Wednesday, October 15, 2008

คิมชูซอน- เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - คิมชูซอน (54)

คิมชูซอน 54

ปีที่ยี่สิบห้าของรัชกาลพระเจ้าซองจง
องค์ชายยอนซันหรือองค์ชายวอนจาเติบโตขึ้น
ทรงทอดพระเนตรคิมจาวอนร้องรำทำเพลงด้วยความสนพระทัย
แต่นึกไม่ถึงว่ากลับถูกพระพันปียินซูทรงตำหนิ "เซจา เจ้ามาทำอะไรอยู่แถวนี้น่ะ"
"หม่อมฉัน อ่านหนังสือจนเครียด เลยออกมาผ่อนคลาย หาอะไรเล่นสนุกๆ น่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"เซจา แทนที่จะตั้งใจเล่าเรียน วันๆ กลับคลุกคลีกับพวกบ่าวไพร่
เอาแต่สำเริงสำราญอยู่อย่างงี้ แล้วอนาคต
จะสืบราชบัลลังก์ต่อจากเสด็จพ่อของเจ้าได้ยังไง" "ขอทรงอภัยพ่ะย่ะค่ะ"
"เซจาคงจะรู้ความผิดแล้ว พระพันปีโปรดอย่าทรงตำหนิเลยนะเพคะ"
พระมเหสีซุกยอนตรัสช่วย


"คราวนี้ถือว่าเห็นแก่แม่เจ้า ข้าจะให้อภัยซักครั้ง แต่คราวหน้า
ถ้ายังเห็นเจ้าขลุกอยู่กับพวกนางใน ไม่ตั้งใจเล่าเรียนละก้อ ข้าจะใช้ไม้ตีขาให้ลาย
เข้าใจหรือเปล่า" "เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นก็ออกไปได้แล้ว เฮ่ย เฮ่อ ไม่นึกเลยว่า
เขาจะสนใจแต่เรื่องไร้สาระ เห็นแล้วน่าเป็นห่วงจริงๆ"
"แต่หม่อมฉันได้ยินเหล่าขุนนาง ล้วนแต่ชมเชยความเฉลียวฉลาดของเขานะเพคะ
อาจเป็นเพราะ อายุยังน้อยเลยหลงระเริงไปบ้าง พระพันปีไม่ต้องทรงกังวลหรอกเพคะ"
"ถ้าเขาเป็นคนที่ สักแต่ฉลาดแต่ไม่มีคุณธรรมและจริยธรม อีกหน่อยถ้าได้ครองราชย์จริง
ก็น่าเป็นห่วงว่าบ้านเมืองจะประสบกับความหายนะหรือเปล่า จงอย่าลืมว่า
เขามีสายเลือดของมเหสีโซฮวาอยู่ในตัว" คิมชูซอนเรียกคิมจาวอนมาดุ
ที่ไม่ถูกแลรัชทายาท ต้องให้พระพันปียินซูออกหน้าตำหนิ "องค์ชายรัชทายาท
ไม่ใช่เพื่อนเล่นของเจ้า อย่าลืมว่าพระองค์คือนายเหนือหัวของเรา
ที่ต้องปรนนิบัติชั่วชีวิตต่างหาก" "ฮือ ใต้เท้า ต่อไป ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว ฮือ"
"ถ้าให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำอีก จำไว้ว่า ข้าจะไม่แค่ตีขาเท่านั้น
จะลงโทษให้หนักกว่านี้" "ครับ ใต้เท้า" "หึ เอายานี่ ไปทาแผลซะ"
องค์ชายยอนซันเห็นคิมจาวอนก็ทรงตรัสถามว่า "จาวอน เป็นไรมากมั้ย หา หึ
ถูกใต้เท้าคิมลงโทษเพราะข้าอีกล่ะสิ" "แค่นี้ ไม่เป็นไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ" "เฮ่ย
พระพันปีรับสั่งว่าห้ามมีการละเล่นในวังอีก ต่อไปข้ามิเบื่อแย่หรอกหรือ" "แหะ
องค์ชาย ถ้าไง ลองเสด็จไปหอนางโลม เปิดหูเปิดตามั้ยพ่ะย่ะค่ะ" "หอนางโลมอะไรกัน
ข้ามีปัญญาออกไปได้ที่ไหนเล่า" "แหะ หม่อมฉันรู้ว่าในกรมมหาดเล็ก มีช่องทางลับ
ที่จะออกไปข้างนอกโดยไม่มีใครรู้พ่ะย่ะค่ะ" "ดีจังเลย สมแล้วที่เป็นคนที่รู้ใจข้า
เฮ่อๆๆ" คิมชูซอนเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจง "ฝ่าบาท ได้ยินว่าพระอนามัยไม่สู้ดีนัก
ทำไมออกมาข้างนอกอีก แถวนี้ลมแรง กลับเข้าตำหนักเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ท่านเจ้ากรม"
"หม่อมฉันฟังอยู่พ่ะย่ะค่ะ" "ในความเห็นท่าน คิดว่าข้าปกครองบ้านเมืองเป็นไงบ้าง
ในยุคสมัยของข้า พอจะเป็นพระราชาที่ดีได้หรือเปล่า" "ทุกวันนี้บ้านเมืองเป็นปึกแผ่น
ร่มเย็นขึ้นมาก โปรดให้นักปราชญ์ที่มีความรู้ มาแทนขุนนางรุ่นเก่า
ทรงวางนโยบายที่เป็นอารยะมากขึ้น ด้วยคุณูปการต่างๆ เหล่านี้
จึงเป็นพระราชาที่ดีพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่า ข้ากลับรู้สึกว่า
ทั้งหมดนี้แลกมาด้วยชีวิตของมเหสีโซฮวา ทำให้รู้สึกผิดมาตลอด หึ ไม่รู้ทำไมวันนี้
ข้ารู้สึก คิดถึงนางเป็นพิเศษ โอ๊ะ" พระเจ้าซองจงทรงไดและกระอักเลือด
คิมชูซอนตกใจมาก "ฝ่าบาท หึ ฝ่าบาท" พระเจ้าซองจงทรงเจ็บปวดและเป็นลม "ฝ่าบาทๆ
ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" ยางซองยุนมาตรวจดูอาการ พระพันปียินซูทรงตรัสถาม
"ฝ่าบาทเป็นคนที่แข็งแรง ทำไมจู่ๆ กระอักเลือดได้ล่ะ" "เป็นเพราะพระชนม์มากขึ้น
พละกำลังทรงถดถอย ลมปราณติดขัด หม่อมฉันจะจัดโอสถบำรุงมาถวายพ่ะย่ะค่ะ"
ยางซองยุนออกไป "หม่อมฉันทำให้เสด็จแม่เป็นห่วง ขอทรงอภัยด้วย"
"สาเหตุเพราะเจ้าโหมงานหนักมานาน ห่วงใยบ้านเมืองจนไม่ดูแลสุขภาพตัวเอง
ร่างกายไม่ใช่หินผาจะทนไหวได้ยังไง เพราะฉะนั้น ต่อไปต้องพักผ่อน
อย่าห่วงแต่เรื่องงานอีกล่ะรู้มั้ย" พระมเหสีซุกยอนรับสั่งต่อ
"ทรงเชื่อฟังพระพันปีเถอะเพคะ ฝ่าบาทต้องทรงแข็งแรงก่อน ขุนนางและราษฎร
ถึงมีกำลังใจทำงานตามหน้าที่ต่อไปนะเพคะ" "ข้าก็รู้ว่าสาเหตุเพราะทำงานมากไป
ถ้าได้พักผ่อนหน่อย เชื่อว่าไม่นานคงจะดีขึ้น" "เฮ่อ เจ้ากรมมหาดเล็ก
ฝ่าบาทไม่สบายขนาดนี้ ทำไมป่านนี้ยังไม่เห็นรัชทายาทมาเยี่ยมล่ะ"
พระพันปียินซูรับสั่งกับคิมชูซอน ในเวลาเดียวกันนี้เอง
องค์ชายยอนซันและคิมจาวอนก็พากันลอบออกจากวังหลวง
องค์ชายยอนซันทรงรับฟังเรื่องหอนางโลมจากคิมจาวอนด้วยความสนพระทัย
ทันใดนั้นก็มีหญิงชราแบกหลานเดินผ่านไป
องค์ชายยอนซันทรงพระราชทานเงินจำนวนหนึ่งให้หญิงชราด้วยความสงสาร "องค์ชาย
ทำไมทรงทำแบบนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "ขุนนางมักจะบอกว่าบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข
แต่สีหน้าของราษฎร อย่าว่าแต่รอยยิ้มเลย มีแต่เสียงโอดครวญด้วยซ้ำ
แล้วอย่างงี้จะถือว่าบ้านเมืองเราตอนนี้ร่มเย็นได้ยังไง กลับวังดีกว่า"
องค์ชายยอนซันเสด็จกลับมาก็รีบมาเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจงพร้อมพระชายา "เสด็จพ่อ
ได้ยินว่าวันนี้ทรงกระอักเลือด เพราะอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" "พ่อไม่เป็นไรแล้ว
ไม่ต้องห่วงหรอก" "หมอหลวงมาดูพระอาการหรือยัง" พระพันปียินซูรับสั่งก่อนว่า "เซจา
ในเมื่อรู้ว่าเสด็จพ่อไม่สบาย แล้วทำไมตั้งนานเพิ่งจะมาเยี่ยมล่ะ
เจ้าไปไหนมาและทำอะไรบ้าง ทำไมไม่ตอบคำถามข้าล่ะ" คิมจาวอนรีบทูล "ทูลพระพันปี
รัชทายาททรงศึกษาหลักปกครองจนเพลีย เผลองีบหลับอยู่ในอุทยาน
จนไม่ทันเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ เรื่องของเรื่อง เพราะหม่อมฉันไม่ได้ถวายการดูแลให้ดี
ทรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "บังอาจ เป็นแค่มหาดเล็ก
ใครสอนให้มาสอดแทรกการพูดคุยของเรา" "พระอาญาไม่พ้นเกล้า" "เซจา
ที่เขาพูดเป็นความจริงหรือเปล่า" พระเจ้าซองจงตรัสก่อนว่า "พระพันปี
เซจาเป็นเด็กขยันมาตลอด คงเพราะเครียดกับการเรียนจริงๆ ถึงมาช้า แต่ยังไงก็มา
อย่าทรงกริ้วอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ" "เฮ่อ เซจา นับแต่นี้ ห้ามไปไหนมาไหนโดยไม่บอกกล่าว
ให้ผู้ใหญ่ต้องเป็นห่วงอีก เข้าใจที่ย่าพูดหรือเปล่า" "หม่อมฉันทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
คิมชูซอนเรียกคิมจาวอนมาดุอีก "แผลที่ถูกตียังไม่ทันหาย เดินก็ยังกระเผลกอยู่
แทนที่จะรู้สำนึกซะบ้าง กลับพาองค์ชายออกนอกวังอีก" "ข้าน้อย
แค่อยากให้องค์ชายทรงผ่อนคลาย เลยพาไปเดินเล่นข้างนอกเท่านั้น" "อะไรนะ" "สิ่งที่
ข้าได้เรียนมาก็คือ หน้าที่ของมหาดเล็ก ไม่ว่าเมื่อไหร่เวลาไหน
ก็ควรรู้ใจนายราวกับเป็นแขนขาของพระองค์ ถึงได้ทำอย่างงั้นน่ะครับ"
"หน้าที่ของมหาดเล็ก คือรู้ใจนายก็จริง แต่ควรชี้นำในทางที่ถูก
ไม่ใช่เอาอย่างความคิดเจ้าในตอนนี้ ประจบสอพลอตามใจนายซะหมด ต่อไป ข้าจะไม่ให้เจ้า
อยู่กับรัชทายาทอีกแล้ว ก่อนจะมีคำสั่งเป็นอื่น ให้ไปทำงานเก็บกวาดซะ
กวาดพื้นไปพลาง และจงสำนึกให้ดีว่าอะไรคือ หน้าที่ของมหาดเล็กกันแน่"
จากนั้นคิมชูซอนก็คุยกับยางซองยุนถึงพระอาการของพระเจ้าซองจงด้วยความเป็นห่วง
"เป็นเพราะฝ่าบาท ทรงงานหนักแทบไม่มีวันหยุด จนพระวรกายอ่อนล้า
บวกกับงานเลี้ยงและทรงมีสนมมากมาย เลยยิ่งบั่นทอนพระกำลังลงไปอีก
ต่อให้คนที่แข็งแรงแค่ไหน ให้อยู่ในสภาพนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เฮ่ย"
ทันใดนั้นองค์ชายยอนซันเสด็จมา "รัชทายาท ทำไมเสด็จมาถึงนี่ล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"ที่ต้มอยู่ คือพระโอสถของเสด็จพ่อใช่ไหม" "ใช่พ่ะย่ะค่ะ" "ข้าจะต้มด้วยตัวเอง
เอาพัดมาให้ข้าซิ" คิมชูซอนรีบทูล "งานพวกนี้เป็นหน้าที่มหาดเล็กจะดูแลอย่างดี
ถ้าไงให้องค์ชาย เสด็จไปอยู่กับฝ่าบาทจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าแค่อยากทำหน้าที่ของลูกเท่านั้น
ปกติเสด็จพ่อทรงแข็งแรงไม่เคยประชวรหนักซักครั้ง จู่ๆ พระวรกายทรงอ่อนแอ
ข้าเป็นลูกก็ไม่อาจทนดูได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ให้ข้าต้มเองจะดีกว่า"
พระเจ้าซองจงทรงเรียกใต้เท้ายุนโฮและขุนนาง 2 ท่านมาเฝ้า และมีรับสั่งว่า
"ที่ข้าเชิญพวกท่านมาพบ เพื่อจะฝากฝังเรื่องรัชทายาท" "เชิญรับสั่งมาได้พ่ะย่ะค่ะ"
"ท่านมหาเสนาฯ เป็นประมุขของฝ่ายขุนนาง ข้าจะขอให้ช่วยชี้นำรัชทายาทด้วย"
"พ่ะย่ะค่ะ" "ใต้เท้ายุนโฮ ท่านเป็นท่านตาของรัชทายาท
มีอะไรบกพร่องก็ช่วยตักเตือนเขาหน่อยนะ ท่านเสนาขวา เป็นพระสะสุระของรัชทายาท
ขอให้หมั่นอบรมสั่งสอน อย่าให้เขาเดินทางผิดได้ล่ะ อีกหน่อยถ้าข้าไม่อยู่
พวกท่านทั้งสามต้องคอยเป็น กำลังสำคัญให้รัชทายาทด้วย" "ฝ่าบาท
ทำไมรับสั่งเป็นลางไม่ดีล่ะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทต้องทรงแข็งแรง
เป็นมิ่งขวัญไปอีกนานนะพ่ะย่ะค่ะ" "ใช่ ข้าก็อยากแข็งแรงเหมือนกัน
เพียงแต่เผื่อไว้วันหน้า เกิดข้าเป็นไรไป พวกท่านจะช่วยดูแลรัชทายาทต่อ
ไม่ทราบจะรับปากข้าได้ไหม" "ขอทรงวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นข้าจะได้หมดห่วงซะที"
พระพันปียินซูทรงขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพชนทั้งหลาย
โปรดจงคุ้มครองฝ่าบาทให้หายป่วยหายไข้ แข็งแรงดังเดิมด้วยเถอะ
ข้าเป็นม่ายตั้งแต่อายุ 20 ปี สามารถอยู่ถึงวันนี้ได้
ก็เพราะมีฝ่าบาทคอยเป็นกำลังใจที่สำคัญ ขอท่านโปรดคุ้มครอง ให้ฝ่าบาทหายเป็นปกติ
จะได้เป็นประมุขแห่งโชซอน ตราบนานเท่านานด้วยเถอะ" "พระพันปี
หม่อมฉันก็จะมาอธิษฐานเพื่อฝ่าบาทด้วยเพคะ" "หึ งั้นก็นั่งลง หึ องค์ชายจินซอง
ก็มาด้วย จะช่วยอธิษฐานให้เสด็จพ่อหายป่วยใช่ไหมจ๊ะ วันนี้ถึงมากับแม่ด้วยน่ะ"
"พ่ะยะค่ะเสด็จย่า" "หึ ตัวแค่นี้ช่างเป็นเด็กกตัญญูนัก ดีมากจ้ะ ถ้าฝ่าบาทรู้ว่า
มีเจ้ามาช่วยบนบานแบบนี้ เชื่อว่าต้องหายในเร็ววันแน่ มา นั่งลงทั้งคู่"
"พ่ะย่ะค่ะ" คิมชูซอนนำยาเข้ามาถวายพระเจ้าซองจงพร้อมองค์ชายยอนซัน
"นี่เป็นยาที่รัชทายาท ทรงต้มด้วยพระองค์เองเพื่อให้ฝ่าบาท ทรงหายไวๆ พ่ะย่ะค่ะ"
"เซจา ขอบใจเจ้ามากนะ ข้ารู้ว่ามีลูกชายที่กตัญญูอย่างเจ้า แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว"
"มิได้พ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้าซองจงดื่มยา "เฮ่อ ท่านเจ้ากรม
ข้ามีเรื่องบางอย่างจะคุยกับเซจา ท่านให้คนอื่นออกไปก่อน" "น้อมรับพระบัญชา" "เซจา
มานั่งใกล้ๆ พ่อซิ ยังจำวันที่เจ้าเกิดมา ตัวเล็กนิดเดียว
พริบตาก็กลายเป็นชายหนุ่มที่สง่างามแล้ว" "ทั้งหมดนี้ เพราะเสด็จพ่อและเสด็จแม่
ทรงอบรมสั่งสอนหม่อมฉันมาอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ" "หึ เซจา เจ้ายังจำเรื่องแม่แท้ๆ
ได้ใช่ไหม ต่อให้ชุงจอนเอาใจใส่เลี้ยงดูอย่างดีแค่ไหน เจ้าคงไม่มีวันลืม
เรื่องที่เกิดกับแม่ตัวเองได้หรอก ตอนเจ้ายังเด็ก
ต้องรับรู้เหตุการณ์เกี่ยวกับแม่แท้ๆ ที่ถูกประหารชีวิต จู่ๆ ก็พลัดพรากต่อหน้า
สิ่งเหล่านี้คงไม่ใช่เวลาจะช่วยลบล้างได้ ยิ่งเจ้าคิดถึงแม่แค่ไหน
ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น และความรู้สึกเจ็บแค้นที่มีต่อพ่อ ก็ยิ่งล้ำลึกด้วย
แต่ว่า ถ้าวิญญาณแม่เจ้าได้มาเห็น ว่าเจ้าเอาชนะใจตัวเองจนเติบใหญ่เป็นคนดี
เชื่อว่านางคงภูมิใจในตัวเจ้ามาก" "เสด็จพ่อ" "สมัยก่อนเสด็จแม่เจ้า
หวังให้เจ้าเติบโตอย่างราบรื่นและได้ครองราชย์ จึงยอมเลือกที่จะขอรับความตายเอง
นั่นเป็นความรักและเสียสละอันยิ่งใหญ่ของแม่ เจ้าต้องจำใส่ใจให้ดีด้วย
ที่สำคัญแม่ของเจ้า ยังหวังว่าการเสียสละของนาง
นอกจากจะช่วยให้เจ้าได้ครองราชย์แล้ว อีกหน่อยจะเป็นพระราชาที่ดีด้วย
ฉะนั้นถ้าตอนนี้ เจ้ายังมีความอาฆาตในใจ เกี่ยวกับเรื่องของแม่หลงเหลืออยู่ละก้อ
ขอให้ลืมให้หมด ต่อไปต้องเป็นพระราชาที่ห่วงใยราษฎร เปี่ยมด้วยธรรมาภิบาล แค่นี้
พ่อก็จะได้อุ่นใจเหมือนกัน ว่าที่จำเป็นต้องสั่งประหารหญิงคนแรกที่รักนั้น
เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า ในขณะที่เจ้าเอง ก็ได้ใช้วิธีนี้ตอบแทนบุญคุณของแม่
เจ้าจะรับปากข้าได้ไหม" "หม่อมฉัน ขอรับปากเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ" "หึ ดีมาก
งั้นพ่อก็จะเชื่อเจ้า หึ" องค์ชายยอนซันเสด็จออกมา คิมชูซอนเห็นแล้วก็ถอนใจ
"รัชทายาท ทำไมพระพักตร์หม่นหมองล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อจะอ่อนพระกำลังลงมาก คืนนี้ข้าจะอธิษฐานขอพรให้เสด็จพ่อ
ช่วยไปเตรียมตัวด้วย" องค์ชายยอนซันทำพิธีขอพร และอธิษฐาน "สวรรค์เบื้องบน
โปรดช่วยคุ้มครองเสด็จพ่อของข้า ให้หายจากอาการประชวรในเร็ววันด้วยเถอะ
และขอให้ทรงแข็งแรงเร็วๆ ขอเพียงเสด็จพ่อทรงหายดีเท่านั้น
ข้ายินดีรับความเจ็บปวดแทนเสด็จพ่อทุกอย่าง ไม่ว่าจะแลกด้วยชีวิต
หรือตำแหน่งรัชทายาท ข้าก็ยินดีมอบให้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นขอสวรรค์
โปรดเห็นใจในคำขอของข้าด้วยเถอะ" คิมชูซอนเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจ
ทูลถามว่าทรงสุบินถึงอะไร "เรื่องของข้ากับมเหสีโซฮวา
ทุกอย่างกระจ่างชัดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน" "หึ ตอนนี้รัชทายาทกำลัง
อธิษฐานขอให้ฝ่าบาททรงหายประชวรโดยเร็ว ถือว่าเห็นแก่ความตั้งใจจริงขององค์ชาย
ฝ่าบาทต้องทรงแข็งแรงไวๆ นะพ่ะย่ะค่ะ" "พยุงข้าลุกขึ้นหน่อยสิ เฮ่อ ชูซอน
นึกดูแล้วที่เรารู้จักมา จนวันนี้ก็น่าจะมากกว่า 25 ปีแล้วสินะ เจ้ายังจำสมัยก่อน
ที่ข้าแอบหนีจากบ้านไปเที่ยวแล้วถูก พวกอันธพาลจับไปได้ไหม" "หม่อมฉัน
ไม่เคยลืมเรื่องราวที่เกี่ยวกับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" "ถ้าเมื่อก่อนข้าไม่ได้ครองราชย์
ก็คงจะแต่งงาน กับมเหสีโซฮวาในฐานะเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง
แล้วใช้ชีวิตอยู่กับนางอย่างสันโดษตามประสา ไม่ต้องทำอะไรนอกลู่นอกทาง
ให้นางคอยเสียใจอยู่เรื่อย สมัยก่อนถ้าข้าไม่เรียกตัวนางเข้าวังเพื่อมาเป็นสนม
ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์ให้ข้าสั่งประหาร ผู้หญิงที่เคยรัก
จนนางต้องจบชีวิตลงอย่างอนาถ" "เรื่องเหล่านี้ได้ผ่านไปแล้ว ฝ่าบาท
ทรงลืมเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ฮือ ข้าจะลืมเหตุการณ์นี้ได้ยังไง ข้าเป็นสามีที่
ไม่เอาไหนสำหรับมเหสีโซฮวานัก ทุกครั้งที่นึกถึงนาง ข้าจะรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
แล้วอีกหน่อยถ้าข้าตาย จะเอาหน้าที่ไหนไปพบนางอีก และขอให้นางอภัย"
"หม่อมฉันเชื่อว่าพระนาง คงให้อภัยนานแล้ว และไม่คิดว่าเป็นความผิดของฝ่าบาทด้วย"
"นางเป็นคนที่มีเมตตา คิดว่าคงไม่ถือโกรธข้า แต่ว่าสิ่งที่ข้าทำกับนางไว้
ไม่ว่ายังไง ข้าก็ยกโทษให้ตัวเองไม่ได้" "ฝ่าบาท" "ชูซอน
ต่อไปเจ้าต้องดูแลรัชทายาทให้ดี ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะ" "ฝ่าบาท
ทำไมรับสั่งหดหู่อย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "ครั้งหนึ่ง
ข้าเคยรักมเหสีโซฮวาด้วยความจริงใจ เรื่องนี้เจ้าก็รู้ ไม่ใช่หรือ ฮือ เอ่อ"
พระเจ้าซองจงทรงไอและหมดสติไป "ฝ่าบาทๆ" คิมชูซอนตกใจมาก
พระพันปียินซูทรงทราบอาการของพระเจ้าซองจงก็รีบชวนพระมเหสีซุกยอนเสด็จไปเยี่ยมทันที
"เฮ่อ เสด็จแม่" "หึ ว่าไงลูก แม่อยู่นี่แล้ว มีอะไรจะพูดหรือ หึ"
"เพราะมีเสด็จแม่คอยช่วย หม่อมฉัน จึงได้ครองบัลลังก์มาจนวันนี้
และเสด็จแม่ก็ยังห่วงใย คอยดูแลความเป็นอยู่ของหม่อมฉันไม่เคยห่างหาย
ทั้งหมดนี้หม่อมฉันล้วนแต่รู้ดี นับแต่ทรงเป็นม่าย
ชั่วชีวิตของเสด็จแม่ก็อยู่เพื่อลูกเท่านั้น หึ แต่หม่อมฉันกลับเนรคุณหลายครั้ง
ขอเสด็จแม่โปรดให้อภัย ในความผิดของหม่อมฉันด้วย" "ฮือ เจ้าเป็นลูก ที่ทำให้แม่ ฮือ
รู้สึกภาคภูมิใจในความกตัญญูเสมอ ฮือ แต่เพราะเห็นเจ้าเป็นพระราชา ฮือ
กลัวถูกครหาว่าเป็นเด็กกำพร้าพ่อไม่มีใครอบรม แม่เลยต้องเข้มงวดกับเจ้าเป็นพิเศษ
ฮือ และตลอดเวลา เจ้าก็ว่านอนสอนง่าย ไม่เคยขัดใจแม่ซักครั้ง ฮือ
แผ่นดินนี้เป็นของพระเจ้า เซโจ ทรงวางรากฐานไว้
ส่วนเจ้าก็สานต่อจนเป็นพระราชาที่ได้รับการยกย่องจากราษฎร ฮือ
แม่เชื่อว่าบรรพชนของเรา คงภูมิใจในตัวเจ้าพอๆ กับแม่นะจ๊ะ" "หึ เสด็จแม่ หม่อมฉัน
รักเสด็จแม่ และเคารพเทิดทูนมานาน ฮือ ขอให้ ช่วยดูแลลูกของหม่อมฉันต่อไป ให้เขา
เป็นพระราชาที่ดีด้วย" "ฝ่าบาทๆ" พระอัยยิกายินซูทรงตกพระทัย
พระเจ้าซองจงทรงกระอักพระโลหิตจนสวรรคต ทุกคนต่างร้องเรียกพระองค์ด้วยความโศกเศร้า
องค์ชายยอนซันเถลิงราชย์เป็นพระราชา
พระเจ้ายอนซันทรงตั้งพระทัยว่าพระองค์จะเป็นพระราชาอันเป็นที่รักและศรัทธาของพสกนิกร
"วันนี้ ข้าได้เป็นพระราชาองค์ใหม่ จะปกครองแผ่นดิน ผนึกกำลังเหล่าขุนนาง
สร้างประโยชน์สุขให้แก่บ้านเมือง ขอร่วมทุกข์ร่วมสุขกับราษฎร
พัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า วันนี้เป็นวันครองราชย์ของข้า
จึงให้นิรโทษกรรมแก่นักโทษทั้งหลาย ปล่อยตัวเป็นอิสระ"
"เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพ่ะยะค่ะ" "ใต้เท้าคิม
ท่านเป็นมหาดเล็กคนโปรดและเพื่อนสนิทของเสด็จพ่อ ข้าจึงอยากให้ท่าน
ไปเฝ้าสุสานของพระองค์ เชื่อว่าเสด็จพ่อคงดีพระทัย
ถ้ามีท่านอยู่เป็นเพื่อนคอยพูดคุย" "หม่อมฉัน ยินดีทำตามรับสั่ง
จะไปเฝ้าสุสานหลวงด้วยตัวเอง แต่ว่าฝ่าบาท หลังจากหม่อมฉันกลับมาแล้ว หวังว่าฝ่าบาท
จะทรงเจริญรอยตามเสด็จพ่อ ปกครองบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม
สร้างความผาสุกทั่วหน้านะพ่ะย่ะค่ะ" "ตกลง ข้าจะตั้งใจทำงานให้ดี
ไม่ให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน"
คิมชูซอนไปลาวอฮาและขอให้นางช่วยไปดูแลสุสานของอดีตพระมเหสียุนโซฮวาด้วย
วอฮาบอกให้คิมชูซอนไปหาโชชิคยอมบ้าง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อบุญธรรม ที่วัด
โชชิคยอมรู้ข่าวการสวรรคตของพระเจ้าซองจงได้แต่กล่าวกับกึมพยอ "ในฐานะข้าราชบริพาร
กลับไม่ได้เข้าเฝ้าในวาระสุดท้ายของพระองค์ เท่ากับข้าได้ทำผิดเพิ่มขึ้นอีก"
"ใต้เท้า ตอนนี้น่าจะถึงเวลา ที่ท่านควรกลับไปได้แล้วน่ะครับ สิบปีที่ผ่าน
ท่านละทิ้งลาภยศและอำนาจ มาเก็บตัวถือศีล อุทิศส่วนกุศลให้แก่โอซังกุงที่ตาย
การไถ่บาปของท่าน ก็น่าจะเพียงพอแล้ว" "ไถ่บาปหรือ หลายปีก่อนข้าทำให้นางฆ่าตัวตาย
ถึงแลกด้วยชีวิตก็ไม่อาจชดเชยให้นางได้ ยิ่งไปเผชิญหน้ากับชูซอนด้วยแล้ว
ข้ายิ่งไม่มั่นใจ"
พระเจ้ายอนซันทรงขอร้องให้ใต้เท้ายุนโฮช่วยพูดกับเหล่าขุนนางให้ที
ว่าพระองค์อยากจะพิธีส่งดวงวิญญาณไปสู่สุขคติในวังหลวง
พระอัยยิกายินซูทรงทราบก็ปลื้มใจ "ได้ยินว่าเจ้าเสนอให้มีพิธีส่งดวงพระวิญญาณ
ช่างเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก" "หม่อมฉัน เพียงแต่ทำหน้าที่ของลูกเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ"
"แต่ว่า ในวังมีแต่ขุนนางที่หัวโบราณคร่ำครึ ไม่รู้จะยอมรับพิธีทางศาสนาได้ไหม
กลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น และเสียเวลาด้วย" พระพันปีซุกยอนตรัส
"หม่อมฉัน รู้ว่าสิ่งที่เสด็จแม่ทรงกังวลคืออะไรกันแน่ แต่เหล่าขุนนาง
คงไม่มีเหตุผล ห้ามไม่ให้หม่อมฉันแสดงความกตัญญู องค์ชายจินซอง เจ้าว่าจริงมั้ย"
"เจ้าพี่รับสั่งถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "เห็นมั้ย แม้แต่น้องก็เห็นด้วยกับหม่อมฉัน"
"องค์ชายจินซอง ห้ามเรียกว่าเจ้าพี่อีก ต้องเปลี่ยนเป็นฝ่าบาทต่างหาก"
พระมเหสีซุกยอนทรงเตือน "ไม่เป็นไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันชอบให้น้องจินซอง
เรียกหม่อมฉันว่าเจ้าพี่มากกว่า" "หึๆๆ เห็นสองพี่น้องรักกันขนาดนี้
ย่ารู้สึกชื่นใจจริงๆ หึๆๆ" เรื่องพิธีส่งดวงพระวิญญาณนี้ มีสามกรมใหญ่ไม่เห็นด้วย
พระเจ้ายอนซันทรงมีรับสั่งกับใต้เท้ายุนโฮว่าทำไมสามกรมไม่เข้าใจพระองค์
"พวกเขาเพียงแต่คัดค้านเกี่ยวกับการมีพิธีกรรมในวัง
ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นพ่ะย่ะค่ะ" "สมัยก่อนพระเจ้าแทโจ
เคยฝากตัวเป็นศิษย์ของพระอาจารย์โบฮัก แม้แต่อดีตพระพันปีก็โปรดให้สร้างวัดวอนกุก
แล้วทำไมขุนนางยังไม่ยอมเปลี่ยนความคิด ว่าศาสนาไหนๆ ก็มีข้อดี
ข้าเองก็ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายไหน เพียงแต่อยากถวายพระกุศลให้เสด็จพ่อเท่านั้น
พวกเขาคงเห็นว่า ข้าอายุยังน้อย ไม่คู่ควรเป็นพระราชาล่ะสิใช่ไหม"
"ไม่ใช่อย่างงั้นพ่ะยะค่ะ เท่าที่หม่อมฉันรู้
ทุกคนยังชื่นชมความกตัญญูของฝ่าบาทด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องพิธี
ขอทรงไตร่ตรองใหม่เถอะพ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้ายอนซันทรงหงุดหงิดและไประบายให้พระชายาฟัง
"จะทำอะไรก็ต้องขอความเห็นจากเหล่าขุนนาง ทำให้ติดขัดไปหมด
แล้วการเป็นพระราชาจะมีความหมายอะไรอีก คิดแล้วก็น่าเบื่อจริงๆ" "ฝ่าบาท
ทรงอดทนไว้หน่อยเถอะเพคะ พวกเขาไม่ได้คัดค้านฝ่าบาท
เพียงแต่ไม่อยากให้มีพิธีในวังเท่านั้น" "ใช่
ตอนนี้ราชกิจใหญ่น้อยยังต้องผ่านสภาขุนนางถึงตัดสินได้ ข้าก็ต้องอดทนอยู่แล้ว
แต่ว่า คำสั่งแรกของข้าหลังจากครองราชย์มา กลับถูกพวกเขาปฏิเสธกลับ
รู้สึกเจ็บใจยังไงก็ไม่รู้" วันรุ่งขึ้นพระเจ้ายอนซันตรัสกับเหล่าขุนนางว่า
"ตกลงว่า ข้ายอมรับความเห็นจากสามกรมใหญ่ ไม่ให้มีพิธีกรรมในวังอีก"
"ฝ่าบาททรงปรีชายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่า
ยังไงข้าก็จะเชิดชูผลงานของเสด็จพ่ออยู่ดี
แม้จะไม่ได้ทำพิธีส่งดวงพระวิญญาณไปสู่สุขคติ งั้นข้าจะเปลี่ยนเป็นเขียนบันทึก
เกี่ยวกับพระประวัติของเสด็จพ่อ จึงขอให้ทุกท่าน เร่งดำเนินการ อย่ารอช้าล่ะ"
"เป็นพระดำริที่ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ เราจะทำตามพระบัญชา
เร่งเขียนพระประวัติโดยเร็วแล้วมาให้ทอดพระเนตร" โชชิคยอมตัดสินใจกลับมาหาคิมชูซอน
"สมัยก่อนท่านออกจากเมืองหลวงโดยไม่บอกใคร แล้วทำไมวันนี้ยังกลับมาอีก"
"พอรู้ข่าวโอซังกุงฆ่าตัวตาย ข้าก็แทบเสียสติไปหลายวัน จนกระทั่ง จู่ๆ เส้นผม
ก็ขาวโพลนทั้งศีรษะ หลังจากนั้นข้าเคยคิดจะอธิบายเรื่องบางอย่างให้เจ้าฟัง
ในฐานะเป็นพ่อ ไม่ใช่ ในฐานะคนที่ อยากให้เจ้าเป็นมหาดเล็ก
ทำให้เพื่อนรักหมดผู้สืบสกุลต่อ ข้ารู้สึกละอายนัก จึงขอไปให้ไกลดีกว่า"
"ท่านกับพ่อแท้ๆ ของข้าเกี่ยวข้องยังไงกันแน่
ข้าเคยไปหาบันทึกประจำวันของกรมมหาดเล็กในสมัยก่อน แต่ยังไงก็หาไม่พบซะที"
"ปีชองชุน ต่อให้มีบันทึกเขียนไว้ ข้าก็เผาทิ้งไปหมดแล้ว" "แล้วตกลงความจริงคืออะไร
ทำไมพ่อแท้ๆ ของข้า กลายเป็นโจรกบฎ ในขณะที่ท่าน กลับกลายเป็นคนที่มีความดีความชอบ"
"ถ้าเจ้ารู้ความจริงมากกว่านี้ ไม่แน่อาจยิ่งผิดหวังกว่าเดิมอีก จงอย่าถามดีกว่า"
"แต่ข้าอยากรู้ ว่าความจริงคืออะไรกันแน่" "ความจริงก็คือ
เราสองคนถูกชะตาเล่นตลกมานาน โดยไม่อาจฝืนลิขิตได้ ชูซอน ถึงขั้นนี้แล้ว เจ้า
ยังนับถือข้า เป็นพ่อบุญธรรมอีกหรือเปล่า" "ตราบใดที่ไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับพ่อข้า
ข้าคงนับถือท่านไม่ลง" "เอาเถอะ ข้าเข้าใจ ถ้างั้น วันหลังเราค่อยพบกันใหม่"
"ทำไมไม่ยอมบอกความจริงให้ข้ารู้ล่ะครับ" "ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลาจะบอก
แต่ซักวันหนึ่ง ข้าสัญญาว่า จะบอกเจ้าด้วยตัวเอง" ตกดึก
พระเจ้ายอนซันทรงพระสุบิณถึงพระมเหสีโซฮวาพระราชมารดาของพระองค์
จนพระชายาก็ปลุกพระองค์ขึ้นมา
และวันรุ่งขึ้นพระเจ้ายอนซันทรงเรียกคิมจาวอนมาเฝ้าและบอกให้สืบเรื่องอดีตพระมเหสียุนโซฮวา
แม้คิมจาวอนจะบอกว่ากรมมหาดเล็กมีคำสั่งหามใครเอ่ยถึงเรื่องนี้
พระเจ้ายอนซันทรงบอกให้สืบอย่างลับๆ ว่าสุสานของพระนางอยู่ที่ไหน
และครอบครัวของพระนางยังมีใครเหลืออีกบ้าง
พระพันปีซุกยอนทรงเห็นพระพักตร์พระเจ้ายอนซันซีดเซียว
ทรงตรัสถามจากพระชายาจนได้ความว่าพระเจ้ายอนซันทรงสุบินถึงอดีตพระมเหสียุนโซฮวา
ขณะที่สนมออมกับสนมชองต่างวิตกกังวลว่าพระเจ้ายอนซันจะทรงผูกใจเจ็บเรื่องอดีตพระมเหสียุนโซฮวา
แต่พระยอนซันกลับบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้สนมทั้งสองเป็นควิยิน
พระเจ้ายอนซันให้คิมจาวอนไปเชิญโชชิคยอมมาเข้าเฝ้า "ใต้เท้าโช ไม่เจอหลายปีมากเลยนะ
ท่านเองก็ดูเหมือนจะชราภาพไปเยอะเหมือนกัน" "หม่อมฉัน
ได้เห็นฝ่าบาททรงเจริญพระชันษาเป็นผู้ใหญ่ รู้สึกตื้นตันมากพ่ะย่ะค่ะ"
"ที่ข้าเชิญท่านมาพบ เพื่อจะถามเกี่ยวกับเรื่องเสด็จแม่
จำได้ว่าหลังจากถูกปลดไม่นาน นางก็ถูกประหารชีวิต แต่ว่า
ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องถูกปลด และทำไมต้องถูกประทานยาพิษด้วย ข้าไม่เคยรู้เลย
และในวังก็ไม่มีใครให้ถามเรื่องนี้ พอดีได้ข่าวว่าท่านกลับมาอยู่เมืองหลวงอีก
จึงเชิญให้มาคุยหน่อย ใต้เท้าโช ระหว่างที่แม่ข้าถูกถอดถอน
ท่านเป็นเจ้ากรมมหาดเล็กในสมัยนั้น เชื่อว่าเรื่องนี้ท่านน่าจะรู้ดีกว่าใครถึงจะถูก
เพราะฉะนั้น ช่วยบอกความจริงให้ข้ารู้เถอะ" "หม่อมฉันคิดว่า
อดีตพระราชาคงไม่โปรดให้ฝ่าบาท ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องมเหสีโซฮวาอีก"
"ข้าจะไม่ถือเอาเรื่องนี้ ไปโกรธแค้นใครหรือทำให้ราชสำนักวุ่นวายเด็ดขาด
เพียงแต่เมื่อเป็นลูก อยากรู้ความจริงเกี่ยวกับแม่ตัวเองเท่านั้น" "ฝ่าบาท
ถ้าเช่นนั้น ทรงเตรียมพระทัยที่จะรับความจริง พร้อมแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าแค่อยากรู้เท่านั้น ไม่ใช่ ข้าต้องรู้ให้ได้ ว่าสมัยก่อนเสด็จแม่
ทรงสิ้นพระชนม์ได้ยังไง"
พระอัยยิกายินซูทรงทราบจากซังกุงว่าโชชิคยอมถูกพระเจ้ายอนซันตามมาเฝ้า
ก็ให้ซังกุงไปตามโชชิคยอมมาเฝ้าพระองค์
และถามว่าพระเจ้ายอนซันให้เข้าเฝ้าเรื่องอะไร "ทรงมีรับสั่งถามถึง
เกี่ยวกับเรื่องมเหสีโซฮวา ในอดีตพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ มเหสีโซฮวาหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ
ทรงถามว่า ตอนนั้นเพราะอะไรถึงได้ ทรงถูกประทานยาพิษ" "แล้วท่าน
ก็ทูลไปตามความจริงหรือไง" "หม่อมฉันได้ทูล ตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ" "ใต้เท้าโช
ท่านก็รู้ดีว่า เรื่องนี้ถูกสั่งห้ามพูดมาตั้งแต่สมัยอดีตพระราชาด้วยซ้ำ
แล้วทำไมยังไปบอกให้ฝ่าบาทรู้ เพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก" "ช้าเร็ว
พระองค์ก็ต้องทรงทราบอยู่แล้ว เพราะทรงเป็นพระราชาที่ปราดเปรื่องนัก
คงไม่เอาเรื่องนี้ มาทำให้ราชสำนักเกิดความวุ่นวายหรอกพ่ะยะค่ะ หม่อมฉัน
เชื่อว่าฝ่าบาททรงฉลาดพอ ที่จะชั่งน้ำหนักดูได้" "ใต้เท้าโช
ในเมื่อไม่ได้เป็นเจ้ากรมอีก ก็ไม่ควรจะก้าวก่ายเรื่องในราชสำนักเข้าใจหรือเปล่า"
"พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทราบแล้ว ถ้าไง หม่อมฉันขอทูลลาก่อน"
"เพราะสมัยก่อนมีเหตุให้โอซังกุงต้องฆ่าตัวตาย ใต้เท้าโช
ท่านเลยจะแก้แค้นข้าเพราะเรื่องนี้ใช่หรือเปล่า" "ที่โอซังกุงฆ่าตัวตายนั้น
ไม่ได้เกี่ยวกับพระอัยยิกาซักนิด แต่เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หม่อมฉันจะกล้าถือโทษโกรธเคือง ต่อพระอัยยิกาได้ยังไง
แม้จะเคยมีความคิดเช่นนั้นเกิดขึ้นบ้าง ถึงวันนี้ หม่อมฉันก็ลืมไปหมดแล้ว"
โชชิคยอมออกมากล่าวกับกึมพยอว่าอีกไม่นานในวังต้องเกิดมรสุมนองเลือดครั้งใหญ่แน่
กึมพยองงว่าหมายความว่ายังไง "เหตุการณ์ที่ทรยศเพื่อนรัก ทำให้ข้าฝังใจมาตลอด
แม้จะผ่านไป 40 ปีก็ไม่อาจลืมเลือน แล้วที่ฝ่าบาทต้องพรากจากพระมารดาตอนยังพระเยาว์
ก็คงจะเหมือนกัน ความรู้สึกที่พระองค์ทรงเก็บกดมานาน ไม่มีที่ระบาย
ซักวันจะกลายเป็นไฟเผาผลาญ ทำลายราชสำนัก
หรือแม้แต่แผ่นดินทั่วหล้าให้ลุกเป็นไฟก็ได้"
เวลาเดียวกันพระเจ้ายอนซันทรงนึกถึงคำพูดของโชชิคยอมที่เล่าถึงพระมารดาว่า
"พระนางทรงเกิดความหึงหวง ถึงขนาดข่วนพระพักตร์สวามีจนเป็นแผล
ซ้ำยังคิดปองร้ายต่อเหล่าสนม มีการซุกซ่อนสารหนูจนถูกจับได้
เป็นเหตุให้ถูกปลดในที่สุด หลังออกจากตำแหน่งแล้ว เสด็จไปอยู่บ้านเดิมก็จริง
กลับคิดวางแผนปองร้ายพระอัยยิกาองค์ปัจจุบันอีก และยังมีลายพระหัตถ์ถึงฝ่าบาท
ยุยงให้เกิดความไม่พอพระทัยต่อผู้ใหญ่ในวัง สาเหตุต่างๆ เหล่านี้
จึงเป็นเหตุให้ถูกประหารพ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้ายอนซันทรงไม่เชื่อ
ทรงไปถามพระอัยยิกายินซูว่า "พระอัยยิกา มารดาของหม่อมฉัน
ถูกประหารเพราะความริษยาหึงหวง เป็นความจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ" "หึ เพราะไม่อยากให้เจ้า
เกิดความไม่สบายใจ ต่อเรื่องของแม่บังเกิดเกล้า ทุกคนจึงได้ปิดไว้
แต่เมื่อเจ้าอยากรู้นัก ข้าก็จะพูดให้ฟังทั้งหมดเอง
สิ่งที่เจ้าฟังมาจากโชชิคยอมนั้น เป็นความจริงทุกคำ แต่ว่า
แม้นางจะเป็นนักโทษก็จริง แต่ความเป็นแม่ลูก ยังไงก็ตัดไม่ตายขายไม่ขาดอยู่แล้ว
หลายปีก่อน เสด็จพ่อของเจ้า เคยอนุญาตให้มีการไหว้สุสานของนาง ทำให้นับแต่นั้นมา
ทุกปีพอถึงวันตาย ก็จะมีการเซ่นไหว้" "แล้วสุสานของนางอยู่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ได้ยินว่าอยู่แถวปากทาง คังวอนนึง ที่ใดที่หนึ่ง และนางยังมีพี่ชายกับแม่
ซึ่งหลังจากเกิดเหตุแล้ว ก็ได้ถูกเนรเทศไปอยู่ที่ ชางฮึง ฝ่าบาท
ยังไงเจ้าก็ต้องเข้มแข็งไว้นะ เพราะตอนนี้เจ้าเป็นพระราชาแห่งโชซอนแล้ว
ย่าหวังว่าจะไม่ได้เห็นน้ำตาของเจ้า เกี่ยวกับเรื่องมเหสีโซฮวาอีกต่อไป" "พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉัน จะไม่ร้องไห้เพราะเรื่องนี้อีกแล้ว แต่ว่าพระอัยยิกา หม่อมฉัน
.มีเรื่องหนึ่งจะทูลขอพ่ะย่ะค่ะ" "ไหนลองว่ามาซิ" "หม่อมฉัน
อยากอภัยโทษให้ครอบครัวของมเหสีโซฮวา เพราะยังไงพวกเขาก็เป็นยายของหม่อมฉัน
และยังมีท่านลุงด้วย" "งั้นเจ้าจะรับปากได้ไหม
ว่านับแต่นี้จะไม่เอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวกับมเหสีโซฮวาอีก อย่างน้อยก็ถือว่าตอบแทน
บุญคุณที่พระพันปีเลี้ยงดูเจ้ามาหลายปี รักและห่วงใยราวกับลูกแท้ๆ" "หม่อมฉัน
ขอให้สัญญาพ่ะย่ะค่ะ" "เฮ่อ งั้นก็ตกลง เจ้าจะทำอะไรก็ไปทำ
ย่าจะไม่ห้ามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว" "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้ายอนซันทรงมีพระราชโองการนิรโทษกรรมพระมเหสีโซฮวาและคนในครอบครัว
แม้ว่าได้รับการสนับสนุนจากบรรดาขุนนางใหญ่
แต่ก็มีขุนนางจำนวนหนึ่งที่ถวายฏีกาคัดค้าน คิมจาวอนกลับมาทูลพระเจ้ายอนซันว่า
พบสุสานของอดีตพระมเหสียุนโซฮวา
แต่รกร้างมากเหมือนไม่มีคนดูแลพระเจ้ายอนซันรับฟังแล้วทรงตกพระทัยมาก
โดยหารู้ไม่ว่าคิมจาวอนเป็นคนพังสุสานด้วยฝีมือเขาเอง "ป้ายสุสานก็แตกหัก
สภาพหลุมดูยับเยินไปทั่ว คล้ายกับมีสัตว์ป่าไปขุดคุ้ย จนหม่อมฉัน
เกือบจะทนดูไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" "ทำไมแม่ของข้า ไปอยู่ในที่อย่างงั้นได้ยังไง"
"แสดงให้เห็นว่า ทางการก็ไม่เคยไปดูแลพ่ะย่ะค่ะ"
"สุสานแม่บังเกิดเกล้าของพระราชาแท้ๆ กลับถูกปล่อยปละละเลยขนาดนี้
แล้วยังกล้ามาสอนหลักการให้ข้าอีก หึ ดีล่ะ ข้าจะไม่ให้อภัยคนพวกนั้นเด็ดขาด
คนที่หลอกลวงข้าและให้ร้ายแม่ของข้า ข้าจะเล่นงานมันให้สาสม"

คิมชูซอน จบ 54

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn

เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ

เรื่องย่อละคร
โบตั๋นกลีบสุดท้าย สะใภ้ลูกทุ่ง รักเธอยอดรัก คิมชูซอน
เมนูรักเชฟมือใหม่ สู่แสงตะวัน หมวยอินเตอร์ เย้ยฟ้าท้าดิน เพราะรักนี้มิอาจลืม
(Alone in Love) ความลับของซูเปอร์สตาร์ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า

Readlakorn

Related Posts



9 comments:

Nanny on 10/15/2008 said...

ขอบคุนมากกกกกกจ้า

Anonymous said...

เรื่องสนุกมากกกกค่า

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะ ขออีก ขออีก นะนะนะ

Anonymous said...

มาแว้ววววว กำลังคิดถึงอยู่เชียวค่ะ กลัวต้องรอนาน

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะสำหรับทุก ๆ ตอนที่เอามาให้อ่านยังงัยก็รอตอนต่อ ๆ ไปอยู่นะค่ะ

Anonymous said...

ขอบคณุมากค่ะติดตามตลอดนะค่ะเปิดเช็คดูตอนต่อไปทุก4ชั่วโมงเลยค่ะ

Anonymous said...

มาขอบคุณจ้า

Anonymous said...

มาขอบคุณจ้า

มินนี่

Anonymous said...

thx to much na ka

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal