Thursday, December 31, 2009

จามอง 13

ลานประหารนักโทษอุกฉกรรจ์ โมยังเฮกล่าวกับโมฮาซูว่า
"เฮ้อ สบายดีจัง ขอโทษนะ ทำอ่างน้ำเจ้าสกปรกหมดเลย"
"อยากได้อะไรอีกมั้ยคะ?" โมฮาซูถาม
"ช่วยแต่งหน้าข้าให้สวยๆ หน่อยสิ กำลังจะไปพบท่านแม่ทัพแล้ว ถึงมันจะไม่สวยที่สุด แต่ก็ควรจะให้ดูดีหน่อย"
โคบีอาสา "เดี๋ยวข้าจะแต่งให้นะ"
โมฮาซูค้านว่า "ข้าทำเอง"
"ช่วยหวีผมรวบขึ้นไปอย่าให้ยุ่งนะ ผมไม่ยุ่งรุงรัง เพชฌฆาตจะได้ตัดคอให้ขาดง่ายๆหน่อย ฮะๆๆ"
จาชิลลากลาฮีให้มาดูการประหารในครั้งนี้ด้วย ทั้งที่ลาฮีไม่อยาก
"ทำไมข้าต้องไปดูด้วยล่ะ? ท่านป้าถูกประหารไม่เห็นจะมีอะไรน่าดูเลย"
"ปากก็ว่าโหด บอกว่าน่ากลัว แกล้งปิดตาไม่กล้าดู แต่สุดท้ายก็เบิ่งตาดูกันทั้งนั้น โลกนี้ดูแต่ของสวยงามไม่ได้หรอก"
"ตอนนี้คนคงแน่ลานประหารแล้ว มีหลายคนเดินทางไกลหอบอาหารมานั่งกินเพื่อรอดูกันเลยนะ"
"อึย ข้าไม่ไปหรอก" ลาฮีบอก
"มันมีอะไรที่ลาฮี ยังไม่เคยเห็นมาก่อนนะ ทำไมยังขี้ขลาดอย่างนี้" จาชิลดุ
"แม่เลิกพูดเรื่องท่านลุงสักทีเถอะ ข้าอยากลืมมันแล้ว"
"เจ้าจะกลัวกลิ่นคาวเลือดไม่ได้"
"ข้าไม่ไป" ลาฮีดื้อดึง
" คนอยากเป็นกษัตริย์น่ะจะต้อง โหดเหี้ยมครึ่งหนึ่ง มีเมตตาอีกครึ่งหนึ่ง ด้านหนึ่ง เหี้ยม ด้านหนึ่งรัก กษัตริย์ที่ประชาชนไม่กลัว ก็จะรักษาอำนาจไม่ได้ ยิ่งเจ้าเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว เจ้าจะแสดงความอ่อนแอไม่ได้ เจ้าควรดีใจ ที่ไม่มีพี่น้อง"
"ถ้าจามองลูกเสด็จแม่ ยังมีชีวิตอยู่ล่ะ?" ลาฮีโพล่งออกมา
จาชิลอึ้งไปนิด "ใครพูดเรื่องเหลวไหลกับเจ้า เขาตายไปนานแล้ว"
มาโจเสียงดังขึ้น "หยุดก่อน ทำไมถึงมีโลงสองใบล่ะ?"
" โลงหนึ่ง เตรียมไว้ให้พี่สะใภ้ของข้า ข้าแบกโลงของพี่ชายมาด้วย เพื่อให้ท่านได้มาเห็นกับตาว่า พวกท่านประหารพี่สะใภ้ยังไง" วังโฮตอบ
"อืม แล้วของพวกนั้นคืออะไร?"
โท ชัลว่า "โลงศพพวกข้า ไม่มีแม่ทัพกับนายหญิง จะมีหน้าอยู่ต่อไปได้ยังไง พวกข้าจะมากัดลิ้นฆ่าตัวตายที่ลานประหาร ขี้ข้าน่าละอาย มีแต่ความตายเท่านั้นที่ชดใช้ความผิดได้"
"ย่าห์ๆ ฝ่าบาท"
"พี่เขย ฝ่าบาท" วังโฮทัก
ชอยรีมองวังโฮ "โตขนาดนี้แล้วเหรอ?"
"วังโฮ"
"นายหญิงแห่งยองโฮมาแล้ว"
"นายหญิงๆๆๆๆ
จาชิลโมโห "หึ คิดจะแกล้งทำเป็นพระมเหสี ที่ใจดีต่อหน้าประชาชนล่ะสินะ"
ยังเฮว่า "ทางที่เหลือนี่ข้าจะเดินต่อไปเอง"
โมฮาซูถาม "ท่านมีอะไรจะฝากอีกมั้ยคะ?"
" ช่วยตกแต่งคอข้าให้สวยหน่อย อย่าให้ท่านแม่ทัพเห็นแล้วตกใจ แล้วไม่ต้องฝัง พวกสาวใช้ไม่มีความผิดไปพร้อมกับข้า ไม่ห่วงเรื่องไปรับใช้ข้า ข้ากลัวว่ามีผีสาวไปเยอะแล้วท่านแม่ทัพ จะจำไม่ได้ว่าคนไหนคือเมียของท่าน หึๆๆ" ยังเฮว่า
"ห่วงใยชีวิตผู้น้อยอย่างนี้ พวกนางคงไม่ลืมพระคุณของท่าน"
"เห็นแก่ที่เจ้าเดินมาส่ง ก่อนไปข้าอยากเตือนอะไรเจ้าไว้หน่อย?"
"ค่ะ"
"อย่าเชื่อใจนางเด็ดขาด อย่าประมาทในตัวนางแม้แต่นิดเดียว ขาก ถุย"
"พี่สะใภ้" วังโฮเรียก
"นายหญิงๆๆ"
ยังเฮเสียงดัง "เงียบกันได้แล้ว นี่เป็นวันดีที่จะไปพบท่านแม่ทัพ ยังจะร้องไห้กันทำไม"
ลู จีประกาศ "คิดปองร้ายต่อพระมเหสีรอง โทษกบฏ บุกรุกมาวางเพลิง ทำให้ประชาชนบริสุทธิ์ตายไป 30 คน โทษฐานฆ่าคน ปลุกปั่นและหลอกลวงประชาชน โทษฐานกบฎ แม้ว่า โทษ 2 ข้อหลัง จะทำโดยไม่เจตนา แต่ก็อาจจะลดโทษให้ได้ โทชัล บูทัล ต้องโทษประหาร ด้วยการตัดเอว นายหญิงโมยังเฮ ตัดหัวประจาน เพชฌฆาต เริ่มการประหารได้"
"เจ้าน่ะ เลิกรำแล้วลงมือเถอะน่า"
ยังเฮเรียก "วังโฮ วังโฮ"
"ครับพี่สะใภ้"
"เจ้าเด็กบ้า เลิกร้องห่มร้องไห้สักที จงเบิ่งตาดูให้ดี แค้นครั้งนี้ เจ้าจะต้องแก้แค้นให้ได้นะ"
ชอยรีถามวังโฮ "เจ้าจะทนดูพี่สะใภ้ ถูกประหารไปอย่างนี้หรือ?"
"ถึงต้องตาย ข้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้" วังโฮว่า
"นางน่ะเป็นเหมือนแม่อีกคนของเจ้า นางเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่แบเบาะ"
"ข้าถึงยิ่งทำไม่ได้ พี่สะใภ้เป็นเหมือน กับท่านแม่ของข้า"
ชอยรีเตือนสติ "แต่ว่านี่เป็น ทางเดียวที่จะช่วยชีวิตนางได้นะ"
"พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้" วังโฮเสียงดังลั่น
โฮแคถาม "เหตุใดนายน้อยวังโฮ ถึงมายั้บยั้งการประหาร"
"ถ้าไม่ได้รับอนุญาติจากข้า ใครก็ฆ่าพี่สะใภ้ข้าไม่ได้"
ลูจีเถียง "ไม่มีใครสามารถฝ่าฝืนกฎหมายได้"
"ถ้าหากภรรยาทำผิด สามีสามารถยื่นร้องทุกข์แทนได้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป นางเป็นภรรยาข้า" วังโฮประกาศลั่น
จาชิลอึ้ง "วังโฮ"
โฮแคแปลกใจ "จะแต่งพี่สะใภ้เหรอ?"
ยังเฮอึ้ง "ไอ้เด็กบ้า"
" ข้าวังโฮ จากจวนยองโฮ ร้องทุกข์แทนโมยังเฮภรรยาข้า ข้ายินดีชดเชย ค่าเสียหายให้กับชาวบ้านตามกฎหมาย ถ้าข้า ไม่อนุญาตก็ห้ามประหารโมยังเฮ"
ยังเฮดุ "เจ้าทำอะไรหา? เป็นบ้าไปแล้วรึไง?"
"ต่อไปข้าจะเชื่อฟังท่าน กตัญญูกับท่าน ได้โปรดแต่งงานกับข้าด้วย"
000000000000000
จาชิลอดบ่นไม่ได้เมื่อกลับมาที่พัก
"มันดีเกินไปสำหรับนาง ทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด ไม่คู่ควรกับวังโฮ"
ชีโซยื่นเครื่องดื่มให้ "ดื่มชาโอมีจาเย็นๆ ดื่มดับอารมณ์ก่อนเพคะ"
"เฮ้อ โมยังเฮล่ะ?"
"นายน้อยวังโฮ พากลับยูกูฮอนแล้วเพคะ"
"ไปบอกกับแม่ทัพลูจี อย่าให้นางข้ามแม่น้ำยอลซูไปได้ คอยจับตานางเอาไว้ทุกฝีก้าว อย่าปล่อยให้ก้าวออกจากเมืองเด็ดขาด"
"เพคะพระมเหสี"
"ทำไงดี คราวนั้นก็ปล่อยนังเด็กนั่นรอดไป ข้าต้องเตรียมงานแต่งให้วังโฮ"
"เฮ้อ ทรงคิดอย่างนี้ก็ดี ยังไงงานแต่งงานนี้ก็ควรให้พระองค์เป็นคนจัดการ"
"คณะเฮเฮฮาฮาใช่มั้ย ข้าจะให้คณะกายกรรม ที่จามองอยู่มาแสดงด้วย"
"พระ ... พระมเหสี"
" ในงานแต่งของวังโฮ ไปเรียกพวกเขามา แล้วหาให้เจอว่าคนไหน ที่เป็นจามอง ถึงจะผ่านไปนานแล้ว แต่ต้องจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่โมฮาซูจะหาเขาเจอ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องทำเอง ให้ใครสักคนไปทำแทนเจ้าเถอะ"
"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ"
"ไม่ผิดแน่ จำได้ว่าในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่ง ที่หน้าเหมือนโมฮาซู"
ขณะที่โมฮาซูชื่นชมวังโอให้โคบีฟัง
"น้องชายแต่งกับพี่สะใภ้ ถึงเขาอายุยังน้อย แต่จิตใจที่คิดจะช่วยพี่สะใภ้นี่เข้มแข็งมาก ไปถามว่างานแต่งใช้อะไรบ้าง"
"ไม่ทรงเกลียดนายหญิงโมเหรอเพคะ"
"นางเป็นคนเข็มแข็งเด็ดเดี่ยว ทั้งฉลาดแล้วก็ยังใจกว้าง พวกเราติดค้างท่านไว้มากจริงๆ ต้องตอบแทนนางบ้าง"
"แต่หม่อมฉันกลัวว่า ถ้าทำแบบนี้ไป พระมเหสีรองจะไม่พอใจ"
โมฮาซูนึกถึงคำเตือนของยังเฮ เรื่องจาชิล จนโคบีสังเกตเห็นและถาม
"ทรงกังวลอะไรอยู่หรือเพคะ?"
"เรื่องตามหาจามองต้องระวังให้มากขึ้น อย่ากระโตกกระตาก อย่าให้ใครรู้ ห้ามให้คนตำหนักพันซูรู้"
ที่คณะละครเฮเฮฮาฮา มีชูดีใจมากที่จะได้งาน
"แหะๆ นังนังก็ใช้เงินพวงเหมือนกันเหรอเนี่ย?"
"ใช่ ที่เหลือจ่ายเป็นทองได้"
"แหม ไม่ต้องหรอกๆ โถ ช่วงนี้บ้านเมืองวุ่นวาย ราคาทองคำลดลงไปตั้งเยอะแน่ะ แถมเราไม่คิดจะอวดใคร ถ้าเอามาใช้ เงินเหรียญจะดีกว่า"
"ข้าล่ะยอมรับฝีปากเจ้าจริงๆ ถ้าจะนั่งเรือไปกลับสองแคว้นนี้ จะต้องมีป้ายผ่านทาง"
ชา ชาว่า "โห ป้ายผ่านทางนี่ไม่ได้ได้กันง่ายๆ ท่านเตรียมรอบคอบจริงๆ บนนี้เขียนอะไรนะ เฮเฮฮาฮา อ่านออกแค่นี้ แค่เอาให้คนที่ท่าเรือดู แค่นี้พวกเราก็ขึ้นเรือกันได้แล้วใช่มั้ย?"
"ถูกต้อง"
"แหม ท่านนี่ชาญฉลาดจริงๆ งานแต่งจะไม่มีกายกรรมได้ยังไง"
"นั่นน่ะสิ"
"พวกข้าจะตั้งใจเตรียมการแสดงชุดสุดยอดอย่างเต็มที่ รอชมได้เลย"
แล้วชาชากับมีชูก็นำของมาคืนให้กับจามอง
"อ้ะ ถึงเวลาควรคืนให้เจ้าแล้ว"
"หัวหน้าเก็บไว้เองเถอะค่ะ"
"เอ๊ะ เห็นเจ้าห่มร้องไห้บอกว่าเป็นของเจ้าไม่ใช่เหรอ?" มีชูว่า
"ข้าผิดไปแล้ว"
มีชูกล่าวอย่างบริสุทธิ์ใจ "นี่ พอเถอะน่า ถ้าคิดจะขาย ข้าก็คงขายไปนานแล้ว รู้สึกว่ามันไม่เป็นมงคล เจ้าก็เก็บไว้ดีกว่า"
" เดิม ข้าไม่อยากให้พวกเจ้ารู้เรื่องพวกนี้ แต่ในเมื่อเจ้ารู้กันแล้ว ก็ถือเป็นลิขิตฟ้า ถ้าเจ้าอยากเจอพ่อแม่ ก็ต้องมีของสิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยัน อ้ะ" ชาชาว่า
"ข้าไม่คิดตามหา เขาแล้ว"
"ถ้าเจ้าไม่หาแล้ว ก็ทิ้งมันไป หรือเอาไป ขายมาซื้อลูกอมกิน เจ้าจัดการเองเถอะ"
อิลพูมบอกทั้งสองว่า "ถ้าจะไปแสดงที่นังนัง ขอเวลาเรา 2 วันนะ"
"ป้ายผ่านทาง เขาให้เรามาเพื่อใช้แค่ ในการแสดงครั้งนี้ อาจจะอยู่นานมากไม่ได้ แต่ว่า ลองไปตามหาพ่อแม่ดูก็ได้"
เมื่ออยู่กันตามลำพัง อัลพูมก็ถามจามองว่า
"เจ้าไม่เสียดายแน่นะ"
"ไม่หรอก"
"บุ๊กกู"
" นี่ไม่ใช่เสื้อของพี่ มันเสื้อของข้า พ่อกับแม่คงจะ เกลียดข้ามากกว่าพี่ พวกเขาไม่เห็นปักมันบนอกพี่เลย เฮ้อ มันลอยไปลอยมาในทะเลอย่างนี้ จะถูกพัดไปอีกทะเลหนึ่งมั้ย?"
"นั่นสิ อย่าตามหาพ่อแม่เลยเนอะ ไม่ต้องถามทำไมต้องทิ้งเรา พวกเรา นับถือหัวหน้ากับท่านน้า เป็นเหมือนพ่อแม่เราก็ได้"
" กับหัวหน้าน่ะ บางครั้งก็ยังเหมือนพ่ออยู่บ้าง แต่ข้าไม่ชอบท่านน้าเลยนี่ ไม่เป็นไร ข้ายังมีพี่ชายไม่ใช่เหรอ พี่ชายที่ดีกว่าพ่อกับแม่ รวมกันซะอีกน่ะ"
เสียงโฮคกดังมา "ขอแค่มีบุพเพ คนที่ควรเจอกัน ย่อมได้เจอกันแน่"
"โอ๊ะ มาอีกแล้ว นี่ท่านอยู่แถวนี้รึไงนะ?"
"ข้ากลัวสาวน้อยจะคิดถึงข้า เลยมาหาไง"
"ข้าเนี่ยนะ?" จามองชี้มาที่ตัวเอง
"เราดวงสมพงษ์กัน แหะๆๆๆ เจ้าไม่เสียดายมันเหรอ?"
"ตอนนี้ไม่หรอกค่ะ"
"ก็จริง มีบุพเพฯพันลี้ได้พบ ไร้วาสนา อยู่ตรงหน้าก็ยังไม่เห็น ถึงจะเผาหรือจะทิ้ง คงตัดบุพเพฯนี้ไม่ได้"
อิลพูมถามว่า "นายท่าน นี่ท่าน หมายความว่าอะไรเหรอ?"
"หึๆ ข้ามเขาสูงทะเลกว้าง คนที่ชะตากำหนดให้มาเจอก็ย่อมได้เจอกันจนได้ ไม่อย่างนั้น ต่อให้เจอหน้าอย่างนี้ก็ไม่รู้จักกัน"
"ว้าว ท่านนี่ฉลาดจังเลย สอนข้าเขียนหนังสือบ้างได้มั้ยคะ?" จามองตื่นเต้น
"หึ เรียนไปไม่เป็นมีประโยชน์อะไร มีแต่ทำให้เราต้องปวดหัวเปล่าๆ ข้าสอนเจ้าใช้กระบี่ดีกว่า"
จามองตาโต "ห๊า?"
"วิชากระบี่ ยิงธนู การใช้หอก วิชาการรบ วิธี กำจัดศัตรู ข้าจะสอนเจ้าทุกอย่าง"
อิลพูมประหลาดใจ "นายท่าน พูดอะไรของท่านเนี่ย?"
"เจ้าไม่เชื่อที่ข้าพูดเหรอ ข้าเหมือนคนบ้ารึ?"
"ก็เหมือนนิดหน่อย คือข้าน่ะ ถึงจะมีคนที่เกลียดบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีใครที่ข้าอยากฆ่า ถึงวันหน้าก็ไม่มีหรอก"
"อาจารย์พิการไม่มีผลต่อลูกศิษย์หรอก คนที่เจ้าอยากจะฆ่า ชะตาจะพาเขามาหาเอง มันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าคาดคำนวณได้หรอก แหะๆๆ"
ทางด้านองค์ชายโฮดง ก็ได้รับการเตือนจากองค์หญิงยอรังว่า
"เจ้าก็ควรคืนดี กับพี่สะใภ้ซะ แค่นึกว่านางจะต้องอยู่ตำหนักโอซอนคนเดียวจนแก่ ข้าสงสารน่ะ"
"ทั้งหมดนี้เป็น ผลที่นางก่อขึ้นเองนี่"
" ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น แต่ตอนนี้เจ้าควรปรองดองกับนาง เพื่อกดซูจียอนไว้ต่างหาก พี่สะใภ้เจ้าเป็นศัตรูที่น่าขนลุก แต่ถ้าร่วมรบจะเป็น โล่กำบังที่ดีที่สุด เลยเชียวล่ะ เจ้ากับ พี่สะใภ้ เป็นคนที่โดดเดี่ยว สมเป็นแม่ลูกออก"
"ถึงตาย ข้าก็ทำไม่ได้หรอกเสด็จอา"
และก็ถึงเวลาที่องค์ชายโฮดงมาทูลพระเจ้ามูยุล
"หม่อมฉันโฮดง น้อมรับราชโองการ เป็นราชทูตไปเยือนนังนังพะยะค่ะ"
อ๊กกูทูลต่อ "ซงอ๊กกูจากเผ่าพีรู ยินดีร่วมเดินทางไปช่วยเหลือองค์ชายพะยะค่ะ"
บัลโซกล่าวต่อ "ราชทูตชูบัลโซ น้อมรับราชโองการ"
"ท่านราชทูตอย่าลืมว่าการตามเสด็จองค์ชายไปยุลกูนี้ เพื่อคารวะศพวังเก็งและร่วมงาน แต่งงานวังโฮน้องชายเขาด้วย" อึลดูจีว่า
"ขอรับ ท่านเสนาฯ"
พระเจ้ามูยุลตรัสเรียก "ท่านพ่อตา"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
" การสู่ขอลูกสาวชอยรีจะสำเร็จได้หรือไม่ คงขึ้นอยู่กับท่านเพียงคนเดียว ต้องทำให้โฮดงแต่งกับลาฮี เพื่อให้โกคูรยอ ไม่ต้องถูกใครมาด่าว่าว่าเป็นหัวขโมยข้าวจากนาของใครอีกต่อไป"
"รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"
พระเจ้ามูยุลตรัสอีกว่า "ถ้าการอภิเษกไม่สำเร็จ ข้าบอกไว้แล้วว่าจะให้ท่านเป็นคนรับผิดชอบ"
อ๊ก กูทูลว่า "เกรงว่าคงต้องให้องค์ชายเป็นผู้รับผิดชอบเสียมากกว่า กระหม่อมได้ยินว่า คราวก่อนไปเป็นทูต องค์ชายได้เคยไปทำร้ายลูกสาวของชอยรีไว้ไม่เบา การอภิเษกครั้งนี้ จะเจรจาได้ง่ายๆ ได้ยังไง"
"ถ้าเจรจากันง่าย ข้าจะส่งท่านไปทำไม?"
องค์ชายโฮดงทูลว่า "เสด็จพ่อไม่ต้องห่วง หม่อมฉัน จะช่วยแบ่งเบาภาระของเสด็จพ่อและโกคูรยอเอง"
ทางนังนัง ชอยรีก็เรียกโมฮาซูกับจาชิลมาพบ รวมทั้งลาฮีด้วย
"อยู่กันครบแล้วรึ นั่งสิ"
"เรียกหม่อมฉันมา มีธุระอะไรหรือเพคะ?" จาชิลถาม
"เมื่อวานทางโกคูรยอ แจ้งว่าจะส่งราชทูตมา ขอให้เราอำนวยความสะดวก เรื่องผ่านด่าน"
"โกคูรยอเหรอ? เขาก็เพิ่งจะส่งทูตมานี่เพคะ" โมฮาซูแปลกใจ
"ที่มาก็มีซงอ๊กกูเผ่าพีรู องค์ชายโฮดง แล้วก็ราชทูตฝ่ายใต้ชูบัลโซด้วย" ชอยรีเล่า
"ซงอ๊กกูหัวหน้าเผ่าพีรูมา ท่าทางน่าจะมีเรื่องใหญ่นะ ในสาสน์คง แจ้งจุดประสงค์การมาด้วย"
"สู่ขอ เขาต้องการมา สู่ขอลาฮีให้กับโฮดง"
จา ชิลค้านทันที "ไม่ได้เด็ดขาด ลาฮีเป็นรัชทายาท ที่จะสืบบัลลังค์ของนังนังเพคะ จะให้เป็นเครื่องมือทางการเมืองไม่ได้ ไม่งั้นใคร จะมาสืบบัลลังค์ของพระองค์ล่ะ"
"จาชิล"
"หม่อมฉันก็ไม่เห็นด้วย ก่อนหน้านี้ หม่อมฉันได้สังเกตองค์ชายโฮดงแล้ว รู้สึกว่าเขาไม่มีทางให้ความสุขลาฮีได้" โมฮาซูกล่าว
"โกคูรยอกับนังนัง ต้องผูกไมตรีไปสักระยะ สิบกว่าปีที่โค่นล้มยูฮอน เราเสียทหารไปมากกว่า 2 หมื่น"
" หม่อมฉันทราบ ว่าชะตาองค์หญิงเป็นอย่างนี้ เพื่อจะปกป้องบ้านเมือง ต้องยอมเสียสละตัวเองและทุกอย่างให้ แต่ลาฮี เป็นเด็กที่ละเอียดอ่อนมาก เขาควรเจอกับผู้ชายที่อบอุ่น ที่สามารถคุ้มครองเขา ไปได้ตลอดชีวิต มันต้องมีวิธีอื่นสิ อย่าปล่อยให้ ลาฮีต้องเสียสละอย่างนี้เลย"
ชอยรีถามลาฮี "เจ้าก็ เกลียดโฮดงใช่มั้ย?"
ลาฮีนึกถึงองค์ชายโฮดงที่เคยว่าตัวเธอเองก็นิ่งไป
"ทำไมถึงไม่ตอบล่ะ เจ้าอายเหรอ? หรือว่าลาฮี จะชอบองค์ชายโฮดงหา?"
ลาฮีรีบปฏิเสธทันที "ไม่เพคะ ถึงตายก็ไม่ขอแต่งกับคนเลวนั่น ถ้าพ่อบังคับให้ลูกแต่งงาน ลูกจะโดดน้ำฆ่าตัวตายไปเลย"
โมฮาซูตกใจ "ลาฮีๆ"
จาชิลถอนใจ "เฮ้อ เป็นองค์หญิงดูพูดจาเข้า เฮ้อ จุ๊ๆๆ"
โกคูรยอ เวลาสามทุ่ม ฮาเดิ้กทูฃพระเจ้ามูยุล
"กราบทูลฝ่าบาท ดึกมากแล้วพะยะค่ะ"
"อย่างนั้นเหรอ?"
"วันนี้เป็น วันที่ต้องเสด็จตำหนักของพระมเหสีรอง"
"งั้นก็ไปเถอะ"
เวลานั้นซูจียอนก็ถามจากหมอเรื่องรอบเดือนของซงแมซอซู
"รอบเดือนพระมเหสีเอก หยุดแล้วจริง ๆ พะยะค่ะ" หมอตอบ
"จะเป็นไปได้ยังไง พระมเหสีเอกยังชันษาไม่มาก"
"ถ้าหากเป็นโรคซึมเศร้า ต่อให้ร่างกายแข็งแรง ก็อาจจะหยุดก่อนเวลาได้พะยะค่ะ"
พระเจ้ามูยุลนึกถึงซอแมซอซูจึงเสด็จไปหา
"เหล้านี่มันแรงเกินไป"
"เสด็จมา ตามสัญญาหรือเพคะ?" ซงแมซอซูทูลถาม
" แม่ของโฮดงเป็นผู้หญิง ที่ธรรมดามากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ได้สวยสง่าเหมือนกับเจ้า แล้วก็ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างเจ้า นางไม่เคย จะเอ่ยคำว่า พูยอต่อหน้าของข้าให้ได้ยินสักครั้งเดียว ข้าถึงหลับได้อย่างสบายใจอยู่ข้างกายนาง ข้าถึงไม่ต้องคอยตื่นก่อนเสียงไก่ขันเลย เจ้า จะทำให้ข้าได้หลับสบายอยู่ข้างกายเจ้าได้รึเปล่าหา? เจ้าจะยอมละทิ้งเผ่าพีรูไป เหมือนที่เขาทอดทิ้งเจ้าได้มั้ย?"
"เพคะ ฝ่าบาท"
"เจ้ายินดีจะเป็น แม่แท้ๆ ของโฮดงได้รึเปล่า?"
"เพคะฝ่าบาท"
"ดื่มสิ"
และรุ่งเช้าเมื่อพระเจ้ามูยุลเสด็จไปแล้ว ซงแมซอซูก็ร้องไห้ออกมา
ยังเดิ้กทูลถาม "จะทรง กันแสงทำไมล่ะเพคะ? วันนี้ทรงเอาชนะพระทัยฝ่าบาทได้ ควรดีพระทัยต่างหาก"
" ตอนนี้ข้าต้อง ใจแข็งเอาไว้ ถึงใจข้ายังมีความรู้สึกของผู้หญิง ข้าอาจจะซาบซึ้งไปกับฝ่าบาท แต่ข้าต้องทนไว้ เมื่อไหร่ข้าใจอ่อน ยังเดิ้ก เจ้าต้องคอยเตือนข้ารู้มั้ยหา?"
"ทำไม จะอยู่อย่างทรมานเพื่ออะไรเพคะ"
"เพราะข้าไม่ยอมให้ลูกชาย ต้องถูกโฮดงทำร้าย ไม่ถูกฝ่าบาททำร้าย ข้าต้องปกป้องลูกข้า เพราะข้าต้องการ ให้ลูกข้าเป็นกษัตริย์โกคูรยอ"
"ทำไม ต้องทำอย่างนั้นด้วยเพคะ"
"ข้าไม่ต้องการเป็นผู้หญิงของมูยุลแล้ว ข้าต้องการเป็นแม่ เป็นมารดาโกคูรยอ"
"พระมเหสี"
" นี่แหละ คือเหตุผลที่ข้ามีชีวิตอยู่ สายไปแล้ว มันสายไปแล้ว ข้าไม่ต้องการความรักอีกต่อไป มีแต่ความแค้น ที่จะทำให้ข้าอยู่ต่อไปได้ ข้าจะอยู่ เพื่อรอวันใช้มันผูกโลงศพโฮดง"
0000000000000
ที่คณะเฮเฮฮาฮา เด็กหลายคนอาเจียน
ชาชาเสียงดุ "พวกเจ้าจะโอกๆ อากๆ กันถึงเมื่อไหร่?"
"เฮ้อ ข้าอุตส่าห์ป้องกันพวกเจ้าเมา ยอมซื้อขิงแพงๆ มาให้พวกเจ้าอุดจมูกแล้ว อ๊อก" มีชูบ่นบ้าง
เมื่อคณะเฮเฮฮาฮามาถึงท่าเรือ จาชิลก็ได้รับรายงานจากชีโซ
"มาถึงท่าเรือกันแล้วเหรอ?"
"เพคะพระมเหสี นี่มัน อะไรเพคะ"
"นี่เป็นพิษของงู อย่าให้เหลือหลักฐานบนศพเด็ดขาด"
"ปกติเวลาโดนงูพิษกัด ตัวจะบวม แล้วก็จะค่อยค่อยคล้ำขึ้นเรื่อยๆ วางยาพิษยังไงไม่ให้เหลือหลักฐานเพคะ"
"ก็ใช้เข็มจิ้มพิษแทงเข้าไปที่คอ คิดวิธีเองไม่เป็นรึไง" จาชิลดุ
ชีโซเข้าใจ "อ๋อ"
" คิดดูว่าจะทำไงถึงจะหาจามองเจอ ถ้าครั้งนี้เจ้าทำไม่สำเร็จ ข้าจะเอาชีวิตเจ้ากับคน ที่เจ้าส่งไปทำงานแทนนั่น ข้าไม่เคยล้อเล่นจำเอาไว้"
"หม่อมฉันรับรอง ว่าจะไม่ให้พลาดอีกเพคะ"
เด็กๆ ที่คณะเฮเฮฮาฮาต่างพากันตื่นเต้นไปกับความสวยงามของรอบๆ เมือง จามองเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
"ว้าว สวยจังเลยๆ"
มีชูว่า "นี่ๆ บ้านหลังนี้น่ะ ได้ยินว่าเป็นตระกูลมั่งคั่งที่มีอำนาจรองจากกษัตริย์นังนังเท่านั้นนะ ตกแต่งจัดงานซะสวยเชียวเนอะ"
จามองว่า "คงจะมีของอร่อยเยอะแน่ๆ งานแต่งนี่นา"
ชา ชาดุ "เรื่องกินวันหลังค่อยไปกินให้เต็มที่เถอะ แต่เรื่องที่เรา ควรห่วงตอนนี้คือการแสดงวันพรุ่งนี้จะพลาดรึเปล่า โดยเฉพาะบุ๊กกู จริงมั้ย?"
เด็กๆ หลายคนหัวเราะ จามองรีบแก้
"ก็ข้าเมาเรือจนอ้วกไปหมด ตอนนี้ก็เลยหิวน่ะสิ"
"ท่านพา เด็กๆ ไปอาบน้ำก่อน"
"คือว่า ทำไมต้องอาบน้ำด้วยล่ะค่ะ" มีชูแปลกใจ
"อยากให้พระมเหสีกับองค์หญิงต้องทน ดมกลิ่นเหม็นของพวกเจ้าเหรอ?"
"พระมเหสีก็จะมาเหรอ?" มีชูตื่นเต้น
" เจ้าอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม รีบไปอาบน้ำเถอะ อย่าปล่อยให้เห็บเหาในตัวพวกเจ้า กระโดดไป ติดทั่ววังล่ะ" คนที่มารับเตือน เด็กหลายคนหัวเราะคิกคัก
ขณะที่ชีโซก็ได้แต่บ่นกับตัวเองว่า "รู้แล้วน่าๆ ข้าแค่เอาสบู่กับสมุนไพรไล่เหามา โอ้ยๆ เฮ้อ ทำยังไงดีนะ จะเรียกมาดูหน้าอกทีละคนก็ไม่ได้"
ทางด้านชอยรีก็ต้อนรับคณะขององค์ชายโฮดง
"ขอบพระทัยสำหรับของขวัญของพระเจ้ามูยุล ข้าก็เตรียมของขวัญ ให้พระเจ้ามูยุลเช่นกัน ขอให้ท่าน นำคำขอบคุณไปกราบทูลด้วย"
"เสด็จพ่อคงจะต้อง ดีพระทัยแน่พะยะค่ะ"
"อ้อ วันนี้เป็นวันแต่งงาน พระอนุชามเหสีข้า ไว้ข้าจะจัดเลี้ยงต้อนรับพวกท่านวันหลัง"
"กระหม่อมยังต้องตามเสด็จองค์ชาย ไปคารวะศพของแม่ทัพวังเก็ง และนำของขวัญแต่งงานไปมอบด้วย"
"ขอบคุณมาก คือข้า อยากคุยกับท่านหัวหน้าเผ่าส่วนตัวหน่อย"
"กับ กระหม่อมหรือพะยะค่ะ" อ๊กกูทูล
เวลาเดียวกันนี้ นางกำนัลก็พยายามเตือนลาฮีให้ทานอะไรบ้าง จนโมฮาซูมาเห็นเข้า
โมฮาซูถาม "เป็นอย่างนี้เมื่อไหร่"
"ตั้งแต่ 4 วันก่อนเพคะ"
"ทำไมเจ้าถึงไม่กินข้าว หือ?"
"ก็ท้องมัน ไม่ค่อยจะสบาย ไหนจะท้องเสีย แถมยังปวดท้องด้วย" ลาฮีแก้ตัว
"ไปเรียกหมอหลวงมา"
โคบีรับคำ "เพคะ"
จาชิลเสียงดังขึ้น "เขาไม่กินก็ไม่ต้องยุ่ง"
"แต่นี่มัน 4 วันแล้วนะ"
"เมื่อก่อนกินดีเกินไป ไม่กินไม่กี่วันไม่เป็นอะไรหรอกน่า"
"นี่อะไร ที่ติดอยู่บนหน้าน่ะ" โมฮาซูถาม
"เมื่อกี้ข้าเพิ่งกินสาหร่าย ไปติดได้ไงเนี่ย" ลาฮีตอบ
"นี่เจ้า หรือว่าเจ้า เตรียมรอเจอองค์ชายโฮดง?" โมฮาซูตกใจ
ลาฮีรีบปฏิเสธ "ไม่ใช่ ไม่ใช่สักหน่อย"
"คิดว่าแค่อดข้าวจะผอมได้เหรอ เสียสุขภาพเปล่าๆ" โมฮาซูเตือน
"อดข้าวมันทำให้ผอมได้ก็จริง แต่เจ้ากับโฮดงคู่กันไม่ได้ เด็ดขาด" จาชิลว่า
"บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำเพื่อโฮดง" ลาฮีเถียง
"ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ก็เลิกเสียเวลาสักที รีบเตรียมตัวไปงานแต่ง"
"ข้าไม่สน"
โมฮาซูกล่าวกับจาชิลว่า "น้องจาชิล ทำไมต้องทำให้ลาฮีอายด้วยล่ะ?"
"เพราะสามีของลาฮีต้องเป็นคนอื่น ไม่จำเป็นจะต้องให้เขาเพ้อฝันอีก"
"สามีของลาฮี ต้องเป็นคนอื่นเหรอ?"
"ลาฮี จะต้องแต่งงานกับวังโฮน้องของข้า"
"น้องจาชิล พูดอะไรน่ะ?"
" เขาปกครอง 7 อำเภอทางใต้ จะเป็นนายใหญ่ของจวนยองโฮต่อไป และต้องเป็นแม่ทัพใหญ่ของนังนัง หรือท่านคิดว่า วังโฮไม่คู่ควรกับลาฮีรึไง?"
"ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เขากำลังจะแต่งงานกับนายหญิงโมนะ"
" การแต่งงานนี้ ก็เป็นแค่ข้ออ้างเพื่อช่วยชีวิตโมยังเฮ จำเอาไว้ด้วยว่า วังโฮจะต้อง แต่งงานกับลาฮีและลาฮี จะต้องเป็นกษัตริย์หญิง" จาชิลยังต้องการเช่นนั้น
ชอยรีบหาโอกาสคุยกับอ๊กกูว่า
"ไม่ใช่ลงเรือลำเดียวกันตลอด ตราบใดที่ผลประโยชน์ ของท่านและนังนังไม่ได้ขัดแย้งกัน ขอให้ท่านช่วยถ่วงมูยุลไว้ก่อน"
"อืม แล้วท่านต้องการให้ เผ่าพีรูช่วยอะไรบ้างล่ะ?"
"ในเวลา 7 ปีนี้ อย่าให้กำลังทหารสนับสนุนพระเจ้ามูยุล"
"แล้วพระองค์ จะทำอะไรเพื่อเผ่าพีรูบ้างล่ะ?"
"ตราบที่มเหสีเอกบุตรสาวท่าน หรือมเหสีรองหลานสาวท่าน ยังไม่ได้ให้กำเนิดทายาทสืบสายเลือดพีรู ข้าจะช่วยท่านขัดขาโฮดงเอง"
อ๊ก กูหัวเราะชอบใจ "ฮ่าๆๆ ดีมาก ลูกเขยข้า ควรระวังท่านให้มากขึ้นแล้ว ฮะๆๆ ถ้าเมื่อไหร่ที่ข้ารู้สึกว่าท่านคิดร้ายโกคูรยอ ข้าก็จะ ล้มเลิกสัญญาแล้วถือดาบนำทัพมาบุกนังนังด้วยตัวเอง"
"เช่นเดียวกัน ถ้าข้ารู้สึกว่าท่านคิดร้ายกับนังนัง ข้าก็จะยื่นมือช่วยเหลือองค์ชายโฮดง"
องค์ชายโฮดงมีโอกาสได้พบกับลาฮีก็ทักทายทายด้วยดี
"องค์หญิง สบายดีรึเปล่าองค์หญิง องค์หญิงๆ"
"อย่าตามข้ามา อย่ามาเรียกข้าด้วย" ลาฮีเดินหนี
"หยุดก่อนสิ ข้าอยากจะขอโทษน่ะ"
"ไม่จำเป็น ไปให้พ้นเลย" ลาฮีล้มลง "โอ๊ยๆ โอ้ยเจ็บชะมัด เป็นเพราะเจ้านั่นแหละ"
"เจ็บมากมั้ย ให้ข้าดูสิ"
"ไปนะ โอ้ย"
"นี่ เป็นอะไรมั้ย?"
"ไม่ต้องยุ่ง ข้าแค่ไม่มีแรงน่ะ"
"องค์หญิงลาฮี หิวข้าวแล้วเหรอ?"
"ใช่แล้ว เป็นองค์หญิงหิวไม่เป็นรึไงหา?"
"ฮ่าๆๆ เจ้านี่ตลกดีจัง"
"ปล่อยข้านะ"
"เดี๋ยวก็เป็นลมหรอก หิวไม่ใช่เหรอ เจอนางกำนัลเมื่อไหร่ ข้าจะปล่อยเจ้าลงทันที อยู่เฉยๆน่า"
"ข้าหนักนะ"
"เบากว่าที่คิดหน่อย"
"นี่ วางข้าลงเดี๋ยวนี้"
"อย่าโวยวายได้รึเปล่า ตอนแรกว่าจะแบกอีกหน่อย เดี๋ยวนางกำนัลก็มาเพราะเสียงเจ้าหรอก"
"พูดจาเพ้อเจ้อ" ลาฮีเสียงดุ
"อย่าอดข้าวเลย" องค์ชายโฮดงเตือน
"เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ข้าจะหิวหรืออิ่มยุ่งอะไรด้วย"
"เพราะเจ้าจะมาเป็นมเหสีของข้า ถ้าหากเจ้าไม่สบาย ข้าคงจะเสียใจแย่แน่"
"ใครบอก ว่าจะแต่งงานกับเจ้าหา"
"เจ้า คงจะไม่รู้ว่า ตั้งแต่วันที่เจ้าเกิดก็ถูก กำนหนดเป็นของข้าแล้ว"
"ไม่ต้องพูดเลย"
000000000000000
จาชิลกล่าวกับยังเฮเรื่องของวังโฮว่า
"อย่าคิดเพ้อเจ้อ ว่าจะแย่งวังโฮไปได้เลยนะ"
"ทำไม ข้าจะมีวาสนาตอนแก่ได้สามีใหม่เป็นเด็กหนุ่ม ข้าแย่งวังโฮมาได้ แล้วเจ้าจะทำไมหา?" ยังเฮเย้ย
"ตื่นสักทีเถอะน้องสะใภ้"
"อะไรนะ น้องสะใภ้?"
จาชิลว่า "ภรรยาของน้องชายก็ต้องเรียกน้องสะใภ้สิคะ?"
ยังเฮโกรธ "นี่จาชิล"
" ผู้แพ้ก็ควรรับความพ่ายแพ้ พี่ชายของข้า แพ้ให้กับสามีของข้า ส่วนเจ้าก็แพ้ข้าทุกอย่างมันจบแล้ว หรือเจ้าคิดจะ ทำลายยองโฮที่พี่ชายทุ่มเทใจสร้างมา"
"จะให้ข้าใช้จบชีวิตตัวเองรึ"
"ไม่จำเป็นต้องตอนนี้หรอก วังโฮ จะเป็นสามีในอนาคตของลาฮี เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าต้องจัดการจบชีวิตตัวเอง"
"ข้าขอรับรองว่า ข้าจะทำให้ วังโฮฆ่าเจ้ากับมือ ก่อนจะถึงวันนั้น ข้าจะเก็บมันไว้อย่างดี"
" อยากรู้จังว่ามันจะสำเร็จรึเปล่า เจอกันคราวหน้าเตรียมต้อนรับให้เหมาะสมด้วย ข้า เป็นพระมเหสีแห่งนังนัง แถมส่วนตัวยังเป็นพี่สามีเจ้าด้วย"
"พระมเหสี หม่อมฉันโมยังเฮ ขอถวายพระพรเพคะ"
"น้องสะใภ้ ท่าทางของเจ้าดูขมขื่นจังเลยนะ ฮ่าๆๆ" จาชิลหัวเราะร่า
"ไม่หรอกเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันได้เป็นน้องสะใภ้ของพระองค์แล้ว ควรจะรู้สึกหวานชื่นถึงจะถูก ฮ่าๆๆๆๆๆ" ยังเฮหัวเราะดังกว่า
โมฮาซูได้พบกับจามองก็จำได้ นางเรียกจามองว่า
"เด็กน้อย"
"โอ๊ะ พระมเหสีเหรอ สวัสดีเพคะ พระมเหสี"
"บุ๊กกู เจ้าชื่อบุ๊กกูใช่มั้ยจ๊ะ?"
"เพคะ"
"ข้าได้ยินว่าเชิญคณะกายกรรมมาจากทงโม ยังคิดอยู่เลยว่าใช่พวกเจ้ารึเปล่า?"
" เป็นพวกหม่อมฉันเอง คิดอยู่ว่า จะได้มาเจอกับพระมเหสีด้วยรึเปล่า เลยเอาผ้าผูกผมที่ได้มามัดไว้ หม่อมฉันกลัวสกปรก ปกติเลยไม่กล้าเอามาผูก"
"สวยจังเลย แต่ว่า ข้าช่วยผูกให้เจ้าใหม่ได้นะ"
"จริงเหรอเพคะ"
ลาฮีเข้ามา "เสด็จแม่ โอ๊ะ"
โมฮาซูถามลาฮี "ยังจำเขาได้รึเปล่าจ้ะ?"
ลาฮีพยักหน้า "อืม"
"ดีแล้ว จำได้แล้วก็ขอโทษเขาซะนะ"
"เป็นองค์หญิงจะไป" ลาฮีจะไม่ยอม
โมฮาซูเสียงเข้มนิดๆ "ลาฮีจ้ะ"
จามองรีบบอก "ไม่ต้องหรอก พระมเหสี หม่อมฉันลืมไปหมดแล้ว ไม่เป็นไรหรอก"
ลา ฮียิ่งได้ใจ "งั้นก็ดี ข้าก็กำลังอารมณ์ดีอยู่ เสด็จแม่ให้พูด ข้าพูดก็ได้ เรื่องคราวก่อน ข้าขอโทษนะ เจ้า อยากเป็นนางกำนัลข้ามั้ย?" ลาฮีถามต่อ
จามองอึ้ง "ห๊า?"
"ไม่ต้องทำอะไรเสี่ยงอันตรายด้วย แถมเจ้ายังมีของกินดีดี มีเงินให้ใช้ มีชุดสวยๆ ด้วย"
"อยู่ในวัง กินจนอิ่มได้ด้วยใช่มั้ย"
โมฮาซูยิ้ม "อืม"
"ข้าอารมณ์ดี วันหน้าถ้าข้าตาย ข้าจะยกเว้น ให้เจ้าไม่ต้องฝังไปกับข้า อยากเป็นนางกำนัลมั้ย?"
"ถ้างั้น พี่ชายข้าเป็นนางกำนัลด้วยได้มั้ย ให้เราอยู่ด้วยกันได้มั้ย?" จามองต่อรอง
"เจ้ามีพี่ชายเหรอ? อ้อ คือว่า ในวังน่ะ นอกจากฝ่าบาทแล้ว จะไม่มีผู้ชายอยู่เลย"
"ห๊า จริงเหรอเพคะ?"
"อืม ผู้ชายที่อยู่ในวังเรียกว่าขันทีน่ะ ไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ หรอก" ลาฮีว่า
"หมายความว่าไงเหรอ?"
โมฮาซูดุ "ลาฮี"
"พวกเขา ต้องตัดไอ้นั่นทิ้งไป"
"ไม่ได้ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด จะมาตัดไอ้นั่นพี่ชายข้าได้ไง ข้าเล่นกายกรรมต่อดีกว่า เลิกพูดเรื่องนี้ไปได้เลย"
ลาฮีหัวเราะสนุก "ฮิๆๆ ตลกดีนะเสด็จแม่"
"นั่นสิ น่ารักดีนะ" โมฮาซูรู้สึกถูกชะตากับจามองอย่างมาก
เวลานั้นชีโซก็คุยกับคนรับใช้ที่ต้องดูแลคณะเฮเฮฮาฮา ซึ่งคนรับใช้บอกชีโซว่า
"หาเจอแล้วเหรอ ว่าเป็นเด็กคนไหน?"
"ข้าทำสัญลักษณ์ไว้บนชุดแล้ว พอจัดการเสร็จ ก็เอาห่อผ้าเด็กนั่นมาด้วย"
"เข้าใจแล้ว พอทำเสร็จงานแล้ว จะให้ข้าเป็นทหารองครักษ์ใช่มั้ย?"
"ให้สำเร็จก่อนเถอะ ไม่อย่างนั้นเจ้ากับข้า ต้องตายทั้งคู่แน่"
ชาชาจะให้จามองแสดงเป็นจอมพลัง แต่จามองค้านว่า
"ข้าจะแสดงเป็นจอมพลังได้ยังไง?"
"ชู่ว์ๆ ตามข้ามานี่"
"ข้าไม่แสดงหรอก หัวหน้าก็ไปแสดงเองสิ" จามองว่า
" ผู้ชายแสดงเป็นจอมพลัง มันไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แค่ถ้าเอาเด็กผู้หญิงสวยๆ อย่างเจ้าไปแสดง ถึงจะดูน่าสนใจ ผู้ชมที่นี่ตาสูงจะตาย ข้าเลยคิดว่า เจ้าแหละเหมาะที่สุด"
"ข้าจะเอาแรงที่ไหนมา ดึงไอ้นี่ขาดล่ะ"
"แหม เจ้าทำได้อยู่แล้ว บุ๊กกู เจ้ายังไม่รู้อะไร เจ้าน่ะ เป็นจอมพลังที่ ฟ้าส่งมาเชียวนะ"
"จริงๆ อ่ะ"
"ถ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ลองดึงดูสิ เจ้าจะรู้สึกว่ามันเบามาก มา ถือไว้ เป็นไงบ้าง?"
"โอ๊ะ เบามากจริงๆ ด้วย"
" ก็บอกแล้วไง เจ้าน่ะเป็นหญิงจอมพลังที่แม้แต่ฌ้อป้าอ๋องยังอายเลยละ แต่ถึงเจ้าจะรู้สึกเบา แต่ต้อง ทำหน้าเหมือนเจ็บ ยืดแขนออก ยืดแขนให้ตึง ดึงออก สองข้าง ใช้กำลังทั้งหมด ดึงมันให้สุดแรงเกิด มันก็จะขาด เจ้าลองดู พั่ก"
"ข้าเคยเห็นท่านแสดงมาก่อนแล้ว มันก็พอรู้อยู่ แต่ว่ามัน ต้องฝึกสักระยะหนึ่ง ก่อนน่ะ ไว้แสดงคราวหน้าเถอะ"
" นี่ การแสดงไม่ใช่มาจากฝึกอย่างเดียว มันอยู่ที่พรสวรรค์ แล้วก็ต้องมีเคล็ดลับ เดี๋ยวข้าจะไปเอาโซ่มาเพิ่มอีกแล้วค่อยสอนเคล็ดลับให้ เจ้าฝึกไปก่อน โดยเฉพาะ ตรงกล้ามเนื้อตรงนี้ ตรงนี้ ต้องใช้มันให้มาก เข้าใจมั้ย ฝึกไปนะ"
"ฮึ่ย ฮึ่ยๆๆๆ อ๊าก" จามองฝึกต่ออีก
องค์ชายโฮดงได้เห็นจามองฝึกก็ชื่นชม แม้แทชูจะคอยเรียก
"องค์ชายพะยะค่ะ"
"ข้ารู้ กำลังดูอยู่ ว้าว เจ้าเก่งสุดยอดไปเลยนะ ข้าไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างเจ้ามาก่อน"
"ข้าน่ะเป็น จอมพลังที่สุดในโลก ยอดหญิงจอมพลังที่ กล้าเชือดเนื้อฌ้อป้าอ๋อง"
"อืม ถ้าเจ้าตั้งใจฝึกดีดี วันหน้าต้องเก่งมากแน่ นี่ เจ้าชื่ออะไรเหรอ?"
"บุ๊กกู"
"ชื่อบุ๊กกูเหรอ ข้าตามหาคนอย่างเจ้ามานานแล้ว"
"ทำไมล่ะ?"
"เจ้าเป็นผู้หญิงอาจดูไม่ค่อยเหมาะ แต่ เจ้าอยากไปโกคูรยอกับข้ามั้ย มาเป็นทหารองครักษ์ข้า"
"ปล่อยข้านะ ปล่อยสิ"
แทชูดุ "ต่อหน้าองค์ชาย ห้ามเสียมารยาทนะ"
"เป็นองค์ชายเหรอ นายน้อยคนนี้เนี่ยนะ"
องค์ชายโฮดงถึงกับขำออกมาเมื่ออยู่กับแทชูตามลำพัง
แทชูถาม "เป็นอะไรพะยะค่ะ?"
"รู้สึกขำ เรื่องตลกในนังนังนี่มีเยอะจริงๆ นะ วังโฮที่แต่งงานกับพี่สะใภ้ก็ตลกดี"
"แต่งกับพี่สะใภ้ที่โกคูรยอก็มี"
" แล้วก็มีองค์หญิงที่ไม่เหมือนองค์หญิง หิวจนท้องร้องไม่หยุดอีก แต่ที่น่าสนใจ ก็คือ ยอดหญิงที่กล้าเชือดฌ้อป้าอ๋องอย่างบุ๊กกู ข้าจะพาไปกุ๊กแนทำไมนางไม่ไปล่ะ?"
"นางบอกแล้วว่า จะไม่ยอมให้พี่ชายถูกตอนน่ะ" แทชูว่า องค์ชายโฮดงถึงกับขำไม่หยุด
จบตอนที่ 13

