Thursday, December 31, 2009

จามอง - เรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ - จามอง ตอนที่ 1-10

จามอง ยอดหญิงผู้พิทักแผ่นดิน 1

เมื่อมูยุลแห่งโกคูรยอมีพระ ชนม์สูงขึ้น ก็มีความต้องการที่จะขยายดินแดน โดยจะยึดครองแคว้นนังนัง ทว่านังนังมีกลองจามอง (จามองโกแปลว่ากลองจามอง และแคว้นนังนังก็มีองค์หญิงชื่อองค์หญิงจามอง) เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมือง จึงทำให้ยึดไม่สำเร็จ สุดท้าย ด้วยความรักขององค์หญิงลาฮี ที่มีต่อเจ้าชายโฮดงแห่งโกคูรยอ ทำให้นางยอมที่จะไปทำลายกลองจามองให้
เคยได้ยินเรื่องราวขององค์หญิง แห่งนังนังและองค์ชายโฮดงหรือไม่ เป็นเรื่องราวความรักที่สวยงามและโศกเศร้าที่สุดที่คนอยากรู้ เรื่องเล่าที่กล่าวถึงองค์หญิงแห่งนังนัง ผู้ทรยศแผ่นดินเกิดเพื่อโฮดงคนรัก มันไม่ได้เป็นเพียงตำนานแต่เป็นความจริง หลังพ้นจากการปกครองจากอาณาจักรฮั่น นังนังก็เป็นเอกราชอยู่ได้เพียง 7 ปี และตอนนี้ เราจะทำให้เรื่องราวเหล่านี้ได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง 1 ปีหลังจากอาณาจักรนังนังล่มสลายโดยโกคูรยอ
องค์ชายโฮดงทูลพระเจ้ามูยุลว่า
"เสด็จพ่อทราบแต่ จะขยายดินแดนอย่างไร กลับไม่ทราบว่าจะปกครองอย่างไร"
"ว่าอะไรนะ นี่เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าอยู่ หรือว่าสั่งสอนข้ากันแน่"
" ฝ่าบาทโปรดงดูแล ประชาชนนังนังบ้าง เสด็จพ่อ ทรงเคยสัญญากับกระหม่อมว่าอะไร ทรงสัญญาว่าหากได้แคว้นนังนังมา จะทรงประทานความสงบสุขให้พวกเขา โปรดสงสารพวกเขาด้วย เป็นอย่างนี้ต่อไป กบฎจะไม่สิ้นสุด สุดท้ายพวกเขาก็จะตาย"
"พระเจ้ายูริเสด็จปู่ของเจ้าน่ะ ฆ่าโอรสทั้งสองของพระองค์ ตอนพ่อยังเด็ก พ่อไม่เข้าใจเลย ว่ามันเป็นไปได้ยังไง พ่อคนหนึ่ง จะฆ่าลูกตัวเองได้ไง ถ้าไม่ใช่เพราะบ้า จะฆ่าลูกตัวเองได้ไง แต่วันนี้พ่อเข้าใจแล้ว นี่ สำหรับกษัตริย์คนหนึ่ง โอรสที่มีความเห็นขัดแย้งกับเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับศัตรู ศัตรูที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก"
"ฝ่าบาท ต้องการสังหารกระหม่อม?"
"เจ้าคงรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร นางเป็นใคร?"
"ธิดาของกษัตริย์ชอยรี องค์หญิงจามอง"
"หานางแล้วฆ่าทิ้งซะ"
"เสด็จพ่อ ลูกทำอย่างนั้นไม่ได้ คือว่าลูก กับผู้หญิงคนนั้น"
" เมื่อไหร่ที่เจ้าตัดหัวผู้หญิงชื่อจามองมา จะเป็นวันที่เจ้า ได้ขึ้นเป็นรัชทายาท ตราบใดที่ พ่อเจ้ายังเป็นพระเจ้าแทมูชินอยู่ ข้าจะขยายดินแดนต่อไป และเจ้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อให้ โลกเห็นว่าเจ้าปกครองยังไง"
"กระหม่อมโฮดง น้อมรับราชโองการ"
จบตอนที่ 1


จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน 2
"ประชาชนชาวนังนังกำลังเป็นทุกข์สินะ" พระเจ้ามูยุลตรัส
" ตอนนี้นังนังกำลังเผชิญ กับภัยแล้งจนผู้คนต้องล้มตายไปนับหมื่น เจ้ายูฮอนก็ยังกดขี่ขูดรีดชาวบ้าน เพื่อฉลองครบ 30 ปี สุดท้ายประชาชนลุกฮือต่อต้าน"
"ฮ่าๆๆ นี่แหละคืออำนาจ เป็นเหตุผลที่ทำไมคนอยากเป็นกษัตริย์"
"ผู้ปกครองแผ่นดิน ก็ควรทำให้ประชาชนนั้น อยู่เย็นเป็นสุขไม่ใช่หรอกหรือ?"
"ให้อาหารแต่ไม่ควบคุมไม่ใช่การปกครองที่ดี ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ที่เมตตาหรือโหดเหี้ยม ก็เป็นเรื่องของยูฮอน"
"พะยะค่ะ"
" ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าจะไม่กลายเป็นกษัตริย์ทรราช การกบฏยังไม่ใช่ปัญหาตอนนี้ หวังว่ายูฮอน จะฉวยโอกาสนี้รีบฆ่าเจ้าสองคนนั่นซะ" พระเจ้ามูยุลสั่ง
"สองคนนั้น พระองค์หมายถึงชอยรีแม่ทัพฝ่ายซ้ายกับวังเก็งแม่ทัพฝ่ายขวาใช่มั้ย?"
"ชอยรีเขาเป็นคนฉลาด วังเก็งก็เป็นทหารกล้า คนฉลาดกับคนกล้ารวมกัน มีแต่เป็นผลเสียกับโกคูรยอ"
"ตอนนี้ถ้าไม่พูดถึงเจ้าสองคนนี้ ยูฮอนน่าจะเป็นภัยกว่า"
" แสงยามอาทิตย์ขึ้นจึงจะร้อนแรง เจ้าเคยเห็นแสงอาทิตย์อัสดงร้อนเหรอ? ช้าเร็วยูฮอนก็ จะต้องตกจากอำนาจ หากอยากครอบครองนังนัง ชอยรี วังเก็ง สองคนนี้สิที่ต้องกำจัด โฮดงเข้าใจที่พวกพ่อพูดรึเปล่า?"
"ใช้คนปราบคน ใช้ทัพศัตรูกำจัดศัตรู เป็นตาอยู่รอแทรก เสด็จพ่อจะครอบครองนังนัง ได้ดั่งหยิบเปลือกหอยขึ้นจากดิน"
"ฮ่าๆๆ ฉลาดจริงๆ ลูกรักของพ่อ"
"ก็ท่านอาจารย์ เคยสอนลูกเอาไว้พะยะค่ะ"
"ให้เกียรติไปแล้วพะยะค่ะองค์ชาย"
"ฮ่าๆๆๆๆ ในโลกนี้ จะมีใครทำให้ข้ามีความสุขได้อย่างนี้อีก ฮ่าๆๆๆ ลูกรักของข้า ฮ่าๆๆๆ"
ตำหนักจินยาง ยูฮอนกล่าวว่า
" ข้าตัดสินใจแล้วว่า เขตจึงจี ทายอล ชัมเจ ยอลกู ทุนยู และคีมัง ต้องจัดการลงโทษคนร่วมกบฎสถานหนัก ผู้ชายใน 6 อำเภอนี้ หากเข้าร่วมกบฎเพียงครั้งเดียว ให้ลงโทษจับถ่วงทะเลเหลืองได้เลย ที่เหลือส่งไปขายเป็นทาสที่เมืองเหลียวตง ฮยอนโท พวกผู้หญิงสวย ก็คัดเลือกแล้ว ส่งเป็นสาวใช้ ในวังกับจวนขุนนางใหญ่ ส่วนพวกที่ขี้เหร่ก็จับเอสไป โกนหัวขังในครัว ให้พวกนางทำงานหนัก ไปจนตลอดชีวิตเลย ตอนนี้ท่านแม่ทัพยูซุงฮา ยังอยู่ที่เมืองฉางอัน หน้าที่ปราบกบฏ ให้เป็นของชอยรีกับวังเก็ง แม่ทัพฝ่ายซ้ายชอยรี แม่ทัพฝ่ายขวาวังเก็ง มารับโองการจากข้า ข้าขอสั่งให้แม่ทัพ ฝ่ายขวาวังเก็งนำทหารพันห้าร้อยนาย ไปที่อำเภอจึงจีทายอล แล้วจัดการปราบกบฎให้สิ้น"
"น้อมรับบัญชาท่านอ๋อง กระหม่อมจะทำ หน้าที่ปราบกบฎ ทำลายความฮึกเหิมที่ ทหารโกคูรยอ หวังจ้องรุกรานเรา"
" งั้นข้าก็วางใจละ แม่ทัพฝ่ายซ้ายชอยรี นำทหารสามพันมุ่งไปอำเภอชัมเจ ยอลกู ทุนยู คีมัง ปราบทหารก่อกบฏ รวมถึงผู้นำกบฏใน 4 อำเภอนี้ จับพวกมันใส่ในเรือรั่ว แล้วฝังร่างมันลงในทะเลเหลือง"
บูคีดุ "บังอาจ แม่ทัพฝ่ายซ้ายยัง ไม่รับราชโองการอีก"
ชอย รีกล่าวว่า "ท่านอ๋อง หิวโหย 1 วันเพื่อนบ้านยังขโมย หิวโหย 4 วัน แม้แต่จวนขุนนางก็ขโมย หากหิวโหย 10 วัน แม้แต่เนื้อพี่น้องก็กินได้ ความวุ่นวายเกิดเพราะอดอยาก หากลงโทษ 6 อำเภอนี้ ต่อไปใครจะรับใช้พระองค์อีก"
วังเก็งเสียงดัง "นี่เจ้ากำลังพูดอะไรหา? ยังไม่รีบรับโองการอีก"
ยูฮอนตัดบทว่า "ขอถามเจ้าหน่อยชอยรี"
"กระหม่อมก็กำลัง น้อมรับฟังพะยะค่ะ"
" แท้จริงแล้วเจ้า เป็นชาวฮั่นหรือโชซอนกันแน่ ปู่เจ้าเคยได้รับแต่งตั้งจากราชวงศ์ฮั่น รีบตอบมา ข้าถามผิดไปหรือไง ชอยรี เจ้าคือชาวฮั่นหรือเป็นชาวโชซอน"
"ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทรงตรัสเช่นนั้น แม่ทัพซ้าย ย่อมเป็นขุนนางที่ จงรักภักดีต่อพระองค์แน่"
"ตอนนี้ ข้ากำลังถามชอยรี วังเก็งเจ้าเป็นใคร ถึงได้พูดสอดเข้ามา"
"กระหม่อม สมควรตายพะย่ะค่ะ โปรดประทาน โทษตายแก่กระหม่อมด้วย"
" ตอบข้ามาสิ คำตอบของเจ้า จะตัดสินความเป็นตายเจ้า แม่ทัพชอยรี เจ้าคือชาวฮั่นหรือโชซอน เจ้าไม่ใช่ขุนนางของข้า แต่เป็นขุนนางของพวกกบฏใช่มั้ย? มาลากตัวชอยรีออกไปประหารซะ"
"พะยะค่ะท่านอ๋อง"
"กระหม่อมชอยรี ยินดีจะรับโองการ"
"พูดจากใจรึ?"
"พะยะค่ะ ท่านอ๋อง"
"ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ตกลงแล้วเจ้า เป็นชาวฮั่น หรือว่าชาวโชซอน?"
" กระหม่อมชอยรี ยินดีรับโองการจากท่านอ๋อง กระหม่อมได้รับพระคุณ จนเหมือนเกิดเป็นคนใหม่ เลือดเนื้อ และกระดูกเป็นฮั่น ไม่ใช่ชาวโชซอนแล้ว"
เรื่อง ราวเท้าความกลับไปตั้งแต่ก่อนที่ลาฮีกับจามองจะถือกำเนิด ขณะที่ชอยรียังเป็นเพียงแม่ทัพ และนังนังยังเป็นแคว้นในการปกครองของแผ่นดินฮั่น ที่ได้ส่งยูฮอน อ๋องจากจีนเป็นตัวแทนพระองค์ของฮั่นอู่ตี้มาปกครอง โหรหลวงของยูฮอนได้ทำนายว่าลูกสองของชอยรีจะเป็นตัวทำลายแผ่นดินนังนัง ยูฮอนจึงมีคำสั่งให้กำจัดลูกสาวทั้งสองของชอยรี

จบตอนที่ 2

จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน 3

ยู ฮอนใช้คำทำนายของโหรจามุก บีบให้ชอยรีต้องฆ่าลูกสาวของตัวเอง แต่แล้วจาชิลภรรยารองของชอยรีก็ได้ใช้เสน่ห์ยั่วยวน ทำให้โหรจามุกแกล้งสร้างดาวตก ให้เห็นว่าลูกสาวของจาชิลไม่มีปัญหา แต่ลูกภรรยาหลวงของชอยรีต่างหากเป็นกาลกิณี สุดท้ายยูฮอนจึงเปลี่ยนคำสั่งให้ฆ่าเพียงคนเดียว แต่ทว่าหลังจากถูกปิ่นปักอก แล้วลอยทิ้งไปกับเรือ เด็กหญิงจามอง กลับยังเหลือลมหายใจรวยริน
ดัลแคบีสั่งอิลพูมลูกชายว่า
"อิลพูม เจ้าไปกับเขาแทนแม่นะ เจ้าต้องดูแลคุณหนูให้ดี"
โมฮาซูสั่งว่า "รีบอุ้มลูกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ"
"ถ้าท่านอุ้มเขาขึ้นมา ข้าจะจับเขาทิ้งน้ำเดี๋ยวนี้" ดัลแคบีขู่
"ดัลแคบี"
อิลพูมร้องบอกแม่ "ท่านแม่ๆ ข้ากลัวนี่"
" ถึงจะเป็นวังมังกร เจ้าก็ต้องตามไปถึงนั่น ตามกระแสน้ำไป ถ้าเป็นที่ที่คุณหนูน้อยไป ไม่ว่าที่ไหน เจ้าก็ต้องตามไป ดูแลท่านแทนแม่รู้มั้ย?"
โมฮาซูซาบซึ้งใจยิ่งนัก "ขอบใจนะ ฮือๆ"
อิลพูมได้แต่ร้องเรียก "ท่านแม่ๆๆ"
ขณะที่หลายคนก็เอาแต่ร้องไห้ โมฮาซูมองลูกน้อยพร่ำพรรณนา
" ลูกแม่ เขากำลังร้อง เจ้ากำลังใช้เสียงร้องไห้ ช่วยชีวิตตัวเองใช่มั้ยหา จามอง ใช่แล้ว ต่อไปแม่จะเรียกเจ้าว่าจามอง แม่ช่วยเจ้าไม่ได้ลูกแม่ เจ้าต้อง ร้องดังดังด้วยตัวเจ้าเอง เจ้าต้องมีชีวิตรอดต่อไป จามอง ลูกแม่ ฮือๆๆ จามอง จามอง ฮือๆๆๆ ลูกแม่ จามอง ลูกแม่ ลูกแม่ ฮือๆๆ จามอง จามอง"
อิลพูมปลอบ "ไม่ร้องนะๆ ฮือๆๆ อย่าร้องนะ อย่าร้องสิ"
จา ชิลสั่งให้คนรับใช้ไปหาชาวประมง เพื่อคว่ำเรือเล็กที่บรรทุกจามองกับอิมพูม และสังหารเด็กสองคนให้ตาย แต่แล้วแผนการก็ล้มเหลว เมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ เกิดลมพายุและฟ้าผ่าขณะที่ชาวประมงกำลังจะไปคว่ำเรือ
อึลดูจี ชูบัลโซ พร้อมด้วยอูนาลูเข้าเฝ้าพระเจ้ามูยุล
"กระหม่อมอึลดูจี เสนาบดีฝ่ายซ้าย ได้รับราชโองการให้เป็นทูตไปฉลอง ปกครองนังนังครบ 30 ปี"
"กระหม่อมราชทูตชูบัลโซ ยินดีร่วมเดินทางพะยะค่ะ"
"ต้องเอาของที่ต้องการมา จากยูฮอนให้ข้าให้ได้"
"กระหม่อมจะนำอาหารสำหรับฤดูใบไม้ผลิปีหน้ากลับมา"
" ถ้าไม่ให้ก็เป็นขโมยแล้ว ทั้งหนังหมี หนังเสือขาว ไหนยังจะหนังหมูอีก หยกเหลือง หยกเขียว หยกขาว พลอยม่วง หึ แล้วยังจะหยกแดงทีที่ใช้ ประดับมงกุฎ อะไรนั่นอีก หนอย หัวเจ้ายูฮอนคงได้ ลำบากไม่น้อยละทีนี้"
"นี่ท่านแม่ทัพอูนาลู"
" โอ้ เสนาซ้าย ท่านนี่ช่างดูดี จริงๆนะ หุๆๆ คบกับพวกตำแหน่งสูงนี่ลำบากแฮะ พูดแรงไม่ได้เลย โอ หัวเจ้ายูฮอนคงจะ หนักแทบตายไปเลย ฮ่าๆๆๆ ในเมื่อรับไปตั้งเยอะแล้ว อย่างน้อยก็ต้องให้ของตอบแทน ที่สมน้ำสมเนื้อหน่อย ถ้าไม่ให้ก็ชิงมาเลย ฝ่าบาทต้องการให้ทำแบบนี้ต่างหาก"
"หยกแดงไม่เม็ดใหญ่เท่า ของท่านแม่ทัพหรอก"
" ช่างๆๆ งั้นก็ช่างช่างมันเหอะ ได้ไปครั้งนี้ก็อย่าอยู่เฉย ต้องแสดงท่าเชิดๆใส่ไอ้พวก คนของเจ้ายูฮอนไว้ ให้พวกกองทัพนังนังได้ เห็นความยิ่งใหญ่ ของพวกเราบ้าง หึ"
"อูนาลูพูดถูก"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
" วังเก็งนำทหารพันห้าร้อยคน เดินทางไปที่เขามาดองทั้งหมด จากรายงานของสายบอกว่าทั้งหมดเป็นคนจีน ทหารในบังคับบัญชาชอยรีตอนนี้เป็นชาวโชซอน หมายความว่าไงนะ ไปสืบความเคลื่อนไหวของชอยรีกับวังเก็งอย่างละเอียด"
"กระหม่อมจะทำตามที่ฝ่าบาทรับสั่งอย่างดีพะยะค่ะ"
" ถ้าเกิดความวุ่นวายถึงขั้นที่เจ้ายูฮอนใกล้หัวขาดนะ เจ้าต้องเอาข้าวสารข้าวสาลีเกลือกลับมาให้หมดอย่าให้เหลือ แล้วก็พวกหนังสัตว์อัญมณีที่ให้มันกลับมาด้วย ยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกสองตัวเลย แหะๆๆ แฮ่มๆ"
จบตอนที่ 3


จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน 4
อึลดูจีสอนหนังสือองค์ชายโฮดง พระเจ้ามูยุลเข้ามาตรัสว่าต่อไปไม่ต้องมาสอนแล้ว องค์ชายโฮดงตกพระทัย
"เสด็จพ่อ"
"องค์ชายโฮดง ฝ่าบาทโปรดชี้แนะข้อบกพร่องกระหม่อมด้วย"
" ท่านทำให้โฮดงเป็นคนอ่อนแอ คำสอนเลอะเทอะที่บอกให้ใช้ความรักปกครอง ถ้าจะรักดูแลประชาชนก็ต้องหาอาหารให้เขา อย่างนี้พวกเขาถึงต้องการข้า"
"พลังกษัตริย์ไม่ได้มาจากดาบเท่านั้น พลังกษัตริย์ต้องมาจากเมตตา มโนธรรมจริยาปัญญา"
" เหลวไหลทั้งเพ ขงจื่อเมิ่งจื่อน่ะ มีแต่ความคิดเพ้อเจ้อของพวกเพ้อฝันทั้งนั้น สิ่งที่โกคูรยอต้องการตอนนี้คือทะเล แม่น้ำ แผ่นดินที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์มีอาหาร เข้าใจมั้ย?"
"กษัตริย์ที่ไร้คุณธรรม มีแต่ทำให้กระบี่เปื้อนเลือด"
" จุ๊ๆๆๆ วิถีแห่งกษัตริย์ อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ผูกมัด กษัตริย์อยู่นอกเหนือจากคุณธรรมที่ทำให้คนอึดอัด โฮดงของข้า ต้องกลายเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ต้องยึดครองพูยอ ยึดครองนังนัง ไปจนถึงเหลียวตง นี่คือสิ่งที่โฮดงผู้สืบราชบัลลังค์โกคูรยอควรทำ โฮดงต้องการ คนที่สอนความคิดบนโลกความเป็นจริง ท่านแม่ทัพอูนาลู"
"พะยะค่ะ ฝ่าบาท"
"ต่อให้ให้เจ้าเป็นคนสอนวิชากระบี่ให้โฮดง"
"กระหม่อมน้อมรับโองการ"
"ซูบัลโซ"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
" กลับจากนังนังแล้วมาสอนเรื่องปกครองโฮดง ให้รู้ถึงความโหดร้ายว่า กษัตริย์ที่อ่อนแอต้องเจ็บปวดยังไง สอนให้เขาอยู่ในโลกความเป็นจริง"
"กระหม่อมจะทำเต็มที่พะยะค่ะ"
" ข้าไม่อยากให้โฮดงกลายเป็นกบในบ่อ เป็นหนอนหน้าร้อนไม่รู้จักหน้าหนาว เป็นแค่บัณฑิตไม่เอาไหน ดีแต่กล่าวว่าพวกหัวขโมย ข้าต้องการให้เขาเป็นผู้สืบราชบัลลังค์ จากข้าแทมูชินมูยุลผู้ยิ่งใหญ่ ต้องเป็นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ที่พิชิตทั่วสี่ทิศ"
ขณะที่อิลพูมก็เฝ้าดูแลจามองไป ร้องไห้คิดถึงแม่ไป
ด้านจาชิลก็รับทราบจากแม่นมว่า ลาฮีไม่ยอมกินน้ำนม
"ทำไมลูกถึงเป็นอย่างนี้"
"เดี๋ยวคุณหนูถูกลมเย็นจะทำไง เปิดประตูค้างไว้ได้ไง"
"นายหญิงคะ นายท่านกำลังเตรียมออกรบค่ะ" สาวใช้เข้ามารายงาน
จาชิลตกใจ "จริงเหรอ?"
เวลานั้นลูจีบอกชอยรีว่า "แม่ทัพวังเก็ง ส่งสาสน์มาบอกว่าจะมาถึงตอนเที่ยงคืน"
"ทหารของพวกเรา มารวมตัวกันพร้อมที่ ศาลเจ้าทันกุนแล้ว นายหญิงรอง สวัสดีครับ"
"โอ้ว คุณหนูสูงศักดิ์ของเรามาแล้ว"
จา ชิลเข้ามา "ข้าจัดการเรื่องแต่งตัวท่านเอง พวกท่านเชิญออกไปเถอะ ข้าคือวังจาชิลนะ เป็นน้องสาวของ แม่ทัพขวาวังเก็งที่ สาบานจะร่วมกำจัดยูฮอนด้วย ถึงแม้จะต่างมารดา แต่พี่ชายก็รักเอ็นดูข้า"
ชอยรีมองหน้า "นี่เจ้า กำลังข่มขู่ข้ารึ?"
"ฆ่าจามองท่านเป็นคนตัดสินใจเอง ถ้าจะแค้นก็ควรแค้นตัวเอง ไม่ใช่มาแค้นข้า"
"ตอนนี้ข้า ก็แค้น ตัวเองมากพอแล้ว แต่ว่า ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า"
"ลาฮีก็เป็นลูกสาวท่านนะ ลาฮี เขาไม่ยอมกินนมเลย วันสองวันยังพอว่า แต่ถ้าไม่กินเลย เขาคงไม่รอดแน่"
"กินเยอะๆ เสียจามองก็เสียใจมากพอแล้ว เจ้า อย่าทำให้พ่อเสียใจอีก ไปหาแม่นมมาใหม่ กี่สิบกี่ร้อยก็ได้"
"ค่ะ ขอให้ท่านปลอดภัย เพื่อลาฮีแล้ว ศึกครั้งนี้ท่านต้องได้ชัยชนะมา"
ชอยรีมองลาฮี "วันที่พ่อกลับมา ต้องเห็นเจ้าแข็งแรงนะ"
ขณะที่ซงแมซอซูก็พยายามที่จะให้กำเนิดทายาทให้มูยุล แต่ก็ถูกมูยุลตั้งข้อสงสัยว่านางต้องการจะสังหารโฮดงบุตรชายของเขา
พระเจ้ามูยุลมาอยู่กับซงแมซอซู พอซงแมซอซูเอาใจเขามากๆ ก็อดถามไม่ได้ว่า
"เจ้าคลั่งใคล้คนแก่อย่างข้ามากนักเหรอ?"
"ใช่ ไม่ผิดเลย ข้าคลั่งใคล้มาก"
"ทำไงล่ะ ข้าไม่สนใจในตัวเจ้าเลย ผู้หญิงที่ วังหลังสวยกว่าเจ้ามีนับไม่ถ้วน ข้าไม่มีอารมณ์จะกอดเจ้าหรอก"
"ตั้งแต่ข้าเกิดเป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าพีรู ข้าก็ถูกอบรมมาเพื่อเป็นมเหสี ชีวิตข้าเกิดมาเพื่อฝ่าบาทนะ"
"ไหนเจ้าพูดต่อไปสิ"
" หม่อมฉันยังบริสุทธิ์อยู่เลย ทำทุกวิถีทาง ทั้งขอร้องอ้อนวอน เดือนนึงเสด็จแค่ 2 ครั้ง พอเจอหน้าก็ไม่แม้แต่จะแตะต้อง ฟ้าไม่สางก็จากไป นี่น่ะหรือพระมเหสี นี่หรือชีวิตมเหสี"
"ทำไมถึงได้ทะเยอทะยานนักนะ ได้ครองอำนาจสูงสุดที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีก็ควรพอใจแล้ว"
"ข้าทิ้งตำแหน่งนี้ยังดีกว่า ถ้าสิ่งที่ได้ คือคำหยามเหยียดนี้"
" เมื่อก่อนเจ้าก็ เคยสาวเคยสวยมาก ทำให้ข้ารู้สึกว่าการมาที่นี่มันทรมาน ข้าเป็นผู้ชายมันคุมตัวเองยาก ถ้าตอนนั้นเจ้า เลือกเป็นผู้หญิงของข้า แต่ไม่ใช่จะเป็นพระมเหสี เจ้าควรทิ้งความทะเยอทะยานนั้น"
"การไม่อยากเป็นพรหมจรรย์จนตาย คือทะเยอทะยานเหรอ?"
"ฟังเจ้าพูดอย่างนี้ ก็ดูน่าสงสารเหมือนกัน นี่พระมเหสี วันนี้ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยสิ"
"อะไรเพคะ?"
" เจ้าต้องการได้โอรส แล้วก็ฆ่าโฮดงใช่มั้ย พี่น้องที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า จะต้องเข่นฆ่ากันจริง หรือ ข้าถามว่าพี่น้องจะต้องเข่นฆ่ากันด้วยหรือ"
"พระองค์ทรง ตรัสน่ากลัวไปแล้ว ฝ่าบาท"
"เงยหน้าขึ้นมา ตอบคำถามข้าอย่าโกหกแม้แต่คำเดียว"
"หม่อมฉันมิบังอาจ"
"วันนั้นที่ตำหนักซูยางน่ะ เจ้าตั้งใจจะฆ่าโฮดงใช่มั้ย ซงแมซอลซู ตอบข้ามาสิ เจ้าเคยคิดจะฆ่าโฮดงลูกชายคนเดียวของข้ามั้ย?"

จบตอนที่ 4

จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน 5

" ข้าเป็นใครหา ข้าแทมูชิน มูยุล ถือดาบตั้งแต่ 5 ขวบ นอนหลับบนหลังม้า กินบนหลังม้า มีชีวิตรอดจากสนามรบ รู้มั้ยหัวที่ถูกข้าตัดจากสนามรบ มันถมใส่โรงม้าได้สักกี่หลังกันหา แค่ดูท่าจับดาบเจ้าข้าก็รู้แล้ว ว่าเจ้าจะฆ่าโฮดงหรือ จะสอนดาบให้เขากันแน่"
ซงแมซอซูกล่าวว่า "ข้าเป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าพีรู มาอภิเษกกับท่าน"
" ทั้งโกคูรยออยู่ในกำมือข้า ยังพูดถึงเผ่าพีรูอะไรอีกหา? ซงอ๊กกู ล่ากระต่ายฆ่าสุนัข เขาเป็นแค่สุนัขแก่ๆ ตัวหนึ่งที่หมอบอยู่ใต้เท้าของข้า"
"ล่ากระต่ายฆ่าสุนัข สุนัขที่ใช้ล่ากระต่ายได้แล้วก็ฆ่าสุนัขทิ้ง"
" พ่อหม่อมฉันเป็นสุนัขแก่แล้วไง เป็นแค่กระต่ายแล้วไง หม่อมฉัน ไม่ได้เป็นแค่ลูกสาวจอวซงอ๊กกู แต่ยังเป็นมเหสี เป็นมเหสีของท่าน เมียพระเจ้ามูยุล"
"งั้นก็ร้องตะโกนซะ ว่าเป็นพระมเหสี"
ซงแมซอซูอึ้งเสียใจ "นี่หรือที่ทำกับพระมเหสี"
" กับกษัตริย์ ผู้หญิงเป็นแค่หนึ่งในสองอย่างนี้ คลอดลูกชาย แล้วกลายเป็นเสด็จแม่ ไม่ก็ให้ชายระบายความใคร่ แต่เจ้าไม่ใช่เลยทั้งสองอย่าง"
ซงแมซอซูหัวเราะออกมา "หึๆๆๆ เสียดายที่ฆ่าโฮดงไม่สำเร็จ"
"ว่าไงนะ?"
" คิดว่าใจคนมีแบบเดียวหรือ? ใจคนก็เหมือนน้ำ แตกออกเป็นพันหมื่นสาย แปรเปลี่ยนไม่สิ้น โกรธแค้น รักชอบสงสาร ข้ารู้สึก อย่างนั้นกับโฮดง ข้าไม่ได้แค้นเด็กคนนี้ตั้งแต่แรก"
"ไม่ว่าเจ้าจะแก้ตัวว่ายังไง เจ้าก็เป็นแค่ผู้หญิงใจเหี้ยม ที่มีแต่ความทะเยอทะยาน"
" ถ้าการรักคือความทะเยอทะยาน อยากมีลูกคือความทะเยอทะยานละก็ ใช่ ก็ได้ ข้ามีความทะเยอทะยาน แต่ว่า คนที่ทำให้ข้าเป็นคนโหดเหี้ยม คนที่ทำให้ข้าอยากฆ่าโฮดงก็คือท่าน เป็นแบบนี้ ฆ่าข้าดีกว่า ลังเลอะไร ตัดหัวข้าไปสิ ลงมือสิ ยังไม่รีบฆ่าข้าอีก"
"ข้าเหนื่อยแล้ว อย่าพูดอีกเลย"
" ทำไม ไม่อยากถูกตราหน้าว่าฆ่ามเหสีเหรอ? ทำไม่ได้งั้นข้าทำเอง ข้าตายไปซะดีกว่า ท่านจะให้ข้าทำยังไง ให้ข้ามีชีวิตแม้แต่ตายก็เลือกไม่ได้เหรอ?"
"เจ้าเป็นคนกล้าดี ซงอ๊กกูเลี้ยงลูกได้โดดเด่นนัก"
"พระองค์เลิก เหยียดหยามหม่อมฉันสักที"
" นี่เป็นคำชม ถ้าโฮดงเป็นลูกของเจ้าก็คงดี ยังอีกนานกว่าจะเช้า นอนต่ออีกหน่อยเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสาวบริสุทธิ์จนแก่ตายหรอก เมื่อไหร่ที่เจ้าอายุมาก จนหมดรอบเดือนมีลูกไม่ได้อีกแล้ว ถ้าตอนนั้นข้ายังไม่ตาย และยังเป็นชายชาตรีอยู่ ข้าจะเอ็นดูพระมเหสีเอง"
ใน ที่สุดองค์ชายโฮดงก็รู้ว่าแม่เลี้ยงของตนนั้นไม่ได้รัก และอยากจะฆ่าตัวเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อซอแมซอซูออกจากตำหนักมา และยังเดิ้กกับฮาเดิ้นรีบเข้ามาเตือนว่า
"นี่ก็เลยห้าทุ่มแล้ว จะเสด็จไหนเพคะ?"
"ไม่ต้องตามข้ามา"
"ฝ่าบาทยังประทับอยู่ข้างใน จะเสด็จไปได้ไงพะยะค่ะ"
"หลีกไปซะ"
"โปรดเสด็จกลับเถอะพะยะค่ะ"
"ฮาเดิ้ก เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาใช่มั้ย บ้าชะมัด"
"หัวเราะ? นี่เจ้ากำลัง หัวเราะงั้นเหรอ? เพราะเจ้าคนเดียวนั่นแหละ ทำให้ข้าแหลกกระจุยเหมือนเศษผ้า เจ้ายังกล้า"
"พระมเหสี ๆ ไม่ได้นะเพคะ"
"ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ"
"ทำแบบนี้พระองค์ ก็ต้องตายไปด้วย"
"ฆ่าเจ้าเด็กนี่แล้ว ข้าก็จะไปตาย อยากตัดหัวข้าใช่มั้ย? ถึงหัวข้าจะตกลงพื้น ข้าก็จะจ้องหน้ามูยุลอยู่อย่างนั้น"
ยังเดิ้กเตือน "คนที่ต้องตายไม่ใช่แค่ท่าน ยังมีบิดาท่านด้วยนะเพคะ"
"ถูกมองว่าเป็นแค่สุนัขแก่ อยู่ไปก็แค่นั้น ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ"
"พระมเหสี ถึงท่านกับบิดาไม่เป็นไร แต่มารดาพี่น้องญาติคนอื่น จะให้พวกเขาตายด้วยเหรอ ท่านจะให้เผ่าพีรูจบสิ้นเหรอเพคะ"
"ข้าจะอยู่ต่อไปยังไง?"
"ทรงทนมา 7 ปีแล้วนะเพคะ"
"มันนานไปแล้ว"
" ขอแค่ทำใจก็จะทนได้ จะความรัก ความโกรธ ความแค้น ทุกอย่างเกิดจากใจ อดทนอีกหน่อยเพคะ เมื่อถ่านไฟมอดลง โจ๊กเดือดเจียนล้นก็จะสงบนิ่ง แค่ฝันร้ายเพคะองค์ชาย อย่าตื่นขึ้นมา บรรทมต่อไปเพคะ"
องค์ชายโฮดงเสียพระทัยอย่างมาก "ไม่จริงๆ เสด็จแม่ เสด็จแม่ไม่ได้ทำอย่างนั้น"
ซงแมซอซูกล่าวกับยังเดิ้กว่า "เจ้าเข้าใจข้ามั้ย?"
" หม่อมฉันไม่มีสมองหรอกเพคะ ไม่มีสมองก็ไม่มี อะไรต้องเข้าใจอีก หม่อมฉันเป็นมือเป็นเท้าพระองค์ เป็นตาและ เป็นหูของพระองค์ แค่รับใช้พระมเหสีไปจนถึงวันที่ พระองค์ได้เป็นราชินีจริงๆ ความรักของคนหนุ่มนั้น เกิดขึ้นจากสายตา ร่างกายผู้หญิง ใบหน้าของผู้หญิง รักแต่รูปลักษณ์ภายนอก ความรักของชายกลางคน ไม่ได้ใช้แค่ตามองเพคะ"
"ถ้าไม่ใช้ตามอง แล้วในใจเขายังมีอะไรหา?"
"หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ ในใจนั้นอาจเป็นความรัก ไม่ก็ความเชื่อใจ พระองค์จะต้องรู้ ว่าสิ่งที่ฝ่าบาทต้องการนั้นคืออะไร?"
"ที่เขาต้องการคือ มเหสีที่ไม่มุ่งมาดคิดร้ายกับโฮดง แต่นั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ ตามข้ามานี่"
เวลาตีสี่ ซงแมซอซูเข้าไปไหว้พระเจ้าจูมง
" พระเจ้าจูมงเพคะ หม่อมฉันแมซอลซู อยากทูลขอโอรส ต่อพระองค์ด้วยเพคะ โฮดงมันเป็นใครกัน เป็นสายเลือดชาวพูยอที่ตามราวีพระองค์ จะให้เขาเป็นรัชทายาทได้ไง การแต่งตั้งโฮดงเป็นรัชทายาท หรือว่าให้โฮดงขึ้นครองราชย์นั้น เท่ากับยื่นโกคูรยอให้แก่พูยอ ทรงอยากให้เป็นเช่นนั้นหรือ จะทรงนิ่งดูดายหรือเพคะ หม่อมฉันทำไม่ได้หรอก ข้าไม่ตายด้วยมือเขา ก็ให้โฮดงตายด้วยมือข้า ข้าไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น"
ยอรังถามขึ้น "โฮดง เป็นไงบ้าง บ้ารึไง คิดจะฆ่าเด็กเหรอ?"
"โปรดประทานโอรสให้ข้าๆ เป็นทางเดียวที่จะรักษาโกคูรยอ รักษาเผ่าพีรูเอาไว้ และทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ได้ เสด็จปู่คะๆ ฮือๆ"
" ถ้าเจ้าอยากฝึกกระบี่กับผู้หญิงจริง ไม่สู้เรียนกับเสด็จแม่ดีกว่า วิชากระบี่ของยอรังถึงจะพริ้วไหวและสวยงาม แต่เทียบเสด็จแม่ไม่ได้หรอก" พระเจ้ามูยุลตรัสกับองค์ชายโฮดง
"ไม่หรอกเพคะ"
"ดาบนางอาบด้วยยาพิษ ถ้าเจ้าเอาชนะเสด็จแม่ได้ วันหน้าแม้แต่ญาติมิตรเจ้าก็ฆ่าได้"
"เสด็จปู่คะ ได้โปรดช่วยหม่อมฉัน ประทานโอรสที่เป็นเชื้อสายโกคูรยอ และโปรดประทานความตาย แก่โฮดงที่เป็นสายเลือดพูยอด้วย ฮือๆๆ"
องค์ชายโฮดงปล่อยโฮออกมา "ฮือๆๆๆๆ ท่านแม่ ท่านแม่ทำไม ต้องเป็นชาวพูยอ ท่านแม่ ทำไมต้องตายไปเร็วด้วย ท่านแม่ๆ ๆ ฮือๆๆๆ"
ขณะที่ทางนังนัง แม่ทัพชอยรีกับวังเก็งก็ได้เริ่มแผนการก่อกบฏ
"คำว่านังนังที่ สลักลง บนแผ่นหลังข้า ไม่ใช่ นังนังของเจ้ายูฮอน และไม่ใช่นังนัง ที่ฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้ตั้ง แต่ว่า"
"ฮั่นอู่ตี้ ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฮั่นของจีน"
"นังนังตรงนี้ คือแผ่นดินที่โคโชซอน ที่องค์เทพทันกุนทก่อตั้งขึ้น เป็นบ้านเมืองของเรา คือนังนังแห่ง แคว้นนังนังเรา"
หลายคนดีใจ "เย้ๆๆ"
วังเก็งกล่าวต่อว่า "เผาธงของยูฮอนทิ้งซะ มันไม่ควรที่จะ ปักบนแผ่นดินโชซอนนังนังมา หนึ่งร้อยยี่สิบกว่าปี เผาธงเสนียดผืนนั้นซะ"
บูทัลน้อมรับ "ครับ ท่านแม่ทัพ"
"เอาธงแม่ทัพแห่ง ยองโฮขึ้นมาปักแทน"
"ยองโฮเป็นที่ดินศักดินาของวังเก็ง"
"โอ๊ะ งั้นเอาธงแม่ทัพเราด้วยสิ เอาธงยองโฮของตัวเองขึ้นไปคนเดียวได้ไง ไม่ได้ ต้องเอาธงเราด้วย"
"อยู่เงียบๆ ไว้"
"แต่ เลือดก็ไหลด้วยกัน แต่สุดท้ายพวกเขาได้ประโยชน์ไปหมด ฆ่ายูฮอนเสร็จ จะเป็นกษัตริย์ละสิ"
"ข้าเคยอยากเป็นกษัตริย์เหรอ?" ชอยรีมองอย่างท้าทาย
โฮแคถาม "ท่านไม่อยากเป็นเหรอครับ?"
ชอยรียืนยัน "ข้าไม่เคยคิดมาก่อน"
ลูจีบอกว่า "งั้นก็ คิดซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะครับ ถ้าท่านแม่ทัพได้ขึ้นปกครอง และข้าได้เป็นเสนาบดีคงดี"
ชอยรีอึ้ง "ลูจี"
" วังเก็งคนนี้ก็มี ความทะเยอทะยานไม่น้อย วังเก็งเหมือนยื่นสาสน์ ท้ารบมาให้ท่านแม่ทัพแล้ว วังเก็งจะเป็นราชา ชอยรีกล้าคิดเช่นข้าหรือ ถ้าฉลาดจงเชื่อฟังข้า"
"สงครามยังไม่เริ่ม อย่าเพิ่งมาข่มขวัญทหาร ทำให้ไม่สบายใจ"
"อย่าลืมนิทานล่ากระต่ายฆ่าสุนัขล่ะ"
ชอยรีรัว "ตายเพราะยูฮอนโดยทวงเอกราชไม่ได้ ไม่สู้เป็นอาหารให้พี่ใหญ่ หลังก่อตั้งแคว้นนังนังแล้ว"
"ขอให้ยองโฮ จงเจริญ"
ทุกคนร้องตาม "ขอให้ยองโฮ จงเจริญ"
"ขอให้นังนัง จงเจริญ"
"แคว้นนังนัง จงเจริญ"
"แม่ทัพวังเก็งจงเจริญ"
"จงเจริญๆๆๆๆๆ"
00000000000000
ยูฮอนเดินมาหาจามุกและถามว่าทำอะไรอยู่
"ฝ่าบาท กระหม่อมกำลังดูดาวอยู่พะยะค่ะ"
"แต่นี่ฟ้าสว่างแล้วนี่นา มีดาวที่ไหน นั่นพระอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ"
"บนพระเศียรของฝ่าบาท มีดาววีนัส ทางตะวันออกมี ดาวเทพธิดา พระองค์ไม่เห็นหรือว่ามันกำลังแย่งแสงสว่างกัน"
"เจ้าแก่จนเลอะเลือนแล้วเหรอ ไปบ้านชอยรีครั้งเดียวก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน วังจาชิลเย้ายวนขนาดนั้นเชียวหรือ?"
"ฝ่าบาท"
" เจ้าไม่ได้เลอะเลือน แต่เป็นโรคติดสาวมากกว่า หน้าตาก็แดงก่ำแบบนี้ ถึงได้ละเมอว่าเห็นดาวกลางวันแสกๆ ฮิๆๆ เจ้าเมืองเหลียวตง ส่งกระดานหมากล้อมไม้บีจาเจ็ดร้อยปีมาเป็นของขวัญ ข้ากะว่าจะมาเล่นกับท่านหน่อย"
"ฝ่าบาท"
"อยากจะเล่นด้วยกันสักตามั้ย ท่านก็คงจะว่างใช่มั้ย"
"ขึ้นชื่อว่าสัตว์สองเท้า ไม่มีใครหนีชะตาตัวเองพ้นพะย่ะค่ะ ถ้าฝ่าบาททรงรับชะตาได้ ก็คงไม่ใยดีกับการได้หรือเสีย"
"ท่าทางเจ้าจะไม่ได้เป็นโรคติดสาว แต่คงแก่แล้วเลอะเลือนมากกว่ามั้ง ฮึ่ย"
ด้านวังเก็งก็ประกาศให้ทุกคนทราบว่า
" ตอนนี้ พวกเรา เหลือเพียงภารกิจไปตัดหัวของเจ้ายูฮอน ดังนั้น แม้สุดท้ายต้องดื่มเหล้าพิษ เราก็ไม่มีทางให้ถอยอีก มา ทุกคนมาร่วมกับข้าวังเก็ง ออกศึกกัน ไปฆ่ามัน"
หลายคนดีใจมาก "เย้ๆๆๆ"
ซับมาบอกอึลดูจีกับบัลโซว่า วังเก็งกับชอยรีเคลื่อนพลแล้ว
"เป็นไปตามความคาดหมาย เราควรกลับทันทีหรือไม่หา?"
"ถ้าเรากลับไป แล้วใครจะมาช่วยเรื่องอาหารที่โกคูรยอขาดแคลน เหลียวตง ฮอนโท พูยอรึ หึ"
" มีแต่ยูฮอนที่ช่วยได้เหรอ? ต่อไปอาหารนังนังจะเป็นของกองทัพ พวกเขาต้องสู้กับชอยรีวังเก็ง เขาจะยอมให้เสบียงที่กองทัพต้องใช้หรือ ยูฮอนไม่ใช่คนโง่นะ"
"ความโลภและความอวดดี มักจะทำให้คนโง่เขลา ยูฮอนเป็นคนโลภและอวดดี ชูบัลโซ ไปนำอาหารมาจากเขาให้ได้"
บัลโซถาม "แล้วท่านเสนาล่ะ?"
"ข้าต้องรีบกลับไปหาฝ่าบาท"
ขณะที่บูคีก็ให้การต้อนรับโฮคก อึลดูจี
โฮคกดื่มมาก "ฮะๆๆ สบายจัง ดื่มเหล้าแรงๆ ทั้งที่ท้องว่าง มันร้อนคอจี๊ดเลยอย่างกับ ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างในท้องงั้นแหละ ฮะๆๆ"
"ขอยินดีด้วยที่ท่านอ๋อง ได้ทรงปกครองนังนังครบ 30 ปี"
"คำพูดนี้ไว้ท่านกราบทูลต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ดีกว่า"
อึลดูจีร้อง "โอ้ย"
"ท่านเสนาบดีเป็นอะไรหรือ ทำหน้ามึนตึงตั้งแต่แรกแล้ว" โฮคกถาม
อึลดูจีแก้ต่าง "อ้อ สงสัย ข้าไม่คุ้นกับน้ำที่นี่ เลยทำให้ถ่ายท้องไม่หยุด"
บูคีเอาใจ "งั้นรึ งั้นคงทรมานมาก ต้องดื่มน้ำต้มแพ๊กชุล"
"แพ๊กชุลเป็นยารักษาโรคบิด"
"งั้นเรารีบ เดินทางกลับวังกันเถอะ"
"โอ๊ยๆๆ ท่าทาง ข้าคงไม่ไหวต้องกลับเมืองไปก่อน ถึงแบบนี้จะเสียมารยาท แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป โอ๊ยๆ"
"ถ้าจะมาวางท่ากับฝ่าบาทก็ไม่สู้ ท่านเสนาบดี ก้นท่านนี่มันช่างไม่ดู กาละเทศะเอาเลย ฮ่าๆๆๆๆ"
ฟากโทชัลก็เอ่ยว่า "ท่านแม่ทัพช้ากว่าชอยรีไปหนึ่งก้าวแล้ว"
วัง เก็งกล่าวว่า "ตอนนี้พวกเรา คิดเรื่องยูฮอนก่อนเถอะ อย่ามัวห่วงเรื่องหัวกระต่าย เรื่องจัดการชอยรี ไว้ทีหลัง ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นสามีของน้องสาวข้า เจ็บใจนัก"
ส่วนจาชิลก็เร่งลูก "ลาฮี รีบกินนะ มามะ ลาฮี เป็นอะไรไป ลาฮี รีบกินนมสิลูก ลาฮี ลาฮี ๆ เก็บสัมภาระเสร็จรึยัง?"
แม่นมบ่น "มากเหลือเกินค่ะ วัวสิบตัวก็ยังไม่พอขนเลยค่ะ"
"แล้วใครใช้ให้เจ้าย้ายบ้านกันล่ะ แค่ม้าสามตัวกับรถหนึ่งคัน ขนไปไหวแค่นั้นก็พอ"
"ทุกคนอยากรู้ว่า ทำไมจู่ๆ ท่านถึงจะไปที่สวนวอลแฮชองค่ะ" แม่นมแปลกใจ
"พวกเจ้าอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม ยังไม่รีบไปเก็บของกันอีก" จาชิลดุ
"เจ้าค่ะ"
" โอ๋ ลาฮี ๆ อย่าเป็นอย่างนี้ะลูก ก่อนที่ยูฮอนจะรู้ว่าพ่อกบฎ เราต้องรีบหนี จากนังนังไปก่อน เราไม่มีเวลาแล้ว เจ้ายังไม่ยอมกินนมอีกอ? ลาฮี เฮ้อ ทำยังไงถึงจะได้ ป้ายผ่านแดนปลอมนะ"
เวลานั้นโมฮาซูก็ฝันร้ายถึงกับตกใจตื่น
"ลูกแม่ จามอง"
โคบีเห็นก็รู้ทันที "ฝันถึงคุณหนูอีกเหรอคะ"
โมฮาซูสีหน้าเศร้า "คงเป็นตลอดชีวิตแน่"
"นายหญิง"
"ฝันถึงจามองถึงจะเจ็บปวด แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ฝันถึงเลย จริงสิ ไปถามนักดำน้ำแถบยอลซูรึยัง?"
"เขาบอกว่า ไม่เห็นคุณหนู แล้วก็ไม่เห็นเรือด้วย ที่ก้นแม่น้ำก็ดำหาจนทั่วแล้ว"
"งั้นเหรอ งั้นก็ดีกว่าหาเจอ ยังมีหวังว่า เขายังมีชีวิตอยู่" โมฮาซูคิดในทางที่ดี
"คือว่านายท่าน ทิ้งจดหมายฝากไว้ ให้เอาให้นายหญิงอ่านค่ะ"
ชอย รีได้ฝากจดหมายไว้มีใจความว่า "โมฮาซู เมื่อเจ้าอ่านจดหมายนี้ ให้รีบออกจากชองแฮฮุน ที่ไม่ได้พาเจ้ากับทุกคนไปก่อนหน้านี้ เพราะถ้ายูฮอนรู้ตัว งานใหญ่ของเราก็จะไม่สำเร็จ ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ ต้องไปที่วอลแฮชอง เมื่อยูฮอนรู้ว่ากบฏ เขาจะปิดด่านเข้าออก เพื่อจับตัวพวกเจ้าไปซะ อย่าได้ใช้ป้ายผ่านด่านที่มีนะ"
"แม้ว่าเกิดตายชะตากำหนด ก็ต้องทำทุกทางเพื่อให้มีชีวิตต่อ"
"โมฮาซู ข้าไม่รู้ว่า จะมีชีวิตรอดกลับมา เจอหน้าเจ้าอีกมั้ย?"
ชีโซกลับมารายงานจาชิลว่า "เรื่องอิลพูมกับคุณหนู ยืนยันแน่นอนแล้วเจ้าค่ะ"
"เข้าไปเก็บเสื้อผ้าของลาฮี"
"นายหญิง"
"อะไรอีก"
"ท่านโหรหลวงอยู่ข้างนอก บอกว่ามาพบท่านค่ะ"
จาชิลออกไปพบจามุก
"ข้าไม่คิดว่าท่านจะมีธุระมาที่นี่อีก"
"ข้าขอนั่งก่อนได้มั้ย ข้าขี่ม้ามา ขาก็เลย"
"นี่เป็นห้องหนังสือ ของชอยรีสามีข้า ข้าเชิญท่านไปด้านในไม่ได้ และข้าไม่อนุญาตให้ท่านนั่ง"
"ฮ่าๆ ๆๆๆ เจ้าเคยบอกว่าจะ เสพลาภยศร่วม กับข้านี่"
"แต่ท่านบอกว่าไม่สนใจเงินทองนี่"
"ข้าขอกอด เจ้าได้มั้ยแค่ครั้งเดียว ข้าอยากกอดเจ้า ถึงได้ยอมมาถึงที่นี่"
"ฮ่าๆๆๆๆ ไหนบอกว่า อายุ 50 ก็เหมือนฝังร่างลงดินครึ่งตัว ควบคุมใจตัวเองไม่ได้ ไม่รู้สึกผิดต่อตำแหน่งโหรหลวงหรือ"
"70 ทำตามใจโดยไม่ออกจากกรอบ ท่านขงจื๊อยังเพิ่งทำได้เมื่ออายุ 70 แล้วคนธรรมดาอย่างข้า จะคุมกิเลสทั้งหมดในอายุ 50 ได้ยังไง"
"ไม่ว่า 50 หรือ 70 ท่านคิดว่าวังจาชิล จะเป็นผู้หญิงที่โหรดูดาวอย่างท่านจะมายั่วเย้าได้หรือ? ท่านกลับไปซะเถอะ"
" อา ข้าเห็นพวกคนใช้ กำลังเก็บสัมภาระกัน จะไปวอลแฮชองกันหรือ อย่าตกใจอย่างนั้น ตอนนี้ท่าน ยูฮอนยังไม่รู้เรื่องอะไร ถึงแค่ดาวดวงเดียว แต่พอมองให้ดี กลับเห็นเป็นใบหน้าของฮูหยิน"
"ท่านคิดจะข่มขู่ข้าเหรอ?"
"ถ้าเป็น การข่มขู่ เจ้าจะกอดข้า สักครั้งได้มั้ยล่ะ?"
" ท่านบอกว่าไม่มี ใครที่หนีชะตาได้ และชะตาของข้า จะได้เป็พระมเหสี เมื่อลาฮีขึ้นครองราชย์ ก็เป็นพระชนนี กล้าเอาคำสกปรกมาข่มขู่ข้าเหรอ? ยังไม่รีบออกไปอีก"
"นี่ป้ายประจำตัวข้าที่ ผ่านเข้าออกด่านได้ ข้ามอบให้กับเจ้า"
"ขอบคุณท่านโหรหลวงมาก ข้าติดหนี้บุญคุณท่าน แต่คงไม่ได้ตอบแทน น้อมส่งเจ้าค่ะ เชิญท่านกลับไปเถอะ"
" ชะตาไม่ได้ กำหนดมาแค่คนเดียวหรอก ก็เหมือนการทอผ้า ความอยากได้ ทั้งของเจ้าและคนรอบข้างจะ เกี่ยวพันกันไปมาเหมือนเส้นด้ายขวางและตรง ไม่ได้ถักทอได้ตามใจต้องการหรอก"
"นอกจาก ข้าจะเป็นมเหสีแล้ว ยังมีอะไรอีกล่ะ?"
โมฮาซูกับโคบีเห็นจามุกโหรหลวง โมฮาซูอดถามไม่ได้ว่าใคร โคบีตอบว่า
"อ้อ โหรหลวงเจ้าค่ะ โหรหลวงจามุก คนที่ดูดวงแล้วเพ้อเจ้อ ทำให้คุณหนูจามองต้องตาย"
"นายหญิง ข้าเห็นนายหญิงรอง กำลังยั่วยวนโหรหลวงอยู่"
"จุดที่บอกว่าดาวตกอยู่ที่ไหน?"
โม ฮาซูก็จับได้แล้วว่าแผนดาวกาลกิณีนั้นเป็นแผนที่จาชิลสมคบคิดกับโหรจามุก จึงคิดจะแก้แค้นด้วยการเอาลาฮีไปโยนน้ำบ้าง จาชิลรีบตามไปร้องเรียก
"ท่านพี่ๆๆ"
"เนี่ยเหรอดาวดวงนั้น ดาวตกที่ทำให้ ลูกข้าต้องถูกทิ้งลงแม่น้ำน่ะ"
จาชิลอึ้ง "ท่านพี่"
"จาชิลบอกข้ามาสิ นี่เป็นดาวตกที่คร่าชีวิตลูกข้า ที่เจ้าใช้ปิ่นแทงหน้าอกเขาใช่มั้ย?"
"ลาฮีๆ ท่านพี่ ลาฮี ลาฮี ท่านพี่ ส่งลาฮีคืนมานะ ลาฮีๆ"
" ถ้านี่เป็นแม่น้ำยอลซูก็ดี แม่น้ำหนาวเข้ากระดูกแบบนั้น เขาไม่เพียงแต่ถูกแทง แต่ยังต้องหนาวอีก อาจถูกน้ำเย็นเฉียบบาดข้อเท้า หรือบาดท้อง แต่มันก็แปลกนะ ทำไม รอยแทงไม่มีแผล แต่กลับมีเลือดไหลจากหัวใจ"
"โปรดให้อภัยข้าด้วย?"
"ถ้าหากเจ้าเป็นข้า เจ้าจะให้อภัยข้ามั้ย?"
"คนอยากให้เด็กตายไม่ใช่ข้า พี่ได้ทำอะไรบ้างล่ะ?"
"ว่าไงนะ?"
"ความพยายามที่ท่านทำ ก็แค่กอดขาท่านพี่ ร้องไห้ขอให้เขาไว้ชีวิต นอกจากนี้ทำอะไรบ้าง อย่างน้อยข้า ก็พยายามช่วยลาฮี"
"ทำไม เจ้าไปสมคบคิดกับใคร ที่บอกไม่ได้ใช่มั้ย บอกไปเลยสิว่า เจ้ามันเป็นแม่ผู้ประเสริฐ ที่ยอมมอบตัวให้ชายอื่นเพื่อช่วยลูกตัวเอง"
" แล้วยังไงล่ะ เป็นท่านท่านทำได้มั้ย ข้ายอมถวายตัว ให้ตาเฒ่าจามุกอายุห้าสิบคนนั้น เพราะความเสน่ห์หารึ ทำไมพี่ไม่ทำบ้างล่ะ คนดีเหรอ หรือเพราะท่านโง่ ถ้าข้าบอกท่านว่า แค่มอบตัวให้โหรหลวงจามุก ก็จะช่วยจามองได้ ท่านจะทำมั้ยล่ะ?"
"ไม่ ข้าทำไม่ได้หรอก"
"เห็น มั้ยล่ะ พี่ไม่มีความกล้าอย่างนั้น โมฮาซูผู้สูงศักดิ์ของแม่ทัพชอยรี ไม่มีวันยอมลดตัว เพื่อช่วยลูกสาวตัวเอแน่ง ดังนั้นอย่ามาแค้นข้า"
"หึ สวยจริงๆ เหมือนแม่เจ้าไม่มีผิดเลย เมื่อเจ้าโตขึ้น เจ้าคงจะเป็นผู้หญิงใจเหี้ยมเหมือนแม่เจ้า ไม่ใช่แค่เจ้าหรอก แม้แต่เด็กนี่ข้าก็ไม่ให้อภัย"
"นี่ท่านจะทำอะไร อ๊าก ลาฮี"
ชีโซตกใจ "คุณหนู"
"ลาฮีๆๆ"
"จะเป็นแม่ของลาฮี หรือภรรยาของสามี ต้องเลือกเอาสักอย่าง" โมฮาซูว่า
จบตอนที่ 5

จามอง 6
"ลาฮีๆๆ" จาชิลร้องแทบจะขาดใจ
" จะเป็นแม่ของลาฮี หรือภรรยาของสามี ต้องเลือกเอาสักอย่าง ไปจากเขาเหมือนตอนเจ้าช่วยลูก ไม่งั้นข้าจะบอกว่าเจ้าทำอะไรไว้ ข้าไม่โผเข้าอ้อมกอดของจามุก ไม่ใช่เพราะข้าไม่กล้า"
"แล้วเพราะอะไร?"
" ข้าไม่ยอมผิดต่อเขา เพื่อช่วยลูกยังไงล่ะ อย่างน้อยเจ้า ยังมีทางให้เลือกอยู่บ้าง เลือกลาฮี หรือว่าเขา ข้าไม่มีโอกาส ที่จะเลือกจามองเลยด้วยซ้ำ โหดร้ายไปแล้ว"
"ข้าเรียนรู้มาจากท่าน สิ่งสำคัญกว่าลูก ก็คือสามีกับภรรยา ท่านทำให้เขาไร้ทายาท จามองก็ตายแล้ว ลาฮีก็ตายด้วย"
"ผู้หญิงแต่งมาเพิ่มได้ ถึงไม่ใช่เจ้า หรือว่าข้า คนที่มีลูกให้เขามีเยอะแยะไป"
"หึ ชอยรีมีลูกสาวเพียง 2 คนไม่มีลูกชาย ไม่เคยได้ยินคำทำนายเหรอ" จาชิลย้อน
"วังจาชิล"
"นี่คือสงคราม เขาจะรอดชีวิตกลับมา หรือว่าตายอยู่ในป่าก็ไม่มีใครรู้ ถ้าชอยรีต้องตายไป แถมยังต้องเสียลูกสาวอีก ช่างน่าสงสารจริงๆ"
โมฮาซูอึ้ง "อะไรนะ?"
" ท่านทำเกินจำเป็นน่ะ เพราะยังไงเด็กคนนี้ ถึงไม่ต้องยืมมือท่าน ช้าเร็วลาฮีก็ต้องอดตาย ไม่ยอมกินนมแม่ แถมไม่ยอมกินนมแม่นม แต่เด็กกลับรอดชีวิตอยู่มาถึงวันนี้"
โมฮาซูนึกถึงชอยรีที่บอกกับนางไว้ ว่า "โมฮาซู ข้าไม่รู้ว่า จะมีชีวิตรอดกลับมา เจอหน้าเจ้าอีกมั้ย? ฝากลาฮีด้วย วันที่ปล่อยจามองไป ข้ารู้ว่าคงไม่มีลูกชายสืบสกุล รู้ทั้งรู้ว่าวันหน้าเจ้าจะต้องลำบากกว่านี้ แต่ข้าก็ยัง ไม่ใยดีลาฮีไม่ลง เพราะยังไง เขาก็เป็นลูกสาวของข้า"
โมฮาซูสับสนมาก "ลาฮี"
แล้วโมฮาซูก็รีบให้หมอมาดูอาการของลาฮี โมฮาซูรีบถาม
"เป็นยังไงบ้าง?"
"ตอนนี้ยังเป็นหวัดอยู่ กลัวแต่ จะมีโรคมาแทรกซ้อน ท่านต้องกอดเขามากๆ ความเย็นในตัวต้อง ใช้ความอุ่นจากร่างกาย ช่วยคลายให้ครับ"
ชีโซรีบไปรายงานจาชิล "นายหญิงๆ นายหญิงคะ ท่านหมอบอกรอดแล้ว นายหญิง คุณหนูรอดแล้วค่ะ"
"หึ คิดว่าสระบัวนี่จะทำเขาตายได้เหรอ?"
"ท่านรู้แต่แรกแล้วหรือ?"
"ข้าเชื่อในดวงชะตาลาฮี เขาอยู่ในน้ำคร่ำมาตั้ง 9 เดือน เด็กที่มีชีวิตอยู่ในน้ำ จะ จมน้ำตายได้ยังไง?"
ชีโซเข้าใจ "นั่นสิ"
"ไปเอาเสื้อคลุมมา เราต้องเดินทางอีก 6 ร้อยลี้ เราต้องผ่านภูเขาชอแบ็กยอน เขาฮาดังแล้วเขามูจิก"
ชีโซถามขึ้น "ไม่ไปดูคุณหนูก่อนเหรอคะ"
"ไม่มีเวลาแล้ว ต้องออกเดินทางก่อนพระอาทิตย์จะตก โมฮาซูก็ดันมาก่อเรื่องเอาเวลานี้อีก"
"ตอนแรกคิดว่า นายหญิงใหญ่จะอ่อนโยนนุ่มนวล นึงไม่ถึงนางจะโกรธเป็น แถมยังโหดเหี้ยมซะด้วย"
"เวลาวัวมันโกรธ มันก็เหยียบคนเหมือนกัน ได้ระบายอย่างนี้ ความโกรธคงจะหายไปแล้ว ไปดูลาฮีสักหน่อย"
โคบีถามโมฮาซูด้วยความที่ยังเจ็บแค้นอยู่ว่า
"ท่านไม่แค้นนางเหรอ พอนึกถึงพี่สาวข้า นึกถึงคุณหนูจามองกับอิลพูม ข้าก็อดแค้นลาฮีไม่ได้"
"ข้าก็แค้นเขา แต่ไม่ปกป้องเขาไม่ได้"
"ทำไมคะนายหญิง ทำไมถึงต้องทำแบบนี้"
"ท่านต้องการแบบนี้ ลาฮีเป็นอะไรไม่ได้ ขอโทษนะลาฮี"
"ถ้าเป็นข้า ข้าไม่มีวันนยอม ช่วยคุณหนูขึ้นจากน้ำหรอก"
"ทงโคบี"
จาชิลเข้ามา "เจ้าแค้นลาฮีหรือไม่ มัน ก็เป็นสิทธิ์ของเจ้า อย่าลืม ว่าลาฮีก็เป็นคุณหนู ที่ต้องรับใช้"
โคบีก้มลง "ข้าผิดไปแล้ว"
"ลาฮีคงทำให้ท่านต้องเหนื่อยแย่"
"ต้องโทษข้าไม่ใช่เขา ลาฮีปลอดภัย สำลักน้ำในท้องมาหมด"
"ข้าจะออกเดินทางแล้ว ท่านเตรียมตัวเถอะ"
"ยังไม่ได้ เดี๋ยวความเย็นจะเข้าปอดเขา"
"เด็กคนนี้รอดชีวิตจาก เงื้อมมือยูฮอนกับท่านได้ แค่ความเย็นจะทนไม่ได้เหรอ เร็วเถอะค่ะ นี่เราช้ามากแล้ว"
โมฮาซูร้องขึ้น จนจาชิลรีบถาม "เป็นอะไรไปคะ?"
"ลาฮีเขา เขากำลังดูดนมข้า"
ขณะที่จามองกับอิมพูมก็ได้รับการอุปการะจากคนในคณะกายกรรมอย่าง ชากับมีชูรับมาเลี้ยงดู
หน้าด่านนัมมุน นอกเขตนังนัง บูทัลเข้ามาบอกว่ามีเรื่องด่วน ทหารบอกกับเขาว่า
"ทหารเกินร้อยนาย ถ้าหากจะเข้าเมือง ก็จะต้องมีหนังสือผ่านทางที่ออกโดยท่านแม่ทัพยู หรือท่านเจ้ากรม"
โทชัลแทรกขึ้น "นี่เป็นโองการของท่านอ๋อง ให้แม่ทัพวังเก็งนำกำลังเข้าเมือง ท่านอ๋องมีโองการให้พวกข้า อารักขาเมืองหลวง"
"นี่แม่ทัพขวาวังเก็ง กับท่านแม่ทัพซ้าย ชอยรีใช่รึเปล่าครับ?"
"ถูกแล้ว"
"จำพวกข้าได้แล้ว ยังไม่เปิดประตูเมืองอีก"
"ท่านแม่ทัพขวาควรจะนำทัพไปทายอล ส่วนแม่ทัพซ้ายก็ ควรจะนำทัพไปจนถึงทุนยูแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?"
วังเก็งกล่าวว่า "เมื่อกี้บอกแล้วไง ท่านอ๋องมีบัญชา ให้มาอารักขาเมืองหลวง"
"ข้าน้อย ยังไม่ได้รับการแจ้งจากในวังครับ"
"ตอนนี้แม่ทัพยูน่ะกำลัง ไปปราบกบฏอยู่ที่ เมืองฉางอันอบา พวกเจ้าจึงควรจะฟัง คำสั่งของแม่ทัพซ้ายสิ จะบังอาจไปแล้ว"
"ข้าน้อยบังอาจ เชิญท่านถอยไป 500 ก้าว รอแจ้งรายงาน ข้าจะส่งคนเข้าไป สอบถามในวังก่อน"
"ฮึ้ยเจ้านี่"
โฮแคสั่งเสียงเฉียบขาด "เปิดประตูซะ"
ทหารเสียงดัง "รีบปิดประตูเร็ว มีการกบฏแล้ว"
บู คีกล่าวทูลพระเจ้ามูยุลว่า "จากแผ่นดินเฮซูจนถึงนังนัง ที่สงบสุขร่มเย็นได้นั้น เป็นเพราะ พระบารมีของท่านอ๋องฮูยอนแต่เพียงผู้เดียว ขอยินดีในดิถีที่ท่านปกครอง มาครบ 30 ปี หวังว่าโกคูรยอ และนังนังจะเป็น มิตรต่อกันตลอดไป"
พระเจ้า มุยุลตรัสว่า "หลักการที่ว่า ไม่ควรใกล้และไม่ควรไกลเกิน จึงเป็นแนวทางที่เจริญของสองประเทศ โกคูรยอคือโกคูรยอ นังนังก็ยังเป็นนังนัง ต่างฝ่ายต่างดูแลประชาชน บนดินแดนตนให้ร่มเย็นเป็นสุข โดยต่างไม่หยิบยื่นอาวุธเข้าหากัน"
"จึงขอให้พระปรีชาของพระองค์ จงได้สืบทอดสืบต่อไป ท่านอ๋อง ของถวายจากโกคูรยอ ทรงพอพระทัยไหม?"
"ไม่สูงค่าอะไรนัก"
ยูฮอนว่า "สีแดง ถ้าใช้อย่างไม่เหมาะสม มันก็จะกลายเป็นสีที่ไร้ค่าและธรรมดาไปเลยเชียว"
"ขอได้โปรดอภัยด้วย"
"ไม่เป็นไรหรอก มันก็ช่วยไม่ได้นี่ จริงสิ ท่านเจ้ากรมพูดถูก โกคูรยอที่ไม่มีอะไรเลย กลับยอมทุ่มเทขนาดนี้ คงคาดหวังอะไรอยู่มั้ง"
"เราต้องการอาหาร" บัลโซว่า
"อืม ที่แท้มูยุลก็ส่งเจ้ามาซื้ออาหาร"
"โปรดมอบข้าวสาร ข้าวสาลี เกลือและน้ำมัน เพื่อให้พ้นจากภัยแล้งปีหน้า"
"เอาหนังหมูมาไม่กี่แผ่น แต่เรียกร้องมากเชียวนะ"
"คงไม่ได้หรอกฝ่าบาท นังนังก็เกิดอุทกภัยใหญ่ทำให้ผลเก็บเกี่ยวไม่ดีเหมือนกัน"
บัลโซกล่าวว่า "18 อำเภอของนังนังมีคลังเสบียง ท่านมีเสบียงที่พอกินไปถึงสามปีไม่ใช่หรือ?"
โฮ คกแปลกใจ "ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องในบ้านเมืองข้ามากนัก นั่นเตรียมไว้สำหรับทหารของนังนัง ไม่ได้เตรียมไว้ให้โกคูรยอ หน้าด้านซะจริงๆ"
"ชาวโกคูรยอขาดแคลนอาหาร จึงต้องข้ามแม่น้ำแพซูมาหากิน พวกเขาอาจมาเป็นโจร ขโมยในนังนังของท่าน แล้วท่านจะจัดการยังไง?" บัลโซว่า
"เจ้าเป็นแค่ทูตคนหนึ่งกลับกล้ามาข่มขู่ท่านอ๋องงั้นเหรอ?"
"โกคูรยอและนังนัง อยากรักษาความสงบร่มเย็น"
ทหารเข้ามาทูลยูฮอนว่าประตูเมืองใต้แตกแล้ว
โฮคกยังไม่เข้าใจ "แผ่นดินไหวเหรอ จู่ๆ ประตูเมืองจะแตกได้ไง"
"วังเก็งรึ ทหารที่วังเก็งนำทัพใช่มั้ย?"
"เป็นแม่ทัพขวาวังเก็ง และแม่ทัพซ้าย ชอยรีด้วย"
ยูฮอนแค้น "ไอ้พวกกบฎโชซอน"
บัลโซกล่าว "ท่านอ๋องขอรับ"
บู คีเองก็กล่าวว่า "ราชทูตทำแบบนี้เหมาะแล้วรึ ต่อให้ไม่มียางอายก็ ไม่ควรมาแบมือของเสบียง เสบียงที่อยู่ในมือชอยรีกับวังเก็ง จะยกให้โกคูรยอได้ยังไง?"
บัลโซเรียกอีก "ท่านอ๋องขอรับ"
โฮคกไล่ "ยังไม่รีบไสหัวกลับแม่น้ำแพซูไปอีก"
"ให้เสบียงเขาไป" ยูฮอนว่า
บูคีกับโฮคกไม่พอใจ "ท่านอ๋อง"
" มูยุลเองไม่น่าสงสารรึไง ข้าสาบานว่าต้องตัดหัวชอยรีกับวังเก็งคนทรยศทิ้ง ข้าวที่ต้องคลุกกลิ่นคาวเลือดนั่น ไม่ต้องให้ไป เปิดคลังเอาข้าวเก่าให้"
"ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เมตตา"
0000000000000000
ประตูแบ็กซุง เมืองกุ๊กแน โกคูรยอ ทหารคนหนึ่งเห็นก็รีบบอกเพื่อนทหาร
"เปิดเร็ว นี่คือ ท่านเสนาฯอึลดูจิ"
พระเจ้ามูยุลกล่าวกับอึลดูจิทันทีที่เจอหน้า "ในที่สุด วังเก็งกับชอยรีก็ร่วมมือกันกบฏ"
"ถึงจะพอรู้ล่วงหน้า แต่ก็กะทันหันมากเลย"
"ไม่รู้ชูบัลโซนำข้าวกลับมาได้มั้ย เพชรนิลจินดาหนังสัตว์ ก็ให้ยูฮอนไปหมดจนแล้ว คงไม่ต้องกลับมามือเปล่าหรอกนะ"
"วังเก็งกับชอยรี ชอยรีกับวังเก็ง สู้กับพวกเขายากกว่าสู้กับฮูยอนเยอะ เฮ้อ หาทางทำให้เขาแตกกัน"
"บังเอิญว่าวังเก็ง เป็นพี่เขยของชอยรีด้วยพะยะค่ะ"
"ข้ารู้อยู่แล้ว"
"ความสัมพันธ์ ของพวกเขาดูเหมือนแน่นแฟ้นกันดีมาก"
"ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นงั้นเหรอ?"
"เอ่อ หมายความว่า ผู้ชายสองคนนี้ เป็นสหายที่เชื่อใจกันโดยไม่ระแวงต่อกันเลยพะย่ะค่ะ"
พระเจ้ามูยุลหัวเราะ "โลกนี้ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก"
"แม้จะหายาก แต่มันก็มีอยู่จริงพะยะค่ะ"
"มนุษย์เป็นสัตว์ที่เต็มไปด้วยกิเลส"
"ฝ่าบาท"
"ปัญหาอยู่ที่กิเลสมีมากน้อย อยู่ในเวลาไหน และรูปแบบไหนต่างหาก ความสัมพันธ์แบบที่เจ้าว่า ไม่มีอยู่ในโลกหรอก"
"ฝ่าบาททรงใช้ สายพระเนตรตัดสินมนุษย์ ในแง่ร้ายไปพะยะค่ะ"
"ไม่ใช่ว่าท่านอ่อนแอเกินไปรึ?"
"ไม่ว่าจะโหดร้ายหรือว่าอ่อนแอ แต่เรา จะยุให้เขาแตกกันยังไง"
" ตอนนี้เขา กำลังปีนขึ้นเขาด้วยกัน แต่เมื่อไหร่ที่กำจัดยูฮอนได้แล้ว ตำแหน่งกษัตริย์จะมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อได้ลิ้มรสของอำนาจแล้ว ความเชื่อใจจะหายไปเอง เขาสองคน ก็จะหันกระบี่เข้าหากัน เพื่อแย่งบัลลังค์นังนัง"
"ในโลกนี้ ไม่มีมิตรภาพที่แท้จริงหรือพะยะค่ะ"
"อึลดูจี พระเจ้ายูริเสด็จพ่อของข้า เพื่อรักษาตำแหน่งของข้าไว้ ท่านฆ่ากระทั่งพี่ชายข้า 2 คน ข้าตอบเจ้าแล้วนะ"
"แล้วฝ่าบาทกับพระมเหสีล่ะพะยะค่ะ แล้วฝ่าบาทกับองค์ชายโฮดงล่ะ"
"ท่านเสนาฯต้องการให้ข้าพูดอะไรกันแน่?"
"ระหว่างฝ่าบาทกับองค์ชาย ก็มีความสัมพันธเช่นนั้นอยู่ไม่ใช่หรือ?"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่มี"
พระเจ้ามูยุลตรัสถามฮาเดิ้กว่าทำไมวันนี้ไม่เห็นโฮดงเลย?
"องค์ชายเป็นไข้หวัดพะยะค่ะ พระสนมจึงไม่ให้ออกจากตำหนักซูยาง"
" โกคูรยอน่ะ เป็นประเทศที่จะต้อง ผ่านฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเป็นน้ำแข็งอยู่ทุก ๆ ปี แต่องค์ชายกลับหนาวจนเป็นไข้หวัด ไปเรียกเขาออกมา บอกให้ใส่ชุดบางๆ แล้ววิ่งจนกว่าเหงื่อจะออกท่วมตัวซะ"
"นี่เป็นพระประสงค์มเหสี ทรงเข้าพระทัยด้วย"
ด้าน องค์ชายโฮดงเมื่อรู้ว่าใครคือศัตรูของตน จึงพยายามที่จะฝึกฝนตนให้เข้มแข็ง เพราะรอดชีวิตจากแม่เลี้ยงใจร้ายให้ได้ แต่พออึลดูจิมาเข้าเฝ้า องค์ชายก็ปล่อยโฮออกมา
"ท่าน ท่านอาจารย์ ฮือๆๆ"
"นี่มัน เกิดอะไรขึ้นพะยะค่ะ"
เวลาเดียวกันนี้ ซงแมซอซูก็เรียกแม่ทัพอูนาลูมาพบและขอร้อง
"แม่ทัพอูนาลู โปรดช่วยข้าด้วย"
"มเหสี พระมเหสี ทรงทำแบบนี้ องค์หญิงของกระหม่อม จะฆ่ากระหม่อมเอา"
"ท่านแม่ทัพ คิดว่าข้าว่างมาล้อท่านเล่นงั้นเหรอ?"
"ถ้าไม่ได้ล้อเล่นก็ยิ่ง ไปกันใหญ่ กระหม่อมปวดหัวพะยะค่ะ"
" นี่เป็นอนาคตของโกคูรยอนะ ท่านจะเลือกโฮดงเหรอ? จะให้ลูกของผู้หญิงชั้นต่ำ สายเลือดพูยอหรือสายเลือดพีรูบริสุทธิ์ขึ้นเป็นผู้สืบทอด ท่านจะสนับสนุนฝั่งใด ต้องเลือกจุดยืนให้ชัดเจน ในวันที่ลูกข้าได้ขึ้นครองราชย์ ท่านจะได้ครองตำแหน่งสูงสุดแน่"
"พระมเหสี ไม่ว่าทรงมีโอรสหรือว่าธิดา กระหม่อมก็ไม่สนหรอก"
"ท่าทางท่านเลือก ข้างโฮดงเหมือนอึลดูจีสิ"
" กระหม่อมไม่ค่อย รู้เรื่องราวอะไรนักหรอก แก่งแย่งอำนาจ สืบราชบัลลังค์ แค่คิดสมองก็แทบจะระเบิดแล้ว ถือกระบี่สู้ในสนามรบ ตัดสินความเป็นตายกัน ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย กระหม่อมเป็นสุขมากกว่า โปรดอย่าดึงให้กระหม่อม เข้าไปพัวพันเลยจะดีกว่า"
"หมายความว่าท่าน ไม่เลือกที่จะยืนข้างไหน ขออยู่ตรงกลางเหรอ?"
" กระหม่อมอาจเป็นกระดูกในสนามรบได้ทุกเมื่อ แล้วกระหม่อม จะไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไมกัน ในเมื่อพระองค์ทรงชักกระบี่ออกมา การนองเลือดก็คงหนีไม่พ้น ไม่ว่าองค์ชายโฮดงหรือโอรสสนม ถ้ากษัตริย์องค์ต่อไป มีปรีชาเหนือกว่าองค์นี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร อูนาลูก็ย่อมรับใช้ พระองค์จนเป็นกษัตริย์ที่ แข็งแกร่งของโกคูรยอ"
"แค่คำพูดนี้ ก็เป็นกำลังใจให้ข้ามากแล้ว"
องค์ชายโฮดงเล่าเรื่องแม่เลี้ยงใจร้ายให้อึลดูจิฟัง
"ได้บอกคนอื่นรึเปล่าพะยะค่ะ?"
"ตอนนี้ ข้ากำลังจะไปกราบทูลที่ตำหนักพอนซู"
"ไม่ได้พะยะค่ะ"
"เสด็จพ่อควรจะทราบนี่นา"
" ถ้าฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้ ไม่พระมเหสีก็องค์ชาย จะมีต้องใครสักคน ที่จะต้องตายแน่นอน หากตัดขาดเผ่าพีรูแล้วเลือกองค์ชาย หรือเลือกองค์ชายแล้วตัดขาดกับพีรู ฝ่ายบาทจะต้องตัดสินพระทัยเลือก"
"ท่านคิดว่าเสด็จพ่อ จะเลือกฆ่าข้ารึเปล่าล่ะ?"
" อาจเป็นไปได้ หรืออาจจะไม่ใช่ กระหม่อมเองก็ไม่ทราบ ถ้ารู้สึกว่าถูกรังแก ท่านต้องรวบรวมพลังที่มี เพื่อเอาชนะกำลังของพระมเหสี เอาชนะกำลังเผ่าพีรู และองค์ชายจะชักกระบี่ได้ เมื่อทรงแน่พระทัยแล้วว่าจะชนะ มันน่าเสียดายที่ นี่คือสถานะองค์ชายในตอนนี้"
00000000000
เวลาเดียวกันนี้ ชอยรีก็ถามวังเก็งว่า
"ได้ยิน ว่ายูฮอนได้เรียกทัพเสริมจากเหลียวตงกับฮอนโท"
"ท่าทางจะเป็นศึกยืดเยื้อแล้ว"
"ปัญหา คือเสบียงอาหาร"
"ยูฮอนบอกว่าจะ เปิดคลังนำอาหารให้โกคูรยอ เราจะต้องปล้นชิงเสบียงนั้นมาให้ได้ มาโจกับโฮแคนำทหาร 5 ร้อยคน ไปปล้นชิงเสบียงนั้นมา"
"ทำไมวังโจยัง ไม่ส่งทัพเสริมมาอีก"
" เจ้าคนไร้สำนึกนั่น มันคงรอแต่ฉกผลประโยชน์ พอเราสู้แทบตายจนยึดครองแผ่นดินได้ มัน ถึงจะโผล่หัวมาทำท่าแข็งขัน มันคิดจะมาแย่งชิงบัลลังค์ใช่มั้ยหา?"
"บัลลังก์ๆ เจ้าคิดถึงแต่บัลลังค์รึไงหา ถ้าทหารจากเหลียงตงกับฮอนโทมาถึง สงครามจะลุกลาม ไปแค่ไหนก็ยังไม่รู้เลย"
"แต่ไม่ว่ายังไง มาโจกับข้าก็ควรไปก่อน ถ้าไม่มีเสบียงแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงอีก"
ลูจีบอกชอยรีว่า "นายหญิงใหญ่กับนายหญิงรอง พาคุณหนูลาฮีไปวอลแฮชอง ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับ"
"พวกนางไม่มีป้ายผ่านด่าน แล้วจะผ่านด่านไปได้ยังไง" ชอยรีวิตกกังวล
ด้านอ๊กกูก็ต่อว่าซงแมซอซูที่คิดฆ่าองค์ชายโฮดง
"นี่เจ้ายังมีสมองอยู่รึเปล่า? ถ้าเจ้าฆ่าโฮดง จะให้เผ่าพีรูถูกประหารล้างเผ่าพันธุ์รึยังไงกันหา?"
"พ่อนี่มีหูตาเยอะจังนะ เมื่อคืนในวังเกิดเรื่องอะไรขึ้น มีแม่น้ำขวางไว้ท่านยังรู้ได้อีก"
"เจ้าเดาผิดคนแล้ว ไม่มียังเดิ้ก ข้าก็ยังมีหูตาอีกมาก แล้วมูยุล รู้เรื่องที่เจ้าทำลงไปรึเปล่าหา?"
"ข้าไม่รู้ ว่าเขารู้รึเปล่า?"
"โฮดงล่ะ"
"ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นก็ถามเขาเองสิ โฮดงเอ๊ย คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเจ้า คิดจะบีบคอเจ้าให้ตายเจ้ารู้มั้ย หรือว่าไม่รู้"
อ๊กกูถอนใจ "เฮ้อ"
"ข้าเรียกโฮดงมาหาดีมั้ย?"
"แมซอลซู"
กำนัลเข้ามาบอกว่าแมโกแจ้งว่า พระเจ้ามูยุลเสด็จที่ตำหนักซูยาง อ๊กกูเตือนว่า
"พระมเหสี เดี๋ยวก่อน ตอนนี้เจ้ากับโฮดงน่ะ ยืนอยู่คนละฝั่งอย่างสิ้นเชิงแล้ว พวกเจ้าอยู่ในจุดที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว"
"ข้ารู้แล้วท่านพ่อ"
" ถ้ามูยุล เกิดรู้เรื่องนี้เข้า พ่อกับเผ่า ก็จะตัดความสัมพันธ์กับเจ้าซะ จำไว้ให้ดี แมซอลซู มูยุลจะอ้างเหตุนี้โจมตีเผ่าพีรู พ่อปกป้องเจ้าไม่ได้"
"ถึงตอนนั้น ข้าจะฆ่าตัวตายเอง"
"เฮ้อ ตอนที่เจ้าไป เจ้าก็พาโฮดงไปด้วยล่ะ ความแค้นนี้ พ่อจะแก้แค้นให้เจ้าเอง"
"ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้ ข้ายังไม่ได้ตายสักหน่อย"
พระเจ้ามูยุลตรัสถามองค์ชายโฮดงว่า
"ทำไมไม่เอากระบี่วางบนโต๊ะเอามากอดทำไม?"
"หม่อมฉันกลัว ตอนนอนจะมีคนเลวเข้ามา เลยต้องปกป้องตัวเองไว้"
"ในวังของพ่อจะมีใครกล้ามาทำอะไร? โฮดง"
"ก็หม่อมฉัน ไม่ค่อยแน่ใจนี่นา"
"ในเวลาอย่างนี้เจ้ามาทำไมหา?" พระเจ้ามูยุลตรัสถามซงแมซอซูที่เข้ามา
"คนเป็นแม่ ไม่มาห้องลูกได้หรือเพคะ ได้ยินว่าโฮดงเป็นไข้ หม่อมฉันห่วงว่าจะนอนไม่หลับ เลยมาดูเพคะ จริงสิ ลูกเป็นยังไงบ้างหา?"
"หม่อมฉัน ไม่ได้เป็นไข้พะยะค่ะ" องค์ชายโฮดงรีบบอก
"แล้วยังไง?"
"หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้ไม่สบายเพราะไข้"
"แล้วเพราอะไรล่ะ โฮดง พ่ออยู่นี่ทั้งคน พูดออกมาเถอะ"
"เป็นเพราะว่า หม่อมฉัน"
"ถ้าฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้ ไม่พระมเหสีก็องค์ชาย จะมีต้องใครสักคน ที่จะต้องตายแน่นอน"
พระเจ้ามูยุลทรงตกพระทัย "โฮดง"
อึลดูจิกล่าวว่า "หากตัดขาดเผ่าพีรูแล้วเลือกองค์ชาย หรือเลือกองค์ชายแล้วตัดขาดกับพีรู ฝ่ายบาทจะต้องตัดสินพระทัยเลือก"
"นี่เจ้าเป็นอะไรหา?" พระเจ้ามูยุลทรงประหลาดใจมาก
"หม่อมฉันปวดหัว สงสัยจะเป็นไข้หวัดจริงๆ แค่กๆๆ"
"ทางหมอหลวง ถวายยายอนโคกับคึมอึนฮา สงสัยยาคงจะแรงไป"
"เพราะเจ้าอ่อนแอเจอลมหนาวถึงเป็นไข้ รองเท้าก็ถอดออกด้วย"
แมโกน้อมรับ "เพคะฝ่าบาท"
"เจ้าวิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่า ไอร้อนออกจากหัวและมีเหงื่อออกมา"
"พะยะค่ะเสด็จพ่อ" องค์ชายโฮดงน้อมรับ
"เอาผ้าพันคอออก"
แมโกรีบเข้ามา "หม่อมฉันถอดให้เพคะ"
"ไม่ได้ อย่ามายุ่ง เสด็จพ่อ คือว่าคอลูกบวมมาก นี่มันช่วย"
"เจ้าอายุเจ็ดขวบแล้ว จะใช้นิสัยเด็กๆ แบบนี้ถึงเมื่อไหร่"
"เจ้าถอยไป ข้าแก้ให้เขาเอง เดี๋ยวตอนวิ่ง เหงื่อคงจะออกมา มีผ้าไว้เช็ดเหงื่อก็ดีเพคะ"
"งั้นยังยืนเฉยอยู่ทำไม"
"เสด็จพ่อ เสด็จแม่หม่อมฉันเป็นคนยังไงหรือ? หม่อมฉันอยากรู้ ว่าแม่แท้ๆ ของหม่อมฉันเป็นใคร? ท่านเป็นคนยังไง?"
"ลืมไปแล้ว"
"เสด็จพ่อ"
" โลกนี้มีไว้สำหรับคนที่ยังหายใจอยู่เท่านั้น คนเป็นกษัตริย์ไม่มีเวลามากพอ ไปจำเรื่องคนตายหรอก แม่เจ้ายืนอยู่นั่นไง ต่อไปอย่าได้ถามเรื่องพวกนี้อีก"
เช้าวันต่อมาองค์ชายโฮดงก็มาขอพบอูนาลู
"โฮดง ทำไมถึงมาที่นี่แต่เช้าเชียว?" ยอรังถาม
"ข้าจะมาหา ท่านอาเขยขอรับ"
"งั้นเหรอ โฮดงบอกว่าจะมาหาท่านน่ะ"
"ไหนว่าไม่สบาย ทำไมมาที่นี่ได้"
"ได้โปรด สอนวิชาฟันกระบี่ที่แข็งแกร่งให้ข้าที" องค์ชายโฮดงขอร้อง
"จะทรงเอาไปฆ่าใครงั้นเหรอ?" อูนาลูถาม
"ตอนนี้ข้า อยากเรียนวิชากระบี่ที่ญาติตัวเองก็ฆ่าได้ อาจารย์ โปรดรับการคารวะด้วย"
ยอรังเห็นโฮดงได้รับบาดเจ็บก็ต่อว่าอูนาลู
"องค์หญิงเชิญหลีกไป"
"ท่านมาสอนฟันกระบี่ให้เขา ใครให้ท่านถอดเสื้อแล้วฟาดเขาแรงอย่างนี้"
" อะไรเรียกว่ากระบี่ลูกผู้ชาย เพลงกระบี่ผู้หญิงเป็นแค่ศิลปะ แต่กระบี่ของผู้ชาย เป็นการตัดสินในเสี้ยววินาที ไม่ข้าก็เจ้าที่ต้องตาย"
"โฮดงถูกกำหนดให้ออกรบพรุ่งนี้รึไง? เจ็บมั้ยหา?"
"พะยะค่ะ เสด็จอา"
"ลุกขึ้นมา"
ยอรังอึ้ง "ท่านพี่"
" ไหนว่าจะฝึกวิชาที่ฆ่าได้แม้แต่ญาติไงล่ะ หรือทรงพูดไปอย่างนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่ฆ่าญาติได้ เพราะมันยากเย็นและเจ็บปวดซะยิ่งกว่า ตัดมือเท้าตัวเองอีก ข้าว่าท่านคงไม่สามารถฆ่าญาติตัวเองได้ แค่ความสงสารก็ทำให้ท่านอ่อนแอ ไปเรียนกับองค์หญิงเถอะ วันหน้าเมื่อต้องออกรบ อย่างน้อยก็ป้องกันตัวเองได้"
องค์ชายโฮดงตะโกน "ข้าทำได้ ข้าต้องฆ่าได้ ข้าจะฝึกกระบี่ลูกผู้ชายกับท่านอาเขยให้ได้ ข้าจะเป็นกษัตริย์โกคูรยอ สืบต่อจากเสด็จพ่อให้ได้ ถ้าฆ่าญาติตัวเองไม่ลง ข้า ก็จะต้องตาย ย้าก"
จบตอนที่ 6

จามอง 7

ฤดูหนาว ปี คศ29 ตำหนักซูยาง เมืองกุ๊กแน โกคูรยอ องค์ชายโฮดงทรงฝึกฝนวิชาอย่างหนัก
ขณะที่ซงแมซอซูมาเข้าเฝ้าพระเจ้ามูยุลกลางดึก
"เรียกหม่อมฉันกลางดึกอย่างนี้ โซมายอนคนเดียวไม่พอหรือเพคะ"
"มานั่งก่อนสิ"
"สิบปีมานี้ไม่เคยเรียกหาหม่อมฉันเลย หม่อมฉันเลยคิดว่าจากนี้ไปคงไม่เข้าเฝ้า ฝ่าบาทในตอนกลางคืนอีก"
" มองกลางคืน ที่แท้เจ้าก็แก่แล้วนะ หน้ามีรอยเหี่ยวย่นแล้ว ข้าไม่เคย ลืมสัญญาที่ให้กับเจ้าไว้ตอนนั้น เมื่อไหร่ที่เจ้าอายุมาก จนหมดรอบเดือนมีลูกไม่ได้อีกแล้ว ถ้าตอนนั้นข้ายังไม่ตาย และยังเป็นชายชาตรีอยู่ ข้าจะเอ็นดูพระมเหสีเอง"
"ถึงหม่อมฉันจะแก่ แต่ก็ยังมีรอบเดือนอยู่เพคะ"
"อ้อ อย่างนั้นเหรอ?"
"มีธุระอะไรกับหม่อมฉันเหรอ?"
"ผ้าที่อยู่บนโต๊ะนั่น"
"ผ้านั่นทำไมเพคะ หรือเตรียมเป็นของขวัญวันเกิดหม่อมฉัน"
"เอาไปตัดชุดซะ เย็บปักให้สวย ความเหงาค่ำคืนมันทรมาน เย็บปักถักร้อยฆ่าเวลาก็เป็นเรื่องดีนะ"
"ทำไมต้องเหยียดหยามกันด้วย ถึงไม่ได้รับความเอ็นดูจากพระองค์ แต่หม่อมฉันก็เป็นราชินี เห็นหม่อมฉัน เป็นนางกำนัลเย็บผ้าหรือเพคะ?"
"นี่เป็นของขวัญให้กษัตริย์นังนังคนใหม่ที่จะครองราชย์"
"ให้โซมายอนทำเถอะเพคะ"
" เฮ้อ นี่ไม่ใช่งานที่จะให้นางสนมไปทำได้ ผ้าไหมพับนี้ ใช้เย็บชุดพิธีสำหรับกษัตริย์ ระหว่างวังเก็งกับชอยรีต้องมีใครสักคนตาย ดังนั้นต้องให้เจ้าทำ เพราะมีแต่ มเหสีโกคูรยอที่ทำได้"
เมืองวังเคิม แคว้นนังนังจาชิลเจอชอยรีจึงเอ่ยทักว่า
"ท่านมาอยู่ตรงนี้นี่เอง?"
"เจ้ามาทำอะไรที่นี่?"
"บ้านที่วันหน้าต้องมาอยู่ ข้าก็ต้องมาดูบ้างสิ บ้านหลังนี้ไม่ต่างอะไรกับวังเลย ถ้าพูดถึงเรื่องตกแต่ง พวกเขาจะสู้ผู้หญิงได้ยังไง"
"ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะเข้าวังน่ะ?" ชอยรีย้อน
"ท่านคิดจะให้พี่ชายข้าครองราชย์หรือ?"
" ถึงจะกำจัดพวกยูฮอนไปได้แล้ว แต่ขุนเขาที่ต้องข้ามมีอีกมาก เหลียวตง หรือฮอนโท ไหนจะฮ่องเต้กวงอู่ตี้ แถมยังมีมูยุลแห่งโกคูรยอ ถ้าเป็นพี่วังเก็ง ต้องนำพานังนังให้เจริญรุ่งเรืองได้แน่"
"อืม ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าท่าน หรือลาฮี คนในครอบครัว ทุกคนในชองแฮฮุน คงต้องตายกันหมด"
"กลัวคนอื่นมาได้ยินจริงๆ เพิ่งล้มอำนาจเก่าก่อตั้งอำนาจใหม่มา ก็เริ่มแก่งแย่งชิงดีกันซะแล้ว"
"แม้ว่าต้นไม้จะใคร่สงบ แต่สายลมก็ไม่ปรานี แม้ทะเลหวังจะหยุดนิ่ง แต่คลื่นก็ไม่ยอมหยุดซัด"
"จาชิล"
" พี่ชายของข้าเป็นคนโลภมาก โทชัล บูทัล ลูกน้องในยางโฮยิ่งแล้วใหญ่ แม้แต่โมยังเฮพี่สะใภ้ข้า พวกเขาไม่มีใครอยากให้ท่านมีชีวิตสักคน ท่านฟังให้ดีระ ข้าวังจาชิล ใช้ชีวิตอยู่ในยางโฮมายี่ 22 ปี ข้ารู้จักพี่ข้าดีกว่าใคร"
"เจ้าไปดูแลลาฮี ที่ชองแฮฮุนเถอะ"
"ข้าคิดถึงท่านพี่ ยังไงก็มาแล้ว เดินดูรอบวังหน่อยดีกว่า"
จาชิลกระซิบสั่งชีโซว่า "ไปสืบให้ข้าที 4 ปีก่อน ฝังจามุกเอาไว้ที่ไหน"
"ค่ะนายหญิง เดิมทีตรงนี้เป็น พลับพลาดูดาวเพคะ ท่านโหรหลวงจะคอยเฝ้าดูดาวจากตรงนี้"
"เขามองดูดาวจากในน้ำนี่รึไงนะ?"
"ไม่ใช่เจ้าค่ะ หลังจากฝังยูฮอนกับเขาไว้ ถึงได้สร้างสระบัวขึ้นมา"
4 ปีก่อน ฤดูใบไม่ผลิ ปีคศ 25 จามุกดีใจที่ได้พบกับจาชิล
"นายหญิง ในที่สุดท่านก็กลับจากแมซีทัล"
"เพราะสงครามกำลังจะจบแล้ว นังนังกำลังจะล่มสลาย ยูฮอนก็ต้องตายเหมือนกัน ส่วนชอยรีสามีข้า จะเป็นกษัตริย์คนใหม่" จาชิลกล่าว
"อาจะใช่"
"ราชินีใหม่ของนังนัง มเหสีวังจาชิล ข่าวฉาวโฉ่ที่ว่าวังจาชิลยอม ยั่วยวนโหรหลวงเพื่อช่วยชีวิตลูกสาว ควรให้มลายหายไปซะ"
"ยาพิษแพ็กทู"
"กินเข้าไปเดี๋ยวนี้ คิดจะทำอะไรน่ะ?"
"ถ้าเป็นของที่นายหญิงให้ อย่าว่าแต่ยาพิษ ต่อให้เป็นกระบี่ข้าก็ต้องกลืนลงไป"
"งั้นก็รีบกลืนลงไปซะสิ"
"แต่ว่า ไม่ว่าจะยังไง ข้าต้องถวายการรับใช้ มีสัจจะที่ต้องรักษา ให้ข้าส่งเสด็จท่านอ๋องก่อน แล้วข้าค่อย"
"จามุก เอานี่คืนไปด้วย"
"นายหญิง นี่เป็นของขวัญ ชิ้นสุดท้ายที่ข้าจะให้นายหญิง ท่านถือต่อไป อีกสักพักเถอะ"
"ข้าเชื่อว่าท่านคงไม่ คิดจะล่วงเกินข้าในวัง"
"นายหญิง ข้า อยากเจอท่านเป็นครั้งสุดท้าย"
ชอยรีกับวังเก็งสามารถล้มยูฮอนได้ แต่ก็กำลังจะเกิดการแก่งแย่งว่าใครจะมาเป็นผู้ปกครองนังนังคนต่อไป
โมยังเฮภรรยาของวังเก็งบอกให้เขาฆ่าชอยรีเพื่อจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ขณะที่มาโจก็มาทวงคำสัญญากับชอยรี
"คำสัญญา ที่ท่านให้ต่อหน้าศาลเทพทันกุน คงยังไม่ลืมใช่มั้ย?"
"ในวันที่นังนังเป็นเอกราช จงใช้กระบี่เล่มนี้มาตัดหัวข้า"
"ท่านลืมไปแล้วเหรอ?"
"เป็นวันนี้อย่างนั้นเหรอ ตามคำสัญญา เชิญตัดหัวของข้าเถอะ"
"ดี งั้นข้าจะตัดหัวท่านล่ะ ท่านแม่ทัพ"
"นี่หมายความว่าไง"
" เมื่อกี้ข้ามาโจ ได้ตัดหัวท่านแม่ทัพซ้าย ชอยรีไปเรียบร้อยแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าข้า คือราชาแห่งนังนัง ผู้กอบกู้เอกราชโชซอน ขอให้ท่าน ใช้กระบี่นี้ปราบวังเก็ง"
ชอยรีประหลาดใจ "มาโจ"
"เวลาเช่นนี้ต้องการให้ท่านออกมา ขอให้ท่านช่วย ปกป้องนังนังจากมูยุล"
000000000000000000
ฮาเดิ้กเข้าเฝ้าพระเจ้ามูยุลและทูลว่า
"ฝ่าบาท พระองค์ไม่บรรทมทั้งคืนเกรงว่า"
"เมื่อวานนี้ มันเป็นวันที่พี่ชายของข้าต้องมาฆ่าตัวตาย"
"กระหม่อมกลับลืมเสียได้ กระหม่อมสมควรตาย"
" ไม่เป็นไร เสด็จพ่อของข้าน่ะ ไม่ยอม ให้ใคร เอ่ยแม้แต่ชื่อของโดแจ กับแฮเมียงเลย เจ้าจะลืมก็ไม่แปลกหรอก มันเป็นเพราะอะไรกันนะ ที่ทำให้เสด็จพ่อของข้ายอมฆ่ากระทั่งลูกตัวเอง เพื่อโกคูรยอหรือ? หรือเพราะว่ากลัวตาเฒ่าจากทั้งห้าเผ่าจะมาล้มล้าง"
"ห้าเผ่านั้นไม่มีความหมายหรอก ก็เหมือนที่ฝ่าบาททรงทำ ทุกอย่างทรงทำเพื่อโกคูรยอ"
" ฮ่าๆๆ ฮาเดิ้ก เจ้ารู้จักพูดปลอบใจอย่างนี้เหมือนกันรึ ข้ามูยุล ป่านนี้ยังไม่อาจทำให้โกคูรยอมั่นคงได้ แม้แต่เป็นใหญ่ในเผ่าพีรูยังไม่ได้ ทำยังไงถึงจะทำให้โกคูรยอยิ่งใหญ่ได้"
ตำหนักคังกุ๊ก พระเจ้ามูยุลเสด็จไปดูองค์ชายโฮดงแสดงฝีมือ และได้พบกับอ๊กกู
"กระหม่อม ถวายบังคมฝ่าบาทพะยะค่ะ"
"อ้อ ท่านพ่อตาก็มาหรือ?"
"วันนี้องค์ชายทรงแสดงฝีมือหลังฝึกสำเร็จ กระหม่อมย่อมต้องมา องค์ชาย วันนี้ ขอให้ท่านแสดงให้ตาได้ ชื่นชมสักหน่อยเถอะ"
"หม่อมฉันจะพยายาม"
"ตอนดูหูตา ต้องสอดส่ายออกไปข้างนอกเหรอ ความทะเยอทะยานนั้นมันจะเป็นผลดีหรือร้ายหา?"
"คนแก่จะเข้าโลงจะไปมีความทะเยอทะยานอะไรกัน ก็แค่ หวังให้โกคูรยอได้ร่มเย็น ให้ฝ่าบาท กับองค์ชายมีพระวรกายแข็งแรงเท่านั้นเอง"
"ไม่หวังให้อำนาจเผ่าพีรูกับพระสนมมากขึ้นรึ"
"ความร่มเย็นของโกคูรยอก็เป็นความร่มเย็นของเผ่าพีรูด้วย ส่วนพระมเหสี ฝ่าบาท กระหม่อมมีของอยากจะถวาย"
"ของถวายรึ? ฮ่าๆๆๆ ท่านมักมีอะไรที่คาดไม่ถึงมาเสมอ ข้าอยากเห็นแล้วสิ ไปเชิญพระมเหสีมา"
สักครู่หนึ่ง ซงแมซอซูก็เสด็จมาถึง อ๊กกูทัก
"โอ้ พระมเหสี"
"อากาศหนาวอย่างนี้ยังอุตส่าห์ข้ามแม่น้ำมา"
"เพื่อแสดงความยินดีกับองค์ชาย ถึงต้องข้ามเขามาก็ไม่เป็นไร" อ๊กกูว่า
พระเจ้ามูยุลตัดบท "โฮดงกำลังรออยู่น่ะ ไว้แสดงความคิดถึงพ่อทีหลังเถอะ"
"ท่านพ่อคะ"
"เอ่อ พ่อเป็นขุนนาง จะนั่งคู่ฝ่าบาทได้ไง พระมเหสี เชิญประทับเถอะ"
"เริ่มต้นได้แล้ว"
และเมื่อองค์ชายโฮดงแสดงเสร็จ ทุกคนต่างชื่นชม
"ยอดมาก"
" ฮ่าๆๆๆๆ องค์ชาย วันนี้กระหม่อมได้ เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ ฝีมือกระบี่เฉียบคมอย่างนี้ นอกจากฝ่าบาทแล้ว ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ ฮะๆๆ"
"โฮดงมานี่สิ ยกเข้ามาได้ หากใช้กระบี่นี้ ต่อให้เป็นกำแพงเหล็กก็พังให้ราบได้"
"หม่อมฉันจะ ใช้ยึดครองนังนัง เหลียวตง แล้วก็บฮอนโท รวมถึงพูยอ เพื่อมาถวายแก่เสด็จพ่อให้ได้พะยะค่ะ"
"แน่นอน เจ้าทำได้แน่"
"นังนัง เหลียวตง ฮอนโทเจ้าคงทำได้ แต่เจ้าจะตีพูยอได้ลงหรือ นั่นเป็นที่เกิดแม่เจ้า และเป็นสายเลือดของเจ้า"
"หม่อมฉัน เรียนกระบี่กับอาจารย์ ไม่ใช่แค่พลังกระบี่ แต่เป็นกระบี่ที่ฆ่าแม้ญาติตัวเอง"
"ฮะๆ อย่างนั้นหรือ"
"วิชากระบี่ของมูยุล ฝึกไปถึงขั้นไหนแล้วหา?"
"แค่หนึ่งในสิบเท่านั้น"
บัลโซถาม "มันไม่น้อยไปเหรอท่านแม่ทัพ"
"ทำไมถึงสอนไปแค่หนึ่งในสิบล่ะ?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
" เพราะกระหม่อมไม่อาจสอนต่อไปได้ วิชากระบี่ แบ่งออกได้เป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือความปราดเปรียว ส่วนที่สองคือพลัง กระหม่อมคงสอนได้แค่นี้เท่านั้น ดังนั้นจึงแค่หนึ่งในสิบ"
อ๊กกูสนใจ "น่าสนใจมาก ท่านแม่ทัพ ที่เหลืออีก 2 ส่วนให้ข้าเป็นคนพูดได้มั้ย?"
"เหนือกว่านั้นคือกระบี่เหี้ยมโหด ซึ่งฝ่าบาททรงเชี่ยวชาญกว่า ต้องให้ฝ่าทรงบาทสอนเอง ฮะๆๆ"
ยอรังถามต่อ "แล้วสุดท้ายคืออะไร?"
อูนาลูทูลว่า "กระบี่เสพสุข ก็คือกระบี่ที่ สนุกกับการได้อาบไล้กับโลหิตสดๆ จึงไม่มีอะไรในโลก ที่จะชนะกระบี่นั้นได้"
" ไม่ว่าจะกระบี่เหี้ยมโหด หรือว่าเป็น กระบี่เสพสุข มันก็เป็นสิ่งที่โฮดงต้องไปเรียนรู้เองทั้งนั้น เขามาถึงระดับนี้ ข้าก็พอใจมากแล้วล่ะ"
"หม่อมฉัน ยังมีเรื่องอยากทูลขอ" องค์ชายโฮดงทูล
"อะไรรึ?"
" หม่อมฉันอยากประลอง กระบี่กับเสด็จแม่ เมื่อก่อน เสด็จพ่อเคยบอกหม่อมฉันว่า ถ้าหากชนะเสด็จแม่ได้ ก็จะฆ่าได้แม้ญาติตัวเอง แท้จริงแล้วหม่อมฉัน ฝึกกระบี่ ได้แค่หนึ่งในสิบหรือว่า เป็นกระบี่ที่เฉียบขาดแล้ว หม่อมฉันอยากจะพิสูจน์"
"องค์ชายพะยะค่ะ ทรงตรัสเกินไปแล้ว"
"ข้าเคยเห็นฝีมือ ของพระมเหสีเมื่อนานมาแล้ว เรียกว่าเป็นวีรสตรีคนนึง พวกท่านไม่อยากเห็นอีกครั้งรึไง?"
"ที่สอนวิชานางเพื่อให้ป้องกันตัว คงไม่คู่ควรให้ชมหรอก"
"จะลองดูก็ได้ เอากระบี่กับชุดของข้ามา"
"พระมเหสี"
"ลูกอุตส่าห์ขอร้องนาดนี้ เป็นแม่จะไม่ตอบสนองได้ยังไง ท่านพ่อไม่ต้องห้ามหรอก"
"น่าสนุกออก หัวหน้าเผ่าจะห้ามทำไม ฝีมือกระบี่พี่สะใภ้ยอดเยี่ยมจะตาย" ยอรังว่า
"ยังเดิ้กทำอะไรอยู่ ไปเอากระบี่จากตำหนักโอซอนมา" ซงแมซอซูสั่ง
อ๊ก กูทูลว่า "พระมเหสี องค์ชายเปรียบเหมือน หญ้าเขียวขจีในฤดูร้อน กระบี่ของพระมเหสีคง เหมือนใบไม้ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ไม่ต้องประลองก็รู้ผลล้ว ยังต้องประลองจริงอีกหรือไง ไม่สู้ตอนนี้ ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรของขวัญจากเผ่าพีรูก่อนดีกว่า"
"พ่อเอาของมาจากบ้านหรือ?"
"นำของขวัญออกมาได้" หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามา
"นางคือ"
"ญาติผู้น้องพระองค์ ชื่อซูจียอนน่ะ"
พระเจ้ามูยุลชื่นชม "เผ่าพีรูมี หญิงงามมากจริงๆ พระมเหสีก็ด้วย"
"ท่านคิดจะประทานนาง ให้กับโฮดงใช่มั้ย?"
"ฝ่าบาท ทรงรับซูจียอนด้วยพะยะค่ะ"
"ให้ข้ารับเป็นสนมหรือ?"
" ขอทรงโปรดปลดพระมเหสีคนนี้ แล้วตั้งนางเป็นพระมเหสีคนใหม่ หน้าที่หลักของพระมเหสีคืออะไร ต้องมีพระโอรสสืบพระโลหิตให้ฝ่าบาทเพื่อความมั่นคงของราชวงศ์และห้าเผ่า ช่วยให้โกคูรยอ มีความมั่นคงได้" อ๊กกูทูล
ซงแมซอซูตกใจมาก "ท่านพ่อคะ"
"พระมเหสีตอนนี้เหมือนดอกไม้โรย ไม่อาจหวังผลได้อีกพะยะค่ะ"
"ท่านพ่อคะ" ซงแมซอซูอึ้งหนัก
"ถ้างั้น ข้าจะหวังให้เจ้าออกผลได้รึเปล่าหา?"
ซูจียอนทูล "หวังจากหม่อมฉันคนเดียวคงไม่ได้ ยังไงก็คงต้องให้ ฝ่าบาทช่วยเพคะ"
พระเจ้ามูยุลชอบใจ "ฮ่าๆๆ พี่น้องเหมือนกันจริงๆ ร้ายกาจเหมือนเจ้าทีเดียว ฮ่าๆๆ"
ซูจียอนทูลอีกว่า "ร่างกายนี้เตรียมไว้ เพื่อให้ฝ่าบาทได้ทรงโปรดรักใคร่ หม่อมฉันมั่นใจว่า จะทำทรงสำราญมากกว่าพระมเหสี"
อ๊ก กูทูลต่อว่า "ถึงจะเป็นลูกสาวกระหม่อม แต่นางทำผิดต่อฝ่าบาทและโกคูรยอ ขอให้พระองค์ปลดนางออก แล้วตั้งพระมเหสีใหม่เพื่อมีโอรสด้วย"
"ตอนเจ้าเด็กข้าอุตส่าห์เอ็นดูเจ้า นังคนเนรคุณ" ซงแมซอซูต่อว่าซูจียอน
"ฮ่าๆๆๆ ผลงานชิ้นเอก ฮะๆๆ ในบรรดาของขวัญที่พ่อตาให้กับข้ามา นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ฮะๆๆ"
"ขอพระองค์ ส่งลูกกระหม่อมกลับพีรู แล้วรับซูจียอนไว้แทน กระหม่อมจะพาแมซอลซูกลับไปด้วยเลย"
เมื่ออยู่กันตามลำพัง ซงแมซอซูก็อาละวาดใส่อ๊กกูทันที
"จริงอยู่ เจ้าคงจะเสียใจมาก"
"ข้านึกไม่ถึงท่านจะทำอย่างนี้ ครั้งนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นท่านพ่อที่แทงเข้าข้างหลังข้า"
"ถ้าโฮดงได้ขึ้นครองราชย์ พวกเราจะต้องตายกันหมด"
"ท่านกลัวเรื่องนี้น่ะเหรอ?"
"ถ้าพ่อตาย แล้วจะช่วยพีรูได้ ข้าก็ยอมตาย แต่มีทางเดียว ที่จะช่วยพีรูได้คือ ยอมสละแม่ซอลซูลูกพ่อ จะให้พ่อทำไง"
"ท่านพ่อคะ"
"ลูกพ่อ ลูก ลูก ลูกสาวที่น่ารัก ให้อภัยพ่อด้วยที่ต้องยอมทำร้ายเจ้า"
"ฮือๆๆ ท่านพ่อคะ ท่านพ่อ"
ขณะเดียวกันพระเจ้ามูยุลก็ตรัสกับองค์ชายโฮดงว่า
"เผ่าพีรูปฏิเสธ จะให้แต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นรัชทายาท"
"เป็นรัชทายาทหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ การตัดสินพระทัยของเสด็จพ่อ"
" ถ้าไม่มีวังเก็งกับชอยรี ถ้าไม่มีเหลียวตงกับฮอนโทอยู่ ถึงตอนนั้นพ่อถึง ตัดสินใจได้ตามใจ แต่การยึดครองนังนังที่เพิ่งก่อตั้ง จำเป็นต้องอาศัยกำลังจากเผ่าพีรู"
"เสด็จพ่อ"
"ถ้าเจ้าอยากขึ้นครองบัลลังค์โกคูรยอ ก็อย่าพึ่งพากำลังของเผ่าพีรู เจ้าต้องใช้กำลังตัวเอง ไปทำลายนังนังให้ได้"
"งั้นลูกเข้าใจแล้ว หม่อมฉัน จะต้องทำมันให้ได้"
"มูยุลเอ๊ย ตอนนี้คงแก่แล้ว เพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรก ว่าแมซอลซูก็น่าสงสาร" พระเจ้ามูยุลตรัสกับองค์เอง
โมฮาซูกล่าวกับคนที่ติดตามมาทั้งหลายว่า
"ตอนนี้สงครามสงบแล้ว พวกเจ้ากลับไปบ้านตั้งใจทำไร่กันนะ"
"ขอบคุณครับนายหญิง"
โคบีบอกโมฮาซูว่า "นายหญิง คุณหนูลาฮีมาค่ะ"
"ลาฮี"
"ฮิๆๆ ๆ ท่านแม่"
"เลิกทำได้แล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะแต่งงาน ทำอย่างนี้อยู่อีก"
"อีกนิดเดียวนะ"
"เด็กคนนี้นี่ ตอนเด็กๆ ก็ดื้อไม่กินนม โตยังอย่างนี้อีก"
จาชิลเข้ามาและว่าทันที "นั่นเพราะท่านพี่ไม่สอนให้ดีไง"
"มาแล้วหรือจาชิล" โมฮาซูทัก
"ท่าน ท่านแม่"
"รีบไปเถอะ ได้เวลาเรียนกระบี่แล้ว"
"ท่านแม่"
"เด็กผู้หญิงจะเรียนกระบี่ไปทำไม มีคนคุ้มกันเก่งๆ คอยคุ้มครองก็พอ" โมฮาซูช่วยพูด
"ลาฮีไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดา เขาจะเป็นกษัตริย์หญิงของนังนัง"
"น้องจาชิล"
"ผู้หญิงจะเป็นกษัตริย์ได้ยังไง ท่านแม่นี่" ลาฮีบ่น
"นั่นมันอคติ ใครบอกผู้หญิงเป็นกษัตริย์ไม่ได้ ลาฮีจ้ะ ในวันที่เจ้าเป็นทายาทคนเดียวของชอยรี เจ้าเป็นชายหรือหญิงก็ไม่สำคัญแล้ว"
ด้านชาชาก็ถามสาวๆ ทั้งหลายในคณะว่า
"สาวน้อย เจ้ารู้มั้ยขายศิลปะคืออะไร?"
จามองตอบว่า "ข้ารู้ ก็แค่ขายยิ้ม"
"จบข่าว ตอบพร้อมกัน การแสดงคือการขายอะไร"
"นั่นก็คือการขายชีวิต"
" เข้าใจมั้ย ในทุกวินาทีนั้น ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย ถึงแม้คนมาดูเขาอาจยิ้มหัวเราะ แต่พวกเรา อาจจะตาย อาจจะรอด หรืออาจกลายเป็นคนพิการ เราเอาชีวิตมา เสี่ยงเพื่อแลกข้าวกิน มัดไว้"
หลายคนตอบพร้อมกัน "ค่ะ"
ด้านซงแมซอซูเกิดอาการคลุ้มคลั่งคว้ากระบี่ออกมาท้าองค์ชายโฮดง
"เจ้าบอกว่าอยากสู้กับข้าใช่มั้ย? ข้าก็อยากเหมือนกัน"
"ถ้าจะว่าไปแล้ว ตอนนี้ท่านคงอยากไป ฆ่าผู้หญิงชื่อซูจียอนมากกว่า"
"เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าหรือ?"
"พ่อโยนลูกสาวตัวเองทิ้ง ส่วนน้องสาวก็กำลังจะแย่งตำแหน่งตัวเอง เวลาอย่างนี้ จะมัวกริ้วเพราะหม่อมฉันอีกหรือ?"
"ฮ่าๆๆ นั่นสินะ จะมีผลที่ไม่เกิดจากเหตุได้ยังไง ต้นเหตุทุกอย่างก็ เกิดจากเจ้านี่นา"
"ไม่ใช่เพราะความทะเยอทะยานของ เผ่าพีรูที่โลภอำนาจรึ?"
"จบสงครามน้ำลายได้แล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว ไปหยิบกระบี่ที่พ่อเจ้าให้มา วันนี้จะได้รู้กันว่า คนที่ตายจะเป็นเจ้าหรือเป็นข้า"
"หม่อมฉันเองก็ หวังอย่างนั้นเช่นกัน"
"โฮดง"
จบตอนที่ 7

จามอง 8
แม่ ทัพชอยรีผู้ซึ่งกำลังจะไปกอบกู้เอกราชให้โชซอน กำลังจะให้กำเนิดชีวิตสองชีวิต อ๋องยูฮอนกลัวคำทำนายว่า นังนังจะล่มสลายไป จึงมีคำสั่งให้กำจัดลูกสองคนของชอยรี
วังจาชิล ภรรยาคนรองของชอยรี ยั่วยวนโหรหลวง เพื่อช่วยลูกสาวตัวเอง
ทัลแคบีสาวใช้ของโมฮาซู ส่งอิลพูมลูกชายคนเดียวของตนลงเรือพร้อมจามอง เพื่อไม่ให้เป็น ภัยในวันหน้า วังจาชิลจึงสั่งฆ่าจามอง
แม้ ว่า พระเจ้ามูยุลจะหวังให้โฮดงเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้แข็งแกร่ง แต่ ซงแมซอลซู จากเผ่าพีรูกลับอยากมีโอรสเพื่อสืบบัลลังค์
เรือพาอิลพูมจามอง ล่องไปติดคาบสมุทร ซานตงจนสองสามีภรรยาคณะแสดงเฮเฮฮาฮา ได้มาพบและ ช่วยพวกเขาเอาไว้ จึงรอดชีวิตได้
ในที่สุดชอยรีกับ วังเก็งก็กอบกู้แคว้นนังนังให้เป็นเอกราชจนได้
ความขัดแย้งระหว่างวังเก็ง และจาชิลน้องสาวกำลังปะทุขึ้น เพื่อแย่งชิงบัลลังค์นังนัง
โฮดงในวัยเยาว์เริ่มรวบรวมกำลังเพื่อจะต่อสู้กับซงแมซอลซู
ที่คาบสมุทณซานตง จามองที่ต้องจับพลัดจับผลูไปฝึกกายกรรม ก็กำลังรอชะตาที่กำหนดให้นางพบเจอ
เพื่อ ไม่โฮดงได้เป็นรัชทายาท หัวหน้าเผ่าพีรูยอมให้ปลดลูกสาวถวายนางสนมใหม่ โฮดงผู้อยู่ในอันตรายนี้ ตัดสินใจว่าจะยึดนังนัง และขึ้นครองราชย์ ในแผ่นดินด้วยกำลังของตัวเอง
อึลดูจีกล่าวกับพระเจ้ามูยุลว่า
"เผ่าพีรูกำลัง เล็งเป้ามาที่ฝ่าบาทพะยะค่ะ"
"เรื่องนี้ข้ารู้นานแล้ว ข้าเบื่อแล้วพูดเรื่องอื่นเถอะ"
"ทรงตั้งองค์ชาย เป็นรัชทายาทเถอะ"
บัลโซค้าน "ไม่ได้พะยะค่ะ"
"องค์ชายทรงรอมานานมากพอแล้ว แบบนี้เจ้าคู่ควรเป็นอาจารย์ขององค์ชายรึ?"
"ฝนตกก็ป้องกันฝน หิมะตกบังหิมะเท่านั้นหรอกหรือ? หน้าที่ของข้าคือ ถ่ายทอดวิชาปกครองให้องค์ชาย"
"เจ้าคิดว่าแนวการปกครองในตอนนี้คืออะไร?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
บัลโซตอบว่า "เมื่อคนคนหนึ่งตายไป อีกคนจึงจะอยู่รอดได้ นี่แหละการปกครอง"
"สละองค์ชายโฮดง เพื่อเผ่าพีรูงั้นเหรอ?"
"เผ่าพีรู ยอมตัดได้กระทั่งมเหสี ถ้าไม่ใช้มาตรการที่เหมาะสม โกคูรยอคงเสี่ยงจะแตกแยก"
"ทำไมท่านแม่ทัพไม่ยอมพูดอะไรเลย"
อูนาลูอยากรู้ "ผู้หญิงคนนั้นน่ะ นางสวยมากหรือ?"
เวลานั้นซูจียอนก็บ่นกับองค์หญิงยอรัง
"หม่อมฉันหนาวเพคะองค์หญิง"
"ทำไมเจ้าไม่กลับเผ่าไปล่ะ ที่นี่ไม่มี ใครต้อนรับเจ้าสักคนนี่"
"เพราะไม่ได้มาให้ยอมรับ แต่มาเพื่อเป็นพระมเหสี"
"ฮ่าๆๆ ไม่รู้เจ้าจะสมหวังรึเปล่านะ?"
"มันหนาวจริงๆ ถ้าทรงมีอะไรจะตรัสอีก ปิดประตูแล้วนั่งเถอะ"
"ข้าให้คนเติมฟืนไว้ให้แล้ว"
"เตาไฟไม่ต้องหรอก ให้เอาอาหารมา ให้หม่อมฉันดีกว่า"
ด้านที่พระเจ้ามูยุลประชุมกันอยู่ อูนาลูคุยกับอึลดูจีว่า
"ว่ากันว่าหญิงเหนือชายใต้ ผู้หญิงสวยๆ ก็เลยไป รวมอยู่ที่เผ่าพีรูฝั่งแม่น้ำมาจา พระมเหสีก็เหมือนกัน ฮ่าๆๆ"
"เฮ้อท่านแม่ทัพก็"
"อายุสิบแปด คงกำลังแตกสาว มีชีวิตชีวาเชียว ฮิๆๆๆ"
องค์ หญิงยอรังเข้ามา "ผู้ชายพอเจอสาวงาม วิญญาณก็หลุดลอยกันไปหมด เฮ้อ ร่างกายมันก็ต้องร่วงโรยไปตามวัย พอตีนกาขึ้นก็ไม่งามเท่าไหร่แล้ว"
"ไม่ต้องไปคิดถึงอนาคต แค่ตอนนี้ยังสวยก็พอแล้ว" อูนาลูพูดเอาใจ
บัลโซถวายความเคารพ "ถวายพระพรองค์หญิง"
พระเจ้ามูยุลตรัสขึ้นทันที "เราหารือเรื่องงานอยู่นะ"
องค์หญิงยอรังดุ "เนี่ยเหรอเรื่องที่ต้องปรึกษาขุนนาง การรับคนใหม่เข้ามาในวัง นั่นเป็นเรื่องในครอบครัว"
"งั้นกระหม่อม ต้องขอทูลลาไปก่อน"
"เสด็จพี่ จะทรงจัดการยังไง จะปลดพี่สะใภ้แล้วตั้งพระมเหสีใหม่จริงหรือ?"
"น่าอิจฉามาก เอามาวางในมือแล้วก็ เลือกเอาได้ตามพระทัย ฮิๆๆ"
พระเจ้ามูยุลตรัสดุ "เลิกพูดเล่นสักทีน่า แม่ทัพใหญ่โกคูรยอทำไมเพ้อเจ้อนักนะ"
"ฝ่าบาททรงจริงจังมากไปแล้ว"
"อูนาลู"
"ถึงดูไปมันจะซับซ้อน แต่คำตอบมักตะง่ายเสมอ ไม่จำเป็นต้องไป คิดให้ปวดหัวพะยะค่ะ" อูนาลูทูล
"งั้นบอกสิคำตอบนั่นคืออะไร"
" เราต้องรับมือชอยรีกับวังเก็ง ดังนั้นมีเรื่องกับเผ่าพีรูคงไม่มีประโยชน์แน่ พระมเหสีก็ยังเป็นมเหสี ส่วนซูจียอนก็เป็นพระสนม อย่างนี้ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว เรื่องเงินกับเรื่องผู้หญิงน่ะ มียิ่งมากก็ยิ่งดี"
องค์หญิงยอรังทรงตกใจ "อะไรนะ?"
"ถ้ามันจำเป็นละก็ ไม่สู้เสพสุขให้เต็มที่ดีกว่า"
บัลโซกล่าวกับอึลดูจีขณะที่เดินทางกลับว่า
"ก็เหมือนที่องค์หญิงตรัส เรื่องนี้ควรให้ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินพระทัย"
"เรื่องของบ้านเมือง จะเป็นเรื่องส่วนตัวได้ยังไง"
"เราไปคุยกับต่อ ที่จวนของข้าเถอะ"
"เจ้ากลับไปก่อน องค์ชายยังไม่บรรทม ข้าอยากไปดูพระองค์หน่อย"
" นี่มันเวลาไหนแล้วหา ท่านยังคอยกันฝนกันหิมะให้อีก จะเผ่าพีรู องค์ชายโฮดง ไม่ว่าผลเป็นไง นั่นก็เป็นชะตากรรม ถ้าไม่ไปยุ่ง ทุกอย่างก็จะสมดุลเอง"
"นี่เป็นศึกของผู้เข้มแข็งกับผู้อ่อนแอ ไม่เลือกข้างคือความสมดุลเหรอ การเลือกยืนข้างคนอ่อนแอ ถึงจะเรียกว่าสมดุล"
ซงแมซอซูแพ้การประลองกับองค์ชายโฮดง แต่องค์ชายโฮดงกลับไว้ชีวิตนาง
"พระมเหสีอุ้มข้า ไปเลี้ยงตั้งแต่ ข้ายังเป็นทารก เพื่อตอบแทนคุณ ข้ายอมให้2 ครั้งแล้ว ข้าจะยอมให้ท่าน 3 ครั้ง"
"จะอวดดีเกินไปแล้ว" ซงแมซอซูสู้ต่อกีอ
"หึ ทำได้ประณีตมาก งดงามเหมือนดอกเหมย ฮ่าๆๆๆ ท่าทางเผ่าพีรูคงต้อง สอนวิชานี้กับผู้หญิงถึงจะขายออกมั้ง"
"แล้วเจ้า คิดว่าชีวิตมีไว้ให้ล้อเล่นรึ?"
"มาถึงตอนนี้แล้ว ข้าคงไม่อดทนแล้ว ในเมื่อท่านฆ่าข้าไม่ได้ ข้าก็จะสังหารท่านเอง ย้าก"
องค์ชายโฮดงต่อสู้ "ท่านไม่กลัวตายเลยรึไง?"
"มูยุลพ่อของเจ้า ทำให้หัวใจข้าตายนานแล้ว ข้าเป็นแค่ศพเดินได้ หึ ยังไงร่างก็ต้อง สลาย ไปกับน้ำ ไฟดินและสายลมอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ"
"ท่านนี่ใจแข็งไม่เบานี่"
" นี่ไม่ใช่ใจแข็งหรอก แต่เพราะอ่อนแอไม่อาจจะทนอยู่ เมื่อหมดสิ้นความหวัง ก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไป ลงมือเลยสิ ข้าอดทน ที่ต้องเห็นต้องคุยกับเจ้าพอแล้ว ไม่กล้าพอจะฆ่าข้ารึไง?"
"คนที่ตายไปแล้ว จะฆ่าอีกครั้งไปเพื่ออะไรล่ะ?"
"อะไรนะ?"
" แค่เงาที่ถูกเสด็จพ่อหมางเมิน ถูกท่านพ่อทอดทิ้งไปแล้วนี่ ตอนนี้ ก็กำลังจะถูกน้องสาว มาแย่งตำแหน่งพระมเหสี ท่านก็เป็นแค่เงา ข้าไม่จำเป็นต้องฆ่าท่าน ท่านจะแค่ค่อย ๆ แก่ลงไป ส่วนข้าจะเป็นกษัตริย์ มีชีวิตต่อไปอย่างนี้ ลดบทบาทตัวเองลง อยู่ก็เหมือนไม่อยู่"
"ก็ได้ ข้าจะค่อย ๆ อยู่จนแก่ เพื่อรอดูว่าความโอหังนี้มันฆ่าเจ้ายังไง และข้าจะเอามัน มามัดโลงศพเจ้า"
"ตามใจท่านเถอะ เสด็จแม่ นี่ก็ดึกมากแล้ว เชิญเสด็จกลับไปพักเถอะ"
ซงแมซอซูเก็บความแค้นไว้เพื่อรอวันเอาคืน
00000000000
พระเจ้ามูยุลอยู่กับซูจียอนด้วยความสุขใจ
"เจริญอาหารดีนี่"
ซูจียอนเสียงอ้อน "อยู่ในวัยเจริญอาหารเพคะ ชิมหน่อยมั้ยเพคะ"
"ไม่ละ ข้าเลยวัยเจริญอาหารไปแล้ว"
"ขอถวายพระพร ฝ่าบาท"
"พรุ่งนี้เจ้ากลับบ้านไปซะ"
"ที่พี่แมซอลซูทำให้พระองค์ไม่ได้ หม่อมฉันทำให้ได้เพคะ"
"ผู้หญิงเผ่าพีรูไม่ว่าเป็นใคร ไม่มีทางให้กำเนิดลูกข้าได้"
" ที่หม่อมฉันอยากจะให้ฝ่าบาท คือความสุขเพคะ เป็นถึงกษัตริย์แล้วยังไง มีอำนาจแล้วยังไง ถ้าไม่สามารถมีความสุข หน้าที่เหนื่อยอย่างนี้ ใครจะอยากได้ล่ะเพคะ"
"ความสุขเหรอ? ของอย่างนั้นน่ะ ข้าลืมมันไปนานแล้ว"
" ฝ่าบาทควรได้ผ่อนคลายเพคะ หม่อมฉันจะขับร้องเพลง และเต้นรำ สางพระเกศาและ กอดฝ่าบาท เพื่อให้พระองค์ ได้พักผ่อนอยู่ใน อ้อมกอดหม่อมฉัน"
"เจ้าจะทำยังไง ให้ข้าผ่อนคลายได้ เจ้านี่ ปากหวานจริงๆ"
"ยังมีกลิ่นอาหารอยู่ ขอหม่อมฉันไปบ้วนปากก่อน"
ที่ด้านนอกซงแมซอซูเสด็จมาถึงหน้าตำหนักและไม่ฟังคำทัดทานใคร เดินเข้ามาเลย
"นี่เจ้าทำอะไรหา? จะทำอะไร?"
" หม่อมฉัน ไม่มีที่ไปอีกแล้ว ถูกพ่อของตัวเองทอดทิ้ง ยังถูกเผ่าพีรูทอดทิ้งอีก ไม่มีที่ไป และไม่มีที่ให้พึ่งอีกแล้ว โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ"
ซูจียอนเย้ย "ท่านไม่ละอายรึไง พี่ไม่มีศักดิ์ศรีเลยเหรอ?"
"ก่อนเปิดประตูเข้ามา ข้าได้ทิ้งศักดิ์ศรีไปหมดแล้ว ถ้าพระองค์ทรงทอดทิ้งหม่อมฉัน หม่อมฉัน คงต้องผูกคอตายเพคะ ฮือๆ"
อึลดูจีมาเฝ้าองค์ชายโฮดง และต่อว่าองค์ชายทันทีที่รู้เรื่องการประลอง
"ฮึ่ม มีลูกที่ไหนกล้าแกว่งกระบี่ใส่แม่ตัวเองบ้าง?"
"อาจารย์ว่าถ้ารู้สึกถูกรังแกก็ให้ข้า เอาชนะกำลังพระมเหสี กับเอาชนะเผ่าพีรู"
"กำลังที่พูดถึงไม่ใช่พวกนี้"
"แล้วมันอะไร?"
"ท่าทีที่สงบและเที่ยงตรง คือกำลังที่แข็งแกร่ง"
"ข้าไม่อยากฟังเรื่องคุณธรรมอะไรพวกนี้แล้ว"
" หากต้องการครอบครองโกคูรยอ องค์ชายต้องต่อสู้กับความโลภของพระมเหสี จะต้องเห็น ความโลภและสำรวมยิ่งขึ้น ประชาชนย่อมสวามิภักดิ์คนดี"
"ท่านอาจารย์"
" อย่าเรียกกระหม่อมแบบนี้เลย หลายปีนี้กระหม่อมต้องการถ่ายทอดความเที่ยงธรรมให้องค์ชาย แต่เมื่อล้มเหลว เราก็ไม่ใช่ศิษย์อาจารย์อีก กระหม่อมไม่ใช่อาจารย์แล้ว"
"อาจารย์"
"กระหม่อมอึลดูจี กล้าตบพระพักตร์องค์ชาย ต้องขอประทานอภัยด้วย ต่อให้ต้องถูกตัดมือกระหม่อมก็ยินดี"
" เชิญท่านลุกขึ้นเถอะ ทำไมเสด็จพ่อ ต้องปลดท่านไม่ให้เป็นอาจารย์ข้า ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว คนที่ไม่อยู่ ในโลกความเป็นจริงเอาแต่เพ้อฝัน ข้าไม่ลงโทษหรอก เชิญท่านกลับไปเถอะ"
"ขอบพระทัยพะยะค่ะ กระหม่อมขอกราบทูลด้วยความภักดีสักอย่าง กำลังที่ไม่มีคุณธรรม ก็เหมือนกับตะเกียบที่ปักอยู่ท่ามกลางแม่น้ำใหญ่ แค่คลื่นน้ำเบาๆ ก็พัดให้หลุดลอยได้"
"ข้านับถือ ท่านเหมือนบิดาในใจมาตลอดนะ ฮือๆๆ"
เวลาเดียวกันพระเจ้ามูยลก็ทรงคุยกับซงแมซอซูลำพัง
"ขอแค่ยังได้อยู่กับฝ่าบาท ต่อให้ต้องเป็นนางกำนัล เป็นนางกำนัลก็ไม่เป็นไร อย่าทิ้งหม่อมฉันไปเลย"
พระเจ้ามูยุลรับสั่งว่า "รีบกลับไป ตำหนักโอซอนซะเถอะ"
"ฝ่าบาท"
" อย่ามาเกาะผู้ชายไม่ปล่อยแบบนี้ เจ้าต้องการคำตอบอะไรจากข้าล่ะหา? รีบกลับไปพักผ่อน เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าไว้ ข้าไม่เปลี่ยนแน่ เมื่อไหร่ที่เจ้าอายุมาก จนหมดรอบเดือนมีลูกไม่ได้อีกแล้ว ถ้าตอนนั้นข้ายังไม่ตาย และยังเป็นชายชาตรีอยู่ ข้าจะเอ็นดูพระมเหสีเอง"
"ฝ่าบาท ขอบพระทัยฝ่าบาท"
แม้ เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่โมฮาซูก็ยังคงให้โคบีติดตามสืบหาลูกสาวของนางกับอิมพูม ส่วนจาชิลก็เฝ้าติดตามพฤติกรรมของโมฮาซูกับโคบีเวลาที่โคบีติดตามหาจามอง พอรู้ว่าจามองยังไม่ตายก็เป็นเดือดเป็นแค้นอีก
"แต่ถ้าพัดออกทะเล 2 คนนั้นจะรอดได้ยังไงคะ แค่กระแทกเบา ๆ เรือฟางก็คว่ำแล้ว ถึงจะไม่คว่ำ ก็ต้องขาดน้ำ อาจขาดน้ำตายก่อนก็ได้" ชีโซว่า
"คนเราตอนดวงไม่ดี เดินถนนดีดีก้อาจหกล้มตายได้ เหมือนเทียนไขที่จุดยังไงก็จุดไม่ติด แต่บางคนอาจทำไงก็ไม่ตาย"
"ต่อให้คุณหนูจามองรอดได้ จะเป็นอะไรไปหรือคะ ถ้ารอดก็ดี เพราะยูฮอนก็ตายแล้ว แบบนี้คุณหนูลาฮี จะได้ไม่เหงาด้วยค่ะ"
" ลาฮี จะต้องเป็นกษัตริย์หญิงนังนัง สำหรับกษัตริย์น่ะ พี่น้องไม่ใช่คนที่จะรักกัน แต่เป็นศัตรูที่ต้องช่วงชิงด้วยเลือดเนื้อ ไปหาคนที่ชำนาญทางทะเล ถามว่าผ่านเกาะจั๊กอึนพาจะไปที่ไหนต่อ ถ้าพลาดอีกข้าเอาเจ้าตายแน่"
"เข้าใจแล้วค่ะ นายหญิง"
"เฮ้อ อะไรกันเนี่ย ไม่มีวันสงบเลยรึไง เรื่องพี่วังเก็งก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว"
และ ในเวลาเดียวกันนี้จามองที่เติมโตขึ้น ต้องตกเป็นเป้าปามีดในคณะ อิลพูมก็ต้องฝึกการแสดงอย่างหนัก อิลพูมบอกกับทุกคนว่าจามองชื่อบุ๊กกู
อิลพูมมองจามองด้วยความเป็นห่วง "เป็นไร กลัวโดนหัวหน้าคณะดุเหรอ?"
" ถ้าหากข้ามีพ่อมีแม่ ก็คงไม่ต้อง ถูกมัดเป็นเป้ามีดอย่างนั้นหรอก ถ้าพี่ตกมาจะทำยังไงหา? พี่เลิกฝึกการแสดงอันตรายนั่นเถอะ พี่ยังจำหน้าตา ของพ่อแม่ได้มั้ย?"
"คิดถึงท่านเหรอ?"
"ไม่มีทางหรอก หน้าตาเป็นไงก็ไม่รู้เลย ทำไมต้องคิดถึง แต่ว่าข้า ก็อยากเจอพวกเขาสักครั้ง ทำไมเขาต้องทิ้งเรา เราทำผิดอะไรถึงต้องทิ้งเราแบบนี้ ทำไมข้ามีแผลเป็นนี่ ทำไมทุกครั้งที่ฝนหิมะตกถึงเจ็บ ทั้งเจ็บทั้งปวด มันเจ็บมันแสบเหมือนกับมีมดไต่ทั้งตัว ข้าอยากถามพวกเขาน่ะ"
"บุ๊กกู เรื่องทุกอย่างบนโลกนี้ ย่อมมีเหตุผลของมัน"
" ข้าไม่อยากรู้หรอก เป็นพ่อแม่ ก็ไม่ควรทิ้งลูกไปสิ จะยังไงก็ควรเลี้ยงลูกจนโต ต่อให้อดตายก็ควรอดตายด้วยกัน ไม่ควรทิ้งเราลงทะเลมาแบบนี้"
"ตะโกน เดี๋ยวเสียงก็แหบหรอก"
"เราเป็นขยะเหรอ เป็นสวะเหรอ ทำไมต้องทิ้งเราลงทะเล ทำไมหา ทำไมๆๆ ฮือๆๆๆ"
"พี่จะช่วยหาเอง พี่จะช่วย ตามหาพ่อแม่เจ้า ให้มาเจอหน้าบุ๊กกู ให้เจ้าถามเขาว่า ทำไมต้องทิ้งพวกเราด้วย อย่าร้องไห้นะ หือๆ"
"ข้าเกลียด ข้าแค้นเขาที่สุด ข้าอยากตีเขาให้เจ็บๆเลย ฮือๆๆ" จามองร้องไห้ออกมา
ด้านลาฮีได้ฝึกกระบี่กับชอยรีพ่อของเธอเอง ซึ่งจาชิลหวังจะให้ลาฮีได้เป็นกษัตริย์อย่างมาก
"หืม หยิบกระบี่ขึ้นมา พ่อจะดูหน่อยสิ ว่าพ่อที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพ จะมีลูกที่ใช้กระบี่ไม่เป็นเลยรึเปล่า?"
"หืมๆ ย้าก ย้าก โอ้ยๆๆ"
"ฮ่าๆ เป็นนักเรียนที่ขี้เกียจจริงๆ"
"ไม่ใช่ข้าขี้เกียจสักหน่อย ผู้หญิงกับผู้ชายน่ะ แค่แรงก็ต่างกันแล้ว ผู้หญิงไม่มีทางสู้แรงผู้ชายได้หรอก"
"เข้มแข็งหรืออ่อนแอ ไม่ได้วัดกันที่กำลัง"
"จะเป็นไปได้ยังไง?"
ชอยรีอธิบายต่อ "งั้นเปรียบความเข้มแข็งหินผา เปรียบความอ่อนแอเป็นดอกไม้ เจ้าคิดว่าใครเข้มแข็งกว่า"
"หินผา"
"ผิดแล้วล่ะ"
"งั้นก็ดอกไม้"
ชอยรีก็ทำหน้าดุ "หืม"
"โธ่ แล้วต้องตอบอะไรล่ะ?"
ชอยรีหัวเราะออกมา "ฮ่าๆๆ แข็งกับอ่อนไม่มีทาง แบ่งได้ชัดเหมือนน้ำกับน้ำมันหรอก กระบี่ของผู้ชายกับผู้หญิงก็หลักเดียวกัน"
"ถ้างั้น ถ้าสู้กันใครจะชนะละคะ?"
"คนที่มุ่งมั่นในชัยชนะมากกว่า"
"ถ้างั้น ถ้าให้ท่านลุงกับท่านพ่อสู้กัน ใครจะชนะล่ะคะ"
"ฮ่าๆๆ เราไม่เคยสู้กันเลยไม่รู้น่ะ"
มา โจกล่าวขึ้นว่า "ช่วงแรก แม่ทัพวังเก็งอาจจะได้เปรียบ แต่ผลสุดท้ายพ่อท่านจะเป็นฝ่ายชนะ กระบี่แม่ทัพวังมีแต่แรงเท่านั้น แต่กระบี่พ่อท่าน มีความพลิ้วไหวและเฉียบคม"
"ถ้างั้น ข้าก็คงได้จะเป็นองค์หญิงแน่ ฮิๆๆ"
"ใครพูดเรื่องไร้สาระอย่างนี้กับเจ้า" ชอยรีถาม
"ก็ท่านแม่ไงคะ"
"ลาฮี ลุงของเจ้าต่างหากเป็น กษัตริย์ของนังนัง"
"ทำไมล่ะ"
"เพราะพ่อของเจ้า ไม่ได้ต้องการชัยชนะ"
ด้านโกคูรยอ องค์ชายโฮดงก็ทูลพระเจ้ามูยุลว่า
"วังเก็งทำตัวเหมือนกับได้ขึ้น เป็นกษัตริย์แล้ว คนที่สนับสนุนชอยรีก็นิ่งเฉยกันรึ?"
"ถ้าไม่มีชอยรีห้ามไว้ คนจวนยองโฮกับจวนวอลแฮชอง คงต้องรบกันแน่พะยะค่ะ"
พระเจ้ามูยุลหัวเราะ "หึๆๆ ต้องอย่างนี้สิ"
ฮาเดิ้กส่งเสียงว่า "พระมเหสีเสด็จพะยะค่ะ"
องค์ชายโฮดงถวายความเคารพ "ถวายพระพรเสด็จแม่"
"องค์ชายก็อยู่ด้วยหรือ ช่วงนี้ไม่ค่อยมาตำหนักโอซอนเลย แม่เลยไม่มีโอกาสได้เจอหน้าลูก"
"หม่อมฉันอกตัญญู หม่อมฉันผิดเองเสด็จแม่"
"เอ่อ เตรียมเสร็จรึยังหา?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
"เพคะฝ่าบาท"
"ลำบากเจ้าแล้ว ข้าควรให้รางวัล"
"ถ้าหาก สิ่งที่หม่อมฉันทำ จะช่วยให้ฝ่าบาทยึดครองนังนังได้สำเร็จด้ หม่อมฉันก็พอใจแล้วล่ะ"
"ชุดนี้จะเป็นชุดที่ใส่ก่อนตายของวังเก็ง หรือว่าจะเป็นของชอยรีกันแน่นะ"
บัลโซทูลว่า "กระหม่อมว่าควรส่งให้วังเก็งพะยะค่ะ"
อู นาลูเห็นด้วย "ก็นั่นสิ ถ้าส่งให้ชอยรีจริง เจ้าวังเก็งซื่อบื้อนั่นคงจะ แจ้นมารบกับเรา ก่อนจะไปสู้รบกับชอยรีซะอีก เป็นไปได้มากเลยเชียว หึๆๆ"
อึ ลดูจีว่า "กระหม่อมคิดว่าควรส่งให้วังเก็ง ชอยรีกำลังเตรียมซ่อมกำแพงเมือง และส่งทหารมาชายแดน แสดงว่าเขามองโกคูรยอเป็นศัตรู เราควรรักษาความเป็นมิตร กับวังเก็งไว้ก่อนจนกว่าจะถึงเวลาที่มันเหมาะสม"
"นั่นน่ะสิ เมื่อก่อนเราเคยจ่ายสินบนให้วังเก็ง ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ดีไม่ดีอาจจะเสียของเปล่า แถมอาจทำให้เขาแค้นเราก็ได้"
"เสื้อตัวนี้ควรส่งให้ชอยรีพะยะค่ะ" องค์ชายโฮดงทูลแทรก
พระเจ้ามูยุลตรัสถาม "ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างนั้น?"
"ถ้าหากชอยรีได้ชุดนี้ไป วังเก็งจะต้องสังหารชอยรีแน่นอน ส่วนที่วังเก็งจะเบนเข็มมาตีเรา นั่นยังเป็นเรื่องหลังจากนั้นพะยะค่ะ"
"องค์ชายๆ ถ้าทำอย่างนั้นจริง ทรัพย์สินที่เราลงทุนไปสิบปีจะสูญเปล่าหมดนะ" อูนาลูค้าน
แต่ พระเจ้ามูยุลกลับตรัสว่า "ข้าเองก็คิดเหมือนกับโฮดง ชอยรีเป็นขนมที่ถูกหั่นไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว ส่วนวังเก็งยังเป็นก้อนแป้งที่เพิ่งนวดครึ่งเดียว เจ้านี่วันหน้าจะนวดตามใจยังไงก็ได้ แต่ก่อนอื่นต้องกำจัดชอยรีก่อน"
หลายคนน้อมรับ "รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ ฝ่าบาท"
"ข้าจะเขียนสาสน์อวยพร พวกเจ้าใครจะไปนังนังบ้าง?"
"ขอยินดีกับข่าวที่ ท่านทั้งหลายตีนังนังกอบกู้ โชซอนได้ โกคูรยอและท่านนั้น ล้วนเป็นลูกหลานของเทพทันกุน เราเป็นเมืองพี่น้องกัน"
พระ เจ้ามูยุลส่งสาส์นใจความว่า "หวังว่าแคว้นนังนังใหม่กับโกคูรยอ จะเป็นมิตรที่ดีต่อกันอยู่ร่วมอย่างสันติได้ จึงเตรียมฉลองพระองค์สำหรับพิธีราชาภิเษก ที่พระมเหสีแห่งโกคูรยอทรงเย็บเอง ได้โปรดรับเอาไว้ด้วย"
00000000000000
หลัง จากที่ล้มยูฮอนได้ ทางวังเก็งก็เตรียมตัวจะขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่แล้วทางโกคูรยอกลับใช้แผนยั่วยุ ด้วยการส่งชุดสำหรับราชาภิเษกมาให้กับชอยรีแทนที่จะเป็นวังเก็ง ทำให้วังเก็งแค้นมาก และคิดหาทางกำจัดชอยรี พอชอยรีมาขอคุยตามลำพัง วังเก็งถามทันที
"เจ้าอยากเป็นกษัตริย์หรือ?"
"ใช่ข้าอยาก แต่ว่าข้ารู้ ว่าตำแหน่งนั้นไม่เหมาะกับข้า บัลลังค์นังนัง ต้องเป็นของพี่ชาย"
"เจ้าโกหก เจ้าทำอะไรหา?"
" บนหลังของท่านเอง ก็สลักคำคำเดียวกับข้า เราสาบานต่อหน้าเทพทันกุน ว่าจะกอบกู้โชซอน วันที่เรากรีดเลือดสาบานกันน่ะ ท่านลืมไปแล้วเหรอ เราจะต้องไม่ เห็นแก่อำนาจและบัลลังค์ คำสาบานจะฆ่าเจ้ายูฮอน เพื่อช่วยเหลือชาวโชซอนนั้น ท่านลืมแล้วหรือ?"
องค์ชายโฮดงนำของมาจึงมีโอกาสได้พบกับลาฮี ซึ่งเข้ามาทักเขาว่า
"เจ้าก็คือโฮดงใช่มั้ย?"
"ใช่แล้ว ข้าชื่อว่าโฮดง แล้วเจ้าเป็นใคร?"
"อืม โฮดงน่าจะแปลว่า ผู้ชายที่มีใบหน้างามนี่นา ไม่เห็นเท่าไหร่นี่"
"เจ้าเป็นใครน่ะ?"
"ลาฮี ลูกสาวของแม่ทัพชอยรี"
"เจ้าน่ะเหรอ?"
"ใช่แล้ว"
"เจ้าเป็นลูกสาววังจาชิลหญิงที่สวยที่สุดในนังนัง?"
"ถูกต้องใช่เลย"
องค์ ชายโฮดงนึกถึงพระเจ้ามูยุลที่ตรัสกับเขาไว้ว่า "จากรายงานของสายลับ วังจาชิลหญิงงามที่สุดในนังนังภรรยาของชอยรี คลอดลูกเป็นผู้หญิง เจ้าต้องรีบโตเร็วๆ แล้วพ่อจะยกลูกสาว วังจาชิลเป็นรางวัลให้เจ้า"
องค์ชายโฮดงบ่น "เชื่อเสด็จพ่อเลย รู้อย่างนี้ข้าไม่เอาของรางวัลดีกว่า"
"เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ?"
องค์ชายโฮดงหัวเราะร่า "ฮ่าๆๆ ๆๆๆ"
"หัวเราะอะไร ข้ารู้สึกไม่ดีนะ"
"เจ้าน่ะ หน้าตาน่าเกลียด กลมป๊อกเชียว"
"คนไร้มารยาท นี่ เจ้าทำอะไรของเจ้าหา?"
"ยังไงเจ้าก็ เป็นรางวัลของข้า ถ้าโตขึ้นแล้วสวยขึ้น ข้าคงไม่ต้องกลุ้มใจมาก โอ้โห อารมณ์ร้ายเหมือนกันนี่นา"
"ข้าไม่ไว้ชีวิตของเจ้าแน่" ลาฮีต่อสู้กับองค์ชายโฮดง
"ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดเอง พอแค่นี้เถอะนะ" องค์ชายโฮดงแกล้งทำเป็นยอม
"ข้าไม่ต้องการคำขอโทษ"
"เจ้าเด็กไม่มีคนสั่งสอน"
จบตอนที่ 8

จามอง 9

ชีโซกับสาวใช้อีกคนต่างพากันไปบอกโมฮาซูกับจาชิลว่าลาฮีถูกองค์ชายโฮดงตี พอทั้งสองไปกลับเห็นอีกอย่าง
ชีโซรีบบอก "โอ้ สวรรค์ ท่านดู คุณหนูเกือบจะโดนตีตายอยู่แล้วนะ"
จาชิลว่า "แต่เท่าที่ดู ลาฮีเป็นฝ่ายแกว่งดาบมั่วใส่มากกว่า"
ฮาซูมาถึงก็เป็นห่วงมาก "ลาฮี"
"ใจเย็นก่อนค่ะพี่"
"เจ้ายืนอยู่ตรงนี้ตลอด แล้วยังยืนเฉยไม่ทำอะไรเลยน่ะหรือ?"
"ฝ่ายนั้นเป็นองค์ชายโกคูรยอ เราออกหน้าจะทำให้เรื่องใหญ่ขึ้น ถือว่าเด็กๆ เล่นกันก็พอ" จาชิลว่า
"เจ้าคิดยังไงก็ช่าง ข้าอยู่เฉยไม่ได้แน่"
"ข้าเป็นแม่ของเขา ลาฮีจะเจ็บหรือตาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่พี่ควรยุ่ง"
โมฮาซูดุ "เจ้าพูดอย่างนี้ได้ยังไง"
"หึ ถ้าท่านเป็นห่วงลาฮีอย่างนั้น แล้วตอนนั้นท่านโยน เขาลงสระบัวทำไม?"
"น้องจาชิล"
"นายหญิงรอง"
"ชักกำเริบใหญ่แล้ว เจ้ากล้ามาถลึงตาขึ้นเสียงใส่ข้าเหรอ?"
โคบีว่า "แค่รู้สึกว่า ท่านพูดเกินไป"
"อย่าเห็นนายคุ้มหัวแล้วทำซ่านะ" จาชิลดุ
โคบีสีหน้าผิด "ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ"
จา ชิลกล่าวต่อว่า "คนที่นายท่านระวังที่สุด คือมูยุลแห่ง โกคูรยอ อย่าก่อความยุ่งยากเพราะ ความคิดตื้นๆ ของผู้หญิง ที่ข้าทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากเห็นลูกถูกตีจนตัวลายหรอก"
เสียงลาฮีดังลั่น "โอ้ยๆ เจ้าคนเลว ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้ ตายซะ ไปตายซะ"
"ยัยเด็กบ้า ฟังให้ดีนะ ข้าเกลียดผู้หญิงที่ชอบถือดาบ หาเรื่องไม่มีเหตุผล" องค์ชายโฮดงเถียง
"แล้วไงล่ะ?"
"ที่เกลียดยิ่งกว่า ไม่ใช่แค่ถือดาบหาเรื่อง แต่ข้าเกลียดผู้หญิงใจเหี้ยม"
"จะชอบหรือไม่ชอบ มันเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าจะต้องฆ่าเจ้า"
โมฮาซูร้องเรียกพลางเข้ามาห้าม "ลาฮีๆ"
"ท่านแม่ ปล่อยข้า ๆ ๆ ข้าจะฆ่าไอ้คนนี้ ปล่อยข้า
"พอได้แล้วล่ะ สู้แค่นี้ก็พอแล้ว"
"ปล่อยข้าๆ ฮือๆๆ"
"ถ้าเจ้ายังไม่ยอมฟัง แม่จะโกรธแล้วนะ โกคูรยอสอนมารยาทอย่างนี้เหรอ เป็นทูตกลับมาตีเด็กผู้หญิงในบ้านเมืองอื่น"
"ถึงข้าไม่ได้ทำอะไรถูก แต่ก็ไม่รู้สึกว่าได้ทำอะไรผิด"
"ว่าอะไรนะ?"
"ดูสิ ดูท่านแม่ ดูเจ้านี่พูดจา ต้องตัดปากมันออกมา"
"ตัดปากเจ้าดีกว่ามั้ง" องค์ชายโฮดงว่า
ลาฮียิ่งโกรธ "เจ้ามันไอ้คนเลว"
"ข้าคงไม่ขอโทษ นายหญิงใหญ่"
"องค์ชาย"
"ถ้าแค่นี้ยังไม่พอ ก็ประท้วง กับโกคูรยอได้เลย"
"ฝีมือขององค์ชายน่าตกใจนัก ได้ยินว่าฝีมือดาบโกคูรยอเยี่ยมยอด เห็นแล้วสมคำร่ำลือจริงๆ" จาชิลชื่นชม
"ท่านชมเกินไปแล้ว"
ลาฮีไม่พอใจ "ท่านแม่ นี่ นี่ท่านทำอะไรกันเนี่ย?"
"วิชาอย่างเจ้ายังคิดไปสู้ด้วย ได้เห็นความเก่งกาจขององค์ชายรึยัง ช่วงที่อยู่ในวัง ข้าอยากขอให้ท่าน ช่วยสอนดาบให้ลาฮีบ้าง"
"คงไม่ละขอรับ ต้องรบกวนท่านทั้งสอง ต้องขอโทษด้วย" องค์ชายโฮดงปฏิเสธ
"โฮดง" ลาฮีตรงเข้าทำร้ายองค์ชายโฮดง
"เล่นอะไรเกินไปแล้ว" จาชิลดุลาฮี
โมฮาซูรีบเข้าไปดูองค์ชายโฮดง "องค์ชายเป็นยังไงบ้าง ให้ข้าดูสิ"
"ข้าจะกลับที่พักก่อน" องค์ชายโฮดงขอตัว
"ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้" ลาฮีอาฆาต
"ฝีมืออย่างเจ้าเหรอ หน้าตาแย่ยังอารมณ์ร้ายอีก"
"โอ้ยๆๆ เขาหัวเราะว่าข้าน่าเกลียด ถ้าเป็นท่านแม่ ท่านทนได้เหรอ?"
โมฮาซูปลอบ "เขาไม่ได้พูดตรงกับใจหรอก บางทีเด็กผู้ชายก็เป็นอย่างนี้"
จาชิลกลับบอกว่า "เขาพูดไม่ผิดหรอก ที่บอกว่าอ้วนก็ถูก หน้าตาหน้าเกลียดก็ถูก"
โมฮาซูอึ้ง "น้องจาชิล"
" ผู้หญิงจู่ๆ ก็สวยได้รึ เจ้าคิดว่าแม่เกิดมาก็สวย จนได้ชื่อเป็นหญิงงามของนังนังรึ กินทุกอย่างที่ขวางหน้ามันจะสวยได้ไง มันต้องอดทน อดทนแล้วอดทนอีกแต่งแล้วแต่งอีกถึงสวยได้"
"ท่านแม่คะ"
" เจ้าโดนเขาว่าอย่างนี้แล้ว ก็ควรตั้งใจที่จะเป็นคนสวยสักทีสิ สุดท้ายยังแกว่งดาบ ไปไล่ฟันหัวเขาอีก ถ้าเขาตายขึ้นมาทำไง มันจะมีสงครามรู้มั้ย"
"พอสักทีเถอะ เรื่องมันก็จบลงไปแล้ว" โมฮาซูตัดบท
"ข้าก็ทำไป ก็เพราะจำใจหรอกน่า"
"หึ ใครให้เจ้าทำอย่างนั้นรึ มีใครให้เจ้าถือดาบไปฟันเขา"
" ก็เขาหน้าตาดี ก็ข้าชอบเขานี่นา ข้าก็แค่อยากพูดคุยกับเขาดีดีเอง ถึงองค์ชายไม่ชมว่าข้าสวย แต่ข้าก็ไม่อยากได้ยิน ได้เขามาบอกว่าข้าอ้วน บอกว่าข้าน่าเกลียดนี่ ฮือๆๆ"
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะลูก วันหลังคุยกันดีดีก็พอ คราวหน้า พอเจ้าสวยแล้ว ค่อยฟังเขาชมเจ้านะ หือ ไม่ร้องแล้วนะ" โมฮาซูปลอบ
"มันสายไปแล้ว เขาบอกว่าเกลียดผู้หญิงโหดร้าย ที่ใช้กระบี่นี่ ท่านแม่ ฮือๆๆ"
"ลูกแม่ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโตแล้ว รู้จักชอบผู้ชายซะแล้ว"
พระเจ้ามูยุลแต่งตั้งซงซูจียอนขึ้นเป็นมเหสีรอง พร้อมกล่าวกับพระเจ้าจูมง
" เสด็จปู่ พระเจ้าดงเมียงซอง มูยุลหลานของพระองค์ มาถวายรายงาน เรื่องอภิเษกมเหสีรอง หลานสะใภ้อีกคนของพระองค์ นามว่าซงซูจียอนจากเผ่าพีรู มาทำพิธี"
"เสด็จปู่ ซูจียอนขอคารวะ โกคูรยอยังไร้ผู้สืบสายโลหิต จึงเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว จึงอยาก ขอให้เสด็จปู่โปรดประทาน องค์ชายมาแบ่งเบาภาระโกคูรยอ"
"ยกขึ้นมา"
"ทรงพระเจริญ หมื่นปีหมื่นหมื่นปี พระเจ้าแทมูชิน ขอจงทรงพระเจริญ" อูนาลูกล่าวนำ
หลายคนกล่าวตาม "หมื่นปีหมื่นหมื่นปี พระเจ้าแทมูชิน ขอจงทรงพระเจริญ"
"ทรงพระเจริญพันปีพันๆปี พระมเหสีรอง ทรงพระเจริญ"
"ทรงพระเจริญพันปีพันๆปี พระมเหสีรอง ทรงพระเจริญ"
ฮาเดิ้กกล่าวต่อ "พิธีการเสร็จสิ้น ต่อไปจะเป็นการถวายพระพร"
ทุกคนต่างมาแสดงความยินดีกับมเหสีรอง รวมทั้งองค์ชายโฮดง
ขณะที่วังเก็งกับจาชิล ต่างวางแผนฆ่ากันและกันบนเรือที่จะเดินทางไปจีน
ทางโฮคกเองก็เตรียมถ่ายหินและน้ำมันเพื่อฆ่าทุกคนจากนังนังในขณะที่มาชมกายกรรม
จบตอนที่ 9

จามอง 10

ในที่สุดจาชิลก็สามารถซ้อนแผนของวังเก็ง ด้วยการนั่งเรือร่วมกันไปอาณาจักรฮั่น แต่ชิงใช้ยาพิษสังหารวังเก็งเสียก่อน
เมื่อพระเจ้ามูยุลได้ทราบข่าวก็เรียกประชุมด่วน
บัลโซทูลถาม "ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นพะยะค่ะ?"
"สายลับข้างกายวังเก็งส่งข่าวมาบอกน่ะ"
"ท่านเสนาฯ มีเรื่องอะไรกันแน่?" อูนาลูถาม
"บอกว่าวังเก็งตายแล้ว ศพถูกส่งไปอำเภอทงโม" อึลดูจีกล่าว
" เป็นไปได้ไง เขาตั้งตนเป็นกษัตริย์ แถมจะไปเข้าเฝ้ากวงอู่ตี้ ทำไมจู่ๆ ถึงตายได้ หรือป่วยเป็นอะไร ถึงว่าคนเราพอดวงถึงฆาตแล้ว มันอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ จริงมั้ยล่ะหา? เขาเนี่ยนะ เกลือกกลิ้งอยู่ในสนามรบมาทั้งชีวิต จู่ๆ พอได้ใส่ชุดแพรไหม กินดีอยู่ดี ลาภยศสรรเสริญกลับหมด หรือว่าเป็นฝีมือชอยรี"
"เรียกประชุมขุนนางเดี๋ยวนี้ เชิญหัวหน้าเผ่าทั้งห้าเข้าวังด่วน"
และเมื่อหัวหน้าเผ่ามาครบ พระเจ้ามูยุลก็ส่งกระบี่ให้องค์หญิงยอรัง
"รับไปซะ"
"เสด็จพี่จะสอนโฮดงเองหรือเพคะ"
"เจ้าบอกว่า ต้องเรียนผ่านสี่ขั้นถึงสำเร็จไม่ใช่เหรอ?"
"พะยะค่ะ"
"กระบี่ปราดเปรียว กระบี่พลัง กระบี่เหี้ยมโหด กระบี่เสพคาวเลือด"
"องค์หญิงของข้าฉลาดจริงๆ เลย แหะๆๆ"
"อย่ามายอเลย"
พระเจ้ามูยุลตรัสว่า "โฮดง แผนส่งชุดไปให้ชอยรีตามที่เจ้าบอก ชอยรีไม่ได้ตายแต่วังเก็งกลับตายด้วยน้ำมือชอยรี"
"ชอยรี เป็นคนฆ่าหรือพะยะค่ะ" องค์ชายโฮดงทูลถาม
" เรื่องนั้นไม่สำคัญ ไม่ว่าเขาจะถูกชอยรีฆ่าตายหรือป่วยตาย ขั้นตอนเหล่านี้ สำหรับกษัตริย์มันไม่มีความหมาย ที่สำคัญกว่านั้นคือผลลัพธ์ วังเก็งแพ้แล้ว ชอยรีชนะ เพราะการที่เจ้าคำนวณพลาด ทำให้โกคูรยอต้องตกที่นั่งลำบาก"
"หม่อมฉันผิดไปแล้ว"
"ตอนนี้พ่อ จะสอนกระบี่เหี้ยมโหดให้กับเจ้า"
"จะเรียนกระบี่แบบนี้ โฮดงยังเด็กเกินไป" องค์หญิงยอรังยั้งไว้
"นี่เป็นสงคราม"
"เสด็จพ่อ"
" สงครามกับชอยรีเลี่ยงได้ยาก เจ้าจะต้องเรียนกระบี่จากในสนามรบ ที่นั่นไม่มีมารยาท แล้วไม่มีน้ำใจ ทางเลือกมีแค่เป็นกับตาย มา เริ่มต้นได้"
ขณะที่ซงแมซอซูก็คุยกับอ๊กกู
"สงคราม เผ่าพีรูคิดจะทำยังไงคะ?"
"จะต้องห้ามเขา" อ๊กกูว่า
"ใครจะห้ามเขาได้ล่ะคะ"
" โกคูรยอทำสงครามเผ่าพีรูจะล่ม เผ่าเครูก็จะได้ประโยชน์ สุดท้าย ทั้งห้าเผ่าจะล่มสลาย ที่ยังรอดอยู่ ก็มีมูยุลกับราชวงศ์เท่านั้นเอง เจ้ารู้มั้ยทำไม มูยุลถึงทำสงครามไม่หยุด อย่างกับคนบ้าแบบนั้น"
"ก็เพราะ โกคูรยอแห้งแล้งอดอยาก ถ้าไม่ขยายดินแดนไป จะเอาอะไรเลี้ยงประชาชนล่ะ"
" เจ้ารู้แค่หนึ่งไม่รู้ถึงสอง ถ้าทำสงคราม ก็จะต้องรวบรวมกำลัง มูยุล คิดจะตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลาง แล้วเหยียบเผ่าทั้งห้าไว้ใต้เท้าเขา เขาลากทหารทั้งห้าเผ่าเข้าสงครามโดยไม่สนว่าเป็นหรือตาย สุดท้ายก็จะเหลือแค่ทหารมูยุล มีสงครามไม่ได้ ไม่ว่าใช้วิธีอะไร ก็ต้องยั้บยั้งมูยุลให้ได้ ถึงเจ้าจะแค้นพ่อ กับแค้นซูจียอน แม่ซอลซู แต่รากเหง้า เผ่าพันธ์เราก็เกิดมาจากเผ่าพีรู เจ้าเข้าใจมั้ย?"
และเมื่อประชุมหัวหน้าเผ่าต่างๆ อ๊กกูก็ทูลพระเจ้ามูยุลว่า
"ไม่ได้พะยะค่ะ"
โฮแทก็ว่า "ส่วนเผ่ายอนนา ก็ไม่เห็นด้วย"
อู นาลูกล่าวว่า "ตอนนี้เป็นโอกาสดี วังเก็งเพิ่งตายไป ตอนนี้ชอยรียังอยู่ที่อำเภอทงโม เราต้องฉวยโอกาสที่ น้ำแข็งยังไม่ละลายบุกไปโจมตี"
อ๊กกูทูลว่า "ที่อัลจี มุกบัง มินบง อึนโปก็มี ทหารประจำการอยู่ถึง 3 พันคน"
" โกคูรยอหรือจะกลัวทหารแค่ 3 พัน ต้องฉวยโอกาสที่ทหารวังเก็งกับชอยรีกำลังสู้กัน แค่นี้เราก็กวาดได้โดยง่าย ฮะๆๆ" อูนาลูหัวเราะออกมา
"ถ้าไม่เป็นอย่างที่ท่านบอก ถ้าทหารทั้ง 2 กำลังพล รวมพลังต่อต้านโกคูรยอล่ะ"
พระเจ้ามูยุลตรัสว่า "ข้าจะนำทัพออกศึกอีก"
โฮแทอึ้ง "จะทรงนำทัพเหรอ?"
"พวกเจ้าไม่เชื่อใจข้ารึไงหา?"
"ใครๆ ต่างก็ ต้องขนานนามมูยุลว่าเทพสงคราม ถ้าพระองค์จะ ออกศึกด้วยองค์เอง"
"ถ้าทรงยืนยันเยี่ยงนั้น ก็ขอให้ส่งเผ่ายอนนาและเผ่าเครูไปรบ แต่ว่า เผ่าพีรูคงไม่ขอร่วมศึกในครั้งนี้" อ๊กกูกล่าว
"แล้วเผ่าพีรูไม่ใช่โกคูรยอรึไง เผ่าพีรูไม่ใช่ขุนนางของมูยุลรึไงหา?"
ด้านซูจียอนรู้ก็อดบ่นอ๊กกูให้ซงแมซอซูฟังไม่ได้ว่า
"ท่านลุงทำเกินไปจริงๆ เลย ปฏิเสธไม่ออกรบได้ยังไง ถ้าแม้แต่ท่านลุงยังไม่ยอมรบ แล้วจะมีเผ่าไหนยอมเชื่อฟังฝ่าบาทล่ะคะ"
"อย่างนี้เจ้ายัง คู่ควรเป็นพระมเหสีอีกหรือ" ซงแมซอซูว่า
"ทรงหมายความว่าไง?"
" พระสนมคนอื่น วันหนึ่งกินสามมื้อก็พอ แต่พระมเหสีไม่ใช่หรอกนะ นอกจากความสวยและปัญญา ยังต้องมองการเมืองออกอีกด้วย เพราะอะไรเหรอ ถ้าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ขึ้นมา เหลือเพียงโอรสที่ยังเยาว์ พวกศัตรูก็จะแก่งแย่งบัลลังค์กัน ตอนนั้น พระมเหสีจึงต้องปกครองแทน จนกว่าพระโอรสจะโต"
"หึ มิน่าล่ะ อย่างนี้นี่เองพี่ถึงไม่ได้เป็นคนโปรด เกิดเป็นหญิงทำไมทึนทึกจืดชืดอย่างนี้"
"เห็นเจ้าโง่อย่างนี้ ข้าก็โล่งอกอยู่เหมือนกันนะ"
ซูจียอนแค้น "ท่านพี่"
"ช่วงนี้ไม่ว่าจะชอบหรือเกลียด เราก็ต้องมาร่วมมือกัน ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องยับยั้งสงครามไว้"
"ทำไมต้องทำด้วย ข้าก็ยังไม่เข้าใจ"
"เมื่อไหร่ที่เผ่าพีรูล่มสลาย เราก็เหมือนไม้ไร้ราก จะต้องเหี่ยวเฉาไปจนตาย"
ลาฮีที่เห็นการฆาตกรรมวังเก็งก็มีอาการซึมเศร้า ทำร้ายตัวเอง จนจาชิลก็เข้ามาพูดคุยด้วย
" ลาฮี อย่าทำอย่างนี้ จริงอยู่ แม่ทำให้ เจ้าเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น แต่ว่าลาฮี การเมืองก็เป็นอย่างนี้ ถ้าไม่ฆ่าเขาก็ต้องถูกฆ่าตาย ที่แม่ ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อช่วยเจ้ากับพ่อ"
ด้านโมฮาซูก็เป็นห่วงลาฮีมาก นางออกมาที่คณะกายกรรม จนได้พบกับจามอง
จามองชื่นชมโมฮาซู "ว้าว สวยจังเลย"
"หนูสวยกว่าอีกนะ" โมฮาซูชมจามองเช่นกัน
"มีเรื่องอะไรเหรอคะ"
"ข้ามาตามหาคณะกายกรรม"
"พวกข้าทุกคนเป็นคณะกายกรรม" จามองว่า
มีชูถาม "ไหนว่ายกเลิกไปแล้วไง?"
ชาชาแสดงตัว "ข้าเป็นหัวหน้าคณะ ท่านมีอะไรเหรอ"
"พวกท่านช่วยแสดง ให้ลูกสาวที่ป่วยของข้าได้มั้ย?"
"แสดงชุดเหาะเหินได้มั้ย?" จามองถาม
"ถึงข้าไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เพิ่งมีผู้ใหญ่ตายไป ก็เลยเฮฮามากนักไม่ได้ แต่หวังว่าพวกเจ้าจะแสดงให้ลูกสาวที่ป่วยดูหน่อย"
จาชิลไปเคารพศพวังเก็ง
"ข้ามาไว้ทุกข์ให้พี่ชาย"
บูทัลว่า "เชิญกลับไปซะดีกว่า"
" เย็นจัง พี่ชายคะ หนาวมั้ย ท่านคงไม่อยากเห็นข้าใช่มั้ย ทำไมท่านไม่ฟันข้าไปซะ ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้ คนที่นอนอยู่ตรงนี้คงเป็น ชอยรีสามีข้า การเมืองก็เป็นอย่างนี้นี่ ต้องมีใครคนหนึ่งตาย อีกคนถึงมีโอกาสรอด ต้องโทษพี่เอง โทษที่พี่ดันโลภเกินไป ทำไมต้องบีบให้ข้าทำแบบนี้ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ พี่วังเก็งๆๆๆ" จาชิลเสียใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว
จบตอนที่ 10


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี ละครช่อง3

Related Posts



0 comments:

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal