ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 45
หนึ่งวันก่อนที่องค์ชายลีซานจะ ขึ้นครองราชย์ได้พบกับนักฆ่า นักฆ่าได้ปลอมตัวเป็นคนขาเป๋
นัมซาโชถามนักฆ่าว่าเดินทางมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด "บังอาจ เจ้าเป็นใครกันแน่
มาในฐานะอะไร ทำไมมาอยู่ตำหนัก "ซึงจอน" ได้" "เอ่อ ขออภัยด้วยครับ ข้าเป็นช่างทาสี
รับคำสั่งจากคนของศูนย์ศิลปะ ให้มาดูว่าตรงไหนมีปัญหา ต้องซ่อมแซมสีบ้างน่ะครับ"
นักฆ่าตอบ "งั้นหรือ" "ตำหนักซึงจอนก็ต้องซ่อมแซมด้วยหรือ ทำไมข้าไม่เห็นรู้เลย"
องค์ชายลีซานว่า "ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ งานซ่อมแซมสี
มีเพียงตำหนักใหญ่และท้องพระโรงเท่านั้น" นัมซาโชทูล นักฆ่าทำเป็นตกใจ "หา แล้ว
ที่นี่ ไม่ใช่ท้องพระโรงหรือครับ" นัมซาโชดุ "หุบปาก ยังจะแก้ตัวน้ำขุ่นๆ อีก
มาเดินส่งเดชในวังต้องมีปัญหาแน่ จับตัวหมอนี่ไปไต่สวนเดี๋ยวนี้"
"ครับ" "เอ่อ คือ เดี๋ยว ใต้เท้า ข้าน้อยไม่รู้อะไร โปรดอภัยด้วยเถอะครับ
ข้านึกว่าที่นี่ คือท้องพระโรงจริงๆ ครับใต้เท้า" นักฆ่าร้องขอ
องค์ชายลีซานรับสั่งให้ปล่อยตัว นัมซาโชขัดใจ
แต่องค์ชายลีซานไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ "ขอบพระทัยองค์ชาย
ขอบพระทัยที่ทรงไว้ชีวิต" "มาอยู่ในวัง ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องคอบรอบ
ทีหลังอย่าให้ผิดซ้ำล่ะ" นัมซาโชเตือน "ขอบคุณใต้เท้ามากครับ ขอบพระทัยองค์ชาย
ฮือๆๆ ขอบพระทัย ขอบพระทัยที่ไว้ชีวิต ขอบพระทัยองค์ชาย ฮือๆๆ" ชอง
โฮคยอมหงุดหงิดที่นักฆ่ายังไม่ส่งข่าวมาสักที
เขาเองคิดว่าไม่ควรฝากความหวังไว้กับนักฆ่าเพียงคนเดียว
จึงสั่งให้คนสนิทหาคนฝีมือดีมาอีก 20 คน และส่งเข้ามาในวัง องค์ชายลี
ซานตรวจตราความเรียบร้อยที่ท้องพระโรง แต่กลับไม่พบฮงกุกยอง
องค์ชายลีซานถามแชจีคยองว่าฮงกุกยองอยู่ที่ใด
แชจีคยองตอบองค์ชายลีซานว่าฮงกุกยองมีภารกิจสำคัญจึงไม่สามารถอยู่ช่วยงาน ได้
เมื่อองค์ชายลีซานได้ยินเช่นนั้นก็เชื่อว่าในเวลานี้ฮงกุกยองกำลังจับตาดู
ความเคลื่อนไหวของชองโฮคยอมอยู่อย่างแน่นอน ฮงกุกยองมอบหมายให้เทซู
และพวกจับตาดูความเคลื่อนไหวของคนใกล้ตัวชองโฮคยอม
วันหนึ่งเทซูและพวกติดตามคนสนิทของชองโฮคยอมไปจนถึงคลังเสบียง
ทั้งที่จับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่นาน แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
ทุกคนจึงพากันกลับไปรายงานฮงกุกยอง
เมื่อฮงกุกยองรับฟังรายงานแล้วก็เกิดความฉงนขึ้นมา
ทั้งที่ฮงกุกยองมีเบาะแสว่าชองโฮคยอมและพวกกำลังค้นหาทองคำจำนวนมหาศาล
คนเหล่านี้มีเงินทองมากมายเพื่อการใดกันแน่ ฮงกุกยองเข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน
ซึ่งองค์ชายลีซานเองก็ต้องการพบตัวเขาอยู่เช่นกัน "เชิญเข้ามา มาเร็วเข้า
ข้ากำลังอยากพบท่านอยู่พอดี เห็นใต้เท้าแชบอกว่า ท่านพาทหารไปทำงานนอกเมือง
มีอะไรหรือเปล่า" "องค์ชาย ที่หม่อมฉันมาเฝ้า ก็เพื่อจะทูลเรื่องนี้พ่ะยะค่ะ"
"ว่ามาเร็ว มีเรื่องอะไร" "หึ หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า พิธีเถลิงราชย์พรุ่งนี้
เลื่อนไปหน่อยได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "ทำไมอย่างงั้นล่ะ ทำไมต้องให้เลื่อนงาน?
พูดมาเร็วเข้า จู่ๆ มาบอกข้าแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเหตุผลบางอย่าง" " หลายวันนี้
คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้ร้ายอดีตรัชทายาทต่างพากันเทขายทรัพย์สิน
คาดการณ์ว่า น่าจะรวบรวมเงินได้มากกว่าแสนตำลึงด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ" "
ปกติแล้ว เป้าหมายของพวกเขาคือขัดขวางไม่ให้องค์ชายได้ครองราชย์ ถ้าอย่างงั้น
จะรวบรวมเงินมากมายเพื่อทำอะไร ที่สำคัญ ไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังทหาร
ก็แสดงว่าจะเอาเงินก้อนนี้ ไปหาวิธีอื่นเพื่อปองร้ายองค์ชายก็เป็นได้" "หึ
ถ้าพวกเขาใช้เงินขนาดนี้เพื่อจะมาปองร้ายข้าจริง ท่านมีหลักฐานหรือเปล่า"
"ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ทั้งหมดเหล่านี้ เป็นเพียงการสันนิษฐานของหม่อมฉัน แต่ว่า
ก็มีเหตุผลพอ" "เอาเถอะ อย่าพูดอีกเลย ใกล้ถึงวันเถลิงราชย์
ท่านคงเครียดกับงานนี้มากไป" "องค์ชาย" " ต่อให้เชื่อได้ว่าเป็นเรื่องจริง
งานนี้ก็เลื่อนไปไม่ได้ แล้วสาอะไรกับ การคาดเดาที่เลื่อนลอยของท่าน
จะมาบอกให้ข้าเลื่อนงานได้ยังไง" "แต่ว่าหม่อมฉัน" "ข้าเข้าใจความเป็นห่วงของท่าน
แต่บอกแล้วว่าถึงจะจริง ข้าก็ถอยไม่ได้อีกแล้ว นี่คือคำตอบจากข้า
ท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ" "องค์ชาย" " บ้านเมือง ถ้าไม่จำเป็นจะขาดผู้นำไม่ได้
ไม่ว่ายังไงก็ช่าง พิธีเถลิงราชย์ในวันพรุ่งนี้จะต้องมีขึ้น ท่านไม่ต้องห่วงมาก
รีบออกไปเถอะ หึ" องค์ชายลีซานพบซองซงยอนเดินตรวจงานอยู่จึงเข้าไปทัก "อ้อ องค์ชาย"
"ซงยอน เฮ่อๆๆ ศูนย์ศิลปะนอกจากเจ้าแล้วไม่มีคนอื่นหรือไง
ดึกป่านนี้ยังต้องมาเดินตรวจงานอีก" "เอ่อ ไม่ใช่อย่างงั้นเพคะ" "ไม่ใช่ได้ไง
ในเมื่อข้าเห็นกับตาน่ะ ใครสั่งให้เจ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ ถ้าข้าเป็นพระราชา
จะสั่งลงโทษหมอนี่เป็นคนแรก" "หา อะไรนะ ไม่มีใครสั่งหม่อมฉันหรอกเพคะ
หม่อมฉันยินดีที่จะทำงานเอง องค์ชายอย่าทรงกริ้วนะเพคะ หึ" "เฮ่อๆๆ
ข้าล้อเล่นต่างหาก ล้อเล่นน่ะ" " โธ่เอ๊ย ถึงจะล้อเล่น ก็อย่าขึงขังอย่างงั้นสิเพคะ
เฮ่ย งานที่ทำ หม่อมฉันเต็มใจรับหน้าที่เอง จริงนะเพคะ องค์ชายขึ้นครองราชย์
หม่อมฉันมีโอกาสได้ถวายงานบ้าง แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว หึๆ หึๆๆ"
"เจ้ายังจำแถวนี้ได้หรือเปล่า เมื่อ 14 ปีที่แล้ว
เราสองคนและเทซูหนีทหารมาซ่อนตัวอยู่แถวนี้ กลัวจะถูกใครจับได้" "อึมๆ หึๆ" "
ความรู้สึกตอนแอบอยู่แถวนี้ คือทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัว แต่ความรู้สึกตอนนี้
ก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อน เจ้าบอกว่าดีใจ ที่ได้ทำงานเพื่อข้าใช่ไหม
แต่ข้าไม่มั่นใจเท่าไหร่ ไม่รู้จะแบกความคาดหวังของทุกคนไหวมั้ย
จะเป็นพระราชาที่ดีได้หรือเปล่า และสัญญาที่ให้ กับเสด็จพ่อและเสด็จปู่
ก็ไม่รู้จะทำได้แค่ไหน" "องค์ ชาย หึ ยังทรงจำได้ไหม สมัยก่อนองค์ชาย
เคยเกี่ยวก้อยสัญญากับหม่อมฉันและเทซู จะเข้มแข็งอยู่ต่อไปจนกว่าเราจะกลับมา
และโตขึ้น ก็จะเป็นพระราชาด้วย หึ ขนาดสัญญาที่ให้กับคนต่ำต้อยอย่างเรา
องค์ชายยังยึดมั่นถึงป่านนี้ เพราะฉะนั้น
เมื่อทรงให้คำมั่นกับอดีตรัชทายาทและฝ่าบาทไว้ หม่อมฉันเชื่อว่า
องค์ชายก็ต้องทำได้เหมือนกัน หึๆ กลัวอะไรเพคะ ไม่เห็นต้องกลัวเลย
หม่อมฉันเชื่อในความมุ่งมั่นขององค์ชาย แล้วทำไมองค์ชายไม่ทรงเชื่อบ้างล่ะ หือ
หึๆๆ" "เฮ่อๆๆ เฮ่อๆๆ" องค์ชายลีซานและพระชายาโยอึยเสด็จไปเฝ้าพระพันปีเฮคยอง
"หม่อมฉัน มาถวายบังคมเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ" "เมื่อคืนทรงบรรทมสบายมั้ยเพคะ"
พระชายาโยอึยถาม " นอนหลับฝันดีเลยล่ะ
ชั่วชีวิตข้าแทบไม่เคยรอคอยวันไหนอย่างใจจดใจจ่อเหมือนวันนี้เลย ลูกซาน
วันนี้คือวันสุดท้ายที่เจ้าได้เป็นองค์ชาย และจะเป็น
วันสุดท้ายที่มาหาแม่ในฐานะองค์ชายด้วย" "เสด็จแม่" "ฮือ หึ ขอบใจมากนะลูก
ที่อดทนมาจนวันนี้ เป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งและน่าภาคภูมิ สำหรับแม่แล้ว
คงมีแต่ความซาบซึ้งและตื้นตันที่มีต่อเจ้า" องค์ชายลีซานและพระชายาโยอึยเรียก
"เสด็จแม่" " ถึงให้แม่ตายวันนี้ ก็ไม่กลัวที่จะสู้หน้าเสด็จพ่อของเจ้าอีก
เสด็จพ่อไปรออยู่โลกอื่น คิดว่าคงให้อภัยในสิ่งที่แม่เคยทำไว้ ฮือ ดีมากเลยลูก
แค่นี้แม่ก็ตายตาหลับแล้ว ได้เห็นเจ้าเป็นพระราชาองค์ใหม่ ต่อไป
แม่ก็ไม่หวังอะไรอีกแล้วในชาตินี้ ฮือ" องค์ชายลีซานขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจองโจ
"ทรงพระเจริญๆๆๆ" " ข้า คือลูกของรัชทายาทซาโต ขอบอกอีกครั้งให้ฟังชัดๆ ข้า
เป็นลูกของรัชทายาทซาโต สมัยก่อนเสด็จปู่ ทรงเห็นแก่บ้านเมือง จึงให้ข้า
ไปเป็นลูกบุญธรรมขององค์ชาย "โยจาง" แทน แต่สายเลือดเป็นสิ่งที่ตัดขาดไม่ได้
ก่อนหน้านี้ ข้าก็ได้ทูลเสด็จปู่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ทรงทราบ
และเสด็จปู่ก็ทรงเห็นชอบ ตามที่ข้าทูล วันนี้จึงขอบอกย้ำอีกครั้ง
ว่าข้าจะกลับไปเป็นลูกรัชทายาทซาโตเหมือนเดิม พร้อมกันนี้ ยังจะยกย่องเสด็จแม่ข้า
พระชายาเฮคยอง ให้เป็นพระพันปีนับแต่บัดนี้ หากใครกล้าคัดค้าน
หรือปฏิเสธการลบล้างข้อกล่าวหา ที่เคยให้ร้ายอดีตรัชทายาทซาโตในสมัยก่อน
ข้าจะเอาผิดกับคนๆ นั้น ด้วยข้อหาคิดกบฎต่อบ้านเมือง" "ทรงปรีชายิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ฮงกุก ยองไขข้อข้องใจเทซูว่าเมื่อเทซูและพวกไปแล้ว
ในวังหลวงก็ยังมีทหารองครักษ์ซึ่งเป็นหน้าที่ของทหารองครักษ์ที่จะถวาย
อารักขาพระราชา ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลจนเกินไป เทซูและพวกพากันไปที่
ห้องทำงานของฮงกุกยอง ฮงกุกยองมอบถุงเงินให้ทุกคนนำไปแบ่งกัน
ฮงกุกยองบอกทุกคนว่าเงินในถุงนี้เป็นเงินขององค์ชายลีซานที่ตอบแทนให้ทุกคน
แต่ถึงกระนั้นก็ตามเทซูก็ยังคงเป็นห่วงความปลอดภัยขององค์ชายลีซาน ฮงกุก
ยองบอกเทซูว่าไม่ต้องกังวล วันนี้คนร้ายที่คิดปองร้ายองค์ชายลีซานจะต้องถูกจับกุม
เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด
เทซูและพวกถามฮงกุกยองว่าจะร่วมสังสรรค์กับพวกตนหรือไม่
ฮงกุกยองบอกเทซูว่าตนยังมีงานต้องทำ โอกาสหน้าค่อยร่วมสังสรรค์กับทุกคน
เทซูกลับบ้านถามอาถึงเรื่องวันนี้เป็นวันเถลิงราชย์ขององค์ชายลีซาน
ฮงกุกยองไปที่คุกหลวงสอบถามคนร้ายว่าใครเป็นผู้บงการปองร้ายพระราชา นึก
ไม่ถึงว่าเมื่อฮงกุกยองไปถึงคุกหลวง
ทหารยามรายงานฮงกุกยองว่าคนร้ายที่จับกุมตัวมานั้นไม่ได้เป็นคนของขุนนาง ใหญ่คนใด
ที่สำคัญคนร้ายเหล่านี้ที่มาไม่ชัดเจน แต่รับงานโดยหวังเพียงค่าจ้างเท่านั้น
เมื่อฮงกุกยองได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความฉงนขึ้นมา
เนื่องจากฮงกุกยองได้เบาะแสจากจดหมายของชองโฮคยอมว่าคนร้ายจะลงมือในวัน
เถลิงราชย์ของพระราชา เหตุใดเหตุการณ์จึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ ฮงกุก
ยองไม่เข้าใจว่าเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ที่แท้นักฆ่าที่ถูกว่าจ้างให้ปลงพระชนม์พระราชานั้นได้รู้ถึงแผนการอันชั่ว
ร้ายของชองโฮคยอม นักฆ่าจึงจงใจให้เทซูและพวกค้นพบจดหมายลับ
จากนั้นก็ให้คนปลอมตัวเป็นนักฆ่าลอบปลงพระชนม์ราชา
เมื่อนักฆ่าลงมือทำการก็ปล่อยให้ถูกจับกุม แผนการนี้เป็นแผนการที่แยบยล
เมื่อพระราชาทรงเชื่อว่านักฆ่าถูกจับกุมแล้ว พระองค์ก็จะไม่ระวังพระองค์
การตรวจตราระวังภัยของทหารองครักษ์ก็จะหย่อนยาน
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะสบโอกาสที่จะลอบปลงพระชนม์พระราชา
จากแผนการอันแยบยลนี้เองทำให้พบว่านักฆ่าไม่ใช่นักฆ่าธรรมดา หลังจาก
ที่เลิกประชุมขุนนางแล้ว
พระเจ้าจองโจทรงมีรับสั่งห้ามไม่ให้ขุนนางที่เคยคิดปองร้ายพระราชบิดา
คือองค์รัชทายาทซาโต ออกจากวังหลวง
ใต้เท้าฮงซึ่งเข้ากับแชซกจูและในเวลานี้ได้นั่งตำแหน่งของแชซกจูนั้น
ก็ถูกห้ามไม่ให้ออกจากวังหลวงเช่นเดียวกัน ชองโฮคยอมไม่ยอมออกจากห้องนอนด้วยคิดว่า
บางทีพระเจ้าจองโจอาจทรงรู้เรื่องที่ตนเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการลอบปลง
พระชนม์แล้วก็เป็นได้ ในเวลานี้ไม่ควรออกจากวังหลวงเป็นอันขาด เหตุการณ์ต่างๆ
ที่รุมเร้าเข้ามาทำให้ ชองโฮคยอมถึงกับคิดฆ่าตัวตาย
โชคดีที่นักฆ่าที่ชองโฮคยอมว่าจ้างไว้ได้ช่วยชีวิตชองโฮคยอมเอาไว้
"ท่านจะยอมจบแค่นี้หรือ" "หา ทำไมเจ้า เจ้าไม่ได้ถูกพวกเขาจับหรอกหรือ
แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมยังมาอยู่นี่ได้ล่ะ" " ที่ต้องถามต้นสายปลายเหตุฃ
คือข้าต่างหาก ไม่ใช่ใต้เท้า วันนี้ ที่ๆ นัดแนะว่าข้าจะลงมือ ปรากฎว่ามีทหารไปเฝ้า
แสดงว่า ลูกน้องท่านต้องผิดพลาดอะไรซักอย่าง ใช่ไหม" "หึ จดหมายที่เจ้าฝากมา
ถูกพวกเขาแย่งไปได้ และเราก็ติดต่อเจ้าไม่ได้เลยทำให้" "แน่อยู่แล้ว
ข้านึกแล้วไม่มีผิด" "เจ้ารู้แต่แรกหรือ หมายความว่าไง" "ลูกน้องของท่าน
ขนาดมีคนสะกดรอยยังไม่รู้ตัวอีก ช่างเป็น พวกที่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ"
"แล้วนี่มันหมายความว่าไง รู้แต่แรก ยังส่งจดหมายมาอีก แสดงว่า
เจ้าจงใจให้จดหมายนั่น ไปอยู่ในมือคนขององค์ชายงั้นหรือ" "ใช่ ข้าคิดไว้อย่างงั้น"
"งั้นก็แปลว่า เจ้าไม่ได้คิดสังหารองค์ชายแต่แรกหรอกหรือ เพราะอะไร
จะมาเล่นตลกกับข้าหรือไง" " เปล่าเลย ข้ายังรับเงินไม่ครบ จะเล่นตลกกับท่านทำไม
เพียงแต่ ข้าไม่เคยสัญญากับท่าน ว่าจะเอาชีวิตองค์ชายก่อนเขาจะขึ้นครองราชย์
เพียงแต่ว่า ก่อนที่ท่านจะมีภัยถึงตัว ให้รีบจัดการก็พอแล้วไม่ใช่หรือ
ในขณะที่ทุกฝ่ายผ่อนปรนการเฝ้ายามน่ะ" "หมายความว่าไง แสดงว่า ตั้งแต่แรกมา
เจ้าก็คิดทำแบบนี้แล้วหรือ ให้พวกเขาไม่ทันระวังตัวน่ะ" "ข้าเคยบอกท่านแล้วใช่ไหม
อะไรที่ไม่มั่นใจ ข้าจะไม่ทำเด็ดขาด"จบ 45
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 46
หลังจากที่นักฆ่าเปิดเผยแผนการของตนให้ชองโฮคยอมรู้แล้ว
ชองโฮคยอมก็เลิกล้มความคิดฆ่าตัวตายเพื่อรอฟังข่าวดีจากนักฆ่า
พระเจ้าจองโจทรงเข้าไปอ่านข้อราชการในห้องบรรทมของพระเจ้ายองโจ นัก
ฆ่านำคนจำนวนหนึ่งไปยังห้องบรรทมของพระเจ้าจองโจ
มหาดเล็กและนางกำนัลที่อยู่ด้านนอกห้องบรรทมเพื่อถวายการปรนนิบัติพระเจ้า
จองโจถูกฆ่าตายจนหมดสิ้น
แต่พระเจ้าจองโจซึ่งอยู่ในห้องบรรทมกลับไม่ได้ยินเสียงใดทั้งสิ้น พระ
เจ้าจองโจทรงมีรับสั่งให้มหาดเล็กและนางกำนัลเข้ามาถวายงาน
พระองค์ทรงเรียกอยู่นานก็ไม่มีเสียงขานรับ
ที่เป็นเช่นนี้นั้นเนื่องจากบรรดามหาดเล็กและนางกำนัล
ซึ่งอยู่นอกห้องบรรทมเพื่อถวายการรับใช้พระเจ้าจองโจนั้นได้ถูกฆ่าตายจนหมด สิ้น
ในเวลานี้มีเพียงพระเจ้าจองโจพระองค์เดียวเท่านั้นที่ประทับอยู่ในห้องบรรทม
ทำให้พระเจ้าจองโจทรงตกอยู่ในอันตราย โชคดีที่เทซูกับซองซงยอนมาตามช่าง ทาสี
ซึ่งก็คือนักฆ่านั้นเอง ทำให้ช่วยพระเจ้าจองโจได้ทันเวลา
ฮงกุกยองและพวกเทซูต่างสำนึกผิดและขอรับโทษทัณฑ์จากพระเจ้าจองโจ
แต่พระเจ้าจองโจบอกว่าไม่เกี่ยวกับพวกเขา "คนพวกนี้ ปล่อยไว้ให้ข้าสอบเอง
ข้าจะสอบปากคำพวกเขา ดูว่ายังมีใคร รู้เห็นด้วยอีก" ชองโฮคยอมที่รอฟังผล
พอรู้ว่าแผนล้มเหลว โอจองโฮชวนเขาหนี
แต่ชองโฮคยอมกลับบอกว่าเขาจะกลับเข้าวังเดี๋ยวนี้
พระชายาโยอึยรีบเสด็จมาเฝ้าพระเจ้าจองโจ " ฮือ ฮือ ฝ่าบาทเพคะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น
มีคนร้ายบุกรุกถึงห้องบรรทมจริงหรือเพคะ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้
ช่างเป็นเรื่องน่ากลัวที่หม่อมฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลย ฮือๆๆ" "ขอโทษด้วยนะ
ข้ามักจะเกิดเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ให้เจ้าเป็นห่วงอยู่เรื่อย" "ฝ่าบาทเพคะ ฮือๆๆ
ฮือๆๆ" ฮงกุกยองสอบสวนคนร้าย และสั่งพวกทหารว่า " มีพระบัญชา
ให้ไปคุมตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท มาสอบปากคำเดี๋ยวนี้
ทั้งองค์หญิงวาวาน ใต้เท้าชองโฮคยอม และยังมีเจ้ากรมอาญาฮงนิมฮัน เจ้ากรมโยธา
ลีแตซู อดีตเสนาซ้าย โอยอนซู ผู้ช่วยเจ้ากรมอาญา ลีจองโฮ อดีตอำมาตย์ ลีโดบุก
และอดีตเจ้ากรมกลาโหม อดีตพัสดี ลีซองแท ใครที่ต้องสงสัยให้จับตัวมาให้หมด
เข้าใจมั้ย รีบไปเดี๋ยวนี้" พวกทหารรับคำ "ครับ"
ชอโฮคยอมกลับมาบอกองค์หญิงวาวานและชวนหนี " เห็นทีคงต้องหนีก่อนแล้ว ที่ท่าเรือ
“ยางวาจิน” จะมีเรือไปต้าชิงเข้าออกประจำ พระมารดาแค่ออกไปทางประตู คยองชู
เมื่อพ้นเขตราชฐาน จะมีคนไปรอรับ หึ จดหมายเขียนถึงใต้เท้าเว่ยแห่งต้าชิง
พระมารดาทรงมอบให้เขา เขาจะจัดการต้อนรับอย่างดี" "หึ จดหมายนี่
เจ้าก็มอบให้เขาเองสิ ทำไมต้องฝากข้าด้วย" "หม่อมฉัน จะไม่ตามไปด้วย" "อะไรนะ"
"หม่อมฉันเป็นตัวการของเรื่องนี้ ถ้าไปพร้อมกับพระมารดา
ทหารจะตามล่าเราสองคนไม่หยุดหย่อน" "หึ แล้วยังไง แปลว่าให้เจ้ารับหน้าแทน
แล้วข้าหนีไปคนเดียวงั้นหรือ" "ไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว อีกไม่นาน
จะมีทหารมาที่ตำหนักนี้" "หึ หึ เจ้าน่ะ ดูข้าผิดไป และไม่ได้นับถือข้าด้วย หึ"
องค์หญิงวาวานฉีกจดหมาย "พระมารดา" " หึ ตั้งแต่รับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม
ข้าก็ไม่เคยคิดว่า เจ้าจะเป็นคนอื่นคนไกล แม้จะไม่ได้ดูแลเจ้าเท่าไหร่
แต่มาจนวันนี้ ข้ายังคงเป็นแม่เจ้า และเจ้าก็เป็นลูกข้า" "พระมารดา"
"ไม่ต้องใช้จดหมายอะไรทั้งนั้น สรุปคือ ถ้าจะหนี เราก็หนีไปด้วยกัน
และเจ้าไปพูดกับเขาเอง เข้าใจมั้ย" ซังกุงหน้าตาตื่นเข้ามา "องค์หญิง
หม่อมฉันมาขอเฝ้า เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ มีทหารกลุ่มใหญ่ ตรงมาทางตำหนักนี้เพคะ"
"พระมารดา" "หึ ช่างเถอะ เอาตามนี้แหละ หึ" ฮงกุก
ยองนำทหารมาแต่ไม่พบใครก็สั่งให้ตามไปทันที ส่วนตัวเขาไปทูลให้พระเจ้าจองโจทราบ
ทรงสั่งให้สกัดทุกเส้นทางที่จะออกนอกเมืองและท่าเรือทุกแห่ง และถามฮงกุกยองว่า
"ถ้าท่านเป็นองค์หญิงหรือชองโฮคยอม คิดว่าจะไปไหน" "หา" ฮงกุกยองอึ้ง ไถ้า
ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปเรื่อยๆ องค์หญิงน่าจะเลือกอยู่นี่ ขอตายยังดีกว่า
แต่นี่กลับหนีออกไปทั้งคู่ ก็แสดงว่า น่าจะมีที่พึ่งที่ดี เหมาะจะไปอาศัยไหว้วาน
ไปต้าชิง ข้าว่าองค์หญิงกับชองโฮคยอม น่าจะหนีไปต้าชิงมากกว่า
เวลานี้ท่าเรือที่มีคนน้อย ก็คือยางวาจิน ถ้าจะหนีโดยไม่ให้ใครรู้
พวกเขาต้องไปทางยางวาจินแน่ เพราะฉะนั้น รีบพาคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ อย่ารอช้า"
"พ่ะย่ะค่ะ" ชองโฮ คยอมและองค์วาวานจะหนีไปแผ่นดินจีน
แต่นึกไม่ถึงว่าทั้งสองกลับถูกฮงกุกยองและทหารองครักษ์ซึ่งดักรออยู่ที่ท่า
เรือนั้นเข้าจับกุม ฮงกุกยองคุยกับซองซงยอนเรื่องคนร้ายที่ปลอมเป็นช่างทาสี
"ถ้าอย่างงั้น คนร้ายที่ปลอมเป็นช่างทาสี เจ้าเคยเห็นหรือเปล่า" "คนที่ทำงานกับเรา
ส่วนใหญ่จะรู้จักค่ะ แต่คนๆ นั้นเพิ่งเจอครั้งแรก" " ถ้าอย่างงั้น
เขาผ่านหน่วยงานไหนถึงมาเป็นช่างสีได้ เจ้ารู้หรือเปล่า เห็นบอกว่า
คนที่รับผิดชอบงานซ่อมสี เป็นช่างเขียนแซ่ตั๊ก ซึ่งรับคนงานเข้ามาใช่ไหม" "ใช่ค่ะ
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าคนงานนั่นเป็นคนร้ายปลอมตัวนี่คะ" "งั้นข้าจะไปศูนย์ศิลปะ
สอบปากคำคนที่นั่นอีกที" หัวหน้าองครักษ์บอก "เอางั้นก็ได้
ส่วนข้าก็จะลองถามช่างคนอื่นเหมือนกัน ก่อนจะได้ข้อมูลคนร้าย คงจะยุ่งยากหน่อย
และต้องรบกวนให้เจ้าช่วยด้วย" "อ้อ ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ขอเพียงมีอะไรให้ข้าช่วย
เชิญสั่งมาได้เลย" จากนั้นฮงกุกยองจะเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ และชวนแชจีคยอมไปด้วย
"ตอนนี้องค์หญิงวาวาน รวมถึงชองโฮคยอม อดีตเจ้ากรมอาญา เจ้ากรมโยธา
ซึ่งเป็นแกนนำทั้งหมด ไปอยู่เรือนจำแล้วพ่ะยะค่ะ" "และยังมีขุนนางท้องถิ่นอีก 20 คน
กำลังคุมตัวมาที่เมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ" แชจีคยอมเสริม "ข้ารู้แล้ว" " ฝ่าบาท
กระหม่อมสั่งให้กรมราชทัณฑ์เตรียมการไต่สวนแล้ว พรุ่งนี้ ก็จะเริ่มสอบปากคำได้
เรื่องนี้หม่อมฉันขอรับอาสาเอง หม่อมฉัน จะไต่สวนเอาผิดพวกเขาให้ได้พ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ต้อง ข้าจะไปด้วยตัวเอง ทั้งการสอบสวนและตัดสิน ข้าจะดูเองทั้งหมด" "ฝ่าบาท"
ฮงพงฮันขอร้องพระพันปีเฮคยองให้ช่วยฮงนิมฮันด้วย
ฮงกุกยองเข้าไปเผชิญหน้ากับชองโฮคยอม "นึกแล้วว่าเจ้าต้องมา
เพื่อจะดูสารรูปข้าว่าตกอับถึงไหน จริงหรือเปล่า" "หึ พรุ่งนี้จะมีการไต่สวน
ถ้ายอมสารภาพแต่โดยดี อาจไม่ต้องถูกทรมาน ให้เจ็บตัวนัก" " หึ
ถ้าคิดว่าดูพอก็เชิญกลับไปซะ ข้าต้องการพักผ่อน และดูเป็นแบบอย่างไว้ด้วย
นี่คือที่สุดของอำนาจที่เจ้าต้องการนักหนา อีกไม่นานเกินรอหรอก
เจ้ายิ่งยึดติดกับอำนาจเท่าไหร่ มันจะยิ่งหลุดมือไปเร็วเท่านั้น และสุดท้าย
เจ้าก็จะมีจุดจบเหมือนข้า เหมือนถูกพันธนาการไว้ทั้งตัว หนีไปไหนก็ไม่ได้
ปล่อยให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะ" "เรื่องนี้ มันก็อาจเป็นไปได้ แต่ว่า
ท่านไม่ต้องห่วงแทนข้าหรอก เพราะยังไง ข้าก็ไม่คิดปล่อยวางอำนาจง่ายๆ เหมือนกัน
แต่ว่าความใจเด็ดและเข้มแข็งของท่าน ถือว่าน่าชมเชย งั้นพรุ่งนี้
เจอที่ลานไต่สวนละกัน" ฮงกุกยองกล่าว วันรุ่งขึ้น พระเจ้าจองโจเสด็จมาที่ลานไต่สวน
" เดิมทีพวกท่าน มีโอกาสได้รอดชีวิต ข้าเคยคิดว่า จะเห็นแก่บ้านเมือง
อย่างน้อยก็ละเว้นชีวิตให้พวกท่าน จะได้รู้สำนึกบ้าง แต่เมื่อคืนนี้
ข้าเพิ่งจะรู้ว่า สิ่งที่คิดเป็นความฝันเลื่อนลอยทั้งนั้น
ถ้าจะเห็นแก่บ้านเมืองและส่วนรวมจริง คนที่ไม่ให้ความเคารพพระราชา
เห็นแก่ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง เราแทบจะไม่ควรปล่อยเขาไว้อีก ความผิดของพวกท่าน จริงๆ
ไม่ได้มีเฉพาะเมื่อคืน ข้าจึงคิดว่าวันนี้ จะขอรื้อฟื้นคดีเก่า
ที่พวกท่านเคยให้ร้ายอดีตรัชทายาท รวมถึง ก่อเรื่องปองร้ายข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มาชำระสะสางซะให้หมด และประกาศความผิดของพวกท่าน ให้ราษฎรได้รู้โดยทั่วกัน
เพื่อให้กฎ หมายบ้านเมือง มีความศักดิ์สิทธิ์บ้าง ใต้เท้าแช" "พ่ะย่ะค่ะ"
"จัดการลงทัณฑ์ให้หนัก จนกว่าจะยอมสารภาพ" "พ่ะย่ะค่ะ ทุกคนเตรียมตัว
เริ่มการลงโทษได้แล้ว" พวกผู้คุมรับคำ "ครับ" ฮงนิ มฮันร้องขอ "ฝ่าบาท
ทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย จริงอยู่ ที่แล้วมาหม่อมฉันหูเบา หลงเชื่อคนผิด
แต่ว่าหม่อมฉันไม่เคยคิดทรยศฝ่าบาทเลย หม่อมฉันกล้าสาบาน
ไม่รู้อะไรกับสิ่งที่พวกเขาทำ ฝ่าบาท ทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย ได้โปรดเถอะพ่ะย่ะค่ะ
ฮือ" "สายไปแล้วใต้เท้าฮง" พระเจ้าจองโจตรัส "หา ฝ่าบาท ฮือๆๆ" "ที่ข้ามาวันนี้
ไม่ใช่เพื่อฟังคำแก้ตัวหรือสารภาพผิดจากใคร ฉะนั้น ถ้าจะมาขอร้องข้า
ขอบอกว่าสายไปแล้ว" "ฮือ ฝ่าบาทๆ" "ยืนเฉยทำไม เริ่มการทรมานนักโทษได้แล้ว"
"พ่ะย่ะค่ะ" พวกขุนนางร้องเจ็บปวด
ด้านพระหมื่นปีจองซุนก็ทรงรับฟังเรื่องพวกนี้จากซังกุงคนสนิท "แล้วยังไง
พวกเขายอมเปิดปาก พูดแม้กระทั่งเรื่องอดีตรัชทายาทใช่ไหม" "เอ่อ ใช่แล้วเพคะ
เห็นว่าพอเริ่มไต่สวน มีการทรมานเพียงไม่นานนัก แต่ละคนก็เริ่มสารภาพเพคะ
พระหมื่นปี" "ถึงเวลาแล้วนี่ คิดว่าไม่นานพระราชาองค์ใหม่คงจะมาหาข้า"
เวลาต่อมาแชซกจูมาขอเข้าเฝ้าพระเจ้าจองโจ พระเจ้าจองโจยื่นบางอย่างให้แชซกจูดู
"เอ่อ นี่คือ อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ความผิดทั้งมวลของพวกนักโทษ
และวิธีที่จะลงโทษพวกเขา" "แต่ว่าฝ่าบาท การไต่สวนยังไม่เสร็จไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ
ทำไมทรงรีบร้อนตัดสินโทษนักล่ะ" " แล้วท่านคิดว่า ข้าไม่รู้สิ่งที่พวกเขาทำ
ถึงให้มาไต่สวนหรือไง ข้ารู้นานแล้วว่าแต่ละคนทำอะไรไว้ เพียงแต่ไม่พูดเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานแน่นหนาอยู่ในมือด้วย แต่ที่ให้มาสอบปากคำ
ก็เพื่อจะหาความผิดมากกว่านี้ ใครก็ตาม ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้าจะให้รับโทษทั้งหมด"
"แต่ว่าฝ่าบาท หากมีการลงอาญาจริง ขุนนางจะถูกปลดเป็นร้อยคน
รวมถึงเนรเทศและประหารอีกนับสิบ เป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงนะพ่ะย่ะค่ะ"
"ถ้าจำเป็นก็ต้องยอมเสียบ้าง ถ้ายังมีความผิดมากกว่านี้ ข้าก็จะเพิ่มโทษอีก"
แชซกจูอึ้ง "ฝ่าบาท" " ท่านมักจะปกป้องพวกเขา
โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชสำนัก และข้า
ก็เคยเห็นด้วยที่จะละเว้นชีวิต แต่ว่า พวกเขากลับยิ่งเหิมเกริม
ถึงขนาดจ้างคนมาลอบทำร้ายข้า แล้วยังจะบอกว่าข้าลงโทษหนักไปหรือ
ข้าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดในวังอีก จะไม่ให้ใคร มาลบหลู่เกียรติของพระราชา
แล้วตัวเองก็เฉยไว้ เข้าใจหรือเปล่า" แชซกจูกลับไปแล้ว
พระเจ้าจองโจรับสั่งให้ฮงกุกยองเข้าเฝ้า
แต่เวลานั้นฮงกุกยองเชิญพระหมื่นปีจองซุนมาที่ลานไต่สวน "
หม่อมฉันไม่เคยคิดจะใช้กำลัง เพราะฉะนั้น เชิญตามหม่อมฉันไปจะดีกว่า" ฮงกุกยองกล่าว
"เชิญประทับก่อน นับแต่นี้ ถ้าไม่ทำตามที่หม่อมฉันทูล
พระนางอาจต้องเจ็บตัวบ้างไม่มากก็น้อย" "อะไรนะ แล้วยังไง จะทำอะไร
กล้าใช้วิธีทรมานกับข้าเพื่อให้พูดหรือไง" "ถ้าจำเป็นก็อาจจะใช้" "อะไรนะ หึ หึ
บังอาจจริงๆ เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนี้เชียวหรือ ข้า เป็นมเหสีเอกของอดีตพระราชา
ยังไงก็มีฐานะเป็นพระหมื่นปีอยู่" "หึๆ พระหมื่นปีหรือ" "หา เจ้าสารเลว นี่เจ้ากล้า
กล้ามายิ้มเยาะต่อหน้าข้า เห็นข้าเป็นตัวตลกหรือไง" " กรุณาเงียบๆ หน่อยเถอะ
ต้องขอบอกว่า ตอนนี้พระนาง มาในฐานะแกนนำก่อกบฎเท่านั้น อย่าคิดว่ามียศศักดิ์
เป็นที่เกรงขามของผู้คนอีกเลย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องจำไว้ คือทรงเป็นนักโทษอาญา
ถ้าขัดขืนก็อาจเจ็บตัวได้ทุกเมื่อ ขอจงจำไว้ด้วย"
จากนั้นฮงกุกยองก็สั่งให้เริ่มการสอบปากคำ และพาพยานเข้ามา พวกขุนนางถูกทรมานต่อ
ดึกมากแล้ว นัมซาโชทูลเตือนให้พระเจ้าจองโจทรงเข้าบรรทม
"การไต่สวนยังไม่เสร็จอีกหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ" " ก็จริงน่ะนะ
คนที่เกี่ยวข้องมีกว่าร้อย ต่อให้สืบอีก 3 วัน 3 คืนก็คงไม่จบง่ายๆ
ถ้าทุกอย่างสามารถจบในสามวันนี้ได้ ก็คงจะดีมาก ข้าไม่อยากตัดสินโทษใครอีก
ไม่อยากให้มือตัวเองเปื้อนเลือด จะได้สบายใจขึ้น" "เอ่อ ฝ่าบาท" "เอาเถอะ
ข้าก็รู้อยู่ รู้ว่าท่านจะพูดอะไรต่อ มันยังไม่จบหรอก ตราบใดที่ข้าอยู่ตรงนี้
จะมีคนอีกมากที่ความเห็นไม่ลงรอยกับข้า พร้อมจะถือกระบี่มา ห้ำหั่นข้าได้ทุกเมื่อ"
"ฝ่าบาท" "หึ ไม่ต้องห่วงหรอก มันเป็นเรื่องธรรมดาของพระราชา ข้ารู้มานานแล้ว
แม้จะเหนื่อยล้าและน่าเบื่อ แต่เมื่อข้ามาอยู่ตรงนี้ ก็จำเป็นต้องเผชิญ"จบ 46
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ
เครดิต :www.oknation.net/blog/lakorn
Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube
เรื่องย่อละคร
ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน สุสานภูเตศวร สาปภูษา มนต์รักข้าวต้มมัด เมียหลวง
เพลงรักข้ามภพ มือนาง เทพบุตรนักบาส
Readlakorn
0 comments:
Post a Comment