Thursday, February 12, 2009

ลีซาน - เรื่องย่อละครตามบทโทรทัศน์ - ลีซาน (26)-(28)

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 26

ฮงกุกยองมองภาพแล้วเอ่ยว่า
"นี่คือภาพงานพิธีที่จะมีขึ้นหรือ" "ใช่ครับ เราทำตามที่ท่านสั่ง
เอาภาพทั้งหมดมาจากกรมพิธีการ และนี่คือตำแหน่งที่นั่งของแต่ละคน ในวันงานน่ะครับ"
"เอ่อ เป็นไงครับไต้เท้า มีอะไรผิดสังเกตหรือเปล่า เอ่อ ใต้เท้า
ทำไมไม่พูดซักคำล่ะครับ หึ" เทซูร้อนใจ "เจ้า กลับไปเอาภาพของปีที่แล้วมาดูอีก" "หา
อะไรนะครับ ทำไมต้องไปเอาอีกล่ะ" "เพราะพวกนี้ยังดูไม่ออก
ต้องมีของปีที่แล้วมาเปรียบเทียบ ถึงรู้ว่างานปีนี้
พวกเขามีการสับเปลี่ยนอะไรหรือเปล่า" "เอ่อ แต่ว่า ภาพงานปีที่แล้ว
น่าจะอยู่ห้องเก็บภาพของศูนย์ศิลปะ ถ้าไปเอาตอนนี้ ไม่แน่อาจจะ" "ถ้ายุ่งนัก
ก็ไปขโมยออกมา" คังซกกีกับเทซูพากันตกใจ ฮงกุกยองสั่งต่อ "เข้าใจหรือเปล่า
ต่อให้แอบเข้าไปในศูนย์ศิลปะก็ต้องเอาออกมาให้ได้"
เทซูตามซองซงยอนมาปรึกษาเรื่องภาพปีที่แล้ว ซองซงยอนบอกฮงกุกยองว่า "ใต้เท้าคะ
การเอาภาพเขียนออกจากศูนย์เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ยิ่งการบุกรุก
ถือว่าผิดกฎหมายนะคะ"


"เรื่องพวกนี้ข้าก็รู้ แต่ว่า นี่เป็นเรื่องเกี่ยวถึงความปลอดภัยขององค์ชาย ตอนนี้
มีเจ้าคนเดียวที่จะช่วยได้" "งั้นก็ได้ค่ะใต้เท้า ข้าจะลองหาวิธีดู"
เทซูตามไปช่วยดูต้นทางให้ จนได้ภาพมา "นี่คือภาพงานพิธีของปีที่แล้ว
ส่วนนี่ของปีนี้ เป็นแผนผังการจัดที่นั่ง เห็นความแตกต่างหรือเปล่า" "อ้อ
แถวหน้าสุดไม่เหมือนค่ะ ปีที่แล้วด้านซ้ายของฝ่าบาทคือที่นั่งขององค์ชาย
แต่ปีนี้กลับเป็นพระชายาเฮคยองแทน" "ไม่เพียงแค่นี้
จะมีหน่วยปืนไฟอยู่กับองค์ชายด้วย" "หา ใต้เท้า หน่วยปืนไฟ
จะมีส่วนร่วมในการแสดงด้วยนี่ครับ" "หา เอ่อ" " ปกติที่นั่งของฝ่าบาท
มักจะขนาบด้วยพระมเหสีและรัชทายาท แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเปลี่ยน แต่ว่ามาปีนี้องค์ชาย
ไม่เพียงลงมาประทับแถวล่าง ยังถูกประกบด้วยทหารหน่วยปืนไฟ
แสดงว่ามีคนจงใจสับเปลี่ยน" "เอ่อ ใต้เท้า แล้วเราจะทำไงดี ระยะห่างแค่นี้
ใครมีปืนอยู่ในมือ ก็สามารถปองร้ายองค์ชายได้ทั้งนั้น" " หึ เจ้ารีบกลับไป
บอกเรื่องนี้ให้ใต้เท้าแชรู้ พยายามอย่าให้องค์ชายเข้าร่วมงานนี้เด็ดขาด
และไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็อย่าให้องค์ชายอยู่ในวันงาน เข้าใจหรือเปล่า" "ครับ
ข้าเข้าใจ หึ" นัมซาโชรู้เรื่อจากพวกเทซูก็ตกใจไม่น้อย "เจ้าพูดจริงหรือเปล่า
มีการสับเปลี่ยนที่นั่งจริงหรือ" "จริงครับใต้เท้า" "หึ ใต้เท้า ท่านคิดยังไงครับ
ถ้านี่เป็นเรื่องจริง เท่ากับมีการวางแผนลอบปลงพระชนม์องค์ชาย"
"นิสัยองค์ชายเป็นยังไง ท่านก็รู้ จะไม่ยอมถอยเพราะเรื่องแค่นี้หรอก" แชจีคยอมว่า
"แต่ว่าใต้เท้า ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริง ข้ากลัวว่าจะสายเกินแก้น่ะครับ อย่ารอช้าอีกเลย
รีบไปทูลองค์ชายให้รู้ตัวก่อนเถอะ" "งั้นก็ได้ เอางี้ เจ้ารออยู่นี่ก่อน
เราจะไปเข้าเฝ้า" แชจีคยอมกับนัมซาโชเข้าเฝ้าองค์ชายลีซานยามดึกคืนนี้เลย
"ดึกป่านนี้มีธุระอะไรหรือ" "องค์ชาย มีเรื่องจะมาทูลพ่ะย่ะค่ะ" "เชิญว่ามา"
"งานรื่นเริงปีนี้ องค์ชายอย่าเสด็จไปร่วมด้วยจะดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ"
"ทำไมไม่ให้ข้าไปล่ะ" "เอ่อ ขอทรงอภัย ดูเหมือนว่างานนี้
มีบุคคลบางกลุ่มคิดวางแผนลอบปลงพระชนม์" "แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัด
แต่มีเค้าลางเป็นเช่นนั้น" "เค้าลางยังไง พูดให้ละเอียดหน่อยซิ" " งานในปีนี้
รู้สึกเตรียมการวุ่นวายกว่าปีก่อนๆ ดูจากหลายกระแสที่เข้ามา น่าจะมีการฉวยโอกาส
ลอบปลงพระชนม์ในงานนี้แน่ ที่สำคัญในวันงาน ยังมีคนสับเปลี่ยนที่นั่งขององค์ชาย
จากด้านข้างของฝ่าบาทลงสู่แถวล่าง ซ้ำยังให้หน่วยปืนไฟขนาบข้าง
ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ" "แค่นี้เองหรือ" " องค์ชาย หม่อมฉันรู้สึกว่างานนี้
ทุกขั้นตอนล้วนมีอันตรายต่อพระองค์ทั้งสิ้น ถึงเราจะกวดขันแค่ไหน
ก็ยากจะป้องกันคนที่คิดร้ายได้ ฉะนั้นถ้าจะไปร่วมงาน หม่อมฉันเห็นว่าเสี่ยงเกินไป"
"ข้าหนีไม่ได้หรอก แต่ไหนแต่ไรก็มีอันตรายรอบด้านอยู่แล้ว ถ้าจู่ๆ กลัวตายขึ้นมา
แล้วต่อไปข้าจะทำอะไรได้อีก" "เอ่อ องค์ชาย" " ข้าเป็นรัชทายาทแห่งโชซอน
และงานนี้ก็ไม่ใช่งานธรรมดา จะมีบุคคลสำคัญมาร่วมด้วยมากมาย แล้วข้าจะหลบลี้หนีหน้า
เพียงเพราะกลัวคนปองร้าย มันจะถูกหรือเปล่า" ทั้งสองคนได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักใจมาก
ฮงกุกยองรู้ก็หนักใจ ยังคิดไม่ออกว่าจะหาทางแก้อย่างไร
แชจีคยอมได้แต่สั่งให้ทหารที่ร่วมงงานถวายอารักขาให้ดีที่สุด
ซอจังบูกับคังซกกีอาสารับผิดชอบในงาน และให้เทซูดูแลด้านนอก
ฮงกุกยองพบซองซงยอนอยู่กับลังใส่ดินดำจึงถามคืออะไร "พวกนี้คือ
ลังใส่ดินดำไว้สำหรับจุดน่ะค่ะ" "ดินดำหรือ" " ใช่ค่ะ พอถึงเวลาจุดพลุ
จะนำโดยฝ่าบาท,องค์ชายและเชื้อพระวงศ์อื่นๆ ถือไม้ที่จุดไฟอยู่
จุดตามสายนำไฟเหล่านี้ แล้วไฟจะวิ่งจากจุดนี้ไปยังจุดนี้ และตรงนี้ไปเรื่อยๆ
จนถึงลังที่มีดินดำอยู่ข้างใน แล้วมันจะเชื่อมต่อกับสารในนั้น
จนกลายเป็นดอกไม้ไฟที่สวยงามน่ะค่ะ" "ถ้าอย่างงั้น ลังที่จะใส่สารพวกนี้
เขาวางไว้ไหน" "ก็อยู่เบื้องหน้าที่ประทับของฝ่าบาทและพระมเหสีน่ะค่ะ" "อ้อ
รู้สึกวางใกล้เกินไปจนน่ากลัวหรือเปล่า" "ค่ะ แต่เห็นว่าไม่มีอันตราย
ไม่น่าเป็นห่วงน่ะค่ะ" ฮงกุก ยองมองตามไปก็พอเข้าใจ "เข้าใจแล้ว
ทำไมต้องสับเปลี่ยนที่นั่งขององค์ชาย นี่ไม่ใช่พลุ จะมีคนวางระเบิดต่างหาก หึ
ที่ชมงานมีแบ่งระดับบนและล่าง ย้ายที่นั่งขององค์ชาย จากด้านข้างของฝ่าบาท
ลงมาอยู่ข้างล่างแทน ส่วนด้านข้างขององค์ชาย ก็เป็นพระชายาเฮคยอง และพระชายาโยอึย
เอ่อ หึ" องค์ชายลีซานถามว่าทำไมต้องสับเปลี่ยนที่นั่งของเขา เจ้ากรมพิธีการอึกอัก
คิมคีจูจึงทูลว่า "อ้อ นั่นเป็นเพราะ ถึงช่วงสุดท้ายของงาน
ต้องให้องค์ชายเสด็จไปจุดพลุ จึงมีการสับเปลี่ยนที่นั่ง" "งั้นหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ"
"งั้นก็แล้วไป" ปาร์คยองมุนพาช่างเขียนและคนงานเข้ามาเตรียมงานในวังหลวง
ขณะที่พระพันปีเฮคยองจะเสด็จ ได้พบกับคิมคีจู ทำให้พระองค์รู้สึกไม่สบายพระทัยมาก
แม้แต่พระชายาโยอึยก็ทรงสังเกตเห็น ฮงกุกยองจะเข้าไปทูลองค์ชาย
แต่ทหารไม่ยอมให้เข้าเพราะไม่มีป้ายผ่าน เขาไปขอให้ดัลโฮช่วย
ดัลโฮแนะนำให้ไปหาลีชอง จนได้ป้ายผ่าน ใน งานเลี้ยง
กองทัพจัดการแสดงรำทวนและการใช้ระเบิด องค์ชายลีซาน แชจีคยอง นัมซาโช
และพวกชมการแสดงอย่างอกสั่นขวัญแขวน เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ทำให้องค์ชายลีซานและพวกเบาใจลง "เฮ่อ โล่งอกไปที
ในที่สุดก็แสดงจบ" "ปลอดภัยแล้วมังครับ เรื่องนี้ อาจเป็นการทำนายส่งเดชก็ได้"
นัมซาโชกล่าวกับแชจีคยอม "นั่นสิ ถือว่าโชคดีจริงๆ" "จากนี้จนถึงกลางคืน
จะมีการแสดงชุดอื่นแล้วงานก็จะจบ" "ถ้างานไม่เลิก เราก็ไม่ควรประมาท" "ครับ"
"โชคดีนัก ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ" แชจีคยอมกล่าวกับองค์ชายลีซาน
"ใครก็ตามที่มีหัวคิดหน่อย คงไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามในงานแบบนี้หรอก" "แต่ว่าองค์ชาย
เมื่องานยังไม่ยุติ เราก็ไม่ควรชะล่าใจนะพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่ต้องห่วงนักหรอก"
ฮงกุกยองพบเทซูเขาบอกว่า "เร็วเข้า ไปทูลองค์ชายว่ามีอันตราย" "ใต้เท้า
ไม่มีอะไรหรอกครับ เมื่อกี้การแสดงปืนไฟเพิ่งจบไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักอย่าง" "หึ
ยังไม่จบ แผนชั่วเพิ่งจะเริ่มขึ้น" "อะไรนะ" "พวกมันไม่ได้คิดจะยิงองค์ชาย
แต่จะใช้ระเบิด ระเบิดแทนการจุดพลุ จะปองร้ายองค์ชายได้มากกว่า" "อะไรนะ ท่านบอกว่า
ระเบิดหรือ" ที่ประทับ องค์หญิงวาวานทูลพระเจ้ายองโจว่า "เสด็จพ่อ
อีกไม่นานจะมีการจุดพลุอันสวยงาม หึ การแสดงในปีนี้ ดูยิ่งใหญ่กว่าทุกปี
และคึกคักมากกว่านะเพคะ" "นั่นสิ แต่ละคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุขทั่วหน้า
เห็นพวกเขาแล้ว ข้าก็พลอยดีใจไปด้วย เฮ่อๆๆ" "เป็นเพราะพระบารมีของฝ่าบาทเพคะ"
พระมเหสีจองซุนทูล "แต่งานนี้ไม่ได้จัดเพื่อความรื่นเริงอย่างเดียว
ยังเป็นการสะเดาะเคราะห์ และนำความโชคดีมาสู่บ้านเมืองของเรา จงอย่าลืมซะล่ะ"
"ทราบแล้วเพคะ" ฮงกุก ยองรู้เช่นนั้น ก็รีบทำหนังสือถึงหัวหน้าองครักษ์
แต่กลับพบว่าคิมคีจูอยู่ที่นั่น ฮงกุกยองกับเทซูจึงต้องตัดสินใจทำบางอย่าง
แล้วทันใดนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น ทำให้องค์หญิงวาวานกับองค์ชายอึนยอนได้รับบาดเจ็บ
"อาการขององค์หญิงกับองค์ชายอึนยอนเป็นไงบ้าง" พระเจ้ายองโจตรัสถาม " ทูลฝ่าบาท
องค์ชายอึนยอนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่องค์หญิงน่าเป็นห่วงกว่า แต่ก็โชคดี
ถือว่าพ้นขีดอันตรายอย่างหวุดหวิด หมอหลวงกำลังเร่งรักษาอย่างเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ"
"รู้สึกตัวทั้งคู่ใช่ไหม" "พ่ะย่ะค่ะ แต่เห็นบอกว่า หลังจากเสวยยาแล้ว
ทั้งสองพระองค์ก็บรรทมไปอีกพ่ะย่ะค่ะ" "อึม ถ้าองค์หญิงตื่นเมื่อไหร่
รีบมาบอกข้าทันที ข้าจะไปเยี่ยมด้วยตัวเอง" "พ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กรับคำ
ทางด้านเทซูก็ทูลองค์ชายลีซานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นัมซาโชฟังแล้วตกใจ "หา
เจ้าเอาอะไรมาพูด บอกว่าดอกไม้ไฟหน้าพระพักตร์องค์ชายมีระเบิดหรือ
ที่เรากลัวคือหน่วยปืนไฟต่างหาก" "เล่ารายละเอียดให้ข้าฟังซิ" องค์ชายลีซานตรัส "
เอ่อ ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่ก่อนจะเริ่มงานนี้ ก็มีการวางแผนอยู่แล้ว
โดยเฉพาะที่นั่งขององค์ชาย ที่ถูกสับเปลี่ยน ให้ห่างจากฝ่าบาท
ก็เพื่อให้มีการระเบิดเฉพาะองค์ชายน่ะพ่ะย่ะค่ะ" "แสดงว่า ที่มีคนยิงปืนเข้ามา
ก็หวังจะฆ่าข้างั้นหรือ" "เอ่อ คือ นั่น ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ คนที่ยิงปืนใส่องค์ชายนั้น
คือ หม่อมฉันเอง พ่ะย่ะค่ะ ฮือ" แชจีคยอมดุทันที "ปาร์คเทซู
เจ้ากล้ายิงปืนใส่องค์ชาย นี่มันหมายความว่าไงน่ะ" " เพราะ
เหตุการณ์มันบังคับน่ะครับ ข้า ไม่มีทางเลือกเลยต้องทำแบบนี้
เพื่อเตือนให้องค์ชายออกจากที่นั่น และทหารจะได้ตรงเข้าคุ้มครองทันที คือ
หม่อมฉันไม่รู้จะทำไง ขอทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฮือ" "ไม่ต้องอภัยหรอก
เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด หากไม่ตัดสินใจแบบนี้
ระเบิดก็จะเกิดต่อหน้าข้าตามที่วางแผนไว้" " นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ ถ้าไม่ได้เทซู
องค์ชายต้องประสบภัยใหญ่หลวงแน่ แต่แรกมาเขาก็พยายามจะทูลเตือน จนสุดท้าย
ยังคุ้มครองให้องค์ชายปลอดภัยอีก หม่อมฉันเห็นว่า นี่เป็นผลงานของเขา เฮ่อๆๆ"
แชจีคยอมทูลว่า "ความชอบของเขา หม่อมฉันจะปูนบำเหน็จให้เองพ่ะย่ะค่ะ" "เอ่อ คือ"
เทซูอึกอัก "ขอบใจมากนะเทซู ไม่น่าเชื่อว่าเจ้า จะช่วยชีวิตข้าไว้อีก"
องค์ชายลีซานทรงชื่นชม " เอ่อ ไม่ใช่หรอกพ่ะย่ะค่ะ จริงๆ แล้ว เรื่องนี้
ไม่ใช่ผลงานหม่อมฉันคนเดียว เอ่อ คือ เบื้องหลังหม่อมฉัน ยังมีคนที่คอยชี้แนะ
ก็คือใต้เท้าฮงกุกยองพ่ะย่ะค่ะ" "อะไรนะ เขาน่ะหรือ" " พ่ะย่ะค่ะ คือ เขาเป็นคนแรก
ที่รู้สึกว่างานนี้ มีเงื่อนงำแอบแฝง ให้หม่อมฉันและทหารคนอื่น
ถวายอารักขาเต็มที่หรือก็แปลว่า เขาก็ช่วยองค์ชายไว้เหมือนกัน หม่อมฉัน
แค่ทำตามคำสั่งเขาเท่านั้น" "หา แล้วทำไมเพิ่งมาบอกข้า ไม่ยอมพูดแต่แรกล่ะ" " เอ่อ
เพราะว่า ใต้เท้าฮงบอกว่า ไม่รู้องค์ชายจะทรงคิดยังไง เลย ให้หม่อมฉันทำงานเงียบๆ
ดีกว่า หึ อีกอย่าง เขาเคยทำผิดต่อองค์ชายไว้
รู้สึกไม่กล้ากลับมาสู้พระพักตร์อีกน่ะพ่ะย่ะค่ะ" "เฮ่ย มหาดเล็กนัม"
"พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย" "ไปตามฮงกุกยองมาพบข้า" "เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ หึ" ในที่ประชุมขุนนาง
พระเจ้ายองโจทรงรับสั่งว่า " อยู่ในวังแท้ๆ กลับมีคนกล้ายิงองค์ชาย
แถมยังดอกไม้ไฟระเบิดอีก และเพราะเหตุนี้
ทำให้องค์หญิงและองค์ชายอึนยอนบาดเจ็บทั้งคู่ มันเกิดขึ้นได้ยังไง
เพราะอะไรถึงมีเหตุการณ์น่ากลัวแบบนี้เกิดขึ้นได้" "ฝ่าบาท พระอาญาไม่พ้นเกล้า
พวกเราสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ" แชซกจูนำเหล่าขุนนางกล่าวตาม "พวกเราสมควรตายๆ" " ได้
ข้าจะขอประกาศ ถ้าไม่ใช่เหตุสุดวิสัยจริง
แต่มีคนคิดวางแผนปองร้ายเชื้อพระวงศ์ในวังละก้อ ไม่ว่ามันเป็นใคร ข้าจะไม่ละเว้น
ต้องจับมาลงโทษให้หนัก หัวหน้าองครักษ์จงฟัง" "พ่ะย่ะค่ะ" "
ไม่เพียงคุมตัวเจ้ากรมพิธีการมาไต่สวนถึงความบกพร่อง
ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานนี้ ให้มาสอบปากคำ
เพื่อเค้นหาความจริงว่าเป็นมายังไง เรื่องนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้ผ่านเลยง่ายๆ
คนที่กล้าท้าทายอำนาจของข้า เห็นราชสำนักเป็นของเล่น
ทำผิดกฎร้ายแรงเทียบเท่าก่อกบฎแบบนี้ จะต้องรับโทษให้สาสม เข้าใจหรือเปล่า"
"พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะรีบดำเนินการ จับตัวผู้ก่อการร้ายมาลงโทษ"
พระมเหสีจองซุนทรงออกปากไล่คิมคีจู แม้คิมคีจูจะบอกว่าที่ทำไปเพราะความภักดี " ฮือ
พระมเหสี จะให้หม่อมฉัน ตายต่อหน้าพระพักตร์ หม่อมฉันก็จะไม่ร้องขอใดๆ ฮือ
แต่สิ่งที่ทำ ล้วนเป็นเพราะความภักดี ขอได้โปรด
อภัยให้หม่อมฉันซักครั้งเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ออกไปซะ ข้าไม่อยากฟังอีก" "พระมเหสี" "
บอกแล้วว่าให้ยุติแผนนี้ซะ เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา เราจะหายนะกันหมด ถึงบอกให้หยุดซะ
แต่แล้วทำไมเรื่องยังกลายเป็นแบบนี้อีก
แถมยังทำให้องค์หญิงวาวานกับองค์ชายอึนยอนบาดเจ็บ แล้วข้าจะแก้ปัญหายังไงดี" "ฮือ
หม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ สิ่งที่หม่อมฉันทำก็เพื่อพระมเหสีทั้งนั้น" "
ท่านบอกว่า ทำเพื่อข้างั้นหรือ
บอกแล้วว่าองค์ชายลีซานรู้เรื่องนี้และกำลังตามท่านอยู่ คราวนี้ถ้าจะสืบหาต้นตอ
รู้มั้ยใครจะโดนเป็นคนแรก ก็คือท่านนี่แหละ หลังจากนั้น
ท่านเคยคิดมั้ยว่ามันจะเกี่ยวโยงมาถึงข้าด้วย ทำไมถึงได้โง่และวู่วามขนาดนี้
ที่ข้าเรียกท่านกลับมาเพื่อหาเรื่องใส่ตัวให้เดือดร้อนหรือไง" "พระมเหสี
เจ้ากรมแชและใต้เท้าชองมาขอเฝ้าเพคะ" "ตอนนี้องค์หญิงเป็นไงบ้าง"
"พ้นขีดอันตรายแล้วพ่ะย่ะค่ะ" "หึ ข้าน่ะ รู้สึกละอายต่อนางนัก
จนไม่รู้จะพูดยังไงดี" "โปรดอย่ารับสั่งอย่างงั้น" "หึ รู้มั้ยว่า
ฝ่าบาทจะทรงจัดการกับเรื่องนี้ยังไง" "คงไม่ยอมให้จบง่ายๆ พ่ะย่ะค่ะ
ทรงมีรับสั่งว่า ให้ลงอาญาเทียบเท่าก่อกบฏ" คิมคีจูได้ยินก็ยิ่งร้องไห้หนัก
ชองโฮคยอมทูลต่อว่า "ถ้าเริ่มไต่สวนเมื่อไหร่ ช้าเร็วต้องสาวถึงผู้บงการแน่
และองค์ชายก็สงสัยใต้เท้าคิมมาแต่แรกแล้ว" คิมคีจูอึ้ง "หา ฮือ หึ" "ยังดีที่ว่า
หัวหน้าองครักษ์ที่รับผิดชอบคดีนี้เป็นคนของเรา คิดว่าอาจมีหนทาง
ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้พ่ะย่ะค่ะ" "แต่ว่า
เรื่องนี้เกิดต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทโดยตรง ถ้าเราแก้ปัญหาไม่รอบคอบ
จะกลายเป็นห่วงมารัดคอเราทีหลัง" "ถ้าอย่างงั้น เจ้าคิดว่าควรทำไงดี"
"ปล่อยเป็นหน้าที่หม่อมฉันเถอะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะหาวิธี
เอาตัวรอดจากเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด" แชซกจูกับชองโฮคยอมออกมา
แชซกจูขอตัวไปคุยกับเจ้ากรมกลาโหม คิมคีจูตามมาขวางชองโฮคยอมและบอกว่า
"ปัญหาเกิดจากข้าๆ จะสะสางเอง ไม่รบกวนเจ้าหรอก" "ป่านนี้ท่านยังไม่ตาสว่างอีกหรือ"
"หือ อะไรนะ" "สิ่งที่ท่านทำ ยิ่งกว่าเด็กสามขวบจะคิดได้ซะอีก
ท่านไม่เคยรู้ตัวบ้างหรือไง" "หา ว่าไงนะใต้เท้าชอง" "นับแต่นี้ข้าจะแก้ปัญหาแทนให้
ท่านมีหน้าที่แค่ตอบคำถามก็พอ เข้าใจหรือเปล่า" คิมคีจูโกรธ "ฮึ่ม" "
ข้าอยากรู้รายละเอียดของเรื่อง มีใครรู้เห็นด้วย และมีใครเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน
ท่านต้องพูดให้ข้าฟังโดยไม่มีปิดบัง และนับแต่นี้
ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องเป็นไปตามคำสั่งข้า ถ้าไม่อยากตายก็อย่าแผลงฤทธิ์มากนัก
เข้าใจหรือเปล่า"000000000000000000
ชองโฮคยอมสั่งให้คนไปจัดการเก็บเจ้าหน้าที่สรรพวุธที่เคยจับตัวมาได้
และให้สืบว่าใครเป็นคนยิงปืนใส่องค์ชายลีซาน
ทางด้านพระพันปีเฮคยองทรงรับสั่งถามซังกุงว่ามีอะไรคืบหน้าบ้าง "มีเพคะ
ทั้งองค์หญิงและองค์ชายอึนยอนทรงรู้สึกพระองค์แล้ว
หมอหลวงกำลังดูแลอย่างใกล้ชิดเพคะ" พระชายาโยอึยทูลว่า "เสด็จแม่ โล่งอกไปทีนะเพคะ"
"ใช่ ข้ายังห่วงว่าพวกเขาจะสาหัสซะอีก" "เพคะ
เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงยังสามารถแคล้วคลาด ช่างเป็นบุญขององค์หญิงและองค์ชายนัก"
"เอ่อ แต่ว่าพระชายา มีหลายคนพูดกันว่าเรื่องที่เกิดไม่ใช่อุบัติเหตุนะเพคะ"
คิมซังกุงว่า "อะไรนะ ไม่ใช่อุบัติเหตุหรือ ถ้าอย่างงั้น
มีคนจงใจทำให้เกิดระเบิดหรือไง" พระพันปีเฮคยองรับสั่งว่า "ใช่แล้วล่ะพินกุง
พอมีเสียงปืนแล้วจึงตามด้วยระเบิด มันไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาที่จะเกิดได้"
"เสด็จแม่" " ไม่แน่ว่าเรื่องนี้
อาจเป็นการพลิกวิกฤติเป็นโอกาสสำหรับลูกซานก็เป็นได้
เพราะว่าฝ่าบาทมีรับสั่งให้สืบหาตัวการที่ก่อเรื่อง จะได้รู้เห็นกันไปเลย
เพราะเรื่องเกิดในวัง ฝ่าบาทคงไม่มีทางนิ่งเฉยอยู่แล้ว จะยังไงก็ดี
ต้องมีรับสั่งให้สืบหาตัวการที่คิดปองร้ายลูกซานมาลงโทษให้ได้"
ฮงกุกยองมาเข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน "เชิญนั่ง ดูเหมือนซูบไปเยอะ
หลายเดือนนี้คงจะลำบากสินะ" "มิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน กลับรู้สึกสุขสบายมากกว่า" "
ได้ยินว่าท่านมีส่วนช่วยในเหตุการณ์ปองร้าย ที่เกิดกับข้าคราวนี้ ทำไมยังมาช่วยอีก
เมื่อข้าไล่ท่านออกไปแล้ว ถ้าตอนนี้เป็นข้า คงโกรธจนไม่อยากมาดูดำดูดีอีก"
"องค์ชาย" "ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้ท่าน ข้าคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้" "
ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ถ้าหม่อมฉันรู้ตื้นลึกหนาบางเร็วกว่านี้
เรื่องคงไม่ร้ายแรงอย่างที่เห็น หม่อมฉัน ไม่อาจป้องกันไว้ก่อน
ทำให้องค์ชายต้องอยู่ในห้วงอันตราย เป็นความผิดของหม่อมฉันมากกว่า" "ความผิดอะไรกัน
อย่าพูดอย่างงั้น ข้ารู้สึกละอายต่อท่านนัก" "องค์ชาย" " เห็นเทซูบอกว่า
เหตุการณ์จราจลคราวที่แล้ว เป็นการเข้าใจผิดของทุกคน ท่านบอกให้เจ้าเมือง
ใช้วิธีสันติสลายการชุมนุมใช่ไหม แล้วทำไมไม่บอกข้าแต่แรก
ทำไมต้องปล่อยให้เลยตามเลย ให้ข้าเป็นนายที่ไม่เคยเข้าใจลูกน้องเลย" "องค์ชาย
หม่อมฉันโง่เขลาเบาปัญญา โปรดอย่ารับสั่งอย่างงั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ หึ
เพราะหม่อมฉันบกพร่องต่อหน้าที่ ไม่ได้ถวายการรับใช้ให้ดี" "ยังจะพูดอีก" "
แต่ว่าองค์ชาย หม่อมฉัน จะไม่ทำอะไรเจ้ากี้เจ้าการอีก หม่อมฉันให้สัญญา นับแต่นี้
หม่อมฉันจะเป็นผู้ช่วยที่ดี ให้องค์ชายได้ทำตามอุดมการณ์
หม่อมฉันขอถวายชีวิตเพื่อองค์ชายทั้งหมด เพราะฉะนั้น ถ้ายังทรงเชื่อหม่อมฉันอยู่
โปรดฟังคำทูลซักนิด ได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ" "เชิญพูดมาได้" " องค์ชาย
เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิด สมควรให้องค์ชายไต่สวนด้วยพระองค์เอง แม้ว่า
เมื่อก่อนก็เคยเกิดเหตุร้ายหลายครั้ง และไม่สามารถจับมือใครดมได้
แต่ว่าคราวนี้เราต้องเปิดโปงพวกมันให้สำเร็จ นำความไปทูลให้ฝ่าบาททรงทราบ
ส่วนองค์ชายก็ถือโอกาสที่โชคเข้าข้าง ถอนรากถอนโคนอีกฝ่าย ที่คิดปองร้ายซะให้หมด
หมู่นี้เพื่อสืบหาเบื้องหลังการวางระเบิด
หม่อมฉันพอมีวิธีจะเอาผิดกับคิมคีจูและคนที่รู้เห็น ให้พวกมันดิ้นไม่หลุด
ถ้าทรงมอบเรื่องนี้ให้หม่อมฉันจัดการ หม่อมฉันมั่นใจว่าจะสามาถกวาดล้าง
คนที่เป็นหอกข้างแคร่สำหรับองค์ชาย ให้หมดสิ้นได้อย่างแน่นอน"
ขณะที่องค์หญิงวาวานทรงได้สติดีก็โกรธ และต่อว่า " หึ บ้าไปแล้วทั้งนั้น
ถ้ามีสติยั้งคิดหน่อย ใครจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้ หึ คงเป็นการจงใจมากกว่า
คิดกำจัดเสี้ยนหนามอย่างข้าไปด้วย เลยทำให้ระเบิดต่อหน้าข้าอีกคน"
"พระมารดาใจเย็นก่อน เท่าที่หม่อมฉันรู้ คงไม่ใช่หวังผลอย่างที่ทรงคิด
ฉะนั้นโปรดอย่าทรงกริ้วนัก" "หึ ไม่ให้ข้าโกรธหรือ
แล้วเห็นหรือเปล่าว่าข้าอยู่ในสภาพไหน หึ โดยเฉพาะเจ้าคิมคีจูนั่น
ข้าจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวล" "เรื่องกำจัดคิมคีจู ปล่อยไว้วันหลังก็ได้พ่ะย่ะค่ะ
ตอนนี้เรามีงานสำคัญมากกว่านั้นอีก" "มีงานสำคัญกว่านั้นหรือ" "
ทรงฟังหม่อมฉันให้ดีก่อน แม้ว่าพระมารดาจะได้รับบาดเจ็บในคราวนี้
แต่ถือว่าได้อย่างเสียอย่าง เหตุการณ์ที่เกิด จะเป็นโอกาสทองสำหรับพระมารดาเลยล่ะ"
"โอกาสทองหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทต้องพยายามสืบหา ว่าใครเป็นผู้บงการเรื่องนี้
และหม่อมฉันจะให้องค์ชายลีซานเป็นผู้รับเคราะห์" "องค์ชายหรือ? ทำได้ยังไง
เจ้าสามารถทำได้จริงหรือ" " หม่อมฉันเคยพูดเล่นกับพระมารดาซักครั้งหรือเปล่า
หม่อมฉันขอทูลอีกครั้ง นี่เป็นโอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้ว หากทำสำเร็จ
ไม่เพียงได้กำจัดองค์ชายลีซาน แม้แต่อำนาจที่อยู่ในมือพระมเหสี
ก็จะเปลี่ยนมาอยู่กับพระมารดาแทน ดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ แค่นี้จะทำให้หายกริ้วได้หรือยัง"
พระเจ้ายองโจรู้ว่าอาการขององค์หญิงวาวานดีขึ้น จึงเสด็จมาเยี่ยม "อ้อ
ไม่ต้องลุกหรอก นอนลงเถอะ หึ" "เสด็จพ่อ" "เป็นไงบ้าง คงตกใจมากสินะ"
"ไม่เป็นไรหรอกเพคะ หม่อมฉันอกตัญญูนัก ที่ทำให้เสด็จพ่อทรงเป็นห่วง
ขอทรงอภัยด้วยเพคะ" "อย่าพูดอย่างงั้นสิ เป็นความเลินเล่อที่ข้าไม่ทันระวัง
ขอโทษด้วยนะ ข้าอาจมีศัตรูโดยไม่รู้ ทำให้เจ้าพลอยรับเคราะห์"
"ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกเพคะ เสด็จพ่อทรงเข้าพระทัยผิด ฮือ เสด็จพ่อเพคะ ฮือ หม่อมฉัน
มีเรื่องจะทูลขอ ไม่ทราบจะทรงรับปากได้ไหม" "อึม ว่ามาได้ พ่อจะรับปากเจ้าทุกอย่าง"
"หลังจากที่ หม่อมฉันทรงหายดีแล้ว จะขอออกจากวังไปอยู่บ้านเดิม ทรงอนุญาตนะเพคะ"
"อะไรนะ เจ้าจะกลับบ้านหรือ ทำไมล่ะ" " ฮือ ทุกอย่างที่เกิด
เพราะหม่อมฉันมาอยู่ในวังจึงได้วุ่นวาย ฉะนั้นถ้าไม่มีหม่อมฉันซักคน ในวังคงสงบขึ้น
ไม่ต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายอีก" "นี่มันหมายความว่าไง เรื่องที่เกิด
เกี่ยวอะไรกับที่เจ้ามาอยู่ในวัง" องค์หญิงวาวานทำเป็นพูดไม่ออก "ฮือ เฮ่อ"
"ลูกหญิง" " ฮือ ต้นสายปลายเหตุ หม่อมฉันทูลไม่ได้หรอกเพคะ หม่อมฉันคงไม่บังอาจ
ชี้นำความคิดของเสด็จพ่ออยู่แล้ว ฮือ ถือว่าเรื่องที่เกิด
เพราะความไม่ดีของหม่อมฉันคนเดียวก็ได้ ฮือ ถ้ามีคนคิดร้ายจริง
ก็ถือซะว่าเป็นกรรมของหม่อมฉัน ฮือ ฉะนั้น โปรดอย่าถามที่มาที่ไปอีก
เห็นใจหม่อมฉันเถอะเพคะ" "เจ้าจะพูดอะไรกันแน่ บอกมาซิ" "ฮือ เสด็จพ่อ"
"ข้าบอกให้พูด มีใครเกลียดชังเจ้าหรือไง ทำไมถึงได้บอกว่า
เรื่องเกิดเพราะเจ้ามาอยู่ในวังล่ะ" "ฮือๆๆ ฮือ"
องค์หญิงวาวานทรงยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ซองซงยอนรอเทซูเพื่อถามถึงองค์ชายลีซานไม่ไหว
จึงมาหาเขาที่พัก "องค์ชายปลอดภัยดีใช่ไหม" " อึม ที่สำคัญ
ยังมีรับสั่งให้ใต้เท้าฮงเข้าเฝ้า จากนั้นใต้เท้าฮงก็ให้สัญญา
ว่าจะสืบหาคนที่เป็นตัวการเรื่องนี้ สรุปคือจบลงด้วยดี เจ้าก็เหมือนกัน คงตกใจแย่สิ
เห็นเหตุการณ์ระทึกขวัญต่อหน้าเลย" "แต่ยังไง ขอแค่องค์ชายปลอดภัยก็ดีแล้ว"
"แล้วยังไง เมื่อคืนคงเป็นห่วงจนไม่ได้นอนใช่ไหม" ซองซงยอนได้แต่ยิ้ม "แหะ" "เฮ่ย
ขอโทษด้วยนะ ข้าน่าจะส่งข่าวให้รู้ ไม่น่าทำให้เป็นห่วงซะจน" "ไม่เป็นไรหรอก
เรื่องแค่นี้ เจ้าเองก็ตกใจเหมือนกัน นี่ งั้นข้ากลับก่อนนะ
เมื่อกี้ข้าโกหกว่าลืมของในวังเลยแอบมาหาเจ้า" "อะไรนะ หึๆๆ"
ทันใดนั้นก็มีทหารมาจับกุมตัวเทซูไป ซอจังบูขวางไว้ "เดี๋ยวก่อนท่าน อะไรกันน่ะ
ทำไมต้องมาจับคนของเรา ข้อหาอะไรไม่ทราบ" "ยังมาทำไขสืออีก หลีกไปเดี๋ยวนี้"
คังซกกีตอบว่า "ไม่ เราจะไม่หลีก ท่านมาจับคนของเราถึงนี่ ต้องการอะไร
พูดมาให้รู้เรื่องก่อน" "พูดไม่รู้ฟัง เอาตัวไปให้หมดเลย" ทั้งสามถูกจับตัวไป
ซองซงยอนไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้แต่ร้องไห้ องค์ชายลีซานทรงทราบก็รีบตามไปถามนายกอง
"สอบเรื่องอะไร" "องค์ชาย" "พวกเขาทำอะไรผิดถึงต้องมีการสอบปากคำ" "องค์ชาย"
"ได้ยินว่าท่านจับคนของข้ามา จริงหรือเปล่า" "องค์ชาย เอ่อ คือว่า" "ทำไมไม่ตอบล่ะ
ข้าถามว่าจับทหารของข้ามาขังที่นี่ใช่ไหม" "ใช่พ่ะย่ะค่ะ เราจับพวกเขามา"
"รีบปล่อยพวกเขาซะ" "องค์ชาย" "ไม่ได้ยินหรือ ข้าบอกให้ปล่อยลูกน้องข้าเดี๋ยวนี้"จบ
26
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 27 คิมคีจูเข้ามา "องค์ชาย
อภัยที่หม่อมฉันก้าวก่าย เราปล่อยพวกเขาไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" "ปล่อยไม่ได้หรือ" "
พ่ะย่ะค่ะ โดยเฉพาะคนที่ชื่อปาร์คเทซู คือคนที่ยิงปืน ทำให้งานสำคัญเกิดความโกลาหล
ความผิดร้ายแรงขนาดนี้ จะมีรับสั่งให้ปล่อยตัวโดยพละการได้ยังไง"
"ที่เขาจำเป็นต้องยิงปืนเพื่อหวังจะช่วยข้า เพราะมีคนส่งข่าวว่าข้าจะถูกปองร้าย
แบบนี้ก็เป็นความผิดด้วยหรือ" "รับสั่งว่า มีคนปองร้ายองค์ชายหรือพ่ะย่ะค่ะ" "หึ
ท่านไม่เคยได้ยินบ้างหรือ" "หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม สิ่งที่รับสั่ง
มีหลักฐานยืนยันมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" "หลักฐานหรือ" " พ่ะย่ะค่ะ ที่องค์ชายรับสั่ง
ว่าวันงานมีคนคิดลอบปลงพระชนม์นั้น ต่างกับที่หม่อมฉันได้รับข้อมูลมา
เพราะเบื้องหลังองค์ชายยังมีฝ่าบาทประทับอยู่ ถ้าคนที่มีปืนเล็งไปที่ฝ่าบาท
แต่ไม่ใช่องค์ชาย ผลจะเป็นไงบ้าง
และถ้าเป็นการปลงพระชนม์ฝ่าบาทแต่พลาดเป้าล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "หุบปาก
ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพ้อเจ้ออะไรน่ะ" " ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ
แต่ยังไงหม่อมฉันก็ต้องทูลให้จบ หม่อมฉัน มีหน้าที่สืบหาความจริง จึงได้รับพระบัญชา
ให้จับผู้ต้องสงสัยไว้ หากองค์ชายจะช่วยแก้ต่างให้พวกเขาจริง
ก็ต้องหาหลักฐานมายืนยัน และมีพระบัญชาของฝ่าบาท
ไม่งั้นหม่อมฉันคงไม่อาจปล่อยตัวผู้กระทำผิดได้" "
ท่านต้องการหลักฐานและพระบัญชาจากฝ่าบาทใช่ไหม ก็ได้
นี่คือข้ออ้างที่จะขัดขวางข้าได้ดี แต่ไม่ต้องห่วง
ข้าจะหาหลักฐานมามอบให้ท่านให้ได้ แต่ขอให้จำไว้
ก่อนหน้านั้นห้ามทำอะไรคนของข้าเด็ดขาด ถ้าพวกเขาเกิดอะไรขึ้นละก้อ
ข้าจะเอาเรื่องท่านเป็นคนแรก เข้าใจมั้ย" "เอ่อ หึ"
องค์ชายลีซานสั่งให้ปล่อยตัวคังซกกีกับซอจังบู ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
จากนั้นทรงเข้าไปพบเทซู "เทซู" "หา องค์ชาย" "หึ เป็นไงบ้าง
บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" " หึ ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ได้บาดเจ็บ เอ่อ
ว่าแต่องค์ชายทรงปลอดภัยดีนะ หึ ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพราะเรื่องของหม่อมฉัน
ทำให้องค์ชายทรงเดือดร้อนไม่รู้จบ" "เดือดร้อนอะไรกัน ห้ามพูดอย่างงั้น
ข้าจะเดือดร้อนเพราะเจ้าได้ไง" "องค์ชาย" "หึ ทำไมพวกเขาถึงจับเจ้ามาขัง
พอรู้หรือเปล่า" "รู้พ่ะย่ะค่ะ เหตุผลที่จับหม่อมฉัน มีการบอกไว้แล้ว เห็นว่า
บิดเบือนข้อหา ว่าหม่อมฉันคิดลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท" "ใช่
นี่คือแผนชั่วของพวกเขาจริงๆ แต่ว่าข้าจะไม่ให้พวกเขาได้สมหวัง
ไม่ว่ายังไงข้าจะช่วยเจ้าให้ได้ ขอให้วางใจ รู้หรือเปล่า" " เอ่อ เพียงแต่ว่า
ถ้าองค์ชายทรงปกป้องหม่อมฉัน พวกนั้น ก็จะเอาความผิดนี้ป้ายสีให้
แล้วหาว่าองค์ชายทรงเป็นผู้บงการ เพราะฉะนั้น อย่าทรงออกหน้าช่วยหม่อมฉันดีกว่า
หม่อมฉันยังไงก็ได้ ไม่กลัวถูกกล่าวหา แต่ไม่อยากให้องค์ชาย" "เลิกพูดซะที
รู้อยู่ว่าเจ้าถูกใส่ร้าย จะไม่ให้ข้าทำอะไรเลยหรือไง" "เอ่อ องค์ชาย"
"ข้าจะช่วยเจ้าให้ได้ ถึงไม่มีหลักฐาน พูดไปก็ไม่มีใครฟัง
เป็นตายร้ายดีเจ้าก็ต้องปลอดภัย ขอให้อดทนและเชื่อข้า เข้าใจหรือเปล่า" "หึ องค์ชาย
ฮือ" พอ องค์ชายลีซานเสด็จกลับไปแล้ว
คิมคีจูก็สั่งนายกองว่าทำให้เทซูยอมรับความผิดว่าคิดปลงพระชนม์พระเจ้ายองโจ ให้ได้
ไม่งั้นก็ให้เอาชีวิตสะ พระเจ้ายองโจทรงนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และคำพูดขององค์หญิงวาวานด้วยความรู้สึกหนักพระทัย คิมคีจูมาเข้าเฝ้าพระมเหสีจองซุน
ซึ่งทรงคุยอยู่กับชองโฮคยอม "มีธุระอะไรอีก
ข้าบอกแล้วว่าช่วงนี้ไม่จำเป็นอย่ามาพบไงล่ะ" "แต่ว่าพระมเหสี
เราจับคนของหน่วยคุ้มกันพิเศษได้คนหนึ่ง หม่อมฉันเห็นว่าควรมาทูลให้ทรงทราบ"
"แค่จับทหารได้แล้วมีอะไร" " หม่อมฉันให้จับคนที่ยิงปืน
ในงานรื่นเริงมาไต่สวนแล้วพ่ะย่ะค่ะ แล้วหม่อมฉันจะคาดคั้น
ให้เขายอมรับว่าเหตุที่เกิดเป็นการวางแผนขององค์ชาย ฉะนั้นพระมเหสีทรงวางพระทัยได้"
ชองโฮคยอมแทรกขึ้น "ท่านคิดอะไรง่ายไปหรือเปล่า นึกว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆ
อย่างที่คิดหรือ" "ทำไมจะไม่จบ พูดแบบนี้หมายความว่าไง
เจ้าก็ดีแต่วางมาดเหมือนเก่งไปซะทุกอย่าง แต่สุดท้ายไม่เห็นทำอะไรเลย"
"พูดจาให้เบาเสียงหน่อยเถอะ เรื่องมาถึงขั้นนี้เป็นเพราะใคร ยังไม่รู้อีกหรือ"
"เอ่อ หึ" คิมคีจูโกรธลมออกหัว พระมเหสีจองซุนตรัสว่า "เจ้าก็ควรมีมรรยาทเหมือนกัน
ต่อให้ทำผิดร้ายแรงแค่ไหน ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายข้านะ" "ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
"หมดเรื่องแล้วออกไปได้" "พ่ะย่ะค่ะ" ชองโฮคยอมออกไป "ทำเป็นตีหน้าซื่อแต่จริงๆ
ก็เห็นแก่ตัว" "หา พระมเหสี ทรงหมายความว่าไงหรือพ่ะย่ะค่ะ" " ข้าหมายถึงคนๆ
นี้กับองค์หญิงวาวาน ทำไมเขาถึงไม่ยอมออกหน้าจัดการรู้มั้ย เพราะกลัวว่า
หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น จะได้ไม่ต้องติดร่างแหไปกับเราด้วย
เราก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเหมือนกัน จะทำไงก็ช่าง
งานนี้ต้องจัดการให้เรียบร้อย" ซองซงยอนกลับมาบอกให้ดัลโฮทราบเรื่องเท ซู
ดัลโฮได้ยินถึงกับจะเป็นลม
ดัลโฮพยายามขอให้มักซูที่รู้จักทหารเยอะช่วยให้ได้เข้าไปหาเทซู แต่ก็ไม่มีทางเจอกัน
เพราะทหารบอกว่าไม่ทราบว่าเทซูถูกขังไว้ที่ไหน เวลานั้นเทซูก็ถูกนำตัวไปสอบสวน
และยัดข้อหาว่า "เป็นไงบ้าง ถ้ายอมสารภาพความผิดที่ก่อ เจ้าก็จะไม่ต้องเจ็บตัว"
"สารภาพอะไรครับ ข้าไม่ได้ทำผิด จะให้สารภาพเรื่องอะไร" "หุบปาก
เจ้ายิงปืนเพื่อจะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท
ที่สำคัญยังได้รับคำสั่งจากองค์ชายลีซานใช่ไหม" เท ซูได้ยินก็ตกใจ "หา อะไรนะ
พี่ชาย จะกุเรื่องก็ให้มีเหตุผลหน่อยสิ คิดให้ร้ายองค์ชายน่ะหรือ เชอะ
อย่าเสียเวลาดีกว่า นึกว่าทำแบบนี้ ข้าจะยอมเป็นแพะรับบาปให้หรือไง" "บังอาจ ก็ได้
ข้าจะดูซิว่าหลังจากทรมานแล้ว เจ้ายังจะปากแข็งอีกมั้ย ไม่ต้องรอนานนักหรอก
อีกหนึ่งชั่วยามก็รู้ผล จะให้เจ้ามาคุกเข่าขอชีวิตต่อหน้าข้าให้ได้" เทซูถูกลงทัณฑ์
จนนายกองอีกคนหนึ่งเข้ามาห้ามไว้ พอคิมคีจูรู้ก็ดุนายกอง "ขออภัย
ข้าไม่รู้จะปฏิเสธยังไงน่ะครับ" "หุบปาก คนๆ นี้สำคัญแค่ไหน
ทำไมปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ เขาเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยเราได้ เข้าใจหรือ" พระ
ชายาโยอึยจะเสด็จไปเฝ้าองค์ชายลีซาน
แต่ระหว่างทางเห็นซองซงยอนที่มาดักรอเฝ้าองค์ชายลีซาน จึงชวนไปด้วยกัน
สร้างความไม่พอใจให้กับคิมซังกุงอย่างมาก
องค์ชายลีซานเห็นซองซงยอนมาพร้อมกับพระชายาโยอึยก็แปลกพระทัย "ทำไมเจ้าก็มาด้วยล่ะ"
พระชายาโยอึยทรงตอบว่า "เห็นนางมีธุระกับองค์ชาย หม่อมฉันเลยพามาเพคะ" "อ้อ
นั่งลงก่อน มีเรื่องอะไรหรือ" "รีบทูลเร็วเข้า" "เอ่อ องค์ชาย" "ซงยอน
มีเรื่องอะไรแน่ พูดมาเร็วเข้า" "เอ่อ ขอทรงอภัยด้วยเพคะ คือ หม่อมฉันไม่รู้ว่า
เทซูไปอยู่ไหน" " พูดแบบนี้หมายความว่าไง ไม่รู้เทซูไปอยู่ไหน
เขาถูกกรมอาญาจับไปขังยังไม่รู้อีกหรือ อ้อ แต่ก็ไม่ต้องห่วง
ข้ากำลังหาวิธีช่วยเขาอยู่" "หึ องค์ชายเพคะ ตอนนี้เขา ไม่ได้อยู่ที่กรมอาญาแล้ว"
"อะไรนะ" เทซูถูกนำตัวไปเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจ "พวกเจ้าออกไปก่อน" นายกองคำนับ
"พ่ะย่ะค่ะ" "เงยหน้าขึ้นมา" พระเจ้ายองโจรับสั่งกับเทซู "เฮ้ย เอ่อ โอย"
"ลุกขึ้นได้ เจ้ามีชื่อว่าอะไร" "เอ่อ หม่อมฉัน อยู่หน่วยคุ้มกันพิเศษ แซ่ปาร์ค
ชื่อเทซูพ่ะย่ะค่ะ" "เจ้าก็คือปาร์คเทซูหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"
"งั้นเรื่องที่ข้าจะถามต่อไปนี้ เจ้าต้องพูดตามตรงห้ามโกหกล่ะ "เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ
ฝ่าบาท" "มีคนบอกว่าเจ้าเป็นคนยิงปืน ในงานรื่นเริงใช่ไหม" "เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ"
"ทำไมถึงทำอย่างงั้น เป้าหมายคือข้าใช่ไหม" "เอ่อ ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ คือ
หม่อมฉัน หวังจะช่วยชีวิตองค์ชาย จึงได้ยิงปืนพ่ะย่ะค่ะ"
"หวังช่วยองค์ชายถึงได้ยิงปืนหรือ ข้าไม่เข้าใจความหมายที่พูด" " เอ่อ ระหว่างที่
งานกำลังดำเนินอยู่ หม่อมฉัน ได้รับรายงานว่าเมื่อจุดพลุ แล้วอาจมีการวางระเบิด
ปองร้ายองค์ชายก็เป็นได้ ซึ่งหม่อมฉันไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง
แต่ว่าหม่อมฉันเข้าไปในงานไม่ได้ ไม่รู้จะทูลให้ทรงทราบยังไงดี ก็เลย
หวังจะให้องค์ชายทรงหลบก่อน เลยต้อง ยิงปืนน่ะพ่ะย่ะค่ะ"
"แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่ามีคนคิดปองร้ายองค์ชายในงานนี้"
องค์ชายลีซานให้คนสืบจนรู้ว่าเทซูถูกคนของพระเจ้ายองโจพาตัวไปก็แปลกพระทัย
ขณะที่คิมคีจูรีบมาเข้าเฝ้าพระมเหสีจองซุน และทูลว่า "เห็นทีว่า
จะใช้หนุ่มนั่นแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้ว เราจะทำไงดีพ่ะย่ะค่ะ
พระมเหสีถ้าไงไปเฝ้าฝ่าบาทดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ" " ถ้าไปเข้าเฝ้า แล้วจะให้ข้าทูลอะไร
จะมีปัญญาแต่งเรื่องไปหลอกฝ่าบาทอีกหรือ ทำไมชอบทำให้เรื่องบานปลาย
แล้วให้ข้าคอยแก้อยู่เรื่อย แทนที่จะรู้จักคิดก่อนน่ะ" "หม่อมฉันผิดไปแล้ว"
พระมเหสีจองซุนสั่งให้ซังกุงเตรียมตัวไปตำหนักใหญ่ เทซูยังคงทูลพระเจ้ายองโจต่อว่า
"คราวก่อน ที่ฝ่าบาทเสด็จไป สุสานหลวงที่เมืองยางจู ก็เคยเกิดเหตุการณ์
ลอบปลงพระชนม์องค์ชาย มาแล้วครั้งหนึ่ง" "เป็นความจริงหรือนี่" " เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ
ฝ่าบาท หม่อมฉัน จะกล้าทูลความเท็จต่อหน้าพระพักตร์ได้ยังไง เพราะหม่อมฉัน
ได้ประมือกับคนร้าย ระหว่างทางที่กลับมา จนได้รับบาดเจ็บพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นคราวนี้
คนที่สืบจนรู้ว่ามีคนปองร้าย คือเจ้าหรือ" "เอ่อ มิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน
เป็นคนยิงปืนเข้าไปในงานก็จริง แต่คนที่รู้เบื้องหลังก่อน เป็นอีกคนพ่ะย่ะค่ะ"
"เป็นใคร" "เอ่อ คือ คือว่า" "ข้าถามว่าเขาเป็นใคร" "เอ่อ คือ เป็น
อดีตขุนนางตรวจสอบ ชื่อฮงกุกยองพ่ะย่ะค่ะ" "ฮงกุกยองหรือ" "พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
พระมเหสีจองซุนเสด็จมาถึงตำหนักใหญ่
มหาดเล็กก็ทูลว่าองค์ชายลีซานเฝ้าพระเจ้ายองโจอยู่ พระเจ้ายองโจทรงรับสั่งถาม
"เจ้ามาพบข้าทำไม" " พระอาญาไม่พ้นเกล้า หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่ง จะขอรบกวนฝ่าบาท
ได้ยินว่าทหารของหม่อมฉัน ที่ชื่อปาร์คเทซู ถูกคนของฝ่าบาทนำตัวไปจากกรมอาญา
ฝ่าบาทที่เขาบังอาจยิงปืน เพื่อเป็นการเตือนภัยให้หม่อมฉันได้รู้
เขาไม่ได้ทำผิดนะพ่ะย่ะค่ะ" "ถ้าเขายิงปืนเพื่อหวังจะช่วยให้เจ้าปลอดภัยละก้อ
คนที่คิดร้ายต่อเจ้าคือใคร" "เรื่องนี้ หม่อมฉันไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ" "ปาร์คเทซูบอกว่า
คราวก่อนที่ไปสุสานหลวงก็มีคนคิดปองร้ายเจ้า เป็นความจริงหรือเปล่า"
"จริงพ่ะย่ะค่ะ" "เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่เห็นมาบอกข้าเลย" " เพราะตอนนั้น
ฝ่าบาททรงประชวรหนักอยู่ หม่อมฉันจึงไม่อยากให้ทูลให้ทรงหนักพระทัยอีก ฝ่าบาท
ที่จริงเรื่องที่หม่อมฉันถูกปองร้าย เคยเกิดมาหลายครั้งหลายหนแล้ว
ถ้าหม่อมฉันมาทูลให้ทรงทราบ ฝ่าบาทอาจคิดว่าหม่อมฉันเพ้อเจ้อไปเอง ด้วยเหตุนี้
ตราบใดที่ยังจับคนร้ายไม่ได้ แล้วหม่อมฉันเอะอะก็มาทูล
คงไม่มีความน่าเชื่อถือแน่นอน" "ข้าเองก็ไม่เชื่อว่าเรื่องในงานเป็นอุบัติเหตุ
ถ้าเป็นอย่างเจ้าว่า เป็นการกระทำของฝ่ายที่คิดร้ายจริง แล้วใครจะสืบเรื่องนี้ได้"
"มอบให้หม่อมฉันได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะสืบหาความจริงเอง" "
เจ้าไม่เหมาะกับงานนี้หรอก เพราะความเคลื่อนไหวของเจ้าอยู่ในสายตาคนอื่นตลอดเวลา
แล้วยังจะเป็นคนสืบเรื่องนี้ได้ยังไง เฮ่ย ตอนนี้ข้าชักสงสัยทุกคนในวังซะแล้ว หึ
จนไม่รู้จะวางใจใครดี" "ฝ่าบาท หม่อมฉันมีคนที่เหมาะสม" "ใครน่ะ"
"อดีตขุนนางตรวจสอบ ชื่อฮงกุกยองพ่ะย่ะค่ะ เขาน่าจะสืบเรื่องนี้ได้" "คนๆ
นี้เคยใช้อำนาจบาตรใหญ่จนทำให้เกิดจราจลไม่ใช่หรือ แล้วเราจะเชื่อเขาได้ยังไง" "
ฝ่าบาท ตอนนั้นเป็นเพราะเขาหลงกลฝ่ายตรงข้ามพ่ะย่ะค่ะ แม้จะเป็นคนของหม่อมฉันก็จริง
แต่เขามีความยุติธรรมพอ ขอทรงมอบงานนี้ให้เขาด้วย"
องค์ชายลีซานเสด็จออกมาก็ทรงพบกับพระมเหสีจองซุน "องค์ชาย"
"มาเฝ้าฝ่าบาทหรือพ่ะย่ะค่ะ" "ข้ายังคิดอยู่ว่า จะหาเวลาไปเยี่ยมเจ้าซักหน่อย
แต่เมื่อมาเจอที่นี่ก็ดีแล้ว จริงสิ ในวันงานคงไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม" "พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันปลอดภัยดี" " เฮ่อ ขอบคุณสวรรค์จริงๆ
ข้ายังห่วงอยู่ว่าถ้าเจ้าเป็นไรไปมิแย่หรอกหรือ เจ้าเป็นรัชทายาทของเรา
ไม่ว่ายังไงก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีล่ะ" "พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี" "ฝ่าบาท
พระมเหสีมาขอเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" มหาดเล็กทูลรายงาน "เชิญเข้ามา มีธุระอะไร" "
เป็นห่วงฝ่าบาท ว่าจะทรงเครียดกับงานรื่นเริงที่เกิดเหตุร้ายหรือเปล่า
พระพักตร์ไม่สู้แจ่มใสเลย อย่าทรงเครียดเรื่องงานให้มากนะเพคะ" "
เหตุการณ์ระเบิดที่อยู่ในงานรื่นเริง
ข้าพยายามจะคิดว่านั่นคือความผิดพลาดของการเตรียมงาน แต่จริงๆ มันไม่ใช่อย่างงั้น
เบื้องหลังอาจมีแผนบางอย่าง ที่คิดปองร้ายใครบางคน" " เอ่อ คือ แผนอะไรเพคะ
แสดงว่ามีคน แกล้งวางระเบิดในงานสำคัญของเราหรือเพคะ ฝ่าบาท ถ้าทรงคิดอย่างงั้นจริง
ก็ให้องค์ชายรับผิดชอบในการสืบสวนดีมั้ยเพคะ หากเขารับหน้าที่
จะช่วยคลี่คลายข้อสงสัยที่หลายฝ่ายมองมา นอกจากจะช่วยให้พ้นข้อกล่าวหาแล้ว
ยังจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาด้วยเพคะ" "ข้อสงสัยหรือ
เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ" " ขอทรงอภัยด้วยเพคะ เพราะเหตุระเบิดในงาน
ทำให้องค์หญิงวาวานได้รับบาดเจ็บ จึงเกิดเป็นข้อครหาทั้งในวังและนอกวังเพคะ
ก่อนหน้านี้ องค์หญิงเคยถูกขับออกจากวังเพราะต้องสงสัยว่าคิดร้ายต่อองค์ชาย
และหม่อมฉันก็รู้มาว่าคนที่ยิงปืนเข้ามาในงาน เป็นทหารคนหนึ่งของหน่วยคุ้มกันพิเศษ
ด้วยเหตุทั้งหลายเหล่านี้ จึงมีบางคน ตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นฝีมือ
องค์ชายเพื่อต้องการตอบโต้ สิ่งที่องค์หญิงวาวานเคยทำไว้หรือเปล่า เอ่อ
แม้ว่าหม่อมฉัน จะไม่เชื่อข่าวลือพวกนี้นัก
แต่เมื่อองค์ชายถูกถอดจากผู้สำเร็จราชการแล้ว
หม่อมฉันว่าอย่าให้ภาพพจน์ต้องเสียหายอีกเลย เอ่อ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ" "
เจ้าไม่ได้ผิดอะไรหรอก แน่นอนว่าเมื่อคนของเขาเป็นคนยิงปืน แถมโดนใครไม่โดน
กลับไปทำให้องค์หญิงวาวานซึ่งเป็นคู่อริบาดเจ็บเข้า ถ้าให้ใครมอง
ก็ต้องคิดว่าเป็นเจตนาขององค์ชายอยู่แล้ว
ถึงมีการครหาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก"

00000000000000
องค์ชายลีซานได้พบกับเทซูก็ทรงรีบถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า "หึ พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันสบายดีทุกอย่าง" "หึ แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าทูลอะไรกับฝ่าบาท แต่ดูเหมือนว่า
จะทรงเชื่อคำพูดของเจ้ามาก เพราะเจ้าทำให้หลายอย่างดูราบรื่นขึ้น" "เอ่อ หม่อมฉัน
เพียงแต่ทูลในสิ่งที่ตัวเองรู้เท่านั้น"
"เรื่องแบบนี้แค่พูดความจริงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว" "นั่นสิ
น่านับถือคนที่กล้าพูดความจริง และถือว่าเจ้าโชคดี รีบกลับไปพักผ่อนเถอะนะ" " เอ่อ
ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ เรื่องคนปองร้ายยังไม่จบลงง่ายๆ หม่อมฉันจะกลับบ้านได้ยังไง
หม่อมฉันจะอยู่ในวัง เผื่อมีอะไรจะได้เรียกใช้ทันเวลา" "ไม่เป็นไรหรอก
เพราะเรื่องของเจ้า ทำให้ซงยอนกับท่านอาเป็นห่วงแย่แล้ว
รีบไปบอกให้พวกเขารู้ว่าเจ้าปลอดภัยดีกว่า" "เอ่อ พ่ะย่ะคะ" เท ซูกลับไปถึง
ดัลโฮกับซองซงยอนพากันดีใจยกใหญ่
ขณะที่แชจีคยอมก็เรียกตัวฮงกุกยองมาบอกว่าพระเจ้ายองโจต้องการพบตัวให้เขา
เข้าเฝ้าด่วน "หม่อมฉันฮงกุกยอง มาเฝ้าตามพระบัญชาแล้วพ่ะย่ะค่ะ เอ่อ"
"คนที่สั่งให้ใช้กำลังเข้าปราบจราจล นึกว่าจะมีสามเศียรหกกรซะอีก ที่ไหนได้กลับเป็น
บัณฑิตหน้าอ่อนอย่างเจ้าหรอกหรือ" "เอ่อ พระอาญาไม่พ้นเกล้าพ่ะย่ะค่ะ"
"เห็นองค์ชายลีซานบอกว่า
เจ้ากำลังสืบเบื้องหลังเหตุการณ์ปองร้ายในงานรื่นเริงที่ผ่าน
เป็นความจริงหรือเปล่า" "เอ่อ จริงพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันกำลังหาลู่ทาง
จะสาวถึงต้นตอของเหตุร้ายคราวนี้" "เจ้า คิดว่าใครเป็นคนวางแผนปองร้ายองค์ชาย"
"หม่อมฉัน แม้จะมีคนที่สงสัยอยู่ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานยืนยัน
หม่อมฉันคงทูลไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ" "งั้นเอาข้อสงสัยของเจ้าไปบอกกรมอาญา
ให้พวกเขาช่วยสืบอีกแรงไม่ดีหรือ" "ฝ่าบาท อภัยที่ต้องขอทูลว่า หม่อมฉัน
ไม่ไว้ใจกรมอาญาพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่ไว้ใจกรมอาญาหรือ เพราะอะไร" "ตอนนี้
คนที่มีอำนาจในราชสำนักหลายฝ่าย ดูไปเหมือนจะเป็นศัตรูขององค์ชายทั้งสิ้น" "บังอาจ
เจ้ารู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมาน่ะ" "เอ่อ หม่อมฉันสมควรตาย
หม่อมฉันเป็นคนปากพล่อยพ่ะย่ะค่ะ ถ้าล่วงเกินไปขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย" " เอาเถอะ
ลุกขึ้นก่อน นับแต่วันนี้ข้าจะมอบหน้าที่ ให้เจ้าเป็นหน่วยสืบสวนพิเศษ
มีสิทธิ์ทำงานได้ทุกอย่าง และสิ่งที่เจ้าทำจะถือว่าอยู่ภายใต้ความเห็นชอบของข้า
ไปพิสูจน์เรื่องที่เจ้าอยากรู้ ไปหาความจริงมา แต่ว่า เจ้าก็ต้องจำไว้
หากไม่สามารถพิสูจน์ข้อสงสัยให้เป็นจริงได้ ไม่เพียงแต่เจ้า
แม้แต่องค์ชายลีซานที่สนับสนุนให้เจ้ารับงานนี้ ก็อาจมีความผิดตามไปด้วย
เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดหรือเปล่า" "เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเข้าใจ"
ฮงกุกยองกลับมาองค์ชายลีซานถามว่าพระเจ้ายองโจมีรับสั่งอะไรบ้าง
"ให้หม่อมฉันไต่สวนคดีนี้ สืบหาความจริงให้ปรากฎพ่ะย่ะค่ะ" "อึม งั้นก็ดีแล้ว
ข้าเชื่อว่าท่านคงทำได้ดี ไม่รู้จะพอช่วยได้หรือเปล่า แต่ข้าก็มีบางอย่างจะแนะนำ"
"เชิญรับสั่งมาได้พ่ะย่ะค่ะ" " ข้อหนึ่ง อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อนัก การที่ฝ่าบาท
ทรงมอบงานนี้ให้ท่าน เหตุผลเพราะอะไร ต้องลองคิดให้ดี
ถ้าทำงานโฉ่งฉ่างให้ฝ่ายตรงข้ามไหวตัวทัน ท่านจะไม่ได้ข้อมูลอะไรอีกเลย
เข้าใจที่พูดหรือเปล่า" "พ่ะย่ะค่ะ" " ข้อสอง ถ้าจะสืบต้นตอของเหตุระเบิด
ข้าอยากรู้เรื่องตัวการมากกว่า ที่จริงคนที่สั่งการเรื่องนี้
เราต่างก็พอรู้ว่าเป็นใคร การจะจับเขามาลงโทษไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำคัญคือ
ข้าอยากรู้คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง" "เรื่องนี้ หม่อมฉันก็คิดเช่นเดียวกับองค์ชาย
ไม่ว่ายังไง คราวนี้จะสาวถึงผู้บงการให้ได้" ฮงกุกยองเรียกเทซู
คังซกกีและซอจังบูมาพบที่หอนางโลม "เอ่อ เดี๋ยวก่อนใต้เท้า นึกยังไง
ถึงชวนเรามาเจอที่นี่น่ะครับ" ซอจังบูถาม "วันก่อนพวกเจ้าเลี้ยงข้าไม่ใช่หรือ
ข้าจะตอบแทนบ้างไง" "อ๋อ เฮ่อๆๆ" "เทถังอึได้เงินมากหรือครับ
ทำไมมีปัญญาเลี้ยงเราได้ล่ะ" เทซูว่า "หึ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เบเฮียง"
"ว่าไงคะใต้เท้า" "นั่งเฉยอยู่ได้ ไม่เห็นหรือว่าเราขาดอะไรน่ะ เฮ่อๆๆ" "อ๋อ
ทราบแล้วค่ะ เด็กๆ เข้ามาเร็ว มาปรนนิบัติใต้เท้าทั้งหลายเร็ว" "โห เยี่ยมจริงๆ
มีสาวๆ บริการอีก" ซอจังบูชอบ มีเพียงเทซูที่ไม่ให้ใครยุ่งกับตัวเขา
จนฮงกุกยองถามว่า "เทซู ทำไมไม่กล้ามองล่ะ เพิ่งรู้ว่าเทซูของเรา
กลัวผู้หญิงขนาดนี้นะนี่ ฮ่าๆๆ" "เฮ่ย ใต้เท้า ทีนี้จะพูดได้หรือยัง"
"พูดเรื่องอะไร" "ก็ กลางวันแสกๆ พาเรามาที่นี่ต้องการอะไรกันแน่" " หึๆ เจ้านี่นะ
มา ข้าจะรินเหล้าให้ก่อน ฮึ่ม มา ดื่ม ฮ่า เอาล่ะ ตอนนี้
ข้าจะพูดจุดประสงค์ที่พาพวกเจ้ามาเลี้ยง ข้าจะใช้กาขวดนี้ ขอซื้อชีวิตพวกเจ้าทุกคน"
"อะไรนะ หึ พูดเป็นเล่น ท่านเห็นชีวิตเรา มีค่าเท่ากับเหล้าแค่นี้เองหรือ" "หึ
ใจจริงก็อยากให้มากกว่านี้ แต่สภาพข้าตอนนี้
มีปัญญาเลี้ยงเหล้ามื้อเดียวก็ถือว่าบุญแล้ว" "แล้วท่านจะเอาชีวิตพวกเรา
ไปทำอะไรบ้าง" "ทำงานใหญ่เรื่องหนึ่ง ที่อาจต้องเอาชีวิตเข้าแลก" "หมายความว่า
ระหว่างที่ทำงานนี้ อาจมีอันตรายถึงชีวิตหรือครับ" " อึม ใช่ อาจจะตายด้วยซ้ำ
ที่สำคัญ ต่อให้ตายจริงก็ไม่มีใครชื่นชมยกย่อง เพราะมันจะเป็นความลับ พวกเจ้า
ยังจำก่อนจะถึงวันงาน มีทหารคนหนึ่งที่คิมคีจูไปพบที่บ้านได้ไหม" "จำได้"
"ต้องหาเขาให้พบ ถึงยืนยันได้ว่าตัวต้นเหตุก็คือคิมคีจู" เวลา
นั้นโอจองโฮกลับมารายงานชองโฮคยอมว่ายังหาเจ้าหน้าที่ผลิตระเบิดไม่พบ
ชองโฮคยอมวิตกกังวลมาก เกรงว่าคนขององค์ชายลีซานจะพบเสียก่อน
จึงสั่งให้โอจองโฮเร่งกำจัดให้ได้ แต่แล้วโอจองโฮก็กลับมารายงานใหม่
"ถ้าเจอคนขององค์ชายที่ท่าเรือละก้อ
แสดงว่าเจ้าหน้าที่ผลิตระเบิดคนนั้นอาจถูกจับแล้วก็ได้" "ขอโทษด้วยครับ
ถ้าไงข้าจะไปสืบว่าเขาอยู่ไหน แล้วส่งคนจัดการ" "ไม่ต้อง อย่าเสียเวลาเปล่า
เรื่องนี้ให้มันจบแค่นี้ดีกว่า" "อะไรนะครับ" "ถึงเจ้าไปควานหาอีก
นึกหรือว่าจะเจอคนที่ถูกคุมขังง่ายๆ น่ะ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เรายอมถอยฉากดีกว่า"
ชองโฮคยอมเข้าไปทูลองค์หญิงวาวานว่าให้ถอนตัว "เจ้าบอกว่าไงนะ
ให้เราถอนตัวจากเรื่องนี้หรือ" " คนที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการวางระเบิด
เหมือนจะถูกคนขององค์ชายจับตัวได้ ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกว่านี้
หม่อมฉันว่าเราอย่าไปยุ่งด้วยดีกว่า" "หึ
เจ้าบอกว่านั่นคือพยานที่รู้เกี่ยวกับการวางระเบิด แล้วเขาเป็นใคร"
"คนที่รับดินระเบิด ผ่านมือคิมคีจูโดยตรงพ่ะย่ะค่ะ" "หา อะไรนะ"
"แต่พระมารดาก็ไม่ต้องห่วงมาก เพราะไม่ว่ายังไง
เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวโยงมาถึงเราสองคน" "หึ เจ้ามั่นใจอย่างงั้นหรือ" "
มั่นใจพ่ะย่ะค่ะ เพราะกลัวเรื่องจะมีปัญหา หม่อมฉันเลยไม่ยอมออกหน้าสะสาง
รับรองว่าคิมคีจู จะเป็นคนแรกที่ถูกสอบในเรื่องนี้ หลังจากนั้นพระมเหสี
ก็จะติดร่างแหไปด้วย" "ถ้าอย่างงั้น
เราจะปล่อยให้พระมเหสีถูกเปิดโปงโดยไม่ทำอะไรเลยหรือ" " ถึงขั้นนี้แล้ว
เราก็จนปัญญาจะช่วยพระมเหสีได้ น้ำเชี่ยวเอาเรือขวางก็เปล่าประโยชน์ สู้เทียบท่าไว้
รอดูทิศทางลม เผื่อทุกอย่างสงบลง ท้องทะเลทั้งหมดจะเป็นของเราบ้าง ถึงไม่มีพระมเหสี
พระมารดาก็ทำงานได้เหมือนกัน"
องค์หญิงวาวานฟังแล้วเริ่มคล้อยตาม0000000000000000000000
ฮงกุกยองมาขอเฝ้าพระพันปีเฮคยอง พอดีฮงพงฮันอยู่ด้วย
พระพันปีเฮคยองจึงบอกท่านพ่อว่า "ท่านพ่อ เชิญออกไปซักครู่ได้ไหมคะ" " ได้พ่ะย่ะค่ะ
อ้อ ได้ยินว่า เจ้ากำลังช่วยองค์ชายไต่สวนเรื่องถูกปองร้าย ต้องทำงานให้รอบคอบ
อย่าให้ผิดพลาดจนทำให้องค์ชายทรงเดือดร้อนเหมือนคราวที่แล้วอีกล่ะ" ฮงกุกยองรับคำ
"ครับ หม่อมฉัน มีเรื่องมาขอความช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ" "เชิญว่ามาได้" "หม่อมฉัน
สืบจนรู้แล้วว่า ใครเป็นคนวางแผนปองร้ายองค์ชายในงานรื่นเริงที่ผ่าน" "หา
เป็นความจริงหรือนี่" "พ่ะย่ะค่ะ และยังได้หลักฐานมาด้วย" "ถ้าอย่างงั้น
ทำไมไม่รีบไปทูลฝ่าบาทซะล่ะ" "เพราะเห็นว่า นี่ยังไม่ถึงเวลา หม่อมฉัน
ไม่เพียงต้องการตัวคนวางแผนเท่านั้น ยังอยากรู้คนที่อยู่เบื้องหลังด้วย"
"แล้วรู้หรือยังว่าเป็นใคร" "พ่ะย่ะค่ะ น่าจะเป็นองค์หญิงวาวานและชองโฮคยอม
แต่พวกเขาเป็นคนฉลาด ทำไมจึงใช้วิธีบุ่มบ่ามเช่นนี้ รู้สึกน่าสงสัยพ่ะย่ะค่ะ" "ใช่
เท่าที่รู้จักองค์หญิงวาวานและชองโฮคยอมมา ไม่ใช่คนวู่วามแบบนี้" "เพราะฉะนั้น
เมื่อยังไม่รู้ตัวผู้บงการ หม่อมฉันจึงต้องให้พระชายาช่วยเหลือ" "พูดมาได้เลย
ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง ข้าจะให้ความร่วมมือเต็มที่"
ฮงกุกยองให้ซอจังบูไปจับตัวคิมคีจูมา พอคิมคีจูเห็นหน้าฮงกุกยองก็ด่าว่าทันที
"ไม่เจอนานนะใต้เท้า" "หา เจ้าสารเลวนี่" "ข้ามีชื่อว่าฮงกุกยอง
รับพระบัญชาจากฝ่าบาท ให้สืบเบื้องหลังแผนชั่วที่คิดปลงพระชนม์องค์ชายลีซาน"
"อะไรนะ แผนชั่วหรือ" "ถูกต้อง" " อย่ามาหลอกข้าหน่อยเลย อ้างพระบัญชาของฝ่าบาทหรือ
ข้าไม่เชื่อหรอก ในวังไม่มีคนอื่นแล้วหรือ
ฝ่าบาทถึงต้องมอบงานสำคัญให้คนอย่างเจ้าน่ะ ถ้าไม่รีบปล่อยข้าซะ
ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้าเดี๋ยวนี้ บอกให้ปล่อยข้าไง ไม่ได้ยินเรอะ แต่ละคนหูตึงหรือไง
เจ้าพวกสุนัขรับใช้นี่" "หุบปาก" ซอจังบูทำร้ายร่างกายคิมคีจูทันที "โอ๊ะ โอย หึ
พวกเจ้ากล้าทำร้ายข้า บังอาจนัก อยากตายใช่ไหม โอย" "เลิกโวยวายซะที
แล้วตอบคำถามข้าตามตรงดีกว่า แต่ขอบอกไว้ก่อน ท่านจะได้ออกจากที่นี่หรือไม่
ขึ้นอยู่กับความประพฤติของท่านเอง" " ถ้ายอมให้ความร่วมมือดีๆ
จะได้ออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย ไม่อย่างงั้น
อาจถูกซ้อมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคนก็ได้ คำพูดข้า
เข้าใจหรือเปล่า"คิมคีจูถึงกับหอบ พระมเหสีจองซุนทราบว่าคิมคีจูหายตัวไปก็ตกพระทัย
รีบบอกองค์หญิงวาวาน "เมื่อคืนพี่ชายข้าจู่ๆ หายตัวไป ต้องถูกใครจับตัวไปแน่"
"จับตัวหรือเพคะ ใครกล้าบังอาจไปจับใต้เท้าคิมได้น่ะ" "ถ้ารู้ว่าเป็นใคร
ข้ายังต้องเรียกประชุมอีกหรือ เจ้ากรมแช" "พ่ะย่ะค่ะ" "
ท่านคงรู้ดีว่าเป็นฝีมือพวกไหน ถ้าปะเหมาะเคราะห์ร้าย คนที่จับตัวพี่ชายข้าไป
คาดคั้นให้พูดเรื่องบางอย่าง ที่พวกเขาไม่สมควรจะรับรู้ คิดว่าผลจะเป็นไงบ้าง"
"เอ่อ ถ้าให้หม่อมฉันเดา น่าจะเป็นฝีมือองค์ชายลีซาน ถึงกล้าทำขนาดนี้พ่ะย่ะค่ะ" "
จะเป็นใครก็ช่าง สิ่งสำคัญเร่งด่วนคือหาพี่ข้าให้พบ ถ้าไม่สามารถเจอตัวเขาได้ ข้า
และทุกคนที่อยู่ ณ.ที่นี้ จะต้องตายสถานเดียว" พระมเหสีจองซุนสั่งเสียงเฉียบขาด
องค์หญิงวาวานรับสั่งถามชองโฮคยอมคิดว่าเป็นฝีมือใคร
ชองโฮคยอมตอบกลับว่าให้อยู่เฉยๆ จะดีกว่า "ถ้ายังอยู่เฉยต่อไป
เราจะมีผลกระทบอย่างมาก เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกหรือ" "ถ้าถามความเห็นหม่อมฉัน
อยากไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท เพื่อทูลเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบเดี๋ยวนี้เลย"
พระเจ้ายองโจทรงเรียกฮงกุกยองเข้ามาเฝ้าเพื่อสอบถามความคืบหน้า
"เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว" "ยังไม่มีความคืบหน้ามารายงานพ่ะย่ะค่ะ" "เวลาไม่คอยท่า
อย่าทำเป็นยืดเยื้อได้ไหม" " ฝ่าบาท คนที่วางแผนเรื่องนี้
หม่อมฉันสามารถจับตัวมาเฝ้าเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำ แต่ว่าที่หม่อมฉันต้องการจริงๆ
ไม่ใช่แค่เศษไม้ใบหญ้า หากแต่เป็นรากของต้นไม้พ่ะย่ะค่ะ"
"แสดงว่าเจ้าจะถอนรากถอนโคนหรือ" "ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ" "งั้นก็ได้
เจ้าไปทำงานต่อละกัน" พอออกมานัมซาโชก็บอกฮงกุกยองว่าองค์ชายลีซานเรียกไปเฝ้า
"รับสั่งให้หาหรือพ่ะย่ะค่ะ" "รู้ข่าวใต้เท้าคิมคีจูหายสาบสูญหรือเปล่า"
"รู้พ่ะย่ะค่ะ" "ท่านใช่ไหม เป็นฝีมือของท่าน?" "ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ
ไม่เกี่ยวกับหม่อมฉันเลย" "ที่ข้าถามไม่ใช่เพื่อจะตำหนิ ขอให้พูดความจริงเถอะ
ใต้เท้าคิมเป็นเชษฐาของพระมเหสี ถ้าเราทำอะไรบุ่มบ่าม จะนำภัยมาสู่ตัวได้"
"หม่อมฉัน รู้ถึงความหนักเบา จึงทำงานด้วยความรอบคอบเสมอ เพราะฉะนั้น
ขอทรงวางพระทัยได้" " งั้นก็เอาเถอะ ข้าจะเชื่อว่าท่านมีความรอบคอบพอ แต่ต้องจำไว้
ก่อนจะรู้เบื้องหลังของเรื่องนี้ อย่าให้พวกเขาไหวตัวทันเป็นอันขาด สิ่งที่ท่านทำ
ไม่เพียงเกี่ยวถึงชีวิตตัวเอง ยังมีผลต่อบ้านเมืองด้วย เข้าใจหรือเปล่า"
"เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ"จบ 27
ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน 28 ฮงกุกยองบอกเทซู
ซอจังบู และคังซกกีให้ปิดบังเรื่องคิมคีจู "หา ใต้เท้า หมายความว่าไงหรือครับ
ทำไมต้องปิดบังองค์ชายด้วย" เทซูว่า "ข้าไม่ได้ทูลความจริงให้ทรงทราบ
จึงอยากให้ทุกคนปิดปากเหมือนกัน" "เอ่อ ใต้เท้า" "หึ เจ้านี่ยังไงนะ
นึกหรือว่าข้าอยากทำน่ะ" "ถ้าอย่างงั้น ท่านก็พูดให้ชัดหน่อยสิครับ ว่าเพราะอะไร
เราถึงต้องปิดบังองค์ชายในเรื่องนี้" "มีเหตุผลจำเป็นหรือเปล่า" " มี
เรื่องที่คิมคีจูหายสาบสูญ ทำให้หลายฝ่ายตื่นตระหนกกันใหญ่ และถ้าหาก
มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือพวกเรา องค์ชายก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
แต่ว่านี่เป็นเรื่องที่ความเสี่ยงสูง ไม่ควรให้องค์ชายมายุ่งด้วย
ถ้าหากเรื่องนี้ผิดพลาด เราก็จะรับผิดชอบกันเอง ไม่ต้องให้องค์ชายเป็นกังวล
และอย่าให้มีผลกระทบต่อองค์ชาย เข้าใจหรือเปล่า หึ" ทุกคนยอมรับฟัง
ฮงกุกยองกล่าวต่อว่า "พวกนั้นคงจะเริ่มลงมือแล้ว ฉะนั้น
เราก็ต้องรีบสืบเบื้องหลังเหตุการณ์ระเบิดเหมือนกัน เอาล่ะ แยกย้ายกันทำงาน"
ทางด้านชองโฮคยอมก็สั่งให้โอจองโฮเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของฮงกุกยอง
พระมเหสีจองซุนเข้าเฝ้าพระเจ้ายองโจเพื่อทูลเรื่องที่คิมคีจูหายตัวไป " ฝ่าบาท
ที่บ้านเดิมส่งข่าวมาว่า พี่ชายหม่อมฉันที่ชื่อคิมคีจู จู่ๆ ก็หายสาบสูญไป
หม่อมฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
อาจมีคนบางกลุ่มคิดปองร้ายต่อหม่อมฉันและพี่ชาย จับตัวเขาไป
เพื่อหวังต่อรองผลประโยชน์บางอย่าง เพราะฉะนั้น ขอฝ่าบาททรงไต่สวนเรื่องนี้
ช่วยชีวิตพี่ชายหม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ" "มี คนคิดร้ายต่อเจ้าหรือ
นี่มันหมายความว่าไงน่ะ เจ้าเคยมีเรื่องบาดหมางกับใครหรือไง
ถึงต้องปองร้ายเจ้ากับพี่ชายด้วย เมื่อเจ้าคิดแบบนี้ก็ต้องมีเหตุผลบางอย่าง
ไหนลองว่ามาซิ นิสัยพี่ชายเจ้าเป็นคนรักสนุก
ป่านนี้อาจหนีไปเที่ยวที่ไหนซักแห่งก็ได้ แต่เจ้ากลับคิดว่า เขาถูกจับตัว
มันเป็นเพราะอะไรกัน" "เอ่อ หึ ไม่มีหรอกเพคะ จะมีเหตุผลอ้างอิงอะไรได้
เพียงแต่หม่อมฉัน จู่ๆ ได้ข่าวว่าพี่ชายไม่อยู่บ้าน เกิดความตกใจ
เลยคิดฟุ้งซ่านไปเองน่ะเพคะ" "งั้นหรือ" "ใช่แล้วเพคะ" " ยังไงก็ตาม
เห็นแก่ความเป็นห่วงของเจ้า ข้าจะให้ผู้ว่าเมืองหลวงช่วยสืบหาร่องรอยเขาละกัน
แต่ว่า คงไม่มีอะไรร้ายแรง ไม่ต้องห่วงนักหรอก" "หึ ขอบพระทัยเพคะ" พระ
มเหสีจองซุนกลับมาตำหนักก็เรียกแชซกจูมาสอบถามถึงความคืบหน้าในการตามหาตัว คิมคีจู
แต่ก็ไม่มีวี่แวว ด้านองค์ชายลีซานก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต
ยิ่งทำให้พระมเหสีจองซุนทรงหนักพระทัย "นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว
ถ้ายิ่งปล่อยให้ยืดเยื้อ เราจะยิ่งมีอันตรายเข้าใจหรือเปล่า" " ขอทรงอภัยด้วย
แต่ว่าถ้าเราหุนหันพลันแล่นจนออกนอกหน้า อาจเป็นที่ผิดสังเกตของคนอื่นก็ได้
ตอนนี้คนของเรา ก็กระจายกำลังออกตามหาทุกซอกทุกมุมอยู่แล้ว
ขอเวลาให้หม่อมฉันหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ" "ข้าไม่อยากรอช้าอีก
เมื่อกี้ข้าเพิ่งไปเฝ้าฝ่าบาทมา มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี" "ลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
หมายความว่าไงหรือพ่ะย่ะค่ะ" "พอทูลให้ทราบว่าพี่ชายข้าหายสาบสูญ
ฝ่าบาทกลับมีท่าทีเฉยๆ คล้ายกับว่า ทรงรู้แต่แรกว่าต้องเป็นแบบนี้"
"ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงคิดไปเองมากกว่า" "เอาเถอะ หวังว่าข้าจะคิดไปเอง
แต่ว่ายังไงก็มีความรู้สึกกังวลอยู่ลึกๆ เราไม่ควรจะอยู่เฉยต่อไป ไม่ว่าทำไง
ก็ต้องหาพี่ชายข้าให้พบ" ออก มาแชซกจูก็ถามชองโฮคยอมว่าได้เรื่องหรือไม่
ชองโฮคยอมบอกว่ามือแปดด้าน และย้อนถามว่าพระมเหสีจองซุนทรงรับสั่งว่าอย่างไร
แชซกจูบอกว่าร้อนพระทัยมาก ชองโฮคยอมกลับมาเล่าให้องค์หญิงวาวานฟัง " ไม่เห็นจะแปลก
เป็นใครก็ต้องร้อนใจอยู่แล้ว ต่อให้เป็นพระมเหสี รู้ว่าเรื่องบานปลาย
จะอยู่เฉยได้ยังไง เฮ่อ แม้แต่ข้าเอง ก็แทบกินนอนไม่เป็นสุขด้วยซ้ำ
ปล่อยให้คนอย่างคิมคีจูมากำหนดชะตาของพวกเรา เกิดมันปากโป้งพูดอะไรออกมา
เราจะพินาศกันหมด" "แต่หม่อมฉันเชื่อว่าเขา ยังพอมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง
แม้จะโง่เขลาไปหน่อย ไม่แน่อาจฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาก็ได้ ที่หม่อมฉันสงสัย
คือทางองค์ชายมากกว่า นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว ถ้าพวกเขาจับใต้เท้าคิมไปจริง
ทำไมไม่มีความเคลื่อนไหว และทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่
หม่อมฉันนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกซะที" "ข้าแทบจะเป็นบ้าแล้ว ถ้ายังไม่มีข่าวคราวอีก
เรามิต้องร้อนใจอยู่อย่างงี้ จนกว่าเรื่องจะเปิดเผยหรอกหรือ เฮ่อ หึ" พวก
ฮงกุกยองรู้ว่ามีคนสะกดรอยตาม ก็สั่งให้เทซูหาทางหนีให้ได้ พอมารวมตัวกัน
คังซกกีกับซอจังบูถามว่าฮงกุกยองว่าจะทำอย่างไรกับคิมคีจู ซอจังบูเสนอว่าให้ทรมาน
"ไม่จำเป็น ข้ามีแผนไว้อยู่แล้ว พวกเจ้าอย่าห่วงเลย ไม่เสียเวลานานนักหรอก หึ
คนแบบนี้ ยิ่งถูกบังคับก็ยิ่งต่อต้าน ถ้าปล่อยให้อาละวาดไปเรื่อยๆ หมดแรงเมื่อไหร่
ก็จะให้ความร่วมมือกับเราดีๆ" "เอ่อ แต่ว่าใต้เท้า ข้าเห็นว่า
เราน่าจะเผื่อทางอื่นให้เขาสารภาพดีกว่า เพราะถึงจะโวยวายจนหมดแรง
ก็ไม่แน่ว่าจะยอมพูดความจริงน่ะครับ" "หึ ภาษิตว่าคบบัณฑิตพาไปหาผล เดี๋ยวนี้
เจ้ารู้จักใช้สมองคิดบ้างแล้ว เทซูพูดถูก ระหว่างที่กดดันเขาอยู่
เราต้องหาหลักฐานที่ทำให้เขายอมจำนนด้วย ถึงจะยอมสารภาพ ว่าใครคือผู้บงการ ถ้าไง
ข้าจะไปหาหลักฐานที่คลังแสงและกรมปกครอง ส่วนซอจังบู
ให้สืบหาเบาะแสทหารที่ผลิตระเบิดคนนั้นต่อไป อีกอย่าง ที่ข้าจับตัวคิมคีจูไว้
ก็เพื่อให้อีกฝ่ายมีความเคลื่อนไหว หลังจากรู้ว่าคิมคีจูหายสาบสูญ ด้วยความร้อนตัว
พวกเขาต้องทำอะไรบางอย่างแน่ เทซูกับซกกี ให้จับตาดูเจ้ากรมแชและชองโฮคยอมต่อไป
เข้าใจมั้ย" ทั้งสามรับคำ นัมซา โชบอกเรื่องซอจังบู
คังซกกีและเทซูย้ายไปทำงานที่อื่นให้องค์ชายลีซานทราบ
องค์ชายลีซานเข้าใจว่าเป็นเพราะฮงกุกยอง
แชจีคยอมเสนอว่าให้เรียกมาสอบถามว่าเขาคิดทำอะไรกันแน่ แต่องค์ชายลีซานกลับบอกว่า
"อย่าเลยท่าน คนๆ นี้ชอบทำงานโดยไม่บอกกล่าวใคร ถ้าไม่มีอะไร
ก็รอดูความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดดีกว่า" ลี ชองเขียนภาพสาวๆ ที่หอนางโลม
และได้ยินเบเฮียงบอกว่าเรื่องการคัดเลือกจิตกรเอก
เขารีบนำเรื่องนี้ไปบอกที่ศูนย์ศิลปะ
แต่ใต้เท้าคังกับช่างเขียนตั๊กและคนอื่นต่างรู้เรื่องกันหมดแล้ว
มีซูเข้ามาบอกทุกคนว่าปาร์คยองมุนเรียกประชุม "คราวนี้
เราได้รับคำสั่งให้คัดเลือกช่างเขียนฝีมือดีที่สุด เพื่อไปเขียนพระรูปของฝ่าบาท
ฉะนั้น เดือนหน้าวันที่หนึ่ง จะมีประกาศอย่างเป็นทางการ เมื่อออกมาแล้ว
จะให้ช่างเขียนคนนั้นพาผู้ช่วยหนึ่งคน ไปทำงานในวัง" "ใต้เท้าครับ ว่าแต่
ปีนี้ใครจะได้เป็นจิตรกรเอก จะเป็นท่านหรือเปล่าครับ" "ตอนนี้ยังไม่ได้เลือก
แต่ข้าได้เป็นจิตรเอกเมื่อปีที่แล้ว คิดว่า อาจจะเลือกคนใหม่มาแทนก็ได้" "งั้น
หมายความว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า ใครจะได้เป็นจิตรกรเอกงั้นหรือครับ" "ใช่
เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องเตรียมตัวให้ดี ก่อนจะมีการคัดเลือก ต้องตั้งใจทำงาน
แสดงผลงานให้เต็มที่ล่ะ" ทุกคนรับคำอย่างตื่นเต้น
พระพันปีเฮคยองทรงนั่งนึกเป็นห่วงองค์ชายลีซาน
และนึกถึงคำพูดของฮงกุกยองให้ช่วยดูความเคลื่อนไหวขององค์หญิงวาวาน จึงเสด็จไปพบ
"องค์หญิง หม่อมฉันมีเรื่องมาทูลเพคะ" ซังกุงรายงานองค์หญิงวาวาน "เรื่องอะไรอีกล่ะ
ถ้าไม่สำคัญก็ไว้วันหลังเถอะ วันนี้ข้าไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น" "องค์หญิง
ใจคอจะให้หม่อมฉันมาเสียเที่ยวได้หรือ" พระพันปีเฮคยองทูล "พระชายา
นึกยังไงถึงมาตำหนักของหม่อมฉันได้" "เพราะอุบัติเหตุในงานรื่นเริง
ทำให้องค์หญิงต้องพักฟื้นอยู่นาน หม่อมฉันสมควรมาเยี่ยมอยู่แล้วไม่ใช่หรือ"
"งั้นหรอกหรือ ที่มาเยี่ยมเพราะเป็นห่วงหม่อมฉันจริงๆ หรือไง"
"ยังไงเราก็เป็นญาติกัน มีหน้าที่ต้องถามไถ่ทุกข์สุข" "หึ ยังไงก็ตามแต่
เห็นพระชายาทรงเป็นห่วง หม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งนัก" "จริงสิ อาการเป็นยังไงบ้าง"
"ก็เหมือนที่พระชายาทรงเห็น เสด็จพ่อเป็นห่วงเป็นใย ให้หมอหลวงมาดูทุกวัน
หม่อมฉันเลยดีขึ้นตามลำดับ" "งั้นหรือ ถ้าอย่างงั้น หม่อมฉันค่อยเบาใจหน่อย
ยังเป็นห่วงว่าองค์หญิงต้องไปลานไต่สวนด้วยตัวเอง เดี๋ยวจะประชวรไปซะอีก" "เอ่อ
พระชายา หม่อมฉันไม่เข้าใจที่รับสั่ง ลานไต่สวนอะไรกัน
ทำไมหม่อมฉันต้องไปที่นั่นด้วย หึ" "ทำไมองค์หญิงต้องตกพระทัยขนาดนี้ด้วยล่ะ"
องค์หญิงวาวานนิ่งไป " แสดงว่าเข้าพระทัยความหมายผิดไป
หม่อมฉันแค่จะบอกว่าองค์หญิงเป็นผู้รับเคราะห์โดยตรง หากจับคนร้ายได้
องค์หญิงคงต้องไปลานไต่สวน สอบปากคำด้วยตัวเอง" "อ้อ หึ อย่างงั้นหรอกหรือ
หม่อมฉันก็คิดเรื่อยเปื่อยไป ใช่ หม่อมฉันต้องไปอยู่แล้ว คนที่คิดร้ายขนาดนั้น
เราจะปรานีได้ยังไง" องค์หญิงวาวานแค้นมาก "ฮึ่ม เฮ่ย หึ เฮพิน เจ้าช่างบังอาจ
มาหยามข้านักนะ หึ" พระพันปีเฮคยองบอกฮงกุกยองว่า "ข้าทำตามที่บอก
ไปพบองค์หญิงวาวานมาแล้ว แต่ว่าท่าทางเหมือนจะมีพิรุธจริงๆ" "มีพิรุธหรือ" "
องค์หญิงเป็นคนใจร้อน ทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง ฉะนั้น
บ่อยครั้งที่มักเก็บสีหน้าไว้ไม่ค่อยอยู่ แม้จะฝืนยิ้มกับคนอื่น
แต่เห็นชัดว่าในใจกระวนกระวาย ข้ารู้สึกว่า ถึงนางจะเจ็บตัวเพราะงานนี้
แต่น่าจะมีส่วนเกี่ยวกับเหตุวางระเบิด จึงต้องคอยดูนางไว้ให้ดี"

00000000000
ฮงกุกยองมาพบพวกเทซู ก็แปลกใจถามว่า "นี่มันอะไร เขาเป็นใคร"
"ทหารที่รับผิดชอบเรื่องการทำพลุ ข้าไปหาที่บ้านเกิด แต่ไม่มีข่าวคราว
สงสัยอยู่แล้วว่า" "ไม่เพียงแค่นี้ คนที่รับของจากไต้เท้าคิม
ป่านนี้ยังไม่พบร่องรอย" "เฮ่ย ในที่สุด ก็ถูกพวกมันชิงตัดหน้าก่อน
เรื่องคงไม่ง่ายเหมือนที่เราคิด" "ใต้เท้า" "ไม่เพียงคนผลิตระเบิดหายสาบสูญ
คนที่เกี่ยวข้องล้วนถูกฆ่าตายหมด" "เฮ่ย ถ้าอย่างงั้น เราจะทำไงดี
ไม่มีทางทำให้คิมคีจูสารภาพแล้วสิ" "ข้ากับซกกี ไปเฝ้าดูชองโฮคยอมและเจ้ากรมแช
ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ" ซอจังบูบอก "ข้าว่า เราคงต้องหาทางอื่นซะแล้ว" "อย่าห่วงเลย
ข้ามีแผนอื่นอยู่แล้ว เพียงแต่เวลามีน้อย สัญญาที่ให้ไว้กับฝ่าบาท
ก็ใกล้เข้ามาทุกที เฮ่อ" องค์ชายลีซานให้นัมซาโชตามฮงกุกยองมาเฝ้า
"เห็นผ่านไปสามวันแล้ว ยังเงียบหายอยู่เลยให้ท่านมาพบ ว่าไง งานที่ทำ ไปถึงไหนแล้ว"
"ยากกว่าที่คิดไว้พ่ะย่ะค่ะ จึงไม่มีความคืบหน้ามารายงานองค์ชาย" "งั้นหรือ
มันก็จริง ถ้าท่านพบเห็นอะไร คงรีบมาบอกให้รู้ ไม่ต้องให้รอนาน"
"ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ" "ไม่ราบรื่นอย่างที่คิดใช่ไหม แสดงว่า
คิมคีจูไม่ยอมเปิดปากง่ายๆ ล่ะสิ" "หา อะไรนะ เอ่อ องค์ชาย ทำไมถึงได้"
"เราสองคนรู้จักกันมาพักใหญ่ ถึงวันนี้แล้ว ข้าจะอ่านใจท่านไม่ออกเชียวหรือ" "เอ่อ
ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันบังอาจปิดบังองค์ชาย ขอทรงลงพระอาญาด้วย"
"ไม่ต้องกลัวไปหรอก ที่ข้าตามท่านมาพบวันนี้ ไม่ใช่เพื่อตำหนิว่าปิดบัง
สิ่งที่ท่านทำเพื่อต้องการปกป้องข้า มีหรือข้าจะไม่รู้" "หึ องค์ชาย" "ความจริง
ข้าก็คิดอยู่แล้วว่า จะให้ท่านรับผิดชอบงานนี้เต็มที่
แต่ว่าท่านกำลังลืมอะไรไปบางอย่าง ข้าจึงเรียกมาเพื่อจะเตือนสติ" "หม่อมฉัน
ลืมอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ" " เพราะอะไรเราถึงต้องจับตัวคิมคีจูไว้
เพื่อจะบีบคนที่ปองร้าย ให้เผยธาตุแท้ออกมา แสดงตัวตนไม่ใช่หรือ ถ้าจะบรรลุเป้าหมาย
ก็ต้องบีบพวกเขาให้หนักขึ้น คล้ายกับทุกอย่างจะจบลง ถ้าพวกเขาไม่เผยตัว
จะถูกต้อนเข้าสู่ทางตัน และตายในที่สุด
การที่ฝ่าบาทมอบอำนาจให้ท่านรับผิดชอบเรื่องนี้เต็มตัว มันสื่อถึงอะไรรู้มั้ย
นั่นก็คือ ท่านอยากทำอะไรก็สามารถทำได้ทุกอย่าง เข้าใจความหมายของข้าหรือเปล่า"
คำพูดขององค์ชายลีซานทำให้ฮงกุกยองไปขอ ทหารมาช่วย
และสั่งให้ทหารเฝ้าดูขุนนางหลายคน รวมทั้งชองโฮคยอมด้วย
เขาจึงไปบอกให้องค์หญิงวาวานทราบ "อะไรนะ มีทหารคอยตามเจ้าหรือ"
"ไม่เพียงหม่อมฉันคนเดียว แม้แต่เจ้ากรมแช เจ้ากรมอาญาและใต้เท้าอื่นๆ
ก็มีทหารไปเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ" "แล้วมันเป็นเพราะอะไร ทำไมทหารออกมามากมายขนาดนี้
เป็นคำสั่งของใคร เจ้ารู้หรือเปล่า" "พระมารดาทรงถามแปลก จะมีใครซะอีก ทหารพวกนี้
มีแต่ฝ่าบาทองค์เดียวถึงจะสั่งทำงานได้" "หมายความว่า
เสด็จพ่อมีรับสั่งให้ทำแบบนี้หรือ แล้วเพราะอะไร ทำไมเสด็จพ่อต้องส่งทหารออกมา"
"สงสัยจะมีปัญหาซะแล้ว ใต้เท้าคิมหายสาบสูญ แล้วตอนนี้ พวกเราหลายคน
ก็มีทหารมาเฝ้าอีก" " แล้วยังไง มันจะหมายถึงอะไรบ้าง แปลว่าใต้เท้าคิม
ถูกองค์ชายจับไปงั้นหรือ แปลว่าเขายอมสารภาพ
แล้วเสด็จพ่อรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของพวกเราหรือไง"
ชองโฮคยอมไม่ตอบอะไรได้แต่ถอนใจ พระ มเหสีจองซุนตามแชซกจูมาเฝ้าแต่รอนานแล้วก็ไม่มา
จึงเสด็จไปเฝ้าพระเจ้ายองโจ
แต่มหาดเล็กบอกว่าพระเจ้ายองโจไม่ให้ใครเข้าเฝ้าทั้งสิ้น
"ทำไมถึงไม่ให้ทุกคนเข้าเฝ้า ฝ่าบาททรงประชวรอีกแล้วหรือไง" "เอ่อ มิได้พ่ะย่ะค่ะ"
"ในเมื่อไม่ใช่ แล้วทำไมห้ามเข้าเฝ้าล่ะ รีบทูลว่าข้ามาขอเฝ้า ถึงไม่ทรงพบคนอื่น
อย่างน้อยก็ต้องพบข้าบ้างล่ะ" "หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า ฝ่าบาท
ทรงกำชับว่าแม้แต่พระมเหสี ก็ไม่ให้เข้าเฝ้าในช่วงนี้พ่ะย่ะค่ะ"
พระมเหสีจองซุนทรงอึ้งไป "อะไรนะ" ภายในตำหนักพระเจ้ายองโจทรงรับสั่งกับฮงกุกยองว่า
"ข้าทำตามที่เจ้าแนะนำแล้ว ว่าแต่ ต้องทำแบบนี้อีกนานมั้ย" "สิบวันพ่ะย่ะค่ะ"
"สิบวันหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ ในสิบวันนี้ อย่าให้ใครเข้าเฝ้าแม้แต่คนเดียว
และไม่ฟังคำขอของใครด้วย" "เอาเถอะ เมื่อข้ารับปากยอมให้เจ้าจัดการ
ถ้าสามารถคลี่คลายเรื่องนี้ได้จริง ข้าก็จะให้ความร่วมมือ" "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" "
ขนาดเรื่องเหลวไหลแบบนี้ ข้ายังรับปาก เพราะเห็นว่าเรื่องนี้
เป็นภัยต่อราชสำนักและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว
ฉะนั้นเจ้าก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ สาวให้ถึงผู้บงการและจับมาพบข้าให้ได้ล่ะ"
"พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน จะไม่ลืมสัญญาแน่นอน" ฮงกุกยองออกมาก็ปะหน้ากับชองโฮคยอม
เขาทักฮงกุกยองก่อนว่า "ไม่นึกว่าจะได้เจออีก" "นั่นสิครับ ใต้เท้าสบายดีหรือเปล่า"
"ได้ข่าวว่าเจ้ากลับมาทำงานให้องค์ชายใหม่ แล้วยังไง กำลังจะไปเข้าเฝ้าหรือ"
"เปล่าครับ ข้ามีงานอื่นต้องทำ" "งั้นหรือ" "ใช่ จริงสิ คนที่ข้าส่งไป
ไม่ทราบถูกใจท่านมั้ย หวังว่าคงไม่สร้างความรำคาญให้หรอกนะ"
"คนที่เจ้าส่งมาน่ะหรือ" ชองโฮคยอมแปลกใจ "อ้าว ท่านยังไม่เห็นอีกหรือครับ
ทุกวันนี้มีใครต่อใคร ไปประจำอยู่หน้าบ้านท่านแล้วนี่" "หมายความว่า
ทหารที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านข้าและขุนนางอื่นๆ เป็นเพราะเจ้าหรอกหรือ" "ใช่ครับ
ข้าส่งไปเอง" "หา แล้วทำไม เจ้าถึงได้" " ข้าคิดว่า
คงเป็นผลมาจากการเทถังอึจนได้ดีมังครับ ข้าจึงเสนอให้ท่าน
ถ้าถูกไล่ออกก็ให้ไปเทถังอึเหมือนข้าบ้าง ข้าเคยบอกว่าชอบล่าสัตว์ใช่ไหม
พักก่อนข้าขึ้นเขาไปจับกระต่ายได้ตัวหนึ่ง ที่น่าแปลกก็คือกระต่ายตัวนั้น
ดันรู้ที่ซ่อนตัวของสัตว์ป่าอีกมากมายซะอีก หึ ข้าเลยสบาย
แค่เตรียมตัวล่าสัตว์ที่เหลือ ไม่ให้พวกมันรู้ตัวก็พอแล้ว"
ฮงพงฮันทราบจากพระพันปีเฮคยองว่าฮงกุกยองเป็นเจ้าหน้าที่ไต่สวนพิเศษก็ตกใจมาก "หา
งั้น" " ให้เขารับผิดชอบคดีเกิดระเบิดในงานรื่นเริง
เขาจึงกำลังสืบอยู่ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง ทำไมถึงได้เกิดระเบิด
และใครที่คิดปองร้ายลูกซานอยู่" "เอ่อ หมายความว่า ที่มีทหาร
ไปอยู่หน้าบ้านขุนนางหลายคน ก็เพราะ เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ" "
คิดว่าคงจะใช่ ตอนนี้ฮงกุกยอง กำลังสืบหาตัวการที่คิดลอบสังหารลูกซานอยู่ เฮ่อ
ตอนนี้ ถึงเวลาที่เราจะกดดันพวกเขาบ้างล่ะ และข้าก็เชื่อว่า
จะมีการถอนรากถอนโคนให้สิ้นซากด้วย" ฮงนิมฮันได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจมาก
แชจีคยอมเฝ้าองค์ชายลีซาน "ท่านมาแล้วหรือ" "องค์ชาย ข้างนอกลมเย็นนัก ทำไมเสด็จมา
ประทับอยู่นี่ตั้งนานล่ะพ่ะย่ะค่ะ" "นั่นสิ คงเพราะมีเรื่องให้คิดหลายอย่าง
อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลยออกมาตากลมให้เย็นๆ" "งานที่ฮงกุกยองกำลังทำอยู่
กลายเป็นที่ครหาไปทั่ว องค์ชายทรงทราบมั้ยพ่ะยะค่ะ" " ใช่ ข้าก็รู้อยู่
เรื่องที่เกี่ยวกับข้าจะไม่รู้ได้ยังไง แต่ทำไมข้าไม่ออกหน้าสืบเรื่องนี้เอง
ท่านคงแปลกใจมากสินะ ท่านยังจำเรื่องๆ หนึ่งได้ไหม สมัยก่อนที่ข้า
ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงขององค์หญิงวาวาน จำได้ว่าตอนนั้น
ข้าเคยพูดกับท่านด้วยความเสียใจว่า ทำไมข้าต้องเกิดมาเป็นองค์ชาย
ต้องมาเผชิญกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้" "องค์ชาย" "ที่จริงข้ารู้สึก กลัวอยู่ในใจ
คราวนี้จะเปิดโปงอะไรอีก ข้าแทบไม่อยากคิดเลย
แต่ก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ความจริงก็คือความจริงที่ต้องยอมรับวันยังค่ำ แต่ไม่รู้คราวนี้จะพบเจออะไรอีก
อาจเพราะว่า ข้ากลัวจะรู้ความจริงเลยขออยู่เบื้องหลังเงียบๆ ดีกว่า" "องค์ชาย"
แชจีคยอมเห็นใจองค์ชายลีซานมาก " ไม่เป็นไรหรอกท่าน ไม่ต้องห่วงแทนข้าซักนิด
อีกหน่อยจะพบเจออะไรก็ช่าง ข้าจะพยายามยอมรับให้ได้ เพราะมันเป็นชะตาที่ต้องเผชิญ
เป็นเส้นทางที่ข้าต้องเดินอยู่แล้ว" ยามดึก ซองซงยอนนำเสื้อผ้ามาให้เทซูที่ที่พัก
"หึ ดึกป่านนี้ยังเข้าวังมาทำไมน่ะ" "ถามได้ ก็กลัวเจ้าจะหนาวน่ะสิ" เทซูปลื้ม
"อะไรนะ" "อ้า เสื้อผ้า" "หึ ที่มากลางดึก เพื่อส่งเสื้อหนาวหรือ" "หึ
เห็นข้าทำแบบนี้ เจ้าคงรู้สึกซาบซึ้งล่ะสิ ถือเป็นวาสนาของเจ้าละกัน
จะหาเพื่อนอย่างข้า ชาตินี้คงไม่มีอีกแล้ว" "หึ ใช่
แต่ว่าให้ข้ากลับบ้านไปเอาก็เหมือนกัน" "เอาน่า พอดีข้าว่างๆ ก็เลยแวะมา" "งั้นหรือ
หึ" "แต่ทำไม หน้าเจ้าดูซูบไป ไม่ได้นอนหรือ" " เอ่อ ไม่มีเวลากินข้าวด้วยซ้ำ
จะเอาที่ไหนนอนล่ะ จริงสิ เจ้าฟังให้ดีนะ ข้ารู้สึกว่า อีกไม่นาน
ในวังอาจเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นก็ได้" "เกิดเรื่องร้ายแรงหรือ หมายถึงอะไรน่ะ" "เอ่อ
เรื่องพวกนี้ ไว้ไปคุยที่บ้านดีกว่า" "อย่าเลย บอกข้ามาเดี๋ยวนี้"
ซอจังบูเข้ามาบอกว่าฮงกุกยองอยากพบเทซู เขาจึงขอตัวจากซองซงยอนออกไป "กลับบ้านดีๆ
ล่ะ" "เทซู" "หา อะไร?" "ตั้งใจทำงานนะ อย่าให้ถูกลงโทษอีกล่ะ รู้มั้ย" "เถอะน่า
ข้ามันระดับไหนแล้ว ไม่ใช่กระจอกนะ ใครจะกล้าลงโทษอีก กลับบ้านไปซะ หือ"
ฮงกุกยองสั่งให้เทซูนำจดหมายฉบับหนึ่งไปทิ้งในบ้านของชองโฮคยอม
และกำชับว่าอย่าให้ใครเห็น0000000000000000
ที่ตำหนักพระมเหสีจองซุนทรงกระวนกระวายพระทัยมาก "พระมเหสี หม่อมฉันคังซังกุงเพคะ"
"เข้ามา ทำไมมาคนเดียวล่ะ องค์หญิงล่ะ" "องค์หญิงรับสั่งว่า หลายวันนี้
รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่อาจมาเฝ้าพระมเหสีได้เพคะ" "อะไรนะ นี่มันวันที่สามแล้ว
ผ่านไปสามวันเต็มๆ แทบไม่มีใครมาพบข้าซักคน พวกเขาคงเห็นข้าเป็นหัวหลักหัวตอ
ไม่มีความสำคัญอีก" "พระมเหสี ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกเพคะ แต่เป็นเพราะว่า
หน้าบ้านขุนนางทั้งหลาย มีทหารเฝ้าอยู่ แต่ละคนเลยไม่กล้า ออกหน้ามากนัก"
"ข้ารู้นานแล้ว แม้แต่ท่านก็จะมาสั่งสอนข้าหรือยังไง" "เอ่อ หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ"
" มีทหารแล้วไง ต่อให้มีดจ่อคอก็ต้องมารายงานข้าให้รู้
หรือแม้แต่จะตายวันนี้พรุ่งนี้ พวกเขาก็ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าก่อน แต่ละคนช่างใจเสาะ
มีปัญหาก็จะเอาตัวรอดคนเดียว" แชซกจูนั่งนึกถึงคำพูดของเขาที่คุยกับชองโฮคยอมว่า
"นึกว่าถ้าเจ้าอยู่เฉย เจ้ากับองค์หญิงวาวานจะปลอดภัยหรือไง" ชองโฮคยอมตอบว่า
"ถึงขั้นนี้แล้ว ใครยิ่งออกหน้าก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก ข้าว่าใต้เท้า
น่าจะมีทางเลือกที่ฉลาดกว่านี้" ทันใดนั้นพ่อบ้านก็เข้ามารายงานว่า "นายท่าน
ใต้เท้าชองมาขอพบครับ" " หา เอ่อ อะไรกันนี่ นึกยังไง ถึงมาบ้านข้าได้น่ะ เฮ่ย
ได้ยินว่าบ้านเจ้าก็มีทหาร ป่านนี้คงถูกสะกดรอยแล้ว แล้วยังมาหาข้า
จะให้ข้าเดือดร้อนหรือไง" "ใช่ว่าเราไม่ติดต่อก็จะไม่ถูกคนอื่นเพ่งเล็ง ใครๆ
ก็ว่าเราสองคนเป็นพวกเดียวกันนานแล้ว ถึงมีการไปมาหาสู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก" "เฮ่อ
แล้วยังไง ตอนนี้พระมเหสี ทรงเป็นไงบ้าง" "ข้ายังไม่ได้ไปเข้าเฝ้า
สภาพตอนนี้คนที่ห้ามยุ่งเกี่ยว ก็คือพระมเหสีองค์เดียวนี่แหละ" "เจ้า
พูดแบบนี้แปลว่าอะไร" "ข้าเชื่อว่าคิมคีจู คงถูกฮงกุกยองจับตัวไปแล้ว และหมอนี่
ก็จะทำให้พูดความจริงออกมาจนได้" "อะไรนะ" " ถึงจะไม่รู้ว่าสารภาพอะไรบ้าง
แต่ตอนนี้ เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญ
ฝ่าบาทไม่ให้ทุกคนเข้าเฝ้า วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว ไม่เพียงเหล่าขุนนาง
แม้แต่พระมเหสีก็ห้ามเฝ้าเหมือนกัน วันนี้องค์หญิงวาวานไปทูลขอเข้าเฝ้า
ก็ถูกปฏิเสธกลับมาอีก" แชซกจูฟังแล้วก็ถอนหาย "เฮ่ย" "เหตุการณ์น่าเป็นห่วงจริงๆ
ฝ่าบาทเหมือนจะทรงรู้อะไรบางอย่าง และการที่คิมคีจูหายสาบสูญ
ก็คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ" "แล้ว ถ้าอย่างงั้น ที่เจ้ามาพบข้านี่ ต้องการอะไร"
"จะมีอะไรซะอีก นอกจากหาวิธีผ่าทางตันให้พวกเรา" "ผ่าทางตันหรือ จะผ่าได้ยังไง" "
สาเหตุที่เกิดเรื่องบานปลาย เพราะมีการวางระเบิดในงานรื่นเริง
แล้วเราไม่รู้อะไรด้วย ทำไมต้องติดร่างแหไปรับเคราะห์แทนคนอื่นล่ะครับ" "แต่ว่า
ถ้าคิมคีจูสารภาพทุกอย่างออกมา เราคงดิ้นไม่หลุดอยู่ดี" " ไม่แน่เสมอไป
เพราะคนที่เป็นต้นเรื่อง คือคิมคีจูกับพระมเหสีเพียงสองคน ในเมื่อมีตัวการแล้ว
จะให้เรารับผิดด้วย มันก็ไม่ถูกน่ะครับ" "ที่เจ้าพูดนี่ หมายความว่าไงกันแน่" "
คิมคีจูถูกจับคนเดียวยังไม่พอ องค์ชายต้องการขยายผลมากว่านี้อีก
ดูจากรูปการณ์นี้แล้ว เหมือนต้องการสาวถึงเบื้องหลัง ท่านว่าจริงหรือเปล่า
ข้าจึงเห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย" "เอ่อ นี่เจ้า หมายความว่า
จะปล่อยให้ พระมเหสี ทรง" ชองโฮคยอมพยักหน้า "อึม"
เวลาต่อมาพระมเหสีจองซุนทรงเสด็จมาหาชองโฮคยอมถึงที่บ้าน
สร้างความตกใจให้กับชองโฮคยอมมาก "พระมเหสี ทำไมเสด็จมาถึงนี่ล่ะพ่ะย่ะค่ะ หึ"
"ตกใจมากที่เห็นข้าใช่ไหม" "เอ่อ ตกใจอะไรกัน ไม่มีหรอกพ่ะย่ะค่ะ" "จริงหรือ
งั้นก็แปลกน่ะสิ เห็นเจ้าหน้าซีดปากสั่นยังกะเจอผี ถ้าไม่ใช่ความตกใจ
แปลว่าไม่ยินดีต้อนรับข้าหรือ" "เอ่อ พระมเหสี ทำไมรับสั่งอย่างงั้นล่ะพ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉัน ไหนเลยจะกล้า" " ใช่ เจ้าคงไม่กล้าคิดอย่างงั้นอยู่แล้ว
และไม่มีทางที่จะคิดคดต่อข้าด้วย เป็นการเข้าใจผิดก็ดี
หวังว่าข้าคงตีความจากสีหน้าเจ้าผิดไป แต่ว่าทีหน้าทีหลัง
ไม่จำเป็นอย่าพยายามทำเรื่องให้ข้าเข้าใจผิดอีก
เพราะถ้าหากเกิดเรื่องชวนให้สงสัยจริงๆ
ข้าคงไม่ปล่อยไว้เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แล้วก็แล้วกันไปหรอกนะ" "พ่ะย่ะค่ะ
หม่อมฉันจะจำใส่ใจไว้" " ข้าอยากมาฟังความคิดเห็นของเจ้า
ไหนว่ามีทางแก้ปัญหาที่เกิดไม่ใช่หรือ งานที่ข้าสั่งไปถึงไหนแล้ว
ตกลงมีความคืบหน้ายังไงบ้าง จงพูดมาซะดีๆ ห้ามมีการปิดบังแม้แต่น้อย" "พ่ะย่ะค่ะ"
"พี่ชายข้า ไม่ใช่คนที่สารภาพอะไรง่ายๆ เพราะฉะนั้น ไปบอกทุกคนว่าอย่าตกใจ
ให้อดทนไว้จนกว่าเหตุการณ์จะดีขึ้น เข้าใจหรือเปล่า" "พ่ะย่ะค่ะ
พระมเหสีทรงวางพระทัย เรื่องทุกอย่าง จะคลี่คลายในไม่ช้านี้" "ดีมาก
ยังไงมันต้องคลี่คลายอยู่แล้ว"
เทซูเห็นเหตุการณ์ครั้งนี้ก็รีบนำกลับมาเล่าให้ฮงกุกยองฟังทันที "นี่เจ้า
พูดจริงหรือเปล่า บอกว่าเห็นพระมเหสีออกจากวัง ไปพบชองโฮคยอมถึงบ้านจริงหรือนี่"
"จริงครับใต้เท้า เป็นเรื่องจริง ข้าขยี้ตาตั้งหลายครั้ง
เห็นเป็นพระมเหสีไม่ผิดแน่" เมื่อได้รับการยืนยันหนักแน่นเช่นนี้
ฮงกุกยองรีบไปเข้าเฝ้าองค์ชายลีซาน "องค์ชาย ใต้เท้าฮงกุกยองมาขอเฝ้าเพคะ"
"เชิญเข้ามา นั่งลงก่อน ดึกป่านนี้มีธุระอะไร" "องค์ชาย
หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญบางอย่าง จะมาทูลให้ทรงทราบ" "เรื่องสำคัญอะไร ไหนว่ามาซิ
พูดมาสิ" "เมื่อตอนค่ำ มีคนแอบไปบ้านชองโฮคยอม และพูดคุยอย่างลับๆ พ่ะย่ะค่ะ"
"บ้านชองโฮคยอมหรือ" "พ่ะย่ะค่ะ" "แล้วยังไง ใครไปบ้านเขา" "เมื่อซักครู่
คนที่ไปบ้านชองโฮคยอม ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพระมเหสีพ่ะย่ะค่ะ"
"พูดแบบนี้หมายความว่าไง บอกว่าพระมเหสี ไปพบชองโฮคยอมงั้นหรือ หึ"
"เทซูมารายงานว่า เขาเห็นพระมเหสีออกจากบ้านชองโฮคยอมกับตาพ่ะย่ะค่ะ" "หึ
ไม่มีทางหรอก จะเป็นไปได้ยังไง อาจเป็นเพราะค่ำมืด เลยจำคนผิด
หรือไม่ก็คือเทซูตาฝาด" "ไม่ตาฝาดหรอกพ่ะย่ะค่ะ เขาบอกว่าตามอย่างกระชั้นชิด
จนเห็นพระมเหสีเข้าไปในตำหนักกลางถึงได้ถอยออก" "หา หึ หมายความว่า
พระมเหสีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างงั้นใช่ไหม" "องค์ชาย" "
ถึงนางไปพบชองโฮคยอมก็ไม่เห็นจะแปลก เพราะคิมคีจูเป็นพระเชษฐา ตอนนี้เขาหายสาบสูญ
พระนางเลยเป็นห่วงความปลอดภัย ไปถามความคืบหน้าก็เป็นได้"
องค์ชายลีซานพยายามคิดอีกแง่หนึ่ง "แต่ว่า หากเป็นเพราะสาเหตุนี้จริง
ไปพบกลางวันหรือรับสั่งให้เข้าเฝ้าก็ได้นี่พ่ะย่ะค่ะ
ทำไมต้องออกจากวังค่ำมืดดึกดื่น ลับๆ ล่อๆ แอบเข้าบ้าน มันหมายความว่ายังไง"
"หุบปากเดี๋ยวนี้ ยังไงนางก็เป็นพระมเหสีนะ" " ทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน
เข้าใจดีว่าองค์ชายทรงสับสน ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง
แต่ว่าถึงจะเป็นอย่างงั้น ก็แก้ข้อสงสัยที่มีต่อพระนางไม่ได้" "ข้อสงสัยอะไร
ห้ามพูดส่งเดชเชียวนะ ความดีของพระมเหสี ท่านไม่รู้บ้างหรือ ในวังใครๆ
ต่างก็ชื่นชมนาง และทุกครั้งที่ข้าเผชิญกับปัญหา นางก็จะออกหน้าคอยช่วยตลอด
แล้วตอนนี้ แค่เห็นนางออกจากวัง ก็จะตั้งข้อสงสัยได้ยังไง" "องค์ชาย"
"ที่เราต้องติดตามคือชองโฮ คยอมกับองค์หญิงวาวานต่างหาก
ขอเพียงมีหลักฐานเอาผิดพวกเขาได้ ถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็เป็นอันจบลง แต่ก่อนหน้านั้น
ห้ามพูดเรื่องพระมเหสีให้ข้าฟังอีก เข้าใจมั้ย หึ" พอฮงกุกยองออกไปแล้ว
องค์ชายลีซานก็ทรงนั่งคิดคำนึงถึงคำพูดของฮงกุกยอง
พร้อมกับการกระทำของพระมเหสีจองซุนที่ดูเป็นห่วงเป็นใยในพระองค์
ทำให้ทรงสับสนไม่น้อย

ลีซาน จอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน จบ 28

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ และก็ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ

เครดิต : www.oknation.net/blog/lakorn

Readlakorn

เว็บเรื่องย่อละครรายตอนตามบทโทรทัศน์ช่อง3,5,7,นิยาย ไทยรัฐ,
ละครเกาหลี,ละครไต้หวัน (Series), ลิ้งค์(Links) ดูละคร Youtube, ลิ้งค์ดาวน์โหลด
(Download) เพลงละคร OST. และ เพลง MP3 ทั่วไป ทั้งVampires (แวมไพร์) Sumo อื่นๆ
เรื่องย่อละคร
ลีซานจอมบัลลังก์พลิกแผ่นดิน เมียหลวง บริษัทบำบัดแค้น
แม่ค้าขนมหวาน สายสืบดิลิเวอรี่ คุณแม่จำแลง เมนูรักเชฟมือใหม่ ดำขำ ปอบผีฟ้า
ตะวันชิงดวง คุณชายไฮโซกับคุณหนูโอท็อป Hello! My Lady

Readlakorn

Related Posts



9 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณคะ

Unknown on 2/14/2009 said...

กำลังสนุกเลย ผลัดกันรุกผลัดกันรับ เหมือนการเมืองบ้านเราชะมัด ต้องขอบคุณมากเลย

Anonymous said...

ขอบคุณนะคะ

Anonymous said...

ขอบคุณน่ะให้สวยให้หล่อรวยขึ้นทุกวันน่ะครับ

Anonymous said...

ขอบคุณมากนะครับ รอตอนต่อไปอยู่นะครับ

Anonymous said...

สนุถมากๆ

เมื่อไหร่จะจับตัวพระมเหสีได้ซะที

Anonymous said...

ขอบคุณมากๆๆ ที่อุตสาห์สรรหามาให้อ่านกัน

Anonymous said...

ขอบคุณมากๆๆ ที่อุตสาห์สรรหามาให้อ่านกัน

Anonymous said...

อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ จัง รอมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว

 

Recommended Product

  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads
  • ads

My Blog List

Read Lakorn Copyright © 2009 Shopping Bag is Designed by Ipietoon Sponsored by Online Business Journal