Friday, February 20, 2009

ลีซาน - เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - ลีซาน (29)-(30)

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 29

เทซูเห็นฮงกุกยองก็รีบเข้าไปถาม "ใต้เท้า
เป็นไงครับ ไปทูลองค์ชายแล้วหรือยัง" "ทูลแล้ว แต่องค์ชายไม่ทรงเชื่อ
มันก็น่าอยู่หรอก ขนาดข้ายังตกใจเลย" "แต่ว่า นั่นคือพระมเหสีจริงๆ นะครับ
ข้าดูแล้วดูอีกไม่มีทางผิดแน่" "ข้าก็รู้ เอาเถอะ เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง
เจ้าไม่ต้องห่วง อีกอย่าง เรื่องที่เจ้ารู้มา ห้ามไปบอกคนอื่นล่ะ" "หึ ครับ" "ลืมไป
จดหมายที่ข้าให้ ไปทิ้งในบ้านชองโฮคยอมหรือยัง" "ครับ
ทิ้งอยู่หน้าบ้านที่สะดวกแก่การมองเห็น" " อึม ดี ทำดีมาก ตอนนี้เราต้องจับผิดคนๆ
นี้ให้ได้ก่อน ถ้าอีกหน่อยพระมเหสีมีส่วนเกี่ยวข้องจริง
เราจะสาวถึงพระนางก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะฉะนั้นถ้าข้ายังไม่สั่งอะไร
เจ้าต้องปิดเป็นความลับล่ะ" "ครับ ข้าทราบแล้ว"


ชองโฮคยอมนั่งนึกถึงคำพูดของพระมเหสีจองซุนด้วยความหนักใจ " แสดงว่า
องค์ชายลีซานกับลูกน้องที่ชื่อฮงกุกยอง จับพี่ชายข้าไปเพื่อจะเล่นงานพวกเรางั้นหรือ
ถ้าใช่ละก้อ เจ้ามีวิธีรับมือหรือยัง ตามหลักน่าจะมีแผนโต้ตอบพวกเขาบ้าง
หรือมัวแต่คิดอยู่ เลยไม่ยอมไปหาข้าเพื่อจะรายงานซะที" "ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันยังไม่ได้" " อะไรนะ ยังไม่ได้คิดหรือ
นึกว่าที่ข้ามานี่เพื่อจะฟังประโยคนี้ของเจ้าหรือไง ถ้าอย่างงั้นก็จงฟังคำพูดข้าซะ
ทุกวันนี้ ข้าหมดความอดทนที่จะรอแล้ว เพราะฉะนั้น จงรีบหาหนทาง
แก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ถ้าทำไม่ได้ละก้อ
ข้าจะเล่นงานเจ้าก่อนที่องค์ชายลีซานจะสาวมาถึง
คำว่าเล่นงานของข้าจะหมายถึงอะไรบ้าง หวังว่าเจ้าคงจะรู้" "พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันจะรีบดำเนินการ" โอจองโฮเข้ามาบอกว่ามีเรื่องจะขอรายงาน
และเขาก็มอบจดหมายให้ชองโฮคยอม "หา เอ่อ นี่มันคือ" "จดหมายจาก
ทหารที่เรากำลังตามหาอยู่ เขาหนีไปแล้ว จะมาขอความช่วยเหลืออีก"
ชองโฮคยอมสั่งให้โอจองโฮพาคนไปจับตัวเจ้าของจดหมายมาให้ได้
ก่อนที่องค์ชายลีซานจะจับตัวเขาได้ก่อน องค์ชายลีซานประลองฝีมือสู้กับเทซู
"ฝีมือเจ้าก้าวหน้าขึ้นมาก" "หึ ขอบพระทัยที่ทรงออมมือ"
"เรื่องนั้นบอกใต้เท้าแชแล้วหรือยัง" "เอ่อ ยังไม่ได้พูดพ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายลีซานกลับมาคุยกับแชจีคยอม นัมซาโชและฮงกุกยอง
แชจีคยอมฟังความจากฮงกุกยองแล้วก็มีสีหน้าตะลึง "เจ้าว่ายังไงนะ
อ้างชื่อเจ้าหน้าที่สรรพาวุธ ส่งจดหมายถึงชองโฮคยอม แสดงว่า
จับคนผลิตระเบิดได้แล้วหรือ" "ใช่ครับ ถือว่าจับตัวได้" ฮงกุกยองว่า นัมซาโชแปลกใจ
"เอ๊ะ ถือว่าจับตัวได้ หมายความว่าไงน่ะ" "เราตามล่าจนพบตัวก็จริง
แต่เขาฆ่าตัวตายไปก่อนหน้าแล้ว อาจเพราะหนีจนหมดทางไป ไม่รู้จะทำยังไง
เลยเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองน่ะครับ" "แต่เจ้าก็ยังใช้ชื่อเขาส่งจดหมายไปอีก"
"ใช่ครับ องค์ชายรับสั่งให้ทำอย่างงั้น" "หา องค์ชายหรือ" แชจีคยอมตกใจ
องค์ชายลีซานทรงตอบว่า "ใต้เท้า สมัยก่อนขงเบ้ง ยังใช้ความตายหลอกล่อสุมาอี้ได้"
"องค์ชาย ทรงหมายถึงแม้ขงเบ้งจะตาย ยังตบตาสุมาอี้ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ" " ถูกต้องแล้ว
ข้าก็เลยเอาอย่าง ใช้คนตายไปหลอกคนเป็นบ้าง ตอนนี้พวกเขา
ยังไม่รู้ว่าทหารที่ผลิตระเบิดเสียชีวิตไปแล้ว ด้วยเหตุนี้
เลยแกล้งส่งจดหมายเพื่อขอความช่วยเหลือ อ้างว่าถูกฝ่ายเราตามล่าอย่างหนัก" ฮงกุก
ยองกล่าวต่อว่า "และนัดกันคืนนี้ เจอที่กระท่อมเชิงเขา “ชอนจัง”
ซึ่งคนของเราจะดักอยู่ ทันทีที่ชองโฮคยอมออกจากบ้าน เราจะตามหลังทันที" "
ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ชองโฮคยอมเป็นคนฉลาดหลักแหลม ยังไม่ทันรู้ว่าจดหมายจริงหรือปลอม
เขาอ่านแล้วจะยอมไปตามที่นัดหมายหรือพ่ะย่ะค่ะ" แชจีคยอมเตือน "เขาต้อง ไปแน่
เพราะตอนนี้พวกเขา เหมือนสุนัขที่จนตรอกเต็มที มีแต่ความร้อนรน ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี
ถ้าชองโฮคยอมคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริง ถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะไม่นิ่งเฉย
ปล่อยให้พยานปากสำคัญถูกเราจับได้อีก" ลี ชองกับช่างเขียนตั๊กแข่งกันเขียนภาพ
และให้พวกคนงานช่วยให้คะแนน พอดีปาร์คยองมุนเรียกทุกคนมาประชุม
และบอกว่ากรมพิธีการคัดเลือกคนที่จะเป็นจิตกรเอกแล้ว คือช่างเขียนตั๊ก
ทุกคนดีใจกับเขาด้วย ลีชองสีหน้าหมองไปทีเดียว เพราะคาดหวังไว้มาก "ช่างเขียนตั๊ก
เดินมาข้างหน้าซิ นับแต่นี้ เจ้าจะเป็นตัวแทนของศูนย์ศิลปะ ตั้งใจทำงานด้วยล่ะ"
"ขอบคุณครับ ข้าจะพยายามเต็มที่" "ส่วนจะเลือกใครเป็นผู้ช่วยของเจ้า
ก็แล้วแต่จะตัดสินใจละกัน" "ขอบคุณใต้เท้ามากครับ"
ช่างเขียนตั๊กเข้ามาปลอบช่างเขียนลีชอง "เฮ่ย ช่างเขียนลี อย่าเสียใจเลยนะ"
"อย่ามาเยาะเย้ยได้ไหม" ลี ชองไปนั่งดื่มที่ร้านของมักซู
ดัลโฮเข้ามาคุยด้วยถึงรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นจิตกรเอกแล้ว ซองซงยอนตามมาปลอบใจ
แต่ลีชองบอกว่าห่วงนางมากกว่า "อะไรหรือคะ" ซองซงยอนแปลกใจ
"ก็ตำแหน่งผู้ช่วยจิตรกรเอก น่าจะเป็นของเจ้า แต่เพราะเจ้าเข้าข้างข้ามาตลอด
และช่างเขียนตั๊กก็เป็นคนใจแคบ คงไม่เลือกเจ้าแน่" "หึ ข้าก็ไม่ได้หวังอะไร
แต่วันนี้เพิ่งได้เห็น ฝีมือการเขียนรูปของท่าน เยี่ยมมากเลยล่ะค่ะ หึๆๆ" ลีชองดีใจ
"หา นี่ พูดจริงหรือเปล่า" "จริงสิคะ หึๆๆ" " แหม ฟังเจ้าพูดแบบนี้
ข้าค่อยมีกำลังใจขึ้นหน่อย บอกตรงๆ เพราะช่างเขียนตั๊กมีญาติทำงานอยู่ในกรมพิธีการ
ไม่แน่อาจมีการใช้เส้นจนได้เป็นช่างเขียนส่วนพระองค์ในปีนี้ก็ได้
เจ้าว่าจริงหรือเปล่า" "นั่นสิคะ ข้าก็ว่าอย่างงั้น ถ้าดูจากผลงาน
ท่านต้องเหนือกว่าเขาอยู่แล้ว" "ซงยอน เจ้าช่างเป็นเด็กน่ารักจริงๆ นะนี่ เฮ่อๆๆ"
ดัลโฮหมั่นไส้ "ฮ่าๆๆ บ้ายอชะมัด" "ดื่มซักถ้วยมั้ย เร็วเข้า" "ไม่ล่ะค่ะ
ท่านดื่มเถอะ หึๆๆ" พระมเหสีจองซุนให้ซังกุงไปดูพระเจ้ายองโจ
และทราบว่ายังไม่ให้ใครเข้าเฝ้า จึงเสด็จออกไปข้างนอกและพบกับองค์ชายลีซาน "หึ
จะไปไหนหรือจ๊ะองค์ชาย" "จะไปลานฝึกทหาร ดูการฝึกซ้อมพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นหรือ"
"พ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าพระมเหสีดูจะซูบผอมไป ประชวรตรงไหนหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ" "เปล่าหรอก
ข้าสบายดี" "งั้นก็ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "เดี๋ยวก่อน วันไหนถ้ามีเวลา
ไปตำหนักของข้าหน่อยได้ไหม ข้ามีใบชาที่เก็บมานานปี ถ้าได้ดื่มกับเจ้า
พูดคุยสังสรรค์ก็คงจะดี" "ได้พ่ะย่ะค่ะ" "งั้นก็รีบไปเถอะ ไม่อยากรั้งตัวเจ้าไว้
จะทำให้เสียเวลาทำงาน" "ไม่เป็นไร หม่อมฉันก็ไม่ได้ยุ่งมากนัก ขอทูลลา"
พระมเหสีจองซุนทรงคิด "เห็นชัดว่า เขาต้องรู้อะไรบางอย่างแน่"
ฮงกุกยองเข้าเฝ้าพระมเหสีเฮคยอง เพื่อให้ทรงช่วยบางอย่าง
พระพันปีเฮคยองทรงรับฟังแล้วอึ้งไป "เจ้าบอกว่าไงนะ
ให้ข้าดูความเคลื่อนไหวของตำหนักกลางงั้นหรือ" "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะพระชายา
โดยเฉพาะวันนี้กับพรุ่งนี้ ต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของตำหนักกลางให้ดี"
"จับตาดูตำหนักกลาง ความหมายของเจ้าคือ ให้ข้าคอยดูพระมเหสีด้วยหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ
คอยดูพระมเหสี" "หา บอกเหตุผลได้ไหม ทำไมต้องทำแบบนี้" "พระอาญาไม่พ้นเกล้า
หม่อมฉัน สงสัยว่าเรื่องที่เกิด อาจมีความเกี่ยวโยงไปถึงพระมเหสีด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "
หา จะเกี่ยวพันถึงพระมเหสีได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอก
สมัยก่อนอดีตรัชทายาทสิ้นพระชนม์ พระมเหสีก็เคยช่วยองค์ชายไว้มาก
แม้ว่าคิมคีจูจะเป็นเชษฐาของนาง แต่นางก็ไม่ข้องแวะกับพวกขุนนางหัวเก่า
โดยเฉพาะคิมคีจู ถูกส่งไปต่างเมือง รับราชการไกลหูไกลตา
ก็เพราะพระมเหสีไม่อยากให้มีข้อครหาเกิดขึ้น" "หม่อมฉันเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ
แต่ว่าจากหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่าน รวมถึงหลักฐานก็บ่งชี้อยู่
แต่ว่าหม่อมฉันยังไม่มั่นใจเต็มร้อย จึงพยายามจะสืบหาข้อเท็จจริงให้ได้
แต่ต้องให้พระชายาช่วยอีกแรงพ่ะย่ะค่ะ" "เฮ่อ หึ เอาเถอะ เมื่อเจ้ามีความเห็นแบบนี้
ข้าก็จะลองดูละกัน" "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" พระชายาโยอึยกำลังเตรียมของอยู่
พระพันปีเฮคยองเข้ามา "เจ้าจะไปไหนกัน" "จะไปตำหนักกลาง ถวายโอสถให้พระมเหสีเพคะ"
"ไปตำหนักกลางหรือ" "เพคะ หลายวันนี้เห็นว่าพระมเหสีไม่สู้สบายพระทัยนัก บังเอิญว่า
ที่บ้านหม่อมฉันส่งยาบำรุงมาหลายชุด จึงตั้งใจจะนำไปถวายน่ะเพคะ" " งั้นหรือ
แต่ข้าว่า ถ้าจะถวายโอสถ ไว้อีก 2-3 วันค่อยไปจะดีกว่านะจ๊ะ ก่อนที่ข้าจะอนุญาต
เจ้าอย่าเพิ่งไปเข้าออกที่ตำหนักกลางดีกว่า สาเหตุเพราะอะไรนั้น
วันหลังข้าจะบอกให้รู้" พระชายาโยอึยรู้สึกแปลกพระทัย
จึงรับสั่งให้คิมซังกุงไปดูองค์ชายลีซานว่าทรงเป็นอะไรหรือเปล่า ก่อนออกเดินทาง
องค์ชายลีซานทูลเตือนฮงกุกยองให้ระวังตัวให้ดี
เพราะคิดว่าอีกฝ่ายก็คงมีการเตรียมตัวเหมือนกัน ชอง
โฮคยอมมีคำสั่งให้โอจองโฮและปาร์กโชอิลไปที่เขาชอนจัง
แต่นึกไม่ถึงว่าทั้งสองกลับถูกทหารองครักษ์ซึ่งดักซุ่มอยู่นั้นจับกุมตัวไว้ ได้
เพราะองค์ชายลีซานมาช่วยอีกแรง "หึ องค์ชาย เป็นไรมั้ยพ่ะยะค่ะ" ฮงกุกยองเป็นห่วง
"ข้าไม่เป็นไร แล้วพวกเจ้าล่ะ" "จับตัวได้หมด ไม่มีใครเหลือรอดพ่ะยะค่ะ"
ฮงกุกยองรายงาน เทซูดีใจ "ดีมาก งั้นไม่ต้องรออีกแล้ว ทำตามแผนเดิมต่อไป"
"พ่ะย่ะค่ะ" จากนั้นฮงกุกยองก็นำทหารไปบุกค้นบ้านขององค์หญิงวาวาน
สร้างความไม่พอใจให้กับชองโฮคยอมอย่างมาก "บังอาจนัก พวกเจ้าทำอะไร
นี่เป็นบ้านพักขององค์หญิงวาวาน พวกเจ้ากล้าดียังไง
มาตรวจค้นบ้านขององค์หญิงเชียวหรือ" ฮงกุกยองประกาศว่า "นี่คือพระบัญชา
หวังว่าท่านคงรู้ ฝ่าบาททรงมอบอำนาจให้ข้าไต่สวนคดีนี้" " แล้วยังไง
เจ้าเลยใช้อำนาจบาตรใหญ่ บุกรุกบ้านพักขององค์หญิง ทำอะไรตามใจงั้นหรือ
ทำแบบนี้หมายความว่าไง ข้ากับองค์หญิงมีความผิดอะไร ทำไมต้องให้ทหารบุกเข้ามา
แถมยังทำการเหิมเกริมขนาดนี้อีก" "เหิมเกริม ที่ไหนกัน ท่านพูดผิดแล้ว
มีคนแจ้งว่าองค์หญิงวาวาน ได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากเหล่าพ่อค้า
ข้าเลยให้ฝ่ายการคลังมาช่วยตรวจสอบด้วย บัญชีทุกเล่มในบ้านให้ยึดไว้หมด
มีเอกสารน่าสงสัยก็เอาไปด้วย ท่านน่าจะรอคนอื่นอยู่สินะ เสียดายกลายเป็นข้ามาแทน
ท่านเลยไม่พอใจเท่าไหร่" ชองโฮคยอมเดือด "เจ้า" " ลืมบอกไป
ข้าส่งคนไปต้อนรับลูกน้องของท่านแล้ว ถ้าจะหาพวกเขา ไม่ต้องไปถึงเขาชอนจัง
ให้ไปกรมอาญาก็พอ เพราะท่านส่งพวกเขาออกไป ข้าถึงมีข้ออ้าง
มาตรวจค้นที่นี่อย่างละเอียด รับรองว่า จะค้นให้ทั่วทุกมุม ไม่ให้ท่านผิดหวัง
ขอเพียงท่าน ใจเย็นๆ รอหน่อยเท่านั้น" ชองโฮคยอมตกใจ "หา" "แต่ว่า
เวลากวาดบ้านอาจมีฝุ่นผงเล็กน้อย ถ้าเจอหยากไย่ที่น่าสงสัย เราอาจจะ
ต้องเชิญใต้เท้ากับองค์หญิงไปให้ปากคำหน่อย
ค้นให้ทั่วเดี๋ยวนี้"พวกเจ้าหน้าที่รับคำ "ครับ" "แยกย้ายกันทำงาน"000000000000000
ข่าว การไปตรวจค้นบ้านขององค์หญิงวาวานแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
องค์หญิงวาวานตกใจมาก เหล่าขุนนางที่เกี่ยวข้องก็ตกใจ โดยเฉพาะฮงนิมฮัน
ฮงกุกยองเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจเพื่อถวายรายงาน "อีกไม่นาน หม่อมฉันจะมีข้อมูล
มาทูลให้ทรงทราบอย่างละเอียดพ่ะย่ะค่ะ" " เจ้าบอกว่าไม่เพียงแต่ขุนนางใหญ่น้อย
แม้แต่เชื้อพระวงศ์ก็ไม่ให้เข้าพบ
แสดงว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเชื้อพระวงศ์คนใดคนหนึ่งแน่
แล้วยังไงหลักฐานที่จะสาวถึงตัวการเบื้องหลัง เจ้าก็หาได้หรือ" "หม่อม
ฉันขอบังอาจทูลว่า หาได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน คงต้องทูลให้ทรงทราบก่อนว่า
คนที่วางแผนชั่วเหล่านี้ ล้วนเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดพระองศ์
ทำงานอย่างเป็นขบวนการพ่ะย่ะค่ะ "แล้วเมื่อไหร่จะเอาความจริง
มาเปิดเผยให้ข้ารู้ซะที" "ขอเวลา ไม่เกินสามวันพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นก็ได้ หมดเรื่องแล้ว
เจ้าออกไปก่อน" "พ่ะย่ะค่ะ" ฮงกุกยองออกไป พระเจ้ายองโจทรงตรัสถามองค์ชายลีซาน
"ไม่เจอหลายวัน รู้สึกเจ้าจะผอมไปเยอะนะ" "ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันสบายดี
ไม่ต้องทรงเป็นห่วง" กลับมาถึงตำหนัก ฮงกุกยองนำบัญชีมาให้องค์ชายลีซานดู
"นี่คือบัญชีรับจ่าย อันแสดงถึงชองโฮคยอมมีการติดต่อกับเหล่าพ่อค้า"
"พอใช้เป็นหลักฐานได้ไหม" "บางเล่มพอใช้เป็นเบาะแสได้
แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ" "ฮงกุกยอง" "พ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าคิมคีจูจะวางแผนเรื่องขนาดนี้ ต้องใช้เงินหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก
ขอเพียงรู้ที่มาของเงิน ก็จะได้เบาะแสที่อยู่เบื้องหลังอีก" "ที่มาของเงินหรือ" "
พวกพ่อค้าใช้ประโยชน์จากสัมปทาน ส่งเงินให้องค์หญิงวาวาน
เป็นทุนสำหรับเกื้อหนุนพวกขุนนางหัวเก่า
เราต้องตรวจสอบแหล่งที่มารายได้ขององค์หญิงวาวานด้วย" "ถ้าอย่างงั้น
หม่อมฉันนึกอะไรได้แล้ว เหมือนมีบางอย่างเคยผ่านตา หึ องค์ชาย
หน้านี้เขียนไว้ว่าจ่ายเงินออกไป 1 หมื่นตำลึง" "เงินตั้งเยอะขนาดนี้
ถ้าจะทำงานใหญ่คงเหลือเฟือเลยทีเดียว" ชองโฮคยอมนัดฮงกุกยองมาพบที่หอนางโลม "หึ หึ
เชิญข้ามานี่มีจุดประสงค์อะไร" " ชวนเพื่อนมาเที่ยวหอนางโลม จะมีจุดประสงค์อะไร
ถ้าไม่ใช่ต้องการดื่มเหล้าน่ะ มา ข้าจะรินให้เจ้าก่อน
ดื่มเพื่อชัยชนะของเจ้าในครั้งนี้" ฮงกุกยองดื่ม ชองโฮคยอมกล่าวว่า
"วันก่อนเจ้าบอกว่า จะให้ข้ายืมถังอึไปลองแบกดู แล้วยังไง
ถึงวันนี้แล้วเกิดเปลี่ยนใจหรือยัง" "หึๆ อะไรกัน
ท่านจะไปเทถังอึเหมือนข้าจริงหรือ" "ถึงข้าไม่เต็มใจทำอย่างงั้น
แต่ก็ไม่มีทางเลี่ยง เพราะฝีมือของเจ้า" ฮงกุกยองหัวเราะ "หึๆๆ"
"ในเมื่อยินดีส่งต่อถังอึให้ข้า งั้นข้าจะแจ้งข่าว ที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าให้ฟัง
แต่ว่ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง" "เงื่อนไขหรือ" "เพื่อเป็นการตอบแทน
เจ้าจะปล่อยลูกน้องคนสนิทของข้าได้ไหม" "หึๆๆ มันคงไม่ใช่ง่ายนัก เพราะคนๆ นี้
เป็นพยานปากสำคัญของคดี" "เจ้าอาจคิดว่าเขาสำคัญมาก แต่จริงๆ แล้ว
เจ้าจะไม่ได้อะไรจากเขาเลย" "งั้นหรือ จริงหรือเปล่า" "ข้าบอกได้เลยว่า
ถ้าถูกบีบคั้นหนัก เขาจะเลือกฆ่าตัวตายซะ ตกลงว่ายังไง อยากได้ข่าวจากข้าอีกมั้ย"
"เป็นข่าวเกี่ยวกับอะไร" " เจ้าอาจนึกดีใจ เห็นว่าจับคิมคีจูได้แล้ว
ไม่นานจะรวบตัวข้ากับพระมารดาไว้ในกำมือ กลายเป็นการเข้าใจผิด
คิดว่านั่นคือเหยื่อชิ้นใหญ่ที่ต้องการตัวแล้ว" "เข้าใจผิดหรือ
ข้าไม่เข้าใจความหมายที่พูด" "คนฉลาดอย่างเจ้าต้องให้พูดซ้ำอีกหรือ นั่นก็คือ
เจ้ากำลังเล็งเป้าหมายผิด" "เล็งเป้าหมายผิด?"
"รากของไม้ใหญ่ที่เจ้ากับองค์ชายพยายามจะควานหาอยู่นั้น ไม่ใช่ข้ากับองค์หญิงวาวาน
หรือก็แปลว่า เราเป็นแค่ผู้ช่วยคนอื่นเท่านั้น" "เฮ่อๆๆ ฟังแล้วน่าผิดหวังจริงๆ
ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างท่าน จะเอาตัวรอดด้วยวิธีนี้เชียวหรือ" " หึ งั้นหรือ
ทำไมเจ้าคิดอย่างงั้นล่ะ ข้าบอกได้อีกอย่างว่า
จนป่านนี้เจ้ายังไม่ได้อะไรจากปากของคิมคีจู ข้าพูดถูกหรือเปล่า ทำให้จนปัญญา
ต้องหันมาเล่นงานข้ากับพระมารดาแทน ถูกหรือเปล่า
เพราะฉะนั้นจงทบทวนข่าวที่ข้าจะมอบให้ดีๆ คิดว่าเรื่องทุกอย่างที่ผ่าน
ข้ากับองค์หญิงวาวานจะสามารถทำได้หรือ ถ้าเราสองคน
เป็นแค่ลูกน้องที่คอยฟังคำสั่งจริง แล้วราชสีห์ที่เป็นเจ้าป่าอยู่เบื้องหลัง
จะเป็นใครกันแน่ เป็นไงล่ะ สิ่งที่ข้าพูด พอเป็นแนวทางให้ทำงานได้หรือยัง" "หึ
ที่ท่านพูดมาก็น่าสนใจอยู่ แต่ว่าวันก่อนที่ข้าไปตรวจค้นบ้านท่าน
นอกจากพบสมุดบัญชีแล้ว ยังเจอเรื่องที่น่าสนใจอีกอย่าง นั่นคือมีการสั่งจ่ายเงิน 1
หมื่นตำลึง ถ้าสืบจนรู้ว่าไปใช้กับอะไร
แล้วเราจะรู้ว่าใครเป็นผู้บงการเบื้องหลังกันแน่ เฮ่อๆๆ
พ่อค้าเอาเงินที่ได้จากการขูดรีดไปถวายองค์หญิง แล้วไปเข้ากระเป๋าคิมคีจู
กลายเป็นทุนสำหรับการลอบปองร้าย ท่านว่าจริงหรือเปล่า" "พูดเหมือนกับ
ช่วยข้าผ่อนหนักเป็นเบา ข้ากำลังคิดอยู่ว่า จะเกลี้ยกล่อมเจ้าด้วยวิธีไหนดี
เจ้ากลับเอาเรื่องเงินมาพูดก่อน แบบนี้เราก็เจรจาง่ายขึ้น
เงินหมื่นตำลึงไปใช้กับอะไร ข้าจะบอกให้รู้ ขอแค่ว่าอย่าพัวพันมาถึงข้าก็พอ"
พวกเทซูมาดื่มเหล้าที่หอนางโลม
ทำให้ทราบจากเบเฮียงว่าฮงกุกยองคุยกับชองโฮคยอมอยู่ห้องข้างๆ
ฮงกุกยองออกมาก็พบกับพวกเทซู "พวกเจ้าก็มาอยู่นี่ด้วยหรือ" เท ซูตอบว่า
"เรามาไม่แปลกหรอก ที่น่าแปลกคือท่านมากกว่า ได้ยินว่ามาพบชองโฮคยอมที่นี่
มีธุระอะไรไม่ทราบ ทำไมคนอย่างท่าน ต้องมาพบเขาในที่แบบนี้" "เฮ่อๆๆ ดูซิ
ถามซะเอาเป็นเอาตาย ทำไม กลัวข้าจะถูกชองโฮคยอมซื้อตัวหรือไง" "ท่านนี่ก้อ
รู้อยู่ว่าไม่ใช่อย่างงั้น" "เจอพวกเจ้าที่นี่ก็ดีแล้ว ข้ากำลังอยากพบอยู่พอดี"
"อยากพบเราหรือ" "ใช่ อย่าหาว่าขัดความสุขเลยนะ แต่เรื่องนี้ต้องให้ช่วยจริงๆ"
จากนั้นฮงกุกยองก็รีบเข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน "ท่านบอกว่าชองโฮคยอม
พูดออกมาแบบนี้จริงหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ หากว่านี่เป็นเรื่องจริง
แล้วคนที่สามารถบงการองค์หญิงจะมีใครอีก นั่นก็คือ พระมเหสีแน่นอน"
องค์ชายลีซานทรงตกพระทัยมาก "เฮ่ย" " ยิ่งมาคิดดู มีหลายประเด็นที่น่าสงสัย
ไม่เพียงแต่คืนวันก่อน ตอนที่ฝ่าบาททรงประชวร
กีดกันไม่ให้องค์ชายเข้าเฝ้าและให้เปลี่ยนยา ก็คือพระมเหสีนี่เอง
ยังมีราชโองการที่ให้องค์ชายเป็นผู้สำเร็จราชการ ก็ถูกพระมเหสียึดไปเงียบๆ
โดยไม่บอกกล่าว แม้ภายหลังจะตรัสว่าเพราะความหวังดี
แต่ถ้าไม่ใช่อย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "หรือพวกเขากำลังจนตรอก เลยโยนความผิด
ให้พระมเหสีรับแทนก็เป็นได้เหมือนกัน" " จนตรอกยังไงก็ไม่อาจพูดส่งเดช
ถ้าไม่มีหลักฐานจริง เรื่องนี้องค์ชายก็ทรงทราบดีไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ
ถ้าไงให้หม่อมฉันสืบต่อเถอะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันรับรองว่า
จะคลี่คลายปริศนาทั้งหมดให้ได้" "คิดจะทำยังไง" "เรายังมีคิมคีจูอยู่ในกำมือ
เขาจะช่วยยืนยันสิ่งที่เราสงสัย" "แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่ เขาจะยอมรับง่ายๆ หรือ" "
มีหลักฐานที่องค์ชายทรงให้มา หม่อมฉันก็อยากลองซักครั้ง
ถ้าขนาดใกล้ตายยังไม่ยอมสารภาพอีก หม่อมฉัน
จะใช้นิสัยหุนหันพลันแล่นขวานผ่าซากของเขา
ให้เป็นประโยชน์ต่อเราก็ได้"00000000000000 ช่างเขียนตั๊กไปหาซองซงยอน
ทำให้นางแปลกใจไม่น้อย "เอ่อ ท่านคะ" ช่างเขียนตั๊กอึกอัก "หา อ้อ เอ่อ"
"มาที่นี่มีอะไรหรือคะ" "เอ่อ คือว่าข้า มีเรื่องบางอย่างจะคุยกับเจ้าหน่อย
คือว่าข้าอยากให้เจ้าเป็นผู้ช่วย เมื่อข้าไปเขียนรูปในวังได้ไหม" "เอ่อ ทำไมคะ ก็
ไหนว่าท่าน ไม่ค่อยชอบ" " ใช่ ถ้าในแง่ส่วนตัว ข้าคงไม่เลือกเจ้าอยู่แล้ว
แต่ว่าการทำงานไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยว ถึงข้าจะไม่ค่อยชอบเจ้านัก
แต่ก็ยอมรับว่า เจ้ามีฝีมือมากกว่าคนงานทั่วไป ถ้ามาเป็นผู้ช่วย
น่าจะอำนวยความสะดวกให้ข้าได้มาก แต่ อย่าเข้าใจผิด คิดเป็นอื่นไปล่ะ ว่าไง
จะยอมช่วยหรือเปล่า" "เอ่อ ถ้าท่านคิดว่าข้าเหมาะกับงานนี้ ข้าก็ยินดีค่ะ"
"งั้นก็ดีแล้ว ข้าขอตัวก่อน" ช่างเขียนตั๊กออกไปก็สวนกับเทซู
ช่างเขียนตั๊กรีบไปทันที "หือ นี่ เขามาทำไม หรือว่า จะหาเรื่องเจ้าอีกใช่ไหม
เดี๋ยวข้าไปสั่งสอนให้เอง" "เฮ้ ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก แล้ว เจ้าออกเวรแล้วหรือ"
ซองซงยอนเปลี่ยนเรื่อง "เอ่อ ไม่ใช่ แค่กลับมาเปลี่ยนชุด แล้วจะไปอีก"
"ไม่ได้พักผ่อนก็จะไปอีกหรือ" "ใช่ มีเรื่องด่วนจริงๆ ไม่แน่ว่าคืนนี้
เราอาจสืบได้ว่า ใครกันแน่ที่คิดปองร้ายองค์ชาย" "หา นี่ เจ้าพูดจริงหรือ"
ฮงกุกยองเข้าไปหาคิมคีจู ซึ่งเทซูบอกว่าจวนเจียนจะหมดแรง คิมคีจูหอบ "เจ้าคนสารเลว"
"ไม่เจอนานนะใต้เท้า อยู่ที่นี่สบายดีหรือเปล่า" "อะไรนะ ฮึ่ม ยังมีหน้ามาถามอีก
เจ้านี่มันชั่วช้าจริงๆ สักวันข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าให้สาสม" "หึ เอาล่ะ
อย่าพูดมากนักเลย ยิ่งเอะอะเดี๋ยวจะหมดแรงซะเปล่าๆ เรามาคุยเรื่องเบาๆ ดีมั้ย" "
ก็ได้ ข้าตั้งใจจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายอยู่แล้ว แต่อยากพบเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย
บอกให้เข้าใจซะก่อน เลยอดทนมาถึงวันนี้ ถึงจะจับข้าไปทรมาน
เฆี่ยนตีให้หนักกว่านี้เป็นร้อยเท่าก็ช่าง ข้าจะไม่มีวันพูดอะไรกับเจ้าเลย"
"ท่านคงอยู่คนเดียวเลยฟุ้งซ่านไปหน่อย ข้าไม่เคยคิดทรมานหรืออยากให้ท่านตาย
ยิ่งไม่ต้องการให้สารภาพอะไรด้วย" "อะไรนะ" "ท่านไม่ต้องตกใจนักหรอก
ข้าไม่จับมาขังลืม ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่ นั่นเป็นเพราะ สิ่งที่ข้าอยากรู้
ตอนนี้ได้รู้หมดแล้ว" "สิ่งที่อยากรู้ได้รู้หมด หมายความว่ายังไง" ฮงกุกยองเงียบ
"หูแตกหรือไง ข้าถามว่าที่เจ้าพูดหมายความว่าไง"
"แล้วท่านคิดว่าข้าอยากรู้อะไรบ้างล่ะ ก็คือเบื้องหลังท่าน
ยังมีตัวการที่คิดปองร้ายองค์ชายหรือเปล่าก็เท่านั้น" "อะไรนะ อย่าหวังมาหลอกข้าเลย
ข้าไม่เชื่อหรอก หรือต่อให้มีจริง เจ้าก็ไม่มีทางสืบได้อยู่แล้ว" " นั่นคือพระมเหสี
น้องสาวของท่าน" คิมคีจูตกใจ "ที่จริงข้าตกใจยิ่งกว่าท่านอีก
ใครก็ตามที่รู้เรื่องนี้ มีแต่บอกว่าไม่เชื่อและตกใจทั้งนั้น" "อะไรนะ บังอาจนัก
เจ้าเพ้อเจ้ออะไรออกมาน่ะ พระมเหสีน่ะหรือ เป็นไปได้ยังไง บังอาจใส่ร้ายข้ายังพอว่า
นี่จะลามปามไปถึงพระมเหสีเชียวหรือ อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย ใครจะเชื่อคำพูดบ้าๆ
ของเจ้าก็แปลกแล้ว" "เชื่อหรือไม่ ไม่ต้องห่วงหรอก
ยังมีองค์หญิงวาวานและชองโฮคยอมช่วยเป็นพยานให้ จะยืนยันคำพูดของข้า
คงไม่ใช่เรื่องยากนัก" "อะไรนะ" " ใต้เท้าชองเชิญข้าไปเจรจาเอง บอกว่าเรื่องระเบิด
พระมเหสีทรงเห็นชอบ ปล่อยให้ท่านดำเนินการ ไม่เพียงแต่แค่นี้
ผู้อยู่เบื้องหลังสารพัดเหตุการณ์ที่เกิดก็คือพระมเหสี" "อะไรนะ หนอย
เจ้าพวกทรยศนี่" คิมคีจูแค้นมาก " เรายังพบหลักฐานสำคัญอีกอย่าง
คือเงินหนึ่งหมื่นตำลึงที่ใช้ในการก่อเรื่องคราวนี้ ใต้เท้าชองก็เป็นคนไปหามา
แล้วให้ท่านไปจ้างวานคนอื่นต่อ" "อะไรนะ เขาบอกว่า มอบเงินหมื่นตำลึงให้ข้าหรือ"
"ถูกต้อง เรื่องนี้แม้แต่พระมเหสีก็รู้" "ชองโฮคยอมบอกว่า เขาเป็นคนให้เงินข้าหรือ"
"เขาบอกว่ารวบรวมจาก 6 พ่อค้ารายใหญ่เพื่อมอบให้ท่าน" "มันเพ้อเจ้อล่ะไม่ว่า
หมอนี่มันเสียสติไปแล้ว กว่าจะหาเงินก้อนนี้ได้ ข้าวิ่งเต้นแทบตาย
แล้วมันก็มาเอาหน้าแทน พวกสารเลวนี่" "ใต้เท้า เรื่องทั้งหมดนี้ ฝ่าบาททรงทราบแล้ว
แม้แต่เงินหมื่นตำลึงก็ทรงทราบว่าใช้ทำอะไรบ้าง" คิมคีจูยิ่งตกใจมาก "หา เอ่อ" "
เพราะฉะนั้น ถ้ายอมสารภาพว่าพระมเหสีอยู่เบื้องหลัง ท่านก็ไม่ต้องตาย
และไม่เพียงแต่ท่านคนเดียว อาจช่วยให้พระมเหสีไม่ต้องถูกปลดเป็นสามัญชนก็ได้"
"อะไรนะ เจ้าบอกว่าพระมเหสีน่ะหรือ จะถูกปลดเป็นสามัญชนน่ะ" "ใช่
มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา แต่ถ้ายืนกราน ทุกคนก็จะตายกันหมด" "
หุบปาก ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไอ้พวกคนถ่อยข้างนอก หวังเอาตัวรอดเลยใส่ความพระมเหสี
ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรไปบ้าง พระมเหสีก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
นางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิด ไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย"
ฮงกุกยองเรียกคังซกกีให้พาตัวคิมคีจูออกไป คิมคีจูคิดว่าตัวเองจะถูกฆ่า
ก็ร้องขอชีวิต หารู้ไม่ว่าฮงกุกยองพาคิมคีจูไปเฝ้าพระเจ้ายองโจ "คุกเข่าลง" คิมคี
จูเห็นพระเจ้ายองโจก็ตกใจมาก "หา เอ่อ ฝ่าบาท ฮือ ฝ่าบาท เปล่านะพ่ะย่ะค่ะ ฮือ
ไม่ว่าทรงได้ยินอะไรก็ตาม นั่นคือการใส่ร้ายทั้งสิ้น โปรดทรงเชื่อหม่อมฉันด้วย"
"หุบปาก" "ฝ่าบาท" "ข้าบอกให้เงียบเดี๋ยวนี้ คนอื่น ให้การสารภาพหมดแล้ว
ฉะนั้นเจ้าก็เลิกแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ซะที ตอบคำถามข้ามาตรงๆ เถอะ" คิมคีจูอึ้ง "หา ฮือ"
"ทำไมทำแบบนี้" "ฮือ ฝ่าบาท" "เจ้าบังอาจคิดชั่ว
วางแผนปองร้ายองค์ชายโดยไม่กลัวกฎหมาย เพราะอะไรถึงต้องทำแบบนี้" "ฮือ
เพราะความกลัวพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" "อะไรนะ" " เพราะองค์ชายและพระชายาเฮคยอง
ต่างคิดว่าการสิ้นพระชนม์ของอดีตรัชทายาท เพราะหม่อมฉันเป็นต้นเหตุ ฮือ
เพราะหม่อมฉันเป็นตัวตั้งตัวตี ทูลร้องเรียนความผิดของอดีตรัชทายาทจนถูกลงอาญ ฮือ
หากอีกหน่อยองค์ชายได้เป็นพระราชาเมื่อไหร่ หม่อมฉันอาจจะถูกไต่สวน" " หุบปาก
เรื่องแค่นี้จะมาเป็นข้ออ้างได้หรือ ต่อให้เจ้าเป็นพี่ชายของพระมเหสี
นึกหรือว่าข้าจะปล่อยเจ้าน่ะ หรือแม้แต่พระมเหสีก็ตาม เมื่อข้ารู้แล้ว
ก็จะลงโทษนางให้หนัก" "ไม่นะ พ่ะย่ะค่ะ นี่ไม่ใช่ความผิดของพระมเหสี
ขอทรงพิจารณาด้วย ฮือ ทั้งหมดเป็นความคิดหม่อมฉันคนเดียว พระมเหสีไม่มีส่วนรู้เห็น
โปรดอย่าทรงเข้าพระทัยผิด เป็นการวางแผนของหม่อมฉันคนเดียวจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ฮือ
หม่อมฉันเป็นคนดำเนินเรื่องทั้งหมด พระมเหสีทรงห้ามหม่อมฉันแล้วบอกว่าไม่ถูกต้อง
ฮือ บอกหม่อมฉันว่า อย่าทำเรื่องแบบนี้เลย ฮือ อย่าทำร้ายองค์ชายลีซาน
อย่าใช้ระเบิดในงานรื่นเริง เคยรับสั่งอยู่หลายครั้ง
ขอทรงเชื่อหม่อมฉันเถอะพ่ะย่ะค่ะ ฮือ หม่อมฉันทูลความจริงทุกอย่างแล้ว ฮือๆๆ"
"เจ้าบอกว่าไงนะ ไหนพูดอีกทีซิ บอกว่าพระมเหสีเคยห้ามเจ้า หมายความว่ายังไง"
คิมคีจูเอาแต่ร้องไห้ "แสดงว่า นางก็รู้
นางรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ล่วงหน้าแล้วใช่ไหม" คิมคีจูร้องไห้อย่างหนัก "ฮือๆๆ
ฮือๆๆ ฮือ ฝ่าบาท นั่นเป็นเพราะ ฮือ" "ทำไมถึง มีเรื่องแบบนี้ได้" "ฝ่าบาท
หม่อมฉันไม่ได้หมายความอย่างงั้น ฮือ เพียงแต่" "เอาตัวออกไป"
พระเจ้ายองโจรับสั่งเสียงเฉียบขาด ก่อนจะทรงรับสั่งให้ฮงกุกยองออกไปด้วยจบ 29
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 30
เทซูบอกคังซกกีกับซอจังบูว่าคนที่บงการเรื่องนี้ คือพระมเหสีจองซุน
ทั้งสองไม่อยากจะเชื่อ " ไม่ผิดหรอก ข้าได้ยินกับหูตัวเอง รับรองไม่ผิดแน่
คิมคีจูบอกว่า พระมเหสีทรงรู้เรื่องมาแต่แรก ใต้เท้าฮงก็เคยบอก ฮือ
สมัยก่อนคนที่คิดปองร้ายองค์ชายมาตลอด ฮือ ตัวการสำคัญ ก็คือพระมเหสี"
ทั้งสองตกใจมาก องค์ชายลีซานเองทรงรับรู้ ก็ขอทุกคนว่าอยากอยู่เงียบๆ
พระเจ้ายองโจเองก็ทรงคิดหนักมาก แชซกจูก็มาปรึกษากับองค์หญิงวาวาน และชองโฮคยอม "
ไม่มีทางเลือกอื่นแน่แล้วหรือ ถึงเราโยนความผิดให้พระมเหสี แล้วจะทำยังไงต่อไป
ถ้าฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้เข้า พระมเหสีอาจถูกประหารก็ได้" แชซกจูว่า
องค์หญิงวาวานถามว่า "ไม่อย่างงั้น ท่านคิดว่าควรทำไงดี
จะให้เราตายหมดทั้งกลุ่มถึงพอใจงั้นหรือ หึ ข้ากับชองโฮคยอม
ใช่ว่าทำเพื่อเอาตัวรอดสองคนซะเมื่อไหร่ หึ เพราะมีแต่วิธีนี้จริงๆ
ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงอภัยให้พระมเหสี เราก็จะตายกันหมด เฮ่อ"
"เจ้าล่ะไม่มีวิธีอื่นบ้างหรือ" แชซกจูถามชองโฮคยอม "เราจำเป็นต้องทำแบบนี้"
ชองโฮคยอมตอบ "ทำยังไง" " ต้องยืนกรานเสียงแข็งว่าคนที่คิดปองร้ายองค์ชาย
ไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นความคิดของพระมเหสีกับคนสนิทของนาง
คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นอกจากคิมคีจูและพระมเหสีแล้ว ไม่มีหลักฐานอื่น
บ่งชี้ว่าจะเกี่ยวกับพวกเราคนใดคนหนึ่งเลย แม้ว่าองค์ชาย
จะได้สมุดบัญชีแสดงแหล่งที่มาของรายได้ ก็ไม่กล้าเอามาเล่นงานพวกเราทั้งหมด
ขอเพียงว่า เรายืนกรานว่าเป็นเงินส่วนพระองค์ขององค์หญิง
แค่นี้ก็ไม่มีข้ออ้างที่จะเล่นงานเราได้อีก อย่างมากก็แค่ตักเตือนเล็กน้อย
ก็จะพ้นภัยคราวนี้ได้ แต่ว่าถ้าเทียบกับการลอบสังหารองค์ชายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เราต้องปฏิเสธอย่างเดียวว่าไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย
เพราะฉะนั้นนอกจากโยนความผิดให้พระมเหสีแล้ว คงไม่มีวิธีอื่น" "ว่าไป แล้ว
การเรียกตัวคิมคีจูกลับมา ทำให้เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายก็คือนางเอง
เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาด ทำให้เราเดือดร้อนกันหมด
ความผิดนี้นางก็ต้องรับเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ท่านยังจะลังเลอะไรอีก ไหนๆ
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะเข้าข้างพระมเหสีอีกหรือ" "แล้วทางด้านพระมเหสีล่ะ
เราจะตัดรอนพระนาง โดยไม่บอกกล่าวซักคำเลยหรือ" แชซกจูถาม "เรื่องนี้
ข้าจะไปทูลพระนางเอง" ชองโฮคยอมตอบ
คังซุงกุงเข้ามารายงานพระมเหสีจองซุนว่าคิมคีจูถูกจับกุมอยู่กรมอาญาแล้ว "อะไรนะ
ถูกจับไปกรมอาญาหรือ" "ใช่แล้วเพคะ" "หึ งั้นข้าจะไปเยี่ยมเขาหน่อย"
"ไม่ได้หรอกเพคะ อย่าเสด็จไปเลย ระวังคนจะเห็นเข้า" "ถึงขั้นนี้แล้ว
ใครจะคิดยังไงก็ช่างเถอะ หึ"
พระมเหสีจองซุนสั่งให้นายกองจัดการให้พระนางได้พบกับพี่ชาย
คิมคีจูเห็นพระนางก็ร้องไห้โฮ "หา นี่มันเกิดอะไรขึ้น ท่านเป็นไรหรือเปล่า"
"พระมเหสี ทรงประหารหม่อมฉันดีกว่า หม่อมฉัน ฮือๆๆ" " เกิดอะไรขึ้นกันแน่ก็พูดมาสิ
ท่านถูกองค์ชายจับได้จริงหรือ หึ ถ้าอย่างงั้น บอกความจริงให้เขารู้หรือเปล่า
นี่ไม่ใช่เวลามาร้องไห้ ข้าต้องรู้สาเหตุก่อน ถึงจะช่วยท่านได้เข้าใจมั้ย"
"ไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างจบไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮือ เราถูกพวกเขาหักหลัง
ถูกชองโฮคยอมและองค์หญิงวาวานหักหลังพ่ะย่ะค่ะ ฮือๆๆ" "ถูกหักหลังยังไง ไหนบอกซิ
เลิกร้องไห้ซะที ข้าบอกให้พูดมา เรื่องเป็นมายังไงกันแน่เล่า"
คิมคีจูเล่าไปร้องไห้ไห พระมเหสีจองซุนเสด็จออกมาก็พบกับชองโฮคยอม
"หม่อมฉันไปที่ตำหนัก ได้ยินว่าเสด็จมานี่ จึงรีบตามมาเข้าเฝ้า"
พระมเหสีจองซุนตบหน้าชองโฮคยอม "เจ้าคนสารเลว กล้าดียังไง ทำกับข้าแบบนี้เชียวหรือ"
"ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "หุบปาก ไม่ต้องมาตีสองหน้าพูดดีกับข้าอีก
นึกหรือว่าข้าจะยอมแพ้ง่ายๆ นึกว่าคนอย่างข้าจะยอมถูกเจ้าดัดหลังง่ายๆ หรือ" "
เรื่องมาถึงขั้นนี้ หม่อมฉันก็เสียใจ หึ ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่หม่อมฉันไม่เอาไหน
แต่ว่าเราจะทำไงได้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ
พระมเหสีก็ทรงทราบไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ" " หึ ถึงขั้นนี้แล้ว
พระมเหสีน่าจะทรงทราบดี ถึงดิ้นรนยังไง เราก็ไม่มีทางออกอีกแล้ว ถ้าหาก
ยังมีความหวังที่จะรอดบ้าง ก็ขอให้พระมเหสี ทรงเมตตาคนอื่นด้วยเถอะ" "เจ้าว่าไงนะ
นี่เจ้ากล้าถึงขนาด" " หม่อมฉัน ต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง หม่อมฉัน
ยอมรับผิดที่ไร้ความสามารถ ไม่อาจช่วยพระมเหสีได้ แต่ว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้
คงต้องให้พระมเหสีทรงรับผิดองค์เดียว หากทำงานล้มเหลว ต้องมีใครซักคนออกหน้ารับแทน
นี่คือข้อตกลง ที่มีมานาน ที่สำคัญ คนที่ตั้งกฎเกณฑ์ข้อนี้ ก็คือพระมเหสีด้วย"
พระมเหสีจองซุนทรงถอนพระทัย และเสด็จไปเฝ้าพระเจ้ายองโจ
ครั้งนี้พระเจ้ายองโจทรงอนุญาตให้เฝ้าได้ " ฝ่าบาท
หม่อมฉันเพิ่งไปเยี่ยมพี่ชายที่เรือนจำ หลังจากรู้ว่าเขาถูกจับได้ แต่ไม่นึกว่า
จะได้ยินเรื่องที่เหลวไหลและน่าขำที่สุด ฮือ ฝ่าบาทเพคะ ทุกอย่างที่เกิด
เป็นการใส่ร้ายและเข้าใจผิด หม่อมฉันสามารถอธิบายได้เพคะ
แต่ฝ่าบาทต้องทรงเชื่อในความภักดีของหม่อมฉันก่อน
หม่อมฉันภักดีต่อฝ่าบาทและราชบัลลังก์ ฝ่าบาทก็ทรงทราบดีไม่ใช่หรือเพคะ" "เมื่อก่อน
ข้าเคยเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด เจ้าเป็นคนแบบไหนยังไง ความคิดดีร้ายประการใด
ข้าเชื่อว่าพอจะมองออก" "ฝ่าบาท" " ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไป
เจ้าไม่ต้องพูดอะไรกับข้าแม้แต่คำเดียว แต่ว่า สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้
เจ้าจงฟังให้ดี
พระพันปีเฮคยองทรงคุยถึงเรื่องเหตุการณ์ระเบิดให้พระชายาโยอึยรับทราบ
ฮงกุกยองเข้ามารายงานว่า "ตอนนี้คิมคีจู ถูกจับไปขังที่เรือนจำด้วยพระบัญชาแล้ว"
"หา เอ่อ แสดงว่า รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเขา
และทำให้เกิดเหตุระเบิดในงานรื่นเริงแล้วใช่ไหม" "พ่ะย่ะค่ะ แต่ว่า
เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ที่น่าตกใจก็คือ
เรายังสืบได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังคิมคีจูอีกต่างหาก" "เป็นใคร" "พระมเหสีพ่ะย่ะค่ะ"
พระพันปีเฮคยองตกใจ ฮงกุก ยองกล่าวต่อ "หม่อมฉันรู้ว่าถ้ามาทูล
คงทำให้พระชายาทั้งสองตกพระทัยเป็นอย่างมาก แต่ว่า
เรื่องนี้ผู้ที่รับเคราะห์ก็คือองค์ชายลีซาน แม้ว่าหม่อมฉันจะช่วยสาวถึงผู้บงการ
แต่ความเจ็บปวดที่องค์ชายได้รับ หม่อมฉันไม่อาจบรรเทาได้ จึงขอให้พระชายาทั้งสอง
ช่วยดูแลองค์ชายให้ดีด้วยพ่ะยะคะ" ทางด้านแชจีคยอมก็เข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน "องค์ชาย
เรารู้ความจริงบางอย่าง จากใต้เท้าฮงแล้วพ่ะยะคะ" "พระมเหสีกล้าทำเรื่องถึงขนาดนี้
เป็นสิ่งที่ใครก็ไม่คาดฝัน เหลือเชื่อจริงๆ พ่ะยะคะ องค์ชายทรงเป็นไงบ้าง" "
ข้ารู้มานานแล้ว ตอนนี้กำลังพยายามทำใจอยู่
แต่ความรู้สึกของข้าคงไม่เจ็บเท่าฝ่าบาทหรอก เทียบกันแล้ว
ตอนนี้ฝ่าบาทน่าจะทรงเจ็บปวดยิ่งกว่าข้าหลายเท่านัก เพราะยังไงก็ตาม
นางคือมเหสีคู่พระทัย ที่อยู่กับฝ่าบาทมานาน
แต่กลับกลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายแบบนี้" เทซูดื่มเหล้าเมามาย
ด้วยความรู้สึกสงสารองค์ชายลีซาน
ที่ความจริงปรากฎออกมาว่าพระมเหสีจองซุนคือคนที่อยู่เบื้องหลังการปองร้าย
เขาเล่าให้ซองซงยอนฟังไปร้องไห้ไป พระเจ้ายองโจทรงเรียกประชุมเหล่าขุนนาง " หึ
วันนี้ที่ให้ทุกท่านมาพบ เพราะเหตุระเบิดเมื่อวันก่อน
ข้าได้ไต่สวนจนได้ความกระจ่างแล้ว บางคนคงจะรู้แล้วว่า เมื่อหลายวันก่อน
ข้าได้ให้ฮงกุกยองรับหน้าที่ไต่สวนพิเศษ
สืบเบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดอย่างอุกอาจในงานรื่นเริง ว่าเป็นฝีมือของใคร
ใครกล้าวางแผนปองร้ายองค์ชายลีซานโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายถึงเพียงนี้
ซึ่งหลังจากไต่สวนแล้ว พบว่าเรื่องที่เกิด เป็นเพียงเหตุสุดวิสัย" ฮงกุกยองตกใจ "หา
ฝ่าบาททำไมถึงได้" " เจ้าอย่าเพิ่งพูดแทรก ที่เกิดเหตุระเบิดในงานรื่นเริงนั้น
เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ที่กะเกณฑ์ส่วนผสมผิดพลาด
หาใช่มีคนคิดปองร้ายต่อองค์ชายไม่แต่ว่า แม้จะเป็นอย่างงั้นก็ตาม
เหตุการณ์คราวนี้ก็ได้ทำให้งานพิธีของเราเสียหาย
อีกทั้งมีเชื้อพระวงศ์ได้รับบาดเจ็บและอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้
จึงต้องให้ผู้รับผิดชอบงานนี้คือเจ้ากรมพิธีการและคิมคีจูได้รับโทษทัณฑ์
ให้ปลดจากตำแหน่งและเนรเทศไปชายแดนซะ และเรื่องนี้ก็เป็นอันจบลง
ต่อไปไม่จำเป็นก็อย่าเอ่ยถึงและข้าก็ไม่อยากฟังด้วย เข้าใจมั้ย"
"รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ" เรื่อง
นี้ฮงกุกยองกับแชจีคยอมต่างไม่เข้าใจว่าพระเจ้ายองโจทรงคิดอย่างไร
องค์ชายลีซานก็ตัดบทให้แล้วไป ด้านองค์หญิงวาวานทราบเรื่องนี้ก็อึ้งไป "อะไรนะ
เจ้าพูดอีกทีซิ จริงหรือนี่ เสด็จพ่อรับสั่งเองหรือว่า มันเป็นอุบัติเหตุ
ไม่ต้องต่อความยาวอีกหรือ" " พ่ะยะคะ ฝ่าบาทรับสั่งอย่างงั้นจริงๆ
หม่อมฉันดูฝ่ายองค์ชาย ท่าทางตกใจเหมือนไม่นึกว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
คงเป็นเพราะฝ่าบาท ทรงตัดสินพระทัยด้วยพระองค์เอง" "ถ้าอย่างงั้น
แล้วจะทำไงกับพระมเหสีล่ะ" "ในเมื่อจบลงแบบนี้ มิเท่ากับอภัยโทษให้นางหรอกหรือ" "
ไม่หรอก คงไม่ใช่อย่างงั้น ได้ยินว่าพระมเหสีเคยไปเข้าเฝ้ามาครั้งหนึ่ง
ทรงคุยอยู่กับเสด็จพ่อตามลำพังตั้งนาน พอออกมาสีพระพักตร์ก็ซีดเผือด
เดินเหม่อราวกับคนที่ไร้วิญญาณยังไงอย่างงั้น เฮ่อ ข้ารู้สึกแปลกใจจริงๆ
เสด็จพ่อทรงคิดจะทำอะไรกันแน่นะ" ทางด้านพระพันปีเฮคยองก็ทราบเรื่องนี้จากบิดา
"เฮ่อ หมายความว่า จะทรงอภัยโทษให้พระมเหสีและใต้เท้าคิมคีจูงั้นหรือ" "
แม้จะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ
แต่เจ้ากรมพิธีการและไต้เท้าคิมซึ่งเป็นคนรับผิดชอบงานนี้ก็ต้องรับโทษตาม สมควร
เพียงแต่ละเว้นโทษตายเท่านั้น" "แล้วท่านพ่อยอมรับการตัดสินแบบนี้ได้หรือ หึ ไหนๆ
เปิดโปงแผนชั่วถึงขนาดนี้แล้ว จะปล่อยให้คนผิดลอยนวลได้ยังไง" "หึ
แต่ถ้าขยายผลมากกว่านี้ ก็ต้องเกี่ยวโยงถึงบุคคลอีกหลายฝ่าย
ถึงตอนนั้นแม้แต่ฝ่าบาทก็ยากจะควบคุมสถานการณ์ได้" "ถึงอย่างงั้นก็เถอะ
ปล่อยให้คนที่คิดร้ายต่อลูกซานลอยนวล มันถูกต้องแล้วหรือ พวกเขามิยิ่งได้ใจ
ทำเรื่องเลวร้ายต่อไปอีกหรือ" "ทรงสงบสติหน่อยเถอะ" " ถึงขั้นนี้แล้วใครจะใจเย็นได้
สมัยก่อนฝ่าบาทถึงขนาดฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอ มาวันนี้จู่ๆ
ก็นึกเห็นใจคนอื่นซะอย่างงั้น ข้าไม่เข้าใจ และยอมรับการตัดสินไม่ได้ด้วย หึ" "เฮ่ย
แย่จริง" องค์ชายลีซานเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจในยามค่ำ แต่พอเข้าเฝ้าแล้วกลับนั่งนิ่ง
จนพระเจ้ายองโจรับสั่งถาม "ทำไมนั่งเฉย ไม่พูดไม่จาซักคำล่ะ ทำไมข้าถึงทำแบบนี้
เจ้าอยากรู้เหตุผลไม่ใช่หรือ" "ฝ่าบาท ทำไมถึงได้มีพระบัญชาแบบนี้
ทำไมถึงต้องปกปิดความจริง ไม่ลงอาญาคนที่ทำผิด
หม่อมฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์พ่ะย่ะค่ะ" "ข้าต้องขอโทษเจ้า" "ฝ่าบาท"
"ขอโทษสำหรับการเผชิญวิบากกรรมอันเลวร้าย และแม้ว่าเจ้าเป็นฝ่ายรับเคราะห์มาตลอด
ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก นอกจากกล่าวคำว่าขอโทษ" "ฝ่าบาท
ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่เป็นไร
ข้าน่าจะแสดงความเสียใจต่อเจ้ามากกว่านี้ด้วยซ้ำ" "ฝ่าบาท" " เดิมทีครั้งแรก
ข้าตั้งใจจะสั่งปลดนางซะ แต่แล้ว ข้าคิดว่าคงทำไม่ได้ จำได้ว่าครั้งแรกที่เห็นนาง
คือเมื่อ 14 ปีก่อน ตอนนั้นข้าอายุ 66 ปี
เพราะตำแหน่งพระมเหสีจะปล่อยว่างเว้นไม่ได้
ข้าจึงจำต้องแต่งกับนางหรือไม่ก็หญิงอื่นซักคน ตอนนั้น นางมีอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น
เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่หลังจากนั้น ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจนางมากนัก วันๆ
มัวแต่ทำงาน ไม่ก็ประชุมขุนนางอยู่แต่ในท้องพระโรง ไม่เคยถามไถ่
แสดงความห่วงใยในฐานะสามีที่ดี จนในที่สุด นางก็ทำความผิดอย่างใหญ่หลวง
ทำสิ่งเลวร้ายที่ไม่อาจให้อภัยได้ แต่ว่าถ้านางไม่แสวงหาลาภยศ
ให้ตัวเองมีความสำคัญบ้าง ชีวิตของนางคงจืดชืดและอีกหน่อยก็จะสิ้นไปตามกาลเวลา
นี่คือสิ่งที่ข้าคิดอยู่ตลอดเวลา" "ฝ่าบาท" "นับแต่นี้ นางจะไม่ใช่พระมเหสีอีก
ข้าจะไม่ให้นางมาพบและไม่มีการไปมาหาสู่
ปล่อยให้นางอยู่ในตำหนักกลางจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ให้นางอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น
รักษาชีวิตไว้ได้ก็ถือว่าบุญโขแล้ว นางจะอยู่อย่างไร้ความหมายไปจนชั่วชีวิต
ห้ามเรียกร้อง ห้ามออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น ห้ามปรากฏตัวให้ใครเห็น
เป็นคนที่ไร้ตัวตนในวัง และจะไม่มีการอภัยโทษ แม้ในสมัยของข้าหรือของเจ้า
แต่ว่าถึงอย่างงั้น ข้าก็ไม่อาจตัดใจสั่งประหารนางได้ แล้วเจ้าล่ะ
จะทำอย่างข้าได้หรือเปล่า อีกหน่อยแม้ไม่มีข้าแล้ว เจ้า จะปรานีต่อนาง
ปล่อยไปตามยถากรรมได้ไหม" องค์ชายลีซานทรงนิ่งคิดถึงพระบิดา "เสด็จพ่อ
หม่อมฉันจะทำไงดี หม่อมฉันไม่รู้ว่า ทำยังไงถึงจะถูกต้อง"000000000000000
เทซูรู้สึกอึดอัดมากที่พระมเหสีจองซุนไม่ได้รับโทษใดๆ เลย ขณะที่ศูนย์ศิลปะ
ทุกคนต่างยินดีกับซองซงยอนที่ได้เป็นผู้ช่วยช่างเขียนส่วนพระองค์
แถมจัดงานเลี้ยงให้ ซองซงยอนตื่นเต้นไม่น้อย "อะไรกันนี่
พวกเจ้าอุตส่าห์จัดงานนี้เพื่อยินดีกับข้าหรือ" มีซูยิ้มตอบว่า "ใช่" โชบีมอบของให้
"อ้า นี่ให้เจ้า" "อะไรหรือพี่โชบี"
"พู่กันขนกวางสำหรับผู้ช่วยช่างเขียนอย่างเจ้าไงล่ะจ๊ะ เฮ่อๆๆ" "จริงหรือ" "แต่ว่า
เจ้าไม่ต้องขอบคุณโชบีหรอกนะ เพราะนางออกเงินน้อยที่สุด" มีซูว่า โชบีแก้เก้อ
"ยังไงก็ช่าง ข้าเป็นคนเลือกให้เจ้าละกัน เย้" "ขอบใจมากจ้ะ หึๆๆ" "จริงสิ
รีบไปห้องเขียนภาพเร็ว ช่างเขียนตั๊กกำลังรอเจ้าอยู่" "งั้นหรือ หึๆๆ"
เวลานั้นลีชองมองช่างเขียนตั๊กแล้วกล่าวกับเขาว่า "ได้ยินว่าเจ้าจะพาซงยอนไปหรือ"
ช่างเขียนตั๊กไม่ตอบ "เมื่อก่อนเห็นเกลียดนางยังกะอะไรดี คราวนี้ที่เลือกนาง
เป็นการชดเชยความผิดหรือเปล่า" "ชดเชยความผิดอะไร ข้าแค่เปิดโอกาสให้นางเท่านั้น"
"ปากก็บอกว่าเปิดโอกาส แต่ข้าว่าจริงๆ จะหลอกใช้นางมากกว่า" "หลอกใช้อะไร
พูดอีกทีซิ เจ้าเห็นข้าเป็นอะไร" "เห็นเจ้าเป็นอะไรหรือ ก็คนเจ้าเล่ห์ไงล่ะ"
ช่างเขียนตั๊กโมโห "หนอย ยังจะพูดอีก" พอดีซองซงยอนเข้ามา "ท่านหาข้าหรือคะ" "อ้อ
ใช่ วันนี้เราต้องเข้าวัง รู้แล้วใช่ไหม" "รู้แล้วค่ะ"
"เราได้รับคำสั่งให้ไปช่วงบ่าย เจ้าไปเตรียมตัวด้วยล่ะ หึ" "ค่ะ เอ่อ แต่ว่า
วันนี้ยังคงมีการเขียนพระรูปเหมือนเดิมหรือคะ" "ทำไมต้องมีการเปลี่ยน
หมายความว่าไง" "เอ่อ คือว่า มีข่าวว่าในวังจะเกิดเรื่อง ไม่ทราบจริงหรือเปล่า"
ช่างเขียนตั๊กหน้าตาตื่น "หา เกิดเรื่องหรือ เรื่องอะไร" ซองซงยอนรีบปฏิเสธ "เอ่อ
อ้อ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร แหะ" ในวังหลวง
ราชเลขากำลังอ่านภารกิจให้พระเจ้ายองโจรับฟัง " ช่วงเช้า หลังจากหารือราชกิจแล้ว
ถัดมา เป็นรายงานสถานการณ์ทั่วไป และช่วงบ่าย จะให้ช่างเขียนมาเขียนพระรูป เอ่อ
ฝ่าบาท พระพักตร์ไม่สู้ดีนัก ไม่ทราบทรงประชวรตรงไหนหรือเปล่า" "อ้อ เปล่าหรอก
แค่รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย" "ถ้าอย่างงั้น ยกเลิกงานของวันนี้
ให้หมอหลวงมาดูดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่ต้อง เป็นไปตามปกติเถอะ ช่วงนี้
ข้ามีงานหลายอย่างที่ต้องสะสาง" ช่าง
เขียนตั๊กตื่นเต้นเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้ายองโจ ทำให้เขียนงานไม่ได้
จนขุนนางทักยิ่งทำให้ช่างเขียนตั๊กอึกอัก พระเจ้ายองโจทรงรู้สึกได้ตรัสถาม
"มีปัญหาอะไร ข้าถามว่ามีอะไรขัดข้องหรือเปล่า" "เอ่อ ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ
อาจเพราะช่างเขียนคนนี้ เกิดอาการตื่นเต้น" ขุนนางทูล "ตื่นเต้นแล้วยังไง
ตกลงจะวาดหรือไม่วาดก็พูดมาให้รู้สิ" "เอ่อ ฝ่าบาท รีบวาดเร็วเข้า
ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท กล้าทำงานบกพร่องเชียวหรือ ถ้าขืนงุ่มง่ามอีก
ข้าจะลงโทษเจ้าจริงๆ" ช่างเขียนตั๊กกลัวลนลาน "หึ เอ่อ" "เอ่อ คือ ถ้าไง
ให้ข้าเขียนภาพร่างให้ก่อนมั้ย" ซองซงยอนเสนอ ขุนนางท่านนั้นดุ "อะไรนะ
พวกเจ้ากล้าดียังไง จะมาเล่นตลกหรือ" "มีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ ใช่ไหม"
พระเจ้ายองโจตรัสถาม "เอ่อ ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ" ช่างเขียนตั๊กตัดสินใจทูล "เอ่อ ฝ่าบาท
พระอาญาไม่พ้นเกล้า ถ้าไงการเขียนภาพคราวนี้ ให้นางเขียนแทนได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ"
ขุนนางต่อว่าทันที "พูดแบบนี้หมายความว่าไง แค่คนงานจะเขียนพระรูปได้ยังไง"
"ไม่ใช่นะครับใต้เท้า นางไม่ได้เป็นคนงาน แต่เป็นช่างเขียนฝึกหัดของเรา" "หุบปาก
ต่อหน้าพระพักตร์ ใครให้ทำงานเหลวไหลแบบนี้" พระเจ้ายองโจทรงปรามไว้ "เดี๋ยวก่อน
อย่าเพิ่งวาดก็ได้ ใครเป็นช่างเขียนฝึกหัด ผู้หญิงคนนี้น่ะหรือ" " พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท
ก็คือนางนี่แหละ ผู้หญิงคนนี้ แม้จะเป็นแค่คนงาน แต่ความสามารถ โดดเด่นยิ่งกว่าใคร
เราจึงอนุญาต ให้หัดเขียนภาพเป็นกรณีพิเศษพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นหรือ ข้าก็เพิ่งรู้นะนี่"
ขุนนางทูลว่า "แต่ว่าฝ่าบาท ไม่ว่ายังไง ให้คนงานมาเขียนพระรูป
เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ" " ไม่เป็นไร
นางมีความสามารถยังไงถึงได้เลื่อนขั้นขนาดนี้ ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน เอาเถอะ ไหนๆ
ก็มาด้วยกันแล้ว เจ้าลองเขียนภาพข้าให้ดูหน่อยซิ" "เอ่อ ขอบพระทัยยิ่งแล้วเพคะ"
แล้วซองซงยอนก็ตั้งใจเขียนภาพ ทำให้พระเจ้ายองโจทรงพอพระทัย "หึ คือ ขอบใจเจ้ามากนะ
เพราะได้เจ้ามาช่วย ข้าถึงได้ปลอดภัย" ช่างเขียนตั๊กกล่าว "แหม ข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไร
อย่าเกรงใจเลยค่ะ จริงๆ แล้ว ที่ข้าเขียนรูปได้ก็เพราะท่านคอยสอน หึๆ" "เฮ่ย
สรุปแล้ว ถึงวันนี้จะทำงานบกพร่อง แต่วันหลัง ข้าจะดูแลตัวเองดีๆ
ไม่ให้มือมีปัญหาอีก" "ค่ะ ใต้เท้า หึ" ทันใดนั้นมหาดเล็กก็มาเรียกซองซงยอน
บอกว่าพระเจ้ายองโจให้ไปเข้าเฝ้าที่ห้องบรรทมเดี๋ยวนี้ ซองซงยอนตกใจมาก "หา
อะไรนะคะ ข้าน่ะหรือ เอ่อ" ซองซงยองถูกจับอาบน้ำเปลี่ยนชุด
ก่อนไปเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ "อึม นั่งลง จริงสิ เจ้าชื่ออะไรนะ" "เอ่อ หม่อมฉัน
แซ่ซองชื่อซงยอนเพคะ" "อึม เป็นชื่อที่เพราะมาก เหมาะกับหน้าตาที่สะสวยของเจ้า"
"เอ่อ ขอบ ขอบพระทัยที่ทรงชมเพคะ" "อึม เอาของที่เตรียมไว้เข้ามาซิ" มหาดเล็กรับคำ
"พ่ะย่ะค่ะ" "ไม่รู้ว่า เจ้าเขียนรูปดอกเหมยเป็นหรือเปล่า" "อะไรนะเพคะ" "
วันนี้จู่ๆ ก็นึกอยากเห็นภาพดอกเหมย เมื่อกี้เห็นเจ้า เหมือนมีพรสวรรค์ทางด้านนี้
เป็นไงบ้าง พอจะเขียนภาพดอกเหมยให้ข้าดูหน่อยได้ไหม"
พระเจ้ายองโจทรงทอดพระเนตรการเขียนภาพของซองซงยอน " เขียนได้เหมือนจริงๆ
ช่างเหมือนนัก เหมือนภาพดอกเหมยที่ลูกชายข้าชอบเขียนตอนเขายังมีชีวิตอยู่ หึ
ว่าแต่เจ้า มีพรสวรรค์ขนาดนี้ ไปฝึกมาจากไหนหรือเปล่า" "เอ่อ พ่อของหม่อมฉัน
ที่เสียไป เคยเป็นช่างเขียนน่ะเพคะ" "งั้นหรือ แล้วเจ้าเรียนรู้จากพ่อหรือยังไง" "
เอ่อ ใช่แล้วเพคะ คือ ทุกคืน พอเลิกงานกลับถึงบ้าน หม่อมฉันก็จะรบเร้า
ให้ท่านพ่อช่วยสอนการเขียนรูปให้หน่อย และเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ รีบหยิบพู่กัน
มาสอนหม่อมฉันวาดรูปตามแต่จะชอบเพคะ" "แสดงว่าเจ้ามีพ่อที่ใจดีมากสินะ" "เอ่อ
มิได้เพคะฝ่าบาท" " แต่มันก็เป็นหน้าที่ของพ่อ
เมื่อมีลูกก็ควรเป็นที่พึ่งให้แก่ลูกทุกคน แต่ว่าข้า
กลับไม่เคยเหลียวแลลูกชายคนเดียวที่มี รวมถึงหลานชาย ก็ไม่เคยใส่ใจเขาเลย"
พระชายาโยอึยให้คิมซังกุงไปดูว่าองค์ชายลีซาน ทรงทำอะไรอยู่
แต่คิมซังกุงกลับมาทูลว่าไม่มีใครทราบว่าองค์ชายลีซานเสด็จไปไหน
เวลาเดียวกันนี้ฮงกุกยองก็รู้เรื่องจากนัมซาโช เขาตกใจไม่น้อย "หา ท่านเอาอะไรมาพูด
องค์ชายจะหายไปไหนได้" " อ้อ นี่ก็แสดงว่า แม้แต่ท่านก็ไม่รู้ข่าวเลยหรือ เฮ่ย
ตายล่ะ แล้วจะเสด็จไปไหนล่ะนี่ ข้าหาทั่วหลวงก็ไม่พบร่องรอย ถามพวกทหาร
ก็ไม่มีใครรู้ว่าเสด็จไปไหนซักคน" ฮงกุกยองสั่งให้พวกเทซูออกตามหาองค์ชายลีซาน
แต่ก็ไม่มีใครตามพบ

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 30

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน เมียหลวง บริษัทบำบัดแค้น
แม่ค้าขนมหวาน สายสืบดิลิเวอรี่ คุณแม่จำแลง เมนูรักเชฟมือใหม่ ดำขำ ปอบผีฟ้า
ตะวันชิงดวง คุณชายไฮโซกับคุณหนูโอท็อป Hello! My Lady

Readlakorn

Related Posts



16 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับ

Anonymous said...

ดีครับขอบคุณครับ

Anonymous said...

ขอบคุณเจ้าแม่ค่ะ สนุกมากเลย

Anonymous said...

ขอบคุณมากนะคะ ที่ทำให้เรามีความสุข เราจะติดตามต่อไปแน่นอน ขอให้คุณมีสุขภาพที่ดีมีความสุขแล้วนำมาลงให้เราอ่านต่อไปนะคะ อนันดา..

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะ

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะ

Anonymous said...

สนุกจังเลย เหมือนการเมืองของบ้านเราเลยอ่ะ
อยากอ่านตอนต่อไปไวไวจัง...

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับ

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับ

Anonymous said...

ขอบคุณมากค่ะ

Anonymous said...

อิๆ เห็นด้วย กับ ด้านบนจ๊า ^^"เหมือนจริงๆๆ

Anonymous said...

ชอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

sno on 2/26/2009 said...

จะการขอเกินไปหรือเปล่าครับที่อยากจะให้คุณผู้ใจบุญนำนวนิยายเรื่อง เพชรพระอุมา มาลงบ้าง ผมรับรองน่ะว่าคนจะเข้ามอ่านมากเลยแหละ

Lily on 2/26/2009 said...

ลิลี่เคยเอาเรื่องย่อเพชรพระอุมาเป็น file pdf มาลงไว้นะคะ สนุกใช้ได้เลยค่ะ click เพชรพระอุมาจากตรงแถบรายชื่อละครนะคะ

Unknown on 3/04/2009 said...

ขอบคุณมากๆค่ะ

Anonymous said...

ขอบคุณมากค่ะ จะขอมาอ่านทุกตอนนะคะ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal