Friday, October 31, 2008

คิมชูซอน- เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - คิมชูซอน (60)

คิมชูซอน 60

คิมชูซอนทูลเตือนพระสติพระเจ้ายอนซันอย่าได้ทรงเป็นพระราชาที่หวาดกลัวของพสกนิกร
"ฝ่าบาท ทำไมทรงอ้างเหตุผลเรื่องพระมารดา
ไปทำให้ราชสำนักเกิดความวุ่นวายขนาดนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ นี่ไม่ใช่
สิ่งที่มเหสีโซฮวาต้องการจะเห็นหรอกนะ"
"ข้าเคยบอกแล้วว่าอยากเป็นพระราชาที่มีอำนาจอย่างแท้จริง แล้วทำไมท่าน
ไม่ยอมเข้าใจแล้วยังมาทำให้ข้ารำคาญอีก" "ทรงทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
ทุกวันนี้ไม่เพียงเหล่าขุนนาง แม้แต่ราษฎรก็เกิดความหวาดกลัวต่อฝ่าบาทอย่างมาก"


"เรื่องนี้ข้าก็รู้ เพราะข้าต้องการรวมอำนาจไว้ในมือ
ใช้นโยบายการปกครองอย่างเข้มงวด" พระเจ้ายอนซันดื่ม "ฝ่าบาท
พระราชาที่ดีคือต้องรู้จักฟังเสียงของราษฎร ไม่ใช่ใช้อำนาจทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ฝ่าบาททรงเข้าใจเหตุผลนี้หรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ"
"เพราะฝ่าบาทไม่ทรงเห็นราษฎรอยู่ในสายตา คนที่ใกล้ชิดพระองค์ถึงได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่
ข่มเหงราษฎรโดยไม่กลัวกฎหมายบ้านเมือง ถ้าตอนนี้ฝ่าบาท
ไม่ทรงรับฟังความเห็นของขุนนางหรือบัณฑิตที่หวังดี อีกไม่นานนัก
รอบข้างของพระองค์ก็จะเต็มไปด้วยพวกขี้ข้าประจบสอพลอ
ซึ่งจะยิ่งพาให้เสื่อมเสียไปใหญ่ และหากว่าพระราชา
ไม่ปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชกรรม ไม่มีความเมตตาปรานีต่อราษฎรผู้ยากไร้แล้ว
สุดท้ายบัลลังก์ของพระองค์ ก็จะรักษาไว้ไม่ได้" "เจ้ากรมมหาดเล็ก เงียบเดี๋ยวนี้นะ
แม้ว่าที่แล้วมา ข้าจะเห็นท่านเป็นคนสนิท แต่วันนี้ไม่อยากฟังคำพูดของท่านอีกแล้ว
เชิญออกไปซะ ข้าบอกให้ออกไปไม่ได้ยินหรือไง หึ" "ฝ่าบาท ทรงเอาชุดของมเหสีโซฮวา
เผาทิ้งไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ว่าไงนะ ท่านรู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมา" "พระมารดาของฝ่าบาท
ทรงหวังให้พระองค์เป็นพระราชาที่ดี เป็นที่สรรเสริญของผู้คนทั่วหล้า
พระนางจึงยินดีรับความตาย แต่ตอนนี้ฝ่าบาทกลับเอาเรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ไม่ฟังเหตุผล
ไม่ฟังเสียงคัดค้าน ทำตามอำเภอพระทัย ถ้าวิญญาณพระนางได้รู้ คงจะทรงผิดหวัง
และกันแสงเพราะฝ่าบาทแน่" "เจ้ากรมมหาดเล็ก นี่ท่านยังจะ"
"ฝ่าบาทยังไม่ทรงเข้าพระทัยหรือว่า สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้
เท่ากับทำให้พระมารดาทรงผิดหวังอย่างรุนแรงน่ะ" "เงียบเดี๋ยวนี้นะ ฮือ เฮ่ย"
พระเจ้ายอนซันหอบ "เจ้ากรมมหาดเล็ก ท่านบังอาจ มาตำหนิข้าถึงขนาดนี้เชียวหรือ หึ"
"ฝ่าบาท ทรงนึกถึงปณิธานเริ่มแรกในการครองราชย์ด้วยเถอะ" "มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง"
"รับสั่งให้หาหรือพ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กเข้ามา "จับคนๆ นี้ไปที่กรมอาญา
แล้วลงโทษให้หนัก" มหาดเล็กอึ้ง "เอ่อ" "ยืนเซ่อหาอะไรอีก
แม้แต่เจ้าก็จะขัดคำสั่งข้าหรือไง หึ ข้าขอสั่งว่า จับคนๆ
นี้ไปที่กรมอาญาเดี๋ยวนี้" "เอ่อ พ่ะย่ะคะ น้อมรับพระบัญชา เอ่อ"
คิมชูวอนทูลต่ออีกว่า "ฝ่าบาท ทรงฟังเสียงของขุนนางและราษฎรบ้างเถอะพ่ะย่ะค่ะ
ฝ่าบาท ทรงฟังเสียงของขุนนางและราษฎรบ้างเถอะพ่ะย่ะค่ะ" คิมชูซอนถูกทรมานอย่างหนัก
แล้วพระเจ้ายอนซันก็ทรงตรัสกับเขาว่า "หึ เจ้ากรมมหาดเล็ก ถ้ายอมขอขมา
ในสิ่งที่ลบหลู่ข้าเมื่อกี้ รวมทั้งก้าวร้าวถึงเสด็จแม่ข้า
ข้าก็จะอภัยให้ท่านทันที" "ฝ่าบาท อย่าทรงเข่นฆ่า ผู้บริสุทธิ์อีกเลยพ่ะย่ะค่ะ"
"ตราบใดที่นักโทษไม่ยอมรับความผิด ให้ทรมานต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเลิกปากแข็ง"
พระเจ้ายอนซันสั่ง นายกองสั่งลูกน้องให้ทรมานต่อ พระเจ้ายอนซันทรงเจ็บปวด
เฝ้าทอดพระเนตรจนคิมชูซอนหมดสติไป
พระเจ้ายอนซันสั่งให้เอาตัวคิมชูซอนไปทิ้งไว้นอกวัง
กึมพยอทราบข่าวก็รีบมาบอกโชชิคยอมให้ทราบทันที "เจ้าบอกว่าชูซอนไปทูลเตือนฝ่าบาท
แต่กลับถูกทรมาน และไล่ออกจากวังงั้นหรือ" "ข้าคิดว่าฝ่าบาท
ลงอาญากระทั่งเจ้ากรมมหาดเล็ก รู้สึกจะเกินไปหน่อยนะครับ" "ทุกวันนี้ในวัง
มักมีขุนนางที่ขัดพระทัยจนถูกประหารรายวันอยู่แล้ว ถึงจะเพิ่มมหาดเล็กอีกซักคน
คงไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก" "แต่ว่า ทำไมฝ่าบาทถึงได้ทรงกริ้วหนัก
แม้แต่กับมหาดเล็กที่ทรงโปรดปราน ยังลงอาญาได้ถึงขนาดนี้ล่ะครับ" "คงเพราะว่าชูซอน
ไปทูลอะไรเข้า ที่เหมือนสะกิดถูกบาดแผล
ตอนนี้พระวรกายของฝ่าบาทน่าจะมีแผลพรุนไปทั้งตัว เพราะการฆ่าคนนั้น
เป็นตราบาปแก่ตัวเองด้วย ถ้ามีใครไปสะกิดเข้า แผลนั้นจะทำให้ปวดแสบปวดร้อน
บังเอิญว่าชูซอน ไปโดนแผลสำคัญของพระองค์ นั่นก็คือมเหสีโซฮวา เห็นทีว่า
สิ่งที่ข้าคาดการณ์ จะมาถึงเร็วกว่ากำหนด การรวบรวมไพร่พลของเจ้า
ต้องรีบทำให้เร็วล่ะ" "ทราบครับ ใต้เท้าไม่ต้องห่วง"
พระเจ้ายอนซันทรงตรัสกับคิมจาวอนว่า "หึ ข้าเคยเชื่อเสมอว่า
ท่านเจ้ากรมเป็นคนที่รู้ใจข้าที่สุด ที่ไหนได้ แม้แต่เขาก็หักหลังข้า
เห็นทีโลกนี้คงไม่มีใครไว้ใจได้อีก" "หม่อมฉันคิดว่าท่านเจ้ากรม
อาจทูลเตือนฝ่าบาทด้วยความหวังดีก็ได้พ่ะย่ะค่ะ ขออย่าได้ทรงกริ้ว
ทรงอภัยให้เขาซักครั้งเถอะ" "จาวอน คำพูดของเจ้าเหมือนจะปกป้องคนที่ต่อต้านข้า
รู้ตัวหรือเปล่า หรือเจ้าอยากถูกไล่ออกจากวังด้วย" "หม่อมฉัน
กลัวว่าจะไม่เป็นที่โปรดปราน เลยไม่กล้าทูลอะไรตรงไปตรงมา
และยิ่งไม่กล้าบอกว่าตัวเองภักดีด้วย ถ้าไง ให้หม่อมฉันรับโทษแทนท่านเจ้ากรม
แล้วฝ่าบาททรงอภัยโทษให้เขาดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าห่วงเขาขนาดนี้
ว่าไปก็น่าชื่นชมเหมือนกัน แต่ว่า เรื่องนี้ข้าจะไม่ยกโทษให้เขาง่ายๆ
เจ้าไม่ต้องพูดมากอีกแล้ว" คิมจาวอนได้ยินเช่นนั้นก็กระหยิ่มในใจ
วอฮาร้องห่มร้องไห้มาหายางซองยุน "ฮือ ลูกชอนตงของข้า
ทำอะไรผิดนักหนาถึงถูกลงอาญาขนาดนี้ ท่านพอรู้หรือเปล่าคะ"
"คนอย่างชูซอนจะทำอะไรผิดได้ นอกจากไปทูลเตือนฝ่าบาทด้วยความหวังดี
เลยต้องรับกรรมเท่านั้น" โตชิกล่าวด้วยความโกรธแทน "ข้าว่าพระราชาคงบ้าไปแล้ว
ถ้าไม่เสียสติ จะสั่งให้ลงโทษ ชอบตงแบบนี้ได้ยังไง" "หุบปากเถอะน่า
ถ้าขืนพูดส่งเดชละก้อ ระวังจะมีเคราะห์มาถึงตัว" ยางซองยุนเตือน
"ก็ข้ารู้สึกเจ็บใจนี่นา" "ฮือ แล้วลูกข้า จะเป็นไรหรือเปล่า"
"รอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อน ค่อยต้มยาที่ข้าจัดมา ให้เขากิน การรักษาบาดแผลที่ถูกทรมาน
มันต้องใจเย็นหน่อย ให้นอนพักเยอะๆ" วอฮารับยามาร้องไห้ "ฮือ"
พระอัยยิกายินซูทรงตรัสถามกับพระเจ้ายอนซันว่า "ฝ่าบาท
ทำไมลงโทษเจ้ากรมมหาดเล็กถึงขนาดนั้นแถมยังไล่เขาออกจากวังอีก"
"เพราะเจ้ากรมมหาดเล็ก มีโทษฐานลบหลู่หม่อมฉัน" "ลบหลู่อะไรกัน พูดจาเพ้อเจ้อ
เจ้ากรมมหาดเล็กคนนี้ ถือเป็นข้าราชบริพารที่ซื่อสัตย์
ตั้งแต่สมัยเจ้าเป็นองค์ชายก็รู้ดีไม่ใช่หรือ" "หม่อมฉันก็รู้ว่า
เขาเป็นมหาดเล็กที่ภักดีแค่ไหน แต่ว่า ถ้าเขายังถือว่าตัวเองเป็นเจ้ากรม
นึกจะพูดอะไรก็พูด โดยไม่มีความเกรงใจต่อหม่อมฉันบ้างละก้อ
มิเท่ากับหยามหน้าหม่อมฉันหรือพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าไม่เพียงขัดแย้งกับเหล่าขุนนาง
ตอนนี้แม้แต่กรมมหาดเล็กก็จะเล่นงานอีก แล้วไม่กลัวซักวันจะถูกโดดเดี่ยวหรือไง
รีบไปอภัยโทษให้เขาซะ แล้วบอกให้กลับมาทำงานเหมือนเดิม" "เรื่องนี้
หม่อมฉันตัดสินใจไปแล้ว" พระอัยยิกายินซูทรงอ้อนวอนขอร้อง
"เจ้าเชื่อข้าซักครั้งได้ไหม เดิมทีข้าก็ไม่อยากก้าวก่ายการทำงานของเจ้าอีก
แต่เพราะความที่เป็นห่วงบ้านเมืองเลยอดเตือนสติไม่ได้" "หม่อมฉัน เป็นพระราชา
ทุกวันนี้เป็นห่วงบ้านเมือง จนกินไม่ได้นอนไม่หลับยิ่งกว่าพระอัยยิกาหลายเท่า
ขอให้ทรงวางพระทัยได้" "เจ้าบอกว่ายังไงนะ" "ถ้าไง หม่อมฉันขอทูลลาก่อน"
"บ้านนี้เมืองนี้ไม่ใช่ของเจ้าคนเดียวหรอกนะฝ่าบาท
ในอดีตเพื่อรักษารากฐานของบ้านเมืองไว้
เราต้องแลกกับชีวิตขุนนางและเชื้อพระวงศ์แทบนับไม่ถ้วน แล้วลำพังเจ้าคนเดียว
มีปัญญารับผิดชอบความอยู่รอดโดยไม่พึ่งคนอื่นได้หรือ"
"ไม่อย่างงั้นก็เชิญพระอัยยิกา
มานั่งบัลลังก์ว่าราชการแทนหม่อมฉันมั้ยล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ
นี่เจ้าบังอาจพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้เชียวหรือ" พระเจ้ายอนซันไม่ทรงฟัง ทรงเสด็จไปเลย
พระอัยยิกายินซูทรงแค้นพระทัยมาก "หนอยแน่ โอย
ไม่นึกว่านับวันฝ่าบาทจะไม่เห็นหัวผู้ใหญ่มากขึ้น
ข้าคงกลายเป็นหัวหลักหัวตอไปซะแล้ว" พระเจ้ายอนซันเสด็จออกมาก็ทรงบ่นกับคิมจาวอน
"เฮ่อ ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่เฝ้าพระอัยยิกา ข้าจะรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
น่าแปลกจริงๆ" "ฝ่าบาท ให้จัดงานเลี้ยงมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่ต้อง
ข้าชักเบื่องานเลี้ยงในวังซะแล้ว" "ถ้าอย่างงั้น ทำไงถึงจะช่วยฝ่าบาท
บรรเทาความเครียดได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "ไปบ้านเสด็จอา "แจอัน" ละกัน เขาสามารถดีดพิณ
"คาย่า" ได้ไพเราะ ไปฟังให้หายเครียดดีกว่า"
ทางด้านเหล่าขุนนางต่างก็เอ่ยถึงพระเจ้ายอนซันว่า "ทุกวันนี้ฝ่าบาท
ทรงบริหารด้วยวิธีเผด็จการ แล้วอย่างงี้ จะมีขุนนางไปเพื่ออะไรอีก"
"ขุนนางสามกรมใหญ่ไม่มีใครกล้าหือ ขนาดมหาดเล็กไปทำร้ายชาวบ้าน
พวกเขายังแกล้งทำไม่รู้ไม่เห็น" "งั้นก็รบกวนท่านเสนาฯ ไปทูลเตือนฝ่าบาทหน่อยเถอะ"
"ถึงข้าจะเป็นพ่อตาของฝ่าบาท แต่ก็ต้องแขวนป้ายนี้เหมือนกับทุกคน
แล้วจะเอาอะไรไปทูลได้เล่า" "ข้าว่าทุกท่านใจเย็นๆ ดีกว่า
ปล่อยให้ฝ่าบาทสร้างอำนาจจนคิดว่ามั่นคงแล้ว
อีกหน่อยก็จะทรงผ่อนคลายเอง"0000000000000 พระเจ้ายอนซันเสด็จไปบ้านแจอัน
"ข้าเคยได้ยินมานานว่า บ้านท่านอา "แจอัน" มีหญิงงามคนหนึ่ง
วันนี้ได้มาพบนับว่าสมคำร่ำลือจริงๆ" ชางนกซูรีบทูล "หึ ขอบพระทัยเพคะ"
"แล้วเจ้าชื่ออะไร" "หม่อมฉันชื่อชางนกซูเพคะ" "อึม ชางนกซูหรือ
มิน่าหมู่นี้ไม่ค่อยเห็นท่านอาไปประชุมในวังอีก ที่แท้ก็เพราะอย่างงี้" "แหะ
ถ้าฝ่าบาททรงพอพระทัย จะพาเข้าวังก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ นางไม่เพียงแต่สวย
แถมยังเฉลียวฉลาด รู้ใจคนเป็นที่สุด ถ้าให้อยู่กับฝ่าบาท คงจะช่วยให้สำราญขึ้นมาก"
"หึ นกซู แล้วเจ้ายินดี ไปอยู่กับข้าหรือเปล่า ทำไมทำหน้าอย่างงั้น ไม่เต็มใจหรือ"
"เห็นเขาว่า วังหลวงเปรียบเหมือนถ้ำเสือ ขนาดขุนนางที่ว่าเก่งกาจยังแทบเอาตัวไม่รอด
ไม่ทราบ" "ว่าไงนะ" พระเจ้ายอนซันทรงอึ้งและโกรธ "รู้มั้ยเจ้าอยู่ต่อหน้าใคร
กล้าพูดจาสามหาวขนาดนี้ ยังไม่รีบขออภัยโทษอีก" พระเจ้ายอนซันกลับทรงย้อนถามว่า
"ถ้าข่าวนี้เป็นความจริง แล้วเจ้าจะทำไง" "หึ สุนัขถ้าไม่ฝึกสอนให้ดี
บางครั้งดุขึ้นมาก็จะแว้งกัดเจ้าของได้ หม่อมฉันเห็นว่าฝ่าบาท
ควรจะกำราบขุนนางให้มากกว่านี้ จะได้ไม่มีข่าวลือเหลวไหล แพร่ออกมาอีกเพคะ" "ฮ่าๆๆ
สมแล้วที่เป็นหญิงงามแถมยังมีหัวคิด เป็นกำลังใจให้ข้าอย่างดีเลยล่ะ ฮ่าๆๆ ดีมาก"
ซังกุงรู้เรื่องชางนกซูก็ถวายรายงานให้พระชายาทรงทราบ พระชายาทรงตกพระทัย "หึ
ท่านบอกว่าฝ่าบาท โปรดปรานสาวใช้ในบ้านใต้เท้าแจอัน หมายความว่าไงน่ะ"
"หมู่นี้เสด็จไปบ้านใต้เท้าแจอันบ่อยๆ เห็นว่าเพราะพอพระทัย
สาวใช้ที่ชื่อชางนกซูเพคะ" "หึ ฝ่าบาทไม่ลดองค์ไปทำอย่างงั้นหรอก คงเป็นแค่ข่าวลือ"
"ไม่ใช่ข่าวลือเพคะ เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ เคยเข้าพิธีแต่งงานและมีสามีมาแล้วเพคะ"
"เฮ่อ ชางซังกุง ท่านช่วยกำชับเหล่านางในให้ดี
อย่าเอาเรื่องนี้ไปเที่ยวพูดส่งเดชล่ะ" "ทราบแล้วเพคะ"
คิมชูซอนรู้สึกตัวแล้วแต่ยังเจ็บแผล เขาพยายามเดินออกมา "เอ่อ ท่านยังไม่หายดีนัก
ทำไมออกมาข้างนอกล่ะคะ" หญิงสาวทัก "อยู่ในบ้านรู้สึกน่าเบื่อ
เลยออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์หน่อย" "แม้จะพ้นหน้าหนาวแต่ลมข้างนอกยังเย็นอยู่มาก
รีบไปพักข้างในดีกว่า" หญิงสาวเตือน "แล้วทำไมเจ้าเป็นคนต้มยาให้ข้าล่ะ"
"ท่านป้าสั่งไว้ ก่อนจะไปไหว้พระที่วัด "โตซอน" ให้ข้าดูแลท่านน่ะค่ะ" "หึ
เลยต้องรบกวนให้เจ้ามาดูแลแทน ต้องขอโทษด้วยนะ" "เมื่อก่อนใต้เท้า
ก็เคยช่วยชีวิตข้าไว้ไม่ใช่หรือคะ" "หึ แล้วเจ้าหายโกรธข้าแล้วหรือ
ที่ไม่ให้เจ้าตายน่ะ หึ ข้าเดินเองได้แล้ว" หญิงสาวอึกอัก พอดีกับโชชิคยอมมาหา
เขากระแอมนิดหนึ่ง "แม่นางคนนี้ คือคนที่พักก่อน เจ้าช่วยชีวิตนางไว้หรือ"
"ใต้เท้ามาถึงนี่ ไม่ทราบมีธุระอะไรกับข้า" "หึ แผลที่ถูกทรมาน ดีขึ้นบ้างหรือยัง"
"ยังพอทนไหวอยู่น่ะครับ" "เจ้ารักฝ่าบาทมาก เห็นพระองค์เหมือนเป็นลูก สิ่งที่ได้รับ
คงเสียใจมากสินะ" "ถึงข้าจะถูกลงอาญา ก็ไม่ถือโกรธพระองค์หรอก" "รอยแผลตามร่างกาย
เพียงใช้เวลาหน่อย ไม่นานก็จะหายเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิด
แต่แผลที่อยู่ในใจเรานี่สิ ยากจะเยียวยาให้เหมือนเดิมได้" "ข้าเข้าใจดีว่า
เพราะฝ่าบาททรงกำพร้าแต่เยาว์วัย
เลยกลายเป็นปมด้อยในพระทัยเหมือนถูกทำร้ายอย่างหนัก ถ้าข้าจะโทษ
คือโทษตัวเองที่ไม่ได้ใส่ใจพระองค์เท่าที่ควรมากกว่า" "แต่ว่า
ที่พระราชาต่างจากสามัญชนก็คือ สิ่งที่พระราชาทรงทำ
ล้วนเกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของบ้านเมืองทั้งสิ้น ทุกวันนี้ที่แย่ก็คือ
ฝ่าบาททรงใช้กำลังกับเหล่าขุนนาง ส่วนกังฉินก็เริ่มเหิมเกริมขนาดกดขี่ราษฎร
ขุนนางมีแต่ความอกสั่นขวัญแขวน นโยบายที่อดีตพระราชาทรงวางไว้
ก็ไม่มีใครกล้าสานต่ออีก ราษฎรอยู่ท่ามกลางความเดือดร้อน
พร้อมเสียงประณามที่ดังขึ้นทุกวัน ขืนเป็นแบบนี้ต่อ บอกได้เลยว่า
พระราชาองค์นี้จะไม่ได้ครองบัลลังก์นานนัก" "วันก่อนข้าบอกอย่างชัดเจนแล้วว่า
ถ้าท่านคิดทำอะไรที่ไม่ซื่อต่อราชบัลลังก์ ข้า อาจต้องใช้กำลัง
เล่นงานท่านตามกฎหมายก็เป็นได้" "ชูซอน เจ้าจะฆ่าข้าซะตอนนี้
เพราะเห็นแก่ความภักดีก็ย่อมได้ แต่ความทุกข์ร้อนของราษฎร เจ้าจะแก้ปัญหายังไง
ถ้าเจ้ามีความภักดี อยากจะช่วยฝ่าบาทจริง ก็ขอให้กลับไปซะ แล้ววันข้างหน้า
แม้จะถูกทรมานสาหัสกว่านี้ จนร่างกายแหลกเหลวแทบไม่มีชิ้นดี เจ้าก็ต้องพยายาม
ทูลเตือนให้ฝ่าบาททรงยั้งคิดบ้าง นี่เป็นทางเดียว ที่เจ้าจะขัดขวางไม่ให้ข้า
คิดนอกลู่นอกทาง"00000000000 พระพันปีซุกยอนทรงเชิญพระเจ้ายอนซันมาพบ
และมีรับสั่งว่า "ฝ่าบาทเชิญนั่งก่อน วันนี้ที่ให้เจ้ามาพบ เพื่อจะหารือ
เกี่ยวกับการรับสนมใหม่ว่าควรจะเป็นคนไหนดี" "เชิญรับสั่งมาได้"
"เท่าที่ดูคุณสมบัติโดยรวมและจากนิสัยใจคอแล้ว
รู้สึกธิดาของผู้ว่าเมืองฮันซองและธิดาเจ้ากรมปกครองจะโดดเด่นกว่าเพื่อน
ถ้าไงรับสองคนนี้มาเป็นสนมก่อน ส่วนคนอื่นค่อยพิจารณาทีหลัง ไม่ต้องรีบจะดีมั้ย
ฝ่าบาท เจ้าเป็นไรหรือเปล่า" "หม่อมฉัน ไม่อยากรับลูกสาวของพวกขุนนาง
มาเป็นสนมได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "แปลว่าขุนนางสองคนนี้มีปัญหาอะไรงั้นหรือ" "ถ้าหม่อมฉัน
รับธิดาของขุนนางมาเป็นสนม ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม
อีกหน่อยพวกเขาก็จะกลายมาเป็นพ่อตาของหม่อมฉัน กลายเป็นเสริมอิทธิพลให้พวกเขาอีก"
"แต่ว่า ยังไงเจ้าก็ต้องมีสนมซักคนไม่ใช่หรือ" "พระพันปี ถ้าเป็นไปได้
หม่อมฉันขอเลือกคนที่ตัวเองชอบได้ไหม แต่ทุกครั้งไม่ว่าหม่อมฉันจะทำอะไร
พระอัยยิกาเป็นต้องคัดค้านอยู่เรื่อย หม่อมฉันจึงอยากให้พระพันปี
ช่วยไปทูลพระอัยยิกาหน่อย" "ถ้าเจ้าต้องการอย่างงั้น ข้าช่วยได้ก็ต้องช่วยอยู่แล้ว
แต่ว่า คนที่เจ้าบอกว่าชอบพอนั้น เป็นนางในของฝ่ายไหนงั้นหรือ"
ไม่นานคิมจาวอนก็พาชางนกซูเข้ามาในวังหลวง เขาถามนางว่า "รู้สึกยังไงที่ได้เข้าวัง"
"ไม่เข้าถ้ำเสือ ไหนจะได้ลูกเสือ ถึงขั้นนี้แล้วยังไงก็ต้องเสี่ยงล่ะ"
"สมแล้วที่เป็นผู้หญิง ที่กุมพระทัยฝ่าบาทไว้ได้ ช่างเป็นคนฉลาดนัก" "ได้ข่าวว่า
มหาดเล็กคิมเป็นข้าราชบริพารที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานนัก ต่อไปก็ช่วยดูแลข้าด้วยล่ะ"
พระอัยยิกายินซูทรงทราบว่าพระเจ้ายอนซันจะรับชางนกซูมาเป็นสนมก็ไม่พอพระทัยอย่างมาก
"จะรับสาวใช้ในบ้านใต้เท้าแจอันมาเป็นสนมงั้นหรือ เฮอะ เจ้าก็รู้
นั่นเป็นชนชั้นไพร่ จะเอามาเป็นส่วนหนึ่งในราชวงศ์ของเราได้ยังไง" "หม่อมฉัน
ยังไงก็จะเลือกนางแน่ ขอทรงอนุญาตเถอะพ่ะยะค่ะ" "เรื่องนี้ข้าอนุญาตไม่ได้"
"พระอัยยิกา" "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้เข้าใจหรือเปล่า
ถ้าเจ้าคิดว่า ชอบพอผู้หญิงคนนั้นถึงขนาดตัดใจไม่ได้ ข้าก็ไม่คัดค้าน
จะไปมาหาสู่ยังไงก็เชิญ แต่ว่าจะไม่มีวัน ยอมแต่งตั้งผู้หญิงไพร่
ซ้ำยังเคยผ่านการแต่งงานให้เป็นสนมเด็ดขาด ช่างเป็นความคิดที่เหลวไหลสิ้นดี
อย่าหวังเลยว่าข้าจะเห็นชอบด้วย" พระพันปีซุกยอนทรงรอมชอมกับพระเจ้ายอนซันอีกว่า
"ฝ่าบาท ถ้าไงเรื่องนี้ก็ทำตามรับสั่งของพระอัยยิกาเถอะนะ" "ได้ยินว่าสมัยก่อน
พระอัยยิกาก็ทรงตั้งแง่รังเกียจแม่ของหม่อมฉัน หาว่านางมีชาติกำเนิดต่ำต้อย
จึงไม่อยากให้เป็นสนมเหมือนกัน" "อะไรนะ ฝ่าบาท นี่เจ้า เอาอะไรมาพูดกับข้ากันแน่
หา" "หม่อมฉัน ขอทูลว่าไม่ว่าพระอัยยิกาจะคัดค้านขนาดไหน
หม่อมฉันก็จะรับชางนกซูเป็นสนมให้ได้" "ฝ่าบาท เจ้าจะยืนกรานต่ออีกใช่ไหม
ใช้อำนาจเผด็จการ ล้มล้างนโยบายบริหารของเสด็จพ่อยังไม่พอ
มาวันนี้ยังจะทำลายกฎระเบียบของฝ่ายในอีกงั้นหรือ" "หม่อมฉันยังได้ยินว่า
หญิงที่เสด็จพ่อทรงรักมากที่สุด ไม่ใช่สนมหรือนางในคนไหน
หากแต่เป็นภรรยาเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งชื่อออลูตง"
ทั้งพระอัยยิกายินซูและพระพันปีซุกยอนทรงตกพระทัยมาก พระพันปีซุกยอนรีบทูล "ฝ่าบาท
นี่ไม่ใช่เรื่องจริงหรอกนะ" "หม่อมฉัน เคยอ่านบันทึกในช่วงนั้นมาแล้ว
สิ่งที่เสด็จพ่อยังทรงทำได้ แล้วทำไมหม่อมฉันจะทำบ้างไม่ได้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท
เจ้าจะเชื่อข่าวลือเหลวไหลที่คนเขาพูดกัน
เพื่อทำลายเกียรติของเสด็จพ่อตัวเองได้หรือ" "เรื่องของเสด็จพ่อกับออลูตง
หม่อมฉันเชื่อว่าไม่ใช่ข่าวลือเหลวไหล หม่อมฉันจะไม่มีวัน
เห็นแก่กฎเกณฑ์ของราชสำนัก จนยอมทิ้งผู้หญิงที่ตัวเองรักเด็ดขาด" "หึ งั้นก็ตามใจ
เจ้าจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่ว่าจะทำลายบ้านเมืองให้ย่อยยับ
หรือรับผู้หญิงชั้นต่ำมาเป็นสนมก็ช่าง เจ้าอยากทำอะไรก็เชิญเลย
ต่อไปข้าจะไม่ยุ่งกับเรื่องของเจ้าอีกแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก"
"หม่อมฉันจะถือว่าพระอัยยิกา รับปากข้อเสนอของหม่อมฉันแล้ว ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าไม่อยากพูดกับเจ้าให้มากความอีก ไปไหนก็ไปเถอะ" "ถ้าอย่างงั้น
หม่อมฉันขอทูลลาก่อน" พระพันปีซุกยอนทรงทูลปรามไว้ "ฝ่าบาท
ยังออกไปตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ" "ทำไมถึงไม่ได้
หม่อมฉันทำตามรับสั่งพระอัยยิกาซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์สูงสุดแล้วนี่"
พระเจ้ายอนซันเสด็จออกไปทันที "แผ่นดินที่พระเจ้าแทโจทรงสร้างมา
รากฐานที่อดีตพระราชา ปกปักรักษามานับร้อยปี ต้องมาพินาศในยุคของเจ้าแน่ โอย หึ"
"พระอัยยิกา ทรงทำพระทัยดีๆ ไว้เพคะ ฝ่าบาทแค่พูดด้วยอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น" "หึ
ภาษิตว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ มันเป็นเวรกรรมที่สมัยก่อนข้าเคยสั่งปลดแม่ของเขา
มาสนองข้าเข้าแล้ว ฮือ"0000000000000 พระเจ้ายอนซันทรงมีรับสั่งกับชางนกซูว่า "นกซู
ข้าจะให้เจ้า เป็นสนม "ซูวอน" ดีหรือเปล่า" "หึ หม่อมฉัน แทบไม่รู้ว่าเป็นความจริง
หรือความฝันกันแน่เพคะ" "เฮ่อๆๆ แน่ล่ะซี้ คนที่เป็นบ่าวไพร่แล้วจู่ๆ
ได้เป็นสนมขั้น 4 เป็นใครก็ต้องคิดว่าฝันอยู่แล้ว"
"หม่อมฉันขอแค่ได้ถวายการปรนนิบัติ แม้จะไม่ได้รับการแต่งตั้ง
ชาตินี้ก็ไม่หวังอะไรอีกแล้วเพคะ" "อึม แต่ก่อนจะมีประกาศแต่งตั้งเจ้า
ข้าอยากให้รับปากเรื่องหนึ่ง" "เชิญรับสั่งมาได้เพคะ"
"เมื่อเราได้มาอยู่ร่วมกันแล้ว ยังไงชาตินี้ข้าคงไม่ทอดทิ้งเจ้าแน่นอน แต่ว่า
ถึงข้าจะรักเจ้าขนาดไหน ภรรยาเอกของข้า ก็คือพระมเหสีองค์เดียว ถ้าให้รู้ว่า
เจ้าเกิดความอิจฉาหรือคิดทำร้ายนางละก้อ ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า ไม่ใช่
ข้าจะไม่รับประกันชีวิตเจ้าต่างหาก เจ้าจะรับปากได้ไหม" "หม่อมฉันขอให้สัญญาเพคะ"
"ดีมาก งั้นข้าก็จะเชื่อเจ้า รินเหล้าให้ข้าอีกซิ"
พระชายาทรงทราบเรื่องราวก็ได้แต่ถอนพระทัย
พระพันปีซุกยอนเองก็ได้แต่ทรงปรับทุกข์กับเจ้าจอมชองกับเจ้าจอมออม
"นับวันฝ่าบาทกับพระอัยยิกาจะยิ่งบาดหมางร้าวลึกลงไปทุกที เรื่องของเรื่อง
เพราะข้าไม่ได้อบรมฝ่าบาทให้ดี เหมือนเป็นความผิดของข้ามากกว่า"
"แต่พระพันปีทรงรักฝ่าบาทยิ่งกว่าโอรสแท้ๆ เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้อยู่
โปรดอย่าทรงตำหนิพระองค์เองเลยเพคะ" "เจ้าจอมชองพูดถูกแล้วเพคะ
ต้องโทษที่ฝ่าบาทมีสายเลือดไม่ดีอยู่ในตัวมากกว่า" "ตลอดเวลาที่ผ่าน
ฝ่าบาทให้เกียรติพวกเจ้าไม่น้อย ทำไมพูดจาลบหลู่พระองค์อย่างงั้นล่ะ"
พระพันปีซุกยอนทรงดุ "ไม่อย่างงั้น ดูจากที่ฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งชางนกซู
ยกย่องอีกาให้เป็นหงส์ แค่นี้ก็รู้แล้ว ขนาดคนธรรมดายังไม่ยกย่องสาวใช้เลย"
"หม่อมฉัน ตั้งแต่มาเป็นสนมของอดีตพระราชา
ก็มีความภูมิใจที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ แต่มาวันนี้
กลับต้องนับญาติกับผู้หญิงมีมลทิน ไร้สกุลรุนชาติอย่างงั้น
แค่คิดก็รู้สึกละอายแล้วเพคะ" โชชิคยอมถามกึมพยอถึงเรื่องชางนกซูว่า "กึมพยอ
เจ้ารู้มั้ยว่าเพราะอะไร ฝ่าบาทถึงไม่เลือกธิดาของเหล่าขุนนาง
กลับไปเลือกหญิงไพร่คนหนึ่งให้เป็นสนม เพราะอะไรรู้มั้ย" "ข้าไม่เข้าใจครับ"
"ฝ่าบาททรงมีความปราดเปรื่อง อีกทั้งมองการณ์ไกลเกินกว่าเราจะตามทัน
หากไม่เพราะตอนเด็กผ่านเหตุการณ์ที่พระมารดาถูกปลด ป่านนี้คงจะเป็นคนดีมาก เสียดาย
ทรงเกิดมาผิดยุคสมัย ข้าเห็นแล้ว ก็อดเสียดายแทนไม่ได้"
พระเจ้ายอนซันทรงมีรับสั่งให้โชชิคยอมเข้าเฝ้า "ฝ่าบาท รับสั่งให้หาหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ใต้เท้าโช ข้าอยากให้ท่านกลับมากรมมหาดเล็ก เป็นเจ้ากรมเหมือนเดิมได้ไหม" "ฝ่าบาท
หม่อมฉันออกจากราชการนานแล้ว ทำไมยังมีรับสั่ง ให้หม่อมฉันกลับมาอีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"เพราะข้า ไม่มีคนที่ไว้ใจได้เลย" "งั้นก็ให้ใต้เท้าคิม กลับมาอีกครั้งเถอะ
เขาเป็นคนที่ ดูแลฝ่าบาทมา ตั้งแต่ยังทรงแบเบาะ มีความจงรักภักดี
ฝ่าบาทก็ทรงทราบไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ใต้เท้าคิมดูหมิ่นข้าหลายเรื่อง
ทุกวันนี้ข้ายังให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ ก็ถือว่าปรานีมากแล้ว" "แม้จะทรงรับสั่งแบบนี้
แต่หม่อมฉันรู้ว่า ฝ่าบาทก็ทรงเสียพระทัย ที่ไล่เขาออกไปเหมือนกัน
ทุกวันนี้กรมมหาดเล็ก ถูกขุนนางและราษฎรตำหนิติเตียนอยู่บ่อยครั้ง
คนที่จะกู้ภาพลักษณ์และสร้างศรัทธาใหม่ได้ มีเพียงใต้เท้าโชคนเดียว"
"กรมมหาดเล็กถูกคนตำหนิหรือ หมายความว่าไงน่ะ" "เพราะว่ามี มหาดเล็กบางคน
ถือเป็นคนโปรดของฝ่าบาท ออกไปใช้อำนาจกดขี่ราษฎร ทำให้เสียถึงส่วนรวมพ่ะย่ะค่ะ"
"เรื่องนี้ข้าก็พอได้ยินเหมือนกัน
แต่มหาดเล็กคิมก็ต้องลงโทษชาวบ้านที่บังอาจใช้กำลังล่วงเกิน
ข้าไม่เห็นจะผิดตรงไหนนี่นา" "หน้าที่ของมหาดเล็กคือเป็นเกราะคุ้มภัยสำหรับพระราชา
ไม่ใช่อาวุธแทนพระองค์ซึ่งจะไปห้ำหั่นคนอื่นได้ คนที่นึกว่าเป็นคนโปรด
แล้วไปทำร้ายชาวบ้าน เราจะไม่ถือเป็นมหาดเล็ก อย่างมาก
ก็เป็นได้แค่ขันทีถ่อยที่หวังจะแก้แค้นส่วนตัวเท่านั้น" "อึม
ใต้เท้าโชพูดมีเหตุผลนัก จาวอน คำพูดของใต้เท้าโช เจ้าต้องจำไว้ด้วยล่ะ"
"หม่อมฉันจะจำไว้พ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท โปรดให้ใต้เท้าคิมกลับมาทำงานใหม่
แล้วทรงไปขอขมา ปรับความเข้าใจกับพระอัยยิกาเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่าพระอัยยิกา
สมัยก่อนทรงเป็นตัวการที่ให้ปลดแม่ของข้า แถมยังเห็นชอบที่จะให้ประหารอีก
ถึงข้าไปปรับความเข้าใจกับนาง นางก็ยังคิดว่า ข้าเป็นลูกนักโทษอยู่วันยังค่ำ
ไม่มีทางยอมรับข้าได้หรอก" "สมัยก่อน มีขุนนางไม่น้อย
ที่คัดค้านไม่ให้ฝ่าบาทเป็นรัชทายาท แต่พระอัยยิกา กลับมีความเห็นยืนยัน
สมควรให้ฝ่าบาทสืบราชสมบัติต่อไป นี่คือความดีของพระอัยยิกา ที่จะทรงลืมไม่ได้"
พระเจ้ายอนซันทรงฟังแล้วก็ทรงนิ่งไป โชชิคยอมออกมาก็ไปเข้าเฝ้าพระอัยยิกายินซู
"พระอัยยิกา ขอทรงให้อภัยฝ่าบาท และคืนดีกับพระองค์เหมือนเดิมเถอะพ่ะย่ะค่ะ"
"ใต้เท้าโช ฝ่าบาททำให้ราชสำนักของเราเปลี่ยนไป ยิ่งนานวัน
ยิ่งไม่เคารพผู้ใหญ่และไม่เห็นกฎเกณฑ์อยู่ในสายตา"
"เป็นเพราะเรื่องแต่งตั้งชางนกซูเป็นสนม ทรงเห็นว่าไม่เหมาะใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ"
"นอกจากเป็นไพร่แล้วยังผ่านการแต่งงาน ยังจะยกย่องเชิดชูอีก เฮอะ การกระทำของฝ่าบาท
ช่างไม่คิดถึงเกียรติยศศักดิ์ศรี ของราชสำนักเราบ้างเลย"
"หม่อมฉันเห็นว่าที่ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้พระมเหสี
เจริญรอยตามเสด็จแม่ของพระองค์มากกว่าพ่ะย่ะค่ะ" "หมายความว่าไงน่ะ"
"สนมที่แต่งตั้งจากลูกผู้ดีมีตระกูล สุดท้ายมักเกิดการแก่งแย่ง
เพื่อหวังจะยึดครองตำหนักกลาง หรือถึงขนาดวางแผนให้ร้ายพระมเหสี
ด้วยเล่ห์เหลี่ยมสารพัดก็เคยมี" "หึๆ ท่านคิดว่าฝ่าบาท
มีปัญญามองการณ์ไกลถึงขนาดนั้นเชียวหรือ หึ" "คงเพราะว่าในพระทัยส่วนลึก
ยังจดจำฝังใจเกี่ยวกับเรื่องมเหสีโซฮวาถูกปลดอยู่ จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก
หม่อมฉันอยากให้พระอัยยิกา ทรงเข้าพระทัยฝ่าบาทซักนิด
เห็นพระทัยในความว้าเหว่ของพระองค์บ้าง"
"ต่อให้จุดประสงค์ที่แท้จริงเป็นอย่างงั้นก็เถอะ
แต่ทุกวันนี้เขาไม่ใช่พระราชาที่ดีอีกแล้ว ถ้าไม่มาคุกเข่าขอขมาด้วยความจริงใจ
ยอมรับว่าตัวเองทำผิด จะให้ข้า ไปยกโทษให้เขาคงไม่มีวันซะล่ะ"
โชชิคยอมออกจากเข้าเฝ้าพระอัยยิกายินซู ก็พบกับองค์ชายจินซอง
ซึ่งองค์ชายจินซองทรงทักทายเขาก่อน "ใต้เท้าโช ไม่เจอตั้งนานนะ" "องค์ชายจินซอง
ทรงสบายดีหรือพ่ะยะค่ะ" "ฝ่าบาททรงห่วงใยข้ากับเสด็จแม่มาก ข้าจึงสบายดี"
"ตอนนี้บ้านเมืองวุ่นวาย ขอให้องค์ชายรักษาพระองค์ดีๆ
ห่วงพระอนามัยไว้บ้างนะพ่ะย่ะค่ะ" "หึ ขอบคุณมาก ข้าจะไม่ลืมคำพูดของท่าน หึ"
"ไม่นึกว่าองค์ชายจินซอง พริบตาจะเติบใหญ่ขนาดนี้แล้วหรือนี่
ถ้าอีกหน่อยฝ่าบาททรงปกป้องบัลลังก์ไว้ไม่อยู่ละก้อ คงต้องหวังพึ่งองค์ชายนี่แหละ"
โชชิคยอมกล่าวคนเดียว ขุนนางท่านหนึ่งเดินมาพบโชชิคยอมก็เชิญเขาไปคุยด้วย
"ทุกวันนี้ฝ่าบาท ทรงทำอะไรตามอำเภอพระทัยมากขึ้น จนหลายฝ่ายในวัง
อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้" "เป็นห่วงเรื่องอะไร" "หึ มีข่าวบางคนคิดจะก่อการใหญ่ ท่าน
ไม่ได้ยินเบาะแสบ้างหรือ" "เป็นไปไม่ได้หรอกท่าน ใครจะกล้าบังอาจคิดก่อกบฏได้"
"ท่านไม่รู้จริงหรือแกล้งไขสือกันแน่" "ข้ามั่นใจว่าไม่มีวันเกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน
ท่านไม่ต้องห่วงหรอก" "หึ ขอให้จริงเถอะ" ยางซองยุนไปหาคิมชูซอนที่บ้าน
พบกับโตชิก่อน โตชิทักทาย "วันนี้ทำไมใต้เท้าว่างล่ะ" "ท่านโตชิ สบายดีหรือเปล่า
แล้วชูซอนล่ะ ดีขึ้นบ้างหรือยัง" "ดูจากการเดินเหินคงไม่มีอะไรแล้ว"
"เพราะเขาเป็นคนแข็งแรงอยู่ก่อน จึงได้หายไว เฮ่ย เอ๊ะ หน้าตาไม่เลวนี่นะ
นางเป็นใครน่ะ" ยางซองยุนเอ่ยถาม "ห้ามคิดเลยเถิดนะ นางใกล้จะลงเอยกับชูซอนแล้ว"
"ฮ้า อะไรนะ เฮอะ เป็นความจริงหรือนี่ ข้ายังนึกว่า แก่ตัวจะหาคนมาดูแลซักหน่อย
ที่ไหนได้ดันมีเจ้าของซะแล้ว น่าเสียดาย เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ"พอเจอหน้าคิมชูซอน
ยางซองยุนก็มอบยาให้ "นี่เป็นยาที่ฝ่าบาททรงประทานมาให้เจ้า และมีรับสั่งว่า
รอให้เจ้าหายดีเมื่อไหร่ ให้กลับไปทำงานในตำแหน่งเจ้ากรมมหาดเล็กเหมือนเดิม
หรือเจ้าเห็นว่าไง จะรับพระบัญชาหรือว่าจะปฏิเสธ เพราะฝ่าบาทรับสั่งว่า
ให้แล้วแต่การตัดสินใจของเจ้า" "หึ ตอนนี้ ข้ายังไม่รู้ว่า
จะทำไงกับอนาคตต่อดีน่ะครับ" "ไม่น่าเชื่อว่าฝ่าบาทจะทรงเปลี่ยนเร็วขนาดนี้
ตบหัวแล้วลูบหลังก็มีด้วยหรือนี่ ชอนตง ถ้าเจ้ารู้ว่า
ทุกวันนี้แม่เจ้าอยู่ด้วยความเป็นห่วงเจ้าขนาดไหน
ก็อย่ากลับไปเสี่ยงกับอารมณ์ของพระราชาอีกเลย" โตชิว่า
แต่คิมชูซอนนึกถึงคำสัญญาที่อดีตมเหสียุนโซฮวาทรงฝากบุตรไว้ ก็ทำให้คิมชูซอนคิดหนัก
วอฮาเองก็อดถามลูกชายไม่ได้ว่า "ตัดสินใจได้แล้วหรือยังลูก" "หึ เฮ่อ ท่านแม่
ขอโทษด้วยครับ เมื่อก่อนข้าเคยให้สัญญากับมเหสีโซฮวาไว้ จึงต้องรักษาคำพูด" "แต่ว่า
ถ้าเจ้ากลับไปวังหลวงอีกครั้ง วันๆ ก็ต้องเผชิญกับความกดดันจากหลายฝ่ายอีก ทำให้แม่
อดเป็นห่วงไม่ได้ แล้วเจ้าไม่สงสารแม่บ้างหรือ" "หึ ท่านแม่
เมื่อก่อนท่านบอกว่าข้ามีชะตาที่จะได้ 3 อย่าง เสีย 3 อย่าง จนในที่สุด
ข้าก็มีเหตุให้ต้องตอนตัวเองเพื่อไปเป็นมหาดเล็กในวัง ถ้าหากว่า
นี่เป็นชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เชื่อว่า สวรรค์คงมีเหตุผล ที่ให้ข้าเกิดมาในโลกนี้"
"เอาเถอะ ฮือ เมื่อเจ้าตัดสินใจแบบนี้ แม่ก็แล้วแต่เจ้าละกัน"000000000000000000
พระเจ้ายอนซันทรงนึกถึงคำเตือนของโชชิคยอม จึงตัดสินพระทัยไปเฝ้าพระอัยยิกายินซู
เวลานั้นพระอัยยิกายินซูทรงมีรับสั่งกับองค์ชายจินซอง องค์ชายอันยางและองค์ชายพงอัน
"หลายวันนี้ ในวังเกิดเรื่องยุ่งจนน่าปวดหัว พอได้เห็นองค์ชายจินซอง
องค์ชายอันยางและองค์ชายพงอันมาเยี่ยมเยียนพูดคุยกับย่าหน่อย
ค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย เฮ่อๆๆ" องค์ชายสามคนน้อมรับ "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ"
องค์ชายจินซองทูลว่า "เสด็จย่า หม่อมฉันเรียนรู้มาว่าโรคภัยเกิดจากใจ ถ้าเสด็จย่า
ทรงปล่อยวางซะบ้าง เชื่อว่าจะทรงอายุยืนพ่ะย่ะค่ะ" "หึ ข้าดูองค์ชายจินซอง
ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา หรือจิตใจที่อ่อนโยนช่างเหมือนเสด็จพ่อไม่มีผิด หึ
ทุกครั้งที่เห็นเจ้ามาเยี่ยม ย่าจะรู้สึกเหมือนได้เห็นพ่อของเจ้า
กลายเป็นความอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก" "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" "ถ้าตอนนี้ฝ่าบาท
มีความอ่อนโยน และจิตใจดีงามได้ซักครึ่งของเจ้าบ้าง ย่าคงจะชื่นใจไม่น้อย"
พระพันปีซุกยอนทรงตรัสว่า "พระอัยยิกา ทำไมทรงมีรับสั่งอย่างงั้นล่ะเพคะ
องค์ชายจินซองสมควรเอาอย่างฝ่าบาท เป็นพระราชาที่เปี่ยมด้วยเมตตา
ปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นต่างหาก" "เอาเถอะ
ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าและรู้ว่ากลัวอะไร หึ องค์ชายจินซอง องค์ชายอันยาง
องค์ชายพงอัน หึ ต่อไปมีเวลาก็มาหาย่าบ่อยๆ พูดคุยให้หายเหงาบ้างเถอะนะ เฮ่อๆๆ มาๆ
กินของว่างเร็วเข้า" "พ่ะย่ะค่ะ" พระเจ้ายอนซันทรงเสด็จเข้ามาโดยไม่ทูลขอ
และเห็นพระอัยยิกายินซูทรงพระสำราญกับองค์ชายก็ตรัสว่า "ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้
พระอัยยิกากับน้องๆ ทั้งหลาย จะมาสังสรรค์ดื่มกินด้วยความสนุก
เห็นแล้วช่างน่าอิจฉาจริงๆ" "ฝ่าบาท ทำไมเข้ามาบุ่มบ่าม ไม่ขออนุญาตก่อน"
พระอัยยิกายินซูทรงตำหนิ "ถึงมีการรายงานล่วงหน้า
พระอัยยิกาก็ไม่ยินดีต้อนรับหม่อมฉันอยู่แล้วนี่นา" "อะไรนะ" "องค์ชายจินซอง
ข้าก็คิดถึงเจ้าเหมือนกัน หมู่นี้ทำไมไม่เห็นไปตำหนักใหญ่เยี่ยมข้าบ้างล่ะ" "เอ่อ
หม่อมฉันคิดว่าอีกซักครู่ ค่อยไปเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าเจ้าไม่จริงใจที่จะไปเยี่ยมข้า ก็ไม่จำเป็นหรอกนะ" พระพันหีซุกยอนรีบทูล
"ฝ่าบาท อย่าเข้าใจผิดสิ เพราะเห็นว่าฝ่าบาทมีราชกิจยุ่งเหยิง
ข้าจึงไม่ให้องค์ชายจินซองไปรบกวนต่างหาก" "ขอให้จริงเถอะ
พระพันปีทรงมีน้ำพระทัยกว้างขวาง ซึ่งคนใจแคบอย่างหม่อมฉันไม่มีวันเข้าใจได้หรอก"
พระอัยยิกายินซูทรงดุทันที "ฝ่าบาท ทำไมใช้คำพูดแบบนี้กับพระพันปีล่ะ
แถมยังอยู่ต่อหน้าน้องๆ ช่างไม่เกรงใจซะบ้าง" "สมัยก่อน
หม่อมฉันมีแม่ที่เป็นนักโทษอาญาแผ่นดิน
จะเทียบกับน้องทั้งสามคนซึ่งสืบทอดความดีงามจากเสด็จพ่อได้ยังไง"
"ช่างเป็นความคิดที่เลวร้ายนัก" "องค์ชายจินซอง
เติบใหญ่ด้วยความรักของแม่อย่างเต็มเปี่ยม ในขณะที่หม่อมฉันไม่มีใคร
ต้องอยู่ท่ามกลางคนที่เกลียดชังเสด็จแม่ ซ้ำยังต้องคอยเอาใจผู้ใหญ่ทั้งหลาย
ทำตัวเป็นเด็กดี อยู่อย่างหวาดกลัวว่าเมื่อไหร่จะถูกปลดก็ไม่รู้ ในเมื่อไม่มีใคร
ให้ความอบอุ่นและรักหม่อมฉันด้วยความจริงใจ แล้วจะหวังให้หม่อมฉัน
มีความเมตตาอ่อนโอนเหมือนองค์ชายจินซองได้ยังไงพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าเจ้าอยากได้ความรักความชื่นชมจากคนอื่น ก็น่าจะทบทวนความประพฤติของตัวเองซะก่อน
ทุกวันนี้ไม่เพียงปกครองด้วยความเผด็จการ ยังทำอะไรตามใจตัวเอง
ใช้อำนาจบาตรใหญ่เข้าว่า นั่นยังไม่เท่าไหร่
ถึงขนาดแต่งตั้งหญิงไพร่คนหนึ่งมาเป็นสนม เพื่อหยามเกียรติของราชสำนัก
แล้วยังมีหน้ามาตำหนิข้าอีกหรือ" "ในเมื่อพระอัยยิกา
ไม่ทรงเห็นชอบในสิ่งที่หม่อมฉันทำ แล้วทำไมสมัยก่อนยังให้เป็นรัชทายาท
ไม่กำจัดหม่อมฉันพร้อมกับเสด็จแม่ให้หมดเรื่องหมดราวซะล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท
นี่แปลว่าเจ้าจะหาเรื่องข้าไม่เลิกราใช่ไหม"
"ต่อให้พระอัยยิกาทรงตำหนิหม่อมฉันแค่ไหนก็ตาม ยังไงหม่อมฉันก็เป็นพระราชาแล้ว
และนับแต่นี้ หม่อมฉันจะไม่มาถวายบังคมพระอัยยิกาให้เสียเวลาอีก"
พระเจ้ายอนซันรับสั่งจบก็เสด็จออกไป พระอัยยิกายินซูทรงคับแค้นพระทัยมาก "ทำไมนะ
ทำไมถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ เป็นถึงพระราชาแท้ๆ ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงบ้างเลย
หึ" "พระอัยยิกา อย่าทรงกริ้วเลยเพคะ" "เฮ่อ นับแต่นี้บ้านเมืองของเรา ฮือ
อย่าหวังว่าจะมีความสงบได้เลย" พระพันปีซุกยอนได้แต่ถอนพระทัย
ขณะที่พระเจ้ายอนซันก็ทรงมีรับสั่งกับคิมจาวอนว่า
"ต่อไปนี้ข้าจะไม่มีวันอ่อนข้อให้พระอัยยิกาอีก ถ้าพระอัยยิกาทรงทำเป็นระเบียบจัด
เคร่งครัดกฎเกณฑ์นัก ข้าจะให้รู้ว่าอะไรคืออำนาจที่แท้จริงของพระราชา จาวอน
เตรียมจัดงานเลี้ยงได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ ข้าจะให้ในวังมีแต่เสียงดนตรี"
คิมจาวอนให้พงชอนช่วยกันสรรหาสาวงาม นางรำให้ส่งมาเมืองหลวง "ข้าให้คน
ไปสรรหาสาวงามจากทุกสารทิศ รวมทั้งนางรำเลื่องชื่อ เพื่อส่งมาเมืองหลวงแล้ว"
"ใต้เท้า ลำบากท่านหน่อยนะครับ" "เฮ้ ลำบากอะไรกัน เราเป็นข้าราชบริพาร
ทำงานให้ฝ่าบาทก็ถือว่าสมควรอยู่แล้วจริงมั้ยล่ะ" "ข้าเชื่อว่าฝ่าบาท
คงจะรับรู้ถึงความภักดีของท่านอย่างแน่นอน" "อึม แต่ว่า เราจะให้ฝ่าบาท
ได้พบพวกนางยังไงดีล่ะ" "ก็ให้พวกสาวงามทั้งหลาย มาเข้าเฝ้าในวังก็สิ้นเรื่อง" "หา
แม้แต่ นางรำก็ให้เข้ามาในเขตราชฐานได้หรือ" พงชอนเกรงๆ กลัวๆ "หึๆๆ ถึงวันนี้แล้ว
จะมีใครกล้าขัดพระทัยฝ่าบาทของเราอีกล่ะท่าน เฮ่อๆ" คิมจาวอนว่า "อึม จริงด้วย
นั่นสินะ ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" คิมจาวอนกล่าวกับชางนกซูว่า
"นับแต่นี้ในวังจะมีงานรื่นเริงทุกวัน และยังมีนางรำเลื่องชื่อจากที่ต่างๆ
ทยอยมาให้ความสำราญแก่ฝ่าบาท" "ถ้าสิ่งสำคัญคือทำให้ฝ่าบาททรงพอพระทัย
ข้าก็จะออกหน้า พาสาวงามไปถวายให้ฝ่าบาทเอง" "ความคิดของพระสนม
ช่างใจกว้างกว่าคนอื่นนัก พระสนมก็เป็นผู้หญิง เห็นคนอื่นมาใกล้ชิดฝ่าบาท
ไม่รู้สึกหึงหวงบ้างหรือไง" "นิสัยผู้ชายทุกคน ยิ่งเราไปจำกัดขอบเขต
ก็ยิ่งจะแสวงหาของแปลกใหม่""สมแล้วที่เป็นพระสนมชาง" คิมจาวอนชื่นชม
ขณะที่พระเจ้ายอนซันทรงพระสำราญกับหญิงสาวนั้น
กงซินก็รายงานให้คิมชูซอนทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น "เจ้าบอกว่าตอนนี้
ในวังเต็มไปด้วยนางโลมเข้าออกเป็นว่าเล่นงั้นหรือ" "ใช่ครับ ใต้เท้า
ถ้าท่านจะกลับไปอีกครั้ง คงต้องรีบหน่อยน่ะครับ"
ด้านพระอัยยิกายินซูทรงทราบก็ทรงโกรธมา ต่อว่าซังกุง "ราชสำนักเป็นเขตหวงห้าม
ทำไมปล่อยให้คนนอกเข้ามาจุ้นจ้าน แถมยังเสียงดังอีกล่ะ" "ขอทรงอภัยเพคะ
เพราะนางรำส่วนใหญ่ไม่รู้กาลเทศะ มักมีเรื่องทะเลาะกับนางในหรือไม่ก็ซังกุงบ่อยๆ
ทำให้ระเบียบของฝ่ายในถูกทำลายหมดแล้ว เพคะ" "ตายล่ะ
ฝ่าบาททำตัวเหลวไหลถึงขนาดนี้เชียวหรือ ข้าชักเหลือทนกับความไม่เอาไหนของเขาเต็มที
ฮงซังกุง รู้มั้ยว่าตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ไหนน่ะ" พระอัยยิกายินซูทรงเสด็จไป
ท่ามกลางหญิงสาวที่กำลังทะเลาะกันพอดี พระเจ้ายอนซันตรัสถามว่า
"พระอัยยิกาเสด็จมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท
วังหลวงที่บรรพชนของเราสร้างมาด้วยชีวิตและเลือดเนื้อ
เจ้ากลับปล่อยให้หญิงนางโลมมามั่วสุมอยู่ทุกวัน ไม่รู้สึกละอายบ้างหรือไง
จงสั่งให้ยุติงานเลี้ยงซะ แล้วไล่พวกนางออกจากวัง อย่าให้เป็นเสนียดอีก" "หึ
หม่อมฉัน บริหารราชกิจจนเหนื่อยเลยอยากมีสิ่งบันเทิงเพื่อผ่อนคลายบ้าง
แค่นี้ก็เป็นความผิดด้วยหรือ" "เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ" "ขนาดเสด็จพ่อซึ่งใครๆ
ก็เทิดทูนนัก สมัยก่อนก็มักออกจากวังในยามค่ำคืน ไปหาความสุขตามประสา
หรือแม้แต่เคยให้นางโลมเข้าวังด้วยซ้ำ แล้วหม่อมฉัน
แค่เอาอย่างเสด็จพ่อซึ่งพระอัยยิกามักจะชมว่าทรงเป็นพระราชาที่ดี
จัดงานเลี้ยงนิดหน่อย ทำไมต้องทรงตำหนิหม่อมฉันด้วยล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"เจ้ามีสติหน่อยได้ไหม ถ้าพระราชาเป็นแบบนี้แล้ว บ้านเมืองจะหาความเจริญได้ยังไง"
"ขนาดขุนนางสามกรมใหญ่ยังไม่กล้ามาเตือนหม่อมฉันเลย พระอัยยิกานี่ก็แปลก
ชอบมาขัดความสุขของหม่อมฉันอยู่เรื่อย ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ
แต่ในเมื่อเสด็จมาแล้ว ก็เชิญดื่มกับหม่อมฉันซักถ้วยแล้วค่อยกลับดีกว่า" "ฝ่าบาท
เจ้ายังลบหลู่ข้าไม่พอ จะลามปามถึงไหนน่ะ" "หม่อมฉัน
เคยบอกแล้วว่าไม่ใช่คนดีเหมือนองค์ชายจินซอง
แล้วทำไมพระอัยยิกายังจะหวังให้เคร่งครัดกฎเกณฑ์อีกล่ะ" "ฝ่าบาท" "ฮงซังกุง
อย่ามัวรอช้า รีบพาพระอัยยิกากลับไปพักผ่อนที่ตำหนักได้แล้ว" ฮงซังกุงอึกอัก
"ฮงซังกุง ถ้ากล้าขัดคำสั่งข้า ไม่กลัวถูกประหารหรือยังไง" "เอ่อ พระอัยยิกาเพคะ
ถ้าไง เสด็จกลับตำหนักก่อนเถอะ" "งั้นก็ได้ เชิญทำตัวเหลวแหลกให้เต็มที่ไปเลย
ต่อให้บ้านนี้เมืองนี้ต้องหายนะเพราะเจ้า นับแต่นี้
ข้าจะไม่พูดกับเจ้าแม้แต่คำเดียว ฮึ่ม โอ๊ะ" พระอัยยิกายินซูทรงเสด็จกลับ
พระเจ้ายอนซันก็รับสั่งให้ต่อทันที พระอัยยิกายินซูทรงคับแค้นพระทัยยิ่งนัก
ทรงได้แต่ตรัสกับพระพันปีซุกยอน "หึ เดี๋ยวนี้ฝ่าบาทนับวันจะยิ่งเหลวไหล
ถ้าอีกหน่อยข้าไปจากโลกนี้แล้ว จะเอาหน้าที่ไหนไปพบบรรพชนของเราได้อีก สมัยก่อน
น่าจะเชื่อฟังเหล่าขุนนาง ไม่ให้ลูกของมเหสีโซฮวา ได้เป็นรัชทายาท
เรื่องวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น" "พระอัยยิกาอย่ารับสั่งอย่างงั้นสิเพคะ
หม่อมฉันเชื่อว่า ซักวันฝ่าบาทคงจะตาสว่างขึ้น" "แทปี
ตอนนี้ข้าชักห่วงว่าฝ่าบาทจะเริ่มขาดสติ จนคิดปองร้ายองค์ชายจินซอง" "คงไม่หรอกเพคะ
เพราะฝ่าบาททรงเอ็นดูน้องชายคนนี้มาก คงไม่ปองร้ายพี่น้องตัวเองแน่" "หึ
เขาจะเป็นยังไงในอนาคต คงไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ หึ แต่ยังไงเจ้าก็ไม่ต้องห่วงหรอก
ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ข้าจะปกป้ององค์ชายจินซองอย่างดีที่สุด หึ"
ขุนนางปรารภเรื่องพระเจ้ายอนซันกับโชชิคยอม
"นับวันฝ่าบาทจะยิ่งทำอะไรตามแต่พระทัยมากขึ้น จนน่าเป็นห่วงจริงๆ"
"แล้วทำไมไม่มีใครออกหน้า ทูลเตือนให้ฝ่าบาททรงเพลาๆ ความสำราญลงบ้างล่ะ"
"ท่านก็รู้ว่าด้วยนิสัยฝ่าบาท ใครจะกล้าหาเรื่องใส่ตัว ไปทูลให้เดือดร้อนล่ะ"
"คนในวังไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวหัวหลุดจากบ่า ขุนนางท้องที่ก็ยิ่งปล่อยปละละเลย
ไม่สนใจราษฎร ทำให้หมู่นี้มีโจรป่าออกอาละวาดบ่อย ท่านเคยรู้หรือเปล่า" "ข้าเอง
ก็จนปัญญาเหมือนกัน แต่ว่า ท่านไม่เคยได้ยินข่าวคราว เกี่ยวกับการกบฏจริงหรือ"
"ข้าคิดว่า คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก" พอออกมา กึมพยอมก็คุยกับโชชิคยอมว่า
"ใต้เท้ามูยอง คงไม่เกิดความสงสัยอะไรนะครับ หรือเราจะลงมือให้เร็วกว่ากำหนดอีก"
"ข้ายังไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ดี หรือแค่ปัดเป่าเมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้าไปก่อน
คงต้องขอเวลาคิดดูซักนิด ตอนนี้อย่าเพิ่ง ทำอะไรรีบร้อนเลย"
คิมจาวอนรู้จากลูกน้องว่าใต้เท้ามูยองไปพบโชชิคยอม
เขาก็สั่งให้จับตาดูความเคลื่อนไหวของโชชิคยอมอย่าให้คลาดสายตา
เขาคิดว่าโชชิคยอมต้องวางแผนทำอะไรแน่ คิมชูซอนเข้าเฝ้าพระเจ้ายอนซัน ทรงทักทาย
"ท่านเจ้ากรม ท่านหายดีแล้วหรือ" "หม่อมฉัน
จะขอกลับมาถวายการรับใช้อีกครั้งพ่ะยะค่ะ" "ท่านเจ้ากรม ท่านยอมกลับมาก็ดีแล้ว
ข้ายังเป็นห่วงว่า ท่านจะไม่ยอมทำตามคำสั่ง นับแต่นี้ไปจากเมืองหลวง
ไม่ขอกลับมาอีกแล้ว แผลที่ถูกทรมานดีขึ้นบ้างหรือยัง"
"เพราะได้ยาที่ฝ่าบาททรงประทานหลายชุด จึงหายดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "ท่านเจ้ากรม
เป็นคนที่อยู่กับข้ามานานและรู้ใจทุกอย่าง
ข้ายอมรับว่าการลงโทษคราวนี้เป็นความวู่วามของข้าเอง ท่านจะให้อภัย
ความผิดของข้าได้ไหม" "หม่อมฉันเองก็ทำผิด จึงควรได้รับโทษ
โปรดอย่ารับสั่งอย่างงั้นพ่ะย่ะค่ะ" "พอรู้ว่าท่านไม่ถือสาข้า
ก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ข้าขอสั่งให้ท่าน กลับมาทำงานตั้งแต่วันนี้
รับใช้ราชสำนักด้วยความซื่อสัตย์ต่อไปเหมือนเดิม" "น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ"
พวกจาจีต่างพากันยินดีที่คิมชูซอนกลับมาทำงานอีกครั้ง
"ท่านเจ้ากรมยอมกลับมาอีกครั้ง เราค่อยรู้สึกสบายใจขึ้น หึๆๆ" "ทุกวันนี้
มหาดเล็กคิมถือเป็นคนโปรดของฝ่าบาท ทำตัวเป็นคางคกขึ้นวอ
เห็นทีจะปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว" "ใช่ ภาษิตว่าปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นทั้งข้อง
เพราะคิมจาวอนคนเดียว ทำให้มหาดเล็กถูกผู้คนประณาม" "แต่ตอนนี้ที่สำคัญ
คือจัดระเบียบในกรมฯ ใหม่ ให้สอดคล้องกับการบริหารของฝ่าบาท
ที่ข้ายอมกลับมาอีกครั้ง ก็เพื่อจะเล่นงานพวกกังฉินที่อยู่รอบข้างพระองค์
ไม่ให้ทรงถลำลึกอีก และกอบกู้ภาพลักษณ์ของกรมมหาดเล็กเราด้วย หวังว่า
ทุกคนจะช่วยข้าอีกแรงล่ะ" "พวกเรา จะให้ความร่วมมือกับท่านแน่นอน"
โชชิคยอมชวนยางซองยุนดื่มเหล่า ทำให้ยางซองยุนแปลกใจ "วันนี้
นึกครึ้มอกครึ้มใจยังไง ถึงมาชวนข้าดื่มเหล้าน่ะ" "หึๆๆ เราเคยอยู่เรือนฝ่ายใน
เป็นเพื่อนเล่นกันมา เหมือนจะเพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่จริงๆ คือเกือบ 50 ปีที่แล้ว
คนอื่นที่เข้าวังรุ่นเดียวกับเรา บ้างก็ลาออก บ้างก็ล้มตาย
เหลือแต่ตาแก่อย่างเราสองคนเท่านั้น" "เราเข้าวังในสมัยพระเจ้า "เซจง"
ผ่านช่วงเวลาถึง 7 แผ่นดิน บางคนก็ถูกแบ่งเป็นคนดี บ้างก็เป็นคนชั่ว
ต่างมีเส้นทางของตัวเอง ที่ต้องดำเนินไป" "สมัยที่พระเจ้า "เยจง" สวรรคต
ข้ายังห่วงว่าเจ้าจะไม่เข้าใจ จนเราต้องกลายเป็นศัตรู
ดีที่ตอนนั้นเจ้าเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำ ข้าจึงรู้สึกซาบซึ้งมาก" "แต่จนวันนี้
ข้ายังไม่ให้อภัยเจ้าหรอกนะ เพียงแต่ ข้าเข้าใจความจำเป็นของเจ้า
ที่ต้องทำเพื่อบ้านเมือง ก็เลยช่างมันเถอะ" "ข้าเป็นเจ้ากรมมหาดเล็ก
ได้รับเมตตาจากอดีตพระราชาหลายองค์ เสพสุข มาจนทุกวันนี้ คงถึงเวลา
ที่ข้าต้องตอบแทนพระเมตตาบ้างล่ะ" "ตอบแทนพระเมตตา หมายความว่าไงน่ะ" "ไหนๆ
ชื่อของพวกเราก็ไม่มีวันได้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์
เพราะเป็นเพียงเงาของพระราชาเท่านั้น แต่ว่า
ข้าไม่อาจทนเห็นราชวงศ์ที่รับใช้มากว่าค่อนชีวิต ต้องถูกคนที่เป็นทรราชย์
ทำลายย่อยยับ โดยที่เราไม่ทำอะไรเลย" "ชิคยอม เจ้าคงไม่ใช่" "ไม่ว่าข้าจะทำอะไรลงไป
ขอให้เจ้าช่วยชูซอน รักษากรมมหาดเล็กให้ดี อย่างน้อยก็ถือว่า
เห็นแก่เพื่อนเก่าคนนี้เถอะ" ยางซองยุนตกใจ โชชิคยอมกล่าวกับกึมพยอว่า "ข้า
ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า จะเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ เพราะว่า ถ้าไม่กำจัดพระราชาองค์นี้
บ้านเมืองก็จะหายนะในไม่ช้า แผ่นดินจะถูกต่างชาติยึดครอง" "ข้าน้อย
พร้อมจะติดตามใต้เท้าเสมอครับ" "ข้าต้องรักษารากฐาน ที่ปฐมกษัตริย์ของเรา
ทรงสร้างมาอย่างเหนื่อยยาก"

คิมชูซอน จบ 60

เรื่องย่อคิมชูซอนใกล้จบแล้วนะคะ เหลืออีก 3 ตอนค่ะ


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ

เรื่องย่อละคร
โบตั๋นกลีบสุดท้าย สะใภ้ลูกทุ่ง ดินเนื้อทอง คิมชูซอน
เมนูรักเชฟมือใหม่ สู่แสงตะวัน หมวยอินเตอร์ เพราะรักนี้มิอาจลืม (Alone in Love)
หีบหลอนซ่อนวิญญาณ อุบัติรักข้ามขอบฟ้า

Readlakorn

Related Posts



9 comments:

Anonymous said...

มาเร็วๆ ก็ดีนะ ติดงอมแงม จะลงแดงแล้ว

Anonymous said...

ขอด่วนนะคะ รอทุกวันเลย

Anonymous said...

เราก็ติดงอมแงมเหมือนกัน สงสารพระมเหสีโซวาที่สุดเลย

Anonymous said...

A lot of fun. Trurific! Awaiting for the next section ka ....Aunt Chaweewan

Anonymous said...

ขอบคุณค่า ติดตามอยู่นะค่ะ

Anonymous said...

ดูละครแล้วย้อนดูเหตการณ์ในบ้านเมืองเรา อยากให้ความสงบมาถึงดังเช่นเนื้อร้องในเพลงชาติไทย

yai bong on 11/03/2008 said...

ขอโทษนะค่ะ ใครพอจะทราบบ้างว่าคุณหนูซอยองหายไปไหน พอดีมีอยู่ช่วงนึงไม่ได้ติดตาม ใครทราบช่วยบอกทีนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

Anonymous said...

คุณหนูซอยอง โดนชองฮันซูใช้ฮุงบีใส่ยาพิษในเหล้าให้ดื่ม ตายไปเรียบร้อยแล้วค่ะ

Anonymous said...

อ๋อ! ขอบคุณมากค่ะ (yai bong)

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal