คิมชูซอน 55
คน 3 คนที่โชคชะตาบันดาลให้พบกันในเยาว์วัย ชอนตง โซฮวา องค์ชายชาซาน
โดยเฉพาะองค์ชายชาซานซึ่งพอพระทัยโซฮวาตั้งแต่แรกพบ
ส่วนชอนตงก็แอบชื่นชมนางอยู่ห่างๆ เช่นกัน เรื่องราวของพวกเขา
จึงได้เริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น ต่อมา โซฮวาได้เข้าวังในฐานะสนมของพระเจ้าซองจง ชอนตง
ต้องการจะดูแลหญิงที่รัก จึงตอนตัวเองเพื่อไปเป็นมหาดเล็กในวังด้วย
ชีวิตของโซฮวาที่อยู่ในวัง ไม่ได้สบายอย่างที่คิด
ซึ่งชูซอนก็ได้แต่คอยดูด้วยความห่วงใย โซฮวาให้กำเนิดโอรสแก่พระเจ้าซองจง
จึงได้ดำรงตำแหน่งพระมเหสี
พระเจ้ายอนซันสั่งให้มีการสร้างศาลให้อดีตพระมเหสียุนโซฮวา
และให้อภัยโทษแก่ครอบครับของพระนาง พระอัยยิกายินซูทรงทราบก็ทรงต่อว่า "ฝ่าบาท
ไหนเคยสัญญาว่านับแต่นี้จะไม่พูดเรื่องมเหสีโซฮวาอีกแล้วไง
ทำไมมีคำสั่ง ให้ย้ายสุสานของนาง แถมยังจะสร้างศาลบูชาอีก ทำแบบนี้หมายความว่าไง"
"ทูลพระอัยยิกา หม่อมฉันเคยได้ยินแต่ว่า แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังมีความผูกพัน
ทนไม่ได้ที่เห็นพ่อแม่เสียชีวิต แล้วหม่อมฉัน
หลังจากรู้ว่าสุสานของเสด็จแม่ถูกทำลาย ก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก จึงสั่งให้ย้ายใหม่
แค่นี้ก็เป็นความผิดด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน แค่ขอย้ายสุสานของนางเท่านั้น
ไม่ใช่ทำเพื่ออภัยโทษหรือจะล้างมลทินให้นางซักหน่อย หม่อมฉัน
เพียงแต่อยากทำหน้าที่ของลูกเท่านั้น ขอทรงอนุญาตด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "หึ เอาเถอะ
คราวนี้ข้ายอมแพ้ ให้ทำตามความประสงค์ของเจ้า แต่ว่า ทีหน้าทีหลัง
ถ้ายังเอาเรื่องมเหสีโซฮวามาพูดอีก ข้าคงจะไม่เห็นดีเห็นงามไปกับเจ้าอีกนะ"
"พระอัยยิกาทรงเข้าพระทัย และเห็นในความกตัญญูของหม่อมฉัน ขอบพระทัยพ่ะยะค่ะ"
ยางซองยุนถวายฏีกาคัดค้านพระเจ้ายอนซัน
แม้ว่าการที่พระเจ้ายอนซันทรงมีพระราชโองการนิรโทษกรรมพระมเหสียุนโซฮวานั้นจะแสดงถึงความกตัญญูของพระองค์ก็ตาม
แต่ในทางกลับกันกลับเป็นการอกตัญญูต่อพระเจ้าซองจงซึ่งมีรับสั่งประหารชีวิตพระมเหสียุนโซฮวา
พระเจ้ายอนซันทรงกริ้วมากจึงทรงมีรับสั่งโบยและให้คุมขังยางซองยุน
หลังจากที่โชชิคยอมรู้เรื่องที่ยางซองยุนถูกคุมขังแล้ว
โชชิคยอมก็รีบรุดไปที่กรมอาญาตำหนิบรรดามหาดเล็กที่พากันเพิกเฉยดูดายปล่อยให้ยางซองยุนถูกคุมขัง
โชชิคยอมเข้าเฝ้าพระเจ้ายอนซันโดยทูลขอพระเมตตาจากพระองค์ใ
"หม่อมฉันได้ยินว่าฝ่าบาท มีรับสั่งให้ลงโทษยางซองยุน
อีกทั้งยังจับไปขังคุกจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ" "เป็นเพราะว่าเขา
รู้เห็นเป็นใจกับพวกสามกรมใหญ่ เห็นคำสั่งข้าไม่มีความหมาย
ข้าเลยสั่งให้ลงโทษเป็นบทเรียนซะบ้าง" "แต่ว่าฝ่าบาท
ยางซองยุนเป็นหมอที่ถวายการรักษาเชื้อพระวงศ์มาหลายรุ่น
อีกทั้งยังเคยเป็นเจ้ากรมมหาดเล็ก ซึ่งถือเป็นคนที่ซื่อสัตย์นัก เมื่อคืน
อาจเพราะเป็นห่วงการตัดสินพระทัยของฝ่าบาท จึงได้มาถวายคำเตือน
ขอทรงอภัยด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ ที่สำคัญ สมัยก่อนมเหสีโซฮวาทรงประชวรก็ได้เขานี่แหละ
เป็นผู้ถวายการรักษาจนหายเป็นปกติ ถ้าไงทรงเห็นแก่ความดีของเขาเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "หึ
ก็ได้ ข้าจะถือว่าเห็นแก่ท่าน คราวนี้จะยกโทษให้เขา"
พระอัยยิกายินซูทรงเตือนพระเจ้ายอนซันว่า "ฝ่าบาท
การเป็นอริกับสามกรมใหญ่เพราะเรื่องมเหสีโซฮวา
จะส่งผลกระทบถึงการบริหารของเจ้าในภายภาคหน้า ถ้าไงเรื่องนี้
เราก็ถือว่าเห็นแก่ความถูกต้อง อ่อนข้อให้พวกเขาเถอะ" "พระอัยยิกา เมื่อกี้
รับสั่งว่าความถูกต้องหรือพ่ะย่ะค่ะ พระมเหสีถูกปลด ในขณะที่ขุนนางนิ่งเฉย
ถ้าพวกเขารู้ว่าอะไรคือความถูกต้องจริง
ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ประทานยาพิษซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
ทำไมไม่เห็นพวกเขาทักท้วงเสด็จพ่อบ้าง แล้วพอมาวันนี้ ยังจะอ้างความถูกต้องอีกหรือ"
"ฝ่าบาท" "ตอนที่แม่หม่อมฉันถูกปองร้าย หม่อมฉันเชื่อว่าพระอัยยิกา
คงจะเห็นพระทัยนางมากและไม่ต้องการให้เป็นอย่างงั้น ที่สำคัญพระอัยยิกา
น่าจะเคยวิงวอนให้เสด็จพ่อทรงเปลี่ยนพระทัยซะ ในขณะที่พวกเขา
กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะอย่างงั้น ปล่อยให้แม่หม่อมฉันดื่มยาพิษไปต่อหน้า
แล้วหม่อมฉันยังต้องเห็นชอบกับการกระทำของพวกเขาอีก คงเป็นไปไม่ได้แน่ ขอพระอัยยิกา
เห็นใจหม่อมฉันหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้ายอนซันเสด็จออกไป
พระอัยยิกายินซูทรงถอนพระทัย "เฮ่ย แย่จริง แล้วตอนนี้เราจะทำไงดีล่ะนี่"
"ฝ่าบาทคงรับสั่งด้วยอารมณ์ชั่ววูบน่ะเพคะ ไม่นานคงจะคิดได้เอง
เสด็จแม่ทรงวางพระทัยเถอะ"
คิมจาวอนได้รับพระบัญชาจากพระเจ้ายอนซันให้นำอาหารและผ้าแพรอย่างดี
ไปมอบให้ซินฮูหยินแม่ของพระมเหสีโซฮวา "ฝ่าบาททรงเป็นห่วง
สุขภาพของฮูหยินว่ายังแข็งแรงดีหรือเปล่า" "อ้อ หมายความว่าฝ่าบาท
ยังไม่ลืมยายอย่างข้าจริงหรือนี่ ช่างเป็นพระเมตตาแท้ๆ ฮือ"
โชชิคยอมมาเยี่ยมวอฮากับโตชิ เขาดูว่าสถานที่เสื่อมโทรมไป วอฮาตอบว่า
"ตั้งแต่ผู้ช่วยแช พาครอบครัวของเขา ไปจากเมืองหลวงแล้ว ที่นี่ไม่มีครูฝึก
และเด็กก็ไม่ค่อยอยากเป็นมหาดเล็กนัก ข้าเลยขอปิดตัวเองดีกว่าน่ะค่ะ"
"ที่นี่เปรียบเหมือนจุดกำเนิดของมหาดเล็กมากมายรวมถึงข้าก็ถือว่าเป็นบ้านเก่า
ถ้าปิดไปก็เหมือนขาดอะไรบางอย่าง ถ้าไงคิดจะเปิดใหม่มั้ยล่ะ" "เราจะไม่เปิดอีกแล้ว"
"อึม ในเมื่อไม่มีแก่ใจอยากทำอีก ข้าก็ไม่ฝืนหรอกนะ" "ว่าแต่
ท่านมานี่มีธุระอะไรหรือคะ" "ข้าไม่อยากตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับชูซอน
ถ้าไงไว้เขากลับจากเฝ้าสุสานหลวงแล้ว
เจ้าช่วยเกลี้ยกล่อมให้เขายอมรับข้าเหมือนเดิมได้ไหม
ข้ารู้ว่าพอเขารู้เรื่องแม่แท้ๆ คงทำใจลำบาก แต่ยังไงรบกวนเจ้าช่วยพูดให้ข้าทีเถอะ
เพราะข้าไม่รู้จะพึ่งใครอีกแล้ว" อีกด้านหนึ่งนั้น
คิมชูซอนซึ่งเฝ้าสุสานพระเจ้าซองจงนั้นทรงรับฟังเรื่องราวของพระเจ้ายอนซันจากลีกงซิน
"อะไรนะ คนที่ไปทูลเกี่ยวกับสุสานมเหสีโซฮวา คือจาวอนงั้นหรือ" "ข้ายังได้ยินว่า
เขาออกหน้าไปช่วยดูแลครอบครัวของมเหสีโซฮวาที่เพิ่งได้รับการอภัยโทษด้วยน่ะครับ"
"เฮ่อ แล้วที่กรมฯ มีเรื่องอะไรมั้ย" "ใต้เท้าโชกลับไปเมืองหลวง
เป็นผู้นำมหาดเล็กอาวุโสครับ" ใต้เท้ายุนโฮถึงแก่กรรม
พระพันปีซุกยอนทรงทราบก็ถึงกับเป็นลม พระเจ้ายอนซันและพระชายารีบเสด็จมาดูแล "ฮือๆๆ
ท่านพ่อ ฮือๆๆ ฮือๆ" "เสด็จแม่ ทรงหักห้ามพระทัยบ้างเถอะพ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้ายุนโฮ
เป็นขุนนางสำคัญของราชสำนัก และยังเป็นท่านตาที่ห่วงใยหม่อมฉัน
ดูแลมาตั้งแต่เด็กด้วยซ้ำ ตอนนี้ท่านตา แม้จะจากไปเร็วแต่ก็ถือว่าสิ้นลมอย่างสงบ
ความเสียใจของหม่อมฉันก็ไม่น้อยกว่าเสด็จแม่เหมือนกัน" "พระพันปีเพคะ ขอทรงเข้มแข็ง
และหายดีไวๆ นะเพคะ" "ฮือ เจ้าสองคน รู้ข่าวก็รีบมาปลอบใจแม่ทันควัน
ต้องขอขอบใจมาก" "หม่อมฉันได้สั่งการไปแล้วว่า ให้จัดพิธีศพ
ให้ใต้เท้ายุนโฮอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อให้เสด็จแม่ทรงวางพระทัย รีบหายไวๆ
นะพ่ะย่ะค่ะ" "เห็นเจ้าเป็นห่วงเป็นใย ทำเพื่อแม่และท่านตาถึงขนาดนี้
แค่นี้แม่ก็อุ่นใจแล้ว"000000000000000 สามปีต่อมา คิมชูซอนเดินทางกลับวังหลวง
เข้าเฝ้าพระเจ้ายอนซัน "เจ้ากรมมหาดเล็ก ให้ท่านไปเฝ้าสุสานของเสด็จพ่อเป็นแรมปี
ช่างลำบากท่านนัก" "หม่อมฉัน แทบอยากใช้ความตายเพื่อทดแทน
พระเมตตาของอดีตพระราชาด้วยซ้ำ" "พูดอะไรอย่างงั้น แต่เล็กมา
ถ้าไม่ได้ท่านคอยดูแลและชี้แนะให้ข้าละก้อ ข้าคงไม่รู้จะพึ่งใครด้วยซ้ำ
ตอนนี้เมื่อท่านกลับมา ข้าดีใจยิ่งกว่าได้ทหารเรือนแสนมาช่วยซะอีก"
"ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน ขอถวายชีวิต
เพื่อฝ่าบาทและราชสำนักจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ" พอออกมา
กึมพยอก็บอกว่าโชชิคยอมเรียกเขาไปพบ พร้อมมหาดเล็กที่ปลดเกษียณไปแล้ว
"ที่เราเชิญท่านเจ้ากรมมาพบวันนี้ เพื่อจะหารือเกี่ยวกับเรื่องปรับปรุงบำนาญ
สำหรับมหาดเล็กที่ปลดเกษียณไปแล้วน่ะนะ" "ข้าไม่เข้าใจความหมายที่ท่านพูด"
"ได้ยินว่าท่านเจ้ากรม สั่งระงับการจ่ายบำนาญสำหรับคนที่เกษียณ
อีกทั้งยังให้ยึดทรัพย์บางส่วนด้วย สาเหตุเป็นเพราะอะไรไม่ทราบ"
"กรมมหาดเล็กน่าจะให้การดูแลคนที่เกษียณแล้ว ทำไมกลายเป็นบีบให้เราลำบากขึ้น
แถมยังขาดรายได้อีก" "เพราะฉะนั้น เรื่องนี้จึงอยากให้ท่านเจ้ากรม
นำกลับไปทบทวนใหม่ซะ" โชชิคยอมเสริมว่า "มหาดเล็กที่เกษียณแล้วนั้น
ล้วนเป็นข้าราชบริพารที่ถวายงานมาชั่วชีวิต,หนักเอาเบาสู้ทั้งนั้น
เพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในบั้นปลายอย่างหมดห่วง จึงน่าจะมีบำนาญให้พอสมควร ที่สำคัญ
ไม่ควรยึดทรัพย์ที่แต่ละคน เก็บหอมรอมริบมาด้วย" "เรื่องนี้คงทำตามไม่ได้หรอกครับ"
คิมชูซอนว่า โชชิคยอมอึ้ง "อะไรนะ" "ขุนนางที่เกษียณจะไม่มีการรับเงินจากทางการ
แล้วทำไมมหาดเล็กมีข้อยกเว้นล่ะครับ ที่สำคัญ การให้มหาดเล็ก
ส่งคืนทรัพย์สินที่ได้โดยมิชอบและไม่อาจบอกที่มา ก็เพื่อป้องกัน
ไม่ให้คนที่ยังทำงานอยู่ หยิบฉวยของในวังออกไปโดยพละการ" "พูดแบบนี้คือปฏิเสธ
คำขอของเราใช่ไหม" "มหาดเล็กที่เกษียณแล้ว อาศัยแค่เบี้ยหวัดที่เคยมี
บวกกับทรัพย์สินที่สะสม เชื่อว่าน่าจะอยู่ได้อย่างสบาย
ฉะนั้นข้อเสนอนี้จึงคิดว่าไม่จำเป็น ข้าได้บอกวัตถุประสงค์ให้ทราบแล้ว
ถ้าหมดเรื่องคงต้องขอตัวก่อน"มหาดเล็กอาวุโสต่างไม่พอใจคิมชูซอน
ระหว่างเดินทางกลับมาคิมชูซอนได้ช่วยหญิงคนหนึ่งที่นอนหมดสติไป
และสั่งให้ลีกงซิมพามาอยู่กับวอฮา
พอนางรู้สึกตัวก็ร้องไห้คร่ำครวญว่าช่วยชีวิตนางทำไม
คิมชูซอนมาที่บ้านวอฮาและคุยกับโตชิ เขาบอกให้คิมชูซอนหาใครสักคนจะได้เป็นครอบครัว
"หึ มหาดเล็กจะมีครอบครัวได้ไงครับ อย่าล้อเล่นดีกว่า"
"แคนัมกับเกยนัมยังมีครอบครัวอยู่อย่างมีความสุขไม่ใช่หรือ
อย่างน้อยก็เห็นแก่แม่เจ้าบ้าง ที่เห็นเจ้าอยู่คนเดียวมาจนป่านนี้
นางจะเป็นห่วงแค่ไหน ต่อให้มีครอบครัว แต่ไม่สามารถมีลูกได้
ก็น่าจะหาเด็กซักคนมาเลี้ยง เป็นการแสดงความกตัญญูต่อแม่เจ้าก็ยังดี"
"ถึงจะรู้สึกผิดต่อแม่บ้าง แต่ข้าจะไม่ใช้เงินซื้อผู้หญิง
การเป็นเมียมหาดเล็กก็ไม่ต่างกับตกนรกดีๆ นี่เอง" "ข้าเข้าใจความคิดของเจ้าดี
แต่อยากให้เห็นแก่แม่ซักนิด ฮึ่ม" ขุนนางท่านหนึ่งพบจดหมายเหตุของ "คิมมินซุน"
จึงพากันนำไปทูลให้พระเจ้ายอนซัน พระเจ้ายอนซันทรงมีพระราชประสงค์ชำระประวัติศาสตร์
ทรงเรียกคิมชูซอนมาเฝ้า "ท่านเจ้ากรม รีบไปที่หอตำราหลวง
เอาจดหมายเหตุของคิมมินซุนมาให้ข้าดูทั้งหมด" "ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าอยากอ่านเรื่องที่เขาเขียนหน่อย ไปเอามาเร็วๆ" "เฮ่อ ฝ่าบาท บันทึกเหล่านี้
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระจริยาวัตรของพระราชาทุกพระองค์
เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาและดูไว้เป็นเยี่ยงอย่าง
มีแต่เจ้าหน้าที่หอตำราจึงจะตรวจสอบได้ โดยกฎหมายแล้ว
แม้แต่พระราชาก็ไม่มีสิทธิ์ทรงชี้นำ เพราะฉะนั้น ขอทรงถอนรับสั่งคืนเถอะพ่ะยะค่ะ"
"ข้าก็รู้ว่า แม้เป็นพระราชา ก็ไม่มีสิทธิ์อ่านบันทึกราชวงศ์ที่บัณฑิตเป็นคนเขียน
แต่ว่า ถ้าบัณฑิตคนนั้นเสกสรรปั้นแต่งเพื่อให้ร้ายราชสำนัก
หรือทำให้ราชวงศ์ของเราด่างพร้อย ก็ถือเป็นความผิดที่ยากจะให้อภัยได้
ข้าจึงต้องดูให้เห็นกับตาก่อน ค่อยตัดสินอีกที รีบไปเอามาเร็ว" "ฝ่าบาท
ถ้าทรงอ่านบันทึกซึ่งจะเผยแพร่ในภายภาคหน้า ผู้รับผิดชอบด้านนี้
ก็จะเขียนแต่คุณงามความดีของพระราชา ไม่กล้าเขียนถึงข้อบกพร่อง
ซึ่งหากเป็นอย่างงั้น ต่อไปคงไม่มีใคร
กล้าเขียนด้วยความเป็นกลางเพราะกลัวจะต้องอาญา เพราะฉะนั้น
ขอทรงไตร่ตรองด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้ากรมมหาดเล็ก ท่านจะขัดคำสั่งข้าไปถึงไหนน่ะ"
"หม่อมฉัน ไม่อาจทำตามพระบัญชาได้พ่ะย่ะค่ะ" "จาวอน งั้นเจ้าไปที่หอตำราหลวง
เอาบันทึกที่คิมมินซุนเขียน มาให้ข้าแทน" "พ่ะย่ะค่ะ น้อมรับพระบัญชา"
"หยุดนะมหาดเล็กคิม ห้ามไปไหนทั้งนั้น
ต่อให้เป็นรับสั่งของพระราชาซึ่งเป็นนายเหนือหัว แต่ถ้าคำสั่งนั้น
ขัดต่อกฎหมายและความถูกต้อง เราก็ต้องยืนกรานคัดค้านด้วยชีวิต
นี่คือบทบัญญัติของมหาดเล็ก เจ้าลืมแล้วหรือ" "เจ้ากรมมหาดเล็ก
ท่านจะขัดคำสั่งข้าให้ได้ใช่ไหม จาวอน บอกให้ไปเอามาเดี๋ยวนี้ไง" "มหาดเล็กคิม
ถ้ากล้าเดินออกจากตำหนักใหญ่ ข้าจะลงโทษฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
ซึ่งอาจถึงขั้นไล่ออก" "แปลว่าคำสั่งเจ้ากรมมหาดเล็ก สำคัญกว่าคำสั่งข้าหรือไง
เจ้ากรมมหาดเล็ก แม้แต่ท่านก็จะรังแกข้าอีกคนใช่ไหม" "ฝ่าบาท วันนี้แม้ว่าหม่อมฉัน
จะถูกประหารเพราะขัดพระบัญชาและทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย
ยังไงก็จะไม่ให้อ่านบันทึกราชวงศ์ เพื่อไม่ให้ทรงถูกชนรุ่นหลังประณามพ่ะย่ะค่ะ"
"ก็ได้ เมื่อท่านไม่ยอมให้เด็กเอามา ข้าก็จะไปหอตำราด้วยตัวเองและอ่านให้หมด"
"ฝ่าบาทๆ ไม่ได้พ่ะยะค่ะ" "ยังไม่รีบถอยไปอีก" "ถ้าจะเสด็จก็ทรงประหารหม่อมฉันก่อน"
คิมจาวอนรีบทูล "ฝ่าบาท หม่อมฉันจะไปเอามาเดี๋ยวนี้"
คิมจาวอนไปทำร้ายบัณฑิตที่เฝ้าหอตำราหลวง เรื่องนี้รู้ถึงพระกรรณพระอัยยิกายินซู
ทรงรีบเสด็จไปหาพระเจ้ายอนซัน "ฝ่าบาท ทำไหมให้มหาดเล็กไปหอตำราหลวง
รื้อค้นบันทึกส่งเดชน่ะ กฎหมายระบุว่าบันทึกราชวงศ์เป็นสิ่งที่พระราชาห้ามอ่าน
แล้วทำไมเจ้าถึงทำอะไรตามอำเภอใจขนาดนี้ รีบเอากลับไปคืนที่เดิมซะ
พวกบัณฑิตจะได้ไม่เสียกำลังใจ" "หม่อมฉันมีเหตุจำเป็นถึงต้องขอดูสิ่งที่พวกเขาเขียน
ขอพระอัยยิกาทรงเชื่อหม่อมฉัน โปรดอย่าทรงก้าวก่ายและกลับไปก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าเราอ่านก่อนและรู้เห็นกับการเขียน แล้วพวกเขาจะกล้าบันทึกตามความจริงได้ยังไง
บัณฑิตที่อยู่ในหอตำรา
เป็นบุคลากรที่เสด็จพ่อเจ้ารับมาเพื่อหวังปฏิรูปการปกครองใหม่ แล้วตอนนี้
เจ้าจะรื้อระบบที่เสด็จพ่อทรงเป็นผู้ริเริ่มอย่างงั้นหรือ"
"เพราะหม่อมฉันอยากรู้ว่า พวกเขาได้เขียนเรื่องราวที่ผิดจากความจริง
ปิดหูปิดตาราชสำนักและราษฎรหรือเปล่า เป็นการแก้ไขประวัติศาสตร์ให้ถูกต้องต่างหาก"
"อะไรนะ" "คิมมินซุนเขียนในบันทึกว่าพระเจ้าเซโจ ชิงอำนาจจากหลานชาย
เป็นพระราชาที่ไร้คุณธรรม ทำให้ราชวงศ์โชซอนเสื่อมเสียอย่างมาก หม่อมฉัน
ทนไม่ได้ที่จะเห็นคนพวกนี้
ปฏิเสธความชอบธรรมในการครองราชย์แถมยังจาบจ้วงถึงบรรพชนอีก" "อะไรนะ ฝ่าบาท
ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือเปล่า" "ในบันทึกเล่มนี้เขียนไว้อย่างละเอียดพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉัน ทำเพื่อรักษาเสถียรภาพของบ้านเมือง และความชอบธรรมในการครองราชย์
ยังไงต้องจับคิมมินซุนและพรรคพวกของเขา มาลงโทษฐานคิดไม่ซื่อต่อบ้านเมือง"
พระเจ้ายอนซันทรงลงโทษคิมมินซุนอย่างหนัก คิมซูซอนเรียกคิมจาวอนมาสั่งสอน "จาวอน
ทำไมเจ้าถึงขัดคำสั่งข้า เอาบันทึกไปให้ฝ่าบาทอ่าน จนเรื่องบานปลายขนาดนี้น่ะ"
"ข้าน้อย ทำเพื่อรักษาพระเกียรติของฝ่าบาทไว้ จึงจำต้องเชื่อฟังน่ะครับ" "อะไรนะ"
"ถ้าฝ่าบาทเสด็จด้วยองค์เอง เพื่อตรวจสอบการเขียนบันทึก อีกทั้งไต่สวนคนเขียนละก้อ
เมื่อนั้น ไม่เพียงจะถูกขุนนางตำหนิเท่านั้น แม้แต่ราษฎรก็จะครหาไม่รู้จบ
เพราะฉะนั้น ข้าจึงยอมออกหน้าแทนพระองค์ เพราะถ้าผิดจริง ข้าก็ขอยอมรับ
โดยไม่เกี่ยวกับฝ่าบาทเลย" "ถ้าเจ้าคิดว่า มีความหวังดีต่อฝ่าบาทจริง
ก็ควรยับยั้งพระองค์ ไม่ให้ทรงอ่านบันทึกจะถูกกว่า" "ไม่อย่างงั้น
จะให้ข้าทนดูพวกบัณฑิตยะโส บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ให้ร้ายความชอบธรรมของฝ่าบาทได้หรือครับ ทำไมท่านเจ้ากรม
ไม่ลองคิดถึงความรู้สึกของฝ่าบาทบ้างล่ะครับ
เอาแต่เข้าข้างพวกบัณฑิตที่ชอบถือตัวว่าวิเศษกว่าคนอื่น" "จาวอน" "ข้าน้อย
ไม่รู้จริงๆ ว่า ได้ทำอะไรผิดกันแน่ ถ้าหาก สิ่งที่ทำไปทั้งหมด
เพราะเห็นแก่ฝ่าบาทและบ้านเมืองของเรา จนต้องถูกประหาร
หรือแม้แต่ขับออกจากวังก็ช่าง ข้าก็ยินดีรับโทษ" "หึ แม้ว่าเรา
จะเป็นแค่มหาดเล็กซึ่งเปรียบเสมือนเงาของพระราชาเท่านั้น แต่ถ้าวันนี้ฝ่าบาท
ทรงลงอาญาเหล่าบัณฑิตด้วยโทษทัณฑ์อย่างหนักแล้วอนาคตวันหน้า
ประวัติศาสตร์ก็จะจารึกตามนี้ด้วย เฮ่อ ความภักดีที่เกินขอบเขตของเจ้า
จะทำให้อนาคตของฝ่าบาท มีรอยด่างพร้อยเกิดขึ้น หึ"
พระเจ้ายอนซันทรงเรียกขุนนางมาปรึกษาว่าจะลงโทษคิมมินซุนกับพวกยังไงดี
พระพันปีซุกยอนรีบเข้าเฝ้าพระอัยยิกายินซู "พระอัยยิกาเพคะ
ถ้าฝ่าบาทลงอาญาเหล่าบัณฑิตจริง ก็เท่ากับเป็นปรปักษ์ต่อขุนนางสามกรมใหญ่โดยปริยาย
และภาพลักษณ์ของพระองค์ก็จะทรงเสื่อมเสียต่อชนรุ่นหลังนะเพคะ
หม่อมฉันจึงอยากให้พระอัยยิกา ทรงเกลี้ยกล่อมให้ฝ่าบาทเปลี่ยนพระทัยน่ะเพคะ" "หึ
ฮึ่ม ความหมายของเจ้า ข้าย่อมเข้าใจอยู่แล้ว แต่บัณฑิตพวกนี้
ก็บังอาจจาบจ้วงพระเจ้าเซโจจริงๆ หากว่าพระเจ้าเซโจ
ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นพระราชาที่ชิงบัลลังก์จากหลานตัวเองจริงละก้อ
อย่าว่าแต่ฝ่าบาทเลย แม้แต่อดีตพระราชา ก็จะสูญเสียความชอบธรรมในการครองราชย์ไปด้วย
คงเพราะฝ่าบาทรู้ถึงนัยยะสำคัญตรงนี้ เลยขอดูบันทึกราชวงศ์
เราจงเชื่อว่าฝ่าบาทน่าจะมีวินิจฉัยที่ถูกต้องเถอะ หึ"
คิมชูซอนเข้าเฝ้าพระเจ้ายอนซันกลางดึก และทูลขอให้ทรงยุติการลงอาญา
พร้อมปล่อยตัวเหล่าบัณฑิต "แสดงว่าท่านเจ้ากรม ก็เห็นด้วยที่ว่าพระเจ้าเซโจ
เป็นพระราชาที่ชิงบัลลังก์จากหลานตัวเองงั้นหรือ"
"หม่อมฉันห่วงแต่นโยบายการปกครองของฝ่าบาทเท่านั้น" "นโยบายของข้า
คือพระราชาไม่ควรกลัวว่าจะเสียชื่อ โดยละทิ้งความถูกต้องไว้เบื้องหลัง
ข้าจะลงโทษคนที่ไม่มีความเป็นกลาง ไม่รู้จักให้เกียรติราชสำนักบ้าง" "ฝ่าบาท"
"หมดเรื่องแล้วเชิญออกไปได้" "หึ เป็นเพราะเรื่องของเสด็จแม่ใช่ไหม" "อะไรนะ"
"เพราะสมัยก่อนมเหสีโซฮวาถูกอดีตพระราชาประทานยาพิษ ประวัติศาสตร์จะจารึกยังไงบ้าง
นี่คือสิ่งที่ฝ่าบาททรงเป็นห่วง หม่อมฉัน
เป็นห่วงว่าฝ่าบาทจะถือเอาความกตัญญูเป็นสำคัญ จนทำให้บ้านเมืองเสียหาย
และมองข้ามความทุกข์ยากของราษฎร ถ้าไงเรื่องของเสด็จแม่ ซึ่งผ่านไปนานแล้ว
ทรงลืมซะจะดีกว่า และหม่อมฉันก็เชื่อว่า แม้แต่มเหสีโซฮวา
ก็ทรงหวังให้เป็นเช่นนั้นด้วย" "ในเมื่อข้าเป็นพระราชาแล้ว
จะไม่เห็นแก่เรื่องส่วนตัว
จนทำให้บ้านเมืองเสียหายหรือมองข้ามทุกข์สุขของราษฎรไปหรอก
ข้าแค่อยากพิสูจน์ความชอบธรรม เพื่อจะได้สร้างความผาสุกให้แก่บ้านเมือง
ฉะนั้นท่านจึงไม่ต้องเป็นห่วง" "ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันก็จะเชื่อฝ่าบาท
ว่าทรงทำถูกต้องแล้ว" วันต่อมาโชชิคยอมเข้ามาหาคิมชูซอน
ถามเรื่องทรงอ่านบันทึกราชวงศ์แล้วหรือ "เรื่องนี้เป็นความบกพร่องของข้าเอง แต่ว่า
ข้าเชื่อว่าฝ่าบาทน่าจะมีทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย" "ที่ข้าห่วงอยู่ตอนนี้
ไม่ใช่ฝ่าบาทได้รู้ประวัติศาสตร์ย้อนหลัง นั่นยังไม่เท่าไหร่ หากแต่ห่วงว่า
จะทรงรู้เรื่องมเหสีโซฮวา ทุกวันนี้ในวัง
มีการคานอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและสามกรมใหญ่
ซึ่งคนพวกนี้พร้อมจะหันหน้าเข้าหาถ้าผลประโยชน์ลงรอย แต่ว่า
ถ้าฝ่าบาททรงรู้เรื่องมเหสีโซฮวาเมื่อไหร่ รับรองว่า ความหายนะจะเกิดทันที
คำพูดของข้าวันนี้ เจ้าจงจำให้ดี" ขณะที่พระเจ้ายอนซันทรงประกาศว่า "ข้าคิดแล้วว่า
จะมีการลงโทษคนที่เขียนบันทึก ลบหลู่พระเกียรติของอดีตพระราชา
ซึ่งล้วนเป็นข้อหาฉกาจฉกรรจ์ จะปล่อยให้ลอยนวลไม่ได้
เพื่อรักษาความชอบธรรมของราชสำนัก และแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของกฎ หมาย
ให้นำตัวคิมมินซุน และบัณฑิตทุกคนที่มีส่วนในการเขียนบันทึกราชวงศ์
นำไปประหารให้หมด ที่สำคัญ ยังมีคิมจงจิกอีกคน ซึ่งเขียนบทความลบหลู่พระเจ้าเซโจ
ให้นำศพขึ้นมาหั่นเป็นท่อนๆ เพื่อชดเชยความผิดที่ได้ก่อไว้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ข้า
ในฐานะพระราชาแห่งโชซอน จะไม่มีการผ่อนผันหรือละเว้นโทษให้แก่คนที่ลบหลู่ราชสำนัก
ไม่มีความเคารพในเบื้องสูง ที่สำคัญ จะไม่ให้ขุนนางฝ่ายไหน
หรือแม้แต่คนของสามกรมใหญ่บังอาจมาท้าทายอำนาจ ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาอีก"คิมชูซอน จบ 55
คิมชูซอน 56
"ข้า ในฐานะประมุขแห่งโชซอน มีหน้าที่ขจัดทุกข์บำรุงสุข
นำความร่มเย็นมาสู่บ้านเมือง แต่ก็ต้องอาศัยขุนนางทุกฝ่าย ให้มีความปรองดอง
ร่วมแรงร่วมใจทำหน้าที่ให้ลุล่วง เพื่อความเจริญแห่งโชซอน โดยเฉพาะขุนนางสามกรมใหญ่
ซึ่งมักจะอ้างหลักการต่างๆ มาฝืนคำสั่งข้าโดยไม่ฟังเหตุผล
จึงขอให้แก้ไขความยึดติดเกี่ยวกับอุดมการณ์ นับแต่นี้ ให้เห็นแก่บ้านเมืองมาก่อน
และยิ่งต้องฟังเสียงราษฎรเป็นสำคัญด้วย" เหล่าขุนนางน้อมรับ
"น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ" "ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการคลี่คลายความตึงเครียด
ที่เคยเกิดเหตุการณ์ราชสำนักขัดแย้งกับสามกรมใหญ่
และให้ราษฎรเกิดความเชื่อมั่นต่อราชสำนัก ข้าจึงคิดว่าจะแต่งตั้งรัชทายาทโดยเร็ว
ขอให้ทุกท่านรีบไปหาฤกษ์งามยามดี เพื่อกำหนดเป็นวันสถาปนา"
พระอัยยิกายินซูทรงทราบก็ทรงชื่นชมว่า การจะแต่งตั้งรัชทายาท
ถือเป็นความคิดที่ฉลาดนัก "หม่อมฉัน จะเอาอย่างพระเจ้าเซโจ
เน้นสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดแก่ทุกฝ่าย
เพื่อเสถียรภาพของบ้านเมืองที่ยั่งยืนยาวนานตลอดไปพ่ะย่ะค่ะ" "หึ
ถ้าบรรพชนทั้งหลายรู้ว่าเจ้ามีนโยบายที่ดี เชื่อว่าคงภูมิใจในตัวเจ้านัก
แต่ว่าฝ่าบาท พระราชาที่แข็งกร้าวเกินไป จะทำให้ขุนนางไม่กล้าตักเตือนในข้อบกพร่อง
และรอบข้างเจ้าก็จะมีแต่คนที่ประจบสอพลอ ซึ่งจะทำให้ไขว้เขวได้ง่าย
ฉะนั้นเจ้าจึงต้องระวัง หมั่นฟังความเห็นคนอื่นบ้าง อย่าเอาแต่ใจนักล่ะ"
"คำสอนของพระอัยยิกา หม่อมฉันจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ" โชชิคยอมเฝ้าพระเจ้ายอนซัน
และนำข้อมูลการทุจริตมาถวาย ซึ่งมีขุนนางและบัณฑิตหลายคนเกี่ยวข้องด้วย
พร้อมทั้งทูลว่า "สำหรับฝ่าบาทถ้าจะเสริมสร้างพระบารมี เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้
น่าจะเป็นประโยชน์ ต่อการทรงงานไม่มากก็น้อย" "ข้าเริ่มรู้แล้วว่า
ทำไมอดีตพระราชาหลายองค์ถึงเห็นท่านเป็นคนโปรดมาตลอด ยิ่งกว่าขุนนางคนไหนๆ ด้วยซ้ำ
เพราะท่านช่างมองการณ์ไกล และรู้ใจพระราชา โดยไม่ต้องให้เอ่ยปากก่อน เฮ่อๆๆ"
"หม่อมฉัน ขอบพระทัยฝ่าบาท" คิมชูซอนรู้เรื่องจากเกยนัม
ซึ่งถูกโชชิคยอมใช้ให้สืบเรื่องขุนนางทุจริต เขาเชิญโชชิคยอมมาพบ
"ทำไมท่านให้มหาดเล็กตรวจการณ์ ไปสืบเรื่องทุจริตของขุนนางเพื่ออะไรกันครับ
ถ้าฝ่าบาททรงเอาข้อมูลที่ได้ ไปลงอาญาขุนนางและบัณฑิตที่เกี่ยวข้อง
ราชสำนักก็จะเกิดความวุ่นวายอีก ถึงตอนนั้นเราจะต้านทานไหวหรือครับ"
"ข้าเพียงแต่ทำงานตามสถานการณ์เท่านั้น" "ข้าไม่เข้าใจความหมายของท่าน"
"มหาดเล็กนั้น มีหน้าที่ดูแลฝ่าบาท เป็นหลักการที่ไม่มีวันเปลี่ยน
แต่วิธีการทำงานต้องเปลี่ยนตามพระราชาแต่ละพระองค์ ในสมัยพระเจ้าเซโจนั้น
มหาดเล็กส่วนใหญ่ มักถืออาวุธในมือเพื่อเตรียมป้องกัน
การต่อต้านของผู้ไม่หวังดีซึ่งมีอยู่ทั่วไป และนี่คือหน้าที่หลักของเรา
พอมาถึงอดีตพระราชา บ้านเมืองสงบลง เราไม่ต้องไปยุ่งกับใคร เลยแค่ทำงานไปวันๆ ก็พอ
แต่นี่เป็นยุคไหน เจ้าก็เห็น สถานการณ์ของฝ่าบาท
คือเผชิญหน้ากับสามกรมใหญ่ซึ่งมีอิทธิพล จึงทรงคิดอยู่ตลอดว่าจะรับมือยังไงดี
ข้าจึงเห็นว่าหน้าที่ของเราในเวลานี้
คือช่วยให้พระองค์เป็นพระราชาที่มีอำนาจแข็งแกร่งถึงจะถูกจริงมั้ย" "แต่ว่า
การต่อกรกับขุนนางและสามกรมใหญ่ หากใช้วิธีไม่ถูกต้อง
พวกเขาอาจเกิดความยำเกรงก็จริง แต่ลึกๆ แล้ว ไม่มีใครทำงานด้วยความภักดี
อำนาจที่สร้างขึ้นจากพระเดช มิง่อนแง่นเหมือนประสาททรายหรอกหรือครับ" "หึ
รายชื่อขุนนางทุจริต จะเป็นยาดีหรือยาพิษ ก็ให้ฝ่าบาททรงตัดสินเองเถอะ" "หึ
ข้าว่าท่านน่าจะวางมือ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้แล้ว
ทุกวันนี้ข้าต่างหากที่เป็นผู้นำ ข้ามีวิธีของข้าในการทำงาน จึงอยากรบกวนใต้เท้า
โปรดอย่ามาเสี้ยนสอนให้ทำโน่นทำนี่อีก" "เจ้า ยังไม่หายโกรธข้า
เกี่ยวกับการตายของโอซังกุงอีกหรือ" "สิ่งที่ข้า พูดกับท่านนั้น
ไม่ได้เกิดจากความแค้นส่วนตัว แม้ท่านจะเป็นผู้นำมหาดเล็กอาวุโส
แต่ถ้าคิดก้าวก่ายราชกิจ ครอบงำความคิดของมหาดเล็กรุ่นหลัง
หรือแม้แต่ปฏิเสธแนวทางการทำงานของข้า เมื่อนั้น
ข้าอาจจำเป็นต้องเป็นศัตรูกับท่านก็ได้"
พระเจ้ายอนซันทอดพระเนตรสิ่งที่โชชิคยอมนำมาทูลแล้วก็ทรงตกพระทัย
ทรงปรารภกับคิมจาวอน "ไม่น่าเชื่อว่าราชสำนักจะเลี้ยงแต่คนประเภทนี้
ปากก็อ้างว่าจงรักภักดี ทำงานเพื่อบ้านเมือง บ้างก็ว่าเป็นบัณฑิตที่ถือคุณธรรม
แต่ลับหลังมีแต่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แบ่งพรรคแบ่งพวก
อุปถัมภ์คนที่อ่อนข้อให้ตัวเอง ถ้าคนไหนแข็งข้อก็จะกำจัดให้หมด
กอบโกยทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองและวงศ์ตระกูลได้อยู่รอด แล้วอย่างงี้
ข้าจะปกครองบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าได้ยังไง" "งั้นฝ่าบาท ก็ทรงใช้อำนาจ
ปราบปรามพวกทุจริตให้หมดสิพ่ะยะค่ะ" "หึ ถ้าข้าทำอย่างงั้น
ราชสำนักก็จะเหลือขุนนางดีแค่ไม่กี่คน แล้วข้าคนเดียวจะปกครองบ้านเมืองได้ยังไง"
"ถ้าอย่างงั้น จะทรงงานร่วมกับขุนนางที่เห็นแก่ได้โดยไม่ทำอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้ามีวิธี จะทำให้คนพวกนี้กลายเป็นขุนนางที่ใจซื่อมือสะอาด จะทำให้พวกเขา
ห่วงใยบ้านเมืองให้จงได้"
ขณะที่คิมชูซอนทูลขอให้พระเจ้ายอนซันทำลายบัญชีรายชื่อเล่นนั้นเสีย เขาให้เหตุผลว่า
"เป็นเพราะว่า ตอนนี้ใครๆ ก็รู้ว่าฝ่าบาททรงมีรายชื่อผู้ทุจริต แต่ละคน
จึงเกิดความกลัวจนไม่กล้าทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ" "ก็สมควรแล้วนี่
แต่ละคนเป็นวัวสันหลังหวะทั้งนั้น" "ฝ่าบาท ขุนนาง ถ้าอยู่กับพระราชาด้วยความกลัว
จะไม่มีคำว่าซื่อสัตย์และจงรักภักดีให้เห็นอีก สมัยก่อนอดีตพระราชา
ทรงปกครองบ้านเมืองโดยพระคุณหาใช่โดยพระเดช
จึงทำให้เหล่าขุนนางยินดีถวายชีวิตเพื่อพระองค์ได้ เพราะฉะนั้น
หม่อมฉันจึงอยากให้ฝ่าบาท ทรงไตร่ตรองด้วยพ่ะยะค่ะ"
"คนที่ชอบหลอกคนอื่นว่าซื่อสัตย์ภักดี แต่ลับหลังโกงกินทุกท่า ทุจริตเป็นขบวนการ
ข้าไม่เห็นจะต้องการซักนิด ขุนนางที่ข้าต้องการ คือคนอย่างท่านเจ้ากรม
ที่กล้ามาพูดกับข้าตรงๆ ผิดถูกก็ว่าไปตามเหตุผล" "ฝ่าบาท หม่อมฉัน
เป็นเพียงมหาดเล็กคอยรับใช้ ต่อฝ่าบาทและราชสำนักเท่านั้น" "ข้าก็รู้ว่า
ถ้าไม่มีขุนนางและเหล่าบัณฑิต
ลำพังข้าคนเดียวคงไม่สามารถทำให้บ้านเมืองขับเคลื่อนต่อไปได้
แต่ว่าข้าจะไม่เป็นพระราชาที่อ่อนแอ ฟังเสียงข้างมากของขุนนางจนไม่เป็นอันทำอะไร
ฉะนั้นจึงขอบอกไว้ ข้าจะไม่ทำลายบัญชีรายชื่อเล่มนี้เด็ดขาด แต่ว่า
ข้าก็ไม่เล่นงานคนที่มีข้อมูลปรากฎอยู่ในนี้ เพราะแม้ว่า
ข้าจะรู้เช่นเห็นชาติคนพวกนี้ แต่ก็จะแกล้งทำไม่รู้ไม่เห็น มีแต่วิธีนี้
พวกเขาถึงไม่สามารถเดาใจข้าออก และมีแต่ความกลัว พอสั่งให้ทำอะไรก็จะทำโดยดี"
วอฮาพยายามพูดให้คิมชูซอนเข้าใจโชชิคยอม เขาบอกว่าเขามีวิธีของเขาไม่ต้องห่วง
และถามถึงหญิงสาวที่เขาช่วยไว้ วอฮาบอกให้อยู่กับนางไปก่อน
เพราะคิดว่านางคงมีปัญหาบางอย่างแน่
พระเจ้ายอนซันทรงสถาปนาองค์ชายใหญ่เป็นองค์รัชทายาท
ขอให้ขุนนางในราชสำนักและเชื้อพระวงศ์ให้การสนับสนุนองค์ชายใหญ่
"สมัยก่อนเนื่องจากการก่อกบฎขององค์ชาย "คูซอง"
จึงมีกฎหมายห้ามเชื้อพระวงศ์ไม่ให้มารับราชการ ถ้าใครมาก้าวก่ายก็จะถูกครหา
แต่ว่าข้าเชื่อว่าอนาคตถ้าบ้านเมืองมีภัย
อาจถูกต่างชาติรุกรานหรือปัญหาภายในของเราเอง ท่านทั้งหลายคงไม่นิ่งดูดาย
ต้องออกหน้าปกป้องก่อนใครเพื่อนแน่ ข้อนี้ข้าไม่เคยระแวงเลย ทุกวันนี้ฝ่ายบริหาร
มักถูกขุนนางที่มีความดีความชอบในอดีตและราชบัณฑิตทั้งหลายครอบงำความคิด แต่ว่า
อาณาจักรโชซอนซึ่งมีมายาวนานนั้น เป็นแผ่นดินของใคร ถ้าไม่ใช่
ลูกหลานของพระเจ้าแทโจหรือก็คือทายาทสกุลลี
ใช้วิธีเกี่ยวดองในเครือญาติสืบต่อมาหรอกหรือ" "รับสั่งถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่า
ทุกวันนี้กลับมีขุนนางบางส่วนและเหล่าบัณฑิต มองข้ามอำนาจของพระราชาไป
ข้าจะให้พวกเขารู้ว่า บ้านเมืองนี้เป็นของใครและใครคือเจ้าของที่แท้จริง
จึงอยากให้ทุกท่าน เชื่อในเกียรติของตัวเอง ช่วยข้าทำงานต่อไป" "พวกเรา
พร้อมจะถวายการรับใช้พะย่ะค่ะ" ขุนนางสอพลอท่านหนึ่งทูลว่า "ฝ่าบาท เอ่อ หม่อมฉัน
"พงชอนยู" ขอถวายชีวิตเพื่อฝ่าบาท และราชสำนัก แม้ตายก็ไม่มีวันแปรพักตร์พ่ะย่ะค่ะ"
"ฮ่าๆๆ ใต้เท้าพงชอนยู ออกหน้าเป็นคนแรก ช่างกล้าหาญนัก
เอาเป็นว่าข้าเชื่อใจพวกท่านทุกคน มา ไหนๆ เป็นงานเลี้ยงก็เชิญดื่มให้เต็มที่เถอะ
เฮ่vๆๆ" พระพันปีซุกยอนทรงรับสั่งกับองค์ชายจินซองว่า
"พิธีสถาปนารัชทายาทได้เสร็จสิ้นแล้ว องค์ชายจินซอง ถึงเวลาเจ้าควรออกจากวังซะที"
"หา เอ่อ แต่ว่า หม่อมฉันไม่อยากจากเสด็จแม่ไปไหนพ่ะย่ะค่ะ"
"มันเป็นกฎที่มีมานานแล้ว ที่ห้ามองค์ชาย อยู่ในราชสำนักอีกต่อไป
หลังจากมีรัชทายาทขึ้นมา วันหน้าเมื่อไปอยู่ข้างนอก ก็ขอให้อดทน
กินอยู่อย่างประหยัดล่ะ เพราะนี่เป็นชะตาของเราอยู่แล้ว"
พระเจ้ายอนซันทรงเสวยน้ำจันทน์จนเมามาย
พระองค์ทรงหวนนึกถึงเรื่องที่พระมเหสีโซฮวาพระราชมารดาที่ถูกปลดจากตำแหน่งพระมเหสี
ตลอดจนความอ้างว้างเดียวดายในวัยเยาว์ "ชุงจอน
วันนี้เป็นวันที่บ้านเมืองยิ่งมั่นคงขึ้น ต่อไปคงไม่มีใครมาตราหน้า
หาว่าข้าเป็นลูกของมเหสีที่ถูกปลด จนขาดความชอบธรรมในการครองราชย์อีก" "หึ ฝ่าบาท
ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะเพคะ" "เจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก สมัยที่ยังเด็ก
ข้าเห็นเสด็จแม่ถูกปลดจากตำแหน่ง และไล่ออกจากวัง ความรู้สึกตอนนั้นมันน่ากลัว
และว้าเหว่แค่ไหน หลังจากข้าได้เป็นรัชทายาท
ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือเพื่อลบคำสบประมาท หาว่าข้าไม่เอาไหน พอมาถึงวันนี้
ข้าจะไม่ให้ลูกของเราเจอแบบเดียวกันอีก โชคดีที่ลูกของเรา มีเจ้าคอยประคบประหงม
แค่นี้ ก็ดีมากแล้ว หึ" พระเจ้ายอนซันทรงตรัสถามคิมชูซอนว่า "เจ้ากรมมหาดเล็ก
อำนาจของพระราชา ท่านรู้มั้ยว่ามาจากไหน" "หม่อมฉันเห็นว่าอำนาจนั้น
ควรมาจากคุณธรรมเป็นเบื้องต้นพ่ะยะค่ะ" "ต่อให้พระราชาเปี่ยมด้วยคุณธรรม
แต่ไม่มีกำลังทหารก็ยากจะเป็นที่เกรงขามได้ หรือมีแต่กำลังแต่ไร้คุณธรรม
อำนาจก็จะไม่ยั่งยืน ฉะนั้นพระราชาจึงต้องมีกำลังทหาร และคุณธรรมควบคู่ไปด้วย
เจ้ากรมมหาดเล็ก ข้าจะให้ขุนนางและราษฎร ได้รู้ว่าอะไรคืออำนาจของพระราชา
ท่านช่วยขยายหน่วยงานมหาดเล็กคุ้มกันได้ไหม" "ถ้าขยายหน่วยงานมหาดเล็กคุ้มกัน
งบประมาณที่ต้องจ่าย ก็จะเพิ่มขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ" "เงินที่เกินในส่วนนี้
ราชสำนักจะรับผิดชอบเอง ท่านจงทำตามที่สั่ง" คิมจาวอนนำของไปให้ยุนฮูหยิน
และฟังเรื่องราวอดีตพระมเหสียุนโซฮวาจากคีฮอม
เขาจึงเชื่อว่าชองฮันซูเกี่ยวพันกับการปลดพระมเหสีโซฮวาออกจากตำแหน่งพระมเหสีอย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงตัดสินใจสืบหาความจริงให้กระจ่าง คิมจาวอนสืบหาเบาะแสชองฮันซู
กึมพยอตามตัวชองฮันซูซึ่งอยู่ในสภาพอนาถา มาพบโชชิคยอม "นึกว่าหลายปีนี้
เจ้าคงไปจากเมืองหลวงแล้ว ที่ไหนได้ ยังป้วนเปี้ยนหากินอยู่แถวนี้อีกหรือ" "ใต้เท้า
ไม่ทราบจะพบข้าเพื่ออะไรอีก เพราะสมัยก่อนข้าเอาบันทึกมหาดเล็กให้โอซังกุงดู
ท่านเลยจะมาแก้แค้นใช่ไหม" "ทุกวันนี้เจ้าก็อยู่เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว
ถึงข้าฆ่าเจ้าซะ จะมีความหมายอะไรอีก" ชองฮันซูคุกเข่า "ใต้เท้าโช โปรดให้ข้า
กลับไปทำงานในกรมมหาดเล็กใหม่เถอะครับ" "อะไรนะ" "สมัยก่อน
ข้าต้องการหนีจากความยากจน ละทิ้งฐานะชนชั้นสูง
หวังจะเป็นมหาดเล็กที่มีตำแหน่งสูงสุดให้ได้ แต่มาวันนี้แม่ข้าตาย ข้ายังไม่มีปัญญา
แม้แต่ซื้อของเซ่นไหว้ ฮือ ป่านนี้แม่ของข้า
คงอยู่ในปรโลกร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดนัก ที่แล้วมา
ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อกรมมหาดเล็ก ทั้งหมดนี้ใต้เท้าก็รู้ดีไม่ใช่หรือครับ
ใต้เท้า ได้โปรด ให้ข้ากลับไปทำงานใหม่ ถือว่าสงสารคนตกยากเถอะนะ" "ฮันซู
จนวันนี้แล้ว เจ้ายังยึดติด กับหน้าที่การงานในวังอีกหรือ" "คนที่ถูกตอน
ถ้าต้องการอยู่อย่างเชิดหน้าชูตา ก็มีเพียงเป็นมหาดเล็กเท่านั้น"
"แต่เรื่องของเรื่อง เพราะเจ้ารนหาที่เอง ถ้าไม่อยากอายุสั้น ก็ไปจากเมืองหลวงซะ
ไปอยู่ทางเหนือกับพวกคนป่า หรือไม่ ก็ออกทะเลไป อยู่กับพวก "แวกุก" ก็ได้ สรุปก็คือ
ถ้าให้ข้าเห็นเจ้าอีกครั้ง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้อีก" "ใต้เท้าโช
ชั่วดียังไงข้าก็ทำเพื่อกรมหาดเล็กมากมาย ทำไมท่านถึงใจร้ายกับข้าแบบนี้"
"ถือว่านี่คือความเมตตา ครั้งสุดท้ายจากข้า ถ้าไม่รับก็ตามใจ" โชชิคยอมเดินออกไป
คิมจาวอนเจอชองฮันซูในสภาพขอทานอีก เขาเข้าไปขอเลี้ยงหล้า "ไม่ทราบว่า
ถ้าข้าเลี้ยงเหล้าท่านจะรังเกียจหรือเปล่า ลูกบุญธรรมของใต้เท้าโน
ตอนอยู่ในวังมีพระพันปีหนุนหลังและเป็นถึงหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์ แล้วทำไม
กลับมีชะตาที่น่าอนาถแบบนี้ล่ะ" "เจ้าจำคนผิดแล้ว ขอบใจที่ช่วย"
"อยากกลับไปทำงานที่กรมมหาดเล็กมั้ย ข้า เป็นมหาดเล็กคนโปรดของฝ่าบาทชื่อคิมจาวอน"
"หึ ถ้าอย่างงั้น เจ้าต้องการอะไรจากข้าบ้าง"
"ข้าแค่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องมเหสีโซฮวา ที่ถูกประทานยาพิษเท่านั้น"
"งั้นเจ้าก็หาผิดคนจริงๆ เพราะข้าไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยซักนิด"
"ถ้ากล้าออกจากห้องนี้แม้แต่ก้าวเดียว ท่านจะถูกจับกุม ฐานให้ร้ายอดีตมเหสีโซฮวา
แล้วท่านก็จะมีโทษประหารชีวิต แต่ว่าถ้าเชื่อฟังข้าดีๆ
จะได้กลับไปเป็นมหาดเล็กอีกครั้ง"
ยางซองยุนมาบอกให้คิมชูซอนเตือนคิมจาวอนเรื่องที่เขาตามหาชองฮันซู
พอคิมจาวอนกลับมาจึงถูกตามตัวไปพบคิมชูซอน เขาถามว่าตามหาชองฮันซูเพื่ออะไร
"เพราะข้าได้ยินว่า มหาดเล็กคนนี้เคยให้ร้ายอดีตมเหสี ทำให้ถูกประทานยาพิษ
จนสิ้นพระชนม์ ข้าอยากรู้ว่าความจริงแล้ว" "หุบปาก
ถึงเจ้ารู้ข้อเท็จจริงแล้วมีประโยชน์อะไร หรือว่าจะไปทูลฝ่าบาท เพื่อให้ราชสำนัก
เกิดความวุ่นวายถึงพอใจใช่ไหม" "ข้าน้อย แค่อยากสืบให้รู้ความจริง
ไม่ได้หวังอะไรเลยครับ" "หึ จาวอน เจ้าไปอยู่ข้างนอก รับใช้ขุนนางท้องที่ดีกว่า"
"หา ไม่นะครับใต้เท้า อย่าให้ข้าไปจากฝ่าบาทเลย" "ถ้ากล้าขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
ข้าจะไล่เจ้าออกจากวัง โดยไม่มีผ่อนผัน" คิมจาวอนไปร้องไห้ล่ำลาพระเจ้ายอนซัน
บอกว่าคิมชูซอนจะส่งไปอยู่ข้างนอก พระเจ้ายอนซันเรียกคิมชูซอนมาสั่งให้เปลี่ยนใจ
"แต่ว่า หม่อมฉันได้หางานให้เขาทำแล้ว" "ข้ารู้นิสัยท่าน
จึงจะไม่บังคับให้เปลี่ยนคำสั่งง่ายๆ หรอก แต่ว่าจาวอน
ไม่เพียงเป็นมหาดเล็กเท่านั้น ยังเป็นเพื่อนที่โตด้วยกันมา
ข้าไม่อยากให้เขาไปอยู่ห่างไกลจริงๆ แม้แต่ตัวท่านเอง
สมัยก่อนก็เป็นเพื่อนกับเสด็จพ่อข้า น่าจะเข้าใจความรู้สึกของเราสองคนดี
เพราะฉะนั้นรับปากข้าได้ไหม" คิมชูซอนเรียกคิมจาวอนมาพบและบอกกับเขาว่า "เฮ่อ เฮ่ย
ข้าให้เจ้าอยู่ต่อก็ได้ แต่ต่อไปห้ามพูดเรื่องมเหสีโซฮวาให้ใครได้ยิน
เจ้าจะรับปากได้ไหม" "ได้ครับใต้เท้า" "หึ งั้นก็ออกไปได้แล้ว" "ข้าน้อย
จะไม่ลืมบุญคุณของใต้เท้า ขอบคุณมากเลยครับ หึ"
พระเจ้ายอนซันทรงถกปัญหากับเหล่าขุนนางจนเครียด ทรงระบายกับคิมชูซอน
"แต่ละคนดีแต่ปากทั้งนั้น วันๆ เอาแต่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองว่าภักดีต่อข้า
ห่วงใยราษฎรอย่างงั้นอย่างงี้ สุดท้ายก็ไม่พ้นเอาตัวรอดไว้ก่อน หึ
ปากก็บอกว่าจะรับใช้บ้านเมือง จงรักภักดี พอราษฎรเดือดร้อน
ให้พวกเขาควักกระเป๋าหน่อย แต่ละคนรีบทำหน้ายังกะจะตายซะให้ได้
เห็นแล้วก็รู้สึกคลื่นไส้จริงๆ หึ ข้าแทบอยากยึดทรัพย์ของเหล่าขุนนาง
ไปแจกจ่ายให้ราษฎรให้รู้แล้วรู้รอดด้วยซ้ำ" "ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้วเลยพ่ะยะค่ะ
การจะยึดทรัพย์ของเหล่าขุนนาง ไม่ใช่นึกจะทำก็ทำได้นะพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าก็รู้ถึงได้กลุ้มใจอยู่นี่ไง ทุกวันนี้มีแต่นั่งคุยถึงหลักการ
แล้วเมื่อไหร่ถึงจะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ยากได้ซะที พอทางการเรียกเก็บส่วย
แทนที่จะใช้ประโยชน์ก็ไปเข้ามือขุนนางอีก คิดดูซิช่างเป็นเรื่องน่าตลกแค่ไหน
เรื่องทั้งหมดก็เพราะ พวกขุนนางตัวแสบที่ไม่เห็นข้าและราษฎรอยู่ในสายตา
นับวันข้ายิ่งจะเห็นโฉมหน้าแท้จริงของพวกเขา แต่ก็ต้องอดทน
แล้วจะไม่ให้ข้าหงุดหงิดกับความไม่เอาไหนของพวกเขาได้ยังไง ซังกุงตำหนักใหญ่
ไปเอาเหล้ามาหน่อยซิ ตอนนี้คงมีแต่เหล้าเท่านั้น ถึงช่วยให้ข้าหายกลุ้มได้"
คิมจาวอนพาชองฮันซูไปเข้าเฝ้าพระเจ้ายอนซัน และทูลให้พระเจ้ายอนซันทรงซักถามเอง
"หม่อมฉันชื่อชองฮันซูพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันได้เห็นองค์ชายน้อย
เติบใหญ่เป็นพระราชาที่น่าเกรงขาม รู้สึกตื้นตันใจนัก" "รู้จักข้าด้วยหรือ"
"สมัยก่อน หม่อมฉันเคยเป็นหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์
มีหน้าที่ถวายอารักขาฝ่าบาทตอนยังพระเยาว์ เพื่อไม่ให้ใครมาปองร้ายพ่ะย่ะค่ะ"
"อดีตหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์ชองฮันซู
สมัยก่อนเป็นคนวางแผนปองร้ายเชื้อพระวงศ์หลายคน
มีความผิดใหญ่หลวงจนทางการสั่งให้จับกุมไม่ใช่เรอะ" "ฝ่าบาท
เป็นการเข้าใจผิดพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน ต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ของมเหสีโซฮวา
จึงถูกคนชั่วให้ร้าย กลายเป็นแพะรับบาปพ่ะย่ะค่ะ" "หุบปาก
นึกว่าตอนนั้นข้ายังเด็กไม่รู้ประสีประสาเลยจะมาหลอกข้าหรือไง"
"ถ้าหม่อมฉันมีความผิดจริง และถูกทางการตามล่า แล้ววันนี้
ไหนเลยจะกล้าเดินเข้าถ้ำเสือมาให้จับล่ะพ่ะยะค่ะ หม่อมฉันยอมเสี่ยงอันตรายเข้าวังมา
ก็เพื่อจะไขปริศนาเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของมเหสีโซฮวา
ให้เป็นที่กระจ่างพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าบอกว่าแม่ข้า มีปริศนาการตายหรือ
หมายความว่าไงน่ะ" "สมัยก่อนมเหสีโซฮวา ถูกคนถ่อยปรักปรำให้ร้าย
จึงถูกถอดถอนและขับออกจากวัง ในที่สุด ยังถูกกล่าวหาว่าคิดปองร้ายอดีตพระพันปี
จึงต้องอาญาประหารชีวิตพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นบอกซิว่าใครเป็นคนให้ร้ายแม่ข้า
เป็นแผนของพวกขุนนางใช่ไหม หรือว่า ฝ่ายในคิดวางแผนกำจัดนางออกไป
ทำไมไม่กล้าตอบคำถามข้าล่ะ มันเป็นใครแน่ ถึงกล้าปรักปรำคนที่เป็นพระมเหสี
แถมยังเป็นพระมารดาขององค์ชายใหญ่อย่างข้า ยังไม่รีบตอบข้ามาอีก"
"ไม่เพียงแต่ขุนนางและเชื้อพระวงศ์ แม้แต่มหาดเล็กและสนมฝ่ายใน
ก็มีส่วนในการถอดถอนพระมเหสี ทั้งขับออกจากวังและประทานยาพิษพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ
พวกเขามีจุดประสงค์อะไร ถึงมารุมทำร้ายเสด็จแม่ข้าถึงขนาดนี้ สั่งปลดยังไม่พอ
ยังจะให้สั่งประหารอีก" "เป็นเพราะมเหสีโซฮวาเกิดในตระกูลต่ำต้อย
ไม่มีขุนนางที่มีอิทธิพลคอยสนับสนุน บวกกับพระนิสัยเป็นคนเถรตรง
มักจะล่วงเกินผู้ใหญ่ในวังบ่อยครั้ง แม้แต่กับสนมหรือบรรดาซังกุง
พระนางก็ไม่ค่อยเป็นมิตรมากนัก ด้วยเหตุนี้พระนางจึงถูกโดดเดี่ยวอย่างง่ายดาย
ภายใต้ความกดดันของทุกฝ่ายในราชสำนัก วันๆ มีแต่ความเสียพระทัย
สุดท้ายถูกกล่าวหาว่าริษยาหึงหวง เป็นเหตุให้ถูกถอดถอนพ่ะย่ะค่ะ" "ฮือ ไม่จริงหรอก
ไม่ใช่อย่างงั้น เสด็จแม่ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วทำไมตอนนั้น
เสด็จพ่อไม่ทรงปกป้องเสด็จแม่ของข้าบ้าง เพราะอะไร" "เพราะทุกคนในวัง
ปิดบังพระเนตรพระกรรณอดีตพระราชา แล้วพระองค์
จะมีหนทางช่วยมเหสีโซฮวาได้ยังไงพ่ะย่ะค่ะ" "ฮือ ฮึ่ม แล้วเจ้าต้องการอะไร
ทำไมถึงมาบอกข้าเรื่องนี้ บอกมาซิ เจ้าต้องการอะไรกันแน่ ฮือ"
"หม่อมฉันเพียงแต่หวังให้ฝ่าบาท
ได้ทรงทราบความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของมเหสีโซฮวา แม้ว่าทุกคนในโลกนี้
จะมองพระนางในแง่ร้าย หาว่าเป็นหญิงใจแคบจนถูกสวามีประหารชีวิต แต่ฝ่าบาท
ก็ควรได้รู้ว่าพระมารดาเป็นผู้บริสุทธิ์แค่ไหน"
ชองฮันซูออกมาก็ถูกคิมชูซอนตามตัวไปพบทันที "นั่งแล้วค่อยคุย" "ข้าเป็นลูกขุนนาง
พอมาเป็นมหาดเล็กก็มีความโดดเด่นกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน
แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นนักโทษอาญา ในขณะที่ลูกหมอดูอย่างเจ้า
กลับได้ขึ้นถึงตำแหน่งเจ้ากรม หึ ชะตาช่างเล่นตลกแท้ๆ"
"คำสั่งจับกุมในสมัยก่อน,ยังมีผลถึงวันนี้ แล้วทำไมยังกล้าเข้าวังมาเฝ้าฝ่าบาทอีก
เจ้ามีเรื่องอะไร ถึงต้องมาทูลให้พระองค์ทรงทราบ" "สิ่งที่ข้ามาทูล
คือความจริงเกี่ยวกับมเหสีโซฮวา" "อะไรนะ" "เรื่องมาถึงขั้นนี้
ฝ่าบาทก็ควรได้รู้ความจริงบ้างสิ" "ไม่นึกว่าเจ้ายังมีหน้า
เอ่ยถึงเรื่องมเหสีโซฮวาอีกหรือ" "ตลอด 20 ปีมานี้ ข้าอยู่ด้วยความสำนึกผิดในใจ
แต่ว่า สิ่งที่ข้าทำในอดีต ก็เพื่อรักษากรมมหาดเล็กของเราให้มั่นคง"
"หุบปากเดี๋ยวนี้ เจ้า ถ้ายังกล้าเข้าวังมาทำให้ฝ่าบาททรงไขว้เขวอีก ถึงตอนนั้น
ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้าด้วยตัวเอง ไสหัวไปได้แล้ว" "เฮ่อ ก็ได้
งั้นวันหลังค่อยพบกันใหม่" คิมชูซอนไปหาคิมจาวอน เขาตกใจไม่น้อย "เฮ่อ ทำไมจู่ๆ
ถึงพามหาดเล็กชองไปเฝ้าฝ่าบาท นี่แสดงว่า
เจ้าลืมสัญญาที่จะไม่พูดเรื่องมเหสีโซฮวาแล้วใช่ไหม" "เอ่อ ใต้เท้า
ท่านไล่ข้าออกจากวังเถอะครับ ทีแรก ข้าก็ตัดสินใจจะไม่สืบเรื่องมเหสีโซฮวาอีก แต่
รู้สึกทนไม่ได้ ที่ฝ่าบาทถูกปิดบังพระเนตรพระกรรณ เพราะฉะนั้น
ข้าจึงยอมให้ตัวเองถูกขับออกจากวังแทน ต่อให้วันนี้ ได้ทำงานวันสุดท้าย
ข้าก็ไม่นึกเสียดายอะไรอีก" "เฮ่อ เมื่อก่อน ตอนข้าอายุเท่าเจ้า
ก็เคยหมกมุ่นกับเรื่องนี้อยู่นาน แล้วมาวันนี้ ข้าจะลงโทษเจ้าได้ยังไง แต่ว่า
บางครั้ง ความจริงอาจเป็นยาพิษที่ร้ายกาจยิ่งกว่าคำโป้ปดซะอีก
ถือว่านี่เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าหาก
เจ้ากล้าเอ่ยเรื่องมเหสีโซฮวาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทอีกละก้อ
ข้าจะสั่งให้ลงโทษเจ้าจริงๆ เรื่องนี้ จงจำไว้ให้ดี" "เอ่อ ข้าจะจำไว้ครับ"
พระอัยยิกายินซูทรงทราบก็ถามซังกุงว่า
"เจ้าบอกว่าฝ่าบาทไม่ยอมเสวยแถมไม่ออกจากตำหนักอีก หมายความว่าไงน่ะ"
"ทราบแต่ว่าฝ่าบาท ทรงมีพระอาการเครียด จนเสวยไม่ลง เอาแต่ดื่มน้ำจันทร์เพคะ"
"แย่จริง ทำไมอย่างงั้นล่ะ ข้าคงต้องไปตำหนักใหญ่ซักครั้ง
ดูว่าฝ่าบาทเป็นอะไรกันแน่" "หม่อมฉันได้ยินว่าฝ่าบาททรงขัดแย้งกับเหล่าขุนนาง
เรื่องที่จะช่วยราษฎร สองฝ่ายกำลังต่อกรกันอยู่ ไม่แน่ฝ่าบาทอาจมีแนวคิดบางอย่าง
ถ้าไง เราปล่อยให้พระองค์อยู่ตามลำพังเถอะเพคะ" พระพันปีซุกซอนตรัส
ทำให้พระอัยยิกายินซูทรงคล้อยตาม
โชชิคยอมแนะนำให้คิมชูซอนไปทูลให้ฝ่าบาททราบเกี่ยวกับข้อเท็จจริง
"ทำอย่างงั้นมิยิ่งเท่ากับ เอาน้ำมันไปราดบนกองไฟหรือครับ" "เจ้ากรมมหาดเล็ก
มีหน้าที่ถวายอารักขาฝ่าบาท และดูแลความเป็นอยู่ของทุกคนในวัง
ให้มีระเบียบเรียบร้อย จึงเป็นหน้าที่ที่เจ้าควรจะไปทูล ให้ทรงทราบข้อเท็จจริง"
คิมชูซอนตัดสินใจไปเข้าเฝ้าพระเจ้ายอนซัน ทั้งที่พระองค์ไม่ยอมให้เฝ้า
"ข้าบอกแล้วว่าไม่อยากพบใคร ทำไมท่านยังกล้าขัดคำสั่งอีก" "ทูลฝ่าบาท
ทรงลืมเรื่องพระมารดาไปซะ แล้วตั้งพระสติให้เหมือนเดิมเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ"
"ทุกวันนี้ไม่ทรงงาน ไม่ออกว่าราชการ แล้วทรงคิดว่า
จะดื่มน้ำจันทร์ไปถึงเมื่อไหร่กัน" "ท่านเจ้ากรม ข้ากำลังรู้สึกสับสนอยู่
พระอัยยิกาและใต้เท้าโช
ต่างบอกว่าเสด็จแม่ข้าถูกประหารเพราะความหึงหวงและล่วงเกินเสด็จพ่อ
แต่มหาดเล็กชองกลับบอกว่า เสด็จแม่ถูกขุนนางและเชื้อพระวงศ์ให้ร้าย
กล่าวหาความผิดหลายกระทงจนสุดท้ายก็ถูกประหาร ตกลงฝ่ายไหนพูดจริงกันแน่
เห็นบอกว่าท่านเจ้ากรม รู้จักแม่ข้ามาแต่เล็ก แถมยังคอยปลอบใจข้า เป็นกำลังใจมาตลอด
หลังจากเสียเสด็จแม่ไปแล้ว ข้าจึงอยากให้ท่าน ช่วยบอกความจริงให้รู้ที
แล้วข้าจะเชื่อคำพูดของท่านคนเดียว" "ความจริงที่หม่อมฉันรู้มาก็คือ
จนถึงวันสุดท้ายก่อนมเหสีโซฮวาจะถูกประหาร ในพระทัยของนาง
ยังทรงเป็นห่วงฝ่าบาทที่ยังเยาว์วัยอยู่ และตอนนี้ฝ่าบาท
ก็ได้ครองราชย์เป็นพระราชาที่ดี สมกับที่พระนางทรงคาดหวังไว้
ซ้ำยังได้สร้างสุสานใหม่ พร้อมศาลบูชาอันใหญ่โต ความกตัญญูของฝ่าบาท
ได้ทำให้มเหสีโซฮวาทรงหมดห่วงแล้ว" "ข้า ถามท่านเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดต่างหาก"
"หม่อมฉันเชื่อว่าพระนาง คงไม่อยากเห็น
ฝ่าบาททรงรื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมาให้วุ่นวายและที่สำคัญ
ยิ่งไม่อยากเห็นฝ่าบาทจมอยู่ความทุกข์ จนไม่มีแก่ใจทำอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น
โปรดอย่าเอ่ยถึงเรื่องของเสด็จแม่อีกเลย" "แต่นางเป็นแม่บังเกิดเกล้าของข้านะ
ในฐานะเป็นลูก ข้าจะปล่อยให้แม่ตายเพราะถูกปรักปรำโดยไม่ทำอะไรได้หรือ
ถ้าตอนนี้ท่านเป็นข้าบ้าง จะอยู่เฉยได้หรือเปล่า สิ่งที่ข้ากลัวก็คือ
คนที่ให้ความเคารพมาตลอด อย่างพระอัยยิกา พระพันปีและขุนนางทั้งหลาย
มหาดเล็กที่รักเหมือนพี่น้องและสนมนางในบางคน
มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการตายของเสด็จแม่ข้าทั้งนั้น มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
แต่ว่าเมื่อข้าเป็นลูก
และรู้ว่าแม่ตัวเองถูกใส่ร้ายและประหารอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้ แล้วจะให้ข้า
ทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง ไม่ได้หรอกนะ จะให้ข้าอยู่ร่วมโลก ฮือ
กับศัตรูที่ฆ่าแม่ได้ยังไง ฮือ ฮือๆๆ"คิมชูซอน จบ 56
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakornเว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
โบตั๋นกลีบสุดท้าย สะใภ้ลูกทุ่ง รักเธอยอดรัก คิมชูซอน
เมนูรักเชฟมือใหม่ สู่แสงตะวัน หมวยอินเตอร์ เย้ยฟ้าท้าดิน เพราะรักนี้มิอาจลืม
(Alone in Love) ความลับของซูเปอร์สตาร์ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า
Readlakorn
11 comments:
เราได้อ่านคนแรกเลยป่ะเนี่ย อิอิ
ขอบคุณมากๆค่า
แล้วเมื่อไหร่จะลงเรื่องอื่นด้วยล่ะเนี่ย รออ่านนะ
K.Nanny มาเร็วมากๆ ^^
ยังงงอยู่เลยค่ะ ว่า ชองฮันซูหายไปตั้งแต่เมื่อไร
แล้วคิมชูซอน ได้เป็นเจ้ากรมได้อย่างไร
รอใจจดจ่อเลยค่ะ ยิ่งรู้ว่าใกล้จบ ยิ่งลุ้น ขอบคุณนะคะ
ถึงเวลาของพระอัยยิกาแล้ว หมั่นไส้มานานแล้ว
ขอบคุณมากค่ะ ติดตามอ่านตลอดนะค่ะในหนึ่งวันก็จะเปิดดูประมาณสี่ถึงห้าครั้งแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพราะที่บ้านคอมพิวเตอร์เป็นภาษาเกาหลี แต่ได้ลงโปรแกรมใหม่แล้วเพิ่มภาษาไทยเป็นกำลังใจให้ค่ะลงตอนต่อไปเร็วนะค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ติดตามอ่านตลอดนะค่ะในหนึ่งวันก็จะเปิดดูประมาณสี่ถึงห้าครั้งแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพราะที่บ้านคอมพิวเตอร์เป็นภาษาเกาหลี แต่ได้ลงโปรแกรมใหม่แล้วเพิ่มภาษาไทยเป็นกำลังใจให้ค่ะลงตอนต่อไปเร็วนะค่ะ
ชอบมากเลยค่ะ รวดเร็วแล้วก็ละเอียดดีค่ะ อย่าลืมมีงานดีๆอย่างนี้มาเรื่อยๆนะคะ
อยากอ่านต่อเร็วๆจังกำลังสนุกเลย
ไม่เคยส่งความคิดเห็นในเรื่องนี้มาก่อน แต่ชื่นชอบและมีความสุขมากๆๆที่ได้อ่าน เปิดดูอยู่เรื่อยว่าตอนใหม่มาหรือยัง เศร้าสุดๆๆแสนสงสารจริงๆ เขียนตอนใหม่ออกมาเรื่อยๆนะคะ เชื่อว่ายังมีใครอีกหลายคนที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็น เช่นป้าอ่านมาทุกตอนจนเกือบจบอยู่แล้วเพิ่งชมหนูมานี่แหละ ป้าอายุ 61แล้วยังชอบอ่านอยู่เลยค่ะ เป็นกุศลจริงๆค่ะหนู ช่างมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อดีงามจริงๆนะแม่คุณ ตัวจริงหนูต้องเป็นคนที่น่ารักมากๆนะคะ ...จากป้าฉวีวรรณ
ขอบคุณมากๆนะคะที่ช่วยรวบรวมเนื้อเรื่องมาให้อ่าน ขอบคุณจริงๆ รบกวนขออ่านตอนต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ...
OKE
Post a Comment