Thursday, August 07, 2008

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - คิมชูซอน (31)ถึง (32)

คิมชูซอน 31

คิมชูซอนอุ้มองค์ชายยอนซันด้วยความเอ็นดู
จากนั้นคิมชูซอนก็เหลือบไปเห็นพระมเหสีโซฮวาซึ่งประทับอยู่ไม่ไกลนัก
พระมเหสีโซฮวาทรงปิติยินดียิ่งนักเมื่อทรงเห็นคิมชูซอนกลับมา "พระมเหสี
หลายปีนี้ ทรงสำราญดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" "ชูซอน
ในที่สุดเจ้าก็กลับมาจนได้" "เพราะฝ่าบาทมีรับสั่ง
ให้หม่อมฉันกลับมาคืนตำแหน่งเดิม" "ไม่นึกว่าจะได้เห็นเจ้าในวังอีก
แสดงว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทรงเมตตา
ได้ยินคำอธิษฐานของข้าแล้ว" องค์ชายยอนซันทูลถาม
"เสด็จแม่ทรงรู้จักชูซอนด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ" "เฮ่อ สมัยก่อน
เขาเป็นมหาดเล็กคนโปรดของเสด็จพ่อ
เป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก" "ซื่อสัตย์มากหรือ" "หึ ตอนที่หม่อมฉันออกจากวัง
ดูเหมือนว่าองค์ชาย ยังเป็นเด็กแบเบาะที่ยังไม่หย่านมด้วยซ้ำ ไม่นึกว่าพริบตา
จะทรงเติบใหญ่ถึงขนาดนี้แล้ว" "ชูซอน เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ" "หึ
สมัยที่องค์ชายเพิ่งประสูติ หม่อมฉันยังเคยอุ้มองค์ชายเลย" "อึม
งั้นหรอกหรือ" "พระมเหสี พระพันปีกำลังรออยู่นะเพคะ" "ตอนนี้ข้า
กำลังจะไปเฝ้าพระพันปีอยู่ ไว้วันหลังหาเวลาว่างๆ
ค่อยคุยกับเจ้าอีกทีนะ" เมื่อพระมเหสียุนโซฮวาเสด็จมากับองค์ชายยอนซัน
องค์ชายยอนซันทูลถาม "เสด็จแม่ ทำไมทรงกรรแสงล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "หึ
ไม่นึกว่าจะได้เจอเพื่อนเก่า ที่จากกันไปนาน เลยรู้สึกดีใจน่ะจ้ะ"


"เพื่อนเก่าหรือ" "มหาดเล็กคิมคนนี้ นอกจากเป็นคนที่ภักดีต่อฝ่าบาทแล้ว
เขายังเป็นเพื่อนที่คอยปกป้องแม่ ไม่ให้มีอันตราย แม่จึงเชื่อว่าอนาคต
เขาจะภักดีต่อเจ้า
และคอยปกป้องเจ้าเช่นเดียวกัน" คิมชูซอนเดินทางไปที่กรมมหาดเล็กและได้พบกับชางซุนโม
จากนั้นคิมชูซอน ก็ไปพบโชชิคยอมที่บ้าน "ท่านพ่อ ข้า
กลับมาเมืองหลวงอีกครั้งแล้ว ข้าอกตัญญู ที่ไม่ได้ดูแลท่าน
ท่านพ่อสบายดีหรือเปล่าครับ" "อึม สบายดี ที่เจ้าได้กลับมา
อย่าลืมว่าเป็นเพราะเมตตาของฝ่าบาทที่ทรงอภัยโทษให้เจ้าล่ะ" "ข้าไม่ลืมหรอกครับ" ภรรยาของโชชิคยอมต่อว่าคิมชูซอนทันที
"รู้มั้ยว่าเพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ
ท่านพี่ถึงได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้ากรมมหาดเล็กน่ะ" "ข้ารู้ว่าเพราะตัวเองไม่เอาไหน
จึงรู้สึกละอายต่อท่านพ่อท่านแม่นัก" "เอาเถอะๆ ลูกอุตส่าห์มาเยี่ยมเรา
เจ้าจะไม่ทักทายซักคำก็ช่าง
ทำไมยังไปรื้อฟื้นเรื่องเก่าให้เขาเสียใจอีกล่ะ" "แล้วข้าพูดผิดตรงไหนล่ะคะท่านพี่" "ท่านแม่พูดถูกแล้วครับ
นับแต่นี้ไป ข้าจะทำงานด้วยความระมัดระวัง
เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ท่านพ่ออีก" "ถ้าอย่างงั้น
สองพ่อลูกก็เชิญคุยตามสบายละกัน" ภรรยาของโชชิคยอมออกไป "ถึงผ่านไปกี่ปีๆ
นิสัยของแม่เจ้า ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน" ภายในพระตำหนักหลวง
พระมเหสีโซฮวาทรงมีรับสั่งให้ข้าราชบริพารส่วนพระองค์และบรรดาพระสนมเข้าเฝ้า
พระนางทรงชี้แจงกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยให้ทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
สนมชองไม่มาเข้าเฝ้าโดยอ้างว่าป่วย พระมเหสีโซฮวาทรงเสด็จเยี่ยมสนมชอง
พระนางพบว่าสนมชองดื่มเหล้าเมามาย
ดังนั้นจึงทรงมีรับสั่งลงโทษสนมชองสถานหนัก "สนมที่ควรทำตัวเป็นแบบอย่าง
ฐานะนางในขั้นสาม กลับชักชวนมหาดเล็กไปดื่มเหล้าในตำหนัก ทำตัวเหมือนหญิงแพศยา
สนมชอง ถ้าข้าจะไล่เจ้าออกจากวังเดี๋ยวนี้ เจ้าคงไม่ว่าอะไรสินะ" "เอ่อ
พระมเหสี หม่อมฉันสำนึกผิด ต่อไปไม่กล้าแล้วเพคะ" "เริ่มได้แล้ว
สนมชองจงฟังคำสั่งให้ดี นับแต่นี้จนกว่าจะครบร้อยวัน
ให้เจ้าแขวนป้ายห้ามดื่มสุราไว้ที่คอ มายืนที่นี่วันละหนึ่งมื้ออาหาร
คนอื่นก็ขอให้ดูสนมชองเป็นแบบอย่างไว้ ต่อไปไม่ว่าทำอะไรก็ขอให้รู้จักสำรวม
อย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก" "ทราบแล้วเพคะ" พระพันปียินซูทรงทราบก็ต่อว่าพระมเหสียุนโซฮวาว่าลงโทษหนักเกินไป
และเหมือนเป็นการลบหลู่พระเจ้าซองจง
ขอให้อภัยให้นางสักครั้ง "หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพระพันปี
ต้องทรงปกป้องสนมชองถึงขนาดนี้เพคะ ความผิดที่นางก่อ
แม้จะไล่ออกจากวังเดี๋ยวนี้
ยังถือว่าสมควร" "ทุกวันนี้ฝ่าบาทมีสนมเอกถึงสิบกว่าคน
ถ้าเราไม่ปกครองด้วยความเมตตาและผ่อนผันบ้าง เอะอะก็เอาแต่ลงโทษอย่างเดียว
คงยากจะให้พวกนางนับถือได้ และถึงตอนนั้น แม้แต่เหล่าสนมก็จะแข็งข้อด้วย
เพราะฉะนั้น ขอให้เชื่อข้าซักครั้งเถอะนะ" "หม่อมฉันจะไม่ยอมให้กฎของฝ่ายใน
ถูกใครคนหนึ่งล่วงละเมิดโดยที่เราไม่ทำอะไรเลย
ขอพระพันปีทรงเห็นใจด้วยเพคะ" "อะไรนะ"
พระพันปียินซูไม่พอพระทัยอย่างมาก "เมื่อก่อนพระพันปีเคยรับสั่งว่าเรื่องของฝ่ายใน
จะให้หม่อมฉันมีสิทธิ์ขาดในการดูแลไม่ใช่หรือเพคะ งั้นขอให้พระพันปี
ทรงทำตามหม่อมฉันดีกว่า" "ชุงจอน
เจ้าคิดว่าการขัดคำสั่งแม่สามีเป็นเรื่องที่ดีงั้นหรือ
เจ้าจะยืนกรานต่อไปให้ได้ใช่ไหม" เรื่องนี้ถึงพระอัยยิกาจองฮีต้องทรงตัดสินอีกครั้งหนึ่ง
แล้วพระอัยยิกาจองฮีก็ให้พระมเหสียุนโซฮวาจัดการเหมาะแล้ว
และให้พระพันปียินซูดูอยู่ห่างๆ
อย่าไปก้าวก่ายกัน คิมชูซอนกลัไปหาวอฮาและทุกคน
ต่างพากันดีใจที่เห็นคิมชูซอนกลับมาอีกครั้ง
คิมชูซอนถามโตชิว่าได้พบกับชองฮันซูหรือเปล่า โตชิถอนใจ
"เขาเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ไปเงียบๆ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอเขาอีก
เห็นว่าบางครั้งก็ไปเฝ้าสุสานของพ่อบุญธรรมบ้าง" คิมชูซอนไปพบเพื่อนๆ
ต่างถามความเป็นอยู่ของเขา คิมชูซอนเล่าว่า "เฮ่ย หลังจากข้าถูกเนรเทศ
ไปใช้ชีวิตกับพวกชาวบ้านถึงได้รู้ว่า การที่เราถูกตอนจนกลายเป็นขันที
ถูกคนนินทาลับหลัง หัวเราะเยาะว่าไม่ใช่ชายแท้ มันแทบไม่มีความหมายอะไรเลย
เพราะขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำให้ราษฎรต้องอยู่อย่างลำบาก
เจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีเงินหาหมอ
ได้แต่รักษาไปตามเวรตามกรรม" "แต่ขุนนางกลับบอกว่า ทุกวันนี้บ้านเมืองร่มเย็น
ภายใต้การปกครองของฝ่าบาทด้วยซ้ำ" "นั่นเพราะเหล่าขุนนาง
ต้องการปิดบังพระเนตรพระกรรณ ไม่ให้ทรงทราบความจริง
ขอแค่ออกจากเมืองหลวงเพียงก้าวเดียว เราจะพบเห็น
ชาวบ้านที่อดยากแร้นแค้นแทบต้องอดมื้อกินมื้อ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เมื่อเราเป็นข้าราชบริพารที่ใกล้ชิดฝ่าบาท ก็น่าจะช่วยให้พระองค์ทรงรู้ข้อเท็จจริง
เพื่อจะได้บริหารอย่างถูกต้อง แก้ปัญหาความยากจนได้อย่างตรงจุด" "เฮ่ย
แต่เราเป็นแค่มหาดเล็ก จะมีปัญญาไปช่วยคนอื่นได้ยังไง" "จาจีพูดถูก
เราเป็นได้แค่ของเล่นของพวกสนม คอยรินเหล้าให้ หรือไม่ก็เป็นเพื่อนคลายเหงา
คิดดูแล้วก็ไม่ต่างกับพวกนางรำ
ที่ต้องคอยต้อนรับแขกเหรื่อ" "โซอุน" เกยนัมกล่าวขึ้นว่า
"ข้าเห็นด้วยกับความคิดชูซอน ที่เราเป็นมหาดเล็ก เพราะเกิดมาฐานะยากจน
เพื่อไม่ให้ต้องอดอยาก ให้พ่อแม่พี่น้องอยู่สบายขึ้น
ถึงจำใจต้องเข้าวัง" แคนัมเห็นด้วย "อึ้ม ใช่ ฉะนั้นการทำเพื่อราษฎร
ก็เหมือนทำเพื่อญาติพี่น้องเราด้วย แต่จะทำยังไง ข้าก็ไม่รู้
แล้วแต่ชูซอนจะสั่งละกัน ข้าจะเป็นผู้ช่วยเอง" "อึม ใช่ๆ
เรามีความสามารถแค่นี้ ถ้าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมได้ เราก็ยินดี" "อึม
โซอุนก็จะร่วมด้วยใช่ไหม" "เฮ่ย นอกจากเชื่อฟังชูซอนแล้ว
ข้าจะทำอะไรได้อีก" "งั้นมา ดื่มเพื่อมิตรภาพของเรา ที่ไม่มีวันเปลี่ยน"
คิมชูซอนเชิญทุกคน ทันใดนั้นเองก็มีนางรำนางหนึ่งก็ลนลานเข้ามาขอความช่วยเหลือ
คิมชูซอนเข้าขัดขวาง
แทคังซูเชื้อพระวงศ์ซึ่งอยู่ในสภาพที่เมามายซึ่งกำลังปรี่เข้ามาระรานนาง
คิมชูซอนต่อว่าอย่างไม่เกรงกลัว
ทำให้แทคังซูโกรธมาก คิมชูซอนกลับมาก็พบว่าโชชิคยอมยังไม่นอน
โชชิคยอมชวนพูพระจันทร์ "ท่านพ่อจำเป็นต้องออกจากราชการ เพราะข้าเป็นต้นเหตุ
ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลย" "เมื่อก่อนข้าเป็นเจ้ากรมมหาดเล็ก
เลยต้องรับผิดชอบเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นมา เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอกนะ
ได้ข่าวว่าระหว่างอยู่ต่างเมือง เจ้าช่วยรักษาโรคภัยให้ชาวบ้าน
เป็นที่ยกย่องสรรเสริญของพวกเขานัก
ข้ายังไม่ได้ขอบใจเจ้าเลย" "ข้าเพียงแต่ทำในสิ่งที่
มหาดเล็กควรทำและตัวเองก็พอมีความรู้บ้าง" "เหมือนที่แสงจันทร์
ส่องสว่างในยามราตรี เจ้าก็เช่นกัน ต้องช่วยฝ่าบาทบริหารราชกิจ
ชี้นำให้พระองค์ทรงมีคุณธรรม เพื่อจะได้เป็นแสงสว่าง
สร้างความอุ่นใจให้ชาวโชซอนต่อไป" "เสียดายแต่ชาวบ้านทั้งหลาย
ไม่ค่อยรู้ถึงพระเมตตา
และการปกครองของฝ่าบาทซักเท่าไหร่" "ไม่ต้องใจร้อนนักหรอก
สิ่งที่เจ้าพบเห็นและประสบมาทั้งหมด อีกหน่อยจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเจ้า
ขอเพียงจำไว้ และรู้จักนำมาปรับใช้เท่านั้น" "ข้าจะไม่มีวันลืมครับ แต่ว่า
ทำไมไม่เห็นท่านกึมพยออยู่กับท่านพ่อด้วยล่ะรับ" "ข้าให้เขาไปทำงานที่อื่นซักพัก
ถ้ารู้ว่าเจ้ากลับมา เชื่อว่ากึมพยอ คงจะดีใจเหมือนกัน" แท้ที่จริงแล้ว
โชชิคยอมให้กึมพยอไปสืบหาลูกของโอซังกุง พระเจ้าซองจงซึ่งทรงได้รับสาส์นขอกำลังทหารสนับสนุนจากแผ่นดินจีนนั้นทรงมีรับสั่งให้ขุนนางใหญ่ทั้งหลายเข้าเฝ้า
เพื่อรับฟังความคิดเห็น "ถ้าเราต้องออกศึก ไปช่วยต้าหมิงปราบแคว้น "หนี่เจิน"
คงต้องเสียงบประมาณอีกมาก แต่ฮ่องเต้หมิงก็มีรับสั่ง ให้เราจัดส่งทหาร
ไปเป็นกองหนุนให้แก่ต้าหมิง ข้าจึงอยากรู้ว่าทุกท่าน
คิดยังไงบ้าง" ใต้เท้าซังตังกราบทูลว่า "กระหม่อมเห็นว่า
เราควรทำตามรับสั่งของฮ่องเต้ต้าหมิง
ส่งทหารไปช่วยโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ" ท่านแม่ทัพกราบทูลต่อว่า "กระหม่อม
แม่ทัพชายแดน "ซอจาซิน" มีเรื่องจะขอทูล ทุกวันนี้แคว้นหนี่เจิน
ไม่ได้มารุกรานเราซักนิด ถ้าบุ่มบ่ามส่งทหารไป
จะเป็นผลเสียต่อเรามากกว่าพ่ะย่ะค่ะ" ใต้เท้ายุนโฮกราบทูลว่า "แม้จะเป็นผลเสีย
แต่เมื่อเป็นคำสั่งมาจากต้าหมิง
หากเราไม่ทำตามก็จะถูกมองว่ากระด้างกระเดื่องต่อพวกเขา นี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สมควรไตร่ ตรองให้รอบคอบพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท ถ้าเราไม่ช่วยต้าหมิง
อีกหน่อยอาจสูญเสียมากกว่านี้ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่า
ถ้าเคลื่อนทัพตอนนี้ก็ต้องใช้เงินก้อนโต
ไม่พ้นต้องไปรีดไถจากชาวบ้านอีกนะพ่ะย่ะค่ะ"
แม่ทัพอีกคนค้าน พระเจ้าซองจงตรัสขึ้น "เรื่องนี้ขอข้าคิดดูอีกทีละกัน
แล้วค่อยให้คำตอบ" พระเจ้าซองจงทรงความกลัดกลุ้มพระทัยยิ่งนัก
องค์ชายยอนซันทูลถามพระเจ้าซองจงว่าเหตุใด
พสกนิกรโชซอนจะต้องเดือดร้อนไปกับสงครามของชาติอื่น
พระเจ้าซองจงทรงตกพระทัยยิ่งนักเมื่อทรงสดับเช่นนั้น "อะไรนะ ตัวแค่นี้
ริอ่านมาถกราชกิจกับผู้ใหญ่เชียวหรือ" พระอัยยิกาจองฮีตรัสถามต่อ
"แล้วเจ้าเห็นว่าไง
ไหนลองบอกเสด็จพ่อซิ" "หม่อมฉันเพียงแต่สงสารทหารที่ต้องออกรบเท่านั้น" พระมเหสีโซฮวาทรงมีรับสั่งกับคิมชูซอน "กลับมาวังหลวงอีกครั้ง,รู้สึกเป็นไงบ้าง" "เหมือนปลาที่หลงทาง
ได้กลับคืนสู่บ่อเดิมที่มันเคยแหวกว่ายประจำอยู่" "หึๆ งั้นหรือ
แต่เมื่อเห็นเจ้ากลับมา ข้ากลับรู้สึกวางใจขึ้นเยอะ ต่อไปถือว่าเห็นแก่ข้าและฝ่าบาท
ไม่ว่ายังไง เจ้าก็อย่าออกจากวังไปไหนอีกนะ" โอซังกุงกล่าวว่า
"รู้มั้ยว่าพระมเหสีทรงอธิษฐานให้เจ้าทุกวัน เพื่อขอให้ปลอดภัยกลับมาเร็วๆ
ความหวังดีของพระนาง เจ้าต้องจำใส่ใจไว้ด้วยล่ะ" "โอซังกุง
สิ่งที่ข้าทำไม่มีความหมายหรอก หึ ชูซอน เหมือนที่เจ้าทำเพื่อข้ามาตลอด
นับแต่นี้ขอให้ช่วยดูแลองค์ชายน้อย
และภักดีต่อเขาเหมือนที่ภักดีต่อฝ่าบาทล่ะ" "หม่อมฉันทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ" พอออกท่จากตำหนัก
โอซังกุงกล่าวกับคิมชูซอนว่า "เจ้าได้รับการอภัยโทษ
คนแรกที่ดีใจคงเป็นแม่เจ้าแน่" "ข้าทำให้ท่านแม่เป็นห่วงอยู่ตลอด
ช่างเป็นลูกอกตัญญูนัก" "ถึงจะเป็นลูกอกตัญญู แต่ได้อยู่ใกล้ชิดไม่ไปไหน
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว" "เฮ่อ ดูเหมือนในวัง
จะมีสนมเพิ่มขึ้นอีกหลายคนนะครับ" "ใช่ เพื่อให้มีทายาทเยอะๆ
พระอัยยิกากับพระพันปี จึงให้ฝ่าบาททรงมีสนมใหม่อีก 7 คน พอมีคนมาอยู่มากขึ้น
ฝ่ายในก็ยิ่งยุ่งเป็นเงาตามตัว หึ แต่ก็ไม่ต้องห่วงหรอก
ความรักที่ฝ่าบาททรงมีต่อพระมเหสี ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน" "ดีแล้วล่ะครับ
หึ" พระเจ้าซองจงเรียกทุกคนมาเลี้ยงอาหาร ทรงกล่าวว่า "นี่คืออาหารที่ข้า
ตั้งใจจัดเตรียมให้เหล่าพระญาติทั้งหลาย
เชิญทุกท่านดื่มกินให้เต็มที่" "ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" "ได้ยินว่าฝ่าบาท
ทรงคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องส่งทหารไปปราบหนี่เจิน ไม่ทราบทรงตัดสินพระทัยหรือยัง"
ขุนนางท่านหนึ่งทูลถาม "เพราะมีความเห็นแตกแยกหลายฝ่าย
ข้าเลยตัดสินใจไม่ได้ซะที ไหนๆ ก็ไหนๆ เลยอยากฟังความเห็นจากพวกท่านบ้าง
จึงได้เชิญมาสังสรรค์ในวันนี้" "ปกติแล้ว
ถ้าพระญาติก้าวก่ายราชกิจจะถือว่าผิดกฎอย่างแรง พวกเรา
คงไม่กล้าเสนอความเห็นหรอกพ่ะย่ะค่ะ ถ้าไง เรื่องจะส่งทหารหรือไม่นั้น
แล้วแต่ขุนนางจะเหมาะกว่า" "พวกเราก็คิดอย่างงั้นเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ" "ถ้าข้าตัดสินใจออกรบ
ราษฎรที่จะถูกเกณฑ์ทหาร คงจะน่าสงสารมาก"
พระเจ้าซองจงตรัส "หม่อมฉันกลับเห็นว่า
ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับต้าหมิงสำคัญกว่าราษฎรหลายเท่า" "พวกเรา
เป็นเพียงพระญาติที่ว่างงาน วันๆ มีแต่หาความสุขใส่ตัว
ไม่รู้เรื่องราชกิจหรอกพ่ะย่ะค่ะ" "ใช่แล้ว แต่หมู่นี้
ในหมู่นักปราชญ์เมืองหลวง ได้กล่าวขานถึงหญิงคนหนึ่งนามว่า "ออลูตง"
พ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้าซองจงทรงสนพระทัย
"ออลูตงหรือ" "ไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงาม ทั้งยังชำนาญศาสตร์และศิลป์
อักษรเพลงพิณล้วนแต่ช่ำชอง ว่าไปแล้ว
ถือเป็นหญิงที่หายากพ่ะย่ะค่ะ" "ออลูตงหรือ ฟังจากชื่อแล้ว
ไม่ค่อยเหมือนนางรำซักเท่าไหร่" "ก่อนจะเป็นนางรำ นางเคยเป็นภรรยาของท่าน
"แทคังซู" แต่เลิกรากันพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ ตายล่ะ
เป็นอดีตภรรยาของพระญาติหรอกหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ ใครๆ บอกว่า หญิงที่น่าสนใจ
ก็คือหญิงม่ายที่ชวนให้ยวนใจนัก ฮ่าๆๆ เฮ่อๆๆ ฮ่าๆๆ" พระเจ้าซองจงทรงเมามาก
คิมชูซอนต้องพาเสด็จไปบรรทม
พระเจ้าซองจงทรงตรัสถามว่าคิมชูซอนว่าควรจะทำไงดี "เดิมทีข้าก็ตัดสินใจ
จะส่งทหารไปช่วยปราบเผ่าหนี่เจิน แต่พอฟังวอนจาพูดแล้ว ข้ากลับคิดได้อย่างหนึ่ง
เมื่อก่อนข้าเคยตั้งใจไว้ว่า จะเป็นพระราชาที่ดี แต่ไม่เคยรับฟังความเห็น
จากราษฎรของข้าซักนิด" "ฝ่าบาท ตอนนี้ยังไม่สายไปพ่ะย่ะค่ะ
ถ้าทรงเปิดพระทัยให้กว้าง รับฟังความเห็นจากราษฎร ฝ่าบาทก็จะได้คำตอบเอง" "อึม
ใช่ ข้าคิดดีแล้วว่า จะเป็นพ่อที่ทำให้ลูกภูมิใจ
และเป็นพระราชาที่ดีด้วย" ขณะที่โบดึ้กและบรรดานางกำนัลอยู่ด้วยกันนั่นเอง
ทันใดนั้น
นางกำนัลนางหนึ่งก็เป็นลมหมดสติไป คิมชูซอนนำหนังสือที่เขาค้นพบสมุนไพรใหม่ๆ
พร้อมจดชื่อและสรรพคุณมาให้ยางซองยุนได้ศึกษา "หึ เจ้านี่เก่งจริง
ไม่ทันไรจะกลายเป็นหมอแล้วหรือนี่" "สิ่งสำคัญในการช่วยชีวิตราษฎร
ไม่ใช่สมุนไพรหรือการรักษา หากแต่ให้พวกเขาได้อิ่มปากอิ่มท้อง
พ้นจากความลำบาก แค่นี้ก็พอแล้วล่ะครับ "อึม แสดงว่าสามปีที่ผ่าน
นับว่าไม่เสียเปล่าสำหรับเจ้านะนี่ เฮ่อๆๆ
หึๆ" ฮุงบีวิ่งหน้าตาตื่นนำพวกนางใสเข้ามาให้ยางซองยุนช่วยนางในที่ปวดท้องหมดสติ
ยางซองยุนสั่งให้คิมชูซอนตรวจชีพจรนางในเพื่อได้รู้ว่าคิมชูซอนมีความรู้ระดับไหนแล้ว คิมชูซอนตรวจแล้วบอกว่าเป็นเพราะอาหารผิดสำแดง
ให้ยาไปและสั่งให้กินกับน้ำอุ่น 2-3 วันก็หาย แต่พอนางในคนนั้นหายดีแล้ว
คิมชูซอนก็มาดักพบนางบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย
นางในบอกว่านางไม่มีอะไรจะคุย "งั้นข้าจะขอเปิดเผย
เรื่องที่เจ้าตั้งครรภ์ให้คนอื่นรู้" นางในคนนั้นตกใจ
ร้องไห้ขอความช่วยเหลือจากคิมชูซอน "ฮือๆๆ โปรดช่วยข้าหน่อยเถอะนะ ฮือ
ถ้าเรื่องนี้ให้ใครรู้ ข้ามีหวังตายแน่ ไม่ว่าเจ้าให้ทำอะไร ข้าก็ยินดีทำทั้งนั้น
ฮือ แต่ขอให้ช่วยข้าซักครั้ง แล้วชาตินี้ข้าจะไม่ลืมบุญคุณเลย ฮือ มหาดเล็กคิม ฮือ
ขอร้องล่ะนะ ฮือ" "ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ข้าช่วยหรือไม่ช่วย
แต่ถ้าเจ้าไม่ได้ถวายตัวให้ฝ่าบาท แล้วจะตั้งครรภ์กับใครได้
บอกให้ข้ารู้ไม่ได้หรือ" นางในซงส่ายหน้า
ทันใดนั้นก็มีซังกุงเข้ามาจับตัวนางไป
นางในซงร้องขอให้คิมชูซอนช่วย นางในซงถูกนำตัวไปให้หมอหญิงตรวจ
หมอหญิงยืนยันว่านางในซงตั้งครรภ์
ซังกุงคาดคั้นนางในซงว่าไม่เคยผ่านการถวายตัวแล้วตั้งครรภ์ได้ยังไง
แล้วก็คาดคั้นต่อว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง นางในซงบอกว่านางไม่รู้
ทำให้ถูกโบย คิมชูซอนนำเรื่องนางในซงไปปรึกษากับยางซองยุน "หา ตายล่ะ
ชายหญิงถ้าจะรักใคร่ชอบพอ เราจะมีสิทธิ์ไปห้ามได้ยังไง
แถมยังต้องตายเพราะเรื่องแบบนี้ มันคุ้มที่ไหนกัน" "ใต้เท้า
แล้วเราจะทำไงดีครับ" "ป่านนี้พวกซังกุง
คงไม่อยากให้เรื่องอัปยศแบบนี้มีใครรู้เข้า และจะหาหนทางกำจัดนางในซง
รวมถึงเด็กในท้องอย่างเงียบเชียบ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม"
ยางซองยุนกล่าวอย่างหนักใจ พวกซังกุงต่างคิดหาทางปิดเป็นความลับ
มีเพียงโอซังกุงที่เป็นห่วงชีวิตของสองแม่ลูก
นางเสนอว่าควรจะสืบว่าฝ่ายชายเป็นใครแล้วจับมาถามให้รู้เรื่อง
ซังกุงผู้ใหญ่เห็นดีด้วย
สั่งให้สืบหาความจริงทันที พระมเหสียุนโซฮวาทรงทราบก็ไปช่วยนางในซงจากการถูกทรมาน
และสั่งให้สืบความจริงไม่ใช่ปกปิดทำลายหลักฐาน พร้อมบอกว่าพระองค์จะจัดการเอง
และรับสั่งว่าห้ามให้รู้ถึงพระเจ้าซองจง พระมเหสียุนโซฮวาทรงตรัสถามนางในซงถึงพ่อของเด็ก
แต่นางในซงเองก็ยืนยันว่าไม่รู้ พระมเหสียุนโซฮวาทรงเรียกกรมมหาดเล็กมาพบ
และสืบหาพ่อของเด็กให้ได้ เวลาเดียวกันพระเจ้าซองจงก็บอกกับพวกมหาดเล็กว่าจะเสด็จประพาส
โดยให้คิมชูซอนติดตามไปเพียงลำพัง และใช้ทางลับ
พระเจ้าซองจงตรัสกับคิมชูซอนเมื่อเดินทางเข้าเมืองแล้ว "ชูซอน
การได้ออกจากวังหลวงที่เคร่งครัดและมีแต่การเสแสร้ง
มาดูความเป็นอยู่ของชาวบ้านแบบนี้ ข้าค่อยรู้สึกสบายใจหน่อย
นี่ต่างหากคือชีวิตที่แท้จริง เจ้ายังจำได้หรือเปล่า สมัยที่ข้ายังเป็นองค์ชายอยู่
เราสองคน เคยปีนข้ามกำแพงออกมาเที่ยวข้างนอก
จนเกือบทำให้ป้ายหยกที่เสด็จปู่ประทานให้ข้าสูญหายไป" "และป้ายหยกนั้น
ก็ถูกพระมเหสีนำไปถวายคืนฝ่าบาท" "หึ ใช่ บ่อยครั้งที่ข้า
อยากจะย้อนเวลากลับไปช่วงนั้นอีก" พระเจ้าซองจงกับคิมชูซอนเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
คิมชูซอนรู้สึกไม่ค่อดี "ฝ่าบาท
ทำแบบนี้จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ถ้าอยากรู้ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
ก็ต้องคลุกคลีกับพวกเขาและกินข้าวโต๊ะเดียวกันไม่ใช่หรือ" ชาวบ้านคนหนึ่งวิจารณ์การที่พระเจ้าซองจงส่งทหารไปช่วยต้าหมิง
ทั้งที่หลานชายพยายามห้ามปรามแล้ว พระเจ้าซองจงทรงเอ่ยว่า "ไม่เป็นไรหรอกครับ
ขอเพียงพระราชาไม่ได้ยิน เราจะวิจารณ์ยังไงก็ได้" "ใช่
ต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว" "แต่ว่าท่านลุง ตอนนี้พระราชา
ได้ยกเลิกกฎหมายเก่าและประกาศให้ใช้ของใหม่ รวมถึงรับขุนนางใหม่เข้าทำงานอีกมากมาย
ท่านไม่คิดว่าอนาคตจะดีขึ้นหรอกหรือ" "หึ อนาคตดีขึ้นหรือ เฮอะ
อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย พ่อหนุ่ม นั่นน่ะ
เป็นสิ่งที่ทำเพื่อราชสำนักและขุนนางทั้งนั้น
ในเมืองยังมีชาวบ้านที่อดอยากแร้นแค้นอีกมาก แต่พวกเขาไม่เคยรับรู้
หวังจะมีอนาคตที่ดีน่ะหรือ
รอไว้ชาติหน้ายังจะง่ายกว่า" ชองฮันซูมาไหว้ใต้เท้าโน
โชชิคยอมกล่าวกับเขาว่า "เจ้าไว้ทุกข์ให้กับการตายของท่านพ่อถึงสามปี จนวันนี้
ถือว่าสิ้นสุดได้แล้ว
จงกลับไปทำงานที่กรมมหาดเล็กเถอะ" "เมื่อก่อนข้าเคยปองร้ายท่านหลายครั้ง
ทำไมท่านยังเมตตาข้าขนาดนี้อีกครับ" "แม้ว่าข้า
จะตัดพ่อตัดลูกกับท่านพ่อไปแล้วก็ตาม แต่ยังมีหน้าที่สืบทอดวงศ์ตระกูลของเขาต่อ
ไม่อาจละทิ้งได้ และข้าก็เชื่อว่า ตลอด 3 ปีที่เก็บตัวอยู่นี่ อาจทำให้เจ้ามีสติ
เริ่มคิดอะไรได้บ้าง ข้ามีเรื่องบางอย่างจะไปคุยกับเจ้ากรมมหาดเล็ก
ถ้าไงเจ้ากลับไปทำงานเถอะนะ" ด้านกึมพยอกลับมา
โชชิคยอมก็ถามว่าเขาสืบได้เรื่องมาแล้วใช่ไหม กึมพยอบอกว่าได้เบาะแสแล้ว

จบ 31


คิมชูซอน 32

คิมชูซอน นำเสด็จพระเจ้าซองจง
ออกจากวังหลวงและได้พบออลูตง โดยบังเอิญ พระเจ้าซองจง ทรงโปรดปรานวีตง
ออลูตงมองออกว่าพระเจ้าซองจงทรงพอพระทัยในตัวนาง นางจึงแสร้งทำผ้าเช็ดหน้าหล่น
ผ้าเช็ดหน้าปลิวไปตกอยู่ที่หน้าพระพักตร์พระเจ้าซองจง
พระเจ้าซองจงจึงทรงเก็บผ้าเช็ดหน้าของออลูตงไว้เป็นที่ระลึก
พระมเหสียุนโซฮวาพบว่ามหาดเล็กและนางกำนัลมีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวจนนางกำนัลตั้งครรภ์
พระนางทรงสืบสาวราวเรื่องจนถึงที่สุด
พระพันปียินซูเองก็ทรงทูลบอกกล่าวกับพระอัยยิกาจองฮีจะสืบหาความจริง
แต่พระอัยยิกาจองฮีตรัสว่าให้พระมเหสียุนโซฮวาจัดการก่อน โชชิคยอมมาพบวอฮา
เขาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย
เล่าเหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อนที่โอซังกุงตั้งครรภ์จนให้กำเนิดลูกชายให้วอฮาฟัง
"ท่านบอกว่า เด็กทารกใต้ก้อนหินหรือคะ" "อึม เห็นบอกว่าปี "ชองชุน"
มีแม่ลูกบุญธรรมคู่หนึ่ง ไปเจอเด็กทารกถูกทิ้งอยู่ใต้หินก้อนใหญ่
และพามาอยู่เมืองหลวงด้วยกัน จึงอยากให้เจ้าช่วยสืบหน่อยว่า ยังมีคนทรงที่ไหน
ที่เอาเด็กไปเลี้ยงบ้าง หรือไม่ เจอลูกสาวก็ยังดี
ข้าจะได้ไปถามหน่อย" "แต่เรื่องมันผ่านไป 20 กว่าปีแล้ว
ยังจะตามหาเด็กคนนั้นอีก มีประโยชน์อะไรหรือคะ" "ข้าเคยรับปากโอซังกุง
ว่าจะช่วยตามหาลูกของนางให้พบ เลยพยายามทุกทาง ที่จะสืบหาข่าวคราวของเด็ก
เพื่อไปบอกให้นางรู้ ถ้าไงเรื่องนี้ ขอไหว้วานเจ้าหน่อย ทำไงก็ได้ ให้หาเด็กให้พบ"
โชชิคยอมเดินจากไป เรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้วอฮายิ่งนัก
นางรู้ว่าคนที่โชชิคยอมตามหาคือคิมชูซอน
โชชิคยอมกลับมาถึงก็ต้องรีบเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจง "ต้าหมิงมีจดหมาย
เป็นการขอร้องแกมบังคับ ให้เราส่งทหารไปช่วยตีแคว้น หนี่เจิน อย่าได้รอช้า
ซึ่งความเห็นของเหล่าขุนนาง ก็มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยที่จะให้ออกศึก
กับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับเรา ทำให้ข้า
ไม่กล้าตัดสินใจบุ่มบ่าม วันนี้จึงอยากฟังความเห็นจากท่านหน่อย
พอจะแนะนำให้ข้าได้ไหม" "ฝ่าบาท หม่อมฉันมีวิธีช่วยต้าหมิง
แต่ก็ไม่เสียผลประโยชน์ของเราพ่ะยะค่ะ" "วิธีอะไร
บอกมาเร็วเข้า" "เราจะส่งทหารไปช่วยรบ แต่ให้มีพระบัญชา
ให้ทหารของเราหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแคว้นหนี่เจินพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ" "วิธีนี้
เราจะไม่บาดหมางกับต้าหมิง ขณะเดียวกัน
ทหารของเราก็ไม่ถูกแคว้นหนี่เจินทำลายจนราบคาบ เป็นการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์
ดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" "หึ เป็นวิธีที่ดีมาก หลังจากฟังความเห็นท่านแล้ว
ค่อยรู้สึกว่าภาระหนักอึ้งของข้า
ได้ถูกปลดเปลื้องอย่างทันควัน" "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" "ใต้เท้าโช
ถ้าไงกลับมาวังหลวง ช่วยข้าทำงานต่อเถอะนะ
ข้าต้องการคนใกล้ชิดที่ซื่อสัตย์อย่างท่าน
และมีประสบการณ์ในการทำงาน" "หม่อมฉันซาบซึ้งในน้ำพระทัยของฝ่าบาทนัก
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่ถึงเวลาหรือ" "ถ้าหม่อมฉันกลับมา
เหล่าขุนนาง ก็จะหาว่ามหาดเล็กก้าวก่ายราชกิจ เป็นประเด็นให้ถกเถียง และถึงตอนนั้น
หม่อมฉัน ก็จะกลายเป็นอุปสรรคสำหรับฝ่าบาทอีกครั้ง" "เฮ่อ
ข้าไม่อาจรั้งตัวท่านไว้ได้ เพราะข้าไม่เอาไหนจริงๆ" "ฝ่าบาท หม่อมฉัน
ยังมีความภักดีต่อฝ่าบาทเสมอ ขอเพียงมีจังหวะเหมาะสม หม่อมฉันจะกลับมา
ถวายการรับใช้อีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ" "เอาเถอะ
งั้นข้าจะรอท่านไปก่อน" พวกเจ้ากรมหาดเล็กแก้ปัญหานางในซงตั้งครรภ์ไม่ได้
จึงพากันมาปรึกษากับโชชิคยอม เขาบอกให้แสดงความบริสุทธิ์
สืบหาให้พบ มูนโซอุนมาเล่าเรื่องที่ถูกตรวจสภาพร่างกายให้เพื่อนๆ ฟัง
คิมชูซอนกล่าวว่า "โชอุน จริงๆ แล้วพระมเหสีไม่ได้ทรงระแวงเจ้าหรอกนะ
เพียงแต่คราวก่อนที่สนมชองลวนลามเจ้า
พระนางเลยจะล้างมลทินให้เจ้าต่างหาก" "อึม
หลังจากนั้นพระมเหสีก็รับสั่งเหมือนเจ้านี่แหละ" "เฮ่ย แต่ข้ายิ่งคิดก็ยิ่งงง
เราเป็นขันทีแท้ๆ ทำไมยังทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ล่ะ"
แคนัมไม่เข้าใจ "อาจเพราะระหว่างถูกตอน ออกไปไม่สมบูรณ์ หรือไม่บางคนเกิดมา
ก็เป็นขันทีแล้ว จู่ๆ มีพัฒนาการเมื่อเติบใหญ่ขึ้น" "งั้นหรอกหรือ
แล้วถ้าถูกจับได้ว่าคืนชีพจริง คนๆ นั้นจะเป็นไงบ้าง" "ที่แล้วมา
ก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน เนื่องจากทำให้กรมมหาดเล็กเสื่อมเสีย
ก็เลยมีโทษหนัก ให้ม้าแยกร่างจนเสียชีวิต" "อุ๋ย ตายล่ะ แค่ฟังก็จะหน้ามืดแล้ว
น่ากลัวจัง เฮ่ย เฮ่อ" คิมชูซอนมองจาจี "จาจี ทำไมวันนี้
เจ้าดูหน้าซีดผิดปกติ มีปัญหาอะไรกลุ้มใจหรือเปล่า" "เอ่อ ข้าหรือ จะมีอะไรได้
หึ ไม่มีหรอก หึ" ยางซองยุนเข้ามา "หึๆๆ เด็กๆ ทั้งหลาย มาสุมหัวอยู่นี่
จะวางแผนก่อกบฎหรือไง แถมยังทำหน้าเครียดอีก มีเรื่องอะไรนักหนา
หา" เกยนัมบอกว่า "เรากำลังสันนิษฐานว่าคนที่ทำให้นางในตั้งครรภ์
จะเป็นใครน่ะครับ" "เฮอะ ขันทีที่ถูกตอนตั้งแต่เด็ก
จะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงได้ยังไง มันเหมือนพายุพัดกระหน่ำ
กวาดทุกอย่างให้ราพณาสูร นี่แหละคืออารมณ์อันร้อนแรงล่ะ เฮ่อๆๆ
ต่อให้มีคำสอนคำเตือน ภาษิตคติพจน์ร้อยแปดพันเก้า ก็ไม่อาจขวางกั้น
ความรักอันร้อนแรงของหนุ่มสาวได้หรอกจะบอกให้ เฮ่ย ฮือ"
พูดจบยางซองยุนก็นอนกรน หลังจากที่ชองฮันซูเสร็จสิ้นการไว้ทุกข์ให้ไต้เท้าโนแล้วก็เดินทางกลับวังหลวง
ชองฮันซูรู้สึกสำนึกในสิ่งที่เคยกระทำมา คิมชูซอนเข้ามา
มหาดเล็กชางกล่าวกับทั้งสองว่า "ตอนนี้เจ้าสองคนก็กลับมาทำงานพร้อมกันหมด
เห็นทีข้าต้องหาตำแหน่งที่เหมาะสมไว้รองรับซะแล้ว
ชองฮันซูเคยเป็นหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์ ส่วนคิมชูซอน ก็มีลักษณะเป็นผู้นำ
เหมาะกับการเป็นมหาดเล็กตรวจการณ์เหมือนกัน แต่ว่า
ตำแหน่งหัวหน้ามหาดเล็กตรวจการณ์มีได้แค่คนเดียวเท่านั้น เอางี้
ใครมีปัญญาสืบได้ว่านางในซงตั้งครรภ์กับผู้ชายคนไหน ก็ให้รับตำแหน่งหัวหน้าไปละกัน
งานนี้ถือว่ากู้หน้าให้กรมมหาดเล็กของเรา ต้องทำให้ดีที่สุดล่ะ"หลังจากออกมา
คิมชูซอนกล่าวกับชองฮันซูว่า "มหาดเล็กชอง เรื่องอดีตที่ผ่าน ข้าลืมไปหมดแล้ว
ต่อไปขอให้เหมือนเดิมเถอะนะ" "ชูซอน เพราะข้าเป็นต้นเหตุ
ทำให้มหาดเล็กรุ่นเยาว์คนหนึ่งเสียชีวิต และเจ้าก็ถูกเนรเทศไปถึงสามปี
เจ้าจะยอมยกโทษให้ข้าจริงหรือ" คิมชูซอนพยักหน้า
"อึม" "ถึงเจ้ายอมอโหสิให้ข้า แต่ว่า ข้าไม่อาจอภัยให้เจ้าได้หรอก
ตลอดสามปีที่ผ่าน ข้าอยู่กับสุสานของท่านพ่อ คิดถึงเรื่องราวในอดีต
ทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้ความว่า เพราะเจ้าทำให้ข้าไม่ได้เป็นลูกใต้เท้าโช
แถมยังทำให้พ่อบุญธรรมเสียชีวิตอีก เจ้าเป็นคนทำลายอนาคตของข้า
แล้วจะไม่ให้ข้าแค้นได้ยังไง" "ฮันซู แล้วเจ้าจะอยู่กับความแค้น
ไปจนชั่วชีวิตหรือไง" "ไม่ใช่อย่างงั้นอยู่แล้ว ต่อไปข้าจะไม่อาศัยบารมีคนอื่น
แต่ใช้ความสามารถของตัวเอง ต่อกรกับเจ้าอย่างเปิดเผย เพื่อแสดงให้เห็นว่า
เมื่อก่อนที่ใต้เท้าโชยืนกราน เลือกเจ้าเป็นลูกบุญธรรมนั้น
เป็นการตัดสินใจที่ผิด" ชองฮันซูไปเข้าเฝ้าพระมเหสียุนโซฮวา
บอกว่าจะขออนุญาตสืบหาคนที่ทำให้นางในตั้งครรภ์
พระมเหสียุนโซฮวาตรัสว่า "มหาดเล็กชอง เจ้าคิดว่า
จะให้ความเป็นธรรมในการไต่สวนคดีนี้ได้ไหม" "หม่อมฉันให้สัญญาพ่ะย่ะค่ะ" พระพันปียินซูทรงทราบว่ามหาดเล็กเข้ามายุ่งเรื่องสืบหาคนที่ทำให้นางในซงตั้งครรภ์ก็ไม่พอพระทัยมาก
ทรงปรึกษากับพระอัยยิกาจองฮีเพื่อจะเรียกพระมเหสียุนโซฮวามาตักเตือน
แต่พระอัยยิกาจองฮีกลับบอกว่าการที่พระมเหสียุนโซฮวาทำเช่นนี้เพื่อแบ่งเบาภาระของพระเจ้าซองจง ชองฮันซูทรมานและบังคับให้นางในซงบอกว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง
นางในซงบอกไม่ได้ทำให้ถูกทรมานอย่างหนัก
คิมชูซอนเข้ามาเห็นก็ห้ามปรามไว้ "ทำแบบนี้กับผู้หญิงท้อง
ไม่เกินไปหน่อยหรือ" "หึ เกินไปยังไง
ข้าได้รับอนุญาตจากพระมเหสีให้สอบปากคำนาง
แล้วจะให้เห็นใจเพื่ออะไรกัน" "แต่เด็กในท้องของนาง
มีความผิดอะไรด้วย" "ในเมื่อพ่อแม่เป็นนักโทษ ลูกที่อยู่ในท้อง
ก็จะมีความผิดตามเหมือนกัน ลงทัณฑ์ต่อ" ชองฮันซูอ้างถึงพระมเหสียุนโซฮวา
ทำให้เขาช่วยนางไม่ได้
นางในซงถูกทรมานต่อและทนความเจ็บปวดไม่ไหวเป็นลม คิมชูซอนเดินหน้ามุ่ยออกมา
เจอกับฮุงบี นางถามว่าเขาเป็นอะไร
คิมชูซอนปรับทุกข์เกรงว่านางในซงจะถูกทรมานตายเสียก่อน
ฮุงบีแนะนำให้ไปตรวจค้นที่พักของนาง
คิมชูซอนบอกว่าตรวจแล้วไม่พบอะไร ฮุงบีบอกว่า "ไม่พบไม่ได้แปลว่าไม่มี
เพียงแต่เราไม่ทันสังเกตต่างหาก" คิมชูซอนไปที่พักของนางในซง
เขาพบกับมหาดเล็กซิมเข้า "มหาดเล็กซิม เจ้ามาค้นอะไรที่นี่น่ะ" "อ้อ
ข้ามาหาหลักฐานต่อ เผื่อมีอะไรหลงเหลือบ้าง" "แล้วเจอมั้ย
มีอะไรเพิ่มเติมบ้าง" "ไม่เจออะไรซักอย่าง" คิมชูซอนเข้ามาดูนางในซง
พอดีนางร้องขอน้ำ
คิมชูซอนเอาน้ำมาให้และกล่าวกับนางในซงว่า "ทำไมต้องแบกรับความผิดไว้คนเดียว
คนที่ทำให้เจ้าเป็นแบบนี้คือใครกันแน่ บอกข้าหน่อยได้ไหม" "ฮือ สำหรับคนอื่น
ฮือ เขาอาจเป็นนักโทษ ที่บังอาจล่วงเกินนางใน ฮือ แต่สำหรับข้า ฮือ
เขาคือผู้ชายคนแรกที่ข้ารัก ฮือ ข้ารู้ว่าเป็นนางใน ไม่สมควรทำเรื่องแบบนี้ ฮือ
จะลงโทษยังไงข้าก็ยินดี ฮือ แต่ว่า ข้าจะไม่มีวันเสียใจ ที่เคยรักเขามาก่อน
ฮือ" "หึ บอกชื่อให้ข้ารู้ได้ไหม ไม่แน่ว่า
อาจช่วยให้เจ้าไม่ต้องถึงตายก็ได้" "ฮือ เฮ่อ ถ้าข้าบอกชื่อออกมา
เราจะตายพร้อมกันทั้งสามคน ฮือ แต่ถ้าข้าไม่พูด ฮือ อย่างน้อยก็ปกป้องคนๆ
นั้นไว้ได้ ฮือ เขาเป็นคนจิตใจดีงาม เชื่อว่าต่อไป คงจะดูแลครอบครัว แทนข้าได้
ฮือ" คิมชูซอนกล่าวกับนางในซงว่า "ข้าเจอที่ผูกเสื้อของเขาแล้ว ช้าเร็ว
เขาต้องถูกจับได้แน่" นางในซงตกใจ "หา มหาดเล็กคิม ฮือ อย่าไปบอกใครนะคะ ฮือ
ได้โปรดอย่าให้เขาตายเลย ฮือ ข้าขอร้องล่ะ ฮือ มหาดเล็กคิม ฮือๆๆ ได้โปรดเถอะนะ
ฮือๆๆ
ฮือๆๆ"0000000000 พระเจ้าซองจงตรัสกับเหล่าขุนนางว่าจะทำตามข้อเรียกร้องของต้าหมิง
ส่งกำลังไปปราบแคว้นหนี่เจิน ให้อำมาตย์ขวา "โอยูโซ" เป็นแม่ทัพนำขบวนไป
บวกกับกำลังทหาร 1 หมื่นนาย จากมณฑล "พยองอัน" 7 พัน มณฑล "ฮวางแฮ" 2 พัน
และมณฑล "ยองอัน" อีก 1 พัน
รวมเป็นหนึ่งกองทัพ พระอัยยิกาจองฮีทรงเห็นด้วยกับพระเจ้าซองจงอย่างยิ่ง
ขุนนางใหญ่ต่างพากันสนับสนุน
จากนั้นพระเจ้าซองจงก็เรียกท่านแม่ทัพเข้าเฝ้า "เพราะอะไร
ข้าถึงมีคำสั่งให้ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ ทั้งที่คัดค้านการออกรบมาตลอด
ท่านพอรู้เหตุผลบ้างมั้ย แม้ข้าจะทำตามเสียงส่วนใหญ่ ส่งทหารไปรบก็จริง
แต่ข้าจะไม่ให้คนของเรา ซึ่งเป็นราษฎรที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ไปถูกข้าศึกทำร้ายโดยเด็ดขาด ราษฎรนั้น ถือเป็นรากฐานของบ้านเมือง
ข้าจึงอยากให้ท่าน แม้จะยุติการสู้รบ ก็อย่าให้คนของเราพลีชีพง่ายๆ
เข้าใจที่ข้าพูดหรือเปล่า" "พระเมตตาของฝ่าบาท
หม่อมฉันจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้าซองจงเสด็จมาหาพระมเหสียุนโซฮวา
พระนางมองพระพักตร์พระเจ้าซองจงแล้วตรัสกับพระองค์ว่า "ฝ่าบาท
ทำไมพระพักตร์ดูซูบลง แถมยังหมองคล้ำอีกล่ะเพคะ อย่าห่วงแต่ราชกิจ
จนละเลยการดูแลสุขภาพ มันจะไม่ดีนะเพคะ" "อึม ข้ารู้ ยังไงคืนนี้
ข้าจะมาค้างที่ตำหนักกลางละกัน" "หม่อมฉันต้องขออภัยเพคะ
วันนี้หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย คงไม่อาจถวายการปรนนิบัติได้
ถ้าไงเชิญเสด็จไปหาสนมอื่นดีกว่า" "หึ เดิมทีคิดว่า
ข้าจะมาคุยกับเจ้าให้หายคิดถึงหน่อย งั้นก็ช่างเถอะ ถ้าอย่างงั้น
ข้าจะกลับตำหนักใหญ่ละกัน" "ขอทรงอภัยเพคะ" นางในซงทนอยู่ต่อไปไม่ได้
นางตัดสินใจฆ่าตัวตาย พระมเหสียุนโซฮวาทรงทราบก็ต่อว่าพวกเวรยามที่ไม่ดูแล
ซังกุงบอกว่านางในซงถือโอกาสที่ทุกคนเผลอ กัดลิ้นฆ่าตัวตาย "เฮ่อ
ยังไม่ทันรู้ว่านางเป็นชู้กับใครก็ตายซะแล้ว จะทำไงดีล่ะนี่" "พระมเหสี
ถ้าไงเรื่องนี้ก็ให้จบไปซะ
อย่าไต่สวนต่ออีกดีมั้ยเพคะ" "ข้าจะไม่ยอมให้จบง่ายๆ หรอก
ยังไงต้องสืบให้ถึงที่สุด
คนจะได้รู้ว่าในวังมีกฎเข้มงวดแค่ไหน" มหาดเล็กชางนำเรื่องนี้มาปรึกษากับโชชิคยอมอีกครั้ง
พอดีภรรยาโชชิคยอมได้ยินก็เสนอว่าให้ตรวจร่างกายทุกคนว่าคนไหนคืนชีพก็ต้องต่างจากคนอื่นแน่
โชชิคยอมเห็นด้วย มหาดเล็กชางจึงมาบอกยางซองยุนให้เป็นคนตรวจ ยางซองยุนจะไม่ทำ
มหาดเล็กชางขู่ว่าถ้าไม่ทำก็จะสั่งห้ามยางซองยุนดื่มเหล่า
ยางซองยุนจึงขอตรวจพวกมหาดเล็กชางก่อนเลย "เจ้ากรมมหาดเล็กและหัวหน้าทุกแผนก
ต้องให้ตรวจสอบเป็นเยี่ยงอย่างและหลังจากพ้นข้อสงสัยแล้ว ถึงให้คนอื่นทำตามได้
จริงหรือเปล่า" มหาดเล็กหลายคนเข้ามาตรวจ
โดยยางซองยุนตรวจคิมชูซอนกับชองฮันซูก่อน แล้วก็ให้คิมชูซอนมาช่วยเขาตรวจอีกครั้ง
แคนัมถามจาจีว่าไปตรวจหรือยัง "เอ่อ ยังเลย ก็ไหนว่า
ให้เวลาอีกตั้งสามวันไม่ใช่หรือ" เกยนัมกล่าวกับจาจีว่า "จาจี
รีบไปตรวจดีกว่านะ" "หึ ไม่ต้องห่วง
ข้าตรวจอยู่แล้วล่ะ" "ทุกคนผ่านหมดอยู่แล้ว
แต่ไม่รู้ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากอีก" พระเจ้าซองจงทรงถวิลหาออลูตง
พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้คิมชูซอนนำเสด็จพระองค์ออกจากวังหลวงอีกครั้ง
พระองค์ตรัสกับคิมชูซอนว่าวันนี้จะต้องรอพบออลูตงให้จงได้
แล้วพระเจ้าซองจงก็ตามจนเจอกับออลูตง "ท่านมาเพราะผ้าเช็ดน้อยผืนน้อยนี่น่ะหรือ" "สำหรับคนอื่นอาจไม่ใช่สิ่งมีค่า
แต่กับคนบางคน มันเป็นของสำคัญ ที่ทำให้เขากินนอนไม่ได้มาหลายวัน" "หึ
ในเมื่อให้เกียรติมาถึงบ้านข้า ก็เชิญดื่มเหล้าซักถ้วยแล้วค่อยกลับเถอะ กิดโย
จัดสุราอาหารมาหน่อยซิ" "ค่ะคุณหนู" "ถ้าไง
ข้าขอตัวซักครู่" ออลูตงดีดพิณคาย่าให้พระเจ้าซองจงฟัง "เจ้าดีดพิณ
"คาย่า" ได้ไพเราะมาก ดีดให้ข้าฟังอีกเพลงได้ไหม" จนรุ่งเช้า
คิมชูซอนก็ปลุกพระเจ้าซองจงเพื่อเสด็จกลับวัง
พระเจ้าซองจงงุนงงว่าพระองค์บรรทมอยู่ที่ไหน "ทรงจำไม่ได้แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ
ทรงดื่มจนเมา แล้วมาบรรทมอยู่ที่นี่ หม่อมฉันเห็นฝ่าบาทหลับสนิท
เลยไม่กล้ารบกวนให้ตื่นพ่ะย่ะค่ะ" "เฮ่ย
ข้านี่ช่างเสียมรรยาทจริงๆ" พระเจ้าซองจงอยากบอกลาออลูตง
แต่สาวใช้กิดโยบอกว่านางเข้านอนแล้ว พอพระเจ้าซองจงกับคิมชูซอนกลับไปแล้ว
กิดโยก็เข้ามาหาออลูตง "แขกสองคนกลับไปแล้วใช่ไหม" "อึม ค่ะ
แต่ไม่ได้บอกลาคุณหนูด้วยตัวเอง คุณชายคนนั้นผิดหวังมากเลย แต่ว่า
ดูจากหน้าตาเหมือนไม่ใช่คนธรรมดานะเจ้าคะ" "แต่สำหรับข้าแล้ว
ผู้ชายก็เหมือนกันทั้งโลกนั่นแหละ ดูจากที่ถือผ้าเช็ดหน้ามาหาข้าถึงบ้าน
ก็พอรู้ว่าน่าจะเป็นลูกเศรษฐีที่เข้าออกหอนางโลมบ่อยๆ" ระหว่างเดินทางกลับวัง
คิมชูซอนเงียบไป จนพระเจ้าซองจงตรัสถาม "ชูซอน
ทำไมตลอดทางไม่เห็นพูดอะไรเลยล่ะ" "คนที่ฝ่าบาทหวังจะรอพบ คือผู้หญิงคนนี้หรือ
แล้วพระมเหสี จะทรงทำยังไง" "ชูซอน ผู้หญิงคนเดียวที่ข้ารัก
ก็คือชุงจอนเท่านั้น จะไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นอีก
จงเชื่อข้าเถอะนะ" "หม่อมฉัน เชื่อในสิ่งที่ฝ่าบาทรับสั่งเสมอ" "ดีมาก
ไม่ต้องห่วง" หลังจากที่วอฮาคิดใคร่ครวญเรื่องที่โชชิคยอมเล่าแล้ว
ก็ตัดสินใจเข้าไปพบคิมชูซอนในวัง คิมชูซอนกำลังบอกกับแคนัมและเกยนัมว่า "ให้ตรวจดูเชือกที่ผูกเสื้อของมหาดเล็กทุกคน
ว่ามีใครขาดหรือเปล่า ข้าเชื่อว่าอาจมีบางคน ถูกตัดทิ้งก็เป็นได้" "แต่ว่า
ทำไมต้องดูเชือกผูกด้วยล่ะ" "วันหลังข้าจะบอกเหตุผลให้รู้
แต่ตอนนี้ทำตามที่สั่งก่อน" วอฮาเข้ามา คิมชูซอนเห็นก็ร้องเรียก "ท่านแม่ๆ
ถ้ามีอะไรจะพูดกับข้าละก้อ เชิญพูดมาได้เลย" "ชอนตง เจ้าเคยคิดจะพบแม่แท้ๆ
ของตัวเองซักครั้งบ้างมั้ย แม่อยากรู้ความสมัครใจของเจ้า" "หึ
ทุกวันนี้ข้าก็มี แม่ที่แสนดีอยู่แล้วสองคน
คนหนึ่งคือท่านซึ่งเลี้ยงข้ามาอย่างลำบาก ส่วนอีกคนคือโชฮูหยิน ภรรยาของพ่อบุญธรรม
ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นแม่ของข้า ถ้าจะบอกว่าไม่เคยคิดถึงแม่แท้ๆ ของตัวเองเลย
ก็คงโกหกไปหน่อย แต่ว่าข้า ได้ทำลายความคาดหวังของคนเป็นแม่ทุกคน
ด้วยการตอนตัวเองเป็นขันทีซะ ตอนนี้ต่อให้เจอแม่บังเกิดเกล้า
ข้าคงไม่มีหน้าไปทำความรู้จักกับนางได้อีก รอถึงอนาคต
ข้ามีความเจริญก้าวหน้าในการเป็นมหาดเล็กซะก่อน
ค่อยไปหานางอีกครั้งก็ยังไม่สาย" "ฮือ เอาเถอะ งั้นก็ตามใจเจ้า"
พระเจ้าซองจงทรงมีรับสั่งให้คิมชูซอนพาเสด็จออกไปข้างนอกอีก
คิมชูซอนทูลถามว่าจะเสด็จออกไปทำไม "เมื่อก่อนเจ้าเคยบอกให้ข้าหมั่นดูแลทุกข์สุข
ห่วงใยราษฎรไม่ใช่หรือ เฮ่ย
ลมเย็นข้างนอกทำให้ข้าสดชื่นจริงๆ" สนมยุนซุกซอนทูลพระมเหสียุนโซฮวาเรื่องที่พระเจ้าซองจงเสด็จประพาสข้างนอก "หมู่นี้เห็นว่าฝ่าบาท
เสด็จไปประพาสข้างนอกบ่อยๆ เพคะ" "ออกไปเที่ยวข้างนอกหรือ" "เพคะ
ดูเหมือนว่าคืนนี้ ก็ชวนมหาดเล็กออกไปด้วยกันอีก" "เฮ่อ โอซังกุง
รู้มั้ยว่ามหาดเล็กคนไหน ตามฝ่าบาทออกไปด้วย" "เอ่อ เห็นว่าเป็น
ชูซอนน่ะเพคะ" พระเจ้าซองจงเสด็จไปบ้านของออลูตงอีกครั้ง "คุณชายท่านนี้
นึกยังไงถึงมาบ้านข้าอีกล่ะคะ" "ที่ข้ามาเพื่อจะขอโทษเจ้า
ที่คืนก่อนดื่มเหล้าจนเมา แล้วมานอนค้างที่นี่" "หึ
เป็นข้ออ้างที่พอจะฟังขึ้นเหมือนกัน คงไม่ใช่เห็นข้าอยู่คนเดียว
เลยถือโอกาสจะมาลวนลามให้เสียหายหรอกนะคะ" "ถ้าข้าบอกว่าเพราะเสียงพิณของเจ้า
ดึงดูดให้ข้ามาอีกครั้ง คิดว่าจะเชื่อหรือเปล่า
ถ้าไงดีดให้ข้าฟังอีกครั้งได้ไหม" "ข้าไม่ใช่หญิงนางโลม ถ้าต้องการจะฟังเพลง
ดื่มเหล้าหรือเที่ยวผู้หญิงละก้อ ข้างนอกมีหอนางโลมหลายแห่ง
เชิญไปใช้บริการได้" "อ้อ เข้าใจผิดแล้ว" "ต่อให้เป็นพระราชามาเอง
ถ้าข้าไม่เต็มใจก็จะไม่บรรเลงพิณให้ใครฟังทั้งนั้น กิดโย
มาช่วยข้าส่งแขกกลับไปได้แล้ว" ทันใดนั้น แทคังชูก็เสียงดังเข้ามา
"ออกมาเดี๋ยวนี้นะเจ้าชายชู้" ออลูตงรีบเชิญพระเจ้าซองจงให้เสด็จไปด้านหลัง "เห็นผู้หญิงกำลังจะมีภัยซึ่งหน้า
ข้าจะหนีก่อนได้ยังไง เจ้าคนหยาบคายนี่เป็นใครมาจากไหน" "เอ่อ เขาเป็น
สามีของข้าน่ะค่ะ" "หา อะไรนะ" แทคังชูตะโกนเข้ามาอีก
"นางซ่อนชายชู้ไว้ที่ไหน" "ท่านยังยืนเฉยอยู่อีก
จะถูกคนอื่นตราหน้าว่าเป็นชายชู้ หรือจะโดดข้ามกำแพงไปดีๆ"
ออลูตงดุ คิมชูซอนรีบพาเสด็จไปด้านหลังทันที แทคังชูเข้ามา "นังตัวดี
ชายชู้อยู่ไหน ให้มันออกมาพบข้าซิ ไปจับชายชู้มาเดี๋ยวนี้"
แทคังชูสั่งลูกน้อง คิมชูซอนพาพระเจ้าซองจงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
พระเจ้าซองจงทรงตื่นเต้น "เฮ่ย ข้าเป็นถึงพระราชาแท้ๆ
กลับไปแอบพบหญิงที่มีสามี แถมยังเกือบถูกจับได้ จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนอีก
ถ้าให้เสด็จแม่รู้เข้าละก้อ มีหวังตำหนิข้าจนอานแน่
เฮ่อๆๆ" "ฝ่าบาทยังทรงหัวเราะได้อีกหรือ" "ไม่งั้นจะให้ทำไงล่ะ
ให้ข้าละอายจนร้องไห้หรือไง" "ฝ่าบาท" "แต่พูดก็พูด
ไม่รู้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นไงบ้าง คิดแล้วก็น่าเป็นห่วงจริงๆ" "เฮ่อ
เสด็จกลับวังเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ก็ได้ เราจะกลับเดี๋ยวนี้"

จบ 32


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Related Posts



5 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณคับผม
รออ่านอยู่ทุกวัน
เลยคับ

Anonymous said...

ขอบคุณมากค่ะ
ตอนนี้ไม่ต้องดูละครแล้ว แต่ติด web นี้แทน
ช่วย post หมวยอินเตอร์ให้ด้วยนะคะ

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะ
เป็นกำลังใจให้
โพสต่อไปนะคะ
จะติดตามอ่านค้ะ
ตอนนี้เข้ามาเช็คทุกวันเลยค่ะ
กำลัสนุกเชียว

Anonymous said...

ขอบคุณคะสำหรับตอนใหม่

Anonymous said...

รออ่านตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal