Wednesday, August 19, 2009

มูยุล เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์- มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน (21) ถึง(22)

มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 21

เมื่อ มูยุลเดินทางกลับถึงแคว้นโกคูรยอก็ถูกนักฆ่าลอบสังหาร ที่แท้ทั้งหมดเป็นแผนการของโทจินที่ต้องการขัดขวางไม่ให้มูยุลกลับแคว้นโกคู รยอนั่นเอง แผนการของโทจินไม่เพียงไม่สำเร็จ ทั้งยังโชคร้ายได้รับบาดเจ็บเสียเองอีกด้วย

มูยุลกลับมาถึงแคว้นโกคูรยออย่างปลอดภัย เขาสั่งให้มาโนไปตามยอน จากนั้นมูยุลก็เข้าเฝ้าเพื่อทูลถวายรายงานต่อพระเจ้ายูริ

เวลานั้นพระราชายูริทรงตรัสกับเหล่าแม่ทัพว่า

" ทัพใหญ่ของเรา จะใช้เส้นทางบนเขา "ฮาชอง" ส่วนกองกำลังหน่วยที่สอง จะแยกย้ายไปทาง "ซูพักซาน" และ "แผ่กซาน" อย่าลืมว่าการสู้รบ ความพร้อมของเสบียงจะเป็นสิ่งสำคัญมาก"

พวกแม่ทัพน้อมรับ "พะยะค่ะ"

"ฝ่าบาท องค์ชายมูยุลมาแล้วพะยะค่ะ"

"เชิญเข้ามาเร็ว ลำบากเจ้าจริงๆ สบายดีใช่ไหม"

"พะยะค่ะ"

"เจ้าเดาไว้ไม่ผิด พูยอเริ่มจะเปิดศึกแล้ว ขนาดใกล้ถึงฤดูหนาว พวกเขายังไม่นำพา แสดงว่าอ๋องเทโซเตรียมจะเล่นงานเรามานาน"

เฮ ยาทูลว่า "แต่ว่าฝ่าบาทเพคะ องค์ชายได้เสด็จไปตรวจทหารที่ชายแดน ทำให้ทุกคนมีกำลังใจขึ้นมาก เชื่อว่าทหารพูยอคงไม่อาจข้ามแดนมาง่ายๆ"

"ถ้าจะรับมือพวกเขา เราต้องใช้ความได้เปรียบในแง่ของพื้นที่"

"ใช้ความได้เปรียบด้านพื้นที่ยังไง"

" นั่นคืออย่ารอให้พวกเขาบุกมา เราจะเป็นฝ่ายรุกก่อน เขตที่พวกเขาจะเข้ายึด จะมีเมือง ซังจี แผ่กซอง และเมืองแทอัน ถ้าเราไปปักหลักที่นั่น คงรับมือได้ไม่ยาก นี่คือแผนที่ของสามเมืองนี้ รวมถึงแผนการสู้รบและวิธีโยกย้ายชาวบ้าน"

พระราชายูริทรงชื่นชม "เจ้าทำงานดีมาก"

มาโนกลับมาบอกมูยุลว่ายอนไม่อยู่ในวัง มูยุลไปถามมาวังว่ายอนอยู่ไหน

"เอ่อ ระหว่างที่องค์ชายไปอยู่ชายแดน,นางได้รับความลำบากเลือดตาแทบกระเด็น"

"ลำบากยังไง ใครทำอะไรนาง"

มาวังเล่าเรื่องยอนให้มูยุลฟัง มูยุลแปลกใจมาก

"พระมเหสีน่ะหรือ ทำไมจับต้องนางไป"

"รายละเอียดก็ไม่รู้ชัด แต่ดูเหมือนจะสงสัยฐานะของนาง เพราะถามว่านางเป็นอะไรกับองค์ชาย แถมยังจับไปทรมาน เฆี่ยนตีซะยับเยินหมด หึ"

"แล้วตอนนี้นางอยู่ไหน"

" เฮ่ย ไปอยู่บ้านท่านซังกา ทำไงได้ เพราะองค์ชายไม่อยู่ หม่อมฉันไม่อยากเห็นนางถูกทรมานจนตาย ก็เลยไปขอร้อง ให้ท่านซังกาช่วยหน่อย อย่างน้อยยอนก็เคยรักษาให้เขา ที่แล้วมา ท่านซังกาก็เอ็นดูนางไม่น้อย เดี๋ยว องค์ชายจะไปไหน"

"ไปรับนางกลับมา"

" องค์ชาย เรากำลังจะเปิดศึกกับพูยอ เกิดใครรู้ถึงความสัมพันธ์นี้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่องค์ชาย แม้แต่ยอนก็จะเดือดร้อนด้วย หึ ถ้าทรงหวังดีต่อนางจริง ก็ให้อยู่กับท่านซังกาไปก่อนเถอะ ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องนางกับองค์ชาย เชื่อว่านางน่าจะปลอดภัย เกิดองค์ชายรับนางเข้าวัง แล้วไปออกรบอีก นางมิแย่หรอกหรือ ถ้าให้พระมเหสีรู้เข้า คราวนี้มีหวังตายแน่" มูยุลฟังแล้วก็คิดตาม

โทจินเกลี้ยกล่อมยอนให้เดินทางกลับแคว้นพูยอ แต่ยอนกลับยืนกรานว่านางจะอยู่เคียงข้างมูยุลตลอดไป

" ยอน อ๋องเทโซประกาศศึกกับโกคูรยอแล้ว ใต้เท้าแชบูพาทหารนับหมื่น ใกล้มาถึงชายแดนโกคูรยอ ข้า คงต้องรีบกลับไปพูยอ เจ้าไปกับข้า กลับไปด้วยกันนะ ยอน"

"ข้า ยังไงก็ไม่กลับไปอีก"

"ศึกนี้ยังไงพูยอต้องเป็นฝ่ายชนะแน่ ถ้าไม่กลับไปตอนนี้ ไม่แน่เจ้าอาจมีอันตรายก็ได้"

" พี่โทจิน ข้าไม่เคยกลัวตายหรอกนะ ตอนออกจากแคว้นพูยอมา ถูกพ่อค้าทาสจับไปซื้อขายราวกับสัตว์เลี้ยง จนมีหลายครั้งที่ข้าเกือบตาย ถ้ากลับไปอีกครั้ง ข้าคงไม่ได้ทำอะไร อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ข้าอยากอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้ารอ คนที่ตัวเองรัก"

โทจินรายงานแพกึยว่า

" ใต้เท้าแชบูนำทัพใหญ่ใกล้จะมาถึง ส่วนแคว้นพูยอก็พร้อมจะรับศึกเต็มที่ เมื่อท่านมีสัญญากับฝ่าบาทไว้ แล้วเมื่อไหร่จะช่วยเราจริงๆ ซะที"

"เจ้าพูดมาก็ถูก แต่ข้าไม่อยากหลับหูหลับตาช่วยเหลือ เจ้ากลับไปพูยอ ทูลให้อ๋องเทโซทรงทราบตามนี้"

"ครับ"

บ่าวคนสนิทเข้ามา แพกึยถาม "มีธุระอะไร"

"เอ่อ เจ้าออกไปก่อน เป็นฝีมือท่านใช่ไหม ตอนนี้ท่านซังกา ไม่ทราบว่าหายไปไหน"

"อะไรนะ นี่ เจ้าเอาอะไรมาพูด"

"ท่านไม่รู้เรื่องจริงหรือนี่"

"อะไรนะ ถึงข้าจะมีความเห็นขัดแย้งกับพ่อบุญธรรม ก็ไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนี้หรอก"

พระ เจ้ายูริทรงตระหนักดีว่าถ้าหากไม่ร่วมมือกับชนเผ่าทั้งหลาย แคว้นโกคูรยอไม่มีทางชนะศึกสงครามอย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้พระเจ้ายูริจึงทรงตัดสินพระทัยพบกับซังกาอย่างลับๆ

" ตอนนี้ทหารพูยอ มาปักหลักในเส้นทางที่ใกล้ชายแดนของเราเต็มที ถึงขั้นนี้แล้วคงไม่อาจเลี่ยงการทำศึกได้ และข้าก็คาดหวังในชัยชนะ เพื่อปราบพูยอไม่ให้กำแหงกับโกคูรยอของเราอีก หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจตามนี้ จึงอยากให้หัวหน้าเผ่า ตามข้าไปออกศึกพร้อมกัน"

มู ยุลกล่าวว่า "ทหารพูยอที่เดินทางมานั้น ถึงที่หมายเมื่อไหร่ พวกเขาต้องจู่โจมอย่างไม่รอช้า แต่ว่า เราก็ไม่ยอมให้พวกเขา มาล่วงล้ำดินแดนของเราได้ ฉะนั้นเราจะไม่เป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว แต่จะเดินทางไปเขา ฮาชอง เพื่อรับมือกับพวกเขาแทน"

"หมายความว่า เราจะไปสู้กับพวกเขาในฐานที่มั่นงั้นหรือ"

"ใช่ เมื่อไปถึง เราจะบุกก่อนด้วยซ้ำ" มูยุลว่า

แพกึยทูลว่า "ฝ่าบาท เราต่างก็เข้าใจว่าศึกนี้คงไม่อาจเลี่ยงได้ แต่ทำไมถึงได้ทรงทำการบุ่มบ่ามเช่นนี้"

"ข้าบุ่มบ่ามยังไง เขาฮาชองเป็นทำเลที่ดีนัก"

"แต่ก็เสี่ยงที่จะถูกจู่โจมได้เหมือนกัน ถ้าถูกสกัดกลางทาง เราจะเพลี่ยงพล้ำทั้งกองทัพ"

" พวกท่านก็รู้ว่าหลายปีนี้ เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับชนเผ่ารอบข้างมาตลอด ตอนนี้แม้แต่แคว้นชิลลา ก็เตรียมกำลังจะมาช่วยเรา ส่วนเมือง ฮวางยง และเมือง ยางแบ ก็บอกว่าจะส่งทหารมาช่วยเหมือนกัน ยังมีเผ่าคีซานขององค์หญิงเซยู มีกำลังเท่าไหร่ก็จะเทให้เราทั้งสิ้น แค่นี้ยังว่าวู่วามอีกหรือ"

"แต่ว่า ฝ่าบาทจะทรงคิดถูกหรือไม่ น่าจะให้เวลาเราได้ปรึกษาหารือบ้าง"

"ทหารพูยอมาประชิดทุกขณะ พวกท่านยังจะปรึกษาอีกหรือ"

"ฝ่าบาท แม้พวกเราจะเป็นข้าราชบริพาร แต่ก็เป็นหัวหน้าของชนเผ่าต่างๆ ด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะไม่ให้เวลาบ้างหรือพะยะค่ะ"

"ท่านซังกา"

"พะยะค่ะฝ่าบาท"

" ขอถามท่านในฐานะประมุขของทุกชนเผ่า ถ้าไม่ผ่านความเห็นชอบจากพวกท่าน ข้ายังจะสู้อีก พวกท่านยังจะถือเสียงส่วนใหญ่ มาคัดค้านการตัดสินใจของข้าหรือเปล่า"

"หึ ชนเผ่าทั้งหลาย จะสนับสนุนทั้งทหารและเสบียง" ซังกาทูล

พอกลับมา บ่าวก็ถามซังกาว่า

"ท่านบอกว่าสนับสนุนทุกทาง แปลว่าเห็นด้วยกับการเปิดศึกหรือครับ"

แพกึยถอนใจ "เฮ่ย"

ซังกาบอกว่า "เรายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ"

"พูดแบบนี้เหมือนไม่รับผิดชอบชัดๆ เราน่าจะถ่วงเวลาไว้แล้วกดดันพระราชายูริ สุดท้ายก็ให้เห็นผลอย่างที่เราต้องการก็ยังดี" แพกึยว่า

ซังกาดุ "หึ ไม่มีหัวคิดซะบ้าง"

แพกึยโกรธ "ท่านซังกา"

" ป่านนี้ยังไม่รู้เหนือรู้ใต้อีก หลังจากองค์ชายแฮเมียงสิ้นพระชนม์ ยูริก็ผูกมิตรกับแคว้นต่างๆ ที่อยู่รอบข้าง เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็เห็นอยู่ ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริง แม้แต่แคว้นชิลลาและฮวางยงยังมาช่วยละก้อ กองทัพพูยออย่าหวังชนะได้เลย"

"เพราะรู้อย่างงี้เราถึงต้องคัดค้านไว้ก่อน ถ้าให้ยูริชนะแคว้นพูยอ เขาจะยิ่งใหญ่มากขึ้น แล้วหลังจากนั้นเรามิแย่หรอกหรือ"

"ถึงไม่มีหัวหน้าเผ่าอย่างเรา เขาก็สามารถชนะศึกนี้ได้อยู่แล้ว หลังจากนั้นเจ้าจะทำยังไง"

"ไม่ว่าเจ้าจะเถียงยังไง ข้าก็ไม่เปลี่ยนใจที่จะช่วยยูริออกศึก ในฐานะประมุขแห่งเผ่าพีรู ขอสั่งให้หุบปากซะ"

000000000000

ที่แคว้นพูยอ โทจินเข้าเฝ้าพระราชาเทโซ

"แพกึยให้เจ้ากลับมาหรือ"

"พะยะค่ะ เขาบอกว่า จะเกลี้ยกล่อมหัวหน้าเผ่าทั้งหลาย ไม่ให้ช่วยพระราชา ยูริออกศึก"

"อึม มีแค่นี้เองหรือ"

"แต่คนๆ นี้ ดูแล้วไม่มีทางซื่อสัตย์ต่อฝ่าบาทได้ เพราะสิ่งที่เขาคิด คือให้สองฝ่ายบาดเจ็บล้มตาย แล้วเผ่าพีรูจะได้ขึ้นมาแทน"

"ถึงไม่บอก ข้าก็รู้อยู่แล้ว ไม่เป็นไร ขอเพียงเขาคอยค้านพระราชายูริก็พอ"

"หม่อมฉัน ยังมีเรื่องจะทูลขออีก"

"เรื่องอะไรก็ว่ามา"

"หม่อมฉันจะขอ มีส่วนร่วมในการทำศึกคราวนี้ด้วย"

"ข้าดีใจที่เจ้าอาสา แต่เจ้ายังมีงานต้องทำในโกคูรยอ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเผยตัว"

"ถ้าทรงห่วงเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร หม่อมฉันจะไม่ให้ตัวเองเปิดเผยฐานะ ขอทรงอนุญาตด้วย"

ด้านเคยูก็มารายงานมูยุลว่า

"สายสืบเพิ่งมารายงานว่า ทหารพูยอเดินทัพมาถึงเขตภูเขา "แทยอง" แล้ว"

"แค่ 4 วัน ก็มาถึง "แทยอง" เชียวหรือ"

"พะยะค่ะ เดินทางเร็วมาก คาดว่าไม่เกิน 5 วันคงจะถึงชายแดนเรา"

" หึ ทหารที่เดินทัพเร็วขนาดนี้ แสดงว่าคงไม่พ่วงเสบียงมาด้วย หน่วยเสบียงน่าจะตามหลังมา ส่งคนไปสืบดู ว่าหน่วยเสบียงมาถึงช่วงไหนแล้ว"

"เพคะ" เฮยารับคำ

เฮยาสั่งพักโซ และพอเห็นเขากลับมาก็รีบถามว่าได้อะไรมามั้ย

พักโซตอบว่า "เราเห็นหน่วยเสบียงมาตั้งมั่นอยู่ที่ "ยองวาซอง" คาดว่าเพื่อส่งปัจจัยให้กองทัพ ถึงปักหลักอยู่ที่ๆ เดินทางแค่ครึ่งวันก็ถึง"

เฮยาสั่งต่อ "ไปดูให้ละเอียดอีกที"

"ไหนว่าแค่รู้ที่ตั้งของหน่วยเสบียงก็พอแล้วนี่"

"ยังมีกองหนุนที่ต้องระวังอีก อีกไม่นาน ฝ่าบาทกับองค์ชายจะนำทัพมาด้วยพระองค์เอง เราต้องสืบให้แน่ชัด"

มู ยุลคิด "นับแต่นี้ ข้าจะไม่ให้ความสนใจเรื่องชะตากรรมอีก ขอเพียงได้ปกป้องคนที่รัก ปกป้องบ้านเกิดของข้า นั่นจะทำให้ชีวิตข้ามีความหมายมากขึ้น และพร้อมจะสู้โดยไม่กลัวใคร"

ด้านองค์ชายยอจินก็มาทูลของพระราชายูริว่า

"ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันติดตามไปด้วยได้ไหม"

"การปกป้องเมืองหลวงก็เป็นหน้าที่สำคัญ อยู่เป็นกำลังใจให้ราษฎร ทุกคนจะได้ไม่อกสั่นขวัญแขวน"

"พะยะค่ะ"

"ฝ่าบาทต้องทรงปลอดภัยนะเพคะ" พระมเหสีมียูตรัส

"ดูแลฝ่ายในให้ดีล่ะ"

"เพคะ"

คูชูรายงานว่าจะตั้งค่ายที่เขา "ฮาชอง" กองกำลังใหญ่น้อยได้ทยอยเดินทางไปแล้ว

แชบูมาต้อนรับโทจิน เขาจึงขออยู่กองหน้าของทหารพูยอ

"นี่เป็นศึกชี้ชะตา เจ้าแน่ใจว่าจะอยู่ทัพหน้าจริงหรือ"

"ข้ามีความมั่นใจ จะนำชัยชนะกลับมาแน่นอน"

"งั้นก็ดี ให้เจ้าบัญชาการทัพหน้า"

"งั้นข้าจะประชุมวางแผนเดี๋ยวนี้ ช่วยบอกแม่ทัพทุกคนด้วย"

ขณะเดียวกันพระราชายูริทรงนำนกหวีดออกมาให้มูยุลดู

"นี่ก็คือนกหวีด สมัยก่อนแฮเมียง เพิ่งออกศึกครั้งแรก ข้าเคยสอนเขาใช้นกหวีดแบบนี้"

" หม่อมฉัน ก็เคยมีนกหวีดแบบนี้ เจ้าพี่แฮเมียงมอบให้หม่อมฉัน และยังบอกหม่อมฉันว่า ฝ่าบาทเคยประทานให้เขาตอนออกศึก ในคืนที่ เราจะปลงพระชนม์อ๋องเทโซ เจ้าพี่เคยบอกหม่อมฉันว่า ถ้าได้รอดชีวิต จะสอนให้รู้วิธีการใช้ของมัน แต่ว่า จนวันนี้หม่อมฉัน ยังไม่รู้ว่าจะใช้มันยังไง"

" งั้นหรือ งั้นข้าจะสอนเจ้าเอง หึ เสียงที่ยิงออกไปจะเป็นสัญญาณให้ทุกคนเตรียมออกศึก ทหารทุกคนจะคอยฟังสัญญาณนี้อยู่ แต่หากเราไม่ปรองดอง มันจะกลายเป็น เสียงแห่งชัยชนะก็ได้ หรือเป็นเสียงแห่งความพ่ายแพ้ก็ได้เหมือนกัน ข้าศึกมีจำนวนมากน้อยแค่ไหน"

เฮยาทูลว่า "พลเดินเท้าราวๆ 4 หมื่น ส่วนที่ขี่ม้ามีเกือบ 5 พันเพคะ"

พักโซทูลต่อว่า แต่ว่า ฐานที่มั่นของพวกเขา มีของบางอย่างคล้ายกับรถม้า แต่เอาผ้าคลุมไว้เลยไม่ทราบเป็นอะไรพะยะค่ะ"

"รถม้าหรือ"

"เรากำลังสืบอยู่ว่าพวกเขาเอามาทำอะไร ไม่นานคงมีความคืบหน้าเพคะ"

" ถ้าเรามัวแต่ถ่วงเวลา เท่ากับให้ทหารพูยอได้พักผ่อนออมแรงมากขึ้น และพวกหัวหน้าเผ่าก็จะหาเรื่องมาคัดค้านอีก ทันทีที่กองหนุนมาถึง ข้าจะสู้โดยไม่รอช้า พวกเจ้าก็เตรียมตัวด้วยล่ะ"

"พะยะค่ะฝ่าบาท"

"หม่อมฉัน มีเรื่องจะทูลฝ่าบาท" มูยุลทูล

"เรื่องอะไร"

" ทางพูยอคงรู้ว่า จะมีกองหนุนจากแคว้นต่างๆ มาช่วยเรา ถ้าหาก ไปซุ่มโจมตีพวกเขาระหว่างทาง เท่ากับตัดกำลังพวกเราทางอ้อมนะพะยะค่ะ หม่อมฉันอยากพาทหารบางส่วน ไปโจมตีหน่วยเสบียงของพวกเขา เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ"

เมื่อออกปฏิบัติการ เฮยาได้รับรายงานก็รีบบอกมูยุลว่าทหารที่คุ้มครองหน่วยเสบียงของพวกเขา มีมากกว่าที่เราคิดไว้

มาโนสวมรอยเป็นนักรบทมิฬเข้าไปบอกว่าจะมีคนมาปล้นเสบียง แชบูจึงส่งมาคุ้มครอบ

โท จินกับแชบูและแม่ทัพกำลังประชุมกันอยู่ ทหารเข้ามารายงานว่าหน่วยเสบียงถูกโจมตี แม่ทัพคนหนึ่งฮึดจะไปสู้ แต่โทจินห้ามไว้ แล้วชวนไปดูเสบียงเหลือเท่าไหร่

แทชอง มาทูลพระราชายูริว่าทหารของเผ่าคีซานและฮวางยงมาถึงแล้ว องค์หญิงเซยาเข้ามาเฝ้าพระราชายูริ ทรงตรัสว่าถ้าทหารชิลลามาถึงเมื่อไหร่จะบุกทันที

ขณะที่พระราชายูริทรงรอทหารชิลลา คูชูก็เข้ามาทูลว่าทหารชิลลาถอนทัพกลับไปแล้ว

"นี่มันหมายความว่าไง ถอนทัพหรือ"

"หึ ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ทหารชิลลา จะไปจับมือกับแคว้นพูยอแทน"

เฮยาตกใจมาก "หา"

แพกึยรู้เรื่องก็บอกขุนนางว่าต้องรีบไปห้าม ก่อนจะสายเกินไป

หัวหน้าเผ่าต่างมารอเฝ้าพระราชายูริ คูชูจะไล่กลับแต่พระราชายูริรับสั่งให้เฝ้า

"ฝ่าบาท นี่มันอะไรกันแน่ ทหารชิลลาไปเข้ากับแคว้นพูยอหรือ"

"ฝ่าบาทเคยรับสั่งอย่างมั่นพระทัยว่าพวกเขาจะมาช่วย เพราะเราเชื่อฝ่าบาทถึงได้ตามมาออกรบ แล้วตอนนี้จะทำยังไง"

"ไปบอกทหารว่าเราเตรียมจะสู้ต่อ เชิญออกไปได้แล้ว"

"รู้ทั้งรู้ว่าปราชัยยังจะสู้อีกหรือ"

แพ กึยทูลต่อว่า "หม่อมฉันว่าแต่แรกมาก็ไม่ควรสู้กับพวกเขาอยู่แล้ว ขณะที่อ๋องเทโซประกาศศึก เรากลับไม่เจียมตัวนึกว่าอาศัยแค่ชนเผ่าต่างๆ จะรับมือพวกเขาได้ นั่นคือความคิดที่ผิด"

"หุบปาก" พระราชายูริทรงโกรธ

"เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังไม่สาย ส่งหนังสือขอหย่าศึกกับแคว้นพูยอ พวกเขาต้องการอะไรก็ให้ไป"

"อยากได้แผ่นดินก็ยกให้ใช่ไหม ทำแบบนี้ยังคู่ควรเป็นขุนนางหรือเปล่า"

" เพราะเป็นขุนนาง หม่อมฉันถึงได้ทูลเตือน ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยผิด นอกจากนำภัยมหันต์มาสู่บ้านเมืองแล้ว ยังจะทำให้ราษฎรเดือดร้อน" แพกึยว่า

"ที่นี่คือสนามรบ ใครที่ขัดคำสั่งข้า ข้าจะไม่ให้อภัยอย่างแน่นอน"

" ถ้าให้ถลำลึกมากกว่านี้ เราขอยอมตายที่นี่ดีกว่า องค์ชายเคยบอกว่า อยากให้หัวหน้าเผ่าทุกคนยอมรับใช่ไหม นี่คือโอกาสดีแล้ว อ๋องเทโซ ต้องการตัวองค์ชายมูยุล เพราะองค์ชายเคยไปลอบปลงพระชนม์ จึงสมควรชดใช้ในสิ่งที่ก่อขึ้น ไม่อย่างงั้น เราจะถอนกำลังออกหมด ไม่ให้ช่วยฝ่าบาทอีก"

ขณะที่แชบูก็สั่งให้ทุกหน่วยเตรียมตัวออกศึก มูยุลรีบมาทูลรายงาน

"ฝ่าบาท ทหารพูยอ เริ่มจะบุกมาอีกแล้ว ถ้าเราอยู่เฉย ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่"

"ข้าจะนำทัพด้วยตัวเอง" พระราชายูริตรัส

"ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันไปจะดีกว่า" มูยุลอาสา

"ศึกนี้เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของเรา ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้าดี แต่ว่า จ้ายังไม่เหมาะที่จะไป"

" หม่อมฉันไม่ได้หวังให้ทุกฝ่ายยอมรับ ถึงได้ขออาสา แต่อยากพิสูจน์ว่าตัวเอง คู่ควรกับตำแหน่งองค์ชายหรือไม่ หม่อมฉันจะให้รู้ว่าไม่ได้เป็นกาลกิณี และให้ตัวเอง ได้อยู่อย่างภาคภูมิใจต่อไป ถ้ายังไง ทรงให้หม่อมฉันไปออกศึกเถอะ"

"แต่ศึกนี้ น่าจะมีอันตรายรอบด้าน ข้าไม่อยากให้ลูกตัวเอง เดินไปสู่ความตายอีก"

"งั้นจะให้หม่อมฉัน ดูพ่อตัวเองไปสู่ความตายได้หรือพะยะค่ะ ได้โปรด ทรงอนุญาตให้หม่อมฉันไปเถอะ"

พระราชายูริทรงยอมอนุญาต มูยุลสั่งการ

"ข้ากับมาโน จะเป็นแม่ทัพในกองหลัง ส่วนหัวหน้าเฮยาและพักโซ ให้อยู่ปีกขวา"

"เพคะ/พะยะค่ะ"

" ส่วนกองกลาง ให้แม่ทัพเคยูบัญชาการร่วมกับแม่ทัพคนอื่น ข้ากับมาโนจะนำทหารเป็นกองหนุน เมื่อทะลวงใจกลางของข้าศึกได้ เราจะบุกไปกวาดล้างทันที ศึกนี้จะแพ้หรือชนะ ขึ้นอยู่กับผลงานพวกเราในคราวนี้ ถ้าเราพ่ายแพ้ ผลเสียหายจะตามมามากมาย"

"พะยะค่ะ องค์ชาย"

"เราจะนำชัยชนะกลับมา"

"ทรงระวังตัวด้วย"

ขณะ ที่ทำศึกมาโนเห็นท่าไม่ดี มาโนบอกให้มูยุลถอย ตอนแรกมูยุลไม่ฟังแต่ในที่สุดเขาก็จำต้องถอย พักโซเห็นสัญญาณถอนทัพก็บอกทุกคน แต่เฮยากลับบอกว่า

"เรายังถอนไม่ได้"

พักโซอึ้ง "หัวหน้าครับ"

"ให้องค์ชายถอยไปก่อน เราจะถ่วงเวลาไว้ ใครกล้าถอยตอนนี้ จะมีโทษอย่างหนัก ฮึ่ม"

แทชองทูลพระราชายูริว่าฝ่ายเราแพ้อย่างยับเยิน คูชูไม่อยากเชื่อเพราะมูยุลวางแผนอย่างดี

แทชองตอบว่า "ทางพูยอมีอาวุธใหม่คือรถม้าเหล็ก ทำให้เราสู้ไม่ได้พะยะค่ะ เราถูกอ๋องเทโซ หลอกเข้าให้อย่างจัง"

มูยุลปลอยภัยก็ถามหาเฮยา ซึ่งนางปลอดภัยดี แล้วรีบมาหามูยุล

"เรากำลังเป็นห่วงอยู่ ไม่รู้พวกท่านจะเป็นไรหรือเปล่า หึ"

"ไปไหนมาตั้งนานน่ะ" เคยูถาม

พักโซตอบว่า "เพื่อหลอกศัตรูให้ไปอีกทาง นึกว่าเราจะตายซะแล้ว ดีที่ตบตาพวกมันได้ แต่ตอนนี้พวกมันก็กำลังตามหาองค์ชายอยู่นะพะยะค่ะ"

"อย่าอยู่ที่นี่อีกเลยเพคะ รีบถอนกำลังไปสมทบกับทัพใหญ่เถอะ"

"ข้าจะกลับตอนนี้ไม่ได้ รอให้กองหนุนมาถึง ข้าจะบุกไปเล่นงานอีกครั้ง"

"หึ องค์ชาย" เฮยามองหน้า

" ข้าเป็นถึงองค์ชาย จะห่วงแต่เอาตัวรอด โดยทิ้งทหารที่ร่วมเป็นร่วมตายได้ยังไง ข้าจะไม่ยอมหักหลังพี่น้องที่เสียสละเพื่อบ้านเมือง หึ ต่อให้ต้องสู้รบ จนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ข้าก็จะไม่กลับไปง่ายๆ"

" ฮือ แต่ตอนนี้ เราแพ้ให้แก่รถม้าที่มีอานุภาพร้ายกาจ ถ้าไม่มีการวางแผนแล้วบุ่มบ่ามไปสู้อีก ผลสุดท้ายจะเป็นยังไง องค์ชายก็ทรงทราบดี"

" เราแค่ถอยก่อนชั่วคราว ถ้าไม่ไปตอนนี้ แม้แต่ทหารที่เหลือก็จะตายด้วย ลูกผู้ชายที่แท้จริง ต้องรู้จักยืดหยุ่นตามสถานการณ์ ถ้าไง ถอยก่อนเถอะเพคะ"

ด้านโทจินที่สร้างผลงานชิ้นนี้อย่างสุดฝีมือ ขุนนางจึงให้รางวัลด้วยพาโมแปมาพบโทจิน

"องค์ชาย"

โทจินดีใจ "เจ้ายังอยู่หรือนี่"

"นับแต่นี้เขาจะเป็นคนสนิทขององค์ชายเหมือนเดิม"

"ขอบคุณมาก ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่าน"

"ข้าก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ทำให้องค์ชายพอใจ พาองค์ชายไปพักผ่อนเร็ว"

แชบูถามขุนนางว่าโมแปเป็นใคร ขุนนางตอบว่า

"เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นทหารส่วนตัวของข้า ก่อนที่ครอบครัวองค์ชายโทจินจะถูกประหารหมด เขาเคยเป็นบ่าวรับใช้ขององค์ชายมาก่อน"

"ท่านจะวางแผนเร็วไปหรือเปล่า"

"วางแผนเร็วยังไง"

"ยังไม่ถึงเวลาที่จะประจบคนๆ นี้หรอกนะ ตอนนี้องค์ชายโทจินมีผลงานก็จริง แต่ยังไงก็เป็นลูกกบฏอยู่ดี"

" หึ แต่ว่า ถ้าเขาได้เป็นใหญ่ ท่านไม่ดีใจหรือ ถ้าองค์ชายโทจินได้ครองราชย์ต่อจากฝ่าบาท คนที่ไม่มีอิทธิพลเลย มิต้องหวังพึ่งท่านตลอดไปหรอกหรือ"

"ข้าว่าท่านคงเข้าใจผิดแล้ว สิ่งที่ข้าทำ ล้วนแต่เป็นพระบัญชาของฝ่าบาท"

มูยุลกลับมาเฝ้าพระราชายูริ ทรงตรัสถามว่ารอดมาเท่าไหร่

" ทหาร 1 พันที่พาไป กลับมาไม่ถึง 300 และกว่าครึ่งในนี้ ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส จนไม่อาจไปสู้รบได้อีก ฝ่าบาท ขอได้โปรด ลงโทษหม่อมฉันด้วย การที่เราปราชัยยับเยิน สาเหตุก็เพราะ ไม่ทันรู้ว่าฝ่ายศัตรู มีรถม้าที่ร้ายกาจนัก การที่เราแพ้คราวนี้ เพราะหม่อมฉันวางแผนผิด ขอได้โปรด ลงอาญาหม่อมฉันด้วย"

จบ 21

มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 22

มูยุลพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่า แพกึยและชนเผ่าทั้งหลายจึงฉวยโอกาสนี้บีบบังคับให้พระราชายูริ

"ฝ่าบาทจะบอกได้หรือยังว่ามีแผนอะไรอีก"

"จัดทัพใหม่แล้วข้าจะนำไปเอง" พระราชายูริตรัสตอบ

"ทั้งที่โอกาสริบหรี่ ฝ่าบาทยังจะฝืนสู้อีกหรือ"

"ศึกนี้เพิ่งจะเริ่มต้นต่างหาก"

" ฝ่าบาททรงคิดง่ายไปหน่อยแล้ว ขนาดทหารชิลลาที่มั่นพระทัย ยังไปเข้ากับพูยอ แล้วองค์ชายที่ฝากความหวังไว้ กลับปราชัยอย่างย่อยยับ นั่นเพราะความหยิ่งยะโสขององค์ชายแท้ๆ ที่พาให้โกคูรยอ ไปสู่ความหายนะอย่างที่เห็น"

"ศึกนี้ไม่ควรสู้ต่อไปอีก เราต้องหาทางยุติสงครามมากกว่า"

"เพื่อให้อ๋องเทโซหายกริ้ว ฝ่าบาทอาจต้อง ไปคุกเข่าขอขมาต่ออ๋องเทโซ เพื่อให้ศึกนี้ยุติซะ"

พระราชายูริทรงโกรธมาก ทรงชักกระบี่จ่อไปที่คอหอยแพกึย "หุบปาก"

แพ กึยยังไม่หยุด "เพราะฝ่าบาททรงยืนกรานให้องค์ชายนำทัพถึงได้ออกมาในรูปนี้ ขืนเป็นแบบนี้อีก ผลสุดท้ายจะเป็นยังไง เราต่างก็รู้ อย่าทรงลังเลอีกเลย รีบหย่าศึกซะดีกว่า"

"ศึกนี้จะยุติได้มีแค่ทางเดียว คือหาทางเอาชนะทหารพูยอ" พระราชายูริตรัส

"ฝ่าบาท"

"เรื่องนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องเป็นฝ่ายชนะ รีบถอยไปเดี๋ยวนี้ หึ" พระราชายูริทรงยืนยัน

แพกึยกล่าวว่า "ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงเห็นเราอยู่ในสายตา เราก็จะไม่เกรงใจอีก ชนเผ่าทั้งหลาย จะขอถอนทัพกลับ ไม่ช่วยฝ่าบาทสู้รบอีกแล้ว"

" ถ้าอย่างงั้น ข้าจะตัดหัวท่านเป็นคนแรก การถอนทัพในระหว่างสู้รบ มีโทษเท่ากับกบฎ ถ้าไม่มีคำสั่งข้าแล้วใครกล้าหนีกลับไปเอง ข้าจะสั่งประหารทั้งครอบครัว ออกไปซะ"

จากนั้นพระราชายูริทรงตรัสกับมูยุลว่า

"เนื่องจากเจ้าพ่ายแพ้กลับมา ข้าจะถอนสิทธิ์แห่งการเป็นแม่ทัพ กลับไปทบทวนให้ดี"

"พะยะค่ะ"

มูยุลออกมา พวกเคยูก็ถามทันทีว่า

"องค์ชาย ได้ยินว่าแพกึยไปทูลให้ฝ่าบาทยอมแพ้ต่อพูยอ เป็นความจริงหรือเปล่า"

มาโนว่าต่อ "ถ้าเราไม่ยอมแพ้ เขาจะถอนกำลังออกไปจริงหรือ"

เฮยาถามทั้งสอง "พวกเจ้ารู้ได้ยังไง"

"ตอนนี้ใครๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้น่ะครับ ทหารของพวกชนเผ่า ก็เที่ยวปล่อยข่าวไปทั่วด้วย" มาโนว่า

เคยูเสริมว่า "พอรู้ว่าพวกหัวหน้าเผ่าไปกดดันฝ่าบาท ทหารก็เริ่มจะเสียขวัญ" มูยุลไม่ตอบได้แต่ยิ้มๆ

เฮยาบอกกับมูยุลว่า "คนพวกนั้น คิดจะเอาความผิดทั้งหมด โยนให้องค์ชายรับผิดชอบ ถ้าหากว่า ศึกนี้จบลงเพียงแค่นี้ ไม่แน่ว่า พวกเขาอาจบีบให้องค์ชายปลิดชีพตัวเอง"

" เรื่องนี้ข้าไม่กลัวหรอก ถ้าการตายของข้า สามารถแก้ปัญหาทุกอย่าง ข้าก็ยินดีรับผิดชอบ แต่ว่า ถึงข้าตายก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น พวกนั้นยังจะกดดันฝ่าบาทต่อไป และโกคูรยอ ก็จะตกเป็นเมืองขึ้นของพูยอในที่สุด"

" หม่อมฉันเชื่อว่า องค์ชายจะสามารถเอาชนะอุปสรรค และฝ่าบาทก็จะทรงไว้วางพระทัย มอบอำนาจทางการทหารให้องค์ชายอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่า สิ่งที่เราทำไม่ใช่ความผิดพลาด"

แชบูกับพวกแม่ทัพต่างคุยกันสนุกสนาน แล้วชื่นชมโทจิน ระหว่างนี้พระราชาเทโซเสด็จมา

"ฝ่าบาท"

"ดีๆๆ ทุกคนเป็นไงบ้าง"

"ฝ่าบาท ทำไมเสด็จมานี่ล่ะพะยะค่ะ"

"นั่งรออยู่ในเมืองหลวงจนร้อนใจ สู้มาสมทบกับพวกท่านดีกว่า"

"มาก็ดีแล้วพะยะค่ะ"

"ฝ่าบาท เราเป็นฝ่ายชนะ"

พระ ราชาเทโซทรงหัวเราะ "ฮ่าๆๆ ข้ารู้นานแล้ว ระหว่างทางก็ได้ยินข่าว เพราะอย่างงี้แม้ทางจะไกล ข้าก็ไม่รู้สึกเหนื่อยซักนิด เฮ่อๆๆ อึม หึ ได้ยินว่า ศึกนี้เจ้ามีผลงานมากกว่าใคร ขอบใจมากนะ แต่ว่า ความแค้นที่ข้ามีต่อโกคูรยอยังไม่หมดสิ้น อยากให้เจ้า ไปตัดหัวมูยุลมาให้ข้า ได้หรือเปล่า"

"พะยะค่ะฝ่าบาท" โทจินน้อมรับ

"อึม เอาของเข้ามา จำได้มั้ยข้าเคยสัญญากับเจ้า ถ้าทำให้ข้าพอใจในสิ่งที่คาดหวัง ข้าจะมอบเหล้าให้เจ้าดื่ม หึ รีบดื่มเร็วเข้า"

ขณะเดียวกันยอนก็มาถามมาวังว่ารู้อะไรให้ช่วยบอกหน่อย

มาวังถอนใจ "เฮ่อ ได้ข่าวว่าแพ้พูยอไปแล้ว"

กงชอนบอกต่อว่า "กองทัพที่องค์ชายเป็นผู้นำ ถูกตีพ่ายกระจายหมด"

"แล้วองค์ชายล่ะ"

"ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย"

"ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ เราจะเอาเสบียงไปส่งเดี๋ยวนี้ กลับมาค่อยบอกเจ้าอีกที" มาวังบอก

"งั้นข้าขอไปด้วย"

"ไปไหน"

" ข้าจะไปแนวหน้า ดูว่าองค์ชายปลอดภัยดีหรือเปล่า ข้าจะอยู่กับเขา คอยให้ความช่วยเหลือ ตอนนี้องค์ชายอยู่ในสนามรบ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้ไหมคะ ขอร้องล่ะ พาข้าไปด้วยคน"

" ยอน คือ ข้ายังไม่ได้บอกให้เจ้ารู้ ว่าองค์ชายเคยมาหา รับสั่งว่าไม่สนอะไรทั้งสิ้น จะพาเจ้ากลับไปให้ได้ แต่ข้าขอร้องไว้ บอกว่าจะคุ้มครองให้เจ้าปลอดภัยเอง แล้วตอนนี้พาไป สนามรบ เกิดโชคร้ายเจ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ เฮ่ย ไม่ได้เด็ดขาด กลับไปอยู่กับท่านซังกาซะดีๆ นั่นจะเป็นผลดีต่อเจ้า ต่อองค์ชาย และข้าด้วย" มาวังยืนยัน

ซังกาเห็นพวกทหารกลับมาก็ถามว่ากลับมาได้ยังไง

"แพกึยสั่งให้เจ้ามาใช่ไหม"

" ชนเผ่าทั้งหลาย จะไม่สนับสนุนการสู้รบของฝ่าบาทอีก และเราจะสังหารเขากับมูยุล เพื่อให้สงครามยุติซะ แต่ความเห็นของท่านขัดแย้งกับพวกเรามาตลอด จะให้ทำไงได้"

"หึ เฮ่อ เฮ่อๆๆ ฮ่าๆๆ แต่ละคนช่างปัญญาอ่อนนัก วิธีที่พวกเจ้านึกได้ ก็คือศัตรูมาประชิด แล้วเราทะเลาะกันเองใช่ไหม"

" ถ้าจำเป็นจริงๆ เราอาจร่วมมือกับศัตรูก็ได้ นี่คือคำสอนของท่านไม่ใช่หรือ ตอนนี้หัวหน้าเผ่าทั้งหลายจะร่วมมือกับแคว้นพูยอ ยืนเฉยทำไม พาไปเดี๋ยวนี้"

ด้านองค์ชายยอจินก็ทูลของพระมเหสีมียูว่า

"ให้หม่อมฉันไปเถอะพะยะค่ะ"

"หน้าที่ของเจ้าคือปกป้องเมืองหลวง นี่คือรับสั่งของฝ่าบาท"

"แต่เราเป็นฝ่ายแพ้ ทำให้เสด็จพ่อกับเจ้าพี่ตกที่นั่งลำบาก หม่อมฉันอยากไปช่วยพวกเขา"

"ไม่แน่เหตุการณ์นี้ อาจเป็นโอกาสสำหรับเจ้าก็ได้"

"หม่อมฉัน ไม่เข้าใจที่รับสั่ง"

" จุ๊ๆ ทำไมยังไม่รู้จักแยกแยะซะที รู้มั้ยว่ามูยุล จะเป็นอุปสรรคต่ออนาคตของเจ้าแค่ไหน จนเดี๋ยวนี้ยังไม่รู้อีกหรือ ยิ่งมันไปอยู่ในห้วงอันตราย ก็เท่ากับเป็นประโยชน์ต่อเจ้าทางอ้อม"

"เสด็จแม่" องค์ชายยอจินตกใจกับความคิดของพระมารดาไม่น้อย

อันซึงเข้ามา "พี่ใหญ่ หึ"

"มีเรื่องอะไรอีกล่ะ"

"ได้ยินว่าเผ่าพีรู เกิดความแตกแยกภายใน ตอนนี้ท่านซังกา ถูกจับไปกักขัง"

ยอนกลับมาหามาวังและบอกเรื่องซังกา มาวังตกใจมาก

"อะไรนะ แพกึยคิดก่อกบฎงั้นหรือ"

"ท่านซังกาถูกจับตัวไปด้วยค่ะ"

"หา ท่านซังกาถูกจับ มิกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือ หึ แสดงว่า"

"ใช่ค่ะ ตอนนี้แพกึย กำลังวางแผนจะปลงพระชนม์ฝ่าบาท รวมถึงองค์ชายด้วย"

"หา มันจะบ้าไปแล้ว"

"เราต้องรีบส่งข่าวให้องค์ชายรู้"

"ใช่ ไปเร็ว เร็วซี่ ฮึ่ม งานนี้ให้มันรู้กันไปเลย ไปเร็วเข้า"

ด้านเฮยาเดินหาองค์ชายมูยุล มาโนบอกว่า

"กำลังวางแผนรับมือรถม้าเหล็กของศัตรูอยู่ แต่ยังนึกไม่ออกน่ะครับ"

พักโซบ่น "ป่านนี้ยังนึกไม่ได้อีก เราก็แย่น่ะสิ"

เคยูรายงานว่า "หัวหน้าครับ เฮ่ย อ๋องเทโซ เดินทางไปถึงค่ายทหารพูยอ"

"หมายความว่าอ๋องเทโซ มาแนวหน้าด้วยตัวเองเชียวหรือ"

"ใช่ครับ ดูจากท่าทีของพวกเขา อีกไม่นานคงจะจู่โจมเราแน่"

พักโซฟังแล้วบ่นอีก "โธ่เอ๊ย เราต้องยอมแพ้จริงหรือนี่"

"หุบปาก" มาโนดุ

"มาโน" มูยุลเรียก

"พะยะค่ะ"

"ตามข้ามา"

เฮยารีบถาม "ไปไหนหรือเพคะ"

"ไปฐานที่มั่นของศัตรู"

เฮยาตกใจ เคยูถามทันที "องค์ชาย นี่มันหมายความว่าไง"

" ถ้าหาวิธีรับมือข้าศึกไม่ได้ สู้กี่ครั้งเราก็แพ้อยู่ดี ถ้าให้แต่นั่งรอโชคชะตามาช่วย สู้ไปเสี่ยงซักครั้งดีกว่า ข้าจะไปดูโครงสร้างของรถม้าเหล็ก ถึงจะหาทางแก้ได้"

00000000000

ขุนนางกับแชบูเข้ามาทูลรายงานพระราชาเทโซ

"ขณะนี้ กองหนุนที่จะมาช่วยเรา กำลังข้ามเขา "แทยอง" มาแล้วพะยะค่ะ คาดว่าไม่เกินสองวันคงจะมาถึง"

"หม่อมฉันว่าอย่ารอดีกว่า ทหารเรากำลังฮึกเหิมอยู่"

"เจ้ามีความเห็นว่ายังไง"

"หม่อมฉันเห็นด้วยกับท่านแชบู เพราะยิ่งถ่วงเวลา เท่ากับให้ทหารโกคูรยอมีโอกาสฟื้นฟูกำลัง"

"อึม มันก็จริง ทหารเรากำลังฮึกเหิม น่าจะเดินหน้าเข้ายึดโกคูรยอซะ ข้าจะสั่งให้ออกศึกอีกครั้ง ทุกคนไปเตรียมตัวให้พร้อม"

"พะยะค่ะฝ่าบาท"

"ใต้เท้าแชบู"

"พะยะค่ะ"

"ส่งคนไปดูว่า เส้นทางไหนไปเมืองหลวงของโกคูรยอได้เร็วที่สุด ศึกนี้ยุติเมื่อไหร่ ข้าจะเข้าเมืองทันทีเข้าใจมั้ย"

"หม่อมฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้" แชบูรับคำแล้วออกไป

ขณะที่พระราชายูริก็ทรงถามคูชูว่า

"มีความเคลื่อนไหวอะไรอีก"

" ทหารชิลลาเริ่มออกเดินทางไปสมทบกับทหารพูยอ ใกล้ถึงที่หมายแล้วพะยะค่ะ เชื่อว่า อีกไม่นานคงจะมาตีเราแน่ ฝ่าบาท ตอนนี้ ถึงเวลาที่ต้องตัดสินพระทัยแล้ว"

"แปลว่าให้ข้ายอมแพ้หรือ"

" ไม่ใช่ว่าการปักหลักสู้ตายจะช่วยให้ชนะได้ ฝ่าบาทก็ทรงทราบดีไม่ใช่หรือ เรายังไม่มีวิธี จะรับมือรถม้าเหล็ก ของทางฝ่ายพูยอได้ ฝ่าบาทจึงควรตัดสินพระทัย ว่าเราจะทำไงต่อดี"

"กว่าจะรอมาถึงวันนี้ ข้าต้องทนเจ็บปวดแค่ไหน แล้วจะให้กลับไปอยู่จุดเดิมหรือ"

แพกึยจับซังกาแล้วก็ถามหัวหน้าเผ่าอื่นว่าจะเชื่อเขาหรือไม่

"แล้วเราจะลงมือเมื่อไหร่"

"ทันทีที่เปิดศึกกับพูยอ เราจะลงมือเมื่อนั้น" แพกึยว่า

" ทันทีที่สู้กับพูยออีกครั้ง กองกำลังหน่วยที่ 2 และ 3 จะออกไปสมทบด้วย ถึงตอนนั้น ที่นี่จะเหลือแต่พวกเรา ยึดครองค่ายทหารแห่งนี้ไว้"

"ลำพังแค่ทหารที่เรามีอยู่ตอนนี้ มันจะพอหรือเปล่า"

"เมืองโชบุนจะส่งมาช่วยอีก 300 คน ค่ายทหารที่นี่ พวกเราจะยึดไว้เอง ส่วนพวกท่าน ให้กลับไปยึดเมืองหลวง"

แพกึยส่งสาสน์มาให้พระราชาเทโซ โทจินนำมามอบให้

"ฮ่าๆๆ แพกึย คิดแข็งข้อแล้วจริงๆ ฮ่าๆๆ มันจะยากอะไร เราก็คอยประสานงานกับพวกเขาซะ ท่านแชบูช่วยไปจัดการด้วย"

"พะยะค่ะฝ่าบาท"

"โทจิน"

"พะยะค่ะฝ่าบาท"

"ถ้ายึดโกคูรยอได้จริง คนแรกที่ข้าจะประหารก็คือแพกึย เก็บคนๆ นี้ไว้ ซักวันก็ต้องทรยศข้าอีก"

0000000000000

องค์หญิงเซยูมาตามหามูยุลจึงทราบจากเฮยาว่าไม่ได้อยู่ในค่าย และเมื่อมูยุลกลับมาเขาก็เข้าเฝ้าพระราชายูริทันที

"หม่อมฉันไปค่ายทหารพูยอมา"

"หา ไปถึงที่นั่น? องค์ชายทำอะไร ไม่คิดว่าวู่วามไปหน่อยหรือ" คูชูว่า

"เพื่อจะหาวิธีรับมือรถม้าเหล็กของพวกเขา"

"แล้วยังไง หาได้หรือเปล่า"

"พะยะค่ะ"

"ถ้าข้าให้เจ้านำทัพอีกครั้ง พวกหัวหน้าเผ่าคงไม่ยอมแน่"

" คนพวกนี้ เอาแต่คิดว่าจะหลีกเลี่ยงสงครามยังไง ต่อให้มีทางรับมือข้าศึกจริง พวกเขาก็ไม่ขอสู้อยู่ดี ฝ่าบาท โปรดให้โอกาส หม่อมฉันอีกครั้งได้ไหม"

พระราชายูริทรงสั่งคูชูว่า "รีบพาทหาร ไปคุมตัวหัวหน้าเผ่าทั้งหลายไว้"

"พะยะค่ะ" คูชูรับคำ และออกไป

พระ ราชายูริทรงตรัสกับมูยุลว่า "นับแต่วันนี้ไป ข้าขอมอบอำนาจสั่งการทั้งหมด ให้แก่เจ้าคนเดียว แต่ต้องจำไว้ ถ้าคราวนี้แพ้อีก เราสองคนก็อาจตายทั้งคู่"

มูยุลพาทหารไปบุกจับตัวหัวหน้าเผ่าทั้งหลาย

"ข้า คือองค์ชายแห่งโกคูรยอ ชื่อมูยุล ถ้าใครเป็นทหารของโกคูรยอ ก็จงวางอาวุธลง และคุกเข่าซะ"

แพกึยถามมูยุล "ทำแบบนี้หมายความว่าไง"

"นับแต่วันนี้ไป อำนาจในการบัญชากองทัพจะอยู่ที่ข้า"

แพกึยไม่พอใจ "อะไรนะ"

"จนกว่าข้าจะมีคำสั่ง อย่าให้หัวหน้าเผ่าทั้งหลายออกจากที่นี่"

"พะยะค่ะ"

"และข้า จะพาทหารของเผ่าต่างๆ ออกไปสู้ศึกอีกครั้ง" มูยุลประกาศ

แพกึยย้อน "เลิกทำโง่ๆ ซะที เราไม่มีทางเอาชนะรถม้าเหล็กของพูยอได้หรอก"

"วิธีเอาชนะพวกเขาก็คือ สู้อย่างเต็มที่ โดยไม่กลัวตาย"

มูยุลออกศึกด้วยความมั่นใจ และสามารถเอาชนะได้ เฮยารีบมาทูลพระราชายูริ ทรงดีพระทัยมาก องค์หญิงเซยูถามถึงมูยุลว่าเป็นยังไงบ้าง

"หึ กำลังไล่ล่าข้าศึกที่หนีไปเพคะ" เฮยาตอบ

พระราชาเทโซทรงเจ็บแค้นมาก ถามแชบูกับโทจินว่า

"เราเป็นฝ่ายแพ้หรือ ขนาดมีรถม้าตั้งหลายคัน ทำไมยังแพ้อีก"

"ฝ่าบาท นี่ยังไม่ถือว่าแพ้ซะทีเดียว โปรดให้โอกาสเราอีกครั้ง" แชบูทูล

"พอที แค่นี้ทหารเราก็หมดกำลังใจแล้ว ยังจะให้ข้าเปิดโอกาสอีกหรือ ในที่สุด เราก็แพ้ให้กับมูยุลใช่ไหม หึ"

โทจินทูล "รับสั่งให้ประหารหม่อมฉันเถอะ"

"นึกว่าถ้าตายแล้ว จะลบล้างความผิดของเจ้าได้หรือ กลับไปตั้งหลักที่พูยอ ประกาศว่าเรายอมแพ้"

"ฝ่าบาท เราไม่ควรยอมแพ้แค่นี้ ให้หม่อมฉันไปแก้ตัวอีกครั้ง" แชบูยืนยัน

"แต่ถ้าเราแพ้อีก จะไม่มีวันได้ยืนหยัดบนแผ่นดินนี้ด้วยซ้ำ เร็วซี่ บอกให้ถอนกำลังเดี๋ยวนี้ หึ"

ทางด้านแพกึยก็ทูลถามพระราชายูริว่า

"ฝ่าบาทจะกักตัวพวกเราไปถึงเมื่อไหร่กัน"

" ไม่มีเหตุผลที่ต้องกักพวกท่านอีกแล้ว เพราะมูยุล สามารถเอาชนะทหารพูยอและรถม้าของพวกเขาได้ ตอนนี้กำลังไล่ล่าทัพใหญ่ของอ๋องเทโซ การที่พวกท่านขัดคำสั่ง หวังจะแข็งข้อเป็นความผิดร้ายแรงก็จริง แต่เพื่อฉลองชัยชนะของเรา ข้าจะยกโทษให้ซักครั้ง บอกทหารว่าไม่ต้องเฝ้าแล้ว"

แทชองน้อมรับ "พะยะค่ะ"

มา วังพากงชอนกับยอนหนี ยอนเหนื่อยหอบอย่างมาก นางบอกให้มาวังหนีไป มาวังไม่อยากทิ้งยอนแต่ยอนไปต่อไม่ไหวจริงๆ และขอร้องให้มาวังหนีไปก่อน

พระมเหสีมียู องค์ชายยอจินและเหล่าขุนนางต่างมาแสดงความยินดีกับพระราชายูริ

"เราไปออกศึก ทำให้ราษฎรเกิดความกังวล เจ้าก็ทำดีเหมือนกัน ขอบใจมากนะ" พระราชายูริทรงชื่นชมองค์ชายยอจิน

"เทียบกับเจ้าพี่ที่ไปเสี่ยงตายเพื่อบ้านเมือง งานของหม่อมฉันแทบไม่มีความหมายด้วยซ้ำ"

"อย่าพูดอย่างงั้น ที่เราไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ก็เพื่อให้ราษฎรได้อยู่เป็นสุข ขอบใจทุกท่านมาก"

"เจ้าพี่ ยินดีด้วยนะ" องค์ชายยอจินแสดงความยินดีกับมูยุล

พอออกมาพระมเหสีมียูก็ทรงตรัสดุองค์ชายยอจิน

"ช่างไม่รู้กาลเทศะ อยู่ดีๆ ไปยินดีกับเขาทำไมกัน ถ้าเขายิ่งมีความสำคัญ เจ้าก็ยิ่งถูกมองข้ามเข้าใจหรือเปล่า"

"หม่อมฉัน ไม่เคยคิดจะแข่งกับเจ้าพี่"

"ยอจิน" พระมเหสีมียูไม่พอพระทัย

"เสด็จแม่ก็เลิกล้มความคิดเถอะ หม่อมฉันไม่อยากเป็นรัชทายาทและไม่เคยหวังด้วย"

"หึ อยากให้แม่ตายซะ เจ้าถึงตาสว่างใช่ไหม หลายปีมานี้ สิ่งที่แม่ทำเพื่อเจ้า อยากให้สูญเปล่าหรือไง"

อัน ซึงว่า "องค์ชาย ทรงคิดถึงความเหนื่อยยากของพระมเหสีบ้างเถอะ ทรงเป็นความหวังหนึ่งเดียวของพระนางเชียวนะ ถึงเวลาที่องค์ชายต้องทำอะไรบ้าง ไม่งั้นจะเสียโอกาสและเสียพระทัยด้วย"

"เสียโอกาสยังไง"

"ถ้าจะลำดับความดีความชอบในครั้งนี้ ไม่แน่องค์ชายมูยุลอาจได้เป็นรัชทายาท"

"อย่าหวังไปเลย เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า จะมาเป็นรัชทายาทได้ยังไง"

"เรื่องนี้หม่อมฉันก็เห็นด้วย แต่ว่า ผลงานของเขาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธ"

"อย่างน้อยที่สุด พวกหัวหน้าเผ่าก็ไม่ยอมรับเขาเป็นองค์ชายล่ะ ยังไงก็ไม่มีทางเป็นรัชทายาท อย่าหวังไปเลย"

พระราชายูริทรงตามมูยุลมาเฝ้า และบอกว่ามีงานให้ทำ

"ระหว่างที่ออกรบ เผ่าพีรูเกิดความขัดแย้งภายใน"

คูชูรายงานต่อว่า "แพกึย จับท่านซังกาไปขังไว้ และปกครองเผ่าพีรูซะเอง"

"แล้วท่านซังกาเป็นไงบ้าง"

"ตอนนี้ ยังไม่รู้ชะตากรรม"

"ท่านซังกายังพอฟังเหตุผลบ้าง แต่แพกึยไม่ฟังเลย"

"ถ้าให้แพกึยปกครองเผ่าพีรูแทน วันหลังเราจะควบคุมชนเผ่าต่างๆ เห็นจะลำบากมากขึ้น"

"แล้วจะให้หม่อมฉันทำอะไรบ้าง"

"ไปดูว่าท่านซังกาเป็นไงบ้าง และเชิญเขากลับไปเผ่าพีรู"

เวลานั้นแพกึยบอกกับซังกาว่า

"อยากให้ท่าน ช่วยข้าทำงานเรื่องหนึ่ง"

" ช่วยเจ้าน่ะหรือ ได้ยินว่าพระราชายูริได้ชัยกลับมา แล้วตอนนี้ ถึงเวลาที่เจ้าจะรับผลกรรมแห่งความทะเยอทะยาน แล้วจะมาให้ข้าช่วยอะไรอีก"

"ถ้าจะไม่ให้พวกหัวหน้าเผ่าแตกแถว คำพูดท่านจะมีน้ำหนักที่สุด แต่ว่า นับแต่นี้ข้าอยากให้ท่าน อย่าทำอะไรโดยพละการอีก"

"บอกตรงๆ คือ จะให้ข้าเป็นหุ่นเชิดให้เจ้าใช่ไหม"

"ถ้าท่านไม่อยากตายละก้อ คงต้องทำตามที่ข้าสั่ง"

"หึๆๆ เฮ่อๆๆ หึ นึกหรือว่า ข้าจะเป็นคนรักตัวกลัวตายหรือเปล่า"

" จนวันนี้ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือว่า ข้าเป็นคนที่พูดได้ต้องทำได้ คราวนี้ถึงข้าจะแพ้ แต่อีกไม่นานนัก รับรองว่า ข้าจะได้ทุกอย่างคืนมา"

มูยุลพาทหารไปจับตัวแพกึยไว้ แพกึยดิ้น

"ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ทำแบบนี้หมายความว่าไง"

"นี่คือพระบัญชา ทรงมีรับสั่งว่า ไม่อาจปล่อยให้ท่านใช้อำนาจส่งเดช ไปดูท่านซังกาซิ"

"พะยะค่ะ"

มูยุลเข้าไปพบซังกา "ได้ข่าวว่าเขาล่วงเกินท่านซังกา กักบริเวณไม่ให้ออกมา ฝ่าบาทคิดจะลงโทษพวกเขาอยู่แล้ว ให้ข้าพาไปได้ไหม"

"เรื่องนี้คงเป็นการเข้าใจผิด แพกึยไม่ได้ทำอะไรหม่อมฉันเลย และเราก็ไม่มีเรื่องขัดแย้ง เชิญองค์ชายกลับไปเถอะ"

มูยุลแปลกใจแต่ก็กลับไปรายงานพระราชายูริ คูชูฟังแล้วแปลกใจมาก

"ท่านซังกา พูดกับองค์ชายอย่างงั้นจริงหรือ"

"ใช่"

" หึ สมแล้วที่เป็นท่านซังกา รู้มั้ยว่า ทำไมเขาต้องปกป้องคนทรยศสองคนนั่นอีก เพราะถ้าพวกเขาถูกลงโทษ กำลังของเผ่าพีรูก็จะอ่อนด้อยลงไปทันที ขนาดคนที่คิดฆ่าตัวเอง ยังสามารถให้อภัยได้ นี่แหละคือการเมือง"

ด้าน ซังกาก็กล่าวกับแพกึยว่า "จู่ๆ ข้าก็รู้สึกอ้างว้างในใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงบอกว่าพวกเจ้ายังห่างชั้นนัก ลองคิดให้ดีว่าทำไมฝ่าบาทต้องส่งคนมาช่วยข้า แล้วจะรู้คำตอบเอง หึ กับพวกเจ้าสองคน ข้าจะให้อภัย แต่ว่า ข้าจะไม่ลืมในสิ่งที่พวกเจ้าเคยทำ"

มูยุลให้มาโนกับพักโซตามหายอน ทั้งสองบอกว่าต้องรอถามจากมาวัง

"หึ คุณหนูยอน ตอนนี้อยู่ไหน"

มาวังอึกอัก มาโนกระตุ้น "ทำไมเงียบล่ะ รีบทูลองค์ชายเร็วเข้า"

"ฮือ ยอน ถูกทหารพูยอจับไปพะยะค่ะ"

"ถูกจับไปหรือ ทำไมถึงถูกจับได้"

" ฮือ นาง จะไปหาองค์ชายที่สนามรบ แล้วมาขอให้หม่อมฉันช่วยพาไป เฮ่ย สุดท้าย หม่อมฉันเลยรับปาก แต่ ดันเจอทหารพูยอเข้า ฮือ เพราะ เพราะอย่างงี้ แม้แต่หม่อมฉัน ก็ถือว่าโชคดี รอดตายหวุดหวิด แต่นาง ฮือ ถูกทหารจับกลับไป ขอทรงอภัยด้วย ที่หม่อมฉันไม่ได้ปกป้องนาง ฮือๆๆ ฮือๆๆ"

ขณะที่ยอนถูกจับไปในฐานะเชลย และเห็นเชลยถูกฆ่าตาย ยอนจึงขอเข้าเฝ้าพระราชาเทโซ โชคดีที่มีคนจำนางได้ ทำให้ยอนได้พบกับโทจิน

" หึ เจ้าเป็นไงบ้าง เจ้าอยู่กับท่านซังกาไม่ใช่หรือ ทำไมถูกจับมาที่นี่ได้ เฮ่ย แต่ก็ดีเหมือนกัน ในที่สุดเจ้าก็ได้กลับมาบ้านตัวเอง ในเมื่อตอนนี้เจ้ามาอยู่ที่นี่ ข้าก็พร้อมจะ ออกจากโกคูรยอมาอยู่นี่เหมือนกัน

" พี่โทจิน ไว้หายดีเมื่อไหร่ ข้าจะกลับไปอีก ทุกวันนี้ในใจข้า มีแต่ เขาเพียงคนเดียว นับแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเขา เห็นเขาบาดเจ็บทั้งตัว หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เขาบาดเจ็บ ข้าจะช่วยรักษา ขอเพียงได้อยู่กับเขา ข้าจะรู้สึกว่าความทุกข์ต่างๆ ได้จางหายไปมาก ข้าแทบขาดเขาไม่ได้อีก ถ้าไม่มีเขา ข้าจะอยู่ไม่ได้ ได้โปรด ให้ข้ากลับไปโกคูรยอเถอะนะ"

"ไม่ได้"

"ให้ข้าไปเถอะพี่โทจิน"

"คอยดูไปละกัน ต่อไปนี้ข้าจะ ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของคนๆ นี้ ให้มันตายไปจากใจของเจ้าโดยสิ้นเชิง ข้าจะให้มันตายอย่างอนาถ หึ"

จบ 22

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี

Related Posts



2 comments:

Anonymous said...

สนุกมากเลย ขอบคุณคับ

Anonymous said...

ขอบคุณค่ะ สนุกมากๆ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal