จามอง 13
ลานประหารนักโทษอุกฉกรรจ์ โมยังเฮกล่าวกับโมฮาซูว่า
"เฮ้อ สบายดีจัง ขอโทษนะ ทำอ่างน้ำเจ้าสกปรกหมดเลย"
"อยากได้อะไรอีกมั้ยคะ?" โมฮาซูถาม
"ช่วยแต่งหน้าข้าให้สวยๆ หน่อยสิ กำลังจะไปพบท่านแม่ทัพแล้ว ถึงมันจะไม่สวยที่สุด แต่ก็ควรจะให้ดูดีหน่อย"
โคบีอาสา "เดี๋ยวข้าจะแต่งให้นะ"
โมฮาซูค้านว่า "ข้าทำเอง"
"ช่วยหวีผมรวบขึ้นไปอย่าให้ยุ่งนะ ผมไม่ยุ่งรุงรัง เพชฌฆาตจะได้ตัดคอให้ขาดง่ายๆหน่อย ฮะๆๆ"
จาชิลลากลาฮีให้มาดูการประหารในครั้งนี้ด้วย ทั้งที่ลาฮีไม่อยาก
"ทำไมข้าต้องไปดูด้วยล่ะ? ท่านป้าถูกประหารไม่เห็นจะมีอะไรน่าดูเลย"
"ปากก็ว่าโหด บอกว่าน่ากลัว แกล้งปิดตาไม่กล้าดู แต่สุดท้ายก็เบิ่งตาดูกันทั้งนั้น โลกนี้ดูแต่ของสวยงามไม่ได้หรอก"
"ตอนนี้คนคงแน่ลานประหารแล้ว มีหลายคนเดินทางไกลหอบอาหารมานั่งกินเพื่อรอดูกันเลยนะ"
"อึย ข้าไม่ไปหรอก" ลาฮีบอก
"มันมีอะไรที่ลาฮี ยังไม่เคยเห็นมาก่อนนะ ทำไมยังขี้ขลาดอย่างนี้" จาชิลดุ
"แม่เลิกพูดเรื่องท่านลุงสักทีเถอะ ข้าอยากลืมมันแล้ว"
"เจ้าจะกลัวกลิ่นคาวเลือดไม่ได้"
"ข้าไม่ไป" ลาฮีดื้อดึง
" คนอยากเป็นกษัตริย์น่ะจะต้อง โหดเหี้ยมครึ่งหนึ่ง มีเมตตาอีกครึ่งหนึ่ง ด้านหนึ่ง เหี้ยม ด้านหนึ่งรัก กษัตริย์ที่ประชาชนไม่กลัว ก็จะรักษาอำนาจไม่ได้ ยิ่งเจ้าเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว เจ้าจะแสดงความอ่อนแอไม่ได้ เจ้าควรดีใจ ที่ไม่มีพี่น้อง"
"ถ้าจามองลูกเสด็จแม่ ยังมีชีวิตอยู่ล่ะ?" ลาฮีโพล่งออกมา
จาชิลอึ้งไปนิด "ใครพูดเรื่องเหลวไหลกับเจ้า เขาตายไปนานแล้ว"
มาโจเสียงดังขึ้น "หยุดก่อน ทำไมถึงมีโลงสองใบล่ะ?"
" โลงหนึ่ง เตรียมไว้ให้พี่สะใภ้ของข้า ข้าแบกโลงของพี่ชายมาด้วย เพื่อให้ท่านได้มาเห็นกับตาว่า พวกท่านประหารพี่สะใภ้ยังไง" วังโฮตอบ
"อืม แล้วของพวกนั้นคืออะไร?"
โท ชัลว่า "โลงศพพวกข้า ไม่มีแม่ทัพกับนายหญิง จะมีหน้าอยู่ต่อไปได้ยังไง พวกข้าจะมากัดลิ้นฆ่าตัวตายที่ลานประหาร ขี้ข้าน่าละอาย มีแต่ความตายเท่านั้นที่ชดใช้ความผิดได้"
"ย่าห์ๆ ฝ่าบาท"
"พี่เขย ฝ่าบาท" วังโฮทัก
ชอยรีมองวังโฮ "โตขนาดนี้แล้วเหรอ?"
"วังโฮ"
"นายหญิงแห่งยองโฮมาแล้ว"
"นายหญิงๆๆๆๆ
จาชิลโมโห "หึ คิดจะแกล้งทำเป็นพระมเหสี ที่ใจดีต่อหน้าประชาชนล่ะสินะ"
ยังเฮว่า "ทางที่เหลือนี่ข้าจะเดินต่อไปเอง"
โมฮาซูถาม "ท่านมีอะไรจะฝากอีกมั้ยคะ?"
" ช่วยตกแต่งคอข้าให้สวยหน่อย อย่าให้ท่านแม่ทัพเห็นแล้วตกใจ แล้วไม่ต้องฝัง พวกสาวใช้ไม่มีความผิดไปพร้อมกับข้า ไม่ห่วงเรื่องไปรับใช้ข้า ข้ากลัวว่ามีผีสาวไปเยอะแล้วท่านแม่ทัพ จะจำไม่ได้ว่าคนไหนคือเมียของท่าน หึๆๆ" ยังเฮว่า
"ห่วงใยชีวิตผู้น้อยอย่างนี้ พวกนางคงไม่ลืมพระคุณของท่าน"
"เห็นแก่ที่เจ้าเดินมาส่ง ก่อนไปข้าอยากเตือนอะไรเจ้าไว้หน่อย?"
"ค่ะ"
"อย่าเชื่อใจนางเด็ดขาด อย่าประมาทในตัวนางแม้แต่นิดเดียว ขาก ถุย"
"พี่สะใภ้" วังโฮเรียก
"นายหญิงๆๆ"
ยังเฮเสียงดัง "เงียบกันได้แล้ว นี่เป็นวันดีที่จะไปพบท่านแม่ทัพ ยังจะร้องไห้กันทำไม"
ลู จีประกาศ "คิดปองร้ายต่อพระมเหสีรอง โทษกบฏ บุกรุกมาวางเพลิง ทำให้ประชาชนบริสุทธิ์ตายไป 30 คน โทษฐานฆ่าคน ปลุกปั่นและหลอกลวงประชาชน โทษฐานกบฎ แม้ว่า โทษ 2 ข้อหลัง จะทำโดยไม่เจตนา แต่ก็อาจจะลดโทษให้ได้ โทชัล บูทัล ต้องโทษประหาร ด้วยการตัดเอว นายหญิงโมยังเฮ ตัดหัวประจาน เพชฌฆาต เริ่มการประหารได้"
"เจ้าน่ะ เลิกรำแล้วลงมือเถอะน่า"
ยังเฮเรียก "วังโฮ วังโฮ"
"ครับพี่สะใภ้"
"เจ้าเด็กบ้า เลิกร้องห่มร้องไห้สักที จงเบิ่งตาดูให้ดี แค้นครั้งนี้ เจ้าจะต้องแก้แค้นให้ได้นะ"
ชอยรีถามวังโฮ "เจ้าจะทนดูพี่สะใภ้ ถูกประหารไปอย่างนี้หรือ?"
"ถึงต้องตาย ข้าก็คงช่วยอะไรไม่ได้" วังโฮว่า
"นางน่ะเป็นเหมือนแม่อีกคนของเจ้า นางเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่แบเบาะ"
"ข้าถึงยิ่งทำไม่ได้ พี่สะใภ้เป็นเหมือน กับท่านแม่ของข้า"
ชอยรีเตือนสติ "แต่ว่านี่เป็น ทางเดียวที่จะช่วยชีวิตนางได้นะ"
"พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้" วังโฮเสียงดังลั่น
โฮแคถาม "เหตุใดนายน้อยวังโฮ ถึงมายั้บยั้งการประหาร"
"ถ้าไม่ได้รับอนุญาติจากข้า ใครก็ฆ่าพี่สะใภ้ข้าไม่ได้"
ลูจีเถียง "ไม่มีใครสามารถฝ่าฝืนกฎหมายได้"
"ถ้าหากภรรยาทำผิด สามีสามารถยื่นร้องทุกข์แทนได้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป นางเป็นภรรยาข้า" วังโฮประกาศลั่น
จาชิลอึ้ง "วังโฮ"
โฮแคแปลกใจ "จะแต่งพี่สะใภ้เหรอ?"
ยังเฮอึ้ง "ไอ้เด็กบ้า"
" ข้าวังโฮ จากจวนยองโฮ ร้องทุกข์แทนโมยังเฮภรรยาข้า ข้ายินดีชดเชย ค่าเสียหายให้กับชาวบ้านตามกฎหมาย ถ้าข้า ไม่อนุญาตก็ห้ามประหารโมยังเฮ"
ยังเฮดุ "เจ้าทำอะไรหา? เป็นบ้าไปแล้วรึไง?"
"ต่อไปข้าจะเชื่อฟังท่าน กตัญญูกับท่าน ได้โปรดแต่งงานกับข้าด้วย"
000000000000000
จาชิลอดบ่นไม่ได้เมื่อกลับมาที่พัก
"มันดีเกินไปสำหรับนาง ทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด ไม่คู่ควรกับวังโฮ"
ชีโซยื่นเครื่องดื่มให้ "ดื่มชาโอมีจาเย็นๆ ดื่มดับอารมณ์ก่อนเพคะ"
"เฮ้อ โมยังเฮล่ะ?"
"นายน้อยวังโฮ พากลับยูกูฮอนแล้วเพคะ"
"ไปบอกกับแม่ทัพลูจี อย่าให้นางข้ามแม่น้ำยอลซูไปได้ คอยจับตานางเอาไว้ทุกฝีก้าว อย่าปล่อยให้ก้าวออกจากเมืองเด็ดขาด"
"เพคะพระมเหสี"
"ทำไงดี คราวนั้นก็ปล่อยนังเด็กนั่นรอดไป ข้าต้องเตรียมงานแต่งให้วังโฮ"
"เฮ้อ ทรงคิดอย่างนี้ก็ดี ยังไงงานแต่งงานนี้ก็ควรให้พระองค์เป็นคนจัดการ"
"คณะเฮเฮฮาฮาใช่มั้ย ข้าจะให้คณะกายกรรม ที่จามองอยู่มาแสดงด้วย"
"พระ ... พระมเหสี"
" ในงานแต่งของวังโฮ ไปเรียกพวกเขามา แล้วหาให้เจอว่าคนไหน ที่เป็นจามอง ถึงจะผ่านไปนานแล้ว แต่ต้องจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่โมฮาซูจะหาเขาเจอ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องทำเอง ให้ใครสักคนไปทำแทนเจ้าเถอะ"
"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ"
"ไม่ผิดแน่ จำได้ว่าในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่ง ที่หน้าเหมือนโมฮาซู"
ขณะที่โมฮาซูชื่นชมวังโอให้โคบีฟัง
"น้องชายแต่งกับพี่สะใภ้ ถึงเขาอายุยังน้อย แต่จิตใจที่คิดจะช่วยพี่สะใภ้นี่เข้มแข็งมาก ไปถามว่างานแต่งใช้อะไรบ้าง"
"ไม่ทรงเกลียดนายหญิงโมเหรอเพคะ"
"นางเป็นคนเข็มแข็งเด็ดเดี่ยว ทั้งฉลาดแล้วก็ยังใจกว้าง พวกเราติดค้างท่านไว้มากจริงๆ ต้องตอบแทนนางบ้าง"
"แต่หม่อมฉันกลัวว่า ถ้าทำแบบนี้ไป พระมเหสีรองจะไม่พอใจ"
โมฮาซูนึกถึงคำเตือนของยังเฮ เรื่องจาชิล จนโคบีสังเกตเห็นและถาม
"ทรงกังวลอะไรอยู่หรือเพคะ?"
"เรื่องตามหาจามองต้องระวังให้มากขึ้น อย่ากระโตกกระตาก อย่าให้ใครรู้ ห้ามให้คนตำหนักพันซูรู้"
ที่คณะละครเฮเฮฮาฮา มีชูดีใจมากที่จะได้งาน
"แหะๆ นังนังก็ใช้เงินพวงเหมือนกันเหรอเนี่ย?"
"ใช่ ที่เหลือจ่ายเป็นทองได้"
"แหม ไม่ต้องหรอกๆ โถ ช่วงนี้บ้านเมืองวุ่นวาย ราคาทองคำลดลงไปตั้งเยอะแน่ะ แถมเราไม่คิดจะอวดใคร ถ้าเอามาใช้ เงินเหรียญจะดีกว่า"
"ข้าล่ะยอมรับฝีปากเจ้าจริงๆ ถ้าจะนั่งเรือไปกลับสองแคว้นนี้ จะต้องมีป้ายผ่านทาง"
ชา ชาว่า "โห ป้ายผ่านทางนี่ไม่ได้ได้กันง่ายๆ ท่านเตรียมรอบคอบจริงๆ บนนี้เขียนอะไรนะ เฮเฮฮาฮา อ่านออกแค่นี้ แค่เอาให้คนที่ท่าเรือดู แค่นี้พวกเราก็ขึ้นเรือกันได้แล้วใช่มั้ย?"
"ถูกต้อง"
"แหม ท่านนี่ชาญฉลาดจริงๆ งานแต่งจะไม่มีกายกรรมได้ยังไง"
"นั่นน่ะสิ"
"พวกข้าจะตั้งใจเตรียมการแสดงชุดสุดยอดอย่างเต็มที่ รอชมได้เลย"
แล้วชาชากับมีชูก็นำของมาคืนให้กับจามอง
"อ้ะ ถึงเวลาควรคืนให้เจ้าแล้ว"
"หัวหน้าเก็บไว้เองเถอะค่ะ"
"เอ๊ะ เห็นเจ้าห่มร้องไห้บอกว่าเป็นของเจ้าไม่ใช่เหรอ?" มีชูว่า
"ข้าผิดไปแล้ว"
มีชูกล่าวอย่างบริสุทธิ์ใจ "นี่ พอเถอะน่า ถ้าคิดจะขาย ข้าก็คงขายไปนานแล้ว รู้สึกว่ามันไม่เป็นมงคล เจ้าก็เก็บไว้ดีกว่า"
" เดิม ข้าไม่อยากให้พวกเจ้ารู้เรื่องพวกนี้ แต่ในเมื่อเจ้ารู้กันแล้ว ก็ถือเป็นลิขิตฟ้า ถ้าเจ้าอยากเจอพ่อแม่ ก็ต้องมีของสิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยัน อ้ะ" ชาชาว่า
"ข้าไม่คิดตามหา เขาแล้ว"
"ถ้าเจ้าไม่หาแล้ว ก็ทิ้งมันไป หรือเอาไป ขายมาซื้อลูกอมกิน เจ้าจัดการเองเถอะ"
อิลพูมบอกทั้งสองว่า "ถ้าจะไปแสดงที่นังนัง ขอเวลาเรา 2 วันนะ"
"ป้ายผ่านทาง เขาให้เรามาเพื่อใช้แค่ ในการแสดงครั้งนี้ อาจจะอยู่นานมากไม่ได้ แต่ว่า ลองไปตามหาพ่อแม่ดูก็ได้"
เมื่ออยู่กันตามลำพัง อัลพูมก็ถามจามองว่า
"เจ้าไม่เสียดายแน่นะ"
"ไม่หรอก"
"บุ๊กกู"
" นี่ไม่ใช่เสื้อของพี่ มันเสื้อของข้า พ่อกับแม่คงจะ เกลียดข้ามากกว่าพี่ พวกเขาไม่เห็นปักมันบนอกพี่เลย เฮ้อ มันลอยไปลอยมาในทะเลอย่างนี้ จะถูกพัดไปอีกทะเลหนึ่งมั้ย?"
"นั่นสิ อย่าตามหาพ่อแม่เลยเนอะ ไม่ต้องถามทำไมต้องทิ้งเรา พวกเรา นับถือหัวหน้ากับท่านน้า เป็นเหมือนพ่อแม่เราก็ได้"
" กับหัวหน้าน่ะ บางครั้งก็ยังเหมือนพ่ออยู่บ้าง แต่ข้าไม่ชอบท่านน้าเลยนี่ ไม่เป็นไร ข้ายังมีพี่ชายไม่ใช่เหรอ พี่ชายที่ดีกว่าพ่อกับแม่ รวมกันซะอีกน่ะ"
เสียงโฮคกดังมา "ขอแค่มีบุพเพ คนที่ควรเจอกัน ย่อมได้เจอกันแน่"
"โอ๊ะ มาอีกแล้ว นี่ท่านอยู่แถวนี้รึไงนะ?"
"ข้ากลัวสาวน้อยจะคิดถึงข้า เลยมาหาไง"
"ข้าเนี่ยนะ?" จามองชี้มาที่ตัวเอง
"เราดวงสมพงษ์กัน แหะๆๆๆ เจ้าไม่เสียดายมันเหรอ?"
"ตอนนี้ไม่หรอกค่ะ"
"ก็จริง มีบุพเพฯพันลี้ได้พบ ไร้วาสนา อยู่ตรงหน้าก็ยังไม่เห็น ถึงจะเผาหรือจะทิ้ง คงตัดบุพเพฯนี้ไม่ได้"
อิลพูมถามว่า "นายท่าน นี่ท่าน หมายความว่าอะไรเหรอ?"
"หึๆ ข้ามเขาสูงทะเลกว้าง คนที่ชะตากำหนดให้มาเจอก็ย่อมได้เจอกันจนได้ ไม่อย่างนั้น ต่อให้เจอหน้าอย่างนี้ก็ไม่รู้จักกัน"
"ว้าว ท่านนี่ฉลาดจังเลย สอนข้าเขียนหนังสือบ้างได้มั้ยคะ?" จามองตื่นเต้น
"หึ เรียนไปไม่เป็นมีประโยชน์อะไร มีแต่ทำให้เราต้องปวดหัวเปล่าๆ ข้าสอนเจ้าใช้กระบี่ดีกว่า"
จามองตาโต "ห๊า?"
"วิชากระบี่ ยิงธนู การใช้หอก วิชาการรบ วิธี กำจัดศัตรู ข้าจะสอนเจ้าทุกอย่าง"
อิลพูมประหลาดใจ "นายท่าน พูดอะไรของท่านเนี่ย?"
"เจ้าไม่เชื่อที่ข้าพูดเหรอ ข้าเหมือนคนบ้ารึ?"
"ก็เหมือนนิดหน่อย คือข้าน่ะ ถึงจะมีคนที่เกลียดบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีใครที่ข้าอยากฆ่า ถึงวันหน้าก็ไม่มีหรอก"
"อาจารย์พิการไม่มีผลต่อลูกศิษย์หรอก คนที่เจ้าอยากจะฆ่า ชะตาจะพาเขามาหาเอง มันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าคาดคำนวณได้หรอก แหะๆๆ"
ทางด้านองค์ชายโฮดง ก็ได้รับการเตือนจากองค์หญิงยอรังว่า
"เจ้าก็ควรคืนดี กับพี่สะใภ้ซะ แค่นึกว่านางจะต้องอยู่ตำหนักโอซอนคนเดียวจนแก่ ข้าสงสารน่ะ"
"ทั้งหมดนี้เป็น ผลที่นางก่อขึ้นเองนี่"
" ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น แต่ตอนนี้เจ้าควรปรองดองกับนาง เพื่อกดซูจียอนไว้ต่างหาก พี่สะใภ้เจ้าเป็นศัตรูที่น่าขนลุก แต่ถ้าร่วมรบจะเป็น โล่กำบังที่ดีที่สุด เลยเชียวล่ะ เจ้ากับ พี่สะใภ้ เป็นคนที่โดดเดี่ยว สมเป็นแม่ลูกออก"
"ถึงตาย ข้าก็ทำไม่ได้หรอกเสด็จอา"
และก็ถึงเวลาที่องค์ชายโฮดงมาทูลพระเจ้ามูยุล
"หม่อมฉันโฮดง น้อมรับราชโองการ เป็นราชทูตไปเยือนนังนังพะยะค่ะ"
อ๊กกูทูลต่อ "ซงอ๊กกูจากเผ่าพีรู ยินดีร่วมเดินทางไปช่วยเหลือองค์ชายพะยะค่ะ"
บัลโซกล่าวต่อ "ราชทูตชูบัลโซ น้อมรับราชโองการ"
"ท่านราชทูตอย่าลืมว่าการตามเสด็จองค์ชายไปยุลกูนี้ เพื่อคารวะศพวังเก็งและร่วมงาน แต่งงานวังโฮน้องชายเขาด้วย" อึลดูจีว่า
"ขอรับ ท่านเสนาฯ"
พระเจ้ามูยุลตรัสเรียก "ท่านพ่อตา"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
" การสู่ขอลูกสาวชอยรีจะสำเร็จได้หรือไม่ คงขึ้นอยู่กับท่านเพียงคนเดียว ต้องทำให้โฮดงแต่งกับลาฮี เพื่อให้โกคูรยอ ไม่ต้องถูกใครมาด่าว่าว่าเป็นหัวขโมยข้าวจากนาของใครอีกต่อไป"
"รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"
พระเจ้ามูยุลตรัสอีกว่า "ถ้าการอภิเษกไม่สำเร็จ ข้าบอกไว้แล้วว่าจะให้ท่านเป็นคนรับผิดชอบ"
อ๊ก กูทูลว่า "เกรงว่าคงต้องให้องค์ชายเป็นผู้รับผิดชอบเสียมากกว่า กระหม่อมได้ยินว่า คราวก่อนไปเป็นทูต องค์ชายได้เคยไปทำร้ายลูกสาวของชอยรีไว้ไม่เบา การอภิเษกครั้งนี้ จะเจรจาได้ง่ายๆ ได้ยังไง"
"ถ้าเจรจากันง่าย ข้าจะส่งท่านไปทำไม?"
องค์ชายโฮดงทูลว่า "เสด็จพ่อไม่ต้องห่วง หม่อมฉัน จะช่วยแบ่งเบาภาระของเสด็จพ่อและโกคูรยอเอง"
ทางนังนัง ชอยรีก็เรียกโมฮาซูกับจาชิลมาพบ รวมทั้งลาฮีด้วย
"อยู่กันครบแล้วรึ นั่งสิ"
"เรียกหม่อมฉันมา มีธุระอะไรหรือเพคะ?" จาชิลถาม
"เมื่อวานทางโกคูรยอ แจ้งว่าจะส่งราชทูตมา ขอให้เราอำนวยความสะดวก เรื่องผ่านด่าน"
"โกคูรยอเหรอ? เขาก็เพิ่งจะส่งทูตมานี่เพคะ" โมฮาซูแปลกใจ
"ที่มาก็มีซงอ๊กกูเผ่าพีรู องค์ชายโฮดง แล้วก็ราชทูตฝ่ายใต้ชูบัลโซด้วย" ชอยรีเล่า
"ซงอ๊กกูหัวหน้าเผ่าพีรูมา ท่าทางน่าจะมีเรื่องใหญ่นะ ในสาสน์คง แจ้งจุดประสงค์การมาด้วย"
"สู่ขอ เขาต้องการมา สู่ขอลาฮีให้กับโฮดง"
จา ชิลค้านทันที "ไม่ได้เด็ดขาด ลาฮีเป็นรัชทายาท ที่จะสืบบัลลังค์ของนังนังเพคะ จะให้เป็นเครื่องมือทางการเมืองไม่ได้ ไม่งั้นใคร จะมาสืบบัลลังค์ของพระองค์ล่ะ"
"จาชิล"
"หม่อมฉันก็ไม่เห็นด้วย ก่อนหน้านี้ หม่อมฉันได้สังเกตองค์ชายโฮดงแล้ว รู้สึกว่าเขาไม่มีทางให้ความสุขลาฮีได้" โมฮาซูกล่าว
"โกคูรยอกับนังนัง ต้องผูกไมตรีไปสักระยะ สิบกว่าปีที่โค่นล้มยูฮอน เราเสียทหารไปมากกว่า 2 หมื่น"
" หม่อมฉันทราบ ว่าชะตาองค์หญิงเป็นอย่างนี้ เพื่อจะปกป้องบ้านเมือง ต้องยอมเสียสละตัวเองและทุกอย่างให้ แต่ลาฮี เป็นเด็กที่ละเอียดอ่อนมาก เขาควรเจอกับผู้ชายที่อบอุ่น ที่สามารถคุ้มครองเขา ไปได้ตลอดชีวิต มันต้องมีวิธีอื่นสิ อย่าปล่อยให้ ลาฮีต้องเสียสละอย่างนี้เลย"
ชอยรีถามลาฮี "เจ้าก็ เกลียดโฮดงใช่มั้ย?"
ลาฮีนึกถึงองค์ชายโฮดงที่เคยว่าตัวเธอเองก็นิ่งไป
"ทำไมถึงไม่ตอบล่ะ เจ้าอายเหรอ? หรือว่าลาฮี จะชอบองค์ชายโฮดงหา?"
ลาฮีรีบปฏิเสธทันที "ไม่เพคะ ถึงตายก็ไม่ขอแต่งกับคนเลวนั่น ถ้าพ่อบังคับให้ลูกแต่งงาน ลูกจะโดดน้ำฆ่าตัวตายไปเลย"
โมฮาซูตกใจ "ลาฮีๆ"
จาชิลถอนใจ "เฮ้อ เป็นองค์หญิงดูพูดจาเข้า เฮ้อ จุ๊ๆๆ"
โกคูรยอ เวลาสามทุ่ม ฮาเดิ้กทูฃพระเจ้ามูยุล
"กราบทูลฝ่าบาท ดึกมากแล้วพะยะค่ะ"
"อย่างนั้นเหรอ?"
"วันนี้เป็น วันที่ต้องเสด็จตำหนักของพระมเหสีรอง"
"งั้นก็ไปเถอะ"
เวลานั้นซูจียอนก็ถามจากหมอเรื่องรอบเดือนของซงแมซอซู
"รอบเดือนพระมเหสีเอก หยุดแล้วจริง ๆ พะยะค่ะ" หมอตอบ
"จะเป็นไปได้ยังไง พระมเหสีเอกยังชันษาไม่มาก"
"ถ้าหากเป็นโรคซึมเศร้า ต่อให้ร่างกายแข็งแรง ก็อาจจะหยุดก่อนเวลาได้พะยะค่ะ"
พระเจ้ามูยุลนึกถึงซอแมซอซูจึงเสด็จไปหา
"เหล้านี่มันแรงเกินไป"
"เสด็จมา ตามสัญญาหรือเพคะ?" ซงแมซอซูทูลถาม
" แม่ของโฮดงเป็นผู้หญิง ที่ธรรมดามากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ได้สวยสง่าเหมือนกับเจ้า แล้วก็ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างเจ้า นางไม่เคย จะเอ่ยคำว่า พูยอต่อหน้าของข้าให้ได้ยินสักครั้งเดียว ข้าถึงหลับได้อย่างสบายใจอยู่ข้างกายนาง ข้าถึงไม่ต้องคอยตื่นก่อนเสียงไก่ขันเลย เจ้า จะทำให้ข้าได้หลับสบายอยู่ข้างกายเจ้าได้รึเปล่าหา? เจ้าจะยอมละทิ้งเผ่าพีรูไป เหมือนที่เขาทอดทิ้งเจ้าได้มั้ย?"
"เพคะ ฝ่าบาท"
"เจ้ายินดีจะเป็น แม่แท้ๆ ของโฮดงได้รึเปล่า?"
"เพคะฝ่าบาท"
"ดื่มสิ"
และรุ่งเช้าเมื่อพระเจ้ามูยุลเสด็จไปแล้ว ซงแมซอซูก็ร้องไห้ออกมา
ยังเดิ้กทูลถาม "จะทรง กันแสงทำไมล่ะเพคะ? วันนี้ทรงเอาชนะพระทัยฝ่าบาทได้ ควรดีพระทัยต่างหาก"
" ตอนนี้ข้าต้อง ใจแข็งเอาไว้ ถึงใจข้ายังมีความรู้สึกของผู้หญิง ข้าอาจจะซาบซึ้งไปกับฝ่าบาท แต่ข้าต้องทนไว้ เมื่อไหร่ข้าใจอ่อน ยังเดิ้ก เจ้าต้องคอยเตือนข้ารู้มั้ยหา?"
"ทำไม จะอยู่อย่างทรมานเพื่ออะไรเพคะ"
"เพราะข้าไม่ยอมให้ลูกชาย ต้องถูกโฮดงทำร้าย ไม่ถูกฝ่าบาททำร้าย ข้าต้องปกป้องลูกข้า เพราะข้าต้องการ ให้ลูกข้าเป็นกษัตริย์โกคูรยอ"
"ทำไม ต้องทำอย่างนั้นด้วยเพคะ"
"ข้าไม่ต้องการเป็นผู้หญิงของมูยุลแล้ว ข้าต้องการเป็นแม่ เป็นมารดาโกคูรยอ"
"พระมเหสี"
" นี่แหละ คือเหตุผลที่ข้ามีชีวิตอยู่ สายไปแล้ว มันสายไปแล้ว ข้าไม่ต้องการความรักอีกต่อไป มีแต่ความแค้น ที่จะทำให้ข้าอยู่ต่อไปได้ ข้าจะอยู่ เพื่อรอวันใช้มันผูกโลงศพโฮดง"
0000000000000
ที่คณะเฮเฮฮาฮา เด็กหลายคนอาเจียน
ชาชาเสียงดุ "พวกเจ้าจะโอกๆ อากๆ กันถึงเมื่อไหร่?"
"เฮ้อ ข้าอุตส่าห์ป้องกันพวกเจ้าเมา ยอมซื้อขิงแพงๆ มาให้พวกเจ้าอุดจมูกแล้ว อ๊อก" มีชูบ่นบ้าง
เมื่อคณะเฮเฮฮาฮามาถึงท่าเรือ จาชิลก็ได้รับรายงานจากชีโซ
"มาถึงท่าเรือกันแล้วเหรอ?"
"เพคะพระมเหสี นี่มัน อะไรเพคะ"
"นี่เป็นพิษของงู อย่าให้เหลือหลักฐานบนศพเด็ดขาด"
"ปกติเวลาโดนงูพิษกัด ตัวจะบวม แล้วก็จะค่อยค่อยคล้ำขึ้นเรื่อยๆ วางยาพิษยังไงไม่ให้เหลือหลักฐานเพคะ"
"ก็ใช้เข็มจิ้มพิษแทงเข้าไปที่คอ คิดวิธีเองไม่เป็นรึไง" จาชิลดุ
ชีโซเข้าใจ "อ๋อ"
" คิดดูว่าจะทำไงถึงจะหาจามองเจอ ถ้าครั้งนี้เจ้าทำไม่สำเร็จ ข้าจะเอาชีวิตเจ้ากับคน ที่เจ้าส่งไปทำงานแทนนั่น ข้าไม่เคยล้อเล่นจำเอาไว้"
"หม่อมฉันรับรอง ว่าจะไม่ให้พลาดอีกเพคะ"
เด็กๆ ที่คณะเฮเฮฮาฮาต่างพากันตื่นเต้นไปกับความสวยงามของรอบๆ เมือง จามองเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
"ว้าว สวยจังเลยๆ"
มีชูว่า "นี่ๆ บ้านหลังนี้น่ะ ได้ยินว่าเป็นตระกูลมั่งคั่งที่มีอำนาจรองจากกษัตริย์นังนังเท่านั้นนะ ตกแต่งจัดงานซะสวยเชียวเนอะ"
จามองว่า "คงจะมีของอร่อยเยอะแน่ๆ งานแต่งนี่นา"
ชา ชาดุ "เรื่องกินวันหลังค่อยไปกินให้เต็มที่เถอะ แต่เรื่องที่เรา ควรห่วงตอนนี้คือการแสดงวันพรุ่งนี้จะพลาดรึเปล่า โดยเฉพาะบุ๊กกู จริงมั้ย?"
เด็กๆ หลายคนหัวเราะ จามองรีบแก้
"ก็ข้าเมาเรือจนอ้วกไปหมด ตอนนี้ก็เลยหิวน่ะสิ"
"ท่านพา เด็กๆ ไปอาบน้ำก่อน"
"คือว่า ทำไมต้องอาบน้ำด้วยล่ะค่ะ" มีชูแปลกใจ
"อยากให้พระมเหสีกับองค์หญิงต้องทน ดมกลิ่นเหม็นของพวกเจ้าเหรอ?"
"พระมเหสีก็จะมาเหรอ?" มีชูตื่นเต้น
" เจ้าอยากรู้เรื่องนี้ไปทำไม รีบไปอาบน้ำเถอะ อย่าปล่อยให้เห็บเหาในตัวพวกเจ้า กระโดดไป ติดทั่ววังล่ะ" คนที่มารับเตือน เด็กหลายคนหัวเราะคิกคัก
ขณะที่ชีโซก็ได้แต่บ่นกับตัวเองว่า "รู้แล้วน่าๆ ข้าแค่เอาสบู่กับสมุนไพรไล่เหามา โอ้ยๆ เฮ้อ ทำยังไงดีนะ จะเรียกมาดูหน้าอกทีละคนก็ไม่ได้"
ทางด้านชอยรีก็ต้อนรับคณะขององค์ชายโฮดง
"ขอบพระทัยสำหรับของขวัญของพระเจ้ามูยุล ข้าก็เตรียมของขวัญ ให้พระเจ้ามูยุลเช่นกัน ขอให้ท่าน นำคำขอบคุณไปกราบทูลด้วย"
"เสด็จพ่อคงจะต้อง ดีพระทัยแน่พะยะค่ะ"
"อ้อ วันนี้เป็นวันแต่งงาน พระอนุชามเหสีข้า ไว้ข้าจะจัดเลี้ยงต้อนรับพวกท่านวันหลัง"
"กระหม่อมยังต้องตามเสด็จองค์ชาย ไปคารวะศพของแม่ทัพวังเก็ง และนำของขวัญแต่งงานไปมอบด้วย"
"ขอบคุณมาก คือข้า อยากคุยกับท่านหัวหน้าเผ่าส่วนตัวหน่อย"
"กับ กระหม่อมหรือพะยะค่ะ" อ๊กกูทูล
เวลาเดียวกันนี้ นางกำนัลก็พยายามเตือนลาฮีให้ทานอะไรบ้าง จนโมฮาซูมาเห็นเข้า
โมฮาซูถาม "เป็นอย่างนี้เมื่อไหร่"
"ตั้งแต่ 4 วันก่อนเพคะ"
"ทำไมเจ้าถึงไม่กินข้าว หือ?"
"ก็ท้องมัน ไม่ค่อยจะสบาย ไหนจะท้องเสีย แถมยังปวดท้องด้วย" ลาฮีแก้ตัว
"ไปเรียกหมอหลวงมา"
โคบีรับคำ "เพคะ"
จาชิลเสียงดังขึ้น "เขาไม่กินก็ไม่ต้องยุ่ง"
"แต่นี่มัน 4 วันแล้วนะ"
"เมื่อก่อนกินดีเกินไป ไม่กินไม่กี่วันไม่เป็นอะไรหรอกน่า"
"นี่อะไร ที่ติดอยู่บนหน้าน่ะ" โมฮาซูถาม
"เมื่อกี้ข้าเพิ่งกินสาหร่าย ไปติดได้ไงเนี่ย" ลาฮีตอบ
"นี่เจ้า หรือว่าเจ้า เตรียมรอเจอองค์ชายโฮดง?" โมฮาซูตกใจ
ลาฮีรีบปฏิเสธ "ไม่ใช่ ไม่ใช่สักหน่อย"
"คิดว่าแค่อดข้าวจะผอมได้เหรอ เสียสุขภาพเปล่าๆ" โมฮาซูเตือน
"อดข้าวมันทำให้ผอมได้ก็จริง แต่เจ้ากับโฮดงคู่กันไม่ได้ เด็ดขาด" จาชิลว่า
"บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำเพื่อโฮดง" ลาฮีเถียง
"ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ก็เลิกเสียเวลาสักที รีบเตรียมตัวไปงานแต่ง"
"ข้าไม่สน"
โมฮาซูกล่าวกับจาชิลว่า "น้องจาชิล ทำไมต้องทำให้ลาฮีอายด้วยล่ะ?"
"เพราะสามีของลาฮีต้องเป็นคนอื่น ไม่จำเป็นจะต้องให้เขาเพ้อฝันอีก"
"สามีของลาฮี ต้องเป็นคนอื่นเหรอ?"
"ลาฮี จะต้องแต่งงานกับวังโฮน้องของข้า"
"น้องจาชิล พูดอะไรน่ะ?"
" เขาปกครอง 7 อำเภอทางใต้ จะเป็นนายใหญ่ของจวนยองโฮต่อไป และต้องเป็นแม่ทัพใหญ่ของนังนัง หรือท่านคิดว่า วังโฮไม่คู่ควรกับลาฮีรึไง?"
"ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เขากำลังจะแต่งงานกับนายหญิงโมนะ"
" การแต่งงานนี้ ก็เป็นแค่ข้ออ้างเพื่อช่วยชีวิตโมยังเฮ จำเอาไว้ด้วยว่า วังโฮจะต้อง แต่งงานกับลาฮีและลาฮี จะต้องเป็นกษัตริย์หญิง" จาชิลยังต้องการเช่นนั้น
ชอยรีบหาโอกาสคุยกับอ๊กกูว่า
"ไม่ใช่ลงเรือลำเดียวกันตลอด ตราบใดที่ผลประโยชน์ ของท่านและนังนังไม่ได้ขัดแย้งกัน ขอให้ท่านช่วยถ่วงมูยุลไว้ก่อน"
"อืม แล้วท่านต้องการให้ เผ่าพีรูช่วยอะไรบ้างล่ะ?"
"ในเวลา 7 ปีนี้ อย่าให้กำลังทหารสนับสนุนพระเจ้ามูยุล"
"แล้วพระองค์ จะทำอะไรเพื่อเผ่าพีรูบ้างล่ะ?"
"ตราบที่มเหสีเอกบุตรสาวท่าน หรือมเหสีรองหลานสาวท่าน ยังไม่ได้ให้กำเนิดทายาทสืบสายเลือดพีรู ข้าจะช่วยท่านขัดขาโฮดงเอง"
อ๊ก กูหัวเราะชอบใจ "ฮ่าๆๆ ดีมาก ลูกเขยข้า ควรระวังท่านให้มากขึ้นแล้ว ฮะๆๆ ถ้าเมื่อไหร่ที่ข้ารู้สึกว่าท่านคิดร้ายโกคูรยอ ข้าก็จะ ล้มเลิกสัญญาแล้วถือดาบนำทัพมาบุกนังนังด้วยตัวเอง"
"เช่นเดียวกัน ถ้าข้ารู้สึกว่าท่านคิดร้ายกับนังนัง ข้าก็จะยื่นมือช่วยเหลือองค์ชายโฮดง"
องค์ชายโฮดงมีโอกาสได้พบกับลาฮีก็ทักทายทายด้วยดี
"องค์หญิง สบายดีรึเปล่าองค์หญิง องค์หญิงๆ"
"อย่าตามข้ามา อย่ามาเรียกข้าด้วย" ลาฮีเดินหนี
"หยุดก่อนสิ ข้าอยากจะขอโทษน่ะ"
"ไม่จำเป็น ไปให้พ้นเลย" ลาฮีล้มลง "โอ๊ยๆ โอ้ยเจ็บชะมัด เป็นเพราะเจ้านั่นแหละ"
"เจ็บมากมั้ย ให้ข้าดูสิ"
"ไปนะ โอ้ย"
"นี่ เป็นอะไรมั้ย?"
"ไม่ต้องยุ่ง ข้าแค่ไม่มีแรงน่ะ"
"องค์หญิงลาฮี หิวข้าวแล้วเหรอ?"
"ใช่แล้ว เป็นองค์หญิงหิวไม่เป็นรึไงหา?"
"ฮ่าๆๆ เจ้านี่ตลกดีจัง"
"ปล่อยข้านะ"
"เดี๋ยวก็เป็นลมหรอก หิวไม่ใช่เหรอ เจอนางกำนัลเมื่อไหร่ ข้าจะปล่อยเจ้าลงทันที อยู่เฉยๆน่า"
"ข้าหนักนะ"
"เบากว่าที่คิดหน่อย"
"นี่ วางข้าลงเดี๋ยวนี้"
"อย่าโวยวายได้รึเปล่า ตอนแรกว่าจะแบกอีกหน่อย เดี๋ยวนางกำนัลก็มาเพราะเสียงเจ้าหรอก"
"พูดจาเพ้อเจ้อ" ลาฮีเสียงดุ
"อย่าอดข้าวเลย" องค์ชายโฮดงเตือน
"เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ข้าจะหิวหรืออิ่มยุ่งอะไรด้วย"
"เพราะเจ้าจะมาเป็นมเหสีของข้า ถ้าหากเจ้าไม่สบาย ข้าคงจะเสียใจแย่แน่"
"ใครบอก ว่าจะแต่งงานกับเจ้าหา"
"เจ้า คงจะไม่รู้ว่า ตั้งแต่วันที่เจ้าเกิดก็ถูก กำนหนดเป็นของข้าแล้ว"
"ไม่ต้องพูดเลย"
000000000000000
จาชิลกล่าวกับยังเฮเรื่องของวังโฮว่า
"อย่าคิดเพ้อเจ้อ ว่าจะแย่งวังโฮไปได้เลยนะ"
"ทำไม ข้าจะมีวาสนาตอนแก่ได้สามีใหม่เป็นเด็กหนุ่ม ข้าแย่งวังโฮมาได้ แล้วเจ้าจะทำไมหา?" ยังเฮเย้ย
"ตื่นสักทีเถอะน้องสะใภ้"
"อะไรนะ น้องสะใภ้?"
จาชิลว่า "ภรรยาของน้องชายก็ต้องเรียกน้องสะใภ้สิคะ?"
ยังเฮโกรธ "นี่จาชิล"
" ผู้แพ้ก็ควรรับความพ่ายแพ้ พี่ชายของข้า แพ้ให้กับสามีของข้า ส่วนเจ้าก็แพ้ข้าทุกอย่างมันจบแล้ว หรือเจ้าคิดจะ ทำลายยองโฮที่พี่ชายทุ่มเทใจสร้างมา"
"จะให้ข้าใช้จบชีวิตตัวเองรึ"
"ไม่จำเป็นต้องตอนนี้หรอก วังโฮ จะเป็นสามีในอนาคตของลาฮี เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าต้องจัดการจบชีวิตตัวเอง"
"ข้าขอรับรองว่า ข้าจะทำให้ วังโฮฆ่าเจ้ากับมือ ก่อนจะถึงวันนั้น ข้าจะเก็บมันไว้อย่างดี"
" อยากรู้จังว่ามันจะสำเร็จรึเปล่า เจอกันคราวหน้าเตรียมต้อนรับให้เหมาะสมด้วย ข้า เป็นพระมเหสีแห่งนังนัง แถมส่วนตัวยังเป็นพี่สามีเจ้าด้วย"
"พระมเหสี หม่อมฉันโมยังเฮ ขอถวายพระพรเพคะ"
"น้องสะใภ้ ท่าทางของเจ้าดูขมขื่นจังเลยนะ ฮ่าๆๆ" จาชิลหัวเราะร่า
"ไม่หรอกเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันได้เป็นน้องสะใภ้ของพระองค์แล้ว ควรจะรู้สึกหวานชื่นถึงจะถูก ฮ่าๆๆๆๆๆ" ยังเฮหัวเราะดังกว่า
โมฮาซูได้พบกับจามองก็จำได้ นางเรียกจามองว่า
"เด็กน้อย"
"โอ๊ะ พระมเหสีเหรอ สวัสดีเพคะ พระมเหสี"
"บุ๊กกู เจ้าชื่อบุ๊กกูใช่มั้ยจ๊ะ?"
"เพคะ"
"ข้าได้ยินว่าเชิญคณะกายกรรมมาจากทงโม ยังคิดอยู่เลยว่าใช่พวกเจ้ารึเปล่า?"
" เป็นพวกหม่อมฉันเอง คิดอยู่ว่า จะได้มาเจอกับพระมเหสีด้วยรึเปล่า เลยเอาผ้าผูกผมที่ได้มามัดไว้ หม่อมฉันกลัวสกปรก ปกติเลยไม่กล้าเอามาผูก"
"สวยจังเลย แต่ว่า ข้าช่วยผูกให้เจ้าใหม่ได้นะ"
"จริงเหรอเพคะ"
ลาฮีเข้ามา "เสด็จแม่ โอ๊ะ"
โมฮาซูถามลาฮี "ยังจำเขาได้รึเปล่าจ้ะ?"
ลาฮีพยักหน้า "อืม"
"ดีแล้ว จำได้แล้วก็ขอโทษเขาซะนะ"
"เป็นองค์หญิงจะไป" ลาฮีจะไม่ยอม
โมฮาซูเสียงเข้มนิดๆ "ลาฮีจ้ะ"
จามองรีบบอก "ไม่ต้องหรอก พระมเหสี หม่อมฉันลืมไปหมดแล้ว ไม่เป็นไรหรอก"
ลา ฮียิ่งได้ใจ "งั้นก็ดี ข้าก็กำลังอารมณ์ดีอยู่ เสด็จแม่ให้พูด ข้าพูดก็ได้ เรื่องคราวก่อน ข้าขอโทษนะ เจ้า อยากเป็นนางกำนัลข้ามั้ย?" ลาฮีถามต่อ
จามองอึ้ง "ห๊า?"
"ไม่ต้องทำอะไรเสี่ยงอันตรายด้วย แถมเจ้ายังมีของกินดีดี มีเงินให้ใช้ มีชุดสวยๆ ด้วย"
"อยู่ในวัง กินจนอิ่มได้ด้วยใช่มั้ย"
โมฮาซูยิ้ม "อืม"
"ข้าอารมณ์ดี วันหน้าถ้าข้าตาย ข้าจะยกเว้น ให้เจ้าไม่ต้องฝังไปกับข้า อยากเป็นนางกำนัลมั้ย?"
"ถ้างั้น พี่ชายข้าเป็นนางกำนัลด้วยได้มั้ย ให้เราอยู่ด้วยกันได้มั้ย?" จามองต่อรอง
"เจ้ามีพี่ชายเหรอ? อ้อ คือว่า ในวังน่ะ นอกจากฝ่าบาทแล้ว จะไม่มีผู้ชายอยู่เลย"
"ห๊า จริงเหรอเพคะ?"
"อืม ผู้ชายที่อยู่ในวังเรียกว่าขันทีน่ะ ไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ หรอก" ลาฮีว่า
"หมายความว่าไงเหรอ?"
โมฮาซูดุ "ลาฮี"
"พวกเขา ต้องตัดไอ้นั่นทิ้งไป"
"ไม่ได้ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด จะมาตัดไอ้นั่นพี่ชายข้าได้ไง ข้าเล่นกายกรรมต่อดีกว่า เลิกพูดเรื่องนี้ไปได้เลย"
ลาฮีหัวเราะสนุก "ฮิๆๆ ตลกดีนะเสด็จแม่"
"นั่นสิ น่ารักดีนะ" โมฮาซูรู้สึกถูกชะตากับจามองอย่างมาก
เวลานั้นชีโซก็คุยกับคนรับใช้ที่ต้องดูแลคณะเฮเฮฮาฮา ซึ่งคนรับใช้บอกชีโซว่า
"หาเจอแล้วเหรอ ว่าเป็นเด็กคนไหน?"
"ข้าทำสัญลักษณ์ไว้บนชุดแล้ว พอจัดการเสร็จ ก็เอาห่อผ้าเด็กนั่นมาด้วย"
"เข้าใจแล้ว พอทำเสร็จงานแล้ว จะให้ข้าเป็นทหารองครักษ์ใช่มั้ย?"
"ให้สำเร็จก่อนเถอะ ไม่อย่างนั้นเจ้ากับข้า ต้องตายทั้งคู่แน่"
ชาชาจะให้จามองแสดงเป็นจอมพลัง แต่จามองค้านว่า
"ข้าจะแสดงเป็นจอมพลังได้ยังไง?"
"ชู่ว์ๆ ตามข้ามานี่"
"ข้าไม่แสดงหรอก หัวหน้าก็ไปแสดงเองสิ" จามองว่า
" ผู้ชายแสดงเป็นจอมพลัง มันไม่น่าสนใจเท่าไหร่ แค่ถ้าเอาเด็กผู้หญิงสวยๆ อย่างเจ้าไปแสดง ถึงจะดูน่าสนใจ ผู้ชมที่นี่ตาสูงจะตาย ข้าเลยคิดว่า เจ้าแหละเหมาะที่สุด"
"ข้าจะเอาแรงที่ไหนมา ดึงไอ้นี่ขาดล่ะ"
"แหม เจ้าทำได้อยู่แล้ว บุ๊กกู เจ้ายังไม่รู้อะไร เจ้าน่ะ เป็นจอมพลังที่ ฟ้าส่งมาเชียวนะ"
"จริงๆ อ่ะ"
"ถ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ลองดึงดูสิ เจ้าจะรู้สึกว่ามันเบามาก มา ถือไว้ เป็นไงบ้าง?"
"โอ๊ะ เบามากจริงๆ ด้วย"
" ก็บอกแล้วไง เจ้าน่ะเป็นหญิงจอมพลังที่แม้แต่ฌ้อป้าอ๋องยังอายเลยละ แต่ถึงเจ้าจะรู้สึกเบา แต่ต้อง ทำหน้าเหมือนเจ็บ ยืดแขนออก ยืดแขนให้ตึง ดึงออก สองข้าง ใช้กำลังทั้งหมด ดึงมันให้สุดแรงเกิด มันก็จะขาด เจ้าลองดู พั่ก"
"ข้าเคยเห็นท่านแสดงมาก่อนแล้ว มันก็พอรู้อยู่ แต่ว่ามัน ต้องฝึกสักระยะหนึ่ง ก่อนน่ะ ไว้แสดงคราวหน้าเถอะ"
" นี่ การแสดงไม่ใช่มาจากฝึกอย่างเดียว มันอยู่ที่พรสวรรค์ แล้วก็ต้องมีเคล็ดลับ เดี๋ยวข้าจะไปเอาโซ่มาเพิ่มอีกแล้วค่อยสอนเคล็ดลับให้ เจ้าฝึกไปก่อน โดยเฉพาะ ตรงกล้ามเนื้อตรงนี้ ตรงนี้ ต้องใช้มันให้มาก เข้าใจมั้ย ฝึกไปนะ"
"ฮึ่ย ฮึ่ยๆๆๆ อ๊าก" จามองฝึกต่ออีก
องค์ชายโฮดงได้เห็นจามองฝึกก็ชื่นชม แม้แทชูจะคอยเรียก
"องค์ชายพะยะค่ะ"
"ข้ารู้ กำลังดูอยู่ ว้าว เจ้าเก่งสุดยอดไปเลยนะ ข้าไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างเจ้ามาก่อน"
"ข้าน่ะเป็น จอมพลังที่สุดในโลก ยอดหญิงจอมพลังที่ กล้าเชือดเนื้อฌ้อป้าอ๋อง"
"อืม ถ้าเจ้าตั้งใจฝึกดีดี วันหน้าต้องเก่งมากแน่ นี่ เจ้าชื่ออะไรเหรอ?"
"บุ๊กกู"
"ชื่อบุ๊กกูเหรอ ข้าตามหาคนอย่างเจ้ามานานแล้ว"
"ทำไมล่ะ?"
"เจ้าเป็นผู้หญิงอาจดูไม่ค่อยเหมาะ แต่ เจ้าอยากไปโกคูรยอกับข้ามั้ย มาเป็นทหารองครักษ์ข้า"
"ปล่อยข้านะ ปล่อยสิ"
แทชูดุ "ต่อหน้าองค์ชาย ห้ามเสียมารยาทนะ"
"เป็นองค์ชายเหรอ นายน้อยคนนี้เนี่ยนะ"
องค์ชายโฮดงถึงกับขำออกมาเมื่ออยู่กับแทชูตามลำพัง
แทชูถาม "เป็นอะไรพะยะค่ะ?"
"รู้สึกขำ เรื่องตลกในนังนังนี่มีเยอะจริงๆ นะ วังโฮที่แต่งงานกับพี่สะใภ้ก็ตลกดี"
"แต่งกับพี่สะใภ้ที่โกคูรยอก็มี"
" แล้วก็มีองค์หญิงที่ไม่เหมือนองค์หญิง หิวจนท้องร้องไม่หยุดอีก แต่ที่น่าสนใจ ก็คือ ยอดหญิงที่กล้าเชือดฌ้อป้าอ๋องอย่างบุ๊กกู ข้าจะพาไปกุ๊กแนทำไมนางไม่ไปล่ะ?"
"นางบอกแล้วว่า จะไม่ยอมให้พี่ชายถูกตอนน่ะ" แทชูว่า องค์ชายโฮดงถึงกับขำไม่หยุด
จบตอนที่ 13
จามอง 14
โฮคกฝากปิ่นให้ยูรีนำมาคืนจามอง พร้อมฝากบอกว่า
"บอกว่าถ้าหายโกรธแล้ว ก็ให้เก็บมันเอาไว้ บอกเขาว่า คนเราไม่ควรทิ้งรากเหง้าตัวเองไป"
และ เหตุการณ์นี้ทำให้ยูรีถูกฆ่าตาย ขณะที่กำลังจะมอบปิ่นให้จามอง ทำให้จามองเห็นว่าใครทำร้ายยูรี และรู้สึกผิดที่ยูรีต้องมาตายแทนตัวเธอ
ด้านจาชิลก็ถามชีโซว่า
"ครั้งนี้ไม่พลาดแล้วใช่มั้ย?"
"เพคะ พระมเหสี"
จาชิลดวงตาเป็นประกาย "ในที่สุดเจ้าก็กลับมาหาข้าจนได้ ขอโทษนะ โมฮาซู"
มีชูตกใจมากที่ยูรีตาย นางร้องไห้ออกมา
ชาชามอง "เจ้ายังไม่เงียบอีก ถ้าใครรู้เข้า ว่าวันมงคลเกิดเรื่องอย่างนี้ ไม่ใช่แค่จะไม่ได้เงิน อาชีพนี้ อาจทำต่อไปไม่ได้ก็ได้"
"ฮือ เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ฮือๆ ทำไม ทำไมถึงเป็นอย่างนี้"
"เจ้าก็เคยเห็นเด็กตายมาเยอะแล้ว"
มีชูสงสารยูรี "โธ่ ยูรี"
"ต้องรีบเอาเขาไป ฝังที่ภูเขาก่อนสว่าง"
จามองเอ่ยว่า "ข้ารู้ด้วย ข้าเห็นด้วยว่า ว่าใครฆ่าพี่ยูรี"
"บุ๊กกู เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ? ห๊ะ?" มีชูดุ
"พี่ยูรี เหมือนต้องมาตายเพราะข้า คิดยังไงข้าก็รู้สึกอย่างนั้น"
ชาชาว่า "อย่าเอาความฝันมาเป็นเรื่องจริงนะ"
"พี่ยูรีก็บอกเอง เขาบอกว่าเพราะข้า พี่ชาย ฮือๆๆๆ" จามองร้องไห้กับอิลพูม
จากนั้นจามองก็ฝึกวิชากับโฮคกอย่างเอาจริงเอาจัง
"จะฝึกดาบกับข้าเหรอ?"
"ใช่ ทั้งดาบ ทั้งหอก ยิงธนู สอนข้าให้หมดเลย"
โฮคกหัวเราะร่า "ฮ่าๆๆ ข้าจะสอนวิธีคุมกองทัพให้เจ้าด้วย เจ้ามีคนที่โกรธแค้นมั้ย มีคนอยากฆ่ามั้ย?"
"ข้าไม่ได้อยากฆ่า แต่อยากเรียนเพราะกลัวถูกฆ่า"
" ฮ่าๆๆ ดีมาก งั้นก็กราบข้า 3 ครั้ง ตั้งแต่นี้ไปบุ๊กกูเป็นศิษย์ของข้า ลูกศิษย์ห้ามทรยศอาจารย์ ถ้าทรยศอาจารย์ เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยความตาย"
"ค่ะ ท่านอาจารย์ ย่าห์ๆๆ"
คศ 35 ( 5 ปีต่อมา) จามองสำเร็จวิชาจากโฮคก
"เป็นไง ใช้ได้รึยัง?" จามองหยุดการต่อสู้แล้วถามโฮคก
"ยังไปนังนังไม่ได้" โฮคกว่า
"ก็ไหนบอกว่าผ่านการทดสอบแล้วไปได้ไงล่ะ รั้งไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะข้าตัดสินใจไปแล้ว"
"กระบี่เจ้าไม่ใช่ของจริง"
"ท่านอาจารย์"
"กระบี่ที่ไม่เคยเปื้อนเลือด จะเรียกว่ากระบี่เหรอ มันก็เป็นแค่ของเล่นแหละ อย่าเพิ่งทะนงตัวกับ วิชาแมวสามขา ฮ่าๆๆ ๆๆๆ ๆๆๆๆ ๆๆๆๆ"
จามองกับอิลพูมเดินมาที่แม่น้ำ จามองถามอิลพูมว่า
"สายน้ำนี่ จะไหลไปนังนังใช่มั้ย"
"ส่งให้ยูรีเหรอ?"
"ตอนนั้นไม่มีดอกไม้ให้ ได้แต่หนีตายอย่างเดียว"
"ทุกอย่างบนโลกมีชะตาของมัน ลืมมันซะเถอะ"
" ลืมแล้วไง รู้สึกดีเหรอ ไม่หรอก ไม่มีทางหรอก ก็แค่เสแสร้ง ถึงไม่เคยเรียนหนังสือพูดสวยๆ ไม่เป็น แต่เอาผ้าห่ออุจจาระ กลิ่นก็จะหายไปเหรอ ถึงกลิ่นจะเหม็นคลุ้งแล้วยังไง เราอาจ หลงลืมอะไรในชีวิตไปมากมาย แต่เราควรทำอะไร แล้วควรลืมอะไรไปบ้าง?"
"นั่นสิ เราควรจำอะไรบ้าง?"
"คิดอะไรอยู่น่ะ พี่ยูรีเหรอ?"
"ไม่มีอะไรหรอก"
"พี่อยากจะจำอะไรไว้บ้างล่ะ?"
"ช่วงเวลาที่อยู่กับเจ้าสำคัญมากสำหรับพี่"
"เหมือนกัน แล้วที่อยากลืมล่ะ?"
อิลพูมว่า "เรื่องที่ทำให้บุ๊กกูรู้สึกเจ็บปวดไง"
"เหมือนกัน"
000000000000
ชาชากับมีชูรู้เรื่องที่จามองจะไปนังนังก็ปรึกษากันว่า
"ไอ้การที่ จะรั้งคนที่มีขาคงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ"
มีชูถอนใจ "เฮ้อ นั่นน่ะสิ ฮ่องเต้อยากได้สนมแต่นางไม่ยอมจะทำอะไรได้ ต้นข้าวที่ถูกลมพัดปักที่เดิมมันก็งอกขึ้นมาใหม่"
"แฮ่ม นี่ เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเมื่อกี้"
"ทำไม ข้ารู้สึกว่าเหมือนนี่"
"เฮ้อ ถึงยังไง ความสามารถของบุ๊กกู ก็คงพอจะคุ้มครองตัวเองได้บ้างน่า"
โฮคกว่า "ข้าก็บอกไปแล้วไง กระบี่ของเล่นนั่น บุ๊กกูไปนังนังต้องตายแน่นอน"
" เราก็เลยต้องหาวิธีไงล่ะ ถ้าบุ๊กกูไปเฮ็งแจต้องไปด้วยแน่ คราวนี้คณะเราก็ต้องตกงานกันละ พวกข้าก็ไม่อยากให้นางไปเหมือนกัน" มีชูว่าอย่างหนักใจ
จามองกล่าวกับอิลพูมว่า
"ไอ้คนที่ฆ่าพี่ยูรีน่ะ อย่างน้อยก็ต้องลากไป ขอขมาต่อหน้าหลุมศพ ที่ด้านหลังเขายูกูฮอน"
"ยูรีตายไปจนป่านนี้ คงเหลือแต่กระดูกแล้ว" อิลพูมว่า
"ข้าอยากถามว่าใครบงการ ใครสั่งให้เขาทำ จะใช่พ่อแม่เรารึเปล่า พี่ไม่อยากรู้รึไง?"
"ข้าไม่อยากรู้"
"พี่โกหก"
"ตอนที่ออกจากนังนังมา ข้าก็ลืมพวกเขาไปจนหมดแล้ว และไม่อยากนึกถึงอีก ทางที่ดีเจ้าก็ลืมไปซะ"
"คนที่เกือบต้องตายไม่ใช่พี่นี่"
อิลพูมอึ้ง "บุ๊กกู"
" คนที่ถูกปิ่นแทงอกก็เป็นข้านี่ คนที่เกือบตายเหมือนยูรีก็เป็นข้า พี่ทำได้ แต่ข้าไม่ใช่ ข้าต้องหาเขาให้เจอ แล้วไปยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา ข้าเป็น ลูกสาวท่านที่ถูกปิ่นปักอกคนนั้น ข้าคือบุ๊กกูที่พวกท่านอยากฆ่า ถึงข้าจะไม่รู้ชื่อตัวเอง แต่ข้าก็เป็นลูกสาวของพวกท่าน"
อิลพูมถาม "ทำแล้วจะมีอะไรดีขึ้นเหรอ?"
"ข้า ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตาย ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ฮาๆ แล้วก็ยิ้ม อย่างนี้ให้พวกเขาดู แล้วค่อยลืมเขาไปให้หมด"
เวลาเดียวกันนี้ ชาชากับมีชูก็ถามโฮคกว่า
"ท่านน่ะ รู้ใช่มั้ยว่าพ่อแม่ของบุ๊กกู เป็นใครกันน่ะ?"
"แล้วคนเลวนั่น พวกมันเป็นใครกันแน่หา?"
"ครั้งแรกที่ข้าได้เจอท่าน ท่านบอกว่าเป็นนักโทษที่ทำชาติล่มสลาย เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับบุ๊กกูด้วย"
โฮคกเสียงดังขึ้น "เจ้าหยุดแหกปากพล่ามเดี๋ยวนี้นะ ชาวบ้านอย่างเจ้ารู้เหรอว่าทำชาติล่มสลายมันผิดมหันต์แค่ไหน"
"โอ๊ย ตกใจหมด ท่านเสียงดังไปทำไม ตกใจหมด"
"ข้าก็เป็นแค่ลูกหมูตัวหนึ่ง บุ๊กกูก็คือบุ๊กกู พวกเจ้าน่ะ แค่รั้งนางไม่ให้นางไปก็พอ"
ชาชาดุกลับ "เจ้าลูกหมู"
โฮคกกลับไปคุยกับยูลุง พอยูลุงรู้เรื่องก็กล่าวกับโฮคกว่า
" เจ้าเด็กที่ ชื่อบุ๊กกูหรือจามองอะไรนั่น ปล่อยให้นางกลับไปนังนังก็ได้ ให้นางกลับไปแย่งบัลลังค์กับองค์หญิงลาฮี นาง 2 คนจะได้ฆ่ากันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง"
"ความแค้นของท่านอ๋องยูฮอน จะสะสางด้วยวิธีนี้อย่างนั้นเหรอ?"
"หึๆๆ หรือว่าเจ้ายังมีแผนเด็ดกว่านั้น"
" ก็ให้ จามองสังหารองค์หญิง ของนังนังด้วยกระบี่ของนางเอง ข้าต้องการให้ชอยรี มันได้ลิ้มรสกับ ความเจ็บปวดที่ จะต้องสูญเสียสายเลือดของตัวเองไป จากนั้นก็ทำให้มัน ต้องกระอักเลือดและตาย ด้วยกระบี่ของจามอง"
"ถ้าลูกสาวชอยรี ยังยืนยันจะไปนังนังอยู่ล่ะ?"
" ตอนนี้เจ้าเด็กคนนั้น ยังไม่มีความสามารถจะเข้าไปในวังได้ ชอยรีมันแค่ เปลี่ยนชื่อวังของท่านอ๋อง มาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นตำหนักโบยางเท่านั้น ข้าก็แค่สอนวิธีเข้าออกวังให้จามอง"
ยูลุงฟังแผนการแล้วหัวเราะชอบใจ "หึๆๆฮ่าๆๆ"
ด้านมีชูก็บ่นกับชาชาถึงโฮคกว่า
"ทำไมข้าเห็นตาขาเป๋นั่นทีไร ก็รู้สึกไม่สบายใจทุกที"
"ข้าก็เหมือนกัน แค่เห็นครั้งแรกก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีแล้ว ท่าทางเขา จะรู้ว่าพวกเจ้าเป็นใครแล้วก็มาจากไหน?"
"ข้าก็รู้สึกเหมือนเคยเห็นเขามาก่อน แต่บุ๊กกูเชื่อฟังเขามาก ถึงลูกศิษย์จะไม่ควร สงสัยในตัวอาจารย์ แต่ข้าควรไปสืบหน่อย"
"นั่นสิ ไม่ว่าเป็นทางรอดหรือทางตาย หรือทางที่เหยียบย่างจะเป็นน้ำแข็งเปราะบาง ก็ต้องเดินไปด้วยตัวเองถึงจะรู้"
จามองลองปักผ้า จนโดนเข็มแทง มีชูเห็นก็บ่น
"นี่บุ๊กกู โถ เจ้าคิดว่าของแหลม ๆ เป็นเหมือนกระบี่หมดรึไง เจ้าเนี่ยนะเย็บผ้าเป็น แม่คนนี้มีอะไรใหม่อีกแล้ว"
ชาชาถาม "เจ้าไม่รู้หนังสือแล้วปักอะไรหา?"
"แค่ลองปักดู ปักตัวบูดๆ เบี้ยวๆ ตอนนั้น"
"ดูสิ เอ๊ะ นี่มัน คำที่อยู่บนเสื้อเจ้าตอนเด็กๆ นี่"
"ได้ยินว่าหมายความว่าโชคดี อาจารย์เป็นคนบอกข้าน่ะ"
"จะทำให้ตาเป๋นั่นน่ะเหรอ?"
"ใช่"
"เจ้า ไปแน่ใช่มั้ย? นังนังน่ะ เราห้ามก็จะไปเหรอ?"
"ข้าต้องไปน่ะ" จามองยืนยัน ทำเอามีชูกับชาชาได้แต่ถอนใจ
และในเวลาดึก ชาชากับมีชูก็เข้ามาคุยกับจามองอีกครั้ง
"ดึกป่านนี้มีอะไรเหรอ?"
"ก่อนเจ้าจะไปนังนัง ข้ามีเรื่องอยากบอกเจ้า"
"ไอ้ที่มันปักอกเจ้าตอนเด็ก มันไม่ใช่แหนบไม่ใช่ตะเกียบ แต่เป็นปิ่นทองนะ พวกข้ากลัวว่าคนที่คิดฆ่าเจ้าอาจเป็นคนมีอำนาจ"
" ความสามารถที่เจ้ามี ก็แค่ใช้กระบี่เป็น มีวิชาตัวเบาก็อาจจะโดดสูงกว่าคนอื่นหน่อย ตัวต่อตัวเจ้าอาจสู้ได้ แต่ถ้าคนเป็นร้อยเป็นพันรุมมาล่ะ?"
"ข้าก็เอาชนะได้"
ชาชาดุ "ไม่ต้องอวดเลย"
มี ชูสอน "โธ่ เวลาคับขันจะต้องรู้จักหนีเป็น ตอนนี้ข้า กับชาชาซุงจะสอนวิธีหนีให้เอง สอนวิชาวิ่งหนี วิธีซ่อนตัว วิชาเปลี่ยนหน้า จะสอนให้เจ้าหมดเลย"
จามองตื่นเต้น "จริงๆ เหรอ?"
"เหวอ ๆ ขนลุกชะมัดเลย"
"เวลาหัวหน้าหอมแก้มไม่เห็นว่าอะไรเลย ไม่ชอบผู้หญิงเหรอ?"
"จะบ้าเหรอยัยเด็กนี่ ข้าไม่หมกมุ่นเรื่องแบบนั้นหรอก"
ว่าแล้วชาชากับมีชูก็เริ่มสอนวิชาเอาตัวรอดต่างๆ กับจามอง
เวลาเดียวกันที่แคว้นนังนัง วังโฮกำลังสอนองค์หญิงลาฮีว่า
"องค์หญิงแห่งนังนัง ไม่ใช่องค์หญิงธรรมดา จะต้องนำทัพออกศึกได้ ดังนั้นจะต้อง เอาชนะเหล่าแม่ทัพให้ได้ด้วย"
"งั้นเริ่มจากแม่ทัพวังโฮคนแรก"
"ผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ถ้าเทียบกำลังกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่สู้ไม่ได้ ดังนั้นอย่าประมาท"
"สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องหาจุดตาย แล้วมุ่งจู่โจมที่จุดนั้น"
"ข้าพร้อมแล้วท่านน้า"
ทางด้านโกคูรยอ ซงแมซอซูก็ถามยังเดิ้กว่า
"ให้คนไปบอกกับท่านพ่อรึยัง"
"บอกแล้วเพคะ"
"ถ้ารอจนฝ่าบาทดูออก ก็คงปิดไม่อยู่แล้ว"
"ไม่ต้องกังวลเพคะ อย่างช้าก็ 4 วัน ท่านพ่อของพระองค์ จะต้องมารับพระมเหสีแน่"
ทันใดนั้นก็มีเสียงซูจียอนด่าว่าไล่พวกนางกำนัลที่จำตัวนางไว้
"นังขี้ข้าบังอาจนัก พวกเจ้ากล้ามาขวางข้ารึ?"
"อย่าเข้าไปเลย พระมเหสีรอง"
"หลีกไปซะ"
"พระมเหสี ยังทรงประชวรอยู่ พระมเหสีรอง ได้โปรด กลับไปเถอะเพคะ"
"มือคู่นี้ของเจ้าน่ะ ไม่ต้องการแล้วใช่มั้ย?"
ยังเดิ้กออกมาก็เสียงดุ "ทำไมมาทีต้องจะโวยวายด้วย"
"ยังเดิ้กเจ้าไม่ชอบหน้าข้าตั้งแต่อยู่เผ่าพีรู ลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นพระมเหสีน่ะ" ซูจียอนต่อว่า
ซงแมซอซูออกมา "เจ้ามาทำไมหา?"
"ได้ยินมานานว่าพี่ประชวรอยู่ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเยี่ยม ข้าเลยตั้งใจว่าวันนี้ต้องเยี่ยมให้ได้"
"ขอบใจนะ นั่งสิ"
"ได้ยินว่าท่านป่วยนึกไม่ถึงจะอ้วนขึ้นด้วย"
"เวลาอายุมากขึ้นมันก็ อ้วนง่ายน่ะ" ซงแมซอซูแก้ตัว
ซูจียอนสั่งคนของนาง "ยกมาให้พระมเหสีสิ"
"เพคะพระมเหสี"
" ได้ยินว่าที่ห้องเครื่องเพิ่งนำเนื้อสดใหม่มา นี่เป็นตับสดที่นำไปย่างซีอิ๊วเครื่องเทศ มีประโยชน์กับผู้หญิงหมดประจำเดือน เสวยสิเพคะ"
"เอาไว้ทีหลังเถอะ"
"ถือซะว่าเป็นน้ำใจจากน้อง เสวยสักคำสิเพคะ"
ซงแมซอซูได้กลิ่นก็อาเจียน "พระมเหสี กระเพาะไม่ค่อยจะดีอยู่ เป็นอะไรมั้ยเพคะ พระมเหสี อดทนหน่อยนะเพคะ"
ซูจียอนหัวเราะร่าทันทีและออกไป "ฮ่าๆๆๆๆๆ"
ยังเดิ้กถาม "จะไปไหนเพคะ"
"นี่เป็นข่าวดีของโกคูรยอนี่ พระมเหสีที่หมดรอบเดือนแต่กลับตั้งครรภ์ได้ ข้าก็ต้องไปทูลฝ่าบาทสิ"
"ซูจียอน ความอิจฉาสิ่งที่โง่เขลา ทำลายข้า เท่ากับทำลายเจ้า สุดท้ายเจ้ากับข้าจะตายหมด"
"อิจฉาอะไรกัน หม่อมฉันมีความสุขจนจะร้องไห้แล้ว"
" ซูจียอน เจ้าเป็นน้องสาวที่ข้าเอ็นดูมาตั้งแต่เด็ก เราต่างก็มีสายเลือดของเผ่าพีรูนะ ผู้ชายเชื่อใจไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะตัณหาหรือว่าความรัก ที่เชื่อใจได้ มีแค่ครอบครัวเท่านั้น"
"ในเมื่อทรงกลัวถึงขนาดนี้ ยังจะวางแผนหลอกฝ่าบาทอยู่ได้"
"เจ้า ถ้าเจ้ากล้าก้าวออกนี้ไป ระวังจะตายด้วยมือข้า"
"พระมเหสีรอง"
"นังไพร่ รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้"
ยังเดิ้กกล่าวว่า "ให้อภัยหม่อมฉันด้วย รอให้พระมเหสี ประสูติพระโอรสปลอดภัยแล้ว หม่อมฉัน จะกลับมารับโทษเองเพคะ"
ที่ท้องพระโรง พระเจ้ามูยุลตรัสกับเหล่าขุนนางว่า
"นี่มันก็ 5 ปีแล้ว โฮดงอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ชอยรีจะปล่อยให้ลูกข้าแก่ตายก่อนรึไงหา? ลูกสาวเขาวิเศษสักแค่ไหนเชียวหา?"
อูนาลูทูลว่า "หรือว่าเราจะล้มเลิกการอภิเษกนี้?"
"ไหนลองเอา หนังสือที่ชอยรีเคยเขียนให้ซงอ๊กกูมาสิ"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
"ลองอ่านอีกทีสิ ข้าจะลองวิเคราะห์ ท่าทีของชอยรีเพื่ออ่านแผนการของเขาดู"
บัล โซอ่าน "พะยะค่ะฝ่าบาท พระเจ้าแทมูชิน ขอบพระทัยสำหรับการสู่ขอครั้งนี้ แต่บัดนี้บุตรสาวข้ายังเยาว์นัก เมื่อนางเจริญวัยเป็นผู้ใหญ่ แล้วข้าจะให้คำตอบอีกครั้ง โกคูรยอ กับนังนังเป็นลูกหลานเทพทันกุน เป็นเมืองพี่เมืองน้อง เป็นเพื่อนบ้านที่ต่าง มีชายแดนติดต่อกัน นังนังย่อมยินดี เป็นไมตรีกับโกคูรยอ และพร้อมที่จะร่วม ตกลงลงนามกันใน สนธิสัญญาไม่รุกราน และถ้าจำเป็นต้องทำสงครามกัน จะต้องหลีกเลี่ยงฤดูเพาะปลูก รวมไปถึงหลีกเลี่ยงในฤดูเก็บเกี่ยวด้วย การจะรุกรานนังนังนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ชาวนังนังต้องอดอยาก แต่โกคูรยอก็เป็นเช่นเดียวกัน นังนังยินดีแลกเปลี่ยน ทำการค้าขายกับโกคูรยอ โดยนำเข้าเหล็ก ทองม้าพันธ์ดีจากโกคูรยอ เพื่อแลกกับข้าว ข้าวสาลี และเกลือ ไขปลาวาฬจากนังนัง เนื้อหาในจดหมายมีเท่านี้พะยะค่ะ"
อึลดูจีกล่าวว่า "ฤดูหนาวปีที่แล้ว หลังจากนังนังมีหิมะตกหนัก ไม่นานก็มีข่าวเก็บเกี่ยวน้อยลง เลยส่งคนมาแจ้งว่า การแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะได้แค่ครึ่งเดียวของปีที่แล้วพะยะค่ะ"
พระเจ้า มูยุลตรัสว่า "เจ้าเล่ห์เหลือเกินนะ ชอยรีน่ะรู้ดีว่า ถ้าจะคุมคนอื่นไว้ ไม่ควรให้มากเกินไป และไม่ควรให้น้อยเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ค่อยๆ ลดปริมาณอย่างเหมาะสม อีกฝ่ายถึงจะ ว่าอะไรไม่ได้ เขาเข้าใจนิสัยของคนอย่างดีทีเดียว"
ฮาเดิ้กเข้ามาทูลพระเจ้ามูยุลว่า "พระมเหสีรองบาดเจ็บพะยะค่ะ"
"มเหสีรองเหรอ?"
พอพระเจ้ามูยุลไปหา ซูจียอนก็บอกเรื่องซงแมซอซูตั้งครรภ์
"เจ้าว่าอะไรนะ?"
"พระมเหสีเอกได้ทรงครรภ์แล้วเพคะ ยินดีด้วยเพคะฝ่าบาท"
แล้วพระเจ้ามูยุลก็ทรงทราบถึงการหายตัวไปของซงแมซอซู ทรงรีบสั่งการ
"จับตัวซงแมซอลซูมาให้ได้"
"ฝ่าบาท นางเป็นพระมเหสีนะพะยะค่ะ"
" นางไม่ใช่พระมเหสีแล้ว นางหลอกลวงข้า ถือเป็นนักโทษที่คิดจะแบ่งแยกโกคูรยอ จับนางมาให้ได้ก่อนจะกลับถึงเผ่าพีรู ข้าจะตัดหัวนางด้วยตัวของข้าเอง"
"น้อมรับราชโองการพะย่ะค่ะ"
000000000000000
ทางด้านอ๊กกูพอรู้เรื่องซงแมซอซูตั้งครรภ์ก็ดีใจมาก
"หืม? ในที่สุด ข้าก็จะมีหลานแล้วเหรอ? โกคูรยอ ในที่สุดก็มีองค์ชายที่สืบสายเลือดของข้าจนได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ พระมเหสีเอก ขอบพระทัยจริงๆ"
"ใต้เท้าขอรับ"
"มีเรื่องอะไร?"
"เกิดเรื่องแล้วขอรับ ฝ่าบาทรับสั่ง ว่าจะประหาร พระมเหสีด้วยพระองค์เอง"
"เรียกกำลังทหาร ข้าจะไปรับพระมเหสีด้วยตัวข้าเอง"
แม้แต่พระเจ้าชอยรีก็ทรงทราบเรื่องซงแมซอซูตั้งครรภ์
"มเหสีเอกของมูยุล ได้ตั้งครรภ์แล้ว"
บูทัลทูลว่า "จากข่าวที่สายลับเราส่งมา บอกว่ามูยุลใช้ทหาร ตามฆ่าพระมเหสีทีเดียว โหดเหี้ยมมาก"
"ฆ่าเมียที่อุ้มท้องลูกตัวเองได้ไง?"
" ช่างสมกับนามพระเจ้าแทมูชิน ถ้าคนทั่วไปโกรธอาจจะพังบ้านจนพัง แต่เจ้าแผ่นดินกริ้วย่อมจะนองเลือด ครั้งนี้โกคูรยออาจเกิดการนองเลือดเข้าแล้ว"
โทชัลทูลว่า "ควรจะปฏิเสธคำสู่ขอ ขององค์ชายโฮดงรึยังพะยะค่ะ?"
"นังนังของเรา ต้องสนับสนุนโฮดง"
"ฝ่าบาท ตอนนี้ยังทำนาย อนาคตองค์ชายโฮดงไม่ได้"
" รินเหล้ามาสิ ตั้งแต่นี้ไป ให้ตัดความสัมพันธ์กับเผ่าพีรู นับจากนี้นังนังจะ ให้การสนับสนุนโฮดง เราจะสนับสนุนองค์ชายโฮดงชิงอำนาจ กับน้องชาย"
"ถ้ากระหม่อมอยู่โกคูรยอ กระหม่อมคงอยากคุ้มครองพระมเหสีกลับไปเผ่าพีรู" วังโฮทูล
"พระมเหสีของมูยุล จะต้องได้โอรสแน่ หึๆๆ ฮ่าๆๆ ๆๆๆๆ" ชอยรีหัวเราะชอบใจ
พระเจ้ามูยุลทรงนึกถึงคำพูดของพระองค์กับซงแมซอซูว่า
"เจ้า จะทำให้ข้าได้หลับสบายอยู่ข้างกายเจ้าได้รึเปล่าหา? เจ้าจะยอมละทิ้งเผ่าพีรูไป เหมือนที่เขาทอดทิ้งเจ้าได้มั้ย?"
"เพคะ ฝ่าบาท"
"เจ้ายินดีจะเป็น แม่แท้ ๆ ของโฮดงได้รึเปล่า?"
"เพคะฝ่าบาท"
"ข้าแค่ต้องการอยู่เป็นเพื่อนเจ้า จนแก่ตายไปด้วยกัน"
จนรู้สึกพระองค์เมื่อฮาเดิ้กทูลว่า "ฝ่าบาท พระมเหสีอาจจะ ประสูติพระธิดาก็ได้พะยะค่ะ"
"ใครจะรับรองได้เล่า?"
"แต่ฝ่าบาทจะถูกด่า ว่าฆ่ามเหสีขององค์เองนะพะยะค่ะ ฝ่าบาท ทรงตรองด้วยเถิด"
"ตั้งแต่นี้ไปซงแมซอลซูไม่ใช่มเหสีของข้า นางเป็นแค่หญิงเผ่าพีรูคนหนึ่งเท่านั้น นางเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุด"
ที่โกคูรยอแทชูรีบเข้ามาหาองค์ชายโฮดงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
"มีเรื่องอะไร ตื่นตกใจมาเชียว"
"ได้ยินมาว่าพระมเหสีเอก ทรงตั้งครรภ์แล้วพะยะค่ะ"
"อย่าล้อเล่นน่า นางแก่อย่างนั้นแล้วจะตั้งท้องได้ยังไงกัน?"
"จริงพะยะค่ะ องค์หญิงยอรังให้กระหม่อมมาแจ้งข่าว"
"แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?"
"หนีไปแล้วพะยะค่ะ ตอนนี้ฝ่าบาทก็ทรงกริ้วมาก และส่งคนตามไปแล้ว"
องค์ชายโฮดงไปเฝ้าพระเจ้าจูมง เมื่อนึกถึงคำพูดระหว่างตัวเองกับซงแมซอซูที่ห้ำหั่นกัน พอดีพระเจ้ามูยุลก็เสด็จมาเช่นกัน
"เจ้ามาเพื่อขออะไรกับเสด็จปู่รึ?" พระเจ้ามูยุลตรัสถาม
"หม่อมฉัน ก็แค่มานึกถึงเรื่องในดีต"
" ตอนนี้ข้า อยากดูว่าฝีมือกระบี่ของเจ้าฝึกไปถึงขั้นไหนแล้ว ไปจับซงแมซอลซู กลับมาให้ข้า ถ้าจับเป็นยากก็จับตายกลับเลยก็ได้ อย่าให้นางมีชีวิตรอดพ้นแม่น้ำมาจาได้"
องค์ชายโฮดงตกตะลึง "เสด็จพ่อ"
"ทำไม เจ้าเองก็คิดเหมือนข้าไม่ใช่เหรอ?"
"หม่อมฉันไม่ชอบพระมเหสีก็จริง แต่หม่อมฉัน ก็ยังเรียกว่าเสด็จแม่ แล้วจะให้ลูก"
"ข้าได้สอนกระบี่โหดเหี้ยมให้เจ้าแล้วไม่ใช่รึ? เจ้าเองก็ ตั้งใจแล้วว่าเจ้าจะฝึกวิชากระบี่ ที่ฆ่าญาติตัวเองได้นี่"
"โปรดถอนรับสั่งพะยะค่ะ"
"ทำไม เจ้ากลัวรึไง?"
"หม่อมฉันเข้าใจดีว่า เสด็จพ่อ อยากช่วยหม่อมฉันอีกแรง ถึงจะ ไม่มีกำลังหนุนจากพีรู แต่อีก 4 เผ่า ก็ยังยืนอยู่ข้างหม่อมฉัน"
"หึ ถ้าซงแมซอลซูคลอดลูกชายได้ ทั้ง 4 เผ่าก็จะจากเจ้าไปหมด เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน"
"ถึงตอนนั้นหม่อมฉัน"
"นี่เป็นราชโองการของข้า พระเจ้าแทมูชินมูยุล คนที่หลอกลวงกษัตริย์ ไม่ว่าใครก็อภัยไม่ได้"
"เสด็จพ่อ"
"เจ้าเลือกเอาเอง จะยอมให้ตัวเองตายหรือว่า จะจับซงแมซอลซูกลับมาให้ข้า"
แทชูทูล "ถึงแม่ทัพอูนาลูจะส่งคนไปจับ แต่กองทัพ ต้องมีคนที่ถูกเผ่าพีรูซื้อตัวเอาไว้แน่"
"ข้ารู้ดี คนตำหนักซูยางล่ะ"
"รวมอยู่ที่ลานม้าพะยะค่ะ"
ยามดึกคืนนั้น องค์ชายโฮดงออกมาข้างนอก อึลดูจีทักขึ้น
"ดึกมากแล้ว จะทรงถือดาบไปไหนหรือพะยะค่ะ?"
"ข้าจะไปจับคนทรยศที่ ทำให้โกคูรยอต้องวุ่นวาย"
"องค์ชายพะย่ะค่ะ"
"ท่านเสนาฯอย่ามาห้ามข้าเลย"
"ทรงคิดจะฆ่าเสด็จแม่ เพื่อขึ้นครองบัลลังค์จริงๆ หรือ" อึลดูจีถามตรงๆ
"นี่เป็นโองการของฝ่าบาท"
" แต่รางโองการแบบนี้ของพระบิดา ไม่ต้องทำตามก็ได้พะยะค่ะ เลือดบางอย่างอาบคมดาบได้ แต่เลือดบางอย่างไม่ควรเปื้อนพะยะค่ะ" อูลดูจีเตือน
"แต่เสด็จแม่เป็นฝ่ายที่ชักกระบี่ออกมาใส่ข้าก่อน"
"บางครั้งกษัตริย์อาจฆ่าลูกฆ่าเมียของตัวเองได้ แต่ว่า คนเป็นลูกต่อให้เป็นกษัตริย์ ก็ห้ามฆ่าพ่อแม่พะยะค่ะ"
"ท่านเสนาฯ"
"ถ้ากระบี่พระองค์เปื้อนโลหิตของพระมเหสี ต่อให้วันหน้าทรงได้ครองราชย์ จะมีราษฎรคนไหนที่ภักดีต่อพระองค์"
"หลีกไป"
"สิ่งที่ผู้ปกครองจะต้องเกรงกลัว ไม่ใช่ความตาย แต่คือการเป็นคนบาปในประวัติศาสตร์"
"ถ้างั้น ท่านอยากให้ข้าตายใช่มั้ย?"
"ถ้านั่นเป็นจุดจบที่ชะตาได้กำหนดเอาไว้ พระองค์ก็จำต้องยอมรับ"
"ดูท่า ท่านยังช่างฝันเหมือนเดิม"
" ถ้าจะเสด็จ ก็ขอให้กระบี่พระองค์ ได้อาบเลือดของพระหม่อมก่อน กระหม่อมอึลดูจี ไม่อาจมีชีวิตอยู่ ทนเห็นองค์ชายต้องกลายเป็น คนบาปของแผ่นดินได้พะยะค่ะ"
"อึลดูจี ท่านไม่ใช่อาจารย์ของข้า ไปกันเถอะ ย่าห์"
องค์ชายโฮดงเลี่ยงอูลดูจีออกไปทันที
00000000000000000000
ที่แคว้นนังนัง นางกำนัลกำลังอธิบายส่วนผสมให้องค์หญิงลาฮีฟัง
"นี่เป็นผงข้าว ที่ได้นำมาจากที่พักชอน บด 3 รอบแล้วกรองเป็นผง"
"ส่วนนี่น้ำมันสกัดจากกล้วยไม้เพคะ"
โคบีบอกต่อ "ขอพระหัตถ์ด้วย พระหัตถ์ องค์หญิงใสเหมือนหยก นุ่มเหมือนแพรไหม"
ลาฮีไม่เข้าใจ "อะไรเหรอ?"
"อะไร แผลพุพองคราวนั้นกลายเป็นแผลเป็นจนได้ ทำยังไงดีเนี่ย?" โมฮาซูบ่น
"ถ้าทรงเป็นอย่างนี้ องค์ชายที่ไหนกล้าจูงมือองค์หญิงล่ะ"
" หรือว่าเจ้า อยากให้มือข้าเหมือนพวกหญิงนางโลมล่ะ ทั้งต้องถือดาบ ทั้งต้องจับหนังสือ มันก็ต้องด้านบ้างแหละ มือขององค์ชาย ก็เป็นอย่างนี้นี่"
เหล่านางกำนัลน้อมเคารพพระมเหสีจาชิล "พระมเหสีรองๆ"
"ได้ยินข่าวรึยัง พระมเหสีเอกโกคูรยอตั้งครรภ์แล้ว" จาชิลเอ่ยขึ้น
ลาฮีตื่นเต้น "จริงเหรอเนี่ย?"
โมฮาซูอึ้ง "เป็นไปได้ยังไงกัน? ได้ยินว่าความสัมพันธ์แม่ลูกไม่ค่อยดี อย่างนี้องค์ชายโฮดง คงจะตกที่นั่งลำบากมากขึ้น"
"ที่ลงแรงทั้งหมดกลับสูญเปล่า"
"ทำไมล่ะ?"
"ถ้าพระมเหสีมูยุล ประสูติพระโอรสจริง องค์ชายที่เผ่าพีรูสนับสนุน เทียบกับโฮดง มันจะเปรียบกันได้รึไง?"
"เสด็จแม่มาเพราะเรื่องนี้เหรอ?"
"เจ้า จะแต่งงานกับโฮดงไม่ได้"
" นี่เป็นปัญหาที่ฝ่าบาทจะตัดสินพระทัย ครอบครัวสามัญชน การแต่งงานของลูกสาวยังให้พ่อตัดสิน นับประสาอะไรกับการอภิเษก ระหว่างราชวงศ์ด้วยกัน"
"ท่านนี่ก็ซื่อจริงๆ โฮดงไม่มีความหวังอีกแล้ว" จาชิลว่า
โมฮาซูกล่าวว่า "พระมเหสีของโกคูรยอ ประสูติพระโอรสแล้วหรือ อาจจะเป็นพระธิดาก็ได้ ทำไมถึงใจร้อนอย่างนี้"
" ไม่ว่าเป็นชายหรือว่าเป็นหญิงจะเกี่ยวอะไร สงครามระหว่างเผ่าพีรูกับโฮดงคงเลี่ยงไม่ได้ ถ้าโกคูรยอขาดเผ่าพีรู ยังจะอยู่รอดได้อีกเหรอ?"
"ข้าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก พวกเราเป็นผู้หญิง อยู่วังหลังไม่ควรยุ่งเรื่องการปกครอง"
"ไม่เข้าใจก็อย่าออกความเห็นสิพระมเหสีเอก"
โคบีเตือน "พระมเหสีรอง"
"ลาฮีน่ะ จะต้องแต่งงานกับแม่ทัพวังโฮ" จาชิลเปลี่ยนเรื่อง
"แต่แม่ทัพวังโฮ มีภรรยาอยู่แล้ว"
"เรื่องนั้นข้าจัดการเอง"
"ทุกคนหยุดพูดกันได้แล้ว" ลาฮีเสียงดัง
จาชิลดุ "ลาฮี"
"ไม่ว่าจะโฮดง หรือว่าท่านน้า ข้าก็ไม่สนใจหรอก การแต่งงานของข้า ข้าตัดสินใจเอง" ว่าแล้วจาชิลก็ออกไป
โคบีบ่น "พระมเหสีรอง ทำเกินเหตุมากขึ้นทุกวัน"
" นางก็แค่เป็นห่วงลาฮีน่ะ อย่าไปเอามาใส่ใจเลย ทำไมช่วงนี้ ไม่ค่อยมารับค่าจ้างตามหาจามองเลยล่ะ หลังจากตั้งเป็นรัชทายาท ลาฮีจะต้องไปลั่วหยาง ข้าจะไปกับนางด้วย ครั้งนี้ข้าจะไปหาที่ทงโมด้วยตัวเอง ที่ชินโซโดกุกกับเหลียวตงไม่มีใครเห็นเรือลอยไป ก็มีแต่ที่ทงโมนี่แหละ ตั้ง 5 ปีมาแล้ว นานเกินไปแล้ว ทำไม เงินที่เอาไป ไม่พอจ้างคนเหรอ? ของพวกนี้ ข้าให้เป็นค่าจ้างหาจามองนี่"
โคบีฟังแล้วร้องไห้ออกมา "ฮือๆ"
"เจ้าเป็นอะไรไป?" โมฮาซูถาม
"หม่อมฉัน ปิดบังต่อไปไม่ได้แล้วเพคะ ฮือๆ"
"ทงโคบี"
" คุณหนูจามองน่ะ ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วเพคะ ฮือๆๆ ถึงเรือเล็กลอยไปถึงทงโมก็จริง แต่ว่า คุณหนูจามองกับอิลพูม ในตอนนั้นก็ หมดลมหายใจแล้วเพคะ หม่อมฉันปิดบังพระมเหสี โปรดประหารหม่อมเถอะเพคะ"
"ไปพาเขามา พาคนที่บอกเจ้าว่าจามองตายแล้วมา ข้าจะถามเขาเอง"
"ถามไปจะมีประโยชน์อะไรเพคะ มีแต่จะเสียพระทัยมากขึ้น"
โมฮาซูตวาด "ข้าไม่มีวันเชื่อหรอก ถ้าไม่ได้เห็บกับตา ถ้าไม่ได้ยินกับหู ข้าจะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด"
ด้านจาชิลพอรู้เรื่องจากชีโซก็ดีใจ แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก
" เจ้าทงโคบี ปิดปากได้สนิทจริงๆ รู้ข่าวมาตั้งแต่ 5 ปีก่อน แต่เพิ่งมาบอกนายตอนนี้ ตอนนั้น แน่ใจใช่มั้ยว่าเด็กในคณะกายกรรมนั่นคือจามอง"
"พระมเหสีก็ไป ทอดพระเนตรเองนี่เพคะ"
"นั่นสิ ข้าก็ไปดูเองกับตา"
"รับรองว่าเป็น คุณหนูจามองแน่เพคะ"
"ตาของคน หูของคน ปากของคน มันเชื่อไม่ได้หรอก"
"พระมเหสี"
"ไม่มีอะไร พระมเหสีเอก ตามหาคนที่แจ้งข่าวอยู่นี่ เอามันไปให้เขา ถ้ามีหลักฐาน โมฮาซูก็คงจะเชื่อ"
"กระหม่อมจะจัดการ ไม่ให้พลาดพะยะค่ะ"
"พระมเหสี ท่านแม่ทัพวังโฮมาขอเข้าเฝ้าเพคะ"
"เชิญข้างในเจ้าค่ะ พระมเหสีกำลังรอท่านแม่ทัพอยู่" ชีโซต้อนรับ
"ทรงเรียกพบกระหม่อมเหรอ?"
"มาเร็วจังวังโฮ"
"เวลานี้ทรงมีเรื่องอะไรเหรอ?"
"อยากดื่มเหล้ากับพี่หน่อยมั้ย? ตอนนี้ เจ้ายังผูก ผ้าที่โมยังเฮปักให้เจ้า ไว้ที่ข้อเท้าอยู่รึเปล่า?"
"พะยะค่ะ"
"วังจาชิล อยู่ร่วมโลกกับข้าไม่ได้"
"พะยะค่ะ"
"วังโฮ ช่วงที่ผ่านมา เจ้าโกรธแค้นพี่มากใช่มั้ย?"
"คนหนึ่งก็เป็นพี่สาว อีกคนก็พี่ชาย เอามาชั่งดูแล้ว จะเอียงไปทางไหนก็ไม่ได้หรอก จะให้โกรธใครได้ หรือจะแค้นใครได้ล่ะ?"
"ถ้าอย่างนั้น ทำไมจนป่านนี้แล้ว เจ้ายังผูกมันเอาไว้อีกล่ะ"
" ก่อนพี่สะใภ้ จะยอมให้อภัยกับพี่ ข้าจำเป็นต้องแบกรับภาระนี้ไว้ก่อน เหอะ แต่ว่า ข้าก็รู้สึกโกรธพี่นิดหน่อยจริงๆ เพราะว่ามันเหนื่อย ที่จริงคนอย่างข้า เหมาะกับชีวิตที่สนุกสบายมากกว่า ตอนนี้ต้องมาปกครองยองโฮ แถมยังเป็นแม่ทัพของนังนังอีก ฮะๆๆ"
"งั้นพี่ จะชดเชยให้เอง พี่จะยกลาฮีให้เจ้า เรื่องการจะอภิเษกกับโฮดงยังไม่ได้สรุป หลังสถาปนาองค์หญิงรัชทายาท ข้าจะจัดงานแต่ง ให้เจ้ากับลาฮีทันที"
วังโฮหัวเราะ "ฮ่าๆๆ ๆๆๆ"
"ทำไม เจ้าไม่ถูกใจลาฮีรึไง?"
"พี่ลืมไปแล้วเหรอ ว่าข้า มีภรรยาอยู่แล้ว จะยกองค์หญิงนังนังผู้สูงศักดิ์ มาเป็นภรรยารองได้ยังไง?"
"โมยังเฮนับเป็นภรรยาได้ไง ยัยแก่นั่นจะเป็นภรรยาเจ้าได้ไง"
"ท่านพี่ นายหญิงยูกูฮอน คือโมยังเฮ"
"วังโฮ"
"นางเป็นทั้งมารดา เป็นพี่สะใภ้ และภรรยา"
จาชิลถอนใจ "เฮ้อ"
"ตอนนี้นาง คงเตรียมอาหารเช้าไว้พร้อมแล้ว กระหม่อม ขอทูลลาล่ะ"
วังโฮกลับถึงที่พัก โมยังเฮได้กลิ่นเหล้าจึงถาม
"นี่ไปดื่มเหล้ามาเหรอ?"
"ใช่ ดื่มไปจอกหนึ่งขอรับ"
"นี่เจ้าเด็กบ้า เป็นแม่ทัพใหญ่กลางวันแสก ๆ เดินร่อนไปมาด้วยกลิ่นเหล้าเต็มตัวได้ยังไง?" โมยังเฮดุ
"ท่านโกรธที่ข้า ไปค้างนอกบ้านเหรอ ฮ่าๆๆ"
"เมามายังกล้าทำตลกอีก รีบกลับเข้าไป อาบน้ำให้สดชื่นซะ"
"ไปพักผ่อนกันได้ เดี๋ยวพอ 10 โมง ข้าจะออกไปตรวจกองทหารนอกเมืองหน่อย เข้าบ้านเถอะพี่สะใภ้"
"เหม็นขนาดนี้ ไหนดูหน่อยสิ ต้องชุบเกลือซักหน่อย มันถึงจะขัดออก"
"โอ๊ยๆ พี่สะใภ้ เบาหน่อยๆๆ"
"ไอ้เด็กคนนี้ เมื่อไหร่ถึงจะเข้าใจหา เจ้าเป็นอย่างนี้ วิญญาณท่านแม่ทัพในปรโลกจะวางใจได้ยังไง ส่งถังมา"
"นี่ครับ หูย อะ อะไรเหรอ ตัวข้า สกปรกมากใช่มั้ย? แหะๆ"
"งั้นเจ้า เจ้าอาบไปเองละกัน"
"ทำไมล่ะ โกรธข้าอีกแล้วเหรอ?"
"เอ๊ะเจ้านี่ ข้าแก่แล้วเหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ ข้าจะต้องดูแลเจ้าไปถึงเมื่อไหร่หา?"
"เอ่อ เฮ้อ"
โมยังเฮนึกถึงสามี "ท่านพี่ วังโฮของเราน่ะ โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ"
ด้านมีชูกับชาชายังช่วยกันสอนจามองถึงวิธีการรักษาแผล
"มา กระดูกปลาหมึกไม่ใช่หาได้ง่ายๆ มา กุ๊ยช่าย"
"ถูกแล้ว ถ้าเป็นแผลถูกฟัน ให้ใช้กุ๊ยช่าย มาผสมกับจีฉ่าย ฉีกใส่ปากเคี้ยวให้ละเอียด แล้วก็เอามา ประคบแผลห้ามเลือด นะ"
อิลพูมเป็นห่วง "บุ๊กกู"
"ไม่เป็นไร แผลแค่นี้ไม่เจ็บหรอกน่า"
"ถ้าถูกฟันบาดเจ็บ ต่อให้ต้องคลานก็ต้องคลานไปถึงถ้ำในป่าลึก"
"เพื่อไม่ให้ถูกคนจับได้เหรอ?" จามองถาม
"กลัวเจ้าหิวตายหรือขาดน้ำตายต่างหาก"
"เวลาหิวน้ำก็ ดูดน้ำจากใบหญ้า"
"ไม่ก็ก้อนหินเปียก"
" ถ้าจำเป็นจริงๆ แม้แต่ฉี่ของตัวเองก็ต้องกิน แต่ถ้าขยับตัวไม่ได้ ไม้เมเปิ้ล นี่แหละจะดีที่สุด เอามีดตัดตาไม้ออก มันจะมีน้ำหวาน ๆ ไหลออกมา"
"เด็กที่ฝึกกายกรรมกินไม่เยอะอย่างเจ้าน่ะ แค่กินพวกนี้ก็อยู่ได้ เป็นเดือนๆ แล้วล่ะ"
"ถ้าหากเจ้าไปเจอกับช่วงหน้าแล้ง เปลือกชั้นในก็เอามาอมได้"
ชา ชาซุงกับมีชูสอนจามองวิชาเอาตัวรอดต่าง ๆ ให้ ขณะที่ลาฮีเองก็กำลังฝึกฝนวิชาต่อสู้ การปกครอง เพื่อเตรียมรับการสถาปนาเป็นรัชทายาทแห่งนังนัง
ลูจีว่า "ตั้งแต่นี้ไปกระหม่อมจะมา ถวายการสอนองค์หญิงแทนพะยะค่ะ"
"ค่ะท่านอาจารย์ ช่วงที่ผ่านมาต้อง ขอบคุณท่านมาก"
"ขอให้ พระองค์เพียบพร้อมเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม ที่จะสืบทอดพระภาระของฝ่าบาท"
"ทรงศึกษาคัมภีร์จตุรปกรณ์ แล้ว ทั้งยังศึกษาพิชัยสงครามกับแม่ทัพวังโฮ ต่อไปกระหม่อม จะถวายการสอนเรื่องหานเฟยจื่อให้"
"ข้าเคยอ่านมาหลายรอบแล้วล่ะ"
"เช่นนั้นอะไรเรียกว่าศิลปะการปกครอง"
" เจ้าแผ่นดิน ปกครองประชาชนต้องมีกฎหมายก่อน ต้องทำให้ขุนนางและประชาชน ไม่กล้าที่จะทำผิดกฎหมาย จึงต้องมีอำนาจ การปกครองขุนนาง จะต้องมีกลวิธีประกอบ"
เวลานั้นองค์ชายโฮดงกับแทชูยังคงตามล่าตัวพระมเหสีซงแมซอซู
"องค์ชายโฮดง คงไม่ใช่ทางนี้"
"นางไม่มีทางหนีได้เร็วอย่างนี้ ต่อให้มีวรยุทธแต่ก็เป็นผู้หญิง"
"ทางไปแม่น้ำมาจา พระมเหสีชำนาญเส้นทางดีกว่าเรา ท่านแม่ทัพก็ตามหาทั่วรัศมี 20 ลี้แล้ว เราควรตามหานอกรัศมีนี้"
"ไม่ถูก นางยังหนี ไม่พ้นไปจากที่นี่แน่ ย่าห์"
พระมเหสีซงแมซอซูรู้สึกเสียใจมากที่ถูกตามล่า
"พระมเหสี"
" ยังเดิ้ก ดูสามีที่ข้าอุ้มท้องลูกเขากำลังทำอะไร เพื่อจะฆ่าข้า ถึงกับส่งลูกเมียเก่ามา ก็จริง ข้าหไปลอกลวงเขา เพราะไม่มีทางให้เดินข้าถึงได้หลอกเขา นี่เหรอคนที่เป็นสามีภรรยามา 20 ปี"
"ต้องเข้มแข็งเอาไว้ เราจะต้องข้ามแม่น้ำมาจาไปให้ได้"
"ข้าจะต้องไม่ตาย ข้าต้องมีโอรสมาวางลงตรงหน้า มูยุลให้ได้ ข้าต้องจะเห็น ลูกข้าขึ้นเป็นกษัตริย์โกคูรยอคนต่อไป เราไปหายอรังกัน"
"เราอุตส่าห์หนีจากปากเสือได้ จะกลับไปได้ไงเพคะ"
"ตอนนี้คนที่จะช่วยชีวิตของลูกข้าได้ ก็มีแค่ยอรังเท่านั้น"
พระเจ้ามูยุลทรงไม่พอพระทัยที่ทหารยังตามตัวซงแมซอซูไม่พบ
"ทหารโกคูรยอทั้งกอง กลับตามหาผู้หญิงคนเดียวไม่เจอได้ยังไงหา?"
"ฝ่าบาท"
" ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ต่อให้ประวัติศาสร์จารึกว่าข้าเป็นกษัตริย์โหดเหี้ยม ฆ่าได้แม้กระทั่งเมียตัวเองข้าก็ยอม ที่ข้าจำต้องทำอย่างนี้ ไม่ใช่ทำเพื่อจะปกป้องโฮดง แต่เพื่อป้องกันไม่ให้โกคูรยอเกิดการนองเลือดต่างหาก ถ้าใครกล้าเข้าข้างเผ่าพีรูมาขอร้องแทน ซงแมซอลซูอีกละก็ ข้าก็จะประหารมันให้หมด"
ยังเดิ้กรีบพาซงแมซอซูไปพบองค์หญิงยอรัง
"องค์หญิง ได้โปรดช่วยข้าด้วย"
"พี่สะใภ้"
"องค์หญิงยอรัง แค่เพราะข้ามีลูกตอนแก่ เขาถึงกับจะฆ่าเรา โปรดช่วยซงแมซอลซูสักครั้งเถอะ"
จบตอนที่ 14
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
เครดิต : Oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี ละครช่อง3