จามอง 14

โฮคกฝากปิ่นให้ยูรีนำมาคืนจามอง พร้อมฝากบอกว่า
"บอกว่าถ้าหายโกรธแล้ว ก็ให้เก็บมันเอาไว้ บอกเขาว่า คนเราไม่ควรทิ้งรากเหง้าตัวเองไป"
และ เหตุการณ์นี้ทำให้ยูรีถูกฆ่าตาย ขณะที่กำลังจะมอบปิ่นให้จามอง ทำให้จามองเห็นว่าใครทำร้ายยูรี และรู้สึกผิดที่ยูรีต้องมาตายแทนตัวเธอ
ด้านจาชิลก็ถามชีโซว่า
"ครั้งนี้ไม่พลาดแล้วใช่มั้ย?"
"เพคะ พระมเหสี"
จาชิลดวงตาเป็นประกาย "ในที่สุดเจ้าก็กลับมาหาข้าจนได้ ขอโทษนะ โมฮาซู"
มีชูตกใจมากที่ยูรีตาย นางร้องไห้ออกมา
ชาชามอง "เจ้ายังไม่เงียบอีก ถ้าใครรู้เข้า ว่าวันมงคลเกิดเรื่องอย่างนี้ ไม่ใช่แค่จะไม่ได้เงิน อาชีพนี้ อาจทำต่อไปไม่ได้ก็ได้"
"ฮือ เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ฮือๆ ทำไม ทำไมถึงเป็นอย่างนี้"
"เจ้าก็เคยเห็นเด็กตายมาเยอะแล้ว"
มีชูสงสารยูรี "โธ่ ยูรี"
"ต้องรีบเอาเขาไป ฝังที่ภูเขาก่อนสว่าง"
จามองเอ่ยว่า "ข้ารู้ด้วย ข้าเห็นด้วยว่า ว่าใครฆ่าพี่ยูรี"
"บุ๊กกู เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ? ห๊ะ?" มีชูดุ
"พี่ยูรี เหมือนต้องมาตายเพราะข้า คิดยังไงข้าก็รู้สึกอย่างนั้น"
ชาชาว่า "อย่าเอาความฝันมาเป็นเรื่องจริงนะ"
"พี่ยูรีก็บอกเอง เขาบอกว่าเพราะข้า พี่ชาย ฮือๆๆๆ" จามองร้องไห้กับอิลพูม
จากนั้นจามองก็ฝึกวิชากับโฮคกอย่างเอาจริงเอาจัง
"จะฝึกดาบกับข้าเหรอ?"
"ใช่ ทั้งดาบ ทั้งหอก ยิงธนู สอนข้าให้หมดเลย"
โฮคกหัวเราะร่า "ฮ่าๆๆ ข้าจะสอนวิธีคุมกองทัพให้เจ้าด้วย เจ้ามีคนที่โกรธแค้นมั้ย มีคนอยากฆ่ามั้ย?"
"ข้าไม่ได้อยากฆ่า แต่อยากเรียนเพราะกลัวถูกฆ่า"
" ฮ่าๆๆ ดีมาก งั้นก็กราบข้า 3 ครั้ง ตั้งแต่นี้ไปบุ๊กกูเป็นศิษย์ของข้า ลูกศิษย์ห้ามทรยศอาจารย์ ถ้าทรยศอาจารย์ เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยความตาย"
"ค่ะ ท่านอาจารย์ ย่าห์ๆๆ"
คศ 35 ( 5 ปีต่อมา) จามองสำเร็จวิชาจากโฮคก
"เป็นไง ใช้ได้รึยัง?" จามองหยุดการต่อสู้แล้วถามโฮคก
"ยังไปนังนังไม่ได้" โฮคกว่า
"ก็ไหนบอกว่าผ่านการทดสอบแล้วไปได้ไงล่ะ รั้งไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะข้าตัดสินใจไปแล้ว"
"กระบี่เจ้าไม่ใช่ของจริง"
"ท่านอาจารย์"
"กระบี่ที่ไม่เคยเปื้อนเลือด จะเรียกว่ากระบี่เหรอ มันก็เป็นแค่ของเล่นแหละ อย่าเพิ่งทะนงตัวกับ วิชาแมวสามขา ฮ่าๆๆ ๆๆๆ ๆๆๆๆ ๆๆๆๆ"
จามองกับอิลพูมเดินมาที่แม่น้ำ จามองถามอิลพูมว่า
"สายน้ำนี่ จะไหลไปนังนังใช่มั้ย"
"ส่งให้ยูรีเหรอ?"
"ตอนนั้นไม่มีดอกไม้ให้ ได้แต่หนีตายอย่างเดียว"
"ทุกอย่างบนโลกมีชะตาของมัน ลืมมันซะเถอะ"
" ลืมแล้วไง รู้สึกดีเหรอ ไม่หรอก ไม่มีทางหรอก ก็แค่เสแสร้ง ถึงไม่เคยเรียนหนังสือพูดสวยๆ ไม่เป็น แต่เอาผ้าห่ออุจจาระ กลิ่นก็จะหายไปเหรอ ถึงกลิ่นจะเหม็นคลุ้งแล้วยังไง เราอาจ หลงลืมอะไรในชีวิตไปมากมาย แต่เราควรทำอะไร แล้วควรลืมอะไรไปบ้าง?"
"นั่นสิ เราควรจำอะไรบ้าง?"
"คิดอะไรอยู่น่ะ พี่ยูรีเหรอ?"
"ไม่มีอะไรหรอก"
"พี่อยากจะจำอะไรไว้บ้างล่ะ?"
"ช่วงเวลาที่อยู่กับเจ้าสำคัญมากสำหรับพี่"
"เหมือนกัน แล้วที่อยากลืมล่ะ?"
อิลพูมว่า "เรื่องที่ทำให้บุ๊กกูรู้สึกเจ็บปวดไง"
"เหมือนกัน"
000000000000
ชาชากับมีชูรู้เรื่องที่จามองจะไปนังนังก็ปรึกษากันว่า
"ไอ้การที่ จะรั้งคนที่มีขาคงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ"
มีชูถอนใจ "เฮ้อ นั่นน่ะสิ ฮ่องเต้อยากได้สนมแต่นางไม่ยอมจะทำอะไรได้ ต้นข้าวที่ถูกลมพัดปักที่เดิมมันก็งอกขึ้นมาใหม่"
"แฮ่ม นี่ เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเมื่อกี้"
"ทำไม ข้ารู้สึกว่าเหมือนนี่"
"เฮ้อ ถึงยังไง ความสามารถของบุ๊กกู ก็คงพอจะคุ้มครองตัวเองได้บ้างน่า"
โฮคกว่า "ข้าก็บอกไปแล้วไง กระบี่ของเล่นนั่น บุ๊กกูไปนังนังต้องตายแน่นอน"
" เราก็เลยต้องหาวิธีไงล่ะ ถ้าบุ๊กกูไปเฮ็งแจต้องไปด้วยแน่ คราวนี้คณะเราก็ต้องตกงานกันละ พวกข้าก็ไม่อยากให้นางไปเหมือนกัน" มีชูว่าอย่างหนักใจ
จามองกล่าวกับอิลพูมว่า
"ไอ้คนที่ฆ่าพี่ยูรีน่ะ อย่างน้อยก็ต้องลากไป ขอขมาต่อหน้าหลุมศพ ที่ด้านหลังเขายูกูฮอน"
"ยูรีตายไปจนป่านนี้ คงเหลือแต่กระดูกแล้ว" อิลพูมว่า
"ข้าอยากถามว่าใครบงการ ใครสั่งให้เขาทำ จะใช่พ่อแม่เรารึเปล่า พี่ไม่อยากรู้รึไง?"
"ข้าไม่อยากรู้"
"พี่โกหก"
"ตอนที่ออกจากนังนังมา ข้าก็ลืมพวกเขาไปจนหมดแล้ว และไม่อยากนึกถึงอีก ทางที่ดีเจ้าก็ลืมไปซะ"
"คนที่เกือบต้องตายไม่ใช่พี่นี่"
อิลพูมอึ้ง "บุ๊กกู"
" คนที่ถูกปิ่นแทงอกก็เป็นข้านี่ คนที่เกือบตายเหมือนยูรีก็เป็นข้า พี่ทำได้ แต่ข้าไม่ใช่ ข้าต้องหาเขาให้เจอ แล้วไปยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา ข้าเป็น ลูกสาวท่านที่ถูกปิ่นปักอกคนนั้น ข้าคือบุ๊กกูที่พวกท่านอยากฆ่า ถึงข้าจะไม่รู้ชื่อตัวเอง แต่ข้าก็เป็นลูกสาวของพวกท่าน"
อิลพูมถาม "ทำแล้วจะมีอะไรดีขึ้นเหรอ?"
"ข้า ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตาย ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ฮาๆ แล้วก็ยิ้ม อย่างนี้ให้พวกเขาดู แล้วค่อยลืมเขาไปให้หมด"
เวลาเดียวกันนี้ ชาชากับมีชูก็ถามโฮคกว่า
"ท่านน่ะ รู้ใช่มั้ยว่าพ่อแม่ของบุ๊กกู เป็นใครกันน่ะ?"
"แล้วคนเลวนั่น พวกมันเป็นใครกันแน่หา?"
"ครั้งแรกที่ข้าได้เจอท่าน ท่านบอกว่าเป็นนักโทษที่ทำชาติล่มสลาย เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับบุ๊กกูด้วย"
โฮคกเสียงดังขึ้น "เจ้าหยุดแหกปากพล่ามเดี๋ยวนี้นะ ชาวบ้านอย่างเจ้ารู้เหรอว่าทำชาติล่มสลายมันผิดมหันต์แค่ไหน"
"โอ๊ย ตกใจหมด ท่านเสียงดังไปทำไม ตกใจหมด"
"ข้าก็เป็นแค่ลูกหมูตัวหนึ่ง บุ๊กกูก็คือบุ๊กกู พวกเจ้าน่ะ แค่รั้งนางไม่ให้นางไปก็พอ"
ชาชาดุกลับ "เจ้าลูกหมู"
โฮคกกลับไปคุยกับยูลุง พอยูลุงรู้เรื่องก็กล่าวกับโฮคกว่า
" เจ้าเด็กที่ ชื่อบุ๊กกูหรือจามองอะไรนั่น ปล่อยให้นางกลับไปนังนังก็ได้ ให้นางกลับไปแย่งบัลลังค์กับองค์หญิงลาฮี นาง 2 คนจะได้ฆ่ากันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง"
"ความแค้นของท่านอ๋องยูฮอน จะสะสางด้วยวิธีนี้อย่างนั้นเหรอ?"
"หึๆๆ หรือว่าเจ้ายังมีแผนเด็ดกว่านั้น"
" ก็ให้ จามองสังหารองค์หญิง ของนังนังด้วยกระบี่ของนางเอง ข้าต้องการให้ชอยรี มันได้ลิ้มรสกับ ความเจ็บปวดที่ จะต้องสูญเสียสายเลือดของตัวเองไป จากนั้นก็ทำให้มัน ต้องกระอักเลือดและตาย ด้วยกระบี่ของจามอง"
"ถ้าลูกสาวชอยรี ยังยืนยันจะไปนังนังอยู่ล่ะ?"
" ตอนนี้เจ้าเด็กคนนั้น ยังไม่มีความสามารถจะเข้าไปในวังได้ ชอยรีมันแค่ เปลี่ยนชื่อวังของท่านอ๋อง มาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นตำหนักโบยางเท่านั้น ข้าก็แค่สอนวิธีเข้าออกวังให้จามอง"
ยูลุงฟังแผนการแล้วหัวเราะชอบใจ "หึๆๆฮ่าๆๆ"
ด้านมีชูก็บ่นกับชาชาถึงโฮคกว่า
"ทำไมข้าเห็นตาขาเป๋นั่นทีไร ก็รู้สึกไม่สบายใจทุกที"
"ข้าก็เหมือนกัน แค่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีแล้ว ท่าทางเขา จะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นใครแล้วก็มาจากไหน?"
"ข้าก็รู้สึกเหมือนเคยเห็นเขามาก่อน แต่บุ๊กกูเชื่อฟังเขามาก ถึงลูกศิษย์จะไม่ควร สงสัยในตัวอาจารย์ แต่ข้าควรไปสืบหน่อย"
"นั่นสิ ไม่ว่าเป็นทางรอดหรือทางตาย หรือทางที่เหยียบย่างจะเป็นน้ำแข็งเปราะบาง ก็ต้องเดินไปด้วยตัวเองถึงจะรู้"
จามองลองปักผ้า จนโดนเข็มแทง มีชูเห็นก็บ่น
"นี่บุ๊กกู โถ เจ้าคิดว่าของแหลม ๆ เป็นเหมือนกระบี่หมดรึไง เจ้าเนี่ยนะเย็บผ้าเป็น แม่คนนี้มีอะไรใหม่อีกแล้ว"
ชาชาถาม "เจ้าไม่รู้หนังสือแล้วปักอะไรหา?"
"แค่ลองปักดู ปักตัวบูดๆ เบี้ยวๆ ตอนนั้น"
"ดูสิ เอ๊ะ นี่มัน คำที่อยู่บนเสื้อเจ้าตอนเด็กๆ นี่"
"ได้ยินว่าหมายความว่าโชคดี อาจารย์เป็นคนบอกข้าน่ะ"
"จะทำให้ตาเป๋นั่นน่ะเหรอ?"
"ใช่"
"เจ้า ไปแน่ใช่มั้ย? นังนังน่ะ เราห้ามก็จะไปเหรอ?"
"ข้าต้องไปน่ะ" จามองยืนยัน ทำเอามีชูกับชาชาได้แต่ถอนใจ
และในเวลาดึก ชาชากับมีชูก็เข้ามาคุยกับจามองอีกครั้ง
"ดึกป่านนี้มีอะไรเหรอ?"
"ก่อนเจ้าจะไปนังนัง ข้ามีเรื่องอยากบอกเจ้า"
"ไอ้ที่มันปักอกเจ้าตอนเด็ก มันไม่ใช่แหนบไม่ใช่ตะเกียบ แต่เป็นปิ่นทองนะ พวกข้ากลัวว่าคนที่คิดฆ่าเจ้าอาจเป็นคนมีอำนาจ"
" ความสามารถที่เจ้ามี ก็แค่ใช้กระบี่เป็น มีวิชาตัวเบาก็อาจจะโดดสูงกว่าคนอื่นหน่อย ตัวต่อตัวเจ้าอาจสู้ได้ แต่ถ้าคนเป็นร้อยเป็นพันรุมมาล่ะ?"
"ข้าก็เอาชนะได้"
ชาชาดุ "ไม่ต้องอวดเลย"
มี ชูสอน "โธ่ เวลาคับขันจะต้องรู้จักหนีเป็น ตอนนี้ข้า กับชาชาซุงจะสอนวิธีหนีให้เอง สอนวิชาวิ่งหนี วิธีซ่อนตัว วิชาเปลี่ยนหน้า จะสอนให้เจ้าหมดเลย"
จามองตื่นเต้น "จริงๆ เหรอ?"
"เหวอ ๆ ขนลุกชะมัดเลย"
"เวลาหัวหน้าหอมแก้มไม่เห็นว่าอะไรเลย ไม่ชอบผู้หญิงเหรอ?"
"จะบ้าเหรอยัยเด็กนี่ ข้าไม่หมกมุ่นเรื่องแบบนั้นหรอก"
ว่าแล้วชาชากับมีชูก็เริ่มสอนวิชาเอาตัวรอดต่างๆ กับจามอง
เวลาเดียวกันที่แคว้นนังนัง วังโฮกำลังสอนองค์หญิงลาฮีว่า
"องค์หญิงแห่งนังนัง ไม่ใช่องค์หญิงธรรมดา จะต้องนำทัพออกศึกได้ ดังนั้นจะต้อง เอาชนะเหล่าแม่ทัพให้ได้ด้วย"
"งั้นเริ่มจากแม่ทัพวังโฮคนแรก"
"ผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ถ้าเทียบกำลังกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่สู้ไม่ได้ ดังนั้นอย่าประมาท"
"สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องหาจุดตาย แล้วมุ่งจู่โจมที่จุดนั้น"
"ข้าพร้อมแล้วท่านน้า"
ทางด้านโกคูรยอ ซงแมซอซูก็ถามยังเดิ้กว่า
"ให้คนไปบอกกับท่านพ่อรึยัง"
"บอกแล้วเพคะ"
"ถ้ารอจนฝ่าบาทดูออก ก็คงปิดไม่อยู่แล้ว"
"ไม่ต้องกังวลเพคะ อย่างช้าก็ 4 วัน ท่านพ่อของพระองค์ จะต้องมารับพระมเหสีแน่"
ทันใดนั้นก็มีเสียงซูจียอนด่าว่าไล่พวกนางกำนัลที่จำตัวนางไว้
"นังขี้ข้าบังอาจนัก พวกเจ้ากล้ามาขวางข้ารึ?"
"อย่าเข้าไปเลย พระมเหสีรอง"
"หลีกไปซะ"
"พระมเหสี ยังทรงประชวรอยู่ พระมเหสีรอง ได้โปรด กลับไปเถอะเพคะ"
"มือคู่นี้ของเจ้าน่ะ ไม่ต้องการแล้วใช่มั้ย?"
ยังเดิ้กออกมาก็เสียงดุ "ทำไมมาทีต้องจะโวยวายด้วย"
"ยังเดิ้กเจ้าไม่ชอบหน้าข้าตั้งแต่อยู่เผ่าพีรู ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นพระมเหสีน่ะ" ซูจียอนต่อว่า
ซงแมซอซูออกมา "เจ้ามาทำไมหา?"
"ได้ยินมานานว่าพี่ประชวรอยู่ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเยี่ยม ข้าเลยตั้งใจว่าวันนี้ต้องเยี่ยมให้ได้"
"ขอบใจนะ นั่งสิ"
"ได้ยินว่าท่านป่วยนึกไม่ถึงจะอ้วนขึ้นด้วย"
"เวลาอายุมากขึ้นมันก็ อ้วนง่ายน่ะ" ซงแมซอซูแก้ตัว
ซูจียอนสั่งคนของนาง "ยกมาให้พระมเหสีสิ"
"เพคะพระมเหสี"
" ได้ยินว่าที่ห้องเครื่องเพิ่งนำเนื้อสดใหม่มา นี่เป็นตับสดที่นำไปย่างซีอิ๊วเครื่องเทศ มีประโยชน์กับผู้หญิงหมดประจำเดือน เสวยสิเพคะ"
"เอาไว้ทีหลังเถอะ"
"ถือซะว่าเป็นน้ำใจจากน้อง เสวยสักคำสิเพคะ"
ซงแมซอซูได้กลิ่นก็อาเจียน "พระมเหสี กระเพาะไม่ค่อยจะดีอยู่ เป็นอะไรมั้ยเพคะ พระมเหสี อดทนหน่อยนะเพคะ"
ซูจียอนหัวเราะร่าทันทีและออกไป "ฮ่าๆๆๆๆๆ"
ยังเดิ้กถาม "จะไปไหนเพคะ"
"นี่เป็นข่าวดีของโกคูรยอนี่ พระมเหสีที่หมดรอบเดือนแต่กลับตั้งครรภ์ได้ ข้าก็ต้องไปทูลฝ่าบาทสิ"
"ซูจียอน ความอิจฉาสิ่งที่โง่เขลา ทำลายข้า เท่ากับทำลายเจ้า สุดท้ายเจ้ากับข้าจะตายหมด"
"อิจฉาอะไรกัน หม่อมฉันมีความสุขจนจะร้องไห้แล้ว"
" ซูจียอน เจ้าเป็นน้องสาวที่ข้าเอ็นดูมาตั้งแต่เด็ก เราต่างก็มีสายเลือดของเผ่าพีรูนะ ผู้ชายเชื่อใจไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะตัณหาหรือว่าความรัก ที่เชื่อใจได้ มีแค่ครอบครัวเท่านั้น"
"ในเมื่อทรงกลัวถึงขนาดนี้ ยังจะวางแผนหลอกฝ่าบาทอยู่ได้"
"เจ้า ถ้าเจ้ากล้าก้าวออกนี้ไป ระวังจะตายด้วยมือข้า"
"พระมเหสีรอง"
"นังไพร่ รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้"
ยังเดิ้กกล่าวว่า "ให้อภัยหม่อมฉันด้วย รอให้พระมเหสี ประสูติพระโอรสปลอดภัยแล้ว หม่อมฉัน จะกลับมารับโทษเองเพคะ"
ที่ท้องพระโรง พระเจ้ามูยุลตรัสกับเหล่าขุนนางว่า
"นี่มันก็ 5 ปีแล้ว โฮดงอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ชอยรีจะปล่อยให้ลูกข้าแก่ตายก่อนรึไงหา? ลูกสาวเขาวิเศษสักแค่ไหนเชียวหา?"
อูนาลูทูลว่า "หรือว่าเราจะล้มเลิกการอภิเษกนี้?"
"ไหนลองเอา หนังสือที่ชอยรีเคยเขียนให้ซงอ๊กกูมาสิ"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
"ลองอ่านอีกทีสิ ข้าจะลองวิเคราะห์ ท่าทีของชอยรีเพื่ออ่านแผนการของเขาดู"
บัล โซอ่าน "พะยะค่ะฝ่าบาท พระเจ้าแทมูชิน ขอบพระทัยสำหรับการสู่ขอครั้งนี้ แต่บัดนี้บุตรสาวข้ายังเยาว์นัก เมื่อนางเจริญวัยเป็นผู้ใหญ่ แล้วข้าจะให้คำตอบอีกครั้ง โกคูรยอ กับนังนังเป็นลูกหลานเทพทันกุน เป็นเมืองพี่เมืองน้อง เป็นเพื่อนบ้านที่ต่าง มีชายแดนติดต่อกัน นังนังย่อมยินดี เป็นไมตรีกับโกคูรยอ และพร้อมที่จะร่วม ตกลงลงนามกันใน สนธิสัญญาไม่รุกราน และถ้าจำเป็นต้องทำสงครามกัน จะต้องหลีกเลี่ยงฤดูเพาะปลูก รวมไปถึงหลีกเลี่ยงในฤดูเก็บเกี่ยวด้วย การจะรุกรานนังนังนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ชาวนังนังต้องอดอยาก แต่โกคูรยอก็เป็นเช่นเดียวกัน นังนังยินดีแลกเปลี่ยน ทำการค้าขายกับโกคูรยอ โดยนำเข้าเหล็ก ทองม้าพันธ์ดีจากโกคูรยอ เพื่อแลกกับข้าว ข้าวสาลี และเกลือ ไขปลาวาฬจากนังนัง เนื้อหาในจดหมายมีเท่านี้พะยะค่ะ"
อึลดูจีกล่าวว่า "ฤดูหนาวปีที่แล้ว หลังจากนังนังมีหิมะตกหนัก ไม่นานก็มีข่าวเก็บเกี่ยวน้อยลง เลยส่งคนมาแจ้งว่า การแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะได้แค่ครึ่งเดียวของปีที่แล้วพะยะค่ะ"
พระเจ้า มูยุลตรัสว่า "เจ้าเล่ห์เหลือเกินนะ ชอยรีน่ะรู้ดีว่า ถ้าจะคุมคนอื่นไว้ ไม่ควรให้มากเกินไป และไม่ควรให้น้อยเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ค่อยๆ ลดปริมาณอย่างเหมาะสม อีกฝ่ายถึงจะ ว่าอะไรไม่ได้ เขาเข้าใจนิสัยของคนอย่างดีทีเดียว"
ฮาเดิ้กเข้ามาทูลพระเจ้ามูยุลว่า "พระมเหสีรองบาดเจ็บพะยะค่ะ"
"มเหสีรองเหรอ?"
พอพระเจ้ามูยุลไปหา ซูจียอนก็บอกเรื่องซงแมซอซูตั้งครรภ์
"เจ้าว่าอะไรนะ?"
"พระมเหสีเอกได้ทรงครรภ์แล้วเพคะ ยินดีด้วยเพคะฝ่าบาท"
แล้วพระเจ้ามูยุลก็ทรงทราบถึงการหายตัวไปของซงแมซอซู ทรงรีบสั่งการ
"จับตัวซงแมซอลซูมาให้ได้"
"ฝ่าบาท นางเป็นพระมเหสีนะพะยะค่ะ"
" นางไม่ใช่พระมเหสีแล้ว นางหลอกลวงข้า ถือเป็นนักโทษที่คิดจะแบ่งแยกโกคูรยอ จับนางมาให้ได้ก่อนจะกลับถึงเผ่าพีรู ข้าจะตัดหัวนางด้วยตัวของข้าเอง"
"น้อมรับราชโองการพะย่ะค่ะ"
000000000000000
ทางด้านอ๊กกูพอรู้เรื่องซงแมซอซูตั้งครรภ์ก็ดีใจมาก
"หืม? ในที่สุด ข้าก็จะมีหลานแล้วเหรอ? โกคูรยอ ในที่สุดก็มีองค์ชายที่สืบสายเลือดของข้าจนได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ พระมเหสีเอก ขอบพระทัยจริงๆ"
"ใต้เท้าขอรับ"
"มีเรื่องอะไร?"
"เกิดเรื่องแล้วขอรับ ฝ่าบาทรับสั่ง ว่าจะประหาร พระมเหสีด้วยพระองค์เอง"
"เรียกกำลังทหาร ข้าจะไปรับพระมเหสีด้วยตัวข้าเอง"
แม้แต่พระเจ้าชอยรีก็ทรงทราบเรื่องซงแมซอซูตั้งครรภ์
"มเหสีเอกของมูยุล ได้ตั้งครรภ์แล้ว"
บูทัลทูลว่า "จากข่าวที่สายลับเราส่งมา บอกว่ามูยุลใช้ทหาร ตามฆ่าพระมเหสีทีเดียว โหดเหี้ยมมาก"
"ฆ่าเมียที่อุ้มท้องลูกตัวเองได้ไง?"
" ช่างสมกับนามพระเจ้าแทมูชิน ถ้าคนทั่วไปโกรธอาจจะพังบ้านจนพัง แต่เจ้าแผ่นดินกริ้วย่อมจะนองเลือด ครั้งนี้โกคูรยออาจเกิดการนองเลือดเข้าแล้ว"
โทชัลทูลว่า "ควรจะปฏิเสธคำสู่ขอ ขององค์ชายโฮดงรึยังพะยะค่ะ?"
"นังนังของเรา ต้องสนับสนุนโฮดง"
"ฝ่าบาท ตอนนี้ยังทำนาย อนาคตองค์ชายโฮดงไม่ได้"
" รินเหล้ามาสิ ตั้งแต่นี้ไป ให้ตัดความสัมพันธ์กับเผ่าพีรู นับจากนี้นังนังจะ ให้การสนับสนุนโฮดง เราจะสนับสนุนองค์ชายโฮดงชิงอำนาจ กับน้องชาย"
"ถ้ากระหม่อมอยู่โกคูรยอ กระหม่อมคงอยากคุ้มครองพระมเหสีกลับไปเผ่าพีรู" วังโฮทูล
"พระมเหสีของมูยุล จะต้องได้โอรสแน่ หึๆๆ ฮ่าๆๆ ๆๆๆๆ" ชอยรีหัวเราะชอบใจ
พระเจ้ามูยุลทรงนึกถึงคำพูดของพระองค์กับซงแมซอซูว่า
"เจ้า จะทำให้ข้าได้หลับสบายอยู่ข้างกายเจ้าได้รึเปล่าหา? เจ้าจะยอมละทิ้งเผ่าพีรูไป เหมือนที่เขาทอดทิ้งเจ้าได้มั้ย?"
"เพคะ ฝ่าบาท"
"เจ้ายินดีจะเป็น แม่แท้ ๆ ของโฮดงได้รึเปล่า?"
"เพคะฝ่าบาท"
"ข้าแค่ต้องการอยู่เป็นเพื่อนเจ้า จนแก่ตายไปด้วยกัน"
จนรู้สึกพระองค์เมื่อฮาเดิ้กทูลว่า "ฝ่าบาท พระมเหสีอาจจะ ประสูติพระธิดาก็ได้พะยะค่ะ"
"ใครจะรับรองได้เล่า?"
"แต่ฝ่าบาทจะถูกด่า ว่าฆ่ามเหสีขององค์เองนะพะยะค่ะ ฝ่าบาท ทรงตรองด้วยเถิด"
"ตั้งแต่นี้ไปซงแมซอลซูไม่ใช่มเหสีของข้า นางเป็นแค่หญิงเผ่าพีรูคนหนึ่งเท่านั้น นางเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุด"
ที่โกคูรยอแทชูรีบเข้ามาหาองค์ชายโฮดงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
"มีเรื่องอะไร ตื่นตกใจมาเชียว"
"ได้ยินมาว่าพระมเหสีเอก ทรงตั้งครรภ์แล้วพะยะค่ะ"
"อย่าล้อเล่นน่า นางแก่อย่างนั้นแล้วจะตั้งท้องได้ยังไงกัน?"
"จริงพะยะค่ะ องค์หญิงยอรังให้กระหม่อมมาแจ้งข่าว"
"แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?"
"หนีไปแล้วพะยะค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทก็ทรงกริ้วมาก และส่งคนตามไปแล้ว"
องค์ชายโฮดงไปเฝ้าพระเจ้าจูมง เมื่อนึกถึงคำพูดระหว่างตัวเองกับซงแมซอซูที่ห้ำหั่นกัน พอดีพระเจ้ามูยุลก็เสด็จมาเช่นกัน
"เจ้ามาเพื่อขออะไรกับเสด็จปู่รึ?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
"หม่อมฉัน ก็แค่มานึกถึงเรื่องในดีต"
" ตอนนี้ข้า อยากดูว่าฝีมือกระบี่ของเจ้าฝึกไปถึงขั้นไหนแล้ว ไปจับซงแมซอลซู กลับมาให้ข้า ถ้าจับเป็นยากก็จับตายกลับเลยก็ได้ อย่าให้นางมีชีวิตรอดพ้นแม่น้ำมาจาได้"
องค์ชายโฮดงตกตะลึง "เสด็จพ่อ"
"ทำไม เจ้าเองก็คิดเหมือนข้าไม่ใช่เหรอ?"
"หม่อมฉันไม่ชอบพระมเหสีก็จริง แต่หม่อมฉัน ก็ยังเรียกว่าเสด็จแม่ แล้วจะให้ลูก"
"ข้าได้สอนกระบี่โหดเหี้ยมให้เจ้าแล้วไม่ใช่รึ? เจ้าเองก็ ตั้งใจแล้วว่าเจ้าจะฝึกวิชากระบี่ ที่ฆ่าญาติตัวเองได้นี่"
"โปรดถอนรับสั่งพะยะค่ะ"
"ทำไม เจ้ากลัวรึไง?"
"หม่อมฉันเข้าใจดีว่า เสด็จพ่อ อยากช่วยหม่อมฉันอีกแรง ถึงจะ ไม่มีกำลังหนุนจากพีรู แต่อีก 4 เผ่า ก็ยังยืนอยู่ข้างหม่อมฉัน"
"หึ ถ้าซงแมซอลซูคลอดลูกชายได้ ทั้ง 4 เผ่าก็จะจากเจ้าไปหมด เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน"
"ถึงตอนนั้นหม่อมฉัน"
"นี่เป็นราชโองการของข้า พระเจ้าแทมูชินมูยุล คนที่หลอกลวงกษัตริย์ ไม่ว่าใครก็อภัยไม่ได้"
"เสด็จพ่อ"
"เจ้าเลือกเอาเอง จะยอมให้ตัวเองตายหรือว่า จะจับซงแมซอลซูกลับมาให้ข้า"
แทชูทูล "ถึงแม่ทัพอูนาลูจะส่งคนไปจับ แต่กองทัพ ต้องมีคนที่ถูกเผ่าพีรูซื้อตัวเอาไว้แน่"
"ข้ารู้ดี คนตำหนักซูยางล่ะ"
"รวมอยู่ที่ลานม้าพะยะค่ะ"
ยามดึกคืนนั้น องค์ชายโฮดงออกมาข้างนอก อึลดูจีทักขึ้น
"ดึกมากแล้ว จะทรงถือดาบไปไหนหรือพะยะค่ะ?"
"ข้าจะไปจับคนทรยศที่ ทำให้โกคูรยอต้องวุ่นวาย"
"องค์ชายพะย่ะค่ะ"
"ท่านเสนาฯอย่ามาห้ามข้าเลย"
"ทรงคิดจะฆ่าเสด็จแม่ เพื่อขึ้นครองบัลลังค์จริงๆ หรือ" อึลดูจีถามตรงๆ
"นี่เป็นโองการของฝ่าบาท"
" แต่รางโองการแบบนี้ของพระบิดา ไม่ต้องทำตามก็ได้พะยะค่ะ เลือดบางอย่างอาบคมดาบได้ แต่เลือดบางอย่างไม่ควรเปื้อนพะยะค่ะ" อูลดูจีเตือน
"แต่เสด็จแม่เป็นฝ่ายที่ชักกระบี่ออกมาใส่ข้าก่อน"
"บางครั้งกษัตริย์อาจฆ่าลูกฆ่าเมียของตัวเองได้ แต่ว่า คนเป็นลูกต่อให้เป็นกษัตริย์ ก็ห้ามฆ่าพ่อแม่พะยะค่ะ"
"ท่านเสนาฯ"
"ถ้ากระบี่พระองค์เปื้อนโลหิตของพระมเหสี ต่อให้วันหน้าทรงได้ครองราชย์ จะมีราษฎรคนไหนที่ภักดีต่อพระองค์"
"หลีกไป"
"สิ่งที่ผู้ปกครองจะต้องเกรงกลัว ไม่ใช่ความตาย แต่คือการเป็นคนบาปในประวัติศาสตร์"
"ถ้างั้น ท่านอยากให้ข้าตายใช่มั้ย?"
"ถ้านั่นเป็นจุดจบที่ชะตาได้กำหนดเอาไว้ พระองค์ก็จำต้องยอมรับ"
"ดูท่า ท่านยังช่างฝันเหมือนเดิม"
" ถ้าจะเสด็จ ก็ขอให้กระบี่พระองค์ ได้อาบเลือดของพระหม่อมก่อน กระหม่อมอึลดูจี ไม่อาจมีชีวิตอยู่ ทนเห็นองค์ชายต้องกลายเป็น คนบาปของแผ่นดินได้พะยะค่ะ"
"อึลดูจี ท่านไม่ใช่อาจารย์ของข้า ไปกันเถอะ ย่าห์"
องค์ชายโฮดงเลี่ยงอูลดูจีออกไปทันที
00000000000000000000
ที่แคว้นนังนัง นางกำนัลกำลังอธิบายส่วนผสมให้องค์หญิงลาฮีฟัง
"นี่เป็นผงข้าว ที่ได้นำมาจากที่พักชอน บด 3 รอบแล้วกรองเป็นผง"
"ส่วนนี่น้ำมันสกัดจากกล้วยไม้เพคะ"
โคบีบอกต่อ "ขอพระหัตถ์ด้วย พระหัตถ์ องค์หญิงใสเหมือนหยก นุ่มเหมือนแพรไหม"
ลาฮีไม่เข้าใจ "อะไรเหรอ?"
"อะไร แผลพุพองคราวนั้นกลายเป็นแผลเป็นจนได้ ทำยังไงดีเนี่ย?" โมฮาซูบ่น
"ถ้าทรงเป็นอย่างนี้ องค์ชายที่ไหนกล้าจูงมือองค์หญิงล่ะ"
" หรือว่าเจ้า อยากให้มือข้าเหมือนพวกหญิงนางโลมล่ะ ทั้งต้องถือดาบ ทั้งต้องจับหนังสือ มันก็ต้องด้านบ้างแหละ มือขององค์ชาย ก็เป็นอย่างนี้นี่"
เหล่านางกำนัลน้อมเคารพพระมเหสีจาชิล "พระมเหสีรองๆ"
"ได้ยินข่าวรึยัง พระมเหสีเอกโกคูรยอตั้งครรภ์แล้ว" จาชิลเอ่ยขึ้น
ลาฮีตื่นเต้น "จริงเหรอเนี่ย?"
โมฮาซูอึ้ง "เป็นไปได้ยังไงกัน? ได้ยินว่าความสัมพันธ์แม่ลูกไม่ค่อยดี อย่างนี้องค์ชายโฮดง คงจะตกที่นั่งลำบากมากขึ้น"
"ที่ลงแรงทั้งหมดกลับสูญเปล่า"
"ทำไมล่ะ?"
"ถ้าพระมเหสีมูยุล ประสูติพระโอรสจริง องค์ชายที่เผ่าพีรูสนับสนุน เทียบกับโฮดง มันจะเปรียบกันได้รึไง?"
"เสด็จแม่มาเพราะเรื่องนี้เหรอ?"
"เจ้า จะแต่งงานกับโฮดงไม่ได้"
" นี่เป็นปัญหาที่ฝ่าบาทจะตัดสินพระทัย ครอบครัวสามัญชน การแต่งงานของลูกสาวยังให้พ่อตัดสิน นับประสาอะไรกับการอภิเษก ระหว่างราชวงศ์ด้วยกัน"
"ท่านนี่ก็ซื่อจริงๆ โฮดงไม่มีความหวังอีกแล้ว" จาชิลว่า
โมฮาซูกล่าวว่า "พระมเหสีของโกคูรยอ ประสูติพระโอรสแล้วหรือ อาจจะเป็นพระธิดาก็ได้ ทำไมถึงใจร้อนอย่างนี้"
" ไม่ว่าเป็นชายหรือว่าเป็นหญิงจะเกี่ยวอะไร สงครามระหว่างเผ่าพีรูกับโฮดงคงเลี่ยงไม่ได้ ถ้าโกคูรยอขาดเผ่าพีรู ยังจะอยู่รอดได้อีกเหรอ?"
"ข้าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก พวกเราเป็นผู้หญิง อยู่วังหลังไม่ควรยุ่งเรื่องการปกครอง"
"ไม่เข้าใจก็อย่าออกความเห็นสิพระมเหสีเอก"
โคบีเตือน "พระมเหสีรอง"
"ลาฮีน่ะ จะต้องแต่งงานกับแม่ทัพวังโฮ" จาชิลเปลี่ยนเรื่อง
"แต่แม่ทัพวังโฮ มีภรรยาอยู่แล้ว"
"เรื่องนั้นข้าจัดการเอง"
"ทุกคนหยุดพูดกันได้แล้ว" ลาฮีเสียงดัง
จาชิลดุ "ลาฮี"
"ไม่ว่าจะโฮดง หรือว่าท่านน้า ข้าก็ไม่สนใจหรอก การแต่งงานของข้า ข้าตัดสินใจเอง" ว่าแล้วจาชิลก็ออกไป
โคบีบ่น "พระมเหสีรอง ทำเกินเหตุมากขึ้นทุกวัน"
" นางก็แค่เป็นห่วงลาฮีน่ะ อย่าไปเอามาใส่ใจเลย ทำไมช่วงนี้ ไม่ค่อยมารับค่าจ้างตามหาจามองเลยล่ะ หลังจากตั้งเป็นรัชทายาท ลาฮีจะต้องไปลั่วหยาง ข้าจะไปกับนางด้วย ครั้งนี้ข้าจะไปหาที่ทงโมด้วยตัวเอง ที่ชินโซโดกุกกับเหลียวตงไม่มีใครเห็นเรือลอยไป ก็มีแต่ที่ทงโมนี่แหละ ตั้ง 5 ปีมาแล้ว นานเกินไปแล้ว ทำไม เงินที่เอาไป ไม่พอจ้างคนเหรอ? ของพวกนี้ ข้าให้เป็นค่าจ้างหาจามองนี่"
โคบีฟังแล้วร้องไห้ออกมา "ฮือๆ"
"เจ้าเป็นอะไรไป?" โมฮาซูถาม
"หม่อมฉัน ปิดบังต่อไปไม่ได้แล้วเพคะ ฮือๆ"
"ทงโคบี"
" คุณหนูจามองน่ะ ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วเพคะ ฮือๆๆ ถึงเรือเล็กลอยไปถึงทงโมก็จริง แต่ว่า คุณหนูจามองกับอิลพูม ในตอนนั้นก็ หมดลมหายใจแล้วเพคะ หม่อมฉันปิดบังพระมเหสี โปรดประหารหม่อมเถอะเพคะ"
"ไปพาเขามา พาคนที่บอกเจ้าว่าจามองตายแล้วมา ข้าจะถามเขาเอง"
"ถามไปจะมีประโยชน์อะไรเพคะ มีแต่จะเสียพระทัยมากขึ้น"
โมฮาซูตวาด "ข้าไม่มีวันเชื่อหรอก ถ้าไม่ได้เห็บกับตา ถ้าไม่ได้ยินกับหู ข้าจะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด"
ด้านจาชิลพอรู้เรื่องจากชีโซก็ดีใจ แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก
" เจ้าทงโคบี ปิดปากได้สนิทจริงๆ รู้ข่าวมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน แต่เพิ่งมาบอกนายตอนนี้ ตอนนั้น แน่ใจใช่มั้ยว่าเด็กในคณะกายกรรมนั่นคือจามอง"
"พระมเหสีก็ไป ทอดพระเนตรเองนี่เพคะ"
"นั่นสิ ข้าก็ไปดูเองกับตา"
"รับรองว่าเป็น คุณหนูจามองแน่เพคะ"
"ตาของคน หูของคน ปากของคน มันเชื่อไม่ได้หรอก"
"พระมเหสี"
"ไม่มีอะไร พระมเหสีเอก ตามหาคนที่แจ้งข่าวอยู่นี่ เอามันไปให้เขา ถ้ามีหลักฐาน โมฮาซูก็คงจะเชื่อ"
"กระหม่อมจะจัดการ ไม่ให้พลาดพะยะค่ะ"
"พระมเหสี ท่านแม่ทัพวังโฮมาขอเข้าเฝ้าเพคะ"
"เชิญข้างในเจ้าค่ะ พระมเหสีกำลังรอท่านแม่ทัพอยู่" ชีโซต้อนรับ
"ทรงเรียกพบกระหม่อมเหรอ?"
"มาเร็วจังวังโฮ"
"เวลานี้ทรงมีเรื่องอะไรเหรอ?"
"อยากดื่มเหล้ากับพี่หน่อยมั้ย? ตอนนี้ เจ้ายังผูก ผ้าที่โมยังเฮปักให้เจ้า ไว้ที่ข้อเท้าอยู่รึเปล่า?"
"พะยะค่ะ"
"วังจาชิล อยู่ร่วมโลกกับข้าไม่ได้"
"พะยะค่ะ"
"วังโฮ ช่วงที่ผ่านมา เจ้าโกรธแค้นพี่มากใช่มั้ย?"
"คนหนึ่งก็เป็นพี่สาว อีกคนก็พี่ชาย เอามาชั่งดูแล้ว จะเอียงไปทางไหนก็ไม่ได้หรอก จะให้โกรธใครได้ หรือจะแค้นใครได้ล่ะ?"
"ถ้าอย่างนั้น ทำไมจนป่านนี้แล้ว เจ้ายังผูกมันเอาไว้อีกล่ะ"
" ก่อนพี่สะใภ้ จะยอมให้อภัยกับพี่ ข้าจำเป็นต้องแบกรับภาระนี้ไว้ก่อน เหอะ แต่ว่า ข้าก็รู้สึกโกรธพี่นิดหน่อยจริงๆ เพราะว่ามันเหนื่อย ที่จริงคนอย่างข้า เหมาะกับชีวิตที่สนุกสบายมากกว่า ตอนนี้ต้องมาปกครองยองโฮ แถมยังเป็นแม่ทัพของนังนังอีก ฮะๆๆ"
"งั้นพี่ จะชดเชยให้เอง พี่จะยกลาฮีให้เจ้า เรื่องการจะอภิเษกกับโฮดงยังไม่ได้สรุป หลังสถาปนาองค์หญิงรัชทายาท ข้าจะจัดงานแต่ง ให้เจ้ากับลาฮีทันที"
วังโฮหัวเราะ "ฮ่าๆๆ ๆๆๆ"
"ทำไม เจ้าไม่ถูกใจลาฮีรึไง?"
"พี่ลืมไปแล้วเหรอ ว่าข้า มีภรรยาอยู่แล้ว จะยกองค์หญิงนังนังผู้สูงศักดิ์ มาเป็นภรรยารองได้ยังไง?"
"โมยังเฮนับเป็นภรรยาได้ไง ยัยแก่นั่นจะเป็นภรรยาเจ้าได้ไง"
"ท่านพี่ นายหญิงยูกูฮอน คือโมยังเฮ"
"วังโฮ"
"นางเป็นทั้งมารดา เป็นพี่สะใภ้ และภรรยา"
จาชิลถอนใจ "เฮ้อ"
"ตอนนี้นาง คงเตรียมอาหารเช้าไว้พร้อมแล้ว กระหม่อม ขอทูลลาล่ะ"
วังโฮกลับถึงที่พัก โมยังเฮได้กลิ่นเหล้าจึงถาม
"นี่ไปดื่มเหล้ามาเหรอ?"
"ใช่ ดื่มไปจอกหนึ่งขอรับ"
"นี่เจ้าเด็กบ้า เป็นแม่ทัพใหญ่กลางวันแสก ๆ เดินร่อนไปมาด้วยกลิ่นเหล้าเต็มตัวได้ยังไง?" โมยังเฮดุ
"ท่านโกรธที่ข้า ไปค้างนอกบ้านเหรอ ฮ่าๆๆ"
"เมามายังกล้าทำตลกอีก รีบกลับเข้าไป อาบน้ำให้สดชื่นซะ"
"ไปพักผ่อนกันได้ เดี๋ยวพอ 10 โมง ข้าจะออกไปตรวจกองทหารนอกเมืองหน่อย เข้าบ้านเถอะพี่สะใภ้"
"เหม็นขนาดนี้ ไหนดูหน่อยสิ ต้องชุบเกลือซักหน่อย มันถึงจะขัดออก"
"โอ๊ยๆ พี่สะใภ้ เบาหน่อยๆๆ"
"ไอ้เด็กคนนี้ เมื่อไหร่ถึงจะเข้าใจหา เจ้าเป็นอย่างนี้ วิญญาณท่านแม่ทัพในปรโลกจะวางใจได้ยังไง ส่งถังมา"
"นี่ครับ หูย อะ อะไรเหรอ ตัวข้า สกปรกมากใช่มั้ย? แหะๆ"
"งั้นเจ้า เจ้าอาบไปเองละกัน"
"ทำไมล่ะ โกรธข้าอีกแล้วเหรอ?"
"เอ๊ะเจ้านี่ ข้าแก่แล้วเหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ ข้าจะต้องดูแลเจ้าไปถึงเมื่อไหร่หา?"
"เอ่อ เฮ้อ"
โมยังเฮนึกถึงสามี "ท่านพี่ วังโฮของเราน่ะ โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ"
ด้านมีชูกับชาชายังช่วยกันสอนจามองถึงวิธีการรักษาแผล
"มา กระดูกปลาหมึกไม่ใช่หาได้ง่ายๆ มา กุ๊ยช่าย"
"ถูกแล้ว ถ้าเป็นแผลถูกฟัน ให้ใช้กุ๊ยช่าย มาผสมกับจีฉ่าย ฉีกใส่ปากเคี้ยวให้ละเอียด แล้วก็เอามา ประคบแผลห้ามเลือด นะ"
อิลพูมเป็นห่วง "บุ๊กกู"
"ไม่เป็นไร แผลแค่นี้ไม่เจ็บหรอกน่า"
"ถ้าถูกฟันบาดเจ็บ ต่อให้ต้องคลานก็ต้องคลานไปถึงถ้ำในป่าลึก"
"เพื่อไม่ให้ถูกคนจับได้เหรอ?" จามองถาม
"กลัวเจ้าหิวตายหรือขาดน้ำตายต่างหาก"
"เวลาหิวน้ำก็ ดูดน้ำจากใบหญ้า"
"ไม่ก็ก้อนหินเปียก"
" ถ้าจำเป็นจริงๆ แม้แต่ฉี่ของตัวเองก็ต้องกิน แต่ถ้าขยับตัวไม่ได้ ไม้เมเปิ้ล นี่แหละจะดีที่สุด เอามีดตัดตาไม้ออก มันจะมีน้ำหวาน ๆ ไหลออกมา"
"เด็กที่ฝึกกายกรรมกินไม่เยอะอย่างเจ้าน่ะ แค่กินพวกนี้ก็อยู่ได้ เป็นเดือนๆ แล้วล่ะ"
"ถ้าหากเจ้าไปเจอกับช่วงหน้าแล้ง เปลือกชั้นในก็เอามาอมได้"
ชา ชาซุงกับมีชูสอนจามองวิชาเอาตัวรอดต่าง ๆ ให้ ขณะที่ลาฮีเองก็กำลังฝึกฝนวิชาต่อสู้ การปกครอง เพื่อเตรียมรับการสถาปนาเป็นรัชทายาทแห่งนังนัง
ลูจีว่า "ตั้งแต่นี้ไปกระหม่อมจะมา ถวายการสอนองค์หญิงแทนพะยะค่ะ"
"ค่ะท่านอาจารย์ ช่วงที่ผ่านมาต้อง ขอบคุณท่านมาก"
"ขอให้ พระองค์เพียบพร้อมเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม ที่จะสืบทอดพระภาระของฝ่าบาท"
"ทรงศึกษาคัมภีร์จตุรปกรณ์ แล้ว ทั้งยังศึกษาพิชัยสงครามกับแม่ทัพวังโฮ ต่อไปกระหม่อม จะถวายการสอนเรื่องหานเฟยจื่อให้"
"ข้าเคยอ่านมาหลายรอบแล้วล่ะ"
"เช่นนั้นอะไรเรียกว่าศิลปะการปกครอง"
" เจ้าแผ่นดิน ปกครองประชาชนต้องมีกฎหมายก่อน ต้องทำให้ขุนนางและประชาชน ไม่กล้าที่จะทำผิดกฎหมาย จึงต้องมีอำนาจ การปกครองขุนนาง จะต้องมีกลวิธีประกอบ"
เวลานั้นองค์ชายโฮดงกับแทชูยังคงตามล่าตัวพระมเหสีซงแมซอซู
"องค์ชายโฮดง คงไม่ใช่ทางนี้"
"นางไม่มีทางหนีได้เร็วอย่างนี้ ต่อให้มีวรยุทธแต่ก็เป็นผู้หญิง"
"ทางไปแม่น้ำมาจา พระมเหสีชำนาญเส้นทางดีกว่าเรา ท่านแม่ทัพก็ตามหาทั่วรัศมี 20 ลี้แล้ว เราควรตามหานอกรัศมีนี้"
"ไม่ถูก นางยังหนี ไม่พ้นไปจากที่นี่แน่ ย่าห์"
พระมเหสีซงแมซอซูรู้สึกเสียใจมากที่ถูกตามล่า
"พระมเหสี"
" ยังเดิ้ก ดูสามีที่ข้าอุ้มท้องลูกเขากำลังทำอะไร เพื่อจะฆ่าข้า ถึงกับส่งลูกเมียเก่ามา ก็จริง ข้าหไปลอกลวงเขา เพราะไม่มีทางให้เดินข้าถึงได้หลอกเขา นี่เหรอคนที่เป็นสามีภรรยามา 20 ปี"
"ต้องเข้มแข็งเอาไว้ เราจะต้องข้ามแม่น้ำมาจาไปให้ได้"
"ข้าจะต้องไม่ตาย ข้าต้องมีโอรสมาวางลงตรงหน้า มูยุลให้ได้ ข้าต้องจะเห็น ลูกข้าขึ้นเป็นกษัตริย์โกคูรยอคนต่อไป เราไปหายอรังกัน"
"เราอุตส่าห์หนีจากปากเสือได้ จะกลับไปได้ไงเพคะ"
"ตอนนี้คนที่จะช่วยชีวิตของลูกข้าได้ ก็มีแค่ยอรังเท่านั้น"
พระเจ้ามูยุลทรงไม่พอพระทัยที่ทหารยังตามตัวซงแมซอซูไม่พบ
"ทหารโกคูรยอทั้งกอง กลับตามหาผู้หญิงคนเดียวไม่เจอได้ยังไงหา?"
"ฝ่าบาท"
" ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ต่อให้ประวัติศาสร์จารึกว่าข้าเป็นกษัตริย์โหดเหี้ยม ฆ่าได้แม้กระทั่งเมียตัวเองข้าก็ยอม ที่ข้าจำต้องทำอย่างนี้ ไม่ใช่ทำเพื่อจะปกป้องโฮดง แต่เพื่อป้องกันไม่ให้โกคูรยอเกิดการนองเลือดต่างหาก ถ้าใครกล้าเข้าข้างเผ่าพีรูมาขอร้องแทน ซงแมซอลซูอีกละก็ ข้าก็จะประหารมันให้หมด"
ยังเดิ้กรีบพาซงแมซอซูไปพบองค์หญิงยอรัง
"องค์หญิง ได้โปรดช่วยข้าด้วย"
"พี่สะใภ้"
"องค์หญิงยอรัง แค่เพราะข้ามีลูกตอนแก่ เขาถึงกับจะฆ่าเรา โปรดช่วยซงแมซอลซูสักครั้งเถอะ"
จบตอนที่ 14


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : Oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี ละครช่อง3
อ่านต่อ

จามอง 11

ชอยรีเข้ามาถามโมฮาซูว่าลาฮีเป็นยังไงบ้าง?
โมฮาซูตอบเขาว่า "เขาเจอเรื่องสะเทือนใจเกินไป ถ้าเขายังเป็นอย่างนี้ แล้วไม่หายเราจะทำยังไงคะ?"
"จะทำยังไงได้ เกิดมาจากแม่แบบนั้น ก็เป็นดวงของเด็ก"
"อย่าไปโกรธแค้น น้องจาชิลเลย ถ้าหากไม่ได้นาง ท่านกับข้าเองก็อาจจะตายไปแล้ว"
"อย่ามาแก้ตัวแทนนางเลย"
"ไม่ว่าใครก็ต้องเลือก ไม่ว่าจะหนียังไงก็มีทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว นางเลือกท่านแล้ว การทิ้งพี่ชายหัวใจนางจะเจ็บปวดแค่ไหน"
"คนเราน่ะ บางครั้งถึงรู้ว่าตัวเองต้องตาย ก็ต้องเดินต่อไป"
"ท่านพี่"
ชอยรีย้อนถาม "เจ้ากลัวตายเหรอ?"
"ข้าก็ไม่รู้ แต่ถ้าคิดว่า จะไม่ได้เจอท่านกับลาฮีอีก รู้ว่าจามองไม่ตายแต่ไม่เจอข้าคงกลัว"
"ถ้าเจ้าเป็น จาชิลเจ้าจะฆ่าพี่ชาย ของตัวเองได้ลงคอเหรอ?"
"ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ก็ต้องทำแบบนี้"
"แค่คิด กับการลงมือทำจริง มันแตกต่างกัน ราวฟ้าดินเชียวล่ะ อย่างเจ้าน่ะ ทำเรื่องไม่ได้แน่นอน"
"ข้าแค่รู้สึกว่าจาชิล น่าสงสารน่ะ"
และเมื่อชอยรีปะหน้ากับบูทัล บูทัลก็ใส่ชอยรีทันที
"หนอย เจ้ายังกล้ามาที่นี่อีก"
"ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกเจ้าดี พอแค่นี้เถอะ"
"เตรียมพร้อม" บูทัลสั่งคนของเขา
ชอย รีปรามว่า "พวกเจ้า ลืมเป้าหมายที่เราโค่นยูฮอนกันแล้วรึ วังเก็งชอยรี ใครที่ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ คนนั้นจะได้ครอบครองนังนังใหม่ เพื่อสิ่งนี้รึไง?"
"อย่าไปฟังเขาพูดเพ้อเจ้อ เขาเป็นคนฆ่าฝ่าบาท ในวันที่ฝังฝ่าบาทไว้ ก็ต้องจับเขาฝังตามลงไปด้วย ลุย" บูทัลต่อสู้ "ฆ่าเลย แม้แต่นายยังปกป้องไม่ได้ แล้วยังจะมีหน้าไปเจอใครได้อีก"
ชอย รีปรามอีก "แม่ทัพวังเก็งก็ตายไปแล้ว คนตายแล้วจะมาปกครองนังนัง กอบกู้นังนังยังไง ถ้าไม่อยากให้นังนังต้องถูกโกคูรยอยึดครอง พวกเจ้าควรหยุดได้แล้ว ต่อให้พวกเจ้าเคียดแค้นแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร คนที่จะต้านมูยุลได้ ก็เหลือแต่ข้าแล้ว"
"คน ปลิ้นปล้อน ใครไม่อยากเป็นกษัตริย์ ถ้ามีความทะเยอะทะยานอยากเป็น มันต้องวัดกำลังอย่างลูกผู้ชาย ใครที่คุยโอ้อวด ว่าจะไปจับปลาเลี้ยงชีพหา ตอนนี้ทำเป็นมาอ้างเรื่องมูยุลเหรอ เจ้าน่ะมันสุภาพชนจอมปลอมตัวจริง"
จาชิลเข้ามาดูแลชอยรีจนเขารู้สึกดีขึ้น นางถามว่า
"ท่านเป็นยังไงบ้างคะ อาการคลื่นไส้ลดลงรึยัง?"
ชอย รีกลับพูดว่า "พี่ใหญ่ วิญญาณท่านออกเดินทางรึยัง หรือว่ายังสถิตย์อยู่ที่นี่ เพราะผู้หญิงโลภมากคนหนึ่ง ที่มาทำลายเราทั้งสองคน เมื่อกลับถึงนังนังแล้ว ข้าจะจัดพิธีอย่างกษัตริย์ให้"
จาชิลแค้นใจ "ข้าทำลายท่านอย่างนั้นเหรอ ข้า ยังคิดว่าช่วยชีวิตท่านซะอีก นี่น่ะเหรอทำลาย"
"เจ้า ไม่เข้าใจผู้ชาย"
"ผู้ชายวิเศษตรงไหน ข้ายอมเสี่ยงชีวิตช่วยท่าน ไม่สู้ปล่อยท่านตายดีกว่างั้นเหรอ?"
" อย่างนั้นสิดี ให้ข้าตาย ด้วยมือพี่ยังดีกว่า ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก พอกลับถึงนังนังแล้ว เราสองคนต้องขาดกัน ถ้าเจ้ากลับจวนยองโฮไม่ได้ ก็กลับไปแมซีดัลเถอะ"
จาชิลหัวเราะ ชอยรีถาม "นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึไงหา?"
"ท่านก็คิดจะตัดขาด กับลาฮีด้วยเหรอ?"
"ลาฮีให้โมฮาซูเป็นคนเลี้ยง ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า ลาฮีจะหายดีหรือเป็นยังไง ให้โมฮาซูเลี้ยงเขาจะดีกว่า"
"ท่านมันสุภาพชนจอมปลอม"
ชอยรียอมรับ "ก็อาจจะ"
"รู้มั้ยมือที่เปื้อนเลือดพี่น้องมันเจ็บแค่ไหน ข้าทำเพื่อท่านนะ"
"ไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวเอง อย่าปัดให้คนอื่น"
" ไม่นะ ข้าทำไปเพื่อท่าน ข้าอยากเป็นมเหสี อยากให้ลาฮีเป็นกษัตริย์ ข้าอาจทะเยอะทะยาน แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด ถึงท่านเหยียดหยามข้าอย่างนี้ แต่ข้าก็ตัดความรักต่อท่านไม่ได้ ท่านไม่ยอมให้มือตัวเองเปื้อนเลือด ข้าก็ยอมเปื้อนเลือด พี่ชายแทนท่านเอง ทำเป็นโศกเศร้า ทำเป็นเสียใจ เป็นสุภาพบุรุษ ทำเป็นไม่กลัวตาย ไม่แยแสบัลลังค์ งอย่าเสแสร้งเลยน่า ข้าไม่ยอมแยกทางกับท่านหรอก"
"หึ นี่เจ้ายังคิดว่า เจ้าควบคุมโลกได้งั้นสิ?"
"โมฮาซูนางได้ครอบครองหัวใจท่าน แล้วตัวข้าล่ะ นอกจากอำนาจยังเหลืออะไร"
" ดี เพราะความช่วยเหลือของเจ้า ข้าจะได้เป็นกษัตริย์ ถึงข้าจะเคยอยากเป็น กษัตริย์นังนังเพื่อ สร้างบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข แต่ข้าเองก็อุตส่าห์ ตัดกิเลสต่ออำนาจนั้น คิดจะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เจ้ากลับทำมันพังหมด"
"อยากให้คนยกย่องท่านแบบนี้เหรอ ไม่ห่วงชีวิตคนในครอบครัว ขอแค่ตัวเองมีความสุข"
" ที่น่าเจ็บใจก็คือ เจ้าทำให้ข้าไม่เชื่อใจตัวเอง ข้าเองก็หวัง ให้พี่ใหญ่ตายรึเปล่า ข้าก็หวังว่าจะมี ใครมาฆ่าพี่ใหญ่แทนข้าใช่มั้ย? เป็นเหมือนเจ้า ที่เต็มไปด้วยกิเลสที่น่ากลัวอยู่? ข้าอยากฆ่าพี่ใหญ่เพื่อ แย่งบัลลังค์แห่งแคว้นนี้ใช่มั้ย? ต่อไปข้าคงต้อง นึกถึงใบหน้าของพี่ใหญ่ที่ ถูกแช่แข็งจนแดงเรื่อ หูก็คอยฟังเสียงด่า ว่าต้องพึ่งผู้หญิงช่วงชิงบัลลังค์ ไปตราบชั่วชีวิต"
"อย่ามัวคร่ำครวญ อยู่เลย ข้าเองก็ ต้องถูกตราหน้าว่าฆ่าพี่ตัวเอง ท่านก็ต้องรับด้วยเหมือนกัน ข้าวังจาชิล ถึงตายก็ไม่ไปจากท่าน แต่ข้า จะไม่ฝากความหวังกับท่านอีก อย่างน้อยข้าก็อยู่เพื่อลาฮี"
"ข้าจะไม่ให้ลาฮีขึ้นครองราชย์ ถ้าหากจามองยังไม่ตาย นางจะเป็นคนสืบบัลลังค์ข้า"
"ข้าไม่หวังจะพึ่งผู้ชายคนนี้หรอก ความรักจะอยู่ได้ถึงร้อยปี หรือพันปีเชียวรึ?"
ด้านโกคูรยอ อ๊กกูยังคงยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมรบ ส่วนซูจียอนกลับบอกพระเจ้ามูยุลว่า
"จะรับมือกับตาเฒ่าใน 5 เผ่านั้น ต้องเสวยให้มากเพคะ"
"ตาเฒ่านั่นมีซงอ๊กกูลุงเจ้าด้วย"
"จัดการลุงหม่อมฉันได้เลย ในเผ่าพีรูเองคงจะมีคน ที่สนับสนุนฝ่าบาทอยู่ไม่น้อยเพคะ"
"เจ้ามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อเผ่าพีรูไม่ใช่รึ?"
"ท่านลุงอาจส่งหม่อมฉันมา เพื่อผลประโยชน์ของเผ่าพีรู แต่หม่อมฉันไม่เหมือนพระมเหสีเอก"
"ตรงไหนล่ะ?"
" พระมเหสีบอกว่าหม่อมฉัน กับพระนางเป็นกิ่งก้าน ที่เกิดจากเผ่าพีรู แต่หม่อมฉันยอม ถวายชีวิตเพื่อฝ่าบาทมากกว่า ถ้าเผ่าพีรูไม่มีรากแล้ว ฝ่าบาทจะตัดกิ่งก้านโยนลงกองไฟก็ได้ เสวยมากๆ เพคะ"
พระเจ้ามูยุลหัวเราะ "ขอโทษๆ เจ้านี่เก่งจริงๆ"
"หม่อมฉันไม่ได้เป็นพระมเหสีโกคูรยอ แต่ยินดีเป็นผู้หญิงของฝ่าบาท"
พระเจ้ามูยุลตรัสในที่ประชุมว่า
" เราจะปล่อยให้ชาวโกคูรยอ ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นหัวขโมยโดยที่พวกเราไม่สนใจอย่างนี้ได้ยังไงหา? แล้วพวกเราจะมัวปล่อยให้ประชาชน ชาวโกคูรยอต้องคอยออกไปขโมยอาหารชาวบ้าน ตามชายแดนของแคว้นนังนังแบบนี้ไปเมื่อไหร่? ถ้าครั้งนี้ยึดครองนังนังได้ ข้าจะแบ่งแผ่นดินให้กับทั้งห้าเผ่าเท่ากันทุกๆ เผ่า ข้าจะแบ่ง 18 อำเภอของนังนังให้ตามผลงาน รวมไปถึงที่ดินศักดินาด้วย"
"ฝ่าบาททรงยอมตรัสถึงขนาดนี้แล้ว ยังมีเหตุผลอะไรจะไม่รบอีก เผ่าพีรูน่าจะยอมออกศึกได้แล้วละมั้ง?"
อ๊กกูรีบบอก "ไม่ได้หรอก ไม่ว่าประชุม 2 ครั้ง 10 ครั้ง หรือจะร้อยครั้ง เผ่าพีรูก็จะไม่ ร่วมออกศึกด้วยอย่างเด็ดขาด"
" ก็ได้ ศึกนังนังครั้งนี้เผ่าพีรูไม่ร่วมด้วยก็ได้ แค่เครู ฮวันนา ยอนนา ควันนาเข้าร่วมรบด้วยก็พอ แล้วเผ่าพีรูก็ อย่าหวังจะได้ครองแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้ว"
อูนาลูกล่าวว่า "สักวันหนึ่งถึงตอนที่ทั้งสี่เผ่าได้ หุงข้าวหอมของนังนังแล้ว เผ่าพีรูคงต้อง อุ้มหม้อเปล่ามาขอกิน หึๆ"
"ขอให้ไม่เสีย หม้อของโกคูรยอก็แล้วกัน" อ๊กกูย้อน
พระเจ้ามูยุลถามต่อ "แล้วเผ่ายอนนามี ทหารเข้าร่วมรบในศึกนี้เท่าไหร่?"
โฮแทตอบว่า "เผ่ายอนนาขอ ถอนตัวจากการรบครั้งนี้"
ซงแมซอซูรู้เรื่องที่ซูจียอนทูลพระเจ้ามูยุลก็โกรธมากตรงไปหานางทันที
"หม่อมฉันตกใจหมด คิดว่าพระมเหสี ทรงขนคนมาเยอะแยะเพื่อมาหาเรื่องซะอีก" ซูจียอนทำใจดีสู้
" เจ้าคงอยากตายมากสินะ ถอนรากถอนโคน กิ่งก้านจะออกดอกออกผลยังไง เจ้ายอมตัดรากเหง้าตัวเอง ไม่เป็นมเหสีโกคูรยอ ขอเป็นผู้หญิงของฝ่าบาทเหรอ?"
"เจ้าปากพล่อยใช่มั้ย?" ซูจียอนหันไปว่าคนของนาง
"หม่อมฉันควรตายเพคะ หม่อมฉันไม่กล้า ขัดคำสั่ง"
"ใช่แล้วล่ะ หม่อมฉัน พูดอย่างนั้นไปจริงๆ" ซงแมซอซูหัวเราะ
ซูจียอนกล่าวต่อว่า "แค่มีโอรสได้ทุกอย่างก็จบแล้ว เผ่าพีรูอยู่รอดข้าเองก็รอด ท่านพี่เองก็รอดด้วย ไม่ใช่หรือคะ?"
"ฮ่าๆๆ ขอบใจจริงๆ ยังคิดเผื่อข้าอีกเหรอ?"
"ไม่ต้องเกรงใจ ถึงเป็นลูกพี่ลูกน้อง แต่ยังไงก็เป็นพี่น้อง"
"แล้วเจ้าจะ ต้องตายเพราะปากของเจ้า"
"ส่วนพี่ก็คงจะ ตายเพราะอารมณ์ร้อนของพี่"
"สำหรับผู้หญิงเรา บ้านเกิดคือที่พึ่งสุดท้าย ถ้าเผาบ้านแล้ว เจ้าก็จะถูกเผาไปด้วย"
"ที่พึ่งเราไม่ใช่บ้านเกิด แต่เป็นลูกชายของเราต่างหาก"
"ฝ่าบาทมองโฮดง ไม่ใช่แค่ลูก แต่เป็นเหมือนโกคูรยอ ทางที่ดีจำเอาไว้ ว่าแปลว่าอะไร?"
เวลานั้นในที่ประชุม พระเจ้ามูยุลตรัสว่า
"ข้าจะตั้ง ท่านเป็นอำมาตย์ขวา"
อ๊กกูทูลถาม "ทรงอยากได้ นังนังถึงเพียงนั้นหรือพะยะค่ะ"
พระ เจ้ามูยุลตรัสว่า "ถ้าโกคูรยอจะตัดปัญหาเรื่องอาหารไป ไม่ข้ายึดก็ต้องโฮดงยึด ถ้ายังไม่ได้ก็ให้ลูกเขา หลานเขาเหลนเขา ต้องยึดครองนังนังมาให้ได้ นั่นคืออนาคตโกคูรยอ"
"นึกไม่ถึง ว่าฝ่าบาท จะใฝ่ฝันนังนังขนาดนั้น"
"หึๆๆ ไม่อย่างนั้น ข้าจะก้มหัวมาขอร้องท่านทำไมล่ะ?"
"หึๆๆๆ ในเมื่อทรง อยากจะแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ งั้นก็เปิดอกคุยเถอะ ทหาร 5 พันแลกตำแหน่งอำมาตย์คงจะขาดทุน"
"เอาแค่เท่าทุนก็พอแล้ว ทำการค้ากับข้าอย่าหวังกำไรเลยน่า"
"ทรงห้ามแต่งตั้งโฮดงเป็นรัชทายาท" อ๊กกูทูลอย่างไม่เกรงกลัว
"นี่ท่านพ่อตา โฮดงน่ะ ไม่ใช่เงื่อนไขต่อรอง เพราะถ้าสักวันหนึ่ง ถ้าข้าตายใครจะสืบราชบัลลังค์" พระเจ้ามูยุลตรัส
" พระองค์ยังทรง เห็นกระหม่อมเป็นพ่อตาอยู่รึเปล่า แม่ของแมซอลซู เอาแต่พร่ำว่าทำไมชีวิตลูกสาวอาภัพนัก ต้องร้องไห้อยู่ทั้งคืน ซงอ๊กกูเอง เห็นแล้วก็เจ็บปวดเหลือเกิน"
"เฮอะๆๆๆ นึกไม่ถึงท่านห่วงมเหสีข้าขนาดนี้ หึๆ"
" ถ้าพระองค์จะทรงยอมมีโอรสกับ ซูจียอนด้วย มันก็คง ไม่เป็นไร แต่โปรดให้โอรสแมซอลซูด้วย ถึงตอนนั้น เพื่อองค์ชายที่จะ สืบทอดบัลลังค์ ตาแก่อย่างกระหม่อมจะยอม ออกรบเอานังนังมาถวายเอง"
000000000000000
โมฮาซูเชิญคณะกายกรรมเฮๆ ฮาๆ มาแสดงให้ลาฮีดู เด็กหลายคนพากันตื่นตาตื่นใจ
โมฮาซูถามลาฮี "เป็นไงลูก มหัศจรรย์มากใช่มั้ย นั่งสิน้องจาชิล"
"คารวะนายหญิงผู้สง่างาม"
"ลาฮี สนุกมั้ยลูก เรามาปรบมือกันนะ อย่างนี้พวกเขา จะได้มีกำลังใจแสดงสนุกๆ ให้ลาฮีดู นะ?" โมฮาซูพยายามชวนใก้ลาฮีสนุกไปกับการแสดง
จามองเฝ้ามองโมฮาซูกับลาฮีแล้วอดบ่นกับอิลพูมไม่ได้
"อิจฉาจัง องค์หญิงคนนั้น"
"องค์หญิง? คุณหนูนั่นเหรอ ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลย"
"ข้าได้ยินพวกพี่สาวคนสวยแอบคุยกันน่ะ เขากำลังจะเป็นองค์หญิง แต่ถูกผีเข้าขวัญเลยหายไปน่ะ"
"มีอะไรน่าอิจฉา"
"ถึงเขาจะขวัญหาย แต่ก็ยังมีแม่ที่รักเขา"
"พี่รับปากว่าจะช่วยเจ้าหาไง"
" หาเจอแล้วยังไง พวกเขาเป็นพ่อแม่ที่ไม่รักเรา เขาอยากให้เราตาย ทิ้งเราลงทะเลอย่างกับขยะเหมือนของไร้ค่า" จามองยังรู้สึกแค้นพ่อกับแม่ของเธอที่ทำกับเธอเช่นนี้
มีชูกล่าวขึ้น "บัดนี้ ขอให้ทุกท่านตั้งตาชม การแสดงมีดบินค่ะ"
อิลพูมหันมาถามจามอง "เจ้าไหวรึเปล่า?"
"บางทีอาจจะ ทำให้ผีในตัวองค์หญิงตกใจหนีก็ได้"
มี ชูกล่าวต่อว่า "น่าเร้าใจ และหวาดเสียวมาก ผู้แสดงปามีดคือจอมพลังคนเมื่อกี้ ชาชาซุง แล้วก็ผู้ที่จะรับ มีดอันหวาดเสียว คือสาวน้อย ผู้ทรงพลังและน่ารัก บุ๊กกู"
โคบีขำ "ตลกจัง เด็กเนี่ยน่ะเหรอทรงพลัง"
"แหะๆ ท่านคงไม่รู้อะไร บุ๊กกูของพวกเราน่ะ วันหน้าจะต้อง สามารถแสดงเป็นเด็กทรงพลังได้แน่"
"แต่งตัวอย่างนี้ยิ่งสวยนะ ต้องเป็นจอมพลังคนสวยแน่ๆ"
"ขอบพระทัย พระมเหสี"
โมฮาซูรีบห้าม "เดี๋ยวก่อนค่ะ เด็กน้อยเขาไม่กลัวหรือ?"
"สาวน้อยทรงพลังของเราชื่อบุ๊กกูขอรับ บุ๊กกูหมายถึงไม่ร้องไห้ บุ๊กกูที่ใจกล้ากว่า ผู้ชาย"
จามองกล่าวว่า "ข้าไม่เป็นไรพระมเหสี"
"อีกอย่างข้าเองก็ ไม่มีพลาดหรอก แหะ" ชาชาให้ความมั่นใจ
ทันใดนั้นลาฮีก็ลุกตรงไปตำแหน่งของชาชา ทุกคนร้องห้ามแม้แต่ชาชาเองก็บอกว่าไม่ได้ แต่จาชิลกลับย้อนว่า
"ทำไมถึงไม่ได้หา?"
โมฮาซูปรามอีกคน "ดีไม่ดี จะโดนเด็กคนนั้น"
จาชิลเถียง "ลาฮีเคยฝึกกระบี่มาก่อนนะ"
"กับการแสดงจะเหมือนกันได้ไง"
ชาชาว่า "ถูกต้องแล้วครับนายหญิงครับ กระบี่กับการแสดงต่างกัน จะล้อเล่นไม่ได้หรอกครับ"
"หึ ต่อให้ปาถูกเขาจริง แค่เด็กชั้นต่ำจะเป็นไรไป ขอแค่ลาฮีได้หายเป็นปกติ ต่อให้ข้าต้องขึ้นไปข้าก็ยอม"
โมฮาซูอึ้ง "น้องจาชิล"
"คิดว่าจะตามหาจามองเจอ เลยอยากให้ลาฮีเป็นอย่างนี้ไปล่ะสิ"
โมฮาซูโมโห "พูดอะไรนะหะ"
อิลพูมกล่าวออกมาว่า "ทำไม่ได้ครับ"
"เขาเป็นน้องเจ้าหรือ?" โมฮาซูถาม
"ถึงนางจะดูไร้ค่า แต่ก็ล้ำค่าสำหรับข้า ไม่ควรรองรับอารมณ์ใคร" อิลพูมว่า
แต่พอมีชูได้ขอมีค่าก็รีบบอกว่า "ว้าว ปิ่นปักผมมีค่าอย่างนี้ ขอบคุณมากค่ะนายหญิง เร็วเข้า ไปเตรียมตัวสิ"
ชาชาปราม "มีชู ถึงยังไงเราก็ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ"
"แล้วจะทำไง ต่อให้ตอนนี้ถูกลากไปตีตาย พวกเราก็พูดอะไรไม่ได้หรอก คงไม่เป็นไรหรอก เขาเคยฝึกกระบี่นี่" มีชูเถียง
โมฮาซูตัดสินใจบอกว่า "เขามีฝีมือกระบี่ไม่เลว ขอแค่แท่นหมุนอยู่นิ่ง คงไม่เป็นไรหรอก"
จามองกล่าวว่า "ไม่เป็นไรหรอก เขาเคยฝึกกระบี่ อีกอย่างมีดบินก็ไม่คมมาก ถ้าจะช่วยให้องค์หญิงหายได้จริง ก็ให้นางลองดูเถอะ"
จามองเฝ้ามองลาฮีตาแทบไม่กระพริบแล้วคิดในใจ "เฮ้อๆ อย่าปามาที่คอก็พอ ข้าไม่เป็นไร"
ลาฮีขว้างมีด จนทำให้จามองเกิดบาดเจ็บ ทุกคนพากันตกใจยกเว้นจาชิลที่สะใจมาก ทุกคนรีบเข้าไปดูจามอง โมฮาซูต่อว่าลาฮี
"ทำไมถึงใจร้ายอย่างนี้"
จาชิลอึ้งไป "ท่านพี่"
"แม่น่ะ แม่ ไม่ได้สอนเจ้าอย่างนี้ เจ็บมากรึเปล่า" โมฮาซูเข้าไปดูจามองและพาไปทำแผล
โมฮาซูสั่งให้จามองถอดเสื้อออกจะได้ใส่ยา แต่จามองร้องลั่น
"ไม่ได้ ข้าไม่ยอมให้ใครเห็นตัวข้า"
โคบีช่วยพูด "ยาที่นายท่านพกติดตัวตอนรบ ยาสมานแผลทำจากกระดูกเสือ"
โมฮาซูปลอบ "อย่าโกรธเลยนะ ตอนนี้ลูกสาวข้าป่วยหนักมาก ที่จริงเขาเป็นเด็กใจดี เพราะป่วยถึงเป็นอย่างนี้"
"ต่อให้นางป่วย ต่อให้เป็นองค์หญิง ข้าก็อภัยคนที่จะฆ่าข้าไม่ได้หรอก"
"นั่นสิ เจ้าพูดถูกแล้ว"
"อีกอย่างหนึ่งนะ คนที่จิตใจดีน่ะ ต่อให้ถูกผีสิงก็ไม่มีวันเลวหรอก"
"คือว่า ไม่ว่าเป็นคนดีแค่ไหน เมื่อเจอกับเรื่องเกินจะรับได้เข้า บางครั้งเขาก็ อาจเป็นอย่างนั้นได้ เดี๋ยวนะ เด็กน้อย"
"มันคงจะแพงมากใช่มั้ย?" จามองย้อนถาม
"คงจะอย่างนั้น"
"ถ้าท่านอยากให้ ก็เอาให้หัวหน้าคณะเถอะ ข้าไม่เอา"
"เดี๋ยวก่อน งั้นเจ้ารับนี่ไป"
"คนชั้นต่ำอย่างข้าน่ะ ไม่ทายาแพงแพงนี่หรอก เต้นกินรำกินอย่างเรา ใช้กระดูกปลาหมึกทาก็หายแล้ว ข้าขอตัวก่อนค่ะ"
"เดี๋ยวก่อนหนู"
"อะไรอีกคะ"
"งั้นรับนี่ รับของนี่ดีมั้ย?"
"ข้าไม่เอา"
" ชื่อบุ๊กกูใช่มั้ย ขอโทษนะ ทำให้รู้สึกเสียศักดิ์ศรี คนเราพอโตขึ้น หน้าก็จะหนาขึ้นด้วย เลยไม่รู้ว่า ทำให้คนอื่นเจ็บปวดแค่ไหนน่ะ คิดแต่ว่าใช้เงินแล้ว จะแก้ไขทุกอย่าง ได้อย่างง่ายดายน่ะ ให้อภัยข้านะ ลุงจอมพลังนั่น เป็นพ่อของเจ้าเหรอ"
"ข้าไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ในคณะของเราน่ะ มีแต่พวกเด็กที่ถูกขายมา ไม่ก็ถูกเขาทิ้งมา เพราะยากจนไม่มีกิน พ่อแม่เลยขายลูกเพื่อให้ตัวเองได้กินอิ่ม หรือทิ้งเพราะเกลียดเพราะอยากให้ตาย"
โมฮาซูอึ้งไป "บุ๊กกู"
จามองเดินออกไป โคบีกับโมฮาซูพยายามจะเรียกไว้ แต่จามองก็ไม่ยอมหยุด
เวลานั้นลาฮีก็อาละวาดใส่จาชิล
"ข้าเกลียดแม่ที่สุด ทั้งโหดเหี้ยม ทั้งน่ากลัวทั้งดุร้ายใจดำ ข้าเกลียดที่สุดที่ เกิดเป็นลูกสาวของแม่"
"แม่ก็ไม่ได้ชอบลาฮีนักหรอก เจ้าทั้งไม่สวย ทั้งไม่เข้มแข็ง แถมไม่ใช่ผู้ชายอีก ไม่รู้จักดูตัวเองบ้าง ทำเป็นมาว่าคนอื่น หึ"
"ถ้างั้น ท่านมาสนใจข้าทำไมล่ะหา?"
" เพราะเจ้าเป็นลูกแม่ พ่อแม่ก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ขอแค่เป็นลูกที่คลอดออกมาจากท้อง ไม่ว่าจะเก่งหรือไม่เอาไหน ก็เป็นคนสำคัญ ทุกครั้งที่ลูกเริ่มก้าวเดิน ก็กลัว ว่าเขาจะเหยียบเลอะโคลน จนแทบอยากจะปูพรมให้"
"หึ เรื่องแค่นี้ ไม่ใช่ลูกที่เกิดจากท้องก็ทำได้ แม่โมฮาซูก็ทำให้ข้าแบบนี้ ปล่อยข้า ขยะแขยง"
"เจ้าไม่ใช่ลูกโมฮาซู เป็นลูกข้า ลูกสาววังจาชิล"
"ข้าน่ะเจ็บใจตรงนี้แหละ บอกตามตรงนะ ข้าเป็นลูกแท้ ๆ แม่โมฮาซูยังดีกว่า"
จาชิลหัวเราะ "ฮะๆๆๆ ยัยเด็กโง่เอ้ย"
"ทำไมหา?"
"เจ้าลองไปถาม แม่โมฮาซูดู แม่คะ ตอนเด็กๆ ทำไมถึงคิดจะฆ่าข้า"
"ท่านโกหก แม่จะฆ่าข้าได้ยังไงหา?"
"นางคงหาข้ออ้างมาแก้ตัว เจ้าก็ไปถามว่า ท่านแม่ ถ้าระหว่างข้ากับจามองลูกสาวท่าน ถ้าต้องช่วยใครสักคน แม่จะเลือกช่วยใครคะ?"
"แล้วจามองเป็นใครล่ะ?"
"อยากรู้นักก็ไปถามนางสิ"
"ข้าไม่เชื่อเรื่องที่ท่านพูดหรอก"
"ยัยเด็กบ้า ข้าต้องทำแบบนั้นถึงช่วยเจ้าได้ ไม่ว่าโมฮาซูรักเจ้าแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้หรอก"
เวลาเดียวกันนี้ชอยรีก็คุยอยู่กับยูลุง ซึ่งยูลุงกล่าวกับเขาว่า
"น่าเสียดายจริงๆ บังเอิญเหลือเกิน มาเกิดขึ้นเอาตอนกำลังจะไปเฝ้าฮ่องเต้"
"ขอให้ท่านช่วย กราบทูลฮ่องเต้แทนพวกข้าด้วย"
" แคว้นนังนังใหม่น่ะ ว่าไปแล้วต้องนับว่าเป็นศัตรูที่ทำลายนังนังของชาวฮั่น แต่ลูกหลานเลือดผสมฮั่นและโชซอนรุ่นต่อมา ก็นับได้ว่าเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันอยู่"
"ข้ารู้ว่าท่านอ๋องยูฮอน นับเป็นลุงของท่านยูลุง"
ยู ลุงหัวเราะร่า "ฮ่าๆๆๆๆๆ มาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ทำไมกัน ยังไงโลกนี้ก็มีไว้สำหรับคนมีชีวิตอยู่ เจอกันคราวหน้า ท่านคงเปลี่ยนฐานะเป็นกษัตริย์นังนังคนใหม่ ยินดีด้วย คู่ต่อสู้คนนี้จัดการได้สวยงามไม่เบา"
ด้านชีโซก็แอบมาถามชาชาว่าเห็นเรือลำเล็กที่มีเด็กทารกลอยมีหรือไม่
"ท่านถามข้าว่า เห็นเรือลำเล็กที่มีเด็กทารกลอยมามั้ยเหรอ?"
"ได้ยินว่าคณะท่าน มักไปฝึกซ้อมกันริมทะเล ดังนั้นพวกท่านอาจเคยเห็น เคยเห็นมั้ย?"
"เรื่องนั้นเหรอ?"
"ไม่เคยเห็นเลยเหรอ?"
"คือว่า"
มีชูย้อนว่า "คือว่า ถ้าช่วยเจ้าแล้ว พวกข้าจะได้อะไรล่ะ?"
"เจ้าเห็นเหรอ?"
"อ้อ ไม่ ถึงพวกข้าจะไม่เคยเห็น แต่ท่านบอกว่าลอยมาติดที่นี่ พวกข้าก็จะลองตามหาดู ขอแค่ค่าตอบแทนบ้างก็พอ แหะๆ"
"รอให้หาเจอก่อนค่อยว่ากันเถอะ"
"ข้าเป็นคนอยากรู้อยากเห็น เลยอยากถามหน่อย ทำไมเด็กนั่นถึงถูกจับใส่เรือลอยมาล่ะ?"
ชีโซกล่าวว่า "นานมาแล้ว ข้าก็เคยตอบ คำถามนี้กับคนคนหนึ่งมาเหมือนกัน ข้าบอกว่ามีหลายคนแล้วที่ตายเพราะถามเรื่องนี้"
อิลพูมพูดคุยกับจามองที่นั่งซึมเศร้าอยู่
"เจ้าเนี่ยนะ รู้มั้ยว่าพี่ตามหาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มานั่งซึมเศร้าอยู่ทำไม เวลาแสดงก็ต้องเจ็บตัวบ้างแหละ"
" ข้าคิดเสร็จแล้วล่ะ" อิลพูมงง "ข้าไม่ยอม ให้ใครใช้กระบี่รังแกข้าอีกแล้ว ต่อให้เป็นองค์หญิง เป็นกษัตริย์ก็ไม่ได้ ข้าจะฝึกกระบี่ ไม่ว่าต้องสู้กับผู้หญิง หรือว่าสู้กับผู้ชาย ข้าก็จะเป็นยอดนักกระบี่ให้ได้"
"จะไปไหน บุ๊กกูๆ"
"ข้าจะไปหาอาจารย์"
ด้านโมฮาซูก็นั่งคิดถึงคำพูดของจามอง จนโคบีเรียก นางจึงกล่าวว่า
"ข้านึกถึงคำของบุ๊กกู พ่อแม่อยากให้พวกเขาตาย เลยทอดทิ้งพวกเขา ทิ้งพวกเขาเพราะความจน จามองจะลำบากเหมือนเขามั้ย?"
"ท่านต้องเชื่อว่า คุณหนูคงอยู่อย่างสุขสบาย"
"สืบเรื่องเรือเล็กได้มั้ย?"
"เรารีบร้อนออกมาเกินไป เลยยังไม่ได้สืบให้ละเอียด แต่ข้าจ้างคนไว้ เขาบอกว่าถ้าได้ข่าวแล้ว จะรีบแจ้งเราทันที"
"ลาฮีมาแล้วเหรอ เมาเรือมั้ยคะ ลองอมชะเอมดู จะได้รู้สึกดีขึ้น"
ลาฮีเข้ามาก็ถามทันทีว่า "ข้าได้ยินจากชีโซว่า ท่านเคยโยนข้าลงสระน้ำเพื่อฆ่าข้าใช่มั้ย?"
โมฮาซูตกใจ "ลาฮีนั่นมัน"
"ช่างมันเถอะน่า มันผ่านไปแล้ว แต่ว่าข้า อยากถามอะไรท่านแม่เรื่องหนึ่ง ท่านห้ามโกหกข้านะ ท่านต้องตอบ ข้ามาตามตรงนะ"
"ได้ ได้สิจ๊ะ"
"ระหว่างข้า กับจามองลูกแท้ๆ ของท่าน ถ้าตกลงไปในสระน้ำด้วยกัน ท่านแม่ ช่วยใครได้แค่เพียงคนเดียว ท่านจะช่วยใครหา?"
โมฮาซูทั้งอึ้งและตกใจ โคบีกล่าวว่า "คุณหนูคะ เรื่องอย่างนี้น่ะ"
ลาฮีตัดบทว่า "ทงโคบีไม่ใช่แม่ข้า หุบปากได้มั้ย ท่านตอบข้ามาสิ ตอบสิท่านแม่ เรื่องนี้มันสำคัญ สำคัญๆๆ กับข้ามาก"
"ลูกแม่" โมฮาซูเรียก
"ตอนนี้ ข้าต้องการแค่คำตอบ"
"แม่คง คงต้องช่วยจามอง แต่ว่าลาฮี"
ลาฮีได้คำตอบก็จะออกไป โคบีเรียก "คุณหนูคะ"
โมฮาซูกล่าวต่อว่า "แม่จำเป็นต้องทำนะ แม่ต้องช่วยจามอง แต่ว่าลูกแม่ แม่ ช่วยจามองเสร็จแล้ว แม่ก็จะตายไปพร้อมลาฮี"
พระเจ้ามูยุลมีรับสั่งถามองค์ชายโฮดงว่า
"เห็นท่าทีของเผ่าพีรูครั้งนี้แล้ว โฮดงเจ้าคิดว่ายังไง?"
"หม่อมฉันว่าการเมืองโหดร้ายมาก ผู้นำไม่มีสิทธิ์ขาด ดูแล้วไปคงจะลำบากไม่น้อย"
อูนาลูทูลว่า "ข่าวลือเรื่อง ซงอ๊กกูเสนอไม่ให้ตั้งโฮดงเป็นรัชทายาท รู้กันไปทั่วทั้ง 5 เผ่าแล้ว"
"หม่อมฉันอยากรู้ ว่าตอนนั้นเสด็จพ่อ ทรงตอบไปว่ายังไง?" องค์ชายโฮดงทูลถาม
บัลโซว่า "ข่าวนั้นก็ลือกันว่าฝ่าบาท ไม่ได้ทรงตอบรับ"
พระเจ้ามูยุลตรัสว่า "เส้นทางที่เดิมไม่ไกล ตอนนี้ต้องเดินอ้อมไกลซะแล้ว"
"พระองค์ ทรงหมายความว่า"
"เขาไม่ยอมให้กำลังทหารจะทำไงได้ ก็ต้องเปลี่ยนใจเรื่องการยึดครองนังนัง โฮดงเองก็ ถึงวัยที่ควรอภิเษกแล้ว"
"ทรงคิดเลือกพระสนม จากเผ่าพีรูหรือพะยะค่ะ"
"โฮดงคงต้อง ไปแต่งงานกับลูกสาวชอยรี ตอนส่งทูตไปเคารพศพวังเก็ง ก็ให้สู่ขอลูกสาวชอยรีด้วย"
องค์ชายโฮดงอึ้ง "เสด็จพ่อ"
จบตอนที่ 11

จามอง 12
ยัง เฮกับบูทัลบุกมาที่ตำหนัก แล้วยิงธนูจุดไฟเผา ทำให้บ้านเรือนผู้คนวอดวายไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจาชิลที่ถูกไฟลวกจนผิวพุพองไปหมด เหตุการณ์นี้ทำให้ทหารทั้งหลายกับจาชิลพยายามบีบให้ชอยรีต้องประหารยังเฮให้ ได้
จามองเห็นว่าอิลพูมไม่สบายมาก ก็บอกมีชูให้พาไปหาหมอ แต่มีชูไม่ยอมอ้างว่าไม่มีเงินแล้วตอนนี้ก็มีสงคราม ออกไปก็มีแต่จะตาย มีชูบอกว่าจะต้มโจ๊กให้กินแทน จามองนำโจ๊กมาป้อนให้อิลพูม
"พี่คะ พี่คะ พี่ตื่นขึ้นมาหน่อยสิ มากินโจ๊กสักหน่อยจะได้มีแรงน่ะ กินโจ๊กจะมีแรงได้เหรอ ไก่น้อย ข้าขอแค่น่องไก่ก็พอ แค่นิดเดียวก็พอ ข้าเอาไม่เยอะหรอก จับได้แล้ว หนอย เสร็จข้าล่ะ นี่ เจ้าตัวแสบ จะวิ่งหนีทำไมหา เดี๋ยวพี่ข้าก็อดหรอก"
ขณะที่จามองเข้าไปรื้อค้นเพื่อหาปิ่นที่มีชูได้มา เธออปิ่นที่ปักอกขณะที่ถูกลอยมาในเรือตอนเด็ก กับเสื้อที่ปักคำว่าสิริมงคลเอาไว้
"ทำไมถึงมีชุดเด็ก ตัวอักษรนี่ ตัวอะไรเนี่ย เหนียวอะไรเนี่ย เลือด ทำไมอยู่บนเสื้อเด็ก?" จามองสงสัย
จามองนึกถึงคำพูดของโซโซที่บอกเธอว่า
" หึ นี่ ยัยบุ๊กกู อย่ามีเรื่องกับข้าดีกว่า ตอนที่เจ้านั่งเรือผุๆ ลำนั้นมาติดฝั่งกับเฮ็งแจน่ะ ข้าเป็นคนแรกที่เห็นพวกเจ้านะ ตอนที่เจ้าถูกปิ่นปะการังปักอกจนเกือบตายตอนนั้นน่ะ ข้าช่วยเจ้าไว้นะ"
"อะไร หรือว่านี่เป็นของข้า นี่มันชื่อของข้าเหรอ ใครจะไปสนใจกันล่ะ หึ จำได้ว่าไม่ใช่อันนี้นี่ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ เจ็บที่ตรงนี้นะ"
ขณะที่โฮคกก็สืบจนรู้ว่าลูกสาวของชอยรีอยู่ในคณะกายกรรมก็ดีใจมาก
" ฮ่ๆๆๆ ลูกสาวของชอยรี อยู่ในกลุ่มเด็กพวกนี้ ท่านอ๋อง ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปียังไม่สาย เสียดายข้าไม่เอาไหน ยังแก้แค้นให้ท่านไม่ได้ แต่ขอให้ท่านรออีกหน่อย เพราะข้าเห็นความหวังแล้ว ฮ่าๆๆๆ"
มีชูมองโฮคกอย่างหวาดกลัว "คนคนนี้ คงสติไม่ค่อยดีใช่มั้ย?"
ชาชาก็เห็นด้วย "นั่นสิ ข้าว่าชีวิตเขาต้องเคยเจออะไรมาเยอะ"
" โธ่เอ้ย ในยุคสงครามอย่างนี้ ใครบ้างไม่เคยเจอเรื่องร้าย ข้าว่า บุ๊กกูกับเฮ็งแจ เราเอาเรื่องไปบอกคนที่มาถาม แล้วเอาเงินรางวัลมากันดีมั้ย?"
"ไม่ทันดูว่าเงินนั่นเอามาได้มั้ย แค่เห็นเงินก็กระโดดไปคว้า ระวังหัวเจ้าจะได้ย้ายบ้านนะ" ชาชาเตือน
" ฮึ่ย เขาอาจได้เจอพ่อแม่นะ ก็ได้ ข้าก็อยากดูสิว่า เงินก้อนนี้ตกลงจะรับได้รึเปล่า เลี้ยงพวกเขามาตั้งนาน ข้าก็รักของข้าเหมือนกันนะ เห็นข้าเป็นคนยังไงเนี่ย?" มีชูว่า
จามองกลับมาจะพาอิลพูมไปหาหมอ เวลานั้นอิลพูมฝันถึงแม่แคบีและกำลังเพ้อ
"ท่านแม่ ท่านแม่"
แคบีเรียก "อิลพูม ทำยังไงดี"
"ท่านแม่"
" ถึงมันจะเป็นวังมังกร เจ้าก็ต้องตามไปถึงนั่น ตามกระแสน้ำไป ถ้าเป็นที่ที่คุณหนูน้อยไป ไม่ว่าที่ไหน เจ้าก็ต้องตามไป ดูแลท่านแทนแม่ด้วยรู้มั้ย?"
อิลพูมตื่น "ท่านแม่"
"พี่ชาย ข้ากำลังจะพาพี่ไปหาหมอ"
"พี่หายแล้วล่ะ"
"เรามีเงินนะ"
"อย่าหลอกพี่เลยน่า เจ้าจะเอาเงินมาจากไหนล่ะ ต่อให้มีเงินก็ไม่ต้อง"
"พี่ฝันถึงท่านแม่เหรอ?"
"บางครั้งก็ฝัน ว่าเห็นป้าคนหนึ่ง ในฝันจำได้ ว่าท่านป้าคนนี้เป็นใคร แต่พอตื่นขึ้นมา กลับจำอะไรไม่ได้เลย"
"ไม่ต้องไปจำมันหรอก"
"ป้าคนนั้น อาจเป็นแม่เราก็ได้"
"เรื่องที่ว่าอยากหาแม่ ก็ช่างมันเถอะ"
"พี่ต้องตามหาแม่ให้ได้ พี่รับปากเจ้าแล้ว ก็ต้องทำได้"
"ไม่ต้อง ไม่ต้องหา ข้าไม่อยากรู้ พ่อแม่เราอาจจะเป็น พวกคนบ้าก็ได้ ไม่งั้นจะทำแบบนี้กับเราได้เหรอ?"
"บุ๊กกู หรือว่าเกิดอะไรขึ้น?"
" ไม่ต้องหา ไม่ต้องหา บอกว่าไม่หาแล้ว ไม่อยากถามแล้วว่าทำไมทิ้งเรา ข้าไม่อยากรู้ พี่เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ของบุ๊กกู แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ถึงไม่มีแม่ก็ไม่เป็นไร" จามองร้องไห้
ด้านโมฮาซูมาหาลาฮี แต่ลาฮีกับทำหมางเมิน
"ทำไมสองวันนี้ ไม่เห็นเจ้าไปหาแม่เลยล่ะ?"
"ข้ายุ่งอยู่น่ะ ข้าต้องคอยดูแลท่านแม่น่ะ"
"ไหนดูหน่อยสิ ดีนะที่ตุ่มพองยุบแล้ว เดี๋ยวพอผิวหนังใหม่ขึ้นคงจะเจ็บแย่"
"เดิมมันก็เจ็บอยู่แล้ว ยังจะเอาลมร้อนมาเป่าอีก"
"คือแม่ไม่ทันระวังน่ะ นี่เป็นไขปลาวาฬ แม่ทาให้นะ"
"ไม่เอา มันเหม็นออก"
"ผิวใหม่จะได้ขึ้นเร็วไง"
"ท่านแม่เป็นหมอเหรอ ข้าก็มียาดีอยู่แล้ว เอามาจากซองชียอน ข้าเหนื่อยแล้ว อยากนอน"
"ก็ได้ ทายาเสร็จแล้วก็นอนนะ ตอนนอนคันแค่ไหนก็ห้ามเกานะ เดี๋ยวเป็นแผล"
"ข้าจะถามท่านอีกครั้ง ถ้าจามองลูกท่านกับข้าตกน้ำ ท่านจะเลือกช่วยใครก่อนหา? ท่าทางยังเป็นจามอง ข้ารู้แล้ว รีบออกไปเถอะ"
"ทำไมถึงเอาแต่ถามให้ตัวเองเจ็บใจอยู่ได้? เจ้าน่ะ ไม่ควรลองใจคนอื่น วันหน้า เมื่อเจ้ามีความรักแล้ว ก็ไม่ควรทดสอบหัวใจเขาแบบนั้น"
" รีบออกไปสักที ข้าง่วงแล้ว ข้าง่วงแล้วๆ ท่านแม่ ข้าไม่ได้เกลียดท่านแม่หรอก ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ชอบท่านแม่หรอกนะ ที่จริงข้าก็คิดถึง อยากไปหาท่านแม่ที่ตำหนักยองอันทุกวัน แต่ตอนนั้นข้าจะคิดถึงคำที่ท่านแม่พูดเอาไว้ ท่านบอกว่าจะช่วยแต่จามอง ไม่สนใจว่าข้าเป็นหรือตาย แม่จาชิลก็บอกว่าท่านต้องช่วยจามอง คำพูดนี้ คำพูดนี้ มันวนเวียนในหัวข้าไม่หยุด ฮือๆๆๆ"
"เดี๋ยวเจ็บหูนะลูก"
"ท่านแม่นั่นแหละไม่ดีๆๆ ฮือๆ"
"สำหรับแม่แล้ว ไม่ว่าเป็นจามองหรือเจ้า ก็สำคัญมากทั้งนั้นแหละ อย่างนี้ก็ไม่ได้เหรอ"
"ข้าไม่ยอมหรอก ท่านแม่ต้องเป็นแม่ข้าคนเดียว ไม่ใช่แม่ของจามองที่ตายไปแต่เป็นแม่ของข้า"
"ลูกแม่"
" ถ้าเป็นข้าจะต้องเลือกที่จะช่วย ท่านแม่ก่อนท่านแม่จาชิลแน่ๆ ทำไมท่านแม่ถึงทำกับข้าแบบนี้หา เพราะท่านแม่แหละไม่ดี ท่านแม่แหละไม่ดี ฮือๆๆๆๆ"
"แม่ผิดไปแล้ว ถ้าลาฮีต้องเสียใจขนาดนี้ แม่ก็ยิ่งเสียใจนะ ไม่ร้องไห้นะลูก หืม ไม่ร้องไห้นะ"
ลาฮียังร้องไห้ไม่หยุด
0000000000
ขณะที่ซงแมซอซูก็สั่งให้ยังเดิ้กต้มยามาให้ดื่ม
" ตัวยาในครั้งนี้ มันต่างกับครั้งก่อนนิดหน่อย แอยอน ฮวังเบ็ก แล้วก็ยาจีโม ถึงจะบอกว่าพิษไม่แรงมาก แต่ถึงยังไง มันก็ยังเป็นยาพิษนะเพคะ"
"แล้วยังไงล่ะ กินตัวอื่นแล้วหยุดรอบเดือนไม่ได้นี่"
ยังเดิ้กว่า "แต่พิษมันรุนแรง มันอาจมีผลกับอวัยวะภายในนะเพคะ"
"มันไม่เจ็บปวด มากกว่าตายหรอกน่า"
"พระมเหสี ทรงคิดให้ดีเถอะเพคะ"
"ส่งมา" ซงแมซอซูดื่มแล้วอาเจียน
"โอ๊ะๆ พระมเหสี"
"ไปต้มมาใหม่สิ"
"ไม่ได้เพคะ"
"ยังเดิ้ก"
"ต่อให้หม่อมฉัน กล้าแค่ไหน ก็เอายาพิษให้เสวยไม่ได้เพคะ"
"ถ้าโฮดงแต่งกับลูกชอยรีแล้วมีลูก ยังไงข้าก็ต้องตาย ในเมื่อไม่มีอะไรต้องเสีย ยังมีอะไรต้องกลัวอีก ไปต้มมาอีก"
องค์หญิงยอรังกับอูนาลูช่วยกันแต่งตัวให้องค์ชายโฮดง องค์หญิงยอรังถามว่าชอบมั้ย องค์ชายโฮดงกลับตอบว่า
"ข้าไม่สนใจหรอก"
"เจ้าต้องไปสู่ขอองค์หญิงนังนังแต่งงาน ก็ต้องแต่งตัวให้หล่อหน่อยสิ"
"ข้า เกลียดขี้หน้าเด็กที่ชื่อลาฮีคนนั้น"
"ลูกสาวชอยรีชื่อลาฮีเหรอ ชื่อก็เพราะดีนะ ลาฮี"
อูนาลูรีบเอ่ยชมองค์หญิงยอรังอีกว่า "จะไปสู้ชื่อเจ้าได้ยังไง ยอรัง เพราะที่สุดแล้ว แหะๆๆๆ"
องค์ชายโฮดงว่า "เด็กคนนั้นไม่สมกับชื่อเลย ทั้งอ้วนแล้วก็น่าเกลียดด้วย"
"ผู้หญิงน่ะ ก็เหมือนกับนกแต้วแหละ ถ้าแม่สวยขนาดนั้นจริง โตขึ้นก็ไม่ผิดจากแม่หรอก นางจะผอมลง แล้วก็สวยขึ้นแน่"
"นางอารมณ์ร้ายจะตาย แถมยังโหดเหี้ยม ยิ่งท่าแกว่งดาบนั่นอีก เฮ้อ จะให้ชอบเหรอ เป็นไปไม่ได้"
"เอาน่า อย่างน้อยนางต้องมีเสน่ห์แน่ นางเป็นถึงองค์หญิง แถมใกล้เป็นพระสนมโกคูรยอ อย่างน้อยก็ต้องโหดหน่อยสิ"
"องค์ชายโฮดงเชื่อเถอะ พอดับไฟนอนบนเตียง ผู้หญิงก็ไม่ค่อยต่างกันนักหรอก" อูนาลูว่า
"ดูอาจารย์พูดเข้า"
" องค์ชายองค์หญิงจะอภิเษกเพราะความรักเหรอ? เราจะต้องทำไปเพื่อบ้านเมือง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตยังต้องทำเลย อารมณ์ร้ายหน่อยแล้วไง หน้าตาไม่สวยแล้วยังไง"
"เรื่องนี้ข้ารู้ดี ฐานะของข้า คงจะไม่มีสิทธิ์ไปเลือก อะไรมากมายหรอก"
"เฮ้อ ถ้าลูกสาว ของชอย รีปฏิเสธการสู่ขอจะทำไง ได้ยินว่าคราวก่อนเจ้าก็ไปตบหน้าเขา"
" ข้าบอกท่านแล้วไง ข้าโฮดง ต้องสืบราชบัลลังค์ เป็นกษัตริย์โกคูรยอ ต่อให้ยัยเด็กนั่น ให้ข้ามุดลอดหว่างขานาง ข้าก็จะต้องทำ ข้าต้องแต่งงานกับลูกชอยรี ทำให้นังนังเป็นแผ่นดินเดียวกับโกคูรยอ"
นางกำนัลคนหนึ่งนำเรื่องที่ได้ยินทั้งสามคุยกันไปเล่าให้ซงแมซอซูฟังอย่างละเอียด
"ลอดใต้หว่างขาลูกชอยรีก็ได้เหรอ?"
"ทั้งหมด ที่หม่อมฉันกราบทูลไป เป็นคำพูดขององค์ชายเพคะ" นางกำนัลทูล
"เจ้ากลับไปตำหนักซูยางได้ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ" ซงแมซอซูถามยังเดิ้ก
"พระมเหสี"
"เจ้าไม่ได้ยินเหรอ เพื่อให้อยู่รอดโฮดงยังยอมขนาดนี้ แค่นี้ข้าจะทำไม่ได้เหรอ? อุๆ" ซงแมซอซูจะอาเจียน
"ถึงหม่อมฉันทำแทนได้ก็ดี ทำไมสวรรค์ ถึงโหดร้ายกับพระองค์อย่างนี้ พระมเหสี"
"ข้าไม่เป็นไร"
"ทรมานมากมั้ยเพคะ"
"พระมเหสี ฝ่าบาทเชิญให้เข้าเฝ้าเพคะ"
"ฝ่าบาทเชิญพระองค์เข้าปรึกษา เรื่องการอภิเษกขององค์ชายเพคะ"
บัลโซ อึลดูจี อ๊กกูกำลังดูของที่จะนำไป
"หนังเสือ 3 ผืน หนังจิ้งจอกขาว 3 หยกเหลือง หยกขาว พลอยน้ำเงิน อย่างละครึ่งชั่ง" บัลโซว่า
อึลดูจีว่า "หนังเสือนั่นแบ่งผืนหนึ่งให้งานศพของวังเก็ง อีกผืนให้ในงานราชาภิเษกชอยรี แล้วอีกผืนก็มอบให้กับองค์หญิงลาฮี"
อ๊กกูค้านว่า "หนังจิ้งจอกขาวไว้ตัดชุดผู้หญิง เอาไปใช้ในงานศพคงไม่เหมาะ"
"ขนจิ้งจอกให้กับพระมเหสีเอก อีกสองผืน ก็แบ่งให้องค์หญิงลาฮีผืนหนึ่ง กับพระมารดาขององค์หญิง"
"ยังมีอย่างอื่นอีกมั้ย?"
"ยังอ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งเลย"
"ทองแท่ง 30 คู่ ไม้สนแดงอีกจำนวน 200 ต้น" บัลโซอ่านต่อ
"ไม้ ไม้สนแดงเหรอ?"
"ถ้าจะพูดเรื่องคุณภาพไม้นะ ต้นไม้ที่ดีที่สุดก็คือต้นไม้ ที่สามารถทนลมหนาวแม่น้ำจาของพีรู ฮะๆๆ"
"แล้วไงล่ะ?"
"ตามธรรมเนียมโกคูรยอหลังจากแต่งงาน จนมีลูก และจนกว่าลูกชายจะโต จะต้องอยู่ที่บ้านของภรรยา"
"อือหือ"
" แต่เราจะยอมให้องค์ชายของเรา ประทับที่นังนังจนผมขาวไม่ได้ แต่ก่อนมีโอรสก็ต้องอยู่ที่นังนัง อย่างนี้ก็ต้องสร้างบ้านใหม่ที่แข็งแรงด้วยไม้สนแดง ฮ่าๆๆ องค์ชายโฮดงคงจะดีใจแน่ พูดต่อๆ แหะๆๆ"
"แพรต่วน 300 ผืน ผ้าฝ้ายสี่ร้อยผืน"
" ผ้าฝ้าย ฮ่าๆๆๆ ๆๆๆๆๆ นี่คิดจะขนหมดโกดังเผ่าพีรูเลยรึ ฮ่าๆๆ แค่สู่ขอยังให้ของขนาดนี้ แล้วถ้า อภิเษกกันจริง เผ่าพีรูคงถูกถอนรากถอนโคนแน่"
"ฮะๆ องค์ชายจะอภิเษก ท่านเป็นถึงท่านตาของแค่นี้ก็ควรให้อยู่"
"ถ้าตายังให้ มากถึงขนาดนี้ แล้วฝ่าบาทเตรียมไว้มากแค่ไหนล่ะ?"
"ท้องพระคลัง ค่อนข้างจะฝืดเคือง"
"อืม ก็ลงทุนกับ วังเก็งไปซะเยอะ สุดท้ายก็สูญเปล่าไปหมด"
"เดี๋ยวๆๆ นี่ยังอ่านไม่จบเลย"
"เรื่องการอภิเษกน่ะ มันยังต้องรอดูกันไปก่อนมั้ง"
อ๊กกูออกมาก็พบกับซงแมซอซู
"จะไปตำหนักพอนซูเหรอ?" อ๊กกูทัก
"พ่อก็เหมือนกันเหรอ?"
"พะยะค่ะ เชิญทางนี้หน่อย เราจะต้องยับยั้งการอภิเษกของโฮดง"
"แต่ว่านี่เป็น ประพระสงค์ฝ่าบาท"
"จุดอ่อนที่สุดของเจ้าโฮดง คือไม่มีครอบครัวฝ่ายแม่ให้พึ่งพา ถ้าชอยรีกลายเป็นที่พึ่งของเขา เขาก็จะยิ่งเหมือนเสือติดปีก"
"ท่านโน้มน้าวอูนาลูได้มั้ย?"
" ไม่แน่ พวกเขา ดูยินดีกับการอภิเษกนี้มาก ถ้าหาก โฮดงสามารถเปิดทางให้โกคูรยอไม่ต้องเอาแต่พึ่งพาข้าวสาร ไขปลาวาฬและเกลือฮอนโด เหลียวตง ทุกคนคงยิ่งดีแน่"
"พระมเหสีโกคูรยอ จะต้องมาจากเผ่าพีรูเท่านั้น"
"ปัญหาเรื่องตำแหน่งน่ะ ไม่มีความหมายเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ชิ้นใหญ่ แมซอลซู เจ้าดูหน้าซีด ไม่สบายเหรอ?"
"ค่ะ เหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยง"
"อืม จุ๊ๆๆ ต้องดูแลสุขภาพให้ดีหน่อย เราเหมือนเดินอยู่บนยอดไม้ไผ่ยังมีเวลามาป่วยอีกเหรอ?" อ๊กกูเตือน
องค์หญิงยอรังกล่าวกับองค์ชายโฮดงว่า
"ข้าเตรียมเครื่องสำอางกับเครื่องประดับไว้แล้ว"
"ขอบพระทัยมาก เสด็จอา"
"โฮดงแต่งงานให้เตรียมอะไรข้าก็ยินดี เจ้าเตรียมอะไรล่ะ?"
ซูจียอนว่า "เตรียมคำอวยพรอย่างจริงใจ"
องค์หญิงยอรังโกรธ "ว่าอะไรนะ?"
" เพิ่งจะเข้าวังมายังไม่นาน ยังไม่มีสมบัติสักเท่าไหร่ แต่ถึงยังไงพระมเหสีเอกกับท่านลุงก็ต้องเตรียมไว้แล้ว ถ้าหม่อมฉันให้ของ ก็เป็นของที่ได้จากฝ่าบาทอยู่ดี" ซูจียอนกล่าวเอาใจพระเจ้ามูยุล พระเจ้ามูยุลหัวเราะออกมา
"พระมเหสีเอกเสด็จพะยะค่ะ"
"ถวายพระพรเสด็จแม่"
"พ่อตาก็มาด้วยรึ?" พระเจ้ามูยุลทัก
"ถึงยังไงกระหม่อมก็เป็นตา จะอดใจไม่มาคุยเรื่องงานอภิเษกขององค์ชายได้ยังไง ฮะๆๆ"
"พระมเหสีเชิญนั่งสิ ท่านพ่อตาด้วย"
"ได้ยินเสียงพระสรวล คิดว่าหลังคาตำหนักจะพังมาซะแล้ว"
ซูจียอนทักขึ้นว่า "พระมเหสีไม่ดีพระทัยหรือ? จะทรงได้ลูกสะใภ้แล้ว"
"ข้าต้องดีใจสิ ใครว่าไม่ดีใจ มันน่าดีใจออก พริบตาก็โตเป็นผู้ใหญ่จะแต่งงานแล้ว"
"ทั้งหมด ก็เป็นเพราะเสด็จแม่ ที่เอาพระทัยใส่เลี้ยงดูหม่อมฉันมา"
อ๊กกูทูลเตือน "เรื่องสู่ขอ ควรทบทวนใหม่มั้ยพะยะค่ะ?"
"ทำไมล่ะ อภิเษกตอนนี้ก็ไม่เร็วไปหรอก โฮดงเองก็โตแล้วนี่" องค์หญิงยอรังไม่เข้าใจ
อ๊กกูทูลว่า "ไฟไหม้ ในนังนังที่ผ่านมาไหม้นานอยู่ถึง 2 วัน ผู้คนยังตื่นตกใจ"
"ท่านนี่รู้ ทุกอย่างจริงนะ"
"ถ้าภรรยาของวังเก็งถูกประหารชีวิต ลูกน้องของวังเก็งก็จะลุกขึ้นสู้รบกับพวกชอยรี"
"แล้วไงล่ะ คิดว่าชอยรีจะแพ้รึไง?"
"ผลสุดท้าย คงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ กระหม่อมแค่เป็นกังวลเพียงว่า องค์ชายอาจจะตกที่นั่งลำบากกว่าเดิมพะยะค่ะ"
"ชอยรีจะไม่มีทางแพ้แน่" องค์ชายโฮดงกล่าวอย่างเชื่อมั่น
"ทำไมล่ะ?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
" ถึงจวนยองโฮ ครอบครอง 7 อำเภอที่อุดมสมบูรณ์ แต่ใน 18 อำเภอ มีถึง 11 อำเภอ ที่ยังอยู่ในมือของชอยรี อีกอย่างหนึ่ง 7 อำเภอทางใต้ก็เสีย ผู้นำอย่างวังเก็งไป เขาจะเอาอะไรมาสู้ชอยรี?"
อ๊กกูว่า "โอ้ว ต่อให้ที่ตรัสมาเป็นจริง ถ้าชอยรี ไม่รับพระองค์เป็นราชบุตรเขยจะทำไง?"
"ชอยรีต้องอยากที่จะผูกมิตรกับโกคูรยอแน่" องค์ชายโฮดงเชื่อเช่นนั้น
"แต่ลูกสาวเขาอาจจะไม่ยอมนะ" ซูจียอนว่า
"ข้าจะทำให้นางไม่เกลียดหน้าข้า ไม่ต้องทรงเป็นห่วง เสด็จแม่"
"พ่อตาจะต้องไปนังนัง เพื่อเป็นราชทูตสู่ขอให้โฮดง"
"โอ้ ภารกิจใหญ่อย่างนี้ทรงมอบให้กระหม่อมหรือ?"
" เพราะท่านอาวุโสที่สุดในราชวงศ์ ที่สำคัญที่สุด มีเพียงแต่ข้ากับท่าน ที่รู้ดี ว่าตอนนี้โกคูรยอ ต้องการอะไรมากที่สุด ดังนั้น ถึงยังไงท่านก็ต้อง ทำให้เขารับการอภิเษก ถ้าหากท่านทำไม่สำเร็จ ข้าจะให้ท่าน ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย"
ซูจียอนกล่าวกับซงแมซอซูว่า "ทำท่าอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ไม่พอใจการอภิเษกครั้งนี้รึไง?"
"ไม่ใช่อย่างนั้น"
"เหงื่อเจ้าออกเต็มเลย พี่สะใภ้ เป็นอะไรเหรอ?" องค์หญิงยอรังทัก
พระเจ้ามูยุลสังเกต "ไม่สบายตรงไหน เจ้ากลับไปพักที่ตำหนักก่อนเถอะ"
"ขอประทานอภัยฝ่าบาท หม่อมฉันขอตัวเพคะ"
"พระมเหสี"
"ตายแล้ว นี่อะไรกันเนี่ย"
"มเหสี พระมเหสี"
"รีบไปตามหมอหลวงมาเร็ว ยังมัวนั่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบมาประคองอีก"
"เพคะฝ่าบาท"
0000000000
โมฮาซูลงมาที่คุก มาโจเฝ้าอยู่คอยต้อนรับ
"เหตุใดพระมเหสี จึงเสด็จมาที่คุกล่ะ?"
"ข้าจะมาเยี่ยมนายหญิงแห่งยองโฮ ทำไมทำอย่างนี้?"
"นายหญิงโม เป็นนักโทษพะยะค่ะ"
"นางอาจเป็นนักโทษ แต่ก็ยังเป็นนายหญิงแห่งยองโฮ ผู้ชายหยามไม่ได้ ผู้หญิงก็ฆ่าได้หยามไม่ได้เหมือนกัน แก้มัดนางเดี๋ยวนี้"
"ถ้าเราแก้มัดนาง นางอาจจะฆ่าตัวตาย"
ยังเฮสวนว่า "ถ้าอยากตายจริงวิธีมีเยอะไป กัดลิ้นตัวเองก็ได้ หรือจะเอาหัวโขกกำแพงก็ยังได้"
โคบีรีบเตือน "นายหญิงเจ้าคะ อย่าพูดอะไรน่ากลัวอย่างนั้นเลย"
ยังเฮฮึดฮัดอีก "ไอ้ชั่วเอ้ย คิดว่ามีแต่ผู้ชายอย่างเจ้า ถึงจะเป็นวีรบุรุษกันได้รึไงหา?"
โมฮาซูสั่ง "แก้มัดเดี๋ยวนี้"
"ใช่ แก้มัดข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะได้ออกไปหานังวังจาชิล ข้าได้ยินเสียงแต่กรีดร้องของมันตอนถูกไฟเผา มันขาดใจตายรึยัง?"
ด้านจาชิลก็เจ็บปวดกับการรักษาแผลเป็น จนทนไม่ไหวไล่หมอออกไป ลาฮีมาดู
ชีโซว่า "ทรงเจ็บปวดขนาดนั้น หม่อมฉันก็ทนดูไม่ได้เพคะ"
หมอบอกว่า "เวลาเหลือไม่มากแล้ว ต้องรักษาก่อนจะเป็นแผลเป็น ต้องรักษา ตอนที่ตุ่มพองยังไม่แตก ถึงจะได้ผลพะยะค่ะ"
"เป็นไรเหรอ?" ลาฮีถาม
"เมื่อก่อนพระมเหสี ได้ชื่อว่างามที่สุดในแคว้นนังนัง เป็นอย่างนี้ จะยอมให้คนอื่นเห็นได้ไงเพคะ"
"งั้นท่านช่วยสอนข้า สอนวิธีรักษาให้ข้าก็ได้" ลาฮีบอกหมอ
จากนั้นลาฮีก็นำยาเข้าไปรักษาให้จาชิล
"นี่เป็นน้ำเต้าที่แช่แข็งมาตั้งแต่ปลายใบไม้ผลิปีก่อน"
จาชิลกับบอกว่า "ไม่จำเป็น"
"เอาน้ำเต้ากับน้ำแข็งผสมน้ำ แล้วต้มเปลือกฮวังเบ็กมาประคบที่แผล จะช่วยลดอาการแสบร้อนได้นะคะ"
"เอาออกไป"
ลาฮียังพยายาม "เอาผ้าฝ้ายมาให้ข้าที ผ้าผืนนี้เป็นผ้าที่ ชุบด้วยน้ำมันถั่วผสมกับน้ำมันงา ข้าพันให้ท่านแม่นะ"
"บอกแล้วว่าไม่ต้อง"
"ทำไมละคะ? ท่านแม่ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ แค่นี้ก็พอแล้วนี่ เจ็บแค่นี้ก็ทนไม่ได้เหรอ?"
"ต้องตัวตายถึงเรียกว่าตายเหรอ? ถ้าใจตายมันก็เหมือนตายเหมือนกัน ฮือ ตอนนี้ข้าไม่ใช่แม้แต่ผู้หญิง ฮือๆๆ"
"อยากสวยที่สุดในนังนังขนาดนั้นเชียว อายุก็ปูนนี้แล้ว"
ชีโซตกใจ "องค์หญิงเพคะ"
"ให้พวกนางออกไปก่อน" ลาฮีสั่ง
จาชิลดุ "เด็กนิสัยเสีย"
" ข้าอาจเป็นเด็กนิสัยเสีย แต่ท่านแม่กลับไม่รู้ความเลย ร่างกายของท่าน นอกจากท่านพ่อแล้วท่านจะให้ใครดู อีกอย่างท่านพ่อก็ ไปหาแต่แม่โมฮาซูอยู่แล้วนี่"
"หุบปากเดี๋ยวนี้นะ"
"คนเลวไม่ได้มีแค่ท่านป้านะ แต่ท่านแม่เป็นคนเริ่มก่อน"
ชีโซพยายามเตือน "องค์หญิงเพคะ"
ลา ฮียังไม่หยุด "วันนี้อาจารย์เพิ่งสอนข้ามาประโยคหนึ่ง ต้องเปลี่ยนมุมมอง จะปกครองประชาชนให้ดี กษัตริย์จะต้องเข้าใจความคิดประชาชนซะก่อน"
"บอกให้หุบปากไง"
"ลองนึกถึงจิตใจของท่านป้าบ้างสิ ต้นเหตุมันเริ่มมาจากท่านแม่ ผลก็ต้องตกมาอยู่ที่แม่สิ"
จา ชิลหัวเราะ "ก็จริง ในโลกนี้ ทุกอย่างมันต้องมีผลลัพธ์ พี่ใหญ่เองก็ มีจุดจบแบบนั้น เพราะคิดจะฆ่าพวกเรา ถึงตอนที่โมยังเฮต้องชดใช้แล้ว"
"ท่านแม่คะ"
"จะน้ำเต้าเย็นอะไร หรือเปลือกฮวันเบ็กนั่น ไปเอามาให้หมด"
เวลานั้นโมฮาซูยังอยู่ที่คุก และสั่งมาโจว่า
"อย่างน้อยก็น่าจะให้นางกินสบายหน่อย"
"พะยะค่ะ พระมเหสี"
"ถึงจะทานอะไรไม่ค่อยลง แต่ก็ต้องทานอะไรบ้างนะคะ"
ยังเฮว่า "ตัวแข็งไปหมด คราวหน้าเอาเหล้ามาให้ข้านะ เอาแบบแรงแรงด้วย"
" ในนี้ไม่ค่อยสบาย ข้าจะส่งคนรับใช้มาให้ท่าน ไปเอาฉากกั้น มาบังตรงนี้ด้วย ที่นี่ไม่มีห้องน้ำเลย จะปล่อยให้ถ่ายโล่งโจ้ง ต่อหน้าผู้คนได้ไง"
โคบีรับคำ "ได้เพคะ"
ยัง เฮกล่าวว่า "ชอยรีมีโชคเรื่องเมียดี ได้ขึ้นครองราชย์เพราะเมียอย่างจาชิล แถมมีเมียแสนดีอย่างเจ้าอีก ก่อนที่ข้าจะต้องถูกเพชฌฆาตประหารชีวิต คงลำบากเจ้าหน่อยนะ ฮะๆๆ"
"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ"
ด้านชอยรีก็ปรึกษากับโฮแค ลูจีว่า
"จะจัดการกับโมยังเฮยังไง?"
โฮแคตอบว่า "ต้องประหารตัดเอวพะยะค่ะ"
"ฮาโฮแค เจ้าจะบ้าไปแล้วเหรอ?"
ลู จีกล่าวว่า "เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ บ้านชาวบ้านไหม้ไป 67 หลัง ร้านค้ากับโรงเตี๊ยม ทั้งหมดอีก 31 ร้าน ประชาชนฝ่าบาทที่ถูกไฟคลอกตาย ก็มากกว่า 30 คน ถ้าเราไม่ยอมประหารโมยังเฮ ประชาชนจะยอมรับได้หรือ?"
"ทำไม่ได้" ชอยรีว่า
"ถ้าโทษการตัดเอวหนักเกินไป ก็ประหารตัดหัว"
"จะให้ข้า ตัดหัวของนางอย่างนั้นเหรอ ข้าไม่ได้มาเป็นกษัตริย์เพื่องนี้ ไปคิดมาใหม่"
โฮแคกับลูจีช่วยกันว่า "ขอทรงโปรดลงโทษประหารด้วย"
คนอื่นพูดตาม "ขอทรงโปรดลงโทษประหารด้วยๆๆๆ"
ลูจีมาบอกเรื่องที่ประชุมกันให้จาชิลรับทราบ จาชิลไม่พอใจ
"ข้าผิดหวังจริงๆ นี่มันก็เดือนกว่าแล้ว ยังตัดสินใจไม่ได้อีกเหรอ?"
"ฝ่าบาททรงดื้อมากพะย่ะค่ะ" ลูจีว่า
"ถ้าเราพลาดคงแย่แน่ ปล่อยให้โมยังเฮมีชีวิต สักวันนังนังต้องถูก แบ่ง ออกเป็นสองส่วนแน่"
"ขอให้พระมเหสี ช่วยไปทูลฝ่าบาทด้วยพะยะค่ะ ในเวลาเยี่ยงนี้ มีแค่หนทางเดียวเท่านั้น"
วันรุ่งขึ้น ชอยรีก็นำเรื่องนี้มาประชุมอีก เขากล่าวขึ้นว่า
"วันนี้ มาสรุปกันได้แล้ว"
โฮ แครีบบอก "บูทัล โทชัล จะต้องถูกประหารตัดเอว ขุนนางในจวนยองโฮ ต้องถูกลงโทษเช่นกัน หลังรับโทษโบยแล้วจับไปเป็นทาส ส่วนนายหญิงโม ขอให้ประหารตัดหัว"
ชอยรีโกรธ "เจ้า ฮาโฮแค"
ลูจีกล่าวต่อว่า "อดีตโชซอนมีข้อต้องห้าม 8 ข้อ ส่วนแคว้นนังนังใหม่ มีข้อต้องห้าม ทั้งหมด 13 ข้อพะยะค่ะ"
ชอยรีคัดค้าน "นายหญิงโมเป็น ภรรยาที่ท่านแม่ทัพวังรักมากที่สุด ศพของท่านตอนนี้ ยังไม่ได้ฝังดินเลยนะ"
ลูจีอ้าง "ถ้าฝ่าบาทฝืนกฎหมายแล้ว ยังจะมีใครรักษาอีกพะยะค่ะ"
"ข้า เคยกินข้าวที่นางทำให้ เป็นร้อยชามเลยนะ" ชอยรีกล่าว
จาชิลเข้ามา ลูจีกับโฮแค "พระมเหสีรอง"
"เจ้ามาได้ยังไง? หา"
"พระองค์ไม่เสด็จไปหา หม่อมฉันก็ต้องมาเองสิ"
"ตำหนักนี้มีไว้ถกปัญหาบ้านเมือง ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรมา"
" ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ทรงเห็นใจโมยังเฮแต่ไม่เคยนึกถึงหม่อมฉันเลยเหรอ โมยังเฮน่ะ นางคิดจะฆ่าหม่อมฉัน เป็นความผิดมหันต์ นางฆ่าประชาชนเป็นฆาตกร ก่อความวุ่นวายในแคว้นนังนัง มีโทษฐานกบฏ"
"เจ้าไปพักเถอะ" ชอยรีไล่อย่างสุภาพ
"ก่อนที่พระองค์จะลงโทษโมยังเฮตามกฎหมาย หม่อมฉัน จะไม่ยอมไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวแน่"
"ข้าไม่มีวันเปลี่ยนใจ ยังไม่พานางกลับตำหนักอีก"
"หมายความว่า จะปล่อยโมยังเฮที่ทำ ให้หม่อมฉันต้องเป็นอย่างนี้เหรอ?"
โฮแคกับลูจีเตือน "พระมเหสีรอง โปรดระงับความกริ้วพะยะค่ะ"
" ทอดพระเนตรดูสิเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงอีกแล้ว แม้แต่แม่ก็ไม่ใช่ ฝ่าบาทยังปรารถนา แตะต้องร่างกายแบบนี้อีกมั้ย หม่อมฉันไม่ตายก็เหมือนตายไปแล้ว"
"พอเถอะ มาถอดอะไรต่อหน้าขุนนาง รีบใส่เสื้อซะ" ชอยรีดุ
"หม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว ไม่มีอะไรต้องอายแล้ว ยังจะมีอะไรให้ใครดูไม่ได้อีก"
ลูจีปลอบ "พระ มเหสีรอง พวกกระหม่อมก็ต่างเข้าใจ ความรู้สึกของพระองค์พะยะค่ะ"
โฮแคช่วยกล่อม "ทรงรับสั่งประหารโมยังเฮ ที่ทำให้พระมเหสีเป็นอย่างนี้ด้วยพะยะค่ะ"
"โปรดประหารโมยังเฮด้วยพะยะค่ะ"
"โปรดประหารโมยังเฮด้วยพะยะค่ะ"
"ทรงแก้แค้นให้พระมเหสีรองด้วยพะย่ะค่ะ"
"ทรงแก้แค้นให้พระมเหสีรองด้วยพะย่ะค่ะ"
จามองถูกจับได้ว่าขโมยปิ่น จึงถูกจับตี อิลพูมพยายามจะช่วย แต่ถูกชาชาดุ
"หยุดนะ เจ้าเฮ็งแจ ถ้าเจ้ายิ่งมาทำแบบนี้ บุ๊กกูจะถูกตีมากขึ้นอีก"
ยูรีดุ "เฮ็งแจ หยุดเคาะเถอะน่า เวลาหัวหน้าโมโห น่ากลัวออกนะ"
อิลพูมร้องถาม "บุ๊กกูของข้าทำอะไรผิด?"
โซโซว่า "ทำเรื่องควรโดนตีน่ะสิ ยัยเด็กคนนี้ช่างกล้านัก กล้าเข้าไปขโมยของท่านน้าได้"
"น้องสาวข้าไม่ใช่ขโมยนะ"
"ใครว่าไม่ใช่ขโมย แอบไปเอาของคนอื่นก็คือขโมยสิ"
"บุ๊กกูของข้าไม่ใช่ขโมย" อิลพูมร้องลั่น
มีชูโมโห "หนอย ถ้าข้าไม่ได้เปิดดูคงจะถูกเจ้าหลอกไปแล้ว"
จามองร้อง "ข้าเจ็บนะ เลิกตีข้าได้แล้ว"
"นังเด็กคนนี้ มันน่าตีมันให้มือหักเลยจริงๆ เอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน เอามาจากไหน ห๊ะ?"
"เจ้ายอมรับผิดซะ บอกว่าจะไม่ทำอีก พูดสิ"
"ข้าไม่พูด"
"แน๊ะ ยังกล้าแข็งข้อเถียงข้าอีก?"
"ข้าไม่ได้ทำผิด"
" อะไรนะ เฮ้อ คนเขาถึงว่า เก็บเอางูเห่ามาเลี้ยงยังดีกว่าไปเก็บเด็กมาเลี้ยงซะอีก เพราะเป็นอย่างนี้สิพ่อแม่ถึงได้ทิ้ง ห๊ะ ถึงกับกล้าขโมยของเหรอ รีบเอาคืนมา เอามา"
"ข้าแค่ เอาของตัวเองคืนผิดด้วยเหรอ?"
"ห๊ะ? ชาชาซุง เมื่อกี้เขาพูดอะไรนะ?"
"บุ๊กกู ไหนเจ้าลองพูดอีกทีสิ"
"ก็มันของข้านี่ มันคือปิ่นที่ปักอกข้าไม่ใช่เหรอ?"
"ใครบอกเจ้าหา?"
"ก็พี่โซโซไง สกปรกแบบนี้เก็บไว้ทำไม ทิ้งไปเถอะ ทิ้งไปได้แล้ว" จามองวิ่งหนี
มีชูอึ้ง "บุ๊กกู เฮ้ นี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
อิลพูมร้องเรียก "บุ๊กกูๆ"
"นี่ บุ๊กกู นี่อย่าให้ข้าจับได้เชียวนะ เฮ้อ ทำยังไงดีล่ะ?"
"ข้าก็บอกให้ทิ้งไปตั้งนานแล้วไง" ชาชาว่ามีชู
อิลพูมตามมาดูแลทาแผลให้จามอง
"ถกกางเกงขึ้นสิ พี่จะทายาให้เอง"
"พี่คะ ข้าชื่อว่าอะไรเหรอ"
"บุ๊กกู"
"เขียนยังไงเหรอ เมื่อก่อนหัวหน้าเคย หาคนเขียนหนังสือเขียนให้เราดู พี่เขียนเป็นมั้ย?"
"อืม ชื่อพี่เขียนยังไงพี่ลืมแล้ว แต่ชื่อของบุ๊กกูพี่ไม่ลืมหรอก"
"ไหนเขียนสิ นี่เป็น ชื่อของข้าจริงๆ เหรอ?"
"อืม อย่าร้องไห้ ต้องโตขึ้นต้องเข้มแข็ง บุ๊กกู"
"นี่ไม่ใช่ ชื่อของข้า ชื่อจริงๆ ของข้า เป็นแบบนี้ เขียนยังไงนะ?"
"คำนี้ อ่านว่าบุ๊กกูจริงๆ เหรอ?"
"ข้าก็ไม่รู้หรอก"
"เจ้ารู้ได้ยังไง?"
"มันปักอยู่บนเสื้อที่ข้าใส่ตอนเด็กๆ"
โฮคกเข้ามาดู "เจ้าบอกว่าคำนั้นเป็นชื่อเจ้าเหรอ?"
"อา เป็นไงบ้างคะ ข้าเคยเห็นท่านตอนแสดงที่เรือนรับรอง"
โฮคกหัวเราะนิดๆ "แหะๆ ดีมาก ข้ายังสบายดี"
อิลพูมทัก "สวัสดีครับ"
"ท่านลุงอ่านหนังสือออกมั้ย?"
"หนังสือ พอรู้บ้างนิดหน่อย"
"นี่เขียนว่าอะไรเหรอ?" จามองถาม
"โชมิว แค่กๆ มันหมายถึงลูกหมูไงล่ะ?"
จามองหัวเราะ "ตลกจัง"
อิลพูมดุ "บุ๊กกู"
"ก็มันตลกนี่ นี่เป็นชื่อด้วยเหรอ ตลกกว่าบุ๊กกูอีก"
"เมื่อก่อนข้า ก็ไม่ได้ชื่อนี้หรอก แต่ตอนหลังกลายเป็นแบบนี้"
"เหมือนกันเลย เมื่อก่อนข้าไม่ใช่ชื่อบุ๊กกู นี่ต่างหากชื่อของข้า แต่ข้าอ่านไม่ออกหรอก"
โฮคกอ่าน "คิลซัง"
จามองอ่านตาม "คิลซัง?"
อิลพูมถาม "มันหมายความว่าอะไรเหรอ?"
"หมายความว่าขอให้มีแต่สิ่งดีๆ มีแต่ความโชคดีน่ะ" โฮคกตอบ
"ยอดไปเลย ดีกว่าบุ๊กกูตั้งเยอะแน่ะ"
"เป็นชื่อที่ดีมาก ดีมากๆ คิลซัง ไม่รู้เป็นลูกบ้านไหน ชื่อดีจริงๆ" โฮคกหัวเราะ
ขณะนั้นจาชิลก็สั่งลูจีถึงเรื่องประหารว่า
"เรื่องการประหาร ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะ"
"กระหม่อมจะรีบให้เร็วที่สุด"
"แล้วคอยจับตาจวนยองโฮไว้ วันประหารน่ะ พวกเขาจะต้องเอาทหาร จาก 7 อำเภอมาช่วยโมยังเฮแน่"
เวลาเดียวกันยังเฮก็กล่าวกับโมฮาซูว่า
"รีบประหารข้าเร็วแบบนี้ ต้องขอบคุณเขาจริงๆ"
"ข้าต้องขออภัยท่านด้วยค่ะ"
"ข้ารอวันนี้มาตลอด ข้าอยากรีบไปเจอท่านแม่ทัพตั้งนานแล้ว เฮ้อ ข้ามีเรื่องไหว้วานเจ้าหน่อย"
"เรื่องอะไรก็บอกมาเถอะค่ะ"
" ช่วยหาเพชฌฆาตฝีมือดีให้ข้าที ได้ยินว่า ลั่วหยางมีเพชฌฆาตที่ประหารพวกเชื้อพระวงศ์โดยเฉพาะ ให้เขาตัดคอ คงจะไม่เจ็บมาก ถ้าปล่อยให้หัวถูกตัดเละไปหมด ไปเจอท่านแม่ทัพในปรโลก ข้าคงขายหน้าน่าดู หึๆ หึๆๆๆ ฮ่าๆๆ"
พระเจ้ามูยุลเสด็จมาเยี่ยมซงแมซอซู
"เจ้านั่งลงเถอะ"
"วันนี้ไม่ใช่ วันที่จะเสด็จตำหนักโอซอนนี่นา"
"ได้ยินว่าเจ้าไม่ค่อยสบาย ก็เลยมาดูว่าคนที่แข็งแรงมาตลอด ทำไมจู่ ๆ เป็นอย่างนี้"
"คงแก่แล้วมั้งเพคะ"
"หึๆๆ อีกนานกว่าเจ้าจะแก่"
"หม่อมฉัน หม่อมฉัน"
"พูดมาสิ ทำท่าทางแปลกๆ มัวลังเลอะไรอยู่หา?"
"ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ฝ่าบาทได้ทรง ให้สัญญาหม่อมฉันเรื่องหนึ่งเพคะ ตอนนี้ หม่อมฉันไม่มีรอบเดือนแล้วเพคะ"
ชีโซเข้ามาพบจาชิล และไล่นางกำนัลออกไปหมดก่อนจะบอกจาชิลว่า
" ข้าได้ยินจากยายขายขนมที่มกจีดุน นางบอกว่าวันนั้น มีเรือเล็กลอยผ่านมา นางเห็นตอนไปเก็บหญ้าทะเลค่ะ ดูเหมือนจะหา คุณหนูจามองเจอแล้ว"
"อยู่ที่ไหน ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน ใครเก็บจามองไปเลี้ยงหา?"
"เป็นคณะกายกรรมที่เคย มาแสดงที่เรือนรับรอง ชื่อคณะเฮเฮฮาฮาอะไรนี่แหละ พระมเหสี จะทำยังไงดีเพคะ"
"จามอง ควรตายในแม่น้ำยอลซูนานแล้ว ถึงช้าหน่อย แต่ถึงเวลาที่เราควรเอาชีวิตเขาแล้ว"
"พระมเหสี"
จบตอนที่ 12

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี ละครช่อง3
อ่านต่อ

จามอง - เรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ - จามอง ตอนที่ 1-10

จามอง ยอดหญิงผู้พิทักแผ่นดิน 1

เมื่อมูยุลแห่งโกคูรยอมีพระ ชนม์สูงขึ้น ก็มีความต้องการที่จะขยายดินแดน โดยจะยึดครองแคว้นนังนัง ทว่านังนังมีกลองจามอง (จามองโกแปลว่ากลองจามอง และแคว้นนังนังก็มีองค์หญิงชื่อองค์หญิงจามอง) เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมือง จึงทำให้ยึดไม่สำเร็จ สุดท้าย ด้วยความรักขององค์หญิงลาฮี ที่มีต่อเจ้าชายโฮดงแห่งโกคูรยอ ทำให้นางยอมที่จะไปทำลายกลองจามองให้
เคยได้ยินเรื่องราวขององค์หญิง แห่งนังนังและองค์ชายโฮดงหรือไม่ เป็นเรื่องราวความรักที่สวยงามและโศกเศร้าที่สุดที่คนอยากรู้ เรื่องเล่าที่กล่าวถึงองค์หญิงแห่งนังนัง ผู้ทรยศแผ่นดินเกิดเพื่อโฮดงคนรัก มันไม่ได้เป็นเพียงตำนานแต่เป็นความจริง หลังพ้นจากการปกครองจากอาณาจักรฮั่น นังนังก็เป็นเอกราชอยู่ได้เพียง 7 ปี และตอนนี้ เราจะทำให้เรื่องราวเหล่านี้ได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง 1 ปีหลังจากอาณาจักรนังนังล่มสลายโดยโกคูรยอ
องค์ชายโฮดงทูลพระเจ้ามูยุลว่า
"เสด็จพ่อทราบแต่ จะขยายดินแดนอย่างไร กลับไม่ทราบว่าจะปกครองอย่างไร"
"ว่าอะไรนะ นี่เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าอยู่ หรือว่าสั่งสอนข้ากันแน่"
" ฝ่าบาทโปรดงดูแล ประชาชนนังนังบ้าง เสด็จพ่อ ทรงเคยสัญญากับกระหม่อมว่าอะไร ทรงสัญญาว่าหากได้แคว้นนังนังมา จะทรงประทานความสงบสุขให้พวกเขา โปรดสงสารพวกเขาด้วย เป็นอย่างนี้ต่อไป กบฎจะไม่สิ้นสุด สุดท้ายพวกเขาก็จะตาย"
"พระเจ้ายูริเสด็จปู่ของเจ้าน่ะ ฆ่าโอรสทั้งสองของพระองค์ ตอนพ่อยังเด็ก พ่อไม่เข้าใจเลย ว่ามันเป็นไปได้ยังไง พ่อคนหนึ่ง จะฆ่าลูกตัวเองได้ไง ถ้าไม่ใช่เพราะบ้า จะฆ่าลูกตัวเองได้ไง แต่วันนี้พ่อเข้าใจแล้ว นี่ สำหรับกษัตริย์คนหนึ่ง โอรสที่มีความเห็นขัดแย้งกับเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับศัตรู ศัตรูที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก"
"ฝ่าบาท ต้องการสังหารกระหม่อม?"
"เจ้าคงรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร นางเป็นใคร?"
"ธิดาของกษัตริย์ชอยรี องค์หญิงจามอง"
"หานางแล้วฆ่าทิ้งซะ"
"เสด็จพ่อ ลูกทำอย่างนั้นไม่ได้ คือว่าลูก กับผู้หญิงคนนั้น"
" เมื่อไหร่ที่เจ้าตัดหัวผู้หญิงชื่อจามองมา จะเป็นวันที่เจ้า ได้ขึ้นเป็นรัชทายาท ตราบใดที่ พ่อเจ้ายังเป็นพระเจ้าแทมูชินอยู่ ข้าจะขยายดินแดนต่อไป และเจ้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อให้ โลกเห็นว่าเจ้าปกครองยังไง"
"กระหม่อมโฮดง น้อมรับราชโองการ"
จบตอนที่ 1


จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน 2
"ประชาชนชาวนังนังกำลังเป็นทุกข์สินะ" พระเจ้ามูยุลตรัส
" ตอนนี้นังนังกำลังเผชิญ กับภัยแล้งจนผู้คนต้องล้มตายไปนับหมื่น เจ้ายูฮอนก็ยังกดขี่ขูดรีดชาวบ้าน เพื่อฉลองครบ 30 ปี สุดท้ายประชาชนลุกฮือต่อต้าน"
"ฮ่าๆๆ นี่แหละคืออำนาจ เป็นเหตุผลที่ทำไมคนอยากเป็นกษัตริย์"
"ผู้ปกครองแผ่นดิน ก็ควรทำให้ประชาชนนั้น อยู่เย็นเป็นสุขไม่ใช่หรอกหรือ?"
"ให้อาหารแต่ไม่ควบคุมไม่ใช่การปกครองที่ดี ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ที่เมตตาหรือโหดเหี้ยม ก็เป็นเรื่องของยูฮอน"
"พะยะค่ะ"
" ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าจะไม่กลายเป็นกษัตริย์ทรราช การกบฏยังไม่ใช่ปัญหาตอนนี้ หวังว่ายูฮอน จะฉวยโอกาสนี้รีบฆ่าเจ้าสองคนนั่นซะ" พระเจ้ามูยุลสั่ง
"สองคนนั้น พระองค์หมายถึงชอยรีแม่ทัพฝ่ายซ้ายกับวังเก็งแม่ทัพฝ่ายขวาใช่มั้ย?"
"ชอยรีเขาเป็นคนฉลาด วังเก็งก็เป็นทหารกล้า คนฉลาดกับคนกล้ารวมกัน มีแต่เป็นผลเสียกับโกคูรยอ"
"ตอนนี้ถ้าไม่พูดถึงเจ้าสองคนนี้ ยูฮอนน่าจะเป็นภัยกว่า"
" แสงยามอาทิตย์ขึ้นจึงจะร้อนแรง เจ้าเคยเห็นแสงอาทิตย์อัสดงร้อนเหรอ? ช้าเร็วยูฮอนก็ จะต้องตกจากอำนาจ หากอยากครอบครองนังนัง ชอยรี วังเก็ง สองคนนี้สิที่ต้องกำจัด โฮดงเข้าใจที่พวกพ่อพูดรึเปล่า?"
"ใช้คนปราบคน ใช้ทัพศัตรูกำจัดศัตรู เป็นตาอยู่รอแทรก เสด็จพ่อจะครอบครองนังนัง ได้ดั่งหยิบเปลือกหอยขึ้นจากดิน"
"ฮ่าๆๆ ฉลาดจริงๆ ลูกรักของพ่อ"
"ก็ท่านอาจารย์ เคยสอนลูกเอาไว้พะยะค่ะ"
"ให้เกียรติไปแล้วพะยะค่ะองค์ชาย"
"ฮ่าๆๆๆๆ ในโลกนี้ จะมีใครทำให้ข้ามีความสุขได้อย่างนี้อีก ฮ่าๆๆๆ ลูกรักของข้า ฮ่าๆๆๆ"
ตำหนักจินยาง ยูฮอนกล่าวว่า
" ข้าตัดสินใจแล้วว่า เขตจึงจี ทายอล ชัมเจ ยอลกู ทุนยู และคีมัง ต้องจัดการลงโทษคนร่วมกบฎสถานหนัก ผู้ชายใน 6 อำเภอนี้ หากเข้าร่วมกบฎเพียงครั้งเดียว ให้ลงโทษจับถ่วงทะเลเหลืองได้เลย ที่เหลือส่งไปขายเป็นทาสที่เมืองเหลียวตง ฮยอนโท พวกผู้หญิงสวย ก็คัดเลือกแล้ว ส่งเป็นสาวใช้ ในวังกับจวนขุนนางใหญ่ ส่วนพวกที่ขี้เหร่ก็จับเอสไป โกนหัวขังในครัว ให้พวกนางทำงานหนัก ไปจนตลอดชีวิตเลย ตอนนี้ท่านแม่ทัพยูซุงฮา ยังอยู่ที่เมืองฉางอัน หน้าที่ปราบกบฏ ให้เป็นของชอยรีกับวังเก็ง แม่ทัพฝ่ายซ้ายชอยรี แม่ทัพฝ่ายขวาวังเก็ง มารับโองการจากข้า ข้าขอสั่งให้แม่ทัพ ฝ่ายขวาวังเก็งนำทหารพันห้าร้อยนาย ไปที่อำเภอจึงจีทายอล แล้วจัดการปราบกบฎให้สิ้น"
"น้อมรับบัญชาท่านอ๋อง กระหม่อมจะทำ หน้าที่ปราบกบฎ ทำลายความฮึกเหิมที่ ทหารโกคูรยอ หวังจ้องรุกรานเรา"
" งั้นข้าก็วางใจละ แม่ทัพฝ่ายซ้ายชอยรี นำทหารสามพันมุ่งไปอำเภอชัมเจ ยอลกู ทุนยู คีมัง ปราบทหารก่อกบฏ รวมถึงผู้นำกบฏใน 4 อำเภอนี้ จับพวกมันใส่ในเรือรั่ว แล้วฝังร่างมันลงในทะเลเหลือง"
บูคีดุ "บังอาจ แม่ทัพฝ่ายซ้ายยัง ไม่รับราชโองการอีก"
ชอย รีกล่าวว่า "ท่านอ๋อง หิวโหย 1 วันเพื่อนบ้านยังขโมย หิวโหย 4 วัน แม้แต่จวนขุนนางก็ขโมย หากหิวโหย 10 วัน แม้แต่เนื้อพี่น้องก็กินได้ ความวุ่นวายเกิดเพราะอดอยาก หากลงโทษ 6 อำเภอนี้ ต่อไปใครจะรับใช้พระองค์อีก"
วังเก็งเสียงดัง "นี่เจ้ากำลังพูดอะไรหา? ยังไม่รีบรับโองการอีก"
ยูฮอนตัดบทว่า "ขอถามเจ้าหน่อยชอยรี"
"กระหม่อมก็กำลัง น้อมรับฟังพะยะค่ะ"
" แท้จริงแล้วเจ้า เป็นชาวฮั่นหรือโชซอนกันแน่ ปู่เจ้าเคยได้รับแต่งตั้งจากราชวงศ์ฮั่น รีบตอบมา ข้าถามผิดไปหรือไง ชอยรี เจ้าคือชาวฮั่นหรือเป็นชาวโชซอน"
"ท่านอ๋อง เหตุใดจึงทรงตรัสเช่นนั้น แม่ทัพซ้าย ย่อมเป็นขุนนางที่ จงรักภักดีต่อพระองค์แน่"
"ตอนนี้ ข้ากำลังถามชอยรี วังเก็งเจ้าเป็นใคร ถึงได้พูดสอดเข้ามา"
"กระหม่อม สมควรตายพะย่ะค่ะ โปรดประทาน โทษตายแก่กระหม่อมด้วย"
" ตอบข้ามาสิ คำตอบของเจ้า จะตัดสินความเป็นตายเจ้า แม่ทัพชอยรี เจ้าคือชาวฮั่นหรือโชซอน เจ้าไม่ใช่ขุนนางของข้า แต่เป็นขุนนางของพวกกบฏใช่มั้ย? มาลากตัวชอยรีออกไปประหารซะ"
"พะยะค่ะท่านอ๋อง"
"กระหม่อมชอยรี ยินดีจะรับโองการ"
"พูดจากใจรึ?"
"พะยะค่ะ ท่านอ๋อง"
"ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ตกลงแล้วเจ้า เป็นชาวฮั่น หรือว่าชาวโชซอน?"
" กระหม่อมชอยรี ยินดีรับโองการจากท่านอ๋อง กระหม่อมได้รับพระคุณ จนเหมือนเกิดเป็นคนใหม่ เลือดเนื้อ และกระดูกเป็นฮั่น ไม่ใช่ชาวโชซอนแล้ว"
เรื่อง ราวเท้าความกลับไปตั้งแต่ก่อนที่ลาฮีกับจามองจะถือกำเนิด ขณะที่ชอยรียังเป็นเพียงแม่ทัพ และนังนังยังเป็นแคว้นในการปกครองของแผ่นดินฮั่น ที่ได้ส่งยูฮอน อ๋องจากจีนเป็นตัวแทนพระองค์ของฮั่นอู่ตี้มาปกครอง โหรหลวงของยูฮอนได้ทำนายว่าลูกสองของชอยรีจะเป็นตัวทำลายแผ่นดินนังนัง ยูฮอนจึงมีคำสั่งให้กำจัดลูกสาวทั้งสองของชอยรี

จบตอนที่ 2

จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน 3

ยู ฮอนใช้คำทำนายของโหรจามุก บีบให้ชอยรีต้องฆ่าลูกสาวของตัวเอง แต่แล้วจาชิลภรรยารองของชอยรีก็ได้ใช้เสน่ห์ยั่วยวน ทำให้โหรจามุกแกล้งสร้างดาวตก ให้เห็นว่าลูกสาวของจาชิลไม่มีปัญหา แต่ลูกภรรยาหลวงของชอยรีต่างหากเป็นกาลกิณี สุดท้ายยูฮอนจึงเปลี่ยนคำสั่งให้ฆ่าเพียงคนเดียว แต่ทว่าหลังจากถูกปิ่นปักอก แล้วลอยทิ้งไปกับเรือ เด็กหญิงจามอง กลับยังเหลือลมหายใจรวยริน
ดัลแคบีสั่งอิลพูมลูกชายว่า
"อิลพูม เจ้าไปกับเขาแทนแม่นะ เจ้าต้องดูแลคุณหนูให้ดี"
โมฮาซูสั่งว่า "รีบอุ้มลูกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ"
"ถ้าท่านอุ้มเขาขึ้นมา ข้าจะจับเขาทิ้งน้ำเดี๋ยวนี้" ดัลแคบีขู่
"ดัลแคบี"
อิลพูมร้องบอกแม่ "ท่านแม่ๆ ข้ากลัวนี่"
" ถึงจะเป็นวังมังกร เจ้าก็ต้องตามไปถึงนั่น ตามกระแสน้ำไป ถ้าเป็นที่ที่คุณหนูน้อยไป ไม่ว่าที่ไหน เจ้าก็ต้องตามไป ดูแลท่านแทนแม่รู้มั้ย?"
โมฮาซูซาบซึ้งใจยิ่งนัก "ขอบใจนะ ฮือๆ"
อิลพูมได้แต่ร้องเรียก "ท่านแม่ๆๆ"
ขณะที่หลายคนก็เอาแต่ร้องไห้ โมฮาซูมองลูกน้อยพร่ำพรรณนา
" ลูกแม่ เขากำลังร้อง เจ้ากำลังใช้เสียงร้องไห้ ช่วยชีวิตตัวเองใช่มั้ยหา จามอง ใช่แล้ว ต่อไปแม่จะเรียกเจ้าว่าจามอง แม่ช่วยเจ้าไม่ได้ลูกแม่ เจ้าต้อง ร้องดังดังด้วยตัวเจ้าเอง เจ้าต้องมีชีวิตรอดต่อไป จามอง ลูกแม่ ฮือๆๆ จามอง จามอง ฮือๆๆๆ ลูกแม่ จามอง ลูกแม่ ลูกแม่ ฮือๆๆ จามอง จามอง"
อิลพูมปลอบ "ไม่ร้องนะๆ ฮือๆๆ อย่าร้องนะ อย่าร้องสิ"
จา ชิลสั่งให้คนรับใช้ไปหาชาวประมง เพื่อคว่ำเรือเล็กที่บรรทุกจามองกับอิมพูม และสังหารเด็กสองคนให้ตาย แต่แล้วแผนการก็ล้มเหลว เมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ เกิดลมพายุและฟ้าผ่าขณะที่ชาวประมงกำลังจะไปคว่ำเรือ
อึลดูจี ชูบัลโซ พร้อมด้วยอูนาลูเข้าเฝ้าพระเจ้ามูยุล
"กระหม่อมอึลดูจี เสนาบดีฝ่ายซ้าย ได้รับราชโองการให้เป็นทูตไปฉลอง ปกครองนังนังครบ 30 ปี"
"กระหม่อมราชทูตชูบัลโซ ยินดีร่วมเดินทางพะยะค่ะ"
"ต้องเอาของที่ต้องการมา จากยูฮอนให้ข้าให้ได้"
"กระหม่อมจะนำอาหารสำหรับฤดูใบไม้ผลิปีหน้ากลับมา"
" ถ้าไม่ให้ก็เป็นขโมยแล้ว ทั้งหนังหมี หนังเสือขาว ไหนยังจะหนังหมูอีก หยกเหลือง หยกเขียว หยกขาว พลอยม่วง หึ แล้วยังจะหยกแดงทีที่ใช้ ประดับมงกุฎ อะไรนั่นอีก หนอย หัวเจ้ายูฮอนคงได้ ลำบากไม่น้อยละทีนี้"
"นี่ท่านแม่ทัพอูนาลู"
" โอ้ เสนาซ้าย ท่านนี่ช่างดูดี จริงๆนะ หุๆๆ คบกับพวกตำแหน่งสูงนี่ลำบากแฮะ พูดแรงไม่ได้เลย โอ หัวเจ้ายูฮอนคงจะ หนักแทบตายไปเลย ฮ่าๆๆๆ ในเมื่อรับไปตั้งเยอะแล้ว อย่างน้อยก็ต้องให้ของตอบแทน ที่สมน้ำสมเนื้อหน่อย ถ้าไม่ให้ก็ชิงมาเลย ฝ่าบาทต้องการให้ทำแบบนี้ต่างหาก"
"หยกแดงไม่เม็ดใหญ่เท่า ของท่านแม่ทัพหรอก"
" ช่างๆๆ งั้นก็ช่างช่างมันเหอะ ได้ไปครั้งนี้ก็อย่าอยู่เฉย ต้องแสดงท่าเชิดๆใส่ไอ้พวก คนของเจ้ายูฮอนไว้ ให้พวกกองทัพนังนังได้ เห็นความยิ่งใหญ่ ของพวกเราบ้าง หึ"
"อูนาลูพูดถูก"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
" วังเก็งนำทหารพันห้าร้อยคน เดินทางไปที่เขามาดองทั้งหมด จากรายงานของสายบอกว่าทั้งหมดเป็นคนจีน ทหารในบังคับบัญชาชอยรีตอนนี้เป็นชาวโชซอน หมายความว่าไงนะ ไปสืบความเคลื่อนไหวของชอยรีกับวังเก็งอย่างละเอียด"
"กระหม่อมจะทำตามที่ฝ่าบาทรับสั่งอย่างดีพะยะค่ะ"
" ถ้าเกิดความวุ่นวายถึงขั้นที่เจ้ายูฮอนใกล้หัวขาดนะ เจ้าต้องเอาข้าวสารข้าวสาลีเกลือกลับมาให้หมดอย่าให้เหลือ แล้วก็พวกหนังสัตว์อัญมณีที่ให้มันกลับมาด้วย ยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกสองตัวเลย แหะๆๆ แฮ่มๆ"
จบตอนที่ 3


จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน 4
อึลดูจีสอนหนังสือองค์ชายโฮดง พระเจ้ามูยุลเข้ามาตรัสว่าต่อไปไม่ต้องมาสอนแล้ว องค์ชายโฮดงตกพระทัย
"เสด็จพ่อ"
"องค์ชายโฮดง ฝ่าบาทโปรดชี้แนะข้อบกพร่องกระหม่อมด้วย"
" ท่านทำให้โฮดงเป็นคนอ่อนแอ คำสอนเลอะเทอะที่บอกให้ใช้ความรักปกครอง ถ้าจะรักดูแลประชาชนก็ต้องหาอาหารให้เขา อย่างนี้พวกเขาถึงต้องการข้า"
"พลังกษัตริย์ไม่ได้มาจากดาบเท่านั้น พลังกษัตริย์ต้องมาจากเมตตา มโนธรรมจริยาปัญญา"
" เหลวไหลทั้งเพ ขงจื่อเมิ่งจื่อน่ะ มีแต่ความคิดเพ้อเจ้อของพวกเพ้อฝันทั้งนั้น สิ่งที่โกคูรยอต้องการตอนนี้คือทะเล แม่น้ำ แผ่นดินที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์มีอาหาร เข้าใจมั้ย?"
"กษัตริย์ที่ไร้คุณธรรม มีแต่ทำให้กระบี่เปื้อนเลือด"
" จุ๊ๆๆๆ วิถีแห่งกษัตริย์ อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ผูกมัด กษัตริย์อยู่นอกเหนือจากคุณธรรมที่ทำให้คนอึดอัด โฮดงของข้า ต้องกลายเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ต้องยึดครองพูยอ ยึดครองนังนัง ไปจนถึงเหลียวตง นี่คือสิ่งที่โฮดงผู้สืบราชบัลลังค์โกคูรยอควรทำ โฮดงต้องการ คนที่สอนความคิดบนโลกความเป็นจริง ท่านแม่ทัพอูนาลู"
"พะยะค่ะ ฝ่าบาท"
"ต่อให้ให้เจ้าเป็นคนสอนวิชากระบี่ให้โฮดง"
"กระหม่อมน้อมรับโองการ"
"ซูบัลโซ"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
" กลับจากนังนังแล้วมาสอนเรื่องปกครองโฮดง ให้รู้ถึงความโหดร้ายว่า กษัตริย์ที่อ่อนแอต้องเจ็บปวดยังไง สอนให้เขาอยู่ในโลกความเป็นจริง"
"กระหม่อมจะทำเต็มที่พะยะค่ะ"
" ข้าไม่อยากให้โฮดงกลายเป็นกบในบ่อ เป็นหนอนหน้าร้อนไม่รู้จักหน้าหนาว เป็นแค่บัณฑิตไม่เอาไหน ดีแต่กล่าวว่าพวกหัวขโมย ข้าต้องการให้เขาเป็นผู้สืบราชบัลลังค์ จากข้าแทมูชินมูยุลผู้ยิ่งใหญ่ ต้องเป็นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ที่พิชิตทั่วสี่ทิศ"
ขณะที่อิลพูมก็เฝ้าดูแลจามองไป ร้องไห้คิดถึงแม่ไป
ด้านจาชิลก็รับทราบจากแม่นมว่า ลาฮีไม่ยอมกินน้ำนม
"ทำไมลูกถึงเป็นอย่างนี้"
"เดี๋ยวคุณหนูถูกลมเย็นจะทำไง เปิดประตูค้างไว้ได้ไง"
"นายหญิงคะ นายท่านกำลังเตรียมออกรบค่ะ" สาวใช้เข้ามารายงาน
จาชิลตกใจ "จริงเหรอ?"
เวลานั้นลูจีบอกชอยรีว่า "แม่ทัพวังเก็ง ส่งสาสน์มาบอกว่าจะมาถึงตอนเที่ยงคืน"
"ทหารของพวกเรา มารวมตัวกันพร้อมที่ ศาลเจ้าทันกุนแล้ว นายหญิงรอง สวัสดีครับ"
"โอ้ว คุณหนูสูงศักดิ์ของเรามาแล้ว"
จา ชิลเข้ามา "ข้าจัดการเรื่องแต่งตัวท่านเอง พวกท่านเชิญออกไปเถอะ ข้าคือวังจาชิลนะ เป็นน้องสาวของ แม่ทัพขวาวังเก็งที่ สาบานจะร่วมกำจัดยูฮอนด้วย ถึงแม้จะต่างมารดา แต่พี่ชายก็รักเอ็นดูข้า"
ชอยรีมองหน้า "นี่เจ้า กำลังข่มขู่ข้ารึ?"
"ฆ่าจามองท่านเป็นคนตัดสินใจเอง ถ้าจะแค้นก็ควรแค้นตัวเอง ไม่ใช่มาแค้นข้า"
"ตอนนี้ข้า ก็แค้น ตัวเองมากพอแล้ว แต่ว่า ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า"
"ลาฮีก็เป็นลูกสาวท่านนะ ลาฮี เขาไม่ยอมกินนมเลย วันสองวันยังพอว่า แต่ถ้าไม่กินเลย เขาคงไม่รอดแน่"
"กินเยอะๆ เสียจามองก็เสียใจมากพอแล้ว เจ้า อย่าทำให้พ่อเสียใจอีก ไปหาแม่นมมาใหม่ กี่สิบกี่ร้อยก็ได้"
"ค่ะ ขอให้ท่านปลอดภัย เพื่อลาฮีแล้ว ศึกครั้งนี้ท่านต้องได้ชัยชนะมา"
ชอยรีมองลาฮี "วันที่พ่อกลับมา ต้องเห็นเจ้าแข็งแรงนะ"
ขณะที่ซงแมซอซูก็พยายามที่จะให้กำเนิดทายาทให้มูยุล แต่ก็ถูกมูยุลตั้งข้อสงสัยว่านางต้องการจะสังหารโฮดงบุตรชายของเขา
พระเจ้ามูยุลมาอยู่กับซงแมซอซู พอซงแมซอซูเอาใจเขามากๆ ก็อดถามไม่ได้ว่า
"เจ้าคลั่งใคล้คนแก่อย่างข้ามากนักเหรอ?"
"ใช่ ไม่ผิดเลย ข้าคลั่งใคล้มาก"
"ทำไงล่ะ ข้าไม่สนใจในตัวเจ้าเลย ผู้หญิงที่ วังหลังสวยกว่าเจ้ามีนับไม่ถ้วน ข้าไม่มีอารมณ์จะกอดเจ้าหรอก"
"ตั้งแต่ข้าเกิดเป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าพีรู ข้าก็ถูกอบรมมาเพื่อเป็นมเหสี ชีวิตข้าเกิดมาเพื่อฝ่าบาทนะ"
"ไหนเจ้าพูดต่อไปสิ"
" หม่อมฉันยังบริสุทธิ์อยู่เลย ทำทุกวิถีทาง ทั้งขอร้องอ้อนวอน เดือนนึงเสด็จแค่ 2 ครั้ง พอเจอหน้าก็ไม่แม้แต่จะแตะต้อง ฟ้าไม่สางก็จากไป นี่น่ะหรือพระมเหสี นี่หรือชีวิตมเหสี"
"ทำไมถึงได้ทะเยอทะยานนักนะ ได้ครองอำนาจสูงสุดที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีก็ควรพอใจแล้ว"
"ข้าทิ้งตำแหน่งนี้ยังดีกว่า ถ้าสิ่งที่ได้ คือคำหยามเหยียดนี้"
" เมื่อก่อนเจ้าก็ เคยสาวเคยสวยมาก ทำให้ข้ารู้สึกว่าการมาที่นี่มันทรมาน ข้าเป็นผู้ชายมันคุมตัวเองยาก ถ้าตอนนั้นเจ้า เลือกเป็นผู้หญิงของข้า แต่ไม่ใช่จะเป็นพระมเหสี เจ้าควรทิ้งความทะเยอทะยานนั้น"
"การไม่อยากเป็นพรหมจรรย์จนตาย คือทะเยอทะยานเหรอ?"
"ฟังเจ้าพูดอย่างนี้ ก็ดูน่าสงสารเหมือนกัน นี่พระมเหสี วันนี้ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยสิ"
"อะไรเพคะ?"
" เจ้าต้องการได้โอรส แล้วก็ฆ่าโฮดงใช่มั้ย พี่น้องที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า จะต้องเข่นฆ่ากันจริง หรือ ข้าถามว่าพี่น้องจะต้องเข่นฆ่ากันด้วยหรือ"
"พระองค์ทรง ตรัสน่ากลัวไปแล้ว ฝ่าบาท"
"เงยหน้าขึ้นมา ตอบคำถามข้าอย่าโกหกแม้แต่คำเดียว"
"หม่อมฉันมิบังอาจ"
"วันนั้นที่ตำหนักซูยางน่ะ เจ้าตั้งใจจะฆ่าโฮดงใช่มั้ย ซงแมซอลซู ตอบข้ามาสิ เจ้าเคยคิดจะฆ่าโฮดงลูกชายคนเดียวของข้ามั้ย?"

จบตอนที่ 4

จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน 5

" ข้าเป็นใครหา ข้าแทมูชิน มูยุล ถือดาบตั้งแต่ 5 ขวบ นอนหลับบนหลังม้า กินบนหลังม้า มีชีวิตรอดจากสนามรบ รู้มั้ยหัวที่ถูกข้าตัดจากสนามรบ มันถมใส่โรงม้าได้สักกี่หลังกันหา แค่ดูท่าจับดาบเจ้าข้าก็รู้แล้ว ว่าเจ้าจะฆ่าโฮดงหรือ จะสอนดาบให้เขากันแน่"
ซงแมซอซูกล่าวว่า "ข้าเป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าพีรู มาอภิเษกกับท่าน"
" ทั้งโกคูรยออยู่ในกำมือข้า ยังพูดถึงเผ่าพีรูอะไรอีกหา? ซงอ๊กกู ล่ากระต่ายฆ่าสุนัข เขาเป็นแค่สุนัขแก่ๆ ตัวหนึ่งที่หมอบอยู่ใต้เท้าของข้า"
"ล่ากระต่ายฆ่าสุนัข สุนัขที่ใช้ล่ากระต่ายได้แล้วก็ฆ่าสุนัขทิ้ง"
" พ่อหม่อมฉันเป็นสุนัขแก่แล้วไง เป็นแค่กระต่ายแล้วไง หม่อมฉัน ไม่ได้เป็นแค่ลูกสาวจอวซงอ๊กกู แต่ยังเป็นมเหสี เป็นมเหสีของท่าน เมียพระเจ้ามูยุล"
"งั้นก็ร้องตะโกนซะ ว่าเป็นพระมเหสี"
ซงแมซอซูอึ้งเสียใจ "นี่หรือที่ทำกับพระมเหสี"
" กับกษัตริย์ ผู้หญิงเป็นแค่หนึ่งในสองอย่างนี้ คลอดลูกชาย แล้วกลายเป็นเสด็จแม่ ไม่ก็ให้ชายระบายความใคร่ แต่เจ้าไม่ใช่เลยทั้งสองอย่าง"
ซงแมซอซูหัวเราะออกมา "หึๆๆๆ เสียดายที่ฆ่าโฮดงไม่สำเร็จ"
"ว่าไงนะ?"
" คิดว่าใจคนมีแบบเดียวหรือ? ใจคนก็เหมือนน้ำ แตกออกเป็นพันหมื่นสาย แปรเปลี่ยนไม่สิ้น โกรธแค้น รักชอบสงสาร ข้ารู้สึก อย่างนั้นกับโฮดง ข้าไม่ได้แค้นเด็กคนนี้ตั้งแต่แรก"
"ไม่ว่าเจ้าจะแก้ตัวว่ายังไง เจ้าก็เป็นแค่ผู้หญิงใจเหี้ยม ที่มีแต่ความทะเยอทะยาน"
" ถ้าการรักคือความทะเยอทะยาน อยากมีลูกคือความทะเยอทะยานละก็ ใช่ ก็ได้ ข้ามีความทะเยอทะยาน แต่ว่า คนที่ทำให้ข้าเป็นคนโหดเหี้ยม คนที่ทำให้ข้าอยากฆ่าโฮดงก็คือท่าน เป็นแบบนี้ ฆ่าข้าดีกว่า ลังเลอะไร ตัดหัวข้าไปสิ ลงมือสิ ยังไม่รีบฆ่าข้าอีก"
"ข้าเหนื่อยแล้ว อย่าพูดอีกเลย"
" ทำไม ไม่อยากถูกตราหน้าว่าฆ่ามเหสีเหรอ? ทำไม่ได้งั้นข้าทำเอง ข้าตายไปซะดีกว่า ท่านจะให้ข้าทำยังไง ให้ข้ามีชีวิตแม้แต่ตายก็เลือกไม่ได้เหรอ?"
"เจ้าเป็นคนกล้าดี ซงอ๊กกูเลี้ยงลูกได้โดดเด่นนัก"
"พระองค์เลิก เหยียดหยามหม่อมฉันสักที"
" นี่เป็นคำชม ถ้าโฮดงเป็นลูกของเจ้าก็คงดี ยังอีกนานกว่าจะเช้า นอนต่ออีกหน่อยเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสาวบริสุทธิ์จนแก่ตายหรอก เมื่อไหร่ที่เจ้าอายุมาก จนหมดรอบเดือนมีลูกไม่ได้อีกแล้ว ถ้าตอนนั้นข้ายังไม่ตาย และยังเป็นชายชาตรีอยู่ ข้าจะเอ็นดูพระมเหสีเอง"
ใน ที่สุดองค์ชายโฮดงก็รู้ว่าแม่เลี้ยงของตนนั้นไม่ได้รัก และอยากจะฆ่าตัวเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อซอแมซอซูออกจากตำหนักมา และยังเดิ้กกับฮาเดิ้นรีบเข้ามาเตือนว่า
"นี่ก็เลยห้าทุ่มแล้ว จะเสด็จไหนเพคะ?"
"ไม่ต้องตามข้ามา"
"ฝ่าบาทยังประทับอยู่ข้างใน จะเสด็จไปได้ไงพะยะค่ะ"
"หลีกไปซะ"
"โปรดเสด็จกลับเถอะพะยะค่ะ"
"ฮาเดิ้ก เจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาใช่มั้ย บ้าชะมัด"
"หัวเราะ? นี่เจ้ากำลัง หัวเราะงั้นเหรอ? เพราะเจ้าคนเดียวนั่นแหละ ทำให้ข้าแหลกกระจุยเหมือนเศษผ้า เจ้ายังกล้า"
"พระมเหสี ๆ ไม่ได้นะเพคะ"
"ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ"
"ทำแบบนี้พระองค์ ก็ต้องตายไปด้วย"
"ฆ่าเจ้าเด็กนี่แล้ว ข้าก็จะไปตาย อยากตัดหัวข้าใช่มั้ย? ถึงหัวข้าจะตกลงพื้น ข้าก็จะจ้องหน้ามูยุลอยู่อย่างนั้น"
ยังเดิ้กเตือน "คนที่ต้องตายไม่ใช่แค่ท่าน ยังมีบิดาท่านด้วยนะเพคะ"
"ถูกมองว่าเป็นแค่สุนัขแก่ อยู่ไปก็แค่นั้น ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ"
"พระมเหสี ถึงท่านกับบิดาไม่เป็นไร แต่มารดาพี่น้องญาติคนอื่น จะให้พวกเขาตายด้วยเหรอ ท่านจะให้เผ่าพีรูจบสิ้นเหรอเพคะ"
"ข้าจะอยู่ต่อไปยังไง?"
"ทรงทนมา 7 ปีแล้วนะเพคะ"
"มันนานไปแล้ว"
" ขอแค่ทำใจก็จะทนได้ จะความรัก ความโกรธ ความแค้น ทุกอย่างเกิดจากใจ อดทนอีกหน่อยเพคะ เมื่อถ่านไฟมอดลง โจ๊กเดือดเจียนล้นก็จะสงบนิ่ง แค่ฝันร้ายเพคะองค์ชาย อย่าตื่นขึ้นมา บรรทมต่อไปเพคะ"
องค์ชายโฮดงเสียพระทัยอย่างมาก "ไม่จริงๆ เสด็จแม่ เสด็จแม่ไม่ได้ทำอย่างนั้น"
ซงแมซอซูกล่าวกับยังเดิ้กว่า "เจ้าเข้าใจข้ามั้ย?"
" หม่อมฉันไม่มีสมองหรอกเพคะ ไม่มีสมองก็ไม่มี อะไรต้องเข้าใจอีก หม่อมฉันเป็นมือเป็นเท้าพระองค์ เป็นตาและ เป็นหูของพระองค์ แค่รับใช้พระมเหสีไปจนถึงวันที่ พระองค์ได้เป็นราชินีจริงๆ ความรักของคนหนุ่มนั้น เกิดขึ้นจากสายตา ร่างกายผู้หญิง ใบหน้าของผู้หญิง รักแต่รูปลักษณ์ภายนอก ความรักของชายกลางคน ไม่ได้ใช้แค่ตามองเพคะ"
"ถ้าไม่ใช้ตามอง แล้วในใจเขายังมีอะไรหา?"
"หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ ในใจนั้นอาจเป็นความรัก ไม่ก็ความเชื่อใจ พระองค์จะต้องรู้ ว่าสิ่งที่ฝ่าบาทต้องการนั้นคืออะไร?"
"ที่เขาต้องการคือ มเหสีที่ไม่มุ่งมาดคิดร้ายกับโฮดง แต่นั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ ตามข้ามานี่"
เวลาตีสี่ ซงแมซอซูเข้าไปไหว้พระเจ้าจูมง
" พระเจ้าจูมงเพคะ หม่อมฉันแมซอลซู อยากทูลขอโอรส ต่อพระองค์ด้วยเพคะ โฮดงมันเป็นใครกัน เป็นสายเลือดชาวพูยอที่ตามราวีพระองค์ จะให้เขาเป็นรัชทายาทได้ไง การแต่งตั้งโฮดงเป็นรัชทายาท หรือว่าให้โฮดงขึ้นครองราชย์นั้น เท่ากับยื่นโกคูรยอให้แก่พูยอ ทรงอยากให้เป็นเช่นนั้นหรือ จะทรงนิ่งดูดายหรือเพคะ หม่อมฉันทำไม่ได้หรอก ข้าไม่ตายด้วยมือเขา ก็ให้โฮดงตายด้วยมือข้า ข้าไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น"
ยอรังถามขึ้น "โฮดง เป็นไงบ้าง บ้ารึไง คิดจะฆ่าเด็กเหรอ?"
"โปรดประทานโอรสให้ข้าๆ เป็นทางเดียวที่จะรักษาโกคูรยอ รักษาเผ่าพีรูเอาไว้ และทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ได้ เสด็จปู่คะๆ ฮือๆ"
" ถ้าเจ้าอยากฝึกกระบี่กับผู้หญิงจริง ไม่สู้เรียนกับเสด็จแม่ดีกว่า วิชากระบี่ของยอรังถึงจะพริ้วไหวและสวยงาม แต่เทียบเสด็จแม่ไม่ได้หรอก" พระเจ้ามูยุลตรัสกับองค์ชายโฮดง
"ไม่หรอกเพคะ"
"ดาบนางอาบด้วยยาพิษ ถ้าเจ้าเอาชนะเสด็จแม่ได้ วันหน้าแม้แต่ญาติมิตรเจ้าก็ฆ่าได้"
"เสด็จปู่คะ ได้โปรดช่วยหม่อมฉัน ประทานโอรสที่เป็นเชื้อสายโกคูรยอ และโปรดประทานความตาย แก่โฮดงที่เป็นสายเลือดพูยอด้วย ฮือๆๆ"
องค์ชายโฮดงปล่อยโฮออกมา "ฮือๆๆๆๆ ท่านแม่ ท่านแม่ทำไม ต้องเป็นชาวพูยอ ท่านแม่ ทำไมต้องตายไปเร็วด้วย ท่านแม่ๆ ๆ ฮือๆๆๆ"
ขณะที่ทางนังนัง แม่ทัพชอยรีกับวังเก็งก็ได้เริ่มแผนการก่อกบฏ
"คำว่านังนังที่ สลักลง บนแผ่นหลังข้า ไม่ใช่ นังนังของเจ้ายูฮอน และไม่ใช่นังนัง ที่ฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้ตั้ง แต่ว่า"
"ฮั่นอู่ตี้ ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฮั่นของจีน"
"นังนังตรงนี้ คือแผ่นดินที่โคโชซอน ที่องค์เทพทันกุนทก่อตั้งขึ้น เป็นบ้านเมืองของเรา คือนังนังแห่ง แคว้นนังนังเรา"
หลายคนดีใจ "เย้ๆๆ"
วังเก็งกล่าวต่อว่า "เผาธงของยูฮอนทิ้งซะ มันไม่ควรที่จะ ปักบนแผ่นดินโชซอนนังนังมา หนึ่งร้อยยี่สิบกว่าปี เผาธงเสนียดผืนนั้นซะ"
บูทัลน้อมรับ "ครับ ท่านแม่ทัพ"
"เอาธงแม่ทัพแห่ง ยองโฮขึ้นมาปักแทน"
"ยองโฮเป็นที่ดินศักดินาของวังเก็ง"
"โอ๊ะ งั้นเอาธงแม่ทัพเราด้วยสิ เอาธงยองโฮของตัวเองขึ้นไปคนเดียวได้ไง ไม่ได้ ต้องเอาธงเราด้วย"
"อยู่เงียบๆ ไว้"
"แต่ เลือดก็ไหลด้วยกัน แต่สุดท้ายพวกเขาได้ประโยชน์ไปหมด ฆ่ายูฮอนเสร็จ จะเป็นกษัตริย์ละสิ"
"ข้าเคยอยากเป็นกษัตริย์เหรอ?" ชอยรีมองอย่างท้าทาย
โฮแคถาม "ท่านไม่อยากเป็นเหรอครับ?"
ชอยรียืนยัน "ข้าไม่เคยคิดมาก่อน"
ลูจีบอกว่า "งั้นก็ คิดซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะครับ ถ้าท่านแม่ทัพได้ขึ้นปกครอง และข้าได้เป็นเสนาบดีคงดี"
ชอยรีอึ้ง "ลูจี"
" วังเก็งคนนี้ก็มี ความทะเยอทะยานไม่น้อย วังเก็งเหมือนยื่นสาสน์ ท้ารบมาให้ท่านแม่ทัพแล้ว วังเก็งจะเป็นราชา ชอยรีกล้าคิดเช่นข้าหรือ ถ้าฉลาดจงเชื่อฟังข้า"
"สงครามยังไม่เริ่ม อย่าเพิ่งมาข่มขวัญทหาร ทำให้ไม่สบายใจ"
"อย่าลืมนิทานล่ากระต่ายฆ่าสุนัขล่ะ"
ชอยรีรัว "ตายเพราะยูฮอนโดยทวงเอกราชไม่ได้ ไม่สู้เป็นอาหารให้พี่ใหญ่ หลังก่อตั้งแคว้นนังนังแล้ว"
"ขอให้ยองโฮ จงเจริญ"
ทุกคนร้องตาม "ขอให้ยองโฮ จงเจริญ"
"ขอให้นังนัง จงเจริญ"
"แคว้นนังนัง จงเจริญ"
"แม่ทัพวังเก็งจงเจริญ"
"จงเจริญๆๆๆๆๆ"
00000000000000
ยูฮอนเดินมาหาจามุกและถามว่าทำอะไรอยู่
"ฝ่าบาท กระหม่อมกำลังดูดาวอยู่พะยะค่ะ"
"แต่นี่ฟ้าสว่างแล้วนี่นา มีดาวที่ไหน นั่นพระอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ"
"บนพระเศียรของฝ่าบาท มีดาววีนัส ทางตะวันออกมี ดาวเทพธิดา พระองค์ไม่เห็นหรือว่ามันกำลังแย่งแสงสว่างกัน"
"เจ้าแก่จนเลอะเลือนแล้วเหรอ ไปบ้านชอยรีครั้งเดียวก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน วังจาชิลเย้ายวนขนาดนั้นเชียวหรือ?"
"ฝ่าบาท"
" เจ้าไม่ได้เลอะเลือน แต่เป็นโรคติดสาวมากกว่า หน้าตาก็แดงก่ำแบบนี้ ถึงได้ละเมอว่าเห็นดาวกลางวันแสกๆ ฮิๆๆ เจ้าเมืองเหลียวตง ส่งกระดานหมากล้อมไม้บีจาเจ็ดร้อยปีมาเป็นของขวัญ ข้ากะว่าจะมาเล่นกับท่านหน่อย"
"ฝ่าบาท"
"อยากจะเล่นด้วยกันสักตามั้ย ท่านก็คงจะว่างใช่มั้ย"
"ขึ้นชื่อว่าสัตว์สองเท้า ไม่มีใครหนีชะตาตัวเองพ้นพะย่ะค่ะ ถ้าฝ่าบาททรงรับชะตาได้ ก็คงไม่ใยดีกับการได้หรือเสีย"
"ท่าทางเจ้าจะไม่ได้เป็นโรคติดสาว แต่คงแก่แล้วเลอะเลือนมากกว่ามั้ง ฮึ่ย"
ด้านวังเก็งก็ประกาศให้ทุกคนทราบว่า
" ตอนนี้ พวกเรา เหลือเพียงภารกิจไปตัดหัวของเจ้ายูฮอน ดังนั้น แม้สุดท้ายต้องดื่มเหล้าพิษ เราก็ไม่มีทางให้ถอยอีก มา ทุกคนมาร่วมกับข้าวังเก็ง ออกศึกกัน ไปฆ่ามัน"
หลายคนดีใจมาก "เย้ๆๆๆ"
ซับมาบอกอึลดูจีกับบัลโซว่า วังเก็งกับชอยรีเคลื่อนพลแล้ว
"เป็นไปตามความคาดหมาย เราควรกลับทันทีหรือไม่หา?"
"ถ้าเรากลับไป แล้วใครจะมาช่วยเรื่องอาหารที่โกคูรยอขาดแคลน เหลียวตง ฮอนโท พูยอรึ หึ"
" มีแต่ยูฮอนที่ช่วยได้เหรอ? ต่อไปอาหารนังนังจะเป็นของกองทัพ พวกเขาต้องสู้กับชอยรีวังเก็ง เขาจะยอมให้เสบียงที่กองทัพต้องใช้หรือ ยูฮอนไม่ใช่คนโง่นะ"
"ความโลภและความอวดดี มักจะทำให้คนโง่เขลา ยูฮอนเป็นคนโลภและอวดดี ชูบัลโซ ไปนำอาหารมาจากเขาให้ได้"
บัลโซถาม "แล้วท่านเสนาล่ะ?"
"ข้าต้องรีบกลับไปหาฝ่าบาท"
ขณะที่บูคีก็ให้การต้อนรับโฮคก อึลดูจี
โฮคกดื่มมาก "ฮะๆๆ สบายจัง ดื่มเหล้าแรงๆ ทั้งที่ท้องว่าง มันร้อนคอจี๊ดเลยอย่างกับ ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างในท้องงั้นแหละ ฮะๆๆ"
"ขอยินดีด้วยที่ท่านอ๋อง ได้ทรงปกครองนังนังครบ 30 ปี"
"คำพูดนี้ไว้ท่านกราบทูลต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ดีกว่า"
อึลดูจีร้อง "โอ้ย"
"ท่านเสนาบดีเป็นอะไรหรือ ทำหน้ามึนตึงตั้งแต่แรกแล้ว" โฮคกถาม
อึลดูจีแก้ต่าง "อ้อ สงสัย ข้าไม่คุ้นกับน้ำที่นี่ เลยทำให้ถ่ายท้องไม่หยุด"
บูคีเอาใจ "งั้นรึ งั้นคงทรมานมาก ต้องดื่มน้ำต้มแพ๊กชุล"
"แพ๊กชุลเป็นยารักษาโรคบิด"
"งั้นเรารีบ เดินทางกลับวังกันเถอะ"
"โอ๊ยๆๆ ท่าทาง ข้าคงไม่ไหวต้องกลับเมืองไปก่อน ถึงแบบนี้จะเสียมารยาท แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป โอ๊ยๆ"
"ถ้าจะมาวางท่ากับฝ่าบาทก็ไม่สู้ ท่านเสนาบดี ก้นท่านนี่มันช่างไม่ดู กาละเทศะเอาเลย ฮ่าๆๆๆๆ"
ฟากโทชัลก็เอ่ยว่า "ท่านแม่ทัพช้ากว่าชอยรีไปหนึ่งก้าวแล้ว"
วัง เก็งกล่าวว่า "ตอนนี้พวกเรา คิดเรื่องยูฮอนก่อนเถอะ อย่ามัวห่วงเรื่องหัวกระต่าย เรื่องจัดการชอยรี ไว้ทีหลัง ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นสามีของน้องสาวข้า เจ็บใจนัก"
ส่วนจาชิลก็เร่งลูก "ลาฮี รีบกินนะ มามะ ลาฮี เป็นอะไรไป ลาฮี รีบกินนมสิลูก ลาฮี ลาฮี ๆ เก็บสัมภาระเสร็จรึยัง?"
แม่นมบ่น "มากเหลือเกินค่ะ วัวสิบตัวก็ยังไม่พอขนเลยค่ะ"
"แล้วใครใช้ให้เจ้าย้ายบ้านกันล่ะ แค่ม้าสามตัวกับรถหนึ่งคัน ขนไปไหวแค่นั้นก็พอ"
"ทุกคนอยากรู้ว่า ทำไมจู่ๆ ท่านถึงจะไปที่สวนวอลแฮชองค่ะ" แม่นมแปลกใจ
"พวกเจ้าอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม ยังไม่รีบไปเก็บของกันอีก" จาชิลดุ
"เจ้าค่ะ"
" โอ๋ ลาฮี ๆ อย่าเป็นอย่างนี้ะลูก ก่อนที่ยูฮอนจะรู้ว่าพ่อกบฎ เราต้องรีบหนี จากนังนังไปก่อน เราไม่มีเวลาแล้ว เจ้ายังไม่ยอมกินนมอีกอ? ลาฮี เฮ้อ ทำยังไงถึงจะได้ ป้ายผ่านแดนปลอมนะ"
เวลานั้นโมฮาซูก็ฝันร้ายถึงกับตกใจตื่น
"ลูกแม่ จามอง"
โคบีเห็นก็รู้ทันที "ฝันถึงคุณหนูอีกเหรอคะ"
โมฮาซูสีหน้าเศร้า "คงเป็นตลอดชีวิตแน่"
"นายหญิง"
"ฝันถึงจามองถึงจะเจ็บปวด แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ฝันถึงเลย จริงสิ ไปถามนักดำน้ำแถบยอลซูรึยัง?"
"เขาบอกว่า ไม่เห็นคุณหนู แล้วก็ไม่เห็นเรือด้วย ที่ก้นแม่น้ำก็ดำหาจนทั่วแล้ว"
"งั้นเหรอ งั้นก็ดีกว่าหาเจอ ยังมีหวังว่า เขายังมีชีวิตอยู่" โมฮาซูคิดในทางที่ดี
"คือว่านายท่าน ทิ้งจดหมายฝากไว้ ให้เอาให้นายหญิงอ่านค่ะ"
ชอย รีได้ฝากจดหมายไว้มีใจความว่า "โมฮาซู เมื่อเจ้าอ่านจดหมายนี้ ให้รีบออกจากชองแฮฮุน ที่ไม่ได้พาเจ้ากับทุกคนไปก่อนหน้านี้ เพราะถ้ายูฮอนรู้ตัว งานใหญ่ของเราก็จะไม่สำเร็จ ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ ต้องไปที่วอลแฮชอง เมื่อยูฮอนรู้ว่ากบฏ เขาจะปิดด่านเข้าออก เพื่อจับตัวพวกเจ้าไปซะ อย่าได้ใช้ป้ายผ่านด่านที่มีนะ"
"แม้ว่าเกิดตายชะตากำหนด ก็ต้องทำทุกทางเพื่อให้มีชีวิตต่อ"
"โมฮาซู ข้าไม่รู้ว่า จะมีชีวิตรอดกลับมา เจอหน้าเจ้าอีกมั้ย?"
ชีโซกลับมารายงานจาชิลว่า "เรื่องอิลพูมกับคุณหนู ยืนยันแน่นอนแล้วเจ้าค่ะ"
"เข้าไปเก็บเสื้อผ้าของลาฮี"
"นายหญิง"
"อะไรอีก"
"ท่านโหรหลวงอยู่ข้างนอก บอกว่ามาพบท่านค่ะ"
จาชิลออกไปพบจามุก
"ข้าไม่คิดว่าท่านจะมีธุระมาที่นี่อีก"
"ข้าขอนั่งก่อนได้มั้ย ข้าขี่ม้ามา ขาก็เลย"
"นี่เป็นห้องหนังสือ ของชอยรีสามีข้า ข้าเชิญท่านไปด้านในไม่ได้ และข้าไม่อนุญาตให้ท่านนั่ง"
"ฮ่าๆ ๆๆๆ เจ้าเคยบอกว่าจะ เสพลาภยศร่วม กับข้านี่"
"แต่ท่านบอกว่าไม่สนใจเงินทองนี่"
"ข้าขอกอด เจ้าได้มั้ยแค่ครั้งเดียว ข้าอยากกอดเจ้า ถึงได้ยอมมาถึงที่นี่"
"ฮ่าๆๆๆๆ ไหนบอกว่า อายุ 50 ก็เหมือนฝังร่างลงดินครึ่งตัว ควบคุมใจตัวเองไม่ได้ ไม่รู้สึกผิดต่อตำแหน่งโหรหลวงหรือ"
"70 ทำตามใจโดยไม่ออกจากกรอบ ท่านขงจื๊อยังเพิ่งทำได้เมื่ออายุ 70 แล้วคนธรรมดาอย่างข้า จะคุมกิเลสทั้งหมดในอายุ 50 ได้ยังไง"
"ไม่ว่า 50 หรือ 70 ท่านคิดว่าวังจาชิล จะเป็นผู้หญิงที่โหรดูดาวอย่างท่านจะมายั่วเย้าได้หรือ? ท่านกลับไปซะเถอะ"
" อา ข้าเห็นพวกคนใช้ กำลังเก็บสัมภาระกัน จะไปวอลแฮชองกันหรือ อย่าตกใจอย่างนั้น ตอนนี้ท่าน ยูฮอนยังไม่รู้เรื่องอะไร ถึงแค่ดาวดวงเดียว แต่พอมองให้ดี กลับเห็นเป็นใบหน้าของฮูหยิน"
"ท่านคิดจะข่มขู่ข้าเหรอ?"
"ถ้าเป็น การข่มขู่ เจ้าจะกอดข้า สักครั้งได้มั้ยล่ะ?"
" ท่านบอกว่าไม่มี ใครที่หนีชะตาได้ และชะตาของข้า จะได้เป็พระมเหสี เมื่อลาฮีขึ้นครองราชย์ ก็เป็นพระชนนี กล้าเอาคำสกปรกมาข่มขู่ข้าเหรอ? ยังไม่รีบออกไปอีก"
"นี่ป้ายประจำตัวข้าที่ ผ่านเข้าออกด่านได้ ข้ามอบให้กับเจ้า"
"ขอบคุณท่านโหรหลวงมาก ข้าติดหนี้บุญคุณท่าน แต่คงไม่ได้ตอบแทน น้อมส่งเจ้าค่ะ เชิญท่านกลับไปเถอะ"
" ชะตาไม่ได้ กำหนดมาแค่คนเดียวหรอก ก็เหมือนการทอผ้า ความอยากได้ ทั้งของเจ้าและคนรอบข้างจะ เกี่ยวพันกันไปมาเหมือนเส้นด้ายขวางและตรง ไม่ได้ถักทอได้ตามใจต้องการหรอก"
"นอกจาก ข้าจะเป็นมเหสีแล้ว ยังมีอะไรอีกล่ะ?"
โมฮาซูกับโคบีเห็นจามุกโหรหลวง โมฮาซูอดถามไม่ได้ว่าใคร โคบีตอบว่า
"อ้อ โหรหลวงเจ้าค่ะ โหรหลวงจามุก คนที่ดูดวงแล้วเพ้อเจ้อ ทำให้คุณหนูจามองต้องตาย"
"นายหญิง ข้าเห็นนายหญิงรอง กำลังยั่วยวนโหรหลวงอยู่"
"จุดที่บอกว่าดาวตกอยู่ที่ไหน?"
โม ฮาซูก็จับได้แล้วว่าแผนดาวกาลกิณีนั้นเป็นแผนที่จาชิลสมคบคิดกับโหรจามุก จึงคิดจะแก้แค้นด้วยการเอาลาฮีไปโยนน้ำบ้าง จาชิลรีบตามไปร้องเรียก
"ท่านพี่ๆๆ"
"เนี่ยเหรอดาวดวงนั้น ดาวตกที่ทำให้ ลูกข้าต้องถูกทิ้งลงแม่น้ำน่ะ"
จาชิลอึ้ง "ท่านพี่"
"จาชิลบอกข้ามาสิ นี่เป็นดาวตกที่คร่าชีวิตลูกข้า ที่เจ้าใช้ปิ่นแทงหน้าอกเขาใช่มั้ย?"
"ลาฮีๆ ท่านพี่ ลาฮี ลาฮี ท่านพี่ ส่งลาฮีคืนมานะ ลาฮีๆ"
" ถ้านี่เป็นแม่น้ำยอลซูก็ดี แม่น้ำหนาวเข้ากระดูกแบบนั้น เขาไม่เพียงแต่ถูกแทง แต่ยังต้องหนาวอีก อาจถูกน้ำเย็นเฉียบบาดข้อเท้า หรือบาดท้อง แต่มันก็แปลกนะ ทำไม รอยแทงไม่มีแผล แต่กลับมีเลือดไหลจากหัวใจ"
"โปรดให้อภัยข้าด้วย?"
"ถ้าหากเจ้าเป็นข้า เจ้าจะให้อภัยข้ามั้ย?"
"คนอยากให้เด็กตายไม่ใช่ข้า พี่ได้ทำอะไรบ้างล่ะ?"
"ว่าไงนะ?"
"ความพยายามที่ท่านทำ ก็แค่กอดขาท่านพี่ ร้องไห้ขอให้เขาไว้ชีวิต นอกจากนี้ทำอะไรบ้าง อย่างน้อยข้า ก็พยายามช่วยลาฮี"
"ทำไม เจ้าไปสมคบคิดกับใคร ที่บอกไม่ได้ใช่มั้ย บอกไปเลยสิว่า เจ้ามันเป็นแม่ผู้ประเสริฐ ที่ยอมมอบตัวให้ชายอื่นเพื่อช่วยลูกตัวเอง"
" แล้วยังไงล่ะ เป็นท่านท่านทำได้มั้ย ข้ายอมถวายตัว ให้ตาเฒ่าจามุกอายุห้าสิบคนนั้น เพราะความเสน่ห์หารึ ทำไมพี่ไม่ทำบ้างล่ะ คนดีเหรอ หรือเพราะท่านโง่ ถ้าข้าบอกท่านว่า แค่มอบตัวให้โหรหลวงจามุก ก็จะช่วยจามองได้ ท่านจะทำมั้ยล่ะ?"
"ไม่ ข้าทำไม่ได้หรอก"
"เห็น มั้ยล่ะ พี่ไม่มีความกล้าอย่างนั้น โมฮาซูผู้สูงศักดิ์ของแม่ทัพชอยรี ไม่มีวันยอมลดตัว เพื่อช่วยลูกสาวตัวเอแน่ง ดังนั้นอย่ามาแค้นข้า"
"หึ สวยจริงๆ เหมือนแม่เจ้าไม่มีผิดเลย เมื่อเจ้าโตขึ้น เจ้าคงจะเป็นผู้หญิงใจเหี้ยมเหมือนแม่เจ้า ไม่ใช่แค่เจ้าหรอก แม้แต่เด็กนี่ข้าก็ไม่ให้อภัย"
"นี่ท่านจะทำอะไร อ๊าก ลาฮี"
ชีโซตกใจ "คุณหนู"
"ลาฮีๆๆ"
"จะเป็นแม่ของลาฮี หรือภรรยาของสามี ต้องเลือกเอาสักอย่าง" โมฮาซูว่า
จบตอนที่ 5

จามอง 6
"ลาฮีๆๆ" จาชิลร้องแทบจะขาดใจ
" จะเป็นแม่ของลาฮี หรือภรรยาของสามี ต้องเลือกเอาสักอย่าง ไปจากเขาเหมือนตอนเจ้าช่วยลูก ไม่งั้นข้าจะบอกว่าเจ้าทำอะไรไว้ ข้าไม่โผเข้าอ้อมกอดของจามุก ไม่ใช่เพราะข้าไม่กล้า"
"แล้วเพราะอะไร?"
" ข้าไม่ยอมผิดต่อเขา เพื่อช่วยลูกยังไงล่ะ อย่างน้อยเจ้า ยังมีทางให้เลือกอยู่บ้าง เลือกลาฮี หรือว่าเขา ข้าไม่มีโอกาส ที่จะเลือกจามองเลยด้วยซ้ำ โหดร้ายไปแล้ว"
"ข้าเรียนรู้มาจากท่าน สิ่งสำคัญกว่าลูก ก็คือสามีกับภรรยา ท่านทำให้เขาไร้ทายาท จามองก็ตายแล้ว ลาฮีก็ตายด้วย"
"ผู้หญิงแต่งมาเพิ่มได้ ถึงไม่ใช่เจ้า หรือว่าข้า คนที่มีลูกให้เขามีเยอะแยะไป"
"หึ ชอยรีมีลูกสาวเพียง 2 คนไม่มีลูกชาย ไม่เคยได้ยินคำทำนายเหรอ" จาชิลย้อน
"วังจาชิล"
"นี่คือสงคราม เขาจะรอดชีวิตกลับมา หรือว่าตายอยู่ในป่าก็ไม่มีใครรู้ ถ้าชอยรีต้องตายไป แถมยังต้องเสียลูกสาวอีก ช่างน่าสงสารจริงๆ"
โมฮาซูอึ้ง "อะไรนะ?"
" ท่านทำเกินจำเป็นน่ะ เพราะยังไงเด็กคนนี้ ถึงไม่ต้องยืมมือท่าน ช้าเร็วลาฮีก็ต้องอดตาย ไม่ยอมกินนมแม่ แถมไม่ยอมกินนมแม่นม แต่เด็กกลับรอดชีวิตอยู่มาถึงวันนี้"
โมฮาซูนึกถึงชอยรีที่บอกกับนางไว้ ว่า "โมฮาซู ข้าไม่รู้ว่า จะมีชีวิตรอดกลับมา เจอหน้าเจ้าอีกมั้ย? ฝากลาฮีด้วย วันที่ปล่อยจามองไป ข้ารู้ว่าคงไม่มีลูกชายสืบสกุล รู้ทั้งรู้ว่าวันหน้าเจ้าจะต้องลำบากกว่านี้ แต่ข้าก็ยัง ไม่ใยดีลาฮีไม่ลง เพราะยังไง เขาก็เป็นลูกสาวของข้า"
โมฮาซูสับสนมาก "ลาฮี"
แล้วโมฮาซูก็รีบให้หมอมาดูอาการของลาฮี โมฮาซูรีบถาม
"เป็นยังไงบ้าง?"
"ตอนนี้ยังเป็นหวัดอยู่ กลัวแต่ จะมีโรคมาแทรกซ้อน ท่านต้องกอดเขามากๆ ความเย็นในตัวต้อง ใช้ความอุ่นจากร่างกาย ช่วยคลายให้ครับ"
ชีโซรีบไปรายงานจาชิล "นายหญิงๆ นายหญิงคะ ท่านหมอบอกรอดแล้ว นายหญิง คุณหนูรอดแล้วค่ะ"
"หึ คิดว่าสระบัวนี่จะทำเขาตายได้เหรอ?"
"ท่านรู้แต่แรกแล้วหรือ?"
"ข้าเชื่อในดวงชะตาลาฮี เขาอยู่ในน้ำคร่ำมาตั้ง 9 เดือน เด็กที่มีชีวิตอยู่ในน้ำ จะ จมน้ำตายได้ยังไง?"
ชีโซเข้าใจ "นั่นสิ"
"ไปเอาเสื้อคลุมมา เราต้องเดินทางอีก 6 ร้อยลี้ เราต้องผ่านภูเขาชอแบ็กยอน เขาฮาดังแล้วเขามูจิก"
ชีโซถามขึ้น "ไม่ไปดูคุณหนูก่อนเหรอคะ"
"ไม่มีเวลาแล้ว ต้องออกเดินทางก่อนพระอาทิตย์จะตก โมฮาซูก็ดันมาก่อเรื่องเอาเวลานี้อีก"
"ตอนแรกคิดว่า นายหญิงใหญ่จะอ่อนโยนนุ่มนวล นึงไม่ถึงนางจะโกรธเป็น แถมยังโหดเหี้ยมซะด้วย"
"เวลาวัวมันโกรธ มันก็เหยียบคนเหมือนกัน ได้ระบายอย่างนี้ ความโกรธคงจะหายไปแล้ว ไปดูลาฮีสักหน่อย"
โคบีถามโมฮาซูด้วยความที่ยังเจ็บแค้นอยู่ว่า
"ท่านไม่แค้นนางเหรอ พอนึกถึงพี่สาวข้า นึกถึงคุณหนูจามองกับอิลพูม ข้าก็อดแค้นลาฮีไม่ได้"
"ข้าก็แค้นเขา แต่ไม่ปกป้องเขาไม่ได้"
"ทำไมคะนายหญิง ทำไมถึงต้องทำแบบนี้"
"ท่านต้องการแบบนี้ ลาฮีเป็นอะไรไม่ได้ ขอโทษนะลาฮี"
"ถ้าเป็นข้า ข้าไม่มีวันนยอม ช่วยคุณหนูขึ้นจากน้ำหรอก"
"ทงโคบี"
จาชิลเข้ามา "เจ้าแค้นลาฮีหรือไม่ มัน ก็เป็นสิทธิ์ของเจ้า อย่าลืม ว่าลาฮีก็เป็นคุณหนู ที่ต้องรับใช้"
โคบีก้มลง "ข้าผิดไปแล้ว"
"ลาฮีคงทำให้ท่านต้องเหนื่อยแย่"
"ต้องโทษข้าไม่ใช่เขา ลาฮีปลอดภัย สำลักน้ำในท้องมาหมด"
"ข้าจะออกเดินทางแล้ว ท่านเตรียมตัวเถอะ"
"ยังไม่ได้ เดี๋ยวความเย็นจะเข้าปอดเขา"
"เด็กคนนี้รอดชีวิตจาก เงื้อมมือยูฮอนกับท่านได้ แค่ความเย็นจะทนไม่ได้เหรอ เร็วเถอะค่ะ นี่เราช้ามากแล้ว"
โมฮาซูร้องขึ้น จนจาชิลรีบถาม "เป็นอะไรไปคะ?"
"ลาฮีเขา เขากำลังดูดนมข้า"
ขณะที่จามองกับอิมพูมก็ได้รับการอุปการะจากคนในคณะกายกรรมอย่าง ชากับมีชูรับมาเลี้ยงดู
หน้าด่านนัมมุน นอกเขตนังนัง บูทัลเข้ามาบอกว่ามีเรื่องด่วน ทหารบอกกับเขาว่า
"ทหารเกินร้อยนาย ถ้าหากจะเข้าเมือง ก็จะต้องมีหนังสือผ่านทางที่ออกโดยท่านแม่ทัพยู หรือท่านเจ้ากรม"
โทชัลแทรกขึ้น "นี่เป็นโองการของท่านอ๋อง ให้แม่ทัพวังเก็งนำกำลังเข้าเมือง ท่านอ๋องมีโองการให้พวกข้า อารักขาเมืองหลวง"
"นี่แม่ทัพขวาวังเก็ง กับท่านแม่ทัพซ้าย ชอยรีใช่รึเปล่าครับ?"
"ถูกแล้ว"
"จำพวกข้าได้แล้ว ยังไม่เปิดประตูเมืองอีก"
"ท่านแม่ทัพขวาควรจะนำทัพไปทายอล ส่วนแม่ทัพซ้ายก็ ควรจะนำทัพไปจนถึงทุนยูแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?"
วังเก็งกล่าวว่า "เมื่อกี้บอกแล้วไง ท่านอ๋องมีบัญชา ให้มาอารักขาเมืองหลวง"
"ข้าน้อย ยังไม่ได้รับการแจ้งจากในวังครับ"
"ตอนนี้แม่ทัพยูน่ะกำลัง ไปปราบกบฏอยู่ที่ เมืองฉางอันอบา พวกเจ้าจึงควรจะฟัง คำสั่งของแม่ทัพซ้ายสิ จะบังอาจไปแล้ว"
"ข้าน้อยบังอาจ เชิญท่านถอยไป 500 ก้าว รอแจ้งรายงาน ข้าจะส่งคนเข้าไป สอบถามในวังก่อน"
"ฮึ้ยเจ้านี่"
โฮแคสั่งเสียงเฉียบขาด "เปิดประตูซะ"
ทหารเสียงดัง "รีบปิดประตูเร็ว มีการกบฏแล้ว"
บู คีกล่าวทูลพระเจ้ามูยุลว่า "จากแผ่นดินเฮซูจนถึงนังนัง ที่สงบสุขร่มเย็นได้นั้น เป็นเพราะ พระบารมีของท่านอ๋องฮูยอนแต่เพียงผู้เดียว ขอยินดีในดิถีที่ท่านปกครอง มาครบ 30 ปี หวังว่าโกคูรยอ และนังนังจะเป็น มิตรต่อกันตลอดไป"
พระเจ้า มุยุลตรัสว่า "หลักการที่ว่า ไม่ควรใกล้และไม่ควรไกลเกิน จึงเป็นแนวทางที่เจริญของสองประเทศ โกคูรยอคือโกคูรยอ นังนังก็ยังเป็นนังนัง ต่างฝ่ายต่างดูแลประชาชน บนดินแดนตนให้ร่มเย็นเป็นสุข โดยต่างไม่หยิบยื่นอาวุธเข้าหากัน"
"จึงขอให้พระปรีชาของพระองค์ จงได้สืบทอดสืบต่อไป ท่านอ๋อง ของถวายจากโกคูรยอ ทรงพอพระทัยไหม?"
"ไม่สูงค่าอะไรนัก"
ยูฮอนว่า "สีแดง ถ้าใช้อย่างไม่เหมาะสม มันก็จะกลายเป็นสีที่ไร้ค่าและธรรมดาไปเลยเชียว"
"ขอได้โปรดอภัยด้วย"
"ไม่เป็นไรหรอก มันก็ช่วยไม่ได้นี่ จริงสิ ท่านเจ้ากรมพูดถูก โกคูรยอที่ไม่มีอะไรเลย กลับยอมทุ่มเทขนาดนี้ คงคาดหวังอะไรอยู่มั้ง"
"เราต้องการอาหาร" บัลโซว่า
"อืม ที่แท้มูยุลก็ส่งเจ้ามาซื้ออาหาร"
"โปรดมอบข้าวสาร ข้าวสาลี เกลือและน้ำมัน เพื่อให้พ้นจากภัยแล้งปีหน้า"
"เอาหนังหมูมาไม่กี่แผ่น แต่เรียกร้องมากเชียวนะ"
"คงไม่ได้หรอกฝ่าบาท นังนังก็เกิดอุทกภัยใหญ่ทำให้ผลเก็บเกี่ยวไม่ดีเหมือนกัน"
บัลโซกล่าวว่า "18 อำเภอของนังนังมีคลังเสบียง ท่านมีเสบียงที่พอกินไปถึงสามปีไม่ใช่หรือ?"
โฮ คกแปลกใจ "ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องในบ้านเมืองข้ามากนัก นั่นเตรียมไว้สำหรับทหารของนังนัง ไม่ได้เตรียมไว้ให้โกคูรยอ หน้าด้านซะจริงๆ"
"ชาวโกคูรยอขาดแคลนอาหาร จึงต้องข้ามแม่น้ำแพซูมาหากิน พวกเขาอาจมาเป็นโจร ขโมยในนังนังของท่าน แล้วท่านจะจัดการยังไง?" บัลโซว่า
"เจ้าเป็นแค่ทูตคนหนึ่งกลับกล้ามาข่มขู่ท่านอ๋องงั้นเหรอ?"
"โกคูรยอและนังนัง อยากรักษาความสงบร่มเย็น"
ทหารเข้ามาทูลยูฮอนว่าประตูเมืองใต้แตกแล้ว
โฮคกยังไม่เข้าใจ "แผ่นดินไหวเหรอ จู่ๆ ประตูเมืองจะแตกได้ไง"
"วังเก็งรึ ทหารที่วังเก็งนำทัพใช่มั้ย?"
"เป็นแม่ทัพขวาวังเก็ง และแม่ทัพซ้าย ชอยรีด้วย"
ยูฮอนแค้น "ไอ้พวกกบฎโชซอน"
บัลโซกล่าว "ท่านอ๋องขอรับ"
บู คีเองก็กล่าวว่า "ราชทูตทำแบบนี้เหมาะแล้วรึ ต่อให้ไม่มียางอายก็ ไม่ควรมาแบมือของเสบียง เสบียงที่อยู่ในมือชอยรีกับวังเก็ง จะยกให้โกคูรยอได้ยังไง?"
บัลโซเรียกอีก "ท่านอ๋องขอรับ"
โฮคกไล่ "ยังไม่รีบไสหัวกลับแม่น้ำแพซูไปอีก"
"ให้เสบียงเขาไป" ยูฮอนว่า
บูคีกับโฮคกไม่พอใจ "ท่านอ๋อง"
" มูยุลเองไม่น่าสงสารรึไง ข้าสาบานว่าต้องตัดหัวชอยรีกับวังเก็งคนทรยศทิ้ง ข้าวที่ต้องคลุกกลิ่นคาวเลือดนั่น ไม่ต้องให้ไป เปิดคลังเอาข้าวเก่าให้"
"ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เมตตา"
0000000000000000
ประตูแบ็กซุง เมืองกุ๊กแน โกคูรยอ ทหารคนหนึ่งเห็นก็รีบบอกเพื่อนทหาร
"เปิดเร็ว นี่คือ ท่านเสนาฯอึลดูจิ"
พระเจ้ามูยุลกล่าวกับอึลดูจิทันทีที่เจอหน้า "ในที่สุด วังเก็งกับชอยรีก็ร่วมมือกันกบฏ"
"ถึงจะพอรู้ล่วงหน้า แต่ก็กะทันหันมากเลย"
"ไม่รู้ชูบัลโซนำข้าวกลับมาได้มั้ย เพชรนิลจินดาหนังสัตว์ ก็ให้ยูฮอนไปหมดจนแล้ว คงไม่ต้องกลับมามือเปล่าหรอกนะ"
"วังเก็งกับชอยรี ชอยรีกับวังเก็ง สู้กับพวกเขายากกว่าสู้กับฮูยอนเยอะ เฮ้อ หาทางทำให้เขาแตกกัน"
"บังเอิญว่าวังเก็ง เป็นพี่เขยของชอยรีด้วยพะยะค่ะ"
"ข้ารู้อยู่แล้ว"
"ความสัมพันธ์ ของพวกเขาดูเหมือนแน่นแฟ้นกันดีมาก"
"ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นงั้นเหรอ?"
"เอ่อ หมายความว่า ผู้ชายสองคนนี้ เป็นสหายที่เชื่อใจกันโดยไม่ระแวงต่อกันเลยพะย่ะค่ะ"
พระเจ้ามูยุลหัวเราะ "โลกนี้ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก"
"แม้จะหายาก แต่มันก็มีอยู่จริงพะยะค่ะ"
"มนุษย์เป็นสัตว์ที่เต็มไปด้วยกิเลส"
"ฝ่าบาท"
"ปัญหาอยู่ที่กิเลสมีมากน้อย อยู่ในเวลาไหน และรูปแบบไหนต่างหาก ความสัมพันธ์แบบที่เจ้าว่า ไม่มีอยู่ในโลกหรอก"
"ฝ่าบาททรงใช้ สายพระเนตรตัดสินมนุษย์ ในแง่ร้ายไปพะยะค่ะ"
"ไม่ใช่ว่าท่านอ่อนแอเกินไปรึ?"
"ไม่ว่าจะโหดร้ายหรือว่าอ่อนแอ แต่เรา จะยุให้เขาแตกกันยังไง"
" ตอนนี้เขา กำลังปีนขึ้นเขาด้วยกัน แต่เมื่อไหร่ที่กำจัดยูฮอนได้แล้ว ตำแหน่งกษัตริย์จะมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อได้ลิ้มรสของอำนาจแล้ว ความเชื่อใจจะหายไปเอง เขาสองคน ก็จะหันกระบี่เข้าหากัน เพื่อแย่งบัลลังค์นังนัง"
"ในโลกนี้ ไม่มีมิตรภาพที่แท้จริงหรือพะยะค่ะ"
"อึลดูจี พระเจ้ายูริเสด็จพ่อของข้า เพื่อรักษาตำแหน่งของข้าไว้ ท่านฆ่ากระทั่งพี่ชายข้า 2 คน ข้าตอบเจ้าแล้วนะ"
"แล้วฝ่าบาทกับพระมเหสีล่ะพะยะค่ะ แล้วฝ่าบาทกับองค์ชายโฮดงล่ะ"
"ท่านเสนาฯต้องการให้ข้าพูดอะไรกันแน่?"
"ระหว่างฝ่าบาทกับองค์ชาย ก็มีความสัมพันธเช่นนั้นอยู่ไม่ใช่หรือ?"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่มี"
พระเจ้ามูยุลตรัสถามฮาเดิ้กว่าทำไมวันนี้ไม่เห็นโฮดงเลย?
"องค์ชายเป็นไข้หวัดพะยะค่ะ พระสนมจึงไม่ให้ออกจากตำหนักซูยาง"
" โกคูรยอน่ะ เป็นประเทศที่จะต้อง ผ่านฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเป็นน้ำแข็งอยู่ทุก ๆ ปี แต่องค์ชายกลับหนาวจนเป็นไข้หวัด ไปเรียกเขาออกมา บอกให้ใส่ชุดบางๆ แล้ววิ่งจนกว่าเหงื่อจะออกท่วมตัวซะ"
"นี่เป็นพระประสงค์มเหสี ทรงเข้าพระทัยด้วย"
ด้าน องค์ชายโฮดงเมื่อรู้ว่าใครคือศัตรูของตน จึงพยายามที่จะฝึกฝนตนให้เข้มแข็ง เพราะรอดชีวิตจากแม่เลี้ยงใจร้ายให้ได้ แต่พออึลดูจิมาเข้าเฝ้า องค์ชายก็ปล่อยโฮออกมา
"ท่าน ท่านอาจารย์ ฮือๆๆ"
"นี่มัน เกิดอะไรขึ้นพะยะค่ะ"
เวลาเดียวกันนี้ ซงแมซอซูก็เรียกแม่ทัพอูนาลูมาพบและขอร้อง
"แม่ทัพอูนาลู โปรดช่วยข้าด้วย"
"มเหสี พระมเหสี ทรงทำแบบนี้ องค์หญิงของกระหม่อม จะฆ่ากระหม่อมเอา"
"ท่านแม่ทัพ คิดว่าข้าว่างมาล้อท่านเล่นงั้นเหรอ?"
"ถ้าไม่ได้ล้อเล่นก็ยิ่ง ไปกันใหญ่ กระหม่อมปวดหัวพะยะค่ะ"
" นี่เป็นอนาคตของโกคูรยอนะ ท่านจะเลือกโฮดงเหรอ? จะให้ลูกของผู้หญิงชั้นต่ำ สายเลือดพูยอหรือสายเลือดพีรูบริสุทธิ์ขึ้นเป็นผู้สืบทอด ท่านจะสนับสนุนฝั่งใด ต้องเลือกจุดยืนให้ชัดเจน ในวันที่ลูกข้าได้ขึ้นครองราชย์ ท่านจะได้ครองตำแหน่งสูงสุดแน่"
"พระมเหสี ไม่ว่าทรงมีโอรสหรือว่าธิดา กระหม่อมก็ไม่สนหรอก"
"ท่าทางท่านเลือก ข้างโฮดงเหมือนอึลดูจีสิ"
" กระหม่อมไม่ค่อย รู้เรื่องราวอะไรนักหรอก แก่งแย่งอำนาจ สืบราชบัลลังค์ แค่คิดสมองก็แทบจะระเบิดแล้ว ถือกระบี่สู้ในสนามรบ ตัดสินความเป็นตายกัน ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย กระหม่อมเป็นสุขมากกว่า โปรดอย่าดึงให้กระหม่อม เข้าไปพัวพันเลยจะดีกว่า"
"หมายความว่าท่าน ไม่เลือกที่จะยืนข้างไหน ขออยู่ตรงกลางเหรอ?"
" กระหม่อมอาจเป็นกระดูกในสนามรบได้ทุกเมื่อ แล้วกระหม่อม จะไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไมกัน ในเมื่อพระองค์ทรงชักกระบี่ออกมา การนองเลือดก็คงหนีไม่พ้น ไม่ว่าองค์ชายโฮดงหรือโอรสสนม ถ้ากษัตริย์องค์ต่อไป มีปรีชาเหนือกว่าองค์นี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร อูนาลูก็ย่อมรับใช้ พระองค์จนเป็นกษัตริย์ที่ แข็งแกร่งของโกคูรยอ"
"แค่คำพูดนี้ ก็เป็นกำลังใจให้ข้ามากแล้ว"
องค์ชายโฮดงเล่าเรื่องแม่เลี้ยงใจร้ายให้อึลดูจิฟัง
"ได้บอกคนอื่นรึเปล่าพะยะค่ะ?"
"ตอนนี้ ข้ากำลังจะไปกราบทูลที่ตำหนักพอนซู"
"ไม่ได้พะยะค่ะ"
"เสด็จพ่อควรจะทราบนี่นา"
" ถ้าฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้ ไม่พระมเหสีก็องค์ชาย จะมีต้องใครสักคน ที่จะต้องตายแน่นอน หากตัดขาดเผ่าพีรูแล้วเลือกองค์ชาย หรือเลือกองค์ชายแล้วตัดขาดกับพีรู ฝ่ายบาทจะต้องตัดสินพระทัยเลือก"
"ท่านคิดว่าเสด็จพ่อ จะเลือกฆ่าข้ารึเปล่าล่ะ?"
" อาจเป็นไปได้ หรืออาจจะไม่ใช่ กระหม่อมเองก็ไม่ทราบ ถ้ารู้สึกว่าถูกรังแก ท่านต้องรวบรวมพลังที่มี เพื่อเอาชนะกำลังของพระมเหสี เอาชนะกำลังเผ่าพีรู และองค์ชายจะชักกระบี่ได้ เมื่อทรงแน่พระทัยแล้วว่าจะชนะ มันน่าเสียดายที่ นี่คือสถานะองค์ชายในตอนนี้"
00000000000
เวลาเดียวกันนี้ ชอยรีก็ถามวังเก็งว่า
"ได้ยิน ว่ายูฮอนได้เรียกทัพเสริมจากเหลียวตงกับฮอนโท"
"ท่าทางจะเป็นศึกยืดเยื้อแล้ว"
"ปัญหา คือเสบียงอาหาร"
"ยูฮอนบอกว่าจะ เปิดคลังนำอาหารให้โกคูรยอ เราจะต้องปล้นชิงเสบียงนั้นมาให้ได้ มาโจกับโฮแคนำทหาร 5 ร้อยคน ไปปล้นชิงเสบียงนั้นมา"
"ทำไมวังโจยัง ไม่ส่งทัพเสริมมาอีก"
" เจ้าคนไร้สำนึกนั่น มันคงรอแต่ฉกผลประโยชน์ พอเราสู้แทบตายจนยึดครองแผ่นดินได้ มัน ถึงจะโผล่หัวมาทำท่าแข็งขัน มันคิดจะมาแย่งชิงบัลลังค์ใช่มั้ยหา?"
"บัลลังก์ๆ เจ้าคิดถึงแต่บัลลังค์รึไงหา ถ้าทหารจากเหลียงตงกับฮอนโทมาถึง สงครามจะลุกลาม ไปแค่ไหนก็ยังไม่รู้เลย"
"แต่ไม่ว่ายังไง มาโจกับข้าก็ควรไปก่อน ถ้าไม่มีเสบียงแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงอีก"
ลูจีบอกชอยรีว่า "นายหญิงใหญ่กับนายหญิงรอง พาคุณหนูลาฮีไปวอลแฮชอง ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับ"
"พวกนางไม่มีป้ายผ่านด่าน แล้วจะผ่านด่านไปได้ยังไง" ชอยรีวิตกกังวล
ด้านอ๊กกูก็ต่อว่าซงแมซอซูที่คิดฆ่าองค์ชายโฮดง
"นี่เจ้ายังมีสมองอยู่รึเปล่า? ถ้าเจ้าฆ่าโฮดง จะให้เผ่าพีรูถูกประหารล้างเผ่าพันธุ์รึยังไงกันหา?"
"พ่อนี่มีหูตาเยอะจังนะ เมื่อคืนในวังเกิดเรื่องอะไรขึ้น มีแม่น้ำขวางไว้ท่านยังรู้ได้อีก"
"เจ้าเดาผิดคนแล้ว ไม่มียังเดิ้ก ข้าก็ยังมีหูตาอีกมาก แล้วมูยุล รู้เรื่องที่เจ้าทำลงไปรึเปล่าหา?"
"ข้าไม่รู้ ว่าเขารู้รึเปล่า?"
"โฮดงล่ะ"
"ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นก็ถามเขาเองสิ โฮดงเอ๊ย คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเจ้า คิดจะบีบคอเจ้าให้ตายเจ้ารู้มั้ย หรือว่าไม่รู้"
อ๊กกูถอนใจ "เฮ้อ"
"ข้าเรียกโฮดงมาหาดีมั้ย?"
"แมซอลซู"
กำนัลเข้ามาบอกว่าแมโกแจ้งว่า พระเจ้ามูยุลเสด็จที่ตำหนักซูยาง อ๊กกูเตือนว่า
"พระมเหสี เดี๋ยวก่อน ตอนนี้เจ้ากับโฮดงน่ะ ยืนอยู่คนละฝั่งอย่างสิ้นเชิงแล้ว พวกเจ้าอยู่ในจุดที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว"
"ข้ารู้แล้วท่านพ่อ"
" ถ้ามูยุล เกิดรู้เรื่องนี้เข้า พ่อกับเผ่า ก็จะตัดความสัมพันธ์กับเจ้าซะ จำไว้ให้ดี แมซอลซู มูยุลจะอ้างเหตุนี้โจมตีเผ่าพีรู พ่อปกป้องเจ้าไม่ได้"
"ถึงตอนนั้น ข้าจะฆ่าตัวตายเอง"
"เฮ้อ ตอนที่เจ้าไป เจ้าก็พาโฮดงไปด้วยล่ะ ความแค้นนี้ พ่อจะแก้แค้นให้เจ้าเอง"
"ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้ ข้ายังไม่ได้ตายสักหน่อย"
พระเจ้ามูยุลตรัสถามองค์ชายโฮดงว่า
"ทำไมไม่เอากระบี่วางบนโต๊ะเอามากอดทำไม?"
"หม่อมฉันกลัว ตอนนอนจะมีคนเลวเข้ามา เลยต้องปกป้องตัวเองไว้"
"ในวังของพ่อจะมีใครกล้ามาทำอะไร? โฮดง"
"ก็หม่อมฉัน ไม่ค่อยแน่ใจนี่นา"
"ในเวลาอย่างนี้เจ้ามาทำไมหา?" พระเจ้ามูยุลตรัสถามซงแมซอซูที่เข้ามา
"คนเป็นแม่ ไม่มาห้องลูกได้หรือเพคะ ได้ยินว่าโฮดงเป็นไข้ หม่อมฉันห่วงว่าจะนอนไม่หลับ เลยมาดูเพคะ จริงสิ ลูกเป็นยังไงบ้างหา?"
"หม่อมฉัน ไม่ได้เป็นไข้พะยะค่ะ" องค์ชายโฮดงรีบบอก
"แล้วยังไง?"
"หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้ไม่สบายเพราะไข้"
"แล้วเพราอะไรล่ะ โฮดง พ่ออยู่นี่ทั้งคน พูดออกมาเถอะ"
"เป็นเพราะว่า หม่อมฉัน"
"ถ้าฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้ ไม่พระมเหสีก็องค์ชาย จะมีต้องใครสักคน ที่จะต้องตายแน่นอน"
พระเจ้ามูยุลทรงตกพระทัย "โฮดง"
อึลดูจิกล่าวว่า "หากตัดขาดเผ่าพีรูแล้วเลือกองค์ชาย หรือเลือกองค์ชายแล้วตัดขาดกับพีรู ฝ่ายบาทจะต้องตัดสินพระทัยเลือก"
"นี่เจ้าเป็นอะไรหา?" พระเจ้ามูยุลทรงประหลาดใจมาก
"หม่อมฉันปวดหัว สงสัยจะเป็นไข้หวัดจริงๆ แค่กๆๆ"
"ทางหมอหลวง ถวายยายอนโคกับคึมอึนฮา สงสัยยาคงจะแรงไป"
"เพราะเจ้าอ่อนแอเจอลมหนาวถึงเป็นไข้ รองเท้าก็ถอดออกด้วย"
แมโกน้อมรับ "เพคะฝ่าบาท"
"เจ้าวิ่งไปเรื่อยๆ จนกว่า ไอร้อนออกจากหัวและมีเหงื่อออกมา"
"พะยะค่ะเสด็จพ่อ" องค์ชายโฮดงน้อมรับ
"เอาผ้าพันคอออก"
แมโกรีบเข้ามา "หม่อมฉันถอดให้เพคะ"
"ไม่ได้ อย่ามายุ่ง เสด็จพ่อ คือว่าคอลูกบวมมาก นี่มันช่วย"
"เจ้าอายุเจ็ดขวบแล้ว จะใช้นิสัยเด็กๆ แบบนี้ถึงเมื่อไหร่"
"เจ้าถอยไป ข้าแก้ให้เขาเอง เดี๋ยวตอนวิ่ง เหงื่อคงจะออกมา มีผ้าไว้เช็ดเหงื่อก็ดีเพคะ"
"งั้นยังยืนเฉยอยู่ทำไม"
"เสด็จพ่อ เสด็จแม่หม่อมฉันเป็นคนยังไงหรือ? หม่อมฉันอยากรู้ ว่าแม่แท้ๆ ของหม่อมฉันเป็นใคร? ท่านเป็นคนยังไง?"
"ลืมไปแล้ว"
"เสด็จพ่อ"
" โลกนี้มีไว้สำหรับคนที่ยังหายใจอยู่เท่านั้น คนเป็นกษัตริย์ไม่มีเวลามากพอ ไปจำเรื่องคนตายหรอก แม่เจ้ายืนอยู่นั่นไง ต่อไปอย่าได้ถามเรื่องพวกนี้อีก"
เช้าวันต่อมาองค์ชายโฮดงก็มาขอพบอูนาลู
"โฮดง ทำไมถึงมาที่นี่แต่เช้าเชียว?" ยอรังถาม
"ข้าจะมาหา ท่านอาเขยขอรับ"
"งั้นเหรอ โฮดงบอกว่าจะมาหาท่านน่ะ"
"ไหนว่าไม่สบาย ทำไมมาที่นี่ได้"
"ได้โปรด สอนวิชาฟันกระบี่ที่แข็งแกร่งให้ข้าที" องค์ชายโฮดงขอร้อง
"จะทรงเอาไปฆ่าใครงั้นเหรอ?" อูนาลูถาม
"ตอนนี้ข้า อยากเรียนวิชากระบี่ที่ญาติตัวเองก็ฆ่าได้ อาจารย์ โปรดรับการคารวะด้วย"
ยอรังเห็นโฮดงได้รับบาดเจ็บก็ต่อว่าอูนาลู
"องค์หญิงเชิญหลีกไป"
"ท่านมาสอนฟันกระบี่ให้เขา ใครให้ท่านถอดเสื้อแล้วฟาดเขาแรงอย่างนี้"
" อะไรเรียกว่ากระบี่ลูกผู้ชาย เพลงกระบี่ผู้หญิงเป็นแค่ศิลปะ แต่กระบี่ของผู้ชาย เป็นการตัดสินในเสี้ยววินาที ไม่ข้าก็เจ้าที่ต้องตาย"
"โฮดงถูกกำหนดให้ออกรบพรุ่งนี้รึไง? เจ็บมั้ยหา?"
"พะยะค่ะ เสด็จอา"
"ลุกขึ้นมา"
ยอรังอึ้ง "ท่านพี่"
" ไหนว่าจะฝึกวิชาที่ฆ่าได้แม้แต่ญาติไงล่ะ หรือทรงพูดไปอย่างนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่ฆ่าญาติได้ เพราะมันยากเย็นและเจ็บปวดซะยิ่งกว่า ตัดมือเท้าตัวเองอีก ข้าว่าท่านคงไม่สามารถฆ่าญาติตัวเองได้ แค่ความสงสารก็ทำให้ท่านอ่อนแอ ไปเรียนกับองค์หญิงเถอะ วันหน้าเมื่อต้องออกรบ อย่างน้อยก็ป้องกันตัวเองได้"
องค์ชายโฮดงตะโกน "ข้าทำได้ ข้าต้องฆ่าได้ ข้าจะฝึกกระบี่ลูกผู้ชายกับท่านอาเขยให้ได้ ข้าจะเป็นกษัตริย์โกคูรยอ สืบต่อจากเสด็จพ่อให้ได้ ถ้าฆ่าญาติตัวเองไม่ลง ข้า ก็จะต้องตาย ย้าก"
จบตอนที่ 6

จามอง 7

ฤดูหนาว ปี คศ29 ตำหนักซูยาง เมืองกุ๊กแน โกคูรยอ องค์ชายโฮดงทรงฝึกฝนวิชาอย่างหนัก
ขณะที่ซงแมซอซูมาเข้าเฝ้าพระเจ้ามูยุลกลางดึก
"เรียกหม่อมฉันกลางดึกอย่างนี้ โซมายอนคนเดียวไม่พอหรือเพคะ"
"มานั่งก่อนสิ"
"สิบปีมานี้ไม่เคยเรียกหาหม่อมฉันเลย หม่อมฉันเลยคิดว่าจากนี้ไปคงไม่เข้าเฝ้า ฝ่าบาทในตอนกลางคืนอีก"
" มองกลางคืน ที่แท้เจ้าก็แก่แล้วนะ หน้ามีรอยเหี่ยวย่นแล้ว ข้าไม่เคย ลืมสัญญาที่ให้กับเจ้าไว้ตอนนั้น เมื่อไหร่ที่เจ้าอายุมาก จนหมดรอบเดือนมีลูกไม่ได้อีกแล้ว ถ้าตอนนั้นข้ายังไม่ตาย และยังเป็นชายชาตรีอยู่ ข้าจะเอ็นดูพระมเหสีเอง"
"ถึงหม่อมฉันจะแก่ แต่ก็ยังมีรอบเดือนอยู่เพคะ"
"อ้อ อย่างนั้นเหรอ?"
"มีธุระอะไรกับหม่อมฉันเหรอ?"
"ผ้าที่อยู่บนโต๊ะนั่น"
"ผ้านั่นทำไมเพคะ หรือเตรียมเป็นของขวัญวันเกิดหม่อมฉัน"
"เอาไปตัดชุดซะ เย็บปักให้สวย ความเหงาค่ำคืนมันทรมาน เย็บปักถักร้อยฆ่าเวลาก็เป็นเรื่องดีนะ"
"ทำไมต้องเหยียดหยามกันด้วย ถึงไม่ได้รับความเอ็นดูจากพระองค์ แต่หม่อมฉันก็เป็นราชินี เห็นหม่อมฉัน เป็นนางกำนัลเย็บผ้าหรือเพคะ?"
"นี่เป็นของขวัญให้กษัตริย์นังนังคนใหม่ที่จะครองราชย์"
"ให้โซมายอนทำเถอะเพคะ"
" เฮ้อ นี่ไม่ใช่งานที่จะให้นางสนมไปทำได้ ผ้าไหมพับนี้ ใช้เย็บชุดพิธีสำหรับกษัตริย์ ระหว่างวังเก็งกับชอยรีต้องมีใครสักคนตาย ดังนั้นต้องให้เจ้าทำ เพราะมีแต่ มเหสีโกคูรยอที่ทำได้"
เมืองวังเคิม แคว้นนังนังจาชิลเจอชอยรีจึงเอ่ยทักว่า
"ท่านมาอยู่ตรงนี้นี่เอง?"
"เจ้ามาทำอะไรที่นี่?"
"บ้านที่วันหน้าต้องมาอยู่ ข้าก็ต้องมาดูบ้างสิ บ้านหลังนี้ไม่ต่างอะไรกับวังเลย ถ้าพูดถึงเรื่องตกแต่ง พวกเขาจะสู้ผู้หญิงได้ยังไง"
"ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะเข้าวังน่ะ?" ชอยรีย้อน
"ท่านคิดจะให้พี่ชายข้าครองราชย์หรือ?"
" ถึงจะกำจัดพวกยูฮอนไปได้แล้ว แต่ขุนเขาที่ต้องข้ามมีอีกมาก เหลียวตง หรือฮอนโท ไหนจะฮ่องเต้กวงอู่ตี้ แถมยังมีมูยุลแห่งโกคูรยอ ถ้าเป็นพี่วังเก็ง ต้องนำพานังนังให้เจริญรุ่งเรืองได้แน่"
"อืม ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าท่าน หรือลาฮี คนในครอบครัว ทุกคนในชองแฮฮุน คงต้องตายกันหมด"
"กลัวคนอื่นมาได้ยินจริงๆ เพิ่งล้มอำนาจเก่าก่อตั้งอำนาจใหม่มา ก็เริ่มแก่งแย่งชิงดีกันซะแล้ว"
"แม้ว่าต้นไม้จะใคร่สงบ แต่สายลมก็ไม่ปรานี แม้ทะเลหวังจะหยุดนิ่ง แต่คลื่นก็ไม่ยอมหยุดซัด"
"จาชิล"
" พี่ชายของข้าเป็นคนโลภมาก โทชัล บูทัล ลูกน้องในยางโฮยิ่งแล้วใหญ่ แม้แต่โมยังเฮพี่สะใภ้ข้า พวกเขาไม่มีใครอยากให้ท่านมีชีวิตสักคน ท่านฟังให้ดีระ ข้าวังจาชิล ใช้ชีวิตอยู่ในยางโฮมายี่ 22 ปี ข้ารู้จักพี่ข้าดีกว่าใคร"
"เจ้าไปดูแลลาฮี ที่ชองแฮฮุนเถอะ"
"ข้าคิดถึงท่านพี่ ยังไงก็มาแล้ว เดินดูรอบวังหน่อยดีกว่า"
จาชิลกระซิบสั่งชีโซว่า "ไปสืบให้ข้าที 4 ปีก่อน ฝังจามุกเอาไว้ที่ไหน"
"ค่ะนายหญิง เดิมทีตรงนี้เป็น พลับพลาดูดาวเพคะ ท่านโหรหลวงจะคอยเฝ้าดูดาวจากตรงนี้"
"เขามองดูดาวจากในน้ำนี่รึไงนะ?"
"ไม่ใช่เจ้าค่ะ หลังจากฝังยูฮอนกับเขาไว้ ถึงได้สร้างสระบัวขึ้นมา"
4 ปีก่อน ฤดูใบไม่ผลิ ปีคศ 25 จามุกดีใจที่ได้พบกับจาชิล
"นายหญิง ในที่สุดท่านก็กลับจากแมซีทัล"
"เพราะสงครามกำลังจะจบแล้ว นังนังกำลังจะล่มสลาย ยูฮอนก็ต้องตายเหมือนกัน ส่วนชอยรีสามีข้า จะเป็นกษัตริย์คนใหม่" จาชิลกล่าว
"อาจะใช่"
"ราชินีใหม่ของนังนัง มเหสีวังจาชิล ข่าวฉาวโฉ่ที่ว่าวังจาชิลยอม ยั่วยวนโหรหลวงเพื่อช่วยชีวิตลูกสาว ควรให้มลายหายไปซะ"
"ยาพิษแพ็กทู"
"กินเข้าไปเดี๋ยวนี้ คิดจะทำอะไรน่ะ?"
"ถ้าเป็นของที่นายหญิงให้ อย่าว่าแต่ยาพิษ ต่อให้เป็นกระบี่ข้าก็ต้องกลืนลงไป"
"งั้นก็รีบกลืนลงไปซะสิ"
"แต่ว่า ไม่ว่าจะยังไง ข้าต้องถวายการรับใช้ มีสัจจะที่ต้องรักษา ให้ข้าส่งเสด็จท่านอ๋องก่อน แล้วข้าค่อย"
"จามุก เอานี่คืนไปด้วย"
"นายหญิง นี่เป็นของขวัญ ชิ้นสุดท้ายที่ข้าจะให้นายหญิง ท่านถือต่อไป อีกสักพักเถอะ"
"ข้าเชื่อว่าท่านคงไม่ คิดจะล่วงเกินข้าในวัง"
"นายหญิง ข้า อยากเจอท่านเป็นครั้งสุดท้าย"
ชอยรีกับวังเก็งสามารถล้มยูฮอนได้ แต่ก็กำลังจะเกิดการแก่งแย่งว่าใครจะมาเป็นผู้ปกครองนังนังคนต่อไป
โมยังเฮภรรยาของวังเก็งบอกให้เขาฆ่าชอยรีเพื่อจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ขณะที่มาโจก็มาทวงคำสัญญากับชอยรี
"คำสัญญา ที่ท่านให้ต่อหน้าศาลเทพทันกุน คงยังไม่ลืมใช่มั้ย?"
"ในวันที่นังนังเป็นเอกราช จงใช้กระบี่เล่มนี้มาตัดหัวข้า"
"ท่านลืมไปแล้วเหรอ?"
"เป็นวันนี้อย่างนั้นเหรอ ตามคำสัญญา เชิญตัดหัวของข้าเถอะ"
"ดี งั้นข้าจะตัดหัวท่านล่ะ ท่านแม่ทัพ"
"นี่หมายความว่าไง"
" เมื่อกี้ข้ามาโจ ได้ตัดหัวท่านแม่ทัพซ้าย ชอยรีไปเรียบร้อยแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าข้า คือราชาแห่งนังนัง ผู้กอบกู้เอกราชโชซอน ขอให้ท่าน ใช้กระบี่นี้ปราบวังเก็ง"
ชอยรีประหลาดใจ "มาโจ"
"เวลาเช่นนี้ต้องการให้ท่านออกมา ขอให้ท่านช่วย ปกป้องนังนังจากมูยุล"
000000000000000000
ฮาเดิ้กเข้าเฝ้าพระเจ้ามูยุลและทูลว่า
"ฝ่าบาท พระองค์ไม่บรรทมทั้งคืนเกรงว่า"
"เมื่อวานนี้ มันเป็นวันที่พี่ชายของข้าต้องมาฆ่าตัวตาย"
"กระหม่อมกลับลืมเสียได้ กระหม่อมสมควรตาย"
" ไม่เป็นไร เสด็จพ่อของข้าน่ะ ไม่ยอม ให้ใคร เอ่ยแม้แต่ชื่อของโดแจ กับแฮเมียงเลย เจ้าจะลืมก็ไม่แปลกหรอก มันเป็นเพราะอะไรกันนะ ที่ทำให้เสด็จพ่อของข้ายอมฆ่ากระทั่งลูกตัวเอง เพื่อโกคูรยอหรือ? หรือเพราะว่ากลัวตาเฒ่าจากทั้งห้าเผ่าจะมาล้มล้าง"
"ห้าเผ่านั้นไม่มีความหมายหรอก ก็เหมือนที่ฝ่าบาททรงทำ ทุกอย่างทรงทำเพื่อโกคูรยอ"
" ฮ่าๆๆ ฮาเดิ้ก เจ้ารู้จักพูดปลอบใจอย่างนี้เหมือนกันรึ ข้ามูยุล ป่านนี้ยังไม่อาจทำให้โกคูรยอมั่นคงได้ แม้แต่เป็นใหญ่ในเผ่าพีรูยังไม่ได้ ทำยังไงถึงจะทำให้โกคูรยอยิ่งใหญ่ได้"
ตำหนักคังกุ๊ก พระเจ้ามูยุลเสด็จไปดูองค์ชายโฮดงแสดงฝีมือ และได้พบกับอ๊กกู
"กระหม่อม ถวายบังคมฝ่าบาทพะยะค่ะ"
"อ้อ ท่านพ่อตาก็มาหรือ?"
"วันนี้องค์ชายทรงแสดงฝีมือหลังฝึกสำเร็จ กระหม่อมย่อมต้องมา องค์ชาย วันนี้ ขอให้ท่านแสดงให้ตาได้ ชื่นชมสักหน่อยเถอะ"
"หม่อมฉันจะพยายาม"
"ตอนดูหูตา ต้องสอดส่ายออกไปข้างนอกเหรอ ความทะเยอทะยานนั้นมันจะเป็นผลดีหรือร้ายหา?"
"คนแก่จะเข้าโลงจะไปมีความทะเยอทะยานอะไรกัน ก็แค่ หวังให้โกคูรยอได้ร่มเย็น ให้ฝ่าบาท กับองค์ชายมีพระวรกายแข็งแรงเท่านั้นเอง"
"ไม่หวังให้อำนาจเผ่าพีรูกับพระสนมมากขึ้นรึ"
"ความร่มเย็นของโกคูรยอก็เป็นความร่มเย็นของเผ่าพีรูด้วย ส่วนพระมเหสี ฝ่าบาท กระหม่อมมีของอยากจะถวาย"
"ของถวายรึ? ฮ่าๆๆๆ ท่านมักมีอะไรที่คาดไม่ถึงมาเสมอ ข้าอยากเห็นแล้วสิ ไปเชิญพระมเหสีมา"
สักครู่หนึ่ง ซงแมซอซูก็เสด็จมาถึง อ๊กกูทัก
"โอ้ พระมเหสี"
"อากาศหนาวอย่างนี้ยังอุตส่าห์ข้ามแม่น้ำมา"
"เพื่อแสดงความยินดีกับองค์ชาย ถึงต้องข้ามเขามาก็ไม่เป็นไร" อ๊กกูว่า
พระเจ้ามูยุลตัดบท "โฮดงกำลังรออยู่น่ะ ไว้แสดงความคิดถึงพ่อทีหลังเถอะ"
"ท่านพ่อคะ"
"เอ่อ พ่อเป็นขุนนาง จะนั่งคู่ฝ่าบาทได้ไง พระมเหสี เชิญประทับเถอะ"
"เริ่มต้นได้แล้ว"
และเมื่อองค์ชายโฮดงแสดงเสร็จ ทุกคนต่างชื่นชม
"ยอดมาก"
" ฮ่าๆๆๆๆ องค์ชาย วันนี้กระหม่อมได้ เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ ฝีมือกระบี่เฉียบคมอย่างนี้ นอกจากฝ่าบาทแล้ว ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ ฮะๆๆ"
"โฮดงมานี่สิ ยกเข้ามาได้ หากใช้กระบี่นี้ ต่อให้เป็นกำแพงเหล็กก็พังให้ราบได้"
"หม่อมฉันจะ ใช้ยึดครองนังนัง เหลียวตง แล้วก็บฮอนโท รวมถึงพูยอ เพื่อมาถวายแก่เสด็จพ่อให้ได้พะยะค่ะ"
"แน่นอน เจ้าทำได้แน่"
"นังนัง เหลียวตง ฮอนโทเจ้าคงทำได้ แต่เจ้าจะตีพูยอได้ลงหรือ นั่นเป็นที่เกิดแม่เจ้า และเป็นสายเลือดของเจ้า"
"หม่อมฉัน เรียนกระบี่กับอาจารย์ ไม่ใช่แค่พลังกระบี่ แต่เป็นกระบี่ที่ฆ่าแม้ญาติตัวเอง"
"ฮะๆ อย่างนั้นหรือ"
"วิชากระบี่ของมูยุล ฝึกไปถึงขั้นไหนแล้วหา?"
"แค่หนึ่งในสิบเท่านั้น"
บัลโซถาม "มันไม่น้อยไปเหรอท่านแม่ทัพ"
"ทำไมถึงสอนไปแค่หนึ่งในสิบล่ะ?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
" เพราะกระหม่อมไม่อาจสอนต่อไปได้ วิชากระบี่ แบ่งออกได้เป็น 4 ส่วน ส่วนแรกคือความปราดเปรียว ส่วนที่สองคือพลัง กระหม่อมคงสอนได้แค่นี้เท่านั้น ดังนั้นจึงแค่หนึ่งในสิบ"
อ๊กกูสนใจ "น่าสนใจมาก ท่านแม่ทัพ ที่เหลืออีก 2 ส่วนให้ข้าเป็นคนพูดได้มั้ย?"
"เหนือกว่านั้นคือกระบี่เหี้ยมโหด ซึ่งฝ่าบาททรงเชี่ยวชาญกว่า ต้องให้ฝ่าทรงบาทสอนเอง ฮะๆๆ"
ยอรังถามต่อ "แล้วสุดท้ายคืออะไร?"
อูนาลูทูลว่า "กระบี่เสพสุข ก็คือกระบี่ที่ สนุกกับการได้อาบไล้กับโลหิตสดๆ จึงไม่มีอะไรในโลก ที่จะชนะกระบี่นั้นได้"
" ไม่ว่าจะกระบี่เหี้ยมโหด หรือว่าเป็น กระบี่เสพสุข มันก็เป็นสิ่งที่โฮดงต้องไปเรียนรู้เองทั้งนั้น เขามาถึงระดับนี้ ข้าก็พอใจมากแล้วล่ะ"
"หม่อมฉัน ยังมีเรื่องอยากทูลขอ" องค์ชายโฮดงทูล
"อะไรรึ?"
" หม่อมฉันอยากประลอง กระบี่กับเสด็จแม่ เมื่อก่อน เสด็จพ่อเคยบอกหม่อมฉันว่า ถ้าหากชนะเสด็จแม่ได้ ก็จะฆ่าได้แม้ญาติตัวเอง แท้จริงแล้วหม่อมฉัน ฝึกกระบี่ ได้แค่หนึ่งในสิบหรือว่า เป็นกระบี่ที่เฉียบขาดแล้ว หม่อมฉันอยากจะพิสูจน์"
"องค์ชายพะยะค่ะ ทรงตรัสเกินไปแล้ว"
"ข้าเคยเห็นฝีมือ ของพระมเหสีเมื่อนานมาแล้ว เรียกว่าเป็นวีรสตรีคนนึง พวกท่านไม่อยากเห็นอีกครั้งรึไง?"
"ที่สอนวิชานางเพื่อให้ป้องกันตัว คงไม่คู่ควรให้ชมหรอก"
"จะลองดูก็ได้ เอากระบี่กับชุดของข้ามา"
"พระมเหสี"
"ลูกอุตส่าห์ขอร้องนาดนี้ เป็นแม่จะไม่ตอบสนองได้ยังไง ท่านพ่อไม่ต้องห้ามหรอก"
"น่าสนุกออก หัวหน้าเผ่าจะห้ามทำไม ฝีมือกระบี่พี่สะใภ้ยอดเยี่ยมจะตาย" ยอรังว่า
"ยังเดิ้กทำอะไรอยู่ ไปเอากระบี่จากตำหนักโอซอนมา" ซงแมซอซูสั่ง
อ๊ก กูทูลว่า "พระมเหสี องค์ชายเปรียบเหมือน หญ้าเขียวขจีในฤดูร้อน กระบี่ของพระมเหสีคง เหมือนใบไม้ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ไม่ต้องประลองก็รู้ผลล้ว ยังต้องประลองจริงอีกหรือไง ไม่สู้ตอนนี้ ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรของขวัญจากเผ่าพีรูก่อนดีกว่า"
"พ่อเอาของมาจากบ้านหรือ?"
"นำของขวัญออกมาได้" หญิงสาวคนหนึ่งเข้ามา
"นางคือ"
"ญาติผู้น้องพระองค์ ชื่อซูจียอนน่ะ"
พระเจ้ามูยุลชื่นชม "เผ่าพีรูมี หญิงงามมากจริงๆ พระมเหสีก็ด้วย"
"ท่านคิดจะประทานนาง ให้กับโฮดงใช่มั้ย?"
"ฝ่าบาท ทรงรับซูจียอนด้วยพะยะค่ะ"
"ให้ข้ารับเป็นสนมหรือ?"
" ขอทรงโปรดปลดพระมเหสีคนนี้ แล้วตั้งนางเป็นพระมเหสีคนใหม่ หน้าที่หลักของพระมเหสีคืออะไร ต้องมีพระโอรสสืบพระโลหิตให้ฝ่าบาทเพื่อความมั่นคงของราชวงศ์และห้าเผ่า ช่วยให้โกคูรยอ มีความมั่นคงได้" อ๊กกูทูล
ซงแมซอซูตกใจมาก "ท่านพ่อคะ"
"พระมเหสีตอนนี้เหมือนดอกไม้โรย ไม่อาจหวังผลได้อีกพะยะค่ะ"
"ท่านพ่อคะ" ซงแมซอซูอึ้งหนัก
"ถ้างั้น ข้าจะหวังให้เจ้าออกผลได้รึเปล่าหา?"
ซูจียอนทูล "หวังจากหม่อมฉันคนเดียวคงไม่ได้ ยังไงก็คงต้องให้ ฝ่าบาทช่วยเพคะ"
พระเจ้ามูยุลชอบใจ "ฮ่าๆๆ พี่น้องเหมือนกันจริงๆ ร้ายกาจเหมือนเจ้าทีเดียว ฮ่าๆๆ"
ซูจียอนทูลอีกว่า "ร่างกายนี้เตรียมไว้ เพื่อให้ฝ่าบาทได้ทรงโปรดรักใคร่ หม่อมฉันมั่นใจว่า จะทำทรงสำราญมากกว่าพระมเหสี"
อ๊ก กูทูลต่อว่า "ถึงจะเป็นลูกสาวกระหม่อม แต่นางทำผิดต่อฝ่าบาทและโกคูรยอ ขอให้พระองค์ปลดนางออก แล้วตั้งพระมเหสีใหม่เพื่อมีโอรสด้วย"
"ตอนเจ้าเด็กข้าอุตส่าห์เอ็นดูเจ้า นังคนเนรคุณ" ซงแมซอซูต่อว่าซูจียอน
"ฮ่าๆๆๆ ผลงานชิ้นเอก ฮะๆๆ ในบรรดาของขวัญที่พ่อตาให้กับข้ามา นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ฮะๆๆ"
"ขอพระองค์ ส่งลูกกระหม่อมกลับพีรู แล้วรับซูจียอนไว้แทน กระหม่อมจะพาแมซอลซูกลับไปด้วยเลย"
เมื่ออยู่กันตามลำพัง ซงแมซอซูก็อาละวาดใส่อ๊กกูทันที
"จริงอยู่ เจ้าคงจะเสียใจมาก"
"ข้านึกไม่ถึงท่านจะทำอย่างนี้ ครั้งนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นท่านพ่อที่แทงเข้าข้างหลังข้า"
"ถ้าโฮดงได้ขึ้นครองราชย์ พวกเราจะต้องตายกันหมด"
"ท่านกลัวเรื่องนี้น่ะเหรอ?"
"ถ้าพ่อตาย แล้วจะช่วยพีรูได้ ข้าก็ยอมตาย แต่มีทางเดียว ที่จะช่วยพีรูได้คือ ยอมสละแม่ซอลซูลูกพ่อ จะให้พ่อทำไง"
"ท่านพ่อคะ"
"ลูกพ่อ ลูก ลูก ลูกสาวที่น่ารัก ให้อภัยพ่อด้วยที่ต้องยอมทำร้ายเจ้า"
"ฮือๆๆ ท่านพ่อคะ ท่านพ่อ"
ขณะเดียวกันพระเจ้ามูยุลก็ตรัสกับองค์ชายโฮดงว่า
"เผ่าพีรูปฏิเสธ จะให้แต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นรัชทายาท"
"เป็นรัชทายาทหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ การตัดสินพระทัยของเสด็จพ่อ"
" ถ้าไม่มีวังเก็งกับชอยรี ถ้าไม่มีเหลียวตงกับฮอนโทอยู่ ถึงตอนนั้นพ่อถึง ตัดสินใจได้ตามใจ แต่การยึดครองนังนังที่เพิ่งก่อตั้ง จำเป็นต้องอาศัยกำลังจากเผ่าพีรู"
"เสด็จพ่อ"
"ถ้าเจ้าอยากขึ้นครองบัลลังค์โกคูรยอ ก็อย่าพึ่งพากำลังของเผ่าพีรู เจ้าต้องใช้กำลังตัวเอง ไปทำลายนังนังให้ได้"
"งั้นลูกเข้าใจแล้ว หม่อมฉัน จะต้องทำมันให้ได้"
"มูยุลเอ๊ย ตอนนี้คงแก่แล้ว เพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรก ว่าแมซอลซูก็น่าสงสาร" พระเจ้ามูยุลตรัสกับองค์เอง
โมฮาซูกล่าวกับคนที่ติดตามมาทั้งหลายว่า
"ตอนนี้สงครามสงบแล้ว พวกเจ้ากลับไปบ้านตั้งใจทำไร่กันนะ"
"ขอบคุณครับนายหญิง"
โคบีบอกโมฮาซูว่า "นายหญิง คุณหนูลาฮีมาค่ะ"
"ลาฮี"
"ฮิๆๆ ๆ ท่านแม่"
"เลิกทำได้แล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะแต่งงาน ทำอย่างนี้อยู่อีก"
"อีกนิดเดียวนะ"
"เด็กคนนี้นี่ ตอนเด็กๆ ก็ดื้อไม่กินนม โตยังอย่างนี้อีก"
จาชิลเข้ามาและว่าทันที "นั่นเพราะท่านพี่ไม่สอนให้ดีไง"
"มาแล้วหรือจาชิล" โมฮาซูทัก
"ท่าน ท่านแม่"
"รีบไปเถอะ ได้เวลาเรียนกระบี่แล้ว"
"ท่านแม่"
"เด็กผู้หญิงจะเรียนกระบี่ไปทำไม มีคนคุ้มกันเก่งๆ คอยคุ้มครองก็พอ" โมฮาซูช่วยพูด
"ลาฮีไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดา เขาจะเป็นกษัตริย์หญิงของนังนัง"
"น้องจาชิล"
"ผู้หญิงจะเป็นกษัตริย์ได้ยังไง ท่านแม่นี่" ลาฮีบ่น
"นั่นมันอคติ ใครบอกผู้หญิงเป็นกษัตริย์ไม่ได้ ลาฮีจ้ะ ในวันที่เจ้าเป็นทายาทคนเดียวของชอยรี เจ้าเป็นชายหรือหญิงก็ไม่สำคัญแล้ว"
ด้านชาชาก็ถามสาวๆ ทั้งหลายในคณะว่า
"สาวน้อย เจ้ารู้มั้ยขายศิลปะคืออะไร?"
จามองตอบว่า "ข้ารู้ ก็แค่ขายยิ้ม"
"จบข่าว ตอบพร้อมกัน การแสดงคือการขายอะไร"
"นั่นก็คือการขายชีวิต"
" เข้าใจมั้ย ในทุกวินาทีนั้น ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย ถึงแม้คนมาดูเขาอาจยิ้มหัวเราะ แต่พวกเรา อาจจะตาย อาจจะรอด หรืออาจกลายเป็นคนพิการ เราเอาชีวิตมา เสี่ยงเพื่อแลกข้าวกิน มัดไว้"
หลายคนตอบพร้อมกัน "ค่ะ"
ด้านซงแมซอซูเกิดอาการคลุ้มคลั่งคว้ากระบี่ออกมาท้าองค์ชายโฮดง
"เจ้าบอกว่าอยากสู้กับข้าใช่มั้ย? ข้าก็อยากเหมือนกัน"
"ถ้าจะว่าไปแล้ว ตอนนี้ท่านคงอยากไป ฆ่าผู้หญิงชื่อซูจียอนมากกว่า"
"เจ้ากำลังเยาะเย้ยข้าหรือ?"
"พ่อโยนลูกสาวตัวเองทิ้ง ส่วนน้องสาวก็กำลังจะแย่งตำแหน่งตัวเอง เวลาอย่างนี้ จะมัวกริ้วเพราะหม่อมฉันอีกหรือ?"
"ฮ่าๆๆ นั่นสินะ จะมีผลที่ไม่เกิดจากเหตุได้ยังไง ต้นเหตุทุกอย่างก็ เกิดจากเจ้านี่นา"
"ไม่ใช่เพราะความทะเยอทะยานของ เผ่าพีรูที่โลภอำนาจรึ?"
"จบสงครามน้ำลายได้แล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว ไปหยิบกระบี่ที่พ่อเจ้าให้มา วันนี้จะได้รู้กันว่า คนที่ตายจะเป็นเจ้าหรือเป็นข้า"
"หม่อมฉันเองก็ หวังอย่างนั้นเช่นกัน"
"โฮดง"
จบตอนที่ 7

จามอง 8
แม่ ทัพชอยรีผู้ซึ่งกำลังจะไปกอบกู้เอกราชให้โชซอน กำลังจะให้กำเนิดชีวิตสองชีวิต อ๋องยูฮอนกลัวคำทำนายว่า นังนังจะล่มสลายไป จึงมีคำสั่งให้กำจัดลูกสองคนของชอยรี
วังจาชิล ภรรยาคนรองของชอยรี ยั่วยวนโหรหลวง เพื่อช่วยลูกสาวตัวเอง
ทัลแคบีสาวใช้ของโมฮาซู ส่งอิลพูมลูกชายคนเดียวของตนลงเรือพร้อมจามอง เพื่อไม่ให้เป็น ภัยในวันหน้า วังจาชิลจึงสั่งฆ่าจามอง
แม้ ว่า พระเจ้ามูยุลจะหวังให้โฮดงเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้แข็งแกร่ง แต่ ซงแมซอลซู จากเผ่าพีรูกลับอยากมีโอรสเพื่อสืบบัลลังค์
เรือพาอิลพูมจามอง ล่องไปติดคาบสมุทร ซานตงจนสองสามีภรรยาคณะแสดงเฮเฮฮาฮา ได้มาพบและ ช่วยพวกเขาเอาไว้ จึงรอดชีวิตได้
ในที่สุดชอยรีกับ วังเก็งก็กอบกู้แคว้นนังนังให้เป็นเอกราชจนได้
ความขัดแย้งระหว่างวังเก็ง และจาชิลน้องสาวกำลังปะทุขึ้น เพื่อแย่งชิงบัลลังค์นังนัง
โฮดงในวัยเยาว์เริ่มรวบรวมกำลังเพื่อจะต่อสู้กับซงแมซอลซู
ที่คาบสมุทณซานตง จามองที่ต้องจับพลัดจับผลูไปฝึกกายกรรม ก็กำลังรอชะตาที่กำหนดให้นางพบเจอ
เพื่อ ไม่โฮดงได้เป็นรัชทายาท หัวหน้าเผ่าพีรูยอมให้ปลดลูกสาวถวายนางสนมใหม่ โฮดงผู้อยู่ในอันตรายนี้ ตัดสินใจว่าจะยึดนังนัง และขึ้นครองราชย์ ในแผ่นดินด้วยกำลังของตัวเอง
อึลดูจีกล่าวกับพระเจ้ามูยุลว่า
"เผ่าพีรูกำลัง เล็งเป้ามาที่ฝ่าบาทพะยะค่ะ"
"เรื่องนี้ข้ารู้นานแล้ว ข้าเบื่อแล้วพูดเรื่องอื่นเถอะ"
"ทรงตั้งองค์ชาย เป็นรัชทายาทเถอะ"
บัลโซค้าน "ไม่ได้พะยะค่ะ"
"องค์ชายทรงรอมานานมากพอแล้ว แบบนี้เจ้าคู่ควรเป็นอาจารย์ขององค์ชายรึ?"
"ฝนตกก็ป้องกันฝน หิมะตกบังหิมะเท่านั้นหรอกหรือ? หน้าที่ของข้าคือ ถ่ายทอดวิชาปกครองให้องค์ชาย"
"เจ้าคิดว่าแนวการปกครองในตอนนี้คืออะไร?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
บัลโซตอบว่า "เมื่อคนคนหนึ่งตายไป อีกคนจึงจะอยู่รอดได้ นี่แหละการปกครอง"
"สละองค์ชายโฮดง เพื่อเผ่าพีรูงั้นเหรอ?"
"เผ่าพีรู ยอมตัดได้กระทั่งมเหสี ถ้าไม่ใช้มาตรการที่เหมาะสม โกคูรยอคงเสี่ยงจะแตกแยก"
"ทำไมท่านแม่ทัพไม่ยอมพูดอะไรเลย"
อูนาลูอยากรู้ "ผู้หญิงคนนั้นน่ะ นางสวยมากหรือ?"
เวลานั้นซูจียอนก็บ่นกับองค์หญิงยอรัง
"หม่อมฉันหนาวเพคะองค์หญิง"
"ทำไมเจ้าไม่กลับเผ่าไปล่ะ ที่นี่ไม่มี ใครต้อนรับเจ้าสักคนนี่"
"เพราะไม่ได้มาให้ยอมรับ แต่มาเพื่อเป็นพระมเหสี"
"ฮ่าๆๆ ไม่รู้เจ้าจะสมหวังรึเปล่านะ?"
"มันหนาวจริงๆ ถ้าทรงมีอะไรจะตรัสอีก ปิดประตูแล้วนั่งเถอะ"
"ข้าให้คนเติมฟืนไว้ให้แล้ว"
"เตาไฟไม่ต้องหรอก ให้เอาอาหารมา ให้หม่อมฉันดีกว่า"
ด้านที่พระเจ้ามูยุลประชุมกันอยู่ อูนาลูคุยกับอึลดูจีว่า
"ว่ากันว่าหญิงเหนือชายใต้ ผู้หญิงสวยๆ ก็เลยไป รวมอยู่ที่เผ่าพีรูฝั่งแม่น้ำมาจา พระมเหสีก็เหมือนกัน ฮ่าๆๆ"
"เฮ้อท่านแม่ทัพก็"
"อายุสิบแปด คงกำลังแตกสาว มีชีวิตชีวาเชียว ฮิๆๆๆ"
องค์ หญิงยอรังเข้ามา "ผู้ชายพอเจอสาวงาม วิญญาณก็หลุดลอยกันไปหมด เฮ้อ ร่างกายมันก็ต้องร่วงโรยไปตามวัย พอตีนกาขึ้นก็ไม่งามเท่าไหร่แล้ว"
"ไม่ต้องไปคิดถึงอนาคต แค่ตอนนี้ยังสวยก็พอแล้ว" อูนาลูพูดเอาใจ
บัลโซถวายความเคารพ "ถวายพระพรองค์หญิง"
พระเจ้ามูยุลตรัสขึ้นทันที "เราหารือเรื่องงานอยู่นะ"
องค์หญิงยอรังดุ "เนี่ยเหรอเรื่องที่ต้องปรึกษาขุนนาง การรับคนใหม่เข้ามาในวัง นั่นเป็นเรื่องในครอบครัว"
"งั้นกระหม่อม ต้องขอทูลลาไปก่อน"
"เสด็จพี่ จะทรงจัดการยังไง จะปลดพี่สะใภ้แล้วตั้งพระมเหสีใหม่จริงหรือ?"
"น่าอิจฉามาก เอามาวางในมือแล้วก็ เลือกเอาได้ตามพระทัย ฮิๆๆ"
พระเจ้ามูยุลตรัสดุ "เลิกพูดเล่นสักทีน่า แม่ทัพใหญ่โกคูรยอทำไมเพ้อเจ้อนักนะ"
"ฝ่าบาททรงจริงจังมากไปแล้ว"
"อูนาลู"
"ถึงดูไปมันจะซับซ้อน แต่คำตอบมักตะง่ายเสมอ ไม่จำเป็นต้องไป คิดให้ปวดหัวพะยะค่ะ" อูนาลูทูล
"งั้นบอกสิคำตอบนั่นคืออะไร"
" เราต้องรับมือชอยรีกับวังเก็ง ดังนั้นมีเรื่องกับเผ่าพีรูคงไม่มีประโยชน์แน่ พระมเหสีก็ยังเป็นมเหสี ส่วนซูจียอนก็เป็นพระสนม อย่างนี้ยิงนัดเดียวได้นกสองตัว เรื่องเงินกับเรื่องผู้หญิงน่ะ มียิ่งมากก็ยิ่งดี"
องค์หญิงยอรังทรงตกใจ "อะไรนะ?"
"ถ้ามันจำเป็นละก็ ไม่สู้เสพสุขให้เต็มที่ดีกว่า"
บัลโซกล่าวกับอึลดูจีขณะที่เดินทางกลับว่า
"ก็เหมือนที่องค์หญิงตรัส เรื่องนี้ควรให้ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินพระทัย"
"เรื่องของบ้านเมือง จะเป็นเรื่องส่วนตัวได้ยังไง"
"เราไปคุยกับต่อ ที่จวนของข้าเถอะ"
"เจ้ากลับไปก่อน องค์ชายยังไม่บรรทม ข้าอยากไปดูพระองค์หน่อย"
" นี่มันเวลาไหนแล้วหา ท่านยังคอยกันฝนกันหิมะให้อีก จะเผ่าพีรู องค์ชายโฮดง ไม่ว่าผลเป็นไง นั่นก็เป็นชะตากรรม ถ้าไม่ไปยุ่ง ทุกอย่างก็จะสมดุลเอง"
"นี่เป็นศึกของผู้เข้มแข็งกับผู้อ่อนแอ ไม่เลือกข้างคือความสมดุลเหรอ การเลือกยืนข้างคนอ่อนแอ ถึงจะเรียกว่าสมดุล"
ซงแมซอซูแพ้การประลองกับองค์ชายโฮดง แต่องค์ชายโฮดงกลับไว้ชีวิตนาง
"พระมเหสีอุ้มข้า ไปเลี้ยงตั้งแต่ ข้ายังเป็นทารก เพื่อตอบแทนคุณ ข้ายอมให้2 ครั้งแล้ว ข้าจะยอมให้ท่าน 3 ครั้ง"
"จะอวดดีเกินไปแล้ว" ซงแมซอซูสู้ต่อกีอ
"หึ ทำได้ประณีตมาก งดงามเหมือนดอกเหมย ฮ่าๆๆๆ ท่าทางเผ่าพีรูคงต้อง สอนวิชานี้กับผู้หญิงถึงจะขายออกมั้ง"
"แล้วเจ้า คิดว่าชีวิตมีไว้ให้ล้อเล่นรึ?"
"มาถึงตอนนี้แล้ว ข้าคงไม่อดทนแล้ว ในเมื่อท่านฆ่าข้าไม่ได้ ข้าก็จะสังหารท่านเอง ย้าก"
องค์ชายโฮดงต่อสู้ "ท่านไม่กลัวตายเลยรึไง?"
"มูยุลพ่อของเจ้า ทำให้หัวใจข้าตายนานแล้ว ข้าเป็นแค่ศพเดินได้ หึ ยังไงร่างก็ต้อง สลาย ไปกับน้ำ ไฟดินและสายลมอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ"
"ท่านนี่ใจแข็งไม่เบานี่"
" นี่ไม่ใช่ใจแข็งหรอก แต่เพราะอ่อนแอไม่อาจจะทนอยู่ เมื่อหมดสิ้นความหวัง ก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไป ลงมือเลยสิ ข้าอดทน ที่ต้องเห็นต้องคุยกับเจ้าพอแล้ว ไม่กล้าพอจะฆ่าข้ารึไง?"
"คนที่ตายไปแล้ว จะฆ่าอีกครั้งไปเพื่ออะไรล่ะ?"
"อะไรนะ?"
" แค่เงาที่ถูกเสด็จพ่อหมางเมิน ถูกท่านพ่อทอดทิ้งไปแล้วนี่ ตอนนี้ ก็กำลังจะถูกน้องสาว มาแย่งตำแหน่งพระมเหสี ท่านก็เป็นแค่เงา ข้าไม่จำเป็นต้องฆ่าท่าน ท่านจะแค่ค่อย ๆ แก่ลงไป ส่วนข้าจะเป็นกษัตริย์ มีชีวิตต่อไปอย่างนี้ ลดบทบาทตัวเองลง อยู่ก็เหมือนไม่อยู่"
"ก็ได้ ข้าจะค่อย ๆ อยู่จนแก่ เพื่อรอดูว่าความโอหังนี้มันฆ่าเจ้ายังไง และข้าจะเอามัน มามัดโลงศพเจ้า"
"ตามใจท่านเถอะ เสด็จแม่ นี่ก็ดึกมากแล้ว เชิญเสด็จกลับไปพักเถอะ"
ซงแมซอซูเก็บความแค้นไว้เพื่อรอวันเอาคืน
00000000000
พระเจ้ามูยุลอยู่กับซูจียอนด้วยความสุขใจ
"เจริญอาหารดีนี่"
ซูจียอนเสียงอ้อน "อยู่ในวัยเจริญอาหารเพคะ ชิมหน่อยมั้ยเพคะ"
"ไม่ละ ข้าเลยวัยเจริญอาหารไปแล้ว"
"ขอถวายพระพร ฝ่าบาท"
"พรุ่งนี้เจ้ากลับบ้านไปซะ"
"ที่พี่แมซอลซูทำให้พระองค์ไม่ได้ หม่อมฉันทำให้ได้เพคะ"
"ผู้หญิงเผ่าพีรูไม่ว่าเป็นใคร ไม่มีทางให้กำเนิดลูกข้าได้"
" ที่หม่อมฉันอยากจะให้ฝ่าบาท คือความสุขเพคะ เป็นถึงกษัตริย์แล้วยังไง มีอำนาจแล้วยังไง ถ้าไม่สามารถมีความสุข หน้าที่เหนื่อยอย่างนี้ ใครจะอยากได้ล่ะเพคะ"
"ความสุขเหรอ? ของอย่างนั้นน่ะ ข้าลืมมันไปนานแล้ว"
" ฝ่าบาทควรได้ผ่อนคลายเพคะ หม่อมฉันจะขับร้องเพลง และเต้นรำ สางพระเกศาและ กอดฝ่าบาท เพื่อให้พระองค์ ได้พักผ่อนอยู่ใน อ้อมกอดหม่อมฉัน"
"เจ้าจะทำยังไง ให้ข้าผ่อนคลายได้ เจ้านี่ ปากหวานจริงๆ"
"ยังมีกลิ่นอาหารอยู่ ขอหม่อมฉันไปบ้วนปากก่อน"
ที่ด้านนอกซงแมซอซูเสด็จมาถึงหน้าตำหนักและไม่ฟังคำทัดทานใคร เดินเข้ามาเลย
"นี่เจ้าทำอะไรหา? จะทำอะไร?"
" หม่อมฉัน ไม่มีที่ไปอีกแล้ว ถูกพ่อของตัวเองทอดทิ้ง ยังถูกเผ่าพีรูทอดทิ้งอีก ไม่มีที่ไป และไม่มีที่ให้พึ่งอีกแล้ว โปรดเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ"
ซูจียอนเย้ย "ท่านไม่ละอายรึไง พี่ไม่มีศักดิ์ศรีเลยเหรอ?"
"ก่อนเปิดประตูเข้ามา ข้าได้ทิ้งศักดิ์ศรีไปหมดแล้ว ถ้าพระองค์ทรงทอดทิ้งหม่อมฉัน หม่อมฉัน คงต้องผูกคอตายเพคะ ฮือๆ"
อึลดูจีมาเฝ้าองค์ชายโฮดง และต่อว่าองค์ชายทันทีที่รู้เรื่องการประลอง
"ฮึ่ม มีลูกที่ไหนกล้าแกว่งกระบี่ใส่แม่ตัวเองบ้าง?"
"อาจารย์ว่าถ้ารู้สึกถูกรังแกก็ให้ข้า เอาชนะกำลังพระมเหสี กับเอาชนะเผ่าพีรู"
"กำลังที่พูดถึงไม่ใช่พวกนี้"
"แล้วมันอะไร?"
"ท่าทีที่สงบและเที่ยงตรง คือกำลังที่แข็งแกร่ง"
"ข้าไม่อยากฟังเรื่องคุณธรรมอะไรพวกนี้แล้ว"
" หากต้องการครอบครองโกคูรยอ องค์ชายต้องต่อสู้กับความโลภของพระมเหสี จะต้องเห็น ความโลภและสำรวมยิ่งขึ้น ประชาชนย่อมสวามิภักดิ์คนดี"
"ท่านอาจารย์"
" อย่าเรียกกระหม่อมแบบนี้เลย หลายปีนี้กระหม่อมต้องการถ่ายทอดความเที่ยงธรรมให้องค์ชาย แต่เมื่อล้มเหลว เราก็ไม่ใช่ศิษย์อาจารย์อีก กระหม่อมไม่ใช่อาจารย์แล้ว"
"อาจารย์"
"กระหม่อมอึลดูจี กล้าตบพระพักตร์องค์ชาย ต้องขอประทานอภัยด้วย ต่อให้ต้องถูกตัดมือกระหม่อมก็ยินดี"
" เชิญท่านลุกขึ้นเถอะ ทำไมเสด็จพ่อ ต้องปลดท่านไม่ให้เป็นอาจารย์ข้า ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว คนที่ไม่อยู่ ในโลกความเป็นจริงเอาแต่เพ้อฝัน ข้าไม่ลงโทษหรอก เชิญท่านกลับไปเถอะ"
"ขอบพระทัยพะยะค่ะ กระหม่อมขอกราบทูลด้วยความภักดีสักอย่าง กำลังที่ไม่มีคุณธรรม ก็เหมือนกับตะเกียบที่ปักอยู่ท่ามกลางแม่น้ำใหญ่ แค่คลื่นน้ำเบาๆ ก็พัดให้หลุดลอยได้"
"ข้านับถือ ท่านเหมือนบิดาในใจมาตลอดนะ ฮือๆๆ"
เวลาเดียวกันพระเจ้ามูยลก็ทรงคุยกับซงแมซอซูลำพัง
"ขอแค่ยังได้อยู่กับฝ่าบาท ต่อให้ต้องเป็นนางกำนัล เป็นนางกำนัลก็ไม่เป็นไร อย่าทิ้งหม่อมฉันไปเลย"
พระเจ้ามูยุลรับสั่งว่า "รีบกลับไป ตำหนักโอซอนซะเถอะ"
"ฝ่าบาท"
" อย่ามาเกาะผู้ชายไม่ปล่อยแบบนี้ เจ้าต้องการคำตอบอะไรจากข้าล่ะหา? รีบกลับไปพักผ่อน เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าไว้ ข้าไม่เปลี่ยนแน่ เมื่อไหร่ที่เจ้าอายุมาก จนหมดรอบเดือนมีลูกไม่ได้อีกแล้ว ถ้าตอนนั้นข้ายังไม่ตาย และยังเป็นชายชาตรีอยู่ ข้าจะเอ็นดูพระมเหสีเอง"
"ฝ่าบาท ขอบพระทัยฝ่าบาท"
แม้ เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่โมฮาซูก็ยังคงให้โคบีติดตามสืบหาลูกสาวของนางกับอิมพูม ส่วนจาชิลก็เฝ้าติดตามพฤติกรรมของโมฮาซูกับโคบีเวลาที่โคบีติดตามหาจามอง พอรู้ว่าจามองยังไม่ตายก็เป็นเดือดเป็นแค้นอีก
"แต่ถ้าพัดออกทะเล 2 คนนั้นจะรอดได้ยังไงคะ แค่กระแทกเบา ๆ เรือฟางก็คว่ำแล้ว ถึงจะไม่คว่ำ ก็ต้องขาดน้ำ อาจขาดน้ำตายก่อนก็ได้" ชีโซว่า
"คนเราตอนดวงไม่ดี เดินถนนดีดีก้อาจหกล้มตายได้ เหมือนเทียนไขที่จุดยังไงก็จุดไม่ติด แต่บางคนอาจทำไงก็ไม่ตาย"
"ต่อให้คุณหนูจามองรอดได้ จะเป็นอะไรไปหรือคะ ถ้ารอดก็ดี เพราะยูฮอนก็ตายแล้ว แบบนี้คุณหนูลาฮี จะได้ไม่เหงาด้วยค่ะ"
" ลาฮี จะต้องเป็นกษัตริย์หญิงนังนัง สำหรับกษัตริย์น่ะ พี่น้องไม่ใช่คนที่จะรักกัน แต่เป็นศัตรูที่ต้องช่วงชิงด้วยเลือดเนื้อ ไปหาคนที่ชำนาญทางทะเล ถามว่าผ่านเกาะจั๊กอึนพาจะไปที่ไหนต่อ ถ้าพลาดอีกข้าเอาเจ้าตายแน่"
"เข้าใจแล้วค่ะ นายหญิง"
"เฮ้อ อะไรกันเนี่ย ไม่มีวันสงบเลยรึไง เรื่องพี่วังเก็งก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว"
และ ในเวลาเดียวกันนี้จามองที่เติมโตขึ้น ต้องตกเป็นเป้าปามีดในคณะ อิลพูมก็ต้องฝึกการแสดงอย่างหนัก อิลพูมบอกกับทุกคนว่าจามองชื่อบุ๊กกู
อิลพูมมองจามองด้วยความเป็นห่วง "เป็นไร กลัวโดนหัวหน้าคณะดุเหรอ?"
" ถ้าหากข้ามีพ่อมีแม่ ก็คงไม่ต้อง ถูกมัดเป็นเป้ามีดอย่างนั้นหรอก ถ้าพี่ตกมาจะทำยังไงหา? พี่เลิกฝึกการแสดงอันตรายนั่นเถอะ พี่ยังจำหน้าตา ของพ่อแม่ได้มั้ย?"
"คิดถึงท่านเหรอ?"
"ไม่มีทางหรอก หน้าตาเป็นไงก็ไม่รู้เลย ทำไมต้องคิดถึง แต่ว่าข้า ก็อยากเจอพวกเขาสักครั้ง ทำไมเขาต้องทิ้งเรา เราทำผิดอะไรถึงต้องทิ้งเราแบบนี้ ทำไมข้ามีแผลเป็นนี่ ทำไมทุกครั้งที่ฝนหิมะตกถึงเจ็บ ทั้งเจ็บทั้งปวด มันเจ็บมันแสบเหมือนกับมีมดไต่ทั้งตัว ข้าอยากถามพวกเขาน่ะ"
"บุ๊กกู เรื่องทุกอย่างบนโลกนี้ ย่อมมีเหตุผลของมัน"
" ข้าไม่อยากรู้หรอก เป็นพ่อแม่ ก็ไม่ควรทิ้งลูกไปสิ จะยังไงก็ควรเลี้ยงลูกจนโต ต่อให้อดตายก็ควรอดตายด้วยกัน ไม่ควรทิ้งเราลงทะเลมาแบบนี้"
"ตะโกน เดี๋ยวเสียงก็แหบหรอก"
"เราเป็นขยะเหรอ เป็นสวะเหรอ ทำไมต้องทิ้งเราลงทะเล ทำไมหา ทำไมๆๆ ฮือๆๆๆ"
"พี่จะช่วยหาเอง พี่จะช่วย ตามหาพ่อแม่เจ้า ให้มาเจอหน้าบุ๊กกู ให้เจ้าถามเขาว่า ทำไมต้องทิ้งพวกเราด้วย อย่าร้องไห้นะ หือๆ"
"ข้าเกลียด ข้าแค้นเขาที่สุด ข้าอยากตีเขาให้เจ็บๆเลย ฮือๆๆ" จามองร้องไห้ออกมา
ด้านลาฮีได้ฝึกกระบี่กับชอยรีพ่อของเธอเอง ซึ่งจาชิลหวังจะให้ลาฮีได้เป็นกษัตริย์อย่างมาก
"หืม หยิบกระบี่ขึ้นมา พ่อจะดูหน่อยสิ ว่าพ่อที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ทัพ จะมีลูกที่ใช้กระบี่ไม่เป็นเลยรึเปล่า?"
"หืมๆ ย้าก ย้าก โอ้ยๆๆ"
"ฮ่าๆ เป็นนักเรียนที่ขี้เกียจจริงๆ"
"ไม่ใช่ข้าขี้เกียจสักหน่อย ผู้หญิงกับผู้ชายน่ะ แค่แรงก็ต่างกันแล้ว ผู้หญิงไม่มีทางสู้แรงผู้ชายได้หรอก"
"เข้มแข็งหรืออ่อนแอ ไม่ได้วัดกันที่กำลัง"
"จะเป็นไปได้ยังไง?"
ชอยรีอธิบายต่อ "งั้นเปรียบความเข้มแข็งหินผา เปรียบความอ่อนแอเป็นดอกไม้ เจ้าคิดว่าใครเข้มแข็งกว่า"
"หินผา"
"ผิดแล้วล่ะ"
"งั้นก็ดอกไม้"
ชอยรีก็ทำหน้าดุ "หืม"
"โธ่ แล้วต้องตอบอะไรล่ะ?"
ชอยรีหัวเราะออกมา "ฮ่าๆๆ แข็งกับอ่อนไม่มีทาง แบ่งได้ชัดเหมือนน้ำกับน้ำมันหรอก กระบี่ของผู้ชายกับผู้หญิงก็หลักเดียวกัน"
"ถ้างั้น ถ้าสู้กันใครจะชนะละคะ?"
"คนที่มุ่งมั่นในชัยชนะมากกว่า"
"ถ้างั้น ถ้าให้ท่านลุงกับท่านพ่อสู้กัน ใครจะชนะล่ะคะ"
"ฮ่าๆๆ เราไม่เคยสู้กันเลยไม่รู้น่ะ"
มา โจกล่าวขึ้นว่า "ช่วงแรก แม่ทัพวังเก็งอาจจะได้เปรียบ แต่ผลสุดท้ายพ่อท่านจะเป็นฝ่ายชนะ กระบี่แม่ทัพวังมีแต่แรงเท่านั้น แต่กระบี่พ่อท่าน มีความพลิ้วไหวและเฉียบคม"
"ถ้างั้น ข้าก็คงได้จะเป็นองค์หญิงแน่ ฮิๆๆ"
"ใครพูดเรื่องไร้สาระอย่างนี้กับเจ้า" ชอยรีถาม
"ก็ท่านแม่ไงคะ"
"ลาฮี ลุงของเจ้าต่างหากเป็น กษัตริย์ของนังนัง"
"ทำไมล่ะ"
"เพราะพ่อของเจ้า ไม่ได้ต้องการชัยชนะ"
ด้านโกคูรยอ องค์ชายโฮดงก็ทูลพระเจ้ามูยุลว่า
"วังเก็งทำตัวเหมือนกับได้ขึ้น เป็นกษัตริย์แล้ว คนที่สนับสนุนชอยรีก็นิ่งเฉยกันรึ?"
"ถ้าไม่มีชอยรีห้ามไว้ คนจวนยองโฮกับจวนวอลแฮชอง คงต้องรบกันแน่พะยะค่ะ"
พระเจ้ามูยุลหัวเราะ "หึๆๆ ต้องอย่างนี้สิ"
ฮาเดิ้กส่งเสียงว่า "พระมเหสีเสด็จพะยะค่ะ"
องค์ชายโฮดงถวายความเคารพ "ถวายพระพรเสด็จแม่"
"องค์ชายก็อยู่ด้วยหรือ ช่วงนี้ไม่ค่อยมาตำหนักโอซอนเลย แม่เลยไม่มีโอกาสได้เจอหน้าลูก"
"หม่อมฉันอกตัญญู หม่อมฉันผิดเองเสด็จแม่"
"เอ่อ เตรียมเสร็จรึยังหา?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
"เพคะฝ่าบาท"
"ลำบากเจ้าแล้ว ข้าควรให้รางวัล"
"ถ้าหาก สิ่งที่หม่อมฉันทำ จะช่วยให้ฝ่าบาทยึดครองนังนังได้สำเร็จด้ หม่อมฉันก็พอใจแล้วล่ะ"
"ชุดนี้จะเป็นชุดที่ใส่ก่อนตายของวังเก็ง หรือว่าจะเป็นของชอยรีกันแน่นะ"
บัลโซทูลว่า "กระหม่อมว่าควรส่งให้วังเก็งพะยะค่ะ"
อู นาลูเห็นด้วย "ก็นั่นสิ ถ้าส่งให้ชอยรีจริง เจ้าวังเก็งซื่อบื้อนั่นคงจะ แจ้นมารบกับเรา ก่อนจะไปสู้รบกับชอยรีซะอีก เป็นไปได้มากเลยเชียว หึๆๆ"
อึ ลดูจีว่า "กระหม่อมคิดว่าควรส่งให้วังเก็ง ชอยรีกำลังเตรียมซ่อมกำแพงเมือง และส่งทหารมาชายแดน แสดงว่าเขามองโกคูรยอเป็นศัตรู เราควรรักษาความเป็นมิตร กับวังเก็งไว้ก่อนจนกว่าจะถึงเวลาที่มันเหมาะสม"
"นั่นน่ะสิ เมื่อก่อนเราเคยจ่ายสินบนให้วังเก็ง ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ดีไม่ดีอาจจะเสียของเปล่า แถมอาจทำให้เขาแค้นเราก็ได้"
"เสื้อตัวนี้ควรส่งให้ชอยรีพะยะค่ะ" องค์ชายโฮดงทูลแทรก
พระเจ้ามูยุลตรัสถาม "ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างนั้น?"
"ถ้าหากชอยรีได้ชุดนี้ไป วังเก็งจะต้องสังหารชอยรีแน่นอน ส่วนที่วังเก็งจะเบนเข็มมาตีเรา นั่นยังเป็นเรื่องหลังจากนั้นพะยะค่ะ"
"องค์ชายๆ ถ้าทำอย่างนั้นจริง ทรัพย์สินที่เราลงทุนไปสิบปีจะสูญเปล่าหมดนะ" อูนาลูค้าน
แต่ พระเจ้ามูยุลกลับตรัสว่า "ข้าเองก็คิดเหมือนกับโฮดง ชอยรีเป็นขนมที่ถูกหั่นไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว ส่วนวังเก็งยังเป็นก้อนแป้งที่เพิ่งนวดครึ่งเดียว เจ้านี่วันหน้าจะนวดตามใจยังไงก็ได้ แต่ก่อนอื่นต้องกำจัดชอยรีก่อน"
หลายคนน้อมรับ "รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ ฝ่าบาท"
"ข้าจะเขียนสาสน์อวยพร พวกเจ้าใครจะไปนังนังบ้าง?"
"ขอยินดีกับข่าวที่ ท่านทั้งหลายตีนังนังกอบกู้ โชซอนได้ โกคูรยอและท่านนั้น ล้วนเป็นลูกหลานของเทพทันกุน เราเป็นเมืองพี่น้องกัน"
พระ เจ้ามูยุลส่งสาส์นใจความว่า "หวังว่าแคว้นนังนังใหม่กับโกคูรยอ จะเป็นมิตรที่ดีต่อกันอยู่ร่วมอย่างสันติได้ จึงเตรียมฉลองพระองค์สำหรับพิธีราชาภิเษก ที่พระมเหสีแห่งโกคูรยอทรงเย็บเอง ได้โปรดรับเอาไว้ด้วย"
00000000000000
หลัง จากที่ล้มยูฮอนได้ ทางวังเก็งก็เตรียมตัวจะขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่แล้วทางโกคูรยอกลับใช้แผนยั่วยุ ด้วยการส่งชุดสำหรับราชาภิเษกมาให้กับชอยรีแทนที่จะเป็นวังเก็ง ทำให้วังเก็งแค้นมาก และคิดหาทางกำจัดชอยรี พอชอยรีมาขอคุยตามลำพัง วังเก็งถามทันที
"เจ้าอยากเป็นกษัตริย์หรือ?"
"ใช่ข้าอยาก แต่ว่าข้ารู้ ว่าตำแหน่งนั้นไม่เหมาะกับข้า บัลลังค์นังนัง ต้องเป็นของพี่ชาย"
"เจ้าโกหก เจ้าทำอะไรหา?"
" บนหลังของท่านเอง ก็สลักคำคำเดียวกับข้า เราสาบานต่อหน้าเทพทันกุน ว่าจะกอบกู้โชซอน วันที่เรากรีดเลือดสาบานกันน่ะ ท่านลืมไปแล้วเหรอ เราจะต้องไม่ เห็นแก่อำนาจและบัลลังค์ คำสาบานจะฆ่าเจ้ายูฮอน เพื่อช่วยเหลือชาวโชซอนนั้น ท่านลืมแล้วหรือ?"
องค์ชายโฮดงนำของมาจึงมีโอกาสได้พบกับลาฮี ซึ่งเข้ามาทักเขาว่า
"เจ้าก็คือโฮดงใช่มั้ย?"
"ใช่แล้ว ข้าชื่อว่าโฮดง แล้วเจ้าเป็นใคร?"
"อืม โฮดงน่าจะแปลว่า ผู้ชายที่มีใบหน้างามนี่นา ไม่เห็นเท่าไหร่นี่"
"เจ้าเป็นใครน่ะ?"
"ลาฮี ลูกสาวของแม่ทัพชอยรี"
"เจ้าน่ะเหรอ?"
"ใช่แล้ว"
"เจ้าเป็นลูกสาววังจาชิลหญิงที่สวยที่สุดในนังนัง?"
"ถูกต้องใช่เลย"
องค์ ชายโฮดงนึกถึงพระเจ้ามูยุลที่ตรัสกับเขาไว้ว่า "จากรายงานของสายลับ วังจาชิลหญิงงามที่สุดในนังนังภรรยาของชอยรี คลอดลูกเป็นผู้หญิง เจ้าต้องรีบโตเร็วๆ แล้วพ่อจะยกลูกสาว วังจาชิลเป็นรางวัลให้เจ้า"
องค์ชายโฮดงบ่น "เชื่อเสด็จพ่อเลย รู้อย่างนี้ข้าไม่เอาของรางวัลดีกว่า"
"เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ?"
องค์ชายโฮดงหัวเราะร่า "ฮ่าๆๆ ๆๆๆ"
"หัวเราะอะไร ข้ารู้สึกไม่ดีนะ"
"เจ้าน่ะ หน้าตาน่าเกลียด กลมป๊อกเชียว"
"คนไร้มารยาท นี่ เจ้าทำอะไรของเจ้าหา?"
"ยังไงเจ้าก็ เป็นรางวัลของข้า ถ้าโตขึ้นแล้วสวยขึ้น ข้าคงไม่ต้องกลุ้มใจมาก โอ้โห อารมณ์ร้ายเหมือนกันนี่นา"
"ข้าไม่ไว้ชีวิตของเจ้าแน่" ลาฮีต่อสู้กับองค์ชายโฮดง
"ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดเอง พอแค่นี้เถอะนะ" องค์ชายโฮดงแกล้งทำเป็นยอม
"ข้าไม่ต้องการคำขอโทษ"
"เจ้าเด็กไม่มีคนสั่งสอน"
จบตอนที่ 8

จามอง 9

ชีโซกับสาวใช้อีกคนต่างพากันไปบอกโมฮาซูกับจาชิลว่าลาฮีถูกองค์ชายโฮดงตี พอทั้งสองไปกลับเห็นอีกอย่าง
ชีโซรีบบอก "โอ้ สวรรค์ ท่านดู คุณหนูเกือบจะโดนตีตายอยู่แล้วนะ"
จาชิลว่า "แต่เท่าที่ดู ลาฮีเป็นฝ่ายแกว่งดาบมั่วใส่มากกว่า"
ฮาซูมาถึงก็เป็นห่วงมาก "ลาฮี"
"ใจเย็นก่อนค่ะพี่"
"เจ้ายืนอยู่ตรงนี้ตลอด แล้วยังยืนเฉยไม่ทำอะไรเลยน่ะหรือ?"
"ฝ่ายนั้นเป็นองค์ชายโกคูรยอ เราออกหน้าจะทำให้เรื่องใหญ่ขึ้น ถือว่าเด็กๆ เล่นกันก็พอ" จาชิลว่า
"เจ้าคิดยังไงก็ช่าง ข้าอยู่เฉยไม่ได้แน่"
"ข้าเป็นแม่ของเขา ลาฮีจะเจ็บหรือตาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่พี่ควรยุ่ง"
โมฮาซูดุ "เจ้าพูดอย่างนี้ได้ยังไง"
"หึ ถ้าท่านเป็นห่วงลาฮีอย่างนั้น แล้วตอนนั้นท่านโยน เขาลงสระบัวทำไม?"
"น้องจาชิล"
"นายหญิงรอง"
"ชักกำเริบใหญ่แล้ว เจ้ากล้ามาถลึงตาขึ้นเสียงใส่ข้าเหรอ?"
โคบีว่า "แค่รู้สึกว่า ท่านพูดเกินไป"
"อย่าเห็นนายคุ้มหัวแล้วทำซ่านะ" จาชิลดุ
โคบีสีหน้าผิด "ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ"
จา ชิลกล่าวต่อว่า "คนที่นายท่านระวังที่สุด คือมูยุลแห่ง โกคูรยอ อย่าก่อความยุ่งยากเพราะ ความคิดตื้นๆ ของผู้หญิง ที่ข้าทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากเห็นลูกถูกตีจนตัวลายหรอก"
เสียงลาฮีดังลั่น "โอ้ยๆ เจ้าคนเลว ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้ ตายซะ ไปตายซะ"
"ยัยเด็กบ้า ฟังให้ดีนะ ข้าเกลียดผู้หญิงที่ชอบถือดาบ หาเรื่องไม่มีเหตุผล" องค์ชายโฮดงเถียง
"แล้วไงล่ะ?"
"ที่เกลียดยิ่งกว่า ไม่ใช่แค่ถือดาบหาเรื่อง แต่ข้าเกลียดผู้หญิงใจเหี้ยม"
"จะชอบหรือไม่ชอบ มันเกี่ยวอะไรกับข้า ข้าจะต้องฆ่าเจ้า"
โมฮาซูร้องเรียกพลางเข้ามาห้าม "ลาฮีๆ"
"ท่านแม่ ปล่อยข้า ๆ ๆ ข้าจะฆ่าไอ้คนนี้ ปล่อยข้า
"พอได้แล้วล่ะ สู้แค่นี้ก็พอแล้ว"
"ปล่อยข้าๆ ฮือๆๆ"
"ถ้าเจ้ายังไม่ยอมฟัง แม่จะโกรธแล้วนะ โกคูรยอสอนมารยาทอย่างนี้เหรอ เป็นทูตกลับมาตีเด็กผู้หญิงในบ้านเมืองอื่น"
"ถึงข้าไม่ได้ทำอะไรถูก แต่ก็ไม่รู้สึกว่าได้ทำอะไรผิด"
"ว่าอะไรนะ?"
"ดูสิ ดูท่านแม่ ดูเจ้านี่พูดจา ต้องตัดปากมันออกมา"
"ตัดปากเจ้าดีกว่ามั้ง" องค์ชายโฮดงว่า
ลาฮียิ่งโกรธ "เจ้ามันไอ้คนเลว"
"ข้าคงไม่ขอโทษ นายหญิงใหญ่"
"องค์ชาย"
"ถ้าแค่นี้ยังไม่พอ ก็ประท้วง กับโกคูรยอได้เลย"
"ฝีมือขององค์ชายน่าตกใจนัก ได้ยินว่าฝีมือดาบโกคูรยอเยี่ยมยอด เห็นแล้วสมคำร่ำลือจริงๆ" จาชิลชื่นชม
"ท่านชมเกินไปแล้ว"
ลาฮีไม่พอใจ "ท่านแม่ นี่ นี่ท่านทำอะไรกันเนี่ย?"
"วิชาอย่างเจ้ายังคิดไปสู้ด้วย ได้เห็นความเก่งกาจขององค์ชายรึยัง ช่วงที่อยู่ในวัง ข้าอยากขอให้ท่าน ช่วยสอนดาบให้ลาฮีบ้าง"
"คงไม่ละขอรับ ต้องรบกวนท่านทั้งสอง ต้องขอโทษด้วย" องค์ชายโฮดงปฏิเสธ
"โฮดง" ลาฮีตรงเข้าทำร้ายองค์ชายโฮดง
"เล่นอะไรเกินไปแล้ว" จาชิลดุลาฮี
โมฮาซูรีบเข้าไปดูองค์ชายโฮดง "องค์ชายเป็นยังไงบ้าง ให้ข้าดูสิ"
"ข้าจะกลับที่พักก่อน" องค์ชายโฮดงขอตัว
"ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้" ลาฮีอาฆาต
"ฝีมืออย่างเจ้าเหรอ หน้าตาแย่ยังอารมณ์ร้ายอีก"
"โอ้ยๆๆ เขาหัวเราะว่าข้าน่าเกลียด ถ้าเป็นท่านแม่ ท่านทนได้เหรอ?"
โมฮาซูปลอบ "เขาไม่ได้พูดตรงกับใจหรอก บางทีเด็กผู้ชายก็เป็นอย่างนี้"
จาชิลกลับบอกว่า "เขาพูดไม่ผิดหรอก ที่บอกว่าอ้วนก็ถูก หน้าตาหน้าเกลียดก็ถูก"
โมฮาซูอึ้ง "น้องจาชิล"
" ผู้หญิงจู่ๆ ก็สวยได้รึ เจ้าคิดว่าแม่เกิดมาก็สวย จนได้ชื่อเป็นหญิงงามของนังนังรึ กินทุกอย่างที่ขวางหน้ามันจะสวยได้ไง มันต้องอดทน อดทนแล้วอดทนอีกแต่งแล้วแต่งอีกถึงสวยได้"
"ท่านแม่คะ"
" เจ้าโดนเขาว่าอย่างนี้แล้ว ก็ควรตั้งใจที่จะเป็นคนสวยสักทีสิ สุดท้ายยังแกว่งดาบ ไปไล่ฟันหัวเขาอีก ถ้าเขาตายขึ้นมาทำไง มันจะมีสงครามรู้มั้ย"
"พอสักทีเถอะ เรื่องมันก็จบลงไปแล้ว" โมฮาซูตัดบท
"ข้าก็ทำไป ก็เพราะจำใจหรอกน่า"
"หึ ใครให้เจ้าทำอย่างนั้นรึ มีใครให้เจ้าถือดาบไปฟันเขา"
" ก็เขาหน้าตาดี ก็ข้าชอบเขานี่นา ข้าก็แค่อยากพูดคุยกับเขาดีดีเอง ถึงองค์ชายไม่ชมว่าข้าสวย แต่ข้าก็ไม่อยากได้ยิน ได้เขามาบอกว่าข้าอ้วน บอกว่าข้าน่าเกลียดนี่ ฮือๆๆ"
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะลูก วันหลังคุยกันดีดีก็พอ คราวหน้า พอเจ้าสวยแล้ว ค่อยฟังเขาชมเจ้านะ หือ ไม่ร้องแล้วนะ" โมฮาซูปลอบ
"มันสายไปแล้ว เขาบอกว่าเกลียดผู้หญิงโหดร้าย ที่ใช้กระบี่นี่ ท่านแม่ ฮือๆๆ"
"ลูกแม่ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโตแล้ว รู้จักชอบผู้ชายซะแล้ว"
พระเจ้ามูยุลแต่งตั้งซงซูจียอนขึ้นเป็นมเหสีรอง พร้อมกล่าวกับพระเจ้าจูมง
" เสด็จปู่ พระเจ้าดงเมียงซอง มูยุลหลานของพระองค์ มาถวายรายงาน เรื่องอภิเษกมเหสีรอง หลานสะใภ้อีกคนของพระองค์ นามว่าซงซูจียอนจากเผ่าพีรู มาทำพิธี"
"เสด็จปู่ ซูจียอนขอคารวะ โกคูรยอยังไร้ผู้สืบสายโลหิต จึงเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว จึงอยาก ขอให้เสด็จปู่โปรดประทาน องค์ชายมาแบ่งเบาภาระโกคูรยอ"
"ยกขึ้นมา"
"ทรงพระเจริญ หมื่นปีหมื่นหมื่นปี พระเจ้าแทมูชิน ขอจงทรงพระเจริญ" อูนาลูกล่าวนำ
หลายคนกล่าวตาม "หมื่นปีหมื่นหมื่นปี พระเจ้าแทมูชิน ขอจงทรงพระเจริญ"
"ทรงพระเจริญพันปีพันๆปี พระมเหสีรอง ทรงพระเจริญ"
"ทรงพระเจริญพันปีพันๆปี พระมเหสีรอง ทรงพระเจริญ"
ฮาเดิ้กกล่าวต่อ "พิธีการเสร็จสิ้น ต่อไปจะเป็นการถวายพระพร"
ทุกคนต่างมาแสดงความยินดีกับมเหสีรอง รวมทั้งองค์ชายโฮดง
ขณะที่วังเก็งกับจาชิล ต่างวางแผนฆ่ากันและกันบนเรือที่จะเดินทางไปจีน
ทางโฮคกเองก็เตรียมถ่ายหินและน้ำมันเพื่อฆ่าทุกคนจากนังนังในขณะที่มาชมกายกรรม
จบตอนที่ 9

จามอง 10

ในที่สุดจาชิลก็สามารถซ้อนแผนของวังเก็ง ด้วยการนั่งเรือร่วมกันไปอาณาจักรฮั่น แต่ชิงใช้ยาพิษสังหารวังเก็งเสียก่อน
เมื่อพระเจ้ามูยุลได้ทราบข่าวก็เรียกประชุมด่วน
บัลโซทูลถาม "ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นพะยะค่ะ?"
"สายลับข้างกายวังเก็งส่งข่าวมาบอกน่ะ"
"ท่านเสนาฯ มีเรื่องอะไรกันแน่?" อูนาลูถาม
"บอกว่าวังเก็งตายแล้ว ศพถูกส่งไปอำเภอทงโม" อึลดูจีกล่าว
" เป็นไปได้ไง เขาตั้งตนเป็นกษัตริย์ แถมจะไปเข้าเฝ้ากวงอู่ตี้ ทำไมจู่ๆ ถึงตายได้ หรือป่วยเป็นอะไร ถึงว่าคนเราพอดวงถึงฆาตแล้ว มันอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ จริงมั้ยล่ะหา? เขาเนี่ยนะ เกลือกกลิ้งอยู่ในสนามรบมาทั้งชีวิต จู่ๆ พอได้ใส่ชุดแพรไหม กินดีอยู่ดี ลาภยศสรรเสริญกลับหมด หรือว่าเป็นฝีมือชอยรี"
"เรียกประชุมขุนนางเดี๋ยวนี้ เชิญหัวหน้าเผ่าทั้งห้าเข้าวังด่วน"
และเมื่อหัวหน้าเผ่ามาครบ พระเจ้ามูยุลก็ส่งกระบี่ให้องค์หญิงยอรัง
"รับไปซะ"
"เสด็จพี่จะสอนโฮดงเองหรือเพคะ"
"เจ้าบอกว่า ต้องเรียนผ่านสี่ขั้นถึงสำเร็จไม่ใช่เหรอ?"
"พะยะค่ะ"
"กระบี่ปราดเปรียว กระบี่พลัง กระบี่เหี้ยมโหด กระบี่เสพคาวเลือด"
"องค์หญิงของข้าฉลาดจริงๆ เลย แหะๆๆ"
"อย่ามายอเลย"
พระเจ้ามูยุลตรัสว่า "โฮดง แผนส่งชุดไปให้ชอยรีตามที่เจ้าบอก ชอยรีไม่ได้ตายแต่วังเก็งกลับตายด้วยน้ำมือชอยรี"
"ชอยรี เป็นคนฆ่าหรือพะยะค่ะ" องค์ชายโฮดงทูลถาม
" เรื่องนั้นไม่สำคัญ ไม่ว่าเขาจะถูกชอยรีฆ่าตายหรือป่วยตาย ขั้นตอนเหล่านี้ สำหรับกษัตริย์มันไม่มีความหมาย ที่สำคัญกว่านั้นคือผลลัพธ์ วังเก็งแพ้แล้ว ชอยรีชนะ เพราะการที่เจ้าคำนวณพลาด ทำให้โกคูรยอต้องตกที่นั่งลำบาก"
"หม่อมฉันผิดไปแล้ว"
"ตอนนี้พ่อ จะสอนกระบี่เหี้ยมโหดให้กับเจ้า"
"จะเรียนกระบี่แบบนี้ โฮดงยังเด็กเกินไป" องค์หญิงยอรังยั้งไว้
"นี่เป็นสงคราม"
"เสด็จพ่อ"
" สงครามกับชอยรีเลี่ยงได้ยาก เจ้าจะต้องเรียนกระบี่จากในสนามรบ ที่นั่นไม่มีมารยาท แล้วไม่มีน้ำใจ ทางเลือกมีแค่เป็นกับตาย มา เริ่มต้นได้"
ขณะที่ซงแมซอซูก็คุยกับอ๊กกู
"สงคราม เผ่าพีรูคิดจะทำยังไงคะ?"
"จะต้องห้ามเขา" อ๊กกูว่า
"ใครจะห้ามเขาได้ล่ะคะ"
" โกคูรยอทำสงครามเผ่าพีรูจะล่ม เผ่าเครูก็จะได้ประโยชน์ สุดท้าย ทั้งห้าเผ่าจะล่มสลาย ที่ยังรอดอยู่ ก็มีมูยุลกับราชวงศ์เท่านั้นเอง เจ้ารู้มั้ยทำไม มูยุลถึงทำสงครามไม่หยุด อย่างกับคนบ้าแบบนั้น"
"ก็เพราะ โกคูรยอแห้งแล้งอดอยาก ถ้าไม่ขยายดินแดนไป จะเอาอะไรเลี้ยงประชาชนล่ะ"
" เจ้ารู้แค่หนึ่งไม่รู้ถึงสอง ถ้าทำสงคราม ก็จะต้องรวบรวมกำลัง มูยุล คิดจะตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลาง แล้วเหยียบเผ่าทั้งห้าไว้ใต้เท้าเขา เขาลากทหารทั้งห้าเผ่าเข้าสงครามโดยไม่สนว่าเป็นหรือตาย สุดท้ายก็จะเหลือแค่ทหารมูยุล มีสงครามไม่ได้ ไม่ว่าใช้วิธีอะไร ก็ต้องยั้บยั้งมูยุลให้ได้ ถึงเจ้าจะแค้นพ่อ กับแค้นซูจียอน แม่ซอลซู แต่รากเหง้า เผ่าพันธ์เราก็เกิดมาจากเผ่าพีรู เจ้าเข้าใจมั้ย?"
และเมื่อประชุมหัวหน้าเผ่าต่างๆ อ๊กกูก็ทูลพระเจ้ามูยุลว่า
"ไม่ได้พะยะค่ะ"
โฮแทก็ว่า "ส่วนเผ่ายอนนา ก็ไม่เห็นด้วย"
อู นาลูกล่าวว่า "ตอนนี้เป็นโอกาสดี วังเก็งเพิ่งตายไป ตอนนี้ชอยรียังอยู่ที่อำเภอทงโม เราต้องฉวยโอกาสที่ น้ำแข็งยังไม่ละลายบุกไปโจมตี"
อ๊กกูทูลว่า "ที่อัลจี มุกบัง มินบง อึนโปก็มี ทหารประจำการอยู่ถึง 3 พันคน"
" โกคูรยอหรือจะกลัวทหารแค่ 3 พัน ต้องฉวยโอกาสที่ทหารวังเก็งกับชอยรีกำลังสู้กัน แค่นี้เราก็กวาดได้โดยง่าย ฮะๆๆ" อูนาลูหัวเราะออกมา
"ถ้าไม่เป็นอย่างที่ท่านบอก ถ้าทหารทั้ง 2 กำลังพล รวมพลังต่อต้านโกคูรยอล่ะ"
พระเจ้ามูยุลตรัสว่า "ข้าจะนำทัพออกศึกอีก"
โฮแทอึ้ง "จะทรงนำทัพเหรอ?"
"พวกเจ้าไม่เชื่อใจข้ารึไงหา?"
"ใครๆ ต่างก็ ต้องขนานนามมูยุลว่าเทพสงคราม ถ้าพระองค์จะ ออกศึกด้วยองค์เอง"
"ถ้าทรงยืนยันเยี่ยงนั้น ก็ขอให้ส่งเผ่ายอนนาและเผ่าเครูไปรบ แต่ว่า เผ่าพีรูคงไม่ขอร่วมศึกในครั้งนี้" อ๊กกูกล่าว
"แล้วเผ่าพีรูไม่ใช่โกคูรยอรึไง เผ่าพีรูไม่ใช่ขุนนางของมูยุลรึไงหา?"
ด้านซูจียอนรู้ก็อดบ่นอ๊กกูให้ซงแมซอซูฟังไม่ได้ว่า
"ท่านลุงทำเกินไปจริงๆ เลย ปฏิเสธไม่ออกรบได้ยังไง ถ้าแม้แต่ท่านลุงยังไม่ยอมรบ แล้วจะมีเผ่าไหนยอมเชื่อฟังฝ่าบาทล่ะคะ"
"อย่างนี้เจ้ายัง คู่ควรเป็นพระมเหสีอีกหรือ" ซงแมซอซูว่า
"ทรงหมายความว่าไง?"
" พระสนมคนอื่น วันหนึ่งกินสามมื้อก็พอ แต่พระมเหสีไม่ใช่หรอกนะ นอกจากความสวยและปัญญา ยังต้องมองการเมืองออกอีกด้วย เพราะอะไรเหรอ ถ้าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ขึ้นมา เหลือเพียงโอรสที่ยังเยาว์ พวกศัตรูก็จะแก่งแย่งบัลลังค์กัน ตอนนั้น พระมเหสีจึงต้องปกครองแทน จนกว่าพระโอรสจะโต"
"หึ มิน่าล่ะ อย่างนี้นี่เองพี่ถึงไม่ได้เป็นคนโปรด เกิดเป็นหญิงทำไมทึนทึกจืดชืดอย่างนี้"
"เห็นเจ้าโง่อย่างนี้ ข้าก็โล่งอกอยู่เหมือนกันนะ"
ซูจียอนแค้น "ท่านพี่"
"ช่วงนี้ไม่ว่าจะชอบหรือเกลียด เราก็ต้องมาร่วมมือกัน ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องยับยั้งสงครามไว้"
"ทำไมต้องทำด้วย ข้าก็ยังไม่เข้าใจ"
"เมื่อไหร่ที่เผ่าพีรูล่มสลาย เราก็เหมือนไม้ไร้ราก จะต้องเหี่ยวเฉาไปจนตาย"
ลาฮีที่เห็นการฆาตกรรมวังเก็งก็มีอาการซึมเศร้า ทำร้ายตัวเอง จนจาชิลก็เข้ามาพูดคุยด้วย
" ลาฮี อย่าทำอย่างนี้ จริงอยู่ แม่ทำให้ เจ้าเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น แต่ว่าลาฮี การเมืองก็เป็นอย่างนี้ ถ้าไม่ฆ่าเขาก็ต้องถูกฆ่าตาย ที่แม่ ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อช่วยเจ้ากับพ่อ"
ด้านโมฮาซูก็เป็นห่วงลาฮีมาก นางออกมาที่คณะกายกรรม จนได้พบกับจามอง
จามองชื่นชมโมฮาซู "ว้าว สวยจังเลย"
"หนูสวยกว่าอีกนะ" โมฮาซูชมจามองเช่นกัน
"มีเรื่องอะไรเหรอคะ"
"ข้ามาตามหาคณะกายกรรม"
"พวกข้าทุกคนเป็นคณะกายกรรม" จามองว่า
มีชูถาม "ไหนว่ายกเลิกไปแล้วไง?"
ชาชาแสดงตัว "ข้าเป็นหัวหน้าคณะ ท่านมีอะไรเหรอ"
"พวกท่านช่วยแสดง ให้ลูกสาวที่ป่วยของข้าได้มั้ย?"
"แสดงชุดเหาะเหินได้มั้ย?" จามองถาม
"ถึงข้าไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เพิ่งมีผู้ใหญ่ตายไป ก็เลยเฮฮามากนักไม่ได้ แต่หวังว่าพวกเจ้าจะแสดงให้ลูกสาวที่ป่วยดูหน่อย"
จาชิลไปเคารพศพวังเก็ง
"ข้ามาไว้ทุกข์ให้พี่ชาย"
บูทัลว่า "เชิญกลับไปซะดีกว่า"
" เย็นจัง พี่ชายคะ หนาวมั้ย ท่านคงไม่อยากเห็นข้าใช่มั้ย ทำไมท่านไม่ฟันข้าไปซะ ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้ คนที่นอนอยู่ตรงนี้คงเป็น ชอยรีสามีข้า การเมืองก็เป็นอย่างนี้นี่ ต้องมีใครคนหนึ่งตาย อีกคนถึงมีโอกาสรอด ต้องโทษพี่เอง โทษที่พี่ดันโลภเกินไป ทำไมต้องบีบให้ข้าทำแบบนี้ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ พี่วังเก็งๆๆๆ" จาชิลเสียใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว
จบตอนที่ 10


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี ละครช่อง3
อ่านต่อ
 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal