Thursday, July 10, 2008

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - คิมชูซอน (17) ถึง (20)

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 17

รุ่งเช้า บรรดามหาดเล็กต่างมาชุมนุมกันที่กรมมหาดเล็ก
โชชิคยอมประกาศว่ามหาดเล็กมีหน้าที่ถวายการรับใช้ราชวงศ์
หากกรมอาญาสั่นคลอนก็จะส่งผลกระทบต่อพระราชอำนาจของพระราชาไปด้วย
มหาดเล็กต้องซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระราชาและราชวงศ์
สายตาอันดุดันของโชชิคยอมจับจ้องที่ชองฮันซู
จากนั้นโชชิคยอมก็กล่าวต่อไปว่าถ้ามีผู้ใดทำให้กรมมหาดเล็กเสื่อมเสีย
ผู้นั้นต้องถูกลงโทษอย่างหนัก โชชิคยอมตรวจความเรียบร้อยห้องพัสดุ
โดยมีคำสั่งห้ามไม่ให้มหาดเล็กรับสินบนเห็นแก่อามิสสินจ้างเป็นอันขาด
ทางด้านคิมชูซอนถือป้ายคำสั่งที่โชชิคยอมมอบให้ออกไปทำธุระนอกวังหลวงให้โชชิคยอม
คิมชูซอนเข้าไปในร้านค้าร้านหนึ่ง
คิมชูซอนได้ยินพ่อค้าพูดคุยกันว่าที่ใดที่โชชิคยอมสั่งซื้อสินค้า ไม่นานนัก
ราคาสินค้านั้นก็สูงลิบ
คิมชูซอนได้พูดคุยกับคนงานคนหนึ่งถึงรู้ว่าเวลานี้ชาวบ้านต่างพากันอยากให้ลูกชายเป็นมหาดเล็ก
คิมชูซอนกลับมาก็ถามโชชิคยอมว่า "ท่านพ่อ ท่านกับพวกเขา
ร่วมกันทำการค้าอะไรหรือครับ" "อีกหน่อยเจ้าจะรู้เอง
แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรมากดีกว่า รู้เพียงแต่ทำเพื่อราชสำนัก แค่นี้ก็พอแล้ว หึ
ชูซอน การที่ข้า รับเจ้าเป็นลูกบุญธรรมนั้น เพราะเห็นเจ้าเป็นซื่อ
มีความคิดความอ่านที่ดี" "ขอบคุณที่ชมครับ" "แต่ถ้าอนาคต
ถ้าต้องเลือกระหว่างราชสำนัก กับความกตัญญูที่มีต่อพ่อ
เจ้าจะเลือกอย่างไหน" คิมชูซอนตกใจ "หา" "ถ้าให้เลือกระหว่างฝ่าบาท
กับพ่อ เจ้าจะเลือกฝ่ายไหน"

คิมชูซอนตัดสินใจตอบว่า "ข้าเชื่อว่าท่านพ่อ
คงไม่ทำสิ่งที่ทรยศต่อราชสำนัก และเชื่อว่า ท่านมีความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท
อย่างเสมอต้นเสมอปลาย"โชชิคยอมพอใจในคำตอบ พระพันปียินซูทรงมีรับสั่งให้ชองฮันซูเข้าเฝ้าเพื่อหาหลักฐาน
การกระทำความผิดของโชชิคยอม ชองฮันซูตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
น้อมรับพระบัญชาไปปฏิบัติ
ทั้งนี้เขายังต้องหาสัญญาที่ไต้เท้าซังตังทำไว้กับโชชิคยอม มามอบให้ไต้เท้าซังตัง
เพื่อแสดงความไว้วางใจแก่ไต้เท้าซังตังอีกด้วย พระมเหสีฮัน
ยุนโซฮวาและยอนฮูหยินพากันไปเข้าเฝ้าพระอัยยิกาจองฮี
พระอัยยิกาจองฮีทรงมีรับสั่งให้ทุกคนปรองดอง ยางซองยุนตรวจพบว่าพระมเหสีฮันทรงตั้งครรภ์
เรื่องนี้สร้างความปิติยินดีให้พระอัยยิกาจองฮีและพระพันปียินซูยิ่งนัก
ขณะที่ยางซองยุนวิตกกังวล
เพราะพระมเหสีฮันทรงไม่แข็งแรงเท่าที่ควร โชชิคยอมวิตกกังวลว่าเรื่องนี้จะทำให้ไต้เท้าซังตังกำเริบเสิบสานขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ตกดึก
ยุนโซฮวาขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้พระมเหสีฮันทรงมีพระประสูติการองค์ชาย
พระเจ้าซองจงเสด็จมาดูแลพระมเหสีฮัน "รู้มั้ยเพราะการตั้งครรภ์ของเจ้า
ทำให้ราชสำนักปรองดองมากขึ้น ข้าเองก็จะตั้งใจบริหารราชกิจ เพื่อเป็นพ่อที่ดี
ให้ลูกที่กำลังจะเกิดมีความภาคภูมิใจ"พระมเหสีฮันทรงตื้นตันใจจนร้องไห้
"ร้องไห้ทำไม ได้ข่าวว่าเจ้าแพ้ท้องหนัก กินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด
อยากกินอะไรก็พูดมาได้นะ ขอเพียงเจ้าเอ่ยปากคำเดียว ต่อให้หาทั่วเมืองโชซอน
ข้าก็จะสรรหามาให้" "ฮือ หม่อมฉันรู้สึก ตื้นตันจนพูดไม่ออกแล้วเพคะ ฮือ"
ตรัสแล้วพระมเหสีฮันก็ทรงคลื่นไส้อีก "แย่จริง ลูกคนนี้ทำไมถึงดื้อนัก
ไม่รู้หรือว่าทำให้แม่เจ้าทรมานขนาดไหน อีกหน่อยถ้าเจ้าเกิดมา
พ่อจะจับตีก้นให้หนักเชียว" พระอัยยิกาจองฮีทรงเรียกโชชิคยอมมาบอกกล่าว "พระมเหสีทรงตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่น่ายินดี
ถือเป็นบุญของราชสำนัก ทุกฝ่ายจะได้วางใจพ่ะย่ะค่ะ"
โชชิคยอมทูลแสดงความยินดี "และต้องขอบคุณบรรพชนของเรา
ที่ช่วยคุ้มครองอีกต่างหาก อีกหน่อยถ้ามีพระโอรสจริง ข้าก็จะเลิกว่าราชการหลังม่าน
ปล่อยให้ฝ่าบาทบริหารด้วยตัวเอง แต่ช่วงนี้ยังต้องรบกวนเจ้ากรมมหาดเล็ก
ให้ช่วยสอดส่องการทำงานของเหล่าขุนนาง รวมถึงความเดือดร้อนของราษฎร
เพื่อเป็นข้อมูลให้ฝ่าบาท ในเวลาที่จะว่าราชการเอง
จะได้ไม่มีปัญหาตามมา" "พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันขอน้อมรับ" พระพันปียินซูก็ทรงมีรับสั่งเรียกยุนโซฮวา
พระนางทรงคาดคั้นเอาความจริงจากยุนโซฮวาว่ารับสินบนจากโชชิคยอมหรือไม่
"ได้ข่าวว่าวันก่อนภรรยาเจ้ากรมมหาดเล็ก เอาของกำนัลมากมายไปพบเจ้าที่ตำหนัก
แล้วยังมาทำไขสือเหมือนไม่รู้เรื่องอีก" "โชฮูหยินมาพบหม่อมฉันก็จริง
แต่หม่อมฉันไม่ได้รับอะไรจากนาง หม่อมฉัน
ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียต่อราชสำนักและฝ่าบาท ขอทรงพิจารณาด้วยเพคะ" "หึ
เจ้าบอกว่าไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียหรือ" "ใช่แล้วเพคะ
ขอให้เชื่อหม่อมฉันได้" "โอซังกุง
ที่นางพูดจริงหรือเปล่า" "รับสั่งของพระสนม
เป็นความจริงเพคะ" "งั้นเจ้ากับเจ้ากรมมหาดเล็กมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่
ทำไมเพิ่งจะแต่งตั้งไม่ทันไร ฮูหยินของเขาก็รีบเอาของมากำนัลให้ซะแล้ว
หรือว่าก่อนเจ้าจะเข้าวังมา เคยมีข้อตกลงอะไรกับเขา
ซึ่งถือเป็นความลับใช่ไหม" "หา ข้อตกลงอะไร
หม่อมฉันไม่เข้าใจเพคะ" "ข้าสงสัยมานานแล้วว่าที่เจ้าได้เข้าวังเพราะโชชิคยอมเปิดทางให้
ถ้าไม่มีเงื่อนไขบางอย่าง
แล้วทำไมฮูหยินของเขาต้องไปพบเจ้าที่ตำหนักเป็นการส่วนตัวด้วยล่ะ ข้าถามเจ้า
ทำไมไม่ตอบล่ะ" "หม่อมฉัน เคยมีความเป็นอยู่ที่ลำบากในวัยเด็ก
เพื่อความอยู่รอด เคยรับจ้างเย็บผ้า แล้วไปส่งที่บ้านท่านเจ้ากรมฯ อยู่หลายครั้ง
อาจเพราะสาเหตุนี้ก็ได้ ที่ทำให้ฮูหยินของเขา อยากมาแสดงความยินดีกับหม่อมฉัน
และหม่อมฉัน ก็ไม่ทราบว่าทำไมท่านเจ้ากรม ถึงได้ช่วยให้เข้าวังมา
ถ้ามีการตกลงล่วงหน้าจริง หลังจากหม่อมฉันมาอยู่นี่แล้ว
จะมีการคุกเข่าขอร้องพระอัยยิกา ให้ไล่ออกจากวังได้ยังไงเพคะ พระพันปี ขอได้โปรด
ทรงพิจารณาให้ถี่ถ้วน อย่ากล่าวหาหม่อมฉันอีกเลย" "หึ เคยได้ยินภาษิตที่ว่า
ปลูกแตงอย่าไปย่ำ ปลูกท้อห้ามใส่หมวกหรือเปล่า
เจ้าพอรู้ความหมายบ้างมั้ย" "ถ้าปลูกแตงแล้วสวมรองเท้าย่ำเดิน
คนจะสงสัยว่าไปขโมยแตง ปลูกท้อแต่ใส่หมวก
คนจะสงสัยว่าไปขโมยลูกท้อเพคะ" "ถูกต้อง นับแต่อดีต เคยมีนางในสมคบกับมหาดเล็ก
ปิดบังพระเนตรพระกรรณ ทำให้พระราชาทรงเอนเอียงและบ้านเมืองก็จะวุ่นวาย
ฉะนั้นนับแต่นี้ไป เจ้าอย่าคิดทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกมหาดเล็ก
มีพฤติกรรมที่ชวนให้สงสัยอีก ให้รู้จักสำรวมซะบ้าง
เข้าใจมั้ย" "หม่อมฉันจะจำไว้เพคะ"00000000000000 ชองฮันซูและพวกตามสืบที่คิมชูซอนออกไปทำธุระให้โชชิคยอม
แล้วบุกเข้าไปในร้านดังกล่าว
เอาของกลางมามอบให้พระพันปียินซู "นี่มันหนังสัตว์นี่นา" ชองฮันซูตอบว่า
"เป็นเครื่องบรรณาการ
ที่กรมมหาดเล็กยักยอกไว้" "เป็นความจริงหรือเปล่า" "หม่อมฉันเห็นกับตาพ่ะย่ะค่ะ
แสดงว่าเจ้ากรมมหาดเล็ก แอบยักยอกสมบัติของหลวงไปขายต่อ
จึงไปเก็บอยู่ในบ้านพ่อค้าวานิชย์ โดยเฉพาะเศรษฐีปาร์คที่ “นัมซูมุน”
มีการผูกขาดเรื่องการค้า พอถึงเวลาที่เหมาะ
ก็จะโก่งราคาเป็นสิบเท่าพ่ะยะค่ะ" "แน่ใจว่าข้อมูลของเจ้าไม่ผิดแน่นะ" "ก่อนที่เศรษฐีปาร์คจะไหวตัวทัน
เอาของกลางไปซ่อนที่อื่น
เราน่าจะส่งทหารไปยึดมาให้หมดพ่ะย่ะค่ะ" พระอัยยิกาจองฮีทรงตรัสกับพระเจ้าซองจงว่า "ทันทีที่ชุงจอนมีโอรสให้เจ้าและถือเป็นรัชทายาท
ข้าก็จะวางมือ ยุติบทบาทการว่าราชการหลังม่าน หลังจากนั้น
คือปล่อยให้เจ้าบริหารด้วยตัวเอง ฉะนั้นช่วงนี้ก็อย่าละเลย
ต้องหมั่นศึกษาหลักการปกครอง เพื่อจะเป็นพระราชาที่ดีล่ะรู้มั้ย" "หม่อมฉัน
จะไม่ทำให้เสด็จย่า ทรงผิดหวังในตัวหม่อมฉันแน่นอน" "ดีมาก
สมควรเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว" "ทูลพระอัยยิกา
พระพันปีมาขอเฝ้าเพคะ" "เชิญเข้ามาได้ แทปี เจ้ามาก็ดีแล้ว เมื่อกี้ข้ากำลัง
คุยกับฝ่าบาทเกี่ยวกับเรื่องที่จะวางมือ
ให้เขาบริหารด้วยตัวเอง" "เสด็จแม่เพคะ ก่อนที่ฝ่าบาทจะทรงว่าราชการเอง
หม่อมฉันว่าเราต้องกำจัด
เนื้อร้ายที่จะบั่นทอนพระองค์ให้เสื่อมเสียพระเกียรติซะก่อน" "แทปี
พูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ" "ก่อนอื่นคงต้องลงโทษ
เจ้ากรมมหาดเล็กที่หน้าไหว้หลังหลอก ปิดบังพวกเรามานานเพคะ" "เสด็จแม่
เจ้ากรมมหาดเล็ก เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ต่อหม่อมฉันมาก
หม่อมฉันไม่เชื่อหรอกพ่ะย่ะค่ะ" "ข้าก็เห็นด้วยกับคำพูดของฝ่าบาท
เจ้ากรมมหาดเล็กจะเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง
เจ้าคงมีอะไรเข้าใจผิดบางอย่าง" "เจ้ากรมมหาดเล็ก
อาศัยความเชื่อมั่นของราชสำนัก แอบยักยอกทรัพย์สิน หาประโยชน์ใส่ตัวโดยพละการ
ถ้าไม่มีการลงโทษ อีกไม่นาน ผู้คนจะมีการครหา
และราชสำนักก็จะเสื่อมเสียอย่างหนักเพคะ" "แทปี
พูดแบบนี้มีหลักฐานหรือเปล่า" "ทูลเสด็จแม่ ถ้าไงให้หม่อมฉัน
เป็นคนไต่สวนเขาเอง เพื่อสืบหาความจริงดีมั้ยเพคะ
หม่อมฉันจะเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาออกมา
ไม่ให้ใครหลงเชื่อว่าเขาเป็นคนดีอีก" พวกทหารไปจับกุมพ่อค้าที่กำลังย้ายของกลางพอดี
และเจอตัวคิมชูซอนก็จับไปด้วย
พระพันปียินซูทรงเป็นคนสอบสวนเอง "ใครเป็นคนบงการเจ้า
ให้ขโมยเครื่องบรรณาการของวังหลวง" พระพันปียินซูตรัสถามคิมชูซอน "ทูลพระพันปี
เรื่องนี้ หม่อมฉันไม่รู้อะไรทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ" "พาคนๆ นั้นมาซิ"
เศรษฐีที่ถูกจับออกมา พระพันปียินซูตรัสถาม
"ใครให้เจ้ารับเครื่องบรรณาการของเราไว้" "เอ่อ ฮือ หม่อมฉัน
ได้รับคำสั่งจากมหาดเล็กที่อยู่ข้างๆ แต่ ไม่ทราบว่า
ใครเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลังพ่ะย่ะค่ะ" "แสดงว่าเจ้าสมคบพ่อค้า
แอบขโมยของในวังไปขายข้างนอก หลักฐานพร้อมขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะปากแข็งไปถึงไหนอีก
เป็นแค่มหาดเล็กที่มาฝึกงาน,ตามหลักแล้ว ไม่น่าเหิมเกริมถึงขนาดขโมยของในวังได้
ใครบงการเจ้ากันแน่ เป็นคำสั่งเจ้ากรมมหาดเล็กใช่ไหม หึ ถ้าฉลาดก็จงพูดมาตามตรงซะ
พ่อบุญธรรมเจ้า
สั่งให้เจ้าทำแบบนี้ใช่หรือเปล่า" คิมชูซอนนึกถึงคำพูดที่เขาคุยกับโชชคิยอม
จึงนิ่งไป "ทำไมไม่พูดล่ะ ไม่ได้ยินที่ถามหรือ" "ทูลพระพันปี
หม่อมฉันยอมรับว่าเคยพบเศรษฐีคนนี้มาก่อน แต่ว่า หม่อมฉันไม่อาจพูดได้ว่า
เป็นคำสั่งของใครพ่ะย่ะค่ะ" "พูดไม่ได้งั้นหรือ นี่แปลว่าเจ้า
ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม" "พระพันปี
ทรงประหารหม่อมฉันดีกว่า" "ให้โบยผู้ต้องหาคนนี้อย่างหนัก ไม่ต้องยั้งมือ
จนกว่าจะยอมพูดความจริง" ทางด้านพระอัยยิกาจองฮีทรงทราบก็ตรัสเตือนพระพันปียินซูว่าด่วนสรุปไปหรือเปล่า "ทูลเสด็จแม่
คิมชูซอนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นลูกบุญธรรมของเจ้ากรมมหาดเล็กนะเพคะ
หม่อมฉันเชื่อว่าเขาต้องรับคำสั่งจากพ่อบุญธรรม
ถึงได้กล้าบังอาจขนาดนี้" "ทูลพระอัยยิกา
เจ้ากรมมหาดเล็กมาขอเฝ้าเพคะ" "เชิญเข้ามาได้" โชชิคยอมเข้ามา
"ตามหลักแล้วเวลานี้ท่านน่าจะตรวจงานอยู่ข้างนอก ทำไมจู่ๆ
เข้าวังมาซะล่ะ" "เพราะได้ยินว่ามีการไต่สวนคดีทุจริตของกรมมหาดเล็ก
หม่อมฉันในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด เป็นห่วงว่าเรื่องจะบานปลาย
จึงรีบกลับมาเพื่อจะให้ความร่วมมือพ่ะย่ะค่ะ" พระพันปียินซูตรัสว่า
"เจ้ากรมมหาดเล็ก ท่านสั่งให้ลูกบุญธรรมที่ชื่อคิมชูซอน
ขโมยสมบัติในวังเพื่อไปขายข้างนอก จากนั้นก็เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองใช่หรือเปล่า
ทำไมไม่ตอบข้าล่ะ เจ้ากรมมหาดเล็ก" พระอัยยิกาจองฮีเองก็ทรงอยากทราบ
"ท่านเจ้ากรมฯ รีบตอบมาเร็วเข้า" "ถ้าไง หม่อมฉันขอเวลาทำงานซัก 3
วันได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ รับรองว่าจะสืบหา ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้
จากนั้นก็มาทูลให้ทรงทราบตามความเป็นจริง
ไม่มีบิดเบือนพ่ะย่ะค่ะ" "ก็เหมือนคราวที่แล้ว
ที่สืบหาคนรักเก่าของสนมยุนโซฮวา ท่านจะทำลายหลักฐานซะ
เพื่อปัดความผิดให้พ้นตัวใช่ไหม" พระพันปียินซูตรัสดัก "ทูลพระพันปี หม่อมฉัน
ไม่เคยทำลายหลักฐาน เพื่อหวังปัดสวะ" "พอทีเถอะ
ข้ารู้เช่นเห็นชาติโฉมหน้าจอมปลอมของท่านเจ้ากรมฯ หมดแล้ว อย่าคิดใช้วิธีสกปรก
เพื่อปิดบังความชั่วของตัวเองอีกเลย" "พระพันปี หม่อมฉันกำลังทูลปรึกษาหารือ
กับพระอัยยิกา ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนนะพ่ะย่ะค่ะ"
โชชิคยอมแข็งข้อขึ้นบ้าง พระพันปียินซูทรงโกรธมาก "อะไรนะ" "แทปี
เจ้าอย่าพูดอีกเลย"
พระอัยยิกาจองฮีปราม "แต่ว่าเสด็จแม่เพคะ" พระอัยยิกาจองฮีตรัสกับโชชิคยอม
"ข้าให้เวลาสามวันในการไต่สวนเรื่องนี้ก็ได้ แต่ถ้าถึงเวลา
ยังไม่อาจเปิดเผยความรู้ให้ทุกคนรู้ได้
แม้แต่ข้าก็คงไม่ละเว้นท่านเหมือนกัน" "ขอทรงวางพระทัย
หม่อมฉันจะไม่ทำให้ผิดหวัง ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉัน ขอทูลลาก่อน"
โชชิคยอมออกไป "หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเสด็จแม่ ชอบปกป้องเจ้ากรมมหาดเล็กนัก
ทั้งที่รู้ว่าน่าสงสัย" "เฮ่อ ถ้าเราไม่มีหลักฐานแน่ชัด
บุ่มบ่ามจะลงโทษเขาให้ได้ละก้อ อีกหน่อยราชสำนักจะเสียการปกครองไปด้วย ไหนๆ
แค่สามวันก็จะรู้ความจริงแล้ว
เราก็รอไปหน่อยเถอะ"00000000000000 กึมพยอรายงานโชชิคยอมว่าคิมชูซอนถูกโบยจนย่ำแย่
และถูกคุมตัวไปอยู่ที่กรมอาญา
ทันใดนั้นพระเจ้าซองจงเสด็จเข้ามา "เจ้ากรมมหาดเล็ก นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ
ได้ยินว่าท่านพัวพันกับการทุจริต แม้แต่ชอนตงก็ถูกโบย
ตอนนี้ถูกจับไปขังคุกแล้ว" "ฝ่าบาท ขอทรงวางพระทัยได้ หม่อมฉัน
จงรักภักดีต่อฝ่าบาทเสมอ" "ใช่ ไม่ว่าท่านจะทำอะไร
ข้าก็เชื่อท่านเสมอ" "หม่อมฉัน
ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" เวลาเดียวกันนี้ชองฮันซูก็ไปตะล่อมภรรยาของโชชิคยอม
ว่าเขาต้องการช่วยโชชิคยอม แต่ก็ของให้ภรรยาโชชิคยอมช่วยด้วยอีกแรง
โดยชองฮันซูหลอกให้ภรรยาของโชชิคยอมช่วยหาสัญญาที่ไต้เท้าซังตังสั่งให้เขาหา ทางด้านโชชิคยอมกับกึมพยอก็สืบจนรู้ว่าไต้เท้าซังตังร่วมมือกับพระพันปียินซู
ไต้เท้าโนจึงเรียกโชชิคยอมมาพบด่วน "ชิคยอม ทำไมเจ้าถึง
กล้ายักยอกสมบัติในวังโดยไม่ให้ข้ารู้ มันหมายความว่าไงน่ะ" "ท่านพ่อ
ไม่จริงหรอกครับ เรื่องนี้ไม่มีมูลซักนิด" "บังอาจ เจ้านึกว่าข้าแก่แล้ว
หูตาฝ้าฟางไม่รู้อะไรเลยหรือ ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง เจ้ายังคิดหลอกข้า
ไม่เกินไปหน่อยหรือไง" "ท่านพ่อ ทำไมท่านเชื่อข่าวลือมากกว่า
ไม่เชื่อคำพูดของข้าล่ะครับ" "ความจริงจะเป็นไงก็ช่าง เรื่องทั้งหมดที่เกิด
เพราะเจ้าไม่ฟังคำเตือนของข้าไปเป็นศัตรูกับไต้เท้าซังตังถึงได้เป็นแบบนี้
แล้วนี่จะแก้ปัญหายังไงดี" "ข้าพร้อมจะสู้หน้าอยู่แล้ว
ถ้าคราวนี้เราแพ้ไต้เท้าซังตัง นั่นก็แปลว่า กรมมหาดเล็ก
ก็จะถูกเขายึดไปด้วย" "ข้าน่ะ ยอมเชื่อเจ้าซักครั้งก็ได้ แต่ว่า
เรื่องนี้ถ้าไม่รีบทำให้ยุติ ไม่แน่ว่า เราสองคนอาจต้องตัดขาด
ความเป็นพ่อลูกก็เป็นได้เข้าใจมั้ย" ยุนโซฮวารู้เรื่องคิมชูซอนก็หาทางแอบเข้าไปพบ
โดยความช่วยเหลือของโอซังกุงและยางชองอุน "ชอนตง" "พระสนม" "เจ้ารู้สึกเป็นไงบ้างจ๊ะ" "หึ
ทำให้พระสนมทรงเป็นห่วง ต้องขออภัยด้วย" "ฮือ แล้วนี่มันอะไรกัน เจ้าทำผิด
อย่างที่เขาว่าจริงหรือเปล่า ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีวันทำอย่างงั้น ใช่หรือเปล่า
ชอนตง บอกข้ามาเร็วเข้า" "นี่ไม่ใช่ที่ๆ พระสนมควรจะลดตัวมาเยี่ยม โอซังกุง
รีบพาพระสนมกลับไปอย่ามาอยู่ที่นี่อีก ไปซะ" "พระสนม ที่นี่อยู่นานไม่ได้
ไปเถอะเพคะ" "ชอนตง" ยุนโซฮวาออกมาก็บ่นกับโอซังกุงว่า "เฮ่อ โอซังกุง
ข้าเชื่อว่าชอนตงไม่ใช่คนเห็นแก่ได้อย่างงั้น บางที เขาอาจมีความจำเป็นบางอย่าง
หรือไม่ก็ถูกปรักปรำ" "หม่อมฉันก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน แต่ว่า
ตอนนี้พระพันปีทรงกริ้วเพราะเรื่องนี้มาก
ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีการตัดสินยังไง" "แต่ยังไงข้าก็ต้องช่วยเขา
ล้างมลทินให้ได้" ยุนโซฮวาเข้าเฝ้าพระเจ้าซองจงยามดึกของคืนนั้น "ดึกมากแล้วทำไมยังไม่นอน
มาพบข้าที่ตำหนักทำไมน่ะ รู้เรื่องชอนตงแล้วใช่ไหม" "ฝ่าบาท ชอนตงไม่มีความผิด
ทรงช่วยเขาได้ไหมเพคะ" "ข้าก็อยากช่วยเขาเหมือนกัน แต่พยานหลักฐานมีพร้อม
แถมเขาก็ยอมรับความผิด
แล้วจะให้ข้าทำยังไง" "เรื่องนี้น่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า
หม่อมฉันเชื่อว่าชอนตง
ไม่ใช่คนที่กล้าทุจริตคิดมิชอบ" "แต่คดีนี้เป็นความรับผิดชอบของพระพันปี
ข้าก็จนปัญญาเหมือนกัน" "ฝ่าบาท ไม่งั้นจะปล่อยให้ชอนตง
ถูกปรักปรำโดยที่เราไม่ทำอะไรเลยหรือเพคะ" "ข้าก็เชื่อว่า
ชอนตงเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว
เราคงต้องเชื่อในความเป็นธรรมของพระพันปี
ที่จะตัดสินคดีอย่างยุติธรรม" "ฝ่าบาท" "หึ ขอโทษด้วยนะ
เรื่องบางอย่างข้าก็จนปัญญาเหมือนกัน" "ทูลฝ่าบาท
พระพันปีเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ" พระพันปียินซูเสด็จเข้ามาเห็นยุนโซฮวาก็ทรงต่อว่าทันที "เป็นแค่สนมเล็กๆ
คนหนึ่ง ถือดียังไงมาก้าวก่ายราชกิจ โน้มน้าวความคิดของฝ่าบาทได้
ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
จะให้ข้าปลดจากตำแหน่งแล้วไล่ออกจากวังหรือเปล่า" "เสด็จแม่
หม่อมฉันเป็นคนสั่งให้นางมาพบที่ตำหนัก ไม่มีอะไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ"
พระเจ้าซองจงตรัสแก้แทน "ฝ่าบาท นี่เจ้ากำลังปกป้องสนม
ต่อหน้าแม่บังเกิดเกล้ารู้หรือเปล่า
ถ้าตอนนี้ยังไขว้เขวเพราะผู้หญิงคนหนึ่งมาเป่าหู ไม่รู้จุดยืนของตัวเอง
แล้วอีกหน่อยจะปกครองบ้านเมืองให้เจริญได้ยังไง บอกหน่อยซิ เฮ่ย จำได้ว่าคราวก่อน
ข้าเคยเตือนสติเจ้าแล้วว่า ถ้านางในสมคบกับมหาดเล็ก บ้านเมืองจะหาความสงบไม่ได้
แล้วทำไมเจ้ายังเข้าข้างมหาดเล็กที่ทำผิดใหญ่หลวง มาพูดให้ฝ่าบาทวางตัวลำบากอีก
นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้ายังมาพบฝ่าบาท
เพื่อขอให้ทรงช่วยลูกบุญธรรมของเจ้ากรมมหาดเล็กเพราะต้องการอะไรกันแน่" ยุนโซฮวาตัดสินใจทูล
"พระพันปี หม่อมฉันแค่มองในฐานะพระสนม ต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ของคิมชูซอนเพคะ"
"อะไรนะ" "หม่อมฉันเห็นว่าการรักษาเกียรติของราชสำนัก
นอกจากใช้ความเข้มงวดและดุดันเป็นหลักใหญ่แล้ว พร้อมกันนี้ยังต้องเห็นใจ
อย่ากล่าวหาผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีหลักฐาน ด้วยเหตุนี้หม่อมฉัน
จึงมาขอให้ฝ่าบาททรงให้ความเป็นธรรมด้วยเพคะ" "แล้วเจ้ารู้ได้ไงว่าคนๆ นี้
เขาไม่ได้ทำผิดแน่นอน" "ทูลพระพันปี มหาดเล็กที่เพิ่งมาใหม่
จะกล้าลักทรัพย์ในวังหลวงที่เข้มงวด มีทหารเฝ้าอยู่ทุกมุม
โดยไม่กลัวจะถูกประหารได้ยังไงเพคะ สมัยที่เราต่าง อยู่ข้างนอก
คิมชูซอนก็ยอมเป็นทาสรับใช้ฝ่าบาทอยู่แล้ว พักก่อนยังคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์
ทูลเตือนฝ่าบาท โดยไม่ห่วงว่าตัวเองจะเอาชีวิตเข้าแลก เพียงเพราะความหวังดี
ก็ยอมสละชีวิตเพื่อฝ่าบาทโดยไม่ห่วงตัวเอง
คนแบบนี้จะทำเรื่องผิดต่อราชสำนักได้ยังไงเพคะ หม่อมฉันจึงเชื่อว่า
การที่คิมชูซอนถูกปรักปรำ เบื้องหลังน่าจะมีสาเหตุอื่น จึงอยากให้พระพันปี
ทรงใช้
วิจารณญาณในการไต่สวนเรื่องนี้ให้เป็นธรรมด้วยเพคะ" พระเจ้าซองจงตรัสช่วย
"หม่อมฉันก็เชื่อว่า คิมชูซอนไม่น่าจะทำผิดขนาดนี้ได้" "เฮ่อ เอาเถอะ
ข้าก็ไม่อยากปรักปรำส่งเดชเหมือนกัน
รับรองว่าเรื่องนี้จะมีการไต่สวนอย่างเปิดเผยและเป็นธรรมด้วย แต่ถ้าสมมุติว่า
คดีของคิมชูซอนกับเจ้ากรมมหาดเล็ก มีหลักฐานยืนยันว่าทำผิดจริง
ถึงตอนนั้นเจ้าจะว่ายังไง ยอมสละตำแหน่งสนมเอก
แล้วออกจากวังหรือเปล่า" พระเจ้าซองจงทรงตกพระทัย "เสด็จแม่
ทำไมต้องต่อรองด้วยเงื่อนไขแบบนี้พ่ะย่ะค่ะ" พระพันปียินซูไม่ทรงสนพระทัยพระเจ้าซองจง
"ตกลงจะทำได้ไหม ไหนบอกข้ามาซิ" "หม่อมฉัน
จะทำตามรับสั่งของพระพันปีเพคะ"

จบเรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 17

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 18

พระพันปียินซูทรงเอาผิดยุนโซฮวาจนถึงที่สุด
พระนางทรงคาดคั้นยุนโซฮวาว่าการที่นางมาที่นี่ในยามวิกาลนั้นเพื่อช่วยลูกบุญธรรมโชชิคยอมใช่หรือไม่
ยุนโซฮวาทูลพระพันปียินซูว่าคิมชูซอน
ไม่มีทางคิดช่วงชิงทรัพย์สินของราชวงศ์เป็นอันขาด ขอให้พระพันปียินซูทรงแยกแยะ
หลังจากที่พระพันปียินซูทรงคิดใคร่ครวญแล้วก็ทรงถามยุนโซฮวาว่าถ้าหากมีหลักฐานการกระทำความผิดของโชชิคยอมและคิมชูซอน
ยุนโซฮวาจะยินดีออกจากวังหลวงแต่โดยดีหรือไม่
ชองฮันซูถือจดหมายครึ่งฉบับที่ได้มาจากโชชิคยอมไปพบไต้เท้าซังตัง
ชองฮันซูกล่าวว่าการที่ตนทำเช่นนี้นั้นเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากไต้เท้าซังตัง
ส่วนจดหมายอีกครึ่งฉบับที่ไม่ได้มอบให้นั้นยังอยู่ที่ตน
ไต้เท้าซังตังรับปากชองฮันซูว่าถ้าหากชองฮันซูไม่คิดงัดข้อกับตน
ตนพร้อมให้การสนับสนุนชองฮันซู ชองฮันซูนำจดหมายอีกครึ่งฉบับมอบให้ซอยอง
พร้อมทั้งบอกนางว่าตนได้มอบชีวิตให้นางแล้ว "ให้เจ้าเก็บไว้ เป็นหลักฐานสำคัญ
ที่สมัยก่อนโชชิคยอมกับไต้เท้าซังตัง ร่วมกันวางแผนโค่นราชบัลลังก์
ปลงพระชนม์นายตัวเองเพื่อรักษาอำนาจไว้ ทั้งไต้เท้าซังตังและโชชิคยอม
ล้วนเป็นคนที่น่ากลัวพอกัน แต่เมื่อเรามีจดหมายฉบับนี้แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวพวกขุนนาง
หรือแม้แต่คนของกรมมหาดเล็กอีก" "แล้วจดหมายนี่
ทำไมมาให้ข้าเก็บไว้ซะล่ะ" "เพื่อแสดงถึงว่า ข้าได้มอบอนาคตตัวเอง
ไว้ในกำมือเจ้า" "ท่านชอง ทำไมถึงเชื่อใจข้านัก ถ้าข้าเอาจดหมายนี่
ไปเผาทิ้งซะ ท่านมิแย่หรอกหรือ" "หึๆ เมื่อข้าตัดสินใจ
วางเดิมพันชีวิตไว้กับเจ้าแล้ว เจ้าจะทำยังไงก็ตามใจเถอะ
เฮ่อๆๆ" บรรดาขุนนางใหญ่โดยการนำของไต้เท้าซังตังได้พากันเอาผิดโชชิคยอม
เพื่อให้โชชิคยอมพ้นจากตำแหน่ง
พระอัยยิกาจองฮีทรงมีรับสั่งว่า "การจะแต่งตั้งหรือปลดเจ้ากรมมหาดเล็กเป็นสิทธิ์ของราชสำนัก
ไม่ใช่หน้าที่ของพวกท่านที่จะมาชี้นำเราให้ทำโน่นนี่ได้
รอให้กระบวนการไต่สวนได้ข้อสรุปชัดเจนออกมาก่อน ส่วนจะสั่งถอดถอนหรือไม่
ค่อยเป็นการตัดสินใจของฝ่าบาทอีกที" โชชิคยอมไปเยี่ยมคิมชูซอน ที่คุกหลวง
แต่ขุนนางที่คุมบอกว่าให้เยี่ยมไม่ได้
โชชิคยอมไม่ยอมแพ้เอาตำแหน่งมาอ้างจนเข้าไปเยี่ยมคิมชูซอนจนได้ "ชูซอน" "ท่านพ่อ" "สุขภาพเจ้าเป็นไงบ้าง" "ยังไหวครับ
ไม่ต้องห่วง" "ชูซอน เจ้าจะนึกโกรธข้าในใจ ที่ทำให้เดือดร้อนมั้ย" "หึ
ข้าเชื่อมั่นในตัวท่านเสมอ ว่าไม่เคยคิดทำสิ่งที่ทรยศต่อราชสำนัก
และไม่มีวันทำได้ด้วย ถ้าตอนนี้ท่านพ่อ เอาของในวังไปขายโดยไม่บอกใครจริงๆ
ข้าก็เชื่อว่าคงมีเหตุผล
ถึงจำเป็นต้องทำแบบนี้" "เจ้าเชื่อมั่นในตัวข้าขนาดนี้
ขอบใจเจ้ามาก" "ท่านพ่อครับ คนเราต้องไม่ลืมจุดยืนของตัวเอง
แม้ข้าจะถูกประหารในที่สุด
ก็เชื่อว่าท่านเป็นคนดีเสมอ" "เจ้ายอมสละชีวิตเพื่อข้า นับว่าหายากนัก ฮือ
เกิดมาชาติหนึ่ง ข้ายังหวังอะไรอีก แต่ในฐานะเป็นพ่อ ข้าก็เชื่อว่าตัวเอง
ไม่เคยทำสิ่งผิดต่อเจ้าเหมือนกัน"ที่ตำหนักพระมเหสีฮันตรัสถามยุนโซฮวา "ได้ยินว่าเจ้าถูกพระพันปีตำหนิ
ข้าเลยคิดว่าจะมาปลอบใจหน่อย คงรู้สึกไม่สบายใจมากสินะ" "หึ
ทำให้พระมเหสีทรงเป็นห่วง
ขออภัยด้วยเพคะ" "เมื่อคืนนางไปเฝ้าฝ่าบาทที่ตำหนักใหญ่
ทำให้พระพันปีทรงกริ้วมากเพคะ ต่อไปเพื่อไม่ให้ถูกเพ่งเล็งมากนัก
เราทำอะไรควรจะระวังมากกว่านี้"
สนมซุกยอนกล่าว "สิ่งที่ข้าทำเพื่อจะพิสูจน์ให้เห็นว่า มีคนๆ
หนึ่งที่ภักดีต่อฝ่าบาทจริงๆ" ยุนโซฮวาว่า "แต่ว่า
ก็ไม่ควรออกหน้ามากนัก" "หึ ปกติพระพันปี ทรงรู้จักแยกแยะดีชั่ว
เพียงแต่เข้มงวดกับพวกเราไปบ้างเท่านั้น ขอเพียงเข้าใจความหวังดีของเจ้า
เชื่อว่าอีกหน่อยคงจะอ่อนข้อลง
และให้อภัยเจ้าด้วย" "พระมเหสีทรงเข้าพระทัยหม่อมฉัน
เป็นพระกรุณายิ่งแล้วเพคะ" หลังจากยุนโซฮวาออกไปแล้ว
สนมซุกยอนก็ทูลถามพระมเหสีฮันว่า "พระมเหสี ทำไมเมื่อซักครู่
ทรงเข้าข้างสนมยุนมากล่ะเพคะ นางไปเฝ้าฝ่าบาท ก้าวก่ายการตัดสินคดี
ทำให้พระพันปีทรงกริ้ว
ถือเป็นความผิดของนางไม่ใช่หรือเพคะ" "ข้าชื่นชมที่นาง
แม้ว่าเปลือกนอกจะดูอ่อนแอ แต่เวลาเผชิญหน้ากับพระพันปี กลับไม่เกรงกลัวซักนิด
กล้าแสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมา
ไม่อ้อมค้อม" ทันใดนั้นพระมเหสีฮันก็ทรงวิงเวียนจนแทบหมดสติไป
ยางชองอุนรีบมาถวายการดูแล พระอัยยิกาจองฮีทรงถามถึงเด็กในครรภ์
ยางชองอุนบอกว่าปลอดภัยดี "ทำให้เสด็จย่าทรงเป็นห่วง
ทรงอภัยด้วยเพคะ" "ชุงจอน เด็กในท้องของเจ้า
เป็นสายพระโลหิตที่เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของบ้านเมืองและอาจเป็นรัชทายาทด้วย
นับแต่นี้ เจ้าต้องดูแลสุขภาพดีๆ
อย่าให้ล้มป่วยอีกล่ะ" "หม่อมฉันจะจำไว้เพคะ" พระอัยยิกาจองฮีทรงให้แชซังกุงช่วยทำพิธีอธิษฐานขอพรให้พระมเหสีฮันมีประสูติพระโอรสอย่างราบรื่นด้วย00000000000000 โชชิคยอมเยี่ยมคิมชูซอนเสร็จ
ก็เดินทางไปพบไต้เท้าซังตัง "เจ้ากรมมหาดเล็ก
มาพบข้ามีธุระอะไรไม่ทราบ" "ไต้เท้า ทำไมท่านไปทูลยุยงพระพันปีและเหล่าขุนนาง
ให้มาบีบคั้นข้านัก ต้องการอะไรกันแน่" "เป็นมหาดเล็กแต่ลืมหน้าที่ตัวเอง
เจ้ากี้เจ้าการเรื่องในราชสำนัก นึกว่าตัวเองมีความสำคัญ จะทำให้บ้านเมืองสั่นคลอน
สุดท้ายคือเดือดร้อนถึงราษฎรอีกต่างหาก" "ถ้าท่านจะบีบให้ข้าตาย
คงไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่าข้า จะไม่ยอมรับความตายคนเดียว"
โชชิคยอมกล่าว "ถ้าอย่างงั้น ท่านจะทำอะไรข้าได้ล่ะ"
ไต้เท้าซังตังถามอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน "ถ้าเอาจดหมายฉบับนั้น
ที่ท่านเคยลงชื่อไว้ ไปถวายต่อพระอัยยิกา
ผลจะเป็นไงบ้าง" ไต้เท้าซังตังได้ยินก็หัวเราะในลำคอ "หึ" "ข้าน่ะ
หัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีครอบครัว
เป็นแค่มหาดเล็กที่ไม่มีวันถูกจารึกชื่อในประวัติศาสตร์อยู่แล้ว
ไม่เหมือนกับไต้เท้า อาจเจอข้อหาคิดกบฎ ต้องโทษยึดทรัพย์และปลดจากตำแหน่ง
แม้แต่ลูกหลานท่าน ก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นลูกกบฎชั่วชีวิตก็เป็นได้ เรื่องแบบนี้
ท่านอยากให้เกิดในสมัยของท่านหรือเปล่า" "ฮ่าๆๆ เฮ่อๆๆ คือจดหมายนี่ใช่ไหม
สิ่งที่ค้ำคอข้ามาหลายปี ตอนนี้มาอยู่กับข้าแล้ว ยังจะกลัวอะไรอีกเล่า ท่านต่างหาก
ที่จะหัวหลุดจากบ่าก่อนข้า หือ
ฮ่าๆๆ" โชชิคยอมนึกถึงวันที่เขากลับมากระทันหันและพบภรรยาอยู่ในห้องนอน
เขาไปคาดคั้นกับภรรยาว่านำจดหมายไปมอบให้ใคร
ก่อนให้กึมพยอไล่นางออกจากบ้าน โชชิคยอมไปสารภาพความจริงต่อหน้าพระอัยยิกาจองฮี
พระพันปียินซูและพระเจ้าซองจง "ทูลพระอัยยิกา พระพันปี ฝ่าบาท คนที่ทำผิดจริงๆ
เกี่ยวกับเรื่องคราวนี้ คือหม่อมฉันพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน
เอาสมบัติในวังออกไปโดยพละการ
มอบให้พ่อค้าในตัวเมืองไปรวบรวมเก็บไว้ที่บ้านก่อน
จากนั้นก็สมรู้ร่วมคิดกับพวกเขา ตั้งราคาขายต่อที่สูงเกินเกณฑ์ ทำกำไรมหาศาล
ติดต่อมาเป็นเวลาหลายปี แต่ว่า ขั้นตอนที่เกิดขึ้นนั้น
เป็นความคิดของหม่อมฉันคนเดียว ไม่เกี่ยวกับมหาดเล็กคนอื่นๆ
หรือแม้แต่ลูกบุญธรรม ก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ จึงขอให้
ทรงยกโทษให้พวกเขาด้วย" พระอัยยิกาจองฮีทรงถอนพระทัย
"เฮ่ย" พระเจ้าซองจงตรัสถามว่า "เจ้ากรมมหาดเล็ก ไหนว่าท่านภักดีต่อข้าไง
และข้าก็ไว้ใจการทำงานของท่านมาตลอด ทำไมยังปิดบังข้า
ทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ได้" "ฝ่าบาท หม่อมฉันหลวงลวงเบื้องสูง
มีโทษสมควรตายนัก ขอได้โปรด ทรงประหารหม่อมฉันได้เลย" พระพันปียินซูตรัสต่อว่า
"แต่เรื่องที่เกิด ใช่ว่าประหารท่านคนเดียว มันจะจบลงได้ง่ายๆ หรอกนะ
บัญชีเล่มนี้ได้จากการไต่สวนของข้า เป็นข้อมูลรายละเอียด
เกี่ยวกับสิ่งของที่มอบให้เหล่าพ่อค้า รวมทั้งรับเงินมาเท่าไหร่
ซื้อขายอะไรไปบ้าง วันไหนเวลาไหนล้วนมีการจดบันทึกไว้หมด ข้าจึงอยากรู้ว่า
เงินทองมากมายที่ท่านได้จากการยักยอกทรัพย์ในวังหลวง ตอนนี้ไปเก็บไว้ที่ไหน
ขุนนางที่ซื่อสัตย์นั้น
ชีวิตเขาจะมีค่ายิ่งกว่าทองและเป็นที่ยกย่องไม่ว่ากี่ร้อยปีผ่านไปก็ช่าง
แต่ถ้าเป็นชีวิตของมหาดเล็กที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง จะเท่ากับเศษดินด้วยซ้ำ
บอกซิว่าท่านเอาเงินทองไปเก็บไว้ไหนหมด ทำไมไม่ตอบข้าล่ะ
เจ้ากรมมหาดเล็ก" "ทูลพระพันปี หม่อมฉันยินดีรับโทษเกี่ยวกับความผิดในครั้งนี้
แต่อย่าทรงถามว่า เงินทองที่ได้มา ไปเก็บที่ไหนพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้ากรมมหาดเล็ก
ถึงขั้นนี้นับว่าเราได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของท่านแล้ว ยังจะตีฝีปาก
ทำเป็นพ่อพระที่แสนดี หลอกให้เราหลงเชื่ออีกหรือ
ถ้าฉลาดก็จงพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้" "ถ้าหาก หม่อมฉันทูลไปแล้ว
ราชสำนักอาจเสื่อมเสียก็ได้" "อะไรนะ นี่แปลว่าท่าน
กำลังจะขู่ให้เรากลัวใช่ไหม" "หม่อมฉันไม่ได้ขู่พ่ะย่ะค่ะ
เพียงแต่ทูลตามความเป็นจริงเท่านั้น" "หนอยแน่
ยังจะพูดอีกหรือ" พระอัยยิกาจองฮีทรงปราม "แทปี เจ้าเงียบก่อนเถอะ
เจ้ากรมมหาดเล็ก ข้าอยากรู้ความหมายที่ว่า
ถ้าท่านเปิดเผยแล้วราชสำนักจะเสื่อมเสียคืออะไร" พระเจ้าซองจงตรัสเร่ง
"เจ้ากรมมหาดเล็ก รีบพูดมาเร็วเข้า" โชชิคยอมถวายสมุดบัญชีแด่พระอัยยิกาจองฮี
"นี่คือบัญชีอะไรอีก" "เป็นข้อมูลรายรับรายจ่าย หลังจากหม่อมฉันเอาของในวัง
แลกกับเงินกลับมาแล้วไปใช้ในส่วนไหนบ้าง ได้จดบันทึกไว้อย่างละเอียดทุกแง่มุม
เทียบกับข้อมูลที่พระพันปีได้มา จะพบว่าตรงกันทุกอย่าง
ไม่มีบกพร่องพ่ะย่ะค่ะ" "สรุปแล้ว เงินที่ท่านได้มา เอาไปใช้ทำอะไรกันแน่"
พระอัยยิกาจองฮีตรัสถาม "นับแต่ฝ่าบาททรงครองราชย์มา ตลอด 5 ปีนี้
หม่อมฉันมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของราชสำนักตั้งแต่นายยันบ่าวไพร่ สมัยพระเจ้า
“เซโจ” ได้ทรงมีปูนบำเหน็จให้แก่ขุนนางใหญ่น้อย ทั้งที่ดิน บ่าวไพร่และปศุสัตว์
ทำให้เงินในท้องพระคลังร่อยหรอไปมาก บวกกับขุนนางท้องที่บางคนที่ฉ้อโกง
ไม่ยอมส่งส่วยและสิ่งของมาตามกำหนดที่นัดไว้ ทำให้ทรัพย์สินยิ่งลดน้อยไปอีก
บวกกับทุกวันนี้ เพื่อรักษาเกียรติของราชสำนักไว้
เราต้องมีการซ่อมแซมตำหนักเก่าที่ทรุดโทรมไปมาก
ไหนยังต้องเลี้ยงดูบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย ทั้งที่กินที่อยู่
เหล่านี้ล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น ถ้าเราบีบให้ราษฎรเพิ่มการจ่ายส่วย
แน่นอนว่าคงมีการโอดครวญและประณามทางการ
จนอาจส่งผลถึงการว่าราชการของฝ่าบาทในไม่ช้านี้ ฉะนั้นจึงไม่มีทางเลือก
ต้องเอาสมบัติบางส่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาใช้จ่ายล่วงหน้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ" พระพันปียินซูทรงแย้งว่า
"แต่ถ้าเราขายสมบัติเก่ากิน ก็จะทำให้คนครหาได้เหมือนกัน
ท่านไม่คิดถึงข้อนี้บ้างหรือ" "ของที่หม่อมฉันนำไปขายนั้น
ส่วนใหญ่เป็นแพรพรรณชั้นดี ผ้าขนสัตว์ เครื่องลายครามและพู่กัน
รวมถึงเขากวางและสุรา ซึ่งเหล่าเศรษฐีนิยมสะสม และยินดีจ่ายเงินให้เท่าไหร่เท่ากัน
จึงไม่มีผลกระทบ ต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้านแม้แต่น้อยนิดพ่ะย่ะค่ะ" "แล้วทำไม
ไม่เคยเห็นท่านมาปรึกษาเรื่องนี้กับข้าเลย"
พระอัยยิกาจองฮีตรัสถาม "กรมมหาดเล็ก
มีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของฝ่าบาทและราชสำนักให้อยู่เย็นเป็นสุข การที่หม่อมฉัน
ไม่อยากเอาเรื่องพวกนี้มาทูล เพราะเห็นทุกพระองค์ล้วนเหนื่อยกับราชกิจมากแล้ว
ที่สำคัญอีกอย่าง ทรัพย์สินในวัง จะมีการเปลี่ยนมือด้วยเหตุอะไรก็ตามแต่
หากรู้ไปถึงราษฎรและขุนนางทั้งหลาย เชื่อว่าเกียรติของราชสำนัก คงจะเสื่อมถอย
และเป็นที่ครหาไม่รู้จบแน่ แต่ว่า หม่อมฉันไม่ได้ทำงานนี้อย่างรอบคอบ
ขอทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "ท่านทำเพื่อราชสำนักถึงขนาดนี้
เรายังระแวงว่าคิดไม่ซื่อจะหาเรื่องลงโทษอีก ข้ารู้สึกละอายต่อท่านจริงๆ"
พระอัยยิกาจองฮีตรัสด้วยความจริงใจ พระเจ้าซองจงตรัสต่อว่า
"ไม่นึกว่าความเป็นอยู่ของราชสำนักจะลำบากถึงขนาดนี้ ข้ายังเอาแต่หาความสุข
อยากจะขอโทษท่านมากกว่า" "หม่อมฉัน มิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ" "แทปี ไหนๆ
เรื่องที่เราข้องใจก็ได้รับการเปิดเผยแล้ว ถ้าไงถือว่าเรื่องนี้ให้จบไป
อย่าถือสาหาความอีกจะได้หรือเปล่า" "ไม่ได้หรอกเพคะเสด็จแม่" "แทปี
เจ้ายังไม่หายข้องใจในตัวเจ้ากรมมหาดเล็กอีกหรือ" "ต่อให้เราไม่คิดเอาเรื่องที่เขายักยอกทรัพย์ไปปล่อยขาย
เหล่าขุนนางก็คงไม่ยอมรามือแค่นี้
โดยเฉพาะไต้เท้าซังตังจะเป็นหัวหอกในการถวายฎีการ้องเรียน
และขุนนางอื่นก็จะเชื่อฟังด้วย ถ้าเราตัดสินว่าเจ้ากรมมหาดเล็กไม่ผิด
งั้นสมบัติที่หายไป มีการขายทอดตลาดอย่างเอิกเกริก ก็จะเป็นที่ครหาอีก
ถึงตอนนั้นราชสำนักก็จะเสื่อมเสียพอกัน" "พระพันปีรับสั่งถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ
แต่ถ้าหม่อมฉันยอมรับผิด ข้อหายักยอกทรัพย์จริง เรื่องทั้งหมด
ก็จะจบลงด้วยดีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ งั้นก็ทรงปลดจากตำแหน่ง
และรับสั่งให้ประหารหม่อมฉันได้เลย" พระพันปียินซูทรงเห็นด้วย "เสด็จแม่เพคะ
เพื่อรักษาเกียรติของราชสำนักไว้ คดีนี้ก็ให้ตัดสินในรูปนี้จะดีกว่า"
พระเจ้าซองจงทรงแย้งว่า "ไม่ได้หรอกเสด็จแม่ ทูลเสด็จย่า
เราจะให้ขุนนางที่ซื่อสัตย์ถูกตราหน้าว่าเป็นคนทุจริต
มันสมควรแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ" "เฮ่อ ไม่งั้นจะให้จบลงยังไงล่ะนี่
เจ้ากรมมหาดเล็ก พอมีวิธีปิดปากคนอื่นไม่ให้พูดมากได้หรือเปล่า"
พระอัยยิกาจองฮีตรัสถามโชชิคยอม "ใครเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง
ถ้าฝ่าบาทและพระอัยยิกาทรงเมตตา อภัยโทษให้หม่อมฉันได้ หม่อมฉัน
ก็มีวิธีทำให้ทุกฝ่ายยอมรับเรื่องนี้ โดยไม่กระทบถึงราชสำนักพ่ะย่ะค่ะ" "แทปี
แล้วเจ้าเห็นว่าไง" "เสด็จแม่ เอาตามนี้เถอะนะ"
พระเจ้าซองจงตรัสกับพระพันปียินซู "หึ ถ้าเป็นไปได้
เรื่องนี้ไม่ทำให้ราชสำนักมัวหมอง ข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ว่า
ถ้าท่านไม่สามารถแก้ปัญหานี้ให้จบลงโดยเร็ว
ถึงตอนนั้นก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายละกัน" "หม่อมฉัน
ขอรับรองด้วยชีวิตพ่ะย่ะค่ะ" "ดีมาก งั้นข้าก็จะเชื่อใจท่าน"
พระอัยยิกาจองฮีตรัส "มีคนที่ซื่อสัตย์อย่างท่านอยู่ข้างกาย
ทำงานโดยไม่หวังผลตอบแทน ข้าก็รู้สึกเบาใจขึ้นแล้ว"
พระเจ้าซองจงตรัสชื่นชม "หม่อมฉัน
ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ" โชชิคยอมกล่าวขอโทษคิมชูซอนที่ทำให้เขาต้องเจ็บตัว
ขณะที่ชองฮันซูก็เดือดแต่ก็คิดว่ายังไงไต้เท้าซังตังก็ต้องหาทางปลดโชชิคยอมลงได้แน่ ไต้เท้าซังตังทูลถามพระอัยยิกาจองฮีว่า "พระอัยยิกา
ไหนว่าทรงมีหลักฐาน สามารถเอาผิดกับโชชิคยอมได้แน่นอนไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ
แล้วทำไมจู่ๆ
กลายเป็นว่าทรงอภัยโทษให้เขาซะล่ะ" "นี่เป็นการตัดสินใจหลังจากไตร่ตรองอย่างดีแล้ว
ท่านก็อย่าพูดอีกเลย" "แต่เหล่าขุนนางจะไม่ยอมรามือง่ายๆ เพียงแค่นี้
แม้แต่หม่อมฉันเอง ก็ไม่เห็นด้วยกับการวินิจฉัย ที่ออกมาในรูปนี้เหมือนกัน
ถ้าไงหม่อมฉัน ขอทูลลาก่อน"
ไต้เท้าซังตังออกไป พระอัยยิกาจองฮีทรงตรัสกับพระพันปีว่า "เฮ่อ
เจ้ากรมมหาดเล็กคงต้องรีบหาหนทาง
ปรามไม่ให้เหล่าขุนนางเกิดการต่อต้านขึ้นมาอย่างหนัก
แต่พอเห็นท่าทีของไต้เท้าซังตังแล้ว
ข้าก็อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้" พระพันปียินซูข้องพระทัยจึงตรัสถาม
"หม่อมฉันอยากรู้ว่าเสด็จแม่ ทำไมถึงทรงเชื่อโชชิคยอมนักหนา
มากกว่าขุนนางที่รับใช้ทางการมาอย่างยาวนานอีกหรือเพคะ" "ภาษิตว่าอำนาจเป็นสิ่งไม่ยั่งยืน
ขุนนางต่อให้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็สืบทอดได้ไม่เกินสามชั่วคน ในขณะที่
คนที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับราชสำนัก
คือกรมมหาดเล็กซึ่งเป็นคนในของเรา" โชชิคยอมชื่นชมคิมชูซอนที่ถูกทรมานแค่ไหนก็ไม่ปริปากพูดซักคำ
แต่เขาบอกว่านี่ยังไม่ใช่มหาดเล็กที่แท้จริง
คิมชูซอนไม่เข้าใจ "เพราะถ้าเป็นมหาดเล็กจริงๆ ก็ต้องมาร้องเรียนข้า
เพราะเห็นแก่ราชสำนักมากกว่า นี่แหละคือ ความซื่อสัตย์ของมหาดเล็กที่แท้จริง
เฮ่อๆๆ" "แล้วทำไมท่านพ่อ
ไม่เปิดเผยความจริงให้คนอื่นรู้ล่ะครับ" "แม้จะตายเพราะถูกปรักปรำให้ร้าย
แต่หากเป็นผลดีต่อราชสำนัก เราก็ต้องยินดีตาย แม้ว่าสิ่งที่เราทำ
จะถูกประวัติศาสตร์มองข้ามก็ช่าง เราก็ต้องยึดถือไว้ เพราะนี่คือ การเป็นมหาดเล็ก
ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเรา"0000000000000 ซอยองเสนอให้ไต้เท้าโนรับลูกบุญธรรมอีกคนคือ
ชองฮันซู นางมอบจดหมายสัญญาของโชชิคยอมกับไต้เท้าซังตังอีกครึ่งหนึ่งให้ไต้เท้าโน
และบอกว่าชองฮันซูฝากมามอบให้ ไต้เท้าโนเรียกชองฮันซูมาพบ "เจ้า
ไม่อยากเป็นลูกชิคยอม
แต่จะเป็นลูกข้าแทนงั้นหรือ" "ใช่ครับไต้เท้า" "เหตุผลเพราะอะไร
ทำไมถึงอยากเป็น
ลูกของตาแก่ที่ใกล้ตายอย่างข้าแทนที่จะเป็นคนที่หนุ่มกว่า" "เพราะเหตุการณ์คราวนี้เชื่อว่า
จะทำให้ท่านเจ้ากรมวางตัวลำบากและถูกปลด เพราะฉะนั้น ข้าอยากขออาสา
สืบทอดวงศ์ตระกูลของท่าน
ไม่ให้ล่มสลายตามด้วยน่ะครับ" "โดยใช้ไอ้จดหมายนี่หรือ" "เอ่อ
ใช่ครับท่าน จดหมายที่มีการลงชื่อของไต้เท้าซังตัง
น่าจะเป็นหลักประกันสำหรับครอบครัวของไต้เท้าได้" ไต้เท้าโนเผาจดหมายทิ้ง
ชองฮันซูมองอย่างตกตะลึง "ไต้เท้า
ทำไมเผาจดหมายนี่ทิ้งซะล่ะครับ" "แค่จดหมายครึ่งแผ่น
เป็นหลักประกันอะไรไม่ได้หรอก ข้าว่าเจ้าน่ะ
ถ้าจะเทียบชั้นกับชิคยอมยังห่างไกลนัก" โชชิคยอมนำของกำนัลไปมอบให้ไต้เท้าซังตัง "เจ้ากรมมหาดเล็ก
นึกว่าเอาของกำนัลแค่นี้มาให้ข้า จะช่วยรักษาตำแหน่งเจ้ากรมฯ
ของท่านให้ยาวนานต่อไปได้หรือ" "คิดว่าน่าจะได้
ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ" "ถึงแม้ว่า ข้าจะไม่รู้ท่านใช้วิธีไหน
ทำให้พระอัยยิกาทรงเห็นดีเห็นงามตามไปด้วย
แต่อย่าหวังมาเกลี้ยกล่อมข้าได้เลย" "อย่าเพิ่งมั่นใจเกินเหตุนัก
ต่อให้ท่านเป็นคนฉลาดและมีอำนาจล้นฟ้า ก็ไม่อาจกำหนดว่า
อะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ได้" โชชิคยอมกล่าว "ยังไงก็ช่าง
ไม่ว่าท่านจะมาไม้ไหนอีก ตราบใดที่จดหมายยังอยู่กับข้า
ทุกอย่างก็ถือว่าเปล่าประโยชน์ทั้งนั้น" "พอดีว่าข้าก็มีจดหมายอีกฉบับเหมือนกัน
และไม่ใช่ครึ่งแผ่น เป็นจดหมายเต็มๆ ซะด้วย" ไต้เท้าซังตังอึ้ง "อะไรนะ
นี่มันคือ" "จดหมายที่ลงลายมือชื่อของท่าน เป็นฉบับจริงที่สมัยก่อน
เราจะร่วมมือกันทำงานชิ้นใหญ่" "เป็นไปได้ยังไง
ไม่น่าเป็นไปได้" "ที่ชองฮันซูได้ไปนั้น
เป็นฉบับคัดลอกที่ข้าให้คนเลียนแบบเขียนขึ้นมา อาจเพราะลายมือเหมือนจริงมาก
ท่านก็เลยตาลาย ไม่สามารถแยกแยะออกได้" "ข้าไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
ฮึ่ม" ไต้เท้าซังตังฉีกทิ้ง "อย่ามาหลอกข้าให้ยากเลย ฮึ่ม" "ข้าก็รู้
ว่าท่านต้องออกอาการแบบนี้ เลยเตรียมเขียนขึ้นอีกหลายฉบับ
ไม่เชื่อก็เปิดกล่องดูได้" "อะไรนะ หา ทำไมเป็นแบบนี้
ฉบับจริงอยู่ที่ไหน" "จดหมายฉบับจริงที่มีลายมือของท่าน
ข้ายังเก็บรักษาไว้อยู่ ถ้าท่านจะรวมหัวกับเหล่าขุนนาง
มาปลดข้าออกจากตำแหน่งหรือไม่ก็จ้องราวีไม่เลิกอีกละก้อ จดหมายฉบับจริง
จะถูกส่งไปถวายพระอัยยิกาทันที พูดถึงขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าท่าน
น่าจะเข้าใจความหมายของข้าดี ไม่ต้องให้อธิบายอีกล่ะ" ไต้เท้าซังตังเจ็บใจมาก
ขณะที่โชชิคยอมออกมากึมพยอก็ถามว่าแล้วฉบับจริงอยู่ไหนกันแน่ "ในคืนที่เขาลงชื่อ
ตกลงใจร่วมก่อการกับข้า ข้าก็เผาทิ้งไปแล้ว"
โชชิคยอมตอบ "ทำไมครับไต้เท้า" "ถ้าข้ายังเก็บไว้
เพื่อหวังใช้เป็นหลักฐาน อาจทำให้ตัวเองนอนหลับไม่สนิทเพราะความระแวงก็เป็นได้
ถ้าไม่อยากให้คนอื่นขโมยไป ก็สู้ทำลายทิ้งซะเอง ถึงจะเป็นทางออกที่ดีกว่า แต่ว่า
ขอเพียงเชื่อว่าข้ายังมีจดหมายจริง ต่อไปไต้เท้าซังตังจะไม่กล้าทำอะไรข้าอีก เฮ่อๆๆ
เฮ่อๆ"000000000000 ยุนโซฮวาพบกับคิมชูซอนก็กล่าวกับเขาว่า "ชอนตง
ได้ยินว่าเจ้าถูกปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว หึ เห็นเจ้าหายเป็นปกติ
ข้าก็ค่อยวางใจหน่อย" "แต่ทำไมพระสนมต้องไปเถียงกับพระพันปี
เพื่อช่วยแก้ข้อกล่าวหาให้มหาดเล็กต่ำต้อยอย่างหม่อมฉัน
มันไม่ใช่เรื่องที่พระสนมสมควรจะออกหน้า" "หึ
แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วจะให้อยู่เฉยได้ยังไง" "แต่ตอนนี้พระสนม
ไม่ใช่คุณหนูโซฮวา หากแต่เป็นสนมของฝ่าบาทที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว
ส่วนหม่อมฉัน ก็ไม่ใช่ชอนตงคนเดิมที่อยู่ข้างนอก แต่เป็นลูกบุญธรรมของท่านเจ้ากรม
ชื่อคิมชูซอนต่างหาก ขอให้พระสนม ทรงลืมเรื่องอดีต แล้วคิดถึงฐานะตัวเองให้มาก
ส่วนหม่อมฉัน ก็จะไม่ใช่ชอนตง แต่เป็นมหาดเล็กคิมชูซอน ที่พร้อมจะถวายความภักดี
ต่อฝ่าบาทและพระสนมชั่วชีวิต" พระเจ้าซองจงเสด็จมาหายุนโซฮวาเงียบๆ
โดยไม่แจ้งก่อน "วันนี้รู้สึกท้องฟ้าแจ่มใส ทำให้ข้านึกถึงเจ้า
เลยแวะมาเยี่ยมหน่อย" "ขอบพระทัยเพคะ" "ลมพัดเย็นสบาย
เราไปเดินเล่นหน่อยมั้ย นานๆ จะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้า
แค่นี้ข้าก็รู้สึกมีความสุขแล้ว" "หม่อมฉันเองขอเพียงได้อยู่กับฝ่าบาท
ชาตินี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วเพคะ" พระพันปียินซูทรงเห็นความผิดปกติของพระมเหสีฮัน
ทรงตรัสถามว่า "ชุงจอน หมู่นี้เจ้ามีความในใจอะไรหรือเปล่า เจ้าน่ะ
เปรียบเสมือนพระแม่แห่งโชซอน ขอเพียงเจ้ามีสุขภาพที่แข็งแรง บ้านเมืองก็จะสงบสุข
ร่มเย็นทั่วหล้า ฉะนั้นมีอะไรก็ว่ามาเถอะ" "เสด็จแม่เพคะ
หม่อมฉันรู้สึกกลัวมาก ทุกวันนี้นอนทีไรก็มีแต่ฝันร้าย
แม้แต่ตอนกลางวันก็เห็นเงาประหลาด
คล้ายกับเป็นภูติผีเพคะ" "เป็นเงาของใครงั้นหรือ" "ลักษณะเหมือนเป็นอดีตนางใน
บอกว่าจะมาเอาลูกของหม่อมฉันไปเพคะ" พระพันปียินซูตกพระทัยมาก "หา
อะไรนะ" "ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ
นางยังสาปแช่งให้เราสิ้นลูกสิ้นหลานอีกต่างหากเพคะ" "เฮ่อ เฮ่ย
นี่คือบทสวดมนต์ เจ้าเอาไปเก็บไว้ข้างกาย มีเวลาก็หมั่นท่องบ่อยๆ
จะช่วยให้จิตใจสงบลงได้" "ขอบพระทัยเสด็จแม่เพคะ" พระพันปียินซูทรงคิด
"สิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระโพธิสัตว์โปรดรับทราบ ข้าน้อยขอขมาต่อความผิดที่แล้วมา
เนื่องจากสมัยก่อนพระเจ้า “เซโจ” ถอดถอนองค์ชาย “โนซาน” แล้วทรงขึ้นครองราชย์แทน
ทำให้ในวังมีการนองเลือดเข่นฆ่ามากมาย โปรดให้วิญญาณของพวกเขา ไปสู่สุขคติด้วยเถอะ
นับแต่นี้ขอให้ฝ่าบาททรงครองราชย์ด้วยความราบรื่น สร้างประโยชน์สุขให้แก่บ้านเมือง
เป็นพระราชาที่ได้รับการยกย่องตลอดไป สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว
ส่วนพระมเหสีก็ขอให้มีลูกชาย เพื่อให้ราชวงศ์ของเราได้สืบต่อไปอย่างยั่งยืน
มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไปด้วยเถอะ ขอเพียงฝ่าบาทมีโอรสซักคน แม้จะให้ข้าอายุสั้น
ข้าก็ยินดี
มอบชีวิตไว้ในพระหัตถ์ของพุทธองค์" ยุนโซฮวากับซุกยอนมาเฝ้าพระมเหสีฮัน "วันนี้อากาศดี
ออกมาเดินเล่นก็ช่วยให้จิตใจสบายขึ้น" พระมเหสีฮันตรัส ยุนโซอวากล่าวว่า
"เห็นว่าถ้าได้สูดอากาศบริสุทธิ์และเดินเล่นช้าๆ
จะช่วยให้เด็กในพระครรภ์แข็งแรงมากขึ้นนะเพคะ" "ถ้าไงเราจะมาเฝ้าพระมเหสีทุกวัน
แล้วออกเดินเล่นทุกเช้าดีมั้ยเพคะ" "ถ้ามีพวกเจ้าอยู่เป็นเพื่อนแบบนี้
ข้าคงรู้สึกสบายใจไม่น้อย คนหนึ่งเป็นเพื่อนคู่พระทัยของฝ่าบาทมาแต่เล็ก ส่วนอีกคน
ก็เป็นกำลังสำคัญในการบริหารราชกิจของฝ่าบาท อีกหน่อยถ้าไม่มีข้าก็คงหายห่วงได้
แค่ขอให้พวกเจ้าร่วมแรงร่วมใจ ถวายการรับใช้ฝ่าบาท
อย่างเต็มที่ก็พอแล้ว" "พระมเหสี ทำไมจู่ๆ รับสั่งท้อแท้อย่างงั้นล่ะเพคะ
ตอนนี้ในพระครรภ์ ยังมีพระโอรสอยู่นะเพคะ" ยุนโซฮวาทูลเตือน ซุกยอนเสริมว่า
"หญิงที่ตั้งครรภ์ต้องมองโลกในแง่ดีนะเพคะ" "ข้าก็คิดอย่างงั้นเหมือนกัน
ต่อให้เห็นแก่ลูกในท้องคนนี้ ข้าก็ต้องพยายามอยู่ต่อไป"
ทันใดนั้นพระมเหสีก็มีอาการเหนื่อยหอบอย่างมาก
ทั้งยุนโซฮวาและซุกยอนพากันตกใจสั่งให้คนไปตามหมอหลวงด่วน

จบเรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 18

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 19

พระมเหสีฮันทรงหมดสติไม่รู้สึกพระองค์
ยางซองยุนฝังเข็มถวายการรักษาให้พระนาง
พระอัยยิกาจองฮีและพระพันปียินซูทรงมีรับสั่งถามถึงทารกซึ่งอยู่ในครรภ์พระมเหสีฮันด้วยความเป็นห่วง
ยางซองยุนทูลทั้งสองพระองค์ว่าพระมเหสีฮันทรงแท้ง อีกด้านหนึ่งนั้น
ยุนโซฮวาขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้พระมเหสีฮันทรงปลอดภัย
คิมชูซอนและมหาดเล็ก
รวมทั้งบรรดานางกำนัลต่างก็ขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้พระมเหสีฮันทรงปลอดภัยเช่นเดียวกัน
พระมเหสีฮันทรงฟื้นได้สติขึ้นมาแล้ว
พระนางทูลขออภัยโทษต่อพระเจ้าซองจงด้วยน้ำตาแห่งความโทมนัสที่ไม่สามารถรักษาเลือดเนื้อเชื้อไขของพระเจ้าซองจงเอาไว้ได้
พระเจ้าซองจงทรงปลอบพระทัยพระมเหสีฮัน "เรื่องอื่นไม่ต้องไปกังวลนัก
ขอแค่หายไวๆ เท่านั้น ตราบใดที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างข้า
ข้าก็พอใจแล้ว" ไต้เท้าซังตังเข้าเฝ้าพระมเหสีฮัน
พระมเหสีฮันทรงมีรับสั่งให้ไต้เท้าซังตังถวายความช่วยเหลือพระเจ้าซองจงว่าราชการ
"นับแต่สมัยพระเจ้า "เซโจ" เป็นต้นมา ท่านก็ได้รับตำแหน่งสำคัญในวงราชการ
เป็นถึงระดับเสนาบดีด้วยซ้ำ และในฐานะพระญาติพระวงศ์
ท่านจึงมีอิทธิพลมากกว่าขุนนางอื่นมาตลอด ต่อไป
อยากให้ท่านช่วยงานฝ่าบาทให้มากกว่านี้ได้ไหมคะ" ไต้เท้าซังตังฟังแล้วตกใจ
"พระมเหสี ทำไมถึงได้" "พระราชาที่ไม่มีอำนาจในการปกครองอย่างแท้จริง
คนที่เดือดร้อนก็คือราษฎรในระดับล่าง ฮือ ท่านพ่อคะ
ต่อไปขอให้ท่านช่วยแบ่งเบาภาระให้ฝ่าบาทหน่อย
ได้หรือเปล่าคะ" ยุนโซฮวาและยุนฮูหยินพากันมาเข้าเฝ้าพระมเหสีฮัน
พระมเหสีฮันทรงมีรับสั่งชมเชยยุนโซฮวาที่เป็นที่โปรดปรานพระเจ้าซองจง
จากนั้นพระมเหสีฮันก็ทรงมีรับสั่งเป็นการส่วนพระองค์กับยุนโซฮวาว่า "เจ้าเป็น
หญิงที่ฝ่าบาททรงรักมานาน
ทำให้ข้าอิจฉามาตลอดรู้มั้ย" "หามิได้เพคะ" "วันหนึ่งถ้าไม่มีข้าแล้ว
ระหว่างพวกเจ้าสองคน
จะมีคนหนึ่งได้เป็นมเหสีแน่นอน" "อย่ารับสั่งอย่างงั้นสิเพคะ พระมเหสี
ทำไมทรงมีรับสั่งท้อแท้บ่อยนัก" "โรคของข้า ข้ารู้สภาพตัวเองดี แต่ก่อนจะไป
ข้ามีเรื่องจะไหว้วานเจ้าหน่อย" "ฮือ
เชิญรับสั่งมาได้เพคะ" "วันหลังถ้าฝ่าบาททรงว่าราชการเองแต่ไม่มีขุนนางคอยสนับสนุน
อนาคตของฝ่าบาท คงจะหาความมั่นคงไม่ได้ อีกหน่อยถ้าข้าไปแล้ว
อยากให้เจ้าหลีกทางให้ธิดาเจ้ากรมกลาโหม ให้นางเป็นมเหสีแทนจะได้หรือเปล่า
ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี การจะยกสามีให้หญิงอื่นนั้นคงยากจะทำใจไหว ฮือ
แต่ยังไงตอนนี้
พระทัยของฝ่าบาทก็อยู่ที่เจ้าแล้วไม่ใช่หรือ" "พระมเหสี" "ฮือ
รับปากข้าได้หรือเปล่า" "ฮือ เพคะ หม่อมฉันจะทำตามที่รับสั่ง" "ฮือ
ขอบใจมาก ที่ยอมให้สัญญา ฮือ ตอนนี้ข้าก็ถือว่า ได้ไปอย่างวางใจ ไม่มีอะไรห่วงอีก
ฮือ" ขณะที่พระมเหสีฮันกำลังเสวยพระโอสถ
พระนางก็ทรงทอดพระเนตรเห็นดวงวิญญาณพระมเหสีฮอนต๊อกอย่างชัดเจน
หลังจากที่พระมเหสีฮันทรงมีรับสั่งไม่กี่ประโยคถึงพระเจ้าซองจง
แล้วพระนางก็ทรงสิ้นพระชนม์ "เพราะข้าไร้ความสามารถ พระมเหสีจึงได้ทิ้งข้าไป
พร้อมกับลูกในท้องอย่างน่าเสียดาย แต่ข้าจะไม่ลืมคำสั่งเสียของนาง
ทำหน้าที่พระราชาอย่างดีที่สุด ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ต้องช่วยข้าบริหารบ้านเมือง
ขจัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ราษฎร
อย่าเอาแต่นั่งเสพสุขล่ะ" เหล่าขุนนางขานรับพร้อมกัน
"ขอน้อมรับพ่ะยะค่ะ" พระอัยยิกาจองฮีทรงตรัสต่อว่า
"ใครมีอะไรจะกราบทูลอีกหรือเปล่า" ไต้เท้ายุนโฮกล่าวว่า "ฝ่าบาท
กระหม่อมเจ้ากรมกลาโหมยุนโฮ
มีเรื่องจะขอทูลพ่ะย่ะค่ะ" "เชิญว่ามาได้" "กระหม่อมเห็นว่าถ้าฝ่าบาทจะทรงบริหารราชกิจได้อย่างเต็มที่โดยพระองค์เองนั้น
ก่อนอื่นคงต้องยกเลิก การว่าราชการหลังม่านซะก่อนพ่ะย่ะค่ะ" "แปลว่า
จะให้ข้าว่าราชการเองหรือ" "กระหม่อม ก็เห็นด้วยกับท่านเจ้ากรมกลาโหมพ่ะย่ะค่ะ
บัดนี้ถึงเวลาอันควร ที่ฝ่าบาทจะทรงว่าราชการเองได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ" "ฝ่าบาท
ขอทรงพิจารณาเรื่องนี้ด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ข้าจะว่าราชการเองหรือไม่
ขึ้นอยู่กับการตัดสินพระทัยของพระอัยยิกา" พระอัยยิกาจองฮีตรัสว่า "ข้าเอง
ก็อยากวางมือจากเรื่องของบ้านเมืองเต็มที แต่ว่า
เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความมั่นคงของราชสำนักซึ่งจะตัดสินส่งเดชไม่ได้
ถ้าไงขอให้ข้าไตร่ตรองอีกที
แล้วค่อยว่ากันใหม่" พระอัยยิกาจองฮีทรงตรัสถามโชชิคยอมว่า "เจ้ากรมมหาดเล็ก
ท่านมีความเห็นยังไงต่อการว่าราชการของฝ่าบาทบ้าง" "ตอนนี้พระชนม์ของฝ่าบาท
ก็ใกล้ 20 ชันษาแล้ว ควรถึงเวลาที่จะทรงงานเองได้พ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่า
เรื่องนี้เห็นทีไต้เท้าซังตังต้องคัดค้านอย่างหนักแน่
ข้าเองก็จนปัญญาไม่รู้จะเถียงเขายังไงดี" "ไต้เท้าซังตังมักจะกล่าวว่าถ้าฝ่าบาททรงว่าราชการเอง
อีกไม่นานจะซ้ำรอยเหตุการณ์สมัยองค์ชาย "โนซาน" ที่ถูกยึดอำนาจกลางคัน แต่ว่า
ต่อให้ฝ่าบาททรงว่าราชการจริง ใครจะกล้าท้าทายอำนาจของพระองค์ได้
เห็นชัดว่าเพราะไต้เท้าซังตังกลัวจะเสียอำนาจ เลยกีดกันไว้ก่อนพ่ะยะค่ะ พระอัยยิกา
หม่อมฉันเห็นว่าสมควรประกาศ ให้ฝ่าบาททรงว่าราชการอย่างเป็นทางการซะที
คนอื่นจะได้เลิกวุ่นวายพ่ะย่ะค่ะ" พระอัยยิกาจองฮีทรงฟังแล้วเริ่มเห็นพ้องด้วย คิมชูซอนเสร็จสิ้นจากการฝึกงานแล้วก็ได้เป็นมหาดเล็กเต็มตัว
โชชิคยอมถามคิมชูซอนว่าเขาอยากอยู่แผนกไหน "ถ้าให้เลือกได้
ข้าอยากไปอยู่กับไต้เท้ายาง
ศึกษาเรื่องการแพทย์น่ะครับ" "การแพทย์หรือ" "ข้าอยากทำงานประเภท
ใช้วิชาความรู้ช่วยชีวิตคนอื่น ให้พ้นจากโรคภัยน่ะครับ" "อึม
ยางซองยุนเป็นหมอที่เก่งและเคยช่วยชีวิตเจ้าถึงสองครั้ง ถ้าเจ้าไปฝากตัวเป็นศิษย์
อีกหน่อยคงจะเป็นประโยชน์ต่อราชสำนัก แต่จริงๆ แล้วพ่อหวังว่า
อยากให้เจ้าอยู่ตำหนักใหญ่ ถวายงานให้ฝ่าบาทมากกว่า
ถ้าอีกหน่อยเจ้าจะสืบทอดตำแหน่งจากข้า
ก็ต้องรู้เรื่องการเมืองไว้บ้าง" "แต่ว่า
ข้าเคยได้ยินว่าข้อห้ามสำคัญของมหาดเล็ก
คือห้ามยุ่งกับเรื่องการเมืองนี่ครับ" "ถ้าเจ้าเป็นหมอได้สำเร็จ
ช่วยเหลือคนอื่นก็แค่ครั้งละ 1 คนเท่านั้น ในขณะที่ฝ่าบาท
ถ้าไม่ได้ทรงงานในทางที่ถูกต้อง หรือมีพระบัญชาที่ผิด จะทำให้ราษฎรมากมาย
เดือดร้อนถึงแก่ชีวิต เราจึงต้องรู้เรื่องการเมือง เพื่อช่วยชี้นำให้พระองค์
ไม่ออกนอกลู่นอกทางไป" คิมชูซอนนิ่งไป
และขอใคร่ครวญดูก่อน ไต้เท้าซังตังนำนางกำนัลใหม่เข้ามาถวายงานพระอัยยิกาจองฮี
โดยให้เหตุผลว่า "อีกไม่นานฝ่าบาทจะทรงว่าราชการด้วยพระองค์เอง
เพื่อความมั่นคงของราชบัลลังก์ การมีโอรส จะทำให้ฝ่าบาทยิ่งเป็นที่เทิดทูนมากขึ้น
ฉะนั้นจึงอยากให้พระอัยยิกา ทรงเลือกหญิงที่หม่อมฉันนำมาถวายเป็นพระสนม
แล้วหม่อมฉันก็จะตั้งใจ ช่วยฝ่าบาทบริหารราชกิจอย่างเต็มที่
ด้วยความจงรักภักดีตลอดไปพ่ะย่ะค่ะ ขออย่าทรงปฏิเสธ
ความหวังดีของหม่อมฉันเลยพ่ะย่ะค่ะ" "ความหวังดีของไต้เท้าซังตัง
ข้าไม่คิดปฏิเสธอยู่แล้ว ถ้าไงจะขอดูหน้าตาของผู้หญิงแต่ละคนที่ท่านส่งมา
จากนั้นค่อยเลือกให้ฝ่าบาทละกัน" ชองฮันซูมาพบโชชิคยอมและทำว่าเหตุใดจึงไม่ลงโทษที่เขาขโมยจดหมายไปให้ไต้เท้าซังตัง "ยังจำตอนที่มาเข้าสอบเป็นมหาดเล็ก
ข้าเคยพูดอะไรกับเจ้าได้ไหม ตอนนั้นข้าถามว่า ในเมื่อร่างกายผิวหนังเกิดจากพ่อแม่
แล้วทำไมเจ้ายังยอมถูกตอน เพื่อมาเป็นมหาดเล็กในวังอีก คำตอบของเจ้า
คือขอเพียงซื่อสัตย์ ภักดีต่อฝ่าบาทเท่านั้น ให้ถูกตอนอีกร้อยครั้งพันหนก็ยินดี
ความตั้งใจของเจ้าในส่วนนี้ ยังไม่ได้เปลี่ยนใช่ไหม ถ้าความตั้งใจของเจ้า
ยังไม่มีอะไรมาบั่นทอนละก้อ ตอนนี้เจ้าก็ยังเป็นมหาดเล็กได้อยู่
แต่ว่าถ้าต้องการฟื้นฟูครอบครัวที่ตกยากจึงหวังมากอบโกยในวังละก้อ
เจ้าสู้ฆ่าตัวตายซะดีกว่า หรือไม่ก็ ออกจากวังไปซะ ทั้งหมดนี้
แล้วแต่เจ้าจะเลือก" มีหญิงสาวเข้ามาคัดเลือกเป็นสนมมากมาย
แต่พระอัยยิกาจองฮีทรงให้วอฮาช่วยดูว่าใครเหมาะที่สุด วอฮาบอกว่าธิดาของ ออมซันซู
กับชองยินโซเหมาะแล้ว
พระอัยยิกาจองฮีทรงเห็นด้วย ระหว่างทางกลับวอฮาได้มีโอกาสเห็นคิมชูซอน
นางรู้สึกดีใจที่เห็นลูกมีความสุขก็รู้สึกสุขใจไปด้วย พระอัยยิกาจองฮีกับพระพันปียินซูแนะนำให้สนมใหม่รู้จักกับสนมยุนโซฮวาและสนมยุนซุกยอนแล้วก็ตรัสเตือนให้รักใคร่ปรองดองกัน
เมื่อเหล่าสนมออกไปแล้ว พระอัยยิกาจองฮีตรัสว่า ตำแหน่งมเหสี จะปล่อยให้ว่างเว้นนาน
พระพันปียินซูทรงเห็นด้วย และคิดจะดูจากสนมทั้งสี่ ขณะที่สนมทั้งสี่ออกไป
สนมใหม่สองคนก็พากันพูดจาแสดงธาตุแท้ออกมา
จนยุนโซฮวากับยุนซุกยอนต้องว่ากล่าวตักเตือน ไต้เท้าซังตังยอมมาพบไต้เท้าโนแสร้งบอกว่าอยากปรับความเข้าใจ "ไต้เท้าซังตังเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างไม่ถือสาเรื่องเก่า
ข้ารู้สึกตื้นตันใจนัก" ไต้เท้าโนกล่าว "ถ้าจะมีการเลือกมเหสีองค์ใหม่
จากนางในที่ข้าส่งเข้าไปละก้อ ถึงตอนนั้น ความบาดหมางระหว่างข้ากับเจ้ากรมมหาดเล็ก
ก็ถือว่ายกเลิก
ข้าจะไม่ถือสาหาความเรื่องเก่าอีก" "ขอเพียงท่านไม่เข้าใจเราผิด
ไม่เป็นศัตรูกับเรา และยอมทำตามสัญญาที่ให้ไว้
ทุกอย่างก็แล้วแต่ท่านคนเดียวเถอะ" "ถ้าอย่างงั้น
ก็ขอรบกวนท่านโนหน่อยล่ะ" ด้านไต้เท้ายุนโฮรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวที่เข้าไปเป็นสนม
เพราะไต้เท้าซังตังเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องสนมใหม่นัก
โชชิคยอมบอกว่าขอเพียงลูกสาวของไต้เท้ายุนโฮเป็นพระมเหสีเมื่อไหร่ ก็จะหมดปัญหา
แต่ไต้เท้ายุนโฮคิดว่าเกินตัวไปหรือเปล่า
แต่โชชิคยอมบอกว่าถ้าเราจะคานอำนาจของไต้เท้าซังตังไว้
ก็ต้องให้พระสนมยุนซุกยอนขึ้นเป็นพระมเหสีเพียงทางเดียวเท่านั้น แหวนที่พระมเหสีฮันประทานแก่สนมยุนซุกยอนนั้นหายไป
สนมให้นางในช่วยหาแต่ก็ไม่พบ ไต้เท้าโนถามโชชิคยอมว่า "พระอัยยิกากับพระพันปีไม่มีทางปล่อยให้ตำแหน่งมเหสีว่างได้นานหรอก
ชิคยอม เจ้าคิดว่าจะสนับสนุนใครขึ้นเป็นแทน" "ธิดาเจ้ากรมกลาโหม สนมยุนซุกยอน
ถ้าได้เป็นพระมเหสี ข้าเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการว่าราชการของฝ่าบาท
มีส่วนช่วยพระองค์ได้อย่างมากครับ" "ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะ" "ทำไมครับ" "ชิคยอม
เราต้องสนับสนุนสนมออม ให้เป็นพระมเหสีจะดีกว่า" "ท่านพ่อ สนมออม
เป็นคนที่ไต้เท้าซังตังเสนอเข้าไป ถ้านางได้ครองตำแหน่งมเหสี
ราชสำนักกับเหล่าขุนนาง ก็จะไม่พ้นเงื้อมมือไต้เท้าซังตังอีกน่ะครับ" "ใช่
ถึงบอกว่าให้นางเป็นมเหสีจะเหมาะที่สุด ใครจะมีอำนาจในวังก็ช่างเถอะ
เราไม่เกี่ยวด้วย สำคัญคือเราต้องมีหลักยึด
ให้ครอบครัวเราอยู่รอดปลอดภัยก็พอแล้ว" "แต่ว่า
ข้าทำตามที่ท่านพ่อสั่งไม่ได้" "หมายความว่า
เจ้าจะขัดคำสั่งข้างั้นหรือ" "ตอนนี้ตำแหน่งเจ้ากรมหาดเล็กเป็นของข้า
เพราะฉะนั้น ท่านปล่อยให้ข้าดำเนินการเองจะดีกว่า" ไต้เท้าโนโกรธมาก
จนไปบ่นกับซอยอง "เดี๋ยวนี้ชิคยอมเปลี่ยนไปเยอะนัก
เขาไม่ใช่เด็กที่ว่านอนสอนง่าย ให้ข้าชี้นกเป็นนกเหมือนแต่ก่อนอีก ซอยอง เห็นทีว่า
ถึงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวพืชผลที่เจ้าเคยไปหว่านไว้ในวังซะแล้ว" "ไม่ต้องห่วง
ข้าจะทำตามที่สั่งค่ะ"

จบเรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 19

เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 20

พระพันปียินซูทรงมีรับสั่งให้หญิงงามที่ได้รับการคัดเลือกเป็นพระสนมของพระเจ้าซองจงเข้าเฝ้า
พระนางทรงมีรับสั่งถามทุกคนว่าผู้ใดอยากเป็นพระมเหสีพระองค์ใหม่ของพระเจ้าซองจงถึงได้กล้าทำหนังสือสนเท่ห์ขึ้นมา
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็พากันทูลปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกนาง
ยุนโซฮวาทูลเสนอให้สืบหาความจริงให้กระจ่างเสียก่อนเป็นการดีที่สุด พระอัยยิกาจองฮีทรงรู้เรื่องเหลวไหลที่เกิดขึ้นที่พระตำหนักหลวง
พระพันปียินซูทรงทูลพระอัยยิกาจองฮีถึงเรื่องหนังสือสนเท่ห์
พระอัยยิกาจองฮีทรงตกพระทัยมากจึงทรงมีรับสั่งให้สืบหาความจริง
แต่พระพันปียินซูกลับทรงเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวพันกับกรมมหาดเล็กอย่างแน่นอน
พระนางจึงทรงอาสาสืบหาความจริงนี้ด้วยพระองค์เอง
เรื่องหนังสือสนเท่ห์แพร่สะพัดไปทั่ววังหลวง
คิมชูซอนเห็นว่าเนื่องจากมีหนังสือสนเท่ห์เป็นจำนวนมาก
การสืบหาความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้เวลาในการสืบหาความจริง
หากพบหนังสือสนเท่ห์อีกให้รีบนำความรายงานต่อโชชิคยอมทันที
โชชิคยอมนำนางกำนัลห้องตัดเย็บมาสอบปากคำ
ในขณะที่หัวหน้านางกำนัลห้องตัดเย็บกำลังหลบหนีนั่นเองถูกชองฮันซูฆ่าปิดปาก
ตามคำสั่งของซอยอง "รับรองว่าไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก หึ ไม่ต้องเป็นห่วง"
ชองฮันซูกล่าว "แล้วทำไมทำหน้าตึงเครียดนักล่ะ" "ตอนนี้มือข้าเปื้อนเลือดแล้ว
ข้าสังหารคนที่ไม่มีความแค้นกับข้าเลย" "เขาเรียกว่าตัดไฟแต่ต้นลมต่างหาก" "อะไรนะ" "ถามหน่อยเถอะ
เป้าหมายของท่านคืออยากเป็นเจ้ากรมมหาดเล็กซึ่งมีอิทธิพลล้นฟ้าในวังใช่หรือเปล่า
งั้นก็น่าจะเข้าใจ เหตุผลที่ว่าถ้าเราจะอยู่รอด
คนอื่นก็ต้องตายแทนมันไม่ใช่เรื่องแปลกซักนิด
อย่าว่าแต่โชชิคยอมหรือไต้เท้าซังตังเลย
แม้แต่พระราชาที่ครองบัลลังก์อยู่ทุกวันนี้อย่างสง่าผ่าเผย
ต่อให้อ้างความชอบธรรมยังไงก็ช่าง แต่เบื้องหลัง
ก็เกิดจากการนองเลือดของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนทั้งนั้น สิ่งที่ท่านทำในวันนี้
แค่บทเรียนขั้นแรกเท่านั้น อีกหน่อยถ้ามีความทะเยอทะยานมากขึ้นตามลำดับ
มือของท่านก็จะยิ่งเปื้อนเลือดมากกว่านี้อีก" พระพันปียินซูทรงพบแหวนหยกของยุนโซฮวาและยุนซุกยอนในห้องของหัวหน้านางกำนัลห้องตัดเย็บ
เมื่อเป็นเช่นนี้พระพันปียินซูจึงทรงมีรับสั่งให้ยุนโซฮวาและยุนซุกยอนเข้าเฝ้าเพื่อสอบถามความจริง
ยุนซุกยอนทำแหวนหยกหายไปจึงรู้สึก ไม่สบายใจขึ้นมา
ทำให้ยุนโซฮวาเป็นห่วงนางขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้ยุนโซฮวาจึงจงใจโกหกพระพันปียินซูว่านางก็ทำแหวนหยกหายไปเช่นเดียวกัน
พระพันปียินซูทรงต่อว่าทั้งคู่ "เหลวไหลนัก พอกันทั้งคู่
พวกเจ้าไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้
จะคู่ควรเป็นถึงสนมเอกของฝ่าบาทได้ยังไง" "ขอทรงอภัยเพคะ" "ข้าจะให้เวลา
3 วัน หาแหวนให้พบให้ได้ ไม่งั้นละก้อ ข้าจะสั่งปลดพวกเจ้าทั้งสองคน
และไล่ออกจากวังอีกต่างหาก" โอซังกุงถามยุนโซฮวา ทำไมทูลอย่างนั้น
ยุนโซฮวาตอบว่า "ถ้าข้ามอบแหวนให้พระพันปี ตามที่ทรงมีรับสั่งถามหา
สนมซุกยอนก็จะมีความผิดฐานทำให้แหวนหายไป ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง
ข้าคงไม่อาจทำตามสัญญา
ที่ให้ไว้กับพระมเหสีได้อีก" ฮุงบีนางในที่หลงชอบคิมชูซอนแอบมาพบซอยอ "คุณหนู
ไม่ทราบสบายดีหรือเปล่าคะ" "งานคราวที่แล้วทำดีมาก
นี่คือรางวัลให้เจ้า" "หึ ขอบคุณมากค่ะ" "งานนี้ก็เหมือนกัน
ต้องทำให้เรียบร้อยหมดจดล่ะ" "ไม่ต้องห่วงค่ะ" "อึม
แล้วกับลูกบุญธรรมท่านเจ้ากรมฯ ล่ะ
ตีสนิทได้แค่ไหนแล้ว" "เป็นไปตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง" "หึ
ขันทีก็ไม่ต่างกับผู้ชายทั่วไป แค่เราหมั่นออเซาะฉอเลาะ
ความสนใจของเขาก็ไม่ไปไหนหรอก" "ข้อนี้ข้ารู้อยู่แล้วค่ะ" "ดีมาก
ข้าเชื่อเจ้าเสมอ" ยุนโซฮวาทูลพระเจ้าซองจงว่านางไม่ค่อยสบาย
เกรงว่าจะปรนนิบัติพระองค์ไม่ได้ดี
และทูลขอร้องพระเจ้าซองจงให้ช่วยปลอบใจยุนซุกยอนเรื่องแหวนที่หายไป
พระเจ้าซองจงเสด็จไปหายุนซุกยอน "หึๆ กลัวจะถูกขับออกจากวังเพราะทำแหวนหาย
เจ้าเลยซูบไปเป็นกองงั้นหรือ" "เพราะพระพันปีทรงมีรับสั่งเฉียบขาดน่ะเพคะ" "ถ้าแค่นี้ไล่คนออกจากวังได้
ป่านนี้ในวังคงเงียบเหงา
ไม่มีผู้หญิงซักคนล่ะมั้ง" "แต่ว่า" "ไว้ข้าจะไปทูลเสด็จแม่เอง
ไม่มีปัญหาหรอก เจ้าอย่าห่วงนักเลย" พระพันปียินซูทรงพบตุ๊กตา
ซึ่งพระองค์คิดว่าเป็นการสาปแช่งพระมเหสีฮันให้มีอันเป็นไป
จึงทรงสืบหาว่าใครเป็นคนทำ แล้วก็สรุปว่าตุ๊กตานี้อยู่หลังตำหนักของยุนโซฮวา
จึงทรงเข้าใจว่ายุนโซฮวาเป็นคนทำ พระพันปียินซูทูลเรื่องนี้ให้พระอัยยิกาจองฮีทราบและเรียกยุนโซฮวามาพบด่วน "สนมยุน
รู้มั้ยว่าสองตัวนี้คืออะไร" พระอัยยิกาจองฮีตรัสถาม "หม่อมฉัน
ไม่ทราบว่าคืออะไรเพคะ" พระพันปียินซูชังน้ำหน้า "ไม่รู้หรือ
เราค้นได้จากที่พักของเจ้า จะบอกว่าไม่รู้ได้ยังไง ยุนโซฮวา
ทำไมเจ้าใช้วิชามารเหล่านี้ เพื่อปองร้ายพระมเหสี
แถมยังสั่งให้ซังกุงห้องเย็บปักไปติดประกาศทั่ววัง
สร้างความวุ่นวายไปทั่วน่ะ" "พระพันปีเพคะ
หม่อมฉันไม่ทราบว่ามีใครมาทูลยุยงอะไรหรือเปล่า แต่เรื่องที่เกิด
หม่อมฉันไม่รู้อะไรจริงๆ เพคะ" "แหวนที่เจ้าบอกว่าทำหายไป
เราพบในห้องพังซังกุงที่หนีไปก่อนหน้า
เจ้ายังคิดปฏิเสธหรือเปล่า" ยุนโซฮวานิ่ง
พระพันปียินซูทรงหันไปทางพระอัยยิกาจองฮี "เสด็จแม่เพคะ เห็นทีต้องใช้ไม้แข็ง
ถึงจะให้นางพูดความจริงได้แล้ว" "เอ่อ พระพันปีเพคะ
หม่อมฉันจะทำเรื่องสาปแช่งพระมเหสีได้ยังไง ในเมื่อพระมเหสี
ทรงดีต่อหม่อมฉันราวกับพี่สาวแท้ๆ และหม่อมฉันยังจะใส่ร้าย
สนมซุกยอนซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีได้ยังไง เป็นไปไม่ได้หรอกเพคะ ถ้ายังไง
ขอทรงไตร่ตรองให้ดี แล้วค่อยลงอาญาหม่อมฉันเถอะ" "เจ้านี่ช่างบังอาจจริงๆ
ฮงซังกุง ลากตัวนางออกไปลงโทษซะ" "เอ่อ ฮือ พระพันปีเพคะ พระพันปี
หม่อมฉันบริสุทธิ์จริงๆ นะเพคะ พระพันปีๆ ฮือ พระพันปี ได้โปรดทรงไต่สวนให้ดีก่อน
เอ่อ" ยุนโซฮวาคลื่นไส้ พระอัยยิกาจองฮีทรงเห็นรีบตรัส
"หยุดก่อนซิ" "เสด็จแม่อย่าทรงใจอ่อนนะเพคะ" "ปล่อยตัวนางเดี๋ยวนี้" ยุนโซฮวาหอบและคลื่นไส้มาก
ยางชองอุนถูกตามตัวมาตรวจ "ทรงตั้งครรภ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ" "หา นางตั้งครรภ์?
เป็นความจริงหรือนี่" "ที่น่ายินดีคือพระสนมและสายพระโลหิตในครรภ์
ล้วนแข็งแรงทั้งคู่พ่ะย่ะค่ะ" "อ้อ เจ้าตั้งครรภ์ก็ไม่บอกก่อน
จนเกือบจะถูกจับไปทรมานซะแล้ว
เฮ่อๆๆ" พระพันปีแม้จะทรงทราบแต่ก็ทรงอยากให้เอาผิดยุนโซฮวาให้ได้
แต่พระอัยยิกาจองฮีทรงปรามไว้ว่าสำคัญที่ลูกในท้องของนาง
พระนางไม่อยากให้มีการสูญเสียอีก โชชิคยอมรู้เรื่องจากยางชองอุนว่ายุนโซฮวาน่าจะรู้ตัวก่อนแล้วว่าตั้งครรภ์
เพราะครรภ์ได้สักสามเดือนแล้ว
โชชิคยอมเคยพูดไม่ดีเพราะคิดว่ายุนโซฮวาอยากเป็นพระมเหสี จึงรีบมาขอขมา
เพราะเข้าใจผิด "หม่อมฉันจะมาขอขมาพระสนม
เกี่ยวกับเรื่องที่เข้าใจผิด" "หึ อย่าพูดอย่างงั้น
ข้ารับไม่ได้หรอก" "พระสนมเคยรับสั่งถึงตำแหน่งมเหสี
อยากให้มีการคัดเลือกเร็วๆ หม่อมฉันเลยเข้าใจผิด นึกว่าพระสนมอยากเป็นซะเอง
แต่ตอนนี้ถึงรู้ว่า พระสนมอยากให้มีการแต่งตั้ง ก่อนที่ พระครรภ์จะโตขึ้นจนใครๆ
เห็นเด่นชัด ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว" "ข้าเพียงแต่ไม่อยากอาศัยลูกในท้อง
ช่วยให้ตัวเองได้ดี เป็นถึงตำแหน่งพระมเหสี
ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้มาจากตระกูลที่สูงส่ง ถึงได้เป็นพระมเหสี
อีกหน่อยก็คงไม่มีปัญญา จะช่วยอะไรฝ่าบาทได้
ซึ่งเท่ากับเปล่าประโยชน์" "ถ้าอย่างงั้น พระสนม
ทรงเห็นว่าใครเหมาะกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ธิดาเจ้ากรมกลาโหม สนมยุนซุกยอน
เหมาะจะเป็นพระมเหสีมากกว่า" ชองฮันซูถูกจับตัวมาตรงหน้าโชชิคยอม "ใครเป็นคนบงการให้เจ้า
สังหารซังกุงห้องเย็บปัก ไต้เท้าซังตังหรือว่าเจ้ากรมอาญา"
โชชิคยอมสอบสวน "ทำไมท่านมั่นใจว่าเป็นฝีมือข้าน้อยล่ะครับ" "บาดแผลบนร่างผู้ตายเหมือนลายตวัดพู่กันของบัณฑิต
เท่าที่เราชันสูตรบาดแผลของซังกุงคนนั้น พบว่าเป็นรอยกระบี่ของมหาดเล็กแน่นอน
และคนที่กล้าลงมือขนาดนี้ได้ ก็มีแต่เจ้า ชองฮันซูคนเดียว เจ้าคิดว่า
ข้าพูดถูกหรือเปล่า" "ไต้เท้าพูดถูกแล้ว เป็นฝีมือข้าจริงๆ แต่ว่า
ข้าไม่เห็นมันจะผิดตรงไหน" "อะไรนะ" "แม้แต่ตัวท่านเอง
ก็เคยเปลี่ยนคนที่ครองบัลลังก์มาแล้วไม่ใช่หรือครับ หากจะเทียบกับท่าน
ข้าแค่สังหารซังกุงเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความหมายอะไรไม่ทราบ" "ฮึ่ม
เห็นทีว่าวันนี้ ข้าจะปล่อยให้คนอย่างเจ้า รอดชีวิตไม่ได้ซะแล้ว" "ไหนๆ
ข้าก็เป็นขันทีไปแล้ว ถึงจะถูกตัดหัวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ แต่ขอว่า
ให้ท่านช่วยดูแลแม่ข้าซักนิด ให้นางอยู่สบายในบั้นปลายจะได้ไหม
เชิญลงมือได้แล้ว" ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น ไต้เท้าโนก็เข้ามาและสั่ง
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ" "ท่านพ่อ
ทำไมมาถึงนี่ได้ล่ะครับ" "ละเว้นชีวิตเขาซักครั้ง" "ชองฮันซู
ทำผิดใหญ่หลวงต่อราชสำนัก ยังไงข้าก็ปล่อยเขาไม่ได้" "ชิคยอม
เจ้าจะฆ่าน้องตัวเองหรือไง" "น้อง น้องอะไรกันครับ
ข้าไม่เข้าใจความหมายของท่านพ่อ" "ข้า
จะรับฮันซูเป็นลูกบุญธรรมอีกคน" โชชิคยอมอึ้งไปทีเดียว
และเมื่ออยู่กันตามลำพัง โชชิคยอมขอให้ไต้เท้าโนคิดให้ดีก่อน
ไต้เท้าโนบอกว่าเขาตัดสินใจแล้ว "คนๆ นี้เหมือนเป็นแกะดำของกรมมหาดเล็ก
แถมยังฆ่าคนเป็นผักปลา
ท่านพ่อชอบคนแบบนี้ด้วยหรือ" "อดีตเจ้าก็เคยฆ่าคนไม่น้อย
เพื่อหวังเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ไม่ใช่หรือ" "ตอนนั้นข้าทำเพื่อช่วยบ้านเมืองที่ตกอยู่ในสภาพวิกฤติ
แก้ปัญหาความวุ่นวายในกรมมหาดเล็ก
ถึงจำเป็นต้องทำอย่างงั้น" "ฮันซูก็เหมือนกัน
เขาฆ่าคนเพื่อพิทักษ์ปกป้องครอบครัวของเราไว้" "หมายความว่า ท่านพ่อเป็นคน
สั่งให้ซังกุงห้องเย็บปัก ทำเรื่องติดประกาศ
เกี่ยวกับตำแหน่งพระมเหสีงั้นหรือ" "ถูกต้อง
ฮันซูแค่ทำตามคำสั่งข้าเท่านั้น" "ท่านพ่อ ทำไมถึงได้
ทำไมท่านไม่เชื่อการทำงานของข้าแล้วหรือครับ" "ข้าเชื่อเจ้าเสมอและฝากความหวังไว้กับเจ้าด้วย
แต่ว่า เจ้าทำผิดจุดประสงค์ของข้า ไปเป็นศัตรูกับเหล่าขุนนาง
ทำให้เราอยู่ในสภาพง่อนแง่น ข้าเลยจำเป็นต้องทำให้บ้านเราอยู่รอดก่อน
เจ้าจงยอมรับเถอะนะ ชิคยอม ตอนนี้ถือว่าเจ้าเป็นลูกคนโตของข้า
แต่อีกหน่อยข้าจะให้ใครสืบสกุลต่อ ยังต้องคิดอีกที
เข้าใจหรือเปล่า" พระเจ้าซองจงทรงตรัสต่อว่ายุนโซฮวาเล็กๆ "ทำไมไม่บอกเรื่องตั้งครรภ์แต่แรกล่ะ
เกือบทำให้เสด็จแม่เข้าพระทัยผิด จนจับเจ้าไปลงโทษซะแล้ว" "แล้วฝ่าบาทล่ะเพคะ
ทรงเชื่อในความบริสุทธิ์ของหม่อมฉันหรือเปล่า" "แน่นอน
ต่อให้ทุกคนในโลกนี้เข้าใจเจ้าผิดหมด ข้าก็เชื่อว่าเจ้าเป็นคนดีเสมอ" "ฮือ
ฝ่าบาท ฮือ" เมื่อพระเจ้าซองจงเสด็จกลับไปแล้ว
คิมชูซอนอยู่รอพบยุนโซฮวา "ชูซอน ทำไมไม่ตามฝ่าบาท
กลับไปที่ตำหนักใหญ่ด้วยกันล่ะ" "หม่อมฉันรออยู่นี่เพราะมีเรื่องจะถามพระสนม" "หึๆ
เจ้าก็อยากรู้ว่า ทำไมข้าไม่ยอมปริปากเรื่องตั้งครรภ์
ให้คนอื่นรู้ใช่มั้ย" "หม่อมฉันอยากรู้ว่าเพราะอะไร
ในเมื่อพระพันปีทรงกริ้วขนาดนั้น ถึงขั้นจะไล่พระสนมออกจากวังด้วยซ้ำ
และทำไมต้องยกฝ่าบาทไปให้หญิงคนอื่น
ทั้งที่พระสนมก็รักฝ่าบาทมากอยู่" "ขอเพียงฝ่าบาททรงมุ่งมั่น
ที่จะทำงานเพื่อบ้านเมืองอย่างเต็มที่ เป็นพระราชาที่ทุกคนต่างก็ยกย่อง
ต่อให้ข้าถูกใส่ร้าย หรือขับออกจากวังด้วยความเข้าใจผิด
ข้าก็ไม่มีวันเสียใจ" "พระสนม" "ชูซอน
ถ้าหน้าที่ของมหาดเล็กอย่างเจ้าคือคอยถวายงาน
ด้วยความภักดีต่อฝ่าบาทจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถ้าอย่างงั้น หน้าที่ของข้าก็เหมือนกัน
คือปรนนิบัติฝ่าบาท
คอยส่งเสริมพระองค์" หลายเดือนต่อมายุนโซฮวาอยู่กับพระเจ้าซองจง
ทรงรำลึกถึงความหลัง ทันใดนั้น ยุนโซฮวาก็เจ็บครรภ์ขึ้นมา เมฆดำปกคลุมท้องฟ้า
ฟ้าร้องดังสนั่นไปทั่ว ยุนโซฮวาคลอดก่อนกำหนด แชซังกุงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
จากนั้นก็รำพันออกมาว่าถึงเวลาที่ราชวงศ์โชซอนล่มสลายแล้ว

จบเรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ คิมชูซอน ตอนที่ 20

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn


Related Posts



3 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ^^

hippogriff on 7/15/2008 said...

ตืดตามเรื่องย่อที่นี่ตลอดเลย
เย้ๆๆๆ ขอบคุณมากเลยนะคะ

Anonymous said...

เยี่ยมเลยค่ะ ขอบคุณมาก

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal