มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 19
"ทำให้ตกใจใช่ไหม ข้ารู้ว่าความรู้สึกในตอนนี้ สับสนแค่ไหน ข้าเองก็เคยสับสนกับตัวเอง เมื่อรู้ความจริงเข้า แต่ว่าในที่สุด ข้าก็ยอมรับว่าตัวเอง คือองค์ชายแห่งโกคูรยอ แม้ว่า ยังมีปัญหากับการปรับตัว และไม่รู้จะทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน แต่สิ่งที่ข้าอุ่นใจก็คือ ยังมีคุณหนูอยู่เคียงข้าง และข้า สามารถปกป้องเจ้าได้เป็นอย่างดี" มูยุลกล่าวกับยอน
"องค์ชาย ถ้าใครรู้ว่าหม่อมฉันเคยเป็นเชื้อพระวงศ์แห่งพูยอ อาจทำให้องค์ชาย ทรงเดือดร้อนหรือไม่ก็มีอันตรายได้"
"ที่แล้วมา ข้าเคยเฉียดตายอยู่หลายครั้ง มาจนวันนี้ ข้าไม่รู้ว่าอะไรคือความเดือดร้อนอีก ไม่ว่าเรื่องไหนๆ ก็ทำอะไรข้าไม่ได้"
มูยุลบอกความจริงเรื่องยอนกับเฮยา
"จริงหรือเพคะ ที่คุณหนูคนนั้น เป็นธิดาใต้เท้าทังโนน่ะ"
"ใช่"
"หึ ใต้เท้าทังโน เป็นเชื้อพระวงศ์พูยอ แล้วนาง มิมีศักดิ์เป็นองค์หญิงด้วยหรือ"
" ใต้เท้าทังโนถูกประหารฐานคิดกบฎ และนางก็หนีจากพูยอมา ท่านยังจำ สมัยที่ข้าอยู่เมืองโชบุน เคยข้ามแดนไปพูยอได้ไหม ตอนนั้นข้าถูกซ้อมปางตาย และคนที่บังเอิญช่วยชีวิตข้าไว้ ก็คือคุณหนูยอน เรารู้จักตั้งแต่ตอนนั้น และทุกครั้งที่ข้ามีอันตราย คุณหนู มักจะออกมาช่วยข้าไว้ตลอด ต่อไป ข้าคิดว่า จะเป็นฝ่ายดูแลนางบ้าง"
"แปลว่าจะให้ศัตรู มาอยู่เคียงข้างองค์ชายหรือเพคะ ทุกวันนี้ ยังมีหลายคนที่ไม่หวังดี พวกเผ่าต่างๆ ก็คอยจับผิดองค์ชาย ไม่ให้คลาดสายตา ถ้าหาก เรื่องนี้ถูกใครรู้เข้า จะกลายเป็นช่องโหว่ให้เล่นงานได้"
"ข้าถึงต้องรบกวนท่าน เพราะตอนนี้นักรบทมิฬรู้แล้วว่าคุณหนูมาอยู่ที่นี่ ข้ารู้ว่าท่านวางตัวลำบาก แต่ขอร้อง โปรดช่วยข้าหน่อย"
แพกึยเรียกโทจินมาคุย เขาถามโทจินว่า
"เจ้าเคยบอกว่า เทียบกับองค์ชายแฮเมียงแล้ว มูยุลยิ่งน่ากลัวกว่า ทำไมถึงได้พูดอย่างงั้น"
" ชาวเมืองโกคูรยอ ต่างกลัวดวงชะตาของมูยุล แต่ข้าไม่เคยกลัว สิ่งที่เขาทำให้ข้ากลัวก็คือ นิสัยเข้มแข็งที่ติดตัว เพราะผ่านการเคี่ยวกรำตั้งแต่เด็กจากอุปสรรคร้อยแปด ตอนนี้พระราชายูริรับเขาเป็นโอรส จะน่ากลัวยิ่งกว่า ได้ครอบครองไพร่พลนับหมื่นซะอีก"
"หึ ในเมื่อพ่อลูกรวมหัวกันขนาดนี้ เห็นทีว่า เราคงประมาทไม่ได้อีก ถ้าใช้อิทธิพลของอ๋องเทโซ เจ้าจะเห็นว่าไง เพราะอาศัยเสียงจากหัวหน้าเผ่า คงทำอะไรพระราชายูริไม่ได้ ฉะนั้น ถ้าเราหันไปร่วมมือกับอ๋องเทโซละก้อ ไม่แน่อาจพอต่อกรกับพระราชายูริได้"
"แล้วท่านซังกากับคนอื่นจะเห็นด้วยหรือเปล่า"
"หึ ข้าไม่สนใจตาแก่พวกนั้นหรอก ใครกล้ามาขวางทางข้า เราจะกำจัดมันซะ"
ทางด้านพระราชาเทโซทรงทราบเรื่องมูยุลจากนักรบ
"เจ้าบอกว่าไงนะ มูยุลถูกเปิดเผยประวัติ เป็นลูกชายของยูริงั้นหรือ"
"พะยะค่ะ"
แชบูทูลว่า "ทีแรกหม่อมฉันก็ไม่เชื่อ แต่ให้สายสืบไปหาข่าวอีกที คำตอบที่ได้คือตรงกันพะยะค่ะ"
" เฮ่อ นี่มันหมายความว่ายังไง มันมาเป็นนักรบทมิฬ ก็เป็นแผนของยูริใช่ไหม ถึงได้มาปองร้ายข้า แถมยังขโมยข้อมูลในค่ายฝึกไปอีก ทั้งหมดนี้เป็นแผนที่วางไว้หรือไง"
"เรื่องนี้ ยังไม่ทราบพะยะค่ะ"
"เฮ่อ หึ หึ บอกให้พายอนกลับมา นางมาหรือยัง"
นักรบทูลว่า "ล้มเหลวพะยะค่ะ"
"อะไรนะ"
"คนที่มาขัดขวางการทำงานของเรา ก็คือมูยุล"
"หม่อมฉันจะส่งคนไปอีก เพื่อพาคุณหนูกลับมาให้ได้"
"ไม่จำเป็นอีกแล้ว ใต้เท้าแชบู"
"พะยะค่ะ"
"ให้โทจินมาพบข้า เดี๋ยวนี้"
มูยุลสังเกตมาโนที่แสดงอาการแปลกๆ กับตน จึงถามว่า
" ทำไมเดี๋ยวนี้อยู่กับข้า ทำตัวลีบซะอย่างงั้น จริงๆ แล้ว ต่อให้ทุกคนเกรงใจข้า เจ้าก็ไม่จำเป็นหรอกนะ เราเคยลำบากด้วยกันมา ผ่านอะไรบ้าง เราต่างรู้อยู่แก่ใจ แล้วตอนนี้ แม้แต่เจ้าก็เริ่มห่างเหิน ข้าจะยิ่งเสียใจ อย่าทำอย่างงั้นได้ไหมมาโน"
"มันเป็นความผิดขององค์ชาย ไม่ใช่หม่อมฉันซักหน่อย ใครให้จู่ๆ ไปเป็นองค์ชายล่ะ"
"วันนี้ข้าเตรียมอาหารให้เจ้ามากมาย ถูกใจหรือเปล่า"
" ยังไงก็ไม่มีประโยชน์ หม่อมฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับองค์ชาย อยากเป็นเพื่อนกับมูยุลมากกว่า จากถ้ำกิเลนจนถึงค่ายฝึก มูยุลคนเก่าที่เคยอยู่กับหม่อมฉัน ไม่รู้หายไปไหน ตำแหน่งองค์ชายน่ะหรือ ทิ้งไปดีกว่า"
"นั่นสิ ตำแหน่งองค์ชายจะมีความหมายอะไร เราจะกลับโชบุนด้วยกัน แต่ว่ามาโน จริงๆ เราไม่สามารถย้อนอดีตได้หรอกนะ เพราะข้า คือองค์ชายแห่งโกคูรยอ เพราะฉะนั้น เมื่อเจ้ามาอยู่กับข้า ก็ต้องทำตัว เป็นเพื่อนที่ข้าไว้วางใจ ได้หรือเปล่า"
"ได้ แต่อย่าทรงคาดหวังมากนัก เพราะไม่รู้หม่อมฉันจะเบื่อเมื่อไหร่ ก็ขอลาเมื่อนั้น"
"ตกลง วันนี้ไม่ต้องถือว่าข้าเป็นองค์ชาย ในฐานะเพื่อน เรามาดื่มกันให้เต็มที่"
มาโนหายเกร็ง สบายใจขึ้นมากดื่มกับมูยุลอย่างมีความสุข
เฮยากับมูยุลเข้าเฝ้าพระราชายูริ
"มาก็ดีแล้ว ข้ามีงานจะให้เจ้าไปทำ"
"เชิญรับสั่งมาได้"
"ไปพบท่านซังกาแห่งเผ่าพีรู ตอนนี้เผ่าต่างๆ ล้วนทำชักช้าไม่ยอมส่งส่วยให้เราซะที เจ้าไปคุยกับเขาหน่อย ถามว่าเมื่อไหร่จะส่งมา"
"พะยะค่ะ" มูยุลไป
คูชูถอนใจ "เฮ่อ ทรงมอบหมายงานนี้ จะยากไปมั้ยพะยะค่ะ"
"ข้าไม่ได้หวังว่าเขาจะสามารถเจรจาให้พวกเขาส่งส่วยได้หรอก เพียงแต่ จะดูว่าเขามีวิธียังไงบ้าง"
มูยุลกับเฮยาออกมาพักโซก็ถามว่าพระราชายูริมีรับสั่งอะไร
"ให้ไปพบท่านซังกาที่จวน"
"ไปพบเขาทำไม" มาโนแปลกใจ
"ให้เผ่าพีรูส่งส่วยในปีนี้ มาให้ทางการได้แล้ว"
"ส่งส่วยหรือ"
"แต่พวกเขาไม่ยอมรับฐานะขององค์ชาย จะทำได้หรือพะยะค่ะ"
"แต่หม่อมฉันเห็นว่า ฝ่าบาททรงทำแบบนี้ เพื่อจะลองใจองค์ชายมากกว่า" เฮยาว่า
"ท่านมีความเห็นยังไงบ้าง" มูยุลถาม
"หม่อมฉันไม่ใช่องค์ชาย คงไม่มีความสามารถพอ จะแก้ปัญหานี้ได้ พาคนไปเยอะหน่อย จะได้ช่วยคุ้มครององค์ชาย"
พักโซกับมาโนรับคำ "ครับ"
มูยุลไปขอความช่วยจากมาวังก่อนจะไปพบซังกา
"ฮึ่ม มาพบข้ามีเรื่องอะไรไม่ทราบ"
"ข้ามาด้วยพระบัญชาของฝ่าบาท"
"ฝ่าบาทมีบัญชาอะไรอีก"
"ได้ยินว่าชนเผ่าต่างๆ เลื่อนเวลาในการส่งส่วยให้เมืองหลวง ข้าจะถามว่าเมื่อไหร่สะดวก ส่งของให้เราซะที"
แพกึยย้อนว่า "แล้วราชสำนักล่ะ เคยทำอะไรให้เราบ้าง ถึงได้มาทวงเช้าทวงเย็นอยู่ได้"
บ่าวเสริมต่อว่า "ฝ่าบาทไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรา แล้วทำไมเราต้องทำตามหน้าที่อีก"
ซังกาต่ออีกว่า "เจ้าเคยรู้มั้ยว่า พืชพรรณธัญญาหารกว่าครึ่งของโกคูรยอ ได้จากเผ่าพีรูของเรา"
"เมื่อกี้ท่านบอกว่า ฝ่าบาทไม่ให้ความสำคัญกับพวกท่าน และไม่เคยทำอะไรให้ใช่ไหม" มูยุลย้อนถาม
แพกึยตอบว่า "ถูกต้อง มีแต่ทวงผลประโยชน์ แต่ไม่เคยให้เราบ้าง"
มูยุลยิ้มๆ "หึ หึ ท่านซังกา"
"ว่าไง"
" ข้ารู้ดีว่า ผลผลิตกว่าครึ่งของโกคูรยอ ได้จากพวกท่าน แล้วทำไมเผ่าพีรู ถึงได้ล่ำซำอุดมสมบูรณ์ถึงขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะท่าน ได้สัมปทานการค้าในเมืองหลวงทั้งหมดหรอกหรือ แต่ไหนแต่ไรเผ่าของท่าน นิยมผูกขาดด้านการค้าอยู่ฝ่ายเดียว ผลประโยชน์มากมายที่ได้ ยังรับกันไม่พออีกหรือ"
แพกึยเถียง "ใครว่าเป็นการผูกขาด นั่นเป็นสิ่งที่เราลงทุนลงแรงแล้วได้มาเป็นค่าตอบแทนต่างหาก"
"แต่สิทธิ์ทางการค้าขึ้นอยู่กับฝ่าบาท ขอเพียงมีรับสั่ง พวกท่านจะถูกยกเลิกสัมปทานทันที"
แพกึยท้า "งั้นก็ลองยกเลิกดูสิ ถ้าการค้าของพวกเราหยุดชะงัก ราชสำนักเอง ก็จะต้องเสียหายอย่างมาก"
" ฝ่ายเราอาจจะเสียหายบ้าง แต่ก็แค่ชั่วคราว ถ้าไม่ส่งผลผลิตในเวลาที่กำหนด ข้าจะไปทูลฝ่าบาท ให้ยกเลิกสัมปทานของเผ่าพีรูทั้งหมด หวังว่าท่านคงไตร่ตรอง แล้วค่อยให้คำตอบ" มูยุลออกไป
ซังกาหัวเราะ "หึ เฮ่อๆๆ ฮ่าๆๆ ถูกทอดทิ้งแต่เด็ก นึกว่าจะไม่เอาไหน สุดท้ายเชื้อก็ไม่ทิ้งแถว"
"ไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ เพราะคนที่ตัดสินพระทัยจริงๆ คือฝ่าบาทพระองค์เดียว"
ซังกาว่า "เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิด หึ"
มูยุลกลับไปเฝ้าพระราชายูริ ทรงตรัสถามว่า
"ทำงานเป็นไงบ้าง พวกเขาจะส่งส่วยให้ทางการ ในเวลาที่กำหนดมั้ย"
"ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ"
"แปลว่าไม่ได้อะไรกลับมาเลยหรือ"
"หม่อมฉันบอกพวกเขาว่าถ้าไม่ส่งของ จะเพิกถอนสัมปทานการค้า ของเผ่าพีรูพะยะค่ะ"
คูชูตกใจ "หา"
พระราชายูริทรงตรัสนิ่งๆ ว่า "หึ แล้วพวกเขาว่ายังไง"
"พวกเขาบอกว่า ถ้าทำจริง ราชสำนักก็จะเสียหาย ท้าให้หม่อมฉันลองดู"
"เผ่าพีรูผูกขาดทางการค้า แม้จะไม่ถูกต้องนัก แต่ผลประโยชน์ที่พวกเขาส่งมาคือรายได้มหาศาลของเรา"
"พะยะค่ะ"
"รู้แล้วทำไมยังทำแบบนี้ ถ้าการค้าขาดช่วง ไม่เพียงราชสำนัก แม้แต่ชาวบ้านก็จะเดือดร้อน แล้วเราจะมองหน้าผู้คนได้ยังไง"
" ถึงยกเลิกสัมปทานของเผ่าพีรู การค้าของเราก็ไม่ขาดช่วง เพราะหม่อมฉัน สามารถหาคนมารับช่วงต่อจากเผ่าพีรูได้แล้ว ไม่มีใครอยากให้ตัวเองจนตรอก เชื่อว่าสุดท้าย เผ่าพีรูต้องอ่อนข้อให้เราแน่"
"งั้นก็ได้ ลองทำตามที่เจ้าคิดละกัน"
มู ยุลออกไป คูชูทูลกับพระราชายูริว่า "เป็นความคิดที่น่าทึ่งจริงๆ คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ แต่กล้าเสนอแนวคิดที่ไม่มีใครนึกถึงขนาดนี้"
" แม้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย แต่ความร้ายกาจของเผ่าพีรู เขายังเทียบไม่ได้หรอก เขาไม่รู้หรอกว่าคนอย่างซังกาและเจ้าแพกึย เขี้ยวลากดินขนาดไหน ต้องให้เรียนรู้และลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ถึงจะมีประสบการณ์มากขึ้น"
000000000000
เฮยาไปที่ร้านหมอเพื่อเกลี้ยกล่อมยอนเข้าวังหลวงโดยเสนอเงื่อนไขให้นางตัดสินใจ แต่เจอมาวังเสียก่อน
"ข้าอยากขอพบหมอหญิง ที่อยู่กับท่านได้ไหม"
"เอ่อ เอ หมอหญิงที่อยู่กับข้า หมายถึงยอนหรือ"
"ข้าอยากให้นางเป็นหมอหลวง"
"ฮ่าๆๆ พูดเป็นเล่นไปได้ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แม้นางจะรักษาให้คนทั่วไปก็จริง แต่ยังไม่ใช่หมอ นางน่ะ เป็นบ่าวในบ้านข้าต่างหาก"
"งั้นข้ามาขอซื้อตัว"
"ซื้อตัว ถึงให้พันตำลึง ข้าก็ไม่ขายหรอก หึ"
"งั้นข้าก็จะใช้กำลัง"
"อะไรนะ พูดอีกทีซิ ข้าจะไปพบมูยุลเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ ข้าเป็นผู้มีพระคุณขององค์ชายมูยุลเชียวนะ รู้หรือเปล่า มาทำแบบนี้ได้ไง"
"ข้ารู้ว่านาง เป็นเชื้อพระวงศ์แห่งพูยอ"
"หา ท่านรู้ได้ไง"
"หึ ขอเพียงมอบตัวนางออกมา รับรองว่าท่านจะไม่เกิดปัญหา ถ้าฉลาดก็เชื่อฟังข้าเถอะ"
"เอ่อ หึ เฮ่ย ยอนจ๋า หัวหน้าเฮยามีเรื่องจะคุยกับเจ้า"
"ข้าจะมารับเจ้าเข้าวัง เตรียมตัวด้วย นับแต่นี้ เจ้าจะได้เป็นหมอหลวงในวัง"
"ข้าอยากอยู่นี่มากกว่า" ยอนว่า
"หึ ข้ารับปากนางแล้ว เจ้าก็ไปเถอะ"
"ขออนุญาต คุยตามลำพังได้ไหมคะ เรื่องนี้ เป็นความประสงค์ของเขาหรือ" ยอนถาม
"ใช่แล้ว"
" ถ้าอย่างงั้น ข้ายิ่งไม่ควรเข้าวัง ถ้าข้าเข้าวังจริง อาจสร้างปัญหาให้เขาก็ได้ เขาสู้ลำบากกว่าจะรู้ชาติกำเนิดตัวเอง ข้าไม่อยากให้เขา ตกอยู่ในภาวะอันตรายอีก"
"เพราะเจ้ามีฐานะ เป็นองค์หญิงแห่งพูยอใช่ไหม เรื่องนี้ ข้าจะดูแลให้เอง ไม่ต้องห่วงหรอก ได้ข่าวว่านักรบทมิฬ รู้ร่องรอยของคุณหนูและตามมาก่อกวน องค์ชายเลยเป็นห่วงว่า ถ้าอยู่ข้างนอกคนเดียว อาจมีอันตรายได้ อีกอย่าง ถ้าเจ้าหวังดีต่อองค์ชายจริง ขอให้ลืมอดีตของพวกเจ้า ให้หมดซะ ในเมื่อเจ้า เป็นองค์หญิงแห่งพูยอ ยังไงซะ คงไม่ได้สมหวังกับเขาแน่"
เฮยาพายอนเข้ามาพบมูยุล
"องค์ชาย"
"เชิญเข้ามา คุณหนู หึ"
" ต่อไป นางจะอยู่ในฐานะหมอหลวงคนหนึ่ง และไม่เพียงแต่คนในวัง แม้แต่ชาวบ้านข้างนอก นางก็จะไปรักษา ซึ่งฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว" เฮยากล่าว
"ขอบคุณท่านมาก หึ นับแต่นี้ ข้าจะได้หายห่วงหน่อย ไม่งั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า จนแทบไม่เป็นอันทำงาน หึ"
โท จินทราบจากกงชอนว่ายอนเข้าวังหลวงไปเป็นหมอหลวงแล้ว และนักรบก็มาบอกเขาว่าพระราชาเทโซมีรับสั่งให้กลับพูยอด่วน แต่โทจินบอกว่าตอนนี้เขายังกลับไม่ได้ โทจินไปหาแพกึย
"ข้าจะมาขอถามเรื่องหนึ่ง"
"อยากรู้อะไรอีก"
"ได้ยินว่าท่านจะร่วมมือกับอ๋องเทโซ เป็นความจริงหรือเปล่า ถ้าท่านตัดสินใจแบบนี้จริง ข้าจะคุ้มครองท่าน ไปที่พูยอเอง"
"เจ้าออกจากที่นั่นแล้วไม่ใช่หรือ ถ้าจู่ๆ กลับไปอีกครั้ง อ๋องเทโซจะยอมยกโทษให้หรือเปล่า"
"ถ้าข้ายอมเป็นสื่อกลางระหว่างท่านกับแคว้นพูยอ คงเป็นโอกาส ให้ข้าได้กลับไปพูยออีกครั้ง"
พระราชายูริเสด็จไปดูการปฏิบัติงานของยอนกับหมอหลวง
"ได้ยินว่าเจ้าชื่อยอนหรือ"
"เพคะฝ่าบาท"
"เป็นบ่าวของท่านมาวัง แล้วทำไมรู้เรื่องการแพทย์ดี"
เฮยาทูลแทนว่า "ฝ่าบาท เนื่องจากพ่อของยอน เคยเป็นหมอที่เมืองโชบุนเพคะ"
"แล้วทำไมนางกลายเป็นทาสซะได้"
"เพราะสงครามทำให้พ่อเสียชีวิต เลยเป็นทาสเพคะ"
" อึม ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ เจ้าเหน็ดเหนื่อยกับผู้ป่วยมานาน ต่อไปถ้าขาดเหลืออะไรในการรักษา ก็บอกข้ามาได้ หากไม่ลำบาก ข้าจะสนับสนุนทุกทาง"
"เพคะฝ่าบาท"
มูยุลบอกกับเฮยาเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพังว่า
"ฐานะของนาง เราคงปิดได้ไม่นานนัก ข้าอยากทูลฝ่าบาท ให้ทรงทราบความจริง"
"ไม่ได้นะเพคะ ปะเหมาะเคราะห์ร้าย อาจทำให้องค์ชายทรงเดือดร้อนซะเอง"
"ถึงนางจะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ก็ออกจากพูยอมาแล้ว มาอาศัยอยู่นี่ รักษาคนไข้ให้โกคูรยอ แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ"
"ทุกวันนี้องค์ชาย ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องระวังให้มาก ยังไม่ถึงเวลา อย่าวู่วามจะดีกว่า" เฮยาเตือน
แพ กึยตัดสินใจร่วมมือกับพระเจ้าเทโซกำจัดพระเจ้ายูริ หลังจากที่แพกึยตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว เขากับโทจินเดินทางไปที่แคว้นพูยออย่างลับๆ
"แถวนี้ไม่มีคนของโกคูรยอ ข้าจะไปพบใต้เท้าแชบู รายงานเรื่องของท่าน ก่อน"
"หึ นี่คือยาพิษ ก่อนเย็นนี้ถ้าไม่เห็นเจ้า ข้าจะถือว่าโกหก ถ้าให้ถูกจับแล้วถูกพวกเจ้าลบหลู่ ข้าจะจัดการตัวเองซะ"
"เรื่องแบบนี้ จะไม่มีวันเกิดขึ้น" โทจินยืนยัน
จากนั้นโทจินก็รีบไปเข้าเฝ้าพระราชาเทโซ ทรงตรัสถามโทจินว่า
"จำได้ว่าข้าให้ไปสังหารมูยุลไม่ใช่หรือ ทำไมมันยังมีชีวิตอยู่อีก แล้วเจ้าจะให้คำตอบยังไง"
"ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ"
"หุบปาก ที่ข้าส่งเจ้าไปโกคูรยอ ไม่ใช่เพื่อจะฟังประโยคนี้"
"เรื่องมูยุล หม่อมฉันต้องจัดการเขาแน่ แต่ขอเวลาอีกหน่อย"
"หลักการที่ข้ายึดถือมาตลอดนั่นก็คือ ห้ามมีการทำงานที่ล้มเหลว เจ้าอย่าคิดลองใจข้าดีกว่า"
" ขอเพียงฝ่าบาทมีรับสั่ง หม่อมฉันพร้อมจะถวายชีวิตให้ทันที แต่ก่อนหน้านั้น หม่อมฉันอยากให้ฝ่าบาทได้พบคนๆ หนึ่งก่อน ก็คือท่านแพกึย"
"แพกึยหรือ เขามาถึงพูยอหรือไง"
ไม่นานโทจินกับแชบูก็มาต้อนรับแพกึยและพาไปเข้าเฝ้าพระราชาเทโซ
"เฮ่อๆๆ ยินดีต้อนรับ มาก็ดีแล้ว"
"หม่อมฉันแพกึยพะยะค่ะ"
"เฮ่อๆๆ มา เชิญนั่งก่อน เฮ่อๆๆ มา"
"ก่อนจะรับเหล้าจากฝ่าบาท หม่อมฉันมีเรื่องจะขอทูลให้ทราบก่อน หม่อมฉันไม่ได้เดินทางมาเพื่อสวามิภักดิ์ต่อฝ่าบาท"
"แล้วยังไง"
" สาเหตุที่หม่อมฉันมาพูยอคราวนี้ เพราะคิดว่าเราสองคน มีศัตรูเป็นคนเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ หม่อมฉันจึงมาหวังพึ่ง ให้ช่วยเล่นงานพระราชายูริ ถ้าฝ่าบาทไม่ทรงเห็นด้วยกับหม่อมฉัน ก็รับสั่งให้ประหารได้ แต่ถ้ายินดีให้ความร่วมมือ ก็ทรงประทานเหล้ามา"
"หึๆๆ ไม่น่าเชื่อว่า ท่านจะเป็นคนใจกล้าขนาดนี้ ฮ่าๆๆ"
0000000000000
ด้วย ความที่พระเจ้ายูริทรงมีพระราชประสงค์ให้มูยุล เป็นองค์ชายที่สมบูรณ์แบบ พระองค์จึงทรงเข้มงวดกับมูยุลเป็นพิเศษ มูยุลอาศัยไหวพริบและความรู้ที่ร่ำเรียนมาจนสามารถผ่านการทดสอบของพระเจ้ายู ริ มูยุลยังได้สอนศิลปะการต่อสู้กับองค์ชายยอจิน
พระมเหสีมียูสังเกตได้ ว่าทุกครั้งที่มูยุลผ่านการทดสอบของพระเจ้ายูริ มูยุลได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงของความเป็นองค์ชายออกมาโดยไม่รู้ตัว
พระ เจ้าเทโซทรงมีพระบัญชาให้คณะฑูตเดินทางไปแคว้น โกคูรยอ ที่แท้พระเจ้าเทโซทรงมีแผนการให้มูยุลหลงกลติดกับ เมื่อคณะฑูตแคว้นพูยอเดินทางมาถึงแคว้นโกคูรยอ คณะฑูตก็เชิญแคว้นโกคูรยอเข้าร่วมพิธีบวงสรวงของแคว้นพูยอ
มูยุลทราบเรื่องจากมาโนแล้วก็ไปต้อนรับแชบูด้วย พร้อมกับองค์ชายยอจิน
"ออกมาต้อนรับขนาดนี้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรตินัก"
"ยินดีต้อนรับ อ๋องเทโซทรงสำราญดีมั้ย"
"ทรงสำราญดี หม่อมฉันยังต้องถวายพระพรแด่องค์ชายมูยุลด้วย"
มูยุลกล่าว "ยินดีต้อนรับ"
"เอาล่ะ ฝ่าบาททรงรอท่านอยู่ เชิญไปที่ท้องพระโรง" ทุกคนเข้าไปด้านใน
แชบูทูลพระราชายูริ "ทรงสำราญดีมั้ยพะยะค่ะ"
"มีธุระอะไร"
" ฝ่าบาทของเรามีรับสั่ง ให้เรื่องบาดหมางเก่าก่อนเป็นอันแล้วไป สองฝ่ายเป็นมิตรต่อไปเหมือนเดิม จึงอยากให้ฝ่าบาท ส่งตัวแทนไปร่วมงาน "ยอนโก" ที่แคว้นของเราจะจัดขึ้นในเร็ววันนี้"
หลังจากนั้นพระราชายูริก็ปรึกษากับองค์ชายมูยุลและองค์ชายยอจิน
องค์ชายยอจินทรงสงสัย "จู่ๆ มาเชิญเราไปร่วมงาน "ยอนโก" จะมีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า"
"คิดว่าคงไม่มีอะไร ทุกครั้งที่พูยอมีงานสำคัญ เราจะส่งทูตไปร่วมด้วย แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้" พระราชายูริรับสั่ง
"แต่ว่าฝ่าบาท ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับโกคูรยอไม่สู้ดีนัก"
" สมัยอดีตพระราชา แม้สองแคว้นจะเปิดศึกกันอยู่ เวลามีงานสำคัญ ต่างฝ่ายก็ยังส่งทูตไปร่วมงาน แม้ตอนนี้ความสัมพันธ์จะค่อนข้างตึงเครียด แต่การส่งตัวแทนไปร่วมงาน ก็เป็นธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อน เราจะได้ถือโอกาสสักการะเจ้าแม่ "ฮาแบ" ของแคว้นพูยอด้วย ข้าจะให้ยอจิน พาคณะทูตเดินทางไปแคว้นพูยอ งานแบบนี้ ถ้าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมา จะเท่ากับทำลายเกียรติของตัวเอง พวกเขาไม่กล้าหรอก"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
มูยุลเสนอตัว "ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันไปด้วยได้ไหม"
"ถ้าเจ้าไป จะทำให้อ๋องเทโซไม่พอใจมากกว่า อย่าให้บาดหมางโดยไม่จำเป็น" พระราชายูริตรัส
พระมเหสีมียูทรงทราบก็เป็นห่วงบุตรชายมาก ทรงเข้าเฝ้าพระราชายูริ
"ฝ่าบาท โปรดถอนรับสั่งที่จะส่งยอจินไปเถอะเพคะ เขาไม่มีความผิด ทำไมต้องให้ไปพูยอด้วย"
" ใครไปหรือไม่ไป เกี่ยวอะไรกับความผิด ข้าไม่เห็นเข้าใจเลย ข้าบอกแล้วว่า ระหว่างที่มีงานแบบนี้ ยอจินจะไม่มีอันตราย เข้าใจหรือเปล่า"
"ในเมื่อทรงเชื่ออย่างงั้น แล้วทำไมไม่ส่งมูยุลไปล่ะเพคะ"
"ครั้งหนึ่งมูยุลเคยลอบทำร้ายอ๋องเทโซ เมื่อเป็นงานสำคัญของพูยอ เราไม่ควรให้เขาไป"
"ฝ่าบาท"
มูยุลทูลว่า "ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันไปเถอะพะยะค่ะ"
"ข้าสั่งไปแล้ว ไม่ต้องพูดอีก" พระราชายูริทรงตัดบท
" ถ้าให้ยอจินไปเพราะหม่อมฉันกลัวอันตราย ใครๆ คงหัวเราะหม่อมฉันแน่ อีกอย่างหม่อมฉัน อยากสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ทรงให้หม่อมฉันไปดีกว่า" มูยุลยืนยัน
พอกลับมาพระมเหสีมียูก็ทรงเครียดอีก จนอันซึงถาม
"พี่ใหญ่ ในเมื่อมูยุลยอมไปซะเอง ท่านก็สมใจแล้วนี่ ทำไมท่าน ยังกลับมานั่งเครียดอีกล่ะ"
"การที่ให้มูยุลไปแทน ก็แสดงว่ายอจินของเราความสามารถไม่ถึง"
"อ้อ คิดแบบนี้ มันก็จริงน่ะนะ เอ ถ้าอย่างงั้น เราจะทำไงต่อดี หรือจะให้ข้า ติดตามคณะทูต ไปแคว้นพูยอดีมั้ย"
"เจ้าน่ะหรือ"
" ระหว่างพิธีสักการะ อ๋องเทโซไม่กล้าทำอะไรเขาก็จริง แต่สำหรับฝ่ายเรา ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย ท่านแพกึยจะไปกับข้าด้วย ถ้าไงข้าจะจัดการให้เอง"
ด้านยอนทราบก็กล่าวกับมูยุลว่า
" ทำไมต้องไปเสี่ยงกับงานแบบนี้ด้วย ปกติคนไข้ที่ข้ารักษา ถ้าเจ็บก็บอกว่าเจ็บ และถ้าใครกลัวตาย ก็จะพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิต แม้กระทั่งร้องไห้ แต่ตอนนี้องค์ชาย กลับไม่แสดงความรู้สึกใดๆ หึ"
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ข้ายิ่งไม่กังวลกับชีวิตตัวเอง แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนู ข้าก็ไม่อยากเสแสร้ง เจ็บก็บอกว่าเจ็บ ถ้ารู้สึกกลัว ก็พูดตรงๆ ว่ากลัว อ๋องเทโซ แม้จะไม่ทำอะไรให้ตัวเองเสื่อมเสีย แต่ว่า เราก็ไม่รู้เขาจะมาไม้ไหน ก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน ถึงอย่างงั้นก็ต้องไป ไม่เพื่อตัวเองเท่านั้น ข้าต้องเอาชนะความกลัวให้ได้ ถึงจะสามารถยืดอก ต่อหน้าคนอื่นอย่างภาค ภูมิ เลยต้องไปให้ได้ แต่ข้าจะกลับมา คุณหนูไม่ต้องห่วง"
ในที่สุด พระเจ้าเทโซและมูยุลซึ่งเป็นศัตรูคู่อริก็ประจันหน้ากัน
" ไม่เจอกันนานนะ ระหว่างที่เจ้าอยู่ในพูยอ ข้าจะให้คนดูแลความปลอดภัยให้ ถึงข้าจะไม่ได้คิดร้ายอะไร แต่ไม่รับรองว่าจะมีใครบางคนที่นี่ คิดนอกลู่นอกทางหรือเปล่า เลยต้องป้องกันไว้"
มูยุลตอบว่า "หม่อมฉัน ถ้าไม่เชื่อใจฝ่าบาท คงไม่มาร่วมงานนี้ ความหวังดีของฝ่าบาท หม่อมฉันจะขอรับไว้"
พระราชาเทโซทรงตรัสกับเหล่าขุนนางของพระองค์ว่า
"เห็นหรือเปล่า หมอนั่นมันกล้าเชิดหน้า ต่อปากต่อคำกับข้าโดยไม่เกรงกลัว ทำแบบนี้มันหมายความว่าไง"
"ขอเพียงมีรับสั่งมา หม่อมฉัน จะช่วยฝ่าบาทขจัดเสี้ยนหนามทันที"
แชบูขัดขึ้น "พูดแบบนี้หมายความว่าไง"
"หม่อมฉันจะกำจัดคนๆ นี้ให้เอง"
พระราชาเทโซทรงดุ "พูดอะไรโง่ๆ อีกแล้ว อยากให้ข้าถูกประนามว่ารังแกเด็กหรือไง ตอนนี้ใครๆ ก็เฝ้ามองเราอยู่ แล้วจะฆ่าเขาได้ยังไง"
"แต่ฝ่าบาททรงจำได้ไหม เขาเลยลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทมาก่อน ถ้าเขาไม่ตาย เราจะมองหน้าผู้คนได้ยังไงพะยะค่ะ"
" ยังไงก็อย่าเพิ่งวู่วาม ระหว่างนี้ห้ามมีการนองเลือดเด็ดขาด ข้าไม่อยากผิดกฎที่ตัวเองตั้งไว้ แม้จะแค้นจนอยากสับมันเป็นชิ้นๆ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา" พระราชาเทโซปราม
ด้านมาโนก็กล่าวกับทุกคนว่า ทหารพูยอ มาป้วนเปี้ยนอยู่หน้าที่พักของเราตลอด
พักโซบ่น "ปากบอกว่าคุ้มกัน แต่จริงๆ คือเฝ้าดูความเคลื่อนไหว ไม่แน่พวกเขาอาจคิดร้ายก็ได้"
"องค์ชายเชื่อมั้ยว่า อ๋องเทโซจะให้คนมาคุ้มครองเราจริงน่ะเพคะ" เฮยาถาม
เคยูกล่าวต่อว่า "หม่อมฉันคิดอยู่หลายครั้ง ที่องค์ชายเสด็จมาคราวนี้ นับว่าเสี่ยงเกินเหตุ องค์ชาย ถ้าไงเรากลับตอนนี้"
" ข้าก็กลัวเหมือนกัน แต่ว่า เราจะไม่แสดงออกให้ใครรู้ ถ้าพวกเขารู้ว่าเรากลัวที่จะมาอยู่นี่ คงจะแกล้งมากกว่านี้อีก ข้าไม่อยากกดดันอ๋องเทโซ เพื่อให้ได้มา ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ"
"แปลว่าที่มานี่เพราะมีจุดประสงค์อื่นหรือ"
"ใช่"
"ทรงต้องการอะไรอีก"
" หลายปีนี้ พูยอไม่มีความเคลื่อนไหวทางทหาร รู้สึกแปลกบ้างมั้ย แม้แต่ที่ข้าจู่ๆ กลายเป็นองค์ชายแห่งโกคูรยอ พวกเขาก็ยังนิ่งเฉย ซึ่งโดยนิสัยอ๋องเทโซแล้วไม่น่าเป็นอย่างงั้น ตามความคิดข้า ตอนนี้แคว้นพูยอ น่าจะเตรียมการเพื่อจะออกรบ อยากรู้ว่าข้าคิดถูกหรือไม่ ลองหยั่งเชิงอ๋องเทโซซักครั้ง ก็จะรู้เอง"
"แต่ว่า ตอนนี้องค์ชาย อยู่ภายใต้การเฝ้าดูของพวกเขาอยู่ ถ้าหาก พวกเขารู้ว่าองค์ชายต้องการอะไร อาจมีอันตรายถึงตัว แล้วยังจะเสี่ยงอีกหรือ"
มูยุลไปขอเข้าเฝ้าพระราชาเทโซ ทรงตรัสถามว่ามีธุระอะไร
"หม่อมฉันมีเรื่อง จะขอรบกวนฝ่าบาท"
"ไหนลองว่ามาซิ"
"หม่อมฉันจะขอไปสักการะ ศาลบูชาเจ้าแม่ฮาแบ"
"ศาลเจ้าแม่ฮาแบ หมายถึงสุสานของสนมยูฮวาหรือ"
"ใช่"
" อ้อ ที่แท้ชาวโกคูรยอ เรียกอดีตสนมของแคว้นพูยอว่าเจ้าแม่ฮาแบหรือ ฮ่าๆๆ หึๆๆ เดิมทีนั้น ข้ายังไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะเป็นลูกของยูริ แต่ตอนนี้ เห็นชัดว่าเจ้าเป็นหลานจูมงจริงๆ เพราะเจ้าก็เหมือนเขาที่ชอบหลอกข้าเรื่อย ไม่เคยแสดงความจริงใจออกมาซักครั้ง ถึงบอกว่า ยังไงเลือดก็ข้นกว่าน้ำอยู่ดี"
"ใช่ หม่อมฉันสืบสายโลหิตโดยตรง จากพระราชาจูมง ไม่แน่อาจเอาอย่างเสด็จปู่ เป็นภัยร้ายแรงต่อแคว้นพูยอ จึงอยากให้ฝ่าบาท ทรงระวังไว้ด้วย"
แชบูเสียงกร้าว "กล้าพูดจาโอหังต่อหน้าฝ่าบาทเชียวหรือ"
พระราชาเทโซตรัส "เก็บกระบี่ซะ"
"ฝ่าบาท คนที่ไม่รู้กาลเทศะ ปล่อยไว้จะเป็นภัยนะพะยะค่ะ"
"ข้าบอกให้เก็บกระบี่ก่อน คำเตือนของเจ้า ข้าจะจำไว้ ส่วนเจ้า ก็อย่าลืมว่าข้าจะคอยดูความประพฤติอยู่ ใต้เท้าแชบู"
"พะยะค่ะ"
"ทำตามข้อเรียกร้องของมูยุล" มูยุลออกไป
แชบูทูลพระราชาเทโซ "ฝ่าบาท จะปล่อยเขาไปแบบนี้หรือพะยะค่ะ"
" เขากล้ามาถึงพูยอ แสดงว่าไม่ห่วงชีวิตตัวเอง ระหว่างที่อยู่นี่ เขาต้องมีอะไรมาท้าทายข้าอีกแน่ เพื่อทดสอบความอดทนของข้า แล้วเรื่องอะไรข้าจะหลงกล ทำให้ตัวเองเสื่อมเสียง่ายๆ"
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน จบ 19
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน 20
มูยุลกลับมาที่พัก เคยูถามทันทีว่า
"องค์ชาย หึ ไปเฝ้าอ๋องเทโซเรื่องอะไรหรือพะยะค่ะ"
"ข้าจะขอไปเซ่นไหว้ศาลบูชาของเจ้าแม่ฮาแบหน่อย"
"ไปศาลเจ้าแม่ฮาแบ แปลว่าจะออกจากวังหรือเพคะ"
" ระหว่างที่ข้าไปเซ่นไหว้ สายตาทุกคู่จะจับจ้องอยู่ที่ข้าคนเดียว ขณะที่ข้าหลอกล่อพวกเขาอยู่ ให้ท่านเคยูไปติดต่อท่านมาวัง ให้ช่วยดูลาดเลาในแคว้นพูยอ"
"พะยะค่ะ"
พอมูยุลออกไป พักโซก็บ่นว่า "ถ้าอยู่ในวังยังพอดูแลองค์ชายได้ ออกไปจะมีอันตรายมากน่ะครับ"
"ข้าก็ว่าน่าเป็นห่วงเหมือนกัน ตอนนี้ยังไม่สายที่จะยับยั้งองค์ชายไว้" เคยูว่า
เฮยาตอบว่า "อะไรที่ตัดสินพระทัยแล้ว ใครก็ไม่อาจห้ามได้"
พักโซถอนใจ "เฮ่ย นี่ งั้นเจ้าลองไปพูดดู เป็นเพื่อนสนิทไม่ใช่หรือ"
"รู้มั้ยทำไมต้ององค์ชายต้องไปเสี่ยง ก็เพื่อให้ทุกคนยอมรับในความสามารถ จึงจำเป็นต้องทำแบบนี้" มาโนว่า
"เชอะ แล้วยังไง เกิดใครมาปองร้ายล่ะ"
เฮยากล่าวว่า "ถึงจะเป็นความคิดที่เสี่ยง แต่เราก็ไม่มีทางขัดขวางองค์ชายได้"
อันซึงมาบอกเรื่องมูยุลให้กับแพกึยรู้
"มูยุลจะไปเซ่นไหว้ศาลเจ้าแม่ฮาแบคนเดียวงั้นหรือ"
อันซึงตอบว่า "ใช่ครับท่าน"
"เฮอะ ช่างใจกล้าซะเหลือเกิน"
"เขาอยากเล่นตลกก็เล่นไป ไม่แน่เรื่องนี้อาจสบายกว่าที่เราคิดไว้"
"หมายความว่าไง"
"ถ้ามันออกจากวังเมื่อไหร่ ข้าจะส่งคนไปเล่นงาน"
"มีทางกำจัดเขาได้หรือ อย่าทำวู่วามจนแหวกหญ้าให้งูตื่นล่ะ"
"หึ นึกหรือว่าที่ข้ามานี่ เพื่อร่วมงานของพูยอเท่านั้น"
"หมายความว่า ท่านวางแผนแต่แรกแล้วหรือ"
" หึ คนที่ข้าพามา เป็นยอดฝีมือแถวหน้าทั้งนั้น ถ้ามันตายอยู่ในแคว้นพูยอ ใครจะเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด ทุกคน คงนึกว่าอ๋องเทโซเป็นคนลงมือ ส่วนพวกเรา ก็จะได้ลอยตัวอย่างสบาย" อันซึงกล่าวอย่างมั่นใจ
แพกึยมากล่าวกับโทจินว่า "ใต้เท้าอันซึงมีแผนดีอย่างหนึ่ง ถ้าทำได้สำเร็จ เราไม่ต้องลงมือเอง ก็จะสามารถกำจัดมูยุลได้"
"ถ้าอย่างงั้น ความหมายของท่านคือ"
"มีข่าวว่ามูยุลจะไปเซ่นไหว้ศาลเจ้าแม่ฮาแบ ถึงตอนนั้น เขาจะส่งคนไปจัดการ"
เมื่อถึงเวลาเดินทางแชบูก็บอกกับมูยุลว่า
"ทหารที่จะถวายอารักขาองค์ชาย เพื่อความปลอดภัยขององค์ชาย ฝ่าบาทจึงได้ส่งพวกเขามา ขอให้พาไปด้วย"
"หึ ขอบคุณมาก ข้าไปก่อนล่ะนะ"
"ระวังตัวด้วย"
จากนั้นเคยูก็ไปพบกับมาวัง และบอกว่า
"เราอยากรู้ความเคลื่อนไหวของทหารพูยอ พอจะช่วยได้ไหม"
กงชอนกล่าวว่า "เรื่องนี้ไม่มีปัญหาครับ"
มา วังดุ "เจ้านี่ มาทำอวดรู้อะไรกัน ถอยไปห่างๆ ข้าก็รู้สึกว่าบรรยากาศในเมืองดูแปลกๆ เมื่อก่อนค้าขายกับแคว้นพูยอ พอมีงานบวงสรวงทีไร ทางการเป็นต้องเปิดคลังเสบียง แจกจ่ายสารพัดอาหารให้ชาวบ้าน บรรยากาศคึกคักสุดขีด แต่นี่ดูแล้ว ไม่เห็นมีอะไรซักอย่าง นี่ จะให้สืบเรื่องอื่นหรือเปล่า"
"ดูปริมาณค้าขายพวกเหล็กกล้า อาหารแห้งและนุ่น รู้แล้วรีบมาบอกข้า"
"ได้ ข้าเข้าใจ"
ด้านพระราชาเทโซทรงทราบเรื่องสังหารมูยุลจากโทจิน
"ให้ทุกคนเข้าใจผิดคิดว่า พูยอวางแผนสังหารองค์ชายมูยุล เป็นความคิดของใคร" พระราชาเทโซตรัสถาม
โทจินทูลตอบ "ขุนนางชื่ออันซึงพะยะค่ะ"
"อันซึงหรือ"
"เป็นน้องชายพระมเหสีแห่งโกคูรยอ และเป็นน้าขององค์ชายยอจิน"
"ไม่น่าจะเป็นความคิดขุนนางคนหนึ่งเพียงลำพัง แสดงว่ามเหสีองค์นี้ก็จะฆ่า มูยุลด้วยใช่ไหม"
" พะยะค่ะ มเหสีมียูหวังจะให้โอรสได้เป็นรัชทายาท พอมูยุลเข้ามา ความสำคัญขององค์ชายยอจินก็ถูกลดลง พระมเหสีเลยต้องหาวิธีเพื่อจะกำจัดมูยุลให้ได้"
"ฝ่าบาท นี่เป็นโอกาสทองของเรานะพะยะค่ะ" แชบูทูล
"หมายความว่าไง"
"เราจะยืมมือพวกเขากำจัดมูยุล"
"ข้าเคยบอกแล้วว่าจะให้มูยุลตายในแคว้นพูยอไม่ได้"
" ถ้าอ้างว่าเป็นการชิงอำนาจของพวกเขาเอง แค่นี้ก็หมดปัญหาแล้ว ฝ่าบาท รอจนพวกเขาทำงานสำเร็จ แล้วเราค่อยจับตัวไว้ก็ได้ นี่คือ โอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้ว"
เฮยาให้ทุกคนระวังมากขึ้นในช่วงกลางคืน มูยุลมาบอกเฮยาว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ระหว่างนี้จู่ๆ นักรบก็ถูกยิงตาย
"หึ นี่มันเกิดอะไรขึ้น" มูยุลถาม
แชบูตอบว่า "เราได้รับแจ้งว่า มีคนคิดปองร้ายองค์ชายในบริเวณนี้ ฝ่าบาทจึงมีรับสั่ง ให้หม่อมฉันตามมาถวายอารักขา"
มูยุลไปเข้าเฝ้าพระราชาเทโซเพื่อขอบพระทัย
"หม่อมฉันจะไม่ลืม พระเมตตาของฝ่าบาท"
" การดูแลแขกบ้านแขกเมืองเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว อีกอย่าง เรามีเรื่องต้องสะสางอีก แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าตายง่ายๆ ได้ยังไง หึ กลับไปบอกพ่อของเจ้า ให้รู้จักอบรมลูกให้ดีหน่อย เคยเสียลูกชายไปถึง 2 คน ถ้าตอนนี้เจ้าเป็นไรไปอีกละก้อ คนที่น่าสงสารก็คือพ่อของเจ้า"
"ได้ยินว่ามีคนมาทูลให้ฝ่าบาททรงทราบเรื่องของหม่อมฉัน เขาเป็นใคร"
"ข้าไม่อยากยุ่งกับเรื่องภายในของพวกเจ้า ออกไปได้แล้ว" พระราชาเทโซทรงตัดบท
เฮยาสืบจนรู้ว่าเป็นฝีมือของแพกึยกับอันซึง แต่มูยุลบอกทุกคนว่า
"เรื่องนี้ อย่าพูดออกไป"
มาโนไม่เข้าใจ "ทำไมอย่างงั้นล่ะ พวกเขาคิดปองร้ายองค์ชาย เราจะทำไม่รู้ไม่ชี้หรือ"
"ทำตามที่องค์ชายสั่งเถอะ" เฮยาว่า
"เราน่าจะฆ่าพวกเขาด้วยซ้ำ ทำไมให้ปิดเงียบล่ะครับ" มาโนแปลกใจ
"ถึงจะคิดบัญชียังไง ก็ควรรอให้กลับบ้านก่อน ข้าไม่อยากให้พวกเราเสียหน้า ต่อหน้าคนของแคว้นพูยอ" มูยุลกล่าว
อันซึงรีบมารายงานให้แพกึยทราบ แพกึยถามอย่างแปลกใจ
"ท่านบอกว่า อ๋องเทโซสั่งให้ช่วยมูยุลหรือ"
"ใช่ แล้วต่อไปจะทำไงดี ถ้าให้รู้ว่าเป็นแผนของเรา ทุกอย่างต้องพังหมดแน่"
"เฮ่อ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง"
"ทำไมถึงไม่ห่วงล่ะ"
" อย่าลืมซิว่า เรายังมีพระมเหสีและองค์ชายยอจิน ถ้าพวกเขากล้ามาเล่นงาน ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับพระมเหสีด้วย มูยุลคงไม่กล้า ทำให้ราชสำนักเสื่อมเสียขนาดนี้"
จากนั้นแพกึยก็ชวนอันซึงไปหามูยุลแสดงความเป็นห่วง
"ได้ยินว่าองค์ชายถูกลอบทำร้าย คงไม่เป็นไรใช่ไหม"
"ใช่"
อันซึงบ่น "เอ่อ ทหารพูยอถวายอารักขาประสาอะไรกัน งานแค่นี้ยังปล่อยให้สะเพร่า แล้วยังกล้าเชิญแขกเมืองอีก"
เฮ ยาสวนว่า "คนที่ช่วยองค์ชายก็คืออ๋องเทโซ ส่วนใครที่คิดร้ายนั้น เรามีหลักฐานพอจะเอาผิดได้แล้ว ไว้กลับไปเมื่อไหร่ จะเปิดโปงให้หมด" เฮยาเดินออกไป
อันซึงเป็นกังวลกับคำพูดของเฮยาจนบ่นกับแพกึย
"เอ่อ นางบอกว่ามีหลักฐานอะไร หรือว่าพวกเขามีอะไรที่จะเล่นงานเราได้"
"เราอะไร อย่าเอาข้าไปเกี่ยวด้วย เป็นความคิดท่านคนเดียว" แพกึยว่า
ด้านมูยุลก็ถามมาวังถึงเรื่องที่ให้ไปสืบว่าได้อะไรมามั้ย
"เอ่อ องค์ชายทรงคาดการณ์ไม่ผิด สินค้าในเมืองมีราคาเพิ่มขึ้น เพราะทางการกว้านซื้ออาหารแห้งเป็นจำนวนมาก"
"ค่ายทหารต่างๆ ขนาดมีเสบียงตุนไว้เยอะ ยังต้องการเพิ่มอีกเรื่อยๆ" กงชอนรายงานเพิ่ม
มาโนอึ้ง "นี่แปลว่า แคว้นพูยอเตรียมจะทำสงครามจริงหรือ"
"เอ่อ เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน"
"ถ้าอย่างงั้น รบกวนท่านอีกนิด"
"เอ่อ เชิญรับสั่งมาได้"
" ข้ารู้ว่าเหล็กกล้าของแคว้นพูยอ ส่วนใหญ่ได้จากเมือง "ยางแบ" ไปดูซิว่าช่วงนี้ส่งมาเท่าไหร่ และปริมาณในการผลิตอาวุธ มากขึ้นหรือลดลง ช่วยไปดูด้วย"
"พะยะค่ะ"
"พวกเจ้าคอยช่วยท่านมาวัง สืบว่าค่ายทหารต่างๆ มีความเคลื่อนไหวยังไงบ้าง" มูยุลสั่งมาโนกับพักโซ
มาโนกับพักโซรับคำ "พะยะค่ะ"
"เสร็จจากงานยอนโก เราจะกลับโกคูรยอทันที แต่ข้าอยากได้ข้อมูลทั้งหมด ขอให้ทำงานเร็วหน่อย"
ขณะ ที่นักรบก็รายงานแชบูว่ามูยุลออกจากวังหลวง แต่สืบไม่ได้ว่าไปไหนและทำอะไร แชบูสั่งให้เฝ้าดูต่อไป แพกึยเข้ามาบอกแชบูว่ามีเรื่องอยากหารือ
เฮยาเตือนมูยุลถึงการไปงานเลี้ยงว่า
"นี่เป็นโอกาสดี ที่จะให้ทุกคนได้เห็นองค์ชายของเรา ต่อให้อ๋องเทโซ ไม่ให้เกียรติองค์ชายยังไง ก็ต้องอดทนไว้ อย่าใช้อารมณ์นะเพคะ"
"ไม่ต้องห่วง"
และภายในงานเลี้ยงพระราชาเทโซทรงแนะนำ
" ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักคนๆ หนึ่ง นั่นคือองค์ชายมูยุลแห่งโกคูรยอ แม้ว่าเราจะมีเรื่องบาดหมาง แต่ข้าก็ยึดตามธรรมเนียมปฏิบัติ มีงานสำคัญก็ต้องเชิญโกคูรยอด้วย ข้าจะรินเหล้าให้เจ้า เชิญดื่ม"
พระเจ้าเทโซทรงเทเหล้าซึ่งมีพิษร้ายให้มูยุลด้วยพระองค์เอง มูยุลดื่มเหล้าเข้าไปโดยหารู้ไม่ว่าในเหล้ามีพิษร้าย
"ขอบพระทัยพะยะค่ะ"
"เฮ่อ หึๆๆ มูยุล"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
" เมื่อก่อนตอนพ่อเจ้ามาเยือนแคว้นพูยอ เขาเคยประลองฝีมือกับข้า เจ้าอยากลองดูซักครั้งบ้างมั้ย เฮ่อๆๆ คงนึกว่าข้าแก่แล้ว สู้เจ้าไม่ได้ล่ะสิ"
"หม่อมฉันไม่กล้าสู้กับฝ่าบาท แต่ฝ่าบาท ให้คนมาสู้กับหม่อมฉันก็ได้ ดีมั้ยพะยะค่ะ"
"ก็ดี งั้นข้าจะเลือกคนที่เก่งพอกัน หึ อ้อ ใต้เท้าแชบูเห็นว่ายังไง อยากสู้ด้วยมั้ย"
"ยินดีพะยะค่ะ"
"ใต้เท้าแชบูของเรา สมัยก่อนเป็นนักรบอันดับหนึ่ง ถ้าเจ้าประลองกับเขาคงน่าสนุก เริ่มได้แล้ว หึ"
เวลานั้นทหารของพระราชาเทโซก็จับมาวังที่แอบมาสอดแนม พระราชาเทโซทรงโกรธมาก
" พวกเจ้ากล้าบังอาจ สอดแนมเกี่ยวกับเรื่องทหารของเรา ข้ายังคิดว่าจะลืมเรื่องอดีต อภัยให้เจ้าด้วยซ้ำ ถึงได้ปกป้องเจ้าขนาดนี้ แล้วเจ้ายังกล้า ตลบหลังข้าถึงเพียงนี้ เห็นทีจะปล่อยเจ้าไม่ได้อีก ถ้าเจ้าประลองแล้วเป็นฝ่ายแพ้ ข้าจะตัดหัวพวกเขา ให้เจ้าดูต่อหน้าเดี๋ยวนี้"
โชคดีที่การประลองแม้มูยุลจะได้รับสารพิษ แต่เขาก็สามารถเอาชนะได้
คณะของมูยุลเดินทางกลับมาถึง ก็เข้าเฝ้าพระราชายูริ
"ฝ่าบาท ทรงสำราญดีมั้ยพะยะค่ะ"
"เดินทางมาไกลคงเหนื่อยสินะ ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นใช่ไหม"
"ทุกคนปลอดภัยดี กลับมาพร้อมหน้าพะยะค่ะ"
"อึม ดี ขอบใจทุกคนมาก เหตุการณ์ทางพูยอเป็นไงบ้าง"
มูยุลรายงานว่า "เท่าที่ได้ข้อมูลมา ตอนนี้พูยอ เหมือนเตรียมจะเปิดศึกพะยะค่ะ"
"เตรียมจะเปิดศึกหรือ"
"ที่จริง ก่อนออกเดินทาง หม่อมฉันก็สงสัยอยู่ แต่พอไปถึงและสืบดู จึงมั่นใจว่าพวกเขาเตรียมสู้รบพะยะค่ะ"
คูชูถามว่า "หมายความว่า ที่องค์ชายอาสาไปพูยอเองนั้น เพื่อจะสืบข่าวทางทหารของพวกเขาหรอกหรือ"
"ใช่ นี่คือสิ่งที่ได้จากการไปพูยอมา"
"อ๋องเทโซ ได้สะสมเสบียงตั้งมากขนาดนี้ รวมถึงไพร่พลและอาวุธด้วยหรือ"
" ถ้าหม่อมฉันเดาไม่ผิดละก้อ แคว้นพูยอ คิดจะมาตีเราในเร็ววันนี้ การที่พวกเขาเก็บตัวมาหลายปี เพื่อเตรียมไพร่พลและเสบียงให้พร้อม เมื่อเรารู้เจตนาเช่นนี้แล้ว ทางที่ดี ควรหาทางรับมือนะพะยะค่ะ"
จากนั้นมูยุลก็ไปพบยอน
"คุณหนู"
"หึ ไม่เป็นไรใช่ไหม ได้ยินว่าไปสู้กับใต้เท้าแชบู จนทำให้ตาท่านเกือบบอด แสดงว่า มีการใช้ยาพิษโดยที่เราไม่รู้"
"โชคดี ที่ข้ารู้ทันก่อน เพราะตอนฝึกนักรบทมิฬเคยใช้พิษชนิดนี้ แต่ตอนนี้หายดีแล้ว คุณหนูไม่ต้องห่วง แล้วเจ้าล่ะ สบายดีใช่ไหม"
"หึ ใช่"
ขณะที่แพกึยก็ถามโทจินว่า แคว้นพูยอเตรียมจะทำสงครามจริงหรือ และคิดว่าเป็นเมื่อไหร่ที่จะเปิดศึก
"ครับ เรื่องนี้ข้าก็ไม่ทราบ แต่อ๋องเทโซ หวังจะได้รับการสนับสนุนจากใต้เท้า"
" ถ้าข้าทำตามคำขอของพวกเขาบ่อยๆ อาจทำให้ตัวเองมีอันตรายได้ รอให้อ๋องเทโซมายึดโกคูรยอซะก่อนแล้วข้าค่อยสวามิภักดิ์ มันคงไม่ต่างกับตอนนี้ ที่อยู่ใต้อำนาจพระราชายูริ แม้ข้าจะยอมช่วยอ๋องเทโซก็จริง แต่ผู้ชนะที่แท้จริง อาจไม่ใช่พวกเขาทั้งคู่ แต่เป็นข้ามากกว่า หึ"
พ่อบ้านเข้ามาบอกว่าซังกาให้ไปพบ แพกึยไปบอกซังกาว่า
"ใต้เท้าอันซึงวางแผนจะฆ่ามูยุลจริง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว"
ซังกาย้อนถามว่า "มีเรื่องอื่นจะพูดอีกมั้ย"
"ข้าไม่เข้าใจความหมายของท่าน"
" ข้าถามว่ามีเรื่องอื่นจะรายงานอีกหรือเปล่า วันก่อน เจ้าบอกว่าจะไปเมืองโชบุน แต่ว่า เจ้าเมืองโชบุน ไม่มีรายงานว่าพบเจ้าที่นั่น เรื่องนี้จะว่ายังไง ใช่ว่าข้าอยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเจ้า แค่อยากรู้ว่าทำไมต้องโกหกด้วย บอกซิว่า มีเหตุผลอะไรถึงต้องปิดบังข้าและเจ้าทำเพื่ออะไร"
"วันนั้น ข้าไม่ได้ไปโชบุนจริงๆ แต่ไปแคว้นพูยอต่างหาก"
"ไปแคว้นพูยอ อยู่ดีๆ ท่านไปที่นั่นทำไม"
"ข้าไปพบอ๋องเทโซ ขอความร่วมมือที่จะช่วยกำจัดพระราชายูริ และอ๋องเทโซ ก็ยอมรับข้อเสนอของข้า"
"หุบปากเดี๋ยวนี้ ช่างไม่มีหัวคิดซะบ้าง แม้ว่าที่แล้วมา ข้าจะไม่พอใจพระราชายูริแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยคิดจะยกโกคูรยอไปให้คนอื่น"
"ข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะให้พูยอมายึดครอง เพียงแต่ว่า จะใช้อ๋องเทโซ กำจัดพระราชายูริ"
"แล้วมันต่างกันตรงไหน ยืมมือเทโซกำจัดพระราชายูริแล้วหลังจากนั้น เขาจะคืนบ้านเมืองให้เราปกครองง่ายๆ หรือเปล่า"
"ไม่งั้นเราจะรอถึงเมื่อไหร่กัน จะนั่งรอโชคชะตา จนกว่ายูริจะตายหรือไง"
บ่าวคนสนิทของทั้งแพกึยและซังกา ก็ขอร้องให้แพกึยไปขอโทษซังกา แต่เขากลับบอกให้บ่าวคนนั้นคิดให้ดีว่าจะอยู่ฝ่ายไหน
โทจินได้รับคำสั่งจากพระราชาเทโซให้ช่วยพูดกับยอน ให้นางกลับไปอยู่พูยอ
มูยุลทูลรายงานต่างๆ ให้พระราชายูริทรงทราบ และทูลเรื่องทหาร
" อีกอย่าง หม่อมฉันมีเรื่องจะทูล หม่อมฉัน อยากไปตรวจตรากำลังพลของเราที่ประจำอยู่ชายแดน ข่าวว่าพอรู้ว่าพูยอมีกำลังมากกว่า ทหารก็เสียขวัญเป็นอย่างมาก เมื่อหม่อมฉันไปดูแล้ว เห็นส่วนไหนที่บกพร่อง จะได้ปรับปรุงใหม่"
"ให้เจ้าไปก็ได้"
เมื่อออกมาแล้ว มาโนที่สังเกตมูยุลมาก็กล่าวว่า
"ตั้งแต่กลับจากพูยอ รู้สึกองค์ชายจะอารมณ์ดี"
"งั้นหรือ"
"ใช่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ชอบทำหน้าเครียดอยู่เรื่อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว"
"อาจเพราะมีเป้าหมายในชีวิตก็ได้"
"เป้าหมายอะไร"
"หลังจากพบอ๋องเทโซในฐานะองค์ชาย ทำให้ข้ารู้ว่า ตัวเองต้องทำอะไรบ้าง และการทำแบบนี้ ยังได้อยู่กับคนที่ข้ารักด้วย เลยยิ่งสบายใจ"
"งั้นตอนนี้ องค์ชายไม่เชื่อเรื่องชะตาที่เลวร้ายแล้วสิ"
"หึ ไม่มีใครรู้อนาคต หึ ขนาดเจ้าพี่แฮเมียง สมัยก่อนรู้ว่าข้าเป็นยังไง ยังคอยดูแลไม่ห่าง โดยไม่คิดหวาดกลัว"
โทจินได้รับคำสั่งจากพระราชาเทโซให้ช่วยพูดกับยอน ให้นางกลับไปอยู่พูยอ เขารีบหาทางไปพบกับยอน
"มีอะไรหรือคะ"
"ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้ฝากคำพูดมาถึงเจ้า ทรงตรัสว่า อภัยให้กับเรื่องที่แล้วมา"
"หึ ก่อนหน้านี้ฝ่าบาท ก็ส่งนักรบทมิฬจะมารับข้ากลับไป"
"แต่ข้า หวังว่าเจ้าจะกลับไปพูยอดีกว่า ข้าไม่อยากเห็นเจ้าลำบากอยู่นี่ เข้าใจหรือเปล่า"
"แต่ข้าจะไม่กลับไปอีกแล้ว"
"ยอน เป็นเพราะมูยุลใช่ไหม เพื่อเขาแล้ว เจ้ายอมใช้ชีวิตลำบากอยู่อย่างงี้หรือ"
มูยุลนำเคยูและมาโนไปที่ชายแดน พบแม่ทัพที่เอาแต่หาความสุข จนต้องลงโทษ โดนเฆี่ยนแม่ทัพคนนั้น
" เห็นมั้ยว่า ต่อให้แม่ทัพคนนี้ถูกเฆี่ยนจนตาย ก็ไม่น่าสงสารซักนิด เพราะคนที่จะปวดใจมากกว่าก็คือ ญาติพี่น้องของพวกเจ้า ทั้งพ่อแม่ ที่อาจถูกศัตรูสังหารในวันหน้า ที่ข้าลงโทษเขาแบบนี้ เพราะเขาทำให้พวกเจ้า ทั้งญาติพี่น้อง ตกอยู่ในห้วงอันตราย จำไว้ให้ดี ที่พวกเจ้ามาอยู่นี่ ปกป้องแผ่นดินไว้ ไม่ใช่เพื่อตัวของพวกเจ้าเอง หากแต่ปกป้อง คนที่พวกเจ้ารักต่างหาก ข้าน่ะไม่สนว่าเป็นใคร ถ้ามาล่วงล้ำอธิปไตยของโกคูรยอเมื่อไหร่ละก้อ ข้าจะไม่ละเว้นคนๆ นั้น ได้ยินหรือเปล่า"
"พะยะค่ะ"
พระมเหสีมียูสั่งให้อันซึงจับตัวยอนมา คาดคั้น และพบฐานะที่แท้จริงของยอน พระมเหสีมียูก็ทรงมีคำสั่งให้คุมขังและทรมานยอนอย่างแสนสาหัส โทจินรู้ก็รีบมาหายอน
"ท่านมานี่ จะเป็นไรหรือเปล่า"
"เจ้ายังรู้จักห่วงข้าเป็นด้วยหรือ"
"พี่โทจิน"
"ข้าไม่เคยรู้สึกโกรธตัวเองเหมือนอย่างวันนี้ หึ เห็นเจ้าถูกทรมาน กลับได้แต่เฝ้ามองโดยช่วยอะไรไม่ได้"
"ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ขอเพียงองค์ชายกลับมา"
" พอที นึกหรือว่าเขาจะช่วยเจ้าได้ นี่คือวิธีที่เขาปกป้องเจ้าหรือ ที่เจ้าอยู่ในสภาพนี้แถมยังเจ็บตัว ไม่ใช่เพราะเขาพามาอยู่ในวังหรอกหรือ"
"ไม่ใช่ ข้ายินดีเข้าวังมาเอง ถ้าข้าไม่เต็มใจ ใครก็บังคับไม่ได้"
"พอทีเถอะ ไม่ว่ายังไง ข้าจะพาเจ้ากลับพูยอให้ได้ ข้าจะไม่ให้เจ้าอยู่อย่างลำบากที่นี่อีก เข้ามาหน่อยซิ พานางไป"
"หา พี่ พี่โทจิน"
มูยุลนั่งอยู่กับมาโน จนมาโนอดถามไม่ได้ว่า
"คิดอะไรอยู่หรือพะยะค่ะ"
"หึ เปล่า"
" ออกจากเมืองหลวงมาครึ่งปี รู้สึกนานเป็นสิบปีด้วยซ้ำ ไม่ได้เจอคุณหนูตั้งนาน ไม่คิดถึงบ้างหรือ พอมีข่าวว่าองค์ชายมาสำรวจชายแดน พวกทหารก็เริ่มมีกำลังใจ ขยันฝึกซ้อมมากขึ้น ตอนนี้ ถ้าจะกลับเมืองหลวงคงไม่มีปัญหา"
"ไม่ได้ คนที่นี่ ยังรอเราอยู่ พวกเขาจะให้เราดูโฉมใหม่ของกองทัพ ข้ายังจะอยู่ต่อ เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขา"
เคยู พักโซ และเฮยารีบเข้ามาหามูยุล
"มีเรื่องอะไรหรือ"
"ทหารพูยอ เริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้วเพคะ หึ"
"ภายใต้การนำของใต้เท้าแชบู เหมือนจะออกจากเมืองหลวงมา เห็นทีว่า ใกล้จะเปิดศึกจริงๆ"
มูยุล มหาบุรุษพิชิตแผ่นดิน จบ 20
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ ละครเกาหลี
Sunday, August 09, 2009
Related Posts
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
3 comments:
ขอบคุณคุณลิลี่มากค่ะ สนุกมาก รออ่านตอนต่อไปค่ะ
http://video.mthai.com/player.php?id=24M1248250508M0
นางเอกตายอีกแล้วครับพี่น้อง
ทำไม๊ ละครเกาหลีชอบทรมานใจคนดูนะ
ขอบคุณครับ รออ่านตอนต่อไปครับ
รอ..
Post a Comment