Wednesday, October 28, 2009

ซินยุนบก - เรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ - ซินยุนบก ตอนที่ 1-5

http://dee-sell.tarad.com/shop/d/dee-sell/img-lib/spd_20090319161009_b.jpg


ละคร ชินยุนบก ตอนที่ 1

" มีคนๆ หนึ่ง ที่ข้าต้องการจะกล่าวถึง คนที่ทำให้ข้า ทั้งปิติยินดี แฝงด้วยความปวดร้าว ดีใจที่ได้นึกถึง แต่ก็เสียใจที่กำลังจะสูญเสียนางไป นางเป็นทั้งลูกศิษย์ของข้า เป็นอาจารย์ของข้า เป็นเพื่อนที่แสนดี และรวมถึง เป็นคนที่ข้ารัก" คิมฮงโดกล่าว
ซินยุนบก เด็กสาวซึ่งมีพรสวรรค์ด้านการเขียนรูป แต่ถูกเลี้ยงดูในฐานะเด็กผู้ชาย วันหนึ่งด้วยความบังเอิญ ไปเขียนรูป พระอัยยิกาแอบนัดพบชายชู้ในบ้านหลังหนึ่ง จนเป็นเหตุให้พระนางทรงกริ้ว และสั่งให้ศูนย์ศิลปะตามหาเจ้าของภาพเขียนให้เจอ
ซินยุนบกได้พบนางโลมโฉมงามคนหนึ่งนามว่า ชอนเฮียง และนางก็ช่วยให้ซินยุนบกหนีพ้นจากการถูกตามล่า
อิกแจถูกสั่งให้ตามหาเจ้าของภาพเพราะเป็นคนสอน แต่เขาก็หาไม่เจอ จนมานั่งบ่นกับซินยุนบก
" นั่นสิ เจ้าคิดว่าใครเขียน พอจะเดาออกมั้ยว่าฝีมือใคร ถึงข้าจะไม่พูด แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ล้อเล่นหรอกนะ ขนาดเป็นรับสั่งของพระอัยยิกาลงมา คงไม่ยุติง่ายๆ แน่ แย่จริงๆ"
ซินยุนบกอึ้ง "พระอัยยิกาหรือครับ"
" ใช่ ยุนบก แต่เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกนะ ขอเพียงจับคนๆ นี้ได้ ศูนย์ศิลปะก็จะเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ส่วนเจ้า ก็เตรียมตัวไว้สำหรับการสอบช่างเขียนในเดือนหน้า เข้าใจมั้ย ออกไปได้แล้วลูก คนต่อไปใครอีก"
"เกี่ยวกับรูปนั้น ท่านว่ามันมีปัญหาขนาดนี้เชียวหรือ"
"แต่มันน่าแปลก" ซินยอนบกว่า
"มีอะไรแปลกหรือ"
"ข้าเป็นนักเรียนศิลปะมา 3 ปี ไม่เคยเห็นการเขียนรูปผู้หญิงมาก่อน"
"หึ เขียนรูปผู้หญิงแล้วทำไม ไม่เห็นจะแปลกเลย ข้าสงสัยอีกเรื่องมากกว่า"
"เรื่องอะไร"
" ถามได้ เวลาผู้ชายรวมกลุ่มมีแต่คุยเรื่องผู้หญิง บางครั้งแค่เห็นสาวเดินผ่าน ก็มองเหม่อจนเดินตกหลุมยังไม่รู้ตัว แล้วทำไม ตอนนี้แค่เขียนรูปเท่านั้น ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ท่านไม่คิดว่าแปลกหรือ"
"เพราะว่า เอ่อ เวลาเห็นผู้หญิง ผู้ชายมักจะหวั่นไหวมั้ง"
"เฮ่อ หวั่นไหวแล้วยังไง เขียนเป็นรูปออกมาไม่ได้หรือ เฮ่อ ท่านก็เคยใช่ไหม หวั่นไหวเพราะผู้หญิงน่ะ"
"อะไรนะ เลิกพูดซะที นอนได้แล้ว เฮ่ย" ซินยอนบกตัดบท
"อ้อ จริงหรือนี่ ใครน่ะ บอกมาเร็วเข้า" ซินยุนบกยังไม่ยอมหยุด
"อย่ามาถามได้ไหม"
"ข้าไม่บอกใครหรอก"
"ถอยไปน่า เฮ่ย"
"โอ๊ย โอย เฮอะ บ้าจริง แค่นี้ต้องดุด้วย ฮึ มันก็จริง ท่านเป็นคนซื่อขนาดนี้ จะแอบชอบผู้หญิงได้ไง ฮึ่ม เฮ่ย ราตรีสวัสดิ์"
"หลับฝันดีนะ" ซินยอนบกกล่าวกับน้องสาวแล้วพากันหลับไป
ต่อ มา เมื่อใต้เท้าชาง ซึ่งเป็นหัวหน้าศูนย์ศิลปะ จนปัญญาจะหาคนเขียนรูปพระอัยยิกาได้ ด้วยความที่กลัวถูกลงโทษ จึงจำเป็นต้องตามจิตรกรเอก คิมฮงโด ซึ่งถูกเนรเทศไปต่างเมืองกลับมาอีกครั้ง เพราะคิมฮงโดเป็นผู้มีสายตาแหลมคม สามารถมองออกว่าภาพไหนเป็นฝีมือใคร
พระราชาจองโจทรงรู้เรื่องที่ศูนย์ศิลปะ ต้องให้องครักษ์ไปเฝ้าก็แปลกพระทัย พอทราบจากราชเลขาจึงไปเฝ้าพระอัยยิกา
"พระอัยยิกา เพราะอะไรหรือพะยะค่ะ"
"ตอนนี้เรากำลังขอฝนอยู่ จึงต้องระมัดระวัง ขนาดศูนย์ศิลปะยังปรากฎภาพเขียนที่ไม่สมควร เรื่องแบบนี้ไม่ควรให้เกิดขึ้นอีก"
"พระอัยยิการับสั่งก็ถูก แต่ว่า ฃทรงทราบได้ยังไงว่านั่นเป็นผลงานของนักเรียนที่อยู่ในศูนย์ศิลปะของเรา"
"นี่แปลว่าฝ่าบาทจะมาไต่สวนข้างั้นหรือ"
"ไต่สวนอะไรกัน หม่อมฉันไหนเลยจะกล้า หึๆ"
" เรื่องนี้เราต้องจัดการอย่างเข้มงวด ข้าจะสืบให้รู้ว่าเป็นผลงานใครแล้วจับมาลงโทษให้หนัก ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วง ทุกวันนี้ฝ่าบาทก็ยุ่งกับราชกิจมากพอแล้ว เรื่องหยุมหยิมแค่นี้ปล่อยให้ข้าจัดการแทนเถอะ"
"หม่อมฉันก็คิดเหมือนพระอัยยิกา ฉะนั้น เลยจะหาคนมารับหน้าที่นี้แทน"
"หาคนมารับหน้าที่แทน ฝ่าบาททรงหมายถึงใครงั้นหรือ"
"ก็คือท่าน "ทังวอน" ทังวอน คิมฮงโด"
"ทังวอน คิมฮงโด แต่เขา"
" เขาเป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ตั้งแต่ยังหนุ่ม ถือเป็นอัจฉริยะทางนี้ ตอนหม่อมฉันยังเป็นองค์ชายเคยมีฉากบังตาในห้อง ก็เขียนด้วยฝีมือเขา พระอัยยิกายังเคยชมว่าเขียน"
"แต่ว่า"
"ถ้าได้เขามาช่วย เชื่อว่าเรื่องคงจบลงด้วยดี"
คิมฮง โดจึงกลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง และได้รู้จักกับซินยุนบกด้วยความบังเอิญ ขณะที่ซินยุนบกมาใส่กรอบรูป พ่อค้าบอกให้ซินยุนบกรอเพราะมีงานของทังวอนรอใส่กรอบอยู่ด้วย ซินยุนบกจึงขอดู ซึ่งคิมฮงโดดูอยู่ ซินยุนบกเข้ามาก็สั่งให้วางลง
"เฮ่อๆ เฮ่ย เด็กสมัยนี้แย่ ไม่มีมรรยาทซะเลย"
"หึ ข้าใฝ่ฝันอยากดูภาพนี้มานาน ให้ข้าดูก่อนเถอะ" ซินยุนบกขอร้อง
"ดูภาพเขียนก็มีการจองก่อนด้วยหรือ งั้นข้าใฝ่ฝันอยากดูตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วนานกว่าเจ้าอีก"
"เดี๋ยว นี่ ภาพอื่นมีตั้งเยอะ ท่านก็ไปดูทางโน้นก่อนสิ"
"เฮอะ เจ้าหนูนี่ยังไงกันนะ"
"อย่ามาเรียกเจ้าหนูนะ ข้าไม่ชอบให้ใครเรียกแบบนี้"
"เอ๊ะ เจ้านี่" คิมฮงโดแย่งจนภาพขาด
พ่อ ค้าเห็นก็โวยวายใส่ทั้งสองว่าราคาภาพนี้แพงมาก ทั้งสองถามว่าเท่าไหร่ พอพ่อค้าบอกว่า 300 ตำลึงก็พากันอึ้ง ซุนยุกบกอาสาว่าจะเขียนภาพให้เหมือนเดิม
"บ้าหรือ พูดอะไรอย่างงั้น เขาเป็นใคร จิตรกรมือหนึ่งแห่งโชซอนเชียวนะ ใครจะเลียนแบบได้ โดยเฉพาะเด็กอย่างเจ้าด้วยแล้ว แค่ฟังก็อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก"
"เชื่อสิ ท่านแค่รอเดี๋ยวเดียว ข้าจะเขียนให้ดู"
ซินยุนบกลงมือวาด โดยมีคิมฮงโดมองดูและว่า
" คือ ลายเส้น ดูจะไม่ค่อยเหมือนนะ ต้นสนทำไมลากทื่อ ๆ อย่างงั้น มันไม่ถูก ต้องค่อยๆ ตวัด ถึงข้างล่างแล้วค่อยออกแรงกดลงไป กดอีก กดไป"
"ยุ่งจริง ถ้าไม่รู้ก็ดูเฉยๆ เถอะน่า"
" ไม่ถูกๆ พู่กันเก่าหงำเหงือก และจุ่มหมึกมากไปด้วย ต้องอย่างงี้ ให้สีมันแตกหน่อยจะได้สมจริง ตวัดหน่อย มาทางนี้ ลากเบาๆ นั่นแหละๆ ไม่ต้องลงสีเต็มก็ได้ ค่อยๆ ตวัด"
"ท่านจะรู้อะไรเล่า ภาพของท่านทังวอน มันต้องอ่อนช้อยถึงสมเป็นลายเส้นของจิตรเอกอย่างเขา เข้าใจหรือเปล่า"
"เฮ่อๆ งั้นหรือ"
" แน่นอน โดยเฉพาะการลงหมึกของเขา ทำให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวา ต้นไม้งดงามยิ่งกว่าของจริง ไม่ใช่ใครก็เลียนแบบได้ ท่านไม่รู้ก็อย่าสอดให้มากนัก"
"อ้อ ฟังดูเหมือนจะเชี่ยวชาญด้านนี้ ว่าแต่ เจ้ารู้จักเขาหรือ"
"ทำไมชอบถามซะจริง ใช่ซี่ ข้ารู้จักเขา รู้จักดีด้วย เป็นเพื่อนซี้เลยล่ะ"
"แล้วไปรู้จักเขาได้ไง เจ้าหัดเขียนรูปกับใครน่ะ"
"ข้าต้องเสร็จภายใน 1 มื้อข้าว ท่านช่วยหุบปากหน่อยได้ไหม"
พอดีทหารมาตามคิมฮงโดว่าต้องรีบเข้าวัง ซินยุนบกเห็นเช่นนั้นก็รีบเรียก
"เดี๋ยวก่อน ท่านจะไปได้ไง งานนี้ท่านก็มีส่วนผิด จ่ายมา 150 ตำลึง"
"150 ตำลึงอะไร เจ้าหนูสามหาวนี่ ข้ามีงานสำคัญต้องทำอีก"
"เดี๋ยว นี่ อย่าเพิ่งไปซี่ เอาเงินมาให้ข้าก่อน"
"ไม่เป็นไร เจ้าวาดแทนก็เหมือนกัน"
"เดี๋ยว ไม่ใช่ ทำลายภาพคนอื่น ไม่ต้องชดใช้บ้างหรือไง หา นี่ เจ้าขอทานสกปรก"
ทหารพาคิมฮงโดไปพบใต้เท้าชาง
"ท่านชางสบายดีหรือ เฮ่อๆๆ ท่านยังแข็งแรงดีนี่นะ"
"เจ้าก็ยังหนุ่มอยู่"
"แน่นอน จะแก่ได้ไง เฮ่อๆๆ อยู่ในป่าเขาลำเนาไพร เพราะท่านช่วยส่งเสริม ทำให้ข้าเกือบได้ฟัดกับเสือด้วยซ้ำ เฮ่อๆๆ"
"เฮ่อๆๆ คนอย่างเจ้าไม่ว่าอยู่ไหน ข้าก็เชื่อว่าปรับตัวได้ สมแล้ว ที่เป็นทังวอน"
"เฮ่อๆๆ รู้ซะอย่างงี้ เอาหนังเสือซักผืนมาเป็นของกำนัลให้ท่านก็ดีหรอก เฮ่อๆ"
"เฮ่อๆๆ หึๆๆ"
"ว่าแต่ จู่ๆ ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้ากลับมา ท่านรู้มั้ยว่าทรงมีเรื่องอะไรน่ะ"
" เรื่องเป็นอย่างงี้ ก่อนหน้านี้มีนักเรียนคนหนึ่ง ไปเขียนเอาภาพนี้กลับมา เรากำลังตามหาเจ้าของผลงานนี้ เลยอยากให้เจ้าช่วย มองเห็นอะไรบ้าง"
"ท่านบอกว่านี่ เป็นผลงานของนักเรียนศิลปะจริงหรือ หมอนี่ก็ช่างเก่งไม่เบา ความคิดล้ำหน้าซะด้วย"
"อะไรนะ"
" ผู้หญิงยืนอยู่กลางสวน ท่าทางครุ่นคิด มีหลังคาและต้นไม้ปกคลุม ดูเป็นภาพที่อ่อนโยนแฝงความสงบในตัว ที่สำคัญ นางไม่ได้มองตรง เห็นเพียงใบหน้าข้างๆ เท่ากับชวนให้เดาใจว่านางคิดอะไรอยู่,น่าค้นหาจริงๆ"
" เจ้าเสียสติไปหรือเปล่า ดูจากท่อนไม้ที่นางเหยียบ ยังไม่เข้าใจความหมายอีกหรือ ที่สำคัญ ในมือนางถืออะไร งอบใช่ไหม นั่นเป็นหมวกที่ใช้สำหรับนักบวชโดยเฉพาะ สื่อความหมายว่านางกำลังรออะไรอยู่ ภาพนี้ เห็นชัดว่าเป็นภาพอนาจาร"
"อนาจารหรือ อนาจารยังไง ถ้าอย่างงั้น เกิดเจอคนที่เขียนรูปนี้ ท่านจะทำยังไง"
"คนที่ทำให้ศูนย์ศิลปะเกิดความวุ่นวาย ผลจะเป็นไงบ้าง"
"ข้าไม่รู้เพราะลาออกนานแล้ว"
"หึ ต้องรอให้มีเลือดตกยางออกอีกครั้ง เจ้าถึงจำได้ใช่ไหม"
"หึๆ อย่าบอกนะว่าจะมีการลงทัณฑ์ทุบมือน่ะ"
"ที่นี่คือศูนย์ศิลปะ เพื่อภาพๆ เดียวอย่าว่าแต่มือเลย แม้แต่ชีวิตก็ให้ได้ เจ้าก็รู้นี่"
"ท่านก็ยังเหมือนเดิม"
"ถ้าทำไม่ได้ก็บอกมา ข้าจะเขียนหนังสือส่งเจ้ากลับทันที"
"มีกำหนดเวลาให้มั้ย"
"5 วัน ก่อนพิธีขอฝนจะสิ้นสุด ต้องหาเขาให้เจอ"
พระราชาจองโจทรงได้ชมภาพเขียนของคิมฮงโดก็ชื่นชม
" เยี่ยมจริงๆ ช่างงามนัก แต่ละลายเส้น ราวกับภาพที่มีชีวิตจริงๆ หึ ทุกคนที่ไปอยู่เขาเมียวเฮียง แทบไม่มีใครกลับมาได้ แต่ท่าน ยังได้รอดจากกรงเล็บเสืออีกหรือ"
"เอ่อ อาจเพราะว่า หลายปีนี้ใช้ชีวิตคลุกคลีกับสัตว์ป่า ทำให้รู้สึกว่าเสือ เหมือนเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง"
" เฮ่อๆๆ ขนาดอยู่คนเดียวยังมีอารมณ์ขัน ท่านนี่ไม่เปลี่ยนจริงๆ หึ แค่นึกถึงว่าต่อไปจะได้เห็นผลงานท่านบ่อยๆ ข้าก็รู้สึกดีใจแล้ว"
"ฝ่าบาททรงอยู่เหนือผู้คน ยังโปรดปรานงานศิลปะเช่นนี้ ฝ่าบาทก็ไม่เปลี่ยนเหมือนกันพะยะค่ะ"
"ช่วงที่ไม่มีท่านอยู่ ข้ารู้สึกเบื่อน่าดู จริงสิ เรื่องที่ศูนย์ศิลปะ รู้แล้วใช่ไหม"
"พะยะค่ะ"
"พระอัยยิกาไม่พอพระทัย คงจะปล่อยให้แล้วไปไม่ได้ แต่ข้าเชื่อว่าท่าน น่าจะสืบรู้โดยไม่ยากนัก"
"เป็นแค่นักเรียนศิลปะ ก็ทำให้ฝ่าบาทและหลายคนกล่าวขานถึง หม่อมฉันคิดว่าคนๆ นี้ คงไม่ใช่ธรรมดาแน่"
"เฮ่อๆๆ จะว่าอย่างงั้นก็ได้ หึๆ ยังไงก็ตาม สิ่งสำคัญคือท่านยังได้กลับมาหาข้าอีก เห็นท่านปลอดภัย ข้าก็ดีใจแล้ว"
"พระอัยยิกาจะทรงทำอะไรน่ะ" เสนาขวาทูลถามพระอัยยิกา
" บ้านเมืองกำลังประสบกับภัยแล้ง,ทำให้ราษฎรทุกข์ยาก แต่แล้ว จู่ๆ ศูนย์ศิลปะกลับมีภาพอนาจารออกมา ข้าเป็นประมุขของฝ่ายใน จะนิ่งดูดายได้ยังไง"
"แต่ในช่วงงานพิธี พระอัยยิกาออกจากวัง ถือว่าถูกแล้วหรือ"
"พี่ใหญ่"
" ก็เพราะอย่างงี้ ฝ่าบาทถึงมีรับสั่งให้คิมฮงโดกลับมาอีกครั้ง เพื่อจะขุดคุ้ยเรื่องเมื่อ 10 ปีก่อน เกี่ยวกับคดีของช่างเขียน "คังโซ" หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เราก็ต้องระวังให้มาก"
"แต่เรื่องนั้น"
"รอให้จับคนเขียนรูปได้ เราต้องอย่าให้เจ้าทังวอนพูดมากอีก ทรงเข้าพระทัยที่หม่อมฉันทูลหรือเปล่า"
"เข้าใจค่ะท่านน้า"
พวกศิษย์ต่างก็คุยกันถึงว่าทังวอน คิมฮงโอจะมาเป็นอาจารย์คนใหม่
"ทังวอน? หมายถึงท่านทังวอน คิมฮงโดน่ะหรือ" ซินยุนบกถาม
" ใช่ คนที่เป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ตั้งแต่ยังหนุ่ม ดังที่สุดในโชซอน แต่สิบปีก่อน ถูกเนรเทศไปเขาเมียวเฮียง จนใครต่อใครลืมเขาไปหมด"
"เฮอะ เป็นไปไม่ได้หรอก" ซินยุนบกแปลกใจ
" พวกเจ้าไม่รู้อะไร สมัยก่อน อาจารย์เขาจู่ ๆ ก็เสียชีวิต เพื่อนสนิทก็มาตายอีกคน ตอนนั้นมีข่าวว่าเขาแทบคลั่ง เกือบเอามีดจิ้มลูกตาตัวเองเข้าให้ แถมยังเกือบฆ่าใต้เท้าชางด้วย"
ชางยอวอนว่า "เรื่องนี้ จริง ๆ แล้ว มีคนบอกว่าคนที่ฆ่าเพื่อนและอาจารย์ ก็คือท่านทังวอนนี่แหละ"
"ใครจะทำอย่างงั้นได้" ซินยุนบกว่า
"ทำไม เจ้าคิดว่าข้าแกล้งใส่ร้ายเขาหรือไง"
"โอ๊ะ นี่ ชางยอวอน เจ้าพูดแบบนี้ ไม่รู้สึกเกินไปหน่อยหรือ แหะ"
"คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง"
"พวกเจ้าจะรู้อะไร กลับเถอะ บ่ายมากแล้ว" ชางยอวอนตัดบท
ซินยอนบกชวนซินยุนบกกลับ แต่ซินยุนบกขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน พอออกมาก็พบกับคิมฮงโด
"เดี๋ยว นี่ อ้อ เจ้าเองหรือนี่" คิมฮงโดทัก
"อ้อ ที่อยู่ในตลาด"
"เข้าห้องน้ำออกมาเจอทองหรือไง ถึงได้หน้าบานขนาดนี้"
" หนอย ยังจะพูดอีก ท่านรู้มั้ย วันนั้นทำเอาข้าลำบากแค่ไหน เราสองคนดึงภาพจนขาด แต่ท่านหนีไป ปล่อยให้ข้าชดใช้คนเดียว จ่ายมาเดี๋ยวนี้ 300 ตำลึง"
"เฮอะ วันนี้อากาศดี เรื่องอะไรมาทวงเงินให้เสียอารมณ์ นึกว่าข้าอยากทำขาดหรือไง"
"ยังไงก็ช่าง สุดท้ายข้าก็ชดใช้ให้เขาไป จ่ายมาเร็วเข้า 300 ตำลึง อย่าคิดเบี้ยวอีกนะ"
"เจ้าทำลายภาพเขียนของท่านทังวอน ตามหลักต้องไปขอโทษเขามากกว่าทวงเงินจากข้านะ"
" หึ ท่านทังวอนหรือ เฮ่อๆๆ เรื่องนี้ ท่านไม่ต้องห่วงแทนข้าหรอก เฮ่ย เท่าที่ดู คงมาขายฉากบังตาล่ะสิ วันนี้เป็นวันสำคัญรู้มั้ย ก็คือ ท่านทังวอนคิมฮงโดที่แสนจะโด่งดัง จะมาถ่ายทอดความรู้ที่ศูนย์ศิลปะของเรา ท่านอย่าเพิ่งมาเกะกะเลย กลับไปก่อนเร็วเข้า"
"งั้นหรือ งั้นข้าจะเอาฉากนี้ไปขายให้เขา ดีกว่าหอบกลับให้เมื่อยอีก อึ๊บ"
"เดี๋ยว นี่ พี่ชาย"
"อ้อ เอางี้ เจ้าช่วยยกเข้าไปดีกว่า"
"หา อุ๊ย นี่ พี่ชาย"
"ทำไม มองอะไร ไม่รีบตามข้ามาอีก"
"เอ่อ เดี๋ยวก่อนซี่ พี่ชาย ทางโน้นเข้าไม่ได้นะ นี่เป็นเขตหวงห้ามของเรา"
"เอาน่า อย่าพูดมากได้ไหม น่ารำคาญจริง"
"บอกว่าห้ามเข้าไม่ได้ยินหรือไง"
"ก็บอกว่าจะไปขายให้คิมฮงโด ไม่เข้าไปแล้วจะเจอเขาได้ไง แปลกจริง"
"ยังจะเดินอีก ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"
ช่างเขียนเข้ามาทัก "ท่านทังวอนมาแล้วหรือครับ"
พวกช่างเรียก "ท่านทังวอนๆ"
ซินยุนบกอึ้ง "ทัง ทังวอน?"
"นึกว่าใคร พวกเจ้าเองหรือ ไม่เจอตั้งนาน สบายดีหรือเปล่า"
"สบายดีๆ"
ซินยุนบกตกใจ "คิมฮงโด เฮ้ยๆๆ ว้าย นั่น ที่บังตา"
ทุกคนร้องลั่น "เฮ้ย ระวัง"
"เกือบแล้วมั้ยล่ะ เจ้านี่ซุ่มซ่ามจริง บอกให้ยกดีๆ ทำไมปล่อยให้ล้ม" คิมฮงโดดุ
"เอ่อ ครับๆ ขอโทษ เฮ่ย"
"เกือบทำให้ฉากของข้าพังซะแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยนะ" ซินยุนบกถอนใจ

จบ ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก 1

ละคร ชินยุนบก ตอนที่ 2

คิมฮง โดกลับมาถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียนที่ศูนย์ศิลปะ แต่เบื้องหลังจริงๆ คือจะสืบหาคนที่เขียนรูปพระพันปี หลังจากได้ทดสอบความรู้ของนักเรียน อดรู้สึกทึ่งกับพรสวรรค์ของซินยุนบกไม่ได้

อิกแจคุยกับซินยอนบกเรื่องของซินยุนบก
"เฮ่อๆๆ ข้าได้ยินเรื่องของพวกเจ้าแล้ว เห็นว่ามียุนบกคนเดียวที่แก้ปริศนาของเขาได้หรือ"
"ใช่ครับ ฃเขายังคิดมากกว่าอาจารย์ด้วยซ้ำ ท่านพ่อว่าเขาเก่งหรือเปล่า"
" เฮ่อๆๆ แน่นอน เก่งอยู่แล้ว หึ เชื้อไม่ทิ้งแถวนี่นะ เฮ่อๆๆ แต่ว่า ภาษิตว่าหว่านพืชต้องหวังผล เจ้าเข้าใจที่พูดหรือเปล่า เพราะฉะนั้น เจ้าต้องดูเขาให้ดีล่ะรู้มั้ย"
"ครับ ท่านพ่อ โปรดวางใจได้"
"ดีมาก แล้วตอนนี้ยุนบกทำอะไรอยู่"
"เห็นบอกว่าเหนื่อย เลยเข้านอนแต่หัวค่ำน่ะครับ"
แต่เวลานั้นซินยุนบกกลับไปคุยกับพ่อค้าคนหนึ่ง เพื่อเขียนภาพให้เขา
ขณะ เดียวกัน คิมฮงโด ก็ทำให้รู้ว่านางคือเจ้าของภาพเขียนที่จะทำให้ราชสำนักเสื่อมเสีย ด้วยความเสียดายในความสามารถ จึงบอกให้ซินยุนบกรู้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ซินยุนบกเขียนภาพให้พ่อค้าเสร็จและได้เงินมานิด หน่อย
คิมฮงโดรู้เข้าก็ตกใจ "ภูผาจันทราหรือ"
ซินยุนบกรีบขอร้อง "เอ่อ ได้โปรดอย่าถือสาข้าเลยนะ ถ้าเรื่องนี้ให้ท่านพ่อรู้ ข้าต้องถูกลงโทษแน่"
"แล้วทำอย่างงั้นทำไม เจ้าร้อนเงินมากหรือ"
"เปล่านะครับ ตอนแรกไม่เคยคิดจะเอาไปขายอย่างงั้น"
"ตอนแรกไม่เคยคิดขาย แล้วไปขายตอนไหนล่ะ"
"ขาย ตอนที่ เอ่อ เพราะว่า คนเค้าลือกันมากเข้า บอกว่ามีคน ชอบรูปประเภทนี้ก็เลย"
"พอที เจ้าเสียสติแล้วหรือไง มีพรสวรรค์ขนาดนี้ กลับเขียนรูปเกี้ยวพาราสีไปขายแค่ 5 ตำลึงก็พอหรือ หึ ดื่มเข้าไป"
ซิ นยุนบกดื่ม คิมฮงโดว่าต่อ "ดู๋ดู เขียนเข้าไปได้ ดูทำท่าเข้า แย่จริงๆ ใครจะช่างคิดเหมือนเจ้าคงไม่มี ท่าทีเหมือนเชิญชวนชัดๆ เจ้าบอกมาหน่อยซิ ทำไมเขียนรูปแบบนี้ออกมาได้"
"เอ่อ คือว่า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ เวลาเห็นอะไร ก็จะเขียนใส่กระดาษน่ะครับ"
"หึๆ ทำไงได้ คนมีพรสวรรค์นี่นะ เจ้าทำก็ถูก แต่ทำไมเจ้าชอบเขียนด้านข้างของผู้หญิงจัง ผู้หญิงที่ถือหมวกงอบไงล่ะ"
"เอ่อ อ๋อ ใช่ นั่นเป็น หมวกธรรมดา ไม่ใช่หมวกงอบซักหน่อย"
"อ้อ เป็นหมวกธรรมดาไม่ใช่หมวกงอบหรือ"
"ใช่ครับ"
"ทำไมวาดแค่ด้านข้างของนาง"
" เอ่อ จะพูดเรื่องนี้ใช่ไหม เพราะข้ารู้สึกว่าด้านข้างของนาง ไม่เหมือนคนทั่วไป เห็นแล้ว เกิดความรู้สึกเหมือนว่า มีความเศร้าแฝงอยู่"
"เจ้าก็เลยเอาพู่กันเขียนไว้?"
"ใช่ครับ เอ่อ ตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ตัว มือมันไปเอง เขียนไปเรื่อย ห้ามไม่อยู่"
"ใช่ เพราะมันตรงกับความรู้สึกของเราเข้าอย่างจังไง"
"ใช่ครับ มันเป็นความตกตะลึง เหมือนกับว่า ทุกสิ่งในโลกนี้หยุดชะงักงัน หยุดความเคลื่อนไหว"
"ถูกต้อง และเราก็ไม่เห็นอะไร นอกจากภาพเบื้องหน้าเท่านั้น"
"ใช่ครับอาจารย์ ตอนนั้นข้าก็คิดอย่างงั้น"
"มันเป็นภาวะแห่งการลืมตัว ลืมสิ้นทุกอย่าง เจ้าเรียนรู้ได้ถึงขั้นนี้เชียวหรือ"
"ภาวะลืมตัวหรือครับ"
"เจ้ามาถึงขั้นนี้จริงๆ"
"หึ หึ ข้าก็ว่างั้น"
"ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะทำได้"
"เอ่อ ว่าแต่ ท่านเป็นไรหรือครับ"
"หึ พรุ่งนี้ที่ศูนย์ศิลปะ จะมีการลงทัณฑ์ทุบมือ"
ซินยุนบกตกใจ "ลงทัณฑ์ทุบมือ?"
"ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนเขียนภาพนั้น จะถูกลงโทษโดยการทุบมือ"
"เอ่อ ท่าน พูดแบบนี้หมายความว่าไง"
"แล้วเจ้าอุตริไปเขียนรูปอย่างงั้นทำไม เก่งแล้วช่วยอะไรได้ ต่อไปเจ้าจะไม่ได้ถือพู่กันด้วยซ้ำ"
"ท่านบอกว่า ไม่ได้ถือ พู่กันหรือ"
" ไม่เข้าใจที่พูดหรือไง พรุ่งนี้ที่ศูนย์ศิลปะจะมีการไต่สวนเอาผิดกับคนที่เขียนภาพนั้น โดยการจับมือมัดไว้แล้วเอาก้อนหินทุบ หลังจากนั้นเจ้าจะกลาย เป็นคนพิการทันที"
"หา ทำไมต้องทำลายมือด้วยครับ แค่เขียนภาพนั้น มีโทษหนักขนาดนี้เชียวหรือ แค่นี้ จะมีความผิดอะไรนักหนา ไหนว่าข้ามีพรสวรรค์ไง แล้ว มันก็แค่ภาพ ๆ เดียว แค่ภาพเขียน ทำไม ฮือ ทำไมต้องทำขนาดนี้ ข้าไม่เชื่อ ก็แค่ภาพเขียน ฮือ ฮือ ข้า ข้าขอตัวก่อน"
"ยุนบกๆ นั่งลงก่อน"
"ไม่ล่ะครับ หึ"
"ยุนบก"
ซินยุนบกไปที่งานเลี้ยงวันเกิดของชางยอวอน และดื่มเหล้าอย่างหนัก ชางยอวอนเรียกสาวงามนามว่าชอนเฮียงมานั่งข้างๆ
ชอนเฮียงว่า "ข้าเป็นคนดีดพิณ ไม่ใช่เพื่อนดื่มเหล้า"
ซินยุนบกว่า "เป็นดอกไม้ ยังไงก็มีหนาม"
"ดอกไม้ ยิ่งงามก็ยิ่งมีหนามแหลมคม"
"หึ เปรียบตัวเองเหมือนดอกไม้ที่งาม เกิดมาข้าก็เพิ่งเคยเห็น"
"หึ ผู้หญิงถ้าจะชมตัวเอง ว่าเปรียบเหมือนดอกไม้ แล้วจะกลายเป็นไม่สวยหรือคะ"
"ถ้าไม่มีใครมาชื่นชม ดอกไม้ต่อให้งามแค่ไหน จะมีประโยชน์อะไร" ซินยุนบกว่า
ชอนเฮียงย้อนว่า "ดอกไม้ก็คือดอกไม้ สวยหรือไม่สวย คงไม่มีความหมายสำหรับตัวมัน สาอะไรกับเพื่อนคลายเหงาอย่างเราด้วยแล้ว"
"นี่ พูด พูดอะไรน่ะ พวกเจ้า เคยรู้จักมาก่อนหรือ" เพื่อนคนหนึ่งถาม
"จะคุยอะไรกันนักหนา เมื่อไหร่จะดีดพิณซะที"
ชอนเฮียงเริ่มบรรเลงพิณ ทุกคนชื่นชมนางมาก ซินยุนบก
ยูชุนกำลังชื่นชมผลงานของซินยุนบกอยู่กับคิมฮงโด
"ถึงแม้ว่า จะเป็นภาพพื้นๆ แต่ก็เขียนได้ราวกับมีชีวิตจริง"
"ชอบก็ดูเข้าไว้ เพราะต่อไปอาจไม่ได้เห็นผลงานยอดเยี่ยมขนาดนี้อีก น่าเสียดาย เฮ่อ .เสียดายและน่าเสียใจด้วย จะมีวิธีไหนมั้ยน๊า"
"อย่าเชียวนะ เรื่องนี้ถ้าผิดพลาดขึ้นมา เจ้าจะเสียมือแทน"
"แต่ภาษิตว่าสวรรค์ไม่ตัดหนทางมนุษย์ไม่ใช่หรือ"
จองซูนำน้ำเข้ามาให้ แต่ก็ทำให้ทั้งสองตกใจ
"ใครน่ะ ตกใจหมด เจ้าเองหรือจองซู" คิมฮงโดทัก
"เอ่อ ใช่ค่ะ พี่คิม"
"แล้วเจ้า มาอยู่นี่ทำไม" ยูชุนถาม
"เอ่อ อ้อ คือ เอ่อ กลัวว่ากลางคืนจะคอแห้ง เลยเอาน้ำมาให้น่ะค่ะ"
"งั้นหรือ ดีๆ ขอบใจนะ เฮ่อๆๆ เฮอะ ถ้าจองซูไม่เป็นคนรอบคอบ ไม่แน่นอนๆ ไปอาจหิวน้ำก็ได้ เฮ่อๆๆ จองซู"
"หา คะ?"
"นอนหลับฝันดีนะ"
"ท่านก็เหมือนกัน หึ อ้อ เอ่อ ระวัง ยุงจะกัดนะคะ"
"เอาเถอะ ขอบใจ เฮ่อๆๆ นางโตเป็นสาวแล้วหรือนี่"
"ไม่แค่เป็นสาว ยังแก่แดดอีกต่างหาก หึๆๆ เพื่อจะรอคนๆ หนึ่ง เฮ่อๆๆ"
"รอใคร ข้าหรือ พูดอะไรเพ้อเจ้อน่ะ เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้หรอก ไป ไปนอนซะ"
"อยู่บนเขามาพักใหญ่ ไม่มองผู้หญิงแล้วหรือ"
"นี่ บอกให้ไปนอนไง"
"ราตรีสวัสดิ์"
ด้านเสนาขวาก็ถามใต้เท้าชางว่า
"ตกลงเป็นไงบ้าง ทังวอนสืบหาต้นตอได้หรือยัง"
"พรุ่งนี้ก็คงรู้คำตอบน่ะครับ"
"หมายความว่า เขาหาเจอแล้วใช่ไหม"
" คนๆ นี้ ถึงเราไม่ไปเร่ง เขาก็ต้องทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จอยู่แล้ว ตอนนี้เขากำลังปลื้มกับลูกศิษย์คนหนึ่ง ได้ยินว่าชื่นชมไม่ขาดปาก"
"มีคนที่เขาชื่นชมด้วยหรือ"
" โธ่เอ๊ย ถ้าหาเด็กคนนี้ออกมาไม่ได้ ไม่แน่มือของทังวอนอาจต้องชดใช้แทน และมันคือโอกาสของเรา ไหนๆ เราก็จะกำจัดเขาอยู่แล้ว จริงมั้ยครับท่าน"
" ถูกต้อง ถ้าให้เขาอยู่ต่อ จะไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจฝ่าบาท ทำไมต้องเจาะจงให้เขากลับมา ไม่รู้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงหรือเปล่า"
"ใต้เท้าห่วงอะไรไม่ทราบ"
"แปลกจริง แล้วเจ้าไม่เป็นห่วงหรือไง"
"ในเมื่อทังวอนมีสายตาแหลมคม แสดงว่าการดูคนของเขา ก็คงไม่ผิดด้วย" คิมโจนึนว่า
"ท่านจะพูดอะไรกันแน่" ใต้เท้าชางถาม
" ถ้าเขาเสียดายลูกศิษย์ที่เก่ง ก็จะพยายามหาวิธีช่วยเด็กให้พ้นโทษแน่นอน ถึงตอนนั้น เขาจะมีทางเลือกแค่สองทาง คือให้มือตัวเองโดนทุบ หรือไม่ก็ไปจากเมืองหลวง ถ้าเขาเลือกที่จะจากไป เหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อนก็จะถือว่าจบ แต่ถ้าอยู่เมืองหลวงต่อ เขาจะไม่ได้เขียนรูปอีก และไม่ได้ทำงานต่างพระเนตรพระกรรณเหมือนที่แล้วมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้เขาเป็นเสือร้ายจริง สุดท้ายก็คือถูกถอดเขี้ยวเล็บจนหมด แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงความเห็นของข้า"
ซินยุนบกมาหาชอนเฮียงเพื่อขอให้นางเล่นพิณให้ฟัง โดยมอบเงินให้ 5 ตำลึง ชอนเฮียงไม่สนใจ ซินยุนบกจึงบุกเข้ามาพบชอนเฮียงเลย
ชอนเฮียงตกใจ "ท่านจะทำอะไรข้า"
" พอถึงพรุ่งนี้ ข้าอาจเสียมือข้างนี้ไป เงิน 5 ตำลึง แลกกับภาพสุดท้าย ที่ข้าจะใช้มือข้างนี้เขียนขึ้น หึ มันเป็นสิ่งที่ ข้าอยากใช้ให้คุ้มค่าที่สุด บวกกับเสียงพิณของเจ้า ได้ไหม"
หลังจากวาดภาพไป ทำให้ชอนเฮียงอดที่จะถามไม่ได้
"เพราะอะไร เจ้าถึงได้รู้เรื่องนี้ก่อน ข้าหมายถึงอาจารย์ของเจ้า"
" อาจารย์หรือ อ้อ หึๆ หมายถึงท่านทังวอน จิตรกรเอกนั่นน่ะหรือ ฮึ่ม คงไม่มีเหตุผลอะไรหรอก นอกจากบังเอิญเห็นข้าเขียนรูปส่งเดช แถมยังไปวางขาย ในร้านค้ากระจอกงอกง่อยอีก หึ เป็นใครก็ต้องโกรธจนหนวดกระดิกทั้งนั้น"
"เพราะสาเหตุแค่นี้ เขาเลยบอกเจ้า ว่าจะมีการลงโทษแบบนี้ หรือไม่ก็"
"ไม่อะไร"
"หรือไม่ เขาคิดจะปกป้องเจ้าหรือเปล่า"
"หึ ปกป้องข้าหรือ"
"หรือไม่บางที สำหรับคนเป็นนักเรียน อาจารย์อาจเป็นที่พึ่งสุดท้ายสำหรับเขาก็ได้"
"ที่พึ่งหรือ หึๆ" ซินยุนบกนิ่งคิด
จบ ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก 2

ละคร ชินยุนบก ตอนที่ 3


คิมฮงโดเข้าเฝ้าพระราชาจองโจ ทรงตรัสถามว่า
"วันนี้ใช่ไหม"
"พะยะค่ะ รอจนพิธีขอฝนเสร็จสิ้น ศูนย์ศิลปะก็จะมีการลงทัณฑ์"
" ดูจากภาพนี้แล้ว ถ้าหยุดเวลาได้ ผู้หญิงก็คงไม่กระวนกระวายขนาดนี้ คนเขียนช่างเก่งนักที่ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้อย่างสมจริง เป็นผลงานของใคร"
"เอ่อ ตอนนี้ยังเป็นแค่ นักเรียนอยู่ที่ศูนย์ฯ พะยะค่ะ"
"ยังเป็นนักเรียนหรือ"
" เด็กคนนี้ ไม่แน่หลังจากวันนี้อาจไม่ได้ถือพู่กันอีก ดูจากลายเส้นของเขา อ่อนช้อยงดงาม สื่อถึงความรักอันไร้ขอบเขต ความคิดถึงซึ่งไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ เป็นภาพที่หายากพะยะค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้น มันก็น่าเสียดายนะ"
"เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง อิจฉาคนเก่งพะยะค่ะ"
"แต่ว่า จะให้พระอัยยิกาเปลี่ยนพระทัย ป่านนี้คงสายไปแล้ว"
"ทางโน้นอาจสายไปก็จริง แต่ว่าหม่อมฉันเสียดายเด็กคนนี้ ไม่อยากให้เขาถูกลงโทษ"
ซินยุนบกกลับมาพบคิมฮงโดและบอกกับเขาว่า
"เมื่อเป็นภาพเขียนของข้า ข้าก็จะรับผิดชอบเอง"
"ใกล้จะมีการลงโทษแล้ว"
"เอ่อ แล้วข้า ตอนนี้ควรจะทำอะไรบ้าง"
คิมฮง โดสั่งจองซูไว้ว่า ก่อนเที่ยงวันนี้ที่ตลาด จะมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งใส่ชุดนักเรียนศิลปะไปที่นั่น จองซูไปถึงและเห็นซินยุนบกก็รีบเข้าไปหา
"เดี๋ยวค่ะ ท่านทังวอนให้ท่านมาที่นี่ใช่ไหมคะ"
ซินยุนบกแปลกใจ "ใช่ ทำไมหรือ"
"เอ่อ ท่านมาก็ดีแล้ว ถือจดหมายนี่ไปใต้สะพาน "กวางตง" หาคนๆ หนึ่งแซ่ฮงนะคะ"
"อ้อ เขาบอกมาแค่นี้เองหรือ"
"ใช่ รีบไปเร็วเข้า พี่ฮงโดบอกว่าอย่ารอช้า เวลามีน้อย"
"พี่ฮงโด?"
"ใช่ ก็คือท่านทังวอนนั่นแหละ"
"อ้อ หึ แล้วท่าน เป็นภรรยาของอาจารย์หรือ"
"ท่านบอกว่า ภรรยาหรือ เอ่อ ไม่ค่ะ ตอนนี้ยัง ไม่ใช่ หึ ยังไงก็ตาม เขาบอกให้ท่านรีบไปเดี๋ยวนี้ อย่ารอช้าเลยค่ะ"
"ได้ ข้าไปเดี๋ยวนี้"
เวลานั้นใต้เท้าชางก็ถามคิมฮงโดว่าเจอตัวแล้วใช่ไหม คิมฮงโดบอกว่าเจอแล้ว
"ดีมาก หาได้ก็ดี เพราะถ้าหาไม่เจอ วันนี้คงต้องทำลายมือใครซักคนเป็นการชดเชย เจ้าก็รู้นี่"
"ดูเหมือนท่านจะอารมณ์ดีนะ"
"หึๆๆ ใช่ มันสนุกดี น่าสนุก เฮ่อๆๆ"
"ท่านรู้หรือว่าเขาเป็นใคร"
"เฮ่อๆๆ เจ้าล่ะ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจใช่ไหม ถ้าไม่ทำลายมือคนอื่น ก็ต้อง เป็นมือเจ้าที่ถูกทำลายแทน หึ"
"ใต้เท้าอุตส่าห์หวังดีมาห่วงใยมือของข้า ข้ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง"
"หึๆๆ หึๆๆ"
พิธีการขอฝนของพระราชาจองโจสิ้นสุด ราชเลขาทูลรายงานว่า
"ฝ่าบาท ขุนนางจากต้าชิงได้เดินทางมาถึง เพื่อขอเฝ้าพะยะค่ะ"
"เรื่องของพระอัยยิกา ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว" พระราชาจองโจตรัสถาม
"ได้ยินว่าที่ศุนย์ศิลปะได้เตรียมการลงทัณฑ์ไว้แล้ว"
"งั้นหรือ" พระราชาจองโจทรงนึกถึงคำพูดของคิมฮงโดที่ไม่อยากเสียซินยุนบกไป
เจ้ากรมกล่าวในที่ประชุมว่า
" ปีนี้ เนื่องจากฝนไม่ตกมาเกือบ 2 เดือน ฝ่าบาทจึงมีพระบัญชา เสด็จไปทำพิธีขอฝน แต่แล้ว ในระหว่างงานพิธีซึ่งควรจะสำรวม กลับมีนักเรียนของศูนย์ศิลปะซึ่งมีหน้าที่ในการเขียนรูป ได้เขียนภาพที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทำให้ พิธีขอฝนเกิดความด่างพร้อย จึงเห็นควรที่จะลงโทษให้หนัก ด้วยเหตุนี้ จึงให้ช่างเขียนคิมฮงโด ทำการสืบสวนว่าภาพที่ออกมา เป็นผลงานของนักเรียนที่บังอาจคนไหน เพื่อให้สวรรค์คลายความพิโรธ ประทานสายฝนอันชุ่มฉ่ำลงมา ช่างเขียนคิมฮงโดเดินมาข้างหน้า"
ศิษย์คนหนึ่งกล่าวว่า "ที่แท้เขาก็มาเพื่อ"
"ข้าเคยบอกแต่แรกแล้วใช่ไหม ผู้ใหญ่เพ่งเล็งเราอยู่"
"เล่นละครกับเราชัดๆ"
ชางยอวอนว่าเพื่อน "เจ้าเพิ่งรู้หรือ"
เจ้ากรมถามคิมฮงโด "ช่างเขียนคิมฮงโด บอกซิว่า เจอเด็กนั่นหรือยัง เขาเป็นใคร นักเรียนใช่ไหม เขาเป็นใคร"
คิมฮง โดอึ้งไปสักครู่ก็กล่าวว่า "คนที่เขียนภาพ ข้ายังหาตัวไม่ได้ ข้ารู้สึกละอายต่อฝ่าบาท และเพื่อนๆ ในศูนย์ศิลปะทุกคน ที่อุตส่าห์มอบความไว้วางใจให้ข้ามาทำงานเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ ข้าต้องขอโทษด้วย ไม่ว่าจะมีโทษทัณฑ์ยังไง ข้าก็ยินดีรับ"
"พูดแบบนี้ รู้มั้ยว่าจะหมายถึงอะไรบ้าง ถ้าหาเจ้าของภาพไม่ได้ เจ้าก็ต้องรับโทษแทน และมือของเจ้าก็จะถูกทำลายด้วย"
" ข้าน้อยเห็นว่า เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ที่ฝันอยากเป็นจิตรกร ถ้าการที่มีภาพแบบนี้ออกมา ถือเป็นความผิดของนักเรียนในศูนย์ฯ ละก้อ เช่นนี้แล้ว อาจารย์ที่ไม่ได้อบรมสั่งสอน ชี้นำพวกเขาก็ยิ่งมีความผิดตาม ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งในที่นี้ ถ้าจะมีโทษ ข้าก็ยินดีรับแทนลูกศิษย์ เชิญใต้เท้าลงโทษข้าเถอะ"
"สรุปคือยังไงก็หาเจ้าของผลงานไม่ได้ใช่ไหม ทุกคนฟังให้ดี ช่างเขียนคิมฮงโด ทำผิดกฎของศูนย์ศิลปะ อีกทั้งไม่สามารถหาคนที่ทำให้พิธีขอฝนเกิดความด่างพร้อย ตามกฎแล้ว จึงต้องรับโทษแทนลูกศิษย์ ให้ช่างเขียนคิมฮงโด รับโทษทุบมือเดี๋ยวนี้"
พวกทหารกำลังจะลงโทษคิมฮงโด ซินยุนบกก็กลับมาถึงและร้องห้ามเสียก่อน
" หยุดก่อน หยุดเดี๋ยวนี้ อาจารย์ อาจารย์ ฮือ อาจารย์ๆๆ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย อาจารย์ๆ เพราะอะไร ทำแบบนี้เพื่ออะไร แก้มัดให้เขาเดี๋ยวนี้นะ อาจารย์ๆ ปล่อยข้าซี่ บอกให้ปล่อย อาจารย์ ข้าจะช่วยอาจารย์ ฮือๆๆ อาจารย์ๆ"
เจ้ากรมดุ "เจ้าเด็กบังอาจ ต่อหน้าพระพักตร์พระอัยยิกากล้าสามหาวขนาดนี้เชียวหรือ"
"ข้าน้อยมีเรื่องจะพูดครับ หึ ฮือ คน คนที่เขียน ภาพนั้น"
ซินยอนบกออกรับแทนก่อนว่า "คือข้าเองครับ เอ่อ ข้าเองครับ ข้าเป็นคนเขียนภาพนั้น"
อิกแจอึ้งไป "หา"
"เอ่อ ไม่ ไม่ใช่ครับ ข้าต่างหาก ข้าเป็นคนเขียน" ซินยุนบกยืดอกรับ
อิกแจเข้ามาแทรก "ไม่จริง ข้าเป็นคนเขียน พวกเขาทำเพื่อปกป้องข้าถึงได้โกหก"
"พี่ใหญ่ ฮือ เป็นงานของข้าจริงๆ ท่านประหารข้าเถอะ"
ทั้งซินยอนบกและซินยุนบกต่างออกรับว่าเป็นงานของตัวเองและยินดีรับโทษ เจ้ากรมต้องห้าม
"เลิกพูดมากซะที คิมฮงโด ให้เจ้าพูดเอง สองคนนี้ คนไหนควรถูกลงโทษมากกว่า"
อิกแจร้องไห้ เจ้ากรมเร่ง "คนไหนแน่ บอกมาเร็วๆ"
"ข้าไม่รู้"
"งั้นก็ลงทัณฑ์ต่อไปจนกว่าจะรู้"
ทั้งซินยุนบกและซินยอนบุกรีบบอก "อย่านะครับใต้เท้า"
"อย่าลงโทษเขา"
"ใต้เท้า ข้าเป็นคนเขียนรูปจริงๆ"
"ไม่เกี่ยวกับอาจารย์ ฮือ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ ใต้เท้า"
"ลงโทษข้าเถอะ ข้ายินดีรับโทษ" ซินยอนบุกว่า
พอดีพระราชาจองโจเสด็จมา พระอัยยิกาตรัสว่า
"นี่เป็นเรื่องที่ฝ่ายในจะจัดการเอง ฝ่าบาทอย่ามาก้าวก่ายดีกว่า"
"จำเป็น ที่จะต้องให้เสียเลือดเนื้อหรือ"
"ไหนๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว เมื่อมีการเริ่มต้น ยังไงก็ต้องมีการปิดฉากไม่ใช่หรือ"
"หึ พระอัยยิกา"
และระหว่างที่รอ คิมฮงโดก็ดุซินยุนบก
"เจ้ากลับมาทำไม ข้าสั่งอะไรไว้ ทำไมไม่ทำตาม"
"แล้วทำไมอาจารย์ ต้องมารับโทษแทนข้าด้วย นี่เป็นเรื่องของข้า"
ซินยอนบกอึ้ง "ยุนบก"
"พี่ก็เหมือนกัน ใครบอกให้มาช่วย"
ซินยอนบกดุบ้าง "เจ้าอยู่เงียบๆ เป็นมั้ย ข้าเป็นคนเขียนภาพนั้น"
" เรื่องถึงขนาดทำลายมือ จะให้ข้าอยู่เฉยได้ไง จากนั้นก็ทำเหมือนปกติ เขียนรูปต่อไปงั้นหรือ หือ ข้ายอมแพ้ ถึงหนีไปก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร ถึงได้กลับมาอีก อาจารย์ พี่ใหญ่ หึ ข้าขอโทษ"
คิมฮงโดตัดบท "พวกเจ้าจงฟังให้ดี อีกซักพักไม่ว่าใครจะถามอะไร ห้ามยอมรับเป็นอันขาด ว่าภาพนั้นเป็นของตัวเอง ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ของข้า ได้ยินหรือเปล่า"
จากนั้นคิมฮงโดก็ถูกนำตัวไปพบท่านเจ้ากรม ท่านเจ้ากรม
" คิมฮงโด เจ้าคิดว่าเป็น 1 ใน 2 คนนั้นหรือเปล่า จะพูดได้หรือยัง ว่าไง หรือว่า เจ้าอยากให้พวกเขาถูกลงโทษพร้อมเจ้างั้นหรือ ขอถามครั้งสุดท้าย เป็นคนไหน"
"ท่านเจ้ากรม เอามือข้าไปคนเดียวยังไม่พออีกหรือครับ"
"ฮึ่ม บังอาจนัก ก็ได้ ทั้งสามคนให้รับโทษพร้อมกัน ไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้"
อิก แจคุกเข่า "ท่านเจ้ากรม ฮือ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้าเอง ข้ามีโทษสมควรตาย ฮือๆๆ อย่าทำอะไรลูกของข้าเลย ข้าเป็นพ่อแต่ด้อยการอบรมพวกเขา โปรดอภัยให้พวกเขาด้วยเถอะครับ"
ใต้เท้าชางว่า "ทำไมต้องไปคุกเข่าอย่างงั้น ลุกขึ้น"
เจ้ากรมดุ "ท่านหุบปาก อย่าเพิ่งพูด ใต้เท้าอิกแจ บอกมาซิ อยากเสียลูกทั้งสองคนหรือช่วยคนใดคนหนึ่งไว้"
"ท่านเจ้ากรม ฮือ ท่านจะให้ข้าเลือกแบบนี้ได้ไงครับ ฮือๆๆ ใต้เท้า"
แล้วท่านเจ้ากรมก็ออกมาประกาศอีกครั้งว่า
" ทุกคนจงฟังทางนี้ นี่คือผลการตัดสิน หลายปีนี้ เนื่องจากภัยแล้งรุนแรง ฝ่าบาททรงทำพิธีขอฝนหลายครั้งก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผลนัก สวรรค์ไม่ยอมเมตตาซักครั้ง พระอัยยิกาจึงมีพระดำริ ให้เอาผิดกับคนที่เขียนภาพอนาจาร ในระหว่างที่มีงานพิธีสำคัญ จากนั้น ก็ให้ช่างเขียนคิมฮงโด สืบหาเจ้าของผลงานที่ทำให้เสื่อมเสียชิ้นนั้น จนรู้ผลในวันนี้ เดิมทีว่า จะลงโทษผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยการทุบมือ แต่ตอนนี้ให้ยุติไว้ก่อน ที่สำคัญ ความผิดของ คิมฮงโดซึ่งมีโทษเท่าเทียมนั้น ก็ให้ยกเลิกไปเช่นกัน นี่คือ พระเมตตาอันสูงส่งของพระอัยยิกา รวมถึงฝ่าบาท ที่ไม่ทรงเอาเรื่อง"
"เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพะยะค่ะ"
"ขอบพระทัย ฮือๆๆ ฮือๆๆ" ซินยุนบกร้องไห้ออกมา
พระราชาจองโจทูลพระอัยยิกาว่า
" พระอัยยิกา หม่อมฉันยังจำได้ถึงทุกวันนี้ ครั้งแรกที่เข้าวัง มีคนทำนายพระดวงชะตา เขาได้พูดอะไรไว้บ้าง บอกว่า พระกรรณของพระอัยยิกาเปี่ยมด้วยวาสนา โดยเฉพาะ ใฝแดงที่ใต้ติ่งหูขวา ยิ่งส่งเสริมให้มีบารมี จะพาให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองตาม พระอัยยิกา เป็นมั้ยพะยะค่ะ แม้แต่สวรรค์ยังเห็นใจช่างเขียนของเรา"
เจ้ากรมกล่าว ต่อว่า "แต่ว่า ในระหว่างที่มีพิธีขอฝน แล้วเขียนภาพแบบนี้ออกมา โทษตายเว้นได้โทษเป็นยังอยู่ จึงขอตัดสินโทษผู้ทำผิดทั้งศิษย์และอาจารย์ดังนี้ นักโทษ ซินยอนบก เดินหน้ามา นักโทษซินยอนบก ตัดสิทธิ์เข้าสอบไม่ให้เป็นช่างเขียนตลอดไป ที่สำคัญ ให้ไปอยู่โรงผลิตสี อยู่ที่นั่น จนกว่าชีวิตจะหาไม่"
ซินยุนบกยิ่งเสียใจมาก "พี่ใหญ่ ฮือๆๆ"
0000000000000
ซินยอนบกกลับมาที่บ้าน พบกับอิกแจ เขากล่าวว่า
"พู่กันพวกนี้ ต้องล้างทุกวันและผึ่งลมให้แห้งล่ะ ถึงจะยุ่งไปหน่อย ข้าไม่น่าพูดมากเลย ไปล่ะ ท่านพ่อ ข้าไปนะครับ"
ซินยุนบกเข้ามา "อย่าเพิ่งไป ตอนนี้ยังไม่สาย เราไปหาท่านเจ้ากรมด้วยกัน"
"นี่เป็นทางเลือกของข้า"
"เพราะอะไร ทำไมต้องรับข้อหาเขียนรูปอนาจารแทนข้าด้วย"
"ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้า และไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง"
"ถ้าอย่างงั้น ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ทำไมชอบคิดเองทำเองคนเดียวน่ะ ฮือ ท่านพ่อพูดหน่อยสิครับ เพราะอะไร"
"ไม่ใช่อย่างงั้น เจ้ามีพรสวรรค์มากกว่า เป็นความสามารถที่ ไม่ว่าใครพยายามแค่ไหนก็สู้ไม่ได้"
"พี่ใหญ่ ถ้าท่านไปวันนี้แล้ว จะไม่ได้กลับมาอีกนะ"
"ฉะนั้นถึงบอกว่าเห็นแก่ข้า ต่อให้เห็นแก่ข้า เจ้า ก็ต้องเป็นช่างเขียนให้ได้"
"ฮือ พี่ใหญ่ๆ ฮือ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้"
"เจ้าเพี้ยนไปแล้วหรือไง เขียนรูปอย่างงั้นทำให้ทุกคนวุ่นวายไปหมด แล้วยังไม่มีหัวคิดอีก"
"ข้าถึงบอกว่าจะไปรับผิดไงครับ ข้าไปเอง"
อิก แจตบหน้าซินยุนบก "ถึงขั้นนี้ยังไม่รู้จักคิดอีก เจ้า ไม่เพียงแต่ต้องเป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ ยังต้องเป็นจิตรเอกแห่งโชซอน ถึงจะชดเชยให้การเสียสละของยอนบกได้ เข้าใจหรือเปล่า"
"ข้าไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น และไม่อยากฟังด้วย ฮือ"
ซินยอนบกไปขอร้องคิมฮงโดว่า
"ได้โปรดเถอะครับอาจารย์ ข้าขอร้องท่านล่ะ ได้โปรดช่วยเขาด้วยๆ"
"เจ้ายอมเสียมือเพื่อจะช่วยน้องชายจริงหรือ"
" ได้โปรดช่วยน้องข้าด้วยเถอะ อาจารย์ ได้โปรดช่วยเขาที ข้าขอร้องล่ะครับ ฮือ อย่าทำอะไรเขาเลยครับ ฮือ เอามือข้าไปแทนก็ได้ ได้โปรดเถอะอาจารย์ ฮือๆๆ โปรดเอามือข้าไปเถอะครับ ฮือๆๆ"
"หึ คนที่เขียนภาพนั้น ก็คือข้า" ซินยุนบกยอมรับ
คิมฮงโดว่า "ข้าก็รู้"
"ถ้าอย่างงั้น ทำไมไม่เห็นท่านทำอะไรล่ะครับ เอ่อ อา อาจารย์ เราไปศูนย์ศิลปะเดี๋ยวนี้ บอกความจริงให้พวกเขารู้เถอะ"
"พี่ชายเจ้ายอมเสียสละ ไปอยู่โรงผลิตสี ก็เพราะเห็นแก่เจ้า"
" ฮือ แต่ยังไงข้าก็ไม่เข้าใจ ฮือ ภาพนั้นมีปัญหาอะไรนักหนา ทำไมต้องถูกทุบมือ แถมยังไล่ออกจากเมืองหลวงอีก ทำไมถึงเป็นอย่างงั้นล่ะครับ"
"วงการนี้ก็อย่างงี้แหละ"
"ฮือ ได้โปรดช่วยพี่ข้าหน่อยเถอะครับ ฮือ เป็นความผิดของข้า ข้ายอมไปเองก็ได้ ฮือๆๆ"
" ฮึ่ม เห็นมือข้างนี้หรือเปล่า มองให้ดีๆ พี่ชายเจ้ายอมเสียสละเพื่อมือข้างนี้ของเจ้า ถ้าเจ้ายังมีหัวคิด เข้าใจการกระทำของเขาบ้าง ก็กลับไปเขียนรูปซะ อย่าให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อีก"
ซินยุนบกยังไม่เข้าใจ และพร่ำโทษตัวเองที่ทำให้พี่ชายเดือดร้อน
" เขียนรูปไปทำไม ข้าจะเขียนรูปไปทำไม เป็นพี่แล้วไง ทำไมล่ะ มีความหมายอะไร ไม่เข้าใจ ฮือ ฮือ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะอะไร ฮือ โอ๊ย ข้าไม่ต้องการอะไร ไม่อยากเขียนรูปอีกแล้ว ไม่อยากเขียน โอ๊ย ไปให้พ้นนะ ฮือๆๆ โอ๊ย ย้าก ย้าก"
ยุนบกเสียใจที่ทำให้พี่ชายลำบาก จนเอาก้อนหินทำลายมือตัวเอง และปฏิญาณว่าจะไม่เขียนรูปอีกต่อไป
เมื่อ คิมฮงโดรู้เรื่องเข้า ก็รีบตามมาดูทันที ปรากฎว่าเห็นยุนบกอยู่ในสภาพหมดอาลัยตายอยากจนมาสลบที่ห้องของชอนเฮียง นางให้สาวใช้ไปตามหมอ แต่หมอไม่ยอมมา จึงสั่งให้สาวใช้ไปซื้อยามา ขณะที่ซินยุนบกละเมอร้องไห้
"ฮือ พี่ใหญ่ ฮือ ฮือ พี่ใหญ่ ฮือๆๆ โอ๊ะ" ซินยุนบกเจ็บมือร้องไห้
พอเรื่องสงบ เหล่าขุนนางก็ประชุมกันว่าจะไล่คิมฮงโดยังไง
"เขาคงไม่มีเหตุผลจะอยู่ในศูนย์ศิลปะต่ออีก จะไล่เขาไป คงไม่ใช่เรื่องยาก" ใต้เท้าชางว่า
เสนา ขวาเสนอ "ยังไงก็ต้องทำให้แนบเนียน ไม่งั้น ขืนให้มันอยู่ต่อ เรื่องเก่าก็จะขุดคุ้ยขึ้นมาอีก ทำให้วุ่นวายเปล่าๆ ทุกคนเข้าใจใช่ไหม"
"คนที่อีกไม่กี่วันก็จะไสหัวแล้ว ไม่ต้องไปใส่ใจนักหรอกครับ เฮ่อๆๆ หนีไม่พ้นเงื้อมมือเราแน่ เฮ่อๆๆ" ใต้เท้าชางกล่าวอย่างมั่นใจ
วัน ที่ 24 เดือน 5 ปี "พยองซู" ช่างเขียน "ซอจิน" ถูกฆาตกรรมอย่างมีเงื่อนงำ กรมอาญามาไต่สวน แล้วสรุปสาเหตุการตายของเขาว่า เพราะนิสัยขวางโลกและหยิ่งยะโส ก่อให้เกิดศัตรูรอบข้างโดยไม่รู้ตัว ซอจิน ถนัดวาดภาพบุคคล แต่ไม่เคยเข้าวังเขียนภาพเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญต่างๆ จึงถือว่าไม่มีผลงานโดดเด่นมากนัก และน้อยคนจะรู้จักชื่อเขา หลังจากเสียชีวิตได้เพื่อนสนิทชื่อคิมฮงโด ช่วยจัดงานศพให้เขา
"ไม่ต้องห่วง เจ้ารอข้าหน่อยนะ ข้าจะล้างมลทินให้เจ้าเอง"
ชอนเฮียงมาพบคิมฮงโด เพื่อบอกเรื่องซินยุนบก
"ท่านทังวอนใช่ไหมคะ โปรดช่วยเขาด้วย คุณชายคนนั้น เป็นช่างเขียนอายุยังน้อยก็จะเลิกเขียนรูปแล้ว"
"ช่างเขียนที่ไหนจะเลิกเขียนรูป" คิมฮงโดแปลกใจ
"เขาเอาก้องหิน ฮือ ทุบมือตัวเองน่ะค่ะ"
"อะไรนะ" คิมฮงโดยิ่งตกใจ และตามชอนเฮียงไปพบซินยุนบก
"มือยับเยินขนาดนี้เชียวหรือ"
"ท่านมาทำไม" ซินยุนบกได้สติแล้ว
"หึ ทำดีนี่นะ ดีมากด้วยเหมือนคนปัญญาอ่อน สิ้นคิดทำอะไรโง่ๆ"
"ต่อไปข้าจะไม่สนใจการเขียนรูปอะไรอีกแล้ว เชิญท่านกลับไปเถอะ"
"ลุกขึ้นเร็ว ข้าจะดูมือหน่อย บอกให้ลุก"
"ฮึ่ม อย่ายุ่งกับข้าได้ไหม ข้าไม่อยากเจอใคร เชิญไปซะ ไปซี่ ข้าอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ"
คิมฮงโดดุ "พูดมากจริง"
"ไปนะ อย่ายุ่ง"
"ลุกขึ้นก่อน"
"ไม่ลุก อย่ามายุ่งนะ"
"ดื้อจริง พูดไม่ฟังใช่ไหม"
ชอนเฮียงเล่าว่า "ข้าเจอเขาอยู่ข้างนอกเมื่อคืนน่ะค่ะ ทีแรกว่าจะตามหมอ หึ แต่ไม่มีหมอคนไหนกล้ามาที่นี่"
"ลุกขึ้น" คิมฮงโดสั่ง
ซินยุนบกดื้อ "ไม่"
"บอกให้ลุกไงเล่า ฮึ่ม"
ซินยุนบกร้อง "โอ๊ะ โอย"
"โง่แล้วยังทำอวดดี ข้าไม่น่ามารู้จักเจ้าเลย เฮ่ย เห็นเขาว่าในป่านี้ มีหมอเก่งคนหนึ่ง ลองไปรักษาดู"
"ไม่ต้องรักษาให้เสียเวลาหรอกอาจารย์ ไหนๆ ข้าก็ไม่เขียนรูปอีกแล้ว"
"ดูซิยังจะปากดีอีก คนเราเมื่อมีพรสวรรค์ก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ดีๆ พูดมากจริง ตัวก็หนักชะมัด"
" ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย ใครๆ ก็ว่าข้าเขียนรูปอนาจาร ท่านเองก็เกือบเสียมือเพราะข้าเป็นต้นเหตุ ส่วนพี่ชายข้า ก็ถูกเนรเทศไปต่างเมืองเพื่อจะช่วยข้า แล้วจะให้ข้าทำอะไรอีก ปล่อยข้านะ
" ยังจะพูดอีก อยากถูกตีก้นใช่ไหม หา เพื่อเห็นแก่มือเจ้า พี่ชายไปอยู่ต่างเมือง ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับ สิ่งที่เขาทำ ไม่มีความหมายเลยหรือ"
"ทำแบบนี้ สู้ตัดมือข้าไปซะดีกว่า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ"
" เอางั้นหรือ งั้นก็ได้ ลงไป เฮ่อๆๆ เย็นสบายมั้ยล่ะ ให้หายโง่ซะบ้าง เฮ่ย วันนี้อากาศดีซะด้วย เอาซี่ เชิญตัดให้พอเลย มือเท้าตัดทิ้งให้หมด พี่ชายไปอยู่ต่างเมืองยังไม่สำนึกอีก เกือบทำให้ข้าพลอยแย่ไปด้วย โลกนี้ใครจะโชคดีเหมือนเจ้าคงไม่มีแล้ว เจ้าหนู"
จบ ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก 3

ละคร ชินยุนบก ตอนที่ 4

คิมฮงโดถามหมอว่า "เขาเป็นไงบ้างครับ มีอันตรายถึงชีวิตหรือเปล่า"
"เฮ่ย ก็ไม่ถึงกับตายหรอก ถ้ากินยาที่ข้าสั่งซักหลายๆ ชุด ไม่เกิน 2 วันคงลุกขึ้นเดินเหินได้"
"แล้ว เขายังจะเขียนรูปอีกได้ไหม"
" เฮ่ย ถ้าจะเริ่มเขียนใหม่ ก็ต้อง ทำแบบนี้ ทำไปเรื่อยๆ ทุกวันๆ เช้าสายบ่ายเย็นรอบละ 9 ครั้ง หันหน้าไปทางตะวันออกแล้วฝึกเรื่อยๆ อีกหน่อยจับไม้กวาดๆ พื้นก็ยังสบาย ของมันอยู่ที่ใจ อ้อ ลืมบอกเรื่องสำคัญไปอีกอย่าง การทายาก็มีเคล็ดลับเหมือนกัน จะทาส่งเดชไม่ได้หรอกนะ ต้องค่อยๆ คลึง คลึงเบาๆ จากซ้ายไปขวา ซ้ายไปขวา นวดเบาๆ ค่อยๆ ผิดจากนี้ไม่ได้ คราวก่อนก็มีคนไข้ไม่เชื่อฟังอยากลองของ ดันทาไปอีกทาง ตรงกันข้าม สุดท้ายมือเลยเน่าไปเรียบร้อย"
"หา หรือครับ แหะๆๆ"
คิมฮงโดเข้ามาสั่งซินยุนบกว่า
"ก่อนที่มือจะหายดี ห้ามไปไหนทั้งนั้น อยู่นี่แหละรู้มั้ย"
"มือข้ากับอาจารย์ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันซักนิด ข้าไม่อยู่หรอก"
" เฮอะ เจ้านี่ยังแช่น้ำไม่พอใช่ไหม หา ยังไม่มีหัวคิดอีกหรือ มือเป็นแบบนี้ จะกลับไปพบพ่อเจ้าได้ไง ไหนจะมีพี่ชายเจ้า เห็นเข้าจะว่าไง"
"ถึงอย่าง งั้น แล้วเกี่ยวอะไรกับท่านไม่ทราบ ข้ากับท่านเหมือนอยู่คนละโลกก็ว่าได้ อีกอย่าง ข้าไม่คิดกลับไปศูนย์ศิลปะอีก และไม่อยากเรียกท่านเป็นอาจารย์ด้วย"
"หนอย เจ้านี่ ข้าก็เพิ่งรู้ เจ้าช่างพาลเก่งจริงๆ"
"รู้ตอนนี้ยังไม่สาย ข้าก็มีนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว พี่คิม"
คิมฮงโดแปลกใจ "อะไรนะ พี่คิมหรือ เฮอะ เจ้านี่นับวันจะยิ่งกำเริบแฮะ ไม่ต้องพูดมาก เข้าบ้านไปเดี๋ยวนี้"
"ทำไมข้าต้องอยู่นี่ด้วย บอกหน่อยได้ไหม หึ ข้าขอไปดีกว่า"
" มือเป็นอย่างงั้นจะไปไหนได้ ถึงไม่เป็นช่างเขียน งานอื่นก็ไม่มีใครเขารับ ถ้าอีกหน่อยพิการ ไปอยู่ห้องเก็บภาพก็ทำงานไม่ไหวหรอกนะจะบอกให้ เลิกงอแงซะที เข้าไปเร็ว ข้าบอกให้เข้าบ้านไงล่ะ"
คิมฮงโดไปบอกอิกแจ และเตือนว่าให้ซินยุนบกคิดให้ได้เอง อิกแจได้แต่ถอนใจ
คิมฮง โดใช้สารพัดวิธีปราบความรั้นของซินยุนบก เพื่อสร้างกำลังใจให้นางกลับมาเขียนรูปอีกครั้ง ในที่สุดซินยุนบกก็ยอมที่จะถือพู่กันใหม่ และซาบซึ้งในความมีน้ำใจของ คิมฮงโดที่พยายามช่วยตน
"ความหมายของการเขียนรูป ก็ไม่ต่างกับกินข้าว ถ้าเราเขียนรูปไม่ได้จะกินข้าวไม่ลง ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้น ฟังข้าดีๆ เพราะฉะนั้น เจ้าไม่ต้องคิดอะไรมาก เริ่มต้นหัดเขียนใหม่ซะ ข้าดูออกว่าเจ้าทิ้งงานนี้ไม่ได้หรอก ว่าที่ จิตรกรเอก ไปเร็ว กินข้าว"
คิมฮงโดนำกระดาษเปล่ามาให้ซินยุนบกดู และถามว่าเห็นอะไรมั้ย
"จะให้ข้าเห็นอะไร มันก็แค่กระดาษธรรมดา"
"ในสายตาเจ้าเห็นแค่กระดาษธรรมดาหรือ มันไม่ได้ซ่อนผลงานจากฝีมือเจ้า และตอนนี้ก็ใกล้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว"
"หึ พล่ามอะไรก็ไม่รู้"
" เฮ่อๆๆ มันเป็นความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการของคนเขียนรูป ที่ถูกบางอย่างบดบังไว้ หือ ทำไมมีเม็ดข้าวติดมือมา ฝากเช็ดหน่อยนะ อยากดูอะไรมั้ย เป็นไง เห็นหรือยัง ดูอีกทีนะ งั้นจะเขียนให้ดูใหม่"
"นี่คือ พวกนี้คือ คนที่เมื่อกี้ เราเจอที่ตลาดไม่ใช่หรือ"
"ใช่ ไม่งั้นนึกว่าไปเดินเล่นหรือไง อากาศร้อนซะขนาดนั้น มันเป็นการบันทึกสิ่งที่เราเห็นบนสิ่งที่ว่างเปล่าไง"
"บันทึกสิ่งที่เห็น ลงบนสิ่งที่ว่างเปล่า งั้นหรือ"
" ถูกต้อง สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่เห็นจริง ถึงไม่เห็นก็ใช่ว่าจะไม่เห็นจริง ความช่างสังเกตรายละเอียดข้อปลีกย่อยของสิ่งรอบข้าง เพียงเพื่อจะเอากลับมา ใส่ในกระดาษให้คนอื่นได้ดูต่อ เขียนในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เข้าใจการเปลี่ยน แปลงของสรรพสิ่ง มีความสุขกับการสร้างสรรค์ถึงจะเรียกว่าเป็นศิลปิน"
"ถ้าทำได้อย่างงั้น แม้ภาพเทวดา เราก็เขียนได้อย่างวิจิตร เหมือนจิตตั้งมั่นในสมาธิ แต่ใจเป็นอิสระจะทำอะไรก็ได้"
" นั่นแหละถูกต้อง เฮ่อๆๆ ใช่แล้ว ถ้าเป็นอย่างงั้น เราจะไม่ใช่ปล่อยใจไปกับสิ่งที่เห็น หากแต่ใช้สายตาและหัวใจคล้อยตามสิ่งนั้นๆ เช่นเดียวกับการลากเส้นให้ยาวเพื่อผ่านสามจุดยังไงอย่างงั้น"
"หึ พี่คิม อ้อ อาจารย์ อาจารย์ทังวอน"
" เจ้าหนูนี่ เปลี่ยนสรรพนามเป็นว่าเล่นเชียว ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง เดี๋ยวเถอะ หึ ดูนะ ก็เหมือนกับ แสงเทียนเพียงเล็กน้อย แต่สามารถส่องสว่างให้เห็นเงาทั้งร่าง"
ซินยุนบกนึกถึงคำพูดของบิดาตัวเองซึ่งเหมือนคำพูดของคิมฮงโดไม่ผิดเพี้ยน
"แค่ลายเส้นๆ เดียว จะก่อเกิดรูปแบบไปต่างๆ มากมาย ขอเพียงเจ้าเห็นเงาอย่างชัดเจน เจ้าก็จะ"
คิมฮงโดกล่าวต่อว่า "คิดเห็นเป็นภาพต่างๆ และถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างออกมาได้ อยากลองดูมั้ยล่ะ ไม่ต้องไปกลัวมัน"
"ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณมากนะ อาจารย์ เฮ่อ"
วันต่อมา พระราชาจองโจทรงทอดพระเนตรภาพวาดกับใต้เท้าชาง
"ส่วนภาพนี้ ใช้สีหลายชนิดที่หายากในโชซอน ระบายอย่างสวยงาม ต้าชิงเป็นเมืองที่นิยมสีสัน คิดว่า น่าจะถูกใจพวกเขาพะยะค่ะ"
"ภาพๆ หนึ่งถ้าใช้สีมากไป มันจะดูเหมือนภาพพื้นๆ ที่วางขาย แล้วจะไปให้แขกสำคัญได้ยังไง"
"ผลงานภาพนี้ ลายเส้นเฉียบคมประณีตบรรจง สะท้อนถึงความเป็นฤดูร้อน"
"ข้าว่าลายเส้น ออกจะแข็งไปหน่อย"
"ส่วนภาพนี้ สื่อถึงมิตรภาพระหว่าง "จงจื่อฉี" กับ "หยูไป่หยา" แห่งต้าชิง เปรียบเหมือนไมตรีระหว่างสองประเทศ"
"รูปนี้ใครก็เขียนได้ ฮึ่ม ตกลงพวกท่าน จะให้ข้าส่งภาพไหนแน่"
พวกช่างเขียนรีบน้อมคำนับ "ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ"
"ทำไมไม่เห็นผลงานของคิมฮงโดบ้าง" พระราชาจองโจตรัสถาม
"ฝ่าบาท เพราะเขาใกล้จะกลับไปเมืองเปียงยาง ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ได้ร่วมในงานนี้พะยะค่ะ"
"ท่านบอกว่า เขาไม่ได้เข้าร่วมหรือ"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
คิมฮงโดเข้าเฝ้าพระราชาจองโจในเวลาต่อมา ทรงตรัสว่า
"ภาพที่สื่อถึงการใช้ชีวิตของชาวจีน ทำไมกลับมีบรรยากาศของโชซอนแฝงอยู่"
"เหล่านี้ล้วนเป็นนิทานของจีน แต่หม่อมฉันใส่ใบหน้าของชาวโชซอนลงไปพะยะค่ะ"
"เสื้อผ้าของแต่ละคน ล้วนถูกลมพัดปลิวว่อน ไปในทิศทางเดียวกันหมด สาเหตุเพราะอะไร"
" แม้ทุกคนจะมีกิริยาแตกต่าง แต่ใจของพวกเขา ล้วนมุ่งไปยังบ้านเกิดของ "ซีหวังหมู่" จิตใจที่เหมือนสายลม สื่อแทนด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์พะยะค่ะ"
"จิตใจของทุกคน ไปทางบ้านเกิดของซีหวังหมู่งั้นหรือ หึๆ แล้วใน 8 ภาพนี้ ตรงกลางกลับมีภาพหนึ่งที่ว่างเปล่า สาเหตุเป็นเพราะอะไร"
"ถ้าไม่ปล่อยว่างไว้ ภาพจะดูเบียดเสียดเยียดยัด ขาดความเป็นธรรมชาติ หม่อมฉันจึงเว้นไว้พะยะค่ะ"
"ฝ่าบาท ขอทรงตัดสินด้วย" ใต้เท้าชางทูล
" ใจของทุกคนที่มุ่งจะขึ้นเขาไปยังบ้านเกิดของซีหวังหมู่ ออกมาเป็นภาพนี้ เห็นแล้วเกิดความสมจริงราวกับเหตุการณ์อยู่ตรงหน้า เป็นผลงานที่เยี่ยมนัก เฮ่ย คิดแล้วก็น่าเสียดาย ที่จะไม่ได้เห็นภาพนี้อีก เพราะต้องส่งไปเมืองต้าชิง เลือกภาพนี้ ถ้าข้าหวังพึ่งท่านคนเดียว ไม่รู้ถึงปีหน้าจะได้เห็นภาพหรือเปล่า"
"ขอทรงอภัยด้วยพะยะค่ะฝ่าบาท"
พวกช่างเขียนขานตาม "ขอทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ"
" ดีที่ได้ท่านคิมฮงโด มาช่วยกู้หน้าข้าไว้อย่างหวุดหวิด เห็นทีต้องตบรางวัลใหญ่ให้ซะแล้ว จิตรกรคิมฮงโด บอกมาซิว่า ต้องการรางวัลอะไรบ้าง"
"ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า รูปภาพนี้ หม่อมฉันไม่ได้เขียนคนเดียวพะยะค่ะ รูปภาพนี้ หม่อมฉันกับนักเรียนอีกคน ชื่อซินยุนบกร่วมกันออกความคิด และเขียนขึ้นพะยะค่ะ ถ้าตอนนี้ฝ่าบาท จะทรงประทานรางวัลจริง หม่อมฉันอยากให้ศิษย์คนนี้ ได้เป็นช่างเขียนเต็มตัวได้ไหมพะยะค่ะ"
"นี่เป็นเรื่องของศูนย์ศิลปะ คงต้องถามความเห็นใต้เท้าชางซะก่อน ใต้เท้าชาง ท่านจะเห็นว่าไง"
" ฝ่าบาท คนที่ชื่อซินยุนยก ออกจากศูนย์ศิลปะโดยพละการ ที่สำคัญคิมฮงโด เดิมไปอยู่เปียงยางนานแล้ว เพราะเรื่องภาพอนาจารจึงได้เชิญมาสืบสวนชั่วคราว ไม่ว่าจะให้ยอมรับนักเรียนที่ลาออกไป หรือให้คนที่หมดหน้าที่ยังอยู่ในเมืองหลวงต่อ ทั้งหมดนี้ ล้วนผิดต่อกฎของศูนย์ศิลปะพะยะค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้น ท่านว่าจะทำไงดีล่ะ ถ้าเด็กคนนั้นผ่านการสอบคัดเลือกในปีนี้ ก็จะได้เป็นช่างเขียนเต็มตัว และแสดงว่าเขากับคิมฮงโด ล้วนมีสิทธิ์อยู่ในศูนย์ศิลปะทั้งคู่ ทำแบบนี้ท่านว่าดีมั้ย"
ใต้เท้าชางทูลว่า "แต่ว่า ถ้านักเรียนคนนั้นไม่สามารถผ่านการคัดเลือก คิมฮงโดก็ต้องกลับเปียงยางถูกมั้ยพะยะค่ะ"
คิมฮงโดยอมรับ "ตกลง หม่อมฉันเห็นด้วย"
พอออกมาอิกแจก็รีบเข้ามาหาคิมฮงโด
"เดี๋ยวก่อนทังวอน เจ้าเต็มใจที่จะ ช่วยลูกชายข้าจริงหรือ ขอบใจมากนะ"
"ครับ"
"แต่ว่า ต่อไปเรื่องของยุนบก ให้ข้าจัดการเองจะดีกว่า ส่วนเจ้า ไม่ต้องยุ่งกับเขาอีก"
"มันก็จริง แต่เรื่องนี้ชี้ชะตาข้าด้วย ไม่รู้จะปล่อยเขาได้หรือเปล่าน่ะนะ"
พอซินยุนบกพบกับคิมฮงโดก็รีบถามว่า
"ตกลงเป็นไงบ้างครับ เรื่องการสอบน่ะ"
"หึ หึ นับแต่นี้ชะตาของเรา ขึ้นอยู่กับปลายพู่กันของเจ้า"
"แปลว่าได้หรือครับ"
"ต้องเขียนรูปให้มีชีวิต นิสัยเจ้าเป็นคนอ่อนไหวง่าย ข้าคงต้อง คอยดูพัฒนาการไปเรื่อยๆ"
"ครับ"
"ต่อไปต้องเข้มแข็งล่ะ"
"ครับ"
000000000
ระหว่างการสอบ จู่ๆ ซินยุนบกก็ลุกขึ้น ขุนนางรีบถามว่า
"เจ้าจะลุกไปไหน จะสละสิทธิ์ในการสอบหรือไง"
อิกแจเองก็ตกใจ "ยุนบก"
"ไม่ใช่ครับ ข้าจะไปหาแรงบันดาลใจในการเขียนแล้วค่อยกลับมาใหม่"
"เส้นตายคือก่อนพรุ่งนี้เที่ยง ต้องกลับมาให้ทัน ไม่งั้นเราจะไม่รอล่ะ" ใต้เท้าชางว่า
ซินยุนบกรับคำ "ครับ"
จากนั้นใต้เท้าชางก็สั่งช่างเขียนคนหนึ่งให้คอยขวางไม่ให้ซินยุนบกเขียนภาพได้สำเร็จ
ซินยุนบกออกไปตามหาชิงช้า โดยแต่งเป็นหญิงสาว และได้พบกับชอนเฮียง
ชอนเฮียงถาม "หึ เพิ่งมาครั้งแรกหรือ"
"เอ่อ ใครบอกว่า ข้ามา ครั้งแรกล่ะคะ"
"ไม่ต้องกลัวไปหรอก จับเชือกแน่นๆ ไว้"
"ไม่ต้องมาสอนได้ไหม ไกวได้เลย"
"บอกให้จับแน่นๆ ล่ะ ช่างเขียนรูป"
"หา เอ่อ"
"ทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้น แล้วจะคุ้นเอง"
แล้วชิงช้าก็ทำให้ซินยุนบกนึกออกว่าจะวาดภาพอะไร ซินยุนบกวาดภาพไปหญิงสาวหลายคนพากันชื่นชม คิมฮงโดแอบมาดู
คิมฮงโดกระแอมนิด ดัดเสียงหวาน "ยุนบก"
"คะ?" ซินยุนบกเผลอ และพอเห็นคิมฮงโดก็ตกใจ
"เฮ่อๆๆ แค่นี้ต้องตกใจด้วย เฮ่อๆๆ"
"เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ"
"ไม่ต้องกลัว ข้ามาดูเฉยๆ รีบเขียนต่อเร็วเข้า ตามสบายๆ เฮ่อๆๆ"
"แหะ ค่ะๆ"
"นี่ๆๆ นี่คงไม่ใช่รูปข้านะ เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ ทำไมหรือ มีอะไร มีปัญหาอะไรหรือจ๊ะ"
"ปัญหาคือ"
"ทำไมไม่เขียนต่อเร็วๆ ข้าอยากเห็นภาพทั้งหมด อยากรู้ว่าใครอยู่บนชิงช้าโล้ไปโล้มา เฮ่อๆๆ"
"ตรงนี้ ข้ายังไม่เข้าใจเท่าไหร่"
"หา มีอะไรไม่เข้าใจอีกล่ะจ๊ะ"
"ข้าไม่เข้าใจ ความคิดของผู้หญิงคนหนึ่ง ว่านางคิดยังไงกันแน่"
หญิงหลายคนลุ้น "วาดไปเถอะ ยังไงก็ได้ สวยอยู่แล้ว เราอยากดูจะแย่"
ทันใดนั้นมีหญิงสาวเข้ามาโวยวายว่าซินยุนบกขโมยเสื้อผ้า คิมฮงโดเข้ามาช่วยเคลียร์
" เอ่อ คืออย่างงี้ ภรรยาข้าคนนี้ สุขภาพไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร วันนี้เห็นท้องฟ้าแจ่มใส่เลยมาเขียนรูปแถวนี้ ส่วนข้าเป็นห่วงนางเลยปลอมตัวมาดูแลใกล้ชิด ทำแบบนี้ เป็นความผิดมากหรือไง พูดมาหน่อยซิ"
"มันก็จริงน่ะนะ คนรักเมียน่ะ นั่นสิ ไม่เป็นไร ไม่ผิดหรอก" หญิงสาวหลายคนช่วยพูด
"ไม่ใช่อย่างงั้นนะคะ อย่าไปฟังเขา คนที่หลอกเอาเสื้อผ้าข้าไป คนนี้น่ะ เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ"
หญิงหลายคนตกใจ "หา ผู้ชายหรือ"
ทหารแปลกใจ "นางเป็นผู้หญิงชัดๆ เจ้าดูผิดหรือเปล่าน่ะ"
"ไม่เชื่อหรือ ถอดมาดูเร็ว ถอดเดี๋ยวนี้"
"ถอดบ้าอะไร พูดไม่รู้เรื่องนี่ บอกแล้วว่าเมียข้าสุขภาพไม่ดี เมียจ๋า เป็นไรมั้ยจ๊ะ" คิมฮงโดโวยบ้าง
"โอ๊ย รู้สึกเวียนหัว หน้ามืด"
" เห็นมั้ยๆ บอกแล้วว่าร่างกายไม่ดีก็อย่าโหม ออกมาเขียนรูปทำไมให้เหนื่อยเปล่าๆ ไม่ได้การ กลับบ้านดีกว่า ข้าจะพาไปหาหมอนะจ๊ะที่รัก ไปๆๆ"
เผอิญเสื้อผ้าของซินยุนบกหล่น ชอนเฮียงรีบบอกว่าจะเก็บไว้ให้ คิมฮงโดรีบพาซินยุนบกหนี
จบ ยอดหญิงตำนานศิลป์ ซินยุนบก 4

ละคร ชินยุนบก ตอนที่ 5

"เอ่อ อาจารย์ ไหนบอกว่าจะไม่ดูไง"
" เปล่า ไม่ได้ดู แค่เหล่ๆ ไม่เห็นอะไรซักหน่อย เชอะ รีบเปลี่ยนชุดเร็วๆ เราเสียเวลามากแล้วนะ ว่าแต่เจ้าเถอะ เจ้า เป็นผู้ชายแท้ๆ ทำไมถึงดูบอบบางอ้อนแอ้นนัก บอกว่าเป็นผู้หญิงยังเชื่อเลย"
"อุ๊ย เอ่อ ผู้ ผู้หญิงอะไรกัน"
" ข้าหมายถึงสมมุติ สมมุติใครมาบอกว่าเจ้าเป็นผู้หญิง ข้าคงเชื่อเหมือนกัน เฮอะ แต่นิสัยเจ้าทั้งห่ามทั้งดื้อรั้น ถ้าเป็นผู้หญิงรับรองขายไม่ออกแน่ หึๆ"
"เฮอะ อ๋อ ข้าก็ว่างั้น ว่าแต่ ถ้าท่านแต่งเป็นผู้หญิง คิดว่ามีใครมองหรือเปล่า"
"ข้าเป็นผู้หญิงแล้วทำไม สวยกว่าเจ้าละกัน" คิมฮงโดหัวเราะแบบผู้หญิง เฮ่อๆๆ ข้าเป็นห่วงเลยตามมาดู เขียนอะไรได้บ้าง มาดูซิ"
"ในภาพ มีแต่ตัวประกอบ ที่ขาด คือจุดเด่นของภาพ"
"หมดเวลาพรุ่งนี้เที่ยง คิดว่าจะเสร็จทันได้ไหม งั้นตอนนี้ เจ้าจะไปไหนต่อ เพื่อเขียนรูปให้เสร็จ"
"มีอีกที่หนึ่ง ที่ข้าอยากไป"
"งั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น ก็ไปเติมเต็มความฝันให้พอละกัน"
"ครับ อาจารย์"
ซิ นยุนบกเข้าสอบคัดเลือกเป็นช่างเขียน ท่ามกลางความเป็นห่วงของคิมฮงโด และในค่ำคืนๆ หนึ่ง หลังจากที่ซินยุนบกไปเขียนภาพ โดยมีนางโลม ชอนเฮียง เป็นแบบให้อีกครั้ง พอกลับออกมา ซินยุนบกก็ถูกลอบทำร้าย จับโยนไปในบ่อน้ำและภาพที่เขียนไว้ก็ถูกฉีกทิ้ง
คิมฮงโดเป็นห่วงจึงออกตามหา ในที่สุดก็สามารถช่วยซินยุนบกขึ้นจากบ่ออย่างทุลักทุเล และไปถึงสนามสอบอย่างฉิวเฉียด
"ฮือ จะทำไงดีครับ อาจารย์ ฮือๆๆ"
" ฟังนะ ไม่ก็เอาอย่างงี้ ยุนบก เจ้าฟังให้ดี หึ ในใจยังมีภาพอะไรเหลืออยู่ มองเห็นอะไรบ้างมั้ย ลอง ลองนึกดู อะไรก็ได้ หา ทบทวนความจำ มีอะไรอยู่ในสมองบ้าง เช่นชิงช้า ผู้หญิงที่เล่นชิงช้า ลำธาร เสียงลม สายน้ำ โขดหิน ต้นไม้ สายลม บรรยากาศ อะไรก็ได้ นึกมาให้หมดเร็วเข้า เอางี้ หลับตาลง หลับตาเดี๋ยวนี้ พยายามนึกเข้าไว้ อะไรก็ได้ สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน กลิ่นอา บรรยากาศ ทุกประสาทสัมผัสเอามาใช้ให้หมด ขอเพียงนึกได้อะไรซักอย่าง ที่เหลือก็จะตามมาเอง เจ้าแค่นึกอย่างเดียวเท่านั้น เห็นหรือยัง หา เริ่มเห็นลางๆ บ้างมั้ย ตั้งสมาธิแล้วเพ่งให้ดี เห็นหรือเปล่า หา"
แม้กระนั่น ซินยุนบกก็ยังเขียนรูปได้ทันเวลา
" พี่ชายเขียนรูปอนาจารจนถูกไล่ออกไปคนหนึ่งแล้ว น้องก็ยังมาเขียนรูปผู้หญิงตามอีก พวกเจ้าจะทำให้ศูนย์ศิลปะเสื่อมเสียหรือไง" ใต้เท้าชางดุ
ซินยุนบกร้องไห้ "ฮือ"
"ไล่มันออกไป"
"เอ่อ ใต้เท้า เดี๋ยวสิครับ ฟังข้าก่อน นี่ไม่ใช่ภาพอนาจาร"
"แล้วมันคืออะไร"
" เป็นภาพที่ มีลมหายใจ มีชีวิต พูดคุยได้ เป็นชีวิตจริงของผู้คนน่ะครับ มีแต่เทศกาลบ๊ะจ่างเท่านั้น ผู้หญิงถึงออกมาข้างนอกได้ ฉะนั้นจึงไม่ถือว่าอนาจารซักนิดน่ะครับ ฮือ"
"พูดเก่งนัก ข้าจะไล่เจ้าไปเขียนรูปข้างนอกละกัน"
"ใต้เท้าชาง ได้โปรดเถอะครับ ให้ข้าเขียนต่อ"
คิมฮง โดเข้ามาช่วย "ใต้เท้า ท่านไล่เด็กออกไปตอนนี้ เขาก็หมดสิทธิ์ทำข้อสอบ แบบนี้มิเท่ากับกลั่นแกล้งหรอกหรือ งานนี้ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาลงมา รอให้เขาเขียนเสร็จแล้วค่อยวิจารณ์ก็ยังไม่สาย ท่านว่าจริงหรือเปล่า"
"หึ ตอนนี้เหลือกระดิ่งอยู่แค่อันดียวแล้ว นับแต่นี้ ชะตาของเด็กคนนี้จะต้องถูกทดสอบอย่างหนัก เข้าใจหรือเปล่า"
"รีบไปเขียนต่อเร็ว" คิมฮงโดเร่ง
และพอถึงช่วงเวลาตัดสิน มีเจ้ากรม และพวกช่างเขียนเป็นกรรมพร้อมด้วยใต้เท้าชางที่คอยเป็นอุปสรรค พวกช่างเขียนแก่พากันตะลึงกับรูป
"โห ดูซิ ภาพนี้มาได้ไงนี่ เด่นมาเชียว"
" ผู้หญิงในรูปต่างเปลื้องผ้า ปล่อยเนื้อปล่อยตัวท้าทายสายตา ซ้ำยังแสดงกิริยาไม่สำรวม ที่สำคัญ มีผู้ชายสองคนมาแอบดูด้วยท่าทางก้อร่อก้อติก ดูยังไงก็เหมือนภาพราคาถูกที่วางขายข้างนอก อีกอย่าง ท่านดูสีที่ใช้สิครับ" ใต้เท้าชางว่า
"สีทำไมหรือ"
"ใช้สีเข้มเกินจริงอีกต่างหาก"
คิมฮงโดเถียงว่า "มีใครบอกหรือว่าห้ามใช้สีเกินจริง มันผิดตรงไหนครับ"
เจ้ากรมมองคิมฮงโดทันที "เจ้าก็มีส่วน ในการตัดสินภาพด้วยหรือ"
ใต้ เท้าชางว่าต่อ "การใช้สี ขึ้นอยู่กับความเป็นจริงและความจำเป็นที่ต้องใช้ ถ้าแต่งแต้มเกินเหตุ จะทำให้ภาพรวมดูโดดและไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนภาพดาษดื่นทั่วไป"
"แล้วยังไงอีกครับ"
"โดยปกติภาพเขียนที่ดี จะไม่เน้น ขุนเขาสายน้ำให้เด่นเกินไป แต่ว่า ภาพนี้เป็นยังไง เจาะจงเน้นเรือนร่างและกิริยายวนเย้าของผู้หญิง บ่งชี้ความต่างของเพศตรงข้ามเพื่อดึงดูดสายตาผู้คน ซ้ำยังใช้สีสันสะดุดตา เพื่อจะให้คนดูไขว้เขวชัดๆ เพราะฉะนั้น มันเป็นภาพที่ยั่วยุให้เกิดกิเลสมากกว่า"
"ใต้เท้าชาง ความหมายของท่านคือจะย้ำให้รู้ว่าภาพนี้ ทำให้คนเกิดกิเลสและไขว้เขว ซึ่งถือว่าผิดทฤษฎีแห่งศิลป์ใช่ไหม งั้นขอถามหน่อยว่าในบรรดาช่างเขียน ใครจะสามารถเขียนภาพให้เกิดความน่าทึ่ง ท้าทายความคิดไม่รู้จบได้ขนาดนี้" คิมฮงโดว่า
ใต้เท้าชางกล่าวว่า "แต่ภาพนี้ มันจะทำให้ศูนย์ศิลปะเสื่อมเสีย"
"ใต้เท้าชาง"
"เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมในการตัดสินครั้งนี้ แล้วใครให้มาแสดงความเห็น"
" ใต้เท้าชาง ท่านก็เป็นช่างเขียนรูปคนหนึ่งไม่ใช่หรือ ซินยุนบกแค่เลือก 1 ใน 2 หัวข้อ เป็นไปตามกฎเกณฑ์ทุกอย่าง ใครกล้าบอกว่าเขาทำไม่ถูกบ้าง"
"ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไง สรุปคือภาพนี้ไม่ผ่านแน่ จริงหรือเปล่า"
ช่างแก่ว่า "เราก็ว่างั้น"
พวกช่างเขียนเห็นพ้อง "ใช่ๆ ไม่มีทางให้ผ่าน นี่มันอนาจารชัดๆ แค่เห็นก็อายแล้ว"
"ทังวอน เจ้าเลิกมาโวยซะที" เจ้ากรมดุ
"รีบไปจากที่นี่ซะ"
"คราวนี้ เห็นทีต้องลาแล้วจริงๆ แล้วข้าจะคิดถึงเจ้า เฮ่อๆๆ" ใต้เท้าชางโล่งอก
"ไม่น่าเชื่อว่านี่คือศูนย์ศิลปะ ที่เหลวแหลกได้ถึงขนาดนี้ มีแต่ผีเน่ากับโลงผุ" คิมฮงโดว่า
พวกช่างแก่ไม่พอใจ "ดู๋ดู ฟังมันพูดเข้า"
"หนอย เจ้านี่ มันช่างโอหังยังไม่เงียบอีก"
"เน่าเฟะที่สุด"
"หมอนี่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเข้ากับศูนย์ศิลปะได้อยู่แล้ว ในที่สุดก็ยอมไป พวกเราก็จะได้สบายซะที ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก" ใต้เท้าชางว่า
พวกศิษย์ต่างรอกันอย่างลุ้น "ประกาศผลหรือยัง เลยเวลาตั้งนานแล้วนี่ มาแล้วๆ จุ๊ๆๆ เงียบๆ"
"บัดนี้ เราจะประกาศผลสอบช่างเขียนในปีนี้ ที่หนึ่ง นักเรียนจากศูนย์ศิลปะ ชางยอวอน"
"โห นึกแล้ว ได้ที่หนึ่งเชียว ยินดีด้วยนะ เก่งจริงๆ"
"กรรมการ 11 ท่านให้คะแนนเป็นเอกฉันท์ รวมทั้งหมด 55 คะแนน ซึ่งถือว่าสูงสุดในปีนี้"
"ย้าก ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วยๆ ยอวอนเก่งจริงๆ"
"ยินดีด้วยนะ ลูกชายเก่งมาก เฮ่อๆๆ" ช่างเขียนต่างแสดงความยินดีกับใต้เท้าชาง
"ยังมีอีก คัดเลือกพิเศษ นักเรียนศูนย์ศิลปะ ซินยุนบก"
อิกแจอึ้ง "หา ยุนบก"
"คัดเลือกพิเศษอะไรกัน ทำไมมีอย่างงี้ด้วยหรือ" ใต้เท้าชางถามอย่างแปลกใจ
"นักเรียนคนนี้ ได้รับการยอมรับจากกรรมการทั้งสิ้น 12 ท่าน ให้ผ่านการสอบคัดเลือก เป็นช่างเขียนหลวง นับแต่นี้เป็นต้นไป"
"มีอย่างงี้ด้วยแฮะ ทำไมปีนี้เลือก 2 คนล่ะ ไม่เข้าใจ นั่นสิ"
"ทำไมมีกรรมการ 12 คนไปเลือกเขา อีกคนเป็นใครกัน" ใต้เท้าชางถาม
"กรรมการมีแค่ 11 คน แล้วทำไมมีเพิ่มอีกคนล่ะ"
"เขาเป็นใคร ทำไมไม่กล้าลงชื่อ แล้วมีสิทธิ์อะไรให้ยุนบกผ่านได้"
"หึ กรรมการคนนี้"
"กรรมการคนนี้ ก็คือฝ่าบาท"
ใต้เท้าชางตกใจ "ฝ่าบาท ฝ่าบาทหรือชาง อะไรกันนี่ ทำไมเป็นอย่างงั้น"
จบซินยุนบก ตอนที่ 5


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี ละครช่อง3

Related Posts



2 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะ ติดตามอยู่นะคะ

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะ ติดตามอยู่นะคะ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal