มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 1
พระราชายูริออกศึกพร้อมคนสนิทคูชู พระราชายูริตั้งใจจะนำของขวัญไปมอบให้พระมเหสีและลูกที่กำลังจะเกิด
" พวกเราออกจากเมืองหลวงมา เป็นเวลานานเกือบปีแล้ว คราวนี้ ข้าต้องการชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อจะได้กลับบ้านเกิดของเราซะที เพราะฉะนั้น ห้ามมีการพักผ่อนในค่ำคืนที่หนาวเหน็บ จะไม่มีอาหารให้กินอีก จนกว่าเราจะเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง"
พวกทหารโห่รับ
"และทุกคนต้องอยู่รอด เพื่อกลับไปหาพ่อแม่และลูกเมีย ที่รออยู่แนวหลังด้วยความเป็นห่วง"
พวกทหารพูดไปเรื่อยๆ "ใช่แล้ว เราต้องไม่ตาย เราต้องอยู่รอด"
ทำศึกไม่นานก็ได้รับชัยชนะ คูชูเข้ามาบอกว่าหัวหน้าชนเผ่าทั้งหลายส่งทูตมาขอเฝ้า
"ยินดีกับฝ่าบาทด้วยพะยะค่ะ"
"มีธุระอะไร"
"ทุกชนเผ่าลงมติ ให้เราเป็นตัวแทนมาเฝ้าฝ่าบาท อีกทั้งนำอาหารและสุรามาเลี้ยงเหล่าทหารพะยะค่ะ"
"ข้ายังนึกว่าพวกท่าน จะลืมข้าไปซะแล้ว"
" เฮ่อๆๆ จากที่เปิดศึกมาจนวันนี้ก็เกือบหนึ่งปี ซึ่งชนเผ่าทั้งหลายต้องแบกภาระส่งเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ จนเราเองก็ลำบาก ขอทรงเห็นพระทัยด้วย"
"สั่งให้จัดงานเลี้ยงฉลองชัย ให้ทหารทุกคนได้ดื่มเหล้าเป็นที่อิ่มหนำสมใจท่านทูตคนนี้หน่อยซิ"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
พวกทหารสนุกสนานในงานเลี้ยง และในงานเลี้ยงทูตถามพระราชายูริว่าเมื่อไหร่จะเสด็จกลับวังหลวง พระราชายูริตรัสว่า
"รอให้เผ่า "คีซาน" ยอมสวามิภักดิ์ต่อโกคูรยอซะก่อน ข้าถึงจะถอนทัพ" ทูตตกใจ
"ทำไม หรือว่าพวกท่าน อยากให้ข้าอยู่กับสงครามไปนานๆ หรือไง"
"อ้อ มิได้พะยะค่ะ อย่าว่าแต่หม่อมฉันเลย แม้แต่หัวหน้าเผ่าทั้งหลายก็ไม่เห็นด้วยที่ฝ่าบาท จะเปิดศึกคราวนี้ด้วยซ้ำ"
"ไว้ข้าได้ชัยชนะเบ็ดเสร็จเมื่อไหร่ กลับไปเมืองหลวงเที่ยวนี้ จะสังคายนาพวกชนเผ่าซะใหม่"
"หม่อมฉันไม่เข้าใจ สิ่งที่รับสั่ง"
" โกคูรยอกำลังจะถูกแคว้นพูยอยึดครอง สาเหตุเพราะหัวหน้าเผ่าทั้งหลายไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยยักย้ายถ่ายเท ทรัพย์สินไปหมด ฉะนั้น ข้าจะไม่ให้พวกเขาเหิมเกริมอีก"
"ถ้าจะทรงเป็นปรปักษ์ต่อชนเผ่าทั้งหลาย ชีวิตของฝ่าบาท หรือแม้แต่พระมเหสี อาจจะไร้ซึ่งหลักประกัน"
"หึ ถ้าคิดจะมาขู่ข้าละก้อ ข้าจะตัดหัวท่านซะก่อน"
"ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันเห็นทีจะต้อง" ทูตทำร้ายพระราชายูริทันที "ขอทรงอภัยด้วย"
ซังกาหัวหน้าเผ่าพีรู มาพบมาวังพ่อค้าที่อยู่ในเมือง
"ท่านให้เกียรติมาเยือนถึงบ้าน ข้าน้อยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง"
"หึ แต่ไม่รู้ว่ามาผิดจังหวะหรือเปล่า"
"มาได้จังหวะพอดี กำลังเหมาะเลยล่ะครับ ข้าน้อยจะไม่ให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน เชิญเลยครับ เชิญข้างใน"
"เห็นว่าเพิ่งไปพูยอมาหรือ"
"ครับ ไปพูยอและยังเลยไปเมือง "ฉางอัน" ด้วย"
"พูยอเป็นไงบ้าง"
" เฮ่ย อย่าพูดดีกว่า ต่อให้ไม่มีสงคราม ชนเผ่าที่อยู่ระหว่างสองแคว้นก็เริ่มเอียงๆๆๆ ไปทางพูยอหมด อีกไม่นานโกคูรยอของเราต้องถูกพูยอยึดครองแน่ โดยเฉพาะอ๋องเทโซ สมัยที่พระราชาจูมงยังอยู่ เขาแทบไม่กล้าหือด้วยซ้ำ"
"ฮึ่ม ถูกต้อง"
" แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่อย่างงั้น หึ เฮ่อ อ๋องเทโซทรงมีอิทธิพล ในขณะที่ฝ่าบาทของเรา ทำตัวเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน ค่ำไหนนอนนั่น แต่ไม่เคยเสด็จกลับมาดูแลโกคูรยอ กลายเป็นที่ขบขันของชาวบ้าน เฮ่อๆๆ คิดแล้ว ไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไงดี ฮ่าๆๆ พอใจมั้ยท่าน ข้าเลือกคนที่คาดว่าจะถูกใจท่านที่สุด เสียเงินซื้อมาไม่ใช่น้อยเลยนะครับ"
"หึ ถ้าจะให้ถูกใจข้าละก้ออออ หึ มีแต่ปากที่ช่างเจรจาของเจ้า"
"หา เอ่อ ท่านซังกา ถ้าไม่เพราะเห็นแก่ท่าน ข้าคงไม่เลือกสาวๆ พวกนี้มาอยู่ด้วย โปรดอย่าให้ขาดทุนเลยนะครับ"
"ข้าชอบสาวใช้คนนี้"
"หา อ้อ สาวใช้คนนี้ ฐานะต่ำต้อยยิ่งกว่าไพร่ ไม่คู่ควรที่จะปรนนิบัติท่าน"
"เจ้าเอานางไปขายต่อแล้วหรือไง"
"เปล่า ไม่ได้ขาย"
"งั้นก็ดี ข้าให้ 200 ตำลึง"
"ไม่ได้จริงๆ ครับ"
"ไหนว่าต่ำต้อยมากไง ข้าให้ 250 ตำลึงพอมั้ยล่ะ"
"เอ่อ คือ ท่าน ท่านซังกา โธ่เอ๊ย ฮือๆ"
พอดีบ่าวเข้ามาเตือนซังกาให้ไปประชุม พอไปถึงก็ถามว่าทำไมจู่ๆ ถึงเรียกประชุม หัวหน้าคนหนึ่งรายงานว่า
"ท่านรู้ข่าวหรือยัง พระราชายูริทรงปราบเผ่าคีซานได้แล้ว"
"ดูจากรูปการณ์ ถ้าเสด็จกลับมาเมื่อไหร่ต้องหาทางเล่นงานชนเผ่าทั้งหลายแน่ แล้วเราจะนั่งรอความตายได้หรือ"
ซังกากล่าวว่า "ถ้าอย่างงั้น"
หัวหน้าอีกคนรีบบอกว่า "เราอาจต้องแข็งข้อ"
"ทหารของพระราชายูริล้วนกรำศึกมาอย่างโชกโชน แม้ว่าเราจะถือโอกาสแข็งข้อในตอนนี้ แล้วถ้าเขากลับมาล่ะ" ซังกาว่า
"เราก็ให้เขา ไม่มีวันได้กลับมาก็สิ้นเรื่องแล้ว"
ซังกาแปลกใจ "ทำไมถึงไม่มีวันกลับมา"
"เพราะเขาตายไปแล้ว"
"นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า" ซังกาถาม
" ข้าได้ส่งตัวแทนไปเยี่ยมเขารวมถึงบรรดาแม่ทัพทั้งหลาย ซึ่งมันเป็นแค่ฉากบังหน้า เป้าหมายแท้จริงคือลอบสังหาร ตอนนี้ในเมืองมีแต่องค์ชายแฮเมียงกับทหารไม่กี่ร้อยคน ซึ่งข้าได้ปรึกษากับหัวหน้าเผ่าทั้งหลายแล้ว เราจะรวบรวมไพร่พลแล้วกรีฑาทัพไปเมืองหลวง หรือท่านเห็นว่าไง จะให้ความร่วมมือกับเรามั้ย"
ขณะที่วังหลวง มเหสีทรงเจ็บท้องจะคลอดลูก แต่ทรงเจ็บอยู่นานมากแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลอด องค์ชายแฮเมียงทรงสั่งให้หมอดูแลอย่างดี แม่ทัพก็เข้ามาทูลองค์ชายแฮเมียงว่า พวกหัวหน้าเผ่าประชุมกัน รวมทั้งหัวหน้าเผ่าพีรู เพื่อหารือเรื่องงานฉลองพระมเหสีประสูติกาล แต่ดูมีเลศนัยเพราะปิดบังองค์ชายแฮเมียง
องค์ชายแฮเมียงเสด็จไปหามาวังและให้สืบว่าหัวหน้าเผ่าประชุมกันเรื่องด่วนอะไร จนได้ความว่าพวกหัวหน้าเผ่าเตรียมกำลังคน
องค์ชายแฮเมียงถามจากแทชองเรื่องกำลังทหาร จากนั้นทรงมีรับสั่งให้ปิดประตูเมืองทุกท่าน และรีบส่งข่าวพระราชายูริ
หัวหน้าเผ่าเตรียมการเรียบร้อยก็ส่งหัวหน้าเผ่าคนหนึ่งเข้ามาพบองค์ชายแฮเมียง
"หม่อมฉันมาถ่ายทอดมติจากที่ประชุม"
"เชิญว่ามา"
" เผ่าพันนา ยอนนา คุนนาและพีรู ได้ส่งทหารมาประชิดเมืองหลวงแล้ว พร้อมจะบุกเข้ามาทุกเมื่อ ก่อนพรุ่งนี้ฟ้าสาง ให้เปิดประตูเมืองทุกด้าน เพื่อให้ทหารเข้ามาดีๆ ขอเพียงไม่ขัดขืน เราให้สัญญาจะไม่ทำร้ายองค์ชายเลย"
"หุบปาก บังอาจมาพูดจาสามหาวเชียวหรือ" แม่ทัพว่า
"พวกท่านมีทหารแค่ไม่กี่ร้อย ถ้าคิดขัดขืนก็เท่ากับรนหาที่ตาย"
"องค์ชาย หม่อมฉันจะตัดหัวเขาเดี๋ยวนี้ โปรดสั่งมาเลย"
" ทหารของเราแต่ละคน สามารถรับมือพวกท่านได้เป็นสิบ อย่านึกว่ามีคนมากก็จะกำแหงได้ ถ้าเราพร้อมยอมตาย ใครก็อย่าหวังเข้าเมืองมาได้เลย และถ้าฝ่าบาทเสด็จมาถึง หัวของพวกท่านจะหลุดจากบ่าทันที ซึ่งไม่ใช่พวกเรา"
"โปรดอย่าคิดว่าฝ่า บาทจะเสด็จกลับมาช่วยได้ เพราะตอนนี้ ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว พรุ่งนี้นี่แหละ พรุ่งนี้เช้าถ้าไม่เปิดประตูเมืองต้อนรับพวกเรา เมืองหลวงจะเกิดการนองเลือดทันที แม้แต่พระมเหสีกับทารกในครรภ์ ก็อาจไม่ได้รอดชีวิต"
องค์ชายแฮเมียงตกพระทัยมาก แต่ก็ไม่ทรงเชื่อ แถมทหารที่ยังหนุ่มก็แปรพักตร์ไปฝ่ายศัตรู องค์หญิงเซยูเข้ามาหา
"เจ้าพี่"
"หึ เซยู"
"ทำไมในวังไม่มีใครเลย หม่อมฉันรู้สึกกลัวเพคะ"
"หึ ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกลัวนะ"
แฮ เมียงคิดจะพาองค์หญิงเซยูและพระมเหสี ออกจากวังเดี๋ยวนี้ แต่แม่ทัพห้ามไว้ เพราะพระมเหสีใกล้คลอดแล้วจะเป็นการเสี่ยงมาก แต่องค์ชายแฮเมียงคิดว่าถ้าอยู่พระนางอาจถูกปองร้ายได้
ระหว่างทางพระราชายูริเสด็จกลับมาและจับหัวหน้าเผ่าไว้ได้ และยังเชิญซังกามาพบ
"เชิญท่านซังกานั่งก่อน ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะลงโทษคนทรยศยังไงดี ช่วยบอกข้าหน่อยซิ ว่าควรทำยังไง"
ซัง กาทูลว่า "ฝ่าบาท โกคูรยอสถาปนามาได้แค่สิบกว่าปี ถ้าทรงประหารหัวหน้าเผ่าทั้งหลายที่เป็นเสาหลัก คงเป็นสิ่งที่พระราชาจูมงไม่หวังให้เกิดขึ้น สมัยก่อน เผ่า "เฮงยิน" และ "อกจอ" ก็เคยทรยศอดีตพระราชา แต่พระองค์ ก็ทรงเมตตาละเว้น หลังจากนั้นพวกเขาจึงมีแต่ความภักดี หม่อมฉันอยากให้ฝ่าบาท ทรงเอาอย่างเสด็จพ่อ ให้โอกาสพวกเขาอีกครั้งได้ไหมพะยะค่ะ"
"ไม่ได้หรอก พะยะค่ะ นี่เป็นความผิดใหญ่หลวง จะให้อภัยง่ายๆ ได้ยังไง ท่านซังกา จะเอาอย่างพวกเขา ทำผิดแล้วนิ่งเฉย ถือว่าแล้วกันไปหรือ" องค์ชายแฮเมียงว่า
"องค์ชายรับสั่งผิดแล้ว"
" ท่านเป็นประมุขแห่งชนเผ่าทั้งหลาย ใครจะเชื่อว่าไม่รู้เห็นกับเรื่องนี้เลย ฝ่าบาท ยังไงก็ต้องตัดหัวคนทรยศ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง จะได้เป็นที่หลาบจำนะพะยะค่ะ"
"เจ้าไม่ต้องพูด" พระราชายูริสั่ง
"ฝ่าบาท"
" ข้าบอกให้หุบปากซะ ก็ได้ ข้าจะเอาอย่างอดีตพระราชา ไว้ชีวิตพวกหัวหน้าเผ่า นับแต่นี้ ข้าจะยิ่งเข้มงวดต่อชนเผ่าทั้งหลาย ไม่ให้มีความเคลื่อนไหวใดๆ คนที่เป็นหัวหน้าเผ่า ต้องมารายงานทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเหตุการณ์เกี่ยวกับการทหารเท่านั้น ที่สำคัญ ลูกชายของหัวหน้าเผ่าแต่ละคนต้องมาอยู่กับข้า แล้วข้าจะสั่งสอนพวกเขา ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนอย่างวันนี้ที่พ่อของพวกเขาทำไว้ ท่านซังกา"
"พะยะค่ะ"
"จะยอมทำตามคำสั่งข้ามั้ย"
"พะยะค่ะ"
"คนอื่นจะว่ายังไง"
พวกหัวหน้าว่า "ยินดีพะยะค่ะ"
เมื่ออยู่ตามลำพัง องค์ชายแฮเมียงทูลพระราชายูริว่า
"คนพวกนี้พร้อมจะหักหลังเราได้ทุกเมื่อ ปล่อยพวกเขาไว้ เท่ากับเป็นหอกข้างแคร่นะพะยะค่ะ"
" โอ๊ะ เอ่อ แต่ละก้าวที่เข้าใกล้เมืองหลวง แผลที่พวกเขาฝากไว้กับข้าก็ยิ่งเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ทำไมข้าจะไม่อยากตัดหัวพวกเขาให้รู้แล้วรู้รอดซะ แต่ถ้าตอนนี้ฆ่าพวกเขา บ้านเมืองจะเข้าสู่วิกฤติทันที หลังจากนั้นแคว้นพูยอที่จ้องจะฮุบเราอยู่ มีหรือจะรอช้า ทำอะไรอย่าใช้อารมณ์ จนลืมว่าตัวเองเป็นผู้ครองเมืองนี้ จำไว้ให้ดี ข้าคือพระราชา ส่วนเจ้า คือรัชทายาทที่จะสืบบัลลังก์ต่อ"
"ฝ่าบาท"
"หม่อมฉัน "แทชอง" พะยะค่ะ มีข่าวว่าพระมเหสี ทรงประสูติพระโอรส"
พระราชายูริ องค์ชายแฮเมียงรีบเสด็จไปดูพระมเหสี พระราชายูริตรัสกับองค์หญิงเซยูว่า
"เซยู เจ้ามีน้องแล้วเห็นหรือเปล่า เจ้าเป็นพี่คนแล้ว"
"พี่หรือ"
"ใช่"
"เจ้าพี่ หม่อมฉันมีน้องเป็นผู้ชาย"
"เฮ่อๆๆ ใช่จ้ะ เฮ่อๆๆ"
"ลำบากเจ้าจริงๆ ขอบใจที่มีลูกชายน่ารักให้ข้าอีกคน" พระราชายูริมีรับสั่งกับพระมเหสี
"ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ พระบารมีของฝ่าบาท"
"ข้าจะให้ราษฎร ร่วมแบ่งปันความยินดีทั่วเมือง"
ในตัวเมือง ทหารแจกเสบียงให้ราษฎร คูชูทูลพระราชายูริว่า
"ฝ่าบาท ถึงเวลาที่จะทำนายดวงชะตาของพระโอรสองค์ใหม่ ถ้าไง หม่อมฉันจะไปเชิญโหรหลวงเอง"
"ไม่ต้อง ข้าจะไปตำหนักเทพเดี๋ยวนี้"
โหรหลวงหญิงแอบพาองค์ชายน้อยออกจากเมืองหลวง พระราชายูริสั่งปิดประตูก็ไม่ทัน แทชองทูลรายงานว่า
"โหรหลวงออกไปทางประตูทิศเหนือ ที่สำคัญ พาองค์ชายน้อยไปด้วยพะยะค่ะ"
" ทุกคนจงฟังคำสั่งข้าให้ดี ยังไงก็ต้องตามหาโหรหลวงให้พบ และเรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายให้คนนอกรับรู้ ที่สำคัญคือเจ้า ให้พาทหารออกไปด้วยชุดลำลอง"
"พะยะค่ะ"
"เจอตัวเมื่อไหร่รีบมารายงานข้า แต่อย่าขวางการเดินทางของพวกเขา และอย่าช่วยองค์ชายน้อยอย่างบุ่มบ่าม"
"พะยะค่ะ"
"รีบไปเร็วเข้า"
พระมเหสีรีบมาเฝ้าพระราชายูริ "ฝ่าบาทเพคะ ได้ยินว่าตำหนักเทพถูกปิด ส่วนโหรหลวงก็ลักพาตัวองค์ชายน้อยออกไป หึ นี่มันอะไรกันเพคะ"
"ส่งพระมเหสีกลับไปก่อน"
พระมเหสีทรงอึ้ง "ฝ่าบาท"
"หม่อมฉัน "แทชอง" พะยะค่ะ"
"เข้ามา"
"หึ มีข่าวมาจากทหาร เจอตัวโหรหลวงแล้วพะยะค่ะ อยู่ที่อารามนอกเขตเมืองโชบุน"
"เตรียมตัวเร็ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"
"ฝ่าบาท หม่อมฉันขอไปด้วย"
"ข้าจะพาลูกของเรากลับมาให้ได้ อย่าห่วงเลย ไปนอนเถอะ หึ"
"ฝ่าบาท หึ"
พระ ราชายูริรีบเสด็จไปอารมนอกเขตเมืองโชบุน และรับสั่งกับทหารว่าจะเขาไปพบโหรหลวงแต่ทหารไม่ยอม องค์ชายแฮเมียงจึงต่อสู้กับทหาร พระราชายูริเข้าไปพบโหรหลวงจนได้
"จะเอาชีวิตข้าหรือ ถ้าเป็นบัญชาจากสวรรค์ก็เชิญลงมือ ทารกที่เพิ่งเกิด จะมีความผิดร้ายแรงอะไรนัก ข้าจะขอพาเขากลับไป"
"แม้สวรรค์จะสั่งการลงมา แต่หม่อมฉันก็ไม่อาจลงมือได้"
"หมายความว่าไง สวรรค์มีบัญชาอะไรอีก ถึงต้องทำเรื่องโหดร้ายขนาดนี้"
"องค์ชายน้อย มีดวงชะตาจะทำให้โกคูรยอถึงกาลวิบัติ เข่นฆ่าพี่ชาย สังหารพ่อและแม่ ท้ายที่สุด ยังจะสังหารลูกในไส้ของตัวเองด้วย"
"หุบปากเดี๋ยวนี้ ท่านกำลังทำให้เด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งต้องคำสาปรู้มั้ย"
" มนุษย์ธรรมดา จะล่วงรู้ถึงลิขิตสวรรค์ได้ยังไง หม่อมฉัน เป็นเพียงผู้ถ่ายทอดบัญชาเท่านั้น ฝ่าบาท มีแต่เลือดขององค์ชายน้อยถึงจะแก้คำสาปได้ เพื่อเห็นแก่บ้านเมืองและชะตาของโกคูรยอ ยังไงก็ต้องปลิดชีพ องค์ชายองค์นี้ซะ"
"ทำอย่างงั้นไม่ได้"
"ฝ่าบาท อย่ากลัวว่าจะถูกผู้คนประนามเลย แค่บอกว่าเป็นความประสงค์ของหม่อมฉันและตำหนักเทพก็พอแล้ว รีบลงมือเถอะเพคะ ทรงเป็นพระราชาหรือเปล่า เพื่อเห็นแก่เลือดเนื้อเชื้อไขส่วนพระองค์ จะให้บ้านเมืองหายนะได้หรือเพคะ หึ"
"ท่านโหรหลวงๆ"
"โอ๊ะ ฮือ เฮ่อ โปรดอภัย ให้แก่หม่อมฉันที่ จำต้องถ่ายทอด บัญชาสวรรค์เช่นนี้ ได้โปรด อย่าได้ฝืนลิขิต มันจะไม่ดีต่อฝ่าบาทเอง" โหรหลวงหญิงตาย
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน จบ 1
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 2
เมื่อพระราชายูริเสด็จออกมา องค์ชายแฮเมียงรีบทูลถาม
"ฝ่าบาท โหรหลวงล่ะพะยะค่ะ ทำไมต้องสังหารลูกศิษย์และพาองค์ชายน้อยออกมาด้วย ฝ่าบาท"
"ท่านโหรหลวงตายแล้ว จัดงานศพให้นางอย่างสมเกียรติ"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
มาวังกำลังแชน้ำอยู่กับซังกา บ่าวก็เข้ามารายงานว่าโหรหลวงปลิดชีพตัวเอง แต่บอกอีกว่า
" ที่น่าแปลกก็คือ ขณะที่ฝ่าบาทเดินออกมา,ฉลองพระองค์เต็มไปด้วยคราบเลือด ใต้เท้า ไม่แน่โหรหลวงอาจไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ตายเพราะฝ่าบาทมากกว่า"
" เฮ่ย นางจะฆ่าตัวเองหรือถูกฝ่าบาทสังหาร มันไม่สำคัญหรอก แต่การปิดตำหนักเทพ ลำพังแค่จุดนี้ ก็อาจเป็นผลดีต่อเราอย่างมากก็ได้ ไปสั่งระดมคนเดี๋ยวนี้ อย่าให้ผู้ตรวจการณ์ที่มาจากเมืองหลวงสังเกตเห็นได้ เข้าใจมั้ย"
"ครับใต้เท้า"
"หึ มาวัง ข้าน่ะ จะให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรคือความศรัทธาของผู้คนกันแน่ หึๆๆ"
พระราชายูริทรงไม่ยอมตรัสใดๆ ขณะที่คูชูกับองค์ชายแฮเมียงถาม ทรงไล่ทั้งคู่ออกไป
คูชูถอนใจ "เฮ่ย ฝ่าบาทไม่ยอมตรัสอะไรเลย ทำให้หม่อมฉันทำงานไม่ถูกแล้ว"
" ถ้าพวกหัวหน้าเผ่ารู้เข้า คงไม่ยอมรามือแน่ คนพวกนี้ แม้ภายนอกจะยอมสวามิภักดิ์ แต่ลึกๆ แล้ว ยังคงคิดหาทางแข็งข้ออยู่ ข้าจึงอยากให้ท่าน ไปจับตาดูพวกเขา อย่าให้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง"
คูชูเห็นด้วย "พะยะค่ะ"
เวลา ต่อมาพระราชายูริทรงสะดุ้งตื่นเมื่อคูชูมาปลุกและบอกว่าเกิดเหตุการณ์ ประหลาด น้ำในบ่อ เหมือนจะเปื้อนเลือด หมู่บ้านอื่นก็เป็นแบบนี้ แม้จะไม่รู้สาเหตุ แต่สัตว์เลี้ยงก็ทยอยล้มตาย
แทชองทูลว่า "เพราะเกิดอาเพทอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านจึงลือกันว่า น่าจะเป็นคำสาปจากสวรรค์พะยะค่ะ"
คู ชูทูลต่อว่า "ที่น่ากลัวกว่าอาเพทคือใจคนมากกว่า ยิ่งเรื่องตำหนักเทพแพร่ออกไป เราก็ยิ่งเสียหายหนัก เพราะคนร่ำลือกันว่า ฝ่าบาททรงสังหารท่านโหรหลวงด้วยพระองค์เอง หึ ฝ่าบาท ถ้าเราเรียกศรัทธาคืนไม่ได้ พวกชนเผ่าก็จะแข็งข้ออีก ทรงเปิดเผยคำทำนายของโหรหลวงเถอะพะยะค่ะ"
ลูกน้องของมาวังกินข้าวผสมสาร หนูเข้าไป องค์ชายแฮเมียงมาเห็นพอดี จึงรู้จากหมอ องค์ชายแฮเมียงถามว่าสารหนูหาได้จากที่ไหนบ้าง หมอตอบว่าเผ่าที่รู้เรื่องพิษดีและใช้อย่างแพร่หลายคือเผ่าพีรู
องค์ชายแฮเมียงมาขอเฝ้าพระราชายูริ แทชองตอบว่าซังกาหัวหน้าเผ่าพีรูเฝ้าอยู่
ซัง กาทูลพระราชายูริว่า "ทั้งในวังนอกวังล้วนเกิดเหตุน่าสะพรึงกลัว แต่ฝ่าบาท กลับสั่งปิดตำหนักเทพอันเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจ หม่อมฉันขอถามสาเหตุได้ไหมพะยะค่ะ ก่อนที่ตำหนักเทพจะถูกปิด ฝ่าบาทได้เสด็จไปด้วยพระองค์เอง เพื่อทำนายเกี่ยวกับชะตาขององค์ชายน้อย แล้วตอนเสด็จออกมา มีคนเห็นฉลองพระองค์เต็มไปด้วยคราบเลือดหลายแห่ง แสดงว่าต้องเกิดอะไรขึ้น ที่ฝ่าบาททรงปกปิดคือชะตาขององค์ชายน้อยที่เป็นความลับใช่ไหม หรือว่า โหรหลวงได้ทำนายเรื่องไม่ดี ฝ่าบาทจึงต้องฆ่าปิดปาก เพื่อไม่ให้มีการแพร่งพรายออกไปใช่ไหมพะยะค่ะ"
"เลิกคาดเดาส่งเดชซะที ท่านโหรหลวง ได้ปลิดชีพตัวเอง ซึ่งไม่เกี่ยวกับข้าซักนิด"
" หม่อมฉันอยากรู้ความจริง ว่าท่านโหรหลวงได้ทำนายอะไรกันแน่ เป็นชะตารูปแบบไหนถึงต้องให้นางแลกด้วยชีวิต โปรดรับสั่งมาตามตรงดีกว่า"
แทชองหอบ "ฝ่าบาท พระมเหสีทรงประชวรหนักพะยะค่ะ"
องค์ หญิงเซยูทรงอยู่ใกล้ชิดพระมารดา และทรงร้องไห้ พระราชายูริมีรับสั่งให้หมอหลวงดูแลรักษาพระมเหสีอย่างดี แต่หมอหลวงบอกว่าจนปัญญา พระมเหสีสิ้นพระชนม์
คูชูบ่นกับองค์ชายแฮเมียงว่า "ล่วงเข้าวันที่ 4 แล้ว น่าเป็นห่วงว่าฝ่าบาทจะประชวรไปอีกองค์"
แม่ทัพทูลรายงานว่า "องค์ชาย ตอนนี้ พวกหัวหน้าเผ่ามารวมตัวที่บ้านของท่านซังกาพะยะค่ะ"
"หัวหน้าองครักษ์"
แทชองรับคำ "พะยะค่ะ"
"ไปสั่งรวมพล ข้ามีงานจะให้ทำ"
"พะยะค่ะ"
องค์ชายแฮเมียงพาองครักษ์จำนวนมาก มาล้อมที่ประชุมของเหล่าหัวหน้าเผ่า
ซังกาถาม "องค์ชายทรงมีธุระอะไร"
"พวกนี้. คือข้าวสาลีที่พบในท้องอีกาที่ตาย เชิญดูให้ดี"
ซังกาหัวเราะ "หึๆๆ นี่คงไม่ใช่ จะมาให้อาหารไก่ต่อหน้าพวกเราหรอกนะ"
" การที่จู่ๆ มีนกตายเป็นจำนวนมาก นั่นก็เพราะ กินเมล็ดข้าวที่ผสมกับยาพิษ และเบื้องหลัง มีคนคอยสั่งการ นอกจากในเมืองมีนกกาล้มตายเกลื่อนแล้ว สัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน รวมถึงน้ำในบ่อเปลี่ยนสี ทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นฝีมือใครคนใดคนหนึ่ง"
"ทรงหมายความว่าไง"
"มีคนอยู่เบื้องหลังคอยวางแผน ก่อความวุ่นวายต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านตื่นกลัว บ้านเมืองจะได้ระส่ำระสาย"
"เฮ่อๆๆ ทรงคิดมากไปแล้ว ที่เรามาประชุมก็เพื่อหารือเกี่ยวกับงานพระศพของพระมเหสี มันเป็นหน้าที่ของขุนนางที่ภักดีไม่ใช่หรือ"
" ไม่ทันไร พวกท่านก็ลืมเรื่องก่อกบฏแล้วหรือ จนกว่างานพระศพจะเสร็จสิ้น เราจะจับตาดูพวกท่านทุกฝีก้าว ระวังให้ดี" องค์ชายแฮเมียงเสียงดุ
"องค์ชาย ทำแบบนี้หม่อมฉันว่า"
ซัง กาขัดว่า "เจ้าไม่ต้องยุ่ง องค์ชายรับสั่งยังไง เราก็ต้องทำตามอยู่แล้ว แต่ขอให้ทรงเข้าพระทัย เราเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีจริงๆ"
พอองค์ชายแฮเมียงออกไปแล้ว บ่าวของซังกาก็กล่าวว่า
"ใต้เท้า เราจะยอมง่ายๆ จริงหรือครับ"
" เจ้าอย่าห่วงไปเลย ตอนนี้ถึงเราไม่ทำอะไร ข่าวลือก็จะขยายไปเรื่อยๆ จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย อาเพททั้งหลายที่เกิดรวมถึงการสิ้นพระชนม์ของพระมเหสี เหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการที่ฝ่าบาททรงสังหารโหรหลวง หรือก็คือชะตาที่เป็นกาลีบ้านกาลีเมืองขององค์ชายน้อย องค์ชายแฮเมียงมีแต่กลัวว่าเราจะใช้กำลังแต่หารู้ไม่ว่าที่น่ากลัวยิ่งกว่า กำลังทหารนั้น คือใจคน ที่เริ่มหันเหไปจากราชสำนักและฝ่าบาทต่างหาก"
0000000000000
เวลาต่อมาคูชูทูลพระราชายูริว่า
"ฝ่าบาท ตอนนี้ชาวบ้านเริ่มถูกเป่าหู และพวกหัวหน้าเผ่าก็จะแข็งข้ออีก ขอทรงเปิดเผยทำนายของโหรหลวงเถอะพะยะค่ะ"
พระราชายูริทรงคิดหนัก ก่อนจะตัดสินพระทัยบอกทุกคน
"ท่านซังกา"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
"การตายของท่านโหรหลวง ซึ่งทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ข้าได้รับรู้หมดแล้ว ท่านเคยถามว่านางได้ทำนายอะไรใช่ไหม"
"พะยะค่ะ"
"งั้นข้าจะบอกให้รู้ ท่านโหรหลวง บอกว่าองค์ชายน้อย จะทำให้โกคูรยอไปสู่ความวิบัติในไม่ช้า"
คูชูตกใจ "หา"
"ทางเดียวที่จะแก้คำสาปได้ ก็คือใช้เลือดขององค์ชายน้อย ฉะนั้น ข้าตัดสินใจจะมอบตัวเขา กลับคืนให้แก่สวรรค์ไป"
องค์ชายแฮเมียงทูล "ฝ่าบาท ให้พ่อฆ่าลูกตัวเองคือบัญชาสวรรค์หรือ ต่อให้เด็กเกิดพร้อมกับความโชคร้าย ก็ไม่สมควรจะถูกฆ่า"
พระ ราชายูริตรัสว่า "สิ่งที่ข้าทำ ไม่ใช่กำจัดลูกตัวเอง แต่เพื่อขจัดอาเพศของบ้านเมืองต่างหาก พรุ่งนี้ให้เปิดตำหนักเทพและเตรียมพิธีบูชาฟ้า"
"ฝ่าบาท ไม่ได้นะพะยะค่ะ"
"หัวหน้าองครักษ์"
"พะยะค่ะ"
"จับองค์ชายไปขังไว้"
องค์ชายแฮเมียงตกพระทัย "ฝ่าบาท"
"ไม่ได้ยินหรือ บอกให้เอาตัวไปขัง"
"เสด็จพ่อๆ ไม่ได้นะพะยะค่ะ โปรดอย่าทำเรื่องแบบนี้ ทรงไตร่ตรองให้ดีก่อน เสด็จพ่อๆ"
"ยืนเฉยทำไม ไปเตรียมพิธีบวงสรวงได้แล้ว และให้ราษฎรทั้งหลายได้เข้าร่วมด้วย"
ด้านซังกาเมื่อออกมาแล้ว บ่าวของเขาก็กล่าวว่า
"ไม่นึกว่ายูริจะมาไม้นี้ ใต้เท้า ตอนนี้ใจคนเริ่มหวั่นไหวแล้ว เราน่าจะเปลี่ยนแผน"
" โง่ชะมัด จนป่านนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือ ยูริถึงขนาดฆ่าลูกตัวเอง เพื่อช่วยโกคูรยอ แล้วคิดว่าชาวบ้านจะมาทางเราอีกหรือ เห็นทีว่า ข้าจะแพ้เขาซะแล้ว เฮ่ย" ซังกาถอนใจ
องค์หญิงเซยูเสด็จไปดูองค์ชายน้อย และถามจากแม่นมว่าองค์ชายน้อยชื่ออะไร
"ตอนนี้ ยังไม่ได้ตั้งชื่อ"
"น้องพี่ ข้าคือพี่เจ้าชื่อเซยูนะจ๊ะ ต่อไป พี่คนนี้ จะเป็นเหมือนเสด็จแม่ คอยดูแลเจ้า"
"หึ อ้อ ฝ่าบาท"
"เสด็จพ่อ"
"เซยู"
"เมื่อกี้ หม่อมฉันสัญญากับน้องไว้ จะดูแลเขาให้ดีแทนเสด็จแม่เพคะ"
"น้ำใจเจ้าช่างงามนัก แต่น้องคนนี้ต้องไปจากเจ้าแล้ว"
"ไปไหนหรือเพคะ"
"ไปอยู่ที่ๆ ไกลมากน่ะลูก ตอนนี้คงต้องไปแล้ว เจ้าบอกลาเขาซะสิ"
" นี่คือ ของขวัญจากข้า อีกหน่อยโตขึ้น แม้ว่าข้าจะจำหน้าเจ้าไม่ได้อีก แต่ถ้าได้เห็นสร้อยเส้นนี้คงจำได้ ถึงตอนนั้น อย่าลืมเรียกข้าว่าพี่ล่ะ รู้มั้ย ลาก่อน องค์ชายน้อยของพี่"
และในพิธีที่จัดขึ้น พระราชายูริทรงกล่าวว่า
" นี่คือ ลูกชายคนเล็กของข้า เราจะใช้เลือดของเขา ระงับความโกรธของสวรรค์เบื้องบน โดยมีข้าขอเป็นสักขีพยานด้วยตัวเอง ยืนเฉยทำไม พวกเจ้ากล้าขัดมติสวรรค์หรือ ถ้าพวกเจ้าไม่กล้าลงมือละก้อ ข้าจะจัดการเอง ท่านคูชูเอากระบี่มา"
คูชูไม่อยากปฏิบัติตาม "หึ"
" เร็วซี่ ได้ยินมั้ย ทุกคนฟัง ข้าจะลงมือ เอาเลือดของลูกชายข้า ลบล้างอาเพททั้งหลายที่เกิด และถ้า หลังจากวันนี้ไปแล้ว มีใครกล้าเป็นปรปักษ์อีก ข้าจะใช้เลือดของคนๆ นั้น มาสังเวยแก่สวรรค์แทน ได้ยินหรือเปล่า"
"หลังจากงานพิธี ความหวาดกลัวของชาวบ้านก็ลดน้อยลงไป ตามที่คิดพะยะค่ะ"
"ไปตามหัวหน้าองครักษ์มา"
"พะยะค่ะ"
แทชอง นำยามาถวายองค์ชายน้อย "ยาที่ให้เสวย พอให้องค์ชายหลับสนิทถึงเช้าพะยะค่ะ แต่ว่า ถ้าพรุ่งนี้เช้ายังไม่รู้สึกพระองค์ ก็อาจสิ้นพระชนม์จริงๆ"
คูชูนำองค์ชายน้อยเข้ามา "ฝ่าบาท องค์ชายมาแล้วพะยะค่ะ"
" เอาเขามาซิ ตั้งแต่วันนี้ไป เขาจะไม่ใช่ลูกข้าและไม่ใช่น้องเจ้า จงพาเขาไปเมือง "โชบุน" เลี้ยงดูอย่างคนธรรมดาสามัญ ถือว่าได้ตายจากญาติพี่น้องไปหมดสิ้น ฉะนั้นชื่อของเขา ให้ชื่อว่า "มูยุล" ซึ่งแปลว่าไม่มีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ เจ้าเองก็ต้องตัดขาดกับเขาเหมือนกัน เพราะเป็นทางเดียวที่จะปกป้องเขาไว้ จงอย่าลืมซะ"
"เสด็จพ่อ" องค์ชายแฮเมียงอึ้ง
"เดินทางได้แล้ว" พระราชายูริทรงมองตามแล้วร้องไห้
องค์ชายแฮเมียงนำองค์ชายน้อยมาหาเฮยา ซึ่งเฮยาได้ยินเสียงองค์ชายแฮเมียงก็ต่อว่าทันที
"บอกแล้วว่า ต่อไปไม่ขอพบองค์ชายอีก"
"ข้า มีเรื่องจะมารบกวน เจ้าช่วยข้า เลี้ยงเด็กคนนี้หน่อยได้ไหม"
"เขาเป็นใคร"
"ข้า พูดอะไรไม่ได้และอย่าถามมากเลย แต่ว่า ชื่อของเด็กคนนี้ คือมูยุล"
"ถ้าเด็กคนนี้ จะกลายเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเรา งั้นข้า คงไม่อาจเลี้ยงเขาไว้ได้ พากลับไปซะ"
"ไม่ใช่ ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะตัดขาดกับเด็กคนนี้ และต่อไป จะไม่มีวันมาหาเขา โปรดช่วยเลี้ยงไว้ด้วย"
วันเวลาผ่านไป มาวังทูลถามองค์ชายแฮเมียงว่า
"ไม่ทรงเบื่อบ้างหรือ"
"หึ เบื่ออะไร"
"ก็อยู่เมืองโชบุนตั้งสิบกว่าปี จนวันนี้ ยังเป็นแค่องค์ชายอยู่ เมื่อไหร่จะได้เป็นพระราชาซะที"
" เฮ่อๆๆ ท่านก็ยังพูดจาโผงผางอยู่ เรื่องแบบนี้ไม่ควรถามข้า แต่ต้องไปถามฝ่าบาทต่างหาก ว่าเมื่อไหร่จะสวรรคต เฮ่อๆๆ เล่าเรื่องพูยอให้ฟังหน่อยซิ"
"หึ ถ้าหม่อมฉันเดาไม่ผิด อีกไม่นานแคว้นพูยอต้องยกทัพมาแน่ และศึกนี้จะไม่เหมือนครั้งก่อนๆ คือโจมตีทุกด้าน ถึงตอนนั้น โกคูรยอก็จะแย่ เพราะทหารที่เรามี ไม่สามารถต่อกรกับพูยอได้เลย"
"กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าองค์ชายแห่งโกคูรยอหรือ"
"ทำไงได้ หม่อมฉันเป็นคนตรงนี่นา" องค์ชายแฮเมียงทรงหัวเราะ
"และมันก็เป็นเรื่องจริงด้วย หม่อมฉันยังได้ข่าวที่น่าสนใจมาจากแคว้นพูยออีก เคยได้ยิน เกี่ยวกับเรื่องนักรบทมิฬมั้ย"
"นักรบทมิฬหรือ"
" ใช่ เป็นหน่วยรบพิเศษของอ๋องเทโซ ถูกฝึกจนชำนาญการสู้รบ มีไว้ลอบสังหารผู้นำชนเผ่าหรือไม่ก็รัชทายาท ไม่แน่ว่าตอนนี้ในเมืองโชบุนก็มีคนพวกนี้แอบแฝงอยู่ องค์ชายต้องระวังให้มากนะ หึ หม่อมฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม พระชายาก็สิ้นพระชนม์นานแล้ว ทำไมองค์ชายยังครองตัวเป็นโสด หรือว่ายังไม่ลืมเฮยาใช่ไหม"
องค์ชายแฮเมียงไม่ตอบ เพียงหัวเราะ
0000000000000000
มู ยุลเติบโตขึ้น มีเพื่อนสนิทคือ มาโน ทั้งสองไปเชียร์แข่งเต่าจนได้เงินมากมาย จนพักโซ หัวหน้านักเลงกับลูกน้องเริ่มจ้องมาที่มูยุลกับมาโน
มาโนลบอกมูยุล "เฮ่อๆๆ ดูซิ ได้เงินตั้งเยอะ หักจากที่วันก่อนเสียไปยังได้เกินมาตั้ง 50 ตำลึง"
"นี่ ตอนนี้ เราไปเที่ยวซอย "ซาวอน" ดีกว่า"
"นั่นเป็นแหล่งเริงรมย์ไม่ใช่หรือ"
มูยุลมองท้าทาย "ทำไม ไม่กล้าหรือ"
"ไม่ใช่อย่างงั้น แต่เราต้องรีบกลับไป ไม่งั้นถ้าให้หัวหน้ารู้เข้าละก้อ"
"ข้า จะออกจากถ้ำนั้นแล้ว"
มาโนตกใจ "หา"
"ข้าไม่อยากอยู่ในถ้ำเขียนภาพตลอดชีวิต อยากออกไปเปิดหูเปิดตา ดูชนเผ่าต่างๆ จะไปเที่ยวเทียนเฉาด้วย"
"หัวหน้ายอมให้เจ้าไปก็แปลกล่ะ"
"ข้าหนีไปก็ได้"
"หา ทำไมมีความคิดแบบนี้ล่ะ หือ"
มูยุลสะกิด "นี่ มีคนแอบตามเราอยู่ อย่าหันไปมอง"
ว่าแล้วมูยุลก็ชวนมาโนรีบเดินไป ก่อนจะดักจับคนที่แอบตามมา
"ลุกขึ้นมา อยู่เฉยๆ อย่าขัดขืน ต้องการอะไรจากเรา พูดเร็ว ไม่พูดใช่ไหม หา"
มาโนปราม "มูยุล"
แล้วจู่ๆ พักโซก็ออกมาป้องลูกน้อง มาโนตกใจ
"พวก พวกเจ้า เป็น เป็นใครน่ะ หา"
"ไม่รู้จริงหรือว่าข้าเป็นใคร"
"แล้ว ต้องการอะไรจากเรา"
"ข้าต้องการอะไร พวกเจ้าน่าจะรู้ไม่ใช่หรือ เอามาเร็ว จะให้ตัดมือถึงยอมส่งมาหรือไง"
มาโนอึกอัก "เอ่อ หึ"
"ทำไมน้อยขนาดนี้ ค้นตัวซิ" พักโซสั่งลูกน้อง
ลูกน้องค้นตัว มูยุลร้อง "อย่ายุ่งน่ะ หึ อย่าเอานี่ไป โอ๊ะ โอย"
มูยุลถูกพักโซปราบ พอได้เงินก็สั่งให้ไปได้ แต่มูยุลฮึดสู้
"เอามานี่นะ เอาสร้อยมา ปล่อยซี่"
มาโนถูกซ้อม "โอ๊ย"
"บอกให้เอามา อ๊าก โอ๊ย"
พักโซสั่ง "ซ้อมเข้าไป อัดมันให้หนัก"
มูยุลกับมาโนกลับมาที่ถ้ำก็ถูกลงโทษ คนงานช่วยกันขอร้องเฮยาให้พอ
"ท่านอย่ายุ่ง" เฮยาว่า
"เอ่อ ลงโทษตั้งนาน พวกเขาคงสำนึกผิดแล้ว ปล่อยพวกเขาเร็ว"
มูยุลกับมาโนหอบ เฮยายังโกรธ
" ข้าเคยบอกแล้วใช่ไหม คนที่ไปข้างนอก สัมผัสกับสิ่งชั่วร้ายมา จะกลับมาเขียนภาพไม่ได้อีก ที่แห่งนี้ เป็นสุสานของอดีตพระราชาจูมง อยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ยังกล้าทำการละเมิด ก็ต้องถูกลงโทษอย่างหนัก"
มูยุลโดนอีกก็ร้องลั่น "โอย"
"พวกเจ้าจะถูกคุมขังจนกว่าจะหมดกลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย เอาตัวพวกเขาไปขังไว้ในเรือนจำ"
"ถ้าไม่คู่ควรจะเขียนภาพอีก งั้นข้าไม่เขียนก็ได้ หึ ปล่อยข้าออกไปได้ไหม"
มาโนตกใจ "มูยุล"
"ยังจะพูดเหลวไหลอีก ยืนเฉยทำไม เอาตัวไปเร็วเข้า"
"ปล่อยข้าเถอะ ถ้าให้อยู่ในสุสาน ข้าขอออกไปคลุกคลีกับสิ่งโสโครกดีกว่า ข้าไม่อยากอยู่นี่อีกแล้ว" มูยุลว่า
"ยังไม่รีบหุบปากอีก เอาตัวไปเร็ว เร็วซี่ ชักช้าอยู่ได้"
มูยุลหาทางหนีออกไปพร้อมกับมาโน แต่เกิดมีคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายคนในถ้ำ มาโนจึงชวนมูยุลกลับไปช่วย
เฮยาเห็นทั้งสองก็งุนงง "พวกเจ้าอยู่ในเรือนจำไม่ใช่หรือ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้"
มู ยุลหอบ เฮยาสั่งต่อว่า "รีบไปเมืองโชบุนเดี๋ยวนี้ เอาหนังสือนี่มอบให้องค์ชายแฮเมียง ถ้าแสดงป้ายนี้ จะได้พบองค์ชายทันที รีบไปซี่"
มาโนรับคำ "อึมๆ"
เฮยาสั่งมูยุล "หึ ส่วนเจ้า อยู่ในนี้ห้ามออกไปไหน"
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดินจบ 2
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ, ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube
4 comments:
กำลังคิดถึงคุณlilyอยู่พอดีเลยค่ะ ขอบคุณค่ะที่นำเรื่องมูยุลมาให้ต้องตามติดอีก (แม้ว่ายังงงๆอยู่ เพราะชักลืมๆเรื่องจูมงแล้ว..อิ..อิ)
ขอบคุณมากที่นำมาให้อ่าน
ขอบคุณมากเลยนะคะกลัวว่าจะไม่มีคนเขียนเรื่องนี้ให้อ่านซะแล้ว ขอบคุณจริง ๆ
รอตอนใหม่ครับ ขอบคุณครับ
Post a Comment