Sunday, August 03, 2008

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - คิมชูซอน (27) ถึง (30)

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 27

ที่หน้ากรมมหาดเล็ก คิมชูซอนนำมหาดเล็กนับร้อยมาที่กรมมหาดเล็ก จากนั้นคิมชูซอนก็ตะโกนร้องขอให้บรรดาหัวหน้ากองออกมา ชองฮันซูเห็นเช่นนั้นจึงออกคำสั่งให้คิมชูซอนหยุดความเคลื่อนไหว
"หุบปาก พวกเจ้าทำแบบนี้ เท่ากับไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชาของตัวเอง ข้าขอสั่งให้สลายตัวเดี๋ยวนี้ ถ้าใครกล้าขัดคำสั่ง ข้าจะลงโทษให้หนัก"
"ขัดคำสั่งอะไร เราไม่เข้าใจที่พูด สิ่งที่เราทำเพื่อความโปร่งใสของกรมมหาดเล็ก ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย" คิมชูซอนว่า
จาจีกล่าวต่อ "จริงด้วย หน้าที่สำคัญของเราคือปกป้องราชสำนัก จึงต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ให้ใครมาดูถูก และมีสิทธิ์จะเรียกร้องได้"
เกยนัมเสริมต่อ "ใครรู้ตัวว่าทำผิด ไม่ต้องให้พูดซ้ำ ลาออกไปได้แล้ว"
ทุกคนพูดพร้อมกัน "ขอให้หัวหน้าแผนกทุกคนลาออกไปซะ"
ชองฮันซูสั่งลูกน้องให้ไปสลายตัวพวกคิมชูซอน แต่คิมชูซอนก็สั่งทุกคนไม่ให้ถอยเช่นกัน และสั่งคุ้มครองเด็กๆ ไว้ก่อน พร้อมกับพูดให้หัวหน้าแผนกลาออก
"ความตั้งใจที่เราต้องการจะปฏิรูปใหม่ ใครก็มาขัดขวางไม่ได้ หัวหน้าแผนกไหนที่รู้ตัวว่าทุจริต ขอให้ลาออกไปซะ"
ชองฮันซูเห็นคิมชูซอน ขัดขืนจึงใช้กำลังสยบ นึกไม่ถึงว่าบรรดามหาดเล็กต่างพากันเข้ากับคิมชูซอน
ชองฮันซูไปหาโชชิคยอมโดยถามโชชิคยอมว่าเหตุใดจึงให้ท้ายคิมชูซอน
"พี่ใหญ่ ทำไมเสี้ยมสอนให้ชูซอน ยุยงพวกพ้องแสดงความก้าวร้าวต่อผู้บังคับบัญชาถึงขั้นขับไล่ไสส่งขนาดนี้ วันก่อนท่านเพิ่งบอกว่า ก่อนจะตัดสินใจลาออกหรือไม่ จะไม่ออกคำสั่งให้ใครทำอะไรอีก แล้วทำไมไม่รักษาคำพูดล่ะ"
"ข้าไม่ได้ผิดคำพูดต่อเจ้า สิ่งที่เขาทำ เพียงเพราะต้องการปฏิรูปใหม่ ให้กรมมหาดเล็กมีความโปร่งใสต่างหาก"
"โปร่งใสอะไรกัน ข้าว่าคิมชูซอน จงใจอ้างการปฏิรูปบังหน้า แต่แสดงความก้าวร้าวต่อผู้บังคับบัญชามากกว่า"
"ถ้าสามารถขจัดพวกทุจริตได้ ต่อให้ล่วงเกินผู้บังคับบัญชา ข้าก็ยังให้การสนับสนุนอยู่ดี และคิดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย"
"พี่ใหญ่"
"ไหนๆ ถ้าข้าลาออกจริง ตำแหน่งเจ้ากรมมหาดเล็ก ก็ต้องเป็นของเจ้าอยู่แล้ว ถ้าเจ้าตั้งใจ อยากเป็นเจ้ากรมที่ดีล่ะก็ ก่อนจะลงโทษชูซอน ให้กำจัดพวกทุจริตออกไป ล้างบางซะก่อนไม่ดีกว่าหรือ" ชองฮันซูฟังแล้วเป็นฝ่ายอึ้งไป
เด็กๆ ถูกพวกชองฮันซูตีจนร้อง ยางซองยุนเข้ามาช่วยดูแลแผลและถามคิมชูซอนว่า
"ไม่มีทางอื่นแล้วเรอะ จำเป็นต้องใช้กำลังหรือไง"
"ข้าคิดว่าแผลร้าย ในเมื่อมันกลัดหนองก็ต้องกรีดให้แตกซะ ถ้าทุกคนไม่นำพาต่อความเสื่อมโทรมที่เกิดในกรมของเราเอง อีกหน่อยพอนานวันเข้า มันก็ยากจะสะสางได้อีก"

"จุ๊ๆๆ แต่ถ้าอาศัยพวกเจ้า ที่มีแต่ความเลือดร้อน ต่อให้ปฏิรูปสำเร็จ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร"
"แต่ถ้าได้ใต้เท้ายาง ซึ่งเป็นคนใจซื่อมือสะอาด กล้าพูดกล้าทำ มาเป็นผู้นำของพวกเราล่ะก็ ข้าเชื่อว่างานของเราน่าจะสำเร็จได้" คิมชูซอนว่า
เกยนัมรีบช่วยพูด "ใต้เท้า กรุณาช่วยเราหน่อยเถอะครับ"
แคนัมก็เห็นด้วย "นั่นสิครับ เราจะขอติดตามท่าน ไม่ไปไหนทั้งนั้น"
"เฮ่ย เฮ่อๆๆ เด็กๆ เอ๊ย ข้าเป็นคนไม่เอาไหนที่น่าจะถูกไล่ออกคนแรกด้วยซ้ำ อย่าพูดมากดีกว่า เดี๋ยวเรื่องจะบานปลายกันใหญ่ พวกเจ้าดูแลตัวเองดีๆ ละกัน"
จาจีกล่าวว่า "ชูซอน หัวหน้าทุกฝ่ายบอกว่าอยากพบเจ้า"
คิมชูซอนไปพบ มหาดเล็กคนแรกถามเขาว่า
"คิมชูซอน ทำไมเจ้าเสี้ยมสอนมหาดเล็กที่ไม่รู้ประสีประสาให้มาแข็งข้อ ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชาอย่างเราถึงขนาดนี้"
"พวกเรา ไม่ได้ดูหมิ่นผู้บังคับบัญชา เพียงแต่ต้องการกำจัดคนที่เป็นแกะดำ สร้างระบบใหม่ในกรมมหาดเล็กก็เท่านั้น"
"หุบปาก เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสงสัยการทำงานของเรา แถมยังหาว่าทุจริตอีก ใครมอบอำนาจให้เจ้าถึงได้กล้าบังอาจขนาดนี้"
"ข้าน้อย นับแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นมหาดเล็ก ก็รู้สึกภูมิใจเมื่อได้ยินอยู่เสมอว่าหน้าที่ของเรา คือปกป้องฝ่าบาทและราชสำนัก หวังว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ฉะนั้นการกำจัดคนที่ทุจริตนั้น จึงไม่ได้เกิดจากการบงการของใคร หากแต่ทำด้วยจิตสำนึก ด้วยหน้าที่ของข้าราชบริพารที่มีต่อฝ่าบาท ทุกวันนี้ ข้ามีหลักฐานเกี่ยวกับการทำงานของพวกท่าน ที่ตลอดหลายปีนี้ ใครรับสินบนหรือมีผลประโยชน์ทางอ้อมยังไงบ้าง เพราะฉะนั้น ก่อนที่ข้าจะนำมาเปิดเผย จึงอยากให้พวกท่านลาออกไปเอง เพื่อไม่ให้ชื่อเสียงด่างพร้อย จะเป็นทางที่ดีมากกว่า"
ชองฮันซูเอ่ยขึ้นว่า "ชูซอน ถ้าเราจะไม่บีบให้เจ้ากรมมหาดเล็กลาออกอีก แล้วเจ้า จะยอมรามือเรื่องการปฏิรูปหรือเปล่า"
"ถ้าหากว่า สมัยก่อนเจ้ากรมมหาดเล็ก เคยคิดลอบปลงพระชนม์จริง และใช้อำนาจความเป็นเจ้ากรม ทำในสิ่งผิดกฎหมายล่ะก็ ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาไว้ จะขอลงโทษเขาเอง" คิมชูซอนตอบคำถามด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง
เวลาเดียวกัน พระอัยยิกาจองฮีก็ทรงตรัสถามพระเจ้าซองจง
"ฝ่าบาท ได้ยินว่ากรมมหาดเล็กมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน เป็นเพราะอะไรกันแน่"
"หม่อมฉันให้เจ้ากรมมหาดเล็ก พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง จนถึงสิ้นเดือนนี้พ่ะย่ะค่ะ หลังจากนั้นเชื่อว่าปัญหาคงจะยุติลงได้ ขอเสด็จย่าทรงวางพระทัย ถือว่าไม่รู้ไม่เห็นเถอะ"
"แล้วถ้าถึงตอนนั้น พวกเขายังขัดแย้งไม่รู้จบซะที เจ้าจะทำยังไงต่อไป"
"ถึงตอนนั้นโชชิคยอม ก็ต้องรับโทษด้วยชีวิตพ่ะย่ะค่ะ"
โชชิคยอมเรียกคิมชูซอนมาพบและถามว่า
"ชูซอน ดาบเล่มนี้ เจ้าเคยเห็นหรือเปล่า"
"ทราบแต่ว่าเป็นดาบที่ฝ่าบาท ทรงประทานให้ท่านพ่อ"
"อึม ใช่ ถ้าสิ้นเดือนข้ายังไม่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ ข้าก็ต้องทำตามรับสั่งของฝ่าบาท ใช้ดาบเล่มนี้ ปลิดชีพตัวเองซะ แต่การจะพิสูจน์ตัวเอง ต่อที่ประชุมมหาดเล็กอาวุโสไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ถึงอย่างงั้น ข้าก็จะสู้ให้ถึงที่สุด"
"ส่วนข้า ก็จะยึดแนวทางปฏิรูปของท่าน เพื่อกำจัดแกะดำในกรมมหาดเล็กของเรา จะได้ช่วยล้างมลทิน ให้แก่ท่านพ่อให้ได้น่ะครับ"
"ชองฮันซูกับบรรดาหัวหน้าทั้งหลาย จริงๆ เป็นแค่หุ่นเชิดของพวกผู้เฒ่าเท่านั้น เป้าหมายหลักของเรา คือต้องต่อสู้กับที่ประชุมมหาดเล็กอาวุโส ที่อยู่ใต้บงการของท่านปู่ ถึงตอนนั้นเจ้าจะลืม หลักการของตัวเองหรือเปล่า"
"จริงๆ แล้ว ข้ารู้สึกกลัวท่านปู่มาก จะสู้กับเขายังไงหรือแม้แต่การโต้แย้งกับบรรดาผู้เฒ่าทั้งหลาย ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าถ้าเราจะปฏิรูปจริงๆ ไม่ใช่อาศัยแค่ความกล้าอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญ คือความตั้งใจจริงในการเป็นมหาดเล็กต่างหาก ถ้าการปฏิรูปคราวนี้มีอันต้องล้มเหลวไป กรมของเรา ก็จะอยู่ในกำมือคนถ่อยที่คิดปองร้ายองค์ชายน้อยและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าจะเห็นแก่บ้านเมือง แม้ว่าข้าจะรู้สึกกลัว แต่เพื่อเห็นแก่ฝ่าบาทและราชสำนัก ไม่ว่ายังไง ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"
"เอานี่ไป งั้นชีวิตของข้า จะขอฝากไว้กับเจ้า"
ใต้เท้าโนถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับชองฮันซูว่า
"ได้ยินว่าชูซอนยุยงให้มหาดเล็กชั้นผู้น้อย เรียกร้องให้ระดับหัวหน้าลาออก ไม่งั้นจะเปิดโปงพวกเขา เป็นความจริงหรือเปล่า"
"มันเป็นแค่ฟางเส้นสุดท้าย ที่จะช่วยชีวิตท่านเจ้ากรมไว้ได้ ไม่มีอะไรน่าหนักใจหรอกครับ ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง"
"แต่เจ้ารู้มั้ยว่า ดินพอกหางหมู สักวันมันจะยิ่งเลอะเทอะ ตัดไฟแต่ต้นลมดีกว่า จะได้หมดปัญหา"
"ทราบแล้วครับท่านพ่อ"
"หลักฐานที่จะทำให้ชิคยอมลาออกจากตำแหน่งเจ้ากรมมหาดเล็ก สืบได้ถึงไหนแล้วล่ะ"
"สมัยก่อนเขาเคยสั่งให้โทกึมพยอไปฆ่าคน เพื่อทำลายหลักฐานสำคัญ รวมถึงการเอื้อประโยชน์ให้เรือนฝ่ายในมากกว่า พวกนี้ข้าหาได้หมดแล้ว ถึงวันนี้ ข้ากล้ารับประกันได้เลยว่า อีก 3 วันข้างหน้าซึ่งจะมีการประชุม เขาต้องยอมลาออกแต่โดยดีแน่นอน"
โชชิคยอมมาพบกึมพยอ เขาเห็นสภาพกึมพยอแล้วรู้สึกเสียใจมาก
"กึมพยอ เห็นเจ้าอยู่ในสภาพถูกจองจำอย่างน่าอนาถแบบนี้ ข้าแทบอยากจะปล้นคุก ช่วยเจ้าออกไปด้วยซ้ำ ข้าอยากลงโทษคนที่ให้ร้ายเจ้า เพื่อรักษากฎของกรมมหาดเล็กให้เคร่งครัด แต่ว่า ทุกวันนี้ข้าเหมือนถูกตัดแขนขา ไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรได้อีก หวังว่าเจ้าคงเข้าใจดี ถ้าข้าใช้กำลังไปต่อสู้ ก็จะไม่ต่างกับสิ่งที่ท่านพ่อทำกับเราอย่างไงอย่างงั้น"
"ข้า ไม่เคยคิดตำหนิท่านเลยแม้แต่น้อย ท่านจงทำในสิ่งที่เห็นควรเถอะครับ"
"อึม ดี ขอบใจเจ้ามาก ไม่แน่ว่าคราวนี้ เจ้าอาจถึงตายก็ได้ หึ แต่ข้าให้สัญญา อีกหน่อยเมื่อร่างของเจ้าถูกฝังแล้ว จะตามด้วยสมบัติส่วนตัว และชื่อของเจ้า จะอยู่ในใจข้าตลอดไป ไม่มีวันลืม"
ใต้เท้าซังตังและบรรดาขุนนางใหญ่ต่างพากันทูลรายงานความเป็นไปของกรมมหาดเล็กแด่พระเจ้าซองจง และเสนอว่าควรถอดโชชิคยอมออกจากตำแหน่ง
"เรื่องกรมมหาดเล็ก ข้าต้องแก้ปัญหาอยู่แล้ว ส่วนพวกท่าน ขอให้ใส่ใจเรื่องราชกิจดีกว่า พวกท่านเห็นว่า สิ่งสำคัญอันดับแรก ที่เราต้องทำเพื่อราษฎรคืออะไรบ้าง พอจะบอกได้ไหม"
ใต้เท้ายุนโฮตอบว่า "แก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้าน คืองานด่วนอันดับแรกพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าสามารถช่วยให้พวกเขาพ้นจากความอดอยากได้ นั่นคือคุณูปการอันยิ่งใหญ่พ่ะย่ะค่ะ"
"อึม ข้าก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน ถ้าเราไม่อยากให้ชาวบ้านหิวโหย ก็ต้องเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายเสบียง หรือแม้แต่ให้พวกท่านช่วยกันบริจาคทรัพย์เพื่อช่วยชาวบ้าน แต่ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี ข้าว่าขอเพียงขุนนางไม่ละโมบโลภมาก ส่วนขุนนางท้องที่ก็มีการเก็บส่วยอย่างเป็นธรรม ไม่ขูดรีดมากนัก ต่อให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ยากจน ก็คงไม่ถึงขั้น ตำหนิทางการว่าไม่เหลียวแลพวกเขาเลย ชาวโชซอนมีนิสัยอ่อนโยนอยู่แล้ว ถ้าจะไม่ให้พวกเขาแข็งข้อต่อต้านราชสำนัก ก็ต้องยึดหลักโปร่งใส บริหารบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทุกท่านเข้าใจหรือเปล่า"
เหล่าขุนนางกล่าวพร้อมกัน "เราจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ"
โชชิคยอมมาเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจง พระองค์ทรงถามว่า
"ข้าบอกให้ท่านไปหาหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ลบล้างข้อกล่าวหาที่ว่าปลงพระชนม์อดีตพระราชา แล้วทำไมกลับกลายเป็นยิ่งขัดแย้งมากขึ้นล่ะ"
"อีกสามวัน หม่อมฉันจะให้ที่ประชุมมหาดเล็กอาวุโส เป็นคนตัดสินเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่า อาจมีความขัดแย้งมากกว่านี้หลายเท่า ถ้าฝ่าบาท ทรงวางพระองค์เป็นกลาง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น หม่อมฉันเชื่อว่า น่าจะแก้ไขได้ง่ายขึ้นพ่ะย่ะค่ะ"
"งั้นก็เอาเถอะ ขอเพียงพวกท่านไม่ใช้กำลังห้ำหั่น ข้ารับรองว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้จัดการกันเอง"
0000000000000
พวกคิมชูซอนบอกเด็กๆ ถึงเรื่องการปฏิรูปที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพื่อแข็งข้อต่อผู้บังคับบัญชา แต่เพื่อขจัดการทุจริต สร้างความโปร่งใสให้น่าเชื่อถือ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก อีกหน่อยจะได้ไม่ถูกกดขี่ มีสิทธิ์เท่าเทียมกับคนอื่นบ้าง คิมชูซอนซาบซึ้งใจเพื่อนๆ เป็นอย่างมาก
"หนาวหรือเปล่า ลำบากพวกเจ้าจริงๆ"
"แค่นี้จะลำบากอะไร หึ คนที่นั่งคัดต่างหาก ยิ่งเหนื่อยกว่าเราอีก" มูนโซอุนว่า
แคนัมก็ว่าใช่ "นั่นสิชูซอน แค่เราอธิบายเหตุผลให้ฟัง ก็ถือว่าทำงานสำเร็จแล้วหรือ"
"ตอนนี้ เราได้แต่ชี้แจงเหตุผลเพื่อจะหาแนวร่วมให้มากที่สุด และหวังว่าจะมีมหาดเล็กมาสนับสนุนเราอีก เผื่อว่าการประชุมในอีก 3 วันข้างหน้า เราจะมีสิทธิ์ออกเสียงบ้าง"
"อะไรนะ เราจะต่อต้านพวกผู้เฒ่าเชียวหรือ"
"หึ ใช่ ฉะนั้นก่อนจะถึงวันนั้น เราต้องพยายามชี้แจงเหตุผล เพื่อจะรวบรวมคนให้มากที่สุด"
ด้านพระพันปียินซูทรงนำตำรามาให้พระมเหสียุนโซฮวา
"นี่คือหนังสือที่รวมคำสอน จากตำรา "มยองกัม" และบันทึกวีรสตรี คัดเฉพาะหลักใหญ่ใจความที่กุลสตรีพึงปฏิบัติ เพื่อเป็นแม่ศรีเรือน นำพาครอบครัวไปสู่ความเจริญ ให้เจ้าเอาไปอ่านซะ เผื่อจะได้ถ่ายทอดให้สนมคนอื่นๆ รวมถึงบรรดานางในด้วย"
"ความหวังดีของพระพันปี หม่อมฉันจะปฏิบัติตามเพคะ"
"อึม ส่วนใหญ่พระราชาที่ดีนั้น มักมีมเหสีที่เปี่ยมด้วยคุณงามความดีเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลัง เจ้าจงอย่าลืมซะล่ะ"
"หม่อมฉันจะจำไว้เพคะ"
"หึ ชุงจอน หมู่นี้ เคยได้ยินเรื่องขัดแย้งในกรมมหาดเล็กที่หลายคนพูดกันหรือเปล่า"
"หม่อมฉัน กลัวว่าเรื่องนี้จะส่งผลถึงการทรงงานของฝ่าบาท เลยรู้สึกเป็นห่วงเพคะ"
"เห็นเขาว่ากันว่า ลูกบุญธรรมของใต้เท้าโชที่ชื่อคิมชูซอน อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในครั้งนี้ เจ้าพอรู้รายละเอียดกะเขาบ้างมั้ย"
"หม่อมฉัน ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในกรมมหาดเล็ก ถึงได้เป็นแบบนี้เพคะ"
"งั้นเจ้าต้องกลับไป คอยดูพวกสนม อย่าให้ไปพัวพันด้วย เพราะแค่นี้พวกมหาดเล็กก็ไม่รู้จะยุติยังไงดีแล้ว ที่สำคัญเจ้าจงจำไว้ อย่าเอาอย่างคราวที่แล้ว เอาเรื่องของคิมชูซอนไปทูลฝ่าบาทอีก ทำให้พระองค์ทรงไขว้เขวตัดสินพระทัยไม่ถูกล่ะรู้มั้ย"
"หม่อมฉันจะจำไว้เพคะ"
พระมเหสียุนโซฮวาเรียกคิมชูซอนมาพบ
"มหาดเล็กคิม หมู่นี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะผอมไปเยอะนะ"
"ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน กินดีอยู่ดีทุกอย่าง"
"ไม่ต้องปิดบังข้าหรอก เพราะเรื่องของกรมมหาดเล็ก ทำให้เจ้าวิ่งเต้นจนเหนื่อยสินะ ชูซอน เมื่อก่อนถ้าข้ามีปัญหา เจ้าจะมาปลอบใจเรื่อย และยังพร้อมจะช่วยข้าโดยไม่รีรอ แต่ตอนนี้ข้าเป็นถึงพระมเหสี กลับไม่สามารถทำอะไรสักอย่าง เพื่อตอบแทนเจ้าบ้าง ต้องขอโทษด้วยนะ"
"หม่อมฉันทำให้พระมเหสีทรงเป็นห่วง ต้องขออภัยมากกว่า"
"ชูซอน ข้า เชื่อใจเจ้าเสมอ ถ้าเป็นสิ่งที่คิดว่าถูก ก็ไปทำเถอะนะ ข้าจะเอาใจช่วยให้ฝ่าบาททรงเข้าพระทัยเจ้า และปัญหาของกรมมหาดเล็ก ก็ขอให้จบลงด้วยดี ชูซอน ทำอะไรให้ระวังด้วยล่ะ"
มหาดเล็กบางคนรู้สึกว่ามีคนเห็นด้วยกับการปฏิรูปมากขึ้น แต่ชองฮันซูยังทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน ชองฮันซูบอกว่าก็แค่ขันทีระดับล่าง ไม่ต้องเกรงกลัวเพราะพวกเรามีหัวหน้าฝ่ายต่างๆ และยังมีผู้เฒ่าให้การสนับสนุนอีกหลายคน
เวลาเดียวกันที่หน้าประตูกรมโตชิก็มาอาละวาดถามว่าใครสั่งให้ทำลายเรือนฝ่ายใน ชองฮันซูออกมายอมรับว่าเขาเป็นคนสั่งเอง โตชิถามเหตุผล ชองฮันซูบอกว่าเพื่อสืบคดีสำคัญเกี่ยวกับเจ้ากรมมหาดเล็ก และบอกว่าไม่อยากลงมือกับโตชิเพราะเคยมีบุญคุณมาก่อน เขาไล่โตชิกลับไปแต่โตชิฮึดสู้ทำให้ถูกรุมทำร้าย
วอฮารู้ก็ตามมาช่วยแต่ไม่ทันแล้ว นางได้แต่พาโตชิกลับไปรักษา พอโตชิรู้สึกตัววอฮาก็ถามว่าทำไมชอบทำอะไรวู่วาม
"เจ้าเป็นห่วงข้า กลัวจะตายหรือไง" โตชิย้อนถาม
วอฮาอึ้ง "หา อะไรนะ"
"เฮ่อๆๆ ให้ผู้หญิงใจแข็งอย่างเจ้า ลดตัวมาดูแลข้าได้ เฮ่อๆๆ โอ๊ะ หึ หึ ถึงให้เจ็บตัวมากกว่านี้ก็ถือว่าคุ้ม"
"ยังจะพูดเล่นอีก เฮ่ย คนอื่นเป็นห่วงจะแย่แล้ว ยังมีแก่ใจล้อเล่นอีก เฮ่ย ทำไมไม่ตายซะให้รู้แล้วรู้รอด ฮือ"
"หึ ขอโทษด้วย ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้คนเดียว ตัวเองตัดช่องน้อยแต่พอตัวหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง" โตชิให้คำมั่นสัญญา
ขณะที่ผู้ช่วยกับทาซินภรรยาพากันนั่งกลุ้มใจไม่มีแม้ข้าวสาร วอฮาออกมาเห็นก็มอบแหวนที่พระอัยยิกาจองฮีทรงประทานให้ นำไปขายจะได้มีเงินซื้อข้าวสารมาตุนไว้
คิมชูซอนรู้เรื่องที่ชองฮันซูทำร้ายโตชิ เขาแค้นมากบอกว่าสักวันจะลงโทษชองฮันซูบ้าง แล้วก็บอกพรรคพวกว่าให้ไปประชุมพร้อมกันในคืนนี้ ฮุงบีเข้ามาและพูดให้กำลังใจ แต่มูนโซอุนมองว่านางไม่ค่อยน่าไว้ใจ แคนัมเห็นมีของกินก็ไม่ว่าอะไร
นางในหลายคนต่างไม่พอใจฮุงบีที่ติดสินบนมหาดเล็กและแย่งวันเข้าเฝ้าของพระสนมซุกยอนไป
ให้สนมออม จึงพากันรุมทำร้ายฮุงบี พระมเหสียุนโซฮวามาพบก็สั่งให้หยุด
"ช่างบังอาจจริงๆ ทุกวันนี้ในวังก็ยุ่งเหยิงพอแล้ว แต่ละคนแทบหาความสุขไม่ได้ พวกเจ้ายังก่อเรื่องทะเลาะวิวาทอีก โอซังกุง ไปเชิญสนมออมกับสนมซุกยอนมาพบข้าเดี๋ยวนี้ พวกนางดูแลบ่าวไพร่ประสาอะไรถึงได้เหิมเกริม ข้าจะถามให้รู้หน่อย"
"ฮือ พระมเหสี ทรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะเพคะ พระสนมซุกยอนไม่รู้อะไรด้วย เพราะคนของสนมออม แย่งวันเข้าเฝ้าของพระสนมไป เราทนเห็นพระสนมเสียพระทัยไม่ได้ก็เลย ฮือ ทรงลงอาญาหม่อมฉันเถอะเพคะ"
"อะไรนะ นี่เจ้าเอาอะไรมาพูด เป็นความจริงหรือเปล่า"
ฮุงบีอึ้งไม่กล้าพูดอะไร เอาแต่ร้องไห้ พระมเหสียุนโซฮวาเรียกมหาดเล็กมาถามแต่มหาดเล็กยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่พระมเหสียุนโซฮวาทรงมีหลักฐาน
"นี่คือหมายกำหนดการ ที่โหรหลวงได้ทำนายไว้ว่าวันไหนฝ่าบาท ควรเสด็จไปตำหนักไหน ได้ถูกเขียนบันทึกไว้หมด ท่านยังคิดปฏิเสธอีกหรือ วันที่ควรเสด็จไปหาสนมซุกยอน ทำไมถูกเปลี่ยน กลายเป็นไปหาสนมออมแทน มีเหตุผลเพราะอะไร"
มหาดเล็กอึกอัก "เอ่อ นั่นเป็นเพราะ"
"จนป่านนี้ยังไม่พูดความจริงอีกใช่ไหม มหาดเล็กตำหนักใหญ่ ท่านกล้าที่จะโกหกพระมเหสีเชียวหรือ"
"เอ่อ พระมเหสี พระอาญาไม่พ้นเกล้า หม่อมฉัน ไม่อาจทนต่อการรบเร้าของสนมออมได้ จึงยอมให้เปลี่ยนโดยพลการพ่ะย่ะค่ะ"
"เพราะแต่ละคนทำงานแบบนี้ มหาดเล็กรุ่นใหม่ถึงต้องการให้มีการปฏิรูป ที่จริงข้าไม่มีหน้าที่ก้าวก่ายถึงงานของมหาดเล็ก เรื่องคราวนี้จะถือว่าแล้วไป แต่ว่าทีหลังถ้ามีเหตุการณ์สับเปลี่ยนการเสด็จของฝ่าบาทอีก มหาดเล็กตำหนักใหญ่ ท่านจะเป็นคนแรก ที่มีโทษหนัก จงจำไว้ด้วย"
"พระมเหสี หม่อมฉันไม่กล้าอีกแล้ว และจะไม่ลืมพระเมตตาพ่ะย่ะค่ะ"
หลังจากนั้นพระมเหสียุนโซฮวาก็เรียกสนมทุกคนมาและตรัสว่า
"สนมออม ทำไมเจ้าไปติดสินบนมหาดเล็กตำหนักใหญ่ เพื่อให้เปลี่ยนหมายกำหนดการของฝ่าบาท ข้าเคยบอกหลายครั้งแล้วว่าห้ามทุกคนทะเลาะเบาะแว้งชิงดีชิงเด่นกัน แต่ทำไมเจ้ายังกล้าขัดคำสั่งข้า เพราะเห็นกฎของฝ่ายในไม่มีความหมายใช่ไหม"
"เอ่อ พระมเหสี ทรงเข้าพระทัยผิดแล้ว หม่อมฉัน ไม่รู้อะไรเลยเพคะ"
"นี่คือเงินที่เจ้ามอบให้มหาดเล็กตำหนักใหญ่ มหาดเล็กตำหนักใหญ่ยอมสารภาพแล้ว เจ้ายังคิดปฏิเสธอีกหรือ"
สนมออมอึ้งไป "สนมออม เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับมหาดเล็ก สับเปลี่ยนวันเข้าเฝ้าตามใจชอบ แถมยังมาโกหกข้าอีก แค่นี้ก็ทำให้เจ้าถูกขับออกจากวังได้แล้วรู้ตัวหรือเปล่า"
"พระมเหสี หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ"
"แต่ว่า เห็นแก่ที่เจ้าเป็นคนโปรดของฝ่าบาท ข้าจะให้อภัยสักครั้ง ยังไม่ขับไล่เจ้า"
"หม่อมฉัน ขอบพระทัยพระมเหสีเพคะ"
"นับแต่นี้ไปอีกร้อยวัน ห้ามเจ้าถวายงานให้ฝ่าบาท ที่สำคัญ ถ้าไม่มีคำสั่งข้า ไม่ให้ออกจากตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว"
"หา พระมเหสี"
"สนมอื่นๆ ก็เหมือนกัน ถ้าคิดวางแผนเพื่อจะแข่งกันเป็นคนโปรดของฝ่าบาทละก็ ข้ารู้เมื่อไร จะไม่ให้อภัยพวกเจ้าอีก"
โชชิคยอมมาดักพบวอฮาที่บ้าน และกล่าวขอบคุณ
"เจ้าเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่และอบรมเขาอย่างดี จนมาเป็นลูกบุญธรรมข้า ข้ารู้สึกขอบคุณมาก"
"ตอนนี้ เขาเป็นลูกท่านแล้วไม่เกี่ยวกับข้าอีก"
"แต่ก็ยังเป็นลูกเจ้าไม่ใช่หรือ"
"แต่ว่า ตอนนี้ในกรมมหาดเล็กมีปัญหาอะไรกันแน่คะ ทำไมถึงมีคนไปตรวจค้นเรือนฝ่ายใน แถมโตชิก็ยังถูกทำร้ายสาหัสอีก ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้กลายเป็นแบบนี้"
"ทุกวันนี้กรมมหาดเล็กเหมือนอยู่ในภาวะวิกฤติ ทำให้ชูซอนต้องออกหน้าแทนข้า ต้านรับมรสุมที่จะเกิด"
"หา แต่ทำไมเขาถึงสามารถ" วอฮาตกใจ
"คงเหมือนที่แชซังกุงเคยบอกไว้ มันเป็นชะตาของเด็กคนนี้ก็ได้ ข้าอยากให้เจ้าช่วยอธิษฐานแทนเขา ในฐานะเป็นแม่ชูซอน อย่าให้เขามีอันตรายเด็ดขาด หึๆๆ หัวอกพ่อแม่ก็อย่างงี้แหละ ทุกวันนี้ข้าเป็นพ่อบ้าง ก็อยากวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ช่วยคุ้มครองลูกให้ปลอดภัยเหมือนกัน"
ซอยองเห็นสนมออมดื่มสุราและรู้สาเหตุ จึงมอบของสิ่งหนึ่งให้
"นี่คือของวิเศษที่จะช่วยให้ ทรงมีโอรสโดยเร็ว หึ ข้างในบรรจุนาสิกของพุทธรูปศิลาประทานบุตรโม่เป็นผง รวมกับยันต์อีกหนึ่งแผ่น ก่อนฝ่าบาทเสด็จมา ให้ผสมน้ำแล้วดื่มเข้าไปซะ ส่วนยันต์ก็เก็บอยู่ใต้หมอนอย่าให้ใครเห็น เพียงเท่านี้ อีกไม่นานพระสนม ก็จะได้พระโอรสอย่างแน่นอน"
"ถึงมีของพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว เพราะข้าจะไม่ได้ถวายงานไปอีกร้อยวัน อยู่คนเดียวในตำหนักจะสามารถตั้งครรภ์ได้ยังไง"
"คนที่จะเป็นว่าที่มเหสีในอนาคต จะเห็นแก่เรื่องกักบริเวณเพียงเล็กน้อย โมโหโกรธาไปทำไมเพคะ หม่อมฉัน จะช่วยถอนคำสั่งนี้ให้เอง"
จากนั้นสนมออมก็ไปคุกเข่าขอขมาที่ตำหนักของพระมเหสียุนโซฮวา เพื่อขออภัยโทษ
ด้านพระพันปียินซูก็เรียกสนมซุกยอนมาและบอกให้นางช่วยไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์ของพระมเหสียุน
โซฮวากับสนมออม ทันใดนั้นสนมชองก็เข้ามาทูลให้พระพันปียินซูไปช่วยสนมออม
พระมเหสียุนโซฮวาบอกให้สนมออมกลับไป แต่สนมออมบอกว่าถ้าพระมเหสีมี่ทรงยกเลิกคำสั่งก็จะคุกเข่าต่อไป
"หึ สนมออม นี่หมายความว่า เจ้าจะขัดคำสั่งข้างั้นหรือ"
"ที่มีการเปลี่ยนหมายกำหนดการของฝ่าบาท ไม่ใช่ความผิดของหม่อมฉัน แต่เป็นเพราะฮุงบีเห็นใจหม่อมฉัน เลยเจ้ากี้เจ้าการไปทำเอง ขอพระมเหสีทรงเข้าพระทัยใหม่ ลบล้างข้อกล่าวหาติดสินบนมหาดเล็กตำหนักใหญ่เถอะเพคะ"
"เรื่องนี้แทนที่เจ้าจะสำนึกผิด กลับโยนบาปให้นางในรับแทนโดยไม่มีความละอายสักนิด ทำแบบนี้ ไม่กลัวถูกข้าจับไปโบยให้หนักใช่ไหม"
"พระพันปีเสด็จมา"
"พระพันปี ทำไมเสด็จมานี่ล่ะเพคะ" พระมเหสียุนโซฮวาตรัสถาม
สนมออมรีบอ้อน "ฮือ พระพันปี โปรดทรงเมตตา ช่วยหม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ ฮือ"
"เจ้ากลับไปก่อน ไม่ต้องคุกเข่าอยู่นี่แล้ว"
สนมออมกลับไป พระมเหสียุนโซฮวาก็ทูลพระพันปียินซูว่า
"พระพันปี นางมีความผิดฐานลบหลู่เบื้องสูง แถมยังโกหกหม่อมฉันอีก ไม่ควรให้อภัยง่ายๆ นะเพคะ"
"ชุงจอน เจ้าจะขัดคำสั่งข้าหรือ"
"พระพันปีเพคะ ถ้าคนที่ทำผิดแล้วยกโทษให้ง่ายๆ กฎของฝ่ายในก็จะเสียหาย ไม่มีใครทำตามอีก"
"ไม่งั้นเจ้าจะสั่งให้โบยสนมออมหรือยังไง"
"เรื่องเกี่ยวกับสนมนางในพวกนี้ โปรดให้หม่อมฉันจัดการเถอะเพคะ"
พระพันปียินซูทรงโกรธ "ชุงจอน"
เรื่องนี้ร้อนถึงพระอัยยิกาจองฮีก็ช่วยตัดสินเพราะพระพันปียินซูและพระมเหสียุนโซฮวาต่างก็ไม่ยอมทั้งคู่
"ชุงจอน เรื่องสนมออมให้พอแค่นี้เถอะนะ สั่งให้กักบริเวณร้อยวัน ก็น่าจะพอแล้วนี่นา" พระอัยยิกาจองฮีรับสั่ง
"ทูลพระอัยยิกา ที่หม่อมฉันเหลือทนก็คือความจองหองของนาง ที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเพคะ ถ้าตอนนี้ไม่ลงโทษให้เข็ดหลาบ อีกหน่อยเหล่าสนมก็จะพากันติดสินบนมหาดเล็ก เพื่อให้ฝ่าบาทเสด็จไปหาบ้าง กลายเป็นลูกโซ่ที่แก้ไม่ตก ถึงตอนนั้นกฎของฝ่ายในมิยิ่งเสื่อมเสียมากกว่านี้หรอกหรือเพคะ"
พระพันปียินซูตรัสขึ้นว่า "ชุงจอน ทุกวันนี้เรื่องกรมมหาดเล็กก็ทำให้เราปวดหัวพอแล้ว เจ้าจะเอาเรื่องสนมคนหนึ่ง มาทำให้เราวุ่นวายอีกใช่ไหม ชุงจอน เจ้าจะเอาชนะคะคานด้วยเรื่องแค่นี้ให้ได้หรือไง"
พระอัยยิกาจองฮีทรงปราม "พอที อย่าเถียงกันอีก พวกเจ้าจะมาทะเลาะต่อหน้าข้าทำไมน่ะ"
"ขอทรงอภัยเพคะ"
"ถ้าให้ข้าตัดสิน พระพันปีที่หวังดี ไม่อยากให้เรื่องของฝ่ายใน บาดหมางจนเป็นที่ครหาก็ถือว่าไม่ผิดหรอก ส่วนชุงจอนก็อยากรักษากฎระเบียบให้เคร่งครัด ถือว่าไม่ผิดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่าย ต่างถอยคนละก้าวละกัน ทีหลังถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับสนมนางใน ก็ให้ชุงจอนเป็นคนจัดการ ส่วนชุงจอนก็อย่าลงโทษสนมออมให้มากกว่านี้ ถือว่าแล้วก็แล้วกันไป แค่นี้จะรับปากได้ไหม"
"หึ ในเมื่อพระอัยยิกาทรงตัดสินแบบนี้ หม่อมฉันก็รับได้เพคะ" พระพันปียินซูตรัสยินยอม
"หม่อมฉัน ก็ขอน้อมรับพระบัญชาเหมือนกัน"
"ในเมื่อพวกเจ้ายอมเชื่อฟังง่ายๆ ข้าก็ค่อยเบาใจหน่อย หึ"
00000000000
ซอยองมาพูดจายั่วยวนกึมพยอ
"จุ๊ๆๆ เสือที่บาดเจ็บ ถูกขังอยู่ในคุกซะแล้ว หึ หัวหน้าโทซึ่งเป็นยอด ฝีมือในวัง ไม่นึกว่าจะกลายเป็นแบบนี้ได้"
"เจ้ายังมีหน้ามาพบข้าอีกหรือ"
"คนเรา ถ้าตายเพราะคนที่รู้ใจ ถึงเรียกว่ามีคุณค่า แต่เจ้ากรมมหาดเล็ก รู้ทั้งรู้ว่าท่านอยู่ในสภาพนี้ กลับไม่คิดจะช่วยเหลือ ยังห่วงแต่หาวิธีรักษาอำนาจของตัวเองไว้อีก"
"หุบปากเดี๋ยวนี้"
"ข้าพอมีทางช่วยท่านได้ ถ้าไม่อยากทำงานให้ชองฮันซูก็ไม่เป็นไร มาทำงานให้ข้าแทนก็ได้ สนใจหรือเปล่า ถ้ายอมรับปากข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะช่วยให้เป็นอิสระทันที หรือท่านว่ายังไง"
"ถ้าข้าสามารถออกจากที่นี่ได้ อันดับแรกคือฆ่าพวกมหาดเล็กนอกคอกให้หมด และจะฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ ด้วย และถ้าเจ้าไปรวมหัวกับพวกเขา ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้เหมือนกัน"
"หึ ดูเหมือนความยโสของท่านยังไม่จางหายเท่าไร ถ้าอย่างงั้น ก็อยู่นี่ต่อไปละกัน" ซอยองเดินจากไป กึมพยอยิ่งแค้นใจมากขึ้น
พระเจ้าซองจงเรียกคิมชูซอนมาเฝ้า และตรัสถามเขาว่า
"ชูชอน ทำไมเจ้าไปละเมิดผู้ใหญ่ ที่อยู่ในกรมมหาดเล็กของเจ้าน่ะ"
"ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่การละเมิดพ่ะย่ะค่ะ แต่เป็นการปฏิรูปใหม่"
"เจ้าหวังจะใช้เรื่องการปฏิรูป ช่วยให้ใต้เท้าโชพ้นข้อกล่าวหาหรือไง"
"เจ้ากรมมหาดเล็ก เป็นพ่อของหม่อมฉัน เหตุผลที่หม่อมฉันต้องการปฏิรูป ส่วนหนึ่งก็เพื่อหวังจะช่วยเขาก็จริง แต่ว่า เป้าหมายหลักใหญ่คือทำเพื่อฝ่าบาทและความมั่นคงของราชสำนักมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ กรมมหาดเล็ก มีหน้าที่ดูแลกิจวัตรประจำวันของฝ่าบาท รวมถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย ครอบคลุมทุกด้าน นั่นเท่ากับว่า สวัสดิภาพของทุกพระองค์อยู่ในกำมือพวกเรา ซึ่งเป็นข้าราชบริพารที่ใกล้ชิดที่สุด จึงไม่ควรมีการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าหน้าที่การงาน แต่ทุกวันนี้กรมมหาดเล็ก กลับไปให้ความสำคัญกับเหล่าขุนนาง มากกว่าการทำหน้าที่ โดยถือเอาความเจริญของครอบครัวตัวเองเป็นที่ตั้ง หม่อมฉันกับมหาดเล็กชั้นผู้น้อย จึงต้องการกำจัดค่านิยมที่เลวร้ายเหล่านี้ให้หมดสิ้น สร้างความโปร่งใสขึ้นใหม่พ่ะย่ะค่ะ"
"ชูซอน ข้าขอใช้ชีวิตเจ้ากับท่านเจ้ากรมรับรองว่า กรมมหาดเล็กจะมีการเปลี่ยนระบบใหม่ นับแต่นี้ จะไม่ให้คลุกคลีกับเหล่าขุนนาง เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตคิดมิชอบอีก ข้าเชื่อว่า เจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังแน่นอน"
คิมชูซอนไปพบใต้เท้าโน หวังจะปรับความเข้าใจ ใต้เท้าโนถามว่าโชชิคยอมสั่งให้เขามาหรือ
"ไม่เกี่ยวกับท่านพ่อหรอกครับ เป็นความประสงค์ของข้าที่จะมาขอร้องท่านปู่เอง"
"เจ้ามาเองหรือ"
"ท่านปู่ เรื่องที่จะเปิดประชุม โปรดยกเลิกไปได้ไหมครับ"
"อะไรนะ นี่เจ้ามาขอร้องประสาอะไร บอกให้ข้าเลิกประชุมมหาดเล็กงั้นหรือ ช่างเป็นคำขอที่ปัญญาอ่อนสิ้นดี สู้คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ เพื่อขอให้ข้ายกโทษให้พ่อเจ้ายังจะง่ายซะกว่า"
"กรมมหาดเล็ก จำเป็นต้องแก้ไขค่านิยมที่จะทำให้เราเสื่อมถอย เพื่อสร้างรากฐานใหม่ให้แก่การครองราชย์ของฝ่าบาทในอนาคต และเพื่อความโปร่งใสในหน่วยงานของเรา แต่การที่ท่านปู่เรียกประชุมแบบนี้ เพราะห่วงแต่ตัวเอง และความอยู่รอดของครอบครัวมากกว่า"
"เจ้านี่มันช่างโอหังสิ้นดี เราอุตส่าห์ไม่รังเกียจความต่ำต้อยของเจ้าแล้วยังกล้ามาสอนข้าอีก นี่ล่ะน้า ที่ว่าสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยากน่ะ"
"ถ้าท่านปู่ยังจะยืนกรานเปิดประชุมให้ได้ เพื่อบีบให้ท่านพ่อลาออกละก้อ ข้ากับมหาดเล็กรุ่นใหม่และพี่น้องที่อยู่ในวัง จะไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน"
"เจ้าไปหาแนวร่วมมีแต่มหาดเล็กเด็กๆ มาต่อต้านผู้เฒ่าอย่างเรา คิดว่าจะได้ผลงั้นหรือ"
"ภาษิตว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน ฝนทั่งให้เป็นเข็มยังทำได้ ถ้ามีความพยายาม แม้เราจะไม่มีกำลังหรืออำนาจ แต่ขอเพียงร่วมใจร่วมใจ ซักวันต้องประสบผลสำเร็จ บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่อยากขอร้องท่าน โปรดอย่าให้ข้าเป็นหลานเนรคุณจะดีกว่า"
"เฮ่อๆ ก็ได้ งั้นก็แล้วแต่เจ้า แต่ว่าเจ้าต้องจำไว้ ถ้าจบจากการประชุมนี้เมื่อไหร่ ชีวิตเจ้ากับชิคยอม ก็จะไม่รอดด้วย"
"ต่อให้ข้ากับท่านพ่อต้องตายในคราวนี้ แต่อุดมการณ์ในการปฏิรูปจะยังคงเดินหน้าต่อไป ท่านปู่ ก็จะไม่สามารถบงการการทำงานของมหาดเล็กได้อีก ข้าเข้าใจความหมายของท่านปู่แล้ว ถ้าไงข้าขอตัวก่อน" คิมชูซอนเดินออกไป
"ก็เอาสิ ข้าจะดูว่าเจ้ามีความสามารถขนาดไหน"
คิมชูซอนกลับมาแต่ถูกคนทำร้าย จับเขาไปขังไว้ ทำให้เขาไม่ได้ไปประชุม พวกจาจีก็แปลกใจว่าคิมชูซอนหายไปไหน ทันใดนั้นฮุงบีก็หน้าตาตื่นเข้ามาบอกให้ทุกคนรีบออกมาเร็วๆ พวกจาจีแตกตื่น แต่ทุกคนก็ได้พบกับคิมชูซอนที่ถูกทำร้าย
"ชูซอน เป็นไรหรือเปล่า หา มา ขึ้นมา"
"ชูซอน บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าน่ะ"
"หึ ข้าไม่เป็นไร" คิมชูซอนหอบ
แคนัมกล่าวว่า "เกือบ เกือบแล้วมั้ยล่ะ นึกว่าเจ้าจะเป็นไรซะอีก หึ"
พวกเกยนัมตามไปจับพวกที่มาก่อกวนแต่จับไม่ได้เพราะทางมืด คิมชูซอนบอกกับทุกคนว่าเขารู้ว่าเป็นฝีมือใคร จีจีบอกว่าต้องขอใจฮุงบีที่ร้องบอก และก็ส่งข่าวว่าคิมชูซอนถูกจับตัวไว้ที่ไหน
การประชุมมหาดเล็กจะเริ่มแล้ว ยางซองยุนกล่าวกับโชชิคยอมว่า
"ฮ่า ชิคยอม วันนี้ถ้าเจ้าไม่ตาย ใต้เท้าโนก็เห็นทีจะม้วยเป็นแน่"
"แล้วตามความเห็นเจ้า คิดว่าผลจะเป็นยังไง"
"หึ ดื่มซักอึกหน่อยมั้ย การจะปฏิรูปกรมมหาดเล็กใหม่ เจ้ากับใต้เท้าโน ก็ต้องเป็นปรปักษ์ชนิดตายกันไปข้างหนึ่ง ไต้เท้าโนถือว่าอยู่นานเกินไปแล้ว ส่วนเจ้า ก็ไม่น่าอยู่นานขนาดนี้เหมือนกัน เฮ่อๆๆ ฮ่าๆๆ"
ใต้เท้าโนกล่าวในที่ประชุมว่า
"การประชุมในวันนี้ จัดเพื่อให้มีมติถอดถอนโชชิคยอม และทำการคัดเลือกเจ้ากรมมหาดเล็กคนใหม่แทนที่เขา ฮันซู เริ่มได้แล้ว"
"เจ้ากรมมหาดเล็กโชชิคยอม ต้องสงสัยพัวพันการลอบปลงพระชนม์อดีตพระราชา อันทำให้พวกเราเสื่อมเสีย และหลังจากฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ เขาก็สมคบกับเศรษฐีคนหนึ่ง ลักลอบขโมยสมบัติในวังออกไปขาย ทำให้ราชสำนักมีมลทินอย่างมาก ทั้งหมดนี้ ไม่เพียงเป็นหลักฐานยืนยันการทุจริตของโชชิคยอมเท่านั้น ยังมีการสั่งให้คนสนิทชื่อโทกึมพยอไปฆ่าพยานปากสำคัญ เพื่อทำลายหลักฐานอีก"
ใต้เท้าโนเสริมว่า "ข้าจึงเห็นว่า ควรให้เจ้ากรมมหาดเล็กโชชิคยอม ลาออกไปซะ"
มหาดเล็กแก่ๆ พากันเห็นด้วย ใต้เท้าโนกล่าวต่อว่า
"งั้นก็แปลว่า การถอดถอนโชชิคยอมออกจากตำแหน่งเจ้ากรมฯ ถือเป็นเอกฉันท์ มหาดเล็กชาง ช่วยประกาศพระบัญชาของฝ่าบาท เกี่ยวกับเรื่องเจ้ากรมมหาดเล็ก ให้ทุกคนรู้หน่อยสิ"
"ทราบแล้วครับใต้เท้า"
คิมชูซอนเสียงดังขึ้น "ทุกท่านไม่มีสิทธิ์ทำอย่างงั้น พวกเรา ขอคัดค้านมติที่ประชุม ให้ถือเป็นโมฆะซะ พวกเรา ในนามของกรมมหาดเล็ก ขอคัดค้าน การประชุมในวันนี้"
จบเรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 27

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 28

คิมชูซอนนำกำลังไปขัดขวางความเคลื่อนไหวของบรรดาขุนนางเก่าแก่ คิมชูซอนเปิดโปงความผิดของบรรดาขุนนางเก่าที่ใช้อำนาจและอิทธิพลในการซื้อขายตำแหน่งในราช
สำนักซึ่งถือว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ตนจะไม่เอาความถ้าทุกคนยุติการชุมนุม
ใต้เท้าโนโกรธมากจึงมีคำสั่งให้ชองฮันซูใช้กำลังสยบคิมชูซอน คิมชูซอนกลับไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย
"ไชโย เย้ วู้ เราชนะแล้ว ไชโย พวกเราชนะ" พวกคิมชูซอนร้องตะโกนอย่างดีใจ
"การประชุมมหาดเล็กในวันนี้ ถือเป็นโมฆะไป" คิมชูซอนกล่าว
ทุกคนดีใจ "เย้ ไชโย วู้ ฮ่าๆๆ"
"ด้วยกำลังของพวกเราแม้จะสลายการประชุมได้ แต่ว่า นี่เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น ถ้าเรายังสามัคคีกันต่อไป จะสามารถลบล้างค่านิยมที่เลวร้าย สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้แก่กรมมหาดเล็กได้" ทุกคนดีใจ
โชชิคยอมเตือนคิมชูซอนว่า "แค่สลายการประชุมของพวกเขาได้ ยังไม่ถือว่าชนะขาดหรอกนะ ถัดจากนี้ไปถึงเป็นช่วงเวลาสำคัญ พวกเขาจะใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อน ทำให้พวกเจ้าเกิดความแตกแยกบ้าง"
"ข้อนี้ข้าเข้าใจดีครับ ยังไงข้าก็ไม่ลืมความตั้งใจแต่แรก ที่จะยึดแนวทางปฏิรูป ให้เห็นผลให้จงได้"
"ชูซอน ปู่เจ้าอยู่ในวังมาชั่วชีวิต และชินกับการแก่งแย่งชิงดีทุกรูปแบบ ถ้าจะสู้กับเขาก็ต้องระวัง อย่าประมาทเป็นอันขาดล่ะ"
"ข้า ขอเพียงมีจุดยืนและยึดมั่นไว้ เรื่องอื่น คิดว่าไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับ"
พระอัยยิกาจองฮีและพระพันปียินซูทรงทูลเสนอพระเจ้าซองจง ให้ทรงส่งคนจากราชสำนักไปยุติความวุ่นวายในกรมมหาดเล็ก พระเจ้าซองจงกลับทรงเห็นว่าความวุ่นวายในกรมมหาดเล็กไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงของราชวงศ์
แต่อย่างใด
ชองฮันซูและพวกพากันมาเจรจากับคิมชูซอน
"ผู้เฒ่าทั้งหลายและหัวหน้าฝ่ายต่างๆ บอกว่าไม่ต้องการให้เรื่องบานปลายกว่านี้ จึงรับปากจะทำตามข้อเสนอของพวกเจ้า ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงนัก บอกซิว่าต้องการอะไรบ้าง"
"ข้อเรียกร้องของเราคือ ให้คนที่มีส่วนพัวพันการทุจริตลาออกไปให้หมด"
"บังอาจนัก ถ้าเราลาออกไป แล้วใครจะมาเป็นหัวหน้าฝ่ายแทน พวกเจ้าเพิ่งมาไม่นาน ยังไม่รู้กฎระเบียบ จู่ๆ จะขึ้นมาเป็นใหญ่แทนพวกเราหรือไง"
"ถึงพวกเจ้าจะพูดมีเหตุผล แต่จู่ๆ ให้เราลาออกโดยไม่มีแผนรองรับคงเป็นไปไม่ได้"
"ถูกต้อง ข้าคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอมแน่"
"ใช่ๆ เราก็ไม่ยอมเหมือนกัน มันเรื่องอะไร"
ชองฮันซูกล่าวสรุปว่า "หัวหน้าทุกคนมีความเห็นแบบนี้แล้ว เจ้าจะว่ายังไงต่อ"
"หึ ถ้าอย่างงั้น ก็ขอให้หัวหน้าฝ่ายทุกคน ยอมรับความผิดที่เคยทุจริตไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน แล้วเอาทรัพย์สินที่ฉ้อโกงไป กลับมาคืนให้กรมมหาดเล็กทั้งหมด ถ้าทำได้แบบนี้ เราก็จะยุติการเรียกร้อง ให้ทุกท่านลาออกอีก"
"แล้วยังมีข้อเรียกร้องอะไรอีก" ชองฮันซูถามต่อ
"ก่อนถึงสิ้นเดือนนี้ ให้ยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านเจ้ากรม ในนามแห่งกรมมหาดเล็กของเรา และถวายรายงานต่อฝ่าบาทด้วย"
"ต้องการแค่นี้เองหรือ"
"และต้องปล่อยตัวหัวหน้าโทกึมพยอ ให้เป็นอิสระ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น"
"ข้อเสนอเหล่านี้ ข้าจะไปคุยกับผู้เฒ่าทั้งหลายอีกที มีข้อสรุปออกมายังไงค่อยมาเจรจากับพวกเจ้าอีกครั้ง แต่ว่าตอนนี้ พวกเจ้าต้องแยกย้ายไปทำงานก่อน อย่าละทิ้งหน้าที่ตัวเอง" ชองฮันซูสั่ง
ยางซองยุนรักษากึมพยอพร้อมสอนว่า
"เฮ่อ ฟังนะกึมพยอ อย่าไปจองเวรจองกรรม กับคนที่ทำร้ายเจ้าอีกเลย"
"คนพวกนั้น ข้าไม่มีวันยกโทษให้แน่"
"ก็น่าอยู่หรอก เพราะเจ้า ถูกพ่อแม่ทอดทิ้งจนต้องมาเป็นมหาดเล็ก แล้วจะไม่ให้คิด อาฆาตแค้นเกลียดชังคนทั้งโลกได้ยังไง แถมตอนนี้ยังไม่อาจปกป้องชิคยอมซึ่งเปรียบเสมือนพ่อแท้ๆ ของเจ้าอีก เจ้าคงยิ่งอัดอั้น โมโหความไม่เอาไหนของตัวเอง แต่ว่า ไม่ว่าจะโดยเหตุผลหรือคุณธรรมก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือ ภาพมายาทั้งนั้น พ่อก็สามารถฆ่าลูก ลูกก็สามารถฆ่าพ่อได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก คิดแล้วก็น่าอนาถนัก เฮ่อๆๆ"
ใต้เท้าซังตังถึงกับหัวเราะชอบใจที่ใต้เท้าโนโดนแบบนี้
"ฮ่าๆๆ เฮ่อๆๆ ไม่นึกว่าระดับอย่างใต้เท้าโน จะถูกเด็กไม่กี่คน ปั่นหัวจนต้องถอยฉากก่อน รับมือไม่ถูกถึงขนาดนี้ มิน่าถึงว่ารุ่นใหม่มาแรง"
"ท่านก็อย่ามัวแต่หัวเราะข้าจนมองข้ามอันตรายที่จะมาถึงตัวเลย" ใต้เท้าโนว่า
"หมายความว่ายังไง"
"การที่พวกเด็กกล้าแข็งข้อขนาดนี้ เพราะมีฝ่าบาททรงหนุนหลังอยู่"
ใต้เท้าซังตังอึ้ง "อะไรนะ"
"คราวนี้ถ้าการปฏิรูปของพวกเขาเป็นผลสำเร็จ ขุนนางรุ่นใหม่ที่ฝ่าบาทเคยเสนอให้มาทำงาน จะเอาอย่างบ้างและหันมาโค่นล้มอิทธิพลของท่านแทน ถ้าไม่อยากถูกลบหลู่เหมือนที่ข้าได้รับในวันนี้ ก็ต้องทำอะไรเพื่อกรมมหาดเล็กบ้าง อย่าเอาแต่นิ่งเฉย แล้วหลังจากนั้น ท่านก็จะอยู่สบาย ลอยลำไปอีกหลายปี"
ชองฮันซูรีบมาถามซอยองว่าใต้เท้าซังตังว่ายังไง ซอยองบอกว่าใต้เท้าซังตังสัญญาว่าจะช่วยพูดกับพระเจ้าซองจง ชองฮันซูกระหยิ่มว่าครั้งนี้คงกำจัดคิมชูซอนและโชชิคยอมได้แน่
คิมชูซอนบอกทุกคนว่าหัวหน้าทั้งหลายยอมรับข้อเสนอ มูนโซอุนแปลกใจว่าทำไมง่ายอย่างนี้ คิมชูซอนกล่าวว่า
"ตะเกียบอันเดียวหักได้ง่าย แต่ถ้ามัดรวมกัน มันจะยิ่งแข็ง ลองนึกถึงตะเกียบที่เป็นกำสิ ใครก็ไม่สามารถหักทิ้งได้ง่ายๆ จริงมั้ย พวกเราแต่ละคนอาจมีกำลังน้อย สู้ใครก็ไม่ได้ แต่ถ้ารวมเป็นกลุ่มก้อนเพื่อหวังปฏิรูปใหม่ ไม่นานจะต้องเห็นผลแน่"
แคนัมเห็นด้วย "อึม ใช่แล้ว เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว"
เมื่อเรื่องราวของกรมมหาดเล็กสงบลง โอซังกุงก็ทูลขอพระมเหสียุนโซฮวาออกไปหาวอฮา
"โอซังกุง ท่านยังจำหน้าคนที่อยู่ในฝัน ได้แม่นยำหรือเปล่า"
"ภาพที่เห็นในฝัน บางครั้งก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่จำได้ว่าเป็นผู้ชายที่ใส่ชุดมหาดเล็ก เจ้าบอกว่าเขาคือ สามีของข้างั้นหรือ"
"ข้อนี้ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คนที่ข้ามักจะฝันถึงบ่อยๆ น่าจะเป็นลักษณะของคนตายมากกว่า"
"คนตายหรือ หมายความว่า ตอนนี้สามีของข้า ได้เสียไปแล้วหรือคะ"
"จำได้ว่าท่านความจำเสื่อมในเดือน 8 ปี ชองชุน ใช่หรือเปล่าคะ ในปีนั้น องค์ชายโนซาน หวังจะทวงบัลลังก์คืน จึงคนมีก่อกบฏและเกิดการนองเลือดในวังด้วย ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก้อ สาเหตุที่ทำให้ท่านความจำเสื่อม น่าจะ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กบฎ ในปีชองชุน ไม่มากก็น้อย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โอซังกุงจึงไปหาโชชิคยอมและถามเหตุการณ์กบฎในปีชองชุน
"โอซังกุง ทำไมมาถามเรื่องราว ที่เกิดในปีชองชุนล่ะ ใครไปพูดอะไรให้ฟัง จนอยากรู้อดีตขึ้นมาอีกหรือ" โชชิคยอมแปลกใจ
"ข้าอยากรู้ว่าสามี มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์ก่อกบฏในปีชองชุนจริงหรือเปล่าคะ คนที่จะบอกความจริงให้ข้ารู้ได้ ตอนนี้ก็เหลือแต่ใต้เท้าคนเดียว สามีข้าถูกทำร้ายจนเสียชีวิตเพราะเหตุการณ์นี้จริงหรือเปล่า ท่านช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหมคะ"
"แล้วเจ้าคิดว่า จะสามารถ ทนรับความจริงที่ข้าจะเล่าให้ฟังได้ไหม"
"เฮ่อ ถึงจะรับไม่ได้เพราะความโหดร้าย ข้าก็อยากรู้น่ะค่ะ ไม่ใช่ ฮือ ข้าจำเป็นต้องรู้ให้ได้ ฮือ ท่านช่วยบอกข้าเร็วเข้า ฮือ"
"สามีที่เจ้า รอคอยมาหลายปีนั้น เขาได้เสียชีวิตไปนานแล้ว" โอซังกุงตกใจมาก
"เพราะมีส่วนร่วม ในสมัยก่อน ที่ องค์ชายโนซานคิดก่อกบฎ สุดท้ายก็เลยถูกสังหาร"
โอซังกุงร้องไห้ออกมา "เป็นไรหรือเปล่าน่ะ"
"ฮือ ฮือ แล้วเพราะอะไร ฮือ ท่านถึงปิดบังข้า ตลอด 20 ปีที่ผ่าน ไม่เคยบอกให้รู้เลย ฮือ ทำไมต้องปิดบังนานขนาดนี้ด้วยคะ ฮือ"
"ทุกครั้งที่ เห็นเจ้าเฝ้ารอ อยากให้สามีกับลูกกลับมาหาเร็วๆ ข้าก็ไม่อยากทำให้หมดความหวังในเรื่องนี้ ข้าทนไม่ได้ที่จะเห็นเจ้าเสียใจ เมื่อรู้ว่าสามีเป็นนักโทษกบฎ แล้วถูกสังหาร สุดท้ายก็ร้องไห้อย่างหนัก หมดอาลัยตายอยาก ข้าเคยถึงขนาดคิดว่า ชาตินี้ จะไม่มีวันบอกเจ้าด้วยซ้ำ อภัยให้ข้าเถอะนะ"
"ฮือๆๆ ฮือๆๆ ฮือๆๆ ข้าแทบไม่รู้แล้วว่าอยู่ต่อไปจะมีความหมายอะไรอีก"
"ชั่วดียังไงก็ยังมีลูกอีกคน ขอให้เข้มแข็งหน่อยเถอะนะ"
"ท่านคิดว่า จนป่านนี้ลูกข้ายังมีชีวิตอยู่หรือคะ"
"ข้าเชื่อว่าต้องยังอยู่แน่นอน ข้าให้สัญญากับเจ้า ไม่ว่าลำบากยังไงก็ช่าง ข้า จะช่วยเจ้าตามหาลูก ยังไงก็จะหาให้พบ"
ทันใดนั้นภรรยาของโชชิคยอมกลับมาเห็นก็ต่อว่าโอซังกุงอย่างแรง โชชิคยอมบอกให้โอซังกุงกลับไปก่อน เขาจะอธิบายให้ภรรยาของเขาเข้าใจเอง
โชชิคยอมพยายามอธิบายให้ภรรยาฟัง แต่ภรรยาของเขาบอกว่าจะเอาภาพที่เห็นในวันนี้เก็บใส่ใจไว้ไม่มีวันลืม
000000000000000
ซังกุงสูงสุดทูลพระมเหสียุนโซฮวาว่าบรรดาซังกุงไม่ต้องการให้มีการปฏิรูปใหม่เช่นเดียวกันกับ
กรมมหาดเล็ก เมื่อพระมเหสียุนโซฮวาได้ยินเช่นนั้นก็ตำหนิซังกุงสูงสุดและบรรดาซังกุงเป็นการใหญ่
ซังกุงสูงสุดและบรรดาซังกุงที่ถูกพระมเหสียุนโซฮวาตำหนินั้น ต่างพากันเคียดแค้นพระมเหสียุนโซฮวายิ่งนัก
ขณะเดียวกันสนมออมกลับเอาใจเหล่าซังกุง ทำให้เป็นที่ชื่นชมของเหล่าซังกุงอย่างมาก
พระเจ้าซองจงตรัสถามคิมชูซอนว่า
"ชูซอน เจ้าคิดว่าพอถึงปลายเดือนนี้ จะสามารถช่วยท่านเจ้ากรมให้พ้นมลทินได้หรือเปล่า"
"หัวหน้ามหาดเล็กทั้งหลายได้สัญญากับหม่อมฉันแล้วว่า ก่อนถึงปลายเดือนนี้ จะส่งข้อมูลยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านเจ้ากรมมาให้ฝ่าบาททรงทอดพระเนตร และพิจารณาพ่ะย่ะค่ะ"
"เฮ่อ ข้าเคยออกคำสั่งในฐานะพระราชา ถ้าถอนคำสั่งคืนง่ายๆ เหล่าขุนนางก็จะเห็นข้าเป็นตัวตลกทันที ไม่ว่ายังไงข้าก็ถอนคำสั่งคืนไม่ได้ ถ้าเรื่องนี้ลากยาวไปถึงปลายเดือนจริง ท่านเจ้ากรมก็ต้องจัดการปลิดชีพตัวเอง ส่วนเจ้าก็จะมีความผิดตาม"
"ฝ่าบาท ขอให้ทรงเชื่อหม่อมฉัน หม่อมฉันจะปฏิรูปกรมมหาดเล็กใหม่ จากนั้นก็ช่วยฝ่าบาทปฏิรูปราชสำนัก ไม่ให้ขุนนางมาวางอำนาจอีก"
พระมเหสียุนโซฮวารับสั่งให้โบดึ๊กนำจดหมายไปมอบให้คิมชูซอน โบดึ๊กจึงบอกเรื่องที่เหล่าซังกุงต่างไม่พอใจการปฏิรูปของเขาให้ฟังด้วย
ใจความในจดหมายที่พระมเหสียุนโซฮวามีถึงคิมชูซอนมีว่า
"ชูซอน ได้ยินว่าเจ้ากำลังมุ่งมั่นกับการปฏิรูป แต่เสมือนต่อสู้เพียงลำพัง ข้ารู้สึกทั้งเลื่อมใสแต่ก็เป็นห่วง เพราะฝ่ายตรงข้ามมีอิทธิพลมากกว่า จึงอยากจะขอเตือนด้วยความหวังดี อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นนัก ถือว่าเห็นแก่ข้า ไม่ว่ายังไง เจ้าก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน"
ยางซองยุนมาเห็นก็ทักเสียงดังจนคิมชูซอนตกใจ "โอย ฮือ โอ๊ะ ตกใจที่เห็นข้าเข้ามาหรือไง หึๆ กำลังอ่านจดหมายของคนรักล่ะสิ ถึงได้หน้าซีดนัก"
"เอ่อ ไม่ใช่หรอกครับ ใต้เท้าดื่มจนเมาอีกแล้วหรือ"
"เฮอะ ใช่ ข้าเมาจริงๆ แต่พูดก็เถอะ ข้าว่าเจ้าไม่มีทางปฏิรูป เอาชนะพวกนั้นได้สำเร็จหรอก หึ"
"ใต้เท้า หมายความว่าไงหรือครับ"
"พวกเจ้า ปล่อยโอกาสให้หลุดมือไป ภาษิตว่า ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เพราะเจ้ามัวแต่ชักช้าร่ำไร พวกมันเลยมีช่องทางโต้กลับ ไม่ให้เจ้าเป็นฝ่ายได้เปรียบอีก หึ แต่ถึงเป็นอย่างงั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกซักนิด เฮ่อๆ ชีวิตคนเรานี้หนอ มันก็คือความฝันนี่เอง หึ" ยางซองยุนนอนกรนไปทันที
คิมชูซอนกับพรรคพวกนำข้าวของสิ่งของไปให้ผู้ช่วยแช ผู้ช่วยแชถามว่าเขาไปเอามาจากไหน คิมชูซอนตอบว่า
"เห็นว่าพอหลังจากมหาดเล็กมาตรวจสอบ ความเป็นอยู่ที่นี่ก็ยิ่งลำบากมากขึ้น พวกเราเลยรวบรวมเงินที่มีอยู่ ซื้อของที่จำเป็นมาให้ก่อนน่ะครับ"
ผู้ช่วยแชซาบซึ้งใจ "โถ ฮือ ไม่เสียทีที่นายหญิงรักพวกเจ้านัก ขอบใจมากนะชูซอน ฮือ ข้า ข้าซึ้งจนไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว ฮือๆๆ"
"อย่าร้องไห้สิครับ เด็กๆ เห็นกันเยอะ ไม่อายเขาบ้างหรือ"
"ฮือ เด็กๆ ทุกคนที่มาอยู่นี่ อย่าลืมว่าเราเป็นพี่น้องไม่ใช่อื่นไกล ต่อไป ต้องหัดมีน้ำใจเหมือนรุ่นพี่เหล่านี้เข้าใจหรือเปล่า"
เด็กๆ รับคำพร้อมกัน "ครับ"
"ฮือๆๆ ชูซอน ขอบใจมากนะ ฮือๆๆ"
คิมชูซอนเข้าหาวอฮา "ท่านแม่"
"กรมมหาดเล็กแตกแยกเป็นหลายฝ่าย ทำไมเจ้าต้องเป็นผู้นำพวกเขาด้วยล่ะ" วอฮาเป็นห่วง
"ข้าแค่ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น เชื่อว่าต้องประสบผลสำเร็จ ท่านแม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ"
โตชิเข้ามา "ชอนตงมาแล้วหรือ"
"อ้อ ท่านอา ดีขึ้นแล้วหรือครับ" คิมชูซอนทัก
"อึม หึ ใช่ ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก อย่าห่วงเลย"
"แล้วทำไมไปทำวู่วามขนาดนั้นล่ะครับ"
"มันทนไม่ไหวน่ะสิ ปล่อยให้พวกมันมาหยามหน้าอยู่ได้"
"บาดแผลยังไม่หายดี ทำไมออกมาข้างนอกอีกล่ะ" วอฮาดุเล็กๆ
"อยู่ในบ้านมันน่าเบื่อ ออกมาตากลมหน่อยไม่ได้หรือไง"
"ถ้าแผลโดนความเย็น จะยิ่งอักเสบ อย่าดื้อได้ไหม บอกให้เข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"เจ้านี่ มาสั่งโน่นสั่งนี่ ทำยังกะเป็นเมียข้าไปได้นี่"
วอฮาตกใจ "หา อะไรนะ"
"เอาเถอะๆ ข้าเข้าไปก็ได้" โตชิกระแอม
คิมชูซอนขำ โตชิหันมา "มีอะไรน่าขำนัก เฮ่ย"
"หึๆๆ ข้ายังเคยนึกว่า ท่านอาเป็นประเภทไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่พออยู่ต่อหน้าแม่ข้า หงอยังกะหนูกลัวแมว แล้วจะไม่ให้หัวเราะได้ยังไง หึๆๆ"
"ข้าจะบอกให้นะ แม่เจ้าน่ะ ดุยิ่งกว่าเสือซะอีก"
วอฮานำยามาให้โตชิ และบังคับให้กิน คิมชูซอนมองทั้งสองอย่างสุขใจ
พวกเด็กๆ พากันซักถามคิมชูซอนกับเพื่อนๆ ด้วยความอยากรู้ว่า
"ถ้าอีกหน่อยเข้าวัง เราจะได้เห็นพระราชาจริงหรือครับ"
"ใช่ เพราะหน้าที่ของมหาดเล็กก็คือถวายการรับใช้พระราชาและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย"
"เห็นว่าถ้าเป็นมหาดเล็กแล้ว เราจะได้กินดีอยู่ดีมีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ จริงหรือเปล่าครับ"
แคนัมตอบบ้าง "หึ จริงซี่ และไม่เพียงเครื่องเสวยของฝ่าบาท แม้แต่ฉลองพระองค์และการบรรทม ดูแลทำความสะอาดพระตำหนักทุกซอกทุกมุม ก็เป็นหน้าที่พวกเราทั้งนั้น"
เกยนัมเสริมว่า "ที่สำคัญ ยังต้องถ่ายทอดพระบัญชาของฝ่าบาท รวมถึงราชกิจใหญ่น้อยอีกมากมาย"
"และต้องรู้พระทัยฝ่าบาทว่าทรงโปรดอะไรบ้าง บางครั้งก็เป็นเพื่อนคุยกับพระองค์ เราจะเป็นทั้งข้าราชบริพารและเพื่อนสนิทของพระราชา"
คิมชูซอนกล่าวต่อว่า "แต่คนที่อยู่ข้างนอก มักจะมองมหาดเล็กในแง่ร้าย หาว่าเราครอบงำราชสำนัก ทั้งที่จริงแล้ว เรามีหน้าที่ถวายอารักขาฝ่าบาทและเชื้อพระวงศ์ ซึ่งเป็นงานที่สำคัญมาก พวกเจ้าจึงต้องภูมิใจ และทำงานให้สมกับที่ได้รับการมอบหมาย ต้องตั้งใจเรียนรู้ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ขอเพียงทุกคนมีความจงรักภักดี อนาคต ก็จะเป็นมหาดเล็กที่ดีได้"
"เราจะไม่ลืมครับ"
ทางด้านใต้เท้าซังตังและเหล่าขุนนางเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจง
"ฝ่าบาท พวกเรามีความเห็นชอบให้ถอดถอน เจ้ากรมมหาดเล็กคิมชูซอน ซึ่งก่อความวุ่นวาย ไม่ทราบทรงเห็นด้วยมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าเคยบอกแล้วว่าปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง ทำไมขุนนาง ยังจะไปก้าวก่ายเรื่องของกรมมหาดเล็กอีก" พระเจ้าซองจงทรงดุ
ใต้เท้ายุนโฮกล่าวว่า "ที่จริงก็ไม่ใช่ความประสงค์ของเรา แต่เป็นความคิดของขุนนางจากสามกรมใหญ่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"ใครเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้อีก" พระเจ้าซองจงตรัสถาม
ใต้เท้าซังตังทูลว่า "เชษฐาของพระมเหสี ยุนคีฮอมพ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้าซองจงทรงตกพระทัย "อะไรนะ"
คีฮอมกราบทูลว่า "ฝ่าบาท ข้าราชบริพารที่ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ทั่วไป กลับเหิมเกริม ทำให้ราชสำนักเกิดความโกลาหล เห็นทีจะนิ่งเฉยไม่ได้อีกพ่ะย่ะค่ะ ทุกวันนี้ หลายคนก็ตำหนิพวกเขานัก หม่อมฉันจึงอยากให้กรมอาญา จับตัวคนที่เป็นหัวโจกนำขบวน มาลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ที่สำคัญ คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง คือเจ้ากรมมหาดเล็กโชชิคยอม ก็ควรลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบด้วย ขอทรงพิจารณาเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
พอออกมาใต้เท้าซังตังก็เอ่ยชื่นชมคีฮอม หลังจากที่หลอกใช้เขา
"เฮ่อๆๆ ถ้าคำพูดของเจ้า สามารถแก้ปัญหาเรื่องกรมมหาดเล็กได้ เราจะไม่ลืมความดีของเจ้าเลย"
"อ้อ ข้าเป็นเพียงขุนนางเล็กๆ สามารถช่วยท่านทำงานบ้าง แค่นี้ก็พอใจแล้วล่ะครับ"
"ยังหนุ่มยังแน่น รู้จักถ่อมตัวก็ดีแล้ว"
"ใต้เท้าทั้งสองให้เกียรติข้า ต้องขอบคุณมากเลยครับ"
ใต้เท้าซังตังหัวเราะชอบใจที่คีฮอมไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกหลอกใช้
ด้านพระมเหสียุนโซฮวารู้เรื่องก็แทบหมดแรง และในเวลาต่อมาก็มีฎีกาจากสามกรมใหญ่ ทูลขอให้ลงอาญาเจ้ากรมมหาดเล็ก พระเจ้าซองจงทรงหงุดหงิดมาก
พวกเพื่อนๆ ของคิมชูซอนมาบอกเล่ากับเขา เกยนัมบอกว่า
"ทุกวันนี้ในวัง มีแต่พูดเรื่องเจ้ากรมมหาดเล็ก บ้างก็ขอให้ลงโทษ บ้างก็ขอให้ปลดจากตำแหน่ง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง"
จาจีถามขึ้นว่า "ชูซอน แล้วเราจะทำไงดี จะรอคำตอบจากพวกหัวหน้า แล้วปล่อยให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้น่ะหรือ"
"ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ฝ่าบาททรงกำหนด รอดูไปอีกหน่อยเถอะ"
"ได้ข่าวว่าชองฮันซูไปติดต่อมหาดเล็กที่เข้ากับพวกเรา ใช้เงินและการเลื่อนตำแหน่งเป็นเหยื่อล่อ ทำให้พวกเขาเปลี่ยนความตั้งใจ" มูนโซอุนว่า
แคนัมไม่พอใจ "อะไรนะ หึ ฮันซูกล้าทำเรื่องต่ำช้าขนาดนี้เชียวหรือ"
"คืนนี้เราจะเปิดประชุมอีกครั้ง บอกให้ตัวแทนจากทุกแผนกมาร่วมรับฟังด้วย เรื่องการปฏิรูปกรมมหาดเล็ก เห็นทีต้องรีบจัดการซะแล้ว" คิมชูซอนบอกเพื่อนๆ
0000000000000
พระอัยยิกาจองฮีทรงตรัสกับพระพันปียินซูและพระเจ้าซองจงว่า
"ดูเหมือนว่าเรื่องกรมมหาดเล็ก นับวันจะยิ่งบานปลายใหญ่โต จนมีผลต่อการว่าราชการของเจ้า ให้เริ่มมีอุปสรรคหรือเปล่า"
"เสด็จย่ารับสั่งถูกแล้วนะฝ่าบาท แม่ว่ารีบสั่งปลดเจ้ากรมมหาดเล็ก เพื่อยุติความวุ่นวายที่เกิดขึ้นดีกว่า ไม่งั้นถ้าเรื่องบานปลาย แผนกอื่นก็จะเอาอย่างตามแล้วเราก็ยิ่งปวดหัว หึ ปล่อยให้มีคนมาก่อกวนแบบนี้ คนจะสงสัยถึงความชอบธรรมในการครองราชย์ของเจ้า อีกหน่อยก็จะเสื่อมเสียอีก"
"ย่าก็เห็นด้วยกับความคิดของแม่เจ้า จริงอยู่ ย่าก็เชื่อว่าเจ้ากรมมหาดเล็กเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อ การครองราชย์ของเจ้า ก็จะเป็นที่ครหานินทา"
"ฝ่าบาท ขอให้รีบตัดสินใจเถอะนะ"
"เฮ่ย ขอเวลาให้หม่อมฉัน ไตร่ตรองอีกหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
เวลาเดียวกันชองฮันซูก็ประชุมกับเหล่ามหาดเล็ก
"หลังจากขุนนางถวายฎีกาให้ลงโทษคนที่ก่อความวุ่นวายแล้ว ราชสำนักก็ไม่นิ่งเฉย กดดันฝ่าบาทอีกทางหนึ่ง ทำให้ฝ่าบาทไม่มีข้ออ้างที่จะปกป้องเจ้ากรมมหาดเล็กได้อีก รวมถึงพวกที่ก่อการประท้วงด้วย"
"ถ้าอย่างงั้น ที่จะให้เรารับผิด และมอบทรัพย์สินคืนให้หลวง จะถือว่าแล้วไปใช่ไหม"
ชองฮันซูถามว่า "ท่านหวังจะให้เรื่องเงียบ ไม่มีใครขุดคุ้ยต่ออีกหรือเปล่า"
"แน่นอน เราต้องการอย่างงั้นอยู่แล้ว"
"หัวหน้าชอง ท่านก็ไม่คิดทำตามข้อเสนอของพวกเขามาแต่แรกแล้วนี่ ใช่ไหม"
"ถ้าคราวนี้ยอมรับปากง่ายๆ ละก้อ วันหน้าวันหลัง พวกเขาจะเรียกร้องมากกว่านี้อีก"
"แต่ถ้าไม่รับปาก ท่านคิดว่า พวกเขาจะยอมอ่อนข้อง่ายๆ หรือ"
"ทุกอย่างเป็นหน้าที่ข้าเอง ท่านทั้งหลาย แค่รอดูสถานการณ์ก็พอ"
"หึๆๆ อึ้ม งั้นพวกเรา ก็ขอรบกวนเจ้าหน่อยนะ เฮ่อๆๆ หึๆๆ"
ชายคนหนึ่งเข้ามาตามคิมชูซอนไปพบชองฮันซู
"ชูซอน รู้ตัวมั้ยว่าเจ้ากำลังเดินเข้าสู่ถ้ำเสือน่ะ" ชองฮันซูกล่าว
"หัวหน้าชอง ทำไมเรื่องที่รับปากแต่แรก จู่ๆ คิดจะเปลี่ยนใจอีกแล้ว"
"มีเวลาอีกพักใหญ่กว่าจะถึงปลายเดือน ทำไมต้องรีบร้อนให้ข้ารับปากอะไรอีก"
"หากไม่ยอมรับปากเงื่อนไขที่เราเสนอ ถ้าเกิดเรื่องคราวหน้า เราจะไม่รับประกันความรุนแรงที่จะตามมา"
"ฮ่าๆๆ ชูซอน ไม่นึกว่าเจ้าก็ขู่คนเป็นด้วยหรือนี่ สมแล้วที่เป็นลูกบุญธรรมของเจ้ากรมมหาดเล็ก ไม่ต้องห่วงไปหรอก พอถึงพรุ่งนี้ ข้าจะให้คำตอบเจ้าเอง"
คิมชูซอนมาหาโชชิคยอมแต่ลังเลที่จะเข้าไปพบ จนโชชิคยอมเรียกเขา
"ไหนๆ มาแล้ว ก็เดินขึ้นมาเถอะ"
"เสียงขลุ่ยของท่านพ่อฟังแล้วโหยหวน เหมือนใจจะขาดซะให้ได้"
"เรื่องเก็บกดในใจ ยิ่งมีมากเท่าไหร่ การระบาย ก็ยิ่งหนักหน่วงมากขึ้น ทุกวันนี้เรื่องในกรมก็ยุ่งพอแล้ว ทำไมยังมีเวลามาพบข้าอีกล่ะ"
"ได้ข่าวว่าท่านพ่อ ไม่ได้เข้าวังไปทำงานหลายวัน ข้ารู้สึกเป็นห่วงเลยมาดูน่ะครับ"
"คิดว่าตราบใดที่เรื่องในกรมยังไม่สงบ ข้าจะอยู่ข้างนอก ไม่กลับไปเป็นภาระให้ใคร"
"แต่ข้าตัวคนเดียว จะแบกรับภาระอันใหญ่หลวง แทนท่านพ่อได้ยังไงครับ"
"เมื่อข้ามอบภารกิจให้เจ้าแล้ว นับแต่นี้ไม่ว่าดีหรือชั่ว ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับเจ้าคนเดียว ชูซอน ถ้าต้องเลือกระหว่างความเป็นและความตาย เจ้าจะเลือกทางไหน อยู่อย่างอัปยศอดสู เสียใจทั้งชาติ หรือว่าขอตายดีกว่าทำเรื่องเสียใจ"
"ถ้าหากว่า วันหนึ่งข้าต้องเจอเรื่องแบบนี้จริงๆ คงไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน"
"ข้าเคยมีเพื่อนคนหนึ่งที่เลือกแล้ว ระหว่างความเป็นและความตาย เขาถือเอาคุณธรรมมาก่อน ยินดีที่จะพลีชีพ ในขณะที่ข้าอยู่ต่อในฐานะที่เป็นพ่อ ข้าย่อมหวังให้เจ้าอยู่ต่อไป แต่ก็ไม่อยากให้ อยู่ด้วยความเสียใจเหมือนข้าทุกวันนี้"
คิมชูซอนกลับเข้าวัง โบดึ๊กก็รีบเข้ามาหาบอกว่าพระมเหสียุนโซฮวารับสั่งให้เข้าเฝ้า
"ชูซอน เพราะเรื่องในกรมมหาดเล็ก ทำให้มีฎีกาถวายขึ้นไปมากมาย แม้แต่ฝ่าบาทก็ทรงเครียด ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไงดี"
"หม่อมฉันก็ได้ยินเหมือนกัน แต่คิดว่าผ่านอีกวันสองวัน เรื่องน่าจะสงบลงได้ พระมเหสีไม่ต้องทรงเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ จดหมายของข้า เจ้าได้อ่านแล้วใช่ไหม"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"ชูซอน ถ้าอีกหน่อยเจ้ามีอันเป็นไปละก้อ ข้าคงรู้สึกเสียใจกับชะตากรรมของเจ้า สมัยก่อนตอนอยู่ข้างนอก เจ้าเป็นห่วงความทุกข์ร้อนของข้าอยู่ตลอดเวลา คงน่าจะเหมือนกับ ความรู้สึกข้าตอนนี้ที่มีต่อเจ้า ชูซอน ข้าอยากบอกให้เจ้ารู้ เพื่อจะได้เข้าใจข้า"
ระหว่างที่พวกจาจีรอคิมชูซอนมาประชุม มหาดเล็กคนหนึ่งก็ถามพวกจาจีว่า
"ได้ข่าวว่าคิมชูซอน ยอมไกล่เกลี่ยกับบรรดาหัวหน้าทั้งหลายเพราะรับเงินมาเยอะ เป็นความจริงหรือเปล่า"
จาจีตกใจ "อะไรนะ"
มหาดเล็กอีกคนกล่าวต่อว่า "แถมยังจะได้เลื่อนตำแหน่งอีก"
พวกมหาดเล็กรีบถาม "จริงหรือ ไม่น่าเป็นไปได้ เขาคงไม่ใช่คนอย่างงั้นหรอก นั่นสิ ข้าก็ไม่เชื่อ"
"ไม่ว่าใครจะปล่อยข่าวลือแบบนี้ก็ช่าง ถือเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น" จาจีกล่าว
มูนโซอุนยืนยันว่า "ใช่ ชูซอนไม่ใช่คนอย่างงั้นแน่นอน"
เกยนัมเสริมว่า "ต้องมีใครจงใจยุยงให้เราแตกแยก ถึงได้ปล่อยข่าวแบบนี้"
"ใช่ พวกเราอย่าหูเบาหลงเชื่อคนถ่อยนะ"
แต่พวกมหาดเล็กไม่ค่อยจะเชื่อฟังแล้ว และพากันกลับเพราะคิมชูซอนยังไม่มาสักที พวกจาจีจะเรียกยั้งไว้ แต่ทันใดนั้นก็ถูกพวกมหาดเล็กตรวจการณ์จับตัวไว้ มูนโซอุนรีบบอกให้กิดตงเด็กมหาดเล็กคนหนึ่งรีบไปบอกคิมชูซอน
กิดตงมาเจอคิมชูซอน แต่พวกมหาดเล็กตรวจการณ์ตามมาเจอ
"คนนี้แหละคิมชูซอน จับตัวไว้"
"กิดตง หนีไปเร็ว" คิมชูซอนร้องบอก
"ข้าไม่หนี ข้าไม่ทิ้งท่านไว้คนเดียว"
"บอกให้ไปเดี๋ยวนี้ หึ"
คิมชูซอนสู้แต่สู้ไม่ได้ เขาได้รับบาดเจ็บ กิดตงร้องไม่ให้พวกมหาดเล็กทำร้ายคิมชูซอน
"อย่าทำเขานะ"
"กิดตง ฮือ กิดตง ฮือๆ กิดตง ฮือๆๆ"
กิดตงปกป้องคิมชูซอนจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
"กิดตง ชีวิตเจ้ายังไม่ทันได้เริ่มต้นทำอะไรเลย ก็ต้องจบลงแล้ว ฮือ ข้าขอสาบานต่อฟ้า จะไม่ให้เจ้าตายเปล่า ฮือ ไม่ให้เจ้า เสียสละอย่างไร้ค่าแน่นอน ฮือฮือ"
เวลาเดียวกันนี้ชองฮันซูก็อยู่กับใต้เท้าโน
"ใกล้จะครบกำหนดที่ฝ่าบาททรงขีดเส้นให้แล้ว เจ้า คิดว่าจะจัดการพวกที่ลบหลู่การประชุมของเรายังไงดี" ใต้เท้าโนถาม
ชองฮันซูตอบว่า "ข้าจะใช้เงินและตำแหน่งหลอกล่อ ทำให้พวกหัวโจกแตกความคิด แค่นี้พวกมันก็ไม่ลงรอยเกิดความบาดหมางขึ้นมาแล้ว"
"แล้วความเคลื่อนไหวของชิคยอมล่ะ"
"ไม่ไปทำงานที่กรมหลายวัน เห็นว่าไม่ยอมออกจากบ้านด้วยซ้ำ"
"อึม ขอเพียงชิคยอมไม่ออกหน้า แค่เด็กเหลือขอคนนั้น คงไม่ยากที่จะกำราบให้มันเลิกแผลงฤทธิ์ซะ แต่การที่ชิคยอมเก็บตัวเงียบ เราก็ต้องระวังเขาเหมือนกันรู้มั้ย"
"ทราบแล้วครับท่านพ่อ"
กาลต่อมา ชองฮันซูบอกกับเหล่ามหาดเล็กว่า
"กำหนดเวลาที่ฝ่าบาททรงมอบให้ไต้เท้าโช คือวันนี้เท่านั้น หลังจากผ่านวันนี้ไปแล้ว โชชิคยอมต้องฆ่าตัวตาย ส่วนคิมชูซอนก็จะถูกลงโทษ อีกหน่อยก็เป็นทีของเราบ้างล่ะ"
"แต่ว่า หลายวันนี้รู้สึกเงียบผิดปกติหรือเปล่า ทำไมไม่มีอะไรเลย"
"การที่พวกเขาอยู่เงียบๆ เพราะรู้ว่าถึงสู้ไปก็แพ้ เลยหมดแรงที่จะต่อต้านอีก หึๆๆ"
"แต่ว่า ถ้าไม่มีความเคลื่อนไหวเลย ข้ากลับเป็นห่วงมากกว่านะนี่"
"อย่าคิดมากเลยน่า ไม่มีอะไรหรอก" ชองฮันซูว่า
ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาบอกว่า "เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ พวกมหาดเล็กที่แข็งข้อ หามศพมาที่กรมของเรา"
"อะไรนะ หามศพหรือ"

จบเรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 28

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 29

คิมชูซอนกล่าวแทนทุกคนว่า "เราจะเอาศพเข้าไปข้างใน หลีกทางเดี๋ยวนี้"
ชองฮันซูไม่พอใจมาก "บังอาจเอาศพมาถึงกรมมหาดเล็ก พวกเจ้าเสียสติแล้วหรือไง”
"ชองฮันซู เจ้าทำเพื่อตำแหน่งลาภยศ แม้แต่เด็กบริสุทธิ์ยังฆ่าได้ลงคอ ช่างเป็นความผิดที่น่าประณามที่สุด แม้แต่สวรรค์ ก็จะไม่มีวันยกโทษให้เจ้า หัวหน้าทุกคนถ้ายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ขอให้ช่วยกันส่งวิญญาณเด็กคนนี้ ไปสู่สุขคติเพื่อเป็นการล้างบาป หลีกทางให้เราเดี๋ยวนี้"
มหาดเล็กชางอึกอัก "เอ่อ หึ จะให้ทำไงต่อดีครับ"
"ถ้าทำตามที่พวกเขาเรียกร้อง ก็แสดงว่าฝ่ายเราทำผิดจริง" ชองฮันซูว่า
มหาดเล็กชางหันไปบอกพวกคิมชูซอน "อึม เด็กคนนี้ยังไม่ใช่มหาดเล็กเต็มตัว จึงไม่มีสิทธิ์มาจัดงานศพที่นี่"
"ความรู้สึกของพวกเจ้า เราก็เข้าใจดี แต่จะให้เด็กฝึกงานคนหนึ่งมาจัดงานศพที่นี่ เท่ากับผิดธรรมเนียมที่เคยมีมาก่อน"
"ถ้ายังพูดไม่ฟัง จะแข็งข้อมาจัดงานให้ได้ เราจะลงโทษพวกเจ้าด้วย รีบไสหัวกลับไปได้แล้ว"
คิมชูซอนเถียงทันที "เด็กคนหนึ่งตายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เขาถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แทนที่พวกท่านจะสำนึกบ้าง เห็นใจในชะตากรรมของเด็กที่น่าสงสาร กลับห่วงแต่ปกปิดความผิดของตัวเอง แถมยังอ้างกฎที่ไร้สาระบังหน้าอีก"
ชองฮันซูโต้กลับ "เจ้าเองก็ต้องการบรรลุเป้าหมาย เลยยุยงพวกมหาดเล็กฝึกงานมาแข็งข้อต่อผู้บังคับบัญชา สุดท้ายก็ตายเพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ แล้วจะมาโทษว่าเป็นความผิดของเราได้ไง ไม่มีเหตุผลเลย ถ้าไม่อยากให้มีคนตายมากกว่านี้ ก็รีบออกไปซะเร็วๆ"
"ไม่ว่าใครก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้เราล่าถอยได้ ถ้าวันนี้ไม่ได้เอาศพไปทำพิธีข้างใน เราจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น ทุกคนเอาศพเข้าไปข้างในเดี๋ยวนี้"
ทุกคนเคลื่อนตามคิมชูซอน พวกมหาดเล็กพากันเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก
ยางซองยุนเดินร้องเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับการเกิดการตายเข้ามา
"ใต้เท้ายาง ทำไมมาถึงนี่ล่ะครับ" มหาดเล็กชางถาม
"พวกเจ้าแต่ละคน ชิงดีชิงเด่นทั้งที่เป็นแค่มหาดเล็ก ฝ่ายหนึ่งเรียกร้องให้ ปฎิรูป อีกฝ่ายก็หาว่าแข็งข้อ ไม่สงสารวิญญาณของเด็กที่ยังล่องลอยอยู่ ข้าเลยมาทำพิธีให้เขาซะ"
ชองฮันซูไม่พอใจ "ท่านถอยไปดีกว่า ไม่งั้นเราจะพลั้งมือทำร้ายท่านด้วย"
ยางซองยุนเสียงดังขึ้น "หุบปากเดี๋ยวนี้ พวกเรา เกิดมาไม่เกี่ยงฐานะชาติกำเนิด แต่เพราะสวรรค์ลิขิตทำให้ได้มาทำงานในที่เดียวกัน แล้วทำไมพวกเจ้า ยังต้องมาเข่นฆ่าห่ำหั่นกันเองอีก ถ้าไง รอให้ข้าส่งวิญญาณเด็กไปสู่สุขคติก่อน เพื่อไม่ให้มีเวรมีกรรมต่อกัน แล้วต่อไปจะไม่ยุ่งเรื่องของพวกเจ้าอีก จะตีรันฟันแทงก็ดี จะรบราฆ่าฟันก็ช่าง ไม่ว่าจะทำอะไรดีชั่วก็แล้วแต่พวกเจ้า แต่ตอนนี้ถอยไปก่อน"
โชชิคยอมรู้เรื่องก็สั่งให้ลูกน้องคอยดูแลความปลอดภัยให้กับพวกคิมชูซอน
ด้านใต้เท้าโนก็สั่งให้เด็กไปบอกชองฮันซูว่า ใครเป็นต้นคิดให้ลากไปตัดหัวแล้วเผาศพเด็กเสีย
หลังจากที่ยางซองยุนทำพิธีเสร็จก็จากไป คิมชูซอนก็ขอร้องต่อทันที
"พวกเราทุกคน เคยสาบานไว้ว่าจะไม่ให้การตายของกิดตงต้องสูญเสียอย่างไร้ค่า จึงขอให้หัวหน้าทุกคน ทำตามสัญญาที่ว่าไว้ ยอมรับการทุจริตที่เคยก่อในอดีต และเอาของที่ฉ้อโกงคืนให้ทางการซะ"
"ขอให้หัวหน้าทุกคน ยอมรับการทุจริตที่เคยก่อไว้ในอดีต"
"และให้ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านเจ้ากรม โดยการถวายรายงานเป็นหลักฐาน"
"ให้ยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านเจ้ากรมด้วย"
"และให้ปล่อยตัวโทกึมพยอ หัวหน้ามหาดเล็กคุ้มครองเป็นอิสระเดี๋ยวนี้"
"จงปล่อยตัวหัวหน้าโทกึมพยอเดี๋ยวนี้"
เหล่ามหาดเล็กพากันอึกอัก ชองฮันซูก็สั่งลูกน้องทันทีว่า
"จัดการพวกที่แข็งข้อซะ และเอาศพมาด้วย"
พวกลูกน้องชองฮันซูบุก คิมชูซอนร้องบอกให้ทุกคนช่วยกันคุ้มครองศพของกิดตงไว้ เกิดการต่อสู้กัน มหาดเล็กชางไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ ชองฮันซูหันมาบอกว่าเป็นคำสั่งของใต้เท้าโน
คิมชูซอนสู้ไปพร้อมกับพูดว่า "พวกเจ้ายังเป็นคนหรือเปล่า ต่างเป็นมหาดเล็กเหมือนกัน ทำไมถึงได้โหดร้ายทารุณถึงขนาดนี้"
พวกขุนนางต่างพากันกราบทูลพระเจ้าซองจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้ทรงสั่งการเพื่อการปราบปราม แต่พระเจ้าซองจงกลับบอกว่า
"พวกเขาไม่ได้ก่อกวนอะไร แต่เป็นมหาดเล็กชั้นผู้น้อย ที่หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง"
"มหาดเล็กตำหนักใหญ่ ถ่ายทอดคำสั่งไปยังทหารหลวง ทั้งกรมอาญา กองปราบ และองครักษ์ที่ดูแลฝ่ายใน ปัญหาของกรมมหาดเล็ก ถ้าไม่กระทบถึงความเป็นอยู่ของราษฎร ก็ให้แค่ตักเตือนก็พอ ถ้าไม่มีคำสั่งข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา ได้ยินหรือเปล่า"
พวกชองฮันซูสู้กำลังคนที่มากกว่าของคิมชูซอนไม่ไหว ก็สั่งให้คุ้มครองหัวหน้าฝ่ายถอย และให้ปิดประตูใหญ่ มหาดเล็กชางบ่นกับเพื่อนๆ อย่างเป็นกังวลมาก
"เฮ่ย เฮ่อ แย่จริงๆ ถ้าฝ่าบาททรงทราบว่าเกิดเรื่องที่นี่ น่าจะส่งทหารมาปราบพวกกำแหงนานแล้ว ทำไมจนป่านนี้ยังเงียบอยู่ล่ะนี่"
"รออีกหน่อยเถอะน่า ข้าเชื่อว่าฝ่าบาท ยังไงก็ต้องส่งทหารมาช่วยเราแน่"
"ใช่ ฝ่าบาทไม่ปล่อยให้เราถูกเล่นงาน โดยไม่ทำอะไรหรอก ใจเย็นไว้ เดี๋ยวก็มาเอง"
ทันใดนั้นมหาดเล็กคังก็เข้ามา มหาดเล็กชางรีบถาม
"มหาดเล็กคัง ฝ่าบาทมีรับสั่งส่งทหารมาปราบจราจล ช่วยพวกเราแล้วใช่ไหม"
"เอ่อ คือว่า ทรงมีพระบัญชา ว่าเรื่องในกรมมหาดเล็ก ปล่อยให้พวกเราจัดการกันเองน่ะครับ"
ทุกคนตกใจ "หา อะไรนะ"
"ตายล่ะ หัวหน้าชอง เห็นหรือเปล่า ทีนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้ว พวกเราถูกลอยแพ แล้วจะทำไงดีล่ะ"
ชองฮันซูเองก็อึ้ง "ข้าก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่เป็นคำสั่งจากมหาดเล็กอาวุโส"
เหล่ามหาดเล็กฟังแล้วก็ไม่พอใจมาก "หนอย นี่แปลว่าท่าน จะปัดสวะให้พ้นตัวหรือยังไง"
"นี่ไม่ใช่เวลาจะมาไล่เบี้ยว่าใครผิดใครถูกหรอกนะ ต้องรีบหาทางแก้ปัญหา เราถึงจะปลอดภัยได้"
"เกิดเรื่องอีกแล้วครับ ประตูใหญ่ของกรมฯ ถูกพวกมันพังเข้ามา"
"หา ว่าไงนะ"
พวกคิมชูซอนเข้ามาได้ คิมชูซอนกล่าวนำต่อว่า
"พวกเรา ทำเพื่อให้คนที่สังหารกิดตง ได้รู้สำนึกและรับกรรมตามที่ก่อไว้ แทนที่จะเสวยสุขต่อไป โดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว ที่แล้วมา เราเชื่อคำพูดของบรรดาหัวหน้าทั้งหลายว่าจะยอมรับการปฏิรูป เปลี่ยนแปลงกรมมหาดเล็กใหม่ แต่แล้วในที่สุด พวกเขาก็หลอกเรา แถมยังทำให้กิดตงตาย อย่างโหดเหี้ยมด้วย เพื่อไม่ให้กิดตงต้องตายอย่างไร้ค่า พวกเราจะร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว ประสานกำลัง ทำให้กรมมหาดเล็กใสสะอาดให้ได้"
"ใช่แล้ว เย้ วู้" ทุกคนดีใจ
"เวลาที่ฝ่าบาททรงกำหนดให้นั้น จะหมดในคืนนี้ เราต้องช่วยท่านเจ้ากรมให้ได้ ยืนยันความบริสุทธิ์ พิสูจน์ข้อกล่าวหาว่าไม่เป็นความจริง และเปิดโปงความชั่วร้ายของเหล่าหัวหน้า ให้ทุกคนได้รู้"
"ใช่แล้ว เปิดโปงมันๆๆๆ"
"เราจะเข้าไปจับหัวหน้าทุกแผนก ให้มารวมตัวที่นี่ เพื่อให้ขอขมา ต่อหน้าศพของกิดตง"
จาจีเสริมว่า "เราจะเข้าไปจับพวกเขา"
"ไปจับมันออกมา"
"เราต้องไปจับพวกหัวหน้าให้หมด"
"จับพวกมันออกมาๆ"
คิมชูซอนกล่าวต่อว่า "และพวกเรา ต้องไปหาจดหมายที่บรรดาผู้เฒ่าลงชื่อไว้ เพื่อป้ายสีความผิดของท่านเจ้ากรมฯ มายืนยันเขาไม่ได้ทำผิด จากนั้นก็ช่วยหัวหน้ากึมพยอออกมา ให้เป็นอิสระ"
"ใช่แล้ว ต้องช่วยคนๆๆๆๆๆ"
ลูกน้องของกึมพยอบุกเข้าไปช่วยเขาออกมา กึมพยอถามว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น
"มหาดเล็กชั้นผู้น้อย เข้ามาในกรมได้หมดแล้ว"
บรรดามหาดเล็กถูกมหาดเล็กชั้นผู้น้อยพวกคิมชูซอนตามจับตัว ก็พากนหนี มหาดเล็กชางกับเพื่อนหนีมาเจอกับยางซองยุนเข้า
"หึๆ ความสามารถในการเอาตัวรอด ไม่มีใครสู้ได้เลยนะ หือ พวกเจ้าสองคน ทำตัวให้มันตาสว่างได้แล้ว ก็เพราะความโลภของพวกเจ้า ถึงมีสภาพอย่างทุกวันนี้ รู้ตัวหรือเปล่า"
"แล้วจะมารื้อฟื้นเรื่องเก่าทำไมอีกเล่า ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมาเลย เฮ่ย"
"ใต้เท้า ช่วยเราหน่อยได้ไหม พอมีทางไหนให้หนีได้บ้าง"
"หึ ลองไปทางประตูทิศเหนือสิ ใต้กำแพงมีช่อง เผื่อให้มุดออกไปได้บ้าง"
ทั้งสองขอบคุณยางซองยุนแล้วก็พากันหนีไป
"ดูซิ จุ๊ๆๆ เฮ่ย นี่น่ะหรือคนเป็นหัวหน้า ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนตัวอะไรไม่รู้ เฮ่อๆๆ"
พวกคิมชูซอนเข้าไปหาหลักฐาน แต่ไม่เจออะไรเลย
"หลักฐานก็ไม่มีซักนิด มีแต่ข้อกล่าวหาเลื่อนลอย พวกผู้เฒ่ากับหัวหน้าก็จะรวมหัวถอดถอนท่านเจ้ากรมออกจากตำแหน่งซะแล้ว"
"ชูซอน แล้วเจ้าคิดทำไงต่อ" มูนโซอุนถาม
"จะให้ทำไงได้ นอกจากเปิดเผยความจริง เพื่อให้กรมมหาดเล็ก ไม่มีความมัวหมองอีก"
"แต่ข้ารู้สึกกลัวมาก"
"เจ้ากลัวหรือ กลัวอะไร"
"ตั้งแต่กิดตงตายไปแล้ว เจ้าแทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคน คนอื่นๆ ก็เหมือนกัน"
"โซอุน เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ขอเพียงเรื่องนี้ยุติลง เราก็จะเป็นเหมือนเมื่อก่อนนี้อีก"
"เฮ่ย ขอให้เป็นอย่างงั้นจริงเถอะ"
คิมชูซอนเจอกึมพยอก็ถามเขาว่า "ท่านเป็นไงบ้างครับ"
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใต้เท้าเป็นคนสั่งพวกเจ้า ให้ทำแบบนี้หรือไง"
"สิ่งที่เราทำ ไม่ได้รับคำสั่งจากใครซักนิด เพียงแต่ทำในสิ่งที่เห็นว่าถูกต้องเท่านั้น แต่ท่านพ่อก็เห็นชอบ ที่เราจะทำแบบนี้เหมือนกัน"
มหาดเล็กชางกับเพื่อนไปหาใต้เท้าโน ใต้เท้าโนเป็นเดือดเป็นแค้นมาก คิดหาทางกำจัดพวกคิมชูซอน ซอยองถามมหาดเล็กชางว่าเห็นชองฮันซูหรือไม่ มหาดเล็กชางบอกว่าตอนหนีวุ่นวายเลยไม่รู้
เวลาเดียวกันนี้ชองฮันซูก็ไปเข้าเฝ้าพระพันปียินซู และกราบทูลว่าคิมชูซอนก่อจราจล
"ก่อจลาจลหรือ" พระพันปียินซูตกพระทัย
"มหาดเล็กชั้นผู้น้อยจู่ๆ ก็หามศพคนตาย เข้าไปในกรมของเรา จากนั้นก็ใช้กำลังบังคับให้ยอมอ่อนข้อพ่ะย่ะค่ะ"
"ตายล่ะ มีอย่างงี้ด้วยหรือ นี่มันอยู่ในเขตวังหลวงแท้ๆ ทำไมยังเกิดเรื่องแบบนี้ได้อีก"
"เหตุการณ์ที่เกิด เพราะโชชิคยอมยึดติดกับตำแหน่ง ไม่ยอมลาออก จึงเสี้ยมสอนลูกน้องให้ก่อความวุ่นวายพ่ะย่ะค่ะ" ชองฮันซูกราบทูลต่อ
"เจ้ากรมมหาดเล็กน่ะหรือ"
"พระพันปี นี่เป็นยามคับขัน ถ้าฝ่าบาทยังไม่มีพระบัญชาให้ระงับความรุนแรงอีก หม่อมฉันเกรงว่าปัญหานี้ จะยิ่งบานปลายจนยากจะสะสางได้พ่ะย่ะค่ะ"
0000000000000000
พระมเหสียุนโซฮวาทูลถามพระเจ้าซองจงว่า
"ฝ่าบาทเพคะ ได้ยินว่ากรมมหาดเล็กเกิดความแตกแยกที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงหรือเพคะ"
"ใช่ เหตุการณ์นี้ ชูซอนเป็นผู้นำขบวนอีกต่างหาก"
"ชูซอนหรือเพคะ"
"ชุงจอน เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกนะ ชูซอนรู้ว่า ข้าต้องการปฏิรูปราชสำนักใหม่ จึงออกหน้าไปแก้ปัญหาในกรมมหาดเล็กก่อน"
"แต่ทำไมฝ่าบาท ทรงเห็นชอบที่จะให้มหาดเล็กผู้น้อยอย่างเขา รับภาระใหญ่หลวงขนาดนี้ แล้วไม่กลัวผิดพลาดหรือเพคะ"
"ถ้าตอนนี้เขาเปลี่ยนแปลงกรมมหาดเล็กไม่ได้ อีกหน่อยข้าก็ไม่อาจ ปฏิรูปราชสำนักได้เหมือนกัน"
"ฝ่าบาท ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะเพคะ"
"ตลอดหลายปีที่ผ่าน ใต้เท้าซังตังมีอิทธิพล กอบโกยทั้งลาภยศเงินทอง มีคนที่สวามิภักดิ์ต่อเขา รวมถึงกำลังทหารก็อยู่ในกำมือหมด เทียบกับเขาแล้ว ข้าเหมือนพระราชาอ่อนหัดที่เพิ่งเริ่มทำงาน แต่ไม่รู้อะไรเลย โดยเฉพาะใต้เท้าซังตัง ถือเป็นขุนนางคู่บัลลังก์ ในสมัยพระเจ้าเซโจ ด้วยซ้ำ ถ้าวันไหนเกิดเขาคิดแปรพักตร์ขึ้นมา จะถอดถอนข้าจากตำแหน่ง คงไม่ใช่เรื่องยากนัก"
"ทำไมฝ่าบาทรับสั่งแบบนี้ล่ะเพคะ เรื่องที่ทรงคิด คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอก"
"ถ้าตอนนี้ชูซอน สามารถใช้ความเป็นมหาดเล็กผู้น้อย ขจัดเรื่องทุจริตในกรมของเขาได้ งั้นข้าก็สามารถจะเอาอย่างได้เหมือนกัน ในการปฏิรูปบ้านเมืองใหม่ ชุงจอน ข้าเชื่อว่าเขาจะทำได้"
พระมเหสียุนโซฮวาฟังแล้วได้แต่ถอนใจ ซังกุงเข้ามาทูลว่าพระอัยยิกามีรับสั่งให้เข้าเฝ้า พระเจ้าซองจงและพระมเหสียุนโซฮวาเสด็จไปเฝ้า พระอัยยิกาจองฮีตรัสว่า
"ฝ่าบาท เรื่องที่เราเป็นห่วง ในที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้ รีบไปสั่งให้องครักษ์วังหลวง ไปกำราบความวุ่นวายในกรมมหาดเล็กได้แล้ว"
"ทูลเสด็จย่า กำหนดเวลาที่หม่อมฉันให้กับใต้เท้าโช จะครบภายในคืนนี้เท่านั้น ทรงรออีกหน่อยได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ"
พระพันปียินซูทรงไม่พอพระทัย "ฝ่าบาท ถ้าเราไม่ทำอะไรซะบ้าง พวกที่ก่อความวุ่นวายจะมาถึงเขตราชฐานชั้นในด้วยซ้ำ ถึงตอนนั้นถ้าจะแก้ปัญหา มันก็สายเกินการณ์แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อฟังเสด็จย่าดีกว่า"
"เสด็จแม่ พวกเขาไม่ได้ก่อความวุ่นวาย เพียงแต่ต้องการปฏิรูปใหม่เท่านั้น"
"ปฏิรูปอะไรกัน เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ถึงขนาดเอาโลงศพเข้าไปในกรมมหาดเล็ก แถมยังจับบรรดาหัวหน้าไปลงโทษตามอำเภอใจอีก แล้วเจ้ายังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ให้ท้ายพวกเขาอยู่อย่างงี้ บอกว่าเป็นการปฏิรูปงั้นหรือ ฝ่าบาท บอกให้รีบสั่งทหารออกมาได้แล้ว จะได้ปราบจราจลซะ ไม่ให้ทุกคนตกใจอีก" พระพันปียินซูรับสั่ง
แต่พระเจ้าซองจงทรงนิ่ง พระมเหสียุนโซฮวาทูลขึ้น
"หม่อมฉัน ขอทูลอะไรบางอย่าง ให้พระพันปีกับพระอัยยิกาทรงรับฟังได้ไหมเพคะ"
"มีอะไรก็พูดมาได้เลย"
"สัญญาระหว่างขุนนางกับพระราชา ถือเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีในทั้งสองฝ่าย ฝ่ายมหาดเล็กเชื่อว่าฝ่าบาทจะทรงยึดมั่นในรับสั่ง จึงกล้าเดินหน้ากวาดล้างการทุจริตให้หมดไป แต่ถ้าจู่ๆ ฝ่าบาทส่งทหารเข้าไป โดยอ้างว่าเพื่อรักษาความสงบ แล้วอีกหน่อยจะมีใคร กล้าถวายชีวิตต่อฝ่าบาท ทำงานให้โดยไม่กลัวตายอีกล่ะเพคะ หม่อมฉันจึงอยากขอวิงวอนพระนางทั้งสอง ให้ทรงเชื่อในความภักดีของพวกเขา รวมทั้งทรงรออีกหน่อยเถอะเพคะ"
พระพันปียินซูรับฟังแล้วไม่พอพระทัยมาก "ชุงจอน แล้วถ้าพวกเขาเกิดฮึกเหิม บุกเข้ามาถึงวังหลวง ถึงขั้นคิดก่อกบฎต่อราชบัลลังก์มิยิ่งแย่หรอกหรือ ทำไมเจ้าถึงเชื่อพวกเขานัก ว่ามีความภักดีต่อฝ่าบาทแน่น่ะ"
"หม่อมฉันไม่ได้เชื่อพวกเขาหรอกเพคะเสด็จแม่ แต่เชื่อในวิจารณญาณของฝ่าบาทมากกว่า จึงอยากให้พระพันปี ทรงเชื่อพระทัยฝ่าบาทเช่นเดียวกัน"
"หม่อมฉัน จะไม่ทำให้เสด็จแม่ รวมถึงเสด็จย่าทรงผิดหวังอย่างแน่นอน" พระเจ้าซองจงตรัสอย่างเชื่อมั่น
"อึม ในเมื่อฝ่าบาทรับรองแข็งขัน ย่าก็จะเชื่อเจ้าซักครั้งละกัน"
พระพันปียินซูเห็นพระอัยยิกาจองฮีไม่ทรงว่าอะไรก็จำใจยอมตาม
"เฮ่อ งั้นก็ได้ แต่ถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้ว ปัญหาในกรมมหาดเล็กยังไม่สามารถคลี่คลายได้ละก้อ ถึงตอนนั้นฝ่าบาทจะต้องลงโทษให้หนัก อย่าปล่อยให้พวกเขากำแหงอีกล่ะ"
"พ่ะยะค่ะเสด็จแม่"
"รวมทั้งชุงจอนก็เหมือนกัน อย่าคิดปัดความรับผิดชอบในเรื่องนี้ออกไปด้วย" พระพันปียินซูตรัส
"หม่อมฉัน จะไม่มีวันปัดความรับผิดแน่เพคะ"
เหล่าขุนนางต่างก็ประชุมกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เหมือนกัน
"ได้ข่าวว่า ความขัดแย้งในกรมมหาดเล็ก ถึงขั้นแตกหักไม่มีการรอมชอม แล้วทำไมฝ่าบาทยังไม่เห็นทำอะไรซักอย่าง ข้าล่ะไม่เข้าใจพระองค์จริงๆ"
ใต้เท้ายุนโฮกล่าวว่า "ถ้าสามารถอ้างการปฏิรูป เปลี่ยนโครงสร้างในกรมมหาดเล็กได้สำเร็จ อีกหน่อยฝ่าบาทก็จะเอาอย่าง ปฏิรูปราชสำนักเหมือนกัน"
ขุนนางตกใจ "อะไรนะ"
ใต้เท้าซังตังเห็นด้วย "ใต้เท้ายุนพูดถูกแล้ว ฝ่าบาทกำลังรอดู ถ้าพวกมหาดเล็กทำงานบรรลุเป้าหมาย อีกหน่อยจะได้กำจัดอิทธิพลของพวกเราด้วย ต่อไปถ้ามหาดเล็กอาวุโสหมดอำนาจ ไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่ง โชชิคยอมก็จะกลับมาอีกครั้ง แล้วฝ่าบาท ก็จะอาศัยกำลังคนๆ นี้ มาเล่นงานพวกเราอีกที"
"พวกเรา จะยอมให้อำนาจบริหาร ไปอยู่ในมือมหาดเล็กไม่ได้เด็ดขาด"
"แน่นอน พวกเรา จะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ยังไงก็ยอมไม่ได้"
กึมพยอรีบกลับมาเข้าพบโชชิคยอม
"ใต้เท้า ข้ากลับมาแล้วครับ"
โชชิคยอดีใจมาก "กึมพยอ"
"ด้วยบารมีของท่าน ข้าจึงได้ปลอดภัยกลับมา"
"ดีมาก กลับมาก็ดีแล้ว"
"ใต้เท้า ทุกวันนี้ในกรมยุ่งเหยิงไปหมด ทำไมท่านไม่ยอมเข้าวังล่ะครับ"
"ข้าได้มอบงานนี้ให้ชูซอนไปจัดการแล้ว เชื่อว่าเขาน่าจะทำได้ดี"
"แต่ว่า ก่อนถึงค่ำคืนนี้ เราต้องยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านน่ะครับ"
"หึๆๆ ถึงเราร้อนใจแค่ไหน ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่มันควรจะเป็นน่ะนะ"
"แค่ท่านสั่งมาคำเดียว ข้าจะไปเล่นงาน พวกที่คิดใส่ร้ายท่าน ให้มันไม่กล้ากำแหงอีก"
"ยังไม่ถึงเวลาหรอก ถ้าเราทำอะไรพวกเขาโดยไม่มีหลักฐาน การปฏิรูปคราวนี้ ก็จะกลายเป็นจราจลที่เกิดจากการแข็งข้อ และผู้ใหญ่ก็จะมาลงโทษพวกเรา แต่มีงานชิ้นหนึ่ง อยากให้เจ้าไปทำ"
คิมชูซอนเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจง ทรงตรัสถามอย่างแปลกใจ
"นี่มันอะไรน่ะ"
"เป็นบันทึกข้อสรุป หลังจากที่ประชุมมหาดเล็ก ให้มีการไต่สวนคดีอดีตพระราชาถูกลอบปลงพระชนม์ แล้วกล่าวหาว่าเป็นการวางยาของท่านเจ้ากรมพ่ะย่ะค่ะ เท่าที่ดูข้อกล่าวหาทั้งหมด ไม่มีพยานหลักฐานรองรับ เพียงแค่การสันนิษฐานล่องลอยเท่านั้น"
"เฮ่อ ชูซอน แต่อาศัยแค่นี้ ยังยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านเจ้ากรมไม่ได้หรอกนะ"
"หม่อมฉันเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ แต่ตอนนี้พวกเรา กำลังเร่งหาข้อมูลที่พอเชื่อถือได้ มาลบล้างข้อกล่าวหาของท่านเจ้ากรมอยู่ แต่เพราะกลัวว่าฝ่าบาท จะทรงเป็นห่วงเรื่องในกรมมหาดเล็กที่คาราคาซัง หม่อมฉันจึงมาทูลก่อน เพื่อให้ทรงหายกังวลพ่ะย่ะค่ะ"
"อึม ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าก็เชื่อเจ้าเสมอ แม้แต่พระมเหสี ก็ออกหน้ารับแทนเจ้า ต่อหน้าพระพักตร์พระพันปีกับพระอัยยิกา แสดงว่านางเชื่อใจเจ้า เจ้าอย่าทำให้ข้ากับชุงจอน ผิดหวังในงานนี้ล่ะ" พระเจ้าซองจงตรัส
คิมชูซอนออกมาก็บอกมูนโซอุนว่า
"โซอุน คนที่บาดเจ็บอยู่นี่ ก็ต้องให้พวกเขาลงชื่อด้วยนะ"
"อึม ไม่ต้องห่วง ข้าจะล่าลายชื่อทีละคนเอง นี่คือหนังสือยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านเจ้ากรม ทุกคนช่วยลงชื่อหน่อยได้ไหม"
ทุกคนพร้อมใจกันบอกว่าจะลงให้ คิมชูซอนเดินไปดูเด็กๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ ฮุงบีเห็นก็เข้ามาหาคิมชูซอน
"มหาดเล็กคิม หึ เห็นเจ้าเป็นห่วงทุกคนแบบนี้ อีกหน่อยต้องเป็นเจ้ากรมที่ดีแน่"
"ข้าไม่หวังอย่างงั้นหรอก อ้อ แล้วทำไมเจ้า มาถึงนี่ได้ล่ะ"
"ได้ข่าวว่าที่นี่มีคนเจ็บเยอะ ข้าเลยอยากมาช่วยหน่อย"
"ขอบใจมากนะ"
"ไม่ต้องเกรงใจ จริงๆ แล้ว ข้าเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเจ้ามากกว่าเลยแกล้งมาดู แต่เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดี ข้าก็ค่อยเบาใจหน่อย"
โบดึ๊กเข้ามา "ชูซอน ฮึ"
โบดึ๊กเห็นฮุงบีก็ถามว่า "ฮุงบี จะมาไม้ไหนอีกล่ะ อย่ามาทำตุกติกแถวนี้นะ"
"ตุกติกอะไร ข้าไม่เข้าใจที่พูด"
นางในอีกคนกล่าวว่า "เป็นคนของใครก็ต้องช่วยคนนั้นอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องถามเลย"
ฮุงบีทำกลบเกลื่อน "อะไรนะ เจ้าพูดอีกทีซิ"
โบดึ๊กจ้องหน้า "เดี๋ยวแม่ตบซะนี่"
คิมชูซอนปราม "เอาอีกแล้วใช่ไหม ต่างก็เป็นข้าราชบริพารเหมือนกัน ยังต้องอยู่ในวังอีกหลายสิบปี จะทะเลาะอะไรนักหนา สู้ปรองดองเป็นพี่น้องไม่ดีกว่าหรอกหรือ"
"หึ ข้าน่ะ ถือว่าเห็นแก่ชูซอน ไม่เอาเรื่องเจ้า แต่ว่าอย่าบอกให้ซังกุงรู้ล่ะ"
"พวกเจ้าก็เหมือนกัน มาที่นี่ก็อย่าพูดมาก ระวังจะถูกมหาดเล็กตรวจการณ์เจอเข้า"
"เรารู้ทางหนีทีไล่ดี ไม่ต้องห่วงแทนหรอก"
00000000000000
ชองฮันซูอยู่กับใต้เท้าโน เขาถูกใต้เท้าโนต่อว่า
"เจ้านี่มันชะล่าใจจริงๆ ทำไมยอมแพ้ง่ายๆ ยกกรมมหาดเล็กไปให้พวกเด็กนอกคอกยึดครองซะอย่างงั้น ทำแบบนี้ อีกหน่อยข้าจะหวังพึ่งให้เจ้าเชิดชูวงศ์ตระกูลได้ยังไง"
"ท่านพ่อ คืนนี้ท่านเจ้ากรมคงไม่มีหลักฐาน ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ ถ้าหากเป็นอย่างงั้น ไม่นานเขาก็ต้องตายอยู่ดีโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย"
"ข้าไม่อยากฟัง จนเดี๋ยวนี้ เจ้ายังคิดว่ามีโอกาสชนะอีกหรือ"
จู่ๆ เสียงใต้เท้าซังตังก็ดังขึ้น "ใต้เท้าโน ยิ่งอายุมากขึ้น ทำไมเสียงท่านก็ยิ่งดังล่ะนี่"
"ใต้เท้าซังตัง ท่านมาก็ดีแล้ว ข้ากำลังมีเรื่องบางอย่าง จะขอความช่วยเหลือจากท่าน โปรดเห็นใจกรมมหาดเล็กที่กำลังจะหายนะในไม่ช้านี้ ช่วยเรากอบกู้สถานการณ์หน่อยเถอะครับ"
"แน่นอน ที่ข้ามาพบท่านวันนี้ ก็เพื่อจะหารือเรื่องนี้เหมือนกัน"
กึมพยอนำกำลังส่วนหนึ่งเข้ายึดบ้านบรรดาหัวหน้ากอง ภรรยาของแต่ละคนพากันตกใจ
บรรดามหาดเล็กที่ถูกยึดบ้าน เห็นว่าตกที่นั่งลำบากแล้วก็ตัดสินใจเข้ากับโชชิคยอม
"ไหนๆ ก็ไหนๆ รอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เห็นทีว่าเราคงต้องเปลี่ยนที่พึ่งใหม่"
พระมเหสียุนโซฮวาเรียกสนมทั้งสามมาพบและกล่าวกับพวกนางว่า
"ได้ข่าวว่าเรื่องของกรมมหาดเล็กทำให้ขุนนางหลายฝ่ายไม่พอใจ แต่ไหนแต่ไรกรมมหาดเล็ก มีหน้าที่ดูแลเฉพาะฝ่ายในเท่านั้น ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องมีการถวายฎีกา ทำให้ฝ่าบาททรงเครียดกับเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก พวกเจ้าล้วนเป็นลูกขุนนางที่มีอิทธิพลทั้งนั้น ข้าจึงอยากให้ช่วยพูดกับที่บ้าน อย่าก้าวก่ายเรื่องในราชสำนักอีก พวกเจ้าจะทำตามได้ไหม"
"น้อมรับพระบัญชาเพคะ"
"นี่คือหนังสือที่พระพันปี คัดเฉพาะบทความเกี่ยวกับหลักปฏิบัติของกุลสตรีและแม่ศรีเรือนที่ดี พวกเจ้าเอาไปศึกษา และจำไว้สอนต่อคนอื่นจะได้เป็นที่แพร่หลายต่อไป"
"เราจะตั้งใจอ่านให้หมด และพยายามปฏิบัติตามให้ได้เพคะ" สนมยุนซุกยอนกล่าว
สนมชองกล่าวต่อ "หม่อมฉันก็จะตั้งใจศึกษา ไม่ให้พระมเหสีทรงผิดหวังเพคะ"
สนมออมแปลกใจ "พระมเหสี แล้วทำไมหม่อมฉัน ไม่ได้รับหนังสือบ้างล่ะเพคะ"
"หึ เล่มนี้ให้เจ้า แต่นอกจากอ่านเหมือนคนอื่นแล้ว ยังให้คัดอีกร้อยจบเพื่อมาส่งข้าด้วย"
"อะไรนะเพคะ"
"ต่อให้เป็นหนังสือดีเลิศ แต่อ่านผ่านตาแล้วลืม คงไม่มีประโยชน์มากนัก มันต้องเขียนด้วยลายมือตัวเอง ถึงจะจำรายละเอียดทั้งหมด เวลาปฏิบัติก็จะนึกถึงขึ้นมาโดยง่าย หลังจากคัดจบแล้ว โทษกักบริเวณของเจ้า ก็เป็นอันยกเลิกด้วย"
สนมออมไม่พอใจมากออกมาบ่นกับสนมชอง แต่สนมชอกลับเห็นว่าดีจะได้พ้นโทษเร็วๆ
พวกมหาดเล็กจำนวนหนึ่งไปหาคีฮอมที่บ้าน และถามว่า
"เราต้องการให้ท่านขอโทษ ที่ไปเข้ากับพวกขุนนาง ออกหน้ามาร้องเรียนพวกเรา"
"ขอโทษเดี๋ยวนี้" พวกมหาดเล็กกล่าวพร้อมกัน
คีฮอมโกรธ "พวกเจ้านี่มันบังอาจนัก เป็นแค่มหาดเล็กกล้ายกพวกมาก่อกวนถึงบ้านขุนนางอย่างข้าเชียวหรือ ข้าเป็นเชษฐาของพระมเหสี ถ้าไม่รีบกลับไปอีก ข้าจะให้ทหารมาจับพวกเจ้าซะ"
"พวกเรา เมื่อกล้ามาก็ไม่กลัวตาย แต่ต้องให้ท่านขอโทษ ที่ลบหลู่พวกเรา"
"ขอโทษเดี๋ยวนี้ๆ" พวกมหาดเล็กกล่าวพร้อมกัน
"คีฮอม หึ" ยุนฮูหยินมองลูกชาย
"เอาเถอะๆ ข้าสัญญาว่าจะไม่ ถวายฎีกาให้ฝ่าบาทลงอาญาพวกเจ้าอีก พอใจหรือยัง หึ เชิญกลับไปได้แล้ว"
"ทีหลังถ้ามีการถวายฎีกาอีก หรือใช้คำพูดลบหลู่พวกเราละก้อ เราจะไม่ยอมอดทนอีก ไปได้แล้ว"
ยุนฮูหยินตกใจมาก ทำให้คีฮอมไม่พอใจมาก และบอกว่าจะไม่มีวันลืมวันนี้ พระมเหสียุนโซฮวารู้เรื่องก็ตกใจมาก
มูนโซอุนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล
"ข้าว่าเรื่องนี้ มีเบื้องหลังไม่ชอบมาพากล เกิดมีคนอ้างการปฏิรูป แล้วไปวางก้ามที่ข้างนอกมิแย่หรือ"
จาจีกล่าวว่า "อาจเพราะทุกคนถูกกดขี่มานานเลยขอระบายความอัดอั้นบ้าง อีกหน่อยก็คงดีขึ้น ไม่ต้องห่วงหรอก"
คิมชูซอนเสริมว่า "รอให้ท่านเจ้ากรมกลับมาเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง"
เกยนัมเข้ามา "ชูซอน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มีมหาดเล็กฝึกหัดรวมตัวไปบ้านพระมเหสี ข่มขู่ใต้เท้ายุน บอกให้เขาขอโทษกรมมหาดเล็กของเราซะ"
"เป็นความจริงหรือนี่" คิมชูซอนตกใจ
พระอัยยิกาจองฮีทรงทราบเรื่องก็ไม่พอพระทัย
"เฮ่ย มหาดเล็กฝึกหัดบังอาจบุกบ้านพระมเหสี ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงจริงๆ ทำเรื่องโอหังถึงขนาดนี้ เห็นทีต้องมีคำสั่งให้จับคนพวกนี้มาลงโทษให้หนักซะแล้ว"
พระมเหสียุนโซฮวากล่าวว่า "พระอัยยิกา โปรดอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ เป็นเพราะพี่ชายหม่อมฉันลืมว่ามีฐานะเป็นแค่ "ซึนโฮ" บังอาจไปถวายฎีกา พวกเขาถึงได้ไม่พอใจขึ้นมาน่ะเพคะ"
พระพันปียินซูทรงตรัสว่า "ชุงจอน เจ้ายังจะปกป้องพวกมหาดเล็กอีกหรือ พวกเขาบุกรุกไปบ้านเจ้า ไม่ให้ความยำเกรงต่อเชื้อพระวงศ์ แม้จะลบหลู่พี่ชายเจ้าก็เท่ากับลบหลู่ราชสำนักด้วยเข้าใจหรือเปล่า"
"พระพันปีเพคะ ก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงแก้ปัญหาเรื่องกรมมหาดเล็กให้ผ่านพ้นได้ หม่อมฉันว่าเรื่องนี้ปล่อยไว้ก่อนดีกว่า ถ้าไงถือว่าหม่อมฉันขอร้องเถอะเพคะ"
คิมชูซอนเองก็รีบมาเข้าเฝ้าพระมเหสียุนโซฮวา
"พระมเหสี มหาดเล็กฝึกหัด บังอาจบุกรุกไปที่บ้าน ทำให้ยุนฮูหยินตกใจ รวมถึงคุณชายยุนก็ถูกข่มขู่ หม่อมฉันมาขอขมา แทนพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน จะกลับไปลงโทษพวกเขา เพื่อเป็นการขอขมาต่อพระมเหสี"
"ชูซอน ข้ารู้ดีว่า ปัญหาในกรมมหาดเล็กคราวนี้ เจ้าจะไม่ทำให้ข้ากับฝ่าบาททรงผิดหวังแน่นอน แม้จะเห็นแก่ฝ่าบาท หรือเห็นแก่ตัวเจ้าเองก็ตาม ไม่ว่ายังไง ก็ต้องแก้ปัญหานี้ ให้เรียบร้อยที่สุด แล้วค่อยพบกันใหม่นะ"
บรรดาอดีตมหาดเล็กพากันตามใต้เท้าโนว่าจะทำยังไงต่อไป และไม่พอใจที่ถูกเด็กรุ่นหลังหยามหน้า ใต้เท้าโนกล่าวกับทุกคนว่า
"ไม่ต้องห่วงหรอก ใต้เท้าซังตังจะเป็นตัวตั้งตัวตี พาเหล่าขุนนางไปเข้าเฝ้า กดดันให้ฝ่าบาทปราบปรามพวกเขาให้ได้ รออีกหน่อยก็รู้"
"แต่ว่า ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงทำอะไรพวกเขา ปล่อยให้เหิมเกริมต่อไปอีก แล้วเราจะทำไงดีล่ะ หา"
"เหล่าขุนนางก็รู้ว่า ถ้ากรมมหาดเล็กปฏิรูปสำเร็จ อีกหน่อยจะถึงตาพวกเขาบ้าง เพื่อไม่ให้เสียผลประโยชน์ พวกเขาก็ต้องรวมตัวขัดขวาง ไม่ให้มหาดเล็กได้ใจอยู่แล้ว"
ทันใดนั้น กึมพยอพาคนมาที่บ้านใต้เท้าโน ทำให้ใต้เท้าโนโกรธมาก
"กึมพยอ เจ้าเสียสติแล้วหรือไง ถึงพาคนมาบ้านข้าน่ะ"
"มหาดเล็กรุ่นเยาว์ ให้ข้าพามาดูหน้าผู้เฒ่าทั้งหลายที่เห็นแก่ได้ ออกคำสั่งให้ฆ่าคนส่งเดช ข้าก็เลยพามาน่ะครับ"
"เจ้าว่ายังไงนะ"
"เดี๋ยวเราจะอารักขาใต้เท้าทั้งหลาย กลับไปบ้านเอง แต่ตอนนี้ถ้าไม่มีคำสั่งจากท่านเจ้ากรมลงมา ห้ามทุกท่านออกจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว"
"เจ้าถือดียังไงน่ะ บังอาจนัก กล้ามาออกคำสั่งต่อหน้าข้าหรือ"
"เพราะท่านคนเดียว ทำให้เราต้องเสียเพื่อนรักคือกิดตงไป เอาชีวิตกิดตงคืนมานะ"
เด็กๆ พากันพูด "เอาชีวิตกิดตงคืนมา"
"พวกเจ้ายืนเฉยทำไม จัดการฆ่าคนพวกนี้ให้หมดเร็ว" ใต้เท้าโนสั่งลูกน้อง
กึมพยอหันมา "พวกเจ้ากล้าหรือ ต่อหน้าเด็กหลายคน ข้าไม่อยากใช้กำลัง ถ้าฉลาดก็ถอยไปซะ ถ้าใครกล้าขัดขืน จะถูกจับไปขังเรือนจำ ฉะนั้นขอให้เชื่อฟังดีๆ ไปเชิญใต้เท้าทั้งหลายออกมา"
พวกลูกน้องรับคำ "ครับ"
"กึมพยอ ข้า จะไม่ลืมพฤติกรรมของเจ้าในวันนี้"
กึมพยอไม่สนใจ "ข้างนอกลมแรง รีบพาใต้เท้าโน ไปพักผ่อนในห้องซะ"
ซอยองมองกึมพยออย่างท้าทาย "ท่านเกลียดข้ามากไม่ใช่หรือ ทำไมเจอข้าแล้วไม่ลงมือซะล่ะ"
"ที่แล้วมา สิ่งที่ข้าติดค้างเจ้า ถือว่าได้ชดเชยให้แล้ว"
"ติดค้างอะไรข้า"
"เมื่อก่อนข้าบาดเจ็บ เจ้าเคยทำแผลให้หลายครั้งโดยไม่รังเกียจ"
"หึ เรื่องพวกนี้ข้าลืมไปหมดแล้ว ไม่นึกว่าท่านยังอุตส่าห์จำได้อีก"
"ข้าแค่จะขอหลักฐาน ที่เป็นบันทึกข้อมูลกลับคืน"
"อีกไม่นาน ข้าจะไปมอบให้เจ้ากรมมหาดเล็กด้วยตัวเอง"
กึมพยอสั่งลูกน้อง "ไม่ว่าใครก็ตาม ห้ามเข้าออกที่นี่"
"ทราบแล้วครับ"
ขณะที่พวกมหาดเล็กที่เคยรวมมือกับชองฮันซู ต่างพากันมาที่บ้านโชชิคยอม
"มาขอร้องให้ข้าช่วยชีวิต หมายความว่าไงน่ะ" โชชิคยอมถาม แต่ทุกคนพากันเงียบ
"พวกเจ้าเห็นชอบกับที่ประชุมมหาดเล็ก ที่จะมีคำสั่ง ให้ปลดข้าออกจากตำแหน่งเจ้ากรมฯ ไม่ใช่หรือ"
"เอ่อ คือว่า เราเป็นผู้น้อย ก็ไม่รู้จะเถียงยังไงน่ะครับ"
"ภายในคืนนี้ ถ้าข้าไม่สามารถล้างมลทินตัวเอง ก็ต้องฆ่าตัวตาย แล้วจะมีปัญญาที่ไหน ไปช่วยพวกเจ้าได้อีก เชิญกลับไปดีกว่า"
"ฮือ เพราะความโง่ของเรา ทำให้หลงผิดไปชั่วขณะ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ท่านโปรดอภัยให้ด้วยเถอะครับไต้เท้า"
"ตอนนี้คนที่จะกอบกู้สถานการณ์ได้ ก็มีแต่ท่านคนเดียวเท่านั้น"
"เห็นแก่กรมมหาดเล็ก ท่านโปรดยกโทษให้เราเถอะครับใต้เท้า ฮือ"
00000000000000
คิมชูซอนเห็นโชชิคยอมกลับมาที่กรมมหาดเล็กก็ดีใจ
"เจ้ากรมมหาดเล็ก ท่านมาแล้วหรือครับ"
"ใช่ เข้าไปเถอะ" ทุกคนตามโชชิคยอมเข้ามา "หัวหน้าฝ่ายทุกคน ยอมยกเลิกมติ ที่มาจากการประชุมแล้วใช่ไหม"
ทุกคนยอมรับ "พวกเรายินดีครับ"
"แล้วพวกเจ้าทุกคน จะยอมรับว่าเคยทุจริตรับสินบน แล้วเอาทรัพย์สินที่ได้มาคืนให้ทางการหรือไม่"
"ยินดีครับใต้เท้า"
"นับแต่นี้ จะเชื่อฟังคำสั่งข้าหรือเปล่า"
"เชื่อฟังครับใต้เท้า"
"ดีมาก ในเมื่อทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน เรื่องนี้ก็ขอให้ลืมไปซะ ต่อไปจงร่วมแรงร่วมใจ ช่วยกันปฏิรูปเพื่อกรมมหาดเล็กของเรา นับแต่นี้เรายิ่งต้องสามัคคี ทั้งหัวหน้าทุกแผนก มหาดเล็กคุ้มกัน มหาดเล็กตรวจการณ์ รวมถึงมหาดเล็กผู้น้อย ห้ามมีความคิดเห็นที่แตกแยก จงรวมใจเป็นหนึ่งซะ"
"ทราบแล้วครับใต้เท้า"
พวกวอฮา โตชิ ผู้ช่วยแชรู้เรื่องก็พากันดีใจ ทาซินบอกกับวอฮาว่าอีกหน่อยก็สบาย
"อีกหน่อยท่านก็จะได้สบายล่ะ เพราะใครที่เป็นฝ่ายท่านเจ้ากรม เท่ากับมีความดีความชอบ และลูกชายท่านก็มีผลงานเป็นที่หนึ่ง ทีหลังคงได้สบาย นั่งกินนอนกินไปทั้งชาติแล้ว ฮ่าๆๆ"
"ข้าไม่ได้ขายลูกกินเหมือนคนอื่นหรอกนะ" วอฮาว่า
"เฮอะ พูดอะไรก็ไม่รู้ แค่นี้ทำไมต้องโมโหด้วย ว่ามั้ย"
โตชิเห็นชองฮันซูก็ถามเรียบๆ ว่า "เฮ่ย เฮ่อ เจ้ายังมีหน้าโผล่มาอีกหรือ"
"นอกจากที่นี่แล้ว ข้าไม่รู้จะไปไหนได้ จะไปแจ้งความก็ดี หรือจะฆ่าข้าก็ช่าง แล้วแต่ท่านอาจะจัดการเถอะ"
"หึ ข้าไม่รู้จักเจ้า และไม่เคยเห็นเจ้ามาที่นี่ด้วย ไปอยู่ห้องทำงานข้า แล้ว จะไม่มีใครพบเห็นเจ้า"
"ท่านอา ข้าเคยทำร้ายท่านอย่างไม่เกรงใจ ทำไมยังจะช่วยข้าอีกล่ะครับ"
"ข้าเป็นคนตอนเจ้าด้วยตัวเอง เจ้าก็เหมือนเป็นลูกข้า คงไม่มีพ่อแม่คนไหน ทอดทิ้งลูกตัวเองได้ลงคอ หึ" โตชิออกไป ปล่อยให้ชองฮันซูคิดอะไรเองตามลำพัง
โชชิคยอมเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจง และกราบทูลว่า
"มหาดเล็กทุกคนร่วมลงชื่อ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของหม่อมฉัน แล้วมาทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ รวมถึงมติที่ประชุมมหาดเล็ก ที่ถือเป็นโมฆะเพราะไม่มีหลักฐาน และหัวหน้าแผนกหลายคนที่กลับใจ ยอมรับข้อหาทุจริต ส่งคืนทรัพย์สินให้ทางการ เพื่อแสดงความโปร่งใสพ่ะย่ะค่ะ"
"ได้ยินว่ามีการหามศพมหาดเล็กรุ่นเยาว์คนหนึ่ง เข้าไปทำพิธีในกรมฯ ด้วย ทำไมถึงเป็นอย่างงั้นได้ล่ะ"
"เด็กคนนี้ตายเพราะการแก่งแย่ง และการทุจริตของผู้ใหญ่พ่ะยะค่ะ พิธีไว้อาลัยไม่ได้ทำเพื่อเด็ก แต่ทำเพื่อค่านิยมที่เลวร้าย รวมถึงการฉ้อฉลซึ่งเราจะขจัดให้หมด และไม่ให้เกิดขึ้นอีก ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย"
"หึ เอาดาบมาให้ข้าซิ"
"มหาดเล็กคิม จงเอาดาบมา"
"ข้าเคยบอกว่า ต้องการให้เจ้ากรมมหาดเล็กปลิดชีพตัวเอง เป็นอันยกเลิกไป" พระเจ้าซองจงตรัสอย่างพอพระทัย
"ฝ่าบาท ทรงเชื่อในความภักดีของหม่อมฉัน ขอบพระทัยยิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"แต่ข้าจะใช้ดาบที่ยึดคืนจากท่านเล่มนี้ เริ่มต้นการปฏิรูป ราชสำนักใหม่"
"กรมมหาดเล็กก็ขอเป็น ข้าราชบริพาร ที่จงรักภักดีพ่ะย่ะค่ะ"
คิมชูซอนกล่าวกับดวงวิญญาณของกิดตงด้วยความรู้สึกเสียใจยิ่ง
"ฮือ กิดตง เสียดายเจ้าไม่ได้เห็นความสำเร็จของเรา ก็ด่วนจากไปซะก่อน ฮือ แต่ตอนนี้เจ้าคงหมดห่วง ไปอย่างเป็นสุขเถอะนะ ฮือ ข้ากับทุกคนในกรมมหาดเล็ก จะไม่ลืม ฮือ การเสียสละของเจ้าเลย"
ยางซองยุนชวนคิมชูซอนดื่มสุรา และกล่าวให้คิมชูซอนฟังว่า
"ทุกคนเกิดมา ล้วนต้องตายทั้งนั้น ขนาดจิ๋นซีฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ ยังไม่อาจฝืนชะตาที่สวรรค์ได้ลิขิตไว้ ถึงเวลาก็ต้องจากโลกนี้ไป ไม่ต้องเสียใจมากหรอกนะ คิดซะว่า อยู่นานไม่สำคัญๆ แต่ความดีที่สร้างไว้ ชีวิตของเด็กคนหนึ่ง มีความหมายสำหรับคนที่อยู่ต่อ แค่นี้ก็พอแล้ว เฮ่อ เอานี่ไป" ยางซองยุนยื่นจดหมายให้
"จดหมายนี่ คืออะไรหรือครับ"
"เจ้าเคยถามข้า เกี่ยวกับเบื้องหลังการสิ้นพระชนม์ของอดีตพระราชาไม่ใช่หรือ ในจดหมายนี่ มีเขียนชื่อคนๆ หนึ่งไว้ นั่นคือคนที่วางยาลอบปลงพระชนม์"
คิมชูซอนตัดสินใจนำจดหมายฉบับนี้ไปหาโชชิคยอม
"ท่านพ่อ ข้าชูซอนครับ"
"เข้ามาสิ เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้ากำลังว่าจะพักสายตาอยู่พอดี หึๆ ระหว่างที่ไม่ได้เข้ามาทำงานหลายวัน ช่างมีเรื่องมากมายให้คิดหนักไม่รู้จักจบ เจ้ามีอะไร จะพูดกับข้าหรือเปล่า ถึงได้ทำหน้าอย่างงั้น"
"ท่านพ่อครับ ข้ารู้แล้วว่า คนที่ปลงพระชนม์อดีตพระราชา คือใครกันแน่"
โชชิคยอมตกใจ "หา อะไรนะ"
"ในจดหมายฉบับนี้ ได้เขียนชื่อคนโฉดที่ลอบวางยาพิษ ปลงพระชนม์อดีตพระราชา"
"เรื่องนี้ได้รับการยืนยันแน่ชัดแล้วว่า เป็นข่าวโคมลอยที่ไร้สาระ แล้วทำไม เจ้ายังจะรื้อฟื้นขึ้นมาอีก"
"สมัยก่อน มีมหาดเล็กฝึกงานคนหนึ่งที่อยู่ในห้องยาคอยต้มพระโอสถ ก่อนเขาจะถูกฆ่าปิดปาก ได้ฝากจดหมายฉบับนี้ไว้กับใต้เท้ายาง"
"แล้วทำไมเจ้า ไม่ฉีกซอง เพื่ออ่านข้อความในจดหมายก่อน"
"ข้าเห็นว่าจดหมายฉบับนี้ น่าจะมอบให้ท่านพ่อมากกว่าน่ะครับ"
"หรือไม่ เจ้าก็คิดว่าในนี้ ชื่อที่ถูกระบุ จะกลายเป็นโชชิคยอมใช่ไหม"
"ข้าเชื่อใจท่านพ่อมาแต่แรก และหวังว่าต่อไป ข้ายังจะเชื่อในความดีของท่าน ชั่วชีวิตไม่มีวันเปลี่ยน"
"เอากลับไปซะ"
"ท่านพ่อ ทำไมถึง"
"เจ้าไม่ได้เชื่อใจข้าสักนิด แต่กลัวว่าในจดหมายจะมีชื่อข้าปรากฎอย่างที่คิดจริงๆ เลยไม่กล้าอ่านต่างหาก ถ้าให้ข้าเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้ ชั่วชีวิตเจ้า ก็จะระแวงข้า คิดว่าข้าเป็นจอมวางแผนที่ชั่วช้าสามานย์ ข้ายอมเป็นคนถ่อยให้คนตราหน้าดีกว่า เป็นพ่อที่ถูกเจ้าระแวงอยู่ตลอดเวลา ชูซอน ถ้าเจ้าเชื่อว่าเนื้อหาในจดหมายเป็นเรื่องจริง ก็ไม่ควรกลัว ที่จะเผชิญหน้ากับมัน และไม่ว่าเจ้าจะจัดการกับจดหมายนี่ยังไง ข้าก็ไม่ทำอะไรเจ้าทั้งนั้น"
จบเรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 29

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 30

ยางซองยุนปะหน้ากับโชชิคยอมก็กล่าวว่า
"เห็นบอกว่าชูซอน เที่ยวตามหาเจ้าซะทั่ววัง"
"ข้าอยากรู้ว่าทำไมป่านนี้แล้ว ยังจะเอาจดหมายนั่น ไปให้ชูซอนอ่านอีก"
"เห็นเจ้ากับเขา เป็นห่วงเป็นใยยิ่งกว่าพ่อลูกแท้ๆ อีก เลยเกิดความอิจฉา อยากจะยุยงให้แตกหักมั้ง" ยางซองยุนว่าจบก็ดื่มสุรา
"แม้แต่เจ้าก็คิดว่า คนที่วางยาอดีตพระราชา คือข้างั้นหรือ"
"หึ เดี๋ยวนี้ข้าแก่แล้ว สมัยก่อนอดีตพระราชาสวรรคตได้ยังไง ข้าแทบจำไม่ได้อีก"
"แล้วทำไมถึงได้"
"ข้าน่ะ ไม่สนว่ากรมหมาดเล็กจะเน่าเฟะหรือโปร่งใส หึ ขอแค่มีเหล้าให้ดื่มก็พอใจแล้ว แต่ว่า ในขณะที่พวกเจ้าก่อการ ได้ทำให้เด็กคนหนึ่งตายอย่างน่าสงสาร ชิคยอม เจ้ารู้มั้ยว่าเขาตายเพราะอะไร เพราะมติที่ประชุมหรือ หรือว่าคนที่ใช้กำลังเข้าปราบ ไม่ใช่ทั้งนั้น เจ้าคิดผิด การตายของเขา เป็นเพราะข้าต่างหาก ถ้าสมัยก่อน ข้ายอมเปิดเผยคนที่ลอบปลงพระชนม์ กรมมหาดเล็กในวันนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้ เพราะสมัยก่อนข้าปิดเงียบ ไม่ยอมเผยความจริง ปัญหาก็เลยมาประทุในวันนี้แทน เพื่อเป็นการป้องกัน ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก ข้าจึงตัดสินใจ มอบจดหมายให้ชูซอนดีกว่า"
คิมชูซอนเห็นว่าผู้ที่จะสะสางคดีลอบปลงพระชนม์อดีตพระราชาได้นั้นมีเพียงพระเจ้าซองจงพระองค์
เดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจทูลถวายจดหมายฉบับนี้ต่อพระเจ้าซองจง
"อะไรนะ เจ้าจะเปิดโปงคนที่วางยาอดีตพระราชางั้นหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ในจดหมายนี่ ได้ระบุชื่อคนที่ลงมือ ไว้อย่างชัดเจนพ่ะย่ะค่ะ"
"ที่เจ้าพูดนี่ เป็นความจริงหรือ"
"หม่อมฉัน เชื่อว่าฝ่าบาทน่าจะทรงมีวินิจฉัยที่ดี ต่อการสืบหาความจริงในเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ"
โชชิคยอมเจอกับคิมชูซอน เขาถามลูกชายว่า
"เจ้า ได้เปิดอ่าน จดหมายนั่นแล้วใช่ไหม"
"ข้า ได้นำจดหมาย ไปถวายให้ฝ่าบาททรงตัดสินแล้วครับ"
โชชิคยอมตกใจ "อะไรนะ"
"เพราะข้าคิดว่า คนที่มีสิทธิ์ดำเนินการกับเรื่องนี้ได้ มีเพียงฝ่าบาทองค์เดียวถึงจะให้ความเป็นธรรมได้น่ะครับ"
"หึ เอาเถอะ เมื่อเจ้าคิดว่าดีแล้ว ข้าก็ตามใจ ชูซอน เพราะเจ้ากลัวใช่ไหม ที่จะรับรู้ความจริงน่ะ"
"ข้า ไม่ได้กลัวความจริงที่เขียนในจดหมายหรอกครับ ถ้าเป็นอย่างที่คิด ชื่อที่ถูกระบุ เป็นชื่อของท่านพ่อจริงละก้อ แม้ข้าจะรู้ว่าสมัยก่อนท่านเคยทำอะไรไว้บ้าง ก็ยังจะปิดบังต่อไปเหมือนเดิม"
มหาดเล็กคนหนึ่งเข้ามาบอกโชชิคยอมว่าพระเจ้าซองจงมีรับสั่งให้ไปเฝ้าด่วน
โชชิคยอมเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจง พระองค์ทรงตรัสว่า
"ข้า รู้แล้วว่าทำไมสมัยก่อนอดีตพระราชา ถึงได้สวรรคตอย่างง่ายๆ เจ้ากรมมหาดเล็ก ท่านเป็นคน วางยาลอบปลงพระชนม์ใช่ไหม"
"ฝ่าบาท ในจดหมายนั่น ไม่ได้มีคำตอบให้หรอกหรือ"
"ข้าแค่ฉีกซองออกมาเท่านั้น ไม่ได้อ่านรายละเอียดทั้งหมด"
พระเจ้าซองจงทรงเผาจดหมายต่อหน้าโชชิคยอม โชชิคยอมเห็นเช่นนั้นก็อึ้งไป
"ฝ่าบาท ทำไมถึง"
"อดีตพระราชา ต้องการปฏิรูปการเมืองใหม่ ขจัดขุนนางที่มีอิทธิพล รวมถึงหน่วยงานที่เอื้อประโยชน์ให้ขุนนางมากกว่า แต่ไม่นึกว่าจะมีเสียงคัดค้านจากรอบด้าน ทำให้อดีตพระราชาทรงเครียดหนักจนประชวร กลายเป็นช่องทาง ให้คนบางคนคิดร้ายหมายจะเอาชีวิตพระองค์ และสุดท้ายก็ไม่สามารถที่จะทำการปฏิรูปได้ จนสวรรคตในที่สุด ข้าจึงเชื่อว่า การเปลี่ยนระบบคราวนี้ถ้าล้มเหลวละก้อ อีกหน่อยข้าก็จะซ้ำรอย อดีตพระราชาที่เคยเป็นมา ถ้าให้เชื่อคำพูดของคนที่ตายแล้ว ข้าสู้เชื่อท่านดีกว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครก็ตาม ห้ามพูดเรื่องการสวรรคตของอดีตพระราชาอีก และข้าเชื่อว่าท่านเจ้ากรม อนาคตจะเป็นกำลังสำคัญ ในการที่จะช่วยข้าปฎิรูปการเมือง ให้เห็นผลจริงๆ ท่านจะรับปากได้ไหม"
"หม่อมฉัน ขอถวายชีวิต เพื่อฝ่าบาท แม้ตายก็ขอภักดีพ่ะย่ะค่ะ"
โชชิคยอมกลับมาเล่าให้คิมชูซอนฟัง คิมชูซอนมองโชชิคยอมแล้วถามว่า
"ท่านพ่อ ท่านเชื่อว่าฝ่าบาท ไม่ได้ทรงทอดพระเนตรจดหมายนั่นจริงหรือเปล่าครับ"
"โบราณเชื่อกันว่าผู้เป็นพระราชามักมีญาณวิเศษ ไม่ว่าพระองค์ จะได้ทอดพระเนตรจดหมายหรือไม่ หน้าที่ของเราก็คือ ถวายความภักดีจนกว่าชีวิตจะหาไม่"
โชชิคยอมกล่าวต่อหน้ามหาดเล็กทุกคนว่า
"ต่อไปขอให้ทุกคน ลืมเรื่องบาดหมางที่มีมาเก่าก่อน จงตั้งใจทำงานและกลับเนื้อกลับตัวซะใหม่ นับแต่นี้ไป ข้าจะไม่ให้มีการทุจริตคิดมิชอบเกิดขึ้นในกรมมหาดเล็กให้เสียการปกครองอีก ไม่ว่าจะสมคบขุนนาง มีผลประโยชน์แอบแฝงกับบรรดาพ่อค้า รีดนาทาเร้น ฉกฉวยเงินทองเข้ากระเป๋าตัวเอง จะไม่ให้มีการเกิดขึ้นอีก"
"ทราบแล้วครับใต้เท้า"
เหล่ามหาดเล็กพากันฝึกการต่อสู้ โชชิคยอมถามกึมพยอ
"ร่องรอยของฮันซู ยังสืบหาไม่พบอีกหรือ"
"เราหาทั่วเมืองหลวงทุกซอกทุกมุม น่าแปลกที่ว่า ไม่พบเบาะแสซักนิดน่ะครับ"
"เขาไม่กล้าออกจากเมืองหลวงหรอก ติดประกาศจับให้ทั่ว"
"แล้วใต้เท้าโนล่ะครับ ท่านคิดทำไงกับเขา ถ้าเราปล่อยเขาไว้ เขาก็จะมาราวีใต้เท้าอีก"
ใต้เท้าโนนำโฉนดที่ดินไปหาใต้เท้าซังตัง
"นี่คือโฉนดที่ดิน และหลักทรัพย์เท่าที่ข้าจะรวบรวมได้"
"ไม่น่าเชื่อว่าจะล่ำซำขนาดนี้ ท่านเอาทรัพย์สินมาให้ข้าหมด ต้องการจะแลกกับอะไรไม่ทราบ"
"สมบัตินอกกายหมดไปก็หาใหม่ได้ ข้าอยากให้ท่าน รวมกำลังเหล่าขุนนาง ไปถวายฎีกาเพื่อให้ถอดถอนโชชิคยอมซะ แล้วข้าจะสมนาคุณให้มากกว่านี้อีก"
"หึ ไม่ต้องห่วง ข้าจะหาทางช่วยเอง"
"ถ้าอย่างงั้น ก็ขอรบกวนท่านหน่อยแล้ว"
ระหว่างประชุม ใต้เท้าซังตังก็ทูลพระเจ้าซองจงว่า
"ฝ่าบาท ทำไมไม่เห็นลงอาญาพวกมหาดเล็กล่ะพ่ะย่ะค่ะ มหาดเล็กผู้น้อย บังอาจล่วงเกินผู้บังคับบัญชา บุกรุกบ้านคนอื่นโดยพละการ ข่มขู่ครอบครัว ไหนจะยึดทรัพย์ตามอำเภอใจอีก"
"ใต้เท้าซังตัง เรื่องนี้ข้าถือว่าจบไปแล้ว ท่านอย่าเอามาพูดอีกได้ไหม"
ใต้เท้ายุนโฮกล่าวต่อว่า "ฝ่าบาท พวกเขา ยังเหิมเกริมแห่โลงศพเข้าไปถึงกรมมหาดเล็ก เท่ากับลบหลู่สถานที่ ไหนจะบุกรุกบ้านเดิมของพระมเหสีอีก ถือเป็นความผิดใหญ่หลวงนักพ่ะย่ะค่ะ"
"ฝ่าบาท ทั้งหมดนี้สมควรให้โชชิคยอมรับผิดชอบ โดยการลาออกจากตำแหน่งซะ รวมทั้งคิมชูซอนก็มีความผิดด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"การพิจารณาเรื่องกรมมหาดเล็ก เป็นอำนาจในส่วนของข้าเอง พวกท่านทั้งหลาย ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายหรอกนะ"
"ฝ่าบาท ถ้าวันหลังมีขุนนางผู้น้อย ขอปฏิรูปเอาอย่างบ้าง โดยการตรวจค้นบ้านขุนนางผู้ใหญ่และแสดงท่าทีก้าวร้าวต่อพวกเรา ฝ่าบาทก็ทรงนิ่งเฉยได้หรือพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเห็นว่าเรื่องนี้ สมควรลงอาญาให้หนัก" ใต้เท้าซังตังยังไม่ยอม
พวกขุนนางเห็นด้วย "ขอทรงพิจารณา ลงอาญาให้หนักเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
ใต้เท้าโนกล่าวต่อหน้าบรรพชนว่า "บรรพชนทั้งหลายโปรดรับรู้ไว้ ข้าขอให้สัญญา จะปกปักรักษาเกียรติยศ และทรัพย์สินของวงศ์ตระกูลเรา ให้ยั่งยืนสืบต่อไปเนิ่นนาน"
ซอยองเข้ามาบอกว่าโชชิคยอมมาพบ ใต้เท้าโนออกมาพบด้วยสีหน้าบึ้งตึง
"ข้าเคยบอกแล้วว่าต่อไปไม่อยากเห็นเจ้าอีก แล้วทำไมยังมาที่นี่"
"ท่านพ่อ โปรดอภัยให้ข้าเถอะครับ เราสองพ่อลูกถ้ากลายเป็นศัตรู ไม่เพียงมีผลต่อครอบครัวเท่านั้น แม้แต่ราชสำนัก ก็จะเกิดความวุ่นวายไม่รู้จบด้วย"
"หุบปาก ไม่ต้องมาเรียกข้าว่าพ่อ"
"ท่านพ่อ"
"ซอยอง เอาของมาซิ ยังจำเชือกเส้นนี้ได้หรือเปล่า"
"สมัยก่อนตอนท่านรับข้าเป็นลูกบุญธรรม ใช้สิ่งนี้แทนสายรก เก็บรักษาไว้อย่างดีน่ะครับ"
"ใช่แล้ว นับแต่นี้เจ้าไม่ใช่ลูกข้าอีก เราสองคนถือว่าตัดขาดกัน เจ้าออกไปได้แล้ว"
หลังโชชิคยอมกลับไปแล้ว ชองฮันซูแอบเข้ามาพบใต้เท้าโน
"หลายวันนี้เจ้าหายไปไหนมา"
"ข้าต้องคอยหลบหนี ไม่ให้ถูกจับตัวน่ะครับ"
ใต้เท้าโนส่ายหัว "จุ๊ๆๆ ไม่เอาไหนจริงๆ"
"ข้าเอง ก็รู้สึกละอายต่อท่านพ่อเหมือนกัน"
"ไปตัดหัวชิคยอมมาให้ข้าซะ แล้วหลังจากนั้น ข้าจะให้เจ้าแทนตำแหน่งเขาเอง แต่ถ้าเอาชีวิตเขาไม่ได้ละก้อ ต่อไปไม่ต้องมาหาข้าอีก"
พอออกมา ซอยองก็ถามชองฮันซู "สิ่งที่ใต้เท้าโนสั่งให้ทำ ท่านจะทำหรือเปล่า"
"ข้ายอมทิ้งฐานะเดิมของตัวเอง เพื่อหวังจะเข้าวัง เป็นเจ้ากรมมหาดเล็กให้ได้ ถ้าไม่ได้บรรลุเป้าหมายตามนี้ ข้าอยู่ไปจะมีความหมายอะไรอีก"
พระมเหสียุนโซฮวาถามคิมชูซอนด้วยความเป็นห่วงว่า
"ชูซอนๆ ตอนนี้เหล่าขุนนาง พยายามกดดันให้ลงโทษเจ้ากรมมหาดเล็ก เจ้าคงเหนื่อยใจมากสินะ แต่ฝ่าบาททรงทราบดีว่า ปัญหาของพวกเจ้าเกิดจากตรงไหนบ้าง ยังไงจะ"หม่อมฉันรู้สึกละอายใจนัก ที่ทำให้ฝ่าบาทและพระมเหสีทรงเป็นห่วง"
"อย่าพูดอย่างงั้นสิ ข้าเชื่อว่าฝ่าบาท จะทรงถือเอากรมมหาดเล็กเป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการปฏิรูปราชสำนัก ให้บรรลุผลสำเร็จบ้าง และเหมือนที่ฝ่าบาททรงไว้ใจเจ้า ปล่อยให้ทำงานไป เจ้าก็ต้อง เชื่อมั่นต่อพระองค์เหมือนกัน"
"หม่อมฉัน เชื่อมั่นต่อฝ่าบาทเสมอ ไม่เคยคิดเป็นอื่นพ่ะย่ะค่ะ"
"ดีมาก"
000000000000000000
ที่ตำหนักของสนมออม ก็บังคับให้ฮุงบีเขียนหนังสือแทน
"แค่เขียนหนังสือก็ยังชักช้าอีก แล้วเมื่อไหร่จะครบร้อยจบซะทีล่ะนี่"
"หึ เรากำลังเร่งอยู่แล้วเพคะ"
ซอยองมาเข้าพบ สนมออมเห็นก็ทำสีหน้ารำคาญ
"เจ้าก็เหมือนกัน ยังมีหน้ามาพบข้าอีก เพราะข้าเชื่อฟังเจ้า แล้วตอนนี้เป็นไง ยิ่งถูกพระมเหสีลงโทษหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ"
"พระสนมอย่าทรงรีบร้อน รอไปอีกหน่อยเถอะเพคะ โอกาส มีสำหรับคนใจเย็นเท่านั้น"
พอออกจากตำหนักมา ซอยองก็สั่งฮุงบีว่า
"ภายในคืนนี้ ใส่ในอาหารของคิมชูซอน"
"เอ่อ เรื่องในกรมมหาดเล็กเพิ่งจบลง ทำไมยังจะปองร้าย" ฮุงบีพูดจบก็ถูกซอยองตบหน้า
"ใครสอนให้เจ้ามาทำอวดรู้กับข้าแบบนี้"
"ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ ฮือ"
"ภายในคืนนี้ จงอย่าลืมซะล่ะ" ซอยองเดินจากไป ฮุงบีรู้สึกเหนื่อยใจ
ชองฮันซูลอบเข้าไปหวังจะฆ่าโชชิคยอม แต่ถูกจับได้ ชองฮันซูตกใจ
"ท่านพ่อเป็นคนสั่งให้เจ้ามา หรือว่า เจ้าคิดจะทำเอง ความทะเยอทะยานที่อยู่ในใจเจ้ามานาน ยังไม่ปล่อยวางลงอีกหรือ"
"หึ อย่าเข้ามานะ"
"ถ้าคิดว่าสังหารข้าแล้ว เจ้าจะได้เป็นเจ้ากรมมหาดเล็กทันทีละก้อ เอามีดนั่น มาแทงข้าได้เลย แน่จริงก็แทงมาเร็วซี่"
ชองฮันซูหนีไป แต่ก็ถูกกึมพยอจับตัวไว้ได้
เวลาเดียวกันฮุงบีนำของว่างเข้าไปให้คิมชูซอนถึงที่ พอดีพวกมูนโซอุนเข้ามา แคนัมเห็นของกินก็รีบขอกินทันที ฮุงบีได้แต่มองอึ้งๆ พูดอะไรไม่ออก
พระเจ้าซองจงเสด็จออกมาประชุม แต่มหาดเล็กบอกว่าการประชุมวันนี้ยกเลิก ทรงตรัสถามว่าเป็นคำสั่งของใคร
"ขอได้ทรงโปรดพ่ะย่ะค่ะ เหล่าขุนนางต่างให้คนสนิทมาแจ้งว่า วันนี้ทุกคนป่วยหนัก จึงมาเข้าเฝ้าไม่ได้พ่ะยะค่ะ"
"อะไรนะ ฮึ่ม ใต้เท้าซังตัง นี่แปลว่าเขาคิดจะ ท้าทายอำนาจของข้า โดยไม่มีความยำเกรงงั้นหรือ"
ใต้เท้ายุนโฮถามใต้เท้าซังตังว่าจะประท้วงพระเจ้าซองจงถึงเมื่อไหร่
"เราบอกว่าป่วยหนัก ไปเข้าเฝ้าไม่ไหว ฝ่าบาทก็จนปัญญาจะทำอะไรเราได้เหมือนกัน ข้าจะหยุดไปเรื่อยๆ จนกว่าฝ่าบาท จะทรงทำตามข้อเสนอของพวกเรา โดยการลงโทษกรมมหาดเล็กซะ"
ขุนนางอีกท่านเห็นด้วย "ถูกต้อง ตราบใดที่ยังมีเบี้ยหวัด เราจะกลัวอะไรนักหนาเล่า ฮ่าๆๆ"
ทุกคนพากันหัวเราะตาม
ทางด้านพระมเหสียุนโซฮวาก็ปรึกษาเรื่องนี้กับสนมยุนซุกยอน
"ได้ข่าวว่าเหล่าขุนนาง ไม่พอใจการปฏิรูปในกรมมหาดเล็กเลยไม่ยอมไปเข้าร่วมประชุมเช้า ทำไมเกิดเรื่องร้ายแรงแบบนี้ได้ล่ะ ทั้งใต้เท้าซังตังและเจ้ากรมกลาโหมล้วนเป็นผู้ใหญ่ แถมยังทรงอิทธิพลในหมู่ขุนนางไม่น้อย แทนที่จะช่วยแบ่งเบาภาระให้ฝ่าบาท ไม่ห่วงใยบ้านเมืองยังพอว่า กลับเป็นห่วงว่าคนอื่นปฏิรูปแล้ว จะส่งผลถึงหน่วยงานของตัวเอง ด้วยความไม่พอใจเลยขัดพระบัญชาซะ ทำแบบนี้ ไม่กลัวจะมีโทษหนัก ฐานท้าทายอำนาจของฝ่าบาทหรือไง"
"พระมเหสี หม่อมฉันไม่เห็นด้วยกับที่รับสั่งเพคะ"
"อะไรนะ สนมซุกยอน เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรน่ะ"
"หม่อมฉันได้ยินว่าการที่เหล่าขุนนางไม่เข้าประชุม เพื่อยับยั้งไม่ให้มหาดเล็กมีส่วนยุ่งเกี่ยวกับราชการงานเมือง หรือไม่ก็ชี้นำความคิดของฝ่าบาทมากเกินไปต่างหาก"
"แต่กรมมหาดเล็ก ถือเป็นข้าราชบริพารที่ซื่อสัตย์ ต่อฝ่าบาทมากที่สุด แล้วเราจะระแวงความภักดีของพวกเขา หาว่าก้าวก่ายราชกิจได้ยังไง"
"แล้วทำไมพระมเหสี ทรงเข้าข้างมหาดเล็กอย่างเปิดเผยล่ะเพคะ ขุนนางก็มีหลายคนที่ภักดีต่อฝ่าบาทเหมือนกัน ไม่ต่างกับมหาดเล็กเลย"
พระมเหสียุนโซฮวาได้แต่ถอนใจ โชชิคยอมเองรู้เรื่องก็หนักใจมาก ด้านพระพันปียินซูตรัสกับพระเจ้าซองจง
"ฝ่าบาท ถ้าไงยอมอ่อนข้อหน่อยเถอะ ขุนนางประท้วงหยุดงาน รังแต่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายเปล่าๆ นะ"
"พวกเขาทำแบบนี้เท่ากับท้าทายหม่อมฉันชัดๆ ถ้าหม่อมฉันยอมอ่อนข้อให้อีก ชาตินี้ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องอยู่ใต้อำนาจของพวกเขาเรื่อยไป การปฏิรูปก็เท่ากับวาดวิมานในอากาศเท่านั้น"
"ฝ่าบาท ถ้าไม่มีขุนนาง ถึงเราปฏิรูปก็ไม่มีประโยชน์หรอก"
"หม่อมฉัน ยังไงก็อ่อนข้อไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ"
พระอัยยิกาจองฮีทรงเรียกโชชิคยอมมาพูดคุยถึงเรื่องนี้
"ถ้าปล่อยให้ฝ่าบาทกับเหล่าขุนนางต่อต้านกันไปเรื่อยๆ อีกหน่อยพระเกียรติก็จะเสื่อมเสีย งานราชกิจต่างๆ ก็พลอยหยุดชะงักหมด กลายเป็นปัญหาที่ยิ่งบานปลายมากขึ้น"
"หม่อมฉัน เข้าใจที่รับสั่งพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้ากรมมหาดเล็ก คนที่จะแก้ไขความขัดแย้งระหว่างฝ่าบาทกับเหล่าขุนนางได้ คงมีแต่ท่านคนเดียว ข้าอยากให้ท่านออกหน้า ช่วยฝ่าบาทซักครั้งจะได้ไหม"
โชชิคยอมไปพบใต้เท้าซังตัง
"ใต้เท้าซังตัง ท่านจะแสดงความกระด้างกระเดื่องต่อฝ่าบาทไปถึงเมื่อไหร่กัน ท่านไม่เห็นหรือว่า ทุกวันนี้ราษฎรยิ่งลำบาก ส่วนขุนนางผู้น้อยก็เริ่มไม่พอใจ จะแสดงการตอบโต้พวกท่านเหมือนกัน ถ้าไงขอให้พอแค่นี้ อย่าสร้างความแตกแยกอีกเลยนะ"
"อะไรกันนี่ เป็นแค่ขันที ริอ่านยุ่งกับการเมืองแล้วใช่ไหม นึกว่ากลับมาเป็นเจ้ากรมมหาดเล็กใหม่ จะสามารถชี้นำคนอื่นตามใจชอบหรือยังไง"
"ใต้เท้า ข้าอยากให้ท่านหวนคิดถึงสมัยก่อน ที่เราเคยร่วมมือกอบกู้สถานการณ์บ้านเมือง ที่อยู่ในภาวะวิกฤติบ้างเถอะ"
"ขอเพียงท่าน ยอมถอนตัวจากตำแหน่งเจ้ากรมมหาดเล็ก และให้ลูกบุญธรรมตัวดี ที่เสี้ยมสอนให้ทุกคนแข็งข้อมารับการลงโทษซะ การประท้วงของเราก็จะยุติเหมือนกัน ท่านทำได้มั้ยล่ะ"
โชชิคยอมเรียกคิมชูซอนมาพบ
"ชูซอน เจ้ารู้เรื่องที่เหล่าขุนนางประท้วง ไม่ยอมเข้าประชุมหรือเปล่า"
"หึ ได้ข่าวมาบ้างเหมือนกันครับ"
"ฝ่าบาทต้องการปกป้องพวกเรา ทำให้พระองค์เป็นฝ่ายถูกโดดเดี่ยวบ้าง ถ้าจะแก้ไขเหตุการณ์คราวนี้ คือให้เราสองคน ไม่ใครก็ใครออกจากกรมมหาดเล็กไปซะ"
"ถ้าอย่างงั้น ที่ฝ่าบาทเคยคิดจะปฏิรูปราชสำนักใหม่ มิต้องยกเลิกไปหรือครับ"
"ข้าคิดว่าตอนนี้ ฝ่าบาทยังไม่มีศักยภาพเพียงพอ ที่จะสู้กับพวกเขาได้ แต่ก็ไม่ต้องท้อหรอก ขอเพียงทรงตั้งมั่นพระทัย ที่จะทำงานเพื่อบ้านเมือง รวมถึง บำบัดความทุกข์ยากของราษฎรจริง ซักวันก็คงต้องมีโอกาสอีก"
"ถ้าอย่างงั้นก็พอแล้วนี่ครับ ข้าจะ เชื่อฟังคำสั่งท่านพ่อ แล้วแต่ท่านจะสั่งมา"
"ดี ขอบใจมาก สมแล้ว ที่เป็นลูกรักของข้าจริงๆ"
ยามดึก พระเจ้าซองจงทรงตรวจราชกิจแล้วก็ทรงหงุดหงิดมาก เพราะมีแต่ฎีกาขอให้ลงโทษกรมมหาดเล็ก โชชิคยอมมาขอเข้าเฝ้า
"ท่านเจ้ากรม นี่ก็ดึกมากแล้ว ยังมาที่ตำหนักใหญ่ทำไมอีก"
"ฝ่าบาท ขอให้ลงอาญาคิมชูซอนซึ่งเป็นตัวการ ก่อความวุ่นวาย ในกรมมหาดเล็กด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"อะไรนะ" พระเจ้าซองจงตกพระทัย
"ถ้าฝ่าบาททรงขัดแย้งกับเหล่าขุนนาง จะมีผลกระทบต่อบัลลังก์ของฝ่าบาทเป็นอย่างมาก หม่อมฉันจึงมาทูลขอ ให้ยุติเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ ต่อให้ฐานะข้าถูกสั่นคลอนก็เถอะ ข้าก็ไม่มีวันทำร้ายคนที่ภักดีต่อข้า ให้เขาหมดกำลังใจแน่"
"ทูลฝ่าบาท โลกนี้คงไม่มีพ่อคนไหน อยากเห็นลูกตัวเองไปรับโทษจากคนอื่นง่ายๆ แต่ว่า บ้านเมืองจะอยู่รอดหรือหายนะ ขึ้นอยู่กับฝ่าบาทพระองค์เดียว ถ้าฝ่าบาททรงมีผลกระทบ บ้านเมืองก็จะไหวเอนไม่มั่นคง โดยเฉพาะราษฎร จะยิ่งเป็นฝ่ายรับเคราะห์มากขึ้น เพราะฉะนั้น ขอให้เห็นแก่ส่วนรวมมาก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"ยังไงข้าก็รับปากไม่ได้"
"หม่อมฉันเชื่อว่าชูซอน ต้องเข้าใจความรู้สึกของฝ่าบาทดี และไม่มีวันตำหนิฝ่าบาทอย่างแน่นอน เขาบอกว่าเพื่อฝ่าบาทแล้ว ยินดีเสียสละ แม้ตายก็ไม่เสียดายพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท โปรดอย่าถือเอาความคิดส่วนพระองค์ จนทำให้บ้านเมืองเสียหายมากกว่านี้เลยพ่ะย่ะค่ะ นั่นเท่ากับว่าฝ่าบาท เข้าใจถึงความภักดีของหม่อมฉันกับชูซอน และรู้ว่าเราต่างทำเพื่ออะไรกันแน่"
โชชิคยอมออกมาก็ตามคิมชูซอนไปเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจง
"มาดื่มกับข้าซักถ้วยซิ" พระเจ้าซองจงทรงชวนคิมชูซอน
"ฝ่าบาท หม่อมฉันมิบังอาจ ดื่มกับพระองค์ได้"
"ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า ในฐานะพระราชา แต่เป็นการเลี้ยงส่งในฐานะเพื่อน ชูซอน เจ้าเป็นเพื่อนสนิทคนแรก และคนเดียวที่เข้าใจข้า แถมเป็นบ่าวที่จงรักภักดี พร้อมจะตายเพื่อข้าได้ทุกเมื่ออีก ที่แล้วมา เจ้าเสียสละเพื่อข้ามากมาย แต่ข้ายังจำเป็นต้องลงโทษเจ้า หึ เจ้าจงอโหสิให้ข้าเถอะนะ"
"ฝ่าบาท ทำไมรับสั่งหดหู่อย่างงั้นล่ะพะย่ะค่ะ เส้นทางระหว่างฝ่าบาทกับหม่อมฉัน เป็นทางคู่ขนาน ฝ่าบาททรงเป็นผู้สูงศักดิ์ ประมุขแห่งโชซอน แต่หม่อมฉัน เป็นเพียงเงาของพระองค์ ที่คอยตามหลังเท่านั้น ในฐานะที่เป็นนาย ฝ่าบาทย่อมไม่อาจเปลี่ยนความคิด เพราะเห็นแก่บ่าวเล็กๆ อย่างหม่อมฉันอยู่แล้ว"
"แต่ข้าให้สัญญากับเจ้า ข้าจะเป็นพระราชา ที่เข้มแข็งและมีอำนาจ ขจัดความโอหังของเหล่าขุนนางไปให้หมด จะไม่ให้ความดีของเจ้า ต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์"
"หึ หม่อมฉัน ก็เชื่อว่าฝ่าบาท ต้องทรงทำได้อย่างแน่นอน"
พระเจ้าซองจง ทรงกรรแสงในความมีน้ำใจของคิมชูซอน จากนั้นก็ทรงตรัสกับราชเลขาว่า
"ราชเลขาจงฟัง มหาดเล็กคิมชูซอนที่บังอาจลบหลู่ ผู้บังคับบัญชา ให้เนรเทศไปยัง "ยองเฮ" นับตั้งแต่วันนี้"
"พ่ะย่ะค่ะ"
พระมเหสียุนโซฮวารู้เรื่องก็รีบไปเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจง
"ฝ่าบาท ทำไมทรงทำแบบนี้ล่ะเพคะ"
"หึ เจ้าคงรู้แล้วใช่ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชูซอนน่ะ"
"หม่อมฉันเชื่อว่าในพระทัยของฝ่าบาท คงรู้ดีว่าชูซอนไม่ได้ทำอะไรผิดต่อราชสำนักเลย แล้วทำไมยอมทอดทิ้งคนที่ภักดีอย่างเขา ถึงขนาดเนรเทศโดยไม่เสียดายบ้างหรือเพคะ"
"ชุงจอน ที่ข้าจำใจต้องเนรเทศเขาไปต่างแดน ก็รู้สึกเจ็บปวดมากแล้ว แต่ว่า ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ต้องขอโทษด้วยนะ ข้าขอโทษจริงๆ"
พระมเหสียุนโซฮวาอึ้งไป "ฝ่าบาท"
คิมชูซอนเตรียมตัวเสร็จ โชชิคยอมเข้ามาหา
"ข้าบอกให้ทหารที่คอยคุ้มกัน พาเจ้าไปพบแม่ก่อน อำลานางเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินทางไกลเถอะนะ"
"ข้าทราบแล้วครับท่านพ่อ"
ยางซองยุนนำตำราแพทย์มามอบให้คิมชูซอนไว้เป็นที่ระลึก
"เอานี่ไป มีเหล้าและตำราแพทย์ที่ข้าเขียน ฝากให้เจ้าไปด้วย ไปอยู่ต่างแดนจะดื่มเหล้าไปวันๆ หรือจะศึกษาวิชาแพทย์เป็นความรู้ เพื่อไปช่วยคนที่เจ็บไข้ได้เจ็บป่วย ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ"
"หึ ขอบคุณท่านมาก"
"ขอให้โชคดีนะ"
"ท่านพ่อ ท่านเอง ก็ต้องรักษาตัวด้วยน่ะครับ"
ยางซองยุนมองโชชิคยอม "หึ ปกติเจ้าเป็นคนใจแข็งยังกะอะไร ไม่นึกว่า พออยู่กับชูซอนจะเป็นพ่อที่เมตตาได้ถึงขนาดนี้ เฮ่อๆ คิดแล้วก็เหลือเชื่อจริงๆ"
คิมซูวอนร่ำลาเพื่อนๆ ทุกคนให้กำลังใจและหวังว่าเขาจะได้กลับมาในเร็วๆ วันนี้ ฮุงบีมาส่งด้วย โบดึ๊กเข้ามาหาบอกว่าพระมเหสียุนโซฮวารับสั่งให้ไปเฝ้า
"ฮือ ชูซอน ขอโทษด้วย ที่ข้าไม่สามารถทำอะไรเพื่อเจ้าได้เลย"
"มันเป็นสิ่งที่หม่อมฉันเต็มใจรับอยู่แล้ว"
"อีกหน่อยพอไม่มีเจ้าอยู่ในวัง ข้าคงไม่รู้จะทำไงดีกับชีวิตนี้ ทุกครั้งที่มีเจ้า ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล สำหรับข้าก็เป็นความอุ่นใจเสมอ"
"พระมเหสี โปรดอย่ากรรแสงได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ ซักวันหนึ่ง หม่อมฉันต้องกลับมาอย่างแน่นอน"
"ตกลง ฮือ รู้ว่าอีกไม่นาน เจ้าต้องเดินทางไกลแล้ว ความจริงข้าไม่ควรร้องไห้ถึงจะถูก ฮือ ชูซอน"
คิมชูซอนไปหาวอฮา นางร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าโศก
"ท่านแม่ ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ ดูแลตัวเองด้วยนะ"
"ชอนตง ฮือ เจ้าทำอะไรผิดกันแน่ ถึงได้ถูกเนรเทศไปไกลขนาดนั้นน่ะ"
"ให้ท่านเห็นข้าถูกเนรเทศแบบนี้ ต้องขอโทษจริงๆ ท่านอาโตชิ รบกวนท่าน ช่วยดูแลแม่ข้าหน่อยนะ"
"อย่าห่วงเลยน่า" วอฮาเอาแต่ร้องไห้เสียใจ จนโตชิดุ "เลิกร้องไห้ซะที เจ้าร้องซะขนาดนี้ จะให้ชอนตงไปอย่างหมดห่วงได้ยังไง"
"ฮือ ชอนตง ฮือ อีกไม่นานใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ต้องดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้เป็นหวัดล่ะ"
คิมชูซอนออกเดินทาง ใต้เท้าโนสะใจมาก และคิดว่าต่อไปก็ถึงทีของโชชิคยอมแล้ว
ซอยองมาพบโชชิคยอม และถามถึงชองฮันซู
"ท่านหัวหน้าชอง ยังสบายดีหรือเปล่า ข้าอยากให้ท่านเจ้ากรม มอบตัวเขา คืนมาให้ข้าซะ"
"ถ้าข้าทำตามที่เจ้าขอ เจ้าจะตอบแทนอะไรได้บ้าง"
"ในบันทึกเล่มนี้ มีรายชื่อคนที่ท่านต้องการจะเอาชีวิต แต่ไม่สามารถฆ่าเขาได้ ข้ามีวิธี ทำให้เขาตายซะ"
"อะไรนะ" โชชิคยอมตกใจ
"ไม่ทราบสนใจหรือเปล่า ถ้าไง มาแลกเปลี่ยนกับข้าดีมั้ยคะ"
โชชิคยอมยอมให้ซอยองได้พบกับชองฮันซู
"จุ๊ๆๆ หึ น่าสงสารท่านนัก ข้าน่าจะมาช่วยเร็วกว่านี้ แต่ขอให้รออีกหน่อย ข้าต้องช่วยท่านออกไปแน่"
"เจ้ามีปัญญาช่วยข้าออกไปได้หรือ"
"ข้ากับท่านเจ้ากรมมีการแลกเปลี่ยนบางอย่าง"
"แลกเปลี่ยนหรือ แลกเปลี่ยนอะไรกัน"
ซอยองนำเหล้าสมุนไพรไปให้ใต้เท้าโนดื่ม
"นี่คือเหล้าสมุนไพร ดื่มแล้วช่วยให้อายุยืนและบำรุงสุขภาพด้วยค่ะ"
ใต้เท้าโนดื่ม "นานๆ จะได้ดื่มเหล้าซักครั้ง รู้สึกเหมือนจะเมา"
"งั้นก็เชิญเข้าข้างใน ข้าจัดที่นอนไว้ให้แล้ว"
"ได้ ไปสิ ดื่มเหล้าเข้าไปหน่อย รู้สึกคอแห้งพิกล เฮ่ย"
"คงเพราะฤทธิ์ยากำเริบ เลยรู้สึกคอแห้งมังคะ"
ใต้เท้าโนฟังแล้วรู้สึกทะแม่ง "อะไรนะ เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไร"
"เหล้าที่ท่านดื่ม ไม่ได้บำรุงอะไรหรอกค่ะ แต่ถูกข้าใส่ยาพิษเข้าไป"
ใต้เท้าโนตกใจมาก "หา ยาพิษ โอ๊ะ เจ้า ทำไมเจ้าถึง"
"ข้าจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ท่าน เคยสังหารพ่อแม่ข้าในอดีต ถ้าไงโปรดอย่าโทษข้าเลยนะ ท่านอยู่มาปูนนี้ เสพสุขลาภยศตั้งเท่าไหร่ น่าจะไปอย่างหมดห่วงได้แล้วสินะ"
"โอ๊ะ นังตัวดี เจ้ากล้า วางยาข้า โอ๊ะ"
"ท่านเคยบอกว่า หน้าตาข้าเหมือนแม่ไม่มีผิดใช่ไหม"
ใต้เท้าโนเจ็บปวดมาก "โอย"
"คงเพราะท่านยังรักแม่ข้าอยู่มาก ถึงได้ยอมชุบเลี้ยงข้าต่อ"
ใต้เท้าโนสำลัก ซอยองกล่าวต่ออย่างไม่สนใจ "แต่ว่า การที่ท่านทำแบบนี้ เท่ากับเลี้ยงลูกเสือไว้ใกล้ตัวชัดๆ ตอนนี้ใต้เท้า อยู่ไปก็ไม่มีความหมายอะไร สมัยก่อนท่านมีอำนาจวาสนาล้นฟ้า กลับถูกเจ้ากรมมหาดเล็กทรยศซึ่งหน้า แถมยังต้องเอาทรัพย์สินไปประเคนให้พวกขุนนางอีก หึๆๆ อนิจจัง ช่างเป็นสิ่งไม่เที่ยงนัก ตอนนี้ ถึงเวลาที่เราต้องคิดบัญชี ให้หมดสิ้นกันไปซะ อีกหน่อยหัวหน้าชอง จะเชิดชูวงศ์ตระกูลของท่านต่อไป ขอให้ท่านวางใจ ไปอย่างหมดห่วงเถอะนะ"
หลังจากใต้เท้าโนเสียชีวิต ซอยองก็หายตัวไป โชชิคยอมกล่าวกับชองฮันซูว่า
"ต่อไปเจ้าก็ถือเป็นทายาทคนเดียวของครอบครัว อย่าลืมว่าต้องสานต่อเจตนารมณ์ของท่านพ่อล่ะ"
"ครับ ข้าเคยสาบานไว้ว่า จะเชิดชูวงศ์ตระกูลของเรา ไม่ให้ท่านพ่อผิดหวังแน่นอน"
"มีข่าวซอยองบ้างหรือยัง"
"นับแต่ท่านพ่อเสียชีวิต ก็ไม่มีข่าวคราวของนางอีกเลย"
จากนั้นโชชิคยอมก็ไปทูลลาพระเจ้าซองจง
"เจ้ากรมมหาดเล็ก ท่านบอกว่าจะลาออก หมายความว่าไงน่ะ"
"ถ้าหม่อมฉันถอนตัวไปซะ จะทำให้ฝ่าบาทกับขุนนางปรับความเข้าใจ ยุติความบาดหมางที่มีพ่ะย่ะค่ะ"
"หึ ไม่ได้เด็ดขาด ข้าไม่อนุญาตให้ท่านลาออกโดยไม่มีเหตุผล พักก่อนข้าเพิ่งเนรเทศชูซอนไป ถ้าแม้แต่ท่านยังจะจากไปอีกคนละก้อ ต่อไปจะมีใครมาช่วยงานข้าอีก"
"ฝ่าบาท แม้หม่อมฉันจะออกจากกรมไป แต่ยังมีมหาดเล็กมากมาย ที่ทำงานด้วยความจงรักภักดี เพื่อเห็นแก่ความสงบของบ้านเมือง โปรดทรงอนุญาต ให้หม่อมฉันลาออกเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อออกมาแล้ว โชชิคยอมถามกึมพยอว่า
"กึมพยอ เจ้าว่าข้า ยังจะได้กลับมาอีกหรือเปล่า"
"ข้าเชื่อว่าใต้เท้า ซักวันคงได้กลับมาอย่างแน่นอน"
"ข้าเคยปกป้องหน่วยงานแห่งนี้ ให้อยู่ต่อไป จนฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปมากมาย เจ้าเคยได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนของคนที่ตาย อยู่แถวนี้บ้างมั้ย หึ"
คิมชูซอนได้ช่วยเหลือชาวบ้าน รักษาตัวให้ชาวบ้านจนเป็นที่ชื่นชมอย่างมาก
สามปีต่อมา ได้รับพระบัญชาจากพระเจ้าซองจง ให้กลับวังหลวง
"ชูซอน เห็นเจ้ากลับมาอยู่กับข้าอีกครั้ง ข้ารู้สึกดีใจมาก"
"ทูลฝ่าบาท หลายปีนี้ ทรงสำราญดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"นับแต่เจ้าถูกเนรเทศ ข้าก็เหมือนถูกตัดแขนขา อยู่ไปก็รู้สึกอ้างว้างนัก ตอนนี้เมื่อเจ้ากลับมาซะได้ ข้าค่อยรู้สึกอุ่นใจหน่อย ข้าจะให้เจ้ากลับมาทำงานเหมือนเดิม เป็นผู้ช่วยของข้าดีมั้ย"
"พ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาทยิ่งแล้ว"
เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 30

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Related Posts



3 comments:

Anonymous said...

เย้ๆๆๆ รอตั้งหลายวันแล้ว
ขอบคุณมากเลยนะคะ
ไม่มีบล็อกนี้ ต้องแย่ๆแน่เลย

ขอบคุณมากเลยค่า

Anonymous said...

คิมชูซอน
เป็นกำลังใจให้
ในยามที่เราท้อแท้
ขอบคุณ
ที่ยังมีเรื่องดีๆ ให้อ่านค่ะ

Anonymous said...

ติดตามอยู่นะคับ เป็นกำลังใจให้นะคับ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal