว่า กฎสำคัญของกรมมหาดเล็ก
คือห้ามก้าวก่ายราชกิจ แต่ว่า เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงศักดิ์ศรีของเรา
จึงอยากให้ทุกฝ่าย ไตร่ตรองให้ดีก่อน" "หา แล้วจะทำไงดี แย่จริง คิดหนักซะแล้ว
เฮ่ย" คิมจาวอนรอโชชิคยอม พอเห็นเขาก็ทัก "ใต้เท้า สบายดีหรือเปล่าครับ"
"มีธุระอะไร" "ข้าจะมาขอเรียนถาม
ไม่ทราบใต้เท้าพอรู้เบาะแสของมหาดเล็กชองฮันซูหรือเปล่าครับ" "อะไรนะ
เจ้าอยากรู้เรื่องมหาดเล็กชอง แล้วทำไมมาถามข้าล่ะ" "เพราะข้าได้ยินมาว่า
ท่านกับมหาดเล็กชองมีความสนิทสนมมาแต่ก่อน จึงคิดว่า
ไม่แน่ใต้เท้าอาจรู้อะไรบางอย่างก็ได้" กึมพยอส่งเสียงในลำคอ "ฮึ่ม"
"นี่มันหมายความว่าไงครับ" "ข้ารู้นานแล้วว่าเจ้าเป็นคน เสนอหน้าพาชองฮันซู
ไปเฝ้าฝ่าบาท แม้ข้าจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เจ้าทำ มีจุดประสงค์อะไร
แต่ถ้ากล้าทำให้ฝ่าบาททรงเกิดความสับสนอีกละก้อ เจ้าก็รอวันตายได้เลย จงจำไว้ด้วย"
โชชิคยอมกับกึมพยอออกไป คิมจาวอนมองตาม "นึกว่าพอไม่มีชองฮันซูแล้ว
ท่านจะได้ปกปิดสิ่งที่ทำไว้น่ะหรือ เห็นทีคงคิดผิดซะแล้ว หึๆๆ เฮ่อๆๆ
ถึงไม่มีชองฮันซู แต่ข้ามีบันทึกของมหาดเล็กตรวจการณ์อยู่ในมือ กรมมหาดเล็ก
ก็เหมือนอยู่ในกำมือข้า จะบงการยังไงก็ได้ เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ ฮ่าๆๆ"
คิมจาวอนนำบันทึกของมหาดเล็กตรวจการณ์ไปมอบให้พระเจ้ายอนซัน "ฮึ่ม
สิ่งที่เขียนในบันทึก เป็นความจริงทั้งหมดเลยหรือนี่"
"นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดในแผนกมหาดเล็กตรวจการณ์ สมัยมหาดเล็กชอง
คิดว่าคงไม่มีการแต่งเติมพ่ะย่ะค่ะ" "ทูลฝ่าบาท
หัวหน้ามหาดเล็กทั้งหลายมาขอเฝ้าเพคะ" "เชิญเข้ามาได้ หัวหน้ามหาดเล็กทั้งหลาย
ทำไมพากันมาหาข้าล่ะ" จาจีเริ่มก่อน "ทูลฝ่าบาท พวกเราเห็นว่า
ไม่ควรทำงานแทนสามกรมใหญ่ ขอทรงถอนรับสั่งคืนด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "ว่าไงนะ"
เกยนัมกล่าวต่ "กรมมหาดเล็ก เป็นเพียงหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่ดูแลฝ่าบาท
อำนวยความสะดวกในกิจวัตรประจำวันของเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ไม่สมควรทำเกินกว่าหน้าที่
ถึงขั้นช่วยฝ่าบาทบริหารบ้านเมือง เพราะฉะนั้น ขอทรงถอนรับสั่งคืนด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"นอกจากสามกรมใหญ่ ที่ชอบท้าทายอำนาจของข้าแล้ว
แม้แต่มหาดเล็กซึ่งเปรียบเหมือนมือเท้าก็จะขัดคำสั่งข้าอีกใช่ไหม" "เราเห็นว่า
ไม่ควรให้ฝ่าบาทถูกประณามว่าทรงขัดแย้งกับขุนนาง
แต่กลับหนุนให้มหาดเล็กเรืองอำนาจพ่ะย่ะค่ะ" "หึ ทูลฝ่าบาท โปรดทรงเข้าพระทัย
ความหวังดีของเราด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "โปรดทรงเข้าพระทัยความหวังดีของเราด้วย"
ทุกคนพูดพร้อมกัน "พวกเจ้ารู้หรือเปล่าว่ากำลังมาเพ้อเจ้อต่อหน้าใคร
แต่ละคนอยากถูกโบยให้หนัก ถึงจะรู้สำนึกใช่ไหม มหาดเล็กคิม
จับพวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ไปขังคุกให้หมด" "พ่ะย่ะค่ะ รับด้วยเกล้า เด็กๆ
เข้ามาเร็ว" "ฝ่าบาทๆ ทรงเข้าพระทัยความหวังดีของเราด้วย ฝ่าบาท
ได้โปรดเถอะพ่ะย่ะค่ะ ทรงฟังเราก่อน ฝ่าบาท โปรดทรงฟังเราด้วย" "เจ็บใจนัก
มีแต่ขัดใจข้าซะหมด วันนี้ข้าต้องไต่สวนพวกเขาด้วยตัวเอง ฮึ่ม" พวกจาจีถูกโบย
จนพระเจ้ายอนซันตรัสให้หยุดและถามว่า "พวกเจ้าบอกว่าที่ขัดคำสั่งข้า
เป็นเพราะความภักดีงั้นหรือ" "พ่ะยะค่ะ เพราะฉะนั้น ขอฝ่าบาททรง พิจารณาใหม่ด้วย"
จาจีทูล "แต่ข้าว่าพวกเจ้าเห็นข้าเป็นตัวตลกมากกว่า แต่ละคน
ปากก็ว่าจงรักภักดีต่อข้า ลับหลังกลับทุจริตหาประโยชน์ใส่ตัว นึกว่าข้าไม่รู้หรือ"
"ฝ่าบาท พวกเราเข้าวังมาแต่เล็ก ถวายการรับใช้มา 30 กว่าปี
ทุ่มเททั้งชีวิตให้ราชสำนัก ทำไมยังไม่เชื่อความภักดีของเราอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"หุบปาก มหาดเล็กแช เจ้ามีสัมพันธ์กับนางในคนหนึ่งเพราะการคืนชีพของตัวเอง
นี่คือความภักดีที่มีต่อพระราชาหรือเปล่า" จาจีตกใจ "หา" "มหาดเล็กมูน
เจ้าไม่เพียงทำให้สนมบางคนเกิดชอบพอในตัวเจ้า แม้แต่ซังกุงก็ยังตบตีแย่งชิง
ถึงขนาดมหาดเล็กรุ่นเยาว์ก็หวังจะเป็นอย่างเจ้า
แบบนี้เท่ากับทำให้ผิดระเบียบหรือเปล่า มหาดเล็กซง
เจ้าแทบไม่รู้หนังสือด้วยซ้ำกลับได้มาอยู่ในวัง อาศัยตำแหน่งมหาดเล็ก
กินดีอยู่ดีจนทุกวันนี้แล้วจะมาพูดอะไรอีก มหาดเล็กฮง
เจ้าเป็นหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์ รู้เบื้องหลังของเพื่อนดี
แต่เพื่อจะปกป้องพวกเขาเลยทำเป็นนิ่งเฉยซะ แต่ละคนเป็นซะแบบนี้
ยังกล้ามาพูดว่าทำเพราะความภักดีต่อข้าอีกหรือ เสียทีข้าไว้ใจเห็นเหมือนพี่น้อง
แต่พวกเจ้ากลับมาหลอกข้า
ถึงวันนี้ข้าจะทรมานให้ตายก็ไม่อาจชดเชยกับความผิดที่ก่อไว้ได้ หึ ทรมานต่อไป
จนกว่าแต่ละคนจะสำนึกผิด บอกว่าทีหลังจะไม่ทำอีก" "พ่ะย่ะค่ะ" ทุกคนถูกทรมานต่อ
ยางซองยุนรู้เรื่องก็รีบเข้ามาทูลพระเจ้ายอนซัน "ทูลฝ่าบาท ฮือ ขอทรงเมตตา
ยุติการทรมานเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ใต้เท้ายาง ท่านถอยไปก่อน" "ฝ่าบาท มหาดเล็กนั้น
เปรียบเหมือนแขนขาของพระองค์ ซ้ำยังเป็นเกราะคุ้มกันสำหรับความปลอดภัย
แล้วทำไมทรงเห็นแก่ ความผิดเล็กน้อยที่ก่อขึ้น
ถึงกับจะตัดแขนขาทิ้งเชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ ขอได้โปรด ทรงเมตตาผ่อนผันซักครั้ง
อภัยให้แก่พวกเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "ใต้เท้ายาง ท่านถือว่าพอมีความรู้
รักษาให้เชื้อพระวงศ์มานาน พอมีเหล้าเข้าปากหน่อย ก็จะมาเพ้อเจ้อ
แส่เรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตัวหรือไง" "หม่อมฉันอยู่มาจนเกินพอแล้ว
แม้วันนี้จะถูกฝ่าบาทประหาร หม่อมฉันก็จะไม่วิงวอนอะไรอีก ถ้าไงให้หม่อมฉัน
รับอาญาแทนพวกเขาเถอะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" "องครักษ์มัวทำอะไรอยู่
เฆี่ยนตีตาแก่นี่ให้หนัก
ทีหลังจะได้ไม่กล้าออกหน้าแทนคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าอีกเร็วเข้า"
ยางซองยุนถูกตีไปด้วย ทุกคนเป็นห่วงยางซองยุนมาก
เวลาเดียวกันคิมชูซอนยังคงนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง
จนหญิงสาวที่เขาเคยช่วยไว้เข้ามาใกล้ "ทำไมเจ้าเข้ามาในนี้"
"เมื่อกี้เห็นท่านเข้ามาตั้งนานแล้ว ไม่มีความเคลื่อนไหวน่ะค่ะ" "หึ
เจ้าเป็นห่วงว่าข้า เกิดฟุ้งซ่านขึ้นมา ทำอะไรโง่ๆ ใช่ไหม นี่เป็นห้องตอน
ปกติห้ามผู้หญิงเข้ามา ถ้าท่านอาโตชิรู้เข้าจะไม่พอใจ ทีหลัง
ไม่จำเป็นอย่าเข้ามาห้องนี้อีกรู้มั้ย หึ" "สิ่งมีค่าที่สุดของมนุษย์
ก็คือชีวิตใช่ไหมคะ ข้าเป็นลูกขุนนางคนหนึ่งที่เมือง "ชวนจู"
เคยหลงเชื่อนายกองคนหนึ่งซึ่งถูกย้ายไป บอกว่าข้าเป็นคนที่เขารัก
หลังจากครบกำหนดในการทำหน้าที่ เขาให้สัญญาว่าจะรับข้าไปอยู่เมืองหลวงด้วยกัน
บอกให้ข้ารอเขาหน่อย แต่ข้ารอถึง 2 ปีเต็ม ข่าวคราวก็เงียบหาย
หลังจากนั้นข้าจึงมาตามหาที่เมืองหลวง ปรากฎว่าเขาอยู่กับลูกเมียที่บ้าน
และบอกว่าไม่เคยรู้จักข้ามาก่อน แถมยังไล่ข้าออกจากบ้านอีก
ข้ารู้สึกอายจนไม่กล้ากลับบ้านเดิม และไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไงต่อไป
จึงคิดจะฆ่าตัวตายซะ แต่ไม่นึกว่าท่านจะช่วยข้าไว้" "แล้วทำไมต้องมาบอกข้า
เกี่ยวกับอดีตของเจ้าด้วย" "หึ ข้าก็ไม่รู้ว่าบอกไปทำไม แต่รู้สึกว่า
ท่านน่าจะเข้าใจความรู้สึกของข้ามากกว่าคนอื่น" นางเดินออกไป คิมชูซอนถอนใจ
พอดีกับกงซินมาบอกข่าวพวกจาจีและยางซองยุนถูกลงโทษ ให้รีบไปช่วย
คิมชูซอนไปถึงก็ถูกคิมจาวอนขวางไว้ "มหาดเล็กคิม ทำไมมาขวางทางข้า
มีจุดประสงค์อะไร" "ใต้เท้า ถ้าจะตรงไปตำหนักใหญ่ละก้อ ข้าอยากให้ท่านคิดให้ดี
ก่อนจะขัดพระบัญชาของฝ่าบาท" "ว่าไงนะ"
"เจ้ากล้าเสียมรรยาทต่อหน้าท่านเจ้ากรมเชียวหรือ ยังไม่รีบถอยไปอีก" "มหาดเล็กลี
นี่ไม่ใช่ธุระของเจ้า เจ้านั่นแหละถอยไป" "ฮึ่ม เจ้านี่มันวอนให้เจ็บตัวซะแล้ว"
"ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะทำหน้าที่แทนหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์
เจ้ายังกล้าลบหลู่ข้าหรือเปล่า" "กงซิน ปล่อยเขาก่อน
เจ้าจะเหมาะกับตำแหน่งหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์หรือไม่
ต้องให้ข้าเข้าเฝ้าฝ่าบาทถึงจะรู้" "ถ้าท่านยืนกรานจะเข้าเฝ้าให้ได้ละก้อ
ข้าอาจจำเป็นต้องเปิดเผย ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับมเหสีโซฮวา
ให้ฝ่าบาทได้ทรงทราบ" "อะไรนะ เจ้าลองพูดอีกทีซิ" "ใต้เท้า ท่านคงไม่อยากให้ฝ่าบาท
รู้เรื่องความสัมพันธ์ ระหว่างท่านกับเสด็จแม่ของพระองค์หรอกนะ
หวังว่าท่านเป็นคนฉลาด คงเข้าใจว่าสิ่งที่ข้าพูด หมายถึงอะไรกันแน่"
แต่ในที่สุดคิมชูซอนก็เข้าเฝ้าพระเจ้ายอนซันจนได้ "ฝ่าบาท การที่หัวหน้าทั้งหลาย
มาทูลขอให้ฝ่าบาททรงถอนรับสั่งที่จะให้มหาดเล็กทำงานแทนสามกรมใหญ่
นั่นไม่ใช่การขัดพระบัญชา เพียงแต่ยึดมั่นในหน้าที่ของมหาดเล็กเท่านั้น
ถ้าตอนนี้เป็นหม่อมฉันได้รับ ก็จะมา
ทูลขอให้ทรงถอนรับสั่งคืนเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ" "ข้าน่ะ เชื่อว่าพวกบัณฑิต
ก็มีความภักดีไม่ต่างกับมหาดเล็ก แม้จะอยู่คนละหน่วยงานก็ตาม
ขอเพียงมีความซื่อสัตย์พอ ใครจะทำงานแทนใครก็ไม่น่ามีปัญหาไม่ใช่หรือ"
"แต่ว่ามหาดเล็ก ส่วนใหญ่ฐานะยากจนรู้หนังสือเพียงเล็กน้อย
พอให้อ่านออกเขียนได้เท่านั้น ฉะนั้นพวกเรา
จึงไม่อาจทำงานแทนคนที่รอบรู้ในศาสตร์เฉพาะทางได้ ด้วยเหตุนี้
จึงขอให้ทรงถอนรับสั่งคืนด้วย" "ใต้เท้ายางกับหัวหน้าพวกนั้น ไม่ให้ความเคารพข้า
ท่านเจ้ากรม ท่านเห็นว่าข้าควรจะลงโทษยังไงดี" "สิ่งที่พวกเขาทำ
ถ้าไม่เป็นที่พอพระทัย ก็อาจเพราะว่า หม่อมฉันด้อยการอบรม จึงทำให้ลูกน้องเหิมเกริม
หม่อมฉันยินดีรับอาญาแทนพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ข้าไม่อยากให้เรื่องแค่นี้
ทำให้ต้องสูญเสียคนที่ซื่อสัตย์อย่างท่านเจ้ากรมไปหรอกนะ
ถ้าไงจะลดตำแหน่งของพวกเขาเป็นการลงโทษละกัน ส่วนเรื่องอื่นก็ถือว่าแล้วไป" "ฝ่าบาท
ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่า ข้าจะไม่ยอมให้มหาดเล็ก
มาเสนอความเห็นที่ไร้สาระต่อหน้าข้าหรือคิดขัดคำสั่งอีก ท่านเป็นเจ้ากรม
อย่าลืมคำพูดของข้าซะล่ะ ข้อหนึ่ง ปากคือต้นตอแห่งเคราะห์ ข้อสองพึงจำไว้
พูดดีเป็นศรีแก่ปาก หุบปากไว้จะดี เคราะห์ร้ายไม่มาถามหา สุขกายสบายใจ
ไม่มีเรื่องให้เดือดร้อนอีก ท่านเจ้ากรม เอาคำสอนของข้าไปทำเป็นแผ่นป้าย
แล้วให้มหาดเล็กทุกคนแขวนไว้ที่คอ นับแต่นี้ ใครกล้ามาพูดจาสามหาวต่อหน้าข้าอีก
นอกจากจะได้รับโทษอย่างหนักแล้ว ข้ายังจะใช้ป้ายนี้เป็นการเตือนสติพวกเขาด้วย"
โชชิคยอมรู้เรื่องก็อึ้งไป ถามย้ำกับกึมพยอว่า "เจ้าบอกว่าฝ่าบาททรงมีรับสั่ง
ให้ทุกคนแขวนป้ายเตือนสติงั้นหรือ" "หนำซ้ำ ยังมีพระบัญชาว่า
ทุกต้นเดือนให้มีการตรวจร่างกาย ดูว่ามีใครคืนชีพหรือเปล่าน่ะครับ"
"พระราชาไม่ไว้ใจมหาดเล็กอีก ขืนเป็นแบบนี้ เรายังจะมีศักดิ์ศรีที่ไหนกัน
แขวนป้ายไว้ ก็ไม่ต่างกับสุนัขตัวหนึ่ง ความภาคภูมิใจของมหาดเล็ก
มิเท่ากับถูกย่ำยีซึ่งหน้าหรอกหรือ" "ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้
คงมีใครไปทูลเกี่ยวกับการทำงานของพวกเรา
เพื่อให้ฝ่าบาททรงขัดแย้งกับกรมมหาดเล็กน่ะครับ" คิมจาวอนนำสิ่งของไปให้ยุนฮูหยิน
กึมพยอมาดักพบและบอกว่าโชชิคยอมให้ไปพบ
แต่คิมจาวอนบอกว่าเขาต้องเฝ้าพระเจ้ายอนซันก่อน กึมพยอจะไม่ยอมและใช้กำลัง "โอ๊ย หึ
หึ ข้าเป็นหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์,ท่านกล้ามาล่วงเกินเชียวหรือ" "อยากให้ข้า
ลากเจ้าคลานไปเหมือนสุนัขหรือเปล่า" "หนอย หึ"
กึมพยอนำตัวคิมจาวอนมาพบโชชิคยอมจนได้ โชชิคยอมคาดคั้นว่า "ทำไมเจ้าถึงรู้
เรื่องราวในอดีตของกรมมหาดเล็ก แล้วยังไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบอีก" "เอ่อ
นั่นเป็นเพราะ" "ยังไม่รีบพูดความจริงอีก" "เพราะ
ข้าบังเอิญได้อ่านบันทึกของมหาดเล็กตรวจการณ์
ในช่วงที่มหาดเล็กชองยังเป็นหัวหน้าอยู่น่ะครับ" "อะไรนะ" "ในนั้นเขียนไว้ว่า
ในกรมมหาดเล็ก มีใครทำอะไรทุจริตหรือบกพร่องต่อหน้าที่บ้าง
จากนั้นข้าก็ไปทูลฝ่าบาทตามนี้" "สิ่งที่เจ้าทำ เพื่อหวังจะเป็นคนโปรดของฝ่าบาท
แม้แต่เปิดโปงคนอื่น ทำลายพวกพ้องก็ยังได้ใช่ไหม เป้าหมายของเจ้า
คืออยากเป็นเจ้ากรมมหาดเล็กล่ะสิ" "ข้าน้อย ทำเพราะความภักดีที่มีต่อฝ่าบาทเท่านั้น
ข้ากล้าสาบาน ไม่เคยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวซักนิด" "หึๆ เจ้านี่มันต่ำช้าจริงๆ
ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก ออกไปได้แล้ว" "สิ่งที่มหาดเล็กชองเหลือไว้
ไม่เพียงแค่บันทึกประจำวันเท่านั้น" "ว่าไงนะ" "ยังมีงานที่เป็นความลับ
ซึ่งรับจากพระพันปีโดยตรง เขาได้ทำอะไรไปบ้างก็ได้เขียนอยู่ในนั้นเสร็จสรรพ
รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างท่านเจ้ากรมกับมเหสีโซฮวา หรือแม้แต่ใต้เท้า
ร่วมมือกับใต้เท้าซังตัง คิดการใหญ่เปลี่ยนแผ่นดิน ก็ได้บันทึกไว้อย่างละเอียดด้วย"
กึมพยอโมโหแทน "เจ้านี่มันบังอาจนัก อยากอายุสั้นถูกตัดหัวหรือเปล่า" "หึๆ
ถ้าข้าตายไป ลูกน้องก็จะเอาบันทึกนั่น ไปถวายให้ฝ่าบาททอดพระเนตรทันที
ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ แม้แต่ใต้เท้าโช ก็อาจถูกประหารทั้งครอบครัว ฐานคิดก่อกบฏ"
"เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ" โชชิคยอมยังคงปล่อยให้คิมจาวอนพูดต่อว่า
"แต่ถ้าท่านรับปากไม่ยุ่งกับเรื่องในกรมฯ อีก ข้าก็จะให้สัญญากับท่าน
ไม่มีการถวายบันทึก ให้ฝ่าบาทได้ทอดพระเนตร"00000000000000
พระเจ้ายอนซันทรงคิดถึงพระมารดา "เสด็จแม่ หม่อมฉัน จะเป็นพระราชาที่มีอิทธิพล
พร้อมทั้งปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็น และทุกคนต้องอยู่ใต้คำสั่ง
สิ่งที่เสด็จแม่เคยเสียสละเพื่อหม่อมฉันในอดีต หม่อมฉันจะไม่ให้เสียเปล่า
เสด็จแม่คอยดูไปเถอะ" และวันรุ่งขึ้น พระเจ้ายอนซันทรงตรัสในที่ประชุมว่า
"เพราะเรื่องที่ข้าคืนยศให้มเหสีโซฮวา ทำให้หลายฝ่ายแสดงความเห็นคัดค้าน
อีกทั้งต่อต้านอย่างรุนแรง ถึงขนาดเกิดความบาดหมางด้วยซ้ำ นั่นอาจเพราะว่า
ข้ามีแม่ที่เป็นนักโทษเลยกลายเป็นมลทินติดตัว ซึ่งข้าก็เสียใจเหมือนกัน"
"มิได้พ่ะย่ะค่ะ" เหล่าขุนนางทูลพร้อมกัน "ข้าจึงคิดว่า จะร่วมมือกับขุนนาง
สืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดที่เสด็จแม่ของข้าได้เคยทำไว้ ซึ่งจนวันนี้
ข้าได้อ่านบันทึกหลายเล่มที่จารึกเกี่ยวกับเรื่องราวของพระนาง
กลับพบว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัด นอกจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างของคนบางกลุ่ม
ซึ่งท่านทั้งหลาย หากใครมีหลักฐานยืนยันความผิดของแม่ข้า
ก็เอาออกมาแสดงได้โดยไม่ต้องกลัว ถ้าหากว่าแม่ข้า
สมควรถูกปลดเพราะความริษยาหึงหวงจริง ข้าจะไม่ให้มีการคืนยศอีก
และต่อไปก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่คำเดียวด้วย ถ้าทุกท่านนิ่งเฉย
จะเป็นการยอมรับกลายๆ ได้ไหมว่าสมัยก่อนแม่ข้าถูกปรักปรำน่ะ" "ทูลฝ่าบาท ไหนๆ
ตอนนี้ก็คืนยศให้อดีตมเหสีไปแล้ว หนำซ้ำพระศพ ก็ได้อัญเชิญไปฝังยังสุสานหลวง
หม่อมฉันจึงเห็นว่า เรื่องนี้น่าจะให้จบไปดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ"
"หม่อมฉันก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่ได้หรอก ไม่ควรให้จบอย่างงั้น
ถ้าแม่ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ก็แปลว่าสมัยก่อน นางถูกประหารโดยไม่มีความผิดซักนิด
แล้วข้าในฐานะเป็นลูก ก็ยิ่งควรไต่สวนว่าใครเป็นคนวางแผนให้ร้าย
กระทำการละเมิดต่อผู้เป็นมเหสีได้ถึงขนาดนี้ ข้าคิดว่า
จะลงโทษคนที่รู้เห็นเป็นใจกับการปลดเสด็จแม่ของข้า รวมทั้งถวายฎีกา
กดดันให้เสด็จพ่อทรงลงพระนาม ตอนนั้น "ลีเซจา" เป็นราชเลขา
รู้ทั้งรู้ว่าแม่ข้าบริสุทธิ์ แต่กลับไม่ทูลให้เสด็จพ่อทรงไตร่ตรอง
ยังเอายาพิษไปมอบให้แม่ข้าดื่มอีก รีบไปจับกุมนักโทษลีเซจา
แล้วตัดหัวเสียบประจานซะ" "พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้"
ขุนนางออกไปดำเนินการตามคำสั่งของพระเจ้ายอนซัน ก่อนจะกลับมาทูล "ว่าไงนะ
ลีเซจาขัดคำสั่งข้า จัดการปลิดชีพตัวเองงั้นหรือ" "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"ช่างเป็นขุนนางที่ไม่ซื่อจริงๆ ตอนอยู่บกพร่องต่อหน้าที่แล้ว
ตายไปยังขัดคำสั่งข้าอีก ไปเอาศพของลีเซจาขึ้นมา
ตัดหัวเสียบประจานตามคำสั่งข้าเหมือนเดิม ทรัพย์สินในบ้านให้ยึดเข้าหลวง
ถอดถอนบรรดาศักดิ์ ส่วนครอบครัวและญาติพี่น้อง ไปขายเป็นทาสที่ต่างเมืองให้หมด
ยังมีใต้เท้าซังตังและ "ชองชางซุน" อีกสองคน
ซึ่งสมัยก่อนเป็นตัวตั้งตัวตีในการยื่นคำร้อง ขอให้ปลดแม่ข้าดีนัก
ไปขุดหลุมเอาศพขึ้นมา แล้วตัดหัวโบยศพให้หนัก ถ้าเหลือแต่โครงกระดูก
ก็ใช้วิธีชำแหละเป็นท่อนๆ แล้วไปทิ้งแม่น้ำซะ
ยังมีบัณฑิตที่คัดค้านการคืนยศให้มเหสีโซฮวา ให้คุมตัวไปขังทั้งหมด"
พวกบัณฑิตถูกรุมทำร้าย พระอัยยิกายินซูทรงทราบก็ได้แต่ปรับทุกข์กับพระพันปีซุกยอน
"แม้ข้าจะเป็นห่วงมาตลอด แต่ไม่นึกว่าฝ่าบาทจะใจร้อนขนาดนี้
ทำให้ราชสำนักเกิดความวุ่นวายเพราะเรื่องมเหสีโซฮวาจริงๆ
เป็นเพราะความสะเพร่าของข้า ที่ไม่ทันคิดรอบคอบ" "พระอัยยิกาเพคะ
ตอนนี้สำคัญคือพระอนามัย เรื่องอื่นอย่าทรงคิดเลยเพคะ" พระอัยยิกายินซูทรงถอนใจ
ซังกุงเข้ามา "ทูลพระอัยยิกา เจ้าจอมออมและเจ้าจอมชองมาขอเฝ้าเพคะ" "เชิญเข้ามาได้"
"หึ พระอัยยิกาเพคะ โปรดทรงช่วยเราสองคนด้วยเถอะ" "ตอนนี้มีแต่พระอัยยิกาเท่านั้น
ถึงจะช่วยชีวิตเราได้เพคะ" "พวกเจ้ามาพูดเรื่องอะไรอีกล่ะ" "ได้ยินว่าฝ่าบาท
กำลังคิดบัญชีย้อนหลังกับขุนนางที่มีส่วนในการถอดถอนอดีตมเหสีโซฮวา
ใครก็ไม่เว้นเพคะ" "ขนาดขุนนางที่ตายแล้ว ยังมีการเอาศพขึ้นมาเฆี่ยนตีอีก
ถ้าทรงทราบว่าสมัยก่อนเราสองคน เคยมาทูลขอให้ปลดมเหสีโซฮวา
เห็นทีเราจะไม่รอดด้วยเพคะ ฮือ" "ฝ่าบาทมีความกตัญญู รู้จักเคารพผู้ใหญ่
คงไม่ทำอะไรสนมของอดีตพระราชา พวกเจ้าอย่าห่วงไปเลย" "แทปีพูดถูกแล้ว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็ต้องปกป้องคนของฝ่ายในไว้ก่อนล่ะ" "ขอบพระทัยพระอัยยิกา
และขอบพระทัยพระพันปีด้วยเพคะ" ขณะที่พระเจ้ายอนซันกำลังเสด็จ
ขุนนางสามกรมใหญ่มาขวางทางไว้ พระเจ้ายอนซันถามว่ามีอะไร "ทูลฝ่าบาท
พระราชาที่สั่งประหารขุนนางในรัชกาลก่อน ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ ขอทรงยุติ
การเข่นฆ่าที่อำมหิตด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ว่าไงนะ"
"ถ้าฝ่าบาทจะทรงแก้แค้นให้เสด็จแม่ โดยทำให้ราชสำนักนองเลือด
อีกหน่อยจะถูกจารึกว่าเป็นทรราชย์ผู้เหี้ยมโหดนะพ่ะย่ะค่ะ" "หุบปากเดี๋ยวนี้
สมัยก่อนพวกขุนนาง แต่งเรื่องให้ร้ายแม่ข้า แถมยังถวายฎีกาให้เสด็จพ่อประหารอีก
พวกท่านกลับทำเหมือนเป็นใบ้ ไม่มีใครพูดอะไรซักแอะ พอข้ามาเป็นพระราชาบ้าง
ไม่ว่าทำอะไร พวกท่านก็ตั้งป้อมคัดค้านท่าเดียว แล้วแบบนี้
จะถือเป็นขุนนางที่ภักดีได้ยังไง" "ฝ่าบาท
ขอทรงพิจารณาคำพูดของเราบ้างเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"จะให้พิจารณาบ้าบออะไรอีก พวกท่านอยากให้ข้าเป็นลูกอกตัญญู
รู้ทั้งรู้ว่าแม่ถูกปรักปรำ ยังทำเหมือนไม่สนใจ
นี่คือการปกครองโดยถือคุณธรรมเป็นหลัก ให้พวกท่านบงการตามใจชอบหรือไง หึ
หน้าอย่างงี้ยังกล้าอ้างว่าเป็นนักวิชาการ แค่เห็นก็คลื่นไส้อยากอ้วกแล้ว
ถอยไปห่างๆ" "ฝ่าบาท" "เฮ่อ ยังจะพูดไม่ฟังอีก ทำไมชอบมายั่วโมโหข้านักก็ไม่รู้
ฮึ่ม" พระเจ้ายอนซันทรงทำร้ายขุนนาง "ฝ่าบาท โปรดอย่าทรงใช้กำลังอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ"
"โปรดอย่าทรงใช้กำลังอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ" เหล่าขุนนางต่างช่วยกันพูด "ฝ่าบาทๆ
อย่าทรงทำแบบนี้ ได้โปรดเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"
ฮันซังกุงเห็นก็รีบไปรายงานพระอัยยิกายินซูและพระพันปีซุกยอน
"เจ้าบอกว่าฝ่าบาทใช้กำลังทุบตีขุนนางงั้นหรือ ตายจริง
ทำไมมีเรื่องน่ากลัวแบบนี้ได้ล่ะ" "ฮันซังกุง
แน่ใจหรือว่าฝ่าบาททรงลงมือด้วยพระองค์เองน่ะ" "ทูลพระพันปี หม่อมฉันเห็นกับตาจริงๆ
เพคะ" "โอย วิญญาณของมเหสีโซฮวาทำให้ฝ่าบาทตาบอดซะแล้ว ทีนี้เราจะทำไงดีล่ะ"
"พระอัยยิกาเพคะ เรื่องนี้อาจมีสาเหตุบางอย่างก็ได้ หม่อมฉันว่าทรงทำพระทัยเย็นๆ
ลองถามดูที่มาที่ไปซะก่อนเพคะ" "ถ้าฝ่าบาทยังคงใช้อำนาจกดขี่ขุนนางอยู่อย่างงี้
ไม่นานราชสำนักต้องเผชิญกับความหายนะครั้งใหญ่แน่ แล้วเราจะอยู่กันได้ยังไง
ช่วยบอกหน่อยซิ" กึมพยอมาหาคิมชูซอน และบอกว่าโชชิคยอมเชิญไปคุยด้วย
"ข้าเคยบอกแล้วว่า จะไม่ไปพบเขาด้วยเรื่องส่วนตัว หากไม่มีความจำเป็น จริงๆ"
"เรื่องที่ใต้เท้าโชจะหารือด้วย เกี่ยวกับความอยู่รอดของกรมมหาดเล็ก"

คิมชูซอน จบ 58

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn

เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ

เรื่องย่อละคร
โบตั๋นกลีบสุดท้าย สะใภ้ลูกทุ่ง รักเธอยอดรัก คิมชูซอน
เมนูรักเชฟมือใหม่ สู่แสงตะวัน หมวยอินเตอร์ เย้ยฟ้าท้าดิน เพราะรักนี้มิอาจลืม
(Alone in Love) ความลับของซูเปอร์สตาร์ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า

Readlakorn

Related Posts



4 comments:

Anonymous said...

สนุกมากเลยค่ะ
รออ่านตอนต่อไป
รีบมาเร็วๆ นะคะ

Anonymous said...

ใกล้จะจบแล้วสิ

ขอบคุณมากนะคะ
ติดตามตลอดเลย ^^

Anonymous said...

ใกล้จะจบแล้วจะเป็นอย่างไรหน่อรีบเอาตอนที่59มาเร็วนะรอรอรอ

Anonymous said...

สงสารมเหสีโซวาอ่ะ ทำไม พระราชายอนซันถึงใจร้ายอย่างนี้นะ ใกล้จะจบแล้วใช่มั้ยเนี่ย

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal