Thursday, December 31, 2009

จามอง 11

ชอยรีเข้ามาถามโมฮาซูว่าลาฮีเป็นยังไงบ้าง?
โมฮาซูตอบเขาว่า "เขาเจอเรื่องสะเทือนใจเกินไป ถ้าเขายังเป็นอย่างนี้ แล้วไม่หายเราจะทำยังไงคะ?"
"จะทำยังไงได้ เกิดมาจากแม่แบบนั้น ก็เป็นดวงของเด็ก"
"อย่าไปโกรธแค้น น้องจาชิลเลย ถ้าหากไม่ได้นาง ท่านกับข้าเองก็อาจจะตายไปแล้ว"
"อย่ามาแก้ตัวแทนนางเลย"
"ไม่ว่าใครก็ต้องเลือก ไม่ว่าจะหนียังไงก็มีทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว นางเลือกท่านแล้ว การทิ้งพี่ชายหัวใจนางจะเจ็บปวดแค่ไหน"
"คนเราน่ะ บางครั้งถึงรู้ว่าตัวเองต้องตาย ก็ต้องเดินต่อไป"
"ท่านพี่"
ชอยรีย้อนถาม "เจ้ากลัวตายเหรอ?"
"ข้าก็ไม่รู้ แต่ถ้าคิดว่า จะไม่ได้เจอท่านกับลาฮีอีก รู้ว่าจามองไม่ตายแต่ไม่เจอข้าคงกลัว"
"ถ้าเจ้าเป็น จาชิลเจ้าจะฆ่าพี่ชาย ของตัวเองได้ลงคอเหรอ?"
"ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ก็ต้องทำแบบนี้"
"แค่คิด กับการลงมือทำจริง มันแตกต่างกัน ราวฟ้าดินเชียวล่ะ อย่างเจ้าน่ะ ทำเรื่องไม่ได้แน่นอน"
"ข้าแค่รู้สึกว่าจาชิล น่าสงสารน่ะ"
และเมื่อชอยรีปะหน้ากับบูทัล บูทัลก็ใส่ชอยรีทันที
"หนอย เจ้ายังกล้ามาที่นี่อีก"
"ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกเจ้าดี พอแค่นี้เถอะ"
"เตรียมพร้อม" บูทัลสั่งคนของเขา
ชอย รีปรามว่า "พวกเจ้า ลืมเป้าหมายที่เราโค่นยูฮอนกันแล้วรึ วังเก็งชอยรี ใครที่ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ คนนั้นจะได้ครอบครองนังนังใหม่ เพื่อสิ่งนี้รึไง?"
"อย่าไปฟังเขาพูดเพ้อเจ้อ เขาเป็นคนฆ่าฝ่าบาท ในวันที่ฝังฝ่าบาทไว้ ก็ต้องจับเขาฝังตามลงไปด้วย ลุย" บูทัลต่อสู้ "ฆ่าเลย แม้แต่นายยังปกป้องไม่ได้ แล้วยังจะมีหน้าไปเจอใครได้อีก"
ชอย รีปรามอีก "แม่ทัพวังเก็งก็ตายไปแล้ว คนตายแล้วจะมาปกครองนังนัง กอบกู้นังนังยังไง ถ้าไม่อยากให้นังนังต้องถูกโกคูรยอยึดครอง พวกเจ้าควรหยุดได้แล้ว ต่อให้พวกเจ้าเคียดแค้นแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร คนที่จะต้านมูยุลได้ ก็เหลือแต่ข้าแล้ว"
"คน ปลิ้นปล้อน ใครไม่อยากเป็นกษัตริย์ ถ้ามีความทะเยอะทะยานอยากเป็น มันต้องวัดกำลังอย่างลูกผู้ชาย ใครที่คุยโอ้อวด ว่าจะไปจับปลาเลี้ยงชีพหา ตอนนี้ทำเป็นมาอ้างเรื่องมูยุลเหรอ เจ้าน่ะมันสุภาพชนจอมปลอมตัวจริง"
จาชิลเข้ามาดูแลชอยรีจนเขารู้สึกดีขึ้น นางถามว่า
"ท่านเป็นยังไงบ้างคะ อาการคลื่นไส้ลดลงรึยัง?"
ชอย รีกลับพูดว่า "พี่ใหญ่ วิญญาณท่านออกเดินทางรึยัง หรือว่ายังสถิตย์อยู่ที่นี่ เพราะผู้หญิงโลภมากคนหนึ่ง ที่มาทำลายเราทั้งสองคน เมื่อกลับถึงนังนังแล้ว ข้าจะจัดพิธีอย่างกษัตริย์ให้"
จาชิลแค้นใจ "ข้าทำลายท่านอย่างนั้นเหรอ ข้า ยังคิดว่าช่วยชีวิตท่านซะอีก นี่น่ะเหรอทำลาย"
"เจ้า ไม่เข้าใจผู้ชาย"
"ผู้ชายวิเศษตรงไหน ข้ายอมเสี่ยงชีวิตช่วยท่าน ไม่สู้ปล่อยท่านตายดีกว่างั้นเหรอ?"
" อย่างนั้นสิดี ให้ข้าตาย ด้วยมือพี่ยังดีกว่า ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก พอกลับถึงนังนังแล้ว เราสองคนต้องขาดกัน ถ้าเจ้ากลับจวนยองโฮไม่ได้ ก็กลับไปแมซีดัลเถอะ"
จาชิลหัวเราะ ชอยรีถาม "นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึไงหา?"
"ท่านก็คิดจะตัดขาด กับลาฮีด้วยเหรอ?"
"ลาฮีให้โมฮาซูเป็นคนเลี้ยง ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า ลาฮีจะหายดีหรือเป็นยังไง ให้โมฮาซูเลี้ยงเขาจะดีกว่า"
"ท่านมันสุภาพชนจอมปลอม"
ชอยรียอมรับ "ก็อาจจะ"
"รู้มั้ยมือที่เปื้อนเลือดพี่น้องมันเจ็บแค่ไหน ข้าทำเพื่อท่านนะ"
"ไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวเอง อย่าปัดให้คนอื่น"
" ไม่นะ ข้าทำไปเพื่อท่าน ข้าอยากเป็นมเหสี อยากให้ลาฮีเป็นกษัตริย์ ข้าอาจทะเยอะทะยาน แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด ถึงท่านเหยียดหยามข้าอย่างนี้ แต่ข้าก็ตัดความรักต่อท่านไม่ได้ ท่านไม่ยอมให้มือตัวเองเปื้อนเลือด ข้าก็ยอมเปื้อนเลือด พี่ชายแทนท่านเอง ทำเป็นโศกเศร้า ทำเป็นเสียใจ เป็นสุภาพบุรุษ ทำเป็นไม่กลัวตาย ไม่แยแสบัลลังค์ งอย่าเสแสร้งเลยน่า ข้าไม่ยอมแยกทางกับท่านหรอก"
"หึ นี่เจ้ายังคิดว่า เจ้าควบคุมโลกได้งั้นสิ?"
"โมฮาซูนางได้ครอบครองหัวใจท่าน แล้วตัวข้าล่ะ นอกจากอำนาจยังเหลืออะไร"
" ดี เพราะความช่วยเหลือของเจ้า ข้าจะได้เป็นกษัตริย์ ถึงข้าจะเคยอยากเป็น กษัตริย์นังนังเพื่อ สร้างบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข แต่ข้าเองก็อุตส่าห์ ตัดกิเลสต่ออำนาจนั้น คิดจะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เจ้ากลับทำมันพังหมด"
"อยากให้คนยกย่องท่านแบบนี้เหรอ ไม่ห่วงชีวิตคนในครอบครัว ขอแค่ตัวเองมีความสุข"
" ที่น่าเจ็บใจก็คือ เจ้าทำให้ข้าไม่เชื่อใจตัวเอง ข้าเองก็หวัง ให้พี่ใหญ่ตายรึเปล่า ข้าก็หวังว่าจะมี ใครมาฆ่าพี่ใหญ่แทนข้าใช่มั้ย? เป็นเหมือนเจ้า ที่เต็มไปด้วยกิเลสที่น่ากลัวอยู่? ข้าอยากฆ่าพี่ใหญ่เพื่อ แย่งบัลลังค์แห่งแคว้นนี้ใช่มั้ย? ต่อไปข้าคงต้อง นึกถึงใบหน้าของพี่ใหญ่ที่ ถูกแช่แข็งจนแดงเรื่อ หูก็คอยฟังเสียงด่า ว่าต้องพึ่งผู้หญิงช่วงชิงบัลลังค์ ไปตราบชั่วชีวิต"
"อย่ามัวคร่ำครวญ อยู่เลย ข้าเองก็ ต้องถูกตราหน้าว่าฆ่าพี่ตัวเอง ท่านก็ต้องรับด้วยเหมือนกัน ข้าวังจาชิล ถึงตายก็ไม่ไปจากท่าน แต่ข้า จะไม่ฝากความหวังกับท่านอีก อย่างน้อยข้าก็อยู่เพื่อลาฮี"
"ข้าจะไม่ให้ลาฮีขึ้นครองราชย์ ถ้าหากจามองยังไม่ตาย นางจะเป็นคนสืบบัลลังค์ข้า"
"ข้าไม่หวังจะพึ่งผู้ชายคนนี้หรอก ความรักจะอยู่ได้ถึงร้อยปี หรือพันปีเชียวรึ?"
ด้านโกคูรยอ อ๊กกูยังคงยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมรบ ส่วนซูจียอนกลับบอกพระเจ้ามูยุลว่า
"จะรับมือกับตาเฒ่าใน 5 เผ่านั้น ต้องเสวยให้มากเพคะ"
"ตาเฒ่านั่นมีซงอ๊กกูลุงเจ้าด้วย"
"จัดการลุงหม่อมฉันได้เลย ในเผ่าพีรูเองคงจะมีคน ที่สนับสนุนฝ่าบาทอยู่ไม่น้อยเพคะ"
"เจ้ามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อเผ่าพีรูไม่ใช่รึ?"
"ท่านลุงอาจส่งหม่อมฉันมา เพื่อผลประโยชน์ของเผ่าพีรู แต่หม่อมฉันไม่เหมือนพระมเหสีเอก"
"ตรงไหนล่ะ?"
" พระมเหสีบอกว่าหม่อมฉัน กับพระนางเป็นกิ่งก้าน ที่เกิดจากเผ่าพีรู แต่หม่อมฉันยอม ถวายชีวิตเพื่อฝ่าบาทมากกว่า ถ้าเผ่าพีรูไม่มีรากแล้ว ฝ่าบาทจะตัดกิ่งก้านโยนลงกองไฟก็ได้ เสวยมากๆ เพคะ"
พระเจ้ามูยุลหัวเราะ "ขอโทษๆ เจ้านี่เก่งจริงๆ"
"หม่อมฉันไม่ได้เป็นพระมเหสีโกคูรยอ แต่ยินดีเป็นผู้หญิงของฝ่าบาท"
พระเจ้ามูยุลตรัสในที่ประชุมว่า
" เราจะปล่อยให้ชาวโกคูรยอ ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นหัวขโมยโดยที่พวกเราไม่สนใจอย่างนี้ได้ยังไงหา? แล้วพวกเราจะมัวปล่อยให้ประชาชน ชาวโกคูรยอต้องคอยออกไปขโมยอาหารชาวบ้าน ตามชายแดนของแคว้นนังนังแบบนี้ไปเมื่อไหร่? ถ้าครั้งนี้ยึดครองนังนังได้ ข้าจะแบ่งแผ่นดินให้กับทั้งห้าเผ่าเท่ากันทุกๆ เผ่า ข้าจะแบ่ง 18 อำเภอของนังนังให้ตามผลงาน รวมไปถึงที่ดินศักดินาด้วย"
"ฝ่าบาททรงยอมตรัสถึงขนาดนี้แล้ว ยังมีเหตุผลอะไรจะไม่รบอีก เผ่าพีรูน่าจะยอมออกศึกได้แล้วละมั้ง?"
อ๊กกูรีบบอก "ไม่ได้หรอก ไม่ว่าประชุม 2 ครั้ง 10 ครั้ง หรือจะร้อยครั้ง เผ่าพีรูก็จะไม่ ร่วมออกศึกด้วยอย่างเด็ดขาด"
" ก็ได้ ศึกนังนังครั้งนี้เผ่าพีรูไม่ร่วมด้วยก็ได้ แค่เครู ฮวันนา ยอนนา ควันนาเข้าร่วมรบด้วยก็พอ แล้วเผ่าพีรูก็ อย่าหวังจะได้ครองแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้ว"
อูนาลูกล่าวว่า "สักวันหนึ่งถึงตอนที่ทั้งสี่เผ่าได้ หุงข้าวหอมของนังนังแล้ว เผ่าพีรูคงต้อง อุ้มหม้อเปล่ามาขอกิน หึๆ"
"ขอให้ไม่เสีย หม้อของโกคูรยอก็แล้วกัน" อ๊กกูย้อน
พระเจ้ามูยุลถามต่อ "แล้วเผ่ายอนนามี ทหารเข้าร่วมรบในศึกนี้เท่าไหร่?"
โฮแทตอบว่า "เผ่ายอนนาขอ ถอนตัวจากการรบครั้งนี้"
ซงแมซอซูรู้เรื่องที่ซูจียอนทูลพระเจ้ามูยุลก็โกรธมากตรงไปหานางทันที
"หม่อมฉันตกใจหมด คิดว่าพระมเหสี ทรงขนคนมาเยอะแยะเพื่อมาหาเรื่องซะอีก" ซูจียอนทำใจดีสู้
" เจ้าคงอยากตายมากสินะ ถอนรากถอนโคน กิ่งก้านจะออกดอกออกผลยังไง เจ้ายอมตัดรากเหง้าตัวเอง ไม่เป็นมเหสีโกคูรยอ ขอเป็นผู้หญิงของฝ่าบาทเหรอ?"
"เจ้าปากพล่อยใช่มั้ย?" ซูจียอนหันไปว่าคนของนาง
"หม่อมฉันควรตายเพคะ หม่อมฉันไม่กล้า ขัดคำสั่ง"
"ใช่แล้วล่ะ หม่อมฉัน พูดอย่างนั้นไปจริงๆ" ซงแมซอซูหัวเราะ
ซูจียอนกล่าวต่อว่า "แค่มีโอรสได้ทุกอย่างก็จบแล้ว เผ่าพีรูอยู่รอดข้าเองก็รอด ท่านพี่เองก็รอดด้วย ไม่ใช่หรือคะ?"
"ฮ่าๆๆ ขอบใจจริงๆ ยังคิดเผื่อข้าอีกเหรอ?"
"ไม่ต้องเกรงใจ ถึงเป็นลูกพี่ลูกน้อง แต่ยังไงก็เป็นพี่น้อง"
"แล้วเจ้าจะ ต้องตายเพราะปากของเจ้า"
"ส่วนพี่ก็คงจะ ตายเพราะอารมณ์ร้อนของพี่"
"สำหรับผู้หญิงเรา บ้านเกิดคือที่พึ่งสุดท้าย ถ้าเผาบ้านแล้ว เจ้าก็จะถูกเผาไปด้วย"
"ที่พึ่งเราไม่ใช่บ้านเกิด แต่เป็นลูกชายของเราต่างหาก"
"ฝ่าบาทมองโฮดง ไม่ใช่แค่ลูก แต่เป็นเหมือนโกคูรยอ ทางที่ดีจำเอาไว้ ว่าแปลว่าอะไร?"
เวลานั้นในที่ประชุม พระเจ้ามูยุลตรัสว่า
"ข้าจะตั้ง ท่านเป็นอำมาตย์ขวา"
อ๊กกูทูลถาม "ทรงอยากได้ นังนังถึงเพียงนั้นหรือพะยะค่ะ"
พระ เจ้ามูยุลตรัสว่า "ถ้าโกคูรยอจะตัดปัญหาเรื่องอาหารไป ไม่ข้ายึดก็ต้องโฮดงยึด ถ้ายังไม่ได้ก็ให้ลูกเขา หลานเขาเหลนเขา ต้องยึดครองนังนังมาให้ได้ นั่นคืออนาคตโกคูรยอ"
"นึกไม่ถึง ว่าฝ่าบาท จะใฝ่ฝันนังนังขนาดนั้น"
"หึๆๆ ไม่อย่างนั้น ข้าจะก้มหัวมาขอร้องท่านทำไมล่ะ?"
"หึๆๆๆ ในเมื่อทรง อยากจะแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ งั้นก็เปิดอกคุยเถอะ ทหาร 5 พันแลกตำแหน่งอำมาตย์คงจะขาดทุน"
"เอาแค่เท่าทุนก็พอแล้ว ทำการค้ากับข้าอย่าหวังกำไรเลยน่า"
"ทรงห้ามแต่งตั้งโฮดงเป็นรัชทายาท" อ๊กกูทูลอย่างไม่เกรงกลัว
"นี่ท่านพ่อตา โฮดงน่ะ ไม่ใช่เงื่อนไขต่อรอง เพราะถ้าสักวันหนึ่ง ถ้าข้าตายใครจะสืบราชบัลลังค์" พระเจ้ามูยุลตรัส
" พระองค์ยังทรง เห็นกระหม่อมเป็นพ่อตาอยู่รึเปล่า แม่ของแมซอลซู เอาแต่พร่ำว่าทำไมชีวิตลูกสาวอาภัพนัก ต้องร้องไห้อยู่ทั้งคืน ซงอ๊กกูเอง เห็นแล้วก็เจ็บปวดเหลือเกิน"
"เฮอะๆๆๆ นึกไม่ถึงท่านห่วงมเหสีข้าขนาดนี้ หึๆ"
" ถ้าพระองค์จะทรงยอมมีโอรสกับ ซูจียอนด้วย มันก็คง ไม่เป็นไร แต่โปรดให้โอรสแมซอลซูด้วย ถึงตอนนั้น เพื่อองค์ชายที่จะ สืบทอดบัลลังค์ ตาแก่อย่างกระหม่อมจะยอม ออกรบเอานังนังมาถวายเอง"
000000000000000
โมฮาซูเชิญคณะกายกรรมเฮๆ ฮาๆ มาแสดงให้ลาฮีดู เด็กหลายคนพากันตื่นตาตื่นใจ
โมฮาซูถามลาฮี "เป็นไงลูก มหัศจรรย์มากใช่มั้ย นั่งสิน้องจาชิล"
"คารวะนายหญิงผู้สง่างาม"
"ลาฮี สนุกมั้ยลูก เรามาปรบมือกันนะ อย่างนี้พวกเขา จะได้มีกำลังใจแสดงสนุกๆ ให้ลาฮีดู นะ?" โมฮาซูพยายามชวนใก้ลาฮีสนุกไปกับการแสดง
จามองเฝ้ามองโมฮาซูกับลาฮีแล้วอดบ่นกับอิลพูมไม่ได้
"อิจฉาจัง องค์หญิงคนนั้น"
"องค์หญิง? คุณหนูนั่นเหรอ ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลย"
"ข้าได้ยินพวกพี่สาวคนสวยแอบคุยกันน่ะ เขากำลังจะเป็นองค์หญิง แต่ถูกผีเข้าขวัญเลยหายไปน่ะ"
"มีอะไรน่าอิจฉา"
"ถึงเขาจะขวัญหาย แต่ก็ยังมีแม่ที่รักเขา"
"พี่รับปากว่าจะช่วยเจ้าหาไง"
" หาเจอแล้วยังไง พวกเขาเป็นพ่อแม่ที่ไม่รักเรา เขาอยากให้เราตาย ทิ้งเราลงทะเลอย่างกับขยะเหมือนของไร้ค่า" จามองยังรู้สึกแค้นพ่อกับแม่ของเธอที่ทำกับเธอเช่นนี้
มีชูกล่าวขึ้น "บัดนี้ ขอให้ทุกท่านตั้งตาชม การแสดงมีดบินค่ะ"
อิลพูมหันมาถามจามอง "เจ้าไหวรึเปล่า?"
"บางทีอาจจะ ทำให้ผีในตัวองค์หญิงตกใจหนีก็ได้"
มี ชูกล่าวต่อว่า "น่าเร้าใจ และหวาดเสียวมาก ผู้แสดงปามีดคือจอมพลังคนเมื่อกี้ ชาชาซุง แล้วก็ผู้ที่จะรับ มีดอันหวาดเสียว คือสาวน้อย ผู้ทรงพลังและน่ารัก บุ๊กกู"
โคบีขำ "ตลกจัง เด็กเนี่ยน่ะเหรอทรงพลัง"
"แหะๆ ท่านคงไม่รู้อะไร บุ๊กกูของพวกเราน่ะ วันหน้าจะต้อง สามารถแสดงเป็นเด็กทรงพลังได้แน่"
"แต่งตัวอย่างนี้ยิ่งสวยนะ ต้องเป็นจอมพลังคนสวยแน่ๆ"
"ขอบพระทัย พระมเหสี"
โมฮาซูรีบห้าม "เดี๋ยวก่อนค่ะ เด็กน้อยเขาไม่กลัวหรือ?"
"สาวน้อยทรงพลังของเราชื่อบุ๊กกูขอรับ บุ๊กกูหมายถึงไม่ร้องไห้ บุ๊กกูที่ใจกล้ากว่า ผู้ชาย"
จามองกล่าวว่า "ข้าไม่เป็นไรพระมเหสี"
"อีกอย่างข้าเองก็ ไม่มีพลาดหรอก แหะ" ชาชาให้ความมั่นใจ
ทันใดนั้นลาฮีก็ลุกตรงไปตำแหน่งของชาชา ทุกคนร้องห้ามแม้แต่ชาชาเองก็บอกว่าไม่ได้ แต่จาชิลกลับย้อนว่า
"ทำไมถึงไม่ได้หา?"
โมฮาซูปรามอีกคน "ดีไม่ดี จะโดนเด็กคนนั้น"
จาชิลเถียง "ลาฮีเคยฝึกกระบี่มาก่อนนะ"
"กับการแสดงจะเหมือนกันได้ไง"
ชาชาว่า "ถูกต้องแล้วครับนายหญิงครับ กระบี่กับการแสดงต่างกัน จะล้อเล่นไม่ได้หรอกครับ"
"หึ ต่อให้ปาถูกเขาจริง แค่เด็กชั้นต่ำจะเป็นไรไป ขอแค่ลาฮีได้หายเป็นปกติ ต่อให้ข้าต้องขึ้นไปข้าก็ยอม"
โมฮาซูอึ้ง "น้องจาชิล"
"คิดว่าจะตามหาจามองเจอ เลยอยากให้ลาฮีเป็นอย่างนี้ไปล่ะสิ"
โมฮาซูโมโห "พูดอะไรนะหะ"
อิลพูมกล่าวออกมาว่า "ทำไม่ได้ครับ"
"เขาเป็นน้องเจ้าหรือ?" โมฮาซูถาม
"ถึงนางจะดูไร้ค่า แต่ก็ล้ำค่าสำหรับข้า ไม่ควรรองรับอารมณ์ใคร" อิลพูมว่า
แต่พอมีชูได้ขอมีค่าก็รีบบอกว่า "ว้าว ปิ่นปักผมมีค่าอย่างนี้ ขอบคุณมากค่ะนายหญิง เร็วเข้า ไปเตรียมตัวสิ"
ชาชาปราม "มีชู ถึงยังไงเราก็ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ"
"แล้วจะทำไง ต่อให้ตอนนี้ถูกลากไปตีตาย พวกเราก็พูดอะไรไม่ได้หรอก คงไม่เป็นไรหรอก เขาเคยฝึกกระบี่นี่" มีชูเถียง
โมฮาซูตัดสินใจบอกว่า "เขามีฝีมือกระบี่ไม่เลว ขอแค่แท่นหมุนอยู่นิ่ง คงไม่เป็นไรหรอก"
จามองกล่าวว่า "ไม่เป็นไรหรอก เขาเคยฝึกกระบี่ อีกอย่างมีดบินก็ไม่คมมาก ถ้าจะช่วยให้องค์หญิงหายได้จริง ก็ให้นางลองดูเถอะ"
จามองเฝ้ามองลาฮีตาแทบไม่กระพริบแล้วคิดในใจ "เฮ้อๆ อย่าปามาที่คอก็พอ ข้าไม่เป็นไร"
ลาฮีขว้างมีด จนทำให้จามองเกิดบาดเจ็บ ทุกคนพากันตกใจยกเว้นจาชิลที่สะใจมาก ทุกคนรีบเข้าไปดูจามอง โมฮาซูต่อว่าลาฮี
"ทำไมถึงใจร้ายอย่างนี้"
จาชิลอึ้งไป "ท่านพี่"
"แม่น่ะ แม่ ไม่ได้สอนเจ้าอย่างนี้ เจ็บมากรึเปล่า" โมฮาซูเข้าไปดูจามองและพาไปทำแผล
โมฮาซูสั่งให้จามองถอดเสื้อออกจะได้ใส่ยา แต่จามองร้องลั่น
"ไม่ได้ ข้าไม่ยอมให้ใครเห็นตัวข้า"
โคบีช่วยพูด "ยาที่นายท่านพกติดตัวตอนรบ ยาสมานแผลทำจากกระดูกเสือ"
โมฮาซูปลอบ "อย่าโกรธเลยนะ ตอนนี้ลูกสาวข้าป่วยหนักมาก ที่จริงเขาเป็นเด็กใจดี เพราะป่วยถึงเป็นอย่างนี้"
"ต่อให้นางป่วย ต่อให้เป็นองค์หญิง ข้าก็อภัยคนที่จะฆ่าข้าไม่ได้หรอก"
"นั่นสิ เจ้าพูดถูกแล้ว"
"อีกอย่างหนึ่งนะ คนที่จิตใจดีน่ะ ต่อให้ถูกผีสิงก็ไม่มีวันเลวหรอก"
"คือว่า ไม่ว่าเป็นคนดีแค่ไหน เมื่อเจอกับเรื่องเกินจะรับได้เข้า บางครั้งเขาก็ อาจเป็นอย่างนั้นได้ เดี๋ยวนะ เด็กน้อย"
"มันคงจะแพงมากใช่มั้ย?" จามองย้อนถาม
"คงจะอย่างนั้น"
"ถ้าท่านอยากให้ ก็เอาให้หัวหน้าคณะเถอะ ข้าไม่เอา"
"เดี๋ยวก่อน งั้นเจ้ารับนี่ไป"
"คนชั้นต่ำอย่างข้าน่ะ ไม่ทายาแพงแพงนี่หรอก เต้นกินรำกินอย่างเรา ใช้กระดูกปลาหมึกทาก็หายแล้ว ข้าขอตัวก่อนค่ะ"
"เดี๋ยวก่อนหนู"
"อะไรอีกคะ"
"งั้นรับนี่ รับของนี่ดีมั้ย?"
"ข้าไม่เอา"
" ชื่อบุ๊กกูใช่มั้ย ขอโทษนะ ทำให้รู้สึกเสียศักดิ์ศรี คนเราพอโตขึ้น หน้าก็จะหนาขึ้นด้วย เลยไม่รู้ว่า ทำให้คนอื่นเจ็บปวดแค่ไหนน่ะ คิดแต่ว่าใช้เงินแล้ว จะแก้ไขทุกอย่าง ได้อย่างง่ายดายน่ะ ให้อภัยข้านะ ลุงจอมพลังนั่น เป็นพ่อของเจ้าเหรอ"
"ข้าไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ในคณะของเราน่ะ มีแต่พวกเด็กที่ถูกขายมา ไม่ก็ถูกเขาทิ้งมา เพราะยากจนไม่มีกิน พ่อแม่เลยขายลูกเพื่อให้ตัวเองได้กินอิ่ม หรือทิ้งเพราะเกลียดเพราะอยากให้ตาย"
โมฮาซูอึ้งไป "บุ๊กกู"
จามองเดินออกไป โคบีกับโมฮาซูพยายามจะเรียกไว้ แต่จามองก็ไม่ยอมหยุด
เวลานั้นลาฮีก็อาละวาดใส่จาชิล
"ข้าเกลียดแม่ที่สุด ทั้งโหดเหี้ยม ทั้งน่ากลัวทั้งดุร้ายใจดำ ข้าเกลียดที่สุดที่ เกิดเป็นลูกสาวของแม่"
"แม่ก็ไม่ได้ชอบลาฮีนักหรอก เจ้าทั้งไม่สวย ทั้งไม่เข้มแข็ง แถมไม่ใช่ผู้ชายอีก ไม่รู้จักดูตัวเองบ้าง ทำเป็นมาว่าคนอื่น หึ"
"ถ้างั้น ท่านมาสนใจข้าทำไมล่ะหา?"
" เพราะเจ้าเป็นลูกแม่ พ่อแม่ก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ขอแค่เป็นลูกที่คลอดออกมาจากท้อง ไม่ว่าจะเก่งหรือไม่เอาไหน ก็เป็นคนสำคัญ ทุกครั้งที่ลูกเริ่มก้าวเดิน ก็กลัว ว่าเขาจะเหยียบเลอะโคลน จนแทบอยากจะปูพรมให้"
"หึ เรื่องแค่นี้ ไม่ใช่ลูกที่เกิดจากท้องก็ทำได้ แม่โมฮาซูก็ทำให้ข้าแบบนี้ ปล่อยข้า ขยะแขยง"
"เจ้าไม่ใช่ลูกโมฮาซู เป็นลูกข้า ลูกสาววังจาชิล"
"ข้าน่ะเจ็บใจตรงนี้แหละ บอกตามตรงนะ ข้าเป็นลูกแท้ ๆ แม่โมฮาซูยังดีกว่า"
จาชิลหัวเราะ "ฮะๆๆๆ ยัยเด็กโง่เอ้ย"
"ทำไมหา?"
"เจ้าลองไปถาม แม่โมฮาซูดู แม่คะ ตอนเด็กๆ ทำไมถึงคิดจะฆ่าข้า"
"ท่านโกหก แม่จะฆ่าข้าได้ยังไงหา?"
"นางคงหาข้ออ้างมาแก้ตัว เจ้าก็ไปถามว่า ท่านแม่ ถ้าระหว่างข้ากับจามองลูกสาวท่าน ถ้าต้องช่วยใครสักคน แม่จะเลือกช่วยใครคะ?"
"แล้วจามองเป็นใครล่ะ?"
"อยากรู้นักก็ไปถามนางสิ"
"ข้าไม่เชื่อเรื่องที่ท่านพูดหรอก"
"ยัยเด็กบ้า ข้าต้องทำแบบนั้นถึงช่วยเจ้าได้ ไม่ว่าโมฮาซูรักเจ้าแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้หรอก"
เวลาเดียวกันนี้ชอยรีก็คุยอยู่กับยูลุง ซึ่งยูลุงกล่าวกับเขาว่า
"น่าเสียดายจริงๆ บังเอิญเหลือเกิน มาเกิดขึ้นเอาตอนกำลังจะไปเฝ้าฮ่องเต้"
"ขอให้ท่านช่วย กราบทูลฮ่องเต้แทนพวกข้าด้วย"
" แคว้นนังนังใหม่น่ะ ว่าไปแล้วต้องนับว่าเป็นศัตรูที่ทำลายนังนังของชาวฮั่น แต่ลูกหลานเลือดผสมฮั่นและโชซอนรุ่นต่อมา ก็นับได้ว่าเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันอยู่"
"ข้ารู้ว่าท่านอ๋องยูฮอน นับเป็นลุงของท่านยูลุง"
ยู ลุงหัวเราะร่า "ฮ่าๆๆๆๆๆ มาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ทำไมกัน ยังไงโลกนี้ก็มีไว้สำหรับคนมีชีวิตอยู่ เจอกันคราวหน้า ท่านคงเปลี่ยนฐานะเป็นกษัตริย์นังนังคนใหม่ ยินดีด้วย คู่ต่อสู้คนนี้จัดการได้สวยงามไม่เบา"
ด้านชีโซก็แอบมาถามชาชาว่าเห็นเรือลำเล็กที่มีเด็กทารกลอยมีหรือไม่
"ท่านถามข้าว่า เห็นเรือลำเล็กที่มีเด็กทารกลอยมามั้ยเหรอ?"
"ได้ยินว่าคณะท่าน มักไปฝึกซ้อมกันริมทะเล ดังนั้นพวกท่านอาจเคยเห็น เคยเห็นมั้ย?"
"เรื่องนั้นเหรอ?"
"ไม่เคยเห็นเลยเหรอ?"
"คือว่า"
มีชูย้อนว่า "คือว่า ถ้าช่วยเจ้าแล้ว พวกข้าจะได้อะไรล่ะ?"
"เจ้าเห็นเหรอ?"
"อ้อ ไม่ ถึงพวกข้าจะไม่เคยเห็น แต่ท่านบอกว่าลอยมาติดที่นี่ พวกข้าก็จะลองตามหาดู ขอแค่ค่าตอบแทนบ้างก็พอ แหะๆ"
"รอให้หาเจอก่อนค่อยว่ากันเถอะ"
"ข้าเป็นคนอยากรู้อยากเห็น เลยอยากถามหน่อย ทำไมเด็กนั่นถึงถูกจับใส่เรือลอยมาล่ะ?"
ชีโซกล่าวว่า "นานมาแล้ว ข้าก็เคยตอบ คำถามนี้กับคนคนหนึ่งมาเหมือนกัน ข้าบอกว่ามีหลายคนแล้วที่ตายเพราะถามเรื่องนี้"
อิลพูมพูดคุยกับจามองที่นั่งซึมเศร้าอยู่
"เจ้าเนี่ยนะ รู้มั้ยว่าพี่ตามหาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มานั่งซึมเศร้าอยู่ทำไม เวลาแสดงก็ต้องเจ็บตัวบ้างแหละ"
" ข้าคิดเสร็จแล้วล่ะ" อิลพูมงง "ข้าไม่ยอม ให้ใครใช้กระบี่รังแกข้าอีกแล้ว ต่อให้เป็นองค์หญิง เป็นกษัตริย์ก็ไม่ได้ ข้าจะฝึกกระบี่ ไม่ว่าต้องสู้กับผู้หญิง หรือว่าสู้กับผู้ชาย ข้าก็จะเป็นยอดนักกระบี่ให้ได้"
"จะไปไหน บุ๊กกูๆ"
"ข้าจะไปหาอาจารย์"
ด้านโมฮาซูก็นั่งคิดถึงคำพูดของจามอง จนโคบีเรียก นางจึงกล่าวว่า
"ข้านึกถึงคำของบุ๊กกู พ่อแม่อยากให้พวกเขาตาย เลยทอดทิ้งพวกเขา ทิ้งพวกเขาเพราะความจน จามองจะลำบากเหมือนเขามั้ย?"
"ท่านต้องเชื่อว่า คุณหนูคงอยู่อย่างสุขสบาย"
"สืบเรื่องเรือเล็กได้มั้ย?"
"เรารีบร้อนออกมาเกินไป เลยยังไม่ได้สืบให้ละเอียด แต่ข้าจ้างคนไว้ เขาบอกว่าถ้าได้ข่าวแล้ว จะรีบแจ้งเราทันที"
"ลาฮีมาแล้วเหรอ เมาเรือมั้ยคะ ลองอมชะเอมดู จะได้รู้สึกดีขึ้น"
ลาฮีเข้ามาก็ถามทันทีว่า "ข้าได้ยินจากชีโซว่า ท่านเคยโยนข้าลงสระน้ำเพื่อฆ่าข้าใช่มั้ย?"
โมฮาซูตกใจ "ลาฮีนั่นมัน"
"ช่างมันเถอะน่า มันผ่านไปแล้ว แต่ว่าข้า อยากถามอะไรท่านแม่เรื่องหนึ่ง ท่านห้ามโกหกข้านะ ท่านต้องตอบ ข้ามาตามตรงนะ"
"ได้ ได้สิจ๊ะ"
"ระหว่างข้า กับจามองลูกแท้ๆ ของท่าน ถ้าตกลงไปในสระน้ำด้วยกัน ท่านแม่ ช่วยใครได้แค่เพียงคนเดียว ท่านจะช่วยใครหา?"
โมฮาซูทั้งอึ้งและตกใจ โคบีกล่าวว่า "คุณหนูคะ เรื่องอย่างนี้น่ะ"
ลาฮีตัดบทว่า "ทงโคบีไม่ใช่แม่ข้า หุบปากได้มั้ย ท่านตอบข้ามาสิ ตอบสิท่านแม่ เรื่องนี้มันสำคัญ สำคัญๆๆ กับข้ามาก"
"ลูกแม่" โมฮาซูเรียก
"ตอนนี้ ข้าต้องการแค่คำตอบ"
"แม่คง คงต้องช่วยจามอง แต่ว่าลาฮี"
ลาฮีได้คำตอบก็จะออกไป โคบีเรียก "คุณหนูคะ"
โมฮาซูกล่าวต่อว่า "แม่จำเป็นต้องทำนะ แม่ต้องช่วยจามอง แต่ว่าลูกแม่ แม่ ช่วยจามองเสร็จแล้ว แม่ก็จะตายไปพร้อมลาฮี"
พระเจ้ามูยุลมีรับสั่งถามองค์ชายโฮดงว่า
"เห็นท่าทีของเผ่าพีรูครั้งนี้แล้ว โฮดงเจ้าคิดว่ายังไง?"
"หม่อมฉันว่าการเมืองโหดร้ายมาก ผู้นำไม่มีสิทธิ์ขาด ดูแล้วไปคงจะลำบากไม่น้อย"
อูนาลูทูลว่า "ข่าวลือเรื่อง ซงอ๊กกูเสนอไม่ให้ตั้งโฮดงเป็นรัชทายาท รู้กันไปทั่วทั้ง 5 เผ่าแล้ว"
"หม่อมฉันอยากรู้ ว่าตอนนั้นเสด็จพ่อ ทรงตอบไปว่ายังไง?" องค์ชายโฮดงทูลถาม
บัลโซว่า "ข่าวนั้นก็ลือกันว่าฝ่าบาท ไม่ได้ทรงตอบรับ"
พระเจ้ามูยุลตรัสว่า "เส้นทางที่เดิมไม่ไกล ตอนนี้ต้องเดินอ้อมไกลซะแล้ว"
"พระองค์ ทรงหมายความว่า"
"เขาไม่ยอมให้กำลังทหารจะทำไงได้ ก็ต้องเปลี่ยนใจเรื่องการยึดครองนังนัง โฮดงเองก็ ถึงวัยที่ควรอภิเษกแล้ว"
"ทรงคิดเลือกพระสนม จากเผ่าพีรูหรือพะยะค่ะ"
"โฮดงคงต้อง ไปแต่งงานกับลูกสาวชอยรี ตอนส่งทูตไปเคารพศพวังเก็ง ก็ให้สู่ขอลูกสาวชอยรีด้วย"
องค์ชายโฮดงอึ้ง "เสด็จพ่อ"
จบตอนที่ 11

จามอง 12
ยัง เฮกับบูทัลบุกมาที่ตำหนัก แล้วยิงธนูจุดไฟเผา ทำให้บ้านเรือนผู้คนวอดวายไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจาชิลที่ถูกไฟลวกจนผิวพุพองไปหมด เหตุการณ์นี้ทำให้ทหารทั้งหลายกับจาชิลพยายามบีบให้ชอยรีต้องประหารยังเฮให้ ได้
จามองเห็นว่าอิลพูมไม่สบายมาก ก็บอกมีชูให้พาไปหาหมอ แต่มีชูไม่ยอมอ้างว่าไม่มีเงินแล้วตอนนี้ก็มีสงคราม ออกไปก็มีแต่จะตาย มีชูบอกว่าจะต้มโจ๊กให้กินแทน จามองนำโจ๊กมาป้อนให้อิลพูม
"พี่คะ พี่คะ พี่ตื่นขึ้นมาหน่อยสิ มากินโจ๊กสักหน่อยจะได้มีแรงน่ะ กินโจ๊กจะมีแรงได้เหรอ ไก่น้อย ข้าขอแค่น่องไก่ก็พอ แค่นิดเดียวก็พอ ข้าเอาไม่เยอะหรอก จับได้แล้ว หนอย เสร็จข้าล่ะ นี่ เจ้าตัวแสบ จะวิ่งหนีทำไมหา เดี๋ยวพี่ข้าก็อดหรอก"
ขณะที่จามองเข้าไปรื้อค้นเพื่อหาปิ่นที่มีชูได้มา เธออปิ่นที่ปักอกขณะที่ถูกลอยมาในเรือตอนเด็ก กับเสื้อที่ปักคำว่าสิริมงคลเอาไว้
"ทำไมถึงมีชุดเด็ก ตัวอักษรนี่ ตัวอะไรเนี่ย เหนียวอะไรเนี่ย เลือด ทำไมอยู่บนเสื้อเด็ก?" จามองสงสัย
จามองนึกถึงคำพูดของโซโซที่บอกเธอว่า
" หึ นี่ ยัยบุ๊กกู อย่ามีเรื่องกับข้าดีกว่า ตอนที่เจ้านั่งเรือผุๆ ลำนั้นมาติดฝั่งกับเฮ็งแจน่ะ ข้าเป็นคนแรกที่เห็นพวกเจ้านะ ตอนที่เจ้าถูกปิ่นปะการังปักอกจนเกือบตายตอนนั้นน่ะ ข้าช่วยเจ้าไว้นะ"
"อะไร หรือว่านี่เป็นของข้า นี่มันชื่อของข้าเหรอ ใครจะไปสนใจกันล่ะ หึ จำได้ว่าไม่ใช่อันนี้นี่ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ เจ็บที่ตรงนี้นะ"
ขณะที่โฮคกก็สืบจนรู้ว่าลูกสาวของชอยรีอยู่ในคณะกายกรรมก็ดีใจมาก
" ฮ่ๆๆๆ ลูกสาวของชอยรี อยู่ในกลุ่มเด็กพวกนี้ ท่านอ๋อง ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปียังไม่สาย เสียดายข้าไม่เอาไหน ยังแก้แค้นให้ท่านไม่ได้ แต่ขอให้ท่านรออีกหน่อย เพราะข้าเห็นความหวังแล้ว ฮ่าๆๆๆ"
มีชูมองโฮคกอย่างหวาดกลัว "คนคนนี้ คงสติไม่ค่อยดีใช่มั้ย?"
ชาชาก็เห็นด้วย "นั่นสิ ข้าว่าชีวิตเขาต้องเคยเจออะไรมาเยอะ"
" โธ่เอ้ย ในยุคสงครามอย่างนี้ ใครบ้างไม่เคยเจอเรื่องร้าย ข้าว่า บุ๊กกูกับเฮ็งแจ เราเอาเรื่องไปบอกคนที่มาถาม แล้วเอาเงินรางวัลมากันดีมั้ย?"
"ไม่ทันดูว่าเงินนั่นเอามาได้มั้ย แค่เห็นเงินก็กระโดดไปคว้า ระวังหัวเจ้าจะได้ย้ายบ้านนะ" ชาชาเตือน
" ฮึ่ย เขาอาจได้เจอพ่อแม่นะ ก็ได้ ข้าก็อยากดูสิว่า เงินก้อนนี้ตกลงจะรับได้รึเปล่า เลี้ยงพวกเขามาตั้งนาน ข้าก็รักของข้าเหมือนกันนะ เห็นข้าเป็นคนยังไงเนี่ย?" มีชูว่า
จามองกลับมาจะพาอิลพูมไปหาหมอ เวลานั้นอิลพูมฝันถึงแม่แคบีและกำลังเพ้อ
"ท่านแม่ ท่านแม่"
แคบีเรียก "อิลพูม ทำยังไงดี"
"ท่านแม่"
" ถึงมันจะเป็นวังมังกร เจ้าก็ต้องตามไปถึงนั่น ตามกระแสน้ำไป ถ้าเป็นที่ที่คุณหนูน้อยไป ไม่ว่าที่ไหน เจ้าก็ต้องตามไป ดูแลท่านแทนแม่ด้วยรู้มั้ย?"
อิลพูมตื่น "ท่านแม่"
"พี่ชาย ข้ากำลังจะพาพี่ไปหาหมอ"
"พี่หายแล้วล่ะ"
"เรามีเงินนะ"
"อย่าหลอกพี่เลยน่า เจ้าจะเอาเงินมาจากไหนล่ะ ต่อให้มีเงินก็ไม่ต้อง"
"พี่ฝันถึงท่านแม่เหรอ?"
"บางครั้งก็ฝัน ว่าเห็นป้าคนหนึ่ง ในฝันจำได้ ว่าท่านป้าคนนี้เป็นใคร แต่พอตื่นขึ้นมา กลับจำอะไรไม่ได้เลย"
"ไม่ต้องไปจำมันหรอก"
"ป้าคนนั้น อาจเป็นแม่เราก็ได้"
"เรื่องที่ว่าอยากหาแม่ ก็ช่างมันเถอะ"
"พี่ต้องตามหาแม่ให้ได้ พี่รับปากเจ้าแล้ว ก็ต้องทำได้"
"ไม่ต้อง ไม่ต้องหา ข้าไม่อยากรู้ พ่อแม่เราอาจจะเป็น พวกคนบ้าก็ได้ ไม่งั้นจะทำแบบนี้กับเราได้เหรอ?"
"บุ๊กกู หรือว่าเกิดอะไรขึ้น?"
" ไม่ต้องหา ไม่ต้องหา บอกว่าไม่หาแล้ว ไม่อยากถามแล้วว่าทำไมทิ้งเรา ข้าไม่อยากรู้ พี่เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ของบุ๊กกู แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ถึงไม่มีแม่ก็ไม่เป็นไร" จามองร้องไห้
ด้านโมฮาซูมาหาลาฮี แต่ลาฮีกับทำหมางเมิน
"ทำไมสองวันนี้ ไม่เห็นเจ้าไปหาแม่เลยล่ะ?"
"ข้ายุ่งอยู่น่ะ ข้าต้องคอยดูแลท่านแม่น่ะ"
"ไหนดูหน่อยสิ ดีนะที่ตุ่มพองยุบแล้ว เดี๋ยวพอผิวหนังใหม่ขึ้นคงจะเจ็บแย่"
"เดิมมันก็เจ็บอยู่แล้ว ยังจะเอาลมร้อนมาเป่าอีก"
"คือแม่ไม่ทันระวังน่ะ นี่เป็นไขปลาวาฬ แม่ทาให้นะ"
"ไม่เอา มันเหม็นออก"
"ผิวใหม่จะได้ขึ้นเร็วไง"
"ท่านแม่เป็นหมอเหรอ ข้าก็มียาดีอยู่แล้ว เอามาจากซองชียอน ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนอน"
"ก็ได้ ทายาเสร็จแล้วก็นอนนะ ตอนนอนคันแค่ไหนก็ห้ามเกานะ เดี๋ยวเป็นแผล"
"ข้าจะถามท่านอีกครั้ง ถ้าจามองลูกท่านกับข้าตกน้ำ ท่านจะเลือกช่วยใครก่อนหา? ท่าทางยังเป็นจามอง ข้ารู้แล้ว รีบออกไปเถอะ"
"ทำไมถึงเอาแต่ถามให้ตัวเองเจ็บใจอยู่ได้? เจ้าน่ะ ไม่ควรลองใจคนอื่น วันหน้า เมื่อเจ้ามีความรักแล้ว ก็ไม่ควรทดสอบหัวใจเขาแบบนั้น"
" รีบออกไปสักที ข้าง่วงแล้ว ข้าง่วงแล้วๆ ท่านแม่ ข้าไม่ได้เกลียดท่านแม่หรอก ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ชอบท่านแม่หรอกนะ ที่จริงข้าก็คิดถึง อยากไปหาท่านแม่ที่ตำหนักยองอันทุกวัน แต่ตอนนั้นข้าจะคิดถึงคำที่ท่านแม่พูดเอาไว้ ท่านบอกว่าจะช่วยแต่จามอง ไม่สนใจว่าข้าเป็นหรือตาย แม่จาชิลก็บอกว่าท่านต้องช่วยจามอง คำพูดนี้ คำพูดนี้ มันวนเวียนในหัวข้าไม่หยุด ฮือๆๆๆ"
"เดี๋ยวเจ็บหูนะลูก"
"ท่านแม่นั่นแหละไม่ดีๆๆ ฮือๆ"
"สำหรับแม่แล้ว ไม่ว่าเป็นจามองหรือเจ้า ก็สำคัญมากทั้งนั้นแหละ อย่างนี้ก็ไม่ได้เหรอ"
"ข้าไม่ยอมหรอก ท่านแม่ต้องเป็นแม่ข้าคนเดียว ไม่ใช่แม่ของจามองที่ตายไปแต่เป็นแม่ของข้า"
"ลูกแม่"
" ถ้าเป็นข้าจะต้องเลือกที่จะช่วย ท่านแม่ก่อนท่านแม่จาชิลแน่ๆ ทำไมท่านแม่ถึงทำกับข้าแบบนี้หา เพราะท่านแม่แหละไม่ดี ท่านแม่แหละไม่ดี ฮือๆๆๆๆ"
"แม่ผิดไปแล้ว ถ้าลาฮีต้องเสียใจขนาดนี้ แม่ก็ยิ่งเสียใจนะ ไม่ร้องไห้นะลูก หืม ไม่ร้องไห้นะ"
ลาฮียังร้องไห้ไม่หยุด
0000000000
ขณะที่ซงแมซอซูก็สั่งให้ยังเดิ้กต้มยามาให้ดื่ม
" ตัวยาในครั้งนี้ มันต่างกับครั้งก่อนนิดหน่อย แอยอน ฮวังเบ็ก แล้วก็ยาจีโม ถึงจะบอกว่าพิษไม่แรงมาก แต่ถึงยังไง มันก็ยังเป็นยาพิษนะเพคะ"
"แล้วยังไงล่ะ กินตัวอื่นแล้วหยุดรอบเดือนไม่ได้นี่"
ยังเดิ้กว่า "แต่พิษมันรุนแรง มันอาจมีผลกับอวัยวะภายในนะเพคะ"
"มันไม่เจ็บปวด มากกว่าตายหรอกน่า"
"พระมเหสี ทรงคิดให้ดีเถอะเพคะ"
"ส่งมา" ซงแมซอซูดื่มแล้วอาเจียน
"โอ๊ะๆ พระมเหสี"
"ไปต้มมาใหม่สิ"
"ไม่ได้เพคะ"
"ยังเดิ้ก"
"ต่อให้หม่อมฉัน กล้าแค่ไหน ก็เอายาพิษให้เสวยไม่ได้เพคะ"
"ถ้าโฮดงแต่งกับลูกชอยรีแล้วมีลูก ยังไงข้าก็ต้องตาย ในเมื่อไม่มีอะไรต้องเสีย ยังมีอะไรต้องกลัวอีก ไปต้มมาอีก"
องค์หญิงยอรังกับอูนาลูช่วยกันแต่งตัวให้องค์ชายโฮดง องค์หญิงยอรังถามว่าชอบมั้ย องค์ชายโฮดงกลับตอบว่า
"ข้าไม่สนใจหรอก"
"เจ้าต้องไปสู่ขอองค์หญิงนังนังแต่งงาน ก็ต้องแต่งตัวให้หล่อหน่อยสิ"
"ข้า เกลียดขี้หน้าเด็กที่ชื่อลาฮีคนนั้น"
"ลูกสาวชอยรีชื่อลาฮีเหรอ ชื่อก็เพราะดีนะ ลาฮี"
อูนาลูรีบเอ่ยชมองค์หญิงยอรังอีกว่า "จะไปสู้ชื่อเจ้าได้ยังไง ยอรัง เพราะที่สุดแล้ว แหะๆๆๆ"
องค์ชายโฮดงว่า "เด็กคนนั้นไม่สมกับชื่อเลย ทั้งอ้วนแล้วก็น่าเกลียดด้วย"
"ผู้หญิงน่ะ ก็เหมือนกับนกแต้วแหละ ถ้าแม่สวยขนาดนั้นจริง โตขึ้นก็ไม่ผิดจากแม่หรอก นางจะผอมลง แล้วก็สวยขึ้นแน่"
"นางอารมณ์ร้ายจะตาย แถมยังโหดเหี้ยม ยิ่งท่าแกว่งดาบนั่นอีก เฮ้อ จะให้ชอบเหรอ เป็นไปไม่ได้"
"เอาน่า อย่างน้อยนางต้องมีเสน่ห์แน่ นางเป็นถึงองค์หญิง แถมใกล้เป็นพระสนมโกคูรยอ อย่างน้อยก็ต้องโหดหน่อยสิ"
"องค์ชายโฮดงเชื่อเถอะ พอดับไฟนอนบนเตียง ผู้หญิงก็ไม่ค่อยต่างกันนักหรอก" อูนาลูว่า
"ดูอาจารย์พูดเข้า"
" องค์ชายองค์หญิงจะอภิเษกเพราะความรักเหรอ? เราจะต้องทำไปเพื่อบ้านเมือง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตยังต้องทำเลย อารมณ์ร้ายหน่อยแล้วไง หน้าตาไม่สวยแล้วยังไง"
"เรื่องนี้ข้ารู้ดี ฐานะของข้า คงจะไม่มีสิทธิ์ไปเลือก อะไรมากมายหรอก"
"เฮ้อ ถ้าลูกสาว ของชอย รีปฏิเสธการสู่ขอจะทำไง ได้ยินว่าคราวก่อนเจ้าก็ไปตบหน้าเขา"
" ข้าบอกท่านแล้วไง ข้าโฮดง ต้องสืบราชบัลลังค์ เป็นกษัตริย์โกคูรยอ ต่อให้ยัยเด็กนั่น ให้ข้ามุดลอดหว่างขานาง ข้าก็จะต้องทำ ข้าต้องแต่งงานกับลูกชอยรี ทำให้นังนังเป็นแผ่นดินเดียวกับโกคูรยอ"
นางกำนัลคนหนึ่งนำเรื่องที่ได้ยินทั้งสามคุยกันไปเล่าให้ซงแมซอซูฟังอย่างละเอียด
"ลอดใต้หว่างขาลูกชอยรีก็ได้เหรอ?"
"ทั้งหมด ที่หม่อมฉันกราบทูลไป เป็นคำพูดขององค์ชายเพคะ" นางกำนัลทูล
"เจ้ากลับไปตำหนักซูยางได้ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ" ซงแมซอซูถามยังเดิ้ก
"พระมเหสี"
"เจ้าไม่ได้ยินเหรอ เพื่อให้อยู่รอดโฮดงยังยอมขนาดนี้ แค่นี้ข้าจะทำไม่ได้เหรอ? อุๆ" ซงแมซอซูจะอาเจียน
"ถึงหม่อมฉันทำแทนได้ก็ดี ทำไมสวรรค์ ถึงโหดร้ายกับพระองค์อย่างนี้ พระมเหสี"
"ข้าไม่เป็นไร"
"ทรมานมากมั้ยเพคะ"
"พระมเหสี ฝ่าบาทเชิญให้เข้าเฝ้าเพคะ"
"ฝ่าบาทเชิญพระองค์เข้าปรึกษา เรื่องการอภิเษกขององค์ชายเพคะ"
บัลโซ อึลดูจี อ๊กกูกำลังดูของที่จะนำไป
"หนังเสือ 3 ผืน หนังจิ้งจอกขาว 3 หยกเหลือง หยกขาว พลอยน้ำเงิน อย่างละครึ่งชั่ง" บัลโซว่า
อึลดูจีว่า "หนังเสือนั่นแบ่งผืนหนึ่งให้งานศพของวังเก็ง อีกผืนให้ในงานราชาภิเษกชอยรี แล้วอีกผืนก็มอบให้กับองค์หญิงลาฮี"
อ๊กกูค้านว่า "หนังจิ้งจอกขาวไว้ตัดชุดผู้หญิง เอาไปใช้ในงานศพคงไม่เหมาะ"
"ขนจิ้งจอกให้กับพระมเหสีเอก อีกสองผืน ก็แบ่งให้องค์หญิงลาฮีผืนหนึ่ง กับพระมารดาขององค์หญิง"
"ยังมีอย่างอื่นอีกมั้ย?"
"ยังอ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งเลย"
"ทองแท่ง 30 คู่ ไม้สนแดงอีกจำนวน 200 ต้น" บัลโซอ่านต่อ
"ไม้ ไม้สนแดงเหรอ?"
"ถ้าจะพูดเรื่องคุณภาพไม้นะ ต้นไม้ที่ดีที่สุดก็คือต้นไม้ ที่สามารถทนลมหนาวแม่น้ำจาของพีรู ฮะๆๆ"
"แล้วไงล่ะ?"
"ตามธรรมเนียมโกคูรยอหลังจากแต่งงาน จนมีลูก และจนกว่าลูกชายจะโต จะต้องอยู่ที่บ้านของภรรยา"
"อือหือ"
" แต่เราจะยอมให้องค์ชายของเรา ประทับที่นังนังจนผมขาวไม่ได้ แต่ก่อนมีโอรสก็ต้องอยู่ที่นังนัง อย่างนี้ก็ต้องสร้างบ้านใหม่ที่แข็งแรงด้วยไม้สนแดง ฮ่าๆๆ องค์ชายโฮดงคงจะดีใจแน่ พูดต่อๆ แหะๆๆ"
"แพรต่วน 300 ผืน ผ้าฝ้ายสี่ร้อยผืน"
" ผ้าฝ้าย ฮ่าๆๆๆ ๆๆๆๆๆ นี่คิดจะขนหมดโกดังเผ่าพีรูเลยรึ ฮ่าๆๆ แค่สู่ขอยังให้ของขนาดนี้ แล้วถ้า อภิเษกกันจริง เผ่าพีรูคงถูกถอนรากถอนโคนแน่"
"ฮะๆ องค์ชายจะอภิเษก ท่านเป็นถึงท่านตาของแค่นี้ก็ควรให้อยู่"
"ถ้าตายังให้ มากถึงขนาดนี้ แล้วฝ่าบาทเตรียมไว้มากแค่ไหนล่ะ?"
"ท้องพระคลัง ค่อนข้างจะฝืดเคือง"
"อืม ก็ลงทุนกับ วังเก็งไปซะเยอะ สุดท้ายก็สูญเปล่าไปหมด"
"เดี๋ยวๆๆ นี่ยังอ่านไม่จบเลย"
"เรื่องการอภิเษกน่ะ มันยังต้องรอดูกันไปก่อนมั้ง"
อ๊กกูออกมาก็พบกับซงแมซอซู
"จะไปตำหนักพอนซูเหรอ?" อ๊กกูทัก
"พ่อก็เหมือนกันเหรอ?"
"พะยะค่ะ เชิญทางนี้หน่อย เราจะต้องยับยั้งการอภิเษกของโฮดง"
"แต่ว่านี่เป็น ประพระสงค์ฝ่าบาท"
"จุดอ่อนที่สุดของเจ้าโฮดง คือไม่มีครอบครัวฝ่ายแม่ให้พึ่งพา ถ้าชอยรีกลายเป็นที่พึ่งของเขา เขาก็จะยิ่งเหมือนเสือติดปีก"
"ท่านโน้มน้าวอูนาลูได้มั้ย?"
" ไม่แน่ พวกเขา ดูยินดีกับการอภิเษกนี้มาก ถ้าหาก โฮดงสามารถเปิดทางให้โกคูรยอไม่ต้องเอาแต่พึ่งพาข้าวสาร ไขปลาวาฬและเกลือฮอนโด เหลียวตง ทุกคนคงยิ่งดีแน่"
"พระมเหสีโกคูรยอ จะต้องมาจากเผ่าพีรูเท่านั้น"
"ปัญหาเรื่องตำแหน่งน่ะ ไม่มีความหมายเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ชิ้นใหญ่ แมซอลซู เจ้าดูหน้าซีด ไม่สบายเหรอ?"
"ค่ะ เหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยง"
"อืม จุ๊ๆๆ ต้องดูแลสุขภาพให้ดีหน่อย เราเหมือนเดินอยู่บนยอดไม้ไผ่ยังมีเวลามาป่วยอีกเหรอ?" อ๊กกูเตือน
องค์หญิงยอรังกล่าวกับองค์ชายโฮดงว่า
"ข้าเตรียมเครื่องสำอางกับเครื่องประดับไว้แล้ว"
"ขอบพระทัยมาก เสด็จอา"
"โฮดงแต่งงานให้เตรียมอะไรข้าก็ยินดี เจ้าเตรียมอะไรล่ะ?"
ซูจียอนว่า "เตรียมคำอวยพรอย่างจริงใจ"
องค์หญิงยอรังโกรธ "ว่าอะไรนะ?"
" เพิ่งจะเข้าวังมายังไม่นาน ยังไม่มีสมบัติสักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงพระมเหสีเอกกับท่านลุงก็ต้องเตรียมไว้แล้ว ถ้าหม่อมฉันให้ของ ก็เป็นของที่ได้จากฝ่าบาทอยู่ดี" ซูจียอนกล่าวเอาใจพระเจ้ามูยุล พระเจ้ามูยุลหัวเราะออกมา
"พระมเหสีเอกเสด็จพะยะค่ะ"
"ถวายพระพรเสด็จแม่"
"พ่อตาก็มาด้วยรึ?" พระเจ้ามูยุลทัก
"ถึงยังไงกระหม่อมก็เป็นตา จะอดใจไม่มาคุยเรื่องงานอภิเษกขององค์ชายได้ยังไง ฮะๆๆ"
"พระมเหสีเชิญนั่งสิ ท่านพ่อตาด้วย"
"ได้ยินเสียงพระสรวล คิดว่าหลังคาตำหนักจะพังมาซะแล้ว"
ซูจียอนทักขึ้นว่า "พระมเหสีไม่ดีพระทัยหรือ? จะทรงได้ลูกสะใภ้แล้ว"
"ข้าต้องดีใจสิ ใครว่าไม่ดีใจ มันน่าดีใจออก พริบตาก็โตเป็นผู้ใหญ่จะแต่งงานแล้ว"
"ทั้งหมด ก็เป็นเพราะเสด็จแม่ ที่เอาพระทัยใส่เลี้ยงดูหม่อมฉันมา"
อ๊กกูทูลเตือน "เรื่องสู่ขอ ควรทบทวนใหม่มั้ยพะยะค่ะ?"
"ทำไมล่ะ อภิเษกตอนนี้ก็ไม่เร็วไปหรอก โฮดงเองก็โตแล้วนี่" องค์หญิงยอรังไม่เข้าใจ
อ๊กกูทูลว่า "ไฟไหม้ ในนังนังที่ผ่านมาไหม้นานอยู่ถึง 2 วัน ผู้คนยังตื่นตกใจ"
"ท่านนี่รู้ ทุกอย่างจริงนะ"
"ถ้าภรรยาของวังเก็งถูกประหารชีวิต ลูกน้องของวังเก็งก็จะลุกขึ้นสู้รบกับพวกชอยรี"
"แล้วไงล่ะ คิดว่าชอยรีจะแพ้รึไง?"
"ผลสุดท้าย คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ กระหม่อมแค่เป็นกังวลเพียงว่า องค์ชายอาจจะตกที่นั่งลำบากกว่าเดิมพะยะค่ะ"
"ชอยรีจะไม่มีทางแพ้แน่" องค์ชายโฮดงกล่าวอย่างเชื่อมั่น
"ทำไมล่ะ?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
" ถึงจวนยองโฮ ครอบครอง 7 อำเภอที่อุดมสมบูรณ์ แต่ใน 18 อำเภอ มีถึง 11 อำเภอ ที่ยังอยู่ในมือของชอยรี อีกอย่างหนึ่ง 7 อำเภอทางใต้ก็เสีย ผู้นำอย่างวังเก็งไป เขาจะเอาอะไรมาสู้ชอยรี?"
อ๊กกูว่า "โอ้ว ต่อให้ที่ตรัสมาเป็นจริง ถ้าชอยรี ไม่รับพระองค์เป็นราชบุตรเขยจะทำไง?"
"ชอยรีต้องอยากที่จะผูกมิตรกับโกคูรยอแน่" องค์ชายโฮดงเชื่อเช่นนั้น
"แต่ลูกสาวเขาอาจจะไม่ยอมนะ" ซูจียอนว่า
"ข้าจะทำให้นางไม่เกลียดหน้าข้า ไม่ต้องทรงเป็นห่วง เสด็จแม่"
"พ่อตาจะต้องไปนังนัง เพื่อเป็นราชทูตสู่ขอให้โฮดง"
"โอ้ ภารกิจใหญ่อย่างนี้ทรงมอบให้กระหม่อมหรือ?"
" เพราะท่านอาวุโสที่สุดในราชวงศ์ ที่สำคัญที่สุด มีเพียงแต่ข้ากับท่าน ที่รู้ดี ว่าตอนนี้โกคูรยอ ต้องการอะไรมากที่สุด ดังนั้น ถึงยังไงท่านก็ต้อง ทำให้เขารับการอภิเษก ถ้าหากท่านทำไม่สำเร็จ ข้าจะให้ท่าน ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย"
ซูจียอนกล่าวกับซงแมซอซูว่า "ทำท่าอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ไม่พอใจการอภิเษกครั้งนี้รึไง?"
"ไม่ใช่อย่างนั้น"
"เหงื่อเจ้าออกเต็มเลย พี่สะใภ้ เป็นอะไรเหรอ?" องค์หญิงยอรังทัก
พระเจ้ามูยุลสังเกต "ไม่สบายตรงไหน เจ้ากลับไปพักที่ตำหนักก่อนเถอะ"
"ขอประทานอภัยฝ่าบาท หม่อมฉันขอตัวเพคะ"
"พระมเหสี"
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย"
"มเหสี พระมเหสี"
"รีบไปตามหมอหลวงมาเร็ว ยังมัวนั่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบมาประคองอีก"
"เพคะฝ่าบาท"
0000000000
โมฮาซูลงมาที่คุก มาโจเฝ้าอยู่คอยต้อนรับ
"เหตุใดพระมเหสี จึงเสด็จมาที่คุกล่ะ?"
"ข้าจะมาเยี่ยมนายหญิงแห่งยองโฮ ทำไมทำอย่างนี้?"
"นายหญิงโม เป็นนักโทษพะยะค่ะ"
"นางอาจเป็นนักโทษ แต่ก็ยังเป็นนายหญิงแห่งยองโฮ ผู้ชายหยามไม่ได้ ผู้หญิงก็ฆ่าได้หยามไม่ได้เหมือนกัน แก้มัดนางเดี๋ยวนี้"
"ถ้าเราแก้มัดนาง นางอาจจะฆ่าตัวตาย"
ยังเฮสวนว่า "ถ้าอยากตายจริงวิธีมีเยอะไป กัดลิ้นตัวเองก็ได้ หรือจะเอาหัวโขกกำแพงก็ยังได้"
โคบีรีบเตือน "นายหญิงเจ้าคะ อย่าพูดอะไรน่ากลัวอย่างนั้นเลย"
ยังเฮฮึดฮัดอีก "ไอ้ชั่วเอ้ย คิดว่ามีแต่ผู้ชายอย่างเจ้า ถึงจะเป็นวีรบุรุษกันได้รึไงหา?"
โมฮาซูสั่ง "แก้มัดเดี๋ยวนี้"
"ใช่ แก้มัดข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะได้ออกไปหานังวังจาชิล ข้าได้ยินเสียงแต่กรีดร้องของมันตอนถูกไฟเผา มันขาดใจตายรึยัง?"
ด้านจาชิลก็เจ็บปวดกับการรักษาแผลเป็น จนทนไม่ไหวไล่หมอออกไป ลาฮีมาดู
ชีโซว่า "ทรงเจ็บปวดขนาดนั้น หม่อมฉันก็ทนดูไม่ได้เพคะ"
หมอบอกว่า "เวลาเหลือไม่มากแล้ว ต้องรักษาก่อนจะเป็นแผลเป็น ต้องรักษา ตอนที่ตุ่มพองยังไม่แตก ถึงจะได้ผลพะยะค่ะ"
"เป็นไรเหรอ?" ลาฮีถาม
"เมื่อก่อนพระมเหสี ได้ชื่อว่างามที่สุดในแคว้นนังนัง เป็นอย่างนี้ จะยอมให้คนอื่นเห็นได้ไงเพคะ"
"งั้นท่านช่วยสอนข้า สอนวิธีรักษาให้ข้าก็ได้" ลาฮีบอกหมอ
จากนั้นลาฮีก็นำยาเข้าไปรักษาให้จาชิล
"นี่เป็นน้ำเต้าที่แช่แข็งมาตั้งแต่ปลายใบไม้ผลิปีก่อน"
จาชิลกับบอกว่า "ไม่จำเป็น"
"เอาน้ำเต้ากับน้ำแข็งผสมน้ำ แล้วต้มเปลือกฮวังเบ็กมาประคบที่แผล จะช่วยลดอาการแสบร้อนได้นะคะ"
"เอาออกไป"
ลาฮียังพยายาม "เอาผ้าฝ้ายมาให้ข้าที ผ้าผืนนี้เป็นผ้าที่ ชุบด้วยน้ำมันถั่วผสมกับน้ำมันงา ข้าพันให้ท่านแม่นะ"
"บอกแล้วว่าไม่ต้อง"
"ทำไมละคะ? ท่านแม่ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ แค่นี้ก็พอแล้วนี่ เจ็บแค่นี้ก็ทนไม่ได้เหรอ?"
"ต้องตัวตายถึงเรียกว่าตายเหรอ? ถ้าใจตายมันก็เหมือนตายเหมือนกัน ฮือ ตอนนี้ข้าไม่ใช่แม้แต่ผู้หญิง ฮือๆๆ"
"อยากสวยที่สุดในนังนังขนาดนั้นเชียว อายุก็ปูนนี้แล้ว"
ชีโซตกใจ "องค์หญิงเพคะ"
"ให้พวกนางออกไปก่อน" ลาฮีสั่ง
จาชิลดุ "เด็กนิสัยเสีย"
" ข้าอาจเป็นเด็กนิสัยเสีย แต่ท่านแม่กลับไม่รู้ความเลย ร่างกายของท่าน นอกจากท่านพ่อแล้วท่านจะให้ใครดู อีกอย่างท่านพ่อก็ ไปหาแต่แม่โมฮาซูอยู่แล้วนี่"
"หุบปากเดี๋ยวนี้นะ"
"คนเลวไม่ได้มีแค่ท่านป้านะ แต่ท่านแม่เป็นคนเริ่มก่อน"
ชีโซพยายามเตือน "องค์หญิงเพคะ"
ลา ฮียังไม่หยุด "วันนี้อาจารย์เพิ่งสอนข้ามาประโยคหนึ่ง ต้องเปลี่ยนมุมมอง จะปกครองประชาชนให้ดี กษัตริย์จะต้องเข้าใจความคิดประชาชนซะก่อน"
"บอกให้หุบปากไง"
"ลองนึกถึงจิตใจของท่านป้าบ้างสิ ต้นเหตุมันเริ่มมาจากท่านแม่ ผลก็ต้องตกมาอยู่ที่แม่สิ"
จา ชิลหัวเราะ "ก็จริง ในโลกนี้ ทุกอย่างมันต้องมีผลลัพธ์ พี่ใหญ่เองก็ มีจุดจบแบบนั้น เพราะคิดจะฆ่าพวกเรา ถึงตอนที่โมยังเฮต้องชดใช้แล้ว"
"ท่านแม่คะ"
"จะน้ำเต้าเย็นอะไร หรือเปลือกฮวันเบ็กนั่น ไปเอามาให้หมด"
เวลานั้นโมฮาซูยังอยู่ที่คุก และสั่งมาโจว่า
"อย่างน้อยก็น่าจะให้นางกินสบายหน่อย"
"พะยะค่ะ พระมเหสี"
"ถึงจะทานอะไรไม่ค่อยลง แต่ก็ต้องทานอะไรบ้างนะคะ"
ยังเฮว่า "ตัวแข็งไปหมด คราวหน้าเอาเหล้ามาให้ข้านะ เอาแบบแรงแรงด้วย"
" ในนี้ไม่ค่อยสบาย ข้าจะส่งคนรับใช้มาให้ท่าน ไปเอาฉากกั้น มาบังตรงนี้ด้วย ที่นี่ไม่มีห้องน้ำเลย จะปล่อยให้ถ่ายโล่งโจ้ง ต่อหน้าผู้คนได้ไง"
โคบีรับคำ "ได้เพคะ"
ยัง เฮกล่าวว่า "ชอยรีมีโชคเรื่องเมียดี ได้ขึ้นครองราชย์เพราะเมียอย่างจาชิล แถมมีเมียแสนดีอย่างเจ้าอีก ก่อนที่ข้าจะต้องถูกเพชฌฆาตประหารชีวิต คงลำบากเจ้าหน่อยนะ ฮะๆๆ"
"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ"
ด้านชอยรีก็ปรึกษากับโฮแค ลูจีว่า
"จะจัดการกับโมยังเฮยังไง?"
โฮแคตอบว่า "ต้องประหารตัดเอวพะยะค่ะ"
"ฮาโฮแค เจ้าจะบ้าไปแล้วเหรอ?"
ลู จีกล่าวว่า "เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ บ้านชาวบ้านไหม้ไป 67 หลัง ร้านค้ากับโรงเตี๊ยม ทั้งหมดอีก 31 ร้าน ประชาชนฝ่าบาทที่ถูกไฟคลอกตาย ก็มากกว่า 30 คน ถ้าเราไม่ยอมประหารโมยังเฮ ประชาชนจะยอมรับได้หรือ?"
"ทำไม่ได้" ชอยรีว่า
"ถ้าโทษการตัดเอวหนักเกินไป ก็ประหารตัดหัว"
"จะให้ข้า ตัดหัวของนางอย่างนั้นเหรอ ข้าไม่ได้มาเป็นกษัตริย์เพื่องนี้ ไปคิดมาใหม่"
โฮแคกับลูจีช่วยกันว่า "ขอทรงโปรดลงโทษประหารด้วย"
คนอื่นพูดตาม "ขอทรงโปรดลงโทษประหารด้วยๆๆๆ"
ลูจีมาบอกเรื่องที่ประชุมกันให้จาชิลรับทราบ จาชิลไม่พอใจ
"ข้าผิดหวังจริงๆ นี่มันก็เดือนกว่าแล้ว ยังตัดสินใจไม่ได้อีกเหรอ?"
"ฝ่าบาททรงดื้อมากพะย่ะค่ะ" ลูจีว่า
"ถ้าเราพลาดคงแย่แน่ ปล่อยให้โมยังเฮมีชีวิต สักวันนังนังต้องถูก แบ่ง ออกเป็นสองส่วนแน่"
"ขอให้พระมเหสี ช่วยไปทูลฝ่าบาทด้วยพะยะค่ะ ในเวลาเยี่ยงนี้ มีแค่หนทางเดียวเท่านั้น"
วันรุ่งขึ้น ชอยรีก็นำเรื่องนี้มาประชุมอีก เขากล่าวขึ้นว่า
"วันนี้ มาสรุปกันได้แล้ว"
โฮ แครีบบอก "บูทัล โทชัล จะต้องถูกประหารตัดเอว ขุนนางในจวนยองโฮ ต้องถูกลงโทษเช่นกัน หลังรับโทษโบยแล้วจับไปเป็นทาส ส่วนนายหญิงโม ขอให้ประหารตัดหัว"
ชอยรีโกรธ "เจ้า ฮาโฮแค"
ลูจีกล่าวต่อว่า "อดีตโชซอนมีข้อต้องห้าม 8 ข้อ ส่วนแคว้นนังนังใหม่ มีข้อต้องห้าม ทั้งหมด 13 ข้อพะยะค่ะ"
ชอยรีคัดค้าน "นายหญิงโมเป็น ภรรยาที่ท่านแม่ทัพวังรักมากที่สุด ศพของท่านตอนนี้ ยังไม่ได้ฝังดินเลยนะ"
ลูจีอ้าง "ถ้าฝ่าบาทฝืนกฎหมายแล้ว ยังจะมีใครรักษาอีกพะยะค่ะ"
"ข้า เคยกินข้าวที่นางทำให้ เป็นร้อยชามเลยนะ" ชอยรีกล่าว
จาชิลเข้ามา ลูจีกับโฮแค "พระมเหสีรอง"
"เจ้ามาได้ยังไง? หา"
"พระองค์ไม่เสด็จไปหา หม่อมฉันก็ต้องมาเองสิ"
"ตำหนักนี้มีไว้ถกปัญหาบ้านเมือง ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรมา"
" ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ทรงเห็นใจโมยังเฮแต่ไม่เคยนึกถึงหม่อมฉันเลยเหรอ โมยังเฮน่ะ นางคิดจะฆ่าหม่อมฉัน เป็นความผิดมหันต์ นางฆ่าประชาชนเป็นฆาตกร ก่อความวุ่นวายในแคว้นนังนัง มีโทษฐานกบฏ"
"เจ้าไปพักเถอะ" ชอยรีไล่อย่างสุภาพ
"ก่อนที่พระองค์จะลงโทษโมยังเฮตามกฎหมาย หม่อมฉัน จะไม่ยอมไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวแน่"
"ข้าไม่มีวันเปลี่ยนใจ ยังไม่พานางกลับตำหนักอีก"
"หมายความว่า จะปล่อยโมยังเฮที่ทำ ให้หม่อมฉันต้องเป็นอย่างนี้เหรอ?"
โฮแคกับลูจีเตือน "พระมเหสีรอง โปรดระงับความกริ้วพะยะค่ะ"
" ทอดพระเนตรดูสิเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงอีกแล้ว แม้แต่แม่ก็ไม่ใช่ ฝ่าบาทยังปรารถนา แตะต้องร่างกายแบบนี้อีกมั้ย หม่อมฉันไม่ตายก็เหมือนตายไปแล้ว"
"พอเถอะ มาถอดอะไรต่อหน้าขุนนาง รีบใส่เสื้อซะ" ชอยรีดุ
"หม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว ไม่มีอะไรต้องอายแล้ว ยังจะมีอะไรให้ใครดูไม่ได้อีก"
ลูจีปลอบ "พระ มเหสีรอง พวกกระหม่อมก็ต่างเข้าใจ ความรู้สึกของพระองค์พะยะค่ะ"
โฮแคช่วยกล่อม "ทรงรับสั่งประหารโมยังเฮ ที่ทำให้พระมเหสีเป็นอย่างนี้ด้วยพะยะค่ะ"
"โปรดประหารโมยังเฮด้วยพะยะค่ะ"
"โปรดประหารโมยังเฮด้วยพะยะค่ะ"
"ทรงแก้แค้นให้พระมเหสีรองด้วยพะย่ะค่ะ"
"ทรงแก้แค้นให้พระมเหสีรองด้วยพะย่ะค่ะ"
จามองถูกจับได้ว่าขโมยปิ่น จึงถูกจับตี อิลพูมพยายามจะช่วย แต่ถูกชาชาดุ
"หยุดนะ เจ้าเฮ็งแจ ถ้าเจ้ายิ่งมาทำแบบนี้ บุ๊กกูจะถูกตีมากขึ้นอีก"
ยูรีดุ "เฮ็งแจ หยุดเคาะเถอะน่า เวลาหัวหน้าโมโห น่ากลัวออกนะ"
อิลพูมร้องถาม "บุ๊กกูของข้าทำอะไรผิด?"
โซโซว่า "ทำเรื่องควรโดนตีน่ะสิ ยัยเด็กคนนี้ช่างกล้านัก กล้าเข้าไปขโมยของท่านน้าได้"
"น้องสาวข้าไม่ใช่ขโมยนะ"
"ใครว่าไม่ใช่ขโมย แอบไปเอาของคนอื่นก็คือขโมยสิ"
"บุ๊กกูของข้าไม่ใช่ขโมย" อิลพูมร้องลั่น
มีชูโมโห "หนอย ถ้าข้าไม่ได้เปิดดูคงจะถูกเจ้าหลอกไปแล้ว"
จามองร้อง "ข้าเจ็บนะ เลิกตีข้าได้แล้ว"
"นังเด็กคนนี้ มันน่าตีมันให้มือหักเลยจริงๆ เอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน เอามาจากไหน ห๊ะ?"
"เจ้ายอมรับผิดซะ บอกว่าจะไม่ทำอีก พูดสิ"
"ข้าไม่พูด"
"แน๊ะ ยังกล้าแข็งข้อเถียงข้าอีก?"
"ข้าไม่ได้ทำผิด"
" อะไรนะ เฮ้อ คนเขาถึงว่า เก็บเอางูเห่ามาเลี้ยงยังดีกว่าไปเก็บเด็กมาเลี้ยงซะอีก เพราะเป็นอย่างนี้สิพ่อแม่ถึงได้ทิ้ง ห๊ะ ถึงกับกล้าขโมยของเหรอ รีบเอาคืนมา เอามา"
"ข้าแค่ เอาของตัวเองคืนผิดด้วยเหรอ?"
"ห๊ะ? ชาชาซุง เมื่อกี้เขาพูดอะไรนะ?"
"บุ๊กกู ไหนเจ้าลองพูดอีกทีสิ"
"ก็มันของข้านี่ มันคือปิ่นที่ปักอกข้าไม่ใช่เหรอ?"
"ใครบอกเจ้าหา?"
"ก็พี่โซโซไง สกปรกแบบนี้เก็บไว้ทำไม ทิ้งไปเถอะ ทิ้งไปได้แล้ว" จามองวิ่งหนี
มีชูอึ้ง "บุ๊กกู เฮ้ นี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
อิลพูมร้องเรียก "บุ๊กกูๆ"
"นี่ บุ๊กกู นี่อย่าให้ข้าจับได้เชียวนะ เฮ้อ ทำยังไงดีล่ะ?"
"ข้าก็บอกให้ทิ้งไปตั้งนานแล้วไง" ชาชาว่ามีชู
อิลพูมตามมาดูแลทาแผลให้จามอง
"ถกกางเกงขึ้นสิ พี่จะทายาให้เอง"
"พี่คะ ข้าชื่อว่าอะไรเหรอ"
"บุ๊กกู"
"เขียนยังไงเหรอ เมื่อก่อนหัวหน้าเคย หาคนเขียนหนังสือเขียนให้เราดู พี่เขียนเป็นมั้ย?"
"อืม ชื่อพี่เขียนยังไงพี่ลืมแล้ว แต่ชื่อของบุ๊กกูพี่ไม่ลืมหรอก"
"ไหนเขียนสิ นี่เป็น ชื่อของข้าจริงๆ เหรอ?"
"อืม อย่าร้องไห้ ต้องโตขึ้นต้องเข้มแข็ง บุ๊กกู"
"นี่ไม่ใช่ ชื่อของข้า ชื่อจริงๆ ของข้า เป็นแบบนี้ เขียนยังไงนะ?"
"คำนี้ อ่านว่าบุ๊กกูจริงๆ เหรอ?"
"ข้าก็ไม่รู้หรอก"
"เจ้ารู้ได้ยังไง?"
"มันปักอยู่บนเสื้อที่ข้าใส่ตอนเด็กๆ"
โฮคกเข้ามาดู "เจ้าบอกว่าคำนั้นเป็นชื่อเจ้าเหรอ?"
"อา เป็นไงบ้างคะ ข้าเคยเห็นท่านตอนแสดงที่เรือนรับรอง"
โฮคกหัวเราะนิดๆ "แหะๆ ดีมาก ข้ายังสบายดี"
อิลพูมทัก "สวัสดีครับ"
"ท่านลุงอ่านหนังสือออกมั้ย?"
"หนังสือ พอรู้บ้างนิดหน่อย"
"นี่เขียนว่าอะไรเหรอ?" จามองถาม
"โชมิว แค่กๆ มันหมายถึงลูกหมูไงล่ะ?"
จามองหัวเราะ "ตลกจัง"
อิลพูมดุ "บุ๊กกู"
"ก็มันตลกนี่ นี่เป็นชื่อด้วยเหรอ ตลกกว่าบุ๊กกูอีก"
"เมื่อก่อนข้า ก็ไม่ได้ชื่อนี้หรอก แต่ตอนหลังกลายเป็นแบบนี้"
"เหมือนกันเลย เมื่อก่อนข้าไม่ใช่ชื่อบุ๊กกู นี่ต่างหากชื่อของข้า แต่ข้าอ่านไม่ออกหรอก"
โฮคกอ่าน "คิลซัง"
จามองอ่านตาม "คิลซัง?"
อิลพูมถาม "มันหมายความว่าอะไรเหรอ?"
"หมายความว่าขอให้มีแต่สิ่งดีๆ มีแต่ความโชคดีน่ะ" โฮคกตอบ
"ยอดไปเลย ดีกว่าบุ๊กกูตั้งเยอะแน่ะ"
"เป็นชื่อที่ดีมาก ดีมากๆ คิลซัง ไม่รู้เป็นลูกบ้านไหน ชื่อดีจริงๆ" โฮคกหัวเราะ
ขณะนั้นจาชิลก็สั่งลูจีถึงเรื่องประหารว่า
"เรื่องการประหาร ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะ"
"กระหม่อมจะรีบให้เร็วที่สุด"
"แล้วคอยจับตาจวนยองโฮไว้ วันประหารน่ะ พวกเขาจะต้องเอาทหาร จาก 7 อำเภอมาช่วยโมยังเฮแน่"
เวลาเดียวกันยังเฮก็กล่าวกับโมฮาซูว่า
"รีบประหารข้าเร็วแบบนี้ ต้องขอบคุณเขาจริงๆ"
"ข้าต้องขออภัยท่านด้วยค่ะ"
"ข้ารอวันนี้มาตลอด ข้าอยากรีบไปเจอท่านแม่ทัพตั้งนานแล้ว เฮ้อ ข้ามีเรื่องไหว้วานเจ้าหน่อย"
"เรื่องอะไรก็บอกมาเถอะค่ะ"
" ช่วยหาเพชฌฆาตฝีมือดีให้ข้าที ได้ยินว่า ลั่วหยางมีเพชฌฆาตที่ประหารพวกเชื้อพระวงศ์โดยเฉพาะ ให้เขาตัดคอ คงจะไม่เจ็บมาก ถ้าปล่อยให้หัวถูกตัดเละไปหมด ไปเจอท่านแม่ทัพในปรโลก ข้าคงขายหน้าน่าดู หึๆ หึๆๆๆ ฮ่าๆๆ"
พระเจ้ามูยุลเสด็จมาเยี่ยมซงแมซอซู
"เจ้านั่งลงเถอะ"
"วันนี้ไม่ใช่ วันที่จะเสด็จตำหนักโอซอนนี่นา"
"ได้ยินว่าเจ้าไม่ค่อยสบาย ก็เลยมาดูว่าคนที่แข็งแรงมาตลอด ทำไมจู่ ๆ เป็นอย่างนี้"
"คงแก่แล้วมั้งเพคะ"
"หึๆๆ อีกนานกว่าเจ้าจะแก่"
"หม่อมฉัน หม่อมฉัน"
"พูดมาสิ ทำท่าทางแปลกๆ มัวลังเลอะไรอยู่หา?"
"ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ฝ่าบาทได้ทรง ให้สัญญาหม่อมฉันเรื่องหนึ่งเพคะ ตอนนี้ หม่อมฉันไม่มีรอบเดือนแล้วเพคะ"
ชีโซเข้ามาพบจาชิล และไล่นางกำนัลออกไปหมดก่อนจะบอกจาชิลว่า
" ข้าได้ยินจากยายขายขนมที่มกจีดุน นางบอกว่าวันนั้น มีเรือเล็กลอยผ่านมา นางเห็นตอนไปเก็บหญ้าทะเลค่ะ ดูเหมือนจะหา คุณหนูจามองเจอแล้ว"
"อยู่ที่ไหน ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน ใครเก็บจามองไปเลี้ยงหา?"
"เป็นคณะกายกรรมที่เคย มาแสดงที่เรือนรับรอง ชื่อคณะเฮเฮฮาฮาอะไรนี่แหละ พระมเหสี จะทำยังไงดีเพคะ"
"จามอง ควรตายในแม่น้ำยอลซูนานแล้ว ถึงช้าหน่อย แต่ถึงเวลาที่เราควรเอาชีวิตเขาแล้ว"
"พระมเหสี"
จบตอนที่ 12

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี ละครช่อง3

Related Posts



0 comments:

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal