คิมชูซอน 57
"ข้าคิดว่า เพื่อดูแลการทำงานของขุนนางท้องที่
และสำรวจความทุกข์ยากของราษฎร จึงจะส่งผู้ตรวจการณ์ไปยังมณฑลต่างๆ พร้อมกันนี้
ข้าจะจัดระเบียบใหม่ให้ขุนนางและสามกรมใหญ่ ซึ่งนับวันจะหย่อนยาน
ให้ทุกคนเน้นการปฏิบัติมากกว่าอ้างทฤษฎีเลื่อนลอย
โดยทุกฝ่ายมีหน้าที่สอดส่องการทำงานของกันและกัน เพื่อไม่ให้ใช้ตำแหน่งหน้าที่
ไปในทางที่มิชอบ" "น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้ายอนซันตัดสินพระทัยแต่งตั้งผู้ตรวจราชการเพื่อตรวจตราการทำงานของขุนนางท้องถิ่น
เพื่อความผาสุกของพสกนิกร ขณะที่พระเจ้ายอนซันกำลังทรงหาทางแก้ปัญหาคนอพยพนั่นเอง
โบดึ้กกวางกลับทูลพระเจ้ายอนซันให้ทรงขับไล่คนอพยพไป ทำให้พระเจ้ายอนซันทรงกริ้วมาก
พระองค์ไม่อยากเป็นพระราชาที่เหี้ยมโหด "
ใต้เท้ามูยอง ท่านจะให้ข้าเป็นพระราชาที่ใช้อำนาจข่มขู่ราษฎรงั้นหรือ" "เอ่อ ฝ่าบาท
มิได้พ่ะย่ะค่ะ" "หรือก็คือพวกท่าน ไม่ยอมจ่ายเงินให้พวกเขาขนย้าย
แต่จะเอาความสะดวกเข้าว่า ส่งทหารไปขู่ก็พอใช่ไหม" "เอ่อ หึ" "เล่มนี้
ข้าได้จากกรมมหาดเล็ก เป็นข้อมูลการทุจริต และรายชื่อขุนนางที่ปฏิบัติมิชอบ
ที่สำคัญก็คือ มีระบุแหล่งที่มาของรายได้ ซึ่งทำให้แต่ละคนล่ำซำ
ทุกครอบครัวมีทรัพย์สินเงินทองเท่าไหร่ ปกติใครชอบไปเที่ยวหอนางโลม
และแจกเงินให้ผู้หญิงคนไหนบ้าง" เหล่าขุนนางต่างอึ้ง "หึ"
"ถ้าข้าเอารายชื่อเล่มนี้ไปให้สามกรมใหญ่ตรวจสอบ เชื่อว่าอาจมีใต้เท้าบางท่าน
ถูกไต่สวนจนหมดอนาคตทางการเมืองก็เป็นได้" "เอ่อ ฝ่าบาท ทรงทำแบบนี้
เพื่อจะขู่เราหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ข่มขู่อะไรกัน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ขอเพียงพวกท่าน
ยอมบริจาคเงินคนละน้อย ไปช่วยค่าขนย้ายให้ชาวบ้านที่อยู่รอบวัง
เป็นการบรรเทาทุกข์ของพวกเขาบ้าง รายชื่อเล่มนี้ ข้าก็จะไม่ถือสาอีก
หรือพวกท่านเห็นว่ายังไง จะยอมเสียเงินฟาดเคราะห์
หรือเสี่ยงดวงให้มีการตรวจสอบเบื้องหลังการทุจริต ข้าเชื่อว่าท่านทั้งหลาย
น่าจะมีทางเลือกที่ฉลาดนะ"
คิมชูซอนระบายความอัดอั้นตันใจให้ยางซองยุนฟังว่าตนไม่รู้จะจัดการอย่างไร
กับชองฮันซูซึ่งมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระเจ้ายอนซัน ยางซองยุนถามคิมชูซอน
ว่าจะยกโทษให้ชองฮันซูหรืออย่างไร "คนที่ให้ร้ายอดีตมเหสี จนทำให้พระนางถูกประหาร
ใครจะลืมได้และยิ่งไม่มีทางให้อภัยด้วยซ้ำ แต่ว่า ตลอด 20 ปีมานี้ เขาไปอยู่ข้างนอก
ใช้ชีวิตระหกระเหิน กินอยู่ลำบากแทบจะเหมือนขอทานด้วยซ้ำ และเชื่อว่า
ตราบใดที่เขายังไม่ตาย ชีวิตก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น" "มันก็จริง
มหาดเล็กที่ถูกปลดระวางและไปอยู่ข้างนอก ใครๆ ก็รังเกียจเหมือนไม่ใช่คนอยู่แล้ว
เมื่อเจ้าคิดแบบนี้ก็ปล่อยเขาไปเถอะ ยังไงซะ เขาก็อยู่เหมือนตายทั้งเป็นแล้วนี่"
คิมจาวอนพาซังกุงไปดูแลยุนฮูหยิน โดยมีพงชอนตามไปด้วยพร้อมบอกยินดีให้ความช่วยเหลือ
ยุนฮูหยินกล่าวกับคิมจาวอนว่า "มหาดเล็กคิม น้ำใจของเจ้า ข้าจะไม่มีวันลืม"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เป็นหน้าที่อยู่แล้ว" "อึม แล้วฝ่าบาททรงเป็นไงบ้าง
สำราญดีหรือเปล่า" "ฝ่าบาททรงผูกพันกับพระมารดามาก บางครั้งแทบไม่ยอมเสวย
ดื่มแต่น้ำจันทร์เท่านั้น" "นั่นเป็นเพราะฝ่าบาท ทรงรักเสด็จแม่มาก
ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ฮือ" "ข้าจึงอยากให้ฮูหยิน
เข้าวังเพื่อปลอบพระทัยฝ่าบาทให้หายเศร้าบ้าง" "ใจจริงแล้ว
ข้าก็อยากไปเข้าเฝ้าซักครั้งเหมือนกัน แต่ฐานะอย่างข้าจะเข้าวังได้ยังไง"
"ถ้าอย่างงั้น ข้าจะทูลเชิญให้เสด็จมาที่นี่เอง ถึงตอนนั้น ท่านค่อยถวายของสิ่งนี้
ให้ฝ่าบาททอดพระเนตร" "ในห่อนี้ มีอะไรหรือ" "ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น
แค่ทำตามที่สั่งก็พอ แล้วไม่นาน เราจะได้ล้างมลทินให้มเหสีโซฮวา
แม้แต่คุณชายยุนก็จะได้กลับไปรับราชการใหม่"
ด้านชองฮันซูก็คอยถามคิมจาวอนถึงเรื่องที่จะให้เขากลับเข้าไปทำงาน
"ตอนนี้ข้ากำลังติดต่อหลายฝ่ายอยู่ เชื่อว่าไม่นานคงจะมีข่าวดี
แต่ช่วงนี้ขอให้อดทนไว้ก่อน" "ฮึ่ม เพราะข้าเชื่อคำพูดของเจ้า
จึงยอมเสี่ยงชีวิตเข้าวังไปเฝ้าฝ่าบาท ไหนๆ ชีวิตข้าก็ไม่มีความหมายอยู่แล้ว
ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้น ข้าก็รู้ว่ายังไงคงไม่พ้นความตาย
แต่ข้าจะไม่ยอมตายคนเดียวแน่นอน เรื่องนี้เจ้าจงจำไว้ด้วย"
"ข้าไม่ลืมสัญญาของเราหรอก"
กึมพยอคอยติดตามดูพฤติกรรมของคิมจาวอนและมารายงานโชชิคยอม "สืบได้อะไรมาบ้าง"
"ไม่ผิดจากที่ใต้เท้าคาดการณ์ ชองฮันซูกับคิมจาวอนรู้จักกัน
และมีการติดต่ออย่างลับๆ" "หึ สองคนนี้นิสัยคล้ายกัน
ข้าดูออกแต่แรกว่าคิมจาวอนเป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก กล้าทำได้ทุกอย่าง"
"ถ้ายังปล่อยให้ชองฮันซูอยู่รอด กรมมหาดเล็ก มีหวังเกิดความวุ่นวายอีกน่ะครับ
ข้าว่าใต้เท้า คงต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว"
คิมจาวอนฉวยโอกาสที่พระเจ้าเยี่ยนจงทรงล่าสัตว์นั้น
นำเสด็จพระองค์ไปที่บ้านยุนฮูหยิน
นางนำเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของอดีตพระมเหสียุนโซฮวาที่ใส่ขณะถูกประหาร
ซึ่งคิมจาวอนเตรียมการไว้ก่อนหน้านี้ออกมา
เมื่อพระเจ้ายอนซันทรงทอดพระเนตรเห็นก็ทรงสะเทือนพระทัยยิ่งนัก
พระเจ้ายอนซันทรงมีรับสั่งถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดตัวนี้เป็นของพระมเหสีโซฮวาจริงหรือไม่
"ใช่แล้วเพคะ ฮือๆๆ"
เวลาเดียวกันนี้วอฮาบอกเรื่องฉลองพระองค์ของอดีตพระมเหสียุนโซฮวาถูกขโมยให้คิมชูซอนทราบ
"ท่านบอกว่าฉลองพระองค์ถูกขโมย หมายความว่าไงน่ะ" "แม่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
เจ้าหัวขโมยไม่ต้องการทรัพย์สินอื่น
นอกจากห่อผ้าที่มีชุดของอดีตมเหสีเก็บไว้เท่านั้น" "ท่านแม่
แล้วท่านไปหาทั่วหรือยัง" "หาทั่วแล้ว ทุกซอกทุกมุม แต่ยังไงก็หาไม่พบซะที เฮ่อ
นั่นเป็นของที่เจ้าหวงแหนนัก แม่ต้องขอโทษด้วย" คิมชูซอนออกมา
หญิงสาวที่เขาช่วยไว้นำหยกมาคืนให้ "หลายวันก่อนข้าเก็บได้จากที่พื้น" "เฮ่อ
ขอบใจมาก ถ้าข้าทำหยกชิ้นนี้หาย ชาตินี้คงรู้สึกผิดต่อเจ้าของหยก
ที่ตั้งใจฝากไว้ที่ข้า" "เจ้าของหยกชิ้นนี้ ไม่ใช่ท่านหรอกหรือ" "หึ
พูดแล้วเรื่องมันยาวนัก หยกชิ้นนี้ เป็นสมบัติของผู้หญิงที่ข้าหลงรักมานาน
บุญคุณของเจ้า ข้าจะไม่มีวันลืม" "ข้าเห็นหน้าคนที่ขโมยป้ายไป เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
หน้าตาเกลี้ยงเกลา ถ้าเดาไม่ผิด คงจะเป็นมหาดเล็ก" พระเจ้ายอนซันทรงเสียพระทัยมาก
มีรับสั่งให้คิมชูซอนเฝ้า และนำฉลองพระองค์ของอดีตพระมเหสียุนโซฮวาออกมา
"ท่านเจ้ากรม รู้มั้ยว่านี่คืออะไร เป็นชุดที่เสด็จแม่ของข้าสวมใส่
ขณะได้รับพระราชทานยาพิษ ได้ยินว่าหลังจากสิ้นพระชนม์และถูกฝัง
ท่านเป็นคนเดียวที่อยู่กับนางตลอดเวลา เสื้อผ้าชุดนี้
ท่านว่าเป็นของเสด็จแม่จริงหรือเปล่า" "จริงพ่ะย่ะค่ะ แต่ทำไม
ฉลองพระองค์ชุดนี้ถึงมาอยู่กับฝ่าบาทได้ล่ะ" "ท่านยายเป็นคนมอบให้ข้าเอง ดูสิ
นี่คือคราบเลือดที่ไหลออกมา ขณะเสด็จแม่เสวยยาพิษเข้าไปใช่ไหม และเสื้อตัวนี้
ก็คือหลักฐานยืนยันความทุกข์ทรมาน ที่เสด็จแม่ได้รับก่อนสิ้นพระชนม์
แม้นางจะต้องดื่มยาท่ามกลางทหารคุ้มกันหนาแน่น แต่ยังทรงเข้มแข็งไม่ยอมล้มง่ายๆ
แค่ข้านึกถึงสภาพ ความเจ็บปวดของนางแต่ต้องกัดฟันทนไว้ ฮือ
ใจข้าก็ปวดร้าวยิ่งกว่าถูกมีดกรีดเฉือนซะอีก" "ฝ่าบาท
อย่าทรงเสียพระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ มเหสีโซฮวา คงไม่อยากเห็นฝ่าบาททรงกรรแสง
ยึดติดกับเรื่องในอดีต และผูกพระทัยเจ็บแค้น" "ฮือ มาจนวันนี้
ข้าเพิ่งรู้ว่าสมัยก่อนเสด็จแม่ต้องเป็นทุกข์แค่ไหน ตอนนั้นข้ายังเคยน้อยใจ
ที่เสด็จแม่ไปแล้วไม่มาหาข้าอีก ทุกครั้งที่คิดถึงเสด็จแม่ ข้าเป็นต้องร้องไห้
ไม่เข้าใจว่าทำไมนางต้องถูกปลดด้วย จนวันนี้ข้าถึงรู้ว่าเมื่อก่อน
นางต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแค่ไหน ฮือ
เพื่อไม่ให้ใครมาดูถูกว่าข้าเป็นลูกของมเหสีที่ถูกปลด
และเพื่อให้ผู้ใหญ่ในวังเกิดความภูมิใจ ข้าจึงยอมเป็นเด็กหัวอ่อน
จนบางครั้งยังคิดว่า พระพันปีคือแม่แท้ๆ ของข้าด้วยซ้ำ" คิมชูซอนกล่าวอะไรไม่ออก
พระเจ้ายอนซันตรัสต่อ "ในขณะที่เสด็จแม่ ถูกลดฐานะ ไปอยู่นอกวังใช้ชีวิตลำบาก
สุดท้ายยังกระอักเลือดจนตายอีก แต่ข้ากลับอยู่สบายในวังหลวง
เห็นพระพันปีเป็นแม่แท้ๆ อยู่ท่ามกลางความสุขสบายล้นเหลือ ฮือ
โลกนี้จะมีใครเป็นลูกเนรคุณยิ่งกว่าข้าอีก ฮือ" "ฝ่าบาท โปรดอย่าทรงคิดมาก
เพราะเรื่องอดีตมเหสีโซฮวาอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเชื่อว่าพระนาง
คงไม่อยากให้ฝ่าบาททรงโกรธแค้น ต่อเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์
เพราะเรื่องนี้อีกต่อไป" "เฮ่อ จนวันนี้ข้าไม่โทษว่าเป็นความผิดของใครหรอก
เพราะข้าไม่เข้าใจความทุกข์ของเสด็จแม่ ไม่เคยไปช่วยนางซักครั้ง
มีแต่โทษความอกตัญญูของตัวเองมากกว่า ฮือๆๆ เสด็จแม่ ฮือๆๆ เสด็จแม่ๆ ฮือๆๆ ฮือๆๆ
เสด็จแม่ ฮือๆๆ เสด็จแม่ ฮือๆๆ" พอออกมาคิมชูซอนเรียกคิมจาวอนมาสอบถาม "จาวอน
ทำไมเจ้าพาฝ่าบาท ไปถึงบ้านยุนฮูหยินได้ยังไง" "เพราะข้า ไม่อาจทนเห็น
ฝ่าบาททรงคิดถึงเสด็จแม่ จนไม่ยอมเสวยและบรรทม
คิดว่าถ้าฝ่าบาทได้พบยุนฮูหยินซักครั้ง อาจช่วยปลอบประโลมให้หายเศร้าได้บ้าง
จึงได้พาไปน่ะครับ" "แล้วเจ้าเป็นคนเอาเสื้อ
ที่เปื้อนเลือดของมเหสีโซฮวาไปให้ฝ่าบาททอดพระเนตร ใช่หรือเปล่า" "เอ่อ
เสื้อตัวนั้น ยุนฮูหยินเป็นคนถวายให้ฝ่าบาทเอง ไม่เกี่ยวกับข้าน้อยซักนิด"
"แน่ใจหรือว่า เจ้าไม่ได้ไปที่เรือนฝ่ายใน
ขโมยเอาเสื้อเปื้อนเลือดไปจากห้องของข้าน่ะ" "ข้าน้อย กล้าสาบานต่อฟ้า
ไม่เคยทำเรื่องแบบนี้จริงๆ ครับ" "เอาเถอะ เจ้าออกไปได้แล้ว"
คิมชูซอนนั่งคิดอดีตพระมเหสียุนโซฮวาเพียงลำพัง "พระมเหสี ตอนนี้ฝ่าบาท
ได้ทรงทราบความจริงเกี่ยวกับเบื้องหลังการถูกประหารของพระนางแล้ว หม่อมฉัน
เป็นห่วงว่าฝ่าบาทจะทรงโกรธแค้นต่อเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์
จนเป็นอุปสรรคต่อการว่าราชการในวันหน้าหรือเปล่า หม่อมฉัน
ไม่ว่ายังไงก็จะปกป้องฝ่าบาทด้วยชีวิต และขอให้พระมเหสี
ทรงคุ้มครองพระองค์ด้วยเช่นกัน อย่าให้หลงเดินทางผิด"
วันต่อมาพระเจ้ายอนซันทรงมีพระราชโองการคืนตำแหน่งพระมเหสีให้ยุนโซฮวาดังเดิม
บรรดาขุนนางในราชสำนักต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น "ข้าในฐานะพระราชาแห่งโชซอน
ขอแจ้งให้เหล่าขุนนางและบัณฑิตทั้งหลายได้รับรู้ไว้ว่า
ข้าจะล้างมลทินให้อดีตมเหสีโซฮวา และยกย่องให้เป็นพระมเหสีใหม่ จริงอยู่
ข้าเข้าใจดีว่า การคืนยศศักดิ์ให้นักโทษที่อดีตพระราชารับสั่งให้ประหารนั้น
เท่ากับขัดราชโองการ แต่ว่า อดีตมเหสีโซฮวาเป็นแม่บังเกิดเกล้าของข้าแท้ๆ
ซ้ำยังเป็นมเหสีเอกของพระเจ้าซองจงมาถึง 6 ปีเต็ม ฉะนั้น นี่ไม่ใช่การออกคำสั่ง
แต่เป็นการขอร้อง อยากให้ขุนนางและบัณฑิตทั้งหลาย เข้าใจความรู้สึกของข้าบ้าง
เอาเรื่องนี้ไปพิจารณาให้ถี่ถ้วน แล้วค่อยมีประกาศอย่างเป็นทางการ"
พระอัยยิกายินซูทรงทราบก็ตรัสกับพระเจ้ายอนซันว่า
"เจ้าจะคืนยศให้อดีตมเหสีโซฮวาหรือ ฝ่าบาท นี่จะล้อเล่นกับข้าหรือยังไง
รีบถอนคำสั่งคืนเดี๋ยวนี้" "พระอัยยิกา" "ฝ่าบาท
เพราะเจ้าสัญญากับข้าว่าต่อไปจะไม่เอ่ยเรื่องมเหสีโซฮวาอีก
ข้าถึงยอมให้ย้ายสุสานและสร้างศาลบูชาขึ้นใหม่ ตามที่เจ้าต้องการหมดแล้ว
ทำไมยังจะคืนยศให้นางอีก พอกันที" "แต่ยังไง นางก็เป็นแม่แท้ๆ
ของหม่อมฉันนะพ่ะย่ะค่ะ ทุกวันนี้ ถ้าหม่อมฉันยังได้ชื่อว่าเป็นลูกของนักโทษ
แล้วจะสร้างศรัทธาแห่งความเป็นพระราชาได้ยังไง ที่สำคัญ
หม่อมฉันทำเพื่อเกียรติของราชสำนักและบ้านเมือง
จึงอยากให้พระอัยยิกาทรงเห็นพระทัยด้วย" "ถ้าเจ้าล้างมลทินให้นาง
แถมยังคืนยศมเหสีให้อีก
แล้วคำสั่งที่ให้ประหารของเสด็จพ่อเจ้ามิกลายเป็นไม่ถูกต้องหรอกหรือ
ไหนจะความรู้สึกของพระพันปีอีก ฝ่าบาท
หลายปีนี้พระพันปีเลี้ยงดูเจ้ามาราวกับลูกแท้ๆ แล้วเจ้าจะไม่เห็นความดี
ทำเรื่องเนรคุณนางได้ลงคอเชียวหรือ คราวนี้ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไงก็ช่าง
เป็นตายร้ายดีข้าก็ไม่เห็นด้วยอีกแล้ว" "หม่อมฉัน ได้ยินว่ามเหสีโซฮวา
ถูกคนให้ร้ายจนสุดท้ายก็ประหารชีวิต" "อะไรนะ เจ้าไปฟังอะไรมา ไหนลองบอกข้าซิ"
"ไม่เพียงแต่ขุนนางและเชื้อพระวงศ์ ยังมีมหาดเล็กและฝ่ายใน
รวมหัวทำให้เสด็จแม่ของหม่อมฉันถูกปลดจากตำแหน่ง และยังให้เสด็จพ่อประทานยาพิษอีก"
"ฝ่าบาท" "เสด็จย่ากลัวว่าถ้าหม่อมฉัน ล้างมลทินให้มเหสีโซฮวาแล้ว
หลังจากนั้นจะคิดบัญชีกับคนที่เคยให้ร้าย
แม้แต่ขุนนางและเชื้อพระวงศ์ก็ไม่เว้นใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าเพ้อเจ้ออะไร
เงียบเดี๋ยวนี้นะ หน้าไหนมันช่างปากเสีย เอาเรื่องไร้สาระไปใส่หัวเจ้า
ทำให้เห็นผิดชอบเป็นชอบได้ถึงขนาดนี้ มเหสีโซฮวา ตายเพราะทำตัวเองต่างหาก"
"หม่อมฉัน ไม่ได้คิดรื้อฟื้นเรื่องเก่า หรือจะเอาเรื่องนี้มาทำให้ราชสำนักวุ่นวาย
เพียงแต่ว่า แม้จะสายไปหน่อย แต่ก็อยากทำหน้าที่ของลูกให้ดี
จึงขอให้เสด็จย่าทรงเข้าพระทัยด้วย" "ถ้าเจ้ายืนกราน จะล้างมลทินให้แม่แท้ๆ
หรือแม้แต่คืนยศให้นางละก้อ ขอบอกเลยว่า
เรื่องนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำตามอำเภอใจอีก" "แต่หม่อมฉันได้ตัดสินใจไปแล้ว
คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง" พระเจ้ายอนซันเสด็จไป พระอัยยิกายินซูทรงโกรธมาก
พระเจ้ายอนซันเสด็จไปหาพระพันปีซุกยอน พระนางทรงตรัสถามทันที "ได้ยินว่าวันนี้
ฝ่าบาทมีเรื่องขัดแย้งกับพระอัยยิกาถึงขนาดขึ้นเสียงเชียวหรือ"
"หม่อมฉันจะคืนยศให้เสด็จแม่แท้ๆ เป็นความผิดด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี แต่เรื่องมเหสีโซฮวา
แก้ปัญหาตอนนี้ออกจะเร็วไปหน่อยนะ ถ้าไงขอให้เจ้ายอมอ่อนข้อซักนิด
เพื่อไม่ให้พระอัยยิกาทรงเสียพระทัยเลยนะ" "หม่อมฉันทำตามไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท
ถือว่าแม่ขอร้องซักครั้ง เจ้าจงคิดดูก่อนเถอะ" "เสด็จแม่กลัวจะเสียตำแหน่งพระพันปี
ถ้าหม่อมฉันคืนยศให้มเหสีโซฮวาใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ" "การที่พระพันปี
ทรงดีต่อหม่อมฉันราวกับลูกแท้ๆ
เพื่อเป็นการไถ่บาปให้แม่ของหม่อมฉันใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท
ทำไมพูดแบบนี้ออกมาได้ล่ะ" "หม่อมฉัน เคารพรักพระพันปีราวกับแม่แท้ๆ ก็ไม่ปาน
ฉะนั้นแม้จะคืนยศให้มเหสีโซฮวา
หม่อมฉันก็ยังคงให้เกียรติเสด็จแม่ในฐานะพระพันปีต่อไปเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น
โปรดอย่าทรงห้ามหม่อมฉันอีกเลย" พระพันปีซุกยอนถึงกับทรงอึ้งไป
พระเจ้ายอนซันทรงระบายความอึดอัดกับพระชายา "ไม่รู้ทำไม
ข้ารู้สึกผิดหวังต่อพระพันปีและพระอัยยิกาอย่างมาก" "ทรงหมายความว่าไงหรือเพคะ"
"ตอนข้ายังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับแม่แท้ๆ พวกนางก็ให้ความเห็นใจ
พูดถึงเหมือนเป็นปกติ แต่พอข้าบอกว่าจะคืนยศให้เสด็จแม่เท่านั้น
ทั้งสองคนก็พากันคัดค้านใหญ่โต ช่างเป็นเรื่องที่ น่าผิดหวังจริงๆ" "ฝ่าบาท
หม่อมฉันเห็นว่าควรจะเชื่อฟังพระพันปีและพระอัยยิกาจะดีกว่านะเพคะ" "อะไรนะ
นี่แปลว่าเจ้า ก็ไม่เห็นด้วยที่ข้าจะคืนยศให้เสด็จแม่หรือไง" "หม่อมฉัน
เพียงแต่ห่วงว่าฝ่าบาทจะทรงขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในวัง จึงได้ทูลเตือนสติเพคะ"
"ไม่ต้องพูดแล้ว ข้ายังนึกว่าเจ้า น่าจะเข้าใจความรู้สึกข้าบ้าง
ที่ไหนได้กลับไปเข้าข้างพระพันปีและพระอัยยิกามาต่อต้านข้าอีกคนงั้นหรือ"
"ฝ่าบาทเพคะ" "ถ้าตอนนี้เจ้า ได้รู้ว่าสมัยก่อนเสด็จแม่ข้าตายอย่างอนาถแค่ไหน
คงไม่พูดแบบนี้กับข้าหรอก" "ฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาท ฮือ โอย" นางในรีบเข้ามาถวายการดูแล
"พระมเหสี เป็นไรหรือเปล่าเพคะ" "ฮือ ทำไมฝ่าบาท ถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้นะ
ฮือ ทุกวันนี้ ข้ารู้สึกกลัวพระองค์มากขึ้นทุกที ฮือ"0000000000000000
พระเจ้ายอนซันทรงเชิญโชชิคยอมและคิมชูซอนมาพบ "วันนี้ข้าตั้งใจเชิญพวกท่านมาหารือ
เกี่ยวกับเรื่องการคืนยศให้มเหสีโซฮวา ที่จริงข้าก็รู้ว่าคงมีคนคัดค้าน
แต่ไม่นึกว่านอกจากเหล่าขุนนางแล้ว แม้แต่พระอัยยิกา ก็ไม่ทรงเห็นด้วยกับเรื่องนี้
จนข้าไม่รู้จะเดินหน้าต่อยังไงดี" โชชิคยอมทูลว่า "ฝ่าบาท ผู้เป็นพระราชา
หากต้องการให้พระมารดาได้รับการยกย่อง อันเป็นการเพิ่มบารมี
อีกทั้งแสดงถึงความกตัญญู คงไม่มีใครห้ามได้หรอกพ่ะย่ะค่ะขอเพียงมีพระบัญชาคำเดียว
เหล่าขุนนางก็มีหน้าที่ทำตาม เพราะนี่คือ เจตนาที่ดีของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ"
"ฟังท่านพูดแบบนี้แล้ว ข้าค่อยรู้สึกเบาใจและมองเห็นทางสว่างหน่อย
ความเครียดที่มีก็จางหายไปเยอะ แล้วท่านเจ้ากรมล่ะเห็นว่ายังไง"
"หม่อมฉันเข้าใจดีว่า ฝ่าบาททรงผูกพันกับพระมารดาอย่างไม่เสื่อมคลาย
แต่มีความเห็นว่า ทรงถอนรับสั่งคืนจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ
แปลว่าท่านก็เห็นด้วยที่ว่า เสด็จแม่ข้ามีความผิดสมควรให้ประหาร
ไม่ควรคืนยศงั้นหรือ" "ฝ่าบาท สมัยก่อนพระมเหสี
ทรงเสียสละพระองค์เพื่อความสงบของราชสำนัก จึงยินยอมออกจากตำแหน่ง ที่สำคัญ
ยังเห็นแก่ฝ่าบาทและอดีตพระราชา จึงยอมรับยาพิษด้วยความเต็มใจ หากว่าทุกวันนี้
มเหสีโซฮวายังมีพระชนม์อยู่ หม่อมฉันเชื่อว่าคงไม่ต้องการให้ล้างมลทิน
เพื่อให้ฝ่าบาทและเหล่าขุนนางเกิดความบาดหมาง
จึงขอให้ทรงถอนรับสั่งคืนเถอะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองใหม่ด้วย"
"ข้าเข้าใจความหมายของท่านเจ้ากรมฯ แล้ว ถ้าไงจะคิดดูอีกที แล้วค่อยตัดสินใจ
พวกท่านออกไปก่อน" หลังจากออกมา โชชิคยอมอดถามคิมชูซอนไม่ได้ว่า
"สมัยก่อนเจ้าวิ่งเต้นทุกทางเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของมเหสีโซฮวา
แล้วทำไมมาวันนี้ กลับไม่ยอมให้มีการคืนยศล่ะ" "มาถึง ณ. วันนี้
ข้ายังเชื่อว่ามเหสีโซฮวาเป็นผู้บริสุทธิ์เสมอ ที่สำคัญ
ถ้าจะล้างมลทินให้พระนางแล้ว ข้ายินดีแลกด้วยชีวิตด้วยซ้ำ แต่ว่า อยู่ในตำหนักใหญ่
ข้าเป็นเจ้ากรมมหาดเล็กจึงต้องทูลตามหน้าที่" "หึ แต่ว่า ยิ่งเป็นเจ้ากรมมหาดเล็ก
เจ้าน่าจะเห็นชอบให้มีการคืนยศ มากกว่าใครไม่ใช่หรือ อีกไม่นานทั่วทั้งวังหลวง
อาจเกิดมรสุมที่ใครก็ไม่อาจต้านทาน ไม่ว่าเรื่องนี้จะถูกหรือปิด กรมมหาดเล็ก
ก็มีหน้าที่ทำตามพระบัญชาเท่านั้น นี่ต่างหากคือหน้าที่สำคัญ
ในฐานะเจ้ากรมมหาดเล็กอย่างเจ้าที่ควรจะเลือกทางนี้" คิมจาวอนบอกชองฮันซูว่า
ฝ่าบาทกำลังจะมีพระดำริ ให้คืนยศแก่อดีตมเหสีโซฮวาในไม่ช้านี้
และไม่นานชองฮันซูก็คงได้กลับไปทำงาน คิมจาวอนยังบอกอีกว่า "แต่ว่า ก่อนถึงวันนั้น
เราต้องกำจัดเสี้ยนหนามให้พ้นทางซะก่อน" "เสี้ยนหนามอะไร" "เจ้ากรมมหาดเล็กคิมชูซอน
เห็นท่านเป็นศัตรูมาตลอดไม่ใช่หรือ ตราบใดที่เขายังอยู่ในตำแหน่ง
ท่านจะกลับไปทำงานอีกครั้ง ข้าว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก" ชองฮันซูฟังแล้วก็ถอนใจ
เวลาเดียวกันนี้ ยางซองยุนก็ถามคิมชูซอนว่า "เฮ่อ ชูซอน ถ้าสมมุติว่า
เจ้าไม่หลงไปกับลาภยศ ก็จะถูกขับออกจากวัง ใช้ชีวิตอย่างเงียบเหงา
ถ้าให้เลือกจะเลือกทางไหน" "ข้าไม่เข้าใจความหมายของใต้เท้า"
"เท่าที่วิเคราะห์จากประวัติศาสตร์ จากพระเจ้าเซโจ
ซึ่งเป็นพระราชาที่เปี่ยมด้วยบารมี ตามด้วยพระเจ้าซองจง
ก็ทำให้บ้านเมืองร่มเย็นมาพักใหญ่ แล้วถัดจากพระราชาที่เน้นการปรองดอง
ก็มาถึงฝ่าบาทของเราซึ่งมักจะใช้มาตรการเฉียบขาดอยู่บ่อยครั้ง
พระราชาที่ไม่เชื่อใจขุนนาง มหาดเล็กก็จะมีอำนาจแทนที่
ถ้าเจ้าไม่อยากหลงติดกับลาภยศ ก็ต้องถูกขับออกจากวังฐานเตือนฝ่าบาทแล้วไม่ทรงฟัง
จริงมั้ยล่ะ" "ฝ่าบาททรงเป็นพระราชาที่เฉียบแหลมและเปี่ยมด้วยคุณธรรม
ข้าเชื่อว่าคงไม่ทำให้เราผิดหวัง" "ข้าก็หวังอย่างงั้นเหมือนกัน"
ที่สุสานแม่ของชองฮันซู พวกคิมชูซอนมาช่วยดูแลและบ่นถึงชองฮันซู ที่ยังไม่เห็นเขา
ทันใดนั้นชองฮันซูก็ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นทุกคนก็พากันไปดื่ม
ฉลองที่มีโอกาสอยู่กับพร้อมหน้าที่บ้านของแคนัม ชองฮันซูกล่าวกับทุกคนว่า "เอ่อ
เมื่อก่อน ข้าเคยทำเรื่องเลวร้ายสารพัด แล้วทำไมพอครบปีทีไร
พวกเจ้ายังไปไหว้แม่ข้าแทนข้าอยู่เรื่อยน่ะ" คิมชูซอนตอบว่า "ชั่วดียังไง
เราก็เป็นเพื่อนมหาดเล็กรุ่นเดียวกัน แม้ว่าเส้นทางของแต่ละคนจะแตกต่าง
แต่มิตรภาพที่เคยมีมา จะตัดขาดง่ายๆ ได้ยังไง" จาจีกล่าวต่อ "ก็ถึงว่าน่ะสิ
แม่ของเจ้า ก็เหมือนแม่ของพวกเราทุกคน" "ความเป็นเพื่อนของเราที่เกิดจากการถูกตอน
คงไม่ด้อยกว่าพี่น้องแท้ๆ ที่เกี่ยวพันทางสายเลือดหรอกนะ"
"ความผิดของเจ้ามีเยอะก็จริง หึ แต่ว่า เราก็ไม่อยากถือสาเจ้านัก" "ใช่
มีโอกาสได้เจออีกครั้ง ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว จริงมั้ย" ทุกคนหัวเราะ "เฮ่อ
ข้ารู้สึกละอายต่อพวกเจ้าจริงๆ" "มาๆ คืนนี้ ทุกคนลืมอดีตให้หมด ดื่มให้เต็มที่ก็พอ
ดีมั้ย" "ดีๆ" ทุกคนดื่มคุยกันอย่างมีความสุข
คิมชูซอนเห็นท่าทางของชองฮันซูก็กล่าวกับเขาว่า "ฮันซู ถ้าเจ้าคิดจะฆ่าข้าละก้อ
เชิญลงมือได้เลย แต่ว่า ถึงเจ้าทำแบบนี้ ก็ไม่อาจลบล้างบาปที่เคยก่อไว้ได้" "หึ
ชูซอน เจ้าให้อภัย คนอย่างข้าได้ไหม" ชองฮันซูคุกเข่า "ฮันซู เจ้าจะทำอะไรอีก
ลุกขึ้นเร็วเข้า" "ข้าเกิดในตระกูลขุนนางที่ตกยาก ในใจจึงมีแต่ความแค้น
เห็นว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม ทุกคนเอารัดเอาเปรียบหมด เพื่อหลีกหนีจากความยากจน
สมัยก่อนเมื่อข้าเป็นมหาดเล็ก ได้แอบคิดไว้ว่า ซักวันจะเป็นมหาดเล็กที่ใหญ่ที่สุด
เพื่อกลับไปตอบแทนแม่ของข้า ข้าต้องมีอำนาจล้นฟ้า ทรัพย์สินเงินทองข้าทาสบริวาร
ให้ทุกคนมาศิโรราบต่อข้าให้หมด แต่แล้ว เพราะความทะเยอทะยานของข้า
ทำให้หลงเดินทางผิดจนกู่ไม่กลับ ฮือ แต่ว่าชูซอน ความภักดีที่ข้ามีต่อราชสำนัก
และสิ่งที่ทำเพื่อกรมมหาดเล็ก เป็นความจริงใจทั้งสิ้น ข้อนี้เจ้าเชื่อหรือเปล่า"
"หึ ข้าเชื่อเจ้าและเชื่อสายตาตัวเอง เจ้า เป็นมหาดเล็กที่มีความสามารถมากกว่าใคร"
"ขอบใจที่ยังชื่นชมข้าอยู่ เฮ่อ ชูซอน ข้า คิดว่าจะไปจากเมืองโชซอนแล้ว เฮ่อ
หวังว่าการไปคราวนี้ จะเป็นการเสียสละ
เพื่อฝ่าบาทและกรมมหาดเล็กของเราเป็นครั้งสุดท้าย และข้าจะไปทบทวนความผิด
ชดใช้หนี้กรรมที่ก่อไว้" "ฮันซู" "อนาคต ถ้าข้าไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก
ก็รบกวนให้เจ้า ช่วยดูแลสุสานแม่ข้าแทน" "งั้นเจ้าก็รักษาตัวดีๆ
อย่าลืมว่าทางนี้ยังมีเพื่อนหลายคน ที่ยังเป็นห่วงเจ้าอยู่" ชองฮันซูจากไป
ระหว่างนั้นเขาได้พบกับกึมพยอที่มาดักหน้าไว้ "มีธุระอะไร" "ชองฮันซู
ความผิดที่เจ้าก่อไว้มากมาย คืนนี้คงต้องชดใช้หน่อยแล้ว" "กึมพยอ ถ้าข้าขอร้อง
จะปล่อยข้าซักครั้งได้ไหม ข้าสัญญาว่านับแต่นี้จะไม่กลับมาเมืองหลวงอีก" "สายไปแล้ว
ใต้เท้าโชมีคำสั่ง ไม่ให้ปล่อยเจ้าไว้" "งั้นก็ได้ ถ้าอย่างงั้น
ให้ข้ารักษาเกียรติของหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์ไว้บ้างเถอะ ท่าน ท่านแม่ ท่านแม่"
ชองฮันซูตาย กึมพยอกลับมารายงานโชชิคยอม "ข้าได้ทำตาม คำสั่งของใต้เท้า
จัดการฝังศพเขาอย่างดีแล้วครับ" "ที่จริงเขาไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก เพียงแต่
เป็นเงาของพระราชา อยู่เบื้องหลังความมืดมิดเท่านั้น ถ้าไม่มีความทะเยอทะยานก็ดี
หึ" วันต่อมาพระเจ้ายอนซันรับสั่งถามในที่ประชุมว่า "ที่ข้าเสนอเมื่อวันก่อน
ว่าจะคืนยศให้มเหสีโซฮวา ทำไมจนป่านนี้ยังไม่มีคำตอบมาอีก
ข้าจะล้างมลทินให้มเหสีโซฮวา และคืนยศให้นางใหม่ ยกย่องเท่ากับมเหสีองค์หนึ่ง
เอาศพของนาง ไปฝังที่สุสานของราชวงศ์ จึงขอให้พวกท่าน ทำตามที่ข้าสั่งเดี๋ยวนี้"
"ฝ่าบาท ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" ขุนนางพร้อมใจกันตอบ เหล่าบัณฑิตก็ทูลขอ
"ขอทรงถอนรับสั่งคืนด้วยเถอะ" "ฮึ่ม
ใครกล้าขัดคำสั่งเท่ากับมีโทษคิดกบฎต่อบ้านเมือง เข้าใจหรือเปล่า" "ฝ่าบาท
ทรงถอนรับสั่งคืนเถอะพ่ะย่ะค่ะๆ" พระอัยยิกายินซูทรงประชวร
พระพันปีซุกยอนคอยเฝ้าดูแลและถามอาการ ยางซองยุนบอกว่า พระชนม์มากขึ้น
ทำให้อ่อนพระกำลังลงเกิดอาการวิงเวียนหน้ามืด พระอัยยิกายินซูทรงรับสั่งเองว่า
"แทปี ข้าป่วยด้วยโรคทางใจ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนักหรอก" "ทูลพระอัยยิกา
ฝ่าบาทมาขอเฝ้าเพคะ" "เชิญเข้ามาได้" "พระอัยยิกา หม่อมฉันได้ยินว่าทรงประชวร
ไม่ทราบเป็นอะไรตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ" พระอัยยิกายินซูทรงเมิน "ท่านหมอยาง
ไปหายาบำรุงชั้นดีมาถวายพระอัยยิกา ยังไงก็ต้องรักษาให้หายเป็นปกติล่ะ"
"ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "ทูลพระอัยยิกา วันนี้ หม่อมฉันจะประกาศคืนยศให้มเหสีโซฮวา
และย้ายศพไปยังสุสานหลวงด้วย จากนั้นก็จะยกย่องให้เป็นมเหสีอีกองค์
ขอทรงประกาศให้ฝ่ายในรู้กันทั่วด้วย" "เมื่อเจ้าตัดสินใจไปแล้ว
ยังมาบอกให้ข้ารู้ทำไมอีก หึ ในเมื่อตอนนี้เจ้าไม่เชื่อฟังคำเตือนของผู้ใหญ่
จัดแจงทำอะไรตามใจชอบ ต่อไป อยากทำอะไรก็เชิญ ไม่ต้องมารายงานอีกแล้ว"
"หม่อมฉันไม่อยากให้พระอัยยิกาทรงกริ้วอีก ถ้าพระอัยยิกาไม่ทรงสนับสนุนหม่อมฉัน
แล้วหม่อมฉันจะต่อกรกับเหล่าขุนนาง ปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นได้ยังไง"
"นั่นเพราะเจ้าหาเรื่องใส่ตัว จะโทษใครได้ล่ะ
ช่วงนี้ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าให้ปวดหัว เชิญเถอะ จะไปไหนก็ไป เฮ่ย เฮ่อ หึ"
ยางซองยุนออกมาคิมชูซอนรีบเข้าไปถามอาการ เขาตอบว่า "ข้าสงสัยว่าพระอัยยิกา
จะแกล้งประชวรเพื่อให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนพระทัย เกี่ยวกับเรื่องมเหสีโซฮวา
ฉะนั้นเรื่องยาคงไม่ช่วยหรอก เพื่อจะคืนยศให้มเหสีโซฮวา
ทำให้ฝ่าบาทตอนนี้ไม่เพียงเป็นอริกับขุนนาง แม้แต่พระอัยยิกาก็ทรงกริ้วอย่างหนัก
แล้วต่อไปจะทรงบริหารราชกิจได้ยังไง" "แต่ถ้าเรื่องคราวนี้ผ่านไปได้
ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทคงไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นอีก ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่
ความบาดหมางระหว่างพระองค์กับเหล่าขุนนาง ก็คงคลี่คลายลงด้วย" "ชีวิตคนเรา
ถ้ากะเกณฑ์ได้อย่างที่คิด เรื่องปวดหัวคงไม่มีหรอก"
หลังจากจัดการให้อดีตพระมเหสียุนโซฮวาได้คืนยศ พระเจ้ายอนซันก็ทรงจัดเลี้ยงฉลอง
ระหว่างนั้นคิมจาวอนเข้ามาทูลว่า บัณฑิตจากสามกรมใหญ่
มาคุกเข่าอยู่ที่ท้องพระโรงเล็ก คัดค้านเรื่องคืนยศ พระเจ้ายอนซันทรงเสด็จออกไป
"พวกท่านมาคุกเข่าอยู่นี่ ต้องการอะไรจากข้าอีก" "ฝ่าบาท
โปรดทรงถอนรับสั่งเรื่องคืนยศด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "โปรดทรงถอนรับสั่งคืนด้วยเถอะ"
"เรื่องนี้ข้ามีประกาศออกไปแล้ว พวกท่านจะมาคัดค้านหาอะไรอีก ถอยไปเดี๋ยวนี้"
"แม้นางจะเป็นพระมารดาของฝ่าบาท แต่ก็ถือเป็นนักโทษ ไม่ควรยกย่องให้เป็นมเหสีอีก
ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะ" "ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะ" "อดีตพระราชาเคยรับสั่งว่า
ห้ามพูดถึงเรื่องนี้เป็นเวลาหนึ่งร้อยปี แล้วฝ่าบาทซึ่งเป็นพระโอรสแท้ๆ
ทำไมขัดรับสั่งของเสด็จพ่อ สมควรแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ทำไมพวกท่านไม่ยอมเข้าใจ
ว่าข้าเป็นทุกข์กับเรื่องของเสด็จแม่แค่ไหน กลับเอาแต่ความคิดตัวเอง
ถือคำสั่งเสด็จพ่อมาขู่ข้าอีก ตกลงพวกท่าน เป็นขุนนางของเสด็จพ่อ
หรือเป็นขุนนางของข้ากันแน่" "ฝ่าบาท เราแค่ไม่อยากให้พระองค์หลงเดินทางผิด
ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ขอทรงพิจารณาด้วยเถอะ" "แต่ไหนแต่ไร
ข้าให้เกียรติและเชื่อฟังสามกรมใหญ่เสมอ แต่พวกท่านกลับเหิมเกริม
ไม่เคยเห็นพระราชาอย่างข้าอยู่ในสายตา" "ฝ่าบาท
โปรดทรงเห็นแก่ความภักดีของเราด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "หัวหน้าองครักษ์
จับพวกที่บุกรุกท้องพระโรง ลบหลู่เบื้องสูง บังอาจขัดคำสั่งข้า ไปขังเรือนจำให้หมด
ไม่ต้องรอช้า" "พ่ะย่ะค่ะ น้อมรับพระบัญชา คุมตัวให้หมด" "ฝ่าบาทๆ
ทรงถอนรับสั่งคืนด้วย ฝ่าบาท ฟังก่อนพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท" พวกขุนนางเหล่านั้นถูกทำร้าย
คิมชูซอนรู้เรื่องเข้าก็รีบเข้าเฝ้าทันที พระเจ้ายอนซันทรงรู้ทัน "เจ้ากรมมหาดเล็ก
จะมาขอให้ข้าปล่อยขุนนางที่ถูกคุมขังใช่ไหม" "ฝ่าบาท พวกเขาเหล่านั้น
ล้วนเป็นบัณฑิตและนักวิชาการที่ช่วยอดีตพระราชาวางนโยบายการบริหาร
อนาคตก็จะเป็นกำลังสำคัญต่อการปกครองของฝ่าบาทด้วย ถ้าทรงลงอาญาพวกเขา
ทำให้เกิดความกลัวเมื่อไหร่ เท่ากับปิดกั้นเสรีภาพ คนที่มีความรู้ก็จะลาออกไปหมด
ส่งผลเสียต่อฝ่าบาทเองนะพ่ะย่ะค่ะ" "แต่พวกเขาบอกว่า
เสด็จแม่ข้าไม่คู่ควรจะได้รับการคืนยศอีก" "เสด็จแม่ของฝ่าบาท
ทรงเป็นมเหสีที่น้ำพระทัยงดงาม ห่วงใยราษฎร เปี่ยมด้วยพระเมตตา
เพียบพร้อมด้วยความดีงามทุกด้านอยู่แล้ว ถ้าฝ่าบาททรงมีความปรารถนาดีต่อพระนางจริง
ที่สำคัญกว่าการคืนยศ คือสืบทอดพระเมตตาจากเสด็จแม่ต่างหาก ฝ่าบาท
ถือว่าเห็นแก่อดีตมเหสี ทรงปล่อยขุนนางสามกรมใหญ่ได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "ใช่ ถูกต้อง
ถ้าข้าเห็นแก่เสด็จแม่จริง ก็ควรปล่อยพวกเขาอยู่แล้ว แต่ว่า
ข้าไม่เหมือนเสด็จพ่อหรอกนะ สมัยก่อนเสด็จพ่อ ต้องอาศัยพวกบัณฑิต
จึงจะมีแนวทางในการปกครอง ส่วนพวกเขาก็อ้างแต่หลักการความถูกต้อง
สร้างความรุ่งเรืองให้ตัวเองและพวกพ้องมากกว่า ข้าจะทำให้โชซอน
ปกครองด้วยอำนาจของพระราชาอย่างแท้จริง" "ฝ่าบาท
จะทรงฝืนแนวทางของอดีตพระราชาหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ก็เหมือนที่ท่านเจ้ากรม
มีวิธีปกครองกรมมหาดเล็กที่ต่างจากพ่อบุญธรรมของท่าน ข้าก็เหมือนกัน
มีวิธีปกครองที่ต่างจากเสด็จพ่อ" "ฝ่าบาท หน้าที่ของพระราชา
จะเทียบกับกรมมหาดเล็กซึ่งเป็นแค่หน่วยงานเล็กๆ ได้ยังไง"
"ข้าได้อ่านบันทึกราชวงศ์เกี่ยวกับประวัติการทำงานของใต้เท้าโช
ในสมัยที่พระเจ้าเซโจครองราชย์นั้น องค์ชายโนซาน คิดจะกู้บัลลังก์
โชชิคยอมได้ร่วมลงชื่อในกลุ่มผู้ก่อการ แต่ภายหลังเกิดเปลี่ยนใจ
จึงได้สังหารหัวหน้าองครักษ์คิมจามยอง
รวมทั้งเอาชีวิตเจ้ากรมมหาดเล็กในตอนนั้นด้วย" "เอ่อ ฝ่าบาท เมื่อกี้
ทรงรับสั่งว่าไงนะพ่ะย่ะค่ะ" "ข้าเห็นว่า คนที่มีความภักดีจริงก็คืออย่างเขานี่แหละ
ใต้เท้าโช แม้จะได้ชื่อว่าทรยศต่อผู้ร่วมขบวนการเพราะสัญญาแล้วเปลี่ยนใจ
แถมยังสังหารเจ้ากรมมหาดเล็กในสมัยนั้นอีก แต่สำหรับราชสำนัก เขาคือคนที่ซื่อสัตย์
เพราะฉะนั้นท่านเอง ไม่ต้องถือคุณธรรมให้มากก็ได้
หัดเอาอย่างพ่อบุญธรรมก็ดีเหมือนกัน" คิมชูซอนอึ้งไปทีเดียว เขากล่าวอะไรไม่ออกคิมชูซอน จบ 57
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
โบตั๋นกลีบสุดท้าย สะใภ้ลูกทุ่ง รักเธอยอดรัก คิมชูซอน
เมนูรักเชฟมือใหม่ สู่แสงตะวัน หมวยอินเตอร์ เย้ยฟ้าท้าดิน เพราะรักนี้มิอาจลืม
(Alone in Love) ความลับของซูเปอร์สตาร์ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า
Readlakorn
9 comments:
เริ่มภาคของความสะใจบ้างแล้วอ่ะ
ติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน
อยากอ่านต่อจัง
มาเขียนอีกเร็ว ๆ นะคะ
ขอบคุณครับ
สนุกมากๆๆ
ขอบคุณมากๆนะครับผม
มาเฝ้าอ่านแต่เช้าแล้วหล่ะ
ขอบคุณมากกกก นะคะ
ขอบคุณค่ะ ใกล้จบแล้ว สนุกมากค่ะ กำลังรอตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณมากนะครัฟ คนแรกเลยหรือปล่าว ยังไงจะรอติดตามตอนต่อไปนะครัฟ ขอบคุณมากๆคับ
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่าค่ะ ^_^
รู้สึกว่าได้อ่านเป็นคนแรก ดีใจมากๆเลย
Post a Comment