Monday, August 24, 2009

มูยุล- เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน (23)-(24)

มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 23


พระราชาเทโซตรัสกับโทจินว่า
"เจ้าไม่ต้องกลับไปโกคูรยออีกแล้ว มาอยู่พูยอที่นี่ คอยช่วยข้าทำงานเถอะ"
" ไม่ได้พะยะค่ะ หม่อมฉันต้องกลับไปโกคูรยออีกครั้ง เพื่อทำงานให้เสร็จก่อน แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีสงคราม แต่หม่อมฉันก็ขออาสา เอาชีวิตยูริกับมูยุล มาถวายให้ฝ่าบาทให้ได้"
องค์ชายมูยุลแอบมาพบกับโทจินตามลำพัง โทจินแปลกใจ
"ทำไมมาอยู่ข้างนอกคนเดียว ไม่กลัวถูกปองร้ายหรือ"
" นั่นสิ ขนาดอยู่ในบ้านเมืองตัวเองแท้ๆ ยังต้องคอยระวังตัว มันช่างแย่จริงๆ แต่ก็เพราะอย่างงี้ คุณหนูยอนเลยเดือดร้อนไปด้วย แต่ยังไงซะ ข้าคิดไปคิดมา คนที่ไว้ใจได้ มีแต่เจ้าคนเดียวก็เลยมาหา ในระหว่างที่เกิดศึก นางถูกทหารพูยอจับไป ข้าอยากให้เจ้าช่วย"
"ฐานะข้าในตอนนี้ องค์ชายก็รู้อยู่ไม่ใช่หรือ ข้าจนปัญญาจะช่วยได้ หึ องค์ชายบอกว่าไว้ใจข้าหรือ งั้นก็ดี เมื่อก่อนมีช่วงหนึ่ง ข้าก็เคยคิดว่าองค์ชายเป็นเพื่อนแท้ที่พร้อมจะตายแทนได้ ถ้ายอมตอบคำถามมาก่อน ข้าก็จะช่วยองค์ชาย ถ้าข้าหานางพบแล้วพามาอยู่กับองค์ชาย องค์ชายจะทำอะไรเพื่อนางได้บ้าง ในเมื่อตอนนี้ที่ไหนๆ ก็มีแต่ศัตรูขององค์ชาย ถ้ายังฝืนให้ยอนอยู่เคียงข้าง นางก็ไม่พ้นมีอันตรายอีก แล้วองค์ชายจะทำอะไรได้บ้าง ช่วยตอบข้ามาก่อน ทุกวันนี้องค์ชายสามารถทำอะไรเพื่อผู้หญิงคนนี้ได้อีก ต่อไปเราคงไม่ได้เปิดอกคุยกันแบบนี้ ในฐานะเพื่อน ข้าขอเตือนอะไรหน่อยได้ไหม สิ่งที่องค์ชายต้องทำในตอนนี้ ไม่ใช่ตามหายอน แต่เพื่อรักษาตำแหน่งให้มั่นคง ถ้าหาก ยังไม่ตื่นจากความยินดีในชัยชนะละก้อ ขอให้ตาสว่างได้แล้ว เพราะสงครามยังไม่ยุติ ขอให้จำไว้ว่า ศัตรูขององค์ชายยังคอยจ้องที่จะเล่นงานอยู่ทุกเมื่อ จงอย่าคิดประมาท"
องค์ชายมูยุลกลับมาคุยกับมาโนว่า
"นึกว่าสงครามจบแล้วจะมีอะไรเปลี่ยน แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ข้าสู้ทุ่มเทกว่าจะมาถึงวันนี้ แต่ก็ยังไม่เห็นอนาคต"
" หม่อมฉันจะพยายามหาคุณหนูให้พบ หน้าที่ขององค์ชาย คือทำในสิ่งที่ควรทำ ตอนนี้ฝ่าบาท ให้องค์ชายมีอำนาจทางทหารอย่างเต็มเปี่ยม นั่นจะหมายถึงอะไรบ้าง ถ้าไม่ใช่ให้องค์ชาย กำราบพวกหัวหน้าเผ่าต่างๆ ให้ยอมรับกับฐานะที่แท้จริง หม่อมฉันอยากให้องค์ชาย รักษาตำแหน่งให้มั่นคงเข้าไว้ ถึงจะคุ้มครองคุณหนูได้" องค์ชายมูยุลฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจ
เนื่องจากพระเจ้ายูริทรงมีพระราช ประสงค์ใช้โอกาสที่ชนะศึกแคว้นพูยอเพื่อประกาศความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของ แคว้นโกคูรยอ พระองค์จึงทรงเสด็จไปหาซังกาเป็นการส่วนพระองค์
"เพราะความช่วยเหลือของฝ่าบาท ทำให้เผ่าพีรูไม่เกิดเหตุวุ่นวาย ต้องขอขอบพระทัย"
"ท่านจะปล่อยแพกึยไว้อย่างงั้นหรือ"
"เรื่องนี้หม่อมฉันจะจัดการเอง ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วง ว่าแต่อยากพบหม่อมฉันเรื่องอะไร"
" ท่านซังกา เห็นข้ามาแต่เด็กจนถึงวันนี้ ย่อมรู้จักข้าดี แม้ว่ามีหลายครั้งที่เราจะมีความเห็นไม่ลงรอย แต่ท่านก็ให้การสนับสนุนข้ามาตลอด ข้า จึงอยากรู้ให้ชัด ว่าเราจะร่วมทางต่อไปหรือไม่ เหมือนที่สมัยก่อนเมืองโชบุน พอกล้าแข็งขึ้นก็ไม่ยอมรับข้า แต่ท่านกลับเชื่อมั่นในตัวข้า จนวันนี้ยังคิดอย่างงั้นหรือเปล่า"
"หม่อมฉันมีเงื่อนไข"
"เชิญพูดได้"
เฮยาและเคยูต่างเริ่มเคลือบแคลงสงสัยฐานะที่แท้จริงของโทจินขึ้นมาแล้ว เคยูทูลองค์ชายมูยุลว่า
" ลูกน้องแพกึย มีคนหนึ่งชื่อโทจิน หม่อมฉันอยากจับเขามาสอบปากคำ มีข่าวว่าเขาเกี่ยวข้องกับแคว้นพูยอ ทหารที่ถูกเราจับมา ก็เอ่ยถึงชื่อของเขา"
เฮยาเสริมว่า "นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยอีกหลายอย่าง หม่อมฉันก็เห็นด้วยที่จะให้เขามาไต่สวน
"โทจินหรือ ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ เอ่อ อ้อ คนที่เคยมาพบองค์ชายไม่ใช่หรือ เห็นมั้ยล่ะ นึกแล้วเป็นเพื่อนกับองค์ชายใช่ไหม" พักโซว่า
เคยูดุ "เพ้อเจ้ออะไร องค์ชายจะเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ได้ไง"
"องค์ชาย รู้จักเขาจริงหรือ" เฮยาถาม
"โทจิน เป็นเพื่อนสมัยฝึกนักรบทมิฬด้วยกัน"
"นักรบทมิฬหรือ แล้วทำไมมาอยู่กับแพกึยได้ เจ้าก็เหมือนกัน ทำไมปิดบังเรื่องของเขามานาน ไม่เคยบอกให้เรารู้ ยังไม่รีบพูดมาอีก"
"ทุกวันนี้ เขาเป็นชาวโกคูรยอ ไม่เกี่ยวกับพูยออีก เขามีเหตุผลที่ออกจากที่นั่น ไม่ต้องสงสัยอีก"
"จะไม่ให้สงสัยได้ยังไง เขาอาจเป็นสายลับที่อ๋องเทโซส่งมาอยู่นี่ก็ได้" เคยูว่า
"ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นห่วงข้า แต่เป็นไปไม่ได้หรอก"
"นั่นสิครับ แค่เป็นชาวพูยอก็บอกว่าเป็นสายลับ มันไม่อคติไปหน่อยหรือ" มาโนว่า
"ข้ารับรองได้ว่าเขาเป็นคนดี อย่าไปสืบต่ออีกเลย" องค์ชายมูยุลออกไป
"ทำไงต่อดีครับ"
"ในเมื่อองค์ชายทรงรับรอง เราจะไงได้"
"แล้วถ้าเป็นสายลับจริงๆ จะทำไง ข้าว่าเราน่าจะสืบประวัติเขาให้ชัด ก่อนจะรู้ความจริง ไม่ควรประมาทคนๆ นี้"
เฮยาสั่งว่า "จับตาดูต่อไป"
"ครับ"
องค์ชายมูยุลออกมาก็ถามมาโนว่าเป็นไรไป
" หม่อมฉันอยากพูดเรื่องโทจิน จริงๆ หม่อมฉันก็เชื่อเขา แต่มีเรื่องหนึ่งน่าสงสัย ตอนนี้คุณหนูถูกจับ ไม่ได้อยู่บ้านท่านซังกาอีก ทำไมโทจินยังอยู่ต่อ ไม่ยอมไปไหน ถึงจะไม่อยากคิดมาก แต่ถ้า เขาเป็นสายลับจริงๆ มิแย่หรอกหรือ"
"ถ้าเป็นสายที่พูยอส่งมาจริง ข้ายังจะได้อยู่ถึงวันนี้หรือ เขามีโอกาสจะฆ่าข้าได้ตลอด แต่ข้าไม่เห็นเป็นไร"
"มันก็จริง แต่ว่า"
" มาโน เราสองคน ต้องเชื่อใจเขารู้มั้ย เมื่อก่อนตอนฝึกนักรบทมิฬ เราถูกตั้งแง่รังเกียจเพราะเป็นชาวโกคูรยอ แต่เพราะเขา ยอมคบเราด้วยความบริสุทธิ์ใจ เหมือนที่เขาเชื่อใจเรา เราก็ควร ไว้ใจเขาเหมือนกัน"
แทชองเข้ามา "หัวหน้าองครักษ์มาขอเฝ้า"
"เชิญเข้ามา"
"ฝ่าบาทมีรับสั่งให้องค์ชายไปเฝ้า"
"มีเรื่องอะไร"
"เรื่องนี้ หม่อมฉันก็ไม่ทราบ แต่มีหัวหน้าเผ่าต่างๆ และขุนนางอยู่พร้อมหน้า"
พระ เจ้ายูริทรงมีรับสั่งให้บรรดาขุนนางใหญ่และเชื้อพระวงศ์มาเข้าเฝ้าที่ท้อง พระโรง เพื่อรับฟังการสถาปนาองค์รัชทายาท องค์ชายพระองค์ใดที่ได้รับการสถาปนาเป็นองค์รัชทายาทจะต้องอภิเษกสมรสกับ หญิงสาวเผ่าพีรูโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น
การสถาปนาองค์รัชทายาทครั้งนี้ทำให้พระมเหสีมียูและองค์หญิงเซยูต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยทีเดียว
"ถ้าอย่างงั้น ระหว่างองค์ชายยอจินกับองค์ชายมูยูล ใครจะเหมาะสมกว่าพะยะค่ะ"
" เรื่องนี้อีกหนึ่งเดือนค่อยตัดสิน ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะให้ใครเป็นดี แต่ที่แน่นอนก็คือ ผู้ที่ได้เป็นรัชทายาท หลังจากมีการสถาปนาแล้ว เขาต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่มาจากเผ่าพีรู"
เฮยาทูลองค์ชายมูยุลอย่างเห็นพระทัย
" หม่อมฉันได้ยินมาโนพูดแล้ว ว่าคุณหนูยอน ถูกจับไปแคว้นพูยอ ไม่รู้เป็นตายร้ายดี แต่ว่า องค์ชายอย่าทรงเสียพระทัยเพราะเรื่องนี้ นับแต่นี้ องค์ชายต้องลืมเรื่องส่วนตัว ลืมเรื่องคุณหนูยอน หากแต่ตั้งมั่น ที่จะทำงานเพื่อบ้านเมือง"
"ข้าไม่เคยคิด ว่าอนาคตวันหน้า จะไม่มีคุณหนูอยู่เป็นกำลังใจให้ สิ่งที่ข้าตั้งความหวังไว้ คือคุณหนูต้องอยู่กับข้า และข้าก็พยายามจะสร้างฝันให้เป็นจริง แค่นี้ คงไม่ได้โลภมากไม่ใช่หรือ"
"ถ้าองค์ชายเป็นห่วงคุณหนูจริง ก็ควรวางมือซะ"
"หัวหน้าเฮยา"
" ไม่งั้นคุณหนู จะซ้ำรอยหม่อมฉันอีกคนนะเพคะ ความรักที่มีต่อชายสูงศักดิ์ จะทำให้นาง อยู่กับความทุกข์ไปตลอดชีวิต องค์ชายก็ทรงทราบดี เหมือนที่หม่อมฉันเคยผ่าน อีกหน่อยคุณหนู จะอยู่กับความคิดถึงองค์ชายตลอดไป หม่อมฉันอยากให้องค์ชาย วางมือซะดีกว่า ต่อให้เจ็บปวดแค่ไหน เรื่องราวที่ผ่านมา ก็ควรลืมให้หมด"
อันซึงเรียกองค์ชายยอจินว่ารัชทายาท ทำให้องค์ชายยอจินไม่พอพระทัย
"หึ รัชทายาทอะไรกัน ฝ่าบาทยังไม่ได้ทรงแต่งตั้ง ห้ามเรียกเหลวไหลนะ"
" เอ่อ เฮ่อๆๆ ความจริงก็เห็นอยู่แล้ว ไม่ต้องทรงปิดบังก็ได้ องค์ชายเหมาะสมกว่าใครเพื่อนและฝ่าบาทก็ทรงคิดไว้อยู่ นับแต่นี้ก็แค่รอวันสถาปนาเท่านั้น"
พระมเหสีมียูตรัสว่า "ท่านน้าพูดถูกแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าฝ่าบาทคิดยังไง แต่ความคิดท่านซังกา แม่กลับรู้ดี ตำแหน่งชายาต้องเป็นคนของเผ่าพีรู หมายถึงอะไรรู้มั้ย สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการสถาปนารัชทายาท ก็คือความร่วมมือของแต่ละชนเผ่า"
"หึ ถ้ามูยุลได้เป็นรัชทายาท พวกหัวหน้าเผ่าคงไม่เห็นชอบด้วยแน่ ฉะนั้น ไม่มีทางที่เขาจะได้เป็นรัชทายาทแน่นอน"
" แม่จะได้หมดห่วงซะที หึ ในที่สุดเจ้าก็เป็นรัชทายาท แต่ว่า เดือนนี้ถือว่าสำคัญที่สุด ไม่ว่ายังไง อย่าทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วเป็นอันขาด ต้องระวังให้มาก ทำตัวเป็นเด็กดี เข้าใจหรือเปล่า"
แพกึยกับบ่าวคนสนิทของซังกาต่างไม่พอใจกับข้อตกลง ที่ซังกามีกับพระราชายูริ
"ข้าไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะมีประโยชน์กับเราตรงไหน ขืนทำแบบนี้ ฝ่าบาทจะยิ่งมีอำนาจมากขึ้น เป็นเรื่องที่พวกเราไม่อาจรับได้"
" ทำไมเจ้า ไม่เคยรู้หรือว่าถ้าเราอ่อนข้อหน่อย จะได้ประโยชน์มากกว่าดื้อแพ่งน่ะ ถึงพวกเจ้าจะคัดค้านยังไง ข้าก็ตัดสินใจแน่นอน พวกเจ้าแค่ทำตามก็พอแล้ว แล้วข้าจะเป็นคน เลือกพระชายาด้วยตัวเอง ไปเตรียมตัวได้"
พระราชายูริทรงเรียกองค์ชายมูยุลและองค์ชายยอจินมาเฝ้า
"รับสั่งให้หาหรือพะยะค่ะ"
" ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจอะไร แต่พวกเจ้าก็คงรู้ ว่าตำแหน่งรัชทายาทคงไม่ไปไหนเสีย ซึ่งตำแหน่งนี้ จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากข้า หรือก็คือประมุขแห่งแคว้นโกคูรยอของเรา ข้าจึงมีข้อสอบให้พวกเจ้าไปทำ นั่นก็คือ ให้คิดนโยบายใหม่ในการบริหารบ้านเมือง และนโยบายนี้ จะมีผลทันทีหลังจากประกาศแต่งตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นผลงานของพวกเจ้า ที่สำคัญคือต้องเป็นผลดีต่อราษฎรด้วย เข้าใจหรือเปล่า"
"พะยะค่ะ"
พระ มเหสีมียูรีบไปหาคนที่เก่งๆ มาให้คำปรึกษากับองค์ชายยอจิน หวังจะเอาชนะองค์ชายมูยุลให้ได้ ขณะที่มูยุลออกไปพบกับกับพ่อค้าและชาวบ้านที่ยากจน ซึ่งยังให้เงินคนที่ยากจนไปซื้อข้าวกิน มาวังกับกงชอนเห็นก็รีบเข้าห้ามไม่ให้ชาวบ้านมาขอเงินจากองค์ชายมูยุล
กงชอนบ่น "เมื่อกี้เกือบมีเรื่องซะแล้ว เพราะสงครามทำให้สินค้าขึ้นราคา ชาวบ้านอดอยากแค้นแร้นเลยมาเป็นขอทานหมด"
"ไม่มีทางช่วยพวกเขาบ้างหรือ" องค์ชายมูยุลถาม
" เฮอะ ความยากจน เป็นเรื่องที่แคว้นไหนๆ ก็เจอ มีเงินก็ให้หน่อย ไม่มีก็ช่วยไม่ได้ เฮ่ย ถ้ามีงานให้ทำล่ะไม่แน่ แต่ตอนนี้ดูแล้ว อะไรๆ ก็ซบเซาหมด ต่อให้มีการจ้างงาน คนพวกนี้ก็เรียกร้องเยอะ ต้องมีที่กินที่พักให้วันละ 3 มื้อ มันยากนะพะยะค่ะ"
แพกึยปรึกษากับบ่าวคนสนิทเรื่องที่ซังกายังไม่เปลี่ยนใจ โทจินจึงเสนอว่า
" หรือจะให้หัวหน้าเผ่าอื่นๆ ช่วยกันหว่านล้อมอีกแรงดีมั้ยครับ ถ้าหาก พูดดีๆ ยังไม่ฟังอีก เราอาจต้องใช้ไม้ตายสุดท้าย เพื่อยับยั้งไม่ให้มูยุลเป็นรัชทายาท"
"ไม้ตายสุดท้ายยังไง"
"พวกนี้คือนักรบทมิฬ ที่อ๋องเทโซส่งมา ขอเพียงท่านสั่งคำเดียว พวกเขาจะทำตามทุกอย่าง"
แชบูพายอนมาเฝ้าพระราชาเทโซ
"ฝ่าบาท หม่อมฉันพาคุณหนูยอนมาแล้ว"
"ท่านพาคุณหนูยอนมา จากโกคูรยอน่ะหรือ"
"ไม่ใช่พะยะค่ะ เราพบคุณหนูยอนในแคว้นพูยอ ซึ่งองค์ชายโทจิน แอบให้ความคุ้มครองนางอยู่"
"โทจินน่ะหรือ ถ้าอย่างงั้นข้ายิ่งไม่เข้าใจใหญ่ เมื่อนางกลับมาพูยอก็น่าจะบอกให้ข้ารู้ แล้วทำไมกลับปิดบังซะล่ะ"
" เพราะองค์ชายโทจิน แอบหลงรักคุณหนูยอนมานานแล้ว เขาจึงยอมขัดพระบัญชา เพื่อจะปกป้องนางไว้ แสดงว่ามีความรักต่อคุณหนูยอนอย่างสุดซึ้ง"
"อึม งั้นไปพานางเข้ามา"
เมื่อได้พบหน้ากัน พระราชาเทโซทรงมีรับสั่งกับยอนว่า
"เดินมาใกล้ๆ ข้าหน่อย ข้าสั่งให้อภัยโทษแก่เจ้าแล้ว ทำไมยังไม่ยอมกลับมาพูยออีก"
" แม้ว่า หม่อมฉันจะโกรธฝ่าบาทที่ไม่เปิดโอกาสให้ท่านพ่อ ได้อธิบายความจริงให้ทรงทราบ แต่ก็จะไม่ถือสาเรื่องนี้อีก เพราะก่อนตาย ท่านพ่อได้สั่งหม่อมฉันไว้ว่า ห้ามผูกใจเจ็บต่อฝ่าบาทแม้แต่น้อย"
"ช่าง น่าอายนัก เป็นความโง่ของข้าเอง น่าจะรอบคอบกว่านี้หน่อย สุดท้ายก็เหมือนเอามีดมากรีดหัวใจตัวเองแท้ๆ ตั้งแต่เสียเขาไป ข้าถึงรู้ว่าพ่อเจ้ามีความสำคัญขนาดไหน ในอดีตที่ผ่าน แม้ว่ากับเจ้า ข้าจะถือว่าได้ทำผิดใหญ่หลวง แต่ตอนนี้ยังไม่สายที่จะชดเชยให้ เพื่อจะได้กลับมาอยู่กับข้า เหมือนเดิม"
"ฝ่าบาทเพคะ สิ่งที่หม่อมฉันต้องการ ไม่ใช่การอภัยโทษหรือคืนยศให้ หม่อมฉันไม่เคยยึดติด กับฐานะเชื้อพระวงศ์ หรือแม้แต่องค์หญิงด้วยซ้ำ ตรงข้าม หม่อมฉันจะพยายามลืมเรื่องเหล่านี้ แล้วอยู่อย่างคนธรรมดา ทรงปล่อยหม่อมฉันไปเถอะเพคะ"
"แล้วเจ้าคิดจะไปไหน คงไม่ใช่ กลับไปโกคูรยอหรอกนะ ทีแรกข้ายังไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะชอบพอกับมูยุล แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นจริง แต่สิ่งที่เจ้าคิด มันไม่สำคัญ เพราะทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว เจ้าควรมาอยู่กับข้าซะที แล้วข้า จะให้เจ้ากลับมาเป็นองค์หญิง และอยู่ในเมืองพูยอต่อไป"
"ฝ่าบาท"
"อย่าคิด ที่จะขัดคำสั่งข้าอีก นับแต่นี้ไป ในฐานะองค์หญิงแห่งพูยอ เจ้าต้องตัดใจในความรักที่ไม่คู่ควรซะ"
00000000000000
เฮ ยาถามมาโนถึงองค์ชายมูยุล มาโนบอกว่าเก็บตัวอยู่ในตำหนัก ไม่ยอมออกมาตั้ง 3 วันแล้ว ทำให้เฮยาอยากรู้ว่าองค์ชายมูยุลจะมีนโยบายอะไรที่จะช่วยราษฎร
ขณะที่พระมเหสีมียูก็ทรงปรึกษากับองค์หญิงเซยู
" คนที่ใกล้ชิดราษฎรมากที่สุด ก็คือยอจินของเรานะเพคะ เทียบกับเด็กที่ถูกทอดทิ้งอย่างมูยุล ต่างกันราวฟ้ากับดินด้วยซ้ำ ถ้าจะเลือกรัชทายาท ก็ต้องเป็นยอจินถึงจะเหมาะกว่านะเพคะ"
"หม่อมฉันไม่ เห็นด้วยอย่างงั้น คนที่ ทำให้เรารบชนะทหารพูยอ เป็นผลงานของมูยุลต่างหาก ถ้าฝ่าบาททรงให้เขาเป็นรัชทายาท เชื่อว่าราษฎรจะอุ่นใจมากกว่า"
"อุ่นใจอะไรกัน ชาวบ้านยังกลัวองค์ชายที่เกิดมาพร้อมกับชะตาที่เป็นกาลกิณี ไม่ทันไร เจ้าก็ลืมแล้วหรือ"
"เรื่องนี้ ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ แล้วทำไม พระมเหสียังคิดว่าเป็นความผิดของมูยุลอีก"
"ไม่ว่าจะเกิดจากคนหรืออะไร ชาวบ้านเชื่อว่าเขาเป็นตัวกาลกิณีก็แล้วกัน"
"ขนาดพระมเหสียังเชื่อข่าวลือง่ายๆ มิน่าชาวบ้านถึงลบล้างความเชื่อไม่ออกซะที"
" ไม่ต้องพูดอีกแล้ว นี่เป็นเวลาสำคัญที่เราจะมีรัชทายาท แล้วมาเถียงอะไรกัน เจ้าก็เหมือนกัน อย่าลืมว่าใครต่อใครกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของราชสำนักอยู่ ถ้าหาก เรื่องนี้กลับทำให้หลายฝ่ายเกิดความบาดหมางละก้อ ไม่ว่าใครก็ตาม ข้าจะลงโทษให้หนัก"
เฮยาและทุกคนต่างให้กำลังใจองค์ชายมูยุล ในวันที่เข้าเฝ้าพระราชายูริเพื่อเสนอนโยบาย
"ถึงข้าจะเห็นด้วยกับการใช้รถม้าเพื่อความสะดวกในการค้าขาย แต่เราก็ต้องตัดถนนเพิ่มขึ้น" พระราชายูริตรัส
องค์ ชายมูยุลตอบ "พะยะค่ะ หม่อมฉันคิดว่า อยากเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างหัวเมือง ไปจนถึงแม่น้ำอัมนกเพื่อการขนส่งทางน้ำ และเมืองหลวงของเรา ก็จะกลายเป็นศูนย์กลาง มีเส้นทางเชื่อมต่อหลายสายพะยะค่ะ"
"แต่ว่า ถ้าจะตัดถนนก็ต้องใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านที่ถูกบังคับให้ทำงาน ส่วนใหญ่จะไม่พอใจทางการนะเพคะ"
"เราจะจ่ายค่าแรงให้พวกเขา"
อัน ซึงทูลว่า "จ่ายค่าแรงหรือ หน้าที่ของไพร่คือทำงาน เรื่องอะไรจะจ่ายค่าแรงให้ อีกอย่าง ถ้าให้ท้องพระคลังรับผิดชอบ จะเป็นภาระหนักแก่เราอีก"
องค์ชายมูยุลว่า "ค่าใช้จ่าย เราจะให้บรรดาหัวหน้าเผ่าที่ได้รับสัมปทานการค้าช่วยกันออก หรือก็คือ เผ่าพีรูต้องรับผิดชอบในฐานะได้ประโยชน์ทางการค้ามากที่สุด"
พระมเหสีมี ยูค้านว่า "ฝ่าบาท เป็นไปไม่ได้หรอกเพคะ ทุกวันนี้พวกเขาแทบไม่ยอมส่งส่วยให้ทางการ แล้วเรามีนโยบายใหม่ ทำไมพวกเขาต้องรับผิดชอบด้วย"
อันซึงเห็นด้วย "นั่นสิพะยะค่ะ นี่เป็นความคิดเพ้อฝันที่เป็นไปไม่ได้"
องค์ชายมูยุลทรงยืนยัน "หม่อมฉันกล้ารับรอง ว่าแผนนี้ พวกเขาต้องเห็นชอบด้วย"
พระมเหสีมียูทรงค้านอีก "ฝ่าบาท ตอนนี้หัวหน้าเผ่าทั้งหลายยังไม่ยอมรับเขา แล้วจะเชื่อฟังคำพูดได้ยังไงเพคะ"
"เอาเถอะ ได้หรือไม่ได้ ข้าจะตัดสินเอง เรามาดูของยอจินบ้าง นี่มันอะไรกัน ทำไมไม่มีข้อความซักนิด"
พระ มเหสีมียูทรงตกพระทัย "เป็นไปได้ไงเพคะ หม่อมฉันเห็นเขานั่งศึกษาค้นคว้าอยู่เป็นนานสองนาน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ยอจิน บอกแม่มาหน่อยซิ ทำไมถึงได้ว่างเปล่าล่ะ"
"หม่อมฉัน คิดถึงโจทย์ที่ฝ่าบาทตั้งให้ ทบทวนแล้วทบทวนอีก แต่แล้ว ก็จนเกล้านึกไม่ออกพะยะค่ะ" องค์ชายยอจินทูล
อันซึงตกใจ "องค์ชาย"
องค์ ชายยอจินทูลอีกว่า "ตลอดเวลาที่ผ่าน หม่อมฉันได้คิดดูแล้ว เห็นว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะดำรงตำแหน่งรัชทายาท ขอทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ"
พอกลับ ออกมาอันซึงก็ทูลพระมเหสีมียูว่าเป็นเพราะยุนวาที่ทำให้องค์ชายยอจินหมดความ กระตือรือร้นที่จะทำอย่างอื่น ทำให้ยุนวาถูกพระมเหสีมียูไล่ออกจากวังหลวง
ขณะ ที่บ่าวคนสนิทของซังกาต่างไม่พอใจนโยบายที่องค์ชายมูยุลจะใช้เงินของเผ่าพี รู้จ่ายค่าแรงชาวบ้าน และเขากับแพกึยจะขัดขวางโดยการลอบสังหาร แต่ซังกาห้ามไว้ไม่ให้ทำอะไรวู่วาม บอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง ไม่ให้ทั้งสองคนยุ่ง จากนั้นซังกาก็เข้าเฝ้าพระราชายูริ
"เพื่อแบ่งเบาภาระในการเลือกรัชทายาทของฝ่าบาท หม่อมฉันจึงมาเข้าเฝ้า"
"มีอะไรก็ว่ามา"
" สิ่งจำเป็นที่ต้องคำนึงในขณะที่เลือกรัชทายาทก็คือ อย่าลืมปัญหาบางอย่างที่เคยเกิดในสมัยองค์ชายแฮเมียง ฝ่าบาทก็ทรงทราบดีว่าทุกครั้งที่เห็นองค์ชายมูยุล ก็ไม่ต่างกับได้เห็นองค์ชายแฮเมียงมาอยู่เบื้องหน้า"
"ความหมายก็คือ"
"ถ้าให้คนแบบนี้เป็นรัชทายาท ราชสำนักจะเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และฝ่าบาทก็จะไม่ได้เห็นความสงบสุข เกิดในบ้านเมืองอีกเลย"
"แล้วยังไง"
" ตำแหน่งนี้เหมาะกับองค์ชายยอจินมากกว่า องค์ชายมูยุลมีความชอบในการทำศึกกับแคว้นพูยอก็จริง แต่ขุนนางส่วนใหญ่ ยังไม่ยอมรับฐานะของเขา ที่สำคัญ ในใจของราษฎร ก็มีความระแวงต่อชะตาขององค์ชายมูยุล"
"แต่ที่ท่านสนับสนุนยอจิน เพราะเห็นว่าเขา สามารถชี้นำได้ง่ายกว่ามูยุลใช่ไหม"
" หึ เฮ่อๆๆ ฝ่าบาท ถ้าจะปกครองบ้านเมืองร่วมกับพวกเราจริง สิ่งแรกที่ต้องมีก็คือความไว้วางพระทัย ถ้าฝ่าบาทยังทรงระแวงหม่อมฉันอีก เราก็อย่าร่วมมือแต่แรกซะดีกว่า"
"ถ้าข้ายืนกรานจะเลือกมูยุลให้ได้ล่ะ"
" อาจเกิดเหตุการณ์ที่ใครก็ไม่อาจคาดคิด และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร หม่อมฉัน คงไม่อาจเกลี้ยกล่อมเหล่าขุนนางได้อีก และบ้านเมืองก็จะแตกแยก หาความปรองดองไม่ได้เลย"
พระราชายูริทรงเรียกองค์ชายมูยุลมาพบและพาไปที่แห่งหนึ่งตามลำพัง
" นี่คือแม่น้ำอัมนก เป็นที่ๆ สมัยก่อนเคยมีพระราชาองค์หนึ่ง พยายามแค่ไหนก็ไม่ได้ความศรัทธาจากราษฎร จนมาเสียใจร้องไห้ที่นี่ ตอนข้าอายุ 20 ปี ขึ้นครองราชย์ต่อจากเสด็จพ่อ บ้านเมืองถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย หลังจากนั้นมา ข้าก็รู้สึกเสียใจที่ไม่อาจรักษารากฐานที่เสด็จพ่อทรงสร้างมาได้ แม้จะพยายามบากบั่นแค่ไหน ใครๆ ก็ว่าเทียบกับเสด็จพ่อแล้ว ข้ายังห่างไกลนัก แถมยังนินทาว่าข้าได้ครองบัลลังก์เพราะกระบี่หักเล่มหนึ่ง ข้าเลยคิดว่า ต้องลบล้างคำสบประมาทและความไม่พอใจต่อเสด็จพ่อให้จงได้ ตอนนี้บ้านเมืองเรากำลังแข็งแกร่ง ข้าจะได้เป็นจ้าวแห่งอาณาจักรทางเหนือตามที่ตั้งใจไว้ มีผลงานยิ่งกว่าเสด็จพ่อ ไม่ให้ใครมาดูถูกอีก"
"แล้วจะให้หม่อมฉันทำอะไรบ้าง"
" ข้า จะให้องค์ชายยอจิน เป็นรัชทายาทคนใหม่ ที่ข้าจำเป็นต้องเลือกเขา ไม่ใช่เพราะเจ้าด้อยกว่า หรือข้าไม่รักเจ้า แต่ที่ไม่อาจเลือกเจ้าได้นั้น เพราะข้าอ่อนแอเกินกว่าจะต่อต้านเสียงคัดค้านของพวกหัวหน้าเผ่าได้ ข้าไม่อาจปกครองตามลำพัง จึงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพวกเขา ต่อให้เลือกรัชทายาทก็ต้องให้พวกเขาพอใจก่อน ซึ่งยอจินเหมาะกว่าเจ้า แล้วเจ้าจะยอมช่วยเขา ทำให้พ่อสมหวังได้ไหม"
"พะยะค่ะ หม่อมฉันยินดี"
" ถ้าเจ้าอยู่ในวังอาจเป็นอุปสรรคสำหรับเขา ข้าจึงให้อยู่เมืองหลวงต่อไปไม่ได้อีก เจ้าอาจต้องไปอยู่ที่อื่นซักพัก และสิ่งที่ทำก็อาจถือว่าสูญเปล่า ถึงอย่างงั้น เจ้ายังจะทำตามคำสั่งมั้ย"
" พะยะค่ะ ขอเพียงทำเพื่อโกคูรยอ แม้จะแลกด้วยชีวิตของหม่อมฉัน หม่อมฉัน ก็จะทำตามรับสั่ง ถือซะว่า นี่คือหน้าที่ขององค์ชาย ที่จำเป็นต้องเสียสละ ทรงวางพระทัยได้"
แล้วองค์ชายมูยุลก็กล่าวในใจว่า "โปรดให้ข้ามีกำลังใจ แม้ต้องเผชิญกับความผิดหวัง ข้าก็จะไม่โทษใคร โปรดให้กิเลสในใจข้า ทั้งความทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง จงหมดไปด้วยเถอะ"
องค์ชายมูยุลเรียกทุกคนมาพบ มาโนถามพักโซว่า
"แม้แต่ท่าน ก็ไม่รู้ว่าทำไมองค์ชายให้เรามาพบหรือครับ"
"หรือว่า จะมีเรื่องสำคัญประกาศให้รู้"
"เรื่องสำคัญอะไร"
"ก็ที่องค์ชายจะได้เป็นรัชทายาทน่ะสิ จะมีอะไร เมื่อเช้าฝ่าบาทกับองค์ชายเสด็จออกนอกวังไปด้วยกัน ข้าเห็นกับตาเลย"
"จริงหรือครับ"
เฮยาว่า "ชูพักโซพูดถูกแล้ว แต่ว่า ฝ่าบาทไม่ได้รับสั่งถึงเรื่องรัชทายาท"
"แต่ว่า นี่เป็นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปล่าสัตว์มั้ง"
เมื่อทุกคนได้พบกับองค์ชายมูยุลแล้ว องค์ชายบอกทุกคนว่า
"ข้าจะไปเมืองโชบุน ทุกคนเตรียมตัวด้วย จะไปสำรวจชายแดนที่นั่น"
เฮยาแปลกใจ "แต่อีกไม่นาน ฝ่าบาทจะประกาศเรื่องรัชทายาท แล้วทำไม จู่ๆ จะไปเมืองโชบุน มีอะไรหรือเพคะ"
" สรุปแล้ว คนที่ได้คือองค์ชายยอจิน นับแต่วันนี้ จนถึงวันที่ยอจินได้ ครองราชย์ ข้าจะให้ความช่วยเหลือทุกทาง และที่ไปโชบุน ก็เพราะเหตุผลนี่ด้วย"
"องค์ชาย" เฮยาและทุกคนตกใจไม่น้อย
"ถึงไม่ เป็นรัชทายาท แต่สิ่งที่เราต้องทำ ก็ไม่เคยเปลี่ยน ตอนนี้ในใจข้า จะลบคำว่ารัชทายาทออกไป และอยากให้ทุกคน ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก"
พอองค์ชายมูยุลไม่ได้อยู่ร่วมกลุ่มด้วย พักโซก็ถอนหายใจ
"เฮ่ย เหลือเชื่อจริงๆ ทำไมกลายเป็นองค์ชายยอจินซะได้"
"ท่านหัวหน้า จะไม่ไปเฝ้าฝ่าบาทหน่อยหรือครับ"
"ถ้าองค์ชายยอจินครองราชย์ พวกหัวหน้าเผ่าคงได้เหิมเกริม และอย่าหวังต่อกรกับพูยอได้อีก"
"ถ้าองค์ชายยอจินทำไม่ได้ เราก็จะช่วยเขา" เฮยาว่า
"หา ท่านหัวหน้า"
" หึ ไม่ว่าใครจะเป็นรัชทายาท หน้าที่ของเราคือทำงานตามที่รับมอบหมาย และนี่คือ ความประสงค์ขององค์ชายมูยุลด้วย" เฮยาออกไป ทุกคนได้แต่ถอนหายใจ
องค์ชายยอจินมาทูลถามพระมเหสีมียูว่ายุนวาหายไปไหน พระมเหสีมียูไม่ทรงตอบ
"เสด็จแม่ต้องรู้แน่ หม่อมฉันถึงมาถาม"
"ฮึ่ม เมื่อไหร่จะเลิกตาบอดซะที อีกไม่นานก็จะเป็นรัชทายาทแล้ว ยังไปห่วงนางในคนนั้นอีก"
"หม่อมฉันรู้ว่าเสด็จแม่จับนางไปขัง บอกหม่อมฉันมาเร็ว เป็นความจริงหรือเปล่า"
" สงสัยข้าต้องฆ่านางซะ เจ้าถึงยอมตาสว่างซะที จะเห็นแก่ผู้หญิงคนเดียว ยอมทิ้งตำแหน่งรัชทายาทใช่ไหม ถ้ายังไม่ยอมลืมนางละก้อ ข้าจะฆ่านางเพื่อให้เจ้าตัดใจซะ สิ่งที่ทำก็เพราะหวังดี กลับไปได้แล้ว"
" หวังดีต่อหม่อมฉันหรือ ปากก็ว่าหวังดี แต่ทั้งหมดนี้เสด็จแม่ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น หึ ที่ไม่ได้เป็นรัชทายาท เพราะหม่อมฉันไม่เอาไหนเอง แล้วทำไม ต้องโยนให้ยุนวาเป็นคนรับกรรม ฮือ เพราะเสด็จแม่คอยบงการชีวิตหม่อมฉัน ใครๆ ถึงว่าหม่อมฉันเป็นลูกแหง่ที่ไม่รู้จักโตซะที"
พระมเหสีมียูทรงตกพระทัย "ยอจิน"
"หม่อมฉันขอบอกให้รู้อีกครั้ง ถ้ายุนวามีอันเป็นไป เสด็จแม่ จะไม่มีวันได้เห็นหม่อมฉันอีก"
ทางด้านพระราชาเทโซทรงบอกเหล่าขุนนางว่า
"แคว้นชิลลา จะส่งทูตมาพบเราที่นี่"
"ส่งทูตหรือพะยะค่ะ"
"เป็นตัวแทนฝ่ายทหารที่ร่ำลือกันว่าฝีมือร้ายกาจนัก"
"งั้นก็ดีน่ะสิพะยะค่ะ ถึงเวลาให้ช่วยฝึกซ้อมทหารของเราบ้าง ดีกว่าเอาของกำนัลมาให้หลายเท่านัก" แชบูว่า
"อึม ข้าจะให้ท่าน กับโทจินไปต้อนรับพวกเขาที่ชายแดน"
"ทราบแล้วพะยะค่ะ"
จากนั้นพระราชาเทโซทรงเรียกโทจินมาพบ
"เจ้าบอกว่าจะไปขอให้ชิลลาส่งทูตมา แต่ไม่นึกว่าพวกเขาจะเห็นด้วยและมาเร็วขนาดนี้"
" เพราะรู้ว่าถ้าเราอ่อนแอ จะมีผลต่อความมั่นคงของแคว้นชิลลาอย่างมาก ถ้าเราร่วมมือกับชิลลา จะมีผลต่อเผ่า "ยอนนู" และ "ซอนบี" พวกเขาก็อาจทิ้งโกคูรยอ หันมาภักดีต่อฝ่าบาทแทน ถ้างั้น หม่อมฉันขอทูลลาก่อน"
"อย่าเพิ่งไป ข้าจะให้เจ้าพบคนๆ หนึ่ง เข้ามาหน่อยซิ ทำไมไม่เห็นบอกข้าล่ะว่าเจ้าชอบพอนางมาก ตอนนี้ข้าจะดูแลนางแทนให้ก่อน รอให้เจ้า เสร็จจากงานที่โกคูรยอแล้ว ข้าจะให้พวกเจ้าได้แต่งงานกัน"
โทจินมีโอกาสคุยกับยอนตามลำพัง เขากล่าวกับนางว่า
"ตอนนี้ถึงข้าจะส่งเจ้ากลับไป คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว แต่ว่า เจ้าได้กลับมาอยู่สบายที่นี่ก็ดี"
" งานที่ฝ่าบาททรงรับสั่ง หมายถึงอะไรน่ะ ที่ท่านไปเข้ากับเผ่าพีรู เป็นการเสแสร้งใช่ไหม หึ เสียทีที่เขา เห็นท่านเป็นเพื่อนมาตลอด ทำไมท่านถึงหลอกเขาได้"
"คนที่หลอกเรา คือเขาต่างหาก ถ้าเจ้ายังลืมเขาไม่ได้อีก จะยิ่งทำให้ข้าโกรธแค้นเขามากขึ้น"
มาโนมาทูลองค์ชายมูยุลว่า "องค์ชาย หึ ก่อนจะไปเมืองโชบุน มีเรื่องด่วนพะยะค่ะ"
จากนั้นมาโนก็ทูลรายงานเรื่องแคว้นชิลลาส่งทูตไปแคว้น
"ชิลลาส่งทูตเดินทางมา หมายความว่าไงน่ะ"
เคยูตอบว่า "สายของเราส่งข่าวมาว่า มีทหารกลุ่มใหญ่เดินทางไปแคว้นพูยอพะยะค่ะ"
"หมายความว่า พูยอกับชิลลา จะร่วมกันฝึกทหารหรือไง"
"สงสัยจะเป็นอย่างงั้น"
"เรื่องนี้เราจะจัดการเอง ถ้าไงองค์ชายไปเมืองโชบุนก่อนเถอะเพคะ" เฮยาแนะนำ
"พวกทหารมาถึงไหนแล้ว"
"องค์ชาย"
"พูยอกับชิลลา ถ้าฝึกทหารด้วยกันก็มีเป้าหมายอย่างเดียว คือจะยกทัพมาตีเราอีกครั้ง บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ทหารชิลลามาถึงไหนแล้ว"
ทั้งหมดจำต้องพาองค์ชายมูยุลไป องค์ชายมูยุลถามต่อว่า
"หึ ที่นี่ห่างจากชายแดนพูยอไกลแค่ไหน"
"อีกครึ่งวันก็ถึงพะยะค่ะ"
"ถัดจากนี้ไปคือเมือง "ยองกุก" หม่อมฉันไปขอทหารจากที่นั่นมาช่วย"
"กว่าทหารจะมา พวกเขาก็ข้ามแดนไปพูยอหมดแล้ว"
"จะขัดขวางตอนนี้มั้ยล่ะ"
"องค์ชาย"
องค์ชายมูยุลไม่สนใจบุกไปทันที
มูยุล มหาบุรุพิชิตแผ่นดิน จบ 23

มูยุล มหาบุรุพิชิตแผ่นดิน 24
องค์ ชายมูยุลและพวกถูกกองทัพแคว้นพูยอลอบโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อช่วยชีวิตมาโนซึ่งกำลังจะสิ้นใจไว้ ทำให้ทุกคนได้รับบาดเจ็บไปตามกัน องค์ชายมูมูยุลทุกข์ระทมที่เห็นทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บเพราะตน องค์ชายมูยุลพาทุกคนไปที่เมืองโชบุนทันที
เมื่อหมอมาตรวจอาการของมาโนเรียบร้อย องค์ชายมูยุลถามทันทีว่าเป็นยังไงบ้าง
"ถือว่าพ้นขีดอันตรายแล้วครับ"
มาโนว่า "เฮ่อ หน้าหม่อมฉัน ไม่ส่อแววเป็นคนอายุสั้นหรอก หึ หึ อย่าห่วงไปเลย หึ หม่อมฉันจะอยู่กับองค์ชายจนกว่าจะเหม็นหน้า หึ"
เคยูเข้ามาหาองค์ชายมูยุล
"นี่คือข้อมูลที่หม่อมฉันได้มา จากที่ไปถามชาวบ้าน ได้รายละเอียดมากกว่าที่คิดไว้ เจ้าเมืองที่ชื่อ "คีชอง" ใช้อำนาจบาตรใหญ่"
เฮ ยาเล่าต่อว่า "คีชอง เป็นคนของเผ่าพีรู ลูกน้องแพกึยอีกที ตั้งแต่เขามาเป็นเจ้าเมืองโชบุนที่นี่ ก็รีดไถภาษีหนักขึ้น พักก่อน ยังอ้างว่าจะสร้างศาลบูชา เที่ยวเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านเป็นว่าเล่นเพคะ"
ทางด้านโทจินกับแชบูก็กลับมาเข้าเฝ้าพระราชาเทโซ
"อะไรกันนี่ แล้วทูตชิลลาล่ะ ทำไมกลับมาแค่สองคน"
แชบูทูลว่า "มูยุลพาคนไปลอบทำร้ายคณะทูตพะยะค่ะ"
"อะไรนะ แล้วพวกเจ้าไม่ทำอะไรบ้างหรือ"
แชบูทูลว่า "มันกลับเป็นเรื่องดีมากกว่า"
"จะเป็นเรื่องดีได้ยังไง"
"เรื่องนี้เท่ากับมูยุลทำลายตัวเองชัดๆ นอกจากตัดสัมพันธ์กับแคว้นชิลลาแล้ว เขาจะหมดโอกาสได้เป็นรัชทายาทด้วย"
"หม่อมฉัน ได้ส่งข่าวให้ท่านแพกึยรับรู้แล้ว บอกให้พวกเขารีบโค่นล้มราชวงศ์โกคูรยอเร็วๆ" โทจินทูล
พระ ราชาเทโซพอพระทัยมาก "ดีเหมือนกัน เรื่องนี้ข้าจะสนับสนุนเจ้าเต็มที่ ส่วนใต้เท้าแชบู ท่านจงไปแคว้นชิลลา บอกเล่าสิ่งที่เห็นให้พวกเขารู้"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
องค์ชายมูยุลพาพวกบุกไปหาคีชองเจ้าเมืองโชบุน
"พวกเจ้าเป็นใคร" คีชองถาม
"ท่านนี้คือองค์ชายมูยุล"
"หือ เฮ่อๆๆ มิน่า ชอบทำอะไรวู่วามนัก ทำแบบนี้หมายความว่าไง ข้าเป็นเจ้าเมืองโชบุนเชียวนะ"
"การจะลงโทษเจ้าเมืองซักคน ข้ายังพอมีสิทธิ์บ้าง"
"ทรงต้องการอะไรกันแน่"
"ได้ยินว่าท่านซ่องสุมกำลัง ซื้อขายทาส กอบโกยผลประโยชน์ทุกด้าน และท้ายที่สุด คือเอาเงินไปมอบให้แพกึย"
"เรามีหลักฐานความผิดของท่าน ถ้าฉลาดก็จงยอมรับซะ" เฮยาขู่
" ถ้าให้ความร่วมมือดีๆ เราอาจจะเปิดโอกาสให้ท่านบ้าง นับแต่นี้ถือว่าท่าน ไม่ใช่คนของแพกึย แต่เป็นขุนนางโกคูรยอ มันเป็นสิ่งที่เจ้าเมืองควรจะทำ คงไม่ลำบากเกินไปหรอกนะ ถ้าท่านยอมกลับตัวกลับใจ ข้าสัญญาว่าจะไม่เอาชีวิตท่าน"
"หม่อมฉันจะขอภักดีต่อองค์ชาย"
องค์ชายยอจินทรงปลงพระชนม์ชีพพระองค์เองแต่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ทัน พระมเหสีมียูรีบตามหมอมารักษา
"สภาพตอนนี้ ยังไม่สามารถด่วนสรุปได้ แต่คงไม่มีวิธีรักษา" หมอทูล
"ไม่จริง ต้องช่วยองค์ชายให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยเขา"
อันซึงข่มขู่ "ถ้าองค์ชายทรงเป็นอะไรไป พวกท่านก็จะถูกประหารด้วย ถ้าไม่อยากตาย ก็ต้องรักษาให้หาย"
"หึ เรื่องนี้อย่าให้ใครรู้เด็ดขาด รวมถึงฝ่าบาทด้วย อย่าให้ใครไปทูลให้ทรงทราบ เข้าใจมั้ย" พระมเหสีมียูทรงกำชับ
แต่เวลาผ่านไปองค์ชายยอจินอาการยังไม่ดีขึ้น อันซึงทูลพระมเหสีว่า
"พี่ใหญ่ ถ้าไงเราอย่าปิดบังอีกเลยนะ ไปทูลฝ่าบาท เผื่อจะได้ช่วยหาทาง"
"ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าให้ฝ่าบาทรู้เข้า ทุกอย่างต้องจบแน่"
"แต่การปิดบังไม่ช่วยอะไรหรอกนะ นี่ก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว องค์ชายยังไม่ดีขึ้นเลย"
"เดี๋ยวเขาก็ฟื้นเอง ลูกชายข้า ยังไงก็ต้องฟื้นขึ้นมา"
"ข้าก็อยากให้เขาฟื้น แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง มิแย่หรอกหรือ เรื่องแบบนี้ เรารับผิดชอบไม่ไหวนะ"
ใน ที่สุดพระราชายูริก็ทรงทราบและรีบเสด็จมาดูอาการขององค์ชายยอจิน พระราชายูริทรงตำหนิพระองค์เองที่เป็นพ่อที่ไม่ดีทำให้ลูกๆ ต้องมีอันเป็นไปคนแล้วคนเล่า องค์หญิงเซยูเสด็จมาเห็นก็เข้ามาหา
"ค่ำคืนอากาศเย็น ไม่ควรออกมารับลม เสด็จเข้าตำหนักเถอะเพคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก"
"ยอจินต้องหายดี อย่าห่วงเลยเพคะ"
"ข้าผิดเองที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจเขา เซยู"
"เพคะเสด็จพ่อ"
"เพราะข้าเป็นพ่อที่ไม่เอาไหน ทำให้พวกเจ้าล้วนแต่มีเคราะห์ร้าย เจ้าอย่าโกรธเลยนะ"
"หึ อย่ารับสั่งอย่างงั้นสิเพคะ"
คูชูเข้ามา "ฝ่าบาท หึ องค์ชายทรงฟื้นแล้วพะยะค่ะ"
ทั้งสองพระองค์รีบเสด็จไปดูองค์ชายยอจิน
"ยอจิน"
"โอ๊ะ ฮือ หม่อมฉันอยากคุยกับฝ่าบาทตามลำพัง เชิญเสด็จแม่ออกไปก่อน"
"พาพระมเหสีกลับไปตำหนัก"
องค์หญิงเซยูน้อมรับ "เพคะ"
"คนอื่นออกไปด้วย" พระราชายูริรับสั่ง
"หม่อมฉันต้องขออภัยด้วย"
" ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี สมัยก่อนตอนยังไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ข้าก็อยู่คนเดียวมาสิบกว่าปี ไม่เคยนึกฝันว่าซักวันจะได้เป็นองค์ชาย ฉะนั้นจึงรู้ว่า การเป็นรัชทายาทเป็นภาระที่หนักและน่ากลัวขนาดไหน ข้าจึงเข้าใจเจ้าดี"
"เสด็จพ่อ"
"ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก และไม่ต้องหนีจากความจริงด้วย การเป็นรัชทายาท ไม่ได้ทำให้มีอำนาจ หากแต่ต้องดูแลราษฎรซึ่งเป็นเรื่องที่หนัก แต่ให้เจ้ารู้สึกกลัว จะได้ไม่ทอดทิ้งพวกเขา"
"ฮือ ทรงคิดว่าหม่อมฉัน จะสามารถทำได้หรือพะยะค่ะ ฮือ หม่อมฉันยอมตายดีกว่ารับภาระ ยังคู่ควรเป็นรัชทายาทอีกหรือ ฮือ หม่อมฉันเคยพยายามแล้ว อยากทำตัวให้เข้มแข็ง แต่ว่า ถึงหลอกคนอื่นได้ หม่อมฉันก็หลอกตัวเองไม่ได้ ฮือ หม่อมฉันรู้สึกกลัว กลัวจะทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง กลัวว่าต้องอยู่กับความกดดันชั่วชีวิตที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คนอย่างหม่อมฉัน จะสามารถปกครองบ้านเมืองได้ยังไง"
"ยอจิน" พระราชายูริทรงสวมกอดองค์ชายยอจินด้วยความเห็นใจ
พระราชายูริทรงประกาศให้องค์ชายมูยุลเป็นรัชทายาทต่อหน้าเหล่าขุนนาง
" สาเหตุที่เรียกประชุมวันนี้ คิดว่าคงพอรู้อยู่แล้ว บัดนี้ ข้าจะขอประกาศรายชื่อ ผู้เป็นรัชทายาท รัชทายาทแห่งโกคูรยอ คือองค์ชายมูยุล อีกหนึ่งเดือน จะมีพิธีสถาปนา และให้รัชทายาทเข้าพิธีแต่งงาน องค์ชายมูยุล จงไปเตรียมตัวให้ดี"
จากการประกาศของพระราชายูริ ขุนนางหลายคนไม่พอใจ และจะขอเข้าเฝ้าพระราชายูริไม่ยอมกลับ องค์ชายมูยุลเองก็มาขอเข้าเฝ้า
"ทำไมถึงเป็นหม่อมฉัน หม่อมฉันอุตส่าห์ทำใจ คิดถึงบทบาทหน้าที่ในอนาคต แล้วทำไมกลับให้หม่อมฉัน ตั้งตัวไม่ติดอีก"
คูชูทูลว่า "ก่อนหน้านี้องค์ชายยอจิน เนื่องจากรับความกดดันไม่ไหว เกือบจะปลิดชีพฆ่าตัวตาย"
"ข้าให้เจ้าเป็นรัชทายาท ไม่ใช่เพราะเหตุผลแค่นี้" พระราชายูริตรัส
" ถ้าอย่างงั้น ราชสำนักมิต้องขัดแย้งกับขุนนางหรือ หึ ตอนนี้ยังไม่สาย ที่จะเปลี่ยนพระทัยอีกครั้ง หม่อมฉัน ยินดีจะเป็นผู้ช่วยยอจินมากกว่า"
"เปลี่ยนใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว รัชทายาทคนใหม่ คือเจ้าจริงๆ"
"แต่ชาวบ้านข้างนอก ยังกลัวชะตาของหม่อมฉันอยู่ ถ้าหม่อมฉันเป็นรัชทายาท พวกเขาจะไม่เชื่อมั่นต่อราชสำนัก"
" นี่ก็คือ หน้าที่ที่เกิดมาพร้อมชะตาของเจ้า ใช้ความดีเข้าหา เพื่อให้พวกเขาเกิดความศรัทธา เหมือนที่ข้าเคยประสบมา ภายใต้ความขัดแย้งและไม่มีใครสนับสนุน บุกเบิกเส้นทางของตัวเอง ตอนนี้อำนาจอยู่ในมือเจ้าแล้ว เจ้าต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น ว่าสวรรค์ไม่ได้ทอดทิ้งเจ้า แต่เลือกเจ้าต่างหาก"
โทจินเข้ามาแสดงความยินดีกับองค์ชายมูยุล
"ยินดีด้วยพะยะค่ะ"
"พวกขุนนาง ยังอยู่ที่ท้องพระโรงใช่ไหม"
"องค์ชายก็รู้แต่แรกแล้วนี่"
"หึ ใช่ เรื่องนี้คงทำให้พวกเขาไม่พอใจ โทจิน เจ้าช่วยข้าได้ไหม"
" เราสองคนคงไม่อาจร่วมงานกันได้อีก อีกไม่นานองค์ชายก็จะแต่งงานกับหญิงพีรู หม่อมฉันแค่อยากทูลว่า ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ลืมยอนซะ มันอาจเป็นการดีมากกว่า ทั้งต่อองค์ชายและยอนด้วย"
พระมเหสีมียูทรงถอนใจ ด้วยอารมณ์ที่ทั้งเจ็บทั้งแค้น องค์ชายยอจินเข้ามาทูลเรียกก็ทรงโต้กลับทันควัน
"ต่อไปอย่ามาเรียกแม่อีก"
"หม่อมฉันรู้ว่าเสด็จแม่ทรงผิดหวังแค่ไหน ความผิดในวันนี้ หม่อมฉันจะขอชดเชยให้เสด็จแม่ชั่วชีวิต"
" เจ้ามีทางชดเชยอะไรได้ เจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก เพราะคิดแต่ว่า นั่นคือความทะเยอทะยานของแม่ที่เคี่ยวเข็ญให้เจ้าเป็นใหญ่ หึ รู้มั้ยว่าองค์ชายที่ไม่ได้ครองราชย์ สุดท้ายจะมีจุดจบยังไงบ้าง หึ ตอนนี้ฝ่าบาทยังอยู่ คงไม่มีใครทำอะไรเจ้าหรอก แต่ถ้าสวรรคตเมื่อไหร่ เราจะมีแต่ตายสถานเดียว"
"เจ้าพี่ไม่ทำกับเราอย่างงั้นหรอก"
"หึ ใครจะรับรองได้"
"เสด็จแม่"
" ถึงเขาไม่ทำอะไรก็ไม่ต่างกับตายทั้งเป็น ต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ว่าไงก็ว่างั้นแล้วจะมีความหมายอะไร แม่จะไม่ยอมให้เป็นอย่างงั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ช่าง แม่จะเอาตำแหน่งรัชทายาท คืนจากเขาให้ได้"
00000000000000
แพกึยมาถามโทจินว่าข้างนอกเป็นไงบ้าง
"กลับไปหมดแล้วครับ ในเมื่อท่านซังกาเห็นด้วยกับพระราชายูริ คนอื่นจะกล้าคัดค้านอะไรได้"
"ไม่เอาไหนทั้งนั้น เฮ่ย"
"มูยุลได้เป็นรัชทายาท คงเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว ถึงเราคัดค้านก็ป่วยการ แต่ควรคิดถึงอนาคตมากกว่า"
"เจ้ามีวิธีอะไรหรือเปล่า"
"ล้มล้างราชวงศ์นี้ซะ"
"แปลว่าให้ข้าก่อกบฏหรือ"
" นอกจากนี้แล้ว ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ ข้าจะช่วยท่านดำเนินการ แอบฝึกทหารอย่างลับๆ แล้วรวบรวมหัวหน้าเผ่าที่เห็นด้วยมาช่วยเสริม ถึงเวลาเมื่อไหร่ อย่าว่าแต่นักรบทมิฬที่แฝงตัวอยู่นี่ แม้แต่นักรบที่อยู่ในพูยอ ข้าก็สั่งให้มาที่นี่ได้"
ซังกาเลือกลีจีอา หญิงสาวชาวเผ่าพีรู้ผู้ยากจนไร้ญาติขาดมิตร แต่มีความโดดเด่นเหนือกว่าหญิงอื่นเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ซังกาสั่งให้บ่าวคนสนิทอบรมให้นางเป็นพระชายาที่สำรวม มีสาวใช้ชื่อ คียอน
พวกองค์ชายมูยุลดื่มฉลองกันอย่างสนุกสนาน
"รสชาติเป็นไงบ้าง นี่เป็นเหล้าของฝ่าบาทเชียวนะ พอได้ยินว่าองค์ชายจะดื่ม พวกนางในเลยรีบเอามาให้ แหะๆ" พักโซว่า
มาโนกล่าวว่า "ฐานะองค์ชายตอนนี้ ต่างจากเมื่อก่อนเยอะเลย แม้แต่หม่อมฉันเวลาไปไหนมาไหนก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ เฮ่อๆๆ"
" การเป็นรัชทายาท ความหมายเท่ากับมีศัตรูเพิ่มขึ้น เพราะข้าแล้ว อาจทำให้หัวหน้าเฮยา รวมถึงพวกเจ้าสองคน มีอันตรายมากกว่าแต่ก่อน" องค์ชายมูยุลว่า
มาโนบอกว่า "เราก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว"
"ถึงยังไง เราก็จะคอยปกป้ององค์ชาย ทรงวางพระทัยได้"
" นับแต่นี้ ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าฝ่าบาททรงเลือกคนไม่ผิด เราจะช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ไม่ทำให้พระองค์ทรงเดือดร้อน การจะให้ทุกฝ่ายยอมรับนั้น คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่า ข้าก็จะพยายามเต็มที่"
"หึ ตอนนี้ ภาระของหม่อมฉันรู้สึกเบาลงเยอะ ถ้าองค์ชายแฮเมียง ได้มาเห็นภาพในวันนี้ คงจะดีพระทัยมาก"
"หึ คืนนี้ พวกเราไม่เมาไม่เลิก" ว่าแล้วองค์ชายมูยุลก็ดื่มนำ ทุกคนหัวเราะชอบใจ
เวลานั้นแพกึยก็วางแผนกับโทจิน
"ถ้าจะยึดครองเมืองหลวง ก่อนอื่น คงต้องย้ายทหารของยูริออกไปซะก่อน แต่ว่า เรื่องนี้ คงไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ข้ามีวิธีไว้แล้ว"
โทจินฝึกการต่อสู้อย่างจริงจังให้กับลูกน้อง
องค์ชายมูยุลพาองค์ชายยอจินไปที่แห่งหนึ่งด้วยกัน แล้วองค์ชายยอจินก็ได้พบกับยุนวา
"ยุนวา"
"องค์ชาย"
"เจ้าเป็นไงบ้าง หา ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม"
"หึ เพคะ"
"ขอโทษด้วยนะ ต้องขอโทษจริงๆ เพราะข้าทำให้เจ้าเดือดร้อนแท้ๆ"
"ไม่เป็นไรหรอกเพคะ"
"เจ้าพี่ ขอบพระทัย ขอบพระทัยอย่างมาก"
"ถ้าพระมเหสีรู้เข้าจะกริ้วอีก ต้องระวังให้มาก และปกป้องนางด้วยล่ะ"
"อึม ได้"
"อึม ไปเถอะ ถ้ามีเวลาก็คอยดูยอจินไว้ และปกป้องยุนวาด้วยล่ะ"
มาโนรับคำ "พะยะค่ะ"
"ว่าแต่ว่า เราไปดูหน้าว่าที่พระชายาคนใหม่จะดีมั้ย อีกไม่นานก็จะอภิเษกแล้ว จะไม่ไปทำความรู้จักก่อนหรือพะยะค่ะ"
"ปากนะปาก" มาโนว่า
พักโซมองหน้า "ทำไมเล่า"
"ปากไม่มีหูรูด"
องค์ชายมูยุลเข้าเฝ้าพระราชายูริตามรับสั่ง
"รับสั่งให้หาหรือพะยะค่ะ"
" หน้าที่ที่เจ้าต้องทำ หลังจากได้เป็นรัชทายาทแล้ว เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อราษฎรของเรา ข้าจะมอบอำนาจให้เจ้า ไปจัดการตามที่เห็นควร เพราะตั้งแต่นี้ไป ไม่เพียงเหล่าขุนนาง แม้แต่ราษฎรก็จะคอยจับตาดู เจ้าต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็น ให้ทุกคนรู้ว่าการตัดสินใจของข้าไม่ผิด"
"พะยะค่ะ"
องค์ชายมูยุลมาพบซังกา
"มาหาหม่อมฉันทำไม"
"ข้ามีเรื่องหนึ่ง จะมารบกวนท่าน" องค์ชายมูยุลถาม
"หึๆ รบกวนอะไรกัน อย่าเกรงใจเลย"
"ท่านเคยคิดว่า ถ้ายอจินได้เป็นรัชทายาท จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองมากกว่าใช่ไหม"
"แน่นอน แต่ว่า บางครั้งบางคราว ความฝันมักสวนทางกับความจริงเสมอ"
" ท่านคาดหวังต่อยอจินแค่ไหน ข้าก็สามารถทำได้ แต่ท่านจะช่วยข้ามั้ย สิ่งที่ข้าจะรบกวนก็คือ อยากให้ท่านเห็นความหวังดี ที่ข้าต้องการผูกมิตรกับเผ่าต่างๆ ถ้าคิดว่า ข้าสามารถสร้างฝันของท่านให้เป็นจริงได้ งั้นท่านก็คง ไม่คิดปฏิเสธ น้ำใจที่ข้ามอบให้หรอกนะ"
"งั้นก็ได้ แต่ว่า สำหรับหัวหน้าคนอื่นๆ หม่อมฉันคงไปชี้นำความคิดพวกเขาไม่ได้ ต้องเข้าใจไว้ด้วย"
"ขอแค่มีท่าน ยอมให้ความร่วมมือก็พอแล้ว"
"แล้วจะให้หม่อมฉันทำอะไรบ้าง"
องค์ชายมูยุลเรียกประชุม แพกึยกับหลายคนไม่พอใจ
"อะไรกันนี่ ยังไม่ทันเป็นรัชทายาทก็ริอ่านมาบงการเราแล้วหรือ"
"ก็ถึงว่าน่ะสิ"
และเมื่อองค์ชายมูยุลบอกเรื่องที่คิดไว้ แล้วต้องการจะดำเนินการต่อ
"ให้จ่ายค่าแรงให้พวกทาสงั้นหรือ"
แพกึยว่าต่อ "แค่ตัดถนนให้รถม้าผ่าน ทำไมต้องให้พวกเราช่วยกันออกเงิน"
" การตัดถนนใหม่ เพื่อสะดวกแก่การสัญจร จะเป็นประโยชน์ต่อการค้าของพวกท่านอย่างมาก คาดว่าอีกไม่กี่ปี รายได้ของพวกท่าน จะเพิ่มจากปัจจุบันไม่รู้อีกกี่เท่า"
องค์ชายมูยุลอธิบาย แพกึยย้อนกลับว่า
"แต่ช่วงทำสงคราม เราก็ถูกบังคับให้จ่ายไปเยอะแล้ว เพิ่งสงบไม่ทันไร จะให้แบกรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ยังไง"
" หึ ถ้าพวกท่านไม่เต็มใจ ข้าก็ไม่บังคับ แต่ว่า มีเรื่องหนึ่งจะบอกให้รู้ ในบรรดาหัวหน้าเผ่า มีบางคน เห็นด้วยกับนโยบายของข้าและยินดีให้ความร่วมมือ ถ้างานเสร็จเรียบร้อย สัมปทานจะเป็นของพวกเขาแทน ถ้าหากพวกท่านยังเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว อีกหน่อยการค้าจะด้อยว่าคนที่ใช้รถม้าในการขนส่ง หรือก็คือ เราจะแบ่งสัมปทานใหม่ ไม่ให้มีการผูกขาดเหมือนเดิม จะเอายังไง ก็แล้วแต่พวกท่าน ไปคิดดูให้ดี" องค์ชายมูยุลกล่าว
จากนั้นองค์ชายมูยุลก็ไปพบมาวัง ที่กำลังทำงานอยู่กับกงชอน
"อ้าว นึกว่าใคร ยินดีต้อนรับ รัชทายาท ฮ่าๆๆ"
"ทำงานไปถึงไหนแล้ว"
"คืบหน้าไปเยอะเลยพะยะค่ะ เพราะมีงานทำ มีข้าวให้กิน เมืองหลวงไม่ได้คึกคักแบบนี้ตั้งนานแล้ว ฮ่าๆๆ"
"ค่าใช้จ่ายจะมีคนช่วยออกให้ ไม่พอก็บอกได้นะ"
"จริงหรือพะยะค่ะ ขอบพระทัย รัชทายาท ฮ่าๆๆ เฮ่อๆๆ"
"เอ่อ องค์ชาย หม่อมฉันเจอไอ้นี่อยู่ที่โรงหมอ" กงชอนยื่นให้องค์ชายมูยุลดู
มาวังดุกงชอน "เอ่อ บ้าจริง ของแบบนี้เอามาที่นี่ทำไมเล่า"
"ก็เป็นของรักของยอนนี่นา"
แพกึยกลับไปก็หัวเสียมาก บ่นกับโทจินว่า
"เฮ่ย ข้ารู้สึกเหลือทนแล้ว คงต้องรีบจัดการซะที ถ้าจะลงมือ ในพิธีสถาปนาจะดีมั้ย"
"ไม่ดีครับ เพราะมันกระชั้นมาก เราจะไม่มีเวลาเกลี้ยกล่อมคนอื่นด้วยซ้ำ" โทจินว่า
"เกลี้ยกล่อมไม่ได้ก็ฆ่ามันซะให้หมด"
" ท่านอย่าวู่วามนัก โปรดใจเย็นก่อน ถ้างานนี้ล้มเหลวอีก ทั้งท่านและข้า อาจไม่รอดทั้งสองคน เมื่อทำก็ต้องหวังผล ประสบความสำเร็จให้ได้"
"ท่านอำมาตย์ พระมเหสีรับสั่งให้ไปเฝ้า"
เมื่อแพกึยไปพบพระมเหสีมียู ซึ่งอยู่กับอันซึง
"หึ ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว ขืนอยู่แบบนี้ข้าต้องบ้าแน่" พระมเหสีมียูตรัส
อันซึงปลอบ "ทรงใจเย็นก่อนเถอะ"
"แล้วท่านล่ะ จะปล่อยมันเหิมเกริมไปถึงเมื่อไหร่กัน"
"เมื่อก่อนข้าเคยบอกว่าต้องฆ่าหมอนั่นซะ"
แพกึยกล่าวว่า "มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด"
"ไม่ต้องลังเลอีก รีบไปจัดการเลย ขอเพียงเอาชีวิตมันได้ ไม่ว่าท่านต้องการอะไร ข้าจะให้ท่านหมด"
"ตอนนี้หม่อมฉันยังไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น พระมเหสีก็ทรงทราบดีไม่ใช่หรือ"
"หมายความว่าไงน่ะ"
" เขากำลังจะได้เป็นรัชทายาท ถ้ามีการลอบสังหาร อย่าว่าแต่หม่อมฉัน หัวหน้าเผ่าอื่นๆ ก็จะมีความผิดตามด้วย ฉะนั้นจึงต้องขออภัย หม่อมฉันยังไม่พร้อมจะเสี่ยงตอนนี้ ต้องขอให้พระมเหสีอดทนไว้ก่อน"
"แสดงว่าท่าน จะยอมอ่อนข้อให้เขาหรือไง"
"ไม่งั้นจะทำไงได้"
"เสียทีข้าไว้ใจท่าน ช่างทำให้ผิดหวังนัก ข้าจะไม่ลืมเหตุการณ์ในวันนี้" พระมเหสีมียูเสด็จไป
โทจินบอกแพกึย "ท่านทำถูกแล้ว ร่วมมือกับพระมเหสีตอนนี้ เราจะไม่ได้อะไรเลย"
ขณะที่เวลานั้น มาโนก็กล่าวกับองค์ชายมูยุลว่า
"ถนนเลียบชายฝั่งแม่น้ำอัมนกกำลังสร้างอยู่ ส่วนทางไปโชบุน ต้องผ่านภูเขาเลยยากหน่อยพะยะค่ะ"
"ข้าจะขอฝ่าบาทให้ส่งทหารไปช่วยอีกแรง เจ้าช่วยดูแลด้วย"
"พะยะค่ะ"
องค์หญิงเซยูรับสั่งชมว่า "เพราะแผนของเจ้า ทำให้เมืองหลวงเราคึกคักมากขึ้น"
"ไม่หรอกพะยะค่ะ"
" ได้ยินว่าฝ่าบาท ทรงพอพระทัยต่อผลงานของเจ้านัก ว่าแต่ เจ้าไปพบว่าที่พระชายาหรือยัง ถ้าไง ข้าจะแจ้งไปยังท่านซังกา ให้เจ้าไปพบหน่อยนะ ก่อนจะแต่งงาน สองฝ่ายแทบไม่เคยเห็นหน้า มันคงไม่ค่อยดี"
องค์หญิงเซยูมีรับสั่งกับพวกนางในว่า
"อีกไม่นานจะ มีงานใหญ่ เป็นพิธีสถาปนารัชทายาท และมีแขกบ้านแขกเมืองมาร่วมงานมากมาย พวกเจ้าต้องตั้งใจทำงาน อย่าให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง ให้บ้านเมืองเราเสื่อมเสียได้ล่ะ เข้าใจมั้ย"
พวกนางในน้อมรับ "เพคะ"
"แม่ทัพเคยู อยู่นั่นก่อน อย่าเพิ่งไป ได้ยินว่าท่านเป็นผู้ช่วยมือดีของมูยุลใช่ไหม"
"แหะ เรื่องนี้ เป็นหน้าที่หม่อมฉันอยู่แล้ว"
"ถ้าไง ข้าจะมีรางวัลตอบแทนให้ คืนนี้ ไปหาข้าที่ตำหนักนะ"
"หา อะไรนะ เอ๊ะ ยังไง เฮ่อ แปลกจริง เฮ่ย"
เคยูไปบ่นกับพักโซและมาโนด้วยความแปลกใจ
"นี่ พูดจริงหรือเปล่า"
"จะไปดีมั้ยนะ หรือไม่ไปดี" เคยูลังเล
"ไปซี่ เรื่องอะไรไม่ไป เผลอๆ อาจได้เป็นราชบุตรเขย"
"ปากไม่มีหูรูดจริงๆ" เคยูดุ
มาโนออกความเห็นว่า "แต่ข้าว่า องค์หญิงคงจะเรียกพบธรรมดา อย่าคาดหวังมากนักเลย"
พักโซถามว่า "ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย"
เคยูถอนใจ ก่อนจะตัดสินใจไปพบองค์หญิงเซยูที่ตำหนัก
องค์ชายมูยุลไปพบซังกา และกล่าวกับซังกาว่า
"เพราะความร่วมมือจากท่าน งานของเราจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น"
" หม่อมฉันแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น ใครอยู่ข้างนอกบ้าง พานางเข้ามา เป็นผู้หญิงที่องค์ชายต้องชอบแน่ เพราะทั้งฉลาดและหน้าตาดี ต่อไปจะเป็นทูตสันถวไมตรีระหว่างราชสำนักกับเผ่าพีรู"
พอลีจีอาเข้ามา ซังกาก็แนะนำว่า "นี่คือองค์ชายมูยุล"
"ลีจีอาเพคะ"
องค์ชายมูยุลกลับออกมา และได้พบกับโทจิน
"ข้าขอถามอีกครั้ง ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจมาช่วยข้า ข้าจะหาหนทาง ให้เจ้าได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่"
"หม่อมฉันเคยลั่นวาจา จะภักดีต่อท่านอำมาตย์แพกึยแล้ว"
"ข้ากับแพกึย คงไม่มีทางปรองดองกันได้ อาจต้องรอจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำ แต่ข้าไม่คิดว่า จะเป็นศัตรูกับเจ้าด้วย"
"แต่หม่อมฉันอยากเป็น อยากเป็นศัตรูกับองค์ชาย"
องค์ชายมูยุลตกใจมาก "โทจิน"
ในวังหลวง พระราชายูริตรัสว่า
"จะเชิญทูตจากพูยอมาร่วมงานด้วยหรือ"
" จากการสู้รบคราวที่แล้ว เรากับพูยอก็แทบไม่ติดต่อกันอีก แต่พูยอกับแคว้นชิลลา กลับมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ถึงขนาดฝึกทหารด้วยกันเพื่อเตรียมตัวออกศึก ถือโอกาสนี้ เราจะแสดงให้พวกเขารู้ ว่าสิ่งที่ทำ ไม่มีประโยชน์"
"องค์ชายรับสั่งถูกนะพะยะค่ะ"
"ถ้าเป็นอย่างที่คิด เจ้าก็ไปเชิญทูตจากสองแคว้นละกัน"
องค์ชายมูยุลน้อมรับ "พะยะค่ะ"
มา โนมาสั่งพวกองครักษ์ "ให้องครักษ์ดูแลวังหลวง ส่วนความปลอดภัยของคณะทูต เราจะคุ้มครองเอง อย่าลืมว่าทูตชิลลาเคยมาเกิดเรื่องที่นี่ จึงต้องมีการตรวจตราอย่างเข้มงวด เห็นใครน่าสงสัย ก็ให้รายงานพวกเราทันที เข้าใจมั้ย"
พวกองครักษ์รับคำ "ครับ"
ด้านแคว้นพูยอ เหล่าขุนนางทูลพระราชาเทโซว่าจะทำอย่างไรดี
"มูยุลได้เป็นรัชทายาท มันเรื่องอะไรที่เราต้องไปแสดงความยินดีด้วย น่าจะส่งนักรบทมิฬ ไปเอาชีวิตมันมากกว่า"
"ไม่จำเป็น ท่านแชบูเตรียมตัวเดินทางไปโกคูรยอ" พระราชาเทโซสั่ง
องค์ชายมูยุลกับพวกต้องคอยต้อนรับเหล่าคณะทูตที่มา รวมทั้งแชบูที่มาตามรับสั่งของพระราชาเทโซ


มูยุล มหาบุรุพิชิตแผ่นดิน จบ 24

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี

Related Posts



3 comments:

Anonymous said...

เรื่องนี้น่าสนใจดีครับ น่าจะเอามาแทน มูยุล
เรื่อง จักรพรรดินีชอนชู (60 ตอน) อ้างถึง
ราชวงศ์โครยอ ซึ่งเป็นยุคหลังจาก โกครูยอ (ยุคสามก๊ก)

http://korean-fever.blogspot.com/2009/08/empress-of-chun-chu.html

ไม่รู้ว่า มูยุลจบ ช่อง 3 จะเปลี่ยนแนวหรือเปล่า จะเอาละครอิงประวัติศาสตร์เกาหลี มาฉายต่ออีกหรือเปล่านั้น รอดูกันต่อไป มูยล มีเพียง 36 ตอนเท่านั้นเอง

Anonymous said...

ขอบคุณมากค่ะ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะสั้น แต่เมื่อไหร่ที่มีเรื่องใหม่ก็จะรอให้น้องลิลี่เอามาให้อ่านอีกนะคะ

Anonymous said...

ขอบคุณมากๆค่ะที่นำมาให้อ่าน

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal