Tuesday, March 24, 2009

ลีซาน - เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - ลีซาน (43)-(44)

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 43

หลังจากที่พระเจ้ายองโจก็ทรงมีรับสั่งต่อพระมเหสีจองซุนว่าจะถอดถอนนางจาการเป็น
พระมเหสี นับแต่นี้เป็นต้นไปพระมเหสีจองซุนไม่สามารถอยู่ในวังหลวงได้อีกต่อไปแล้ว
องค์ชายลีซานและพระมเหสีจองซุนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินรับสั่งของพระเจ้ายอง โจ
เรื่องราวในคืนนี้จบลงด้วยความเศร้า พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งต่ออีกว่า "
ราชเลขาจงฟัง ให้เขียนราชโองการอีกฉบับ ข้า ขอประกาศ ณ. วันที่ 13 เดือน 2
ปีพยองซิน ขอสละบัลลังก์ ให้องค์ชายลีซานเป็นผู้สืบราชสมบัติต่อไป"
องค์ชายลีซานตกพระทัยและปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง พระเจ้ายองโจตรัสถาม
"เมื่อกี้เจ้าบอกว่าไงนะ" "หม่อมฉัน ไม่อาจรับราชโองการสละบัลลังก์ได้พ่ะย่ะค่ะ"
"เพราะอะไร" "เพราะฝ่าบาทยังทรงแข็งแรง แล้วหม่อมฉันจะขึ้นแทนได้ยังไง
หม่อมฉันทำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าจะอยู่ได้อีกไม่นานน่ะ" "ฝ่าบาท
ได้โปรด อย่ารับสั่งท้อแท้สิพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทต้องทรงแข็งแรง
เป็นเสาหลักให้บ้านเมืองต่อไปอีกนานนัก"

"เจ้าอย่าหลอกตัวเองอีกเลย ทำตามที่ข้าสั่งเถอะ" " ฝ่าบาท หม่อมฉัน ยินดีรับโทษตาย
ก็จะไม่ยอมรับราชโองการฉบับนี้ ฝ่าบาทยังทรงแข็งแรง มีพระสติครบถ้วน
จะสละบัลลังก์เพื่ออะไร เป็นไปไม่ได้ หม่อมฉันไม่อาจรับเรื่องแบบนี้ ขอฝ่าบาท
ทรงเห็นพระทัยหม่อมฉันด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "อาซาน" "ฝ่าบาท ทรงไตร่ตรองใหม่ด้วยเถอะ" "
หึ เอาเถอะ เมื่อเจ้ายืนกรานไม่ยอมรับ ข้าก็จะเก็บคำสั่งไว้ก่อน
แต่ตอนนี้ข้าแทบไม่มีกำลังจะทำอะไรได้ เจ้าก็ยังเป็น ผู้สำเร็จราชการต่อไปละกัน"
"ฝ่าบาท" "เรื่องนี้ เจ้าจงอย่าขัดคำสั่งข้าอีกเลย เดินหน้าทำในสิ่งที่เจ้าควรทำซะ
หึ ไปหาใต้เท้าแชจีคยอง ข้ามีของอย่างหนึ่งฝากไว้ที่เขา เจ้าไปเอากลับมา
ข้าเตรียมจะมอบให้เจ้า เผื่อปุบปับข้าจะตายไป แต่ตอนนี้
ไม่แน่เจ้าอาจจำเป็นต้องใช้ก็ได้ ถ้าคิดว่าต้องใช้จริงๆ ก็เอามาใช้ซะ
ไม่ต้องกลัวหรอก" "ฝ่าบาท" "นับแต่นี้ เจ้าต้องเตรียมตัวสำหรับการครองราชย์ทุกเมื่อ
เพราะฉะนั้น ต้องลงโทษคนที่ทำผิด กำจัดคนที่เคยเป็นศัตรูกับเจ้า
เรื่องแบบนี้ห้ามใจอ่อนหรือผ่อนผันให้พวกเขาเด็ดขาด เข้าใจมั้ย"
แชจีคยอมนำกำปั่นทองมามอบให้องค์ชายลีซาน "นี่คือกำปั่นทองนี่นา" "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ
เดิมทีฝ่าบาทรับสั่งไว้ว่า รอให้องค์ชายขึ้นครองราชย์แล้ว ค่อยถวายในภายหลัง"
"นี่คือ" "องค์ชาย คืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ราชโองการลับ" "หา"
แชจีคยอมมองอย่างตกตะลึง "เป็นลายพระหัตถ์ที่ฝ่าบาททรงเขียนเอง" แม้
ว่าพระมเหสีจองซุนทรงสดับว่า
พระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งถอดถอนพระนางจากตำแหน่งพระมเหสีก็ตาม
แต่นางก็ยากที่จะทำใจเชื่อว่าพระเจ้ายองโจจะทรงทำต่อนางเช่นนี้
ที่สำคัญพระเจ้ายองโจทรงมีรับสั่งให้ราชเลขาบันทึกรับสั่งของพระองค์ไว้อีก ด้วย
ในที่สุดจองซุนก็ต้องทำใจยอมรับความจริงว่าในเวลานี้นางได้กลาย
เป็นสามัญชนไปเสียแล้ว
หลังจากที่จองซุนถูกถอดถอนจากการเป็นพระมเหสีแล้วก็จะต้องออกจากวังหลวง ทันที
พระมเหสีจองซุนวิงวอนขอพระเมตตาจากพระเจ้ายองโจ
แต่ก็ไม่สามารถทำให้พระเจ้ายองโจทรงเปลี่ยนพระทัย เมื่อพระมเหสีจอง
ซุนกลับไปที่ห้องพักก็พบว่าข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของนางถูกเก็บและนำออก
มาวางไว้นอกตำหนัก จองซุนต้องทำใจยอมรับความจริงว่านางเป็นสามัญชนไปเสียแล้ว
องค์ชายลีซานเสด็จไปหาพระมเหสีจองซุนที่ตำหนัก " เชิญนั่ง ที่จริงวันนี้
ข้ากำลังจะให้คนไปเชิญองค์ชายอยู่พอดี ทำไมยังไม่ประกาศราชโองการอีก
เลิกทรมานข้าได้แล้ว จะปลดเป็นสามัญชนก็รีบจัดการซะ" "หม่อมฉัน
ยังไม่คิดประกาศตอนนี้" "มีเหตุผลหรือเปล่า" " พระมเหสีจะอยู่ที่นี่
ดูคนที่เคยให้ร้ายเสด็จพ่อของหม่อมฉัน ค่อยๆ ตายไปทีละคน ยังมีขุนนางที่แปรพักตร์
ยุยงให้ฝ่าบาททรงเข้าพระทัยผิดจนบาดหมางกับเสด็จพ่อ จะมีจุดจบยังไงบ้าง
คนที่เคยเป็นเขี้ยวเล็บให้พระมเหสีได้เสวยสุข จะถูกลงโทษยังไงบ้าง คงได้เห็นกับตา
จากนั้นหม่อมฉันค่อยคิดบัญชีกับพระมเหสีให้จบ นี่เป็นแค่เริ่มต้นเท่านั้น"
ไม่นานพระมเหสีจองซุนก็ทราบจากซังกุงว่าคิมคีจูถูกนำตัวออกไปนอกเมือง
จากนั้นให้ไปอยู่เกาะร้าง พระพันปีเฮคยองให้คิมซังกุงไปพาตัวซองซงยอนมาพบที่ตำหนัง
ซึ่งพระชายาโยอึยก็ประทับอยู่ด้วย "เรากำลังคุยถึงเรื่องของเจ้าอยู่พอดี"
ซองซงยอนอึ้งไป "ไม่เป็นไรหรอก อย่ากลัวนักเลย ที่เสด็จแม่ให้เจ้ามาพบ
เพื่อจะตอบแทนความดีของเจ้า" พระชายาโยอึยกล่าวต่อ ซองซงยอนยิ่งตกใจ "หา" "
ได้ข่าวว่าที่วันก่อนเกิดเรื่อง เจ้าก็ได้ช่วยองค์ชายไว้อีกใช่ไหม
พินกุงมาบอกให้ข้ารู้หมดแล้ว โชคดีที่เจ้า
เอาจดหมายของอดีตรัชทายาทไปถวายให้ฝ่าบาททันเวลา" ซองซงยอนยังกล่าวอะไรไม่ออก
"เอ่อ" "เจ้ากล้าทำในสิ่งถูกต้อง ถือว่าน่าชมเชยนัก" "เอ่อ ขอบพระทัยที่ทรงชมเพคะ
จริงๆ แล้ว หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรเลย" "ใครบอกว่าไม่ได้ทำอะไร ถ้าไม่มีเจ้าคอยช่วย
องค์ชายคงจะเดือดร้อนมากกว่านี้ จริงมั้ยเพคะเสด็จแม่" "ข้าก็ว่าอย่างงั้น" "เอ่อ
พระชายา" พอออกจากตำหนักพระพันปีเฮคยอง พระชายาโยอึยก็รับสั่งกับซองซงยอนอีกว่า
"ตอนนี้องค์ชายอยู่ที่ลานฝึกทหาร" "อะไรนะเพคะ" "เจ้าไม่ได้เข้าวังนานแล้วนี่
รีบไปเฝ้าองค์ชายให้ได้เห็นหน้าบ้างเถอะ ให้ใครก็ได้พานางไปเฝ้าองค์ชายเดี๋ยวนี้
ไปได้แล้ว" "เอ่อ คือ อย่าเลยเพคะ องค์ชายคงจะทรงงานอยู่
หม่อมฉันขอตัวกลับศูนย์ศิลปะดีกว่า" "ยังไม่เข้าใจความหมายข้าอีกหรือ ทุกวันนี้
องค์ชายทรงเครียดกับเรื่องหลายอย่าง ข้าเลยหวังให้เจ้าไปปลอบใจพระองค์บ้าง"
ซองซงยอนจำต้องปฏิบัติตามคำบอกของพระชายาโยอึย
องค์ชายลีซานเห็นซองซงยอนก็แปลกพระทัยเพราะนางเดินหนี "ทำไมมาหาข้าแล้วเดินหนีล่ะ"
"เอ่อ คิดว่า บางทีองค์ชายอาจจะอยากอยู่ตามลำพัง" " เจ้าคิดอย่างงั้นหรือ
เจ้ารู้หรือเปล่า เมื่อกี้ข้ากำลัง ยิงธนูใส่หน้าคนที่ปองร้ายเสด็จพ่อ
โดยแทบไม่อยากหยุด รวมถึงคนที่ ส่งทหารมาเพื่อจะปองร้ายข้า ข้าจะยิงโต้กลับให้หมด
หลายคนคิดว่า ข้าจะให้เรื่องนี้จบไปเงียบๆ แต่ไม่ใช่หรอก
ข้าไม่เคยคิดอภัยให้พวกเขาเลย จนวันนี้ในใจข้า ยังไม่อาจหายแค้นพวกเขาได้
ข้าจะให้พวกเขาชดใช้ ทีละคน อย่างช้าๆ และสาสม ให้รู้ว่าหนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด
เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ ข้ากำลังรอเวลาอยู่" ฮงกุกยองและเทซูควบคุมตัว
คิมคีจูไปส่งห้องขัง
เนื่องจากคิมคีจูถูกคุมขังจึงไม่รู้ว่าในเวลานี้จองซุนน้องสาวของตนถูกพระ
เจ้ายองโจทรงถอดถอนตำแหน่งพระมเหสีกลายเป็นสามัญชนไปเสียแล้ว
ด้วยเหตุนี้คิมคีจูจึงยังคงประกาศความยิ่งใหญ่ให้ทุกคนรู้ว่าตนเป็นพี่ชาย
ของพระมเหสีจองซุน สักวันหนึ่งตนจะต้องล้างแค้นนี้ให้ได้
เมื่อเทซูได้ยินคิมคีจูตะโกนโวยวายก็เกิดบันดาลโทสะขึ้นมา
ขณะที่เทซูกำลังจะสั่งสอนคิมคีจูให้เข็ดราบนั่นเอง ทันใดนั้นฮงกุกยองก็เข้าขัดขวาง
ฮงกุกยองบอกเทซูว่าอย่าได้หัวเสียกับ คำพูดของคิมคีจู
ไม่ควรเอาคำพูดของคนผิดมาใส่ใจ แม้ว่าเทซูไม่เข้าใจคำพูดของฮงกุกยอง
แต่คำพูดของฮงกุกยองก็มีเหตุผล
เมื่อคิดได้เช่นนั้นดูเหมือนว่าความโมโหก็สลายไปไม่น้อย ชองโฮคยอมได้
รับรายงานว่าบรรดาขุนนางใหญ่หายสาบสูญไปซึ่งบรรดาขุนนางใหญ่เหล่านี้เกี่ยว
พันกับการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทซาโตทั้งสิ้น
ทำให้ชองโฮคยอมคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวพันกับองค์รัชทายาทซาโตอย่างแน่นอน
คนที่ให้ความสนใจเรื่องนี้ถ้าไม่ใช่องค์ชายลีซานแล้วจะเป็นใคร
เมื่อเป็นเช่นนี้องค์ชายลีซานจะต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้มากกว่าใคร
ที่สำคัญฮงกุกยองต้องเกี่ยวพันกับการหายสาบสูญไปของบรรดาขุนนางใหญ่อย่างแน่ นอน
แชซกจูเองก็เข้าเฝ้าองค์ชายลีซานเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน "เมื่อคืนนี้
เจ้ากรมกลาโหม และเจ้ากรมโยธาชองอิกซอน อดีตเสนา "โอยุนซู"
และอดีตเจ้ากรมราชทัณฑ์ได้หายสาบสูญไปพ่ะย่ะค่ะ" "แล้วยังไง
ท่านคิดว่าอยากให้ข้าทำอะไรบ้าง" องค์ชายลีซานตรัสถาม "องค์ชาย
หม่อมฉันขอทูลอีกครั้ง เมื่อคืนมีอดีตขุนนาง 2 คนและอีก 2
คนที่อยู่ในตำแหน่งถูกจับตัว หม่อมฉันคิดว่าเรื่องที่เกิด" " ใต้เท้า
ข้าไม่เชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เพราะไม่เคยออกคำสั่งให้ใครจับพวกเขา
แล้วจะกล้าปองร้ายขุนนางผู้ใหญ่ได้ยังไง หรือพวกเขาจะกลัวเอง
เลยหนีไปหลบซ่อนตัวไว้ก่อน ไม่งั้นใครจะกล้าถึงขนาดนี้" "แต่ว่าองค์ชาย" "
ท่านเจ้ากรม ทุกวันนี้บ้านเมืองมีปัญหาร้อยแปดให้ตามแก้ ใครจะมีแก่ใจ
ไปห่วงขุนนางที่กินปูนร้อนท้อง ทำอะไรรู้แก่ใจ ยังมาขอความช่วยเหลืออีก
ถ้าพวกเขาเกิดอะไรขึ้นจริง ก็ให้หน่วยปราบปรามไต่สวนก็ได้ ส่วนท่านก็กลับไปซะ
ทำงานในหน้าที่ตัวเองเถอะ" ในคืนเดียวกันนี้เองมี
แผนการที่จะจับกุมตัวขุนนางใหญ่ที่มีสกุลฮง
เรื่องที่เกิดขึ้นถูกชองโฮคยอมพบเห็นเข้า
ชองโฮคยอมเห็นเช่นนั้นจึงเข้าขัดขวางคนร้ายที่มาจับกุมตัวฮงนิมฮัน
ฮงนิมฮันขอบคุณที่เขามาช่วยไว้ทัน และถามว่ามาบ้านเขาทำไม "ถึงขั้นนี้แล้ว
ข้าอยากให้ท่านไปพิสูจน์เรื่องหนึ่ง" "หา ข้าหรือ"
"ท่านเป็นญาติสนิทขององค์ชายลีซานไม่ใช่หรือ ถ้าไงรบกวนท่าน
ไปขอร้องพระชายาเฮคยองหน่อยได้ไหม" "โธ่เอ๊ย ข้าเคยลองแล้ว ไม่เพียงแต่พี่ชายข้า
แม้แต่พระชายาเฮคยอง ข้าก็ไปทูลขอร้อง แต่ไม่มีประโยชน์ แล้วตอนนี้ เราจะทำไงต่อดี
หา" "แสดงว่าใช่จริงๆ" "ใต้เท้าชอง ไม่มีทางออกบ้างหรือ นี่
ใช้ความฉลาดของท่านลองคิดหน่อยซี่ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว
เราจะไม่สามารถทำอะไรเลยหรือไง"000000000000
องค์ชายลีซานไปพบฮงกุกยองด้วยพระองค์เอง "ท่านฮง" "หา เอ่อ องค์ องค์ชาย หึ"
"ขุนนางหลายคนที่ถูกจับตัว อยู่แถวนี้ใช่ไหม" "เอ่อ องค์ องค์ องค์ชาย"
ฮงกุกยองอึกอัก ฮงกุกยองพาองค์ชายลีซานไปพบพวกขุนนางที่ถูกจับตัวมา "หา องค์ชาย
ทรงช่วยพวกเราด้วย องค์ชาย ทรงเมตตาด้วยเถอะ ช่วยพวกเราด้วย องค์ชาย ฮือๆๆ"
"ทำไมต้องทำแบบนี้ จับพวกเขามาขังเพื่ออะไร ท่านคิดว่า จะสังหารพวกเขาให้หมดหรือไง"
"พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันคิดอย่างงั้น ต่อให้องค์ชายทรงตำหนิ หม่อมฉันก็ยินดีรับฟัง
หม่อมฉัน พร้อมจะรับผิดชอบสิ่งที่ตามมาทุกอย่าง" "ท่านฮง" " องค์ชาย
คนพวกนี้สมควรตายทั้งนั้น เมื่อก่อกรรมทำเข็ญก็ควรชดใช้ต่อผลที่ตามมา ไม่งั้น
ระบบยุติธรรมจะมีไว้เพื่ออะไรกัน ถ้าทุกคนคิดว่า ทำผิดแล้วก็แล้วไป
ไม่ต้องมีการพิจารณาโทษทัณฑ์ แล้วบ้านเมืองของเรา
ยังจะเดินหน้าด้วยความมั่นคงได้หรือ" "ด้วยเหตุนี้
ท่านเลยเป็นผู้ผดุงความเป็นธรรมซะเอง เพื่อให้บ้านเมืองได้เดินหน้า
ท่านเลยขอย่ำยีกฎหมายซะเองใช่ไหม" "องค์ชาย ทรงฟังหม่อมฉันก่อน" " หุบปาก
นี่คือสิ่งที่ท่านมอบให้คนผิดเหล่านี้ ด้วยการลงโทษโดยพละการ
เอาชีวิตพวกเขาตามใจชอบ คือระบบยุติธรรมที่ท่านว่างั้นหรือ ทำแบบนี้
ท่านก็ไม่เห็นต่างกับพวกเขาตรงไหนเลย ที่ข้าระมัดระวัง ไม่กล้าทำอะไรรุนแรง
เป็นเพราะอะไร ท่านไม่รู้หรือ จริงๆ ในใจข้าแทบอยากฉีกเนื้อพวกเขาด้วยซ้ำ
ถ้าตอนนี้ข้าไม่ใช่องค์ชาย ข้าจะควักหัวใจแต่ละคนออกมาเหยียบให้สาสม
แต่เพราะข้าเป็นรัชทายาทแห่งโชซอน เข้าใจหรือเปล่า
สิ่งที่ข้าทำไม่ใช่เพื่อแก้แค้นส่วนตัว จึงต้องลงโทษอย่างเปิดเผย
แม้ว่าจะแค้นจนแทบกระอัก ข้าก็ต้องกัดฟันทน บอกตัวเองอย่าใช้อารมณ์เป็นใหญ่
นี่คือสิ่งที่ข้าต้องทำ ปล่อยตัวพวกเขาเดี๋ยวนี้" "หา องค์ชาย"
"ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งหรือ บอกให้ปล่อยพวกเขาเดี๋ยวนี้ไง" เท
ซูรู้สึกผิดที่เป็นคนบอกองค์ชายลีซานเอง จึงมาขอโทษฮงกุกยอง แต่เขาไม่ว่าอะไร
รู้ว่าเทซูทำตามหน้าที่ ฮงกุกยองเข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน "องค์ชาย หม่อมฉันมาขอเฝ้า"
"เข้ามา ส่งกลับไปหมดแล้วใช่ไหม" "พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทำอะไรวู่วามนัก
หม่อมฉันโง่เขลา ขอทรงอภัยด้วย" " บอกว่าทำตามคำสั่งข้า พรุ่งนี้จะมีทหารไปหาท่าน
ถึงตอนนั้น ท่านก็บอกว่ามีเรื่องบางอย่างจะสอบปากคำพวกเขา
รับคำสั่งจากข้าให้จับไปขังไว้ก่อน เข้าใจมั้ย" "องค์ชาย" "ข้าไม่ได้จะปล่อยพวกเขา
แม้ว่าหนทางจะเต็มไปด้วยขวากหนาม ข้าก็ต้องลงโทษพวกเขาตามระบบที่ถูกต้อง" "องค์ชาย"
" เล่มนี้ เขียนสิ่งที่เราต้องทำต่อไป แม้ว่าบางอย่างอาจไม่ได้ดั่งใจ แต่ใครทำผิด
ก็ต้องว่าไปตามผิดและรับโทษเอาเอง นับแต่นี้เราต้องปูทางไว้สำหรับอนาคต
แต่ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาห้ำหั่นพวกเขา ก่อนที่ฝ่าบาท จะไปถึงบั้นปลายอย่างสงบ
ข้าจะไม่ให้พระองค์ทรงเครียดแม้แต่น้อย เข้าใจหรือยัง ถ้าต้องเปื้อนเลือดจริง ก็ให้
มือข้าเปื้อนเองดีกว่า"จากนั้นองค์ชายลีซานทรงเรียกแชซกจูมาพบ "
วันนี้ที่เชิญไต้เท้ามาพบ เพราะมีเรื่องจะให้ท่านรับผิดชอบบางอย่าง
ฝ่าบาทต้องทรงพักฟื้น ทำให้ไม่อาจบริหารราชกิจ ข้าจึงรับหน้าที่
เป็นผู้สำเร็จราชการ ตัดสินใจเรื่องใหญ่น้อยแทนพระองค์ ส่วนท่านก็ต้องช่วยไต้เท้าแช
เขียนนโยบายปฏิรูปการปกครองใหม่" "องค์ชาย" "ทำไมข้าถึงเปิดโอกาสให้ท่านแบบนี้
จงไปคิดให้ดี" "เอ่อ หม่อมฉัน ขอน้อมรับพระบัญชาและจะทำตามพ่ะย่ะค่ะ" "
ถ้าอย่างงั้น ข้าจะขอแจ้งภารกิจเรื่องแรก ที่ท่านต้องกระทำ ก่อนอื่น
ให้ลบบันทึกทุกประเภทที่เกี่ยวกับ อดีตรัชทายาททั้งหมด
เรื่องราวของเสด็จพ่อที่ถูกกล่าวหานั้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น และฝ่าบาทก็ทรงเห็นด้วย
ที่จะให้มีการแก้ใหม่ ฉะนั้นงานนี้ให้เป็นหน้าที่ท่าน รีบดำเนินการโดยเร็ว"
ชองโฮคยอมรู้จาก ฮงกุกยองว่าเขาจะถูกลดตำแหน่ง
และมีเพียงแชซกจูคนเดียวที่จะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้น
ชองโฮคยองจึงไปแสดงความยินดีกับแชซกจู "ยินดีกับไต้เท้าด้วย คนอื่นเจียนตายรอมร่อ
มีท่านคนเดียวที่สบาย น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์
หัดเล่นการเมืองกับท่านบ้าง" "คิดว่าถ้าประชดข้าแล้ว จะช่วยให้สบายใจขึ้นหรือเปล่า"
"ข้ากำลังจะบอกท่านว่า อย่านึกว่าเรื่องจะจบแค่นี้" "เรื่องมันจบไปนานแล้ว
อย่าทำอะไรโง่ๆ อีกดีกว่า" ชอง
โฮคยอมแค้นมากที่เขาโดนลดตำแหน่งเป็นแค่อาลักษณ์เล็กๆ เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
กับความอัปยศที่ได้รับ เขายังบอกให้องค์หยิงวาวานทรงอดทนไว้ก่อน
แชจีคยอมและแชซกจูทูลรายงานองค์ชายลีซานว่า "รายชื่อลูกอนุฯ
และอดีตขุนนางที่ถูกปลด" "กรมปกครองขาด 6 ตำแหน่ง กรมอาญาขาด 10 ตำแหน่ง
กรมโยธาและกรมพิธีการอย่างละ 4 เลือกมาซักครึ่งก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
"จะให้พวกเขาแทนตำแหน่งอะไรบ้าง" องค์ชายลีซานตรัสถาม "ตั้งแต่ "จิกจาง" ถึง
"ชวาลัง" พ่ะย่ะค่ะ" "งั้นพรุ่งนี้ข้าจะคัดเลือกเอง พิธี "เซโช" จะจัดเมื่อไหร่"
"กำหนดไว้วันมะรืนช่วงบ่าย จัดที่ลำธารตะวันฉายพ่ะย่ะค่ะ"
พระพันปีเฮคยองทรงทราบก็ดีพระทัยมาก ทรงรำพึงถึงองค์ชายซาโต " องค์ชาย
ทรงทราบมั้ยเพคะ ลูกของเรา จะมีพิธีเซโช เพื่อลบล้างข้อกล่าว หาที่องค์ชายเคยได้รับ
ฮือ ตลอดเวลาที่ผ่าน หม่อมฉันไม่กล้ามาไหว้ ต้องขออภัยด้วย แต่วันนี้
วิญญาณขององค์ชายคงได้เป็นสุขซะที ฮือ"
ปาร์คยองมุนสั่งให้ช่างเขียนลีชองกับช่างเขียนตั๊ก
รวมทั้งซองซงยอนเตรียมเขียนภาพในงานพิธีเซโชด้วย และในงานพิธีเซโช
พระเจ้ายองโจทรงเสด็จมาด้วย "ฝ่าบาท ยังไม่ทรงหายดี ทำไมเสด็จมาไกลล่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"นี่เป็นการชะล้างความผิดของข้าๆ เลยต้องมาดูเอง ข้าต้องขอโทษในสิ่งที่ทำกับเจ้า"
พระพันปีเฮคยองทูล "ตอนนี้ ถึงให้หม่อมฉันตายก็ไม่เสียดายอีกแล้วเพคะ แม้จะตาย
ก็ไม่ลืมพระเมตตาของฝ่าบาทเลย ฮือ" "ทำงานต่อไป" พระเจ้ายองโจตรัส
และระหว่างทางเสด็จกลับ องค์ชายลีซานเห็นพระเจ้ายองโจทรงเหนื่อยอ่อนจึงทูล
"ทางเขาลาดชันเดินลำบาก เชิญประทับเกี้ยวดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ" "ช่างเถอะ ไม่เป็นไรหรอก
ข้าอยากเดินอีกซักพัก เฮ่อ โอ๊ะ" องค์ชายลีซานและคนอื่นพากันตกใจ "ฝ่าบาท ฝ่าบาท
ทรงเป็นไรมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" " อย่าทำเป็นตกใจนักเลย เฮ่อ หึ นั่งพักก่อนก็ได้
จะได้หายเหนื่อยหน่อย หึ วันนี้แดดอุ่นกำลังดี อย่าทำหน้าอย่างงั้นซี่
รับรองข้าไม่ตายอยู่แถวนี้แน่" "ฝ่าบาท" "ข้ามีที่ๆ จะฝากชีวิตไว้แล้ว
ยังไงก็จะไปตายที่นั่น" "ฝ่าบาท ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "อาซาน"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" " จงอย่าลืมว่า พ่อเจ้าหวังให้เจ้าเป็นพระราชาที่ดี และมันคือ
ความหวังสุดท้ายของปู่ที่ไม่เอาไหนอย่างข้าด้วย แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าคงสามารถทำได้
เจ้าจะต้อง เป็นพระราชาที่สร้างคุณูปการให้แก่บ้านเมือง เจ้ามองเห็นหรือเปล่า
แสงจากพระอาทิตย์ แม้แต่ซอกหลืบเล็กๆ ยังส่องผ่านได้ สายน้ำที่ไหลริน
ถ้าไม่มีพื้นราบ มันจะไม่สามารถเดินหน้าต่อ เข้าใจหรือเปล่า
เมื่อเราปกครองบ้านเมือง ก็ต้องเป็นพระราชาที่มองการณ์ไกล อย่าดูแลเฉพาะที่ๆ
มองเห็นหรือคนอยู่ใกล้ตัว ให้มองไปยังที่มืด ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก
ยังมีราษฎรที่อดอยากหิวโหยรอความช่วยเหลืออยู่ เจ้าต้องเป็นแสงที่ส่องสว่าง
ทุกซอกทุกมุมของบ้านเมือง ยังความอบอุ่นและผาสุกให้แก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม" "ฝ่าบาท
หม่อมฉันจะจำรับสั่งนี้ไว้ตลอดไป"จบ 43
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 44 พระ
เจ้ายองโจทรงหายสาบสูญไปจากวังหลวง
เมื่อองค์ชายลีซานรู้เรื่องนี้แล้วก็รีบรุดไปยังห้องบรรทมของพระเจ้ายองโจ ทันที
องค์ชายลีซานพบเห็นแต่เพียงฉลองพระองค์ของพระเจ้ายองโจอยู่ในห้องบรรทมเท่า นั้น
เมื่อองค์ชายลีซานเห็นเช่นนั้นก็มีคำสั่งให้ทหารองครักษ์พากันออกตามหาพระ เจ้ายองโจ
ทหารองครักษ์กลับมารายงานว่าไม่มีเบาะแสพระเจ้ายองโจแม้แต่ น้อย
องค์ชายลีซานพยายามคิดก็คิดไม่ออกว่าพระเจ้ายองโจทรงประทับอยู่ที่ใดกันแน่
ทันใดนั้นเององค์ชายลีซานก็นึกถึงองค์รัชทายาทซาโตขึ้นมา พระเจ้ายอง
โจทรงมีรับสั่งกับตนว่าไม่นานนักพระองค์ก็จะเสด็จไปหาองค์รัชทายาทซาโต
เมื่อพระราชนัดดานึกถึงรับสั่งนี้ขึ้นมาก็คิดไปในทางไม่ดี
แต่ยิ่งคิดก็คิดไม่ออกว่าพระเจ้ายองโจทรงเสด็จประทับที่ใดกันแน่
ในเวลานี้สิ่งที่องค์ชายลีซานทำได้คือรอฟังรายงานจากทหารองครักษ์เพื่อใช้ตัดสินใจต่อไป
ซอง ซงยอนรู้จากอาของเทซูว่าเนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นที่วังหลวง
ทำให้เทซูไม่ได้กลับบ้าน
เมื่อซองซงยอนได้ยินเช่นนั้นก็สอบถามถึงเทซูด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
เนื่องจากอาของเทซูต้องรีบไปขายของที่ตลาดจึงไม่มีเวลาพูดคุยกับซองซงยอนมาก นัก
ต่อมาทหารองครักษ์ของพระเจ้ายองโจได้มาหาซองซงยอนเพื่อพานางไปยัง
สถานที่แห่งหนึ่งเพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ
ซองซงยอนตกใจมากเมื่อเห็นพระเจ้ายองโจทรงประทับอยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่ง "เป็นไง
ข้ารู้สึกดีใจที่ได้พบเจ้า อึม เดินมาใกล้ๆ ซี่" "เพคะฝ่าบาท ฝ่าบาท
จะให้หม่อมฉันเขียนรูปคนหรือเพคะ" " อึม ใช่ ข้าจะพูดให้ฟัง
เกี่ยวกับลักษณะหน้าตาของเขา เจ้าแค่ฟังอย่างเดียว
จะสามารถเขียนรูปเขาออกมาให้เหมือนได้ไหม หลายปีก่อนข้าโกรธจนขาดสติ
สั่งให้เอารูปของเขาที่เขียนไว้ไปเผาทิ้งหมด ด้วยเหตุนี้ เลยทำให้องค์ชายลีซาน
ไม่มีรูปพ่อของเขาไว้เป็นที่ระลึก เพราะฉะนั้น
ข้าเลยอยากชดเชยภาพเขียนของพ่อเขาแทนให้ หลังจากทำให้พ่อเขาตาย
เพิ่งมาชดเชยเอาป่านนี้ มันอาจจะสายเกินไป
แต่ข้าก็อยากให้เขามีรูปของพ่อบังเกิดเกล้าเก็บไว้บ้าง เป็นยังไง พอจะเขียนได้ไหม"
"เอ่อ เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันจะพยายามลองเขียนดู" " นั่นเป็นใบหน้าที่สะอาดเกลี้ยงเกลา
ลักษณะเป็นรูปหน้าไข่ จมูกโด่งเป็นสัน ใครเห็นก็ว่าเป็นเด็กที่มีวาสนา แล้วยังมี
ริมฝีปาก ที่เม้มสนิท ตัดกับแก้มที่มีเลือดฝาด ดวงตา ใช่แล้ว
เขามีรูปนัยน์ตาที่คล้ายกับองค์ชายไม่มีผิด มีแววตาที่เปล่งประกาย
เปี่ยมด้วยความอ่อนโยน แสดงถึงความเฉลียวฉลาดเหนือคน" พระเจ้ายองโจทรงมีอาการไอ
"เอ่อ ฝ่าบาท ฝ่าบาทเพคะ" "เฮ่อ ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง เฮ่อ เฮ่อ แล้วยังมี
รอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ตรงข้ามกับข้าซึ่งเป็นคนหน้าดุ แต่ลูกคนนี้
แม้จะเคยถูกข้าตำหนิอยู่บ่อยครั้ง เขาก็ยังมีรอยยิ้ม ให้เห็นอยู่เสมอ หึ"
องค์ชายลีซานทรงคาดคั้นหัวหน้าองครักษ์ว่าพระเจ้ายองโจเสด็จไปที่ใด
แล้วก็ทรงม้าไปทันที พอถึงกระท่อมก็ทรงพบกับซองซงยอนก่อน "เอ่อ องค์ชาย" "ซงยอน
ทำไมเจ้ามาอยู่นี่ด้วยล่ะ" "เอ่อ นี่เพคะ ฝ่าบาททรงอยู่ในนี้" "ฝ่าบาท
หม่อมฉันมาแล้ว หม่อมฉันจะมารับเสด็จกลับวัง ฝ่าบาทๆๆ"
องค์ชายลีซานเสด็จเข้าไปก็พบว่าพระเจ้ายองโจทรงหมดสติ " ฝ่าบาท หา หึ ฝ่าบาทๆๆๆๆ
ทรงลืมพระเนตรเร็วเข้า ฝ่าบาท หม่อมฉันเองนะพ่ะย่ะค่ะทรงจำได้ไหม หึ
ใครอยู่ข้างนอกบ้าง เข้ามาเร็ว ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้ เร็ว" ฮงกุกยองรีบรับคำทันที
หลังจากหมอหลวงได้ตรวจพระอาการเรียบร้อยก็สีหน้าไม่สู้ดี องค์ชายลีซานรีบตรัสถาม
แต่ทันใดนั้นพระเจ้ายองโจทรงสวรรคตแล้ว ทุกคนตกใจมาก "ฮือ ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท
อย่าทรงทิ้งหม่อมฉันไป ฝ่าบาทๆๆ ได้โปรด อย่าทิ้งหม่อมฉันไป ฮือๆๆ
ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ฮือๆๆ ฝ่าบาท ฮือๆๆ อย่าทิ้งหม่อมฉันไป ฮือๆๆ"
ทุกคนต่างร้องไห้เศร้าเสียใจกับการจากไปของพระเจ้ายองโจ
ซองซงยอนนึกถึงรับสั่งที่พระเจ้ายองโจทรงตรัสกับนางว่า " ขอบใจมากนะ แหวนคู่วงนี้
ได้จากเสด็จแม่ของข้า พระชายาซุกพิน เป็นของที่ระลึกมานาน ข้าขอมอบให้เจ้า
เป็นการตอบแทนที่ช่วยเขียนรูปที่มีความสำคัญต่อข้า เลยอยากมอบให้เจ้าไว้" "เอ่อ
ไม่ได้หรอกเพคะ นี่เป็นสิ่งมีค่า หม่อมฉันจะรับได้ยังไง" "ไม่เป็นไร ได้ยินว่า
เจ้าเป็นเพื่อนกับองค์ชายมาตั้งแต่เด็กใช่ไหม รับไว้เถอะ" ซองซงยอนอึ้ง "เอ่อ" "
พักก่อนองค์ชาย เคยพูดกับข้าว่า ทุกครั้งที่เขามีเรื่องลำบาก
เจ้าจะให้ความช่วยเหลือ แถมยังว่าเจ้า ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา
เจ้ายอมเป็นเพื่อนหลานข้าที่กำพร้าพ่อแต่เล็ก ไม่ให้ชีวิตเขาเงียบเหงาเกินไป
หวังว่าต่อไปก็ยังเป็นเหมือนเดิม ใช้น้ำใจอันดีงามของเจ้า อยู่เคียงข้างเขา
คอยปลอบประโลม ให้เขามีกำลังใจยืนหยัดต่อไป" "ฝ่าบาท"
ซองซงยอนร้องไห้ด้วยความเสียใจมาก กับการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ายองโจ
ฮงกุกยองเข้ามาบอกองค์ชายลีซานถึงพิธีชำระพระศพ
และมอบจดหมายที่พระเจ้ายองโจทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์มอบให้องค์ชายลีซาน "
ไม่แน่ว่านี่อาจเป็น จดหมายฉบับสุดท้ายที่ข้าจะสามารถเขียนถึงเจ้าได้
เพราะว่าอาจเป็นวันนี้ ที่ข้าจะได้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นวันสุดท้ายก็ได้ ทุกครั้ง
พอได้ยินเสียงลมพัดมา ลืมตาขึ้นดู ข้าเหมือนจะเข้าใจสัจธรรม ว่าวันนี้อาจจะถึง
บั้นปลายสุดท้ายในชีวิตก็เป็นได้ และเป็นวันที่ทุกคนต้องพบเจอทั้งนั้น
แม้ข้าจะเป็นพระราชา แต่มักบอกตัวเองเสมอว่าวังหลวงไม่ใช่ถิ่นพำนักสุดท้ายในชีวิต
และที่ข้าออกจากวังเงียบๆ โดยลำพัง ก็เพราะสาเหตุนี้เหมือนกัน
สิ่งที่ข้าหวังมากที่สุด
คือได้เห็นความเป็นอยู่ของราษฎรที่ดีขึ้นแล้วค่อยจากโลกนี้ไป เหมือนวันๆ
หนึ่งที่มีทั้งกลางวันและกลางคืน ชีวิตมีเกิดย่อมมีดับเป็นเรื่องธรรมดา
ฉะนั้นแม้เกิดมาก็ไม่ต้องดีใจ ถึงคราวจากไปก็ไม่ใช่ความเศร้าโศกแต่อย่างใด
เพราะฉะนั้น เจ้าจงอย่าร้องไห้ ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์กับการจากไปของข้าเลย
เพียงแต่หวังว่า เจ้าจะอโหสิให้ปู่ที่ใจร้ายอย่างข้า แล้วก็
จงอย่าลืมพ่อที่รักเจ้าราวกับแก้วตา ทนุถนอมมาตั้งแต่เกิด เจ้าจะต้อง
เอาอย่างเจตนารมณ์ของพ่อเจ้า ดูแลห่วงใยราษฎร ใส่ใจทุกข์สุขของพวกเขา
เป็นพระราชาที่สร้างประโยชน์สุขให้แก่บ้านเมือง ตามคำสอนของพ่อเจ้าเถอะนะ"
"หม่อมฉันจะจำคำสอนของเสด็จปู่ไว้ ฮือ ทั้งคำสอนของเสด็จพ่อ และของเสด็จปู่
หม่อมฉัน จะไม่มีวันลืม ตราบจนวันตาย ฮือ" ปาร์คยองมุนเรียกช่างเขียนตั๊ก
ลีชองและซองซงยอนมาพบ "รายละเอียดเกี่ยวกับพิธีเถลิงราชย์ ในนี้
จะมีบอกถึงขั้นตอนการเตรียมงาน ข้าวของเครื่องใช้ตามประเพณี
และสิ่งที่เราต้องตระเตรียม" "แล้ว มาให้เราดูทำไมครับ" "จะให้พวกเจ้าสามคน
รับผิดชอบการทาสีใหม่ ในส่วนของตำหนักต่างๆ" "หา อะไรนะครับ
ให้เรารับผิดชอบน่ะหรือ" "ใช่ ช่างเขียนตั๊กเป็นหัวหน้างาน ส่วนช่างเขียนลีและซงยอน
คอยเป็นผู้ช่วยอีกที ขาดเหลืออะไรก็บอกได้" "ค่ะ" " อีก 4
วันข้างหน้าคือวันเถลิงราชย์ แต่ก็เป็นที่รู้ว่า เพราะมีงานพระศพ
ทำให้งานอื่นค่อนข้างจะเร่งรีบ แต่ข้าก็เชื่อมือพวกเจ้า
คงไม่ทำให้ผิดหวังล่ะ"ทุกคนรับคำอย่างเต็มที่ ฮงกุกยองกล่าวกับพวกเทซูว่า
พวกเขาจะได้เลื่อนขึ้นเป็นองครักษ์ ทั้งสามคนตาโต โดยเฉพาะเทซู "หา อะไรนะครับ
เป็นองครักษ์เชียวหรือ" " ก็เป็นเรื่องธรรมดานี่ พวกเจ้ามีผลงานตั้งเท่าไหร่
ได้เลื่อนตำแหน่งซัก 3-4 ขั้นก็ถือว่าเหมาะแล้ว เมื่อองค์ชายครองราชย์แล้ว
ยังมีงานให้พวกเจ้าทำอีกมาก และอาจต้องแลกด้วยชีวิต หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ
สงครามเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ฉะนั้นพวกเจ้า ก็ยังต้องตั้งใจทำงาน
ห้ามอู้เป็นอันขาด" "ทราบแล้วครับ" ระหว่างนี้ซองซงยอนมาพบเทซู เขาจึงออกมาหาเธอ
ซองซงยอนบอกว่ามีข่าวดีมาบอก "ข่าวดีหรือ ข่าวอะไร" "หึ ใต้เท้าปาร์คบอกว่า
ให้ข้าดูแลงานซ่อมแซมสีของพระตำหนัก ร่วมกับช่างเขียนลีและช่างเขียนตั๊ก" "หา
จริงหรือนี่" "ใช่" "แหม งั้นก็ดีสิ นึกไม่นึกเลย หึๆ อ้อ นี่ เจ้าคงดีใจมากสิ
ใช่ไหม" "ใช่ นี่เป็นงานสำคัญขององค์ชาย ข้ามีส่วนช่วยบ้างนิดหน่อย
แค่นี้ก็ดีใจแล้ว" "แน่นอน เห็นเจ้าดีใจ ข้าก็ดีใจเหมือนกัน หือ" ชอง
โฮคยอมสั่งให้คนนำประกาศไปติดทั่วทั้งเมืองว่าองค์ชายลีซานต้องการชิง
บัลลังก์จากเสด็จปู่ เลยแกล้งปิดบังเรื่องการประชวร
และยังบอกว่าถ้าใครเอาชีวิตองค์ชายลีซานได้จะมีรางวัลให้อย่างงาม พวกชาวบ้านตกใจ
พวกเทซูเห็นก็รีบไปบอกฮงกุกยอง เขารีบทูลองค์ชายลีซาน
องค์ชายลีซานกลับบอกว่าให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของกองปราบจัดการ
พระองค์กำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกที่จะจับคนปล่อยข่าว
ฮงกุงยองคิดว่าเบื้องหลังน่าจะมีผลประโยชน์อื่นมากกว่า ชอง
โฮคยอมมีคำสั่งให้โอจองโฮคนสนิทไปเสาะหานักฆ่าที่มีวรยุทธสูงมาปฏิบัติ ภารกิจนี้
ชองโฮคยอมคิดใคร่ครวญว่าหลังจากที่พระเจ้ายองโจสวรรคตแล้ว
องค์ชายลีซานก็จะต้องขึ้นครองราชย์ ถ้าหากกำจัดองค์ชายลีซานก่อนที่จะขึ้นครองราชย์
ตนก็จะมีโอกาสได้ขึ้นครองราชย์แทน โอจองโฮพานักฆ่ามาพบชองโฮคยอม
ชองโฮคยอมพบว่านักฆ่าที่หามาได้นั้นมีวรยุทธสูงสามารถฆ่านักฆ่าคนอื่นได้
อย่างง่ายดาย
เมื่อชองโฮคยอมเห็นเช่นนั้นก็ทึ่งในความสามารถของนักฆ่าจึงมอบหมายภารกิจให้ ทำ
ชองโฮคยอมพาทหารองครักษ์จำนวนมากไปยังที่พักของนักฆ่า
นึกไม่ถึงว่ากลับไม่พบแม้แต่เงานักฆ่า ในขณะที่ ทุกคนไม่ได้ระวังตัวนั่นเอง
ทันใดนั้น นักฆ่าก็ปรากฏตัวขึ้นปลิดชีวิตทหารองครักษ์ของชองโฮคยอมจนหมดสิ้น
นักฆ่าบอกชองโฮคยอมว่านัดพบกันในคราวหน้าให้มาคนเดียว
ชองโฮคยอมและนักฆ่านัดแนะทำความตกลงกัน
ชองโฮคยอมตกตะลึงเมื่อพบว่านักฆ่ารู้ฐานะที่แท้จริงของตน เมื่อชองโฮ
คยอมรู้เช่นนั้นแล้วก็ถามนักฆ่าว่ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าเป้าหมายเป็นใคร
นักฆ่าบอกชองโฮคยอมว่าตนไม่เคยทำงานผิดพลาด
จากนั้นนักฆ่าก็เปิดเผยความปรารถนาของตนโดยเรียกร้องค่าจ้างสูงถึงหนึ่ง หมื่นตำลึง
"หนึ่งหมื่นเชียวหรือ เป็นตัวเลขที่สูงมาก" "ใช่ สูงมากจริงๆ
ข้ากำลังจะบอกว่าหนึ่งหมื่นตำลึงที่เป็นเงินหลวงด้วย" "เงินหลวงหนึ่งหมื่นตำลึงหรือ
นั่นเท่ากับ ครึ่งหนึ่งของงบประมาณแผ่นดินรายปีเชียวนะ" " งานนี้
ให้เอาชีวิตพระราชาไม่ใช่หรือ ถ้าคิดให้ดี มันก็ไม่ได้มากมาย
พรุ่งนี้ต้องจ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง เมื่อทำงานสำเร็จแล้ว ค่อยชำระในส่วนที่เหลือ"
"แต่จะได้ศีรษะขององค์ชาย กล้ารับรองหรือเปล่า" "ถ้าเป็นงานที่ทำไม่ได้
ข้าจะไม่รับแต่แรก" ชอง โฮคยอมกลับมารายงานองค์หญิงวาวาน
ทรงตะลึงกับค่าจ้างที่มากมาย และคิดว่าจะหาไม่ทัน
แต่ชองโฮคยอมบอกว่าจะรวบรวมไปให้ก่อน ส่วนที่เหลือค่อยขอจากเหล่าขุนนาง
ด้านองค์ชายลีซานทรงคิดถึงพระเจ้ายองโจ " อีกไม่นาน หม่อมฉันก็จะขึ้นครองราชย์แล้ว
และต่อจากนี้ หม่อมฉันจะเป็นตัวแทนฝ่าบาท ปกครองบ้านเมืองและดูแลราษฎร
ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข หม่อมฉันรู้สึกกลัว จนไม่อาจระงับความรู้สึก
ทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวได้ แต่หม่อมฉันก็จะไม่หวั่นไหว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
สิ่งที่ฝ่าบาทเคยรับสั่งกับหม่อมฉันไว้ ยังคงจำใส่ใจเสมอ เพราะฉะนั้น
ขอฝ่าบาททรงคุ้มครองหม่อมฉันด้วย ฝ่าบาทและเสด็จพ่อ โปรดช่วยคุ้มครอง
ให้หม่อมฉันเข้มแข็งด้วยเถอะ" ฮงกุก
ยองให้พวกเทซูติดตามความเคลื่อนไหวของชองโฮคยอมกับเหล่าขุนนาง
พบว่าชองโฮคยอมไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ สร้างความแปลกใจให้ฮงกุกยองมาก
ส่วนขุนนางก็เร่งหาเงิน ทำให้ฮงกุกยองคิดว่าต้องเกิดเรื่องอะไรอีกแน่

จบ 44
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต :www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn
เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube
เรื่องย่อละคร
ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน สุสานภูเตศวร สาปภูษา มนต์รักข้าวต้มมัด เมียหลวง
เพลงรักข้ามภพ มือนาง เทพบุตรนักบาส

Readlakorn

Related Posts



6 comments:

Anonymous said...

หวัดดีคะ่ คุณลิลลี่ไม่ได้มาซะนาน 55 ลีซานสนุกมากอ่ะ เห็นว่ามีตั้ง 70 กว่าตอน แล้วจะเข้ามาอ่านอีกเรื่อยๆนะค่ะ ขอบคุณคุณลิลลี่่ด้วยนะ

Anonymous said...

ขอบคุณมากๆค่ะ

Anonymous said...

ติดตามผลงานของคุณลิลลี่ตอนต่อไปอยู่นะคับ

ดร. อนิรุตน์

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับ

Anonymous said...

ขอบคุณ คุณลิลลี่ นะ....
ที่แบ่งปันความสุขให้กับผู้คนโดยถ้วนหน้า

Anonymous said...

ขอบคุณมากค่ะ
จะคอยตอนต่อไปค่ะ

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